พริกกับเกลือ ตอนที่ 14
เทวัญขับรถมาจอดหน้าบ้าน แล้วเดินมาส่งจิตรวรรณอย่างรีบผิดปกติ
“ดูซิ มีมารคอหอย เลยไม่ได้คุยเรื่องงานของเรากันเป็นเรื่องเป็นราวเลย”
“ไว้คุยกันวันหลังก็ได้ค่ะ พี่ไปก่อนนะ นัดคุยงานกับทางสวีเดนตอนสี่ทุ่ม”
“โอ๊ย อีกตั้งนานกว่าจะสี่ทุ่ม”
“พี่ต้องไปเตรียมหัวข้อก่อน จะได้จบซะทีเดียวคืนนี้เลย”
“ก็ได้ค่ะ อย่าลืมทำรายงานส่งจี๊ดด้วยนะ”
“ค่ะ เจ้านาย”
จิตรวรรณยื่นแก้มให้
“หอมค่ะ”
เทวัญหอมแก้มจิตรวรรณ แสร้งยิ้มแล้วรีบออกไป จิตรวรรณโบกมือลา หน้ายิ้มแย้ม พอลับหลังเทวัญ จิตรวรรณหน้าเครียด ปาดแก้มตัวเอง เดินเข้าบ้านไปทันที อย่างเร่งรีบ
จิตรวรรณคุยมือถืออยู่มุมหนึ่งในบ้าน
“ฮัลโหล นายดิ่ง! ทำไมมาร้านเดียวกัน แล้วทำไมต้องอี๋อ๋อกับยัยมารศรีจนเกินเหตุ ทำไม ถ่านไฟเก่าคุหรือไง หา!”
ศยามเดินคุยมือถือเข้ามาหา...
“วางสาย แล้วมาคุยกันตัวต่อตัวดีๆดีกว่า”
จิตรวรรณหันไป เห็นศยามก็ตกใจ
“ว้าย! มาตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วพี่เทวัญไม่เห็นนายหรือๆไงแล้วยัยมารศรีล่ะ! มานี่เลย เดี๋ยวแม่ฉันเห็น”
จิตรวรรณลากศยามออกไป ชายหนุ่มขำๆกับท่าทางของหญิงสาว
จิตรวรรณลากศยามมาที่มุมลับสายตาของบ้าน
“มานี่เลย! บุ่มบ่ามเข้ามาได้ยังไง สวนกับพี่เทวัญมั้ย แล้ว...”
ศยามเอานิ้วปิดปากเธออย่างแผ่วเบา จิตรวรรณอึ้ง
“จะฟังผมมั้ย หรือจะถามทั้งคืน”
“บ้า ใครจะยอมอยู่กับนายทั้งคืน”
“ก็ยอมมาแล้วนี่ ที่บ้านพักริมทะเล”
“ก็นั่นมัน...มัน...มัน...”
“มันอะไร”
“สถานการณ์บังคับให้ต้องอยู่ จะตอบคำถามได้หรือยัง”
“ผมเข้ามาหลังจากแน่ใจว่าพี่เทวัญของคุณออกไปแล้ว”
“มารศรีล่ะ”
“เรามารถคนละคัน ผมไม่ต้องไปส่งเขา”
“ชิ...ชอบล่ะสิ นั่งเบียดกันขนาดนั้น”
“หึง”
“ใครบ้างไม่หึง ทีหลัง นั่งให้ห่างๆหน่อยนะ แล้วก็ไม่ต้องทำอี๋อ๋อมากก็ได้”
“โอเค...แต่คุณตีบทแตกมากเลยนะ ยิ่งกว่านางอิจฉาตัวจริง”
“ไม่รักไม่ร้ายหรอก”
จู่ๆศยามก็ร้องขึ้นมา
“โอ๊ย!”
จิตรวรรณตกใจ
“เป็นอะไร นายดิ่ง!”
“หัวใจเต้นแรง จนจะหลุดออกมานอกอก...ไม่รักไม่ร้าย”
จิตรวรรณค้อน
“อย่ามาแซวเลย แล้ว...มาหาฉันทำไม”
“นอกจากจะมาเคลียร์เรื่องที่คุณหึง ว่าผมก็แค่เล่นละครตบตามารศรี อยากให้คุณมั่นใจว่าผมไม่มีทางอ่อนไหว...ก็มีเรื่องผมให้คุณยอดตามนายเทวัญไป เขาอาจจะนัดกับนายด้วง”
“เราควรจะไปด้วยมั้ย”
“ผมไปเอง...คุณอยู่ที่นี่”
ศยามรีบเดินออกไป จิตรวรรณไม่ยอมปล่อย ตามไป
ศยามเดินมา จิตรวรรณตามมาจับมือรั้งเอาไว้
“ฉันไปด้วย!”
“คุณอยู่ที่นี่”
“ไม่ ฉันกลัว กลัวนายโดนลูกหลง” จิตรวรรณกอดศยามเอาไว้ “ฉันจะไปด้วย”
ศยามยิ้ม ชื่นใจ
“คุณไป ผมยิ่งมีห่วง ผมเองก็กลัวคุณได้รับอันตรายไปด้วย ถ้าเกิดอะไรขึ้น”
“ฉันไม่กลัว ฉันเคยเรียนคาราเต้ ฉันป้องกันตัวเองได้ เผลอๆ ฉันอาจจะช่วยนายได้”
“คุณจี๊ด เราก็ไม่ได้เก่งหรือรับมือกับทุกสถานการณ์ได้หรอก”
“นายก็ไม่ได้เก่ง”
“แต่ก็ดีกว่าลากคุณไปเสี่ยงด้วย ผมไม่ยอมให้คุณเป็นอะไรแม้แต่ปลายเล็บ!”
จิตรวรรณอึ้ง
“อย่าทำให้ผมเป็นห่วงเลยนะ อยู่ฟังข่าวทางนี้”
จิตรวรรณพยักหน้า ศยามดึงเธอมากอด และหอมที่หน้าผากอย่างแผ่วเบาด้วยความรัก แล้วออกไป จิตรวรรณมองตามอย่างเป็นห่วง
เทวัญเลี้ยวรถเข้าซอยแห่งหนึ่ง ยอดชายซ้อนมอเตอร์ไซค์ป๊อดตามมา สองคนใส่หมวกกันน็อก เลี้ยวเข้าไป
ที่มุมลับตาคน...เทวัญถูกด้วงกระแทกเข้าผนัง ใช้มีดจ่อคอ
“แกหักหลัง ให้ตำรวจมาจับฉัน ฉันจะฆ่าแก”
“ถ้าฉันหักหลังแก ฉันจะยอมมาเจอแกมือเปล่า ตัวคนเดียวแบบนี้เหรอ ไอ้ด้วง!”
ด้วงชะงัก เริ่มฉุกคิดตามเทวัญ
“เพราะฉันบริสุทธิ์ใจกับแกต่างหาก”
“ไอ้ลิ้นสองแฉก! ฉันไม่เชื่อแก”
ด้วงแค้นมาก เทวัญพยายามคิดหาทางเอาตัวรอด
ยอดชายกับป๊อด วิ่งมาที่รถของเทวัญ มองไปรอบๆ
“มันไปทางไหนแล้วล่ะ! แกนั่นแหละป๊อด แว๊นไม่ได้เรื่อง ชักช้า”
“ก็สก๊อยไม่พลิ้วเลยอ่ะ ตัวหนักเป็นบ้า รถมันเลยอืด”
ศยามวิ่งมาจากอีกด้าน
“เป็นไงบ้าง!”
“ไม่รู้เดินไปทางไหน เจอแต่รถ”
“แยกกันตามหา”
ป๊อดรีบไปเกาะติดศยาม เหลือทิ้งยอดชายไว้คนเดียว
“ป๊อดสมชื่อเลยนะแก ไอ้ป๊อด!”
ยอดชายแยกไปอีกทาง
ด้วงจ้องเทวัญด้วยความแค้น
“วันนี้ ฉันจะเอาคืน!”
ด้วงเงื้อมีด เทวัญรีบต่อรอง
“ฉันมีเงินมาให้แก!”
ด้วงชะงัก อึ้ง
“ล้านนึง! พร้อมที่ซ่อนตัว แกจะได้ไม่อยู่อย่างลำบาก จนกว่าคดีจะเงียบหายไปหรือไม่ก็หมดอายุความ”
“คิดจะใช้เงินปิดปากฉันเรอะ ไม่มีทาง”
“แกมีบุญคุณกับฉันนะด้วง...ฉันสำนึกมาตลอด เพราะความช่วยเหลือของแกทำให้ฉันมีวันนี้ วันแต่งงานกับน้องจี๊ด”
“เงินอยู่ไหน”
“ที่รถ”
ด้วงลังเล เทวัญลุ้นให้ด้วงเชื่อ...เพราะหวังจะล่อให้ด้วงไปติดกับ
ศยามกับป๊อดพยายามมองหาเทวัญ แต่เห็นแต่ความว่างเปล่า
“ป๊อด ไปดูทางโน้น”
“ครับพี่!”
ป๊อดรับคำไปงั้นแต่ก็ไปทางเดียวกับศยาม
“ไอ้ป๊อด! บอกว่าไปทางโน้น!”
“ครับพี่!”
ป๊อดจำใจเดินไปอีกทาง ศยามเดินไปอีกทาง
เทวัญพยายามหว่านล้อมด้วง ซึ่งมีท่าทีอ่อนลง
“เชื่อฉันเถอะ ฉันไม่มีทางหักหลังคนที่ลงเรือลำเดียวกับฉันหรอก”
“คราวนี้ ฉันจะยอมเชื่อแก...ตุกติก แกโดนเสียบแน่”
ด้วงค่อยๆคลายแขนลง เทวัญคิดหาทางเอาตัวรอด
ยอดชายเดินตามหาเทวัญอยู่ เสียงมือถือดังขึ้น ยอดชายสะดุ้ง รีบหยิบขึ้นมา
“คุณศุ!”
ยอดชายรีบปิดมือถือ
“โทรทำไมตอนนี้!”
ยอดชายรีบเก็บมือถือ ออกเดินไปอีกทาง เทวัญกับด้วงได้ยินเสียงมือถือ ชะงัก เทวัญอาศัยช่วงจังหวะด้วงเผลอ แย่งมีดมาทันที
เทวัญยื้อแย่งมีดจากด้วง คมมีดหันมาทางเขา เทวัญกำลังจะเพลี่ยงพล้ำเขาพยายามแข็งขืน คมมีดหันไปทางด้วง ในที่สุด...เทวัญก็ดันมีดจนเสียบท้องด้วงตาค้าง สะดุ้งเฮือก...ค่อยๆทรุดลง กองกับพื้น สิ้นใจ เทวัญรีบเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดที่ด้ามมีด แล้วรีบหนีไป ร่างไร้วิญญาณของด้วงนอนตาค้าง
เทวัญเดินอย่างเร่งรีบมาที่รถ ป๊อดเร่งเดินมา ยังไม่เห็นเทวัญ
“ไปรอตำรวจที่รถมันดีกว่าว่ะ”
เทวัญกำลังเปิดประตูรถ ป๊อดเดินมาเห็นจากระยะไกล เทวัญหันมามองไปรอบๆ ดูว่ามีใครเห็นหรือไม่ ป๊อดเห็นเข้าพอดี
“เฮ้ย! นั่นมัน”
ป๊อดเห็นเสื้อเทวัญเปื้อนเลือด รีบหยิบมือถือตัวเองขึ้นมาถ่ายรูปทันที
“เฮ้ย! แบตหมด”
เทวัญเปิดประตูรถขึ้นไปได้ แล่นออกไป ป๊อดเจ็บใจ
“โธ่เว้ย!”
ตำรวจสองนายวิ่งเข้ามา ป๊อดเซ็งๆ
“ตำรวจ! มาช้าตลอด”
ศยามเข้ามา เห็นร่างไร้วิญญาณของด้วงนอนอยู่ก็อึ้ง ค่อยๆทรุดลงข้างๆกายของด้วง สะเทือนใจ เห็นมีดตกอยู่ที่พื้น ยอดชาย ป๊อดและตำรวจวิ่งเข้ามา ตกใจกับภาพที่เห็น ตำรวจเอาปืนเล็งศยาม
“ยกมือขึ้น!”
ศยามยกมือขึ้น ยอดชายกับป๊อดตกใจ ตำรวจเข้าไปคุมตัวศยามทันที
จิตรวรรณเดินไปเดินมางุ่นง่านอยู่ เสียงมือถือดังขึ้น จิตรวรรณรีบรับสาย
“ฮัลโหล...ยอด เป็นไงบ้าง...” จิตรวรรณตกใจ “อะไรนะ! ไม่จริง เป็นแบบนี้ได้ยังไง”
จิตรวรรณทรุดนางอย่างอ่อนแรง เจตนา วันดีเข้ามาอย่างตกใจ
“มีเรื่องอะไรยัยจี๊ด”
“นายด้วงถูกฆ่าตาย...นายดิ่งเป็นผู้ต้องสงสัยค่ะ”
เจตนาตกใจ
“อะไรนะ!”
วันดีเกลียดศยามเป็นทุนอยู่แล้ว บ่นทันที
“ทำไมใจคอโหดเหี้ยมแบบนี้”
เจตนาขัดขึ้น
“อย่าเพิ่งปรักปรำนายดิ่งเลยคุณ เขาแค่เป็นผู้ต้องสงสัย”
จิตรวรรณตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
เทวัญเดินมาที่ทางขึ้นคอนโดดึงสูทมาปกปิดรอยเปื้อนเลือดที่เสื้อตัวใน ผ่านร.ป.ภ.
“สวัสดีครับคุณเทวัญ”
“สวัสดี”
เทวัญรีบสาวเท้าเข้าข้างใน ร.ป.ภ.ไม่ติดใจอะไร
เทวัญเข้ามาในคอนโด ทันวิทย์เดินออกมาเห็นเทวัญเสื้อเปื้อนเลือด
“พี่ไปทำอะไรมา!”
“เรื่องของฉัน!”
เทวัญเดินหายไปในห้อง ทันวิทย์มองอย่างสงสัย
เทวัญถอดเสื้อ ทิ้งลงตะกร้า ก่อนจะคิดใหม่ หยิบเสื้อขึ้นมาใส่ถุงกระดาษแล้วเดินออกไปนอกห้อง...เทวัญเปิดถังขยะข้างคอนโด มองซ้ายมองขวา ไม่เห็นใคร รีบทิ้งถุงกระดาษที่มีเสื้อเปื้อนเลือดของตัวเองลงในถัง รีบปิด แล้วรีบเดินออกไป...ทันวิทย์เดินเข้ามาที่ถังขยะ เปิดฝาถัง หยิบถุงกระดาษขึ้นมา คิดอะไรบางอย่าง
เทวัญเดินเข้ามา ตำรวจ 2 นายยืนรออยู่กับ ร.ป.ภ.เทวัญชะงัก รีบทำสีหน้าเป็นปกติ ร.ป.ภ.ชี้มาที่เทวัญ ตำรวจจึงเดินมา
“คุณเทวัญใช่มั้ยครับ”
“ครับ มีอะไร”
“เชิญตัวคุณไปสอบปากคำที่สถานีตำรวจด้วยครับ คดีฆาตกรรมนายด้วง อดีตพนักงานในบริษัทของคุณ”
เทวัญเครียด
วันใหม่...ศยามถูกปล่อยตัว เดินออกมากับยอดชายกับศุวิมลและป๊อด ศุวิมลโล่งใจ
“โชคดีนะคะที่คุณยอดและป๊อดยืนยันได้เวลาได้...ว่าพี่ดิ่งเพิ่งจะไปประสบเหตุ แล้วก็ไม่ได้มีหลักฐานอะไรโยงได้ว่าพี่ดิ่งเป็นคนลงมือฆ่านายด้วง”
ศยามหนักใจ
“ภาวนาให้....หลักฐานทุกอย่างเชื่อมโยงและเอาผิดนายเทวัญได้”
เทวัญเดินออกมากับทันวิทย์ หันไปเผชิญหน้ากับศยาม ยอดชาย ศุวิมลและป๊อด
“เสียใจด้วยนะ เพราะตำรวจไม่ติดใจเอาผิดอะไรฉัน”
ศยาม ยอดชาย ศุวิมล ป๊อดอึ้ง ทันวิทย์ก้มหน้านิ่ง
“ฉันไปพบไอ้ด้วงก็จริง...แต่ไม่มีหลักฐานอะไรยืนยันว่าฉันเป็นคนฆ่ามัน รอยนิ้วมือก็ไม่มี อะไรก็ไม่มี...ผิดหวังกันมากมั้ย”
“แต่ป๊อดเห็นเสื้อมัน...เปื้อนเลือด”
เทวัญจ้องหน้าป๊อด
“ตำรวจก็ไปค้นแล้วไง...ไม่เจออะไร...แกตาฝาด แล้วมาใส่ร้ายฉัน!”
“แต่ป๊อด...”
ป๊อดจะเถียงแต่ศยามปรามไว้
“พอแล้วป๊อด...ตอนนี้ ยังไม่มีหลักฐาน แต่ใช่ว่า ทุกคนจะเชื่อ”
เทวัญยิ้มเยาะ
“มันก็เรื่องของพวกแก”
จิตรวรรณวิ่งเข้ามา ยืนอยู่ระหว่างศยามและเทวัญ...จิตรวรรณสบตาศยามแวบหนึ่งแสดงความดีใจ อยากจะไปหาศยามใจจะขาด แต่ฝืนใจ...รีบเข้าไปหาเทวัญ
“พี่เทวัญ...ตำรวจยอมปล่อยตัวแล้วใช่มั้ยคะ จี๊ดดีใจที่สุดเลยค่ะ”
“ค่ะ พี่ไม่ผิด ตำรวจก็ต้องปล่อยตัวพี่”
ศยามเดินมาหาเทวัญ
“ขอให้แกนอนหลับอย่างสบายใจ ไม่ต้องร้อนตัว ร้อนใจว่าพวกฉันจะทำทุกอย่างเพื่อหาหลักฐานมาเอาผิดคนชั่วอย่างแกให้ได้ในสักวันหนึ่ง”
เทวัญอึ้ง...ศยามเดินออกไป ยอดชายเดินมาคุยกับเทวัญ
“แต่คงไม่หรอก คนชั่วอย่างแกจะไม่มีวันนอนหลับสนิท กินอะไรก็ไม่อร่อยและจะอยู่อย่างหวาดระแวง...เพราะกลัวว่าตอมันจะผุดเมื่อน้ำลด”
ยอดชายเดินออกไป...ศุวิมลจะตามออกไป ป๊อดทำท่าจะไม่ไป เพราะแค้นเทวัญ เดินมาเหมือนจะต่อย ศุวิมลต้องจิกออกไป
“ไปได้แล้วป๊อด”
เทวัญหงุดหงิด หันมายิ้มให้จิตรวรรณ...
“น้องจี๊ดเห็นมั้ย ว่าพวกมันจ้องจะเล่นงานพี่”
“จี๊ดเห็นค่ะ อย่าไปสนใจเลย กลับบ้านเถอะค่ะ พี่เทวัญเหนื่อยมาทั้งคืนแล้ว”
เทวัญกับจิตรวรรณเดินออกไป ทันวิทย์มองตามเทวัญอย่างเก็บกด
เมื่อมาถึงที่คอนโด ทันวิทย์เข้ามาคุยกับเทวัญ
“พี่ฆ่านายด้วงนั่นจริงๆใช่มั้ย”
“ฉันป้องกันตัว มันจะฆ่าฉัน”
“พี่น่าจะบอกตำรวจตามความเป็นจริง”
“บอกให้ติดคุกหรือไง”
“แต่หนักก็จะเป็นเบา ถ้าพี่ให้เหตุผลว่าพี่ป้องกันตัว”
“หนักเบามันก็คุก ฉันจะไม่ยอมเข้าไปอยู่ในนั้นแม้แต่วินาทีเดียว!”
“แต่...”
เทวัญตัดบท
“ฉันกำลังขี่หลังเสือ และจะไม่ยอมลงมา...จำไว้นะ ถ้าแกปากโป้งเรื่องฉัน คนที่จะตายคือแก อยากอกตัญญูกับฉัน ก็ลองดู!”
ทันวิทย์อึ้ง เทวัญฉุนเฉียวออกไป
ทันวิทย์เดินเข้ามายืนมองรูปถ่ายของตัวเองบนผนัง แล้วปลดลงมีถุงพลาสติกซีลแบนราบข้างในมีเสื้อเปื้อนเลือดของเทวัญติดเทปกาวแน่นอยู่บนผนังหลังรูปถ่ายนั้น...ทันวิทย์จะแกะออก เปลี่ยนใจ ใจอ่อน ทำไม่ลง เอารูปแขวนไว้อย่างเดิม ทันวิทย์ทรุดลงนั่ง
“ผมทำถูกหรือเปล่าครับ คุณพ่อคุณแม่”
เศกนั่งอยู่ แม่บ้านกำลังจัดห้องหันมาตกใจ เมื่อพบว่าเศกขยับมือ กระดิกนิ้วตัวเอง แม่บ้านดีใจ
“คุณท่าน”
เศกพยายามทำนิ้วให้เป็นท่าเขียนหนังสือ แม่บ้านแปลกใจ แต่ก็เดาออก
แม่บ้านเดินเข้ามา ล็อกประตูห้อง ถือกระดาษกับดินสอมาด้วย
“คุณท่านต้องอยากเขียนอะไรบอกพวกเราแน่ๆใช่มั้ยคะ หนูเอามาให้ค่ะ”
เศกขยับมือ...แม่บ้านวางกระดาษบนตัก และช่วยจับดินสอ เศกค่อยๆพยายามลากเส้นเป็นตัวอักษรอย่างยากลำบาก ค่อยๆลากเส้นเป็นตัวมอม้า...สระอา...ร เรือ...แม่บ้านนั่งมองอย่างตั้งใจ ลุ้น กลัวมารศรีจะเข้ามา เศกมือสั่น เหงื่อตก เหนื่อย แต่ก็พยายามเขียน
มารศรีกำลังฉีกซองยาแต่แล้วก็ฉุกคิดบางอย่างมองไปรอบๆ สายตาของเธอสะดุดที่มุมห้อง เห็นอุปกรณ์บางอย่างซ่อนอยู่ เธอเดินเข้าไปมอง
“ดิ่งรู้ความเคลื่อนไหวของเราทุกอย่าง...หรือว่า...ดิ่งแอบติดกล้องวงจรปิด”
มารศรีเครียดขึ้นมาทันที
เศกเขียนมาได้แค่คำว่า “มารศรี” แล้วก็มือตก ดินสอหล่น แม่บ้านรีบเก็บ
“พอก่อนก็ได้ค่ะท่าน”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น แม่บ้านตกใจ หันรีหันขวาง เศกพยายามชี้ไปที่ที่นอน แม่บ้านจึงรีบเอากระดาษและดินสอไปซ่อนใต้หมอนของเศก
“ไว้ที่นี่ แน่ใจเหรอคะท่าน”
เสียงเคาะประตูดังพร้อมกับเสียงของมารศรี
“คุณเศก จะล็อกประตูทำไมคะ อยู่กับแม่รำเพยหรือเปล่า เปิดประตู!”
แม่บ้านรีบไปเปิดประตู พยายามซ่อนพิรุธ มารศรียืนหน้าประตู สงสัย
“ทำอะไรกัน! ล็อกประตูทำไม”
“เอ่อ...เหรอคะ...อาจจะลืมตัวค่ะ”
“ไปไหนก็ไป!”
“ไปไม่ได้ค่ะ ตาป๊อดไม่อยู่ ฉันต้องดูแลคุณท่าน”
“แต่ฉันเป็นเมีย ฉันดูแลได้!”
“แต่...”
มารศรีจ้องหน้า
“ฉันไล่แกออกได้นะ ไป๊!”
“ค่ะ”
แม่บ้านรีบออกไป มารศรีเดินมาหาเศกที่นั่งอยู่อย่างสำรวจ ลงนั่งบนเตียง เศกตัวเกร็ง มองที่หมอนซึ่งมารศรีเท้าแขนอยู่
“จะมาคุยด้วยค่ะ ลูกชายคุณเนี่ย ฉล้าดฉลาดนะคะ ติดกล้องวงจรปิดไว้ซะทั่วบ้านเลย คงไม่ไว้ใจฉัน”
เศกอึ้ง มารศรีมองยิ้มๆ...
“สงสัย ฉันจะทำอะไรคงต้องระวังตัวมากขึ้นซะแล้วล่ะ ดื่มชาหน่อยดีกว่านะคะ”
เศกตกใจ
“ชาธรรมดาค่ะ ฉันคงไม่ใช้วิธีนี้ฆ่าคุณแล้วล่ะ เดี๋ยวถูกจับได้ แต่ตอนนี้ยังคิดไม่ออกหรอกค่ะ ว่าจะใช้วิธีไหนดี...ดื่มเพลินๆ จะได้รอความตายอย่างเพลินๆ”
มารศรีเดินออกไป...เศกยิ่งอึดอัด
ศยาม ยอดชาย ศุวิมลและป๊อดเดินเข้าบ้านมา แม่บ้านรีบเดินเข้ามา มองซ้ายมองขวา อย่างมีพิรุธเหมือนแอบใคร ศุวิมลถามอย่างสงสัย
“มีอะไร รำเพย”
รำเพยแอบกระซิบศยาม
“คุณท่านขยับมือได้แล้วค่ะ”
ศยาม ศุวิมล ยอดชายและป๊อดดีใจ
“มารศรีรู้เรื่องนี้มั้ย”
“ยังไม่ได้บอกค่ะ ตามคำสั่งของคุณดิ่ง”
ศยาม ศุวิมล ยอดชายและป๊อดรีบวิ่งเข้าบ้านไปทันที
มารศรีกำลังป้อนชาให้เศก ชี้ชวนดูต้นไม้
“ต้นไม้โตวันโตคืนนะคะ ในขณะที่บางคน...กำลังจะตาย”
เศกแอบกำหมัดแน่น...ศยาม ศุวิมล ยอดชาย ป๊อดเข้ามา ศยามเห็นมารศรป้อนชาพ่อ เขารีบเข้าไปปัดทิ้ง มารศรีตกใจ
“ว้าย! อะไรกันคะเนี่ย ดิ่ง!”
“ผมเห็น...แมลงวันตอม”
“แมลงวันแน่เหรอคะ หรือคิดว่า ศรีจะใส่ยาพิษลงไปกันแน่”
ทุกคนอึ้ง มารศรีมองศยามและทุกคนอย่างคาดคั้น ทำเป็นปวดร้าว
“ทุกคนจะกดดันศรีมากไปแล้วนะคะ”
มารศรีเสียใจวิ่งออกไป ศยามไม่สนใจ รีบเข้ามาหาพ่อ
“คุณพ่อ...”
เศกมองหน้าทุกคนด้วยแววตาแห่งความดีใจ
อ่านต่อหน้า 2
พริกกับเกลือ ตอนที่ 14 (ต่อ)
วันดีและเจตนาคุยกับเทวัญในห้องรับแขกโดยมีจิตรวรรณอยู่ด้วย วันดีถอนใจโล่งอก
“ถือว่าฟาดเคราะห์นะ แต่แม่สงสัย เราไปเกี่ยวข้องอะไรกับนายด้วง มันถึงได้นัดเจอเรา”
เทวัญรีบแก้ตัว
“คือ...มันเดือดร้อนเรื่องเงินครับ ถูกเจ้าหนี้ตามล่าหัวอยู่...มาขอความช่วยเหลือ แต่ผมไม่ให้”
“คงถูกสะกดรอยตามมา พอตาเทวัญไป พวกนั้นก็เลยมาจัดการนายด้วง ใช่มั้ยคะคุณ”
เจตนาหน้านิ่งเฉย
“อืม...”
จิตรวรรณหันมาหาเทวัญ
“ตกลง ไม่มีหลักฐานอะไรเอาผิดพี่เทวัญได้อีกแล้วใช่มั้ยคะ”
เทวัญยิ้มแย้ม
“ก็ใช่น่ะสิคะ”
“แย่จังเลยนะคะ”
“ไม่ต้องไปสงสารคนเลวๆอย่างมันหรอก”
“ค่ะ จี๊ดไม่เคยสงสารคนเลว แต่จี๊ดหมายถึง แย่จังที่พี่เทวัญต้องมาเจอเรื่องร้ายๆ”
“พี่ไม่เป็นไรแล้วค่ะน้องจี๊ด ตอนนี้ก็เดินหน้าเรื่องแต่งงานของเราได้เต็มที่แล้ว”
“ค่ะ เดินหน้าเต็มที่ได้เลยค่ะ”
วันดียิ้มแย้มดีใจ
“ไป...เลือกของชำร่วยกันมั้ยตาเทวัญ”
“ของสวยๆงาม ให้น้องจี๊ดเลือกเลยดีกว่าครับ”
จิตรวรรณแปลกใจ
“แปลว่าจะไม่ไปด้วยกันเหรอคะ”
“พอมีเรื่องยุ่งๆ พี่ก็ไม่ค่อยได้เข้าออฟฟิศจะขอเข้าไปเคลียร์งานหน่อย”
“แต่วันนี้วันหยุด”
“แต่พี่ไม่อยากหยุด เข้าใจพี่นะคะ”
“ของชำร่วยเรื่องเล็ก จี๊ดก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร ไม่ว่ากันค่ะ จี๊ดเข้าใจ”
“ขอแค่น้องจี๊ดและคุณพ่อคุณแม่เข้าใจ แค่นี้ก็ทำให้ผมมีกำลังใจขึ้นเยอะเลยครับ”
เจตนามองเทวัญ
“ต่อไปนี้ ทำอะไรก็ระวังๆตัวหน่อยแล้วกัน แน่ใจนะว่าไม่มีศัตรูที่ไหนอีก”
เทวัญอึ้ง
“ครับ...ผมไม่มีศัตรู ขอตัวก่อนนะครับ”
เทวัญรีบเดินออกไป หน้าเคร่งเครียด วันดีหันไปชวนลูกสาว
“ไปกันเถอะ ยัยจี๊ด รีบไปจะได้รีบกลับ แม่จะต้องไปงานกับคุณพ่อ”
“ค่ะ ขอตัวจี๊ดเปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวเดียวค่ะ”
จิตรวรรณรีบวิ่งออกไป วันดีมองตามอย่างเอ็นดู เจตนาค่อนข้างเป็นห่วงสถานการณ์
จิตรวรรณเดินคุยมือถือมาหน้าห้องนอน
“เขาบอกว่าจะไปออฟฟิศ ฉันอยากรู้ว่าไปจริงหรือเปล่า” จิตรวรรณวางสาย “วันพระไม่ได้มีหนเดียวหรอกค่ะพี่เทวัญ...”
จิตรวรรณเปิดประตูเข้าห้องไป
รัตนาเดินคุยมือถือเข้ามาในออฟฟิศโมเดิร์นคาร์
“ดิฉันถึงออฟฟิศแล้วค่ะ คุณจี๊ด แต่ยังไม่เห็นคุณเทวัญ แล้วจะโทรไปรายงานเป็นระยะนะคะ”
รัตนาวางสาย แล้วลงนั่ง เพื่อรอเช็กว่าเทวัญมาออฟฟิศหรือไม่
“ป่านนี้ก็น่าจะมาถึงแล้วนะ หรือว่าจะโกหกคุณจี๊ด”
ที่บ้านเงาะ...เทวัญผละจากอ้อมอกของเงาะ เหนื่อยหอบ...เงาะพลิกตัวมาซบเทวัญ
“ไปเก็บกดมาจากไหนกันคะ พี่เทวัญ”
“พี่เครียด”
“เครียดแล้วก็มาลงกับเงาะ”
“แล้วไม่ดีหรือไง”
“ไม่ได้บอกว่าไม่ดีสักหน่อย...เงาะชอบค่ะ ที่ทำให้พี่เทวัญมีความสุข”
เงาะลุกขึ้นไป เทวัญหน้าเครียด แม้จะเพิ่งเสร็จกิจ ก็ไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายแต่อย่างใด
จิตรวรรณคุยมือถือกับรัตนาที่มุมหนึ่งในห้าง
“ไม่ได้ไปเหรอ งั้นชัวร์...ว่าโกหก ขอบใจมาก ฝากร.ป.ภ.ดูต่อก็ได้ เธอกลับบ้านเถอะ วันพักผ่อนก็สมควรจะได้พักผ่อน โอเคนะ”
จิตรวรรณกดวางสาย ใจดีวิ่งมาหา
“จี๊ด...ฉันได้เบาะแสมาแล้ว ว่ายัยเงาะอยู่ที่ไหน”
“ไปหาที่อยู่มาจากใคร”
“ก็จากช่างเสริมสวยเจ้าประจำของเงาะนั่นแหละ แกก็รู้...ว่าร้านเสริมสวยเป็นแหล่งข้อมูลที่ดีมาก”
“งั้นไปเลย”
จิตรวรรณลากใจดีไป ก่อนจะนึกขึ้นได้
“แม่ ฉันลืมแม่!”
ใจดีชะงัก
“เอ๊า แล้วทำไงล่ะ”
จิตรวรรณพาวันดีมาที่ร้านอาหาร
“คุณพ่อโทรมาบอกจี๊ดว่าให้คุณแม่มารอที่นี่ เดี๋ยวคุณพ่อมารับ เนี่ยค่ะ ใกล้ถึงแล้วค่ะ”
วันดีมองลูกสาวอย่างไม่เข้าใจ
“แล้วเราจะไปไหน”
“พอดีจี๊ดมีนัดไปดูการ์ดค่ะ”
“แม่ไปด้วย”
จิตรวรรณกับใจดีพูดพร้อมกัน
“ไม่ได้ค่ะ!”
วันดีมองสองสาวอย่างสงสัย
“สองคนนี้ มีอะไรปิดบังแม่หรือเปล่า”
ทั้งคู่พูดพร้อมกันอีก
“ไม่มีค่ะ!”
เจตนาเดินมาเหนื่อยๆ เพราะรีบมา
“อุ๊ย คุณพ่อมาแล้วค่ะ จี๊ดไปนะคะ เดี๋ยวที่ร้านจะรอนาน”
จิตรวรรณรีบลากใจดีออกไป สวนกันเจตนา จิตรวรรณยักคิ้วส่งสัญญาณ
“ฝากด้วยนะคะคุณพ่อ”
“โอเค!”
จิตรวรรณกับใจดีวิ่งไป เจตนาเดินมาหาวันดีเหนื่อย เหงื่อแตก
“เหนื่อยมากเหรอคะคุณ จะรีบออกมาทำไม”
“ยัยจี๊ดสั่ง”
“อะไรนะคะ”
“อ๋อ เปล่า ไม่มีอะไร พอดี...ไม่อยากรออยู่บ้านเฉยๆ มาจู๋จี๋กับคุณดีกว่า”
“บ้า...”
วันดียิ้มเอียงอาย
“หาอะไรทานกันดีกว่าไป”
“ค่ะ”
เจตนาประคองวันดีเข้าร้าน...เจตนาแอบถอนหายใจโล่งอก
ศยามเข้ามาถามแม่บ้าน
“คุณศรีไม่อยู่เหรอ”
“ออกจากบ้านไปสักพักแล้วค่ะ”
“แล้วยัยศุกับคุณยอดล่ะ”
“คุยกันอยู่ทางโน้นค่ะ”
ศยามพยักหน้ารับรู้ แม่บ้านออกไป...ศยามหยิบมือถือมากดเบอร์
“คุณจี๊ด...คุณอยู่ที่ไหน”
จิตรวรรณเดินมากับใจดี ตามหาบ้านตามเลขที่ที่จดในกระดาษ...จิตรวรรณคุยมือถือกับศยาม
“ฉันมาตามหาเงาะ...”
ศยามต่อว่าจิตรวรรณด้วยความเป็นห่วง
“ทำไมไม่บอกผม รู้มั้ยว่าอาจมีอันตราย ถ้านายเทวัญไปหาคุณเงาะแล้วเจอคุณ ที่นี้ทำไง กลับมาเลยนะ”
จิตรวรรณนึกฉุน
“ฉันบอกแล้วไง ว่าฉันเอาอยู่ ไม่ต้องให้นายทำทุกอย่างคนเดียวก็ได้ แค่นี้นะ!”
ใจดีเห็นรถเทวัญเลี้ยวมา ใจดีจำได้
“จี๊ด หลบเร็ว!”
“หลบ ทำไม หลบไปไหน!”
ใจดีลากจิตรวรรณหลบข้างถังขยะ ซึ่งเหม็นมาก รถเทวัญแล่นผ่านไป จิตรวรรณมองอึ้ง
“รถพี่เทวัญ!”
“พี่เทวัญมาหายัยเงาะแน่ๆ”
จิตรวรรณเจ็บใจ
“อ๊าย!” เธอโวยใส่ศยามทางมือถือทันที “เพราะนายเลย เห็นมั้ยแทนที่ฉันจะจับได้คาหนังคาเขา พลาดจนได้ โอ๊ย!”
จิตรวรรณเครียดกดสายทิ้งนั่งอยู่ข้างถังขยะด้วยความเซ็ง ใจดีมองเพื่อนอย่างไม่เข้าใจ
“แกจะนั่งอยู่ตรงนี้อีกนานมั้ย...ฉันได้กลิ่นแล้ว...ฉันเครียด”
จิตรวรรณมองไปรอบๆ เห็นถังขยะอยู่ใกล้มากรีบลุกทันที
“ไปตามหาเงาะกัน ใจดี!”
ศยามวางมือถือลง กุมขมับ
“เฮ้อ! คุณก็ทำผมเครียดเหมือนกันนะคุณจี๊ด”
ศยามตัดสินใจเดินออกไป
ยอดชายนั่งดื่มกาแฟ พลางเหลือบมองศุวิมล ที่นั่งขรึมมองอยู่
“จะนั่งมองหน้าผม ไม่พูดไม่จาอย่างนี้อีกนานมั้ย”
“สำนึกบ้างมั้ยล่ะ”
“ไม่พูดแล้วผมจะรู้มั้ยว่าผมทำอะไรผิด...ผู้หญิงนี่น้า น่าเบื่อ”
“ผู้หญิงน่าเบื่อ ก็ไปหาผู้ชายสิ”
“นั่นแน่!! ที่แท้ก็เก็บมาคิดเรื่องที่ผมบอกว่าไปหาผู้ชาย โธ่ คุณศุครับ ผมไปตามหานายด้วงกับนายเทวัญ”
“ฉันไม่ได้โกรธเรื่องนั้น”
“บ๊ะ เดาใจยาก!”
“ไม่ต้องมาเดา กำลังจะบอกอยู่นี่ไง ว่าโกรธเรื่องอะไร”
“เรื่องอะไร”
“ฉันขอห้าม ต่อไปนี้ ห้ามนั่งมอเตอร์ไซค์อีก”
“ทำไมอ่ะ ป๊อดมันมืออาชีพ ขี่ปลอดภัยสุดๆ”
“ยังไงก็อันตราย! เกิดอุบัติเหตุขึ้นมาก็ไม่เหมือนนั่งรถยนต์ เนื้อหุ้มเหล็กเจ็บกว่ากันตั้งเยอะ เผลอๆก็ถึงตาย”
“เป็นห่วงผมนี่เอง...นี่...ผมไม่ตายง่ายๆหรอก”
“ทำไม ดวงแข็งหรือไง”
“ก็คุณยังไม่ยอมรับผมเป็นแฟน ผมยังตายไม่ได้”
ศุวิมลเขิน ทำเป็นหลบเลี่ยง
“ชาติหน้าเถอะย่ะ”
ศุวิมลเดินหนี ยอดชายเซ็ง
“ผมหนีไปมีแฟน ก็อย่ามาว่ากันนะ”
ศุวิมลหันกลับเดินเข้ามาหา
“ไม่สน...เพราะคนอย่างฉัน...ก็ไม่ได้สิ้นไร้ไม้ตอก ขอบอกว่ารอจีบอยู่อีกสาม ไม่ได้โม้”
ยอดชายหน้าตื่น
“เฮ้ย...จริงเหรอ!”
ศุวิมลยิ้มๆเดินออกไป ยอดชายอึ้ง...รู้สึกแย่กับตัวเอง ศุวิมลที่กำลังจะออกไปชะงัก หันมาเห็นยอดชายซึม รู้สึกผิด แต่ก็หยิ่งเกินกว่าจะกลับไปง้อ
“ผู้ชายใจเสาะ แค่นี้ก็ซึม”
ศุวิมลเดินออกไป ยอดชายนั่งนิ่งคิดมาก ก่อนจะค่อยๆลุกเดินออกไป ศุวิมลใจหาย แต่ก็ไม่ตาม
จิตรวรรณและใจดีเดินหาบ้านเงาะอยู่ในซอยจนเมื่อย
“ตกลง หลังไหนเนี่ย ใจดี”
“ก็สักหลังแหละ”
“ดูซิ...จดมาแต่เลขที่ตัวหน้า แต่ไม่มีตัวหลัง หลังนี้หลังสุดท้าย ท้ายซอยสุดๆแล้วนะ”
“ก็เจ๊เขาจำได้แค่นี้นี่นา...กดกริ่งเลยดีกว่า”
ใจดีกดกริ่ง...จิตรวรรณสำรวจไปทั่วบ้าน พยายามหาร่องรอยที่จะบอกได้ว่าเงาะอยู่ที่นี่ แต่ไม่มีอะไรเลย รองเท้าสักคู่ก็ไม่มี ใจดีกดกริ่งเสร็จยื่นหน้าไปมอง
“สงสัยไม่มีคนอยู่”
“แกว่า...เขาตั้งใจให้คิดว่าไม่มีคนอยู่หรือเปล่า”
“หมายความว่าไงจี๊ด”
จิตรวรรณตัดบท
“เรากลับกันเถอะ”
ใจดีงง
“อะไรของแกเนี่ย”
“กดให้กริ่งพัง ก็ไม่มีคนเปิดออกมา เพราะเขาตั้งใจให้คิดว่าไม่มีคนอยู่”
ใจดีพยักหน้าเข้าใจความหมายของเพื่อน จิตรวรรณลากใจดีออกไปเลย...ในบ้านเงาะกำลังแง้มม่านออกมาดู เห็นจิตรวรรณและใจดีออกไปก็ปิดม่านอย่างร้อนใจ
ค่ำนั้นจิตรวรรณกำลังจะเข้าบ้าน ศยามเข้ามาหา จิตรวรรณตกใจ
“นายดิ่ง!”
“ผมเครียด”
“ฉันก็เครียด”
“ผมเครียดกว่า ที่คุณพูดไม่รู้เรื่อง”
ศยามลากจิตรวรรณเข้าไปข้างใน จิตรวรรณหน้าตื่นตกใจ
“จะพาฉันไปไหน”
ศยามดึงจิตรวรรณมาที่ห้องคนสวนที่เขาเคยพักเปิดประตูดึงจิตรวรรณเข้าไปในห้อง แล้วปิดประตู สำรวยและแช่มเดินมาเห็น อึ้ง ตะลึงค้าง
“พี่แช่ม เห็นอะไรอย่างที่ฉันเห็นป่ะ”
แช่มพยักหน้าอึ้งๆ ป้าเพ็ญเข้ามาพูดเสียงเด็ดขาด
“พวกแกไม่เห็นอะไรทั้งนั้น”
“แต่...”
สำรวยกับแช่มจะแย้ง ป้าเพ็ญพูดเสียงเข้มจริงจังใส่
“บอกว่าไม่เห็นก็ไม่เห็นสิ แล้วก็ไม่ต้องไปพูดที่ไหน กับใคร ใครขัดขืนคำสั่งฉันจะรายงานคุณท่านว่าพวกแกแอบหนีไปดูลิเกตอนกลางคืน ไม่ขออนุญาต”
“จ้าป้า!”
แช่มกับสำรวยจ๋อยออกไป ป้าเพ็ญมองไปที่ห้องคนสวน ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ จัดการปิดไฟหน้าห้องซะ
จิตรวรรณนั่งนิ่งบนเตียงในห้อง ศยามยืนมอง
“ฉันดีใจนะ ที่นายพ้นข้อกล่าวหา”
“เอาเรื่องนี้ก่อน”
“เรื่องไหนล่ะ”
“ทำไมชอบทำให้ผมเป็นห่วง”
“แล้วฉันเป็นอะไรหรือเปล่า กลับมาครบสามสิบสองประการ ไม่สึก ไม่หรอไม่เชื่อ ก็ดูดิ”
“ให้ดูจริงเหรอ”
ศยามสืบเท้าเข้าหาแววตากรุ้มกริ่ม
“ไม่จริง ฉันพูดเล่น”
“แต่ผมทำจริง”
“นายดิ่งบ้า อย่านะ อย่าเข้ามานะ”
“คุณห้ามผมไม่ได้หรอก”
“ฉันจะร้องให้คนช่วย”
“ความลับก็แตก ว่าเราเป็นอะไรกัน”
จิตรวรรณอึ้ง เจ็บใจ
“ทำไมฉันต้องแพ้นายทุกทีเลยนะ”
“ถ้าคุณคิดจะแข่งกับผม คุณจะไม่มีวันชนะ แต่ถ้าคุณคิดซะว่า...เราไม่ได้แข่งขันกัน...แต่เรารักกัน คุณจะไม่มีวันแพ้”
“แล้วที่เป็นอยู่เนี่ย ไม่เรียกว่าแพ้ แล้วเรียกว่าอะไร”
“เรียกว่าจนด้วยเหตุผล”
จิตรวรรณอึ้ง...แช่มและสำรวยทำทีเป็นเดินคุยผ่านหน้าห้องมาเสียงดัง จงใจให้ศยามและจิตรวรรณในห้องได้ยิน
“สำรวย คุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงกลับมาแล้วนะ”
“ไฟดวงไหนที่ไม่ควรจะเปิดก็ปิดซะนะพี่แช่ม”
“เออ! ได้ยินแล้ว! ได้ยินนะ!”
แช่มและสำรวยหัวเราะคิกคัก เดินผ่านหน้าห้องไป...จิตรวรรณสะดุ้งเฮือก
“คุณแม่กลับมาแล้ว”
ศยามตกใจเหมือนกัน
“ทำไงล่ะ”
“ปิดไฟสิ!”
จิตรวรรณพุ่งไปที่สวิตช์ไฟ พร้อมกันกับศยามที่ก็ตรงไปที่สวิตช์ไฟเหมือนกัน มือสองมือซ้อนกัน พอดีกับที่ไฟปิด จิตรวรรณเงยหน้ามองศยามที่ตอนนี้อยู่ใกล้ชิดกันมาก อึ้งซึ้งในความมืด
ยอดชายและใจดีนั่งอยู่ในรถเฝ้าหน้าบ้านเงาะอยู่ ใจดีมองไปในบ้านเงาะที่ปิดไฟเงียบ ยอดชายนั่งอยู่ที่ที่นั่งคนขับท่าทางเซื่องซึม
“จี๊ดบอกว่า...เงาะตั้งใจที่จะไม่ออกมา ฉันเลยชวนแกมาเฝ้า ดูซิ จะหลบอยู่ในบ้านทั้งวันทั้งคืนได้นานแค่ไหน แกว่ามั้ย”
“อืม”
“ยอด เป็นอะไร ซึมเป็นหมาเหงาเลย”
“เฮ้ย! เปรียบเทียบกับอย่างอื่นไม่ได้หรือไง”
“ก็มันจริงนี่ ข้าวปุ้นที่บ้านฉัน หน้าเหมือนแกตอนนี้เลยเวลาที่มันเหงาๆน่ะ”
“โอ๊ย ไม่คุยด้วยแล้ว แกคอยดูยัยเงาะต่อไปเลยไป”
ยอดชายหันหน้าหนี ใจดีหมดความสนใจจากยอดชาย หันไปสังเกตบ้านเงาะต่อ
ศยามและจิตรวรรณยังยืนมองหน้ากันในความมืด
“นายดิ่ง...”
“หือ...”
“ปล่อยมือฉันได้หรือยัง...ฉันยืนจนเมื่อยแล้ว”
“ขอโทษ”
ศยามปล่อยมือ จิตรวรรณเดินไปนั่งที่เตียง
“มายังไง”
“ไม่ต้องห่วง ผมมาหาคุณ ผมมาแท็กซี่”
ศยามยิ้มขำ
“ขำอะไร”
“ขำตัวเอง ต้องหลบๆซ่อนๆ เวลามาหาลูกสาวบ้านนี้”
“เบื่อแล้วเหรอ”
ศยามเข้ามาคุกเข่าตรงหน้า
“ไม่เคยเบื่อ”
“แล้วบ่นทำไม”
“ไม่ได้บ่น แค่พูดลอยๆ”
“นั่นแหละเบื่อ ไหนบอกให้ฉันอดทน แต่ตัวเองกลับไม่อดทน”
“ทำไมชอบคิดเองเออเอง หือ”
“ก็นายทำให้คิด”
ศยามโผเข้าประกบปากทันที จิตรวรรณอึ้ง แต่แล้วก็หลับตาพริ้ม ศยามค่อยๆถอนริมฝีปากออกมา
“จะได้หยุดพูดซะบ้าง”
“บ้า ฉวยโอกาส นิสัยไม่...”
ศยามประกบปากอีก จิตรวรรณอึ้งหลับตาพริ้ม ศยามถอนริมฝีปากออกอีกครั้ง
“จงใจพูดมากหรือเปล่าเนี่ย”
“ก็แล้วแต่คิด”
“เราสองคนเนี่ย...โรแมนติกกันในที่แปลกๆอยู่เรื่อยเลยนะ โรงพยาบาลงี้ ห้องคนสวนงี้”
“หรือจะเปลี่ยนไปโรแมนติกที่สนามมวย”
“ใช้อะไรคิด”
“นายดิ่ง!”
จิตรวรรณทุบ ศยามจับมือไว้ ค่อยๆลุกขึ้นไปนั่งเคียงกัน หญิงสาวซบไหล่ของเขา แสงจันทร์นวลสาดเข้ามาทางหน้าต่าง
“รีบกลับหรือเปล่า”
“ไม่รีบ ถ้าคุณไม่ไล่”
“ถ้าฉันไล่แล้วจะกลับจริงเหรอ”
“ไม่กลับ”
“แล้วพูดทำไม”
“งั้นเราสองคนลองไม่พูดกันสักพักดีมั้ย อยู่เงียบๆ แบบนี้”
ศยามโอบไหล่ของหญิงสาว สองคนต่างเงียบ มีเพียงความอบอุ่นต่อกัน ท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาในห้องคนสวน สถานที่ไม่สำคัญเท่ากับความรู้สึกที่มีต่อกัน อยู่ที่ไหนก็โรแมนติกได้ ถ้ารักกัน
ขณะที่นั่งเฝ้าอยู่หน้าบ้านเงาะ จู่ๆยอดชายก็ทุบพวงมาลัย
“ไม่ไหวแล้วนะ!”
ใจดีหันขวับมามองหน้า
“เฮ้ย!ยอด เป็นอะไรของแกอีกเนี่ย”
“เป็นผู้ชายที่ไม่มีอะไรดีพอที่เขาจะรักและอยากเป็นแฟน”
ใจดีไม่เข้าใจ
“ฉันงง”
“ฉันก็ไม่เข้าใจ ทำไมอ่ะ ก็แค่ตกงาน ไม่มีเงินเดือน กินเงินเก่า หางานใหม่ยังไม่ได้ รวยก็ไม่รวย มรดกก็ไม่มี ดูไม่มีอนาคต ฉันดูง่อยมากจนผู้หญิงไม่อยากจะเป็นแฟนด้วยขนาดนั้นเหรอ”
ใจดีตอบตรงๆ
“ใช่!”
ยอดชายอึ้ง แต่ก็ยังไม่ยอมรับ
“ลืมไป นั่นมันความคิดของแก แต่คุณศุ...ไม่สิ คุณศุต้องไม่คิดเหมือนแก ฉันจะไปหาคุณศุ ไปเคลียร์”
ใจดีหน้าตื่น
“ไอ้ยอด! ใจเย็นก่อน”
“ฉันเย็นมาหลายชั่วโมงแล้วนะ”
“เดี๋ยวค่อยไปเคลียร์ได้มั้ย อยู่กับฉันก่อน อย่าลืมสิ เราต้องคุยกับเงาะ!”
ยอดชายนึกได้
“เออ...ลืม...ขอโทษ”
ใจดีถอนใจ
“เฮ้อ!”
ยอดชายและใจดีมองไปที่บ้านเงาะต่อไป
อ่านต่อหน้า 3
พริกกับเกลือ ตอนที่ 14 (ต่อ)
เงาะผละจากม่านที่หน้าต่างอย่างหงุดหงิด ในบ้านปิดไฟมืดมิด เธอหันไปกดมือถือคุยกับเทวัญ
“พวกนั้นเฝ้าเงาะอยู่หน้าบ้าน เงาะต้องปิดบ้านเงียบ ออกไปไหนไม่ได้เลย จะให้เงาะทำไงคะ"
เทวัญคุยมือถืออยู่มุมหนึ่งในคอนโด
“ก็อยู่เฉยๆ ไม่ต้องออกไป พอได้จังหวะ ค่อยหาทางออกมา พี่จะหาที่อยู่ใหม่ให้”
เทวัญกดวางสายอย่างหงุดหงิด
“นังโง่เอ้ย!”
ทันวิทย์แบกเป้เสื้อผ้าออกมา จะออกไปข้างนอก เทวัญหันไปถาม
“จะไปไหน”
ทันวิทย์หลบตา
“ไปติวหนังสือบ้านเพื่อน สอบเสร็จค่อยกลับครับ”
“เออ!”
ทันวิทย์ออกไป เทวัญเครียด
“โว้ย! ฉันคงปล่อยให้พวกแกเป็นหอกข้างแคร่ฉันต่อไปไม่ได้...นังเงาะ นังยุพา”
เช้าวันใหม่...จิตรวรรณหลับอยู่ในอ้อมกอดของศยาม เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงป้าเพ็ญ
“คุณๆคะ!”
ศยามและจิตรวรรณรู้สึกตัว เห็นสว่างโร่
“ตายแล้ว นายดิ่ง ตื่นหรือยัง!”
“ตื่นแล้ว!”
“รีบกลับไปเร็ว!”
ศยามรีบลุกขึ้นพร้อมอาการเมื่อยขบ
ศยามและจิตรวรรณออกมา ป้าเพ็ญยืนร้อนใจอยู่ มองศยามอย่างไม่พอใจ
“ป้าไม่น่าให้คุณดิ่งทำอย่างนี้เลย”
“ด้วยความสัตย์ครับป้า...ผมให้เกียรติคุณจี๊ด”
จิตรวรรณยืนยัน
“เราสองคนกุมมือกันเฉยๆแล้วหลับไปจริงนะคะป้าเพ็ญ”
ป้าเพ็ญถอนใจ
“เฮ้อ...ค่า ป้าเชื่อ แต่คุณดิ่งก็ไม่น่าอยู่จนถึงเช้า คุณท่านมาเห็นเข้ามันจะไม่ดี”
สำรวยวิ่งหน้าตาตื่นมา
“ป้าเพ็ญ คุณเทวัญมา!”
“อะไรนะ!”
จิตรวรรณหันรีหันขวาง จะเอาไงดี
“ไม่ต้องตกใจ...ผมมีทางออก”
จิตรวรรณงงๆ
“ทางไหน!”
เทวัญนั่งอยู่อย่างร้อนใจ สำรวยเอากาแฟมาเสิร์ฟ วันดีลงมาจากข้างบน
“วันนี้มาแต่เช้าตรู่เลย ตาเทวัญ มีเรื่องอะไรร้อนใจมาหรือเปล่า”
“เอ่อ...เปล่าครับ พอดีผม...นอนไม่ค่อยหลับ เลยมาหาน้องจี๊ดเร็วหน่อย”
วันดีหันไปถามสาวใช้
“ยัยจี๊ดตื่นหรือยัง สำรวย”
“เอ่อ...คือ...ยังเลยค่ะ ปลุกตั้งนาน ไม่ยอมตื่นค่ะ”
วันดีถอนใจ....สำรวยยิ้มเสนอหน้า ร่าเริงผิดปกติ เทวัญรำคาญมาก
จิตรวรรณและศยามชะโงกออกมาดูที่ทางเข้าตัวบ้าน ไม่มีใคร หญิงสาวรีบหันไปเร่งเขา
“รีบออกไปเร็ว”
ศยามชะงัก เห็นป้าเพ็ญยืนอยู่
“ป้าเพ็ญครับ...ควันอะไรตรงโน้นครับ”
ป้าเพ็ญ หันวิ่งไป ตกใจ
“ว้าย ไหนคะ ไหน”
ศยามรีบดึงตัวจิตรวรรณมาหอมแก้ม
“ว้าย! นายดิ่ง!”
“เพิ่มพลังก่อนไปไง”
“เจ้าเล่ห์นักนะ” จิตรวรรณหยิกแขนศยาม “นี่!”
ศยามกับจิตรวรรณยังหยอกล้อกัน ชื่นสุข
วันดีบอกกับสำรวย
“ไปปลุกให้ตื่นเลยไป”
“ให้น้องจี๊ดพักผ่อนเถอะครับ ผมมาเร็วเอง ผมรอได้” เทวัญทำทีเป็นเห็นใจ
“ตามใจ อยากได้อะไรบอกสำรวยก็แล้วกันนะ แม่จะไปดูคุณเจตนาซะหน่อย”
“ครับ”
วันดีลุกไป...เทวัญหันมาเห็นสำรวยนั่งมองยิ้มๆอยู่
“ตอนนี้ฉันยังไม่อยากได้อะไร จะไปไหนก็ไป”
“ไม่เป็นไรค่ะ สำรวยพร้อมบริการอยู่ตรงนี้ล่ะค่ะ ไม่ให้คุณเทวัญคลาดสายตา”
เทวัญหงุดหงิด ลุกเดินออกไป สำรวยตกใจ
“อุ๊ย...นี่ฉันพูดอะไรไป...” สำรวยรีบตามไป “เดี๋ยวก่อนค่ะคุณเทวัญ”
จิตรวรรณจิกตีศยาม ป้าเพ็ญเข้ามาเคืองๆ
“คุณดิ่งคะ! โกหกตกนรกนะคะ”
“ผมขอโทษครับป้า งั้นไม่โกหกแล้วครับ”
ศยามดึงตัวจิตรวรรณมาหอมอีก
“ว้าย! อีกแล้ว!”
“บอกกันตั้งแต่แรกว่าอยากหอมแก้มก่อนจาก ป้าก็ไม่ว่าหรอกค่ะ เดี๋ยวหันหลังให้”
ป้าเพ็ญจะหันหลัง จิตรวรรณรีบไปหลบหลังป้าเพ็ญ
“ไม่ต้องค่ะป้า ไม่ต้องหัน...จี๊ดเจ็บแก้มไปหมดแล้ว รีบกลับไปได้แล้ว ลีลานัก เดี๋ยวก็ถูกจับได้หรอก”
“คร้าบ คุณหนูจี๊ด ไปนะ...อีกทีเหอะ”
ศยามจะเข้าไป จิตรวรรณทำท่าจะเครียด
“โอ๊ย!”
“โอเค! ไม่ต้องเครียดๆ ไปแล้ว สวัสดีครับป้า”
ศยามไหว้ป้าเพ็ญแล้วรีบออกไป...จิตรวรรณมองตามศยาม เขินๆ มีความสุข
เทวัญเดินออกมาจากตัวบ้านจิตรวรรณ อย่างหงุดหงิด สำรวยวิ่งตามมา
“คุณเทวัญจะไปไหนค้า”
“แล้วมันเรื่องอะไรของแก”
ศยามกำลังวิ่งจะไปที่หน้าบ้าน เห็นเทวัญกำลังเบี่ยงตัวหันออกมาพอดี เขารีบหลบเข้าหลังต้นไม้ เทวัญเห็นอะไรแวบๆ
“อะไรน่ะ!”
“อะไรค้า ไม่มีหรอกค่า”
เทวัญจะเดินไปที่ศยามซ่อนตัว ศยามแทบกลั้นหายใจ ทันใดนั้นเสียงจิตรวรรณก็ดังขึ้น
“พี่เทวัญคะ”
เทวัญชะงัก...หันมา จิตรวรรณเดินเข้ามาหาจากในตัวบ้าน ในชุดเดิม ศยามโล่งใจ รีบวิ่งออกไปทางหน้าบ้าน ถึงประตูเล็ก ซึ่งมีแช่มยืนรอเปิดให้อยู่แล้ว ทั้งหมดกระทำอย่างเงียบกริบอยู่ข้างหลังเทวัญ และจิตรวรรณเองก็ใช้หางตามองอยู่ตลอดเวลา จนศยามวิ่งออกไป ลับสายตา จิตรวรรณโล่งอก แช่มรีบวิ่งกลับเข้าไปในตัวบ้าน
“น้องจี๊ด! ทำไมยังใส่ชุดเดิมคะ”
จิตรวรรณหน้าเสีย เจ็บใจตัวเอง
“จริงด้วย...!” หญิงสาวรีบแก้ตัว “จี๊ดไม่ได้อาบน้ำเมื่อคืน”
เทวัญไม่อยากจะเชื่อ
“น้องจี๊ดน่ะเหรอ ไม่ได้อาบน้ำ”
“จี๊ด...มัวแต่ร้องไห้ จนผล็อยหลับไปค่ะ”
“ร้องไห้...ร้องไห้เรื่องอะไร”
“เรื่องเงาะค่ะ”
“ทำไมอีกล่ะคะ เงาะมาทำอะไรให้น้องจี๊ดไม่สบายใจอีกเหรอ”
“พี่เทวัญรู้หรือเปล่าคะ ว่าเงาะไปหาจี๊ดที่ออฟฟิศ...มาบอกว่าเงาะกับพี่เทวัญไม่ได้มีอะไรกันจริงๆ แล้วเงาะก็หายไป ไม่ติดต่อจี๊ดอีก...จี๊ดกับใจดีพยายามตามหา เพราะอยากให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม พอรู้ว่าบ้านอยู่ไหนเงาะก็ไม่ยอมออกมาพบหน้าจี๊ด จี๊ดควรทำไงดีคะ”
เทวัญอึ้ง...ประมวลสมอง คิดแก้ตัวให้ตัวเองในเรื่องนี้ จี๊ดจับสังเกตปฏิกิริยาของเทวัญตลอดเวลา
เงาะแง้มผ้าม่านออกดู เห็นรถของยอดชายยังจอดอยู่ เงาะคิดหาทาง...ยอดชายและใจดีนั่งหลับอยู่ในรถ แล้วทั้งคู่ก็ต้องสะดุ้งตื่น เฮือก ตกใจ เพราะเสียงเคาะกระจก เงาะยืนเคาะกระจกอยู่ ยอดชายหันมาถาม
“ใจดี! ตื่นหรือยัง”
“ตื่นแล้ว!”
เงาะส่งสัญญาณมือให้ทั้งสองคนออกมาคุยกันข้างนอก
เทวัญหน้าเครียด
“น้องจี๊ดควรจะอยู่ให้ห่างๆผู้หญิงคนนี้นะคะ”
“ทำไมคะ...เงาะเป็นเพื่อนจี๊ดนะคะ”
“แต่ไว้ใจไม่ได้ วันนั้นพูดอย่าง มาวันนี้พูดอย่าง เขาต้องการอะไรกันแน่พี่ก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ เขาทำให้พี่เสียกาย ทำให้เราสองคนต้องผิดใจกัน”
“พี่เทวัญไม่ชอบเงาะเหรอคะ”
“ใช่!”
“ไม่เคยติดต่อเงาะเหรอคะ”
“ไม่เคย...ให้พี่ไปสาบานที่ไหนก็ได้”
“พี่เทวัญมั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
“พี่มั่นใจ”
“ค่ะ จี๊ดจะเชื่อพี่เทวัญ”
เทวัญจะสวมกอด จิตรวรรณถอย
“จี๊ดยังมาได้อาบน้ำค่ะ เหม็นออก”
“น้องจี๊ดรีบไปอาบน้ำแต่งตัวเถอะค่ะ เดี๋ยวจะไปออฟฟิศสายนะ”
“ค่ะ...”
จิตรวรรณออกไป เทวัญมองตามอย่างไม่สบายใจ
เงาะ ชวนยอดชายกับใจดีไปคุยกันในบ้าน เงาะทำท่าไม่สบายมากลงนั่ง
“ฉันไม่สบาย หลับไม่รู้เรื่องเลย ขอโทษทีนะ”
ยอดชายกับใจดีสบตากัน ไม่อยากจะเชื่อ ยอดชายสงสัย
“ทำไมเธอไม่ติดต่อพวกเรา หนีหายไป ติดต่อไม่ได้ จนเราต้องพยายามตามหา”
“ตามหาฉันทำไม”
ใจดีจ้องหน้า
“เงาะ...แกบอกพวกเรามาตรงๆ แกกำลังทำอะไรอยู่กันแน่”
เงาะนิ่งอึ้ง...ทันใดนั้นเสียงมือถือใจดีดังขึ้น ใจดีมองเห็นเบอร์จิตรวรรณปรากฏ
“แม่ฉันโทรมา ขอตัวเดี๋ยวนะ”
ใจดีลุกไป...ยอดชายหันมาคุยกับเงาะ
“เงาะ...ยังไงเราก็เป็นเพื่อนกันนะ พวกเรายินดีให้อภัยเธอเสมอ”
“ให้อภัย ฉันทำอะไรผิดอีกล่ะทีนี้”
“เธอเองก็รู้ตัวดี”
“ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด”
ยอดชายอึ้ง
จิตรวรรณคุยมือถืออยู่ในห้อง
“ใจดี...เจอเงาะหรือยัง”
“เจอแล้ว...เงาะบอกว่าไม่สบาย นอนหลับไม่รู้เรื่อง เลยไมได้ยินเสียงกริ่ง”
“แกต้องพยายามตะล่อมให้เงาะยอมรับให้ได้ เงาะเป็นหลักฐานสำคัญเพียงอย่างเดียวในตอนนี้ ที่จะทำให้ฉันตัดพี่เทวัญออกไปจากชีวิตฉันได้”
“ฉันจะพยายามนะจี๊ด แต่ถ้าไม่สำเร็จล่ะ”
“ฉันก็ต้องเตรียมแผนสอง”
จิตรวรรณวางสาย หนักใจ รีบเข้าห้องน้ำไป
เงาะโวยวายกับเพื่อนทั้งสองคน
“จะให้ฉันทำยังไง พวกเธอถึงจะเชื่อ ว่าฉันกับพี่เทวัญไม่ได้มีอะไรกันจริงๆ”
ยอดชายส่ายหน้า
“พวกเราไม่มีวันเชื่อ เพราะมันไม่ได้เป็นเรื่องจริง”
ใจดีมองหน้าเงาะ
“เงาะ แกกลัวอะไร พี่เทวัญขู่แกใช่มั้ย”
“พี่เทวัญไมได้ขู่ฉัน เราสองคนไม่เคยพบกัน”
ใจดีจ้องหน้า
“แต่ฉันเห็นรถพี่เทวัญแถวบ้านแก”
เงาะอึ้ง
“แกจะปฏิเสธมั้ย ว่าพี่เทวัญไมได้มาหาแก”
“ฉันไม่รู้ เขาอาจจะมีธุระแถวนี้ก็ได้”
ยอดชายพยายามกล่อมเพื่อน
“เงาะ ยอมรับเถอะ เธอเป็นคนฉลาด เธอต้องรู้ว่า การช่วยเหลือนายเทวัญไม่ใช่เรื่องถูกต้อง และเธออาจจะถูกนายเทวัญจัดการเมื่อไหร่ก็ได้เพื่อปิดปาก”
เงาะไม่พอใจ
“ไม่ต้องมาสั่งสอนฉัน ฉันรู้ว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่ และฉันก็จะไม่เป็นอะไรเพราะพี่เทวัญเด็ดขาด”
ใจดีมองหน้า
“เธอแน่ใจขนาดนั้นเลยเหรอเงาะ”
“ฉันจะทำให้พวกเธอเห็นว่าฉันแน่ใจ...”
ยอดชายงงๆ
“ทำอะไร”
“เดี๋ยวก็รู้”
ยอดชายและใจดีประหลาดใจว่าเงาะกำลังจะทำอะไร
ศยามเข้ามาในบ้าน ศุวิมลกำลังจะไปสอนหนังสือเข้ามาทัก
“พี่ดิ่ง หายไปไหนมาทั้งคืนคะ”
“ไป...ธุระ”
“พี่ดิ่งคะ มารศรีไม่ยอมลงมาข้างล่างเลย หมกตัวอยู่แต่บนห้อง”
ศยามอึ้ง
มารศรีนั่งเครียด คิดถึงภาพอันหวานชื่นของตัวเองกับศยามก็น้ำตาซึม ค่อยๆเปิดกล่องเครื่องเพชร และเครื่องประดับอันมีค่าของตัวเอง พิจารณาดู
“ตอนนี้ของพวกนี้ไม่มีค่าอะไรกับฉันเลย...คุณต่างหากล่ะคะดิ่ง...ที่มีค่าที่สุดสำหรับฉัน”
มารศรีปาเครื่องประดับทิ้งลงพื้น
“ดิ่ง...ฉันจะทำยังไงดี ที่จะได้คุณคืนมา ฉันจะทำยังไงดี”
มารศรีร้องไห้กับตัวเอง คนเดียว อย่างเปล่าเปลี่ยวในห้อง
ศยามยืนอยู่ที่ประตูห้อง ได้ยินเสียงร่ำไห้ของมารศรีก็อึ้งไป นึกสงสารและเวทนา...มารศรีร้องไห้กอดตัวเองอยู่อย่างนั้น ศยามจะเคาะประตู แต่ก็ยั้งไว้...มารศรียังร้องไห้อยู่ อย่างทรมาน ศยามค่อยๆเดินผละจากไป มารศรีค่อยๆหยุดร้องไห้ มองไปที่กระเป๋าของตัวเอง รีบเข้าไปรื้อของในกระเป๋าหยิบกระปุกยานอนหลับขึ้นมา คิดแผนบางอย่าง
จิตรวรรณเข้ามาคุยกับรัตนาในห้องทำงาน
“ฉันรู้แล้ว ว่าเขาโกหก และไม่ได้มาออฟฟิศ เพราะไปหาเงาะ”
“คุณเทวัญคงไม่บอกความจริงกับเราแน่ มีแต่คุณเงาะเท่านั้น”
“จนแล้วจนรอดเงาะก็ไม่ยอมพูด...ฉันคงต้องใช้แผนสอง”
“แผนเป็นยังไงคะ”
“ยังไม่รู้เลย”
“อ้าว”
“ยังคิดไม่ออก...แหม ก็ฉันต้องใช้สมองทำงานด้วยนี่นา คิดเรื่องเจ้าเล่ห์ๆไม่ค่อยลื่นไหล ไม่เหมือนเมื่อก่อน เธอช่วยคิดหน่อยสิ ฉันควรจะทำยังไง ให้เงาะกลับใจ”
“บางทีเราอาจจะไม่ต้องทำอะไรเลยก็ได้นะคะ”
จิตรวรรณไม่เข้าใจ
“หมายความว่ายังไง”
“ดิฉันเชื่อมั่นในการทำความดีค่ะ ว่าเป็นสิ่งที่จะช่วยคลี่คลายทุกอย่าง”
จิตรวรรณอึ้ง เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทั้งสองชะงักก่อนที่จิตรวรรณจะร้องบอก
“เข้ามา!”
ประตูเปิดออก เงาะก้าวเข้ามา จิตรวรรณและรัตนาตกใจและแปลกใจ
“เงาะ!”
ศยามกำลังรับประทานอาหารกับศุวิมลที่โต๊ะอาหาร
“พี่ดิ่ง...น่าจะอาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อนนะ”
“แปรงฟันแล้ว เดี๋ยวค่อยอาบ”
“จะโชว์ลิปสติกคุณจี๊ดให้มารศรีเห็นหรือไง เดี๋ยวแผนก็แตกหรอก”
ศยามก้มลงมองเสื้อตัวเอง เห็นรอยเปื้อนลิปสติกติดอยู่ก็ยิ้มเขิน
“ก้าวหน้าเร็วเหมือนกันนะเราเนี่ย”
“พี่ไม่ได้ทำอะไร...เรา...กุมมือกันเฉยๆแล้วหลับไป”
ศุวิมลยิ้มขำ แม่บ้านหน้าตาตื่นเข้ามา
“คุณดิ่ง ขาแย่แล้วค่ะ คุณมารศรีน้ำลายฟูมปากเลยค่ะ”
ศยามรีบลุกวิ่งออกไปทันที
มารศรีนอนน้ำลายฟูมปากอยู่ในห้อง ศยามวิ่งพรวดขึ้นมา ช้อนร่างขึ้นอุ้ม วิ่งออกไปทันที ผ่านศุวิมลและแม่บ้านที่มองอย่างตกใจ...ศยามอุ้มมารศรีมา แล้วชะงัก เมื่อเห็นป๊อดเข็นรถเศกเข้ามา เศกมองสภาพมารศรีอย่างปวดร้าว ศยามเห็นใจพ่อแต่ไม่พูดอะไร รีบวิ่งออกไปทันที ศุวิมลรีบตามศยามไปด้วย เศก น้ำตาซึม ทั้งสงสารและเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
จิตรวรรณนั่งนิ่ง ฟังเงาะอธิบาย รัตนายืนอยู่ด้วย
“ฉันรู้ ว่าเธอไม่ค่อยเชื่อฉันเรื่องพี่เทวัญ ฉันถึงมาที่นี่เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจ”
“ยืนยันยังไง”
“ฉันขอมาทำงานที่นี่เหมือนเดิมได้มั้ย จี๊ด”
“อะไรนะ”
จิตรวรรณเหลือบมองรัตนา...รัตนาพยักหน้าให้ฟังอย่างสงบต่อไป
“ทำไมถึงอยากกลับมาทำงานที่นี่”
“ฉันจะทำให้เธอเห็นว่า ฉันสามารถอยู่ใกล้เธอและพี่เทวัญได้โดยที่ไม่มีอะไรผิดปกติ ไม่ดีเหรอ ถ้าฉันอยู่ในสายตาเธอตลอดเวลา เธอจะได้มั่นใจในคำพูดของฉัน”
จิตรวรรณอึ้ง สบตารัตนา...รัตนาพยักหน้าให้ยอมรับเงาะ จิตรวรรณรวบรวมสติเล็กน้อย
“ก็ได้!”
เงาะดีใจ
“ขอบคุณมากนะจี๊ด ขอบคุณมากจริงๆ ที่เธอยอมให้โอกาสฉัน”
“ฉันรักเธอนะเงาะ เพราะเราเป็นเพื่อนกันมานาน ฉันให้โอกาสเพื่อนได้เสมอ ไม่ว่าจะกี่ครั้งกี่หน เพราะฉันไม่อยากให้ความเป็นเพื่อนของเราต้องหมดไปเพราะผู้ชาย”
“ฉันรู้...เธอเป็นคนดีนะจี๊ด ฉันรักเธอ”
เงาะจับมือจิตรวรรณเอาไว้ ทำเป็นยิ้มสำนึกอย่างจริงใจ แต่หาได้รอดพ้นการสังเกตของรัตนาไม่
มุมหนึ่งของโมเดิร์นคาร์ เทวัญกำลังคุยงานอยู่กับพนักงานคนหนึ่ง โพยืนมองเทวัญอย่างเคียดแค้น ทนไม่ไหว หยิบเครื่องมือช่าง เดินดิ่งจะไปหาเทวัญ ลุงแปลงเข้ามาห้ามเอาไว้ได้ก่อน
“ไอ้โพ จะทำอะไร”
“กฎหมายจัดการมันไม่ได้ ผมจะจัดการไอ้ชั่วนั่นเอง แก้แค้นให้ไอ้ด้วง!”
“แล้วเอ็งก็ต้องติดคุก หมดอนาคตไปพร้อมๆกับมัน เอางั้นหรือไง”
โพอึ้ง
เทวัญคุยกับพนักงานเสร็จ มองมาที่โพ...เทวัญเห็นโพมองมาด้วยสายตาอาฆาตก็รีบเลี่ยงไป ลุงแปลงปลอบโพ
“อดทนไว้ไอ้โพ...มันลอยนวลอยู่ได้ไม่นานหรอก เชื่อลุง”
โพเหวี่ยงเครื่องมือกลับที่เดิมอย่างเจ็บใจ ลุงแปลงตบไหล่โพอย่างเห็นใจ
จิตรวรรณเดินมากับรัตนาที่มุมหนึ่งกำลังคุยเรื่องเงาะกัน จิตรวรรณไม่เข้าใจที่รัตนาให้เธอรับเงาะเข้าทำงาน
“ทำไมเธอถึงอยากให้ฉันรับเงาะเข้ามาทำงานอีก”
“ถ้าคุณเงาะร่วมมือกับคุณเทวัญจริง...การเห็นศัตรูอยู่ในที่แจ้ง ดีกว่าให้เขาซ่อนตัวอยู่ในที่ลับนะคะ คุณจี๊ด”
“คิดว่า เงาะคิดจะทำอะไร”
“เขาคงคิดว่าคุณจี๊ดคงจะเลิกจับตามองเขา หากออกมาแสดงความจริงใจแบบนี้”
“ชิ...คิดว่าฉันโง่เหรอ ไม่มีทาง”
“แต่คุณจี๊ดก็ต้องทำเป็นโง่ก่อนนะคะ ยิ่งโง่เท่าไหร่ยิ่งดี คนที่คิดว่าตัวเองฉลาดจะได้ย่ามใจ...ทำอะไรก็ไม่ระวังตัว”
“แกล้งโง่เหรอ ทำไม่เป็นเลยอ่ะ”
ขณะเดียวกันนั้นเทวัญเดินมาพอดี จิตรวรรณรีบถลาร่าเริงเข้าไปทันที
“พี่เทวัญขา จี๊ดมีข่าวดีค่ะ จี๊ดรับเงาะมาทำงานเหมือนเดิมแล้วค่ะ”
เทวัญชะงักตกใจ
“อะไรนะคะ”
จิตรวรรณพยักหน้ากับเทวัญ
“ก็เงาะยอมมาพบจี๊ด ยืนยันความบริสุทธิ์ใจทุกอย่างและขอโอกาสจี๊ด เพื่อนทั้งคน จี๊ดจะไม่ให้โอกาสได้ยังไงล่ะคะจี๊ดทำถูกมั้ยคะ”
เทวัญยิ้มเจือนๆ
“อ่อ...ก็...ค่ะ ถูกค่ะ น้องจี๊ดทำดีแล้วค่ะ”
“น่ารักที่สุดเลย...ไปค่ะ จี๊ดไปส่งที่ห้องทำงาน”
จิตรวรรณควงเทวัญออกไปทันที รัตนาอมยิ้มกับความแกล้งโง่ไม่เป็นของจิตรวรรณ ซึ่งเนียนมากจนน่าตกใจ
มารศรีนอนหน้าซีดอยู่บนเตียงในห้องพักคนไข้ ศยามนั่งอยู่ข้างๆ ศุวิมลมองมารศรีอย่างสมเพช
“คิดอะไรไม่ออก ก็ใช้ความตายเป็นที่พึ่ง สิ้นคิด!”
“มารศรีเขาอาจจะสิ้นหวังจริงๆก็ได้”
“ก็นั่นแหละค่ะ ทำแบบนี้ยิ่งแน่ใจว่ามารศรีไม่เคยมีสมอง หรือมีก็ใช้คิดแต่ในเรื่องเลวร้าย เรื่องสร้างสรรค์คิดไม่เป็น เลยคิดได้แค่เนี้ย”
ศยามมองหน้าน้องสาว
“ไปหัดปากร้ายมาจากไหน”
“เหมือนพี่ดิ่งนั่นแหละ”
“อย่าเพิ่งต่อว่าอะไรมารศรีเลย ให้เขานอนพักเถอะ”
ศุวิมลมองอย่างเกลียดชัง
“หมอเวทย์น่าจะล้างท้องให้ไม่ทัน น่าจะตายๆไปซะเลย อยู่ไปก็ทำให้คนอื่นเดือดร้อน”
ศยามปราม
“ศุ...”
“ก็ได้ค่ะ ศุไปก็ได้ ดูซิ ไม่ได้เข้าสอนอีกแล้ว ถ้าศุถูกคณบดีเรียกไปด่าเมื่อไหร่ ศุจะมาด่าแม่นี่คืน”
ศยามถอนใจ ศุวิมลออกไป หงุดหงิด ศยามมองมารศรีอย่างเห็นใจ
“ไม่น่าเลย...ถ้าเพียงแต่คุณ...ไม่โลภในวันนั้น ก็คงไม่ต้องเป็นอย่างในวันนี้”
มารศรียังนอนไม่ได้สติ
ศุวิมลเดินมาตามทางเดินในโรงพยาบาลพยายามติดต่อยอดชาย แต่ไม่มีคนรับสาย
“โอ๊ย! จะไม่รับสายกันเลยใช่มั้ย คุณยอด! เป็นอะไรของเขาหนักหนา”
ศุวิมลกดวางสาย เดินออกไปอย่างหงุดหงิด
อ่านต่อหน้า 4
พริกกับเกลือ ตอนที่ 14 (ต่อ)
ยอดชายนั่งอยู่ในบ้าน มองมือถือตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างเศร้าซึม ใจดีนั่งมองๆแล้วถอนใจ
“ไม่รับสายคุณศุเขาสักหน่อยเหรอแก”
ยอดชายส่ายหน้า
“งอนเหรอ”
ยอดชายส่ายหน้าอีก
“แล้วเป็นอะไร”
“ฉันไม่แน่ใจ”
“ไม่แน่ใจอะไร โอ๊ย...อย่าให้ฉันถามมากได้มั้ย”
“ก็ฉันไม่อยากพูดอะไรมากไปกว่านี้ ยิ่งพูด ยิ่งเจ็บ”
“เจ็บอะไร แกยังไม่ได้อกหักนะยอด คุณศุเขาบอกเลิกกับแกแล้วหรือไง”
“ถึงไม่พูด ก็เห็นเค้าลาง ฉัน...ถึงเป็นได้แค่เพื่อนสนิท ที่คิดไม่ซื่อไปวันๆ คุณศุ ถึงไม่ยอมขยับฐานะให้ฉันเป็นแฟนสักที”
“ถึงเขาไม่ได้แต่งตั้งแกอย่างเป็นทางการ แต่การกระทำเขาก็บอกอยู่โต้งๆแล้วว่าแกคือผู้ชายที่เขามีใจให้”
“แต่ไม่ใช่ฉันคนเดียว คุณศุแทงกั๊ก ฉันไม่อยากเป็นช้อยส์”
“โอ๊ย ปวดประสาท ตอนนี้อยากมีแฟนเป็นของตัวเองมาก มีแฟนเมื่อไหร่ ฉันจะทิ้งแกให้อยู่คนเดียว”
“คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า”
“เออสิ มีคนรู้ใจดีกว่าไม่มี อย่างแกมีแล้วก็เยอะ อยากให้เป็นอย่างโน้นอย่างนี้แล้วทำไมไม่คุยกับคุณศุให้รู้เรื่องไปเลย เอามาจิ้นเองอยู่ได้ น่าเบื่อ!”
ใจดีลุกหนีไป
“แกจะไปไหน”
“ไปหาแฟนเป็นของตัวเอง เผลอๆอาจเจอที่หน้าปากซอยเลยก็ได้”
ใจดีเดินออกไป ยอดชายนั่งมองมือถือ กดเบอร์ของศุวิมล...แล้วก็เปลี่ยนใจ กดทิ้งกลุ้มๆ
“โอ๊ย!”
มุมหนึ่งในโมเดิร์นคาร์ ลุงแปลงคุยโทรศัพท์กับศยามโดยมีโพยืนอยู่ข้างหลัง
“คุณดิ่งครับ...เจ๊ยุพาไม่ได้อยู่ที่นั่นตามที่แกบอกเพื่อนบ้านไว้เลยครับ ผมกับไอ้โพไปถึง ก็ไม่เห็นแกแล้ว เอาไงดีครับ”
ลุงแปลงสบตากับโพอย่างกังวล...ศยามคุยมือถืออยู่ที่มุมหนึ่งของห้องพักคนไข้นิ่งคิดอยู่ มารศรีฟื้นขึ้นมา ลืมตาขึ้นเห็นศยาม ก็ดีใจ
“ดิ่งคะ...”
“แค่นี้ก่อนนะครับ แล้วผมจะรีบโทรกลับไปอีกที”
ศยามวางสายรีบมาหามารศรี แต่ยืนอยู่อย่างห่างเหิน
“เป็นไงบ้าง”
“เข้ามาใกล้ๆหน่อยไม่ได้เหรอ”
ศยามไม่ยอมขยับ
“คุณเป็นไงบ้าง”
มารศรีพูดออกมาอย่างขมขื่น
“น่าจะปล่อยให้ศรีตายๆไปซะ”
“คุณยังตายไม่ได้”
“ทำไมคะ”
“คุณควรจะมีชีวิตอยู่ต่อไป”
“อยู่ต่อไปเพื่ออะไร เพื่อใคร ศรี...ไม่อยากอยู่อีกต่อไปแล้ว”
“คุณพ่อคุณแม่คุณล่ะศรี ท่านยังอยู่ ท่านจะเสียใจมากแค่ไหน ถ้าคุณตายไปเพราะฆ่าตัวตาย”
“หึ...เขาไม่สนใจใยดีอะไรในตัวศรีนักหรอก ไม่เห็นเหรอ ว่าเขาไม่ติดต่อศรีเลย”
“คุณต่างหากที่ไม่ติดต่อท่าน...”
มารศรีเบือนหน้าหนี
“คุณไม่เคยมองเห็นว่ามีใครที่รักคุณบ้าง”
“ใช่...กว่าฉันจะเห็น มันก็สายเกินไป”
“ยังหรอก”
มารศรีหันกลับมา มีความหวัง
“ดิ่ง...”
“ตอนนี้ยังมีโอกาส ผมช่วยคุณเพราะไม่อยากให้คุณเสียโอกาสที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้อง”
“คุณไม่เหลือความรักให้ฉันแม้สักนิดเลยเหรอคะดิ่ง”
“ไม่เหลือเลยแม้สักนิด นอกจากความรักในฐานะเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน”
มารศรีร้องไห้โฮ
“แต่ความรักของใครก็ไม่สำคัญเท่ากับคุณต้องรักตัวเองนะ ศรี”
“คุณเป็นคนดีเหลือเกิน ฉันโง่เองที่ทิ้งคุณไป”
“อย่าพูดถึงอดีตให้มันมาทำร้ายตัวคุณอีกเลย จำไว้นะ ว่าคุณยังมีโอกาส”
ศยามหันหลังเดินออกไป มารศรีมองเขาที่เดินห่างออกไปทีละน้อยอย่างเสียใจ
“ดิ่ง...ดิ่ง...ฉันไม่อยากอยู่คนเดียว กลับมาก่อน ดิ่ง!”
ศยามปิดประตู มารศรีร้องไห้อย่างหนัก
เทวัญยืนมองจากห้องทำงานเห็นเงาะเดินไปคุยงานกับพนักงานอยู่ที่มุมหนึ่งด้วยความไม่พอใจ หยิบมือถือขึ้นมา กดเบอร์...มือถือเงาะดังขึ้น เธอหยิบมือถือขึ้นมาคุยโดยไม่ได้หันมองเทวัญ เพื่อไม่ให้ผิดปกติ
“ว่าไงคะ”
“เธอทำแบบนี้ทำไม หา!”
“คุยกันที่อื่นไม่ดีกว่าเหรอคะ”
“คุยตอนนี้แหละ”
เงาะเดินเลี่ยงมาห่างจากพนักงานคนอื่น
“เงาะกำลังช่วยพี่อยู่นะคะ ทำแบบนี้จี๊ดจะได้ไม่สงสัยอีก ว่าทำไมเงาะต้องหลบหน้า พี่เทวัญทำตัวให้เป็นปกติเถอะค่ะ เงาะมาดี...”
เงาะวางสาย หันไปสบตากับเทวัญ ยิ้มให้ เทวัญ เครียด ดูเวลา รีบเดินออกไป
มุมหนึ่งโมเดิร์นคาร์ ลุงแปลงทำงานอยู่กับโพ แต้วหน้าตาตื่นเข้ามา
“พี่โพ ลุงแปลง...เจ๊ยุพาโทรหาแต้ว บอกว่าพี่เทวัญนัดให้เจ๊มาเจอ เจ๊กลัวตัวเองเป็นอันตราย เลยโทรบอกพวกเราไว้ก่อน”
ลุงแปลงกับโพ ตกใจ ลุงแปลงรีบบอกโพกับแต้ว
“พวกเอ็งไปหาเจ๊ยุพา ข้าจะโทรตามคุณดิ่ง”
ทั้งหมดรีบออกไป
เทวัญเดินจ้ำอ้าวออกไปจากบริษัท จิตรวรรณกับรัตนาเดินออกมาเห็น
“พี่เทวัญไปไหน ยังไง ไปหาใคร”
จิตรวรรณจะตามไป รัตนาห้ามเอาไว้
“คุณจี๊ดคะ จะไปไหนคะ”
“ฉันจะตามพี่เทวัญไป”
“แต่คุณดิ่งสั่งดิฉันไว้ ว่าห้ามคุณจี๊ดทำอะไรที่เสี่ยงอันตรายเด็ดขาด”
จิตรวรรณลังเล
“แต่...”
“คุณจี๊ดคะ เชื่อคุณดิ่งเถอะค่ะ”
“ก็ได้”
“คุณท่านรอประชุมอยู่นะคะ ไปค่ะ”
รัตนารอให้จิตรวรรณเดินเข้าไป จิตรวรรณจำใจเดินไป แต่ในใจยังไม่ปล่อยวาง
เงาะและพนักงานคนอื่นๆเดินเข้าห้องประชุมไป จิตรวรรณ และรัตนาเดินมา จิตรวรรณคิดหาทางหลบออกไป แกล้งพูดขึ้นมา
“ฉันลืมโน้ตบุ๊คอ่ะ”
รัตนาชูกระเป๋าโน๊ตบุ๊ค
“อยู่นี่ค่ะ ดิฉันเอามาให้แล้ว”
“เหรอ...ว้าย...ฉันลืมแฟลชไดรฟ์ที่เซฟโปรเจ็กมานำเสนอคุณพ่ออ่ะ”
“อยู่ที่ไหนคะ เดี๋ยวดิฉันไปหยิบมาให้”
“อยู่บนโต๊ะ หรือไม่ก็ในลิ้นชัก หาดูนะ”
“ค่ะ”
รัตนาเดินออกไป โดยไม่ติดใจอะไร จิตรวรรณทำทีจะเดินไปห้องประชุม พอรัตนาคล้อยหลังเธอก็วิ่งออกไปอีกทาทันที
จิตรวรรณวิ่งออกมาหน้าโมเดิร์นคาร์ มองซ้ายมองขวา หาทางไป หยิบมือถือขึ้นมา กดหาเทวัญ แล้วก็นึกขึ้นได้
“แล้วฉันจะโทรหาพี่เทวัญทำไม...เขาก็รู้ตัวสิ โอ๊ย แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงว่าเขาไปไหน”
ทันใดนั้นเสียงรัตนาก็ดังขึ้น
“คุณจี๊ดคะ”
จิตรวรรณสะดุ้งเฮือก หันไป เห็นรัตนายืนอยู่
“รัตนา”
“คุณเทวัญไปหาเจ๊ยุพาค่ะ ซึ่งทางลุงแปลง นายโพ ได้ตามคุณเทวัญออกไปแล้ว คุณดิ่งก็ทราบเรื่องแล้ว”
“เธอรู้ได้ยังไง”
“แต้วเป็นคนมารายงานค่ะ”
“แล้วทำไมไม่มีใครมาบอกฉัน”
“เพราะไม่มีใครอยากให้คุณจี๊ดไปเสี่ยงอันตรายค่ะ”
“ตามคำสั่งนายดิ่ง”
“ค่ะ”
จิตรวรรณจะวีน
“คุณจี๊ดคะ...เชื่อคุณดิ่งเถอะค่ะ”
จิตรวรรณอึ้ง
“แล้วฉันควรทำอะไรในตอนนี้ ในขณะที่คนที่ฉันรักกำลังอยู่ในความเสี่ยง”
“เป็นกำลังใจค่ะ อย่าทำให้เขาต้องเป็นห่วง”
จิตรวรรณหันมายิ้มให้กับรัตนา...อย่างใจเย็น
“นั่นสินะ...”
ยุพายืนอยู่อยู่ริมน้ำในที่ปลอดคนแห่งหนึ่ง เทวัญเดินเข้ามาหา ยุพากลัวๆเทวัญ และไม่ไว้ใจ
“คุณเทวัญ ให้เจ๊มาหา มีเรื่องอะไรคะ”
เทวัญมองไปรอบๆ
“มากับฉัน”
“จะไปไหนคะ”
“ไม่พาไปตายหรอกน่า ไป”
เทวัญลากไป ยุพาพยายามมองหาพวกของแต้ว แต่ไม่เห็นใคร เทวัญสงสัย
“มองหาใคร”
“เปล่าค่ะ”
“ไป!”
เทวัญพายุพาเดินออกไป
ศยามเข้ามาที่มุมหนึ่ง ลุงแปลงกับโพที่ยืนรออยู่แล้ว รีบเข้ามาหา โพรายงานทันที
“ตอนที่เรามาถึงไม่เห็นเจ๊ยุพากับนายเทวัญแล้ว”
ศยามคิดๆ
“มันอาจจะไม่ไว้ใจ ติดต่อเข้ามือถือเจ๊ยุพาได้มั้ย”
ลุงแปลงกังวลใจ
“ผมให้แต้วโทรหา แต่เจ๊แกไม่รับสายเลยครับ”
ศยามคิดนิดนึง
“ให้แต้วคอยโทรหาเรื่อยๆ”
ลุงแปลงรับคำก่อนจะหันไปสั่งโพ
“ครับ ไอ้โพ โทรไปบอกแต้ว”
“ครับ”
โพเลี่ยงไปคุยโทรศัพท์...ศยามเดินเลี่ยงมาโทรหาจิตรวรรณ กดเบอร์รอสาย
“ฮัลโหล...คุณจี๊ด”
จิตรวรรณคุยมือถือกับศยามอยู่มุมหนึ่งในบริษัท
“นายดิ่ง เป็นยังไงบ้าง ฉันเป็นห่วงนายมากเลยนะ พี่เทวัญไปพบเจ๊ยุพา นาย ไปทันมั้ย สองคนนั่นเจอกันหรือยัง...”
ศยามถอนใจ เสียงเครียด
“ฟังผมนะ! โทรหานายเทวัญเดี๋ยวนี้ เช็คว่าเขาไปไหน คุณต้องขัดจังหวะนาย เทวัญให้ได้”
“ทำไมต้องฉัน”
“เพราะเขาไม่รับสายใคร คุณคือคนที่นายเทวัญต้องรับสาย! เรามาไม่เจอนายเทวัญกับเจ๊ยุพา เขาอาจจะพาเจ๊ยุพาหลบไปที่อื่น เร็วเข้า!”
“ได้! ไม่ต้องตะคอก ได้!”
ศยามกดสายทิ้ง...จิตรวรรณรีบกดเบอร์หาเทวัญ
มุมหนึ่งในที่รกร้าง ยุพาถูกเทวัญตบหน้า เซถลา
“โอ๊ย! อย่าทำเจ๊เลย เจ๊ยอมแล้ว เจ๊ไม่สู้”
มือถือยุพาที่ตกอยู่บนพื้นดังขึ้น ต่อเนื่องตลอดเวลา แต่เทวัญยังคงเข้าไปตบยุพาไม่หยุด
“แกบอกพวกมันใช่มั้ยว่ากลับมากรุงเทพ...มันถึงได้โทรหาแกไม่หยุด หา!”
“โอ๊ย!”
เทวัญชักปืนขึ้นมาจากหลังเอวซึ่งเป็นปืนของมารศรีที่เขาเก็บเอาไว้
“ไม่...ไม่ อย่าทำเจ๊...ไม่!”
ยุพาหนีลนลาน เทวัญเข้าไปจิกผมยุพาขึ้นมาได้ กำลังจะใช้ปืนจ่อยิง ทันใดนั้นเสียงมือถือของเขาก็ดังขึ้น เทวัญชะงัก ตบหน้ายุพาลงไปนอนกอง แล้วเหยียบตัวเอาปืนขู่เอาไว้ ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาดูเห็นเป็นเบอร์จิตรวรรณ เทวัญก้มลงพูดขู่ยุพา
“อย่าส่งเสียง ไม่งั้น...ฉันยิงแกแน่!”
ยุพาพยักหน้า กลัวสุดชีวิต เทวัญรับสายจิตรวรรณ
“ฮัลโหล...ว่าไงคะน้องจี๊ด”
จิตรวรรณคุยกับเทวัญ โดยมีรัตนาและแต้วซึ่งกำลังถือมือถือรอสายยุพาอยู่ยืนอยู่ด้วย จิตรวรรณทำเสียงหวาน
“พี่เทวัญอยู่ไหนคะ”
“พี่กำลังออกมาพบท่านรัฐมนตรีค่ะ”
เทวัญก้มลงมองยุพาที่ยังนอนนิ่งอยู่ที่พื้น ยุพาเหลือบมองมือถือตัวเองที่ยังดังต่อเนื่องอยู่บนพื้น หาทางเอาตัวรอด
“น้องจี๊ดมีอะไรด่วนหรือเปล่าคะ พี่ติดคุยกับท่านอยู่”
“เอ๊ะ เสียงมือถือใครดังอยู่ตลอดเลยอ่ะคะ พี่เทวัญ”
เทวัญมองมือถือของยุพาที่ดังอยู่ เดินไปหา
“ของท่านรัฐมนตรีน่ะค่ะ”
ยุพาฉวยจังหวะที่เทวัญเดินไป พุ่งไปหามือถือของตัวเองเหมือนกัน เทวัญตกใจ
“เฮ้ย!”
“มีอะไรเหรอคะ พี่เทวัญ”
เทวัญจะยิงก็ไม่กล้ายิง...ตัดสินใจกดโทรศัพท์ทิ้งยุพาไปถึงมือถือก่อน ตะปบเก็บมือถือ แล้ววิ่งหนี
“หยุดนะ!”
เทวัญวิ่งตามยุพาไป...จิตรวรรณ มองรัตนาและแต้วอย่างตกใจ
“เจ๊ยุพารับสายหรือยัง แต้ว!”
ยุพาวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนมา กดมือถือรับสาย
“ช่วยด้วย...ช่วยด้วย!”
เทวัญวิ่งตามมา
“หยุดนะ!”
ยุพายังวิ่งต่อไป เทวัญเร่งฝีเท้าเร่งตามไป
แต้วบอกจิตรวรรณและรัตนา
“รับแล้วค่ะ...เจ๊ เจ๊อยู่ที่ไหน!”
ยุพาวิ่งหนีมา ตะโกนใส่มือถือ
“เจ๊อยู่ที่...ที่ไหนวะเนี่ย!”
แล้วสายตาของยุพาก็เหลือบไปเห็นป้ายบอกสถานที่ ยุพา ละล่ำละลักบอก
“เจ๊อยู่ที่ซอย...ไอ้...”
ยุพายังพูดไม่ทันจบ เทวัญวิ่งตามมาทัน รวบตัวไว้ได้ ยุพาดิ้นรน มือถือตกพื้น เธอหันไปข่วนหน้าเทวัญ
“โอ๊ย!”
เทวัญเสียหลัก ยุพาดิ้นจนหลุด ออกวิ่ง เทวัญตั้งตัวได้ ยิงทันที เปรี้ยง!...แต้ว จี๊ด รัตนาที่รุมฟังมือถือที่เปิด Speaker Phone สะดุ้งเฮือก ตกใจร้องออกมาพร้อมกัน
“เจ๊ยุพา!”
ยุพาโดนยิงเข้ากลางหลัง สะดุ้งเฮือก ทรุดลง แน่นิ่ง เทวัญมาเขี่ยร่างของยุพาเห็นแน่นิ่ง ยิ้มกระหยิ่มพอดีมีเสียงรถยนต์แล่นผ่านมา เทวัญรีบหลบออกไป ร่างของพาแน่นิ่ง รถยนต์แล่นผ่านไป ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็น...เทวัญโยนปืนทิ้งไปในพงหญ้า รีบวิ่งหนีไป
ศยาม โพ ลุงแปลง วิ่งมาเห็นร่างของยุพานอนอยู่ข้างทางก็ตกใจ โพแค้นมาก
“ไอ้เลว! ผมจะไปฆ่ามัน”
ลุงแปลงปราม
“ใจเย็นไอ้โพ! ใจเย็น!”
ศยามหน้าเศร้ารันทดใจ
“ไปสู่สุคตินะเจ๊ยุพา...”
ศยาม โพ ลุงแปลงมองร่างที่คิดว่าไร้วิญญาณของยุพาอย่างเสียใจ ศยามค่อยๆลุกขึ้น
“แจ้งตำรวจเถอะ...”
“ครับ”
ลุงแปลงและโพหันเดินออกไป ศยามมองร่างของยุพา เหมือนสั่งลา แล้วค่อยๆหันเดินไป ทันใดนั้นมือของยุพาก็จับข้อเท้าของเขาหมับ ศยามชะงักหันมา
“เจ๊ยุพา...ยังไม่ตาย!”
ศยาม โพ ลุงแปลงตกใจ รีบวิ่งมาหาศยามที่ทรุดลงประคองร่างของยุพาเอาไว้
“เรียกรถพยาบาลเร็ว!”
วันใหม่...เทวัญเดินมาตามทางเดินในบริษัทอย่างยิ้มย่อง คิดถึงเหตุการณ์ที่ตัวเองสังหารยุพา
“ไปสู่ที่ชอบๆนะเจ๊ยุพา...หึหึหึ”
เทวัญสังเกตไปรอบๆ เพื่อดูความเคลื่อนไหวของเรื่องยุพาที่นี่ แต่พนักงานทุกคนยังคงทำงานตามปกติ เทวัญนึกแปลกใจ
“หรือว่า...ยังไม่มีใครรู้เรื่อง”
รัตนาเดินเข้ามาหาเทวัญ
“สงสัยอะไรอยู่เหรอคะคุณเทวัญ...”
“มีหน้าที่คอยจับผิดผมด้วยตั้งแต่เมื่อไหร่ คุณรัตนา”
“มีความผิดอะไรซ่อนอยู่เหรอคะ ถึงได้ถามดิฉันแบบนี้”
“เพราะไม่มีน่ะสิ ถึงได้ถาม กลัวจะผิดหวัง เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่า”
“ค่ะ ตอนนี้คงต้องเอาเวลาไปทำอย่างอื่นก่อน เชิญที่ห้องท่านประธานค่ะ”
รัตนาเดินนำไป เทวัญเดินตามรัตนาไป นึกไม่พอใจรัตนาและเริ่มร้อนตัว
เจตนาคุยกับเทวัญในห้องโดยมีจิตรวรรณและรัตนาอยู่ด้วย ทุกคนต่างมองเทวัญอย่างเคร่งเครียด จนเทวัญรู้สึกอึดอัด
“สบายดีนะเทวัญ ไม่ได้คุยกันหลายวัน”
“สบายดีครับ ไม่ทราบว่า...มีเรื่องอะไรกันเหรอครับ”
“ฉันน่ะไม่มีหรอก แต่ยัยจี๊ดมี”
เทวัญหันไปหาจิตรวรรณ
“แล้วทำไมต้องมารบกวนคุณพ่อด้วยล่ะค่ะน้องจี๊ด เราคุยกันเองก็ได้”
“ไม่ได้หรอกค่ะ เพราะเรื่องที่จี๊ดจะคุยเป็นเรื่องที่สำคัญมาก และเกี่ยวข้องกับพี่เทวัญโดยตรง จี๊ดต้องให้คุณพ่อรับรู้”
เทวัญอึดอัด...อึ้ง กลัวเป็นเรื่องยุพาและถูกจับได้
“เรื่องอะไรคะ”
“จี๊ดต้องการรายงานผลการพูดคุยกับท่านรัฐมนตรีเมื่อวานค่ะ”
“อะไรกัน เพิ่งคุยเสร็จเมื่อวาน จะเอารายงานวันนี้ ตอนนี้เลยเหรอ พี่ต้องการเวลา งานพี่เยอะนะ น้องจี๊ดก็รู้”
“จี๊ดว่าแล้ว ว่าพี่เทวัญต้องอ้างเรื่องนี้”
เทวัญอึ้ง
“แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ จี๊ดช่วยได้”
เจตนาพูดขึ้น
“ยัยจี๊ดมาคุยกับฉันว่าเป็นห่วงนาย ไม่มีคนคอยช่วย เลยรับเลขาส่วนตัวมาคอยช่วยทำงานเล็กๆน้อยๆพวกนี้ให้นาย”
จิตรวรรณยิ้มแย้ม
“ซึ่งรับมาเรียบร้อยแล้วค่ะ”
เทวัญงงๆ
“เลขาส่วนตัวของผม...แต่ควรจะให้พี่เลือกเองนะคะน้องจี๊ด”
“พี่เทวัญไม่มีเวลามาสัมภาษณ์คนหรอกค่ะ จี๊ดเลยจัดการให้...ก็เป็นคนที่เราคุ้นเคยกันดี ไว้ใจได้ รู้เรื่องการตลาดเป็นอย่างดี”
“ใครคะ”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น...รัตนาเดินไปเปิดประตู ใจดีปรากฏตัวขึ้น เทวัญชะงัก
“ใจดี!”
“สวัสดีค่ะพี่เทวัญ...”
ใจดียกมือไหว้เทวัญ หน้าตาร่าเริง เนียนปกติ ทุกคนสังเกตปฎิกริยา ของเทวัญ ที่พยายามยิ้มเป็นปกติ
เทวัญเข้ามาในห้องทำงานของตนเองลงนั่งอย่างไม่สบอารมณ์
“นี่มันอะไรกันวะ!”
ใจดีวิ่งเข้ามา หน้าตาตื่น
“เรียกใจดีเหรอคะ พี่เทวัญ!”
“ฉันพูดตอนไหน”
“ก็เมื่อกี้...ใจดีได้ยิน...”
เทวัญหงุดหงิด
“ยังไม่ได้เรียก ออกไปก่อน”
ใจดีเดินจ๋อยจะออกไป เทวัญเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อน...”
ใจดีชะงัก หันมา
“คะ”
“คิดไง กลับมาทำงานที่นี่”
“โครงการเพื่อนช่วยเพื่อนค่ะ”
“ช่วยอะไร”
“ก็...จี๊ดบอกว่าพี่เทวัญเครียด งานเยอะ จนไม่มีเวลาดูเรื่องงานแต่งกับจี๊ดอยากให้มีคนมาแบ่งเบา ก็เลยตอบรับค่ะ”
เทวัญอึ้ง จ้องใจดีไม่วางตา ใจดียิ้มสู้ แบ๊วใส่
“โอเคนะคะ”
เทวัญพยักหน้าให้ใจดีออกไป ใจดีโล่งใจออกไป เทวัญรีบกดมือถือ หาเงาะ...
เงาะที่กำลังทำงานอยู่ รับมือถือ ทำตัวคุยเป็นปกติ
“ว่าไงคะ”
“มีใครพูดถึงเรื่องยัยยุพาบ้างมั้ย”
“ไม่มีนี่คะ”
เทวัญแปลกใจ
“ไม่มีเลยเหรอ”
“ไม่มีค่ะ ทุกคนก็ยังคงทำงานเป็นปกติ...ทำไมเหรอคะ”
เทวัญกดวางสายไปเลย นึกแปลกใจนึกสงสัยกวาดตาไปมองที่หนังสือพิมพ์บนโต๊ะของตัวเอง หยิบมาเปิดๆ
“ทำไมไม่มีข่าวการตายของนังยุพาเลย”
เทวัญนึกสงสัย
จบตอนที่ 14
อ่านต่อตอนที่ 15 พรุ่งนี้ เวลา 09.30น.