xs
xsm
sm
md
lg

แสบสลับขั้ว ตอนที่ 15

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แสบสลับขั้ว ตอนที่ 15

วันต่อมารัญญานั่งกินกาแฟอยู่มุมหนึ่ง สีหน้าแววตาครุ่นคิด ชายสี่เดินเข้ามาด้วยหน้าตาซีดเซียวตาลึกโหล รัญญามองอย่างแปลกใจ

“นั่งซิ”
“ขอบคุณครับ”
“ไม่สบายเหรอ หน้าตาแย่มากเลยนะ”
“ผมถูกผีหลอก”
“ผีที่ไหน”
“ผีไอ้เอ็กซ์”
รัญญาเบิกตากว้าง

รัญญานำเรื่องนี้ไปบอกเกริกก้อง เกริกก้องจึงนัดเจอกับปกรณ์ ใหญ่ เขียว เบ๊ เกริกก้องหันกลับมามองทุกคนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ฉันก็ไม่อยากจะเชื่อ แต่ยัยรันยืนยันหนักแน่นว่าไอ้ชายสี่ มันไม่หลอกแน่”
“ผมคิดว่าอาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้ครับ”
“สมมุติว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ แล้วจะมีวิธีแก้ยังไง”
“ผมสะกดวิญญาณมันเอาไว้เรียบร้อยแล้วครับ”
“สะกดแล้วทำไมมันทะลึ่งออกมาได้ล่ะ”
“อาจจะมีอะไรผิดพลาด”
“ไอ้บ้า พูดง่ายๆ นี่หว่า”
“มันอาจจะไปที่บ้านคุณก้องเหมือนกัน แต่เข้าไปไม่ได้เพราะเจ้าที่แรง”
“ไม่แน่ ...มันอาจจะเข้าไปแล้ว ... เราถึงได้กลิ่นวันนั้นไงครับ”
สีหน้าเกริกก้องเคร่งเครียด

กิมฮวยและเติมศักดิ์นั่งจิบน้ำชากันอยู่น้ำเพชรแต่งตัวทะมัดทะแมงเดินลงมาด้วยสีหน้าแจ่มใส
“จะไปไหนอีกล่ะ”
“แหม ... ก็ไปเยี่ยมคุณปลาใหญ่น่ะซิคะ”
“อาหม่าม้าจะไปด้วย อยากไปเห็นบ้านช่องห้องหอของอี”
“แต่ตอนนี้อียังไม่พร้อมค่ะ”
“ลื้อจะไปวุ่นวายกับอีทำไมมากมายน้า อีก็ชอบกับอาปลาใหญ่ตามใจลื้อแล้ว”
“เพราะว่าอั๊วอยากรู้อยากเห็นน่ะซิ...นี่ อาเติม”
“ทำไม”
“เราแอบไปบ้านอาปลาใหญ่กันดีมั้ย”
“ไม่ดี”
เติมศักดิ์ลุกเดินออกไป กิมฮวยรีบตาม

เซียนเปิดประตูออกมาพบน้ำเพชรที่มีสีหน้าแจ่มใส
“คุณน้ำ”
“ทีแรกน้ำจะเข้าไปที่บ้านลุงป่องแล้ว แต่พอดีเจอสายสะดือ เอ้อ ...สายพิณน่ะคะ เขาบอกว่าคุณอยู่ที่นี่ ...น้ำมีโจ๊กมาฝาก”
เซียนเบี่ยงตัวให้น้ำเพชรเดินเข้าไปแล้วตัวเองเดินตาม
เซียนหยิบชาม และช้อนมาให้น้ำเพชร
“ขอบคุณค่ะ”
“คุณเจอสายพิณที่ไหน”
น้ำเพชรชะงักนิดหนึ่ง
“หน้าปากซอยค่ะ เห็นบอกว่าจะไปสอบ” น้ำเพชรเลื่อนชามโจ๊กให้เซียน แล้วตักชามของตัวเองชิม
“อร่อยจัง ... ไม่ต้องเติมอะไรก็อร่อย” เซียนนั่งกินเงียบๆ น้ำเพชรเหลือบมองหน้าเซียน “เรื่องเทียนเรียบร้อยดีใช่ไหมคะ”
เซียนนิ่ง น้ำเพชรสังหรณ์ใจ “คุณปลาใหญ่ ... เรื่องเทียน”
“คุณน้ำ...เราทุกคนต้องยอมรับความจริง”
“หมายความว่ายังไง”
เซียนส่ายหน้าสีหน้าแววตาสลดลง

น้ำเพชรก้าวพรวดๆ เข้ามาในบ้านลุงป่องขณะที่ครรชิตซึ่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ลุกขึ้นยืนมองด้วยสีหน้าตกใจกับสีหน้าอันเกรี้ยวกราดของน้ำเพชร
“หนูน้ำ”
“มันอยู่ไหน”
“ใครล่ะ”
“ไอ้เซียน ไอ้ตัวเซียน มันอยู่ไหน”
“ใจเย็นๆจ้ะ”
“คุณครร นี่คุณลุงครรยังใจเย็นอยู่ได้อีกเรอะ น้ำน่ะทนไม่ไหวแล้ว น้ำจะจะฆ่ามัน... มันอยู่ในนั้นใช่ไหมคะ”
ขณะพูดน้ำเพชรเดินไปที่ประตูแล้วถีบโครม ก้าวพรวดเข้าไป “ไอ้เซียน”
ครรชิตยกมือกุมขมับ

ปลาใหญ่นอนซมอยู่ด้วยความเสียใจพลิกตัวหันมามอง
“คุณน้ำ”
“ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้ ไอ้ขี้เกียจสันหลังยาว”
ปลาใหญ่ค่อยๆ ยันตัวจะลุกขึ้น น้ำเพชรมองอย่างขัดอกขัดใจก้าวพรวดๆ เข้าไปจะกระชากให้ลุกขึ้นเร็วๆ ครรชิต
รีบเข้ามาแล้วร้องห้าม
“อย่า หนูน้ำ”
“ทำไมคะ น้ำหมั่นไส้มัน !ทำสำออยดีนัก”
“ออกไปพูดกันข้างนอกดีกว่า ลุงจะอธิบายให้ฟัง” น้ำเพชรหันมามองปลาใหญ่ ซึ่งยังนั่งมองมาอย่างอ่อนระโหยอิดโรย “ไปเถอะน่า”

น้ำเพชรชี้หน้าปลาใหญ่คาดโทษแล้วเดินออกไปกับครรชิต ปลาใหญ่ถอนใจยาว

น้ำเพชรทรุดตัวลงนั่ง สีหน้ายังบึ้งตึง

“ทีแรกลุงก็โกรธจนแทบจะฆ่ามันเหมือนกันแต่มาคิดอีกที นายเซียนเขาจะแกล้งคุณปลาใหญ่ทำไมในเมื่อเขาเองก็ต้องได้รับผลร้ายเหมือนกัน ... ถ้าคุณปลาใหญ่ตาย ... นายเซียนก็ต้องตาย” น้ำเพชรนิ่งอึ้งไปสีหน้ายังคงหงุดหงิด “นายเซียนบอกว่าถูกไอ้เอ็กซ์แกล้ง”
“มันโกหก”
“นายมอม นายป๋อง นายชายสี่ก็ยืนยันอย่างนั้น”
“พวกเดี๋ยวกันก็ต้องเข้าข้างกัน”
“ลุงยืนยันว่าไม่ใช่ เพราะตอนนี้ลุงป่องแกพาทั้ง 3 คนนั่นไปให้หลวงพ่อรดน้ำมนต์”
ประตูเปิดออกปลาใหญ่เดินออกมาอย่างอิดโรยซีดเซียวขณะที่ครรชิตพูด
“ผมเองก็มีส่วนผิดครับ”
“ก็ยังดีที่รู้ตัว”
“ถึงจะตกใจยังไง ผมก็ควรจะระวังไม่ให้ชนเทียนล้ม”
น้ำเพชรหันกลับไปทางครรชิตน้ำตาคลอ
“แล้วทีนี้จะทำยังไงคะ คุณปลาใหญ่จะอยู่ได้นานแค่ไหน ... ถ้าคุณปลาใหญ่เป็นอะไร แล้วน้ำจะทำยังไง” น้ำเพชรยิ่งพูดยิ่งน้ำตาไหลพรากๆ ปลาใหญ่มีสีหน้าสะเทือนใจสุดๆ “ถึงยังไงไอ้นายเซียนก็ต้องผิด มันดันไปสร้างศัตรูไว้จนทั่ว แล้วผลกระทบไม่ได้มีกับมันคนเดียว คุณปลาใหญ่ก็ต้องพลอยซวยไปด้วย”
“คุณน้ำ ผมจะทำยังไง คุณน้ำถึงจะหายโกรธ”
“ไม่มีวัน”
“ไปล้างหน้าล้างตาก่อนเถอะ นายเซียน”
ปลาใหญ่ขยับตัว
“คุณลุงไปพูดดีกับมันทำไม”
ปลาใหญ่ชะงักไปนิดหนึ่ง สีหน้าแววตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด แล้วเดินออกไป
“หนูน้ำอย่าใจร้ายกับเขานักเลย”
“ก็...”
“มันคงเป็นเวรเป็นกรรม เป็นโชคชะตาของทั้ง 2 คนนั่น” น้ำเพชรสะอื้น “เวลาของคุณปลาใหญ่เหลือน้อยลงไปทุกทีแล้ว เราควรมาช่วยกันคิดดีกว่าว่า จะทำยังไงให้ช่วงเวลาน้อยนิดนั้นมีค่ามากที่สุด”
น้ำเพชรยิ่งสะอื้น

ลุงป่องเดินนำมอม ชายสี่ มอม ป๋องมายังรถปิกอัพเก่าๆ ที่จอดอยู่
“ไอ้ชายสี่... เอ็งหายไปไหนมาตั้งแต่เช้า ... ลุงป่องเขาต้องมารอตั้งนาน”
“สังขารก็ไม่ค่อยดี ยังจะห้าวไปอีก”
ชายสี่ไม่ตอบไม่ยอมสบตาใคร เปิดประตูจะขึ้นรถ มอมดึงไว้
“เฮ้ย เสด็จเพื่อนถามทำไมไม่ตอบ”
“อย่ายุ่ง” ชายสี่ปัดมือมอมออก
“ปล่อยมันเถอะ มันจะไปไหนก็ช่างหัวมัน เดี๋ยววันนี้ทุกคนพัก 1 วัน ไม่ต้องออกรอบ”
ลุงป่องบอกทุกคนขึ้นรถ ชายสี่หูผึ่งตั้งแต่ป๋องพูดเรื่องลุงป่องไปออกรอบ
“ลุงป่องน่ะเรอะไปออกรอบตีก๊อป” ชายสี่ถามอย่างตกใจ
“เราถามมันไม่ตอบ...มันถาม...เราก็ไม่ตอบเหมือนกัน”
ชายสี่ขบกรามไม่พอใจ ขณะที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
“ใครโทร. มา” สามหนุ่มถามออกมาพร้อมกัน
“ยุ่ง... ฮัลโหล ว่าไง ! โอ.เค. ผมกำลังจะกลับ”
ลุงป่องขับรถออกไป

ลุงป่องรีบขับรถกลับบ้านขณะนั้นทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า
“มาแล้ว...มาแล้ว...มีอะไรก็ว่าไปเลย” สีหน้าแต่ละคนดูเคร่งขรึม โดยเฉพาะน้ำเพชรตาแดงๆ เหมือนเพิ่งผ่านการร้องไห้มา “ทำไมดูเครียดจัง”
“เพราะเรากำลังจะพูดถึงเรื่องที่เครียดที่สุด ... คุณปลาใหญ่ครับ ... เชิญ”
“ขอบคุณทุกคนที่ให้ความร่วมมือ ... เวลานี้ผมกับนายเซียนยอมรับความจริงแล้วว่า เราสองคนคงมีอายุยืนยาวไปไม่ได้มากเท่าไหร่ เพราะถึงแม้ว่าทุกคนจะพยายามช่วยสักแค่ไหน ก็ไม่อาจเอาชะตากรรมได้”
น้ำเพชรก้มหน้า น้ำตาไหลออกมาอีกขณะที่คนอื่นๆ น้ำตาคลอ
“ผมเองก็ไม่ได้ห่วงอะไรอีกแล้วแม่แต่สมบัติพัสถาน ใครอยากได้ก็ให้เขาไป แต่ปัญหาอยู่ที่ผมรับปากคุณพ่อไว้ ว่าจะดูแลทุกสิ่งทุกอย่างกลับคืนมา เพื่อมอบเป็นการกุศลต่างๆ และจะมีส่วนหนึ่งที่จะเอามาพัฒนาชุมชนแห่งนี้”
“พ่อช่างมีน้ำใจประเสริฐเหลือเกิน”
“ให้ทุนการศึกษาเด็กๆ ...ช่วยยกระดับความเป็นอยู่ของทุกคนโดยเฉพาะทางด้านสุขอนามัย”
ปลาใหญ่สะอื้นฮัก
“เป็นอะไร ไอ้เซียน”
“ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกตัวว่าไร้ค่ามาก ยิ่งฟังปลาใหญ่พูด ผมยิ่งรู้สึกตัวว่าเป็นเพียงธุลีดิน”
“นายน่ะแย่ยิ่งกว่านั้นอีก”
ปลาใหญ่ทรุดตัวลงกับพื้นแล้วก้มกราบน้ำเพชร
“ผมต้องขอประทานโทษคุณน้ำที่ไม่เจียม Body บังอาจเผยอหน้าไปหลงรัก จนทำให้เกิดเรื่องบ้าๆพวกนี้ขึ้น คุณน้ำจะโหสิให้ผมได้มั้ยครับ”
น้ำเพชรเม้มปาก คอแข็ง
“อโหสิให้เขาเถอะ น้ำเพชร จะได้ไม่เป็นเวรเป็นกรรมกันต่อไป”
“ถ้าคุณหนูไม่โหสิ ก็อาจจะต้องไปเจอกันชาติหน้าอีก”
“งั้นฉันอโหสิ”
“งั้นผมขอยกเลิก”
“คุณปลาใหญ่ ... ต่อไปเถอะครับ ... ไอ้เจ้าเซียนมันพล่ามเสียเวลา”
“ผมจริงจังและจริงใจนะครับ”
“แผนแรก ต้องอาศัยลุงป่องและนายมอมกับนายป๋อง”
“อย่าเพิ่งให้ชายสี่เข้ามานะคะ น้ำยังไม่ไว้ใจเพราะเท่าที่รู้เขาสนิทกับคุณรันมาก”
“ครับ ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน”

ที่บ้านชายสี่ขณะนั้น ชายสี่กำลังคุยกับมอมและป๋องเรื่องลุงป่อง
“พวกเอ็งไม่สงสัยกันหรือว่า ลุงป่องแกไปเอาเงินเอาทางจากไหนไปตีกอล์ฟ”
“แกคงมีมรดก”
“มีมรดกแล้วทำไมมาอยู่ที่นี่”
“เพราะแกอยากอยู่”
ชายสี่อ้าปากจะถามอีก
“อย่าถามอีกนะเว้ย ! ข้าจะนอนแล้ว อ่อนเพลีย”
“ถามอีกคราวนี้มีเรื่อง”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ชายสี่หยิบมาดูแล้วรีบเดินออกไป มอมและป๋องหลับอย่างอ่อนเพลีย

ชายสี่หลบออกมาคุยโทรศัพท์นอกบ้าน
“สวัสดีครับ.... คุณรัน .... อ๋อ ยังไม่มีอะไรคืบหน้าครับ ...ถ้ามีแล้วผมจะรีบโทร.บอก ... ครับ ... ครับ .... ขอบคุณมากครับ”
ชายสี่เก็บโทรศัพท์ด้วยสีหน้าแช่มชื่น ชายสี่ยืนคิดครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจเดินไปที่มอเตอร์ไซค์ขี่ออกไป

เซียนเบือนหน้ามาทางครรชิต
“คุณครรชิต ผมอยากจะทำบุญ”
ครรชิตและลุงป่องยกมือท่วมหัว น้ำเพชรและปลาใหญ่รีบทำตาม
“ขออนุโมทนา...”
“แล้วแกล่ะ ไอ้เซียน อยากจะทำบุญบ้างมั้ย”
“อยากซิลุง แต่มันขาดแคลนทุนทรัพย์”
“ก็เงินที่นายขโมยคุณปลาใหญ่ไปใช้ไง หมดแล้วเรอะ”
“ยังครับ”
“ก็เอาเงินนั่นแหละมาทำบุญ”
“งั้นบุญก็ต้องตกเป็นของปลาใหญ่อีกน่ะซิครับ”
“ใช่”
“อ้าว”
“ฉันยกให้นาย นายเอาไปทำบุญได้เลย”
“ขออนุโมทนา”
น้ำเพชรค้อนปลาใหญ่อย่างขวางๆ แล้วชะงักเมื่อเห็นหัวใครแวบๆ อยู่ข้างนอก น้ำเพชรจุ๊ปาก
“อะไร”
“เบาๆ ค่ะ มีคนอยู่ข้างนอก”
“ใคร”
“ไม่ทราบค่ะ”
“ผมเอง! ทุกคนทำเป็นคุยกันต่อ”

ลุงป่องลุกขึ้นเดินออกไป

ลุงป่องเดินออกมาแล้วย่องๆไปบริเวณหลังบ้านเห็นชายสี่กำลังแนบหน้าแอบฟัง ลุงป่องส่ายหน้าเดินไปใกล้แล้วสะกิดชายสี่ปัดโดยไม่ได้หันมาดู

“อย่ายุ่ง” ลุงป่องสะกิดอีก “บอกว่าอย่ายุ่ง” ลุงป่องเขกหัวป๊อกใหญ่ “โอ๊ย ไอ้ ...” ชายสี่หันมาแล้วชะงักหน้าเหยทันที “ลุงป่อง”
“เอ็งมาทำอะไรแถวนี้”
“คือ...ผมมาเยี่ยมลุงน่ะ”
“มาเยี่ยมแล้วทำไมไม่เข้าไปข้างใน กลับมาด้อมๆ มองข้างนอก แบบไม่บริสุทธิ์ใจนี่หว่า”
“ผมเปล่า”
“แล้วแข็งแรงดีแล้วเรอะ”
“ยังจ้ะ ยังมึนๆ อยู่เฉยแต่อยากมาเยี่ยมลุง”
“เพิ่งเจอกันเมื่อกี้นี้เอง จะมาคิดถึงอะไรนักหนา” ชายสี่ยิ้มแห้งแล้ง “กลับไป แล้วก็อย่ามาทำตัวเป็นสาบลับแถวนี้”
“ครับผม”
ชายสี่เดินออกไป ลุงป่องส่ายหน้า
“ไว้ใจไม่ได้จริงๆ”

ทุกคนกำลังปรึกษากันอยู่ขณะที่ลุงป่องเดินกลับเข้าหา
“เจอใครหรือเปล่า”
“ชายสี่”
“มันมาทำไม”
ลุงป่องอ้าปากยังไม่ทันพูดออกมา ปลาใหญ่ขัดขึ้นก่อน
“มาแทรกซึมบ่อนทำลาย ไอ้ชายสี่เนี่ยเห็นหน้าตามันโง่ยังงั้น ความจริงแล้วมันโง่ยิ่งกว่าหน้าตาอีก”
“ยังกับนายฉลาดนักนี่”
“นายประกาศตัวว่าจะเป็นคนดี ใจบุญสุนรับประทาน...”
“ใจบุญสุนทานครับ”
“ก็นั่นแหละ ในเมื่อนายตัดสินใจดีๆได้แล้ว นายก็ควรจะรักษาความรู้สึกดีๆ นั้นไว้”
“ได้ยินมั้ย นายเซียน”
“เต็ม 2 หูเลยครับ”
“ต่อไปนี้ไม่ว่าจะวางแผนอะไร เราต้องกันไอ้ชายสี่ออกไปกินหมี่เกี๊ยว”
ทุกคนพยักเพยิดกัน

อีกด้านหนึ่งเกริกก้องนัดเจอกับปกรณ์ที่ร้านอาหาร
“นายก็รู้ว่า ฉันไว้ใจนายมาก”
“ครับ ... แล้วผมก็ซาบซึ้งกับความไว้วางใจของคุณก้องมากเหมือนกันแล้วก็ตั้งใจว่าจะไม่ทำให้คุณก้องต้องผิดหวังเลย”
“นายต้องพิสูจน์”
“ครับ อีกวัน 2 วัน คุณก้องคอยฟังข่าวดีจากผมได้เลย”
เกริกก้องพยักหน้าด้วยความพอใจ

สายพิณในชุดนักศึกษาเดินปาดเหงื่อมาหน้าบ้านสายไหม
“ป้า ป้าไหม อยู่หรือเปล่าจ้ะ”
เซียนเปิดประตู เดินออกมา
“ป้าไหมไม่อยู่ ไปปฏิบัติธรรมกับยายปิ่น”
“เออ ...ใช่ บอกตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วฉันก็ลืมไป”
สายพิณหันหลังกลับเซียนรีบถาม
“วันนี้สอบได้หรือเปล่า”
สายพิณหันขวับมา
“นายต้องถามใหม่ว่า สอบได้ A หรือเปล่า”
“แล้วได้ไหมล่ะ”
“ไม่ได้หรอก”
“ทำไมถึงกลับค่ำ”
สายพิณหยุดชะงัก แล้วค่อยๆ หันกลับมา ท้าวสะเอว
“เป็นพ่อฉันเรอะ ถึงได้มาถามซอกแซกแบบนี้”
“ผมแค่สงสัยว่า ทำไมมหาวิทยาลัยเมืองไทยถึงได้สอบเสร็จเอาค่ำมืด”
“ฉันสอบเสร็จตั้งนานแล้ว แต่แวะไปติวกับเพื่อนต่อเพราะจะต้องสอบวันมะรืนนี้...เป็นไง ชัดมั้ย! เสด็จพ่อ”
สายพิณหันหลังเดินไป
“ไม่อยากรู้หรอกหรือว่า วันนี้คุณตกข่าวอะไรไปบ้าง” สายพิณหันกลับมาเลิกคิ้ว “ผมมีอาหารเลี้ยงด้วย”
สายพิณหรี่ตามองอย่างชั่งใจ

เซียนยกจานและช้อนส้อมมาวางให้สายพิณซึ่งกำลังมองกล่องพิซซ่าบนโต๊ะกินข้าวพลางกลืนน้ำลายเซียนเปิดกล่องและแบ่งใส่จานให้
“หิวใช่มั้ยละ”
สายพิณเชิดหน้ากลบเกลื่อน
“เปล่า! แต่จะช่วยนายกิน เพราะนายคงกินคนเดียวไม่หมด! เสียดายเงิน” เซียนแบ่งใส่จานตัวเอง แล้วกิน สายพิณกินอย่างเอร็ดอร่อย “ไหนเมื่อกี้นายว่า ฉันตกข่าวอะไร”
“ข่าว...” เซียนชะงักและนิ่วหน้าแล้ววางพิซซ่าลง
“เป็นอะไรน่ะ” สายพิณตกใจเซียนส่ายหน้าท่าทางเหมือนพูดไม่ออก “เฮ้ย! อย่าเพิ่งตายนะ...” เซียนตกลงจากเก้าอี้และตัวงอ สายพิณรีบตามมาทรุดตัวลงข้างๆแล้วประคองหัวขึ้น “เป็นอะไรน่ะ ปลาใหญ่...”
เซียนนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นนั่งพิงฝาบ้าน
“ปลาใหญ่”
เซียนค่อยๆลืมตาขึ้น
“ค่อยยังชั่วแล้ว”
“นายเป็นอะไรของนายน่ะ”
“อยู่ดีๆ ผมก็หายใจไม่ออกขึ้นมาเฉยๆ..นึกว่าจะไปซะแล้ว”
“อย่ามาทำเป็นพูดเรื่องความเป็นความตายนะ! ฉันไม่อยากฟัง” สายพิณบอกเสียงสั่น
“กลัวผมตายเหมือนกันหรือ”
“ทุเรศ! ฉันกลัวพี่เซียนของฉันตายย่ะ”
เซียนหน้าสลดลง แล้วพยายามพยุงตัวลุกขึ้นนั่ง
“คุณกลับไปเถอะ”
“ไม่เป็นอะไรแน่นะ”
เซียนพยักหน้า สายพิณลังเล็กน้อย แล้วจะเดินออกไป
“เอาพิซซ่าไปด้วย” สายพิณหันมามอง “เอาไปเถอะ...ผมกินไม่ได้แล้ว”
เซียนปิดกล่องพิซซ่าส่งให้
“ขอบใจ”
เซียนพยักหน้าและทรุดตัวลงนั่ง มองสายพิณถือกล่องพิซซ่าเดินออกไป

สายพิณกลับมาบ้านวางกล่องพิซซ่าและข้าวของลงบนโต๊ะเดินไปใส่กุญแจประตูบ้านแล้วเดินกลับมาทรุดตัวลงนั่งทอดสายตามองกล่องพิซซ่าแล้วนึกถึงเซียนตอนที่ทรุดตัวลง...สายพิณหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาปลาใหญ่ทันที
“พี่เซียนเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”
สายพิณกดโทรศัพท์ แล้วรอครู่หนึ่ง
“มีอะไรหรือหนูสายพิณ”
“พี่เซียนเป็นอะไรคะ คุณครรถึงรับโทรศัพท์แทน”
“เมื่อกี้อยู่ดีๆก็ฟุบไปเฉยๆ แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว...นี่ลุงกำลังจะไปอยู่เป็นเพื่อนคุณปลาใหญ่”
“เมื่อกี้ปลาใหญ่ก็เป็นเหมือนกันค่ะ ตอนนี้ดีแล้ว”
“ลุงจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
เสียงโทรศัพท์ถูกตัดไป
“อีตาคุณลุงครรนี่ จะทิ้งพี่เซียนมาได้ยังไง”
สายพิณสะพายกระเป๋าและไขกุญแจบ้านออกไปอีก

สายพิณรีบมาหาปลาใหญ่ที่บ้าน ขณะนั้นปลาใหญ่นั่งอยู่หน้าบ้านสีหน้าท่าทางเหมือนกำลังพยายามจะสูดอากาศบริสุทธิ์ สายพิณขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดแล้วรีบตรงมาที่ปลาใหญ่ด้วยความเป็นห่วง
“พี่เซียน! เป็นยังไงบ้างจ๊ะ”
“ค่ำมืดป่านนี้มาทำไม”
ปลาใหญ่มองสายพิณอย่างตำหนิ สายพิณชะงักสีหน้าเต็มไปด้วยความน้อยใจ
“กลับบ้านไป”
“พิณเป็นห่วงพี่เซียน”
“พี่จะเข้าโลงอยู่แล้วไม่ต้องเป็นห่วง! ห่วงตัวเองเถอะ..ค่ำๆมืดๆ เป็นผู้หญิงออกจากบ้านคนเดียวอันตรายทั้งนั้น”
“พี่เซียน...” สายพิณน้ำตาคลอ
“บอกให้กลับไปไง”
สายพิณน้ำตาร่วงและหันหลังเดินไปขึ้นมอเตอร์ไซค์และขับออกไป
 
สีหน้าปลาใหญ่คลายความเครียดเคร่งลง ขณะเอ่ยออกมา “พี่จะพยายามทำให้พิณตัดใจจากพี่ให้ได้...”

แสบสลับขั้ว ตอนที่ 15 (ต่อ)

ที่บ้านของเซียนในชุมชนยามนั้น ครรชิตชงกลูโคสผสมกับน้ำ ก่อนจะยื่นส่งให้ปลาใหญ่ในร่างเซียนดื่ม

“รับประทานน้ำดื่มกลูโคส เพื่อความสดชื่นสักหน่อยครับ...” พร้อมกันนั้นครรชิตก็ควักกระเป๋า หยิบยาดมยื่นให้ด้วย “และนี่...ยาดม”
เซียนรีบคว้ายาดม มาดมก่อน พลางส่ายหน้าอย่างหมดอาลัยตายอยาก
“ดื่มไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก ชีวิตผมต่อจากนี้มีแต่รอวันตายเท่านั้น”
ครรชิตหน้าเศร้าลง “ถึงอย่างไรก็ดื่มเถอะครับ นึกว่าเห็นแก่ผมที่อุตส่าห์แวะไปซื้อก่อนจะมาหาคุณปลาใหญ่”
ปลาใหญ่ในร่างเซียนสะท้อนใจ หยิบกลูโคสมาดื่มอย่างง่ายดาย
“ฟังผมให้ดีนะ คุณครรชิต” เซียนเอ่ยขึ้น
ครรชิตใจหายวาบ หน้าตาเหยเก “อย่าพูดอย่างนั้นซิครับ”
เซียนพูดสวนออกมา “ผมต้องพูด...”
ครรชิตสวน “ได้โปรด...”
เซียนบอกเสียงเข้ม “คุณครรชิต จะฟังหรือไม่ฟัง!”
ครรชิตบอกโยไม่ต้องคิด “ไม่ฟังครับ ผมใจหายมาพอแล้ว ไม่อยากจะใจหายอีก!!!”
“ผมจะพูดเรื่องแผนเอ! ทำไมคุณจะต้องใจหาย” เซียนว่า
บ่าวและเลขาผู้ซื่อสัตย์ ชะงัก ทวนคำของเซียน “แผนเอ”
“ใช่ แผนเอ หรือแผน คุณอดิศักดิ์ศรี” เซียนเว้นไปนิดหนึ่ง “ถึงเวลาที่เราจะแทรกซึมเข้าไปแล้ว”
ครรชิตได้ฟังก็มีท่าทีเข้มแข็งขึ้นมาทันควัน

ด้านสายพิณเดินยกแขนปาดน้ำตาออกมาจากบ้านป่อง ในขณะที่ป่องดับเครื่องจอดมอเตอร์ไซค์ยืนมองอย่างงงๆ ระคนแปลกใจ จนต้องถาม
“ร้องไห้ทำไมสายพิณ”
สายพิณเงยหน้า ไม่ยอมตอบอะไร กลับปล่อยโฮลั่น
“ลุงป่อง”
ป่องยิ่งงงหนัก “อ้าว ยิ่งไปกันใหญ่เลย”
“พี่เซียนบอกว่าเค้าใกล้จะตายแล้ว” สายพิณร้องไห้ พูดคร่ำครวญ
“เฮ้อ...บางทีคนเรามันก็ต้องยอมรับความจริงบ้าง คนจะเกิด จะคลอด จะตาย มันห้ามกันได้ที่ไหน” ป่องบอกอย่างคนผ่านโลกมามากกว่า
สายพิณกลับโกรธ ด่าออกมา “ลุงป่องบ้า มาแช่งพี่เซียนทำไม ลุงป่องเองนั่นแหละต้องตายก่อนพี่เซียน”
ป่องสะดุ้งโหยง “เอาเข้าแล้วมั้ยล่ะ”
สายพิณพ่นต่ออย่างมีอารมณ์ “ตัวเองแก่กว่าพี่เซียนตั้งเยอะ แล้วยังจะแช่งเขาอีก”
จากนั้นสายพิณก้าวขึ้นมอเตอร์ไซค์ตัวเอง สตาร์ทเครื่องแล้วขี่ออกไปอย่างหงุดหงิด ขณะที่ป่องมองตาม ก่อนจะหันกลับเดินเข้าบ้านไป

ส่วนทางครรชิต เดินไปที่ประตูบ้านเซียน สีหน้าที่ดูมั่นอกมั่นเริ่มเปลี่ยนเป็นลังเล “คุณปลาใหญ่แน่ใจว่าจะได้ผลเหรอครับ” ครรชิตรอฟังที่ปลาใหญ่ในร่างเซียนบอก
“ตอบตามตรงว่าไม่รู้ แต่ยังไงก็ต้องลอง มอมกับป๋องรู้เรื่องยัง?”
“ผมเคยพูดคร่าวๆ เอาไว้แล้วครับ แค่ย้ำอีกนิดหน่อยคงโอเค. น้องคนนี้กะล่อน” ครรชิตบอก
“งั้นเรียกตัวมาที่นี่เลย...อ้อ! อย่าให้ชายสี่ ตามมาเด็ดขาด” เซียนกำชับ
ครรชิตหยิบโทรศัพท์มากดโทร.ออกทันที

ที่บ้านชายสี่ เวลาเดียวกันนั้น มอมลุกขึ้นจากที่นอนมาจับพัดลมให้หันมาจ่อทางตัวเอง
ชายสี่โวยวาย “ไอ้มอม อย่าเห็นแก่ตัวซิเว๊ย”
“มนุษย์ทุกคน ย่อมมีความเห็นแก่ตัวด้วยกันทั้งนั้น...มากบ้าง น้อยบ้าง ตามกิเลส” มอมว่า
ชายสี่แขวะ “แต่เอ็งน่ะมีมากเลย”
มอมสวนออกมา “ใครเถียง”
ระหว่างนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือป๋องดังขึ้น
ป๋องเสียงดัง “หยุด!” หันไปดูโทรศัพท์ “คุณคันโทร.มา...ฮัลโหล...คุณคัน จะชวนไปปาร์ตี้หมูกระทะหรือครับ” ป๋องหยุดฟังแล้วเหลือตาไปมองชายสี่ ที่จ้องเขม็งแว่บหนึ่ง “อ้อ...อื้อ...อื่อฮึ...อื่อฮึ...เข้าใจ...ถูก...ใช่...อื่อฮึ...โอเค” จากนั้นป๋องก็กดปิดโทรศัพท์
มอมถามอย่างงวยงง “อะไรของเอง อื่อฮึ...อื่อฮึ ของเอ็งอยู่นั่นแหละ”
“คุณคัน...ชวนไปดูผี” ป๋องบอก
ชายสี่กับมอมประสานเสียง “เฮ้ย”
ป๋องบอก “ไป! นี่สามทุ่มกว่าแล้ว...ประมาณสี่ทุ่มคงจะถึง ลุก!”
มอมส่ายหน้า “เอ็งไปคนเดียวเถอะ ดูอะไรไม่ดู...ชวนไปดูผี”
“คุณคันแกเดาถูกเต๊ง” ป๋องหมายถึงเป๊ะ
มอมกับชายสี่มองป๋องอย่างสงสัย ป๋องพูดต่อ
“แกบอกว่า คุณมอมขี้ขลาดไม่ยอมไปหรอก ส่วนคุณชายสี่กล้าหาญต้องไปแน่”
มอมกับชายสี่มองตากันปริบๆ

เวลาต่อมา ป๋องกะมอมอยู่ที่หน้าบ้านแล้ว สองคนเดินมาที่มอเตอร์ไซค์ มอมถามขึ้นอย่างสงสัย
“ทำไมเอ็งพูดแบบนั้นล่ะ”
ป๋องรีบบอก “เพราะคุณคันไม่ต้องการให้ไอ้ชายสี่มันไปด้น่ะซิ”
มอมพยักหน้า “เข้าใจแระ”
ทันใดนั้นชายสี่ก็โผล่ออกมาจากบ้านร้องบอก “ข้าไปเป็นเพื่อนอีกคนเอามั้ย”
สองคนหันมาตอบเป็นเสียงเดียวกัน “ไม่เอา”
ชายสี่งง “ทำไมล่ะ ก็ข้าจะไปเป็นเพื่อน”
มอมรีบบอก “ชายสี่...เอ็งเป็นคนหล่อ ถึงจะน้อยกว่าข้า แต่ก็ถือว่าหล่อ”
ชายสี่โบกมืออย่างขัดเขิน มอมแมมพูดต่อ
“คิดดูซิ ถ้าเอ็งเจอผีซ้ำเติมจะเป็นยังไง ผมต้องร่วงแน่ๆ ถ้าไม่มีผม หน้าเอ็งจะเลี่ยนจนหมดหล่อไปเยอะเลย”
ป๋องรีบเสริม “แล้วแฟนเอ็ง อาจจะผิดหวัง”
ชายสี่ออกอาการลังเล
มอมจัดการต่อ “เอ็งอยู่หล่อๆ แบบนี้แหละดีแล้ว ไป ไอ้ป๋อง”
ป๋องกะมอมรีบขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปทันควัน

ในขณะที่เซียนกำลังหารืออยู่กับครรชิตในบ้าน ป๋องกับมอมก็เดินเข้ามาหา
“มาแล้ว มาแล้ว” มอมร้องบอก
“คุณเซียนละครับ” ป๋องไม่เห็นเซียนก็ถามถึง
ปลาใหญ่ในร่างเซียนบอกแทน “เขาไม่ค่อยสบาย ก็เหมือนกับผม ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องไปไหนมาไหน”
มอมร้อนใจ อยากรู้แผนที่เรียกออกมา “ว่ามาเลย จะเอายังไงก็ว่ามาเลย”
เซียนหันไปทางครรชิต “คุณครรชิตเชิญ”

ครรชิตกระแอม เริ่มบบรรยายแผนการ

เวลาต่อมา ที่ร้านอาหารหรูหราและมีระดับ กลุ่มของเกริกก้อง จันทร์ทิพย์ ปกรณ์และใหญ่กับลูกน้องอีก 2 คน นั่งอยู่มุมหนึ่ง จังหวะนั้นเกริกก้องสั่งอาหารเสร็จ บริกรโค้งอย่างนอบน้อมแล้วเดินออกไป

พอดีกับที่ลุงป่องในคราบ...คุณอดิศักดิ์ศรี ก้าวเข้ามาพร้อมไม้กอล์ฟในมือที่แกว่งไปมา ตามติดด้วยป๋องและมอมในฐานะคนสนิทซ้าย-ขวา
มอมเอ่ยขึ้นอย่างนอบน้อม “ท่านครับ กรุณาหยุดให้ผมเช็ดเหงื่อก่อนครับ”
ลุงป่องหยุดให้เช็ด ขณะที่ป๋องตะโกนขึ้นเสียงดัง
“เร่งแอร์หน่อย ท่านอดิศักดิ์ศรี ไม่ปลื้มอากาศร้อน”
ผู้จัดการร้านรีบเข้ามาต้อนรับ แล้วพาไปนั่งโต๊ะไม่ไกลโต๊ะเกริกก้องนัก
“เดี๋ยวผมจะให้เขาจัดการเรื่องแอร์ให้นะครับ” ผู้จัดการบอกอย่างเคารพนบนอบ
มอมบอก “ดี! ท่านอดิศักดิ์ศรีเพิ่งกลับจากอัฟริกา”

ครรชิตที่ฟังเหตุการร์อยู่ในรถคันหนึ่งซึ่งจอดซุ่มอยู่นอกร้าน ถึงกับสะดุ้ง เผลอตวาดเสียงดัง ใส่คุณๆ ในร้าน
“ไอ้บ้า เพิ่งกลับจากอเมริกา”
มอมสะดุ้ง รีบขยับหูฟังที่ซ่อนอยู่ พูดแก้ “เพิ่งกลับจากอเมริกา” ก่อนจะหันไปตะเพิดผู้จัดการที่จ้องอยู่ “รีบไปซิ”
“ครับ ครับ เชิญท่านสั่งอาหารได้นะครับ” ผู้จัดการพยักหน้าเรียกบริกร นำเมนูมายื่นให้
ลุงป่องรับมาแล้วต้องสะอึก เพราะเมนูชื่ออาหารเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด ป่องกระแอมแล้วยื่นเมนูในมอม
“สั่งให้หน่อยซิ”
“เอามานี่ครับ ผมสั่งเอง” ป๋องดึงเมนูมา แล้วก็อึ้งไปเหมือนกัน

ส่วนภายในรถ ครรชิตคอยกำกับ พูดใส่หูฟังคุณๆ ทั้งกลุ่ม
“เกิดอะไรขึ้น” ครรชิตเห็นผิดปกติ
ป๋องกระแอม ก่อนจะกระซิบบอกเบาๆ “ชื่ออาหาร อ่านไม่ออก”
“งั้นก็สั่งจานเด็ดเลย” ครรชิตบอก
“ใช่ สั่งจานเด็ดเลย” ป๋องพูดตามด้วยเสียงดังๆ
ผู้จัดการมองป๋องงงๆ ป๋องกับมอมแมมหันไปทางป่องพร้อมๆ กัน ป่องพยักหน้าหงึก
มอมวางมาดเก๋แบบผู้ดี ยื่นเมนูคืนบริกร “เอาจานที่ดีที่สุด และอร่อยที่สุดในร้านมา”
“ครับ” บริกรขยับตัวจะออกไป
ถูกลุงป่องเรียกไว้ “เดี๋ยว”
บริกรหันมา “ครับ ท่านจะสั่งอะไรเพิ่มหรือครับ”
ลุงป่องบอกอย่างเคยปาก “(เบียร์)ลีโอ”
“ครับท่าน”
ลุงป่องพยักหน้าไปทางมอม “ให้เขาไปพันนึง ค่ามารอ”
“ครับ” มอมรับทราบ พลางล้วงกระเป๋าหยิบธนบัตรใบละหนึ่งพันบาทยื่นให้บริกร “ท่านให้ค่าเสียเวลา”
“แต่...” บริกรอึกอัก
ป๋องคะยั้นคะยอ “รับไป เดี๋ยวท่านโกรธ จะให้เป็น 2 พัน”
“ครับ ขอบพระคุณมากครับท่าน” บริกรเดินออกไป

เหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ในสายตาพวกเกริกก้อง ปกรณ์หมั่นไส้จนโพล่งออกมา
“ผมหมั่นไส้มันเหลือเกินครับ คุณก้อง”
“ฉันน่ะอยากจะซัดมันตั้งแต่ในสนามกอล์ฟแล้ว” เกริกก้องก็หมั่นไส้

ส่วนที่บ้านลุงป่อง เวลานั้นเซียนในร่างปลาใหญ่หยิบขวดน้ำหอมมาฉีดพรมทั่วตัว แล้วยื่นขวดน้ำหอมให้ปลาใหญ่ในร่างเซียน
“เอ้า ฉีดซะ” ปลาใหญ่บอก
“ไม่ละ” เซียนจะไม่ยอมฉีด
“ฉีดเหอะน่า กลบกลิ่นหน่อย สงสารคุณน้ำกับน้องสายพิณเค้า” ปลาใหญ่ว่า
ที่แท้น้ำเพชร กับสายพิณนั่งอยู่ในบ้านด้วย โดยนั่งตรงข้ามกันและมีมาสค์คาดหน้าทั้งสองสาว
น้ำเพชรมองหน้าเซียนด้วยความสงสาร จึงรีบดึงมาสค์ออก แล้วสะกิดสายพิณ สายพิณดึงออกตาม
“ไม่เป็นไรครับ ถ้าเหม็นมากก็ปิดเถอะ” เซียนบอก
สายพิณรีบตอบปลอบใจ “อ๋อ...ไม่เหม็นมากเท่าไหร่หรอก” แต่สีหน้ายังดูแหยงๆ
เสียงชายสี่ดังขึ้น “สวัสดีคร๊าบ...มีใครอยู่บ้างมั้ยคร๊าบ”
ทุกคนชะงัก มองหน้ากันไปมา แล้วหันไปคุยกันต่อ ไม่สนใจ
ชายสี่เดินเข้ามาในรถ แต่ต้องชะงักกึก ยกมือปิดจมูก เซียนกับปลาใหญ่หน้าเสีย
“หือ...กลิ่นตัวอะไรตายเนี่ย...เหม็นกระจายเลย...ไม่ได้กลิ่นกันบ้างเรอะ”
“กลิ่นหนูตาย” สายพิณกับน้ำเพชรประสานเสียง
“มันตายกันบ่อย คนแถวๆ นี้เลยชิน” สายพิณบอก
น้ำเพชรรีบเปลี่ยนเรื่อง “มีธุระอะไรหรือ”
“มีใครเห็นไอ้ป๋องกับไอ้มอมบ้างครับ”
ทั้ง 4 คน ส่ายหน้าพร้อมกันโดยอันโนมัติ

ส่วนในร้านอาหารหรู บริกร 2 คน เริ่มทยอยนำมาหารมาเสิร์ฟที่โต๊ะท่านอดิศักดิ์ศรี
ป่องหันไปทางมอม ทวงยอดข้าวยี่ห้อโปรด “ลีโอ”
“ครับท่าน” มอมควักแบงค์พัน ยื่นให้บริกรอีกคนละใบ “เอ้า! ท่านอดิศักดิ์ศรี ให้ค่าเสียแรงยกมาอีกคนละพัน”
บริกรทำท่าจะปฏิเสธ ในขณะที่กลุ่มของเกริกก้องหันมามองเป็นตาเดียว
มอมรีบบอก “ห้ามปฏิเสธ เพราะท่านอดิศักดิ์ศรีจะโกรธ” มอมเว้นวรรคนิดหนึ่ง แล้วเน้นเสียงฉะฉาน “แล้วก็จะเพิ่มให้อีกคนละพัน”
2 บริกรยอมรับไป โค้งแล้วโค้งอีกอย่างตื้นตัน ก่อนจะออกไป

จันทร์ทิพย์หมั่นไส้ หันมากระซิบถามสามี “มันทำมาหากินอะไรกันนะคะ”
ป่องเรียกป๋องเสียงดังลั่นร้าน “รูเปิด”
ทุกคนสะดุ้ง ครรชิตที่อยู่ในรถก็สะดุ้งเช่นกัน ร้องลั่น “จะบ้าเรอะ”
ป่องสะดุ้งเฮือกรีบเอามือจับหู
“รูเพิร์ต ไม่ใช่รูเปิด” ครรชิตตะโกนใส่หู
ลุงป่องกระแอมเล็กน้อยเรียกป๋องใหม่ “รูเพิร์ต”
“ครับท่านอดิศักดิ์ศรี” ป๋องลุกยืนอย่างนอบน้อม
“ป่าวประกาศ” ลุงป่องบอก
ป๋อง หรือรูเพิร์ตจัดให้ “ทุกท่านที่อยู่ในที่นี้ ช่วยกรุณาฟังสักครู่นึงนะครับ คือคุณอดิศักดิ์ศรีวิงวอนขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงอาหารทุกท่านนะครับ”
ทุกคนต่างอึ้งไปเป็นแถบ ก่อนที่จะมีลูกค้าโต๊ะหนึ่งยืนขึ้นแล้วปรบมือให้ โต๊ะอื่นๆ ต่างลุกยืนปรบมือเหมือนกัน ยกเว้นก็แต่โต๊ะเกริกก้องแถมปกรณ์ยังลุกพรวดขึ้นอย่างไม่พอใจ
“ไม่รับเลี้ยงเว๊ย อย่างนี้มันดูถูกกันนี่หว่า”
พอจบคำพูดของปกรณ์ ป่องรีบยกมือกุมหน้าอก เหมือนเจ็บปวดร้าวรานเหลือแสน มอมรีบเข้าประคองและพยาบาลทันที
ป๋องรีบหันมาร้องขอโต๊ะเกริกก้อง
“ได้โปรดรับเถอะครับ ท่านอดิศักดิ์ศรีเป็นโรคหัวใจ ถ้าถูกปฏิเสธหัวใจจะหยุดเต้น ท่านกลัวว่าจะตายก่อนใช้เงิน 3 แสนล้านหมด”

ปกรณ์ทำท่าอ้าปากจะพูดอีก แต่เสียงโต๊ะอื่นพากันครางฮือ เกริกก้องรีบจับแขนปกรณ์ไว้ นัยน์ตาวาววับเป็นประกายเจ้าเล่ห์แว่บหนึ่ง

“ต้องขอประทานโทษ ท่านอดิศักดิ์ศรีด้วยครับ” เกริกก้องพยักหน้าพลางยิ้มให้ป่อง
ลุงป่องหายป่วยทันที ยิ้มตอบ “ไม่เป็นไร ผมให้อภัยทุกคนเสมอ”
“ขอบพระคุณครับ” เกริกก้องพูดจานอบน้อม
“ยู อาร์ เวรกรรม” ลุงป่องบอกพลางแจกยิ้ม
ทุกคนสะดุ้ง โดยเฉพาะครรชิต ตะโกนใส่หูฟัง “ยู อาร์ เวล คัม เว๊ย”
ลุงป่องรีบแก้ แต่เอามาทั้งยวง “ขอโทษ ยู อาร์ เวล คัม เว๊ย”
มอมกับป๋องรีบสะกิด “ไม่มีเว๊ย”
ลุงป่องดันพูดตามอีก “ไม่มีเว๊ย ครับ”
ทุกคนต่างทำหน้าแปลก
ป๋องรีบแก้สถานการณ์ “ท่านอดิศักดิ์ศรีตลกมากครับ”
ลุงป่องเคลิ้มอินบทท่านอดิศักดิ์สุดๆ “ใช่ ใช่ โอ๊ เย่...เชิญท่านมาร่วมโต๊ะกันดีมั้ยครับ ผมรู้สึกถูกชะตากับท่านมาก โหงวเฮ้งท่านชั่ว....”
ทุกคนสะดุ้งโหยง โดยเฉพาะกลุ่มเกริกก้อง ป่องรีบพูดต่อ
“...น้อยกว่าทุกคนที่ผมเคยรู้จัก ชั่วจนแทบจะไม่มีความชั่วเลย”

พอได้ฟังทุกคนต่างถอยหายใจยาว และมีสีหน้าดีขึ้น

ส่วนที่บ้านลุงป่องเวลานั้นเต็มไปด้วยความอึดอัด จู่ๆ ชายสี่ลุกขึ้นจะเดินออกไป ท่ามกลางความโล่งใจของทุกคน แต่แล้วกลับหันมาอีก ทุกคนที่กำลังผ่อนลมหายใจ ต่างปรับท่าทีเป็นจริงจังเหมือนๆ กัน

“แล้วลุ่งป่องล่ะ” ชายสี่ถามขึ้นมา
“ไปเยี่ยมญาติ” เซียนโพล่งออกมา
“เอ ลุงป่องแกยังมีญาติเหลือด้วยเรอะ” ชายสี่กังขา
“ญาติที่วัดเสมียน ญาติแกไปชุมนุมรวมกันที่นั่น” ปลาใหญ่ผสมโรง
“อ้อ....อ๋อ” ชายสี่พยักหน้า หันกลับไป แต่แล้วกลับหันขวับมาอีก ทุกคนต่างรีบขยับตัวปรับท่าอีกหน “แล้ว...”
น้ำเพชรรู้ว่าชายสี่จะถามหาใครอีก รีบตอบทันที “คุณลุงครรชิตก็ไปด้วย”
“ไปเป็นเพื่อนไง ลุงป่องแกกลัวผี” คราวนี้สายพิณโชว์มั่ง
“ขนาดมีญาติยังกลัว” น้ำเพชรผสมโรง
จากนั้นทุกคนก็ช่วยพยักเพยิดอย่างขันแข็ง
“แปลก” ชายสี่พูดขึ้นมาลอยๆ
“ไม่แปลกหรอกครับ คนส่วนใหญ่มักจะกลัวผี ทั้งที่ไม่มี...”
เซียนพูดไม่ทันจบ สายพิณก็รีบต่อให้ “ทั้งที่ไม่มีจะกิน...กลัวผี ทั้งที่ไม่มีจะกิน”
ชายสี่เริ่มงง “มันเกี่ยวกันตรงไหน”
ปลาใหญ่เอ่ยขึ้น “กลับไปคิดดูดีๆ จะพบว่าเกี่ยวเหมือนกัน”
“ที่ว่าแปลกน่ะ หมายถึงว่า ทำไมผู้ที่มีรายนามที่ข้าตามหาทั้งหมดนี่ ถึงไม่เปิดโทรศัพท์...ไอ้พวกนี้มันบ้าโทร.กันจะตาย ไม่มีใครโทร.หา ก็โทร.หากันเอง....”
ชายสี่ตั้งขอสังเกตไปเรื่อย สายพิณหงุดหงิดใส่ทันที
“พี่ชายสี่ ทำไมพี่ไม่ไปทำงานทำการเสียที ไม่รู้ว่าสงสัยอะไรกันนักหนา”
ชายสี่สวนออกมา “ก็พี่ถูกไล่ออกแล้วไง”
สายพิณหน้าเสีย “เออ...ลืมไป”
น้ำเพชรตัดบท “เอายังงี้ดีมั้ย...แทนที่นายจะมาซักพวกเรา นายไปตามหาเลยน่าจะได้ผลกว่า”
ทุกคนพยักเพยิดเห็นด้วย
“หาที่ไหนละครับ” ชายสี่ไม่ไปง่ายๆ
เซียนพูดเป็นงานเป็นการ “เริ่มตั้งแต่ท้ายซอยยันปากซอยเลย”
ชายสี่ใคร่ครวญครุ่นคิด ขณะมองหน้าแต่ละคน

เหตุการณ์ที่ร้านอาหาร ในที่สุดกลุ่มของเกริกก้องก็ยอมย้ายมานั่งรวมโต๊ะกับป่อง ทุกคนกินข้าวกันอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส
ลุงป่องเอ่ยขึ้นอย่างเพลิดเพลิน “ใครจะกินอะไรเพิ่ม ก็สั่งได้เลยนะครับ แหม่...ใช้เงินคนอื่นนี่มันมันจริงๆ”
กลุ่มของเกริกก้องเงยหน้าขึ้นมองป่องเป็นตาเดียว
ลุงป่องรู้สึกตัว รีบแก้พร้อมกีบคุยโวเรื่องความรวย “ผมหมายถึงพ่อแม่พี่น้องไงครับ แต่ทุกคนดันตายหมด ทิ้งมรดกอันมหาศาลไว้ให้”
เกริกก้องหูผึ่ง รีบเข้าเรื่อง “ท่านอดิศักดิ์ศรีสนใจจะลงทุนไหมล่ะครับ”
จันทร์ทิพย์รีบพูดเสริม “สามีดิฉันเป็นเจ้าของบริษัท มหาทรัพย์รุ่งเรืองกิจ น่ะค่า ทำกิจการเกี่ยวกับโทรคมนาคม”
ปกรณ์คันปาก อดถามไม่ได้ “ขอประทานโทษ ท่านอดิศักดิ์ศรีทำธุรกิจอะไรไม่ทราบครับ”
ลุงป่องตอบทันที “ธุรกิจนั่งกินนอนกินครับ”
มอมรีบเสริมให้ดูขลัง “นั่งกินนอนกินในประเทศไม่พอ อาทิตย์หน้าจะไปนั่งกินนอนกินในต่างประเทศครับ”
ครรชิตฉุน บ่นกับตัวเอง แต่ดันไปเข้าหูป่อง “ไอ้พวกขี้โม้เอ๊ย”
ลุงป่องนึกว่าให้พูดตาม “ไอ้พวกขี้โม้เอ๊ย”
ทุกคนชะงักเหลียวมองหน้าลุงป่องกันพรึ่บ
ลุงป่องรีบแก้ “คือผมหยอกไอ้มอมมันเล่นน่ะครับ”
ปกรณ์ท้วง “ไอ้มอม ไหนเมื่อกี๊ท่านเรียกลีโอนาร์โด”
มอมหัวไว “ลีโอนาร์โด เป็นชื่อจริงครับ มอมเป็นชื่อเรียกกันเล่นๆ”
จันทร์ทิพย์วกเข้าเรื่องชวนทำธุรกิจ “ท่านอดิศักดิ์ศรี ยังไม่ได้ตอบเลยว่า จะยินดีร่วมทุนกับเราหรือเปล่า”
ป่องตอบทันที “ตกลงครับ”
ครรชิตมึนตึ๊บร้องบอก “เฮ้ย อย่าเพิ่งตกลง”
ป่องเถียงกลับครรชิตไป “อ้าว ทำไมล่า”
กลุ่มเกริกก้องมองป่องอย่างงงๆ มอมแมมกับป๋องช่วยกันสะกิดป่องยิกๆ
“แล้วแกมีเงินเหรอ” ครรชิตถาม
“ไม่มี” ป่องตอบ
“ท่านอดิศักดิ์ศรีครับ ท่านอดิศักดิ์ศรีครับ” ป๋องเรียก
นั่นแหละป่องถึงรู้สึกตัว จึงยิ้มแห้งๆ
“เมื่อกี้ ท่านอดิศักดิ์ศรี พูดกับใครหรือครับ” เกริกก้องถามขึ้น
มอมรีบตอบแทน “คือ...ท่านพูดกับตัวเองครับ ท่านอดิศักดิ์ศรีมักจะต้องพูดกับตัวเอง เตือนตัวเองอย่าเสมอให้คอยพูดว่าไม่มีเงิน เพราะมีแต่คนมะรุมมะตุ้มรุมขอเงินท่าน บางคนก็ทำทุกอย่างเพื่อจะโกงท่านครับ”
ป๋องรีบพูดเสริม “บางราย พยายามจะลอบฆ่าเลยนะครับ”
สีหน้าพวกกลุ่มของเกริกก้องถึงกับอึ้งกันไป

เวลาต่อมา เกริกก้องเดินนำทุกคนเข้ามานั่งในห้องโถงใหญ่ มาดราวกับมาเฟียใหญ่
ปกรณ์ยังทึ่งเศรษฐีใจปล้ำนามอดิศักดิ์ศรีไม่หาย
“ไอ้ท่านอดิศักดิ์ศรีนี่มันต้องบ้าแน่ ให้ทิปทุกคนในร้าคนละ 2 พัน แถมยังแจกลูกค้าขำๆ อีกคนละพัน”
จู่ๆ ปกรณ์ก็ชะงัก ทุกคนมองตามสายตาปกรณ์ เห็นรัญญาเดินลงบันไดมา หยุดมองทุกคนด้วยสีหน้าแววตาไม่พอใจ
เกริกก้องทักทายลูกสาว “น้องรัน จะไปไหนหรือลูก”
“รัน...ขอคุยกับคุณพ่อหน่อยได้มั้ยคะ”
รัญญาพูดจบไม่รอคำตอบ เดินกลับขึ้นไปทันที เกริกก้องลุกตามขึ้นไปอย่างงุนงง
จันทร์ทิพย์รู้ทันหันมาสบตากับปกรณ์ แล้วเบ้ปาก

ที่ด้านบนของบ้าน รัญญายืนกอดอกรออยู่ ก่อนจะหันหน้ามาทางพ่ออย่างไม่พอใจ
“รันไม่เห็นด้วยที่คุณพ่อจะอนุญาตให้นักเลงหัวไม้พวกนั้นเข้ามาในบ้าน”
“น้องรัน” เกริกก้องอึ้ง
“มันดูไม่ดีเลยนะคะ” รัญญาบอกอีก
“พ่อต้องใช้คนพวกนั้น” เกริกก้องอ้าง
“ใช้ทำอะไรคะ รันเห็นสีหน้าท่าทางแต่ละคนแล้ว ทำธุรกิจอาชญากรรมได้อย่างเดียวเท่านั้น”
เกริกก้องฉุนกึก “น้องรันกำลังดูถูกพ่อ”
“รันไม่อยากให้ใครดูถูกคุณพ่อต่างหาก” รัญญาทอดคำเว้นวรรคนิดหนึ่ง “รันรู้ว่า รันห้ามคุณพ่อไม่ได้ แต่รันอยากขอร้องให้คุณพ่อไปพบพวกนั้นที่อื่นได้ไหมคะ”
เกริกก้องมองหน้าลูกสาวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
รัญญามองพ่อแล้วเม้มปาก ก่อนจะเดินลงบันได้ไป

รัญญาเดินลงมาในห้องโถง เชิดหน้าผ่านทุกคนออกไป แต่ละคนมองตาม กลุ่มของใหญ่มองด้วยสายตาลวนลาม ขณะที่ปกรณ์ มองด้วยสายตาอาฆาต ส่วนจันทร์ทิพย์มองอย่างหมั่นไส้เต็มที่ ระหว่างนั้นเกริกก้องก็เดินลงมาถึง จันทร์ทิพย์เห็นก่อน รีบกระแอม ให้ทุกคนอยู่ในอาการสำรวมตามเดิม
“น้องรันยังเด็กอยู่ อย่าไปถือสาอะไรแกเลยนะคะ” จันทร์ทิพย์ปลอบสามี
เกริกก้องตัดสินใจเอ่ยขึ้น “ต่อไป ฉันจะออกคำสั่งผ่านปกรณ์ไป หรือไม่ก็จะประชุมกันที่เซฟเฮ้าส์”
“ผมเห็นด้วยครับ” ปกรณ์เออออเอาใจ
“วันนี้กลับกันไปก่อน”
“ครับ” สามคนรับคำพร้อมกัน ไหว้ เกริกก้อง จันทร์ทิพย์ และปกรณ์ อย่างนอบน้อมแล้วพากันออกไป
จันทร์ทิพย์ทึ่ง “ใครสอนให้เขาไหว้น่ะพี่กรณ์ ไหว้สวยกว่าคนดีๆ บางคนอีกแน่ะ”
“พี่เป็นคนกำชับพวกมันเอง ก่อนจะให้มารับใช้คุณก้อง” ปกรณ์บอกอย่างภูมิใจ
“พรุ่งนี้ ไอ้เศรษฐีโง่นั่น มันจะมาที่บริษัท จันทร์ช่วยดูแลจัดการต้อนรับมันด้วย แล้วก็ดูประวัติมันหน่อย เพื่อความไม่ประมาท” เกริกก้องสั่งการ
“ค่ะ จันทร์จะจัดการให้เรียบร้อยทุกอย่าง”

ดูเหมือนว่า...แผนเอ อดิศักดิ์ศรี ที่ปลาใหญ่ในร่างเซียนวางแผนให้ครรชิตดำเนินการ จะลุล่วงไปแล้วในด่านแรก

แสบสลับขั้ว ตอนที่ 15 (ต่อ)

ที่บ้านลุงป่องในเวลาต่อมา ทุกคนรวมตัวกันอยู่ครบ เซียนกำลังนั่งแต่งประวัติป่องลงในคอมพ์ เพื่ออัพใส่ข้อมูลในอินเตอร์เน็ตต่อไป โดยแต่งรูปลุงป่องให้ภูมิฐานและดูดีกว่าตัวจริงมาก

เซียนกำชับหนักแน่น “จำไว้นะครับ...ลุงชื่อ อดิศักดิ์ศรี พิษณุเทวัญหรรษา อายุ...เอ่ออายุจริงลุงเท่าไหร่นะครับ” เซียนถาม
“จำไม่ได้” ลุงป่องบอก
ทุกคน “อ้าว” ตามๆ กัน
น้ำเพชรตัดบท “สมมุติเอาก็ได้ค่ะ ซัก 70 ปี” น้ำเพชรนั่งใกล้ชิดติดกับเซียน คอยช่วยเขียน ส่วนปลาใหญ่มองอย่างริษยา
ลุงป่องสะดุ้ง “มากไปนะคุณหนูร้านทอง”
“งั้นเอาซัก 60 ปี ดีมั้ยคะ” น้ำเพชรเสนอ
“65 กำลังดี ไม่แก่แล้วก็ไม่เด็กไป” ครรชิตสรุป
เซียนเห็นดีด้วย “โอเค. ทีนี้ก็ชื่อบิดามารดา”
เซียนในร่างปลาใหญ่มองอย่างริษยาแล้วลุกเดินออกไปในอาการฉุนเฉียว สายพิณซึ่งมองอยู่รีบตามออกไปเช่นกัน พลางส่งเสียงเรียกตามหลัง
“คุณปลาใหญ่เก่งจังเลยค่า”

ปลาใหญ่เดินฮึดฮัดออกมาตรงรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่
“จะไปไหนจ๊ะพี่เซียน” สายพิณถาม
“จะไปกินกาแฟข้างนอก” ปลาใหญ่บอก
“แต่พี่เซียนไม่ค่อยแข็งแรง” สายพิณท้วง เพราะเป็นห่วง
เซียนในร่างปลาใหญ่สวนออกมาทันทีด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว “ดี จะได้ตายไปให้พ้นๆ ซักที”
“ทำไม แค่เห็นเขาใกล้ชิดสนิทสนมกันก็เป็นบ้าเป็นบอ ขนาดอยากตายไปให้พ้นๆ เลยเรอะไง” สายพิณชักโมโห
“พิณไม่รู้อะไรก็อย่ามาพูด” ปลาใหญ่ขึ้นเสียง
“ทำไมจะไม่รู้ พิณเห็นพี่เซียนตาละห้อย มองแม่คนนั้นตลอด โธ่เอ๊ย! อย่าโง่นักเลย พี่เซียนน่ะ ไม่ได้แอ้มเค้าหรอก”
ปลาใหญ่ฉุนกึก “แล้วแกจะพูดให้มันได้อะไรขึ้นมาเฮอะ ไอ้พิณ”
สายพิณน้อยใจ แค้นใจจนน้ำตาไหลพราก “ก็พูดให้พี่เซียนสำนึกกะลาหัวบ้างน่ะซี”
ปลาใหญ่จ้องหน้าสายพิณ “คนอย่างฉันไม่มีวันยอมแพ้อะไรง่ายๆ ฉันจะแต่งงานกับน้ำเพชรให้ได้ คอยดู!!”
สายพิณเหลืออด ขึ้นเสียงใส่ “เออสิวะ ฉันก็จะคอยดูเหมือนกัน”
พูดจบสายพิณขึ้นรถสตาร์ทเครื่องขับเฉี่ยวปลาใหญ่ออกไปทันที
เซียนในร่างปลาใหญ่มองตามอย่างฉุนๆ “นังคนนี้นี่” พอเห็นสายพิณลับตาไปแล้ว สีหน้าปลาใหญ่เปลี่ยนเป็นใคร่ครวญครุ่นคิด “ไอ้ปลาใหญ่ ไอ้ปลาใหญ่คนเดียวที่จะช่วยได้ ช่วยได้สองเด้งเลยเว๊ย”

ในบ้านเวลานั้นเซียนเรียบเรียงประวัติป่องใส่เน็ตเรียบร้อย “เอาละเสร็จเรียบร้อย”
ครรชิตหันมามอง “อ้าว เซียนกับสายพิณหายไปไหนล่ะ”
เซียนรีบลุกเดินออกไปดู น้ำเพชรตามติด
ครรชิตบ่นอุบ “ชักไม่ลงล็อค น่ากลุ้ม”

เซียนเดินออกมาเห็นปลาใหญ่เดินเอ้อระเหยอยู่คนเดียว
“เรียบร้อยแล้วเหรอ” ปลาใหญ่ถาม
เซียนไม่ตอบ “สายพิณล่ะ”
วินาทีนั้นปลาใหญ่ปรายตามองน้ำเพชร เห็นแววตาที่มองเซียนน้อยใจนิดๆ
“ไปแล้ว ท่าทางเหมือนหงุดหงิดอะไรไม่รู้”
เซียนเดินไปที่มอเตอร์ไซค์ทันที
“คุณปลาใหญ่จะไปไหนคะ” น้ำเพชรสงสัย
ปลาใหญ่ตอบแทน “เค้าก็จะไปง้อแฟนเค้าน่ะซิ ไปเถอะปลาใหญ่ ท่าทางสายพิณ จะงอนมากด้วย”
เซียนขับมอเตอร์ไซค์ออกไปทันที
น้ำเพชรมองตามน้อยใจสุดๆ “คุณปลาใหญ่”
“ช่างเขาเถอะ มานั่งคุยกับผมดีกว่า”
“นั่งคุยกับแก คุยกับคนบ้าดีกว่า”
ปลาใหญ่สะอึก

ระหว่างนั้นครรชิตเดินตามออกมา
“หายไปไหนกันหมด”
“หมดที่ไหนคุณคัน เหลืออยู่อีก หนึ่งคู่ ชู้ชื่น”
น้ำเพชรมองปลาใหญ่มือสั่นเทา ปลาใหญ่มองแล้วสะดุ้ง
“ฝ่ามือปลิดวิญญาณ” น้ำกระโดดเข้าใส่ปลาใหญ่ทันที
ปลาใหญ่กระโดดเหยง หลบหลังครรชิต “คุณคันช่วยด้วย”
น้ำโกรธจัด “คุณลุงถอยไป”
ครรชิตตกใจพูดละล่ำละลัก “นะ...นะ...หนูน้ำ อย่า มันจะกระทบกระเทือนถึงคุณปลาใหญ่”
นั่นแหละน้ำเพชรถึงได้สงบลง มือหยุดส่ายทันที
ครรชิตถอนหายใจเฮือก ส่วนปลาใหญ่มองตาโต
“โห...แค่ชื่อก็มีอิทธิพลขนาดนี้เลย”
น้ำเพชรสะบัดหน้าพรืดมาทางครรชิต “คุณลุงไปส่งน้ำหน่อย ได้ไหมคะ”
“ผมดีกว่า” ปลาใหญ่อาสา
น้ำเพชรเหลียวขวับ “ไม่ต้อง ตัวแกเองยังเอาไม่รอดเลย”
ปลาใหญ่หน้าเสีย ครรชิตเดินไปสตาร์ทเครื่อง ขับพาน้ำเพชรออกไปทันที

ปลาใหญ่เดินกลับเข้ามาในบ้านลุงป่อง ทิ้งตัวลงนั่ง ระบายอย่างเซ็งๆ
“เซ็ง! ไม่รู้อ้ปลาใหญ่มันมีอะไรดี ยัยน้ำเพชรถึงงมงายอยู่ได้ จะว่าหล่อเรอะ เราก็หล่อกว่า เท่กว่า ดีกว่าทุกอย่าง ยิ่งตอนนี้ยิ่งเทียบไม่ติด...เฮ้อ”
เซียนในร่างปลาใหญ่เซ็ง เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ หลับตาลงอย่างเซ็งๆ

ที่บ้านสายพิณในเวลาเดียวกัน สายพิณยืนหันหลังให้เซียนซึ่งกำลังพูดสั่งสอนอยู่
“คุณต้องมีวุฒิภาวะมากกว่านี้”
สายพิณหันกลับมา “อย่ามาใช้ศัพท์ใช้แสงกับฉัน! จะบอกว่าฉันงี่เง่าก็พูดมาตรงๆ”
“คุณงี่เง่า” เซียนบอกออกไป
“แหงล่ะ ไหงจะฉลาดปราดเปรื่องแก่งั่ก เหมือนนังน้ำเน่าของนายล่ะ” สายพิณประชดประชันโดยไม่รู้ตัว
เซียนงง “น้ำเพชรน่ะเรอะแก่”
“ชอบทำตัวแก่” สายพิณบอก
“แล้วต้องทำยังไงคุณถึงจะว่าเธอไม่แก่”
“ก็...” สายพิณยักไหล่บอกไม่ถูก
เซียนต่อให้ “จะให้ทำตัวกะโปโล เกะกะเกเรไปทั้งซอยเหมือนคุณน่ะเรอะ”
“ฉันเนี่ยนะกะโปโล เกะกะเกเร”
“ใช่” เซียนว่า
“เออ...แล้ววันนึง แม่จะสวยให้ดู อย่ามาตะลึงก็แล้วกัน”
ได้ฟังแล้วสีหน้าแววตาเซียนดูขันๆ
“ร้องไห้ทำไม” สายพิณหาเรื่อง
เซียนสะอึก
“ไปได้แล้ว” สายพิณดันเซียนให้ไป
“สายพิณ...” เซียนขืนตัวไว้
“ยังอีก...เดี๋ยวฉันจะตะโกนว่านายเข้ามาทำมิดีมิร้ายฉัน”
ในขณะที่สองคนยื้อยุดกันอยู่ ครรชิตกับน้ำเพชรเดินเข้ามา
“คุณปลาใหญ่มาอยู่นี่เองหรือครับ” ครรชิตทัก
เซียนหันมองมา ส่วนสายพิณยืนกอดอก

น้ำเพชรเม้มปากมองเซียนอย่างน้อยใจแล้วเดินกลับออกไป
“อ้าว...หนูน้ำ”
ครรชิตร้องเรียกอย่างแปลกใจ เซียนรีบเดินตามน้ำเพชรออกไป สายพิณมองตามเซียนตาลุก
“ไหนว่าไม่รักมันไง ไม่รักแล้วตามไปทำไม...คนโกหก คนผิดศิล ขอให้ตกนรก” สายพิณต่อว่าเซียน ครรชิตเกาหัวแล้วเดินตามเซียนออกไปอีกคน “เออ...ไปกันให้หมดเลย”

สายพิณหงุดหงิดพลุ่งพล่านโดยไม่รู้ตัว

เซียนเร่งฝีเท้าเดินตามน้ำเพชรมาจนทัน

“คุณน้ำ”
“จะตามมาทำไมล่ะค่ะ สายพิณอยู่ในบ้านนั่น”
“คุณโกรธผมเรื่องอะไร”
น้ำเพชรหยุดเดินหันมามองหน้าเซียน

น้ำเพชรกับเซียนเดินคุยกันมาแต่แล้วจู่ๆ น้ำเพชรก็หยุดยืนมองไปข้างหน้าโดยเซียนเดินตามเข้ามาช้าๆ เซียนเดินอ้อมมาหยุดตรงหน้าน้ำเพชรแล้วจับมือของน้ำเพชรขึ้นมากุม
“น้ำเพชร...ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณดี แล้วก็ต้องขอบคุณกับความรู้สึกดีๆ ที่คุณมีให้ผม...”
น้ำเพชรเงยหน้ามองเซียน
“แต่มันไม่มีประโยชน์ใช่ไหมคะ”
“มีซิ” เซียนตอบเสียงหนักแน่น “มันมีความหมายกับผมมาก...คุณพยายามทุกวิถีทางเพื่อช่วยผม ซึ่งความรู้สึกดีๆ และบริสุทธิ์แบบนี้หาได้ยากมากในโลกแห่งความวุ่นวายสับสนแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน...” น้ำเพชรโผเข้าซบเซียนแล้วร้องไห้ออกมา เซียนโอบน้ำเพชรไว้ครู่หนึ่งแล้วจับไหล่ดึงเธอออกห่างอย่างอ่อนโยน “มันเหม็นเน่า...”
น้ำเพชรส่ายหน้า
“น้ำไม่เคยรังเกียจ”
“คุณเป็นผู้หญิงดีพร้อม”
“มันเป็นประโยคฮิตเวลาที่ผู้ชายจะปฏิเสธผู้หญิง”
“ผมไม่ได้ปฏิเสธคุณ ถ้าหากผมสามารถกลับเข้าร่างเดิมได้...เราจะแต่งงานกันทันที”
“คุณพูดเพราะ...”น้ำเพชรชะงักไม่พูดต่อ
“เพราะผมจะไม่มีวันทำอย่างนั้นได้ใช่ไหม” น้ำเพชรพยักหน้า น้ำตาไหลออกมาอีก “ถ้าอย่างนั้น คุณจะแต่งงานกับผมในสภาพอย่างนี้หรือเปล่าล่ะ”
น้ำเพชรมองสบตาเซียนก่อนจะตอบออกมา
“แต่งค่ะ”
“ทั้งๆ ที่ผม...”
“ไม่ว่าคุณจะเป็นยังไงก็ตาม...”
น้ำเพชรบอกด้วยสีหน้าแน่วแน่และมั่นคง

เมื่อแยกจากน้ำเพชร เซียนกลับมาบ้านลุงป่องและบอกเรื่องที่จะแต่งงานกับน้ำเพชรกับทุกคน ปลาใหญ่รับขัดทันที
“เฮ้ย...ไม่ได้เด็ดขาด แกจะทำแบบนั้นไม่ได้”
“ไหนๆ ฉันก็ใกล้จะตายแล้ว ทำไมฉันจะตอบแทนความดีและความมีน้ำใจของน้ำเพชรไม่ได้”
“ฉันไม่ยอมเด็ดขาด ยังไงๆ ก็ไม่ยอม” ปลาใหญ่บอก
“เรื่องรักเอาไว้ทีหลังได้ไหมครับ” ครรชิตขัด “ตอนนี้เรายังมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำอีกหลายเรื่อง”
“ผมจะถอนตัวไม่ยอมให้ความร่วมมือในทุกๆ เรื่อง ถ้าหากไอ้ปลาใหญ่มันจะแต่งงานกับคุณน้ำเพชรของผม...ดีไม่ดีผมจะแต่งงานกับยัยสายพิณของมันด้วย” ปลาใหญ่บอกอย่างพาลๆ
“ฉันก็ยินดีสนับสนุนถ้าหากนายจะรักและทะนุถนอมให้สมกับความรักที่สายพิณมีต่อนาย”
“เสียใจ...ฉันจะทำตัวให้เละเทะ...”
ลุงป่องเดินออกมาขณะที่เซียนกับปลาใหญ่เถียงกัน
“ข้าก็จะไปสารภาพความจริงกับคุณอาของคุณปลาใหญ่” ลุงป่องบอก
“เฮ้ย...”
ครรชิต เซียน ปลาใหญ่อุทานออกมาพร้อมกัน
“อะไรวะ...ขณะที่ข้ากำลังพยายามอย่างหนักที่จะสวมบทบาทที่พวกเอ็งขอร้องให้ทำ พวกเอ็งกลับทะเลาะกันเรื่องแต่งหรือไม่แต่งกับผู้หญิง” เซียนกับปลาใหญ่มองหน้ากัน “ตกลงจะเอายังไงต่อไป”
“ขอโทษนะครับลุง...ต่อไปนี้ผมจะพยายามไม่ให้เกิดความขัดแย้งอีก”
เซียนบอก ปลาใหญ่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“แล้วเอ็งล่ะ...ไอ้เซียน” ลุงป่องถามปลาใหญ่
“ดู๊...ดู...มันทำหน้าทำตา...”
ทุกคนมองปลาใหญ่อย่างหมั่นไส้
“ก็ได้” ปลาใหญ่บอกอย่างจำใจ
“ก็ได้อะไร”
“ก็...ไม่ให้เกิดความขัดแย้งไง”
“จำใส่หัวไว้เลยนะเว้ย...ไอ้เซียน”
ลุงป่องบอก

ทางด้านรัญญาขณะนั้นกำลังเดินเข้ามาในร้านอาหารด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ผิดกับชายสี่ที่เดินตามเข้ามาด้วยสีหน้าแววตายินดี
“นั่งซิ” รัญญาบอก
“ขอบคุณครับ...คุณรันเป็นอะไรหรือเปล่า หน้าตาไม่ดีเลย”
“จะดีได้ยังไงในเมื่อบ้านฉันกำลังจะกลายเป็นวิมานมาเฟียไปแล้ว” ชายสี่ทำหน้างง “จะสั่งอะไรก็สั่งก่อน เขามายืนรอตั้งนานแล้ว”
รัญญาบอกอย่างหงุดหงิดเมื่อบริกรเข้ามารอรับคำสั่ง ชายสี่จึงรีบหันไปสั่งอาหาร
“เอาเส้นใหญ่ราดหน้ากับน้ำแข็งเปล่า”
“ครับ”
บริกรเดินออกไป รัญญาจึงคุยเรื่องของเธอต่อ
“คุณพ่อพาลูกน้องมาเต็มบ้าน” ชายสี่นั่งเงียบไม่พูดอะไร รัญญานิ่งไปครู่นึงแล้วจึงพูดต่อ “ปลาใหญ่เป็นยังไงบ้าง” ชายสี่มองรัญญาอย่างแปลกใจที่จู่ๆ ก็ถามถึงปลาใหญ่ “ทำไม...ฉันจะถามถึงญาติบ้างไม่ได้เหรอ”
“เท่าที่เห็น...ระยะนี้ดูเจ็บออดๆ แอดๆ นะครับ...ไม่แข็งแรงเหมือนเดิม”
“เขาเป็นเจ้าของบ้านแท้ๆ” รัญญาถอนใจยาว บริกรเอาเอาหารเข้ามาเสิร์ฟแล้วออกไป “นายช่วยเอาเรื่องนี้ไปบอกเขาหน่อยได้ไหม” ชายสี่มองหน้ารัญญาอย่างแปลกใจ “จะจัดการยังไงก็รีบทำ...ถึงฉันจะไม่ได้ชอบขี้หน้ามันนัก แต่ก้ยีงดีกว่าให้พวกนักเลงเข้ามาเต็มบ้าน”
“แล้วผมจะบอกให้ครับ เอ้อ...คุณรันครับ” รัญญาเงยหน้ามองชายสี่ “หมู่นี้พวกคุณครรชิต ไอ้เซียน คุณปลาใหญ่ ลุงป่องแล้วก็กลุ่มแว้นดูแปลกๆ...ชอบซ่องสุมกัน อ้อ...ส่วนเรื่องที่คุณรัฯให้ผมไปสืบ...”
“เออ...เป็นยังไงบ้าง”
“ผมเจอมากับตาเลยครับ”
รัญญาชะงัก มองหน้าชายสี่เหมือนไม่เชื่อสายตา

เมื่อกลับมาบ้านรัญญาส่งของให้สมทรงเอาไปเก็บ
“เอาของพวกนี้ไปเก็บในห้องฉันเลยนะ”
“ค่ะ”
สมทรงเดินแยกไป รัญญาเดินไปหาเกริกก้องกับจันทร์ทิพย์
“ไปช้อปปิ้งมาหรือลูก”
“ค่ะ”
“น้องรันไปกับใครค่ะ”
รัญญาจ้องหน้าจันทร์ทิพย์อย่างไม่พอใจ
“ไปกับนายชายสี่ค่ะ...มีอะไรมั้ย”
“อืม...จะมีได้ยังไงคะ เพียงแต่น้าอดแอบคิดไม่ได้ว่า มัน...มันไม่เหมาะสม”
“น้าจันทร์เกี่ยวอะไรด้วย”
เกริกก้องกระแอมขัด
“ลูกรัน...เข้าไปคุยกับพ่อหน่อย”
เกริกก้องบอกแล้วเดินนำออกไป รัญญาลุกขึ้น หันมาทางจันทร์ทิพย์ซึ่งกำลังลุกขึ้นเช่นกัน
“ไม่ต้องตามนะคะ...นี่เป็นเรื่องของพ่อกับลูก คนอื่นไม่เกี่ยว”
รัญญาบอกแล้วเดินตามเกริกก้องไป จันทร์ทิพย์มองตามด้วยความโกรธจัดจนพูดไม่ออก

รัญญาเดินตามเกริกก้องเข้ามาในห้องนั่งเล่น เกริกก้องหันกลับมามองลูกสาวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ทำไมถึงได้ดื้อด้านอย่างนี้”
“คุณพ่อ”
“ถ้าอยากจะคบกับไอ้ชายสี่ก็ไม่ต้องมาเป็นลูกพ่อ”
“นี่คุณพ่อคิดว่ารันใฝ่ต่ำขนาดนั้นเลยหรือคะ” เกริกก้องชะงัก “วิญญาณนายเอ็กซ์ไปอาละวาดที่นั่นจริงๆ ค่ะ”
“ไม่อยากจะเชื่อ”
“เอาไว้ให้มันมาที่นี่เมื่อไหร่แล้วคุณพ่อค่อยเชื่อก็ได้ค่ะ” รัญญาเดินออกไปแล้วหยุดชะงักหันกลับมา “อ้อ...คุณพ่อช่วยบอกน้าจันทร์ด้วยว่าอย่ามายุ่งเรื่องของรันจะเป็นพระคุณมาก”

พูดจบรัญญาก็เดินออกไปโดยไม่รอฟังพ่อแต่อย่างใด

ส่วนที่บ้านลุงป่อง ทุกคนมองชายสี่ด้วยความแปลกใจ

“พี่รันน่ะเรอะ บอกให้ผมกลับไปบ้าน” เซียนถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“เขาหมายถึงฉัน ไม่ใช่แก เพราะเวลานี้ฉันคือปลาใหญ่” ปลาใหญ่บอก
“ไปทั้งสองคนนั่นแหละ” ครรชิตบอก เซียนและปลาใหญ่หันขวับมามองครรชิตพร้อมกัน “เพราะถ้าหากไปแค่คนใดคนหนึ่งคงไม่รอด”
“หรือไม่ก็อาจจะไม่รอดทั้งสองคน” ลุงป่องบอก
“คุณรันเป็นคนดี...ฉันบอกแล้ว” ชายสี่บอกอย่างปลาบปลื้ม
“นางอาจจะหลอกให้ไปตายก็ได้” ลุงป่องแย้ง
“ไม่มีวัน”
“นายยังไม่รู้จักคุณรันดี” ครรชิตบอก
“ผมรู้จักเธอดีกว่าใคร” ชายสี่บอกอย่างมั่นใจ
“หมายความว่ายังยืนยันความโง่ของแกอยู่” ปลาใหญ่บอกทำให้ชายสี่นึกฉุน
“ไอ้เซียน”
“ไป...ไอ้ชายสี่ เอ็งกลับไปได้แล้ว”
ชายสี่ลุกขึ้นฉุนๆ
“ขอบใจนะชายสี่” เซียนบอก
“เออ...เอากองไว้นั่นแหละ รู้งี้ไม่มาบอกก็ดี”
ชายสี่เดินออกไป เซียนจึงหันมาถามครรชิต
“เมื่อกี้พูดจริงหรือครับ คุณครรชิต”
“อ้าว...จริงซิครับ” เซียนกับปลาใหญาหันมาสบตากัน “ไม่อย่างนั้นบ้านคุณปลาใหญ่อาจจะกลายเป็นซ่องโจรไป”

ค่ำวันเดียวกันนั้นปลาใหญ่จึงขับรถกลับบ้านโดยมีเซียนนั่งคู่มาด้วย พอรถแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านเซียนมองบ้านด้วยความตื้นตันใจ
“ทุกอย่างยังเหมือนเดิม”
เซียนบอกขณะก้าวลงจากรถ
“โหย...นายไม่ได้หายไปร้อยปีนี่ ทุกอย่างจะได้เปลี่ยนไป”
สมทรงเดินออกมา พอเห็นปลาใหญ่ถึงกับตกใจ
“คุณ...คุณปลาใหญ่”
“มองให้ถูกคนหน่อย”
เซียนบอก สมทรงหันมาทางเซียน
“ฉันอยู่ทางนี้”
ปลาใหญ่บอก สมทรงหันมาทางปลาใหญ่
“ทางนี้” เซียนบอก สมทรงหันมาทางเซียน
“คนไหนกันแน่เอ่ย” ปลาใหญ่แกล้งถาม
“ข้อ ก. คนยืนทางซ้าย...ข้อ ข.คนยืนทางขวา...ข้อ ค. ถูกทั้งสองคน” เซียนบอก
“ให้เวลาตอบ 10 วิ....ติ๊กต๊อก...ติ๊กต๊อก...ติ๊กต๊อก”
สมทรงกุมขมับ ส่ายหน้ามึนๆ
“สอบตก”
สองหนุ่มเดินเข้าไปในบ้าน

ขณะนั้นเกริกก้อง จันทร์ทิพย์ รัญญาและปกรณ์กำลังกินข้าวกันอยู่ จู่ๆ จันทร์ทิพย์ก็ยกมือขึ้นอุดจมูก
“หึม...ม...กลิ่นอะไร เหม็นจัง”
ทุกคนทำหน้าเหม็น ยกมืออุดจมูก พร้อมกับที่เซียนและปลาใหญ่เดินเข้ามา
“เฮลโล...เฮลโล...เฮลโล”
ปลาใหญ่ร้องทัก ทุกคนทำหน้าอยากจะอาเจียน สมทรงวิ่งตามเข้ามา
“แกไปทำอะไรมาตัวถึงได้เหม็นยังกับซากศพ” เกริกก้องถาม
“สมศรี...ไปตักข้าวมาอีกสองจาน” เซียนสั่งสมศรี ขณะที่ปลาใหญ่แกล้งอ้าแขนออก
“ไม่ได้อาบน้ำ 2 เดือน สบายจังเลย” จากนั้นปลาใหญ่ก็แกล้งกระพือแขน “เต่าบิน...”
“ออกไปเดี๋ยวนี้”
ปกรณ์ออกปากไล่อย่างหมดความอดทน แต่เซียนกับปลาใหญ่ไม่สนใจทรุดตัวลงนั่ง...ทุกคนลุกขึ้นทันที
“ไล่ใคร” เซียนถามปกรณ์
“ไล่แกทั้งสองคน”
“แกนั่นแหละออกไป”
“ปลาใหญ่ พาเพื่อนแกออกไป” จันทร์ทิพย์บอกปลาใหญ่อย่างไม่พอใจ
“คนไหนล่ะครับ ปลาใหญ่” ปลาใหญ่ย้อนถาม
“คนไหนก็ได้”
“สมทรง...ไปตั้งโต๊ะทางปีกโน้น” เกริกก้องหันไปสั่งสมทรง
“ค่ะ”
ทุกคนเดินออกไป สมศรีจะตาม
“สมทรงไปคนเดียว สมศรีอยู่ที่นี่”
เซียนบอก สมศรีหันกลับมาทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“ให้สมศรีไปเถอะค่ะ”
“ไปไม่ได้...สมศรีต้องคอยเสิร์ฟอาหารให้ปลาใหญ่กับสหาย ไปตักข้าวมา”
“ค่ะ”
สมศรีรีบออกไป

กลุ่มของเกริกก้องเดินเข้ามาอีกมุมหนึ่งของบ้าน
“รันขอตัวนะคะ”
“อ้าว...ไม่ทานต่อหรือคะ”
จันทร์ทิพย์ถามอย่างแปลกใจ
“ไม่ค่ะ...กลิ่นเมื่อกี้มันติดจมูก”
รัญญาบอกแล้วเดินออกไป
“ฉันก็เหมือนกัน...ออกไปกินข้างนอกกันดีกว่า”
“ถ้าอย่างนั้น...”
“ไปเก็บจานเก็บชามได้”
จันทร์ทิพย์กับปกรณ์เดินตามเกริกก้องออกไป

สายพิณมาหาเซียนที่บ้านลุงป่องพร้อมกับของกิน
“พี่เซียนจ๋า...พี่เซียน...พี่เซียนจ๋า”
ลุงป่องโผล่หน้าออกมา
“ไอ้เซียนไม่อยู่”
สายพิณชะงัก
“อ้าว...ไปไหนล่ะ”
สายพิณเข้ามาในบ้านแล้วกระแทกของที่ถือมาลงอย่างหงุดหงิดเมื่อรู้ว่าเซียนไปไหน
“แล้วทำไมไม่มีใครบอกพิณ”
“ขืนบอกหนูก็ไม่ให้ไปนะซิ” ครรชิตบอก
“แน่นอน พวกที่นั่นมันเขี้ยวลากดินทั้งนั้น”
“พวกนั้นเขี้ยวลากดิน แต่ไอ้เซียนของเอ็งน่ะมันเขี้ยวลากหิน พวกเขี้ยวลากดินไม่ได้กินมันหรอก”
“ใช่ แต่นั่นหมายความว่าพี่เซียนต้องไม่ล้มป่วย ทั้งสองลุงไม่ได้สังเกตหรือว่าเนื้อเน่าของพี่เซียนแล้วก็ไอ้ปลาใหญ่น่ะมันขึ้นมาถึงคอแล้ว
ครรชิตกับลุงป่องหันมาสบตากัน
“จริงของมัน เอาไงดีคุณคัน”
“เรียกตัวกลับ”
“โอย...ไม่มีทาง คุณคันก็รู้ว่าสองคนนั่นมีอะไรเหมือนกันอย่างนึง คือฆ่าได้แต่หยามไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราต้องหาเหตุผลที่ฟังแล้วเข้าท่าหน่อย”
“พิณนี่แหละเหตุผล”
มีเสียงมอเตอร์ไซค์แล่นเข้ามา ทุกคนหันมามองหน้ากัน
“น้ำเพชรชัวร์”
สายพิณบอกอย่างมั่นใจ น้ำเพชรเดินเข้ามาพร้อมถุงใส่อาหาร
“คุณปลาใหญ่ค่ะ”
“กลับบ้าน”
สายพิณ ครรชิต ลุงป่องบอกออกมาพร้อมกัน
“กลับบ้าน...กลับไปตายน่ะเรอะ”
น้ำเพชรโวยเสียงลั่น
“เฮ้ย...”
ครรชิตกับลุงป่องร้องออกมาพร้อมกัน

ปลาใหญ่วางโทรศัพท์ลง ปลาใหญ่กับเซียนห่อตัวเล็กน้อยประมาณว่าหนาว
“ว่าไง” เซียนถาม
“คุณน้ำกับสายพิณยื่นคำขาดว่าถ้าเราไม่กลับไป...ทั้งสองคนจะมากดแตรเรียกทั้งคืน”
“ก็ดี...ชาวบ้านเขาจะได้เรียกตำรวจมาจับไปขังให้เข็ด...นายหนาวมั้ย”
เซียนถามอย่างเป็นห่วง ระหว่างนั้นผมของทั้งคู่เริ่มกลายเป็นสีขาว
“หนาว...เฮ้ยๆ นั่นนายหัวหงอกแล้วเหรอ ตรงจอนผมนั้น...”ปลาใหญ่หัวเราะ “ขำว่ะ อยู่ดีๆ แก่”
“นายก็เหมือนกัน”
“อย่ามาหลอกซะให้ยาก”
“ไม่เชื่อไปดูกระจกกัน”
ทั้งคู่ต่างลูบจอนผมตัวเองแล้วเดินออกไป

ปลาใหญ่กับเซียนเข้ามาดูกระจกในห้องน้ำแล้วต้องตกใจเมื่อเห็นจอนผมหงอกขาว
“เป็นไปไม่ได้”
“อีกไม่เท่าไหร่ เราก็คงจะแก่แล้วเหี่ยวตายแน่ๆ”
“พูดอะไรให้เป็นมงคลหน่อยซิวะ...แล้วจะทำยังไงดี”
“มีอยู่วิธีเดียว”
สองหนุ่มมองหน้ากัน

น้ำเพชรได้รับโทรศัพท์จากปลาใหญ่จึงจอดรถรออยู่ในซอยกับสายพิณ สองสาวนั่งอยู่ในรถมองไปข้างหน้าอย่างใจจดใจจ่อ
“ทำไมยังไม่มาซักที หรือว่าเกิดเปลี่ยนใจ”
“โน่น...มาโน่นแล้ว”
น้ำเพชรบอกเมื่อเห็นร่างสองร่างเดินห่อตัวเข้ามา สายพิณเพ่งมองอย่างไม่แน่นใจ
“ใช่เหรอ...ทำไมเดินกระย่องกระแย่งเป็นคนแก่ยังงั้นล่ะ”
น้ำเพชรเพ่งมองด้วยสีหน้าเป็นกังวลจนกระทั่งเห็นเซียนกับปลาใหญ่ชัดขึ้น น้ำเพชรกับสายพิณเบิกตากว้างด้วยความตกใจ พอได้สติสายพิณจึงรีบลงจากรถไปรับสองหนุ่ม
“เกิดอะไรขึ้นคะ พี่เซียน”
“ขึ้นรถก่อน”

สายพิณช่วยประคองเซียนขึ้นรถ พอทุกคนขึ้นรถเรียบร้อย น้ำเพชรจึงขับรถออกไป

แสบสลับขั้ว ตอนที่ 15 (ต่อ)

ทางด้านสมทรงรีบโทร.รายงานเกริกก้องทันทีที่ปลาใหญ่กับเซียนออกจากบ้านไป

“อะไรน่ะ...เอออ ดี...มันไปตั้งแต่เมื่อไหร่” รัญญาหันมามองพ่อ เช่นเดียวกับจันทร์ทิพย์และปกรณ์ที่ฟังเกริกก้องคุยโทรศัพท์อย่างตั้งใจ “ขอบใจมาก”
เกริกก้องปิดโทศัพท์ จันทร์ทิพย์รับถาม
“มีอะไรหรือคะ”
“ไอ้สองคนนั่นมันออกจากบ้านไปแล้ว”
“อ้าว...”
“ทำไมล่ะคะ” รัญญาถามอย่างแปลกใจ
“เห็นสมทรงบอกว่าอยู่ดีๆ มันก็ไป”
รัญญาแอบทำสีหน้าผิดหวยัง
“ไปซะได้ก็ดี แบบนี้เรียกว่ามันแพ้บารมีคุณก้อง”

น้ำเพชรพาปลาใหญ่กับเซียนมาบ้านลุงป่อง ครรชิตกับลุงป่องออกมาต้อนรับเซียนกับปลาใหญ่ด้วยความตกใจ
“คะ...คะ...คุณปลาใหญ่...อะ...ไอ้...ไอ้เซียน...เกิดอะไรขึ้น”
ครรชิตถามอย่างตกใจเมื่อเห็นสภาพสองหนุ่ม
“ไปตามหมอแม้นมาดีกว่าค่ะ”
“ข้าไปเอง”
ลุงป่องบอกแล้วรีบออกไป
“หิวมั้ยจ๊ะ พี่เซียน”
“หิวเหมือนกัน แต่สงสัยจะกินไม่ลง”
“คุณปลาใหญ่ล่ะคะ”
“ผมไม่หิว”
“ถ้ากลุ้มเรื่องผมหงอกก็ไม่เป็นไรครับ...ยาย้อมผมมีเยอะแยะ จะเอาสีอะไรก็ได้ เผลอๆ 7 วันย้อมมันวันละสีเลย” ทุกคนมองหน้าครรชิต ครรชิตยิ้มแหยๆ
“ผมขำไม่ออกเลยครับ คุณครรชิต” เซียนบอก
“ขอประทานโทษครับ...ผมแค่ประสงค์อยากจะคลายเคลียดให้น่ะครับ”
“ผมว่าผมเครียดกว่าเก่า”
“ขอประทานโทษครับ”
“แต่ผมว่าดีเหมือนกันแฮะ”
ทุกคนหันมาทางปลาใหญ่
“ทะลึ่ง” น้ำเพชรต่อว่า

ลุงป่องรีบมาตามหมอแม่นที่บ้าน
“เอาอีกแล้วเรอะ”
หมอแม่นบอกเมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ช่วยหน่อยเถอะน่า ยายแม่น”
“ถ้าช่วย....ไอ้เอ็กซ์มันก็จะมาหลอกมาหลอนฉันอีกน่ะซิ หน็อย...ไอ้เราก็นึกว่ามันมาเยี่ยมเยียน ที่ไหนได้...มันคงไม่พอใจที่ฉันช่วยคุณปลาใหญ่กับไอ้เซียน”
“คนเราทำดีแล้วจะต้องกลัวอะไร”
“กลัวผี”
“โบราณเขาว่าคนทำดีผีจะคุ้ม”
“แต่ฉันเพิ่งโดนผีหลอก”
ลุงป่องถอนใจเฮือก พยายามอ้อนวอนหมอแม่นต่อ

ที่บ้านลุงป่องขณะนั้น น้ำเพชรกับเซียนออกมานั่งอยู่หน้าบ้าน ทั้งคู่นั่งกันเงียบๆ ครู่หนึ่งแล้วเซียนก็หันมาหาน้ำเพชร

“คุณน้ำควรจะกลับบ้านได้แล้ว”
“ไม่เป็นไรค่ะ บ้านน้ำอยู่ฝั่งตรงข้ามชุมชนนี่เอง”
“แต่คุณแม่ของคุณจะเข้าใจผิด”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
เสียงมอเตอร์ไซค์ดังเข้ามา ทั้งคู่หันไปมองจึงเห็นกิมฮวยซ้อนมอเตอร์ไซค์มอมเข้ามาจอด พร้อมมอเตอร์ไซค์ป๋องอีกคัน
“หม่าม้า” น้ำเพชรอุทานอย่างตกใจ
“กลับบ้านเดี๋ยวนี้อาน้ำ”
“หม่าม้าคะ...”
“หยุด อั๊วไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น ต่อไปนี้ห้ามลื้อมาที่นี่เด็ดขาด” กิมฮวยชี้หน้าเซียน “อาเซียน ถ้าลื้อยังเอาตัวไม่รอดก็อย่ามาติดต่อกับลูกสาวอั๊ว”
“คุณเข้าใจผิด...”
“อั๊วเห็นกับตาแบบนี้ยังจะหาว่าเข้าใจผิดอีก ลื้อมันไม่เจียมตัว” กิมฮวยเริ่มได้กลิ่นจึงทำจมูกฟุดฟิด “เอ๊ะ...เหม็นเน่าอะไรวะ”
น้ำเพชรเห็นท่าไม่ดี
“กลับก็ได้ค่ะ หม่าม้า”
“กลิ่นมันอยู่แถวๆ นี้”
“คุณปลาใหญ่ เข้าบ้านเถอะค่ะ”
“อาปลาใหญ่ที่ไหน อั๊วเห็นแต่อาเซียน”
“เฮ้ย...เข้าบ้านไปเถอะ”
มอมแมมบอก เซียนจึงหันมาก้มหัวให้กิมฮวยอย่างสุภาพก่อนจะเดินเข้าบ้าน กิมฮวยมองตามอย่างแปลกใจ
“ทำไมอาเซียนมันดูแปลกๆ ดูมันแก่ๆ พิกล”
“เชิญครับเจ๊”
ป๋องบอกกิมฮวย
“อย่ามาเรียกชั้นว่าเจ๊”
กิมฮวยเดินบ่นไปซ้อนมอเตอร์ไซค์มอม ส่วนน้ำเพชรซ้อนป๋องจากนั้นมอเตอร์ไซค์ทั้งสองคันก็ขับออกไป

เซียนเดินเข้ามาในบ้าน ขณะนั้นสายพิณนั่งหน้างออยู่กับครรชิต
“นายเซียนล่ะ”
เซียนถามหาปลาใหญ่
“เข้าไปนอนแล้วครับ” ครรชิตบอก “หนูน้ำกลับไปแล้วหรือครับ”
เซียนพยักหน้ารับ แล้วหันมาทางสายพิณ
“คุณก็ควรกลับไปได้แล้วเหมือนกัน”
“อ๋อ...ยังกับอยากอยู่นักนี่ เบื่อ...เซ็ง...ทำบุญกับใครไม่ขึ้นซักที” สายพิณสะบัดหน้าเดินออกไป แต่แล้วจู่ๆ ก็หันกลับมา “ฝากบอกพี่เซียนด้วยว่า...โง่”
สายพิณเดินออกไป เซียนมองตามพลางถอนหายใจ
“แกคงไม่อยากจะช่วยแล้วละครับ”
เซียนเดินเข้าห้อง ครรชิตมองตามอย่างสงสาร

เติมศักดิ์เปิดประตูรับกิมฮวยกับน้ำเพชรที่เดินตามเข้ามา
“เจอตัวแล้ว...ไปหมกอยู่กับตาเซียนเหมือนกับที่หมอแม่นบอกเลย”
“อ้อ...หมอแม่นมาฟ้องหม่าม้าหรือคะ”
“อั๊วจ้างอี...อีก็ทำงานให้อั๊ว อาน้ำ...ต่อไปนี้ลื้อจะไปหาอาเซียนอีกไม่ได้” กิมฮวยยื่นคำขาด
“หม่าม้าไม่เข้าใจ”
“อั๊วเข้าใจ อาเติม...ลื้อก็สั่งสอนลูกแทนอั๊วบ้างซิ”
“อาน้ำ...ลื้ออย่าลืมที่เตี่ยกับหม่าม้าสั่งสอนอบรมตั้งแต่เล็กๆ....นั่นก็คือจะรักและแต่งงานกับคนมีเงินเท่านั้น เพราะเงินจะได้ต่อเงิน ทองจะได้ต่อทอง”
“อาเติม ลื้อพูดได้ดีมีคดีสอนใจมากๆ เลย”
“น้ำขอไปอาบน้ำนอนก่อนนะคะ”
“จะไปไหนก็ไป ห้ามไปอยู่ที่เดียวคือชุมชนพัฒนาสู่สุขาวดี”
น้ำเพชรเดินขึ้นห้อง
“อาน้ำดูเชื่อฟังมากกว่าปกติ ลื้อต้องคอยจับตาดูอีให้ดี”
สองคนปรึกษากันไป

ส่วนสายพิณเมื่อกลับถึงบ้านก็นั่งกอดเข่าอย่างคิดหนัก จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น สายพิณหยิบขึ้นมาดูแล้วนิ่วหน้าด้วยความแปลกใจ
“นังน้ำเน่า โทรมาทำไม” สายพิณบ่นแล้วกดรับ “ฮัลโหล อยากมีเรื่องเรอะไง”
“ยายหมอแม่นไปที่บ้านลุงป่องหรือเปล่า”ไม่รู้ แล้วก็ไม่อยากรู้ด้วย ถ้าอยากรู้ก็ไปถามกันเอาเอง” สายพิณปิดโทรศัพท์น้ำตาคลอ “พี่เซียนใจร้าย พิณไม่รักพี่เซียนแล้ว จะเป็นจะตายก็ช่างหัวมัน”
สายพิณบ่นอย่างคับแค้นใจ พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา
“โอ๊ย...พึ่งใครไม่ได้เลย”
น้ำเพชรบ่นอย่างหงุดหงิด

ช่วงเวลาเดียวกันนั้นที่บ้านลุงป่อง เซียน ครรชิต ปลาใหญ่และลุงป่อง นั่งกันเงียบๆ แล้วเซียนก็พูดขึ้นในที่สุด
“ลุงป่องไปนอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องไปออฟฟิศ”
“ชักไม่อยากจะไปแล้ว”
“ลุงป่องต้องไป”
“ให้คุณคันไปไม่ได้เรอะ”
“แกนี่พูดไม่รู้เรื่อง ถ้าไปได้ ฉันก็ไปแล้วน่ะซิ”
ลุงป่องถอนใจเฮือก
“แก่ป่านนี้แล้วทำตัวให้เป็นประโยชน์บ้างก็ดีนะลุงป๋อง” ปลาใหญ่บอกทำให้ลุงป่องนึกฉุน
“ไอ้เซียน...” ลุงป่องขยับเข้าหา ยกมือจะเขกหัวปลาใหญ่
“หยุด” ลุงป่องชะงัก “ดูแต่ตา...มืออย่าต้อง...ของจะเสีย”
ปลาใหญ่ลุกขึ้น ครรชิตรีบบอก
“เดี๋ยว นายเซียน รอคุณปลาใหญ่ด้วย ยายแม่นแกยิ่งสั่งไอ้ป่องมาว่าให้พยายามอยู่ใกล้ๆ กันไว้ เพราะอย่างน้อยจะได้ช่วยให้มีพลังต่อต้านความชั่วร้ายมากขึ้น”
เซียนเดินนำปลาใหญ่ออกไป
“แน่ะ...ถือโอกาสเดินนำเลยนะ”

วันต่อมาที่ห้องทำงานเกริกก้อง เกริกก้องยืนกอดอกหันหลังให้ประตูด้วยสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิดจนกระทั่งมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เข้ามา” ปกรณ์เปิดประตูเข้ามา เกริกก้องหันกลับมา “ไปสืบดูซิว่าก่อนตายไอ้เอ็กซ์มันไปอยู่กับใครในสลัมนั่น แล้วเอาตัวมา”
“ได้ครับ”
“ไปได้”
ปกรณ์โค้งคำนับเกริกก้องแล้วเดินออกไป

ปกรณ์ส่งเขียวไปสืบเรื่องนี้
“เออ...เมื่อคืนมีใครเจอผีไอ้เอ็กซ์บ้างไหม”
กระสือถามขึ้นมาขณะนั่งกินข้าวที่ร้านยายปิ่นทำให้เขียวซึ่งนั่งกินข้าวเงียบๆ ถึงกับชะงัก
“ไปถามหมอแม่นดูซิ มาถามอะไรแถวนี้ล่ะ” มอมบอก
“สงสัยจะจับไข้หัวโกร๋นตายแล้วมั้ง ป่านนี้ยังไม่ออกมากินข้าวกินปลาเลย”
ป๋องบอก ทุกคนเฮฮากันไป
“เฮ้ย...ทำเป็นเล่นไป ใครช่วยไปดูแกหน่อยซิ” ยายปิ่นบอก กระหังจึงรับอาสา
“ฉันไปดูเอง”
“ไปด้วย”
เขียวจ่ายเงินกับสายพิณแล้วทำทีเดินเข้าไปในชุมชนโดยไม่มีใครสงสัย
“เดี๋ยว พิณไปด้วย”
“เอ็งช่วยยายขายของอยู่นี่แหละ ไม่ต้องไป”
สายพิณหน้างอ
“เดี๋ยวถ้ามีอะไร เขาก็มาบอกเองแหละ”

สายไหมบอกขณะที่ชายสี่มองตามกระสือกับกระหังด้วยสีหน้าครุ่นคิด

กระสือกับกระหังนั่งมอเตอร์ไซค์เข้ามาที่บ้านหมอแม่น

“หมอแม่น...หมอแม่น”
“หมอแม่น”
กระสือกับกระหังตะโกนเรียก ขณะที่เขียวแอบดูอยู่มุมหนึ่ง
“หมอแม่น ยังอยู่หรือเปล่า”
“อยู่” หมอแม่นเดินออกมา “ทำไม...คิดว่าฉันตายแล้วเรอะ”
“เออ ก็แกเงียบไปนี่ เลยนึกว่าผีไอ้เอ็กซ์มันมาหักคอตายแล้วน่ะซิ”
“เมื่อคืนมันมาหรือเปล่า”
“เปล่า...สงสัยจะบรรลุจุดประสงค์แล้วมั้ง เลยไม่มา”
“จุดประสงค์อะไร” กระสือกับกระหังถามออกมาพร้อมกัน
“ไม่มีอะไรหรอก”
หมอแม่นเดินกลับเข้าบ้าน กระสือกับกระหังหันมามองสบตากันอย่างแปลกใจ เขียวค่อยๆ เดินไปจากที่นั่น

เขียวโทรรายงานปกรณ์ ปกรณ์จึงโทรบอกเกริกก้อง
“ว่าไง”
“ได้เรื่องแล้วครับ”
“ทำตามแผนต่อไปแลย”
ครับ”
ปกรณ์วางโทรศัพท์ลงด้วยสีหน้าเย็นชาแล้วหันมาทางใหญ่
“ไปได้”
“ครับ”
ใหญ่เดินออกไป ปกรณ์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด
“ไอ้ใหญ่กำลังไปแล้ว”

ที่บ้านลุงป่อง ขณะนั้นเซียนกับครรชิตกำลังช่วยกันดูความเรียบร้อยของลุงป่อง
“หล่อแล้ว ลุงป่อง” เซียนบอก
“ไอ้มอมกับไอ้ป๋องมาหรือยัง”
“เสร็จหรือยังหนุ่มๆ” ปลาใหญ่ส่งเสียงถามเข้ามา
“ไอ้นี่มันทะลึ่งทะเล่นจริงๆ” ครรชิตต่อว่า
“ชักปอดเหมือนกันว่ะ” ลุงป่องบอก
“ไม่ต้องกลัว เมื่อวานลุงทำดีมาก...วันนี้ก็ต้องดีขึ้นไปอีก”
“ขอบคุณ ผมจะพยายามเพื่อคุณปลาใหญ่”
“แล้วอย่าพูดผิดๆ อีกล่ะ”
ทั้งสามคุยกันพลางเดินออกไป

ขณะนั้นป๋อง มอมรออยู่หน้าบ้านกับปลาใหญ่ พอลุงป่องเดินออกมามอมจึงเอ่ยปากแซว
“โห...ลุงป่อง เอ๊ย...คุณอดิศักดิ์ศรี”
“รีบไปถอะ...ไอ้ชายมันกำลังไปหาแฟน”
“ผมไม่ไปส่งนะ” ปลาใหญ่บอก
“เออ...เอ็งกับคุณปลาใหญ่ไม่ควรอออกไปไหนด้วยปราการทั้งปวง ไป...คุณคัน”
ครรชิตหันมาทางปลาใหญ่กับเซียน
“ถ้ามีอะไรรีบโทรเรียกทันทีเลยนะ”
“ไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวไอ้พิณมันก็มา”
กลุ่มครรชิตพากันเดินออกทางหลังบ้าน
“ตื่นเช้าขึ้นมาไม่อยากดูตัวเองเล้ย...มันลามมาถึงต้นแขนแล้ว” ปลาใหญ่บ่น เซียนเดินลูบหน้ามาทรุดตัวลงนั่ง “เฮ้ย...ถ้าลุงป่องทำไม่สำเร็จ แกจะเอายังไงต่อ”
“ก็คงต้องลุยเอง”
ปลาใหญ่ตบไหล่เซียน แล้วต้องร้องลั่นทั้งสองคน
“โอ๊ย”
“ระหวังหน่อยซิ”
“ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ”
“ตื่นกันหรือยัง”
สายพิณส่งเสียงถามเข้ามา
“แฟนแกมาแล้ว” ปลาใหญ่บอกเซียน
“บ้า” สายพิณเดินเข้ามาพร้อมกับใบเตยหอบใหญ่และอาหาร “นั่นหอบใบอะไรมา”
“ใบเตย...เอามาดับกลิ่น”

สายพิณวางถุงอาหารลงแล้วเอาใบเตยไปวางตามมุมต่างๆ เพื่อดับกลิ่น เซียนกับปลาใหญ่ได้แต่มองตามตาปริบๆ

โปรดติดตาม "แสบสลับขั้ว" ตอนต่อไป อย่างระทึก!!
กำลังโหลดความคิดเห็น