ราชินีลูกทุ่ง ตอนที่ 23
กุ้งนางนอนไม่หลับ นั่งคิดแต่เรื่องของจิรายุที่ไปกับฟ้าอยู่ที่ระเบียงห้อง
“กุ้งกับคุณคงไม่ได้ถูกลิขิตให้มาคู่กันจริงๆ หรอกค่ะ คุณจิ...”
ช่วงเวลาเดียวกันนั้น จิรายุมีอาการผิดปกติจากฤทธิ์ยานอนหลับ สุดนภาเปิดเพลงช้าโรแมนติก แล้วเดินเข้ามาสวมกอด จิรายุพยายามดึงออก
“คุณฟ้า...อย่าทำยังงี้สิครับ”
“ทำไมละคะ ในเมื่อฟ้ารักพี่จิ”
“แต่ผม...” จิรายุเบลอๆจะลุกไป “ผมขอตัวกลับก่อนนะ”
สุดนภาดึงตัวไว้ จิรายุพยายามแกะมือออก แต่สุดนภารัดไม่ปล่อยและแกล้งร้องไห้ออกมา
“ฮือๆ พี่จิคะ...นอกจากป๋าแล้ว ไม่เคยมีใครดีกับฟ้าขนาดนี้มาก่อนเลย ฟ้าขอบคุณพี่จิมากนะคะ”
จิรายุรู้สึกว่าตัวเองเริ่มเบลอๆ มากขึ้นๆ สุดนภาออกแรงโน้มทิ้งตัวลง จิรายุหมดแรงถูกดึงล้มตัวตามทับอยู่บนตัวหญิงสาว ชายหนุ่มจะพยายามลุกก็ไม่มีแรง สุดนภาทำเป็นผลักๆ ดิ้นๆ แต่จิรายุก็พยุงร่างไม่อยู่ ล้มทับลงมาเหมือนกำลังปล้ำสุดนภา
จิรายุนอนหลับในสภาพเปลือยอยู่บนเตียง สุดนภาในชุดผ้าขนหนูผืนเดียวนั่งดูแล้วยิ้มพอใจ จิรายุได้สติตื่นขึ้นมาเห็นสภาพตัวเองก็อึ้งมองไปเห็นสุดนภายิ่งตกใจ
“นี่มันอะไรกันคุณฟ้า”
“พี่จิทำอะไรลงไปจำไม่ได้เลยเหรอคะ”
“ผมทำอะไร”
“ฟ้าก็ไม่อยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้น แต่มันก็เกิด...พี่จิปล้ำฟ้าค่ะ”
สุดนภาซบอก จิรายุผลักออก
“เป็นไปไม่ได้! ผมนี่นะปล้ำคุณ เมาขนาดไหน ผมก็ไม่มีทางทำ อย่างงั้นหรอก” ชายหนุ่มนึกได้ “แต่เมื่อคืนผมดื่มไวน์ไป ไม่กี่แก้วนี่....หรือ...หรือว่า คุณวางยาผมฟ้า”
สุดนภาไม่ได้ตอบ เพียงแค่ยิ้มอย่างผู้ชนะ
“เอาเป็นว่าฟ้าบอกว่าพี่จิปล้ำฟ้า ก็คือพี่จิปล้ำ และตอนนี้ฟ้าก็เป็นของพี่จิตกลงตามนี้นะคะ”
“ฟ้า...คุณนี่เลวจริงๆ!”
จิรายลุกขึ้นแต่งตัว สุดนภามองตามหน้านิ่ง
“เลว...คนเราก็มีดีมีเลวด้วยกันทั้งนั้น” หญิงสาวกวนประสาท “ไม่งั้นพี่จิจะหน้ามืดตามัวปล้ำฟ้ายังงี้เหรอคะ”
“เลิกเพ้อเจ้อได้แล้ว”
“เลิกเพ้อก็ได้ ถ้างั้นมาพูดจริงจังกัน...ฟ้าว่าเราควรจะทำให้ถูกต้องนะคะ”
“ทำอะไร”
“ก็แต่งงานกับฟ้า”
จิรายุอึ้งไปแล้วกำหมัดด้วยความเจ็บใจ เดินเข้ามาจ้องหน้า
“คุณไปคิดวางแผนอะไร ที่ฉลาดกว่านี้มาดีกว่า”
ว่าแล้วจิรายุก็เดินออกไปจากห้อง สุดนภามองตามยิ้มร้าย
จิรายุขับรถแล่นมาบนถนนด้วยความเร็ว ชายหนุ่มทั้งโกรธทั้งเจ็บใจตัวเองที่พลาดท่าเสียรู้ให้กับสุดนภา สักครู่เขาก็เบรกรถเสียงดังถอนใจเครียดกังวล
ช่างไฟช่างกล้องจัดเตรียมงานเพลงต่างๆ ถ่ายทำ MV ในสตูดิโอ การถ่ายวิดีโอเพลงใฝ่ต่ำของด้วงเป็นเพลงสนุกๆมีชะเอมเต้นคู่ ต่อมาเป็นการถ่ายทำเพลง รักนี้มีกรรม ซึ่งเป็นเพลงรักหวานของก้าน...จากนั้นถ่ายทำเพลงรักหวานของกบ ชื่อเพลง “เบอร์คน อกหัก”
ในรายการโทรทัศน์ “คอนเสิร์ต 8 เวทีลูกทุ่งไทย” คนดูส่งเสียงกรี๊ดสนั่น เมื่อพิธีกรออกมาดำเนินรายการ
“และตอนนี้ ก็ถึงเวลาที่ทุกคนจะได้ชมการแสดงสดครั้งแรกของศิลปินสาวสวยดาวรุ่งดวงใหม่ ที่เจิดจรัสที่สุดในวงการลูกทุ่งไทยวันนี้...ขอเชิญพบกับกุ้งนาง-สาวิตรี มณีวงษ์...”
การแสดงของกุ้งนางพร้อมแดนเซอร์ในเพลง “ไม่แกล้งเจ้าชู้...จะรู้มั้ยว่าหวง”เป็นไปอย่างสนุกสนาน
สุดนภานั่งเครียดอยู่ในห้องทำงาน มีครูฉลองนั่งอยู่ด้วย ทั้งสองกำลังฟัง แผ่นเดโมเพลง
“ได้เพียงสิทธิ์คิด ไม่มีสิทธิ์คบ” เพลงใหม่ของสุดนภาที่ครูฉลองแต่งให้
“เพลงนี้ดังแน่ คุณฟ้า”
“ขอให้จริงอย่างครูพูดก็แล้วกัน”
“แล้วเรื่องค่าตอบแทนพิเศษที่ตกลงกันไว้ล่ะครับ”
สุดนภามองหน้าเหยียดๆ ก่อนจะหยิบเช็คขึ้นมาเขียนให้
“ห้าแสนบาท...ถ้าดังจริง ขึ้นชาร์ตเพลงฮิต ฟ้าจะจ่ายให้อีกห้าแสน และถ้าครูแต่งเสร็จทั้งอัลบั้ม ครูก็รับส่วนที่เหลืออีกสี่ล้านไปได้เลย”
ครูฉลองรับเช็คมายิ้มๆ
“ขอบใจ...คุณฟ้านี่ทำธุรกิจใจถึงกว่าเสี่ยอ๋าซะอีกนะครับ”
“ถ้าคุ้มค่า ทำไมฟ้าจะไม่ยอมจ่ายละคะครู”
“งั้นผมก็ต้องกลับซะที จะได้ไปแต่งเพลงให้เสร็จเร็วๆ”
ครูฉลองลุกเดินเปิดประตูออกไป สุดนภายิ้มสะใจ
ก้านกับกบเดินมาด้วยกันจนถึงแถวหน้าร้านมีป้ายลุ้นทองทั่วไทยกับ AIS ตั้งอยู่หน้าร้าน กบหันไปถามก้าน
“พี่ก้านยังรักกุ้งอยู่ใช่ไหม”
ก้านยิ้ม
“จากนี้ไป พี่ไม่หวังในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้อีกแล้ว พี่ตั้งใจทำงานเก็บเงินเยอะๆ ดีกว่า”
กบยิ้มพพอใจ
“ถ้าพี่ก้านมีรายได้จากเพลงชุดนี้ พี่จะเอาไปทำอะไร”
“ก็คงซื้อทองเก็บมั้ง เพราะเดี๋ยวนี้เก็บเงินในธนาคารดอกเบี้ยมันน้อย ซื้อทองเก็บดีกว่า”
“โห...ซื้อทองเลยเหรอพี่ ทองเดี๋ยวนี้ก็แพงนะ”
“เฮ้อ...ถ้าอยู่ๆ มีทองหล่นมาใส่มือก็คงดีเน๊อะ จะได้เอาเงินไปทำอย่างอื่น”
“กบเสกให้พี่ได้นะ”
“พูดเป็นเล่นน่ากบ”
“กบพูดจริง พี่แค่กด *544# แล้วกดโทรออก แค่นี้เอง”
ก้านงง
“กดอะไรอ่ะ”
“ก็กดมือถือขอพี่ไง แค่พี่ใช้โทรศัพท์ของ AIS ทำตามที่ฉันบอกเมื่อกี้ โอกาสได้ทองอยู่ใกล้แค่ปลายนิ้วกดเลยนะ”
ก้านยิ้มเอ็นดู
“ใครบอกเราเนี่ย”
“พี่ชมพู่เขาบอก”
กบหันไปชี้ให้ดูป้ายหน้าร้าน แล้วกบกับก้านก็หัวเราะกัน
“แล้วมันจะได้ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ”
กบมองไปในร้านเห็นทีแสดงโฆษณาอยู่
“ไปดูตรงนั้นกันเถอะ”
ทั้งสองพากันเดินเข้าไปในร้าน
ก้านกับกบเดินเข้ามาในร้าน แล้วไปหยุดยืนตรงหน้าทีวี ภาพโฆษณาบนทีวี เป็นโฆษณา อยากรวยกด *544# แล้วกดโทรออก ก้านยิ้มมีความหวัง
“เป็นไงพี่ก้าน เชื่อหรือยังว่าได้ง่ายมาก”
“พี่ไปซื้อโทรศัพท์เลยนะ”
ก้านเดินตรงเข้าไปหาพนักงาน กบมองตามยิ้มๆ
“แหม...บทจะใจร้อน กบก็ตามไม่ทันเลยนะพี่ก้าน”
ก้านมองเลือกโทรศัพท์ในตู้
วันใหม่...รายการโทรทัศน์ ลูกทุ่งอินเตอร์ วีเจกำลังดำเนินรายการ
“และตอนนี้ก็ไม่ต้องลุ้นกันแล้วนะครับว่า เพลงฮิตติดอันอับหนึ่งของสัปดาห์นี้เป็นเพลงอะไร...ใช่แล้วครับ เป็นเพลงใหม่ล่าสุดของฟ้า-สุดนภา จากค่ายเบสท์ มิวสิค ที่แต่งเนื้อร้องและทำนองโดยครูฉลอง ทองเนื้อแท้ เนื้อร้องทำนองโดนใจ จนแทรกขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งประจำสัปดาห์...ไปชมกันเลยครับ ฟ้า-สุดนภา นักร้องสาวสุดเซ็กซี่ กับเพลง ได้เพียงสิทธิ์คิด ไม่มีสิทธิ์คบ”
ภาพ MV เพลง ได้เพียงสิทธิ์คิด ไม่มีสิทธิ์คบ ออกทางจอโทรทัศน์
สุดนภานั่งดูโทรทัศน์ซึ่งฉายเอ็มวีเพลง "ได้เพียงสิทธิ์คิด ไม่มีสิทธิ์คบ" ตอนท้ายๆ เพลงแล้วพูดกับตัวเอง
“อีกไม่นานฉันก็ได้เป็นราชินีลูกทุ่งคนใหม่ของวงการลูกทุ่งไทย”
สุดนภายิ้มเชิดหน้า สะใจ ขณะเดียวกันนั้นมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น สุดนภาหันไปมอง เลขาเปิดประตูเข้ามาในห้อง
“มีอะไร”
เลขาวางซองเอกสารลงบนโต๊ะ
“คุณเป๊กกี้ส่งเอกสารมาให้ค่ะ บอกว่าสำคัญมาก”
“ออกไปได้แล้ว”
“ค่ะ”
เลขาออกไป ฟ้าหยิบเอกสารขึ้นมาดู เห็นที่หัวเอกสารเขียนว่าใบตรวจร่างกาย
“คนอย่างสุดนภา ไม่เคยทำอะไรไม่สำเร็จ”
สุดนภายิ้มอย่างสะใจ
วันใหม่...ทัศนีย์ยืนกอดอกขวางอยู่หน้าประตูห้องทำงานจิรายุ มีสุดนภายืนประจันหน้าอยู่
“หลีกไป ฉันมาพบพี่จิ ไม่เกี่ยวกับแก”
“โอ๊ย เป็นผู้ดีอะไร พูดภาษาคนไม่รู้เรื่อง”
“เอ๊ะ อีแก่นี่ ฉันบอกให้ถอยไป ฉันมีเรื่องต้องเคลียร์กับพี่จิ”
“ก็บอกไปตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะคะว่าไม่ได้ คุณจิไม่ให้เข้าพบ”
“รู้ไม่ใช่เหรอว่าฉันคือใคร”
ทัศนีย์ยิ้ม
“ทราบค่ะ แต่คุณฟ้าก็ควรทราบด้วยนะคะว่า ฉันทำงานกับคุณจิ ไม่ได้ทำงานให้คุณ เพราะฉะนั้น ฉันก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องเกรงใจคุณ ถ้าคุณ จะมาเสียมารยาทที่นี่”
สุดนภายิ้มร้าย
“ได้...อีแก่หน้าเหี่ยว งั้นฉันก็ฝากคาบไอ้นี่ไปให้พี่จิเจ้านายแกดูด้วยแล้วก็บอกเขาว่า ภรรยาฝากของขวัญฉลองสมรสเมื่อคืนนี้มาให้”
สุดนภาดึงมือตู่มาแล้วยัดซองสีน้ำตาลใส่มือ แล้วจับมือทัศนีย์ที่มีซองจะยัดใส่ปากให้คาบ แต่ทัศนย์สะบัดหน้าหนี ผลักสุดนภาเซไป
“จะมากไปแล้วนะแก”
“อย่าลืมให้พี่จิดูล่ะ”
สุดนภายิ้มแล้วเดินจากไป ทัศนีย์มองตามเจ็บใจแล้วมองซองในมืออย่างงงๆ
“จากภรรยาคุณจิ”
ทัศนีย์วางซองลงบนโต๊ะต่อหน้า จิรายุมองงงๆ
“ลูกสาวเสี่ยอ๋าฝากมาให้ค่ะ”
“อะไรครับพี่ตู่”
“พี่ก็ไม่ทราบค่ะ แต่เขาพูดแปลกๆ นะคะ บอกว่าภรรยาฝากของขวัญฉลองสมรสเมื่อคืนนี้มาให้คุณจิ”
จิรายุหน้าเครียดมองซองนิ่งอย่างชั่งใจ
“ขอบคุณนะครับพี่ตู่”
“อย่าลืมไปดูกุ้งนางอัดเสียงนะคะ”
“ครับ”
ทัศนีย์แอบมองสงสัยแล้วก็เดินออกไป
จิรายุหยิบแผ่นซีดีและรูปจำนวนหนึ่งพร้อมกระดาษโน้ตเล็กๆหนึ่งแผ่น จิรายุอ่านโน้ต
“เมื่อคืนเรามีความสุขกันมากนะคะพี่จิ ฟ้าอยากประกาศให้โลกรู้จักเลยว่า เราเป็นอะไรกัน”
จิรายุเอาซีดีใส่โน้ตบุ๊คแล้วกดเปิด เป็นภาพจากกล้องวงจรปิด เห็นภาพเหมือนเขาปล้ำสุดนภา
“เอาเป็นว่าฟ้าบอกว่าพี่จิปล้ำฟ้า ก็คือพี่จิปล้ำ และตอนนี้ฟ้าก็เป็นของพี่จิตกลงตามนี้นะคะ”
จิรายุรีบปิดคอมแล้วทุบโต๊ะด้วยความโกรธ หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหา
หน้าจอโทรศัพท์ของสุดนภาขึ้นชื่อจิรายุโทรเข้า สุดนภากดสายทิ้งทันที แล้วยิ้มสะใจ มองไปที่กุ้งนางที่กำลังอึ้งกับคลิปวิดีโอที่เธอให้ดูจากหน้าจอไอแพด สุดนภาตีหน้าเศร้า
“เธอคงเข้าใจฉันแล้วสินะกุ้งนาง เราเป็นผู้หญิงเหมือนกัน เธอคงรู้ว่า เรื่องแบบนี้มันสำคัญมากขนาดไหนสำหรับผู้หญิงเรา”
“ค่ะ...ฉันเข้าใจดี”
กุ้งนางตอบอย่างกล้ำกลืน สุดนภาดึงมือกุ้งนางมากุม
“กุ้งนาง...ฉันขอร้องเธออย่างนึงได้มั้ย ฉันกลัวว่าพี่จิจะทิ้งฉัน แล้วฉันก็รู้ว่า พี่จิเขาชอบเธอมาก แต่...” สุดนภาบีบน้ำตา “แต่ที่พี่จิทำกับฉันมัน...”
“คุณไม่ต้องพูดอะไรอีกหรอกค่ะ ฉันกับคุณจิไม่มีอะไรกัน คุณสบายใจได้”
“ฉันขอบใจเธอมากนะกุ้งนาง เธอเป็นคนดีจริงๆ”
กุ้งนางส่งไอแพดคืนให้ แล้วเดินหนีไปด้วยสีหน้านิ่ง แต่พอพ้นสุดนภาหญิงสาวน้ำตาก็ไหลออกมาเอง กุ้งนางพยายามข่มใจไม่ปาดน้ำตาเดินต่อไป...สุดนภามองตามยิ้มๆ แล้วมีเบอร์ของจิรายุโชว์ขึ้นมาอีก เธอยิ้มแล้วกดตัดสายทันที
“คิดถึงฟ้าขึ้นมาแล้วเหรอคะพี่จิ”
สุดนภาเก็บโทรศัพท์แล้วขึ้นรถขับออกไป
ค่ำนั้น จิรายุกลับมานั่งเสียใจเรื่องกุ้งนางอยู่ที่บ้าน คิดไม่ตกว่า ทำไมความรักของตัวเองกับกุ้งนางถึงได้มีอุปสรรคมากนัก ขณะเดียวกันนั้น เสียงมือถือของเขาดังขึ้น จิรายุหยิบมาดูเห็นเป็นชื่อสุดนภาก็เซ็ง แต่ก็ต้องรับสาย
“สวัสดีค่ะพี่จิ”
“คุณโทรมาทำไมอีก”
“ก็โทรมาขอโทษที่วันนี้ตัดสายพี่จิไปน่ะสิคะ พอดีว่า ฟ้าต้องไปหาฤกษ์แต่งงานของเรา”
“เพ้อเจ้ออะไรของคุณฟ้า! ผู้ชายมันหายากถึงกับขนาดต้องทำยังงี้เลยรึไง”
สุดนภาไม่พอใจ
“ฟ้าก็ทำอย่างนี้กับพี่จิแค่คนเดียวเท่านั้นแหละค่ะ”
“ฟ้า...ผมขอบอกเป็นครั้งสุดท้ายนะ ว่าผมไม่สนใจว่าคุณคิดจะทำอะไรทั้งนั้น”
“งั้นฟ้าก็ขอบอกข่าวคืบหน้า ว่าฟ้าลืมส่งหลักฐานสำคัญอีกอย่างนึงให้พี่จิ”
“อะไร”
“ใบตรวจร่างกายไงคะ ฟ้าไปตรวจร่างกายและปรึกษาทนายแล้ว คราวนี้คงพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนว่าฟ้าตกเป็นของพี่จิแล้ว”
“คุณจะสร้างหลักฐานปลอมอะไรขึ้นมา ผมก็ไม่สนหรอกฟ้า”
“พี่จิอยากให้เรื่องของเราดังไปทั้งประเทศก็ได้นะคะ”
จิรายุกำหมั่นแน่นด้วยความแค้นใจ
“ถ้าอยากจะให้ดัง ก็ให้มันดังไป ยังไงผมก็ไม่แต่งกับคนอย่างคุณหรอกฟ้า”
“แล้วคิดว่าจะแต่งกับใคร กุ้งนางเหรอ”
“ใช่...กุ้งนางคนเดียวเท่านั้นที่จะเป็นเจ้าสาวของจิรายุ”
“งั้นขอยืมคำทักทายของพี่จิเมื่อกี้หน่อยนะคะ อย่าเพ้อเจ้อไปเลยค่ะ ฟ้าก็ไม่ยอมเหมือนกัน”
จิรายุได้ยินเสียงวางสายจากสุดนภาก็ถอนใจเครียด
สุดนภายิ้มอย่างเลือดเย็นออกมา
“ถ้านังกุ้งนางมันตายเป็นผี พี่จิยังจะรักมันไหม”
ราชินีลูกทุ่ง ตอนที่ 23 (ต่อ)
ก้าน ด้วง และชะเอม นั่งปูเสื่อทานข้าวกันกับพื้น โดยเปิดทีวีไปด้วย แต่ไม่มีใครสนใจทีวีเพราะกำลังตื่นเต้นดูโทรศัพท์เครื่องใหม่ของก้าน กุ้งนางเคาะประตูเปิดเข้ามา
“มารวมกันอยู่นี่เอง นึกว่านอนไปแล้ว”
ก้านโชว์โทรศัพท์
“พี่ซื้อโทรศัพท์มา พี่ด้วงกับชะเอมเลยมาขอชื่นชม”
ด้วงมองมือถือก้าน
“มาดูสิกุ้ง ไม่น่าเชื่อเลยว่าคนขี้งกอย่างไอ้ก้าน จะควักกระเป๋าซื้อโทรศัพท์ได้”
“โห...พี่ด้วง ขี้งกเลยเหรอ เอาแค่ขี้เหนียวก็พอมั้ง ขี้งกมันดูไร้น้ำใจไงไม่รู้”
กุ้งนางยิ้มๆ
“นั่นสิ พี่ก้านน่ะ เขาแค่เป็นคนรู้จักใช้เงินต่างหากพี่ด้วง”
ด้วงยิ้มล้อๆ
“แหม...เข้าข้างกันเหลือเกินนะสองพี่น้องนี่”
ชะเอมหันมาถามก้าน
“ว่าแต่ เอ็งซื้อโทรศัพท์มาโทรหาใครฮึไอ้ก้าน...เอ๊ะ หรือว่าจะไว้โทรคุยกับพี่กบ”
ก้านรีบปฏิเสธเขินๆ
“เฮ้ย...ไม่ใช่”
ชะเอมรู้ทัน
“ไม่ต้องเลยไอ้ก้าน ดูสิ ปากบอกไม่ใช่แต่หน้าแดงนี่หว่า”
ด้วงมองก้าน
“ไอ้ก้าน เอ็งยอมรับมาเถ๊อะ ยังไงพวกพี่ก็เชียร์น้องกบอยู่แล้ว”
“พี่ซื้อมาเพราะ เอไอเอสเขาแจกทอง”
กุ้งนาง ด้วง ชะเอม ร้องออกมาพร้อมกัน
“แจกทอง”
ก้านพยักหน้า
“ใช่ นั่นไงโฆษณา”
ทุกคนหันไปมองทีวี เห็นเป็นภาพโฆษณา AIS อุ่นใจได้แต้มปี 4 เมื่อทุกคนดูจบก็หันกลับมามองหน้ากัน ชะเอมซบด้วงอ้อน
“พี่ด้วงจ๋า ชะเอมอยากได้ทองอ่ะ กด*544# แล้วกดโทรออกให้หน่อยสิ ทำเพื่อลูกเมียในอนาคตหน่อยนะ”
“ไม่ต้องห่วงนะชะเอม พี่ต้องทำแน่”
“อ๊าย...พี่ด้วงทำเพื่อชะเอม”
“เปล่า...ทองพี่ก็อยากได้ แต่พี่อยากเจอซุปตาร์ชมพู่มาก คราวนี้ฝันพี่เป็นจริงแล้ว”
ชะเอมโกรธจี๊ด
“อร๊ายยย พี่ด้วง นึกว่าจะทำเพื่อฉัน”
ด้วงรีบกดมือถือไม่สนใจชะเอม ก้านกับกุ้งนางมองทั้งคู่แล้วหัวเราะขำ ก้านหันมาถามกุ้งนาง
“กุ้งไม่สนใจบ้างเหรอ”
“ใครว่าล่ะ พรุ่งนี้ฉันไปซื้อเครื่องแล้วเปิดเบอร์แน่ๆ จ้ะ”
วันใหม่...ในห้องประชุม จิรายุเรียกศิลปินและผู้เกี่ยวข้องเข้าประชุมเกี่ยวกับแผนงาน ทัศนีย์แจ้งข่าวอันดับเพลงให้ทุกคนฟัง
“สวัสดีค่าทุกๆ คน วันนี้พี่ตู่มีข่าวดีมาบอกค่ะ ตอนนี้ทางรายการวิทยุต่างๆเปิดเพลงของเรา ฮ้อตฮิตติดชาร์ทไปแล้วนะจ๊ะ”
ชะเอมตื่นเต้น
“จริงนะคะพี่ตู่”
“จริงสิ และที่สำคัญ สุดยอดเพลงฮิตประจำสัปดาห์ของรายการลูกทุ่งอินเตอร์...ห้าอันดับแรกเป็นของสยามซอง ซะสี่เพลงแล้วนะค้า”
ดวงถามอย่างดีใจ
“เพลงของผมอันดับที่เท่าไหร่ครับพี่ตู่”
“เพลงใฝ่ต่ำของด้วงอยู่อันดับห้าจ้ะ”
กบถามบ้าง
“แล้วเพลงเบอร์คนอกหัก ของกบล่ะคะ ติดอันดับไหมคะพี่ตู่”
“แน่นอนจ้ะ อันดับสี่เป็นของกบ-กรรณิการ์...อันดับสามก็เพลงรักนี้ มีกรรม ของก้าน...ส่วนเพลง ไม่แกล้งเจ้าชู้ จะรู้มั้ยว่าหวง ของกุ้งนางอยู่อันดับสอง...และพี่เชื่อว่าสัปดาห์หน้าจะต้องขึ้นสู่อันดับหนึ่งแน่”
จิรายุกับกุ้งนางหันมาเจอกัน ทั้งสองก็มึนตึงใส่กัน
“ผมจะอัดเพลงใหม่ให้กุ้งนางอีกเพลงนะครับพี่ตู่”
ทัศนีย์แปลกใจ
“อะไรนะคะ”
“กุ้งนางจะต้องมีเพลงช้าอีกสักเพลง ไม่งั้นคนจะติดภาพเพลงเร็ว ไม่ได้เห็นความสามารถที่แท้จริงของกุ้ง”
กุ้งนางขัดขึ้น
“แต่กุ้งยังไม่อยากอัดเพลงใหม่ตอนนี้”
“แม้แต่เพลงจับความคิดถึง ตรึงไว้บนฟ้า ที่พ่อแต่งเนื้อร้องให้แม่กุ้ง งั้นใช่ไหม”
กุ้งนางอึ้ง
“คุณจิ...”
“ฉันแต่งทำนองเสร็จแล้ว ว่าไงจะร้องไหม”
กุ้งนางรับคำเสียงอ่อย
“ค่ะ”
จิรายุถอนใจโล่งอก ก้านหันมายิ้มให้กุ้งนาง
“ความฝันของกุ้งจะเป็นจริงแล้วนะ”
“จ้ะพี่ก้าน”
กุ้งนางปลื้มที่จะได้ร้องเพลงของพ่อ
จิรายุเปิดประตูเข้ามาเจอสุดนภานั่งรออยู่ ยิ้มอย่างสบายใจ
“เลิกประชุมแล้วเหรอคะพี่จิ”
“คุณมาที่นี่อีกทำไม”
“ฟ้าก็แค่อยากมาหาพี่จิ นี่คงกำลังดีใจกันอยู่ล่ะสินะคะ ว่าเพลงติดชาร์ตเพลงดังลูกทุ่งไทย”
“คุณมีอะไรก็พูดมาเถอะ แล้วก็รีบกลับไปซะ”
“ที่มาก็อยากให้พี่จิแสดงความยินดีกับฟ้าด้วย ลูกน้องไม่ได้รายงานเหรอคะ ว่าเพลงที่ติดอันดับหนึ่งน่ะเป็นเพลงของฟ้าเอง”
“แล้วไง...”
น้ำเสียงของจิรายุไม่ค่อยจะใส่ใจคำพูดของสุดนภามากนัก แต่เธอยังพยายามข่มอารมณ์ไว้
“พี่จิคะ...เรามาเริ่มต้นพูดคุยกันดีๆใหม่ไม่ได้เหรอคะ ไหนๆ เรื่องของเราก็มาขนาดนี้แล้ว”
“คุณยังหวังเรื่องนั้นอยู่อีกเหรอฟ้า ผมว่าผมเคยบอกคุณไปแล้ว ว่าผมรักกุ้งนางคนเดียว”
“จะรักมันก็รักไปสิ แต่พี่จิต้องแต่งกับฟ้า เรื่องไม่จบแน่”
“ต่อให้ผมต้องขายสมบัติทั้งหมดทุกชิ้น เพื่อต่อสู้คดีหรือต้องติดคุกก็ตาม ผมจะไม่ยอมแต่งงานกับผู้หญิงที่น่าสมเพศและน่ารังเกียจที่สุดอย่างคุณแน่”
“อ๊าย!” สุดนภาลุกขึ้น “ไอ้พี่จิ! ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครกล้าดูถูกฟ้าถึงขนาดนี้ ถ้าพี่จิอยากจะเป็นศัตรูกับฟ้าก็ได้ ตั้งแต่วันนี้ไปก็ระวังตัวกันไว้ให้ดีก็แล้วกัน”
จิรายุจ้องตาตอบแบบไม่หวาดหวั่น สุดนภามองอย่างเคียดแค้น ก่อนจะฉุนเฉียวออกไป
วันต่อมา...กุ้งนางกำลังอัดเพลง “จับความคิดถึง ตรึงไว้บนฟ้า” อยู่ในห้องอัดเสียง กบกับก้าน ยืนฟังอยู่ในห้องคอนโทรล จิรายุเปิดประตูเดินเข้ามาในห้องร่วมฟังด้วย กุ้งนางพอเห็นจิรายุก็สมาธิเสียทันที ซาวด์เอ็นจิเนียร์ปิดเพลงแล้วกดไมค์พูด
“เป็นอะไรน่ะกุ้ง”
ก้านกดไมค์ถาม
“หิวน้ำหรือเปล่า พี่ไปเอามาให้นะ”
“ไม่ต้องจ้ะพี่ก้าน กุ้งขอโทษจ้ะ ขอใหม่อีกเที่ยวนะ”
กุ้งนางไม่มองหน้าจิรายุ แล้วสูดหายใจลึกๆพึมพำกับตัวเอง
“สมาธิ ต้องมีสมาธิ อย่าคิดเรื่องอื่น”
พอดนตรีเริ่ม กุ้งนางเริ่มร้องใหม่ โดยไม่มองไปที่ห้องควบคุมเสียงและหญิงสาวก็ร้องดีมาก ทุกคนยิ้มปลาบปลื้ม กุ้งนางร้องจนจบเพลง
กุ้งนางเปิดประตูห้องคอนโทรลเข้ามา กบกับก้าน เข้าไปยินดีกับกุ้งนาง
“กุ้งร้องเพราะจังเลย เก่งมาก กบฟังแล้วซึ้งน้ำตาซึมเลยนะ”
“คงเป็นเพราะเนื้อเพลงที่พ่อกุ้งแต่งมันเพราะมาก”
ก้านแย้ง
“แต่พี่ว่า ทำนองที่คุณจิเขาแต่งมา มันก็เพราะมากด้วยนะกุ้ง”
กบยิ้มๆ
“แหม...มันก็ทั้งหมดแหละเน๊อะ เนื้อร้องกินใจ ทำนองเพราะจับใจ กุ้งถ่ายทอดได้ดี เพลงมันถึงออกมาเพราะแบบนี้”
กุ้งนางได้แต่ยิ้มรับ แล้วเห็นจิรายุเดินเข้ามายิ้มยินดีกับหญิงสาว กุ้งนางรีบทำเป็นไม่เห็นเขา จิรายุจึงหันไปพูดกับซาวนด์เอ็นจิเนียร์
“โอเค แล้วนะ”
“ครับ ขอเวลาผมมิกซ์สามสี่วันนะครับ”
“เร็วกว่านั้นได้ไหม ผมจะส่งโปรโมตวันจันทร์นี้เลย”
“ไม่เร็วไปเหรอครับคุณจิ”
“ผมจะดันออกใหม่ทีเดียวทั้งอัลบั้มเลย”
กบหน้าเหวอ
“หมายความว่าเพลงของพวกเราด้วยเหรอคะ”
จิรายุหันมามอง
“ของทุกคน เพลงของกบ ก้าน ด้วง แล้วก็ชะเอม ก็เสร็จแล้วนี่”
ก้านดีใจ
“ครับ...ตื่นเต้นจังเลยนะกุ้ง”
กุ้งนางมองจิรายุด้วยสายตาเรียบเฉย ก่อนหันไปคุยกับเพื่อนๆ
“เดี๋ยวฉันขอตัวไปกินน้ำก่อนนะพี่ก้าน”
กุ้งนางเดินออกจากกลุ่มไป ทุกคนงงๆ จิรายุก็รู้สึกว่ากุ้งนางไม่ค่อยอยากจะคุยกับเขาจึงรีบเดินตามออกไป
กุ้งนางหนีมาดื่มน้ำ จิรายุตามมา
“กุ้ง เป็นอะไร”
“กุ้งไม่ได้เป็นอะไร”
กุ้งนางตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“แต่น้ำเสียงของกุ้งไม่ได้บอกฉันอย่างนั้นนี่ ฉันรู้สึกว่า วันนี้กุ้งไม่ค่อยอยากคุยกับฉัน”
“กุ้งเหนื่อย”
“แค่นี้เองเหรอ”
“ใช่ค่ะ”
“ไม่จริง กุ้งเป็นอะไรก็บอกมา ไม่พอใจอะไรฉันหรือเปล่า”
กุ้งนางกับจิรายุจ้องหน้าเงียบ
“บอกฉันได้ไหมว่ามีปัญหาอะไร”
“ตอนนี้เราไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้ว กุ้งขอตัว”
กุ้งนางจะเดินไป จิรายุดึงแขนไว้
“กุ้งนาง!อยู่คุยกันให้รู้เรื่องก่อน”
“ไม่!”
กุ้งนางพยายามสะบัดแขนแต่จิรายุยิ่งบีบแน่น
“ฉันมีเรื่องปวดหัวอยู่แล้ว กุ้งยังจะมาทำตัวไม่มีมีเหตุผลอีก นึกจะโกรธ ก็โกรธกันแบบนี้ แล้วอย่างงี้ใครจะอยู่ใกล้กุ้งได้”
กุ้งนางสะบัด
“ก็ไม่ต้องมาอยู่ใกล้ ไปอยู่ห่างๆ ได้ยิ่งดี กุ้งจะได้ทำงานสบายใจขึ้น”
กุ้งนางจ้องหน้าจิรายุก่อนจะเดินหนีออกไป จิรายุถอนใจ...ทั้งโกรธทั้งเสียใจ
เย็นนั้น ครูชาตรีจะออกจากโรงพยาบาลกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า นทีทองกับซองจูมารับและช่วยจัดเก็บของ จิรายุเปิดประตุเดินเข้ามา
“กุ้งนางล่ะครับ”
ครูชาตรี นทีทอง ซองจูมองจิรายุด้วยสายตาสงสัย ซองจูถามขึ้น
“ทะเลาะกับกุ้งนางเหรอครับคุณจิ”
จิรายุถอนใจ
“ผมก็ไม่รู้ว่าทะเลาะหรือเปล่า จู่ๆ ก็ไม่พูดไม่มองหน้าซะงั้น”
ครูชาตรีคิดๆ
“อืม...วันนี้ก็พอดูออกอยู่นะ ว่ากุ้งนางก็อารมณ์ไม่ดี”
“แล้วตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนล่ะครับ”
“ห้องจ่ายยาน่ะครับ กำลังไปรับยาให้ครูชาตรี เดี๋ยวเราไปด้วยกันนะครับ พี่ชาตรีแต่งตัวเสร็จพอดี” นทีทองพูดไม่ทันจบจิรายุวิ่งออกไปซะแล้ว นทีทองงงๆ “อ้าว”
ครูชาตรียิ้มๆ
“ความรักของคนรุ่นนี้ มันรวดเร็วปรู๊ดปร๊าดจริงๆ เลยนะนทีทอง”
“ครับพี่”นทีทองยิ้ม
กุ้งนางรับยาจากห้องจ่ายยา หันหลังกลับมาก็เจอจิรายุยืนดักอยู่ กุ้งนางเดินเบี่ยงไปอีกทาง จิรายุวิ่งมาดัก
“เดี๋ยวก่อนกุ้งนางคุยกับฉันก่อน กุ้งเป็นอะไรน่ะ อยู่ดีๆ ก็โกรธฉัน”
กุ้งนางไม่คุยด้วยจะเดินเบี่ยงออกไปอีก จิรายุจับแขนไว้
“นี่ปล่อยนะ ไม่เห็นเหรอว่าคนเยอะแยะ”
จิรายุไม่เข้าใจ
“บอกมาก่อนสิว่าโกรธฉันเรื่องอะไร เล่นไม่พูดไม่มองหน้ายังงี้ จะคุยกันรู้เรื่องไหม”
“ไม่จำเป็นแล้ว”
กุ้งนางจะไป จิรายุยังดึงไว้
“ถ้าคุณไม่ปล่อยฉันตะโกนนะ”
จิรายุเห็นกุ้งนางเอาจริงเลยปล่อยมือ พอดีกับที่ครูชาตรี นทีทอง ซองจูเดินมา ซองจูเข้ามาถาม
“ได้ยาครบแล้วใช่มั้ยกุ้ง”
“ค่ะ”
“งั้นเราไปกันเถอะ ครูชาตรีจะได้กลับไปพักผ่อน รถตู้รออยู่ด้านหน้านู้นแน่ะ”
ครูชาตรียิ้มกับจิรายุ
“คุณจิ ฝากไปส่งกุ้งนางด้วยนะครับ”
กุ้งนางปฏิเสธทันที
“ไม่ค่ะ...ครูคะ กุ้งขอไปรถครูนะคะ กุ้งอยากไปดูแลครูที่บ้านด้วย”
จิรายุรีบบอก
“งั้นก็ไปรถฉัน ฉันจะไปด้วย”
“ฉันอยากไปกับครู ฉันรู้สึกว่าฉันอยู่ใกล้ครูแล้วปลอดภัยอบอุ่นกว่า...ไปกันค่ะครู”
จิรายุหัวเสียที่กุ้งนางพูดกวน จำต้องเดินไปคนเดียว
รถตู้เข้ามาจอดหน้าบ้านนทีทอง ตามด้วยรถของนทีทองและจิรายุ...ทั้งหมดลงจากรถเข้ามาในห้องรับแขก ชาตรี นทีทอง ซองจู กุ้งนางและจิรายุเดินเข้ามา กุ้งนางประคองชาตรีนั่งที่โซฟา นทีทองหันมาคุยกับจิรายุ
“เพื่อความปลอดภัยของพี่ชาตรี ผมไม่กล้าปล่อยให้อยู่คนเดียว ก็เลยชวนให้มาพักรักษาตัวที่บ้านผมก่อน”
“งั้นดีเลยค่ะ กุ้งนางขอมาดูแลครูด้วยได้มั้ยคะ”
“ได้สิ ซองจูจะได้ไม่เหงาด้วย เวลาที่ฉันกับครูคุยปรึกษากันเรื่องงาน”
ซองจูยิ้มดีใจ แต่จิรายุไม่เห็นด้วย
“ทำงั้นได้ไง เธอเป็นผู้หญิงจะมาอยู่ร่วมกับผู้ชายสามคนได้ยังไง”
กุ้งนางแย้ง
“ได้สิ ไม่มีใครเขาคิดอกุศลแบบคุณหรอก ยังไงฉันก็จะอยู่”
จิรายุฉุน ครูชาตรี นทีทอง ซองจูขำที่เห็นกุ้งนางชนะทุกที จิรายุหงุดหงิด
“เธอนี่มัน...เออ...ก็ได้ งั้นต่อไปฉันจะไม่ยุ่งกับเธอแล้ว”
จิรายุเดินหนีออกไป ครูชาตรีหันมาหากุ้งนาง
“ที่พูดเมื่อกี้น่ะ ได้คิดก่อนพูดรึป่าว”
“คิดแล้วค่ะครู”
“คิดถึงแต่ใจตัวเอง แต่ไม่คิดถึงใจคุณจิรายุน่ะสิ ถึงได้พูดจาไม่ถนอมน้ำใจเขา”
“เขาเองก็ทำบางอย่างไม่นึกถึงใจคนอื่นเหมือนกันนะคะครู”
ครูชาตรีมองกุ้งนางที่ฉุนจิรายุแล้วยิ้ม
กุ้งนางยืนสูดอากาศอยู่ตรงสนามหน้าบ้าน ครูชาตรีเดินออกมาหา กุ้งนางหันมาเห็น
“ครูคะ! ครูยังไม่แข็งแรงดีเลย เข้าข้างในดีกว่าค่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันก็อยากออกมาสูดอากาศเหมือนกัน”
นทีทองเดินตามออกมา กุ้งนางหันไปคุยด้วย
“ที่นี่อากาสดีจังเลยนะคะ กุ้งว่าครูต้องหายได้เร็วแน่เลย”
“อืม...แต่หนูอย่ามัวดูแลครูชาตรีจนลืมซ้อมนะ เพราะกำหนดโปรโมตเพลงใกล้มาถึงแล้ว”
“ค่ะ...ไม่ต้องห่วงค่ะ กุ้งไม่ทำให้งานเสียเด็ดขาด”
ครูชาตรีมองหน้าแล้วถามขึ้น
“ตั้งใจทำงานแบบนี้ เคยคิดไว้มั้ยว่าวางเป้าหมายในวงการไว้ยังไง”
“กุ้งไม่ได้คิดเรื่องนี้หรอกค่ะ เพราะหนูมีเป้าหมายอื่นที่สำคัญกว่า”
นทีทองแปลกใจ
“เป้าหมายอะไรเหรอพอจะบอกได้มั้ย”
กุ้งนางยิ้ม
“อีกไม่นานทุกคนก็จะได้รู้เองค่ะ โดยเฉพาะพี่นที กุ้งจะบอกพี่เป็นคนแรกเลย”
ครูชาตรีหัวเราะ
“ชักอิจาฉานายแล้วสินที กุ้งนางให้ความสำคัญกว่าครูซะอีก”
นทีทองกับครูชาตรีหัวเราะเอ็นดูกุ้งนาง
ราชินีลูกทุ่ง ตอนที่ 24
ค่ำนั้น นทีทองจัดเลี้ยงฉลองให้กับทุกคน นทีทองกับครูชาตรีถือไมค์ยืนอยู่บนที่ ซึ่งจัดเป็นเหมือนเวทีเล็กๆ นทีทองประกาศ
“เอาล่ะ วันนี้สนุกกันให้เต็มที่ละกันนะ เพราะหลังจากนี้ ทุกคนจะต้องเหนื่อยแน่ มาครับ...พี่ชาตรีช่วยอวยพรให้กับลูกๆ หลานๆ หน่อย”
“อืม...กว่าจะมามีวันนี้ได้นะ เราทุกคนก็รู้ว่าต้องผ่านอะไรกันมาบ้าง ทั้งลำบาก ทั้งสุข ทั้งทุกข์ แต่เราก็มากันได้ถึงจุดหนึ่งแล้ว ต่อจากนี้ไป ก็จะเป็นข้อพิสูจน์ใจของพวกเราอย่างแท้จริง ครูขอให้ทุกคนใช้ความดีรักษาความฝันที่เป็นจริงแล้วให้ได้นานที่สุด และขอให้ทุกคนโด่งดังรุ่งโรจน์สมดั่งใจปรารถนานะ”
ทุกคนยกมือไหว้ขอบคุณครูชาตรี ชะเอมนึกคึกวิ่งไปขอไมค์ที่นทีทอง
“อ๊ะ! วันนี้วันดี ชะเอมจะร้องเพลงให้ทุกคนฟังนะคร้า!”
ทุกคนตะโกนห้าม
“เฮ้ย!...อย่า!”
ทุกคนพากันห้ามพัลวัน ด้วงเข้าไปแย่งไมค์และร้องเอง...ความสนุกสนานต่างๆของทุกคนที่ผลัดกันร้องเพลง ชะเอมพยายามแย่งไมค์มาร้องไม่ได้ก็เต้นสุดเหวี่ยง กุ้งนางที่นั่งดูเพื่อนอยู่ก็หัวเราะชอบใจ แอบมองไปทางจิรายุก็เห็นว่าเขาแอบมองอยู่ก่อน กุ้งนางทำไม่สน จิรายุถอนใจเครียด
จิรายุเดินเข้าห้องรับแขกแล้วมานั่งเซ็งมองไปด้านนอกแบบเบื่อๆ
“คุณจิ”
จิรายุหันมองตามเสียง เห็นครูชาตรีเดินเข้ามา
“ยังปรับความเข้าใจกับกุ้งนางไม่ได้เหรอ”
“ผมก็คิดไม่ออกเหมือนกันครับ อยู่ดีๆ ก็มาโกรธกัน”
“แต่กุ้งนางเป็นคนที่ไม่ทำอะไรโดยที่ไม่มีเหตุผลนะ ผมว่าคุณจิน่าจะรีบหาให้เจอว่ากุ้งนางเขาโกรธเรื่องอะไรกันแน่ดีกว่า ผมเอาใจช่วยนะ”
พูดจบครูชาตรีก็เดินกลับไป จิรายุครุ่นคิด
“เรื่องฟ้า กุ้งก็ไม่น่าจะรู้ แล้วโกรธฉันเรื่องอะไรกันแน่นะกุ้งนาง”
จิรายุถอนใจเซ็งๆ
วันใหม่...กุ้งนาง ยืนนิ่งให้เจ๊อึ่งกับเขียดช่วยกันแต่งตัวให้ เป็นการลองชุดใหม่เพื่อที่จะใส่แสดงคอนเสิร์ตลูกทุ่งบานฉ่ำ กับเพลงใหม่ของเธอ...กุ้งนางอยู่ในชุดสวย เจ๊อึ่งกับเขียดถอยมามองดูแล้วปลาบปลื้มฝีมือตัวเอง
“ต๊าย...สวยมว๊าก สวยล้ำในสามโลก เหมาะกับกุ้งในงานคอนเสิร์ตเลย”
เขียดยิ้มแย้มถาม
“จริงด้วย กุ้งล่ะชอบไหม”
กุ้งนางเงียบเจ๊อึ่งกับเขียดงงมองหน้ากัน เขียดเรียก
“กุ้ง”
กุ้งนางสะดุ้ง
“อะไรจ๊ะ”
“ใจลอยไปไหน ชุดเสร็จแล้ว ชอบไหม แน่นไปหลวมไป หรือ...” เขียดเหลือบมอง
เจ๊อึ่ง “ฝีมือออกแบบไม่ถูกใจบอกเจ๊เขาได้นะ” เขียดกระซิบ “ชุดนี้น่ะ เจ๊เขาขี้เกียจเลยไปงัดของเก่ามาแก้ใหม่”
เจ๊อึ่งหยิกเขียดร้องลั่น กุ้งนางมองตัวเองในกระจกแล้วยิ้ม
“ก็สวยมากจ้ะ ฝีมือเจ๊อึ่งน่ะไม่ต้องห่วงสวยอยู่แล้ว”
เจ๊อึ่งยิ้มกว้าง
“ชุดนี้น่ะเป็นชุดที่เจ๊รักมาก เพราะเจ๊ตัดให้คนที่เป็นทั้งเพื่อน แล้วก็ศัตรูที่เจ๊รักที่สุด”
เขียดงงๆ
“ศัตรูที่รักที่สุด แปลว่าอะไรเจ๊”
“จริงๆ เราเป็นเพื่อนกัน แต่เราต้องแข่งขันกันเพื่อจะเป็นนักร้องให้ได้ เจ๊ก็เลยอิจฉาเขามั้ง”
“เจ๊นี่แอบร้ายนะ นึกว่าจะแค่เลว”
เจ๊อึ่งฉุนกึก
“นังเขียด”
กุ้งนางถามต่ออย่างสนใจ
“แล้วยังไงต่อจ๊ะเจ๊”
“เราก็เริ่มจากการเป็นหางเครื่องด้วยกัน จนวันหนึ่งนักร้องหญิงในวงของนทีทองออกไป การคัดนักร้องหน้าม่านก็เริ่มขึ้น...”
ในอดีต...แก้วตากำลังร้องเพลงคัดตัวเป็นศิลปินอยู่ในห้องอัดเสียง เจ๊อึ่งรออยู่ด้านนอก เพื่อเข้าร้องเป็นคนต่อๆ ไป
เจ๊อึ่งเล่าเรื่องในอดีต แล้วพูดเสียงเศร้า
“แล้วเพื่อนคนนี้เขาก็ผ่านการคัดเป็นนักร้อง แต่เจ๊ไม่ผ่าน ตอนนั้นเจ๊เสียใจมากเลยล่ะ อยากจะทำลายเขาในทุกๆ ทาง เพราะเจ๊คิดว่าเขาแย่งอนาคตของเจ๊ไป...”
ในอดีต...เจ๊อึ่งยืนร้องไห้อยู่เพราะไม่ได้รับคัดเลือกเป็นนักร้อง แก้วตาเดินออกมาพร้อมครูชาตรีทั้งสามพูดคุยกัน ครูชาตรีกับแก้วตาพยายามปลอบไม่ให้เจ๊อึ่งเสียใจ เจ๊อึ่งร้องไห้เดินจากไป
เมื่อนึกถึงอดีตเจ๊อึ่งหน้าสลดลง
“เจ๊ไม่ยอมพูดยอมคุยกับเขา แต่เขาก็เป็นคนดีมาก คอยให้กำลังใจเจ๊ ทั้งๆ ที่รู้ว่าเจ๊ไม่ชอบหน้า”
ในอดีต...เจ๊อึ่งนั่งตัดเย็บเสื้อผ้าอยู่ แก้วตาเข้ามามีขนมมาฝาก แล้วชวนพูดคุย เจ๊อึ่งนั่งหน้าไม่มียินดียินร้าย ถามคำตอบคำไปเรื่อยๆ แก้วตาพยายามคุยจนเจ๊อึ่งเริ่มยิ้มให้
เจ๊อึ่งเล่าต่อ
“หลายๆ วันเข้า เจ๊ก็ใจอ่อน แต่ไม่กล้าบอกเขาว่า อยากขอโทษที่เคยบึ้งตึงหรือทำไม่ดีด้วย”
เขียดถามขึ้น
“แล้วตกลงเจ๊ได้บอกมั้ยอ่ะเจ๊”
“เปล่า...”
กุ้งนางแปลกใจ
“ทำไมล่ะเจ๊”
“เจ๊ก็หาโอกาสอยู่...เขาจะได้อัดเพลง เจ๊เลยตั้งใจตัดชุดให้ ก็ชุดนี้แหละกุ้ง เพราะชุดนี้ใส่ร้องใส่เต้นได้ เจ๊คิดว่า เมื่อหมดฝนมารวมวงกันอีก เจ๊จะเอาชุดนี้ให้เขา แต่เขาก็ออกจากวงไปซะก่อน หลังจากนั้นก็ไม่ได้เจออีกเลย”
เขียดถอนใจ
“เฮ้อ ซวยเลยเห็นไหม มันถึงเป็นตราบาปติดใจเจ๊มาจนทุกวนนี้ไง”
เจ๊อึ่งถลึงตาใส่เขียด
“นังเขียด เดี๋ยวเหอะ”
“แล้วจริงไหมล่ะ”
“ก็จริงของเอ็ง”
เจ๊อึ่งถอนใจเศร้าร้องไห้ กุ้งนางสงสัย
“ถ้าเขาดีกับเจ๊ แล้วทำไมเจ๊ไม่รีบดีกับเขาล่ะ แค่ไม่ชอบกันเรื่องงานเองนี่”
“เพราะมันไม่ใช่แค่เรื่องงานน่ะสิ แต่มันเรื่องความรักด้วย ศัตรูของเจ๊คนนี้ช่างโชคดีจริงๆ ได้งานที่เจ๊อยากทำ แล้วก็ยังได้คนที่เจ๊แอบรักไปอีก”
กุ้งนางอึ้ง
“คนที่เจ๊แอบรัก”
“ใช่...ผู้ชายคนนั้น เขารักเพื่อนเจ๊”
เขียดถามอย่างสงสัย
“เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด เขาตั้งใจแย่งทั้งงานทั้งคนรักของเจ๊เหรอ”
“ตอนนั้เจ๊คิดยังงั้น แต่ตอนนี้เจ๊รู้แล้วว่า ต่อให้ไม่มีเขาเจ๊ก็ไม่ได้สิ่งที่เจ๊อยากได้ เพราะเจ๊ไม่เก่งไม่สวยอย่างเขา เจ๊ถึงเก็บชุดนี้ไว้ ถ้าไม่ใช่คนที่สวย เก่งแล้วก็ดี เหมือนเขา เจ๊จะไม่ยกชุดนี้ให้เด็ดขาด”
เขียดเข้าใจ
“มิน่า ตอนชามาดาอยู่ อยากใส่แทบตายเจ๊ก็ไม่ให้”
เจ๊อึ่งลูบเสื้อที่อยู่บนตัวกุ้งนางด้วยความทะนุถนอมแล้วร้องไห้ไปด้วย กุ้งนางกุมมือเจ๊อึ่ง
“ขอให้เจ๊ได้เจอเพื่อนคนนั้นและได้ปรับความเข้าใจกันนะจ๊ะ”
เจ๊อึ่งพยักหน้ารับเศร้าๆ
“กุ้ง เจ๊ก็ไม่รู้นะว่าทำไมถึงต้องเป็นกุ้ง แต่เจ๊รู้สึกว่า เวลาเจ๊ได้คุยกับกุ้ง เจ๊เหมือนได้อยู่กับเพื่อนคนนั้นเลย เขามีรอยยิ้ม มีความน่ารักเหมือนกุ้ง เจ๊ฝากชุดนี้กับกุ้งด้วยนะ”
กุ้งนางกับเจ๊อึ่งจับมือกันแล้วยิ้มให้กัน
ค่ำนั้น เมื่อกลับเข้ามาในห้องพัก กุ้งนางกำลังเปิดกล่องและหยิบสร้อยข้อมือออกมาดู ชะเอมที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จเดินออกมาดูด้วย
“พี่ชะเอม คอยดูนะ วันที่กุ้งร้องเพลงของพ่อ กุ้งนางจะใส่สร้อยข้อมือเส้นนี้ด้วย กุ้งจะทำภาพนี้ให้เป็นภาพจดจำของพ่อ พ่อจะต้องคิดถึงแม่ จะจำแม่ได้แน่นอน”
“กุ้งเอ๊ย ไม่ใช่ว่าพี่อยากจะบั่นทอนกำลังใจของเอ็งหรอกนะ แต่เอ็งต้องเผื่อใจไว้ด้วย บางทีพี่นทีทองเขาอาจจะไม่อยากจำเรื่องของแม่แก้วตาของเอ็งก็ได้นะ”
กุ้งนางอึ้งตอบไม่ถูก
“มันคง...คงไม่เป็นอย่างนั้นหรอกจ๊ะพี่ชะเอม”
กุ้งนางพยายามหลอกตัวเอง ชะเอมก็ได้แต่เห็นใจ
วันใหม่...ในห้องส่งรายการลูกทุ่งบานฉ่ำ มีเสียงตบมือเสียงกรี๊ดดังสนั่น พิธีกรออกมาดำเนินรายการด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“สวัสดีครับทุกท่าน พบกับรายการลูกทุ่งบานฉ่ำ รายการคอนเสิร์ตลูกทุ่งไทยที่เป็นรายการสดรายการเดียวของเมืองไทย...รายการที่เปิดโอกาสให้นักร้องคุณภาพได้พิสูจน์ความสามารถของตัวเอง เพื่อก้าวขึ้นไปสู่ความเป็นนักร้อง ยอดนิยม ขวัญใจประชาชนชาวไทย...และในวันนี้ เราจะมาเปิดรายการลูกทุ่งบานฉ่ำของเรา กับนักร้องคู่ขวัญคู่ใหม่ของวงการลูกทุ่งไทย...ขอเชิญพบกับ กบ กรรณิการ์ และก้าน กิตติพล ในเพลง...”
กบและก้านร้องเพลงคู่กันอย่างสนุก
เจ๊อึ่งกับเขียดกำลังช่วยกันใส่ชุดเตรียมถ่ายมิวสิควิดีโอให้กุ้งนาง เขียดมอกุ้งนางด้วยสายตาชื่นชม
“โห...พอแต่งผมแต่งหน้าแล้วยิ่งทำให้ชุดเจ๊สวยมาก”
เจ๊อึ่งยิ้มแย้มพอใจ
“คนใส่ก็สวย ชุดนี้คงมีสองคนที่ใส่แล้วสวย คือเพื่อนเจ๊คนนั้น กับกุ้งนี่แหละ”
“แหม...เจ๊กับพี่เขียดก็ชมเกินไป กุ้งชักเขินแล้วนะ”
เจ๊อึ่งยิ้มให้ ก่อนที่จะหันหลังกลับไปจัดแจงชุดต่างๆ กุ้งนางหันไปหยิบสร้อยข้อมือออกมาจากกระเป๋าสะพายแล้วเอามาใส่ไว้ กุ้งนางยิ้มให้กับสร้อยอย่างมีความหวัง
“ทำอะไรอยู่น่ะกุ้งนาง”
กุ้งนางหันมาพยายามเก็บมือไม่ให้เจ๊อึ่งเห็น แต่ไม่กล้าโกหก
“คือ...คือกุ้งใส่สร้อยข้อมือเพิ่มมาอันนึงน่ะจ๊ะ”
“ต๊าย! ไม่ได้นะ มันจะไม่เข้าชุดกันนะจ๊ะ นี่เอามานี่เลย...เอามาถอดออกซะ”
เจ๊อึ่งพยายามดึงมือกุ้งนางมาดูเพื่อจะถอดสร้อย
“กุ้งขอเถอะนะจ๊ะเจ๊ สร้อยนี้สำคัญกับกุ้งมาก”
เจ๊อึ่งพยามดึงมือมาดู
“สำคัญแต่มันไม่เข้าชุด...”
พอเจ๊อึ่งได้เห็นสร้อยจะๆ ก็อึ้ง!นิ่ง กุ้งนางเห็นเจ๊อึ่งเงียบก็รู้สึกผิดเลยจะถอด
“ถ้าเจ๊ไม่อยากให้ใส่ กุ้งก็...”
“ถ้าไม่อยากจะถอด ก็ไม่ต้องถอดก็ได้”
กุ้งนางดีใจ เจ๊อึ่งลากกุ้งนางออกไปข้างนอก เขียดมองอย่างไม่เข้าใจ
“เอ๊าเจ๊! อะไรกัน จู่ๆ ก็ลากกันไปซะงั้น”
มุมหนึ่งไม่ไกลห้องแต่งตัว รายการลูกทุ่งบานฉ่ำ...เจ๊อึ่งลากแขนกุ้งนางออกมาคุยเงียบๆ
“กุ้ง...เธอได้สร้อยเส้นนี้มาจากที่ไหน”
“เอ่อ...ก็...มันก็สร้อยทั่วๆ ไปไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ใช่...มันไม่ใช่สร้อยทั่วๆ ไปแน่นอน”
กุ้งนางอึดอัดไม่อยากบอก
“งั้นเจ๊ขอคำถามเดียว เจ้าของสร้อยข้อมือนี้คือคนชื่อแก้วตาใช่ไหม”
กุ้งนางตกใจ
“เจ๊อึ่ง”
“ใช่ไหม”
กุ้งนางเสียงอ่อย
“จ๊ะ เจ๊อึ่งรู้ได้ยังไง”
“แล้วกุ้งได้สร้อยนี้มาได้ยังไง”
“แม่ฉันให้มา”
เจ๊อึ่งตกใจ
“นี่กุ้งเป็นลูกแก้วตางั้นเหรอ”
“ใช่จ้ะ...”
ได้ยินคำตอบเจ๊อึ่งถึงกับเป็นลม กุ้งนางรีบประคอง
“อ้าวเจ๊! เจ๊อึ่ง! เจ๊!” กุ้งนางหันเรียกคนอื่นๆ “ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วยเจ๊อึ่งเป็นลม”
เขียดรีบเอายาดมให้เจ๊อึ่ง กุ้งนางช่วยประถมพยาบาลและประคองไปนั่งเก้าอี้ใกล้ๆ ช่วยกันอยู่สักพักหนึ่งเจ๊อึ่งก็ฟื้น สูดยาดมฟอดๆ
“เจ๊...เป็นอะไรไป”
“ก็เป็นลมน่ะสิ”
เจ๊อึ่งหันไปหากุ้งนาง
“กุ้งนาง...”
“เจ๊...”
เจ๊อึ่งนึกถึงสร้อย
“สร้อยข้อมือเส้นนั้น”
“ทำไมคะ เจ๊ ทำไมเจ๊ถึง...”
“กุ้งนางได้เวลาแล้วจ้ะ ไปรอสแตนท์บายกันเลยนะ เชิญทางนี้เลยค่ะ”
กุ้งนางไม่ทันได้ถามอะไรต่อ ก็ถูกทัศนีย์ดึงตัวไป เจ็อึ่งถอนใจมองตามอย่างสะท้อนใจ
ด้วงร้องเพลง “ใฝ่ต่ำ” โดยมีชะเอมเต้นเสริมอยู่ข้างๆอย่างสุดชีวิต ข้างเวที ทีมงานพากุ้งนางเดินเข้ามารอสแตนท์บาย กุ้งนางมองๆ หานทีทอง ระหว่างนั้นจิรายุก็เข้ามาทำเป็นตรวจความเรียบร้อย จิรายุอึ้งในความสวยของกุ้งนางและสังเกตเห็นสร้อยข้อมือที่กุ้งนางใส่อยู่ จิรายุจับข้อมือกุ้งนาง
“สร้อยเส้นนี้มันไม่ได้มีอยู่ในแบบนี่”
กุ้งนางรีบดึงมือออก
“กุ้งอยากจะใส่”
“มันไม่ได้มีอยู่ในแบบ เดี๋ยวงานจะเสีย รีบถอดออกมาเลย”
จิรายุพยายามจะเอาออก แต่กุ้งนางถอยหลบไป เจ๊อึ่งเข้ามา
“ให้กุ้งนางใส่เถอะคะคุณจิ สร้อยเส้นนั้นมีความหมายกับกุ้งนางจริงๆ”
ทั้งจิรายุทั้งกุ้งนางงงกับคำพูดของเจ๊อึ่งๆ เดินมาจับมือกุ้งนาง
“ทำให้เต็มที่นะ เสร็จแล้ว เราคงมีเรื่องต้องคุยกันยาว”
“จ้ะเจ๊”
กุ้งนางกับเจ๊อึ่งยิ้มให้กัน
ที่หน้าเวทีคอนเสิร์ต…พิธีกรดำเนินรายการต่อหลังเพลงคู่ของด้วงกับชะเอมจบลง
“และที่จบไปก็เป็นเพลงใฝ่ต่ำ... เพลงสนุกๆ จากศิลปิน ด้วง-ดนุพร ที่มาพร้อมกับคู่ขวัญชะเอม-ชาลิดา”
ด้วงกับชะเอม สวัสดีคนดู ก่อนจะเดินเข้าด้านหลังเวทีไป พิธีกรประกาศต่อ
“สำหรับ เพลงใฝ่ต่ำ ก็ขึ้นสู่อันดับต้นๆ ของชาร์ตเพลงฮิตลูกทุ่งไทยไปแล้วนะครับ...คุณผู้ชมครับ ช่วงนี้พักชมโฆษณากันสักครู่นะครับ แต่ช่วงหน้า รับรองว่าเป็นช่วงพิเศษจริงๆ เพราะเรายังมีเพลงใหม่ล่าสุด จากศิลปินสาวสวยเสียงดี กุ้งนาง-สาวิตรี มณีวงษ์ มาให้ชมกัน”
ข้างเวที...กุ้งนางยืนรออยู่กับทีมงานอยู่ กบกับก้านเดินเข้ามาให้กำลังใจ กุ้งนางก็ยังพยายามมองหานทีทองที่ยังมาไม่ถึง
“สู้ๆ นะกุ้ง”
กุ้งนางยิ้ม
“จ้ะ พี่ก้าน แต่ว่าพ่อ...พ่อกุ้งยังไม่มาเลย”
“กุ้งไม่ต้องห่วง พี่ก้านเขาเห่อโทรศัพท์ใหม่ โทรไปหาย้ำกับพี่นทีตั้งแต่เช้าแล้ว”
กุ้งนางมองไปที่ก้านก็เห็นเขายิ้มพร้อมชูโทรศัพท์ กุ้งนางยิ้มดีใจมีความหวัง ระหว่างนั้นนทีทองกับซองจูก็เดินเข้ามาพร้อมกับครูชาตรี ไปสมทบกับจิรายุ เจ๊อึ่ง และทัศนีย์ กุ้งนางยิ้มดีใจ กบชี้ไป
“นั่นไงกุ้ง มากันแล้ว...พี่ก้านเราไปดูหน้าเวทีกันดีกว่า”
“ไปสิ”
“เต็มที่เลยนะกุ้ง”
ก้านยิ้มให้กำลังใจ
“ตั้งใจร้องให้ดีที่สุดเลยนะกุ้ง พอพ่อกุ้งได้ยินเพลงที่กุ้งร้อง พ่อก็คงจะจำแม่แก้วตาของกุ้งได้ซะที”
“จ้ะ พี่ก้าน”
กบกับก้านออกไป กุ้งนางตื่นเต้น ที่จะได้ร้องเพลงให้พ่อฟัง เธอหวังว่าพ่อก็คงจะจำแม่ได้
ดนตรีท่อนอินโทรเพลง “จับความคิดถึง ตรึงไว้บนฟ้า” ดังขึ้น ไฟสว่างพรึบคนดูกรี๊ด ตบมือเกรียวกราว กุ้งนางร้องเพลงท่อนแรกด้วยความตั้งใจเป็นที่สุด ก้าน กบ ด้วง ชะเอม ลุ้นให้กุ้งนาง ทั้งสี่มองไปที่นทีทองเป็นตาเดียวจนซองจูงง คนเดียวที่ไม่ถูกใครสนใจคือครูชาตรี แต่ก็มีคนเดียวที่สนใจครูชาตรีคือเจ๊อึ่ง ครูชาตรีอึ้งที่ได้ฟังเนื้อเพลง
“เป็นไปไม่ได้”
กุ้งนางพยายามมองนทีทอง หวังว่าเขาคงจะจำเพลงนี้กับสร้อยข้อมือของแม่ได้ แต่นทีทองไม่ได้รู้สึกอะไร ในบางครั้งหันไปคุยกับซองจูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพื่อนๆเห็นแล้วก็อดพากันสงสารกุ้งนางไม่ได้
“ดูพี่นทีสิกบ ท่าทางเหมือนไม่รู้จักเพลงนี้เลย”
“นั่นน่ะสิพี่ก้าน”
กุ้งนางร้องเพลงไปอย่างเสียใจที่นทีทองจำอะไรไม่ได้เลย ครูชาตรีที่ยืนฟังกับเจ๊อึ่งก็อึ้งและงง จำได้ว่าเป็นเนื้อเพลงที่แต่งให้กับแก้วตา ครูชาตรีหันไปถามเจ๊อึ่ง
“นี่มันอะไรกันอึ่ง เพลงนี้มัน...”
เจ๊อึ่งตัดบท
“พี่ชาตรีไม่ได้แต่งทำนองเพลงนี้ให้กุ้งเหรอ”
“เปล่า คงจะเป็นคุณจิแต่ง”
“เนื้อร้องล่ะ พี่เป็นคนแต่งใช่ไหม”
“ใช่...พี่แต่งให้กับคนที่พี่รักที่สุด”
“เห็นสร้อยข้อมือกุ้งนางไหมคะพี่ชาตรี”
“ทำไมเหรออึ่ง”
“พี่ก็ลองดูดีๆ สิคะ”
ครูชาตรีเห็นสร้อยที่ข้อมือกุ้งนาง
“เอ๊ะ...สร้อยเส้นนั้นมัน...”
ครูชาตรียืนอึ้ง....กุ้งนางร้องเพลงจบคนดูตบมือดัง ชื่นชม กุ้งนางยกมือไหว้คนดูทั้งน้ำตานองหน้า จ้องมองหน้านทีทองอย่างสุดเศร้าเสียใจ แล้วเดินกลับเข้าหลังเวที พิธีกรออกมาดำเนินรายการ
“เสียงเพลงเพราะหวานเศร้าตราตรึงใจ...จับความคิดถึง ตรึงไว้บนฟ้า จากเสียงร้องของกุ้งนาง-สาวิตรี มณีวงษ์...ขอเสียงตบมืออีกดังๆ อีกสักครั้งนึงครับ”
กุ้งนางเดินเข้ามาในโถงหน้าสตูดิโอ หญิงสาวน้ำตานองหน้า
“แม่...พ่อคงลืมทุกอย่างไปหมดแล้ว กุ้งทำดีที่สุดแล้วนะแม่”
เจ๊อึ่ง ครูชาตรี นทีทอง จิรายุ เข้ามา คนอื่นๆ ตามมา ครูชาตรีเรียก
“กุ้งนาง”
กุ้งนางหันมา
“ครู”
“หนูได้เพลงนี้มายังไง แล้วก็...สร้อยข้อมือนี่ด้วย”
กุ้งนางปาดน้ำตา
“แม่เก็บไว้ให้ค่ะครู”
ครูชาตรีตกใจ
“แม่...”
กุ้งนางมองนทีทองอย่างเสียใจ น้ำตาไหลออกมาอีก
“กุ้งรู้แค่ว่าเพลงนี้ พ่อเป็นคนแต่ง และกุ้งก็อยากให้พ่อจำเพลงนี้ได้ อยากให้พ่อจำสร้อยข้อมือที่เคยให้แม่ได้ แล้วก็อยากให้พ่อจำแม่ของกุ้งได้ด้วย”
ครูชาตรีตะลึง
“แก้วตาเป็นแม่ของกุ้ง...”
กุ้งนางตัดสินใจเดินเข้าไปหานทีทอง ครูชาตรีมองตามกุ้งนาง อึ้งมึนกับเรื่องที่เกิดรวดเร็วจนทำอะไรไม่ถูก กุ้งนางก้มลงกราบเท้า นทีทองงงมาก กุ้งนางเงยหน้าขึ้นมองนทีทอง
“พ่อ...กุ้งเป็นลูกของแม่แก้วตา พ่อจำแม่แก้วได้มั้ย”
นทีทองตกใจ
“กุ้งนาง นี่มันอะไรกัน”
“ทั้งเพลงทั้งสร้อยนี่ แม่เก็บไว้อย่างดี เพื่อรอพ่อให้พ่อกลับไปหา”
นทีทองพอได้สติก็จับไหล่พยุงตัวกุ้งนางขึ้นมา
“กุ้ง...กุ้งเป็นลูกของแก้วตา...”
กุ้งนางยิ้มดีใจ
“พ่อจำได้แล้วใช่ไหม”
“กุ้งนาง...พี่กับแก้วตาไม่ได้เป็นอย่างที่กุ้งคิด...พี่ไม่ใช่พ่อกุ้ง...”
กุ้งนางช็อคไปกับคำพูดของนทีทอง
“แล้วรูปที่พ่อถ่ายคู่กับแม่...”
“พี่ไม่รู้ว่ากุ้งพูดเรื่องอะไร”
“พ่อรู้ไหมว่าแม่รักพ่อมากขนาดไหน แต่พ่อไม่รักแม่เลย จนกระทั่งมีกุ้งแล้ว พ่อก็ยังทิ้งแม่ไป...”
“กุ้งนาง...ฟังให้ดีนะ พี่ไม่ใช่พ่อกุ้ง แม่แก้วตาของกุ้ง เขาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของพี่ จนถึงวันนี้พี่ก็ยังไม่เคยลืมเพื่อนคนนี้”
กุ้งนางเจ็บปวดใจ
“เพื่อน...พ่อใจร้าย พ่อใจดำอย่างนี้นี่เอง แม่ถึงไม่เคยเอ่ยปากพูดถึงพ่อกับกุ้งเลยสักคำ”
นทีทองได้แต่ก็อึกอัก กุ้งนางเสียใจจนไม่อยากฟังอะไรอีกแล้ว หญิงสาวหันหลังวิ่งหนีไม่สนใจคำเรียกของเพื่อนๆ จิรายุวิ่งตามมาดึงแขนไว้ ด้วง ก้าน ชะเอม กบตามมาด้วย
“กุ้งนาง...”
“อย่ามายุ่งกับฉัน”
กุ้งนางสะบัดแขนแล้ววิ่งหนีไป จิรายุตามไป
“กุ้งนาง...”
ครูชาตรีที่ยืนดูอยู่ตัดสินใจตามกุ้งนางไป จิรายุ ก้าน และคนอื่นๆ จะตามไป เจ๊อึ่งขวางไว้
“อย่าตามไปเลย”
ก้านไม่เข้าใจ
“เจ๊...จะมาขวางไว้ทำไม”
“ให้ครูชาตรีเขาไปคุยกับกุ้งตามลำพังเถอะ”
จิรายุหันไปบอกคนอื่นๆ
“รออยู่นี่กันก่อน ฉันจะไปดูครูชาตรีกับกุ้งนางเอง”
จิรายุวิ่งตามออกไปอย่างเร็วรี่
ราชินีลูกทุ่ง ตอนที่ 24 (ต่อ)
กุ้งนางเปลี่ยนชุดเสร็จวางชุดโชว์ลง หญิงสาวน้ำตานองหน้าปาดน้ำตา แต่น้ำตาก็ยังไหลออกมาอีก
“แม่...กุ้งคงหมดหวังแล้ว พ่อคงอยากให้แม่ออกไปจากชีวิตพ่อจริงๆ”
ครูชาตรีมาที่หน้าห้องแต่งตัวเรียกเสียงดัง
“กุ้งนางๆ...เปิดประตูเถอะ นี่ครูชาตรีนะ”
กุ้งนางไม่สนใจ หยิบภาพคู่แก้วตากับนทีทองขึ้นมาดู
“กุ้งยอมแพ้แล้วจ้ะแม่ กุ้งเข้าใจแล้วว่าทำไมแม่ถึงไม่ยอมบอกกุ้งว่า พ่อกุ้งเป็นใคร...”
ครูชาตรีตะโกนเข้าไป
“กุ้งเปิดประตูก่อน เราต้องคุยกัน เชื่อครูนะ กุ้งเข้าผิดเรื่องนทีทอง”
กุ้งนางวางรูปลงบนชุดสวย
“กุ้งนาง ๆ เปิดประตู...”
กุ้งนางหันไปมองที่ประตู...จิรายุเข้าหาชาตรี
“กุ้งนางเป็นไงบ้างครับครู”
“ผมก็ไม่รู้ กุ้งนางไม่ยอมเปิดประตู”
จิรายุไปเคาะประตูเสียงดัง
“กุ้งนาง...กุ้งได้ยินฉันมั้ย”
กุ้งนางได้ยินเสียงจิรายุ หญิงสาวปาดน้ำตาทิ้งก่อนหันกลับเดินไปแล้วปีนหนีออกไปทางหน้าต่างห้องด้านหลัง จิรายุพยายามเรียก
“เปิดประตูออกมาคุยกันก่อนกุ้งนาง กุ้งนาง! กุ้งนาง ถ้าเธอไม่เปิดประตูฉันก็จะพังเข้าไป กุ้งนาง ได้ยินมั้ย”
จิรายุกับครูชาตรีรอฟัง แต่ไม่มีเสียงตอบจากกุ้งนาง
ทุกคนเป็นห่วงกุ้งนางมาก ทัศนีย์หันไปหานทีทอง
“นี่เรื่องมันเป็นยังไงกัน ถ้าเธอเป็นพ่อกุ้ง เธอก็ควรจะยอมรับนะนที”
“ก็ผมไม่ใช่พ่อกุ้ง...”
ด้วงมองหน้านทีทอง
“พี่นทีไม่น่าใจดำยังงี้เลย กุ้งมันคงเสียใจมากที่พี่จำแม่มันไม่ได้”
ชะเอมต่อว่า
“กุ้งมันอุตส่าห์ทำทุกอย่างเพื่อให้พี่นทีจำแม่แก้วตาได้นะคะ”
ก้านพยายามยืนยัน
“กุ้งมันเป็นลูกของพี่นทีกับแม่แก้วตาจริงๆ นะครับ แม่แก้วรักพี่คนเดียว ไม่ได้มีใครอีก แม่แก้วกลับบ้านไป ก็อยู่กันแค่สามคน กุ้ง แม่แก้ว แล้วก็ยายอุ่น”
นทีทองหน้าเครียด
“แต่ฉันไม่ใช่พ่อของกุ้งนางจริงๆ ฉันกับแก้วตาเป็นแค่เพื่อนกัน”
ซองจูเข้ามาช่วยยืนยัน
“พี่นทีทองคงเป็นพ่อกุ้งไม่ได้ เชื่อผมนะครับ”
ด้วงแย้ง
“คุณซองจูจะรู้อะไร คุณยังเด็ก คุณเพิ่งมาอยู่กับพี่นที เรื่องนี้มันยี่สิบปีมาแล้ว”
เจ๊อึ่งมองหน้าทุกคน
“แต่ฉันยืนยันได้ ไม่มีวันที่นทีจะเป็นพ่อของกุ้ง เพราะแก้วตาเขาไม่ได้ รักนทีทอง”
ก้านตกใจ
“เจ๊อึ่ง...เจ๊รู้เรื่องทั้งหมดเหรอครับ”
“ฉันรู้ทุกอย่าง เรื่องที่เกิดขึ้นกับแก้วตา ฉันคงเป็นคนเลวที่สุด”
กบนิ่งคิด
“ถ้าพี่นทีไม่ใช่พ่อกุ้ง แล้วจะเป็นใครล่ะคะเจ๊”
เจ๊อึ่งน้ำตาไหล ที่ทำเรื่องเลวร้ายกับแก้วตามานานถึงยี่สิบปี มุมหนึ่งนักสืบถือโทรศัพท์ถ่ายคลิปอยู่ ก่อนที่จะออกไป
จิรายุและครูชาตรีเปิดประตูเข้ามาในห้อง แต่ไม่มีกุ้งนางแล้ว ครูชาตรีมองไปที่หน้าต่างที่เปิดอยู่ ครูชาตรีนิ่งอึ้งไป จิรายุเห็นชุดนักร้องที่กุ้งนางใส่กับรูปถ่ายถูกวางทิ้งไว้ จิรายุเดินเข้าไปที่ชุด ครูชาตรีเดินตามเข้ามา จิรายุหยิบรูปส่งให้ครูชาตรี
“ครูครับ”
ครูชาตรีดูรูปแล้ว พลิกรูปด้านหลัง เห็นข้อความ “นี่คือคนที่ฉันรักที่สุด” ครูชาตรีน้ำตาซึม
“โธ่กุ้งนาง เพราะยังงี้นี่เอง กุ้งถึงคิดว่านทีทองเป็นพ่อ”
จิรายุงง อึ้ง ไม่เข้าใจว่าครูชาตรีหมายความว่ายังไง
กุ้งนางอยู่ในรถแท็กซี่ เธอนั่งเสียใจอย่างเงียบๆ เสียงเพลง “เก็บความคิดถึง ตรึงไว้บนฟ้า” ของกุ้งนางถูกเปิดจากคลื่นวิทยุ คนขับแท็กซี่ยื่นมือไปเร่งความดังเสียง กุ้งนางน้ำตาไหลออกมาอีกที่ได้ยินเพลง หญิงสาวนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ที่ผ่านมา
นทีทองพอได้สติก็จับไหล่พยุงตัวกุ้งนางขึ้นมา
‘กุ้ง... กุ้งเป็นลูกของแก้วตา...’
กุ้งนางยิ้มดีใจ
‘พ่อจำได้แล้วใช่ไหม’
‘กุ้งนาง...พี่กับแก้วตาไม่ได้เป็นอย่างที่กุ้งคิด...พี่ไม่ใช่พ่อกุ้ง...’
กุ้งนางช็อคไปกับคำพูดของนทีทอง
‘แล้วรูปที่พ่อถ่ายคู่กับแม่...’
‘พี่ไม่รู้ว่ากุ้งพูดเรื่องอะไร’
กุ้งนางปาดน้ำตาที่กำลังไหลเอ่อ ทั้งทุกข์ทั้งเสียใจ
ค่ำนั้น ทั้งหมดมารวมตัวกันที่บ้านนทีทอง...ชะเอมชงกาแฟเพรียว ยกมาเสิร์ฟ ทัศนีย์ กบ และเจ๊อึ่งที่นั่งอยู่ด้วยกันที่โต๊ะในครัว ชะเอมนั่งลง แล้วยกดื่มกาแฟเพรียว ก่อนวางแก้วลง ทัศนีย์ ถอนใจ
“โอ๊ย เรื่องมันยุ่งเหยิงกันไปหมดแล้วนะเนี่ย”
“พี่ตู่คะ กบคิดว่าพี่นทีพูดความจริง พี่นทีคงไม่ใช่พ่อกุ้ง”
เจ๊อึ่งยืนยันหนักแน่น
“กุ้งนางไม่ใช่ลูกนทีทอง”
ภายในห้องรับแขก...จิรายุมองจ้องหน้านทีทอง
“ถ้ากุ้งไม่ใช่ลูกพี่ แล้วทำไมกุ้งนางถึงคิดว่าพี่เป็นพ่อของเขาล่ะครับ พี่นที...”
“ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันครับคุณจิ”
ครูชาตรีนั่งมองภาพถ่ายในมือ นทีทอง ซองจู ก้าน ด้วงนั่งอยู่หน้ากลุ้มใจกันหมด ซองจูที่อยู่กับนทีทองมานานก็แปลกใจ ด้วงเห็นทุกคนสงสัย อดไม่ได้เลยตัดสินใจบอกความจริง
“พี่นที...คุณจิครับ”
นทีทองกับจิรายุมองด้วงสงสัย
“เอ่อ...คือก้านเอ็งเล่าซิ”
ก้านเหวอไป
“อ้าว พี่ด้วง!”
โดนด้วงโยนงานให้ ก้านยิ้มรับเจื่อนๆ พร้อมจะเล่าความจริง
“หลังจากที่แม่ของกุ้งตาย กุ้งมันก็เลยจะตัดสินเข้ามากรุงเทพ มาตามหาพ่อ”
ครูชาตรีเสียใจ
“แก้วตาเสียแล้วเหรอ”
ครูชาตรีน้ำตาไหลออกมา
“ครับครู กุ้งมันไปเจอกล่องเก็บของเก่าของแม่ เจอสร้อยข้อมือ เนื้อเพลง แล้วก็ รูปถ่ายของพี่นทีทองกับแม่แก้วตา”
“กุ้งนางเลยมั่นใจว่า พี่นทีทองเป็นพ่อ”
ซองจูส่ายหน้า
“ไม่มีทางเป็นไปได้...เอ่อ...คือ ผมทำงานกับพี่นทีมานาน ไม่เคยเห็นพี่นทีมี
เรื่องชู้สาวกับผู้หญิงสักครั้ง...”
นทีทองปราม
“พอเถอะซองจู อย่าเพิ่งพูดอะไรอีกเลย”
ด้วงตบโต๊ะ
“นั่นสินะ! ผมก็คิดอยู่เหมือนกัน ว่าคนดีๆอย่างพี่นที กล้าทำ ก็ต้อง กล้ารับอยู่แล้ว ต้องมีเรื่องอะไรเข้าใจผิดกันแน่ๆ แต่ไอ้ผู้ชายคนไหนล่ะครับ ที่หลอกลวงแม่แก้วตา จนต้องหนีกลับบ้านนอกไป”
ครูชาตรีพูดออกมาทั้งน้ำตา
“ผู้ชายคนนั้น...คงจะเป็นฉันที่ทำให้แก้วตาเสียใจช้ำใจ”
จิรายุอึ้ง
“ครูหมายความว่าครูกับแม่ของกุ้ง...”
ครูชาตรีพยักหน้า
“ใช่...รูปนี้น่ะ ฉันเป็นคนถ่ายเอง” ครูชาตรีพลิกรูปในมืออ่านข้อความด้านหลัง...นี่คือคนที่ฉันรัก...ฉันเขียนไว้ให้แก้วตาเป็นที่ระลึกเอง...ในยามที่ฉันจน ตกต่ำถึงที่สุด ชีวิตฉันก็มีแต่สองคนนี้เท่านั้น...แก้วตาคือคนที่ฉันรักที่สุด ส่วนนทีทองก็คือ น้องชายที่ฉันรักที่สุดเหมือนกัน”
ทุกคนตกใจนิ่งตะลึงไป จิรายุมองหน้าครูชาตรีอึ้ง
ในอดีต...ครูชาตรีนั่งกลุ้มใจอยู่ในห้องทำงาน นทีทองคอยปลอบใจอยู่
“พี่จะไปอยู่กับเสี่ยอ๋าที่เบสท์ มิวสิค จริงๆ เหรอครับ”
“คุณจรัลมันเอาเปรียบพี่ขนาดนี้ นทียังจะให้พี่อยู่สบายซองต่อไปอีกเหรอก”
“แต่เพลงใหม่ของผม พี่ยังแต่งไม่เสร็จเลยนะ”
“พี่ตัดสินใจแล้วนที”
“แล้วเรื่องแก้วตาล่ะ”
“พี่จะไม่ไปขอแก้วตาแน่ ถ้าพี่ยังไม่มีอนาคตแบบนี้”
แก้วตาฟังอยู่ ถือถาดกาแฟกับขนมกำลังจะเอามาให้สองคน นทีทองกับครูชาตรีไม่เห็น
“แต่พี่สัญญากับแก้วมันแล้วนะ”
ครูชาตรีโมโหเสียงดัง
“ก็บอกแล้วไงว่า ยังไปขอตอนนี้ไม่ได้ พี่ไม่มีอะไรสักอย่าง เงินทองก็ไม่มีเก็บ บ้านก็ยังไม่มี ต้องเช่าเขาอยู่ อนาคตแก้วตาเขาก็ยังมี เขายังเป็นนักร้องได้ พี่ไม่คิดจะแต่งงานกับแก้วตอนนี้หรอก แต่งไปก็ถ่วงกันถ่วงกันมา ลำบากกันไปหมด”
แก้วตาน้ำตาไหลหมดแรง ถาดกาแฟหล่นลงพื้นเสียงดัง นทีทองกับครูชาตรีหันไป
“แก้วตา...”
แก้วตามองหน้าครูชาตรี น้ำตานองหน้า ก่อนจะวิ่งหนีออกไป
ในห้องแต่งเพลงของครูชาตรี นทีทองกำลังต่อเพลงใหม่อยู่กับครูชาตรี เจ๊อึ่งเข้ามา ครูชาตรีหยุดเล่นเปียโน
“มีอะไรเหรออึ่ง”
“อึ่งมีเรื่องสำคัญจะต้องบอกพี่ชาตรี”
“รอให้ฉันต่อเพลงกับนทีเสร็จก่อนไม่ได้เหรอ”
“ไม่ได้หรอกค่ะพี่”
นทีทองถามงงๆ
“เรื่องอะไรกันเจ๊อึ่ง”
“เรื่องแก้วตา”
ครูชาตรีสงสัย
“แก้วตาทำไม...”
“แก้วมันฝากให้ฉันมาบอกพี่ชาตรีว่า...จะกลับบ้านนอกไปแต่งงาน”
ครูชาตรีชะงักอึ้ง
“แต่งงาน”
“จ้ะ แต่งกับคนที่แม่มันหาไว้ให้”
ครูชาตรีไม่เชื่อ
“ไม่จริง”
“แก้วมันบอกว่า มันทนอยู่กับพี่ต่อไปไม่ไหวแล้ว อยู่ไปก็ไม่มีอนาคต พี่สัญญาว่าจะไปขอแก้วกับแม่ที่บ้านนอก พี่ก็ผิดสัญญา”
นทีทองหันมาถามอย่างเป็นห่วง
“ตอนนี้แก้วอยู่ไหนเจ๊อึ่ง”
“แก้วมันไปแล้ว”
ชาตรีเสียใจมาก
“ไม่จริง แก้วตาไม่มีวันทำยังงี้กับฉัน”
“พี่จะเชื่อหรือไม่ก็ตามใจ แต่แก้วมันฝากมาบอกด้วยว่า พี่ไม่ต้องตามหามันหรอก เพราะมันไม่ได้รักพี่แล้ว”
นทีทองนิ่งอึ้งไป เจ๊อึ่งเหมือนจะสะใจที่ได้บอกเรื่องนี้ ครูชาตรีเสียใจ
ส่วนในห้องครัว...กบหันไปถามเจ๊อึ่ง
“คนที่เคยรักกับแม่แก้วตาก็คือครูชาตรีเหรอคะ”
“ใช่...เจ๊เองก็รักครูชาตรี เจ๊ถึงบอกว่า แก้วตาเขาแย่งทั้งอาชีพเป็นนักร้องและแล้วก็คนรักของเจ๊ไป”
ทัศนีย์คิดๆ
“ถ้างั้นแก้วตาก็ไม่ใช่ลูกของนทีทอง แล้วก็ไม่ใช่ลูกของครูชาตรีด้วยน่ะสิอึ่ง”
ชะเอมแย้ง
“แต่แม่แก้วไม่ได้แต่งงานใหม่นะคะ ชะเอมโตมาด้วยกันกับกุ้ง ก็เห็นมีกันแค่สามคน...ยายอุ่น แม่แก้ว แล้วก็ไอ้กุ้ง...”
เรื่องราวในอดีตผุดขึ้นมาในความคิดเจ๊อึ่ง
โปรดติดตาม ราชินีลูกทุ่ง ตอนต่อไป