พริกกับเกลือ ตอนที่ 8
แม่บ้านยังร้องโวยวาย
“ช่วยด้วย! โจรขึ้นบ้าน! ช่วยด้วย!”
ศยามเข้าไปปิดปากแม่บ้าน
“พี่...อย่าร้อง ฟังผมก่อน”
แม่บ้านตกใจ พยายามดิ้น
“มองหน้าผม จำผมได้มั้ย...ดิ่ง”
แม่บ้านชะงัก หันมองหน้าศยาม
“จำได้แล้วใช่มั้ย งั้นผมปล่อยพี่นะ พี่อย่าร้องนะ”
แม่บ้านพยายามนึก
“ดิ่ง...”
“ใช่ ดิ่ง...”
แม่บ้านจำได้
“อ๋อ...!”
จิตรวรรณช่วยอธิบาย
“ลูกชายคนที่เคยเป็นแม่บ้านของเจ้าของบ้านนี้ไง จำได้แล้วใช่มั้ย”
แม่บ้านงงๆ
“ลูกชายแม่บ้าน...ไม่ใช่นะ คุณดิ่งเป็น...”
ศยามรีบขัดจังหวะลากแม่บ้านไปอีกทาง
“พี่มานี่ก่อน พอดีมีเรื่องอยากจะให้ช่วย”
แม่บ้านตามศยามไปงงๆ จิตรวรรณมองตามอย่างสงสัย
ศยามพูดเบาๆกับแม่บ้าน
“ผมเป็นลูกชายของอดีตแม่บ้านที่นี่ แล้วก็ห้ามพี่บอกใครที่กรุงเทพว่าผมมาที่นี่”
“แต่...”
ศยามควักเงินยัดใส่มือให้แม่บ้าน
“อ่ะ...ตามนั้นนะ”
“ค่ะๆ...แล้วจะอยู่กี่วันคะ ขาดเหลืออะไรหรือเปล่า เตยจะได้...”
“ไม่ต้อง...อีกสองสามวันผมก็กลับแล้ว ขอบใจมาก พี่กลับไปได้แล้ว”
“แต่วันนี้เป็นวันทำความสะอาด”
จิตรวรรณย่องเข้ามา ตั้งใจจะแอบฟัง....ศยามหันมาพอดี...จิตรวรรณรีบหลบพรางตัว
“สอดรู้สอดเห็นตลอด...”
ศยามคิดแผนแกล้งจิตรวรรณขึ้นมาได้...ศยามพูดเสียงดัง
“พี่ไม่ต้องห่วงพวกผม พวกผมดูแลให้”
“จะดีเหรอคะ”
จิตรวรรณค่อยๆโผล่หัวออกมา อยากได้ยินชัดๆ ศยามเหลือบมอง จิตรวรรณเห็นเขามองมา รีบหดหัวกลับ เดินออกไปทันที ศยามยิ้มเจ้าเล่ห์
แม่บ้านขี่มอเตอร์ไซค์ออกไป จิตรวรรณยืนมองอย่างสงสัย
“ทำไมพูดกับนายดิ่งสุภาพจัง”
ศยามเข้ามาพูดข้างหู
“ลูกจ้างที่นี่เขามารยาทงาม พูดเพราะ”
จิตรวรรณตกใจ
“ว้าย นายดิ่ง!”
“ไม่เหมือนคนบางคน เป็นคุณหนู แต่พูดเป็นมะนาวไม่มีน้ำ กดขี่ ขู่เข็ญ”
“เออ ด่าได้ด่าไป ขอโทษ...ตอนนี้ไม่สะเทือน เฉยๆเพราะคำพูดของนายไม่มีอิทธิพลกับฉันอีกต่อไปแล้ว”
“เหรอ”
“เออ!”
“ไหนบอกว่าเฉยๆ ไม่สะเทือนไง แล้วทำไมต้องตะคอก เก่งแต่ปากนี่นา”
จิตรวรรณสะอึก ที่เสียท่าให้ศยาม แก้สถานการณ์
“ฉันแค่ทดสอบว่านายจะขุดอะไรมาด่าฉันได้อีก”
“ไม่ต้องห่วง ผมปากดี มีอีกเพียบ...ส่วนคุณยอมรับมาเถอะว่าคำพูดของผมมีอิทธิพลกับคุณ”
จิตรวรรณท้าทาย
“ไม่!”
“งั้นพิสูจน์”
“ไงก็ได้ ถ้านายหมดมุก นายแพ้”
“ถ้าคุณทนปากผมไม่ได้ แล้วออกอาการ คุณแพ้”
“ตามนั้น”
“ตามนั้น”
ศยามยื่นถัง ผ้าขี้ริ้วและอุปกรณ์การทำความสะอาดที่ถือซ่อนไว้ข้างหลังให้
“อะไร!”
“อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย...ทำความสะอาดบ้านแลกที่อยู่ที่กิน...พี่แม่บ้านเขาบอกมา”
“ไม่!”
“อ๊ะๆๆ...ออกอาการ”
จิตรวรรณเก็บอาการ
“ไม่ทำจ๊ะ”
“งั้นเขาก็ไม่ให้อยู่”
“งั้นฉันก็ไม่อยู่จ๊ะ เพราะฉัน...มีเงิน ฉันไปเปิดห้องที่รีสอร์ทแถวนี้ก็ได้จ๊ะ”
จิตรวรรณเดินสวยๆออกไป ศยามเจ็บใจที่หญิงสาวไม่ยอมทำงานบ้าน...แต่ก็ไม่ยอมแพ้
แม่บ้านขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดริมทาง หยิบมือถือขึ้นมา กดเบอร์โทรศัพท์บ้านเศก...ศุวิมลกำลังจะไปทำงาน เดินผ่านโทรศัพท์ แต่ด้วยความเร่งรีบ ตัดสินใจไม่รับ ตะโกนบอกแม่บ้าน
“ใครก็ได้ มารับโทรศัพท์ที”
ศุวิมลรีบวิ่งออกไป มารศรีเดินมาจากมุมหนึ่ง มองซ้ายมองขวา ไม่มีใครออกมารับโทรศัพท์ จึงเดินมารับ
“ฮัลโหล...บ้านคุณเศกค่ะ...อะไรนะ!...แล้วคุณดิ่งไปที่นั่นกับใคร...” มารศรีอึ้งไป “ขอบใจมาก ไว้ฉันจะบอกคุณศุเอง ดูแลคุณดิ่งกับเพื่อนให้ดีล่ะ”
มารศรีวางหู เจ็บใจ
“ที่แท้...ก็พากันไปหลบอยู่ที่นั่น”
จิตรวรรณเปลี่ยนมาใส่ชุดเดิมแล้ว สะพายกระเป๋า ยืนรอรถสองแถวอยู่หน้าบ้านอย่างหงุดหงิด
“โอย! ทำไมไม่มีรถเลย รอนานแล้วนะ”
จิตรวรรณมองเข้าไปในบ้าน ศยามกำลังนั่งรับลมทะเลอย่างมีความสุข จิตรวรรณค้อนให้
“หมั่นไส้ คิดจะยืมมือฉันทำความสะอาดเหรอ ไม่มีทาง”
จิตรวรรณหันมายืนรอรถต่อไป แล้วก็ต้องสะดุ้ง
“คุณ!”
จิตรวรรณตกใจ
“ว้าย!”
ศยามเกาะประตูคุยด้วย
“ย่องมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
“ไม่ได้ย่อง เดินมาธรรมดาๆ”
จิตรวรรณเก็บอาการ ไม่วีน
“มาทำไมล่ะ”
“มาถามว่าไม่เมื่อยเหรอ ยืนรอรถเป็นชั่วโมงแล้วนะ”
“ไม่เมื่อยจ๊ะ สบายๆ เบาๆ”
“ว้า หิวจัง...ไปตกปลามาทำปลาเผาดีกว่า ตำน้ำจิ้มซีฟู้ดแซ่บๆ เข้าท่า”
ศยามเดินเข้าไปในบ้าน จิตรวรรณมองตาม กลืนน้ำลายเอื้อก ท้องร้องดังครืด ศยามโผล่เข้ามาถามอีก
“เสียงอะไร คุณได้ยินหรือเปล่า”
จิตรวรรณทำไขสือ
“ไม่ได้ยินนี่ นายหูฝาดแล้ว”
“อืม...คิดว่าเสียงท้องใครที่ไหนร้องซะอีก สงสัยหูฝาดไปจริงๆ...ปลาสดๆเผาเกลือ โอเคนะ ไม่สนเหรอ”
“ไม่ล่ะจ๊ะ...ฉันไปรอรถสองแถวที่ร้านของชำดีกว่า”
จิตรวรรณหันเดินออกไป ศยามตะโกน
“เดินดีๆนะ แถวนี้งูเยอะ!”
จิตรวรรณชะงัก รู้สึกกลัว แต่ทำเป็นไม่หวั่นไหวหันมายิ้ม
“ขอบใจนะจ๊ะที่เตือน”
จิตรวรรณหันกลับ ปากขมุบขมิบด่าศยาม
“ปากอัปมงคลตลอด”
จิตรวรรณหันมองไปรอบๆ กลัวงูเหมือนกัน แต่ทำใจแข็ง เดินต่อ ศยามมองแล้วยิ้มขำๆ
“รั้นให้สุดๆไปเลยนะคุณหนู...”
จิตรวรรณมาคุยกับเจ้าของร้านชำ ถามหารถโดยสาร เจ้าของร้านบอก
“รถเพิ่งไปเมื่อกี้”
“แล้วทำไมหนูไม่เห็นผ่านไป ทางโน้นเลยล่ะ”
“ถ้าคนไม่เหลือแล้ว เขาก็วนรถกลับก่อน ไม่ไปต่อหรอก”
“เอ๊า...แล้วหนูจะทำไงเนี่ย...ป้า...แถวนี้มีรีสอร์ทมั้ย ไกลป่ะ”
“มี ก็ไปอีกสามสิบโล”
จิตรวรรณหน้าเหวอ
“หา!”
“แต่มีทางลัด เหลือแค่สามโล”
“ทางไหนคะ”
“เดินข้ามเขาลูกนั้นไป”
“โอ๊ย!”
จิตรวรรณเซ็งสุดๆ
ศยามถือเบ็ดเข้ามาพร้อมถังหนึ่งใบ เขาต้องชะงักเมื่อพบว่าจิตรวรรณเดินเข้ามาหน้าง้ำ
“จะมาชวนผมไปนอนด้วยที่รีสอร์ทเหรอ”
“ฉัน!...” จิตรวรรณชะงัก เปลี่ยนโทนเสียง ซึ่งขัดกับอารมณ์ตนเอง “อุปกรณ์ทำความสะอาดอยู่ไหนจ๊ะ”
จิตรวรรณถือถังน้ำ หนักอึ้งมาวางบนพื้น ศยามยื่นม็อบและไม้ปัดฝุ่นให้
“ต้องใช้ด้วยเหรอ”
“ไม่ใช้ แล้วจะเอาอะไรถูพื้น เสื้อคุณหรือไง”
“บะ...” จิตรวรรณจะด่าว่าบ้าแต่ยั้งไว้ “บ้าสิจ๊ะ”
“พูดเพราะๆแบบนี้ตลอดเวลาก็ดีนะ สบายหูจัง”
“แต่ข้างใน ไม่ใช่เลยนะจ๊ะ...รู้ใช่มั้ยจ๊ะ”
“รู้ เลยรอว่าจะดีแตกเมื่อไหร่”
“โอ๊ย ไม่มีทางหรอกจ๊ะ จะเริ่มทำความสะอาดล่ะนะ”
“เชิญ”
จิตรวรรณเอาม็อบจุ่มน้ำแล้วถูเลย
“เฮ้ยๆๆ หยุดๆๆๆ!”
“อะไรอีกล่ะจ๊ะ”
“ใครเขาถูก่อนกวาด ยังงี้จะสะอาดเข้าไปได้ยังไง”
“อุ๊ยตายจริง...ไม่รู้สิ เกิดมาไม่เคยทำ กวาดเหรอ ได้ๆ”
จิตรวรรณหยิบไม้กวาดมาปัดขึ้นปัดลง ศยามส่ายหัว
“มานี่ จะทำให้ดู!”
ศยามแย่งไม้กวาดไปจากจิตรวรรณ แล้วกวาดให้ดู พลางสอน
“กดไม้กวาดลงพื้น แล้วลากไป ไม่ต้องสะบัดนะ เดี๋ยวผงฝุ่นมันจะฟุ้ง”
“จ๊ะๆๆๆๆ ตรงนั้นๆ ด้วยจ๊ะ”
ศยามหันไปกวาดตามที่จิตรวรรณบอก
“ตรงนี้ๆๆๆ ด้วย”
ศยามหันมากวาด
“ตรงไหน...” ศยามนึกขึ้นได้ “หลอกใช้ใช่มั้ย”
“เปล่านะ หลอกใครไม่เป็น ไม่ใช่คนเจ้าเล่ห์”
“ดี งั้นทำ!”
ศยามยัดไม้กวาดใส่มือ จิตรวรรณหน้าง้ำ ศยามชี้หน้า
“ออกอาการ...คุณแพ้”
“แต่นายก็ต้องทำด้วยสิ...ไม่ใช่ฉันคนเดียว ไม่กลัวชาวโลกประณามเหรอว่ากินแรงผู้หญิง”
ศยามอึ้ง จิตรวรรณยิ้มซื่อใส
“พูดจากใจ...ไม่ได้เจ้าเล่ห์”
จิตรวรรณกับศยามทำความสะอาดบ้านในมุมต่างๆ หญิงสาวปัดฝุ่นในขณะที่ศยามกวาดบ้านอยู่ใกล้ๆ จึงแกล้งปัดฝุ่นใส่หน้า ศยามจามไม่หยุด รู้ว่าเธอแกล้งจึงหันมาจามใส่หน้า เธอหน้าแหย...อี๋...วิ่งออกไป ศยามขำ
จิตรวรรณฉีดน้ำยาเช็ดกระจกเซ็งๆ แล้วเช็ดๆปาดๆ ไล่ไปเรื่อยๆ ศยามยืนเอาม็อบจุ่มน้ำในถังอยู่ใกล้ๆกระจก เธอปาดๆ ฉีดๆมาเรื่อยๆ เลยมาฉีดใส่หน้าศยามแล้วปาดๆจนเขาเจ็บ จิตรวรรณได้สติ ตกใจ ยกมือไหว้ ศยามย่างสามขุมเข้าหา เธอกลัว ถอยหลัง ขาเหยียบลงไปในถังน้ำ ล้ม ก้นจ้ำเบ้า ศยามหัวเราะเยาะ หญิงสาวเจ็บใจ ลุกขึ้นจะเอาคืนแต่เจอเขาชี้หน้า เธอก็ชะงัก สะกดอารมณ์ ยิ้มสู้...ก่อนจะเดินออกไปทั้งๆที่ถังน้ำยังติดเท้าอยู่ ศยามหัวเราะขำ
ค่ำนั้น ศยามและจิตรวรรณเข้ามายืนคู่กันกลางบ้าน มองไปทั่วบ้านอย่างภูมิใจ
“เสร็จแล้ว...โห...เยี่ยมไปเลย สะอาดเอี่ยมอ่อง...วิ้งเว่อร์ๆ ว่าป่ะ”
“อะไรที่เป็นผลงานจากมือเรา...ก็ภูมิใจอย่างนี้แหละ แต่เว่อร์ไปหน่อยนะ ผมยังไม่เยอะเท่าคุณเลย”
จิตรวรรณลืมตัวจะด่าแต่ยั้งไว้
“แหม...ก็ฉันไม่เคยทำนี่”
ศยามจะลงนั่งพักเหนื่อย จิตรวรรณห้ามไว้
“ห้ามนั่ง!”
ศยามตกใจ สะดุ้ง
“ทำไม มีอะไร”
“เก้าอี้ตัวนี้ ฉันเป็นคนทำความสะอาด ห้ามนั่ง เดี๋ยวสกปรก ขอชื่นชมฝีมือตัวเองสักพักก่อน”
“เพี้ยน!”
“ไม่เจ็บอ่ะ ขอคำอื่น”
“ประสาท!”
“ก็เบาไป แรงอีก”
ศยามเจ็บใจกับความยียวนของหญิงสาว
“ก็ได้...ปัญญาอ่อน”
จิตรวรรณอึ้งเจ็บจี๊ด...
“ไง...โดนมั้ย”
จิตรวรรณฝืนยิ้ม หันหลังเดินออกไป ศยามมองตามยิ้มอย่างเอ็นดู แววตาลึกซึ้ง
จิตรวรรณสะพายกระเป๋าก้าวฉับๆ จะออกจากบ้าน ศยามเดินออกมา
“จะไปไหนน่ะ”
“ฉันไม่ไหวแล้ว ฉันจะกลับบ้าน”
“งั้นก็แปลว่าคุณยอมแพ้”
“เออ ฉันยอมแพ้”
“เฮ้อ...นิสัยคน เปลี่ยนไม่ได้ในสองสามวันจริงๆ ผมคงหวังสูงเกินไป”
“นิสัยดีนักหรือไง”
“ดีไม่ดีไม่รู้ รู้แต่ว่ามีแต่คนรักและเมตตา โดยเฉพาะพ่อคุณ”
หญิงสาวอึ้ง ถูกสะกิดต่อมปมด้อยอีก
“คุณพ่อเขาสงสารและสมเพชนายต่างหาก”
“ก็นั่นแหละ แปลว่ารักและเมตตา”
“โอ๊ย เมื่อไหร่นายจะเลิกเถียงฉันนะ”
“เป็นคุณหนูนิสัยดีก่อนสิ แล้วจะไม่เถียง ไม่ย้อน ไม่ด่า แถมพูดดีทำดีด้วยอีกอ่ะ”
จิตรวรรณอึ้ง
“ทำได้ป่ะล่ะ...แต่ผมว่าไม่ได้หรอก นิสัยเสียแบบนี้ ขี้แพ้วันยังค่ำ ไม่สงสัยเลย ทำไมไม่มีใครรัก โชคดี...อ้อ...แถวนี้นอกจากงูจะชุมแล้ว...พวกปล้นฆ่าข่มขืนก็เยอะนะ...สวยๆ ขาวๆ หมวยๆแบบนี้ด้วย...โดน”
ศยามเข้าบ้าน ยังไม่ทันถึงบ้าน จิตรวรรณเดินแซงเข้าบ้านไปแล้ว...
“อ้าว...คุณ ไม่กลับบ้านแล้วเหรอ”
“กลับก็โง่สิ”
ศยามยิ้มขำ
มารศรีที่แต่งตัวจะออกไปข้างนอก เข้ามาหอมแก้มเศก
“ศรีไปนะ...แล้วจะรีบกลับ”
“จ๊ะ ไปเถอะ...”
“แน่ใจนะ ว่าอยู่คนเดียวได้”
“ผมไม่ได้เป็นอะไร”
“เป็นห่วงคุณจัง แต่ศรีก็อยากคุยงานกับเทวัญ...คุณศุนี่แย่จัง รู้ว่าคุณไม่ค่อยสบาย ป่านนี้ยังไม่กลับอีก”
“คงติดงานน่ะ ช่างเถอะ”
“ค่ะ ไปนะคะ”
มารศรีเดินออกไป เศกยิ้มอ่อนแรง จะล้มตัวลงนอน มีเสียงมือถือดังขึ้น เศกชะงัก มองไปที่มือถือของตัวเองที่ดังอยู่บนโต๊ะ เศกค่อยๆลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะ หยิบมือถือขึ้นมาดู หน้าจอมือถือ ขึ้นชื่อ“ทนายวิทยา” เศกหน้าเจื่อนลง ความกังวลเข้ามาครอบงำ เพราะต้องมีข้อมูลของมารศรีมารายงานแน่นอน
ศุวิมลเดินเหน็ดเหนื่อยเข้าบ้านมา แม่บ้านเดินออกมา
“คุณพ่อหลับหรือยัง”
“ท่านเข้าไปพักผ่อนในห้องแล้วค่ะ”
“คุณศรีล่ะ”
“ออกไปได้สักพักใหญ่แล้วค่ะ”
ศุวิมลไม่พอใจแต่ไม่พูดอะไรต่อ
“อืม...”
ศุวิมลจะเดินเข้าข้างใน
“คุณศุคะ...มีแขกมารอพบค่ะ มาได้สักครู่นี่เองค่ะ”
“ใคร!” ศุวิมลแปลกใจ
ยอดชายอยู่ในห้องรับแขกกำลังดูรูปถ่ายศุวิมลกับเศก แล้วก็มาหยุดดูที่รูปของเศกและมารศรีที่ถ่ายคู่กันซึ่งติดอยู่กลางบ้าน ศุวิมลเข้ามาไม่พอใจ เห็นยอดชายแล้วใส่ทันที
“มาได้ยังไง!”
“ถามลูกศิษย์คุณที่มหาวิทยาลัย”
“มาทำไม!”
“ไม่มาแล้วจะรู้เหรอว่าจริงๆแล้วคุณเป็นลูกสาวของคุณเศกแห่งลักชัวรี่คาร์”
“ฉันถามว่ามาทำไม”
“ผมก็แค่อยากรู้ว่า...ทำมั้ยทำไมคุณถึงได้ตามติดคุณศยามนักหนา เลยอยากจะมาคุยด้วย...และตอนนี้มันยิ่งทำให้ผมอยากรู้มากขึ้น”
ศุวิมลตัดบท
“เชิญออกจากบ้านฉันไปได้แล้ว”
“คุณกับลักชัวรี่คาร์เกี่ยวข้องอะไรกับคุณดิ่ง”
“ไม่รู้! ฉันบอกให้ออกไป”
“ไปก็ได้...แต่...ผมต้องรู้คำตอบให้ได้”
“เรื่องของนาย”
ศุวิมลดันหลังยอดชายให้เดินออกไป เศกเดินเข้ามา
“อะไรกันยัยศุ”
“คุณพ่อ”
ยอดชายตกใจทีเห็นเศก
“คุณเศก...เอ่อ...สวัสดีครับ”
“คุณเป็นใคร”
ยอดชายหน้าเสีย ศุวิมลใจหาย กลัวความลับเรื่องศยามเปิดเผย
“แฟนศุค่ะคุณพ่อ”
“หือ!” ยอดชายอึ้ง
“แฟน” เศกแปลกใจ
“แฟน”
“ค่ะ แฟน ศุนัดเขามาเปิดตัวกับคุณพ่อ ให้คุณพ่อพิจารณาค่ะ แต่ท่าทางคุณพ่อจะเหนื่อย วันนี้คงไม่สะดวก ศุจะให้เขากลับก่อนนะคะ กลับบ้านค่ะ คุณยอดชาย!”
ศุวิมลจิกตัวยอดชายออกไปทันที เศกงงๆกับลูกสาว แต่ก็นึกเอ็นดู
อ่านต่อ หน้า 2
พริกกับเกลือ ตอนที่ 8 (ต่อ)
ศุวิมลลากยอดชายออกมา
“เป็นข้อแก้ตัวหลบเลี่ยงที่ซวยผมมากเลย”
“นี่แน่ะ! นายก็เกือบทำฉันซวยเหมือนกันแหละ”
“ซวยเรื่องอะไร บอกมา”
“ไม่บอก”
“ไม่บอก ผมไม่กลับ แล้วผมจะไปกราบเรียนว่าที่พ่อตาว่าแฟนผมไปเฝ้าผู้ชายที่ชื่อดิ่งที่โมเดิร์นคาร์ซึ่งเป็นคู่แข่งทางธุรกิจกับพ่อตาทุกวัน เอาสิ”
ยอดชายหันหลังทำท่าจะกลับเข้าไปข้างใน ศุวิมลดึงเอาไว้
“เข้าไปไม่ได้นะ”
ยอดชายฝืน จะเข้าไปให้ได้
“ทำไมจะไม่ได้”
“ไม่ได้!”
ศุวิมลดึงไว้อีก กลายเป็นยอดชายกับศุวิมลชักกะเย่อกัน
“งั้นผมตะโกน...คุณพ่อคร้าบ!”
ศุวิมลปล่อยตัวยอดชาย
“บอกก็ได้!”
ยอดชายเสียหลักล้มกลิ้ง
“โอ๊ย จะปล่อยก็ไม่บอก”
“จะฟังหรือไม่ฟัง”
“ฟังสิ!”
ศุวิมลรวบรวมสติ บอกก็บอก ยอดชายตั้งใจฟัง
“พี่ดิ่งเป็น...”
ศยามเคาะประตูห้องเรียกจิตรวรรณที่เข้าห้องแล้วเงียบไปเลย
“คุณจี๊ด ทานข้าว”
เงียบไม่มีเสียงตอบรับ ศยามเอะใจ เคาะประตูอีก
“คุณจี๊ด เรียบร้อยหรือยัง ทานข้าวได้แล้ว”
ยังไม่มีเสียงตอบมาจากในห้อง...ศยามตัดสินใจลองเปิดประตูดู ไม่ได้ล็อก ชายหนุ่มค่อยๆเปิดเข้าไป
ในห้องไม่มีจิตรวรรณอยู่แล้ว
“คุณจี๊ด อยู่ในห้องหรือเปล่า”
ไม่มีเสียงตอบ...ศยามแปลกใจ
“ก็ไม่เห็นออกจากห้องไปไหนนี่...แล้วไปไหน คุณจี๊ด”
ศยามเข้าไปในห้อง
ศยามเดินเข้ามาในห้องนอน
“คุณจี๊ด...”
เสียงครางด้วยความเจ็บปวดที่ผ่านการเก็บกด ลอดออกมาจากในห้องน้ำ ศยามหันไปแล้วตรงไปที่ห้องน้ำ เปิดประตูห้องน้ำออกทันที จิตรวรรณนั่งปวดท้องกระเพาะ งอก่องอขิงอยู่ในห้องน้ำ
“โอย...”
“คุณจี๊ด เป็นอะไร!”
“ปวดท้อง...ช่วยฉันที...โอย...”
ศยามพุ่งเข้าไปหาด้วยความเป็นห่วงทันที
ศยามรื้อตู้ยา ค้นหายาแก้อาการปวดท้อง จิตรวรรณนอนร้องโอดโอยอยู่ใกล้
“โอ๊ย!...เร็วๆสิ!”
"มีมั้ย แก้ปวดท้อง โรคกระเพาะ...”
“บอกให้เร็วๆ!”
“อย่าเร่งสิ!อยู่ไหน...ออกมาสิวะ”
“พูดคำหยาบกับฉันเหรอ โอ๊ย!”
“ไม่ได้พูดกับคุณ เงียบๆเหอะ อย่าทำผมสติแตก”
ศยามหาเจอ
“มีด้วยแฮะ...รอบคอบดีจัง...น้องศุ”
“โอ๊ย ได้หรือยัง จะตายอยู่แล้ว โอ๊ย!”
ศยามรีบวิ่งไปหาจิตรวรรณพร้อมยา
“มาแล้ว!”
จิตรวรรณกินยาเสร็จแล้ว ยื่นแก้วน้ำคืนให้
“ค่อยยังชั่วหรือยัง!”
“จะบ้าเหรอ เพิ่งจะกลืนยาลงไป จะออกฤทธิ์เร็วอะไรขนาดนั้น! โอย...”
“ก็อยากให้หายเร็วๆ!”
จิตรวรรณปวดเกร็งมาก จิกแขนเสื้อศยาม
“อื้อ!”
ศยามเจ็บ
“โอ๊ย!”
อาการปวดของจิตรวรรณคลายลง
“เฮ้อ...”
“หายแล้วใช่มั้ย”
จิตรวรรณปวดขึ้นมาอีก จิกแขนศยาม
“อื้อ!”
ศยามร้องลั่น
“โอ๊ย! นี่ปวดท้องกระเพาะหรือปวดท้องคลอดเนี่ย”
จิตรวรรณกัดฟันกรอดๆ คว้าคอเสื้อศยามเข้ามา
“เคยคลอดลูกหรือไง!”
“เคยเห็นในหนัง”
“มัน...ไม่...เหมือน...กาน!! โอ๊ย!”
ศยามรีบถอยห่าง กลัวถูกจิกอีก จิตรวรรณงอตัวดิ้นทรมาน ศยามมองอย่างสงสาร
“ให้ผมช่วยอะไรได้มั้ย”
“อยู่เฉยๆ...เดี๋ยว...ก็...ดี...ขึ้น...โอย...”
จิตรวรรณลุกขึ้นนอนคว่ำ ชันเข่า เป็นท่าโก้งโค้ง เอาหมอนรองใต้ท้อง แต่ทำลำบาก ศยามเลยรีบเข้าไปช่วย
“ดีขึ้นหรือยัง”
“เพิ่งจะทำ จะดีขึ้นทันทีเลยได้ไง...โอย...”
“โอเค ผมจะเงียบ ไม่ถามอะไรแล้ว”
“ดี...โอย”
ศยามมองจิตรวรรณที่นอนคว่ำบิดไปมาเพราะปวดท้อง ทั้งสงสารทั้งระอา
“ทรมานจะตายแล้วยังไม่วายเถียงฉอดๆ”
“ฉัน...ได้...ยิน...นะ...ฝาก...ไว้...ก่อน...โอย”
จิตรวรรณยังนอนร้องครวญครางต่อไป
ศุวิมลถอนใจ
“ทั้งหมดก็เป็นอย่างที่ฉันเล่า”
ยอดชายอึ้ง เหวอ
“นี่! ช็อกไปเลยหรือไง”
“ใช่! ไม่น่าเชื่อ”
“แต่พี่ดิ่งยังไม่ยอมเปิดเผยตัว ยังคงอยู่ที่โมเดิร์นคาร์ ไม่ยอมกลับบ้าน”
“หรือว่าแอบมาเป็นหนอนบ่อนไส้”
“ไส้อะไร! แล้วทำไมตอนนี้บริษัทพ่อฉันถึงได้ทรุดเอาๆ อย่าเว่อร์ พี่ดิ่งเป็นคนดี ไม่คิดทำอะไรอย่างนั้นแน่นอน”
“ผมรู้ คุณดิ่งเป็นคนดี...หนอนบ่อนไส้คือคนอื่น...ไม่ใช่เขา”
“แล้วเพราะอะไร พี่ดิ่งถึงอยากอยู่ที่นั่นต่อไป”
“อาจจะมีเหตุผลอื่น เช่น เป็นห่วงสุขภาพพ่อคุณ กลัวท่านได้รับความกระทบกระเทือนใจถ้ารู้ความจริงเกี่ยวกับคุณมารศรีและคุณดิ่ง”
“จริงด้วยสิ! สมองนายก็มีรอยหยักเหมือนกันเนอะ ทำไมฉันคิดไม่ได้นะ”
ยอดชายเซ็ง
“นี่...”
“ขอโทษ...”
เศกนั่งเหม่อ น้ำตาซึม มองรูปถ่ายของตัวเองและมารศรีที่กอดกันหวานชื่น เศกคิดถึงเหตุการณ์ที่คุยกับทนายวิทยาในห้องเมื่อสักครู่
เศกรับสายมือถือ
“ได้เรื่องยังไงบ้าง”
ทนายรายงานสิ่งที่ไปสืบมาเกี่ยวกับมารศรี
“ท่านครับ...ผมได้เรื่องมาแล้วนะครับ ตอนที่คุณมารศรีไปเรียนต่อที่เยอรมันเอ่อ...”
“พูดมาเถอะ ไม่ต้องเกรงใจ”
“คุณมารศรีเป็นคนรักของคุณดิ่งครับ”
เศกอึ้ง ช็อก
“แน่ใจเหรอ”
“ครับ ผมได้คุยกับนักเรียนไทยที่โน่นหลายคน ทุกคนยืนยันว่าคุณดิ่งและคุณมารศรีเป็นคู่ที่รักกันมาก คุณดิ่งตั้งใจจะแต่งงานกับเธอเมื่อเรียนจบ แต่จู่ๆ เธอก็กลับเมืองไทยไป ไม่ติดต่อคุณดิ่งอีกเลย”
เศกค่อยๆลดมือถือลง...กดตัดสายแล้ววางบนโต๊ะอย่างช้าๆ น้ำตาซึม
เศกเดินมานั่งที่เตียงนอน ยังถือกรอบรูปไว้ในมือ
“มารศรี...คุณโกหกผม ผมควรจะทำยังไงกับคุณดี”
เศกน้ำตาซึม คิดมาก ค่อยๆนอนๆลง เอากรอบรูปวางไว้แนบอก
มารศรีมาที่คอนโดของเทวัญเธอเคาะประตูดังตึงตัง ทันวิทย์เดินมาเปิดประตู
“มาแล้วครับ ใจเย็นๆครับ”
ทันวิทย์เปิดประตู มารศรียืนเซไปเซมา เพราะความเมา
“คุณ...”
“มารศรีจ๊ะ เพื่อนคุณเทวัญ...”
“พี่เทวัญ ยังไม่กลับครับ คุณขึ้นมาได้ยังไง”
“แล้วทำไมฉันจะเข้าไม่ได้ คุณเทวัญออกจะวีไอพี ใครรู้จักเขาก็เป็นวีไอพีด้วย เหมือนกันแหละ”
มารศรีถือวิสาสะเข้ามาในห้อง กระแทกทันวิทย์จนเซ
“ขอนั่งพักก่อนนะ เมา...”
“เอ่อ พี่เทวัญรู้หรือเปล่าครับว่าคุณมาหา”
“ไม่รู้ เขาปิดมือถือ ไม่รู้ว่าไปตายที่ไหน”
มารศรีนอนเอนหลังบนโซฟา ท่าทางเย้ายวนมาก สะบัดรองเท้าออกทีละข้าง ทันวิทย์มองตาค้าง มารศรีสังเกตเห็น ยิ้มกริ่ม
“อายุเท่าไหร่แล้วล่ะ เราน่ะ”
“ยี่สิบเอ็ดครับ...เอ่อ...ผมไปเอาน้ำเย็นมาให้นะ”
ทันวิทย์รีบเดินเข้าไปข้างใน มารศรีนึกสนุกลุกเดินตามเข้าไป
ทันวิทย์เปิดตู้เย็น มองหาขวดน้ำเย็น มารศรีมายืนข้างหลังจงใจสี
“เอาน้ำเย็นๆนะ ยิ่งเย็นพี่ยิ่งชอบ”
“เอ่อ...” ทันวิทย์ อึดอัด หน้าแดง แต่ไม่กล้าพูด “ครับ”
ทันวิทย์รีบยกขวดน้ำเย็นออกมา ปิดตู้เย็น แล้วรินใส่แก้วที่วางอยู่บนโต๊ะ มือสั่นเล็กน้อย มารศรีเอื้อมมือมาจับมือของชายหนุ่ม
“มืออย่าสั่นสิ...เดี๋ยวน้ำหก”
“ครับ”
ทันวิทย์มองมือ ไล่ไปตามแขนที่กลมกลึงของมารศรีด้วยความเผลอไผลจนไม่ได้มองว่าน้ำเต็มแก้วจนล้น
“มัวแต่มองอะไรอยู่ น้ำหกหมดแล้ว”
ทันวิทย์มองน้ำที่หกล้นแก้ว ตกใจ
“ขอโทษครับ!”
ทันวิทย์รีบหาผ้ามาเช็ดน้ำ มารศรียืนมอง สายตาเจ้าชู้มาก อยากกินเด็ก เทวัญเดินเข้ามาเห็น แปลกใจ
“ทำอะไรกัน”
ทันวิทย์ตกใจ...
“ผมจะรินน้ำให้เพื่อนพี่ พอดีทำน้ำหกครับ”
“สงสัยน้องชายคุณคงไม่ค่อยได้รับแขกที่นี่นะ ถึงได้ดูตื่นเต้นจัง แต่น่ารักดี...”
มารศรียิ้มพลางมองทันวิทย์พลาง เทวัญลอบสังเกตตลอดเวลา
“คุณมีธุระอะไร ถึงได้มาหาผมถึงที่นี่”
มารศรียิ้มพราย
ศุวิมลเดินมาส่งยอดชายที่หน้าบ้าน
“ขอร้องนะ อย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับใคร ฉันอยากคุยกับพี่ดิ่งก่อน”
“ไม่รับปาก”
“ขอให้ท้องเสียตาย”
“บ๊ะ!”
“ตกลงอยากตายใช่มั้ย”
“ไม่อยาก! ไม่บอกก็ไม่บอก แต่ที่ไม่บอก ไม่ใช่เพราะไม่อยากตาย แต่...”
“แต่อะไร!”
“เหตุผลที่คุณดิ่งปกปิดฐานะของตัวเองอีกข้อหนึ่งคือ เขาต้องการช่วยผมกระชากหน้ากากคู่หมั้นของจิตรวรรณ ที่เคยใส่ร้ายพ่อคุณว่าบงการมือปืนมาลอบทำร้ายคุณเจตนา”
ศุวิมลพูดใส่หน้ายอดชาย
“เลวจริงๆ!”
“นายเทวัญนะ ไม่ใช่ผม”
“ก็ใช่น่ะสิ...กลับไปได้แล้ว”
ยอดชายเดินออกไป ศุวิมลเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อน”
ยอดชายชะงักหันมา
“อะไรอีกล่ะคุ้ณ”
“ขอบใจนะที่เชื่อใจพี่ชายฉัน”
“ผมมีสมอง แยกแยะได้ว่าอะไรดีหรือไม่ดี ช่วยมองผมซะใหม่นะ ยัยเพี้ยน”
“จะไม่มองว่าดีก็ตอนนี้แหละ ปากเสีย”
ยอดชายหัวเราะร่าเดินออกไป ศุวิมลเผลอยิ้มออกมา ประทับใจยอดชาย ก่อนจะรู้สึกตัว รีบสลัดความรู้สึกทิ้งไป
“อุ๊ย...”
จิตรวรรณหลับไปแล้วในท่านอนคว่ำ ศยามยืนมองอยู่ สงสาร เห็นเหงื่อผุดอยู่ที่ใบหน้าของจิตรวรรณ ศยามตัดสินใจทำบางอย่าง
ศยามค่อยๆใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำหมาดๆ เช็ดเม็ดเหงื่อบนใบหน้าของจิตรวรรณที่นอนหลับ ไปด้วยความเจ็บปวด
“สงสัยจะเครียด จนลงกระเพาะ...”
ศยามเช็ดหน้าไป เผลอตัวมองหน้าจิตรวรรณอย่างลึกซึ้ง
“เวลาหลับ ก็ดูไม่เป็นมลพิษกับใคร”
จิตรวรรณขยับตัว พูดโดยไม่ลืมตา ไม่มีแรง”
“ฉัน...ได้...ยิน...นะ...”
ศยามสะดุ้ง
“ได้ยินก็ได้ยิน แล้วทำอะไรได้มั้ย นอนไปเหอะ ดีขึ้นหรือยัง”
“อือ”
“นอนดีๆนะ มา...ผมช่วย”
จิตรวรรณขยับตัว จะพลิกตัว ศยามช่วยจิตรวรรณให้พลิกตัวมานอนในท่าสบายๆ
“โอเคหรือยัง”
“อือ...”
ศยามจัดหมอนให้ ลูบผมจิตรวรรณอย่างเบามือ
“หลับซะนะ เอาอะไรอีกมั้ย”
จิตรวรรณจับมือของศยามมากอดเอาไว้แนบหน้าเหมือนหมอนข้าง ศยามอึ้ง
“เอ่อ...คือ...จะดีเหรอ”
“ฉัน...ได้...ยิน...นะ...ดี...สิ”
จิตรวรรณหลับสนิทไปเลย
“คุณจี๊ด...คุณจี๊ด”
จิตรวรรณไม่ตื่น ศยามดูท่าของตัวเองที่กำลังคุกเข่า มือข้างหนึ่งอยู่ที่หญิงสาว ไม่รู้จะอยู่ท่าไหนดี แต่ก็ไม่กล้าดึงมือตัวเองออก
“เฮ้อ...ยัยคุณหนูขาดความรักเอ๊ย...”
ศยามพยายามหาท่านั่งที่สบายที่สุด โดยไม่รบกวนความสบายของเธอพลางมองหน้าหญิงสาวไปด้วยรอยยิ้ม
มารศรีลงนั่ง ยิ้มกริ่ม เทวัญเข้ามา
“รีบๆพูดมาเลย ผมอยากพักผ่อนเต็มที”
“ถ้าฉันมีข้อมูลเด็ดๆมาให้...จะต้อนรับฉันดีกว่านี้มั้ย”
“เด็ดแค่ไหน”
มารศรีหัวเราะชอบใจ
“ฮ่ะๆๆๆๆๆๆ”
“จะหัวเราะอีกนานมั้ย”
ทันวิทย์เอาน้ำมาให้ มารศรีรับ จงใจสัมผัสมือทันวิทย์
“ขอบใจจ๊ะ”
ทันวิทย์รีบกระชากมือกลับ
“ครับ”
เทวัญสังเกต รู้ทันมารศรี ทันวิทย์รีบออกไป
“อยากให้ต้อนรับดีๆ เพราะอยากมาบ่อยๆงั้นสิ”
“เบื่อจริง พวกรู้ทัน”
“ทำยังกะคุณไม่แสดงออก”
“ก็แค่ขำๆ”
“ว่าเรื่องข้อมูลของคุณมาดีกว่า”
“รับปากฉันก่อน ว่าถ้าบอกไปแล้ว คุณต้องลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่างให้สำเร็จ ไม่ใช่ไร้น้ำยาอย่างที่แล้วๆมา”
“คุณมารศรี มันจะมากไปแล้วนะ”
มารศรีลุกขึ้นมาท้าทาย
“ทำไม จะทำอะไรฉัน”
“อย่าดูถูกผม เพราะผมทำอะไรได้มากกว่าที่คุณคิด”
“งั้นบอกมาสิ...ถ้าดิ่งเป็นลูกชายของนายเศก แห่งลักชัวรี่คาร์ และเป็นคนพาคุณหนูจี๊ดไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่บ้านพักตากอากาศของคุณเศก...คุณจะทำอะไรได้”
“อะไรนะ!”
เทวัญตกใจกับข้อมูลใหม่ที่มารศรีจงใจเยาะเย้ยให้ฟัง
เช้าวันใหม่...จิตรวรรณสะดุ้งตื่น เห็นมือของศยามที่ตัวเองกำลังกอดอยู่ หญิงสาวมองเต็มตา เห็นเขานั่งหลับอยู่ข้างๆ โดยอุทิศแขนข้างหนึ่งให้เธอกอด จิตรวรรณมองศยามด้วยความรู้สึกหลากหลาย...สงสาร...ขอบคุณ...อ่อนโยน หญิงสาวพูดเบาๆ
“นายดิ่ง...”
ศยามรู้สึกตัวตื่น ลืมตา
“หือ”
“ฉัน...ตื่นแล้ว”
“เหรอ...โอเค”
ศยามจะขยับตัวแต่เหน็บกินแขน
“โอ๊ย!”
“เป็นอะไร”
“แขนผม...เหน็บกิน...โอ๊ย”
“ฉันนวดให้”
จิตรวรรณลงมือนวดทันที
“โอ๊ยๆๆๆ ไม่ต้องๆๆๆ ไม่ต้องจับ เดี๋ยวมันก็หายเอง...อยู่เฉยๆ”
“แต่ฉันอยากช่วย”
“ช่วยไปล้างหน้าแปรงฟันก่อนไป...”
จิตรวรรณปิดปาก แต่ยังไม่วายบ่นศยาม
“บ้า หาว่าฉันปากเหม็นเหรอ”
“ไปเถอะ เดี๋ยวทำข้าวต้มให้กิน จะได้ไม่ปวดท้อง”
จิตรวรรณท่าทางอ่อนลง
“ก็ได้...แต่...ไม่เป็นไรแน่นะ”
“แน่ ผมผู้ชายนะคุณ แข็งแรง ไม่ต้องห่วง”
“ไม่ได้ห่วงเลย”
จิตรวรรณลุกออกไป ยังจุกๆอยู่ ศยามมองตามยิ้มๆ ขยับแขน ขยับขา ขยับตัวปรากฏว่าเหน็บกินไปทั้งตัว
“โอย”
แม่บ้านจัดของเช้าอยู่ ศุวิมลกำลังจะไปทำงาน เข้ามา แปลกใจไม่เห็นเศก
“คุณพ่อกับคุณศรีล่ะ”
“คุณศรีออกไปตั้งแต่เช้ามืดแล้วค่ะ บอกว่าไปทำงานสร้างบ้านให้คนด้อยโอกาสที่ต่างจังหวัด ส่วนคุณท่านยังไม่ออกมาจากห้องเลยค่ะ”
ศุวิมลเป็นห่วงเศก เดินออกไป
ศุวิมลเปิดประตูห้องเข้ามา พร้อมเคาะเบาๆ
“คุณพ่อคะ”
ศุวิมลเห็นพ่อนอนอยู่บนเตียง โดยยังกอดกรอบรูปไว้แนบอก ศุวิมลเดินเข้าไปหา
“คุณพ่อคะ ตื่นหรือยังคะ”
เศกยังนอนนิ่ง...ศุวิมลแปลกใจ เข้าไปนั่งข้างๆ แตะตัวพ่ออย่างแผ่วเบา แต่เศกไร้การตอบโต้ใดๆ ตัวแข็งทื่อ
“คุณพ่อ...เป็นอะไรคะ คุณพ่อ”
ศุวิมลตกใจที่พ่อไม่รู้สึกตัว
“คุณพ่อ!”
อ่านต่อหน้า 3
พริกกับเกลือ ตอนที่ 8 (ต่อ)
จิตรวรรณเปลี่ยนชุดแล้ว ท่าทางหน้าตาสดชื่นขึ้น ศยามเอาข้าวต้มมาเสิร์ฟ
“ข้าวต้มปลา”
“เอาปลามาจากไหน”
“เพิ่งไปตกมาเมื่อกี้”
“ขี้โม้”
“เชื่อก็บ้าแล้ว ผมไปขอซื้อจากชาวประมงเมื่อกี้ ปลากะพงสดๆ ทานซะ”
ศยามจะเดินออกไป
“เดี๋ยวก่อน กาแฟล่ะ”
“ไม่ให้กิน กินน้ำอุ่น”
“เอ๊ะ”
“อยากนอนบิดเหมือนเมื่อคืนอีกหรือไง ไม่รู้จักรักษาตัวเอง ไม่รักตัวเองก็คิดถึงพ่อแม่บ้าง”
“โอเค...น้ำอุ่น”
ศยามจะเดินออกไป
“เดี๋ยวก่อน”
“เยอะนะคุณเนี่ย”
จิตรวรรณเสียงอ่อน
“มาทานด้วยกันนะ”
ศยามอึ้ง จิตรวรรณยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“ขอบคุณนะที่ช่วยดูแล...เหนื่อยมั้ย”
“ไม่เป็นไร...ไม่เหนื่อย แต่เมื่อย”
“ขอโทษนะ ไปตักมานั่งทานด้วยกันเร็ว”
ศยามมองๆ
“มีแผนอะไรหรือเปล่าเนี่ย”
“ไม่มี...ฉันใสซื่อ เจ้าเล่ห์ไม่เป็น”
ศยามรีบออกไป แต่หัวใจสั่นหวิว จิตรวรรณมองตามหัวใจอ่อนไหวเหมือนกัน
ศยามกินข้าวต้ม จิตรวรรณวางช้อน ดื่มน้ำอุ่น ศยามเหลือบมอง พูดโดยไม่มอง
“อีกสิบนาทีค่อยกินยา”
“แต่ฉัน...”
“ยังไม่หายหรอก...กินอีกมื้อ”
“ก็ได้...ข้าวต้ม อร่อยดี”
“แน่อยู่แล้ว”
“ทำอาหารบ่อยมั้ย”
“อยู่เมืองนอก ทำกินเองทุกมื้อ”
“แล้วทำให้ใครกินด้วยมั้ย”
ศยามอึ้งไป
“ก็...ให้แฟนไง”
“นั่นสิ ลืมไป ว่านายเคยมีแฟน”
ศยามก้มหน้าก้มตากินต่อ จิตรวรรณนั่งมองยิ้มหวาน
“อย่ายิ้มแบบนี้เลย”
“ทำไมล่ะ”
“ผมกลัว...คุณต้องมีแผนร้ายอะไรในใจแน่ๆ”
“หัดมองฉันในแง่ดีบ้างสิ ฉันก็รู้จักคำว่าสำนึกบุญคุณเหมือนกันนะ”
“ก็ดี”
“อยากเจริญอาหารกว่านี้ป่ะ”
“จะทำอะไร”
จิตรวรรณเดินไปเปิดเพลงที่เครื่องเสียงเพลงแผ่นเดิม ที่ศยามเคยเปิดดังขึ้นคลอบรรยากาศ
“โห...บรรยากาศดีขึ้นเป็นกอง...ตอนนี้ฉันมีความสุขจัง”
จิตรวรรณสูดอากาศสดชื่น หมุนตัวเองไปรอบๆ เมื่อหมุนกลับมาที่เดิม จิตรวรรณก็ชะงัก หน้าซีด เผือดลง ศยามแปลกใจ ว่าจิตรวรรณเป็นอะไร หันไปมองบ้าง มารศรีและเทวัญยืนอยู่
“พี่เทวัญ!”
“มารศรี!”
ศยามอึ้งไปเช่นกัน!
เทวัญและมารศรีก้าวเข้ามา จิตรวรรณงงไปหมด ศยามหนักใจทันที เพราะรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้น
“พวกคุณมาที่นี่ได้ยังไง”
“คุณมารศรีพาพี่มา”
จิตรวรรณหันมอง มารศรียิ้มเยาะ
“เอ๊า งงเป็นไก่ตาแตก จะอธิบายให้ฟังก็ได้แบบไม่ซับซ้อน...”
มารศรีเดินไปควงแขนศยาม
“ฉันรู้ว่าพวกคุณมาอยู่ที่บ้านพักของคุณเศก...สามีฉัน”
ศยามเจ็บใจแม่บ้านที่ปากสว่าง จิตรวรรณงงๆ
“คุณเศก!”
เทวัญอธิบาย
“คุณเศก แห่งลักชัวรี่คาร์ คู่แข่งทางธุรกิจของคุณพ่อน้องจี๊ด”
จิตรวรรณหันมองหน้าศยาม ตกใจ ช็อก และเสียใจ
“จริงเหรอ...”
ศยามจำใจพยักหน้ายอมรับ
“นาย...เป็นอะไรกับคุณเศก”
ศยามอึ้ง...พูดไม่ออก เทวัญมองหน้า
“มันเป็นลูกชายของคุณเศก ชื่อศยาม”
จิตรวรรณตกใจ เสียใจ ผิดหวัง
“นาย...ตั้งใจหลอกฉัน”
“ผม...ไม่ได้ตั้งใจหลอกคุณ เพียงแต่ผม...บอกไม่ได้”
“ทำไมถึงบอกไม่ได้”
เทวัญพุ่งเข้าไปผลักศยามจนเซ
“ตอบมาสิ! เพราะแกมีแผนชั่วอยู่ใช่มั้ย”
“ผมบริสุทธิ์ใจ”
“ใครจะเชื่อแก! ฉันเข้าใจล่ะ เพราะอย่างนี้ใช่มั้ย แกถึงได้ปกป้องพ่อแกว่าไม่ใช่คนจ้างวานฆ่าคุณเจตนา”
“พ่อผมเป็นคนดี”
“กล้าพูดคำนี้ได้ยังไง!ที่แกทำทุกอย่าง ตั้งแต่ทำตัวเป็นฮีโร่ช่วยชีวิตคุณเจตนา สร้างเรื่องโกหก จนได้เข้ามาอยู่ในบ้าน เป่าหูทุกคนให้เห็นว่าฉันเป็นหนอนบ่อนไส้ นอกใจน้องจี๊ด สุดท้ายพอน้องจี๊ดใจอ่อนกับแก ทุกอย่างของโมเดิร์นคาร์ก็จะอยู่ในกำมือแก”
“ไม่...”
ศยามพูดไม่ทันจบ จิตรวรรณขัดจังหวะสวนขึ้นมาทันทีด้วยความเสียใจ จนกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว
“คนเลว!”
ศยามอึ้ง เห็นสายตาของจิตรวรรณมองมาอย่างเกลียดชังเขาเสียใจมาก
“คุณจี๊ด...”
“ไม่ต้องมาเรียกชื่อฉัน...นายทำอย่างนี้กับฉันได้ยังไง”
ศยามอึ้ง จิตรวรรณหันเดินออกไป...ผ่านมารศรีที่กำลังสะใจมาก จิตรวรรณชะงัก หันมามองหน้ามารศรี
“ทำได้ไง...รวบทั้งลูกทั้งพ่อ...คงมีแต่คนชั่วๆอยู่ในบ้านนั้นสินะ”
“ปากดี!”
มารศรีตบหน้าจิตรวรรณจนหน้าหัน ทุกคนตกใจ
“ฉันไม่ใช่คนที่เธอนึกจะด่าก็ด่าได้ตามใจนะ”
“ไม่ด่าก็ได้”
จิตรวรรณคลั่ง ขาดสติทั้งโกรธ ทั้งเจ็บใจ ทั้งคุมสติไม่อยู่ มารศรีคือที่ระบาย จิตรวรรณทั้งผลักทั้งดันมารศรีจนเซออกไป โดยที่มารศรีไม่ทันตั้งตัว ศยามและเทวัญตกใจ รีบตามไปทันที
จิตรวรรณผลักมารศรีล้ม ศยามและเทวัญตามออกมา
“โอ๊ย! เธอจะทำอะไรฉัน ดิ่ง! ช่วยศรีด้วย”
“คุณจี๊ด! หยุด พอเถอะ”
ศยามเข้าไปดึงตัวจิตรวรรณออกมา จิตรวรรณยังดิ้นไม่หยุด มารศรีรีบลุกขึ้น
“หยุดคุณจี๊ด หยุด!”
“ไม่หยุด!”
ศยามจับตัวจิตรวรรณ กอดเอาไว้แน่น เสียงเข้ม
“หยุด!”
จิตรวรรณถูกศยามกอดยิ่งเจ็บปวด สลัดตัวออกทันที
“ปกป้องงั้นเหรอ งั้นนายก็รับแทนไปแล้วกัน”
จิตรวรรณตบหน้าอย่างแรง ศยามอึ้ง หน้าชา
“ฉันโง่ไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่หลังจากนี้ อย่าหวังว่าฉันจะโง่เชื่อคนหลอกลวงอย่างนายอีก นายศยาม”
จิตรวรรณวิ่งหนีไปเทวัญตาม เหลือเพียงศยามที่ยืนมองตามไปอย่างปวดร้าว
จิตรวรรณวิ่งร้องไห้มาด้วยความเสียใจ เทวัญวิ่งไล่ตามมา
“น้องจี๊ด รอพี่ก่อน น้องจี๊ด!”
จิตรวรรณสะดุดขาตัวเองล้มลงนั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้น เทวัญตกใจ รีบเข้ามาปลอบ
“น้องจี๊ด เป็นไงบ้าง เจ็บตรงไหนมั้ย”
จิตรวรรณมองหน้าเทวัญ
“พี่เทวัญ...จี๊ดขอโทษ”
“ไม่เป็นไรจ๊ะ ไม่เป็นไร ไม่ต้องขอโทษพี่ แค่จี๊ดปลอดภัยยังไม่ถูกไอ้สารเลวนั่นทำอะไร พี่ก็โล่งใจแล้ว ขอแค่นี้ แค่นี้จริงๆ”
“พี่เทวัญ...จี๊ดเกลียดเขา เกลียด”
จิตรวรรณโผเข้ากอดเทวัญร้องไห้หนัก
“ทั้งๆที่จี๊ดรู้สึกดีกับเขาไปแล้ว...รู้สึกดีไปแล้ว”
เทวัญอึ้ง ยิ่งโกรธแค้นศยาม
“เสียไปแค่ความรู้สึก ไม่เป็นไรหรอกน้องจี๊ด อีกไม่นานก็หาย พี่จะอยู่เคียงข้างให้กำลังใจน้องจี๊ดเอง เงียบซะนะคนดี”
“แต่จี๊ด...จะไม่ยอมให้มันเสียไปฟรีๆหรอก...ใครที่ทำจี๊ดเจ็บ จี๊ดจะเอาคืนเป็นสองเท่า นายศยามต้องรับผิดชอบที่ทำให้จี๊ดเสียใจ”
เทวัญกอดปลอบประโลม ลูบผมจิตรวรรณอย่างเบามือ หากแต่แววตาเต็มไปด้วยความสะใจ ศยามเดินเข้ามา ตั้งใจจะมาคุยกับจิตรวรรณ แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นเธอกอดอยู่กับเทวัญ ชายหนุ่มมองด้วยความเสียใจ มารศรีตามเข้ามาควงแขน ศยามสะบัดออก หันเดินกลับไปทางเดิม มารศรีไม่พอใจที่ศยามไม่ใยดี แต่ก็พอใจที่อย่างน้อยก็ทำให้จิตรวรรณกับศยามผิดใจกันได้แล้ว
จิตรวรรณร้องไห้กับเทวัญ...ที่ยิ้มย่ามใจที่ทุกอย่างกำลังจะลับเข้าสู่ความปกติ ในขณะที่จิตรวรรณมีแผนที่จะแก้แค้นศยาม...เพราะทั้งรักทั้งแค้น
จิตรวรรณนั่งซึม ขณะที่โดยสารเรือเร็วมากับเทวัญ น้ำตาพาลจะไหลให้ได้ตลอดเวลา หญิงสาวพยายามจะเช็ดมัน แต่มันก็ไหลมาอีกภาพความทรงจำที่อยู่ด้วยกันกับเขาในบ้านพักเข้ามาในความคิด...ทั้งปาร์ตี้บะหมี่...ทำความสะอาดบ้าน...เธอปวดท้องไม่สบายแล้วเขาคอยดูแล...จิตรวรรณน้ำตาไหลออกมาอีก เทวัญหันมามอง หญิงสาวรีบเช็ด พยายามทำสีหน้าเป็นปกติ เทวัญยิ้มให้กำลังใจ ก่อนจะหันไปมองทางอื่นอย่างเจ็บแค้น เมื่อเทวัญหันกลับไป จิตรวรรณก็กลับมาเศร้าอีกเหมือนเดิม
มารศรีตามศยามเข้าไปในบ้าน แล้วโผเข้ากอด...
“ดิ่งขา...”
ศยามอึ้งยืนนิ่ง ไม่รู้สึกอะไรตามไปด้วยทั้งนั้น นอกจากความรังเกียจที่เพิ่มมากขึ้น
“ทำแบบนี้ทำไม”
“ทำอะไร...อ๋อ...ที่พาเจ้าของตัวจริงมาทวงคนรักคืนน่ะเหรอ”
“คุณกับนายเทวัญรู้จักสนิทสนมกันตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เรื่องคนอื่น...ไว้ทีหลังได้มั้ย ตอนนี้ที่นี่เหลือแค่เราสองคน ศรีคิดถึงคุณ อยากใช้เวลาอยู่กับคุณเหมือนเมื่อก่อน”
ศยามหันไปจับมือมารศรีเอาไว้ เธอมองด้วยหัวใจเต้นแรง คิดว่าเขากำลังอ่อนโอนตาม
“ดิ่ง...คุณยังคิดถึงศรีอยู่ใช่มั้ย”
ศยามมองตามารศรี แน่วแน่
“ไม่!”
มารศรีอึ้ง
“ทำไม”
“ยังต้องถามอีกเหรอ คนไม่มีสำนึกถูกผิดดีชั่วเท่านั้นแหละที่จะยังคิดถึง ผู้หญิงที่ทิ้งเขาไปอย่างไม่ใยดีเพื่อแต่งงานกับพ่อของผู้ชายคนนั้น แล้วโกหกทุกคนหน้าตาย ว่าไม่เคยรู้จักกัน”
“ศรีบอกแล้วไง ว่าศรีถูกข่มขืน! จะให้ศรีเปิดเผยว่าเคยเป็นคนรักให้ชาวบ้านเขาซ้ำเติมเหยียบย่ำศักดิ์ศรีตัวเองอีกหรือไง”
“ตอนนี้ผมตาสว่างแล้ว! ผมไม่เชื่อคำพูดโกหกหลอกลวงของคุณ!”
“ไม่จริง คุณยังรักและคิดถึงศรี คุณไม่ลืมศรีไปง่ายๆแบบนี้ เหมือนที่ศรีเองก็ไม่เคยลืมคุณ ใช่มั้ยคะ ใช่มั้ย”
มารศรีเข้าไปกอดจูบ
“ดิ่งคะ เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้มั้ย ศรีจะเลิกกับพ่อคุณ เราจะมีความสุขด้วยกัน ตอนนี้ศรีไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว นอกจากคุณคนเดียว นะคะ”
ศยามผลักมารศรีออกไปอย่างแรง จนมารศรีเซไปล้มลงบนพื้น
“ปล่อยผม!”
“ดิ่ง! คุณกล้าทำแบบนี้กับศรีได้ยังไง”
“เพราะผมขยะแขยงคุณไง! ผมเคยโง่ไปรักคุณได้ยังไง ยิ่งคุณแสดงธาตุแท้ออกมาแบบนี้ ผมยิ่งปล่อยให้คุณทำลายครอบครัวผมต่อไปไม่ได้อีกแล้ว”
ศยามออกไป
“ดิ่ง กลับมานะ กลับมา...อ๊าย!”
มารศรีเต้นเร่า กรีดร้องด้วยความผิดหวัง เสียใจ
ค่ำนั้นจิตรวรรณลงกราบแม่ วันดีโผเข้ามากอดลูกสาวด้วยความรักและเป็นห่วง เหล่าคนรับใช้ยืนมองอยู่ห่างๆอย่างดีใจและโล่งอก เทวัญนั่งอยู่อีกมุม
“จี๊ดลูกแม่!”
“จี๊ดขอโทษค่ะคุณแม่...คุณพ่อ...”
จิตรวรรณหันไปมองเจตนาซึ่งยืนเครียดอยู่ใกล้ๆ เจตนานิ่ง ขรึม
“จี๊ดขอโทษที่ทำให้ทุกคนต้องเป็นห่วง”
“แม่ใจหายมากเลย ตอนที่ตาเทวัญโทรมาบอกว่ากำลังไปตามจี๊ดที่บ้านพักของนายเศก...เราปล่อยให้เสือให้จระเข้มาอยู่ใกล้ตัวอยู่ได้ตั้งนาน ฉันเตือนคุณแล้วนะคุณเจตนา ว่ามันไม่น่าไว้ใจ”
เจตนาอึ้ง แต่ก็ยังนิ่ง ใช้ความคิดประมวลเหตุผลและความเป็นไปของทั้งหมด
“ลูกสาวไปค้างอ้างแรมกับคนลวงโลกอยู่ตั้งหลายวัน เพราะคุณเองที่เป็นคนปิดปากเงียบ ไม่บอกใครว่าลูกอยู่ที่ไหน ไงล่ะ ความเชื่อใจที่ให้กับคนผิด มันเกือบย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง นี่ถ้าตาเทวัญไม่...”
เจตนาตัดบท
“หยุดพูดก่อนได้มั้ย!”
ทุกคนอึ้งไป
“ผมอยากคุยกับนายดิ่ง ก่อนที่จะสรุปว่าเขาเป็นเสือหรือจระเข้”
“แล้วที่จี๊ดเล่าไปทั้งหมด ยังไม่พออีกเหรอคะ ทำไมคุณพ่อยังจะไปฟังคนโกหกคนนั้นอีก”
ศยามเข้ามาทุกคนเห็นตกใจ
“นายดิ่ง...ยังจะมีหน้ามาที่นี่อีกเหรอ ออกไปเลยนะ ออกไป”
จิตรวรรณเข้าไปทั้งผลัก ทั้งทุบทั้งตี ดิ่งปล่อยให้เธอทำอย่างนั้นโดยไม่ปกป้องตัวเองเจตนาห้าม
“ยัยจี๊ด! พอได้แล้ว!”
จิตรวรรณหยุดตีมองศยามอย่างเกลียดชังด้วยอาการเหนื่อยหอบ ชายหนุ่มมองหญิงสาวด้วยสายตาแสดงความเสียใจอย่างที่สุด เจตนาพูดเรียบนิ่ง
“ฉันขอคุยกับนายดิ่งเป็นการส่วนตัว!”
จิตรวรรณ วันดีและเทวัญมองเจตนาอย่างไม่เข้าใจเหตุผล
มุมหนึ่งในบ้าน ศยามยกมือไหว้ขอโทษเจตนา
“ผมขอโทษครับ”
“ฉันจะยังไม่รับคำขอโทษ จนกว่าเธอจะอธิบายเรื่องราวทั้งหมดที่เป็นความจริง”
ศยามอึ้ง รู้สึกดีที่เจตนายังให้โอกาส
“ท่าน...ยังจะรับฟังเหตุผลของผมอยู่เหรอครับ”
“ถ้าเธอคิดจะปกครองและบริหารคน...ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากที่สุด เธอต้องฟังเหตุผลทั้งสองด้าน ส่วนจะเชื่อหรือไม่เชื่อ นั่นมันเป็นอีกเรื่อง”
“ครับ...ผมพูดความจริงเสมอ”
เจตนารอฟังศยามอย่างตั้งใจ
มารศรีเดินเข้ามาในบ้านหลังจากกลับจากเกาะอย่างเคร่งเครียด ศุวิมลเดินออกมา มีแม่บ้านถือกระเป๋าตามมาด้วย ศุวิมลเห็นมารศรี ชะงัก ไม่พอใจแม่บ้านรีบเดินออกไป
“หายไปไหนมา”
“แม่บ้านไม่ได้บอกหรือไง ว่าฉันไปทำงาน”
“แล้วทำไมไม่เปิดมือถือ”
“ที่ๆฉันไป ไม่มีสัญญาณ จะอะไรนักหนาเนี่ย ฉันอยู่ที่นี่ในฐานะแม่เลี้ยงเธอนะ ไม่ใช่ลูก อย่ามาเยอะ”
“รู้มั้ย ว่าคุณพ่อหัวใจวาย”
มารศรีตกใจ
“อะไรนะ!”
“ตอนนี้ยังอยู่ในไอซียูอยู่เลย”
มารศรีอึ้ง
“รู้แล้ว ก็รีบไปทำหน้าที่เมียของคุณพ่อได้แล้ว ไม่ใช่มัวแต่แรดไปโน่นไปนี่”
ศุวิมลเดินออกไป ไม่สนใจปฏิกิริยาของมารศรี ที่โกรธมาก
“นัง!...โอ๊ย”
มารศรีค่อยๆยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ
“หัวใจวายเหรอ...ยาของนายเทวัญก็ออกฤทธิ์เร็วเหมือนกันนี่...แต่ถ้าจะให้ดีอย่ารอดกลับมาหายใจอีกเลย!”
มารศรีตาวาว เต็มไปด้วยความอยากให้เศกเสียชีวิต
ศยามมองเจตนาด้วยสายตาจริงใจ...
“ผมไม่เคยคิดร้ายกับท่านและคนในครอบครัวท่าน ผมพยายามทำดีที่สุดเพื่อช่วยทุกคน”
“ทำไมไม่กลับบ้าน”
“ผมยังกลับไม่ได้ จนกว่า ผมจะรู้ว่าทำไมคุณเทวัญต้องใส่ร้ายพ่อผม และที่สำคัญ ถ้าผมกลับไป อาจจะไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพของคุณพ่อ”
“เคยทำอะไรเพื่อตัวเองบ้างมั้ย”
ศยามไม่เข้าใจ
“ท่านหมายความว่ายังไงครับ”
“ถ้าสิ่งที่เธอพูดเป็นความจริง ฉันเห็นแต่เหตุผลที่ทำเพื่อคนอื่นทั้งนั้น ไม่เห็นมีอะไรที่เธอทำเพื่อตัวเองเลย”
“ผมจะกล้าทำอะไรเพื่อตัวเองอีก ในเมื่อผมขาดสติทำลายอนาคตของตัวเอง ทำให้คุณพ่อผิดหวังที่เรียนไม่จบ นับจากนี้...ผมจะทำทุกอย่างเพื่อชดเชยให้คุณพ่อ”
“คุณเศกโชคดีที่มีลูกชายอย่างนาย”
“ท่านก็โชคดีครับที่มีลูกสาวอย่างคุณจี๊ด”
“เห็นความดีในตัวยัยจี๊ดเหมือนกันเหรอ”
ศยามสายตาอ่อนโยนเมื่อพูดถึงจิตรวรรณ
“เธอเป็นคนดี คิดดี เพียงแต่อาจจะเรียกร้องความสนใจมากไปสักนิด”
เจตนาจับความรู้สึกของศยามได้
“คิดยังไงกับลูกสาวฉัน”
ศยามอึ้ง...
จิตรวรรณนอนนิ่ง เหม่อลอยอยู่บนที่นอน ป้าเพ็ญนั่งมองดูอยู่อย่างเป็นห่วงข้างๆ
“คุณหนูขา คุณแม่ให้มาตามนะคะ คุณเทวัญจะกลับบ้านแล้ว”
จิตรวรรณยังนอนนิ่ง เหมือนไม่รับรู้สิ่งที่ป้าเพ็ญบอก ป้าเพ็ญถอนใจ
“งั้น ป้าจะลงไปเรียนคุณแม่นะคะว่าคุณหนูหลับไปแล้ว”
จิตรวรรณยังนอนนิ่ง ไม่หือไม่อือ ป้าเพ็ญค่อยๆลุกเดินออกไป จิตรวรรณพยายามหลับ ในขณะที่น้ำตาที่กลั้นเอาไว้ตอนที่ป้าเพ็ญอยู่ก็ค่อยๆไหลออกมา ภาพครั้งที่เคยใกล้ชิดแนบแน่นกับศยามเข้ามาในความคิดอีกครั้ง มันทำให้หญิงสาวยิ่งเจ็บปวด
“ทั้งๆที่ฉันรู้สึกดีกับนายไปแล้ว...ทำไมมันเจ็บแบบนี้...”
เทวัญยืนเศร้า หลังจากที่ป้าเพ็ญมาบอก
“ดูเหมือนน้องจี๊ดจะเสียใจมากเรื่องนายดิ่ง”
“ก็ควรมั้ยล่ะ จี๊ดอุตส่าห์ให้ความไว้วางใจ ทั้งๆที่เป็นคนไว้ใจคนยาก แต่กลับถูกหักหลัง”
“ถ้าเสียใจด้วยเรื่องนั้น ผมจะไม่กังวลอย่างนี้เลยนะครับคุณแม่”
“หมายความว่ายังไง ตาเทวัญ”
“ผมคิดว่าตอนนี้น้องจี๊ดรักนายดิ่ง”
วันดีตกใจ เทวัญเต็มไปด้วยความแค้นใจ
ศยามรู้สึกอาย ไม่กล้าพูดความในใจออกมา เจตนามองอย่างรู้ทัน
“ถึงเธอไม่พูด ฉันก็พอจะรู้”
เทวัญเดินออกมา เห็นเจตนาคุยกับศยาม เทวัญรีบเข้าไปหาที่แอบฟังใกล้ๆทันที
“รู้ว่าเธอคิดยังไงกับลูกสาวฉัน”
“ที่ผมไม่พูด เพราะพูดออกไปมันก็คงจะไม่มีประโยชน์อะไร...ตอนนี้คุณจี๊ดเกลียดผม ท่านไม่เห็นเหรอครับ”
“รักมากก็แค้นมากไง ส่วนเธอ รักมากก็เสียใจมาก”
ศยามอึ้ง เทวัญไม่พอใจ ยิ่งโกรธ
“ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ทุกอย่างก็แล้วกัน ฉันมีความเชื่ออยู่อย่างหนึ่ง รู้มั้ยอะไร”
“ไม่ทราบครับ”
“ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย”
“ครับ”
“ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเวลา สักวันฉันคงจะยอมรับคำขอโทษของเธอและให้อภัยเธอได้ เธอเข้าใจฉันนะ”
“ขอบพระคุณครับที่ให้โอกาสผม”
ศยามยกมือไหว้ เจตนายิ้มให้กำลังใจศยาม เทวัญโกรธแค้นมาก
“ฉันจะทำให้แกไม่มีโอกาสนั้น ไอ้ดิ่ง!”
อ่านต่อหน้า 4 เวลา 17.00น.
พริกกับเกลือ ตอนที่ 8 (ต่อ)
สำรวยกับแช่มนั่งซึม ป้าเพ็ญเข้ามา
“เป็นอะไรกันไปหมด”
“อยากให้มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นกับชีวิตสำรวย”
“ปาฏิหาริย์อะไร”
“ให้พี่ดิ่งเป็นพี่ดิ่งคนเดิม ไม่ใช่ทายาทเศรษฐี ความจริงปรากฏแบบนี้...พี่ดิ่งก็ต้องไป...แล้วสำรวยก็...กินแห้ว”
แช่มแทรกขึ้นมา
“ก็อร่อยดีนะ มันๆกรอบๆ”
“อร่อยของแกคนเดียวสิพี่แช่ม ตัวเองก็ระวังไว้เหอะ ข่มเขาไว้เยอะนี่”
“อย่าพูดสิวะ เดี๋ยวไอ้...เอ๊ย...คุณดิ่งได้ยิน เกิดจำได้ขึ้นมา เขาจะด่าว่าข้าไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง”
ทันใดนั้นเสียงศยามดังเข้ามา
“ไม่หรอกครับ”
ป้าเพ็ญ แช่ม สำรวยสะดุ้งเฮือก หันไป ศยามเข้ามา ยิ้มให้ทุกคน แล้วยกมือไหว้
“ขอโทษทุกคนด้วยนะครับ”
ทุกคนรับไหว้แทบไม่ทัน ป้าเพ็ญงงๆ
“มาขอโทษอะไรกันคะคุณดิ่ง”
ศยามหน้าสลด
“ผม...โกหกทุกคน”
ทุกคนอึ้ง
“ผมมีความจำเป็นที่ต้องทำแบบนั้น...ผมอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว ขอบคุณทุกๆคนมากครับสำหรับทุกอย่าง...ผมมาลา”
ศยามไหว้ลา ทุกคนรับไหว้แทบไม่ทันอีกครั้ง ศยามเดินออกไปทุกคนมองตามอย่างเห็นใจ สำรวยอาลัย
“ทำไมคุณหนูจี๊ดบอกว่าพี่ดิ่งเป็นคนไม่ดี คนไม่ดีแบบไหนกัน ไปลามาไหว้เป็นสุภาพบุรุษ อ่อนโยนทั้งต่อหน้าและลับหลังได้ขนาดนี้อ่ะ ว่ามั้ยป้า”
ป้าเพ็ญถอนใจ
“ไม่รู้เหมือนกัน...ว่าคุณหนูตัดสินคนจากอะไร ก็ภาวนาให้คุณหนูใจเย็นๆ แล้วก็...เข้าใจชีวิตเร็วๆ จะได้มีความสุขมากกว่านี้”
ป้าเพ็ญสงสารและเห็นใจจิตรวรรณมาก
จิตรวรรณเข้ามามองออกไปนอกหน้าต่างเห็นศยามกำลังเดินออกจากบ้านไป ศยามหันมามองบ้านอีกครั้ง จิตรวรรณรีบหลบ กลัวเขาเห็น ชายหนุ่มถอนใจ มองไปที่หน้าต่างห้องหญิงสาวอย่างอาลัย จิตรวรรณค่อยๆหันไปมอง....เห็นสีหน้าของศยาม แล้วจิตรวรรณยิ่งเจ็บปวด
“คนโกหก รีบไปเร็วๆสิ ก่อนที่ฉันจะ...”
จิตรวรรณพยายามจะไม่ร้องไห้ออกมา แต่ก็กลั้นไว้ไม่ไหว ร้องไห้ออกมาอีกจนได้ ศยามค่อยๆเดินออกไป จิตรวรรณหันกลับ ทรุดลง ใจหาย เสียใจ ที่ถูกเขาหักหลัง
ศยามเดินมามองเข้าไปในบ้าน มองอยู่ชั่วขณะหนึ่ง เห็นบ้านมืดสนิท นึกประหลาดใจ เขากดกริ่ง แม่บ้านวิ่งออกมา
“คุณดิ่ง!”
“ไปไหนกันหมด”
แม่บ้านหน้าเสีย
“คุณท่านค่ะ”
ศยามวิ่งมาตามทางเดินในโรงพยาบาล เป็นห่วงพ่ออย่างที่สุด ผลักประตูห้องพักไข้เข้ามาอย่างเร่งรีบ หมอเวทย์ ศุวิมล มารศรีที่ยืนดูเศกนอนหลับบนเตียงอย่างเคร่งเครียดหันมามองเป็นตาเดียว มารศรีตกใจมาก หวั่นใจ ศยามเข้าไปดูพ่อด้วยความเป็นห่วง
“คุณพ่อเป็นยังไงบ้าง”
หมอเวทย์อึ้งงง
“พ่อ”
ศยามยกมือไหว้
“สวัสดีครับคุณหมอ...ผมเป็นลูกชายคุณพ่อครับ...ศยาม”
หมอเวทย์ตกใจ
“คุณศยาม!”
หมอเวทย์มองมารศรีทันที...มารศรีทำไม่รู้ไม่ชี้
“งั้นผมก็เข้าใจถูกน่ะสิ ว่าผมเจอลูกชายคุณเศกที่บ้านคุณเจตนา ผมบอกคุณ มารศรี แต่...”
มารศรีรีบตัดบท
“ฉันขอตัวก่อนนะคะ มีธุระ”
มารศรีรีบออกไปทันที ศุวิมลตามมารศรีไป เพราะมีเรื่องต้องจัดการ
มารศรีเดินอย่างเร่งรีบ ศุวิมลตามมาคว้าตัวไว้
“จะหนีไปไหน”
“ปล่อย!” มารศรีสะบัดมือออก ทำไม่รู้ไม่ชี้ “ทำไมฉันต้องหนี!”
“เพราะเธอกลัวว่าเมื่อคุณพ่อตื่นขึ้นมาเจอพี่ดิ่ง วิมานที่เธอวาดไว้ในอากาศก็จะพังทลายลง กลับไปหมดเนื้อหมดตัวอยู่กับพ่อแม่ที่บ้านนอก”
“ผิดแล้ว ศุวิมล! คนอย่างฉันไม่เคยกลัว”
“ไม่กลัว ก็อยู่ต่อสิ รอให้คุณพ่อตื่น”
“ฉันควรปล่อยให้พ่อลูกได้อยู่ด้วยกัน ก่อนที่จะไม่มีโอกาสนั้นอีก”
มารศรีมองศุวิมลอย่างท้าทาย ศุวิมลเริ่มหวั่นใจ มารศรีเดินเชิดออกไป
“มีแผนจะทำอะไรอีกนะ ผู้หญิงคนนี้...เกิดมามีสมองไว้ใช้วางแผนชั่วๆอย่างเดียวหรือไง”
ศยามยืนอยู่ข้างเตียงมองพ่อด้วยความเป็นห่วง หมอเวทย์อธิบาย
“หัวใจวายเพราะเลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่ทัน”
“เพราะอะไรครับ”
“หลายปัจจัยนะ ด้วยอายุ อวัยวะต่างๆมันก็เริ่มเสื่อมลงตามธรรมชาติ บวกกับร่างกายอ่อนแอมาก มีความเครียดเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา”
ศยามสงสารพ่อมาก
“แต่หมอสงสัย...คราวที่แล้วที่ตรวจสุขภาพท่านแข็งแรงมากกว่านี้มาก จู่ๆร่างกายก็อ่อนแอลงกะทันหันเหมือนคนที่ป่วยเรื้อรังมาเป็นปีๆได้ยังไง”
ศยามแปลกใจ หมอเวทย์ถอนใจ
“แต่ก็นั่นแหละ เมื่อใจอ่อนแอ ร่างกายก็อ่อนแอตามลงไปได้เหมือนกัน...คุณกลับมาก็ดีแล้ว จะได้ช่วยกันดูแลท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...ให้ท่านทำงานน้อยๆลงหน่อยก็ดี”
ศยามพยักหน้า หมอเวทย์อยากจะซักเรื่องศยามต่อด้วยความสงสัย แต่ก็ยั้งไว้ ไม่พูดดีกว่า
“หมอไปนะ แล้วพรุ่งนี้จะมาใหม่”
“ขอบพระคุณมากครับ”
หมอเวทย์เดินออกไป ศยามลงนั่งเฝ้าพ่อต่อไป
“คุณพ่อครับ ผมกลับมาแล้วครับ ผมขอโทษ”
ศยามค่อยๆก้มลงกราบที่มือของพ่อ ซึ่งหลับสนิทอยู่ ศยามน้ำตาคลอ ศุวิมลเปิดประตูเข้ามาพอดี เห็นภาพพี่ชายซบหน้าร้องไห้บนมือพ่ออย่างเสียใจ หญิงสาวสะเทือนใจตามไปด้วย
วันใหม่...เศกค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมา หันมองไปข้างๆ เห็นศยามฟุบหลับอยู่ใกล้ๆ เศกดีใจมาก
“ดิ่ง...”
ศุวิมลเปิดประตูเข้ามาพร้อมอาหารเช้าให้ศยาม เห็นเศกมองพี่ชายอยู่ก็ดีใจ
“คุณพ่อ...”
ศยามรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา รีบดูอาการพ่อ
“คุณพ่อ...เป็นยังไงบ้างครับ”
เศกมองหน้าลูกชายอย่างดีใจ ก่อนจะค่อยๆหมองลง แล้วเมินหน้าหนีไปทางอื่น ยังรู้สึกโกรธเขาที่ทิ้งอนาค ศยามและศุวิมลอึ้ง ที่พ่อมีอาการมึนตึง
จิตรวรรณนั่งซึม เศร้า เหม่อลอย ยอดชายและใจดีนั่งมองอยู่นานแล้ว ใจดีเป็นห่วงมาก
“จี๊ด...ฉันเข้าใจนะว่าแกช็อก และโกรธที่คุณดิ่งโกหก”
ยอดชายพยายามอธิบาย
“แต่จี๊ดฟังพวกเรานะ คุณดิ่ง...”
จิตรวรรณหันมาโต้
“ไม่ พวกแกไม่เข้าใจฉันหรอก ว่าฉันเจ็บ เจ็บมาก แกไม่เคยถูกคนที่ไว้ใจที่สุดหักหลังเหมือนฉัน”
“เจ็บกว่าตอนถูกคุณเทวัญหักหลังหรือเปล่า”
จิตรวรรณมองหน้ายอดชาย
“พี่เทวัญไม่ได้หักหลังฉัน”
ยอดชายอึ้งๆ
“จี๊ดกำลังจะบอกว่า...เป็นเงาะอย่างนั้นเหรอ ที่หักหลังจี๊ด”
“ใช่!”
ใจดีชะงัก
“จี๊ด เงาะเป็นเพื่อนเรานะ เห็นคนอื่นดีกว่าเพื่อนได้ยังไง”
“ก็เพื่อนไม่ใช่เหรอที่จ้องจะตีท้ายครัวฉันตลอด อิจฉาฉันไม่เลิก เงาะชอบพี่เทวัญ เมื่อไม่ได้ เลยหาทางใส่ร้าย โดยที่มีนายดิ่งและพวกเธอร่วมมือด้วย”
ยอดชายกับใจดีไม่พอใจมาก
“จี๊ด!”
“ฉันพูดถูกใช่ไหม เห็นมั้ย ว่าฉันถูกคนที่ไว้ใจที่สุดหักหลังซ้ำซากไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ฉันมันโง่จริงๆ”
ยอดชายโมโห
“ใช่ เธอมันโง่ โง่ที่หลงเชื่อนายเทวัญ”
“พี่เทวัญเป็นคนเดียวที่ไม่เคยทำให้ฉันเสียใจ”
“ไม่มีคนดีขนาดนั้นในโลก! ยกเว้นพวกเสแสร้งแกล้งทำ ไว้เธอเลิกโง่ได้เมื่อไหร่ค่อยมาพูดกัน! ใจดี กลับ”
ยอดชายหันเดินออกไป อย่างไม่พอใจ จิตรวรรณโกรธ
“นี่พวกแกตั้งใจจะเป็นศัตรูกับฉัน ไม่ใช่เพื่อนฉันใช่มั้ย!”
ใจดีมองหน้า
“พวกเราไม่ได้อยากเป็นศัตรูกับแก และก็ไม่ได้อยากเป็นเพื่อนกับคนที่ไม่มีวิจารณญาณ เอาแต่อารมณ์อย่างแกเหมือนกัน”
ใจดีเดินหนีไป ทิ้งให้จิตรวรรณไม่พอใจอยู่ข้างหลัง
“เออ ไปเลย ฉันไม่จำเป็นต้องมีเพื่อนก็ได้”
จิตรวรรณหงุดหงิดอยู่คนเดียว
ที่โรงพยาบาล...เศกยังคงไม่มองหน้าศยาม
“คุณพ่อครับ ผมขอโทษ”
เศกยังนิ่งอยู่
“แต่ผมมีเหตุผลที่ต้องทำแบบนี้ เพราะผมไม่อยากทำให้คุณพ่อเสียใจถ้ารู้ความจริงบางอย่าง”
เศกพูดโดยไม่หันมา
“ความจริงอะไร”
ศุวิมลแทรกขึ้น
“ความจริงที่ศุเคยบอกคุณพ่อ แต่คุณพ่อไม่เชื่อศุ”
เศกหันมา ถามอีกครั้งอย่างไม่พอใจ
“ฉันถามว่าความจริงอะไร!”
“ผมกับมารศรีเราเคยเป็นคนรักกันครับพ่อ”
ศุวิมลเสริม
“แต่มารศรีโกหกคุณพ่อ ไม่เฉลียวใจบ้างเลยเหรอคะว่าผู้หญิงคนนั้น...”
ทันใดนั้น มารศรีเปิดประตูเข้ามา
“ศรีทำไมเหรอคะ คุณศุวิมล”
“ไม่บริสุทธิ์ใจไง! เธอหวังอะไรจากครอบครัวของเรา เธอหลอกคุณพ่อทำไม”
“พวกคุณเป็นลูกประเภทไหนกัน ทั้งๆที่พ่อตัวเองไม่สบายแท้ๆ แต่กลับเอาเรื่องไร้สาระมาพูดอยู่ได้”
มารศรีเข้าไปหาเศก
“คุณเศกคะ นอนพักผ่อนก่อนนะคะ อย่าไปฟังลูกๆของคุณเลย เดี๋ยวจะทรุดลงอีกนะคะ”
ศยามไม่พอใจ
“มารศรี...เลิกเล่นละครได้แล้ว”
“พวกคุณนั่นแหละที่รวมหัวกันเล่นละคร”
ศยามกับศุวิมลอึ้ง ไม่คิดว่ามารศรีจะด้านมาไม้นี้ เศกมองมารศรี อยากรู้เหมือนกันว่ามารศรีจะแก้ตัวยังไง
“ทำไม กลัวฉันจะแย่งสมบัตินักหรือไง สัญญาก่อนจดทะเบียนสมรสฉันก็เซ็น ไปแล้วว่าจะไม่มีส่วนในทรัพย์สินใดๆทั้งสิ้น แล้วยังต้องการอะไรจากฉันอีก หรือจะให้ฉันออกไปจากชีวิตของคุณเศกให้ได้ หา!”
ศุวิมลสวนทันที
“ใช่!”
“ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น ถ้าคุณเศกไม่เอ่ยปากไล่ฉันออกไปเอง ฉันก็ไม่ไป”
ศยามกับศุวิมลหันมองพ่อ รอคอยการตัดสินใจ เศกพูดเบาๆ
“ออกไป...”
มารศรีอึ้ง...ศุวิมลสะใจ
“เห็นมั้ย คุณพ่อไล่เธอแล้ว”
“ฉันไล่เจ้าดิ่ง...ออกไป...”
ศยามกับศุวิมลคาดไม่ถึง อึ้งไปเลย
“คุณพ่อ...”
“พวกแกได้ยินไม่ผิดหรอก...ฉันเคยประกาศเอาไว้แล้วใช่มั้ยว่า เจ้าดิ่งไม่ใช่ลูกชายฉันอีกต่อไป แกมาทำไมเอาป่านนี้...มันสายเกินไปแล้ว”
ศยามอึ้งมองพ่ออย่างเสียใจและไม่เข้าใจ เศกแน่วแน่กับคำพูดของตัวเอง ศุวิมลเสียใจและเป็นห่วงความรู้สึกของศยามมาก มารศรีสะใจสุดๆ
ศยามเดินลิ่วๆมาอย่างเสียใจ ศุวิมลวิ่งตามมา
“พี่ดิ่ง พี่ดิ่ง อย่าเพิ่งไป!”
“ศุ...ฝากดูแลคุณพ่อด้วย”
“พี่ดิ่งอย่าโกรธคุณพ่อนะ คุณพ่อกำลังหลงยัยมารศรี ทำให้มองความจริงบิดเบือน พี่ดิ่งต้องเข้าใจคุณพ่อนะ”
“พี่เข้าใจและไม่เคยโกรธคุณพ่อเลย แต่พี่โกรธตัวเองที่ทำให้คุณพ่อเสียใจและผิดหวัง”
“ทำไมต้องโทษตัวเอง ต้องโทษความไม่รู้จักพอของผู้หญิงคนนั้น ห้ามทิ้งพวก เราไปไหนอีกนะ”
“ศุไม่เห็นเหรอว่าคุณพ่อไล่พี่ พี่ยิ่งอยู่ ยิ่งทำให้คุณพ่อเครียด”
“ศุไม่คิดเลย ว่าคุณพ่อจะเห็นกงจักรเป็นดอกบัว เห็นคนอื่นดีกว่าลูกตัวเอง”
ศุวิมลร้องไห้กอดพี่ชาย ศยามปลอบใจน้องสาวรู้สึกหนักใจกับอนาคตเบื้องหน้า
มารศรีลงซบบนหน้าอกของเศก
“คุณเศกเชื่อใจศรีใช่มั้ยคะ ว่าศรีไม่เคยรู้จักคุณดิ่ง ศรีไม่เคยโกหกคุณ คนที่ศรีรักคือคุณ”
เศกค่อยๆลูบผมมารศรีเบาๆ
“ผมรู้ว่าคุณ...โกหก”
มารศรีอึ้ง ตกใจ
“คุณเศก”
“คุณเคยเป็นคนรักเจ้าดิ่ง เขากำลังจะแนะนำคุณให้รู้จักกับผม แต่แล้วจู่ๆคุณก็กลับเมืองไทย แล้วไม่ติดต่อกลับไปหาเจ้าดิ่งอีกเลย”
มารศรีหน้าซีดที่เศกรู้ข้อมูลดีมาก...คิดหาวิธีแก้ตัวทันที
“ไม่ต้องโกหกผม”
“คุณเศกคะ ศรี...ยอมรับว่าศรีกับดิ่ง เราเคยรักกัน แต่ที่ศรีไม่บอกคุณ เพราะไม่อยากให้คุณไม่สบายใจและไม่อยากคบกับศรี ทั้งๆที่ศรีรักคุณ ศรีไม่ได้รักดิ่งแล้ว”
“แล้วทำไมต้องบอกเจ้าดิ่งว่าที่แต่งงานกับผม...เพราะผมข่มขืนคุณ”
มารศรีอึ้งอีก นึกไม่พอใจเศกที่รู้ดีไปซะหมด แต่ก็รีบหาทางเอาตัวรอดโวยวายเสียงดัง กลบเกลื่อนความผิด
“ใช่! ศรีผิดเอง ศรีอยากแต่งงานกับคุณ เพราะศรีรักคุณ แต่ศรีก็กลัว กลัวจะถูกดิ่งเกลียดหาว่าเป็นผู้หญิงใจเร็วไม่กี่วันก็ลืมเขา ความรักมันกำหนดกันได้ด้วยเหรอว่าต้องเกิดเร็วหรือช้า”
“คุณไม่ได้รักผมหรอก คุณแค่...อยากหาที่พึ่งยามที่คุณลำบาก”
“ถ้ามองศรีเลวได้ขนาดนั้นล่ะก็...เอาสิ ถ้าอยากจะหย่า ก็หย่าเลย ศรีพร้อม”
“แต่ผมไม่พร้อม...”
มารศรีอึ้ง
“คุณเศก”
“ผมรอได้นะคุณศรี...รอให้คุณรักผมได้จริงๆ ผมอยากมีวันนั้น เพราะผมรักคุณมาก”
เศกร้องไห้ออกมาอย่างหมดท่า มารศรีอึ้งที่เห็นเศกยอมทุกอย่างเพื่อเธอ มารศรีค่อยๆเดินเข้าไปกอดเอาไว้
“อย่าร้องไห้เลยค่ะ....เดี๋ยวอาการจะกำเริบขึ้นมาอีก หยุดร้องเถอะค่ะ”
“คุณเป็นห่วงผมจริงๆเหรอ”
มารศรีกอดเศกเอาไว้ โดยที่เศกไม่เห็นหน้ามารศรี
“ค่ะ...คุณรักศรีมากขนาดนี้ คุณทำให้ศรีรู้สึกผิดมาก คุณเป็นพ่อพระของศรี...สักวัน ศรีจะรักคุณอย่างหมดใจได้แน่นอน”
มารศรียิ้มอย่างผู้มีชัย ลูบผมของเศกอย่างเอาใจ เศกรู้สึกสบายใจขึ้น...
จิตรวรรณเดินงุ่นง่านไปมา จัดการกับอารมณ์ของตัวเองไม่ได้ แล้วเธอก็สงบลง สายตาแข็งกร้าว
“ฉันจะไม่จมปลักกับความเสียใจ ให้นายเยาะเย้ยฉันเด็ดขาด แล้วเราจะได้เห็นดีกัน...นายดิ่ง”
จิตรวรรณมุ่งมั่นที่จะเอาคืน
วันใหม่...ศยามในชุดเนี้ยบสมฐานะคุณศยาม เดินมามองเข้าไปในโมเดิร์นคาร์แล้วตัดสินใจเดินเข้าไปข้างใน จิตรวรรณเดินมาจากทางหนึ่งเห็นศยามก็อึ้
ไป ศยามเดินเข้ามาหา
“คุณจี๊ด...”
“สวัสดีค่ะคุณศยาม ฉันชื่อจิตรวรรณ กรุณาเรียกให้ถูกต้องตามกาลเทศะด้วย”
ศยามหน้าเสีย
“คุณจี๊ด ผมอยากจะอธิบาย”
“ไม่จำเป็น! ฉันไม่มีเวลาฟัง แล้วก็...ถ้าไม่มีอะไรจำเป็น หรือจะให้ดีก็ไม่ต้องมาเหยียบที่นี่อีก โมเดิร์นคาร์ไม่ต้อนรับ”
จิตรวรรณเดินผ่านไป ช่วงขณะที่เธอเดินผ่านเขาอย่างเย็นชา...ศยามปวดร้าวใจหันมองแล้วพูดเบาๆ
“ผมแค่จะมาลา...ลาก่อนคุณจี๊ด”
ศยามจะเดินออกไป ยอดชายเดินมาเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อนคุณดิ่ง!”
ศยามชะงัก หันมา เห็นยอดชายวิ่งมาหา ศยามดีใจที่ได้เจอ
จิตรวรรณแอบมองศยามกับยอดชายคุยกัน แล้วเดินออกไปด้วยกัน จิตรวรรณหัวใจเต้นแรง อ่อนไหวจากที่เจอเขาเมื่อครู่ แต่จำเป็นต้องทำเป็นเฉยชา หญิงสาวพยายามรวบรวมความเข้มแข็ง
“ฉันชื่อจิตรวรรณ ไม่มีใครทำให้ฉันเสียใจได้”
จิตรวรรณเดินเข้าไปในออฟฟิศ
จิตรวรรณเปิดประตูห้องทำงานเทวัญเข้ามา
“พี่เทวัญคะ จี๊ดอยากจะ...”
เทวัญและเจตนาคุยกันอยู่ มีสีหน้าเคร่งเครียด
“มีอะไรซีเรียสกันอยู่หรือเปล่าคะ ไว้จี๊ดเข้ามาอีกทีก็ได้”
เจตนาพูดขึ้น
“จี๊ดควรจะอยู่รับฟัง”
“ค่ะ”
จิตรวรรณเข้ามานั่ง เทวัญบอกทันที
“ทางเยอรมันยกเลิกการเป็นผู้แทนขายรถยี่ห้อใหม่ของเรา”
จิตรวรรณตกใจ
“อะไรนะคะ ได้ยังไง”
เจตนาถอนใจ
“ได้ยังไงไม่รู้ รู้แต่เหตุผลที่เขาแจ้งมา...เราไม่มีความพร้อมทางเทคนิค ไม่เหมือนกับบริษัทลักชัวรี่คาร์ที่มีความพร้อมมากกว่า โดยเฉพาะเมื่อมีคุณศยามกลับมาทำหน้าที่รับช่วงบริหาร”
จิตรวรรณอึ้ง
“อะไรนะ!”
เทวัญใส่ไฟทันที
“นายดิ่งของจี๊ดมันรู้เรื่องที่โยฮัน วิศวกรเยอรมันมาเทรนช่างของเรา มันเลยไปบอกพ่อมันให้ส่งเรื่องไปแข่งกับเราเพื่อชิงตัดหน้า”
“พ่อเองก็ไม่อยากจะเชื่อหรอกนะ แต่ในกรณีนี้ นายดิ่งเองก็ดูน่าสงสัยอยู่มาก”
“ไม่มีวันเป็นใครไปได้หรอกค่ะ นอกจากเขา”
จิตรวรรณแค้นใจศยาม...เทวัญลอบยิ้มอย่างพอใจ
ในร้านกาแฟ ศยามนั่งซึม ยอดชายให้กำลังใจ
“ผมรู้นะว่าคุณดิ่งไม่ได้มีเจตนาร้าย”
“มีแค่คุณคนเดียวล่ะมั้งที่เชื่อ”
“ไม่...ยังมีพี่รัตนาและยัยใจดีอีกสองคน”
“เฮ้อ...ช่างมันเถอะ ผมไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องมีใครเชื่อผมหรอก”
“ไม่ได้ เราจะปล่อยให้โลกเข้าใจเราผิดได้ยังไง เราต้องพิสูจน์ตัวเองสิ”
“พิสูจน์กับคนที่อคติเต็มหัวใจ ใจแคบ ไม่รับฟังคนอื่นอย่างคุณจิตรวรรณน่ะเหรอ”
จิตรวรรณเดินเข้ามา ตรงดิ่งมาศยามและยอดชายด้วยความโกรธ
“อธิบายนิสัยฉันเหมือนรู้จักฉันดีเลยนะคะคุณศยาม”
ศยามกับยอดชายตกใจ
“คุณจี๊ด /จี๊ด!”
“แต่ยังไม่รู้จักฉันดีพอ คุณสมบัติของฉันอีกข้อหนึ่งคือ”
จิตรวรรณตบหน้าศยามฉาดใหญ่ ยอดชายตกใจ
“จี๊ด ทำเกินไปแล้วนะ!”
คนในร้านมองมาเป็นตาเดียว แต่จิตรวรรณไม่สน
“น้อยไปด้วยซ้ำสำหรับคนขี้โกง แทงข้างหลัง ไม่มีศักดิ์ศรี!”
ศยามงงๆ
“ผมทำอะไร!”
“กินอยู่กับปาก อยากอยู่กับท้อง บริษัทนายตัดหน้าเป็นผู้แทนขายให้ทางเยอรมันแทนเรา...เพราะนาย!”
ศยามหน้าเหวอ
“ผมไม่รู้เรื่อง”
“ไปแก้ตัวให้เสาไฟฟ้าฟังโน่น! สิ่งที่ออกจากปากนายมันมีแต่น้ำลายเน่าๆ หาความจริงไม่ได้ ควรจะทำความสะอาดหน่อยนะ”
จิตรวรรณหยิบแก้วน้ำขึ้นมาสาดใส่หน้า ศยามผงะ ยอดชายตะลึง
“จี๊ด!”
“เลิกเรียกชื่อฉันเสียที! เธอก็เหมือนกันนะยอด ถ้ายังจะเป็นมิตรกับนายคนนี้ นายก็เป็นศัตรูกับฉัน และฉันจะไม่ยอมให้ศัตรูทำงานที่เดียวกัน”
จิตรวรรณมองศยาม สะใจ แล้วเดินออกไป ยอดชายไม่พอใจจิตรวรรณมาก
“คุณดิ่ง...ขอโทษแทนเพื่อนผมด้วยนะ”
“ไม่เป็นไรครับ...เขาจะโกรธก็ปล่อยให้เขาโกรธไปเถอะ ผมเชื่อว่าความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย”
“กลัวแต่ว่าจะตายกันหมดก่อนที่จะรู้ความจริงน่ะสิ”
“ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยเวลาที่ผมตาย ผมก็ตายอย่างสบายใจ ไม่ได้แบกเอาความรู้สึกผิดติดไปด้วย...ขอบคุณมากนะคุณยอดชาย ที่เข้าใจผม”
“แล้วคุณจะทำยังไงต่อไป”
“ยังไม่รู้...รู้แต่ว่า...ผมไม่อยากทำให้ใครเดือดร้อน โดยเฉพาะพ่อผม”
ยอดชายเห็นใจศยามมาก ศยามหน้าเครียด
จบตอนที่ 8
อ่านต่อตอนที่ 9 พรุ่งนี้เวลา 09.30น.