xs
xsm
sm
md
lg

ชิงนาง ตอนที่ 8

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ชิงนาง ตอนที่ 8

หนูนายืนร้องไห้อยู่ที่คอกม้าได้สักครู่หนึ่งแล้ว จู่ๆ ก็ฮึดยกแขนปาดน้ำตาแรงๆ และจะเข้าไปโกยฟางให้ม้า หนูนาโกยอย่างไม่ทันระวัง จังหวะนั้นชายกระโปรงก็ดันไปเกี่ยวกับรั้วคอกม้า แต่ไม่รู้ดันก้าวอย่างกระชากตัวไป กระโปรงขาดแคว๊ก! หนูนาล้มเสียหลักหน้าทิ่มลงที่กองฟาง

หนูนาตั้งหลักขึ้นมานั่งมองกระโปรงมองสภาพตัวเองแล้วโกรธ ยกมือทุบกองฟางด้วยความโมโห
“โธ่เว้ย! ทำไมเป็นแบบนี้ ทำไม ๆ ๆ”
หนูนาน้อยใจโกรธจนร้องไห้ออกมา
สว่างเข้ามาวางมือบนศีรษะหนูนา “ที่ทำอยู่น่ะ เหนื่อยมั้ย”
หนูนาร้องไห้หนักกว่าเดิม “ลุงจะซ้ำเติมฉันเหรอ”
สว่างสอนหลานสาวดีๆ “หนูนา...ถ้าเอ็งเปลี่ยนตัวเองให้เหมือนคุณเดือนแล้วนายหันมามองเอ็ง
จริงๆ แสดงว่าเขาไม่ได้มองที่เอ็งเป็นหนูนาแต่มองว่าเอ็งเป็นตัวแทนของคุณเดือนคนที่เขารัก แล้วค่าของเอ็งจะอยู่ตรงไหน ตรงที่เป็นหนูนาหรือเป็นแค่เงาของคุณเดือน”
หนูนามองหน้าลุง “แต่ฉันรักคุณผานะลุง ฉันตัดใจไม่ได้”
สว่างเตือนหนูนาให้มีสติ “รักหรืออยากเอาชนะ เอ็งคิดให้ดี”
สว่างตบหัวหลานสาวจอมเฮี้ยวเบาๆ แล้วลุกเดินออกไป
หนูนายังดื้อดึง พูดอย่างถือดี “ฉันรักเขา”

กลับจากโรงพัก พฤกษ์ กับเมฆาเดินเข้ามาในบ้านตรงห้องโถงรับแขก โฉมไฉไลตามเข้ามา มองรูปถ่ายครอบครัว สายตาหยุดที่รูปของภูผา
“คนที่ชื่อเหนือฟ้านี่ เขาไม่สนใจเรื่องของตัวเองหรือยังไง ทำให้พี่เดือดร้อน แล้วก็หายหัวไป”
“เขาอาจจะมีธุระก็ได้นะ เขาบอกอะไรคุณไว้หรือเปล่าโฉม” เห็นโฉมไฉไลเอาแต่มองเหม่อ “โฉม”
“คะ?” โฉมไฉไลหันมาหาสองหนุ่ม รีบโป้ปด “เขาบอกว่าต้องรีบไปขึ้นรถไฟน่ะค่ะ คิดว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้วก็เลยไปค่ะ”
พฤกษ์ตัดบท “ช่างมันเถอะ ยังไงเราก็ไม่เดือดร้อนอะไรนัก ฉันเต็มใจช่วยเขาเอง”
“พี่ก็ใจดีแบบนี้ ถึงมีแต่เรื่องเข้ามาให้ปวดหัวประจำ” เมฆาพูดพร้อมกับปรายตามองไปทางโฉมไฉไล
โฉมไฉไลมองตอบ สู้สายตาแบบไม่แคร์
เมฆาเดินขึ้นข้างบนลับตัวไปแล้ว พฤกษ์มองไปประสานสายตากับโฉมไฉไล
“โฉม..ขอโทษนะที่วันนี้ผมทำให้คุณพลาดงานแต่งของเพื่อนคุณ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณต้องช่วยคนโฉมเข้าใจ อย่าคิดมากเลยค่ะ คุณขึ้นไปอาบน้ำก่อนสิคะ
พฤกษ์มองโฉมไม่อยากเชื่อว่าโฉมไฉไลจะยอมง่ายๆ แบบนี้ พฤกษ์ยอมเดินขึ้นไป
โฉมไฉไลมองเพ่งไปที่รูปภูผา นึกถึงเหตุการณ์ที่บังเอิญรู้จากเหนือฟ้าโดยบังเอิญ เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน

เหนือฟ้ายิ้มอย่างยินดี ขณะคุยกับโฉมไฉไลที่หน้าโรงพัก
“ไร่ฟ้าเหนือฟ้าของผมกับไร่วงเดือนของภูผาอยู่ติดกันน่ะครับ เขาบอกผมว่าบ้านของเขาอยู่ที่นี่ ที่แสนสมุทร”
โฉมไฉไลพึมพำ “ไร่วงเดือน?”
“ก็เขาตั้งตามชื่อคนรักของเขาไงครับ ก่อนลงมาผมยังได้พบคุณเดือนเลย”
โฉมไฉไลอึ้ง “วงเดือนไปอยู่กับคุณภูผาที่เชียงรายเหรอ”
“ครับ...ถ้าผมรู้ตั้งแต่เมื่อกี้จะได้คุยกับคุณพฤกษ์เรื่องภูผา”
โฉมไฉไลตกใจ ยิ่งเมื่อมองไปเห็นเมฆากับพฤกษ์กำลังเดินลงมาจากโรงพัก
“คุณต้องกลับเชียงรายคืนนี้ใช่ไหมคะ ถ้าคุณไม่รีบไปสถานีรถไฟตอนนี้ คุณจะพลาดรถเที่ยวสุดท้ายนะคะ”
“แต่ผมยังไม่ได้คุยกับคุณพฤกษ์”
“เขาสองคนติดต่อกันตลอด ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ฉันว่าคุณรีบไปดีกว่าไม่งั้นคุณต้องค้างที่นี่อีกคืน”
“ถ้างั้นผมฝากลาคุณพฤกษ์กับคุณเมฆาด้วยนะครับ”
เหนือฟ้าเดินไปที่รถที่วันชัยนั่งรออยู่ แล้วขับรถออกไป
โฉมไฉไลมองตาม
พฤกษ์กับเมฆาเดินเข้ามาหาโฉมไฉไล
“คุณเหนือฟ้าล่ะ”
“กลับไปแล้วค่ะ”

โฉมไฉไลดึงตัวเองกลับมา และยังอยู่ที่ห้องโถงใหญ่บริเวณชั้นล่างของบ้านแสนสมุทร เดินขยับเข้าไปใกล้มองรูปพฤกษ์ เมฆา สีหน้าสาแก่ใจมาก
“อย่าหวังเลยว่าจะได้นังเดือนกลับมา”
โฉมไฉไลไล่สายตาเลื่อนลงไปมองรูปภูผาอย่างสนใจ
โฉมไฉไลยิ้มชักอยากลอง “ภูผา...คุณมีดีอะไร นังวงเดือนถึงยอมทิ้งทุกอย่างหนีไปหา”
เสียงโทรศัพท์ดังขัดจังหวะขึ้น โฉมไฉไลเดินไปรับ

“บ้านแสนสมุทรค่ะ..” ดวงตาเบิกโพลง ตกใจมาก “อะไรนะ”

ไม่นานหลังจากนั้นโฉมไฉไลก็พาตัวเองมาอยู่ที่ภัตตาคารจีน ขณะเดินเข้ามา เห็นสภาพร้านเละ โต๊ะเก้าอี้ล้มระเนระนาด อนงค์นั่งอยู่ที่เก้าอี้เห็นโฉมไฉไลก็ร้องไห้โผเข้าไปหา

“ใคร ใครมันพังร้านเรา”
“เฮียเส็ง” อนงค์บอก
“พวกกินแล้วเบ่งใช่ไหม ไปโรงพักกันเลยม๊า แจ้งความ”
อนงค์ร้องลั่น “แจ้งไม่ได้นะ”
โฉมไฉไลชะงัก
“ทำไมถึงแจ้งไม่ได้” มองอนงค์ที่หลบตา “ม๊าอย่าบอกนะว่าพวกมันมาทวงหนี้”
“ใช่..ม๊าเป็นหนี้พวกมัน”
“เท่าไหร่”
“สองแสน”
โฉมไฉไลฉุน “ม๊า ไหนบอกว่าเล่นแก้เครียดไง นี่มันเล่นเข้าขั้นล้างผลาญแล้วนะ”
“ก็ม๊าพยายามจะถอนทุนคืน แต่มันก็...”
“งั้นม๊าไปเปิดเซฟเอาสินสอดที่แสนสมุทรให้เรามาสองแสน เอาไปใช้พวกมันซะ” ยื่นมือมาตรงหน้าแม่ “กุญแจล่ะม๊า”
“เปิดไปก็ไม่มีหรอก”
โฉมไฉไลชะงัก “ไม่มี” ประมวลความคิดอย่างรวดเร็ว ตกใจ “นี่ม๊าเอาสินสอดทั้งหมดไป
เล่นจนหมดแล้ว แล้วยังเป็นหนี้เพิ่มอีกสองแสนเหรอ ม๊าทำได้ยังไงเนี่ย เงินมันมากขนาดที่เราหาไม่ได้อีกแล้วนะม๊า ทำไมม๊าถึงทำแบบนี้”
อนงค์ผิดแต่ไม่ยอมรับ “ทำไมจะหาไม่ได้ แกเป็นสะใภ้บ้านแสนสมุทร แกก็เอาเงินผัวแกมาสิ!”
“ขนาดให้ซื้อรถใหม่ พฤกษ์ยังไม่ยอมซื้อให้เลย นี่ขอเงินไปใช้หนี้พนันใครจะให้! ถ้าพวกแสนสมุทรรู้ว่าบ้านโฉมมีผีพนัน พวกนั้นจะรังเกียจโฉมแค่ไหน โฉมไม่ไปขอเงินพฤกษ์เด็ดขาด”
อนงค์บีบน้ำตา “แล้วแกจะปล่อยให้แม่ตายหรือไง ถ้าอีกสามวันแม่ไม่มีเงินให้มัน มันคงยิงแม่ทิ้งแน่”
โฉมไฉไลเครียดหนัก

ลงจากภัตตาคารมา โฉมไฉไลขึ้นรถ ปิดประตูปัง! นางมารร้ายกรี๊ดอย่างเจ็บแค้น มือทุบพวงมาลัยอย่างอัดอั้น

เวลานั้นภูผาโอบวงเดือนที่คอยป้อนผลไม้ให้ ท่ามกลางบรรยากาศแสนโรแมนติก มีเพียงแสงเทียนส่องสว่างวิบวับ
ภูผาอ้าปากรับการป้อนแล้วเอ่ยขึ้น “เดือน..แล้วที่บ้านแสนสมุทร ทุกคนเป็นยังไงบ้าง”
“คุณลุงคุณป้าท่านสบายดีค่ะ คุณพฤกษ์แต่งงานแล้ว”
ภูผาชะงักนิดๆ คาดไม่ถึง“พี่พฤกษ์น่ะเหรอแต่งงาน กับใคร?”
“คุณโฉมไฉไลน่ะค่ะ”
ภูผาอึ้ง นิ่งคิด “นั่นมันคนรักเก่าของเมฆานี่”
“ค่ะ..เห็นว่าคุณพฤกษ์ต้องการรับผิดชอบ”
“แสดงว่าพี่พฤกษ์พลาด”
“แต่เดือนรู้สึกว่าคุณโฉมแต่งงานกับคุณพฤกษ์เพราะต้องการ...” วงเดือนไม่กล้าพูด
ภูผาสวนออกมา “เงินเหรอ…”
“ค่ะ..เดือนได้ยินคุณโฉมทะเลาะกับคุณเมฆา เธอบอกว่าต้องการอย่างนั้น เดือนเป็นห่วงคุณพฤกษ์นะคะ ถ้าคุณโฉมต้องการแค่นั้นจริงๆ คุณพฤกษ์คงเสียใจ”

เวลาเดียวกัน ภายในห้องพฤกษ์ที่บ้านแสนสมุทร พฤกษ์หงุดหงิดใส่พอโฉมไฉไลจะขอเงินไปให้แม่
“สองแสน! โฉมจะเอาเงินไปทำอะไร”
โฉมไฉไลตอแหล “คือ..หม่าม๊าอยากจะปรับปรุงร้านใหม่น่ะค่ะ โฉมก็เลยลองปรึกษาคุณดู”
“ไม่ได้หรอกโฉม ผมเคยบอกแล้วว่าเงินทั้งหมดพ่อเป็นคนดูแล จะทำอะไรต้องปรึกษาท่าน แต่เงินจำนวนเยอะขนาดนั้น พ่อคงไม่ยอม เพราะเราต้องมีเงินสำรองเผื่อใช้ฉุกเฉินในกิจการ”
โฉมไฉไลหน้าตึง ชักหงุดหงิด “คุณจะไม่ช่วยโฉมเลยเหรอคะ”
“ถ้าม๊าอยากปรับปรุงร้านจริง ๆ คุณก็ขายรถของคุณไหม ได้นิดหน่อยก็ค่อยๆ ปรับปรุงไม่ต้องเทเงินไปทีเดียว” พฤกษ์ไม่ยอมท่าเดียว
“แล้วโฉมจะเอารถที่ไหนใช้”
“รถที่แสนสมุทรมีตั้งหลายคัน คุณก็เลือกไปใช้สักคันสิ”
โฉมไฉไลมองพฤกษ์ลงนอนบนเตียงอย่างโกรธๆ พยายามสูดลมหายใจจะเกลี้ยกล่อมให้ได้ โฉมไฉไลมองอยู่สักครู่แล้วค่อยๆ ปลดเสื้อจนเหลือแต่ซับในบางเบา ก้าวขึ้นไปบนเตียง แล้วสอดมือเข้าไปกอดใต้ผ้าห่ม
พฤกษ์ตะปบมือของโฉมไฉไลไว้
“อย่า! ผมเหนื่อย”
โฉมไฉไลอ้อล้อ “โฉมจะช่วยให้หายเหนื่อยไงคะพฤกษ์” โน้มใบหน้าพยายามจะเข้าไซ้ที่ซอกคอพฤกษ์ให้ได้
พฤกษ์สุดทน จับที่แก้มโฉมไฉไลให้หยุด
โฉมไฉไลยิ้มคิดว่าพฤกษ์ต้องทนเสน่ห์ของตนไม่ไหวแน่ แต่พฤกษ์กลับมองนิ่ง ๆ
“พรุ่งนี้ผมต้องออกเรือแต่เช้า อย่ากวนผม”
พฤกษ์พลิกตัวหันหลังให้โฉมไฉไลทันที โฉมไฉไลมองอย่างกินเลือดกินเนื้อ อยากจะกรี๊ด แต่ต้องกดข่มเอาไว้

โฉมไฉไลทิ้งตัวลงนอนหันหลังให้พฤกษ์ มือกำผ้าห่มแน่น สีหน้าแค้นมาก อารมณ์ค้างเติ่ง

คืนนั้น วงเดือนเปิดกระเป๋าออก เผยให้เห็นเสื้อไหมพรมที่ถักให้ภูผา วงเดือนถือเสื้อขึ้นมาแนบอกแล้วเดินไปที่ระเบียงชะเง้อมองเห็นว่าภูผานั่งหลับตาอยู่ที่ระเบียง วงเดือนตัดสินใจเดินออกจากห้อง

วงเดือนเปิดประตูเข้ามาในห้องภูผาอย่างเบามือ ค่อยๆ เดินย่องไปที่ระเบียง แล้วยืนมองภูผาที่นั่งหลับตาอยู่บนเก้าอี้ไม้
วงเดือนกางเสื้อถักแล้ววางทาบลงบนร่างของภูผาอย่างเบามือ วงเดือนยิ้มพอใจ พอจะไปมือของภูผาเอื้อมมาจับมือวงเดือนไว้ วงเดือนตกใจหันมา
“อย่าเพิ่งไปสิ” มองเสื้อถักที่วางทาบบนตัว “เสื้อหนาว”
วงเดือนยิ้มเขินๆ “ค่ะ..เดือนถักให้คุณ”
ภูผาดึงให้วงเดือนเข้ามายืนข้างๆ แล้วใช้สองมือหยิบยกเสื้อขึ้นกางมอง
ภูผาถามยิ้มๆ “ถักนานไหม”
“ตั้งแต่คุณมาที่นี่ค่ะ เดือนถักแบบกะขนาดเอาเอง ไม่รู้ว่าพอดีเหรอเปล่า”
ภูผายิ้มเจ้าเล่ห์ “แล้วเธอกะถูกได้ยังไง ว่าตัวฉันควรจะขนาดไหน”
“ก็กะจากตอนที่กอด...” วงเดือนหลุดปาก แล้วชะงักเขิน รีบเปลี่ยนเรื่อง “ถ้าลองแล้วไม่พอดี บอก
เดือนนะคะ เดือนจะแก้ให้...” เห็นภูผาจ้องชักหวั่นไหว “ดึกแล้ว เดือนไปนอนก่อนนะคะ”
วงเดือนจะไปแต่ภูผายังไม่ยอมปล่อยมือ “เธอก็ดูไปเลยสิว่ามันพอดีหรือเปล่า”
วงเดือนยืนมองงงๆ ว่าภูผาจะเอายังไง
จู่ๆ ภูผาลุกขึ้นถอดเสื้อเห็นแผงอกแกร่ง วงเดือนยืนอึ้งตกใจ
วงเดือนประหม่า “คุณผาคะ เสื้อถักสวมทับก็ได้”
“ฉันไม่ชอบใส่เสื้อหลายชั้น มันรำคาญ” ยื่นเสื้อให้วงเดือน “จัดการสิ”
วงเดือนอึ้งอยู่ “คะ”
“ใส่ให้ฉันหน่อย”
วงเดือนสวมเสื้อให้ภูผา มือวงเดือนดึงเสื้อขยับใส่ ผ่านแผงอกแกร่งของภูผาจนใส่เสร็จเรียบร้อย
ภูผามองวงเดือนด้วยสายตาปรารถนาเต็มที่ วงเดือนช้อนสายตาเงยหน้าขึ้น ยื่นมือจะจับคอเสื้อให้เรียบร้อย วงเดือนสบสายตากับภูผาต่างคนต่างชะงัก
ภูผาใช้มือหนึ่งประคองที่แก้มของวงเดือน ใช้นิ้วหัวแม่มือไล้ที่ริมฝีปากอิ่มสวยเบาๆ
ภูผายื่นหน้าลงมา วงเดือนหลับตาอย่างไม่ขัดขืน แต่ภูผาแค่จูบที่หน้าผากเบาๆ
วงเดือนลืมตามอง
“เดือน..บอกฉันได้ไหมว่าทำไมเธอถึงไม่มาตามนัดวันนั้น”
“เดือนกำลังจะออกมาหาคุณแต่คุณอรุณอาการกำเริบ เดือนทิ้งคุณอรุณไม่ได้จริงๆ เดือนขอโทษที่ทำให้คุณเสียใจ”
ภูผาพูดเสียงจริงจัง “สักวัน..ฉันจะพาเธอกลับไปแสนสมุทร”
“ไม่นะคะ เดือนไม่กลับไป เดือนไม่อยากถูกบังคับให้แต่งงานกับคุณอรุณอีก เพราะคนที่เดือนรักไม่ใช่คุณอรุณแต่เป็นคุณ”
ภูผาจับวงเดือนลงนั่งบนตักตัวเอง แล้วกอดไว้
วงเดือนรู้สึกว่ามีอะไรแตะอยู่ที่ข้อมือ เห็นว่าภูผาวางสร้อยหนังถักเกลียวไว้บนข้อมือตัวเอง
“อะไรเหรอคะคุณผา” วงเดือนสงสัย
“สร้อยร้อยรักไง มันจะผูกพันความรักของเธอกับฉันไว้ไม่ให้ห่างจากกัน ฉันถักมันเองนะ ถักมันให้เธอ”
วงเดือนดีใจนัก “คุณผา”
ภูผาผูกสร้อยหนังกับข้อมือของวงเดือนอย่างนุ่มนวล “สร้อยหนังเส้นนี้แทนของหมั้นจากฉัน ถ้ากลับไปแสนสมุทรเมื่อไหร่ ฉันจะเปลี่ยนมันเป็นแหวนให้เธอ”
“แต่ถ้ากลับไปแสนสมุทร เดือนก็ต้องแต่งงานกับคุณอรุณ” วงเดือนกังวลไม่หาย
“ไม่! กลับไปครั้งนี้” ภูผาสวมกอดวงเดือน “ฉันจะพาเธอกลับไปบอกกับทุกคนว่าเราจะแต่งงานกัน”
วงเดือนมองภูผา ดีใจจนพูดไม่ออก
“คุณคิดจะแต่งงานกับเดือนจริงๆ เหรอคะ เดือนคิดว่าคุณ...”
“ไม่จริงจังกับเธอใช่ไหม...” ภูผามองจ้องหน้าวงเดือน “เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ฉันอยาก
ให้อยู่ข้างๆ กัน”
“เดือนรู้สึกผิดจังเลยค่ะที่หนีการแต่งงานกับคุณอรุณมาแบบนี้ ทุกคนที่แสนสมุทรคงไม่อภัยให้เดือน”
“ฉันดีใจที่เธอยอมทำเพื่อฉัน...เดือน...ฉันรักเธอนะ แล้วเธอล่ะ” ภูผาสบตาซึ้ง รอฟังคำตอบ
“เดือนรักคุณผาค่ะ รักคุณคนเดียว”
วงเดือนกอดภูผาแนบแน่นท่ามกลางแสงจันทร์ที่ส่องสว่าง

สองคนไม่รู้ว่าหนูนายืนอยู่ที่ประตู มองภาพตรงหน้าอย่างเจ็บปวด กำแน่นแน่น

กลับมาถึงห้องหนูนาปาเสื้อชุดหวาน ลงบนเตียงอย่างเจ็บใจ ยิ่งคิด ถึงเหตุการณืที่เห็นก็ยิ่งแค้น
ตอนนั้นภูผากอดวงเดือน “ฉันจะพาเธอกลับไปบอกกับทุกคนว่าเราจะแต่งงานกัน”
วงเดือนมองภูผา ดีใจจนพูดไม่ออก
“คุณคิดจะแต่งงานกับเดือนจริงๆ เหรอคะ เดือนคิดว่าคุณ...”
“ไม่จริงจังกับเธอใช่ไหม...” ภูผาสวนคำ แล้วมองวงเดือน “เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ฉันอยาก
ให้อยู่ข้างๆ กัน”
“เดือนรู้สึกผิดจังเลยค่ะที่หนีการแต่งงานกับคุณอรุณมาแบบนี้ ทุกคนที่แสนสมุทรคงไม่อภัยให้เดือน”
“ฉันดีใจที่เธอยอมทำเพื่อฉัน...เดือน...ฉันรักเธอนะ”

หนูนาดึงความคิดกลับมา ต่อยหมอนระบายอารมณ์อย่างเจ็บใจ และแปรเป็นความแค้นในบัดดล

“ทำไมผู้หญิงคนนั้นต้องมาที่นี่ ทำไม!..ถ้าไม่มีเธอสักคน...”

ชิงนาง ตอนที่ 8 (ต่อ)

ภูผากับสว่างและ หนูนาเข้าตลาดในเมืองตอนเช้า หนูนาแยกตัวเดินดุ่มมาที่ร้านค้าที่ให้บริการโทรศัพท์ทางไกลทันทีตามแรงหึงหวงภายในใจ ปลายสายที่หนูนาคุยด้วยคือบ้านแสนสมุทร

ภูผากับสว่าง เดินเข้ามาด้านหลังหนูนา ชะงักเรื่องที่ได้ยิน
“ผู้หญิงที่ชื่อวงเดือน ตอนนี้อยู่ที่...”
เป็นเมฆาที่รับสายอยู่ที่ห้องโถงในบ้านแสนสมุทร เมฆารอฟังอย่างสนใจ
จู่ๆ เมฆากลับไม่แน่ใจ จึงถามออกมา “เธอเป็นใคร?”
“ไม่ต้องรู้หรอกว่าฉันเป็นใคร แต่ถ้าทางแสนสมุทรกำลังตามหาวงเดือนที่หนีการแต่งงานอยู่ล่ะก็เป็นคนเดียวกันไม่ผิดแน่”
เมฆาตาลุกวาว

ทันใดนั้นมือของภูผาก็เข้ามากดตัดสาย หนูนาหันขวับมาเจอภูผา ก็ตกตะลึง
“คุณ”
“ทำไมทำแบบนี้”
ภูผาจ้องหนูนาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ภูผากระชากแขนหนูนาออกจากร้าน
แม่ค้าร้องตาม “อ้าว ยังไม่จ่ายตังค์นะคุณ”
สว่างส่งเงินให้ “นี่เงิน!” แล้วรีบวิ่งตามไป

เมฆาแปลกใจ ที่จู่ๆ ก็ได้ยินสัญญาณถูกตัดไปดื้อๆ
“คุณๆ”
มีเพียงเสียงสัญญาณโทรศัพท์ที่บ่งบอกให้รู้ว่าขาดการติดต่อไปแล้ว
เมฆากระแทกโทรศัพท์อย่างหัวเสีย พูดเสียงดัง “บ้าเอ๊ย”
ระหว่างนั้นศรีดาราเดินลงบันไดมาจากชั้นบน เข้ามาหาเมฆาด้วยสีหน้าตกใจ
“มีอะไรเหรอเมฆา?”
เมฆาพยายามข่มอารมณ์ “ไม่มีอะไรครับแม่” แล้วนึกได้จึงหันมาหาศรีดารา “แม่ครับ
ครอบครัวของเรามีญาติหรือว่าคนรู้จักที่เหนือบ้างไหมครับ”
ศรีดารานิ่งคิด “ไม่มีนะ ถ้ามีคุณพ่อคงพูดให้แม่ฟังบ้างแล้ว”
เบาะแสเพิ่มเติมไม่มี เมฆายิ่งเครียดที่ไม่มีอะไรพอจะต่อยอดได้เลย
เสียงชอุ่มร้องขึ้นอย่างตกใจดังเข้ามา “คุณอรุณ! ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย”
เมฆากับศรีดาราตกใจรีบวิ่งขึ้นไปชั้นบนทันที

เมฆาเปิดประตูเข้ามาในห้อง ศรีดาราตามติด ทั้งคู่ชะงักที่เห็นอรุณกำลังนอนหอบหนักอยู่ที่พื้น
“อรุณ!” เมฆารีบเข้าพยุงอรุณขึ้นไปบนเตียง ตรวจอาการแล้วหันมาหาชอุ่ม
“ชอุ่มไปเรียกคนงานมา ฉันจะพาอรุณไปโรงพยาบาล เร็ว!”
“ค่ะ” ชอุ่มรีบวิ่งออกไป
ศรีดาราเป็นห่วงอรุณมาก “เมฆา..ช่วยน้องนะ อย่าให้น้องเป็นอะไร”
สีหน้าเมฆาเครียดจัด เขม้นมองอรุณที่กำลังหอบหนัก

หนูนาลงนั่งด้วยสีหน้าไม่ยอมแพ้ ภูผาจ้องหน้าด้วยความโกรธ ดอยและสว่างยืนดูเหตุการณ์ด้วยใจหวั่นๆ
“ฉันถามว่าเธอทำแบบนี้ทำไม?!” น้ำเสียงภูผาแทบเป็นตวาด
ดอยสะดุ้งถอยกรูด
“คุณก็รู้ว่าฉันทำเพราะอะไร! ผู้หญิงของคุณบังคับให้ฉันทำแบบนี้!”
ภูผาอึ้ง “หนูนา”
วงเดือนเดินเข้ามาเห็นเหตุการณ์พอดี
หนูนาพ่นต่ออารมณ์มากรุ่นๆ “คุณกำลังทำผิด คุณแย่งคนรักของน้องตัวเอง”
ภูผาโกรธจัด “หยุดเดี๋ยวนี้”
หนูนาใส่ต่อเพราะหึงหวงจนเตลิด “ฉันพูดความจริง! ทำไมคุณต้องรักผู้หญิงหลายใจแบบนั้น”
ภูผาลืมตัวบันดาลโทสะง้างมือจะตบ “หนูนา”
วงเดือนที่มองอยู่นานแล้ว ตกใจรีบวิ่งเข้ามาห้าม
“อย่าค่ะ คุณผา! คุยกันดีๆนะคะ”
ภูผาโกรธแต่ไม่คิดทำร้ายผู้หญิงอยู่แล้ว ภูผาสะบัดมือลงอย่างหัวเสีย
หนูนาจ้องหน้าวงเดือนพูดสะบัดเสียงใส่ “ไม่ต้องมาทำเป็นคนดีใส่ฉัน”
สว่างชักโกรธหนูนา “คุณเดือนเขาช่วยแกนะ”
หนูนาสวนคำ “ฉันไม่ได้ขอ”
วงเดือนพยายามพูดด้วยดีๆ “หนูนา...ใจเย็น ๆ ก่อนนะ”
หนูนาไม่สน “อย่ามาสอนฉันว่าต้องทำอะไร สอนตัวเองให้รู้จักอายก่อนเถอะ”
วงเดือนหน้าเสีย ภูผาเข้ามาปกป้องวงเดือน
“เธอไม่มีสิทธิ์มาว่าผู้หญิงของฉัน! เข้าใจไว้ด้วยนะหนูนา ว่าที่นี่ไร่ของฉัน และวงเดือนเป็นนายหญิงของไร่นี้”
หนูนาเจ็บจี๊ดในใจ “คุณภูผา”
“ฉันตามใจเธอหลายๆ เรื่องเพราะเธอเป็นหลานนายสว่าง แต่ไม่ใช่เพราะฉันมีใจให้เธอ เพราะฉะนั้นอย่าเข้าใจผิดคนที่สำคัญที่สุดสำหรับฉันคือ วงเดือนคนเดียวเท่านั้น!” เจอดอกนี้เข้าหนูนาอึ้ง เจ็บปวดเหลือแสน “ถ้าเธอไม่ยอมรับเรื่องนี้ เราก็อยู่ร่วมกันไม่ได้”
“คุณภูผา..พอเถอะค่ะ”

วงเดือนจับมือภูผาจูงให้เดินไปด้วยกัน ภูผายอมตามวงเดือนไป

หนูนายืนอึ้ง น้ำตาร่วงริน สว่างมองอย่างเวทนา

“ทั้งที่รู้ว่าแพ้ แล้วยังจะสู้ไปทำไมให้เหนื่อยวะ? ยอมรับความจริงได้แล้วหนูนา”
หนูนาวิ่งร้องไห้ออกไป
ดอยถลาจะตามไป “ลูกพี่”
“ไอ้ดอย! หยุด”
ดอยชะงักกึก
“ให้มันอยู่คนเดียวบ้าง มันจะได้มีเวลาคิดทบทวนว่าอะไรผิดอะไรถูก”
ดอยนิ่งเหมือนจะฟัง แต่แล้วก็ค่อยๆ ย่องออกไปทันที
“เข้าใจมะ...ไหม”
สว่างหันกลับมาไม่เห็นดอยแล้ว
สว่างปวดหัวตึ๊บ “พอกันทั้งลูกพี่ ลูกน้อง!”

หนูนาขี่ม้าควบออกไปนอกไร่ ดอยวิ่งตามมา ตะโกนก้อง
“ลูกพี่...ลูกพี่”
หนูนาควบม้าไปไม่หยุด ดอยวิ่งตามจนวิ่งตามไม่ไหวนั่งลงยอมแพ้
“โอ้ย...กลับมาเร็ว ๆ นะลูกพี่”

ส่วนศรีดาราอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน เดินวนไปมา พลางพนมมือนึกถึงศรีเรือนให้คุ้มครองหลาน
“คุณแม่คะ..อย่าให้อรุณเป็นอะไรนะคะ...คุ้มครองหลานด้วยนะคะ”
อนุตมาถึงเดินเข้ามาเร็วรี่ ศรีดาราหันไปเจอ รีบเข้าไปหาอย่างคนต้องการหลักพึ่งพิง
“อรุณเป็นยังไงบ้าง”
“เมฆาพาเข้าไปตั้งนานแล้วยังไม่ออกมาเลยค่ะ”
เวลาผ่านไป ประตูห้องฉุกเฉินเปิดออก เมฆาในชุดเสื้อกาวน์เดินออกมา
“อรุณปลอดภัยแล้วครับ”
ศรีดาราโล่งอก
อนุตแปลกใจ “ทำไมอยู่ๆ อาการน้องถึงกำเริบขึ้นมาได้”
เมฆาอธิบาย “อรุณไม่กิน ไม่นอนแล้วก็เครียดมากเกินไป ผมต้องให้อรุณอยู่ในความดูแลของหมออย่างใกล้ชิด ถ้าปล่อยให้อยู่ที่บ้านที่ตอนนี้ที่ไม่มีเดือน ผมว่าไม่ดีแน่ครับ”
ศรีดารา อนุตมองเมฆาอย่างเห็นด้วย

เวลาผ่านไป ภายในห้องพักฟื้นคนไข้ของโรงพยาบาล สามคน เมฆา ศรีดารา และอนุตยืนเฝ้าอรุณที่นอนหลับนิ่งอยู่
สักครู่หนึ่งอรุณขยับเริ่มรู้สึกตัว ศรีดารา อนุต และเมฆาเข้ามาดูอย่างเป็นห่วง
“อรุณ เป็นยังไงบ้างลูก”
อรุณมองหาหน้าหมอง “เดือนอยู่ไหนครับแม่”
อนุตกับศรีดาราหน้าเครียด เมฆามองนิ่งๆ เจ็บปวดกับท่าทีของอรุณ

ส่วนหนูนาควบม้า ห้องตะบึงไป จนมาหยุดที่ทุ่งหญ้าริมทาง หนูนาลงจากหลังม้า ทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นกอดตัวเองร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด

บนถนนระหว่างทางกลับไร่เหนือฟ้าเวลานั้น เหนือฟ้าเป็นคนขับรถ วันชัยนั่งข้างๆ มีอาการเจ็บแผลที่หัวไหล่ขวาบ้าง วันชัยเหลือบมองเหนือฟ้า คิดหนัก
เหนือฟ้าถามแต่ไม่มองหน้า “พี่ยังไม่ได้ตอบฉันว่าทำไมไอ้ขามถึงยังไม่ตาย”
วันชัยรีบหาข้อแก้ตัว “พี่ไม่ได้ฆ่ามันเองกับมือ พี่สั่งให้ลูกน้องไปจัดการ ไม่คิดว่าพวกมันจะกล้าขัดคำสั่ง นี่มันคงแค้นพี่มาก ถึงตามไปถึงที่ใต้”
เหนือฟ้าเหน็บอยู่ในที “แต่ฉันไม่คิดว่ามันจะแค้นพี่นะ ดูเหมือนมันต้องการฆ่าฉันมากกว่า”
วันชัยหวั่นใจกลัวโดนจับได้ “ไม่นะ มันจะฆ่าพ่อเลี้ยงเรื่องอะไร”
เหนือฟ้าไม่ตอบแต่ถามต่อ “มันรู้ได้ยังไงว่าเราจะลงใต้”
“มันคงสืบจากพวกคนงานในไร่น่ะสิครับ” วันชัยตอบอย่างระวัง
เหนือฟ้าเอ่ยขึ้น “คนอย่างไอ้ขาม มันไม่น่าจะวางแผนได้ขนาดนั้น แล้วอีกอย่าง ทั้งค่าเดินทาง ทั้งมอเตอร์ไซค์นั่นอีก ถึงตำรวจจะบอกว่าเป็นมอเตอร์ไซค์เช่า แต่มันก็ต้องใช้เงิน ไอ้ขามมันจะมีเงินได้ยังไงถ้าไม่มีคนให้มัน”
เหนือฟ้าจ้องวันชัยนิ่ง วันชัยหลบตา ไม่รู้จะตอบยังไง แต่ในวูบหนึ่ง เหนือฟ้าพยายามคิดว่าไม่น่าจะเป็นวันชัยที่เป็นคนวางแผนทั้งหมด เพราะอย่างน้อยวันชัยก็เป็นญาติคนเดียวของเขา
แต่วันชัยลอบมองเหนือฟ้า มือซ้ายวันชัยเลื่อนเข้าไปหยิบปืนใต้เบาะ
วันชัยถามออกไป “พ่อเลี้ยงสงสัยใครล่ะ”
เหนือฟ้า “ฉัน....”
วันชัยขยับมือเข้าไปกระชับปืน กะจะบังคับให้จอดแล้วเก็บมันตรงนี้ล่ะ
เหนือฟ้าเงยหน้ามองทางแล้วเหยียบเบรกกระทันหัน เอี๊ยด! วันชัยตกใจหันไปมองเหนือฟ้า เห็นเหนือฟ้าจ้องไปที่หน้ารถอย่างอึ้งๆ
ที่แท้เหนือฟ้าเห็นหนูนาเดินมาด้วยอาการบอบช้ำทางจิตใจสาหัส ชายหนุ่มรีบพุ่งลงจากรถ แล้วรีบวิ่งไปหาหนูนาทันที
“หนูนา...ทำไมมาอยู่ตรงนี้ เป็นอะไรหรือเปล่า”
หนูนาเงยหน้ามองเหนือฟ้าที่ดูห่วงใย หนูนาโผเข้ากอดเหนือฟ้าร้องไห้โฮอย่างต้องการคนปลอบโยน
“หนูนา...” เหนือฟ้ากอดปลอบโยนหนูนา
วันชัยนั่งมองจากในรถ มองเหนือฟ้ากอดหนูนา

สายตาวันชัยดูโหดเหี้ยมผิดมนุษย์มนา และคิดว่าต้องเก็บทั้งคู่ให้ได้

ในขณะที่โฉมไฉไลเดินเข้ามาในภัตตาคาร รู้สึกแปลกใจนิดๆ เมื่อเห็นว่าบรรยากาศภายในร้านเงียบๆ อนงค์เดินออกมาเห็นโฉมไฉไลก็รีบเดินเข้าไปหา

“ทำไมมันเงียบอย่างนี้ล่ะหม่าม๊า ลูกจ้างหายไปไหนหมด”
อนงค์ขำประชด “รวยจนหน้ามืดตามัวเลยเรอะ?! นี่ แกไม่เห็นเหรอว่าฉันปิดร้านแล้ว”
โฉมไฉไลอึ้ง “ปิดร้าน? ทำไมล่ะ?”
“ก็ฉันเป็นแม่ยายลูกชายคนโตบ้านแสนสมุทรแล้ว ทำไมจะต้องทำงานให้เหนื่อย มาก็ดีแล้ว เอามาสักหมื่นสิ”
โฉมไฉไลหน้าตึง “หมื่น?! โฉมจะเอาที่ไหนให้ หม่าม๊าพูดเหมือนมันแค่บาทสองบาท”
อนงค์สวนคำพูดเสียงดังใส่ “ไหนแกว่าแต่งงานแล้วแกจะเลี้ยงฉันไง ไม่ต้องทำงาน มีตังค์ใช้สบาย”
“ก็มันยังไม่ใช่ตอนนี้” โฉมไฉไลว่า ท่าทีเหนื่อยใจ
อนงค์สวนคำอีก “แล้วจะตอนไหน หะ!” โวยดังลั่นร้าน “มีผัวก็ขอเงินผัวสิ”
“จะไปขอตอนไหนล่ะหม่าม๊า โฉมไม่เจอหน้าพฤกษ์มาหลายวันแล้ว พฤกษ์ไม่เคยกลับมาค้างที่บ้านกับโฉมเลย”
“นังลูกโง่ ผัวไม่กลับก็ไปตามสิ แยกเตียงกันแบบนี้ แล้วเมื่อไหร่จะได้สมบัติแสนสมุทรสักที” อนงค์เสี้ยม
“ผู้ชายบ้านนั้นมันหลงนังเดือนกันหมด จะให้โฉมทำยังไงเล่า”
“แกเคยใช้วิธีไหนได้ผัวแกมา แกก็ใช้วิธีนั้นมัดใจผัวแกสิ ผู้ชายมันก็เหมือนหมา ได้กระดูกไปแทะก็เชื่อง เข้าใจไหม”
โฉมไฉไลกัดฟัน ด้วยความหงุดหงิด
อนงค์เย้ย “หรือแกคิดว่าแกสู้นังคนใช้นั่นไม่ได้”
โฉมไฉไลโมโหทันควัน “หม่าม๊าอย่าพูดแบบนี้นะ คนอย่างโฉมไม่มีวันแพ้นังเดือนแน่”
“ก็ทำให้ฉันดูสิว่าแกมีปัญญา”
โฉมไฉไลเคียดแค้น ความรู้สึกอยากเอาชนะวงเดือนพลุ่งพล่าน

ภูผานั่งอยู่ที่เรือน วงเดือนนั่งอยู่ข้างๆ วางมือบนมือภูผาเบาๆ
“ทำไมคุณภูผาจะต้องโกรธหนูนาขนาดนั้นคะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
ภูผามองวงเดือน รู้สึกหนักใจ
“หนูนาโทรศัพท์ไปที่แสนสมุทร บอกว่าเดือนอยู่ที่นี่”
วงเดือนตกใจ “แล้วเราจะทำยังไงดีคะ เดือน...”
“ไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะไม่ให้ใครเอาตัวเธอไปจากฉันอีก”
วงเดือนหวั่นวิตก “สัญญานะคะ ว่าเราจะไม่จากกันอีก”
ภูผาจับมือวงเดือน “ฉันสัญญา”
วงเดือนสวมกอดภูผาด้วยความรัก ภูผากอดตอบจูบที่เรือนผมเบาๆ อย่างปลอบโยน
ระหว่างนั้นสว่างขึ้นมาพร้อมดอย
“นายครับ! หนูนามันหายไป ดอยบอกว่าหนูนาควบม้าออกไป แต่ตอนนี้ม้ามันกลับมาที่ไร่แต่หนูนาไม่ได้มาด้วย ผมกลัวว่าจะมีเรื่อง...”
ภูผาคิดแล้วตัดสินใจทันที “นายสว่างไปกับฉัน”
ภูผาหยิบปืน เดินนำสว่างลงไปจากเรือน วงเดือนมองตามอย่างเป็นห่วง

สองคนอยู่ที่บริเวณหน้าผาในไร่วงเดือน
หนูนานั่งกอดเข่าร้องไห้ เหนือฟ้านั่งปลอบใจอยู่เคียงข้าง
“จะรักใครสักคนมันต้องเจ็บขนาดนี้เลยเหรอ” หนูนาครวญคร่ำ
เหนือฟ้าพูดให้ขำ “เจ็บแป๊บเดียว เดี๋ยวก็หาย แต่ถ้าไม่เลิกรักมันจะเจ็บไม่รู้จักจบ เหมือนฉันไง”
หนูนาอึ้ง เข้าใจความรู้สึกนี้ “ฉันทำนายเจ็บมากใช่ไหม”
“นิดหน่อย แต่อย่างน้อยเธอก็ยังให้ฉันเป็นเพื่อน”
“นายยังอยากได้ฉันเป็นคนรักไหม?”
“อยากสิ”
หนูนายกมือฟาดหน้าผากเหนือฟ้า “เสียแรงที่ไว้ใจให้เป็นเพื่อน”
หนูนาลุกขึ้นหันกลับ เหนือฟ้าตามมาจับมือพยายามอธิบาย
“เดี๋ยว! หนูนาฟังให้จบก่อน ฉันอยากได้เธอเป็นคนรักเพราะฉันจะมีสิทธิ์ดูแลเธอเต็มที่ ฉันอยากปกป้องเธอ อยากให้เธอมีความสุขนะหนูนา” เหนือฟ้ามองหน้าหนูนา พูดแบบจริงใจ เหมือนเพื่อนที่แสนดี “ฉันรักเธอนะ”
หนูนามองสบตาเหนือฟ้าที่ดูอ่อนโยนจริงใจ
“ขอบใจที่ดีกับฉันนะเหนือฟ้า แต่ฉันไม่ได้...” จู่ๆ หนูหนาก็พูดไม่ออกรู้สึกสงสารเหนือ
ฟ้าขึ้นมา
“แค่เธอเห็นฉันเป็นเพื่อน ฉันก็มีความสุขแล้ว จำไว้นะหนูนา ไม่ว่าเธอจะสุขหรือทุกข์ ฉันจะอยู่ข้างเธอเสมอ ยิ้มให้ฉันได้ไหม” เหนือฟ้าพูดหวานซึ้ง
หนูนาไม่ได้อยู่ในอารมณ์ซึ้ง แต่ก็พยายามยิ้มให้
เหนือฟ้าจับแก้มหนูนาเบาๆ “เธอน่ารักที่สุดเลย..ฉันมีของฝากจากใต้มาฝากเธอด้วยนะ รอตรงนี้นะเดี๋ยวฉันมา”

หนูนาพยักหน้ารับ เหนือฟ้าเดินยิ้มกลับไปที่รถ ที่จอดอยู่ไม่ไกลนัก

ชิงนาง ตอนที่ 8 (ต่อ)

เหนือฟ้าเดินมาที่รถเปิดประตูหยิบผ้าบาติกผืนสวยออกมา มองแล้วยิ้มอย่างพอใจ เหนือฟ้าไม่คิดเลยว่าวันชัยเดินเข้ามาด้านหลังเหนือฟ้าหมายจะยิง

จังหวะนั้นเหนือฟ้าเหลือบมองที่กระจกมองข้างเห็นวันชัยจะยิง เหนือฟ้าพุ่งตัวหลบวิถีกระสุนได้อย่างเฉียดฉิว
“พี่วันชัย!”
วันชัยยิ้มเหี้ยมแล้วยิงซ้ำ ปัง ๆ ๆ
เหนือฟ้ากลิ้งตัวหลบแล้ววิ่งไปทางหน้าผา เพราะเป็นห่วงหนูนาจะเป็นอันตราย วันชัยวิ่งตามไป

หนูนากำลังจะวิ่งไปที่รถ เพราะตกใจที่ได้ยินเสียงปืน เหนือฟ้าวิ่งเข้ามา ผ้ายังอยู่ในมือ
“เสียงปืน!”
เหนือฟ้าตะโกนก้อง “หนีเร็ว!”
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น” หนูนาตะโกนถาม
เหนือฟ้าไม่ตอบ จะดึงหนูนาไปแต่แล้วต้องชะงัก เมื่อเห็นวันชัยดักหน้ายกปืนเล็งมาที่เหนือฟ้ากับหนูนา
“นี่พี่เป็นบ้าอะไร!”
“แกมันดวงแข็งเกินไป ฉันถึงต้องลงมือเอง” วันชัยจ้องเหนือฟ้าเขม็ง
เหนือฟ้าประมวลความคิดอย่างรวดเร็ว “ทั้งหมดเป็นฝีมือพี่ เรื่องไอ้ขามก็ด้วยใช่ไหม?!
“มันแค่ทำตามคำสั่งพ่อเลี้ยงวันชัย เจ้าของไร่เหนือฟ้าคนใหม่..ก็เท่านั้น”
เหนือฟ้าแค้นจัด “เนรคุณ”
วันชัยตวาด “หุบปาก! ถ้าไม่มีฉันไร่ฟ้าเหนือฟ้ามันจะยิ่งใหญ่ขนาดนี้ไหม วันนี้ฉันจะทวงทุกอย่างคืนมา” วันชัยยกปืนเล็งไปทางเหนือฟ้า

จังหวะนั้น ที่หนูนาคว้าก้อนหินเขวี้ยงใส่หน้าวันชัย โป๊ก! วันชัยเซผงะไป
“หนีเร็ว” เหนือฟ้าคว้ามือหนูนาวิ่ง
วันชัยวิ่งตามและยิงเปรี้ยงโดนขาเหนือฟ้า ทั้งเหนือฟ้าและหนูนาล้มกลิ้งไปทั้งคู่
วันชัยตั้งหลักได้ยกปืนเล็งหนูนา เหนือฟ้าเห็นดังนั้นก็ตกใจ
“หนูนา”
เหนือฟ้าพุ่งเข้ามาเอาตัวบังหนูนา เสียงปืนดังปัง! ลูกกระสุนพุ่งเข้าที่ด้านหลังลำตัวเหนือฟ้าจังๆ
“เหนือฟ้า” หนูนาตื่นตะลึง
วันชัยมองอย่างสะใจ หนูนารีบพลิกตัวเหนือฟ้าขึ้นมา
“เหนือฟ้า! ทำใจดี ๆ ไว้นะ”
เหนือฟ้า พูดอย่างยากเย็น ด้วยความเจ็บปวด “หนีไป...หนี”
“รักกันมากใช่ไหม? ฉันจะให้แกไปเสวยสุขในนรกทั้งคู่” วันชัยหน้าเหี้ยม เล็งปืนไปที่หนูนา
หนูนามองอย่างตื่นตระหนก
เหนือฟ้ารวบรวบกำลังเฮือกสุดท้าย แล้วพุ่งเข้ารวบตัววันชัย จนร่างทั้งคู่หงายไถลไปจนเกือบถึงขอบหน้าผา
“ปล่อย!” วันชัยสะบัดตัว
เหนือฟ้ากอดแน่น หันไปบอกหนูนา “หนีไป”
“เหนือฟ้า” หนูนาลังเล
วันชัยพยายามจะลุกแต่ปวดแผลที่หัวไหล่ขวาทำให้ตั้งหลักอย่างยากลำบาก เหนือฟ้ายึดตัววันชัยไว้แล้วดึงร่างตัวเองขึ้นมาแล้วกอดวันชัยไว้แน่นไม่ยอมปล่อย วันชัยพยายามแกะสุดชีวิต ใช้สันปืนกระแทกที่แผลของเหนือฟ้า
เหนือฟ้าเจ็บปวด เผลอปล่อยมือ อ่อนแรงเต็มที
วันชัยดันเหนือฟ้าออกได้ระยะแล้วถีบเหนือฟ้าเต็มแรง
ร่างเหนือฟ้าเสียการควบคุม ลอยละลิ่วลงจากขอบหน้าผา
“เหนือฟ้า” หนูนาตะโกนก้องอย่างเสียใจ “เหนือฟ้า”
วันชัยมองตามอย่างสะใจ ก่อนจะหันขวับมามองหนูนา ซึ่งถอยหลังกรูด
แต่วันชัยต้องหยุดชะงัก เมื่อรู้สึกว่ามีเลือดไหลซึมออกจากหน้าผาก เป็นแผลที่หนูนาเขวี้ยงก้อนหินใส่นั่นเอง
วันชัยใช้มือจับตรงส่วนที่แตก พอลดมือลงมาดูเห็นเลือด เท่านั้นเองวันชัยก็คลั่งขึ้นมาทันที แววตาดุดันโหดเหี้ยมและซาดิสต์
“แกต้องชดใช้!”
วันชัยเข้ากระชากตัวหนูนาไป หนูนากรีดร้องขัดขืน สู้เต็มกำลัง แต่สุดท้ายก็ถูกวันชัยลากหลุดเข้าป่าไปจนได้

วันชัยลากหนูนาเข้ามาในป่าใกล้ๆ หน้าผา หนูนาสะบัดหลุดวิ่งหนีสุดชีวิต วันชัยยิงต้นไม้ เปรี้ยง! หนูนาตกใจสะดุดล้ม
“โอ้ย!”
วันชัยที่เข้ามาตบหนูนา และจิกหัวไม่ปล่อย
“ปล่อยฉันนะไอ้ชั่ว ปล่อย”
วันชัยไม่ฟัง เหวี่ยงหนูนาลงพื้น แล้วโถมตัวตาม วันชัยจับมือของหนูนาแล้วขึงพืดกับพื้น พร้อมก้มลงซุกไซ้หนูนา อย่างหื่นกระหาย

หนูนากรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด หมดสิ้นหนทางจะสู้และขัดขืนแล้ว

ที่บริเวณท่าเรือ พฤกษ์กำลังคุมคนงานขนเอาปลาขึ้นจากเรือ เมื่อเห็นคนงานทำงานชักช้าไม่ทันใจ พฤกษ์ก็ลงไปช่วย

“จัดการเอาปลาทั้งหมดส่งลูกค้าในเมืองก่อนเย็นนี้”
พฤกษ์สั่งเสร็จ หันกลับมาต้องชะงัก เมื่อเห็นโฉมไฉไลยืนอยู่
“โฉม”

พฤกษ์เข้ามาในห้องพัก โฉมไฉไลตามติด
“โฉมมาตามคุณกลับบ้าน”
“ผมงานยุ่ง”
โฉมไฉไลเริ่มหงุดหงิด “ยุ่งขนาดไม่มีเวลากลับบ้านเลยเหรอคะ คุณกลับเข้าฝั่งมาตั้งหลายวันแต่ไม่ยอมกลับบ้านมันหมายความว่ายังไง”
“ก็บอกแล้วว่าผมยุ่ง”
โฉมไฉไลแขวะ “ยุ่งหรือหนีหน้าโฉมกันแน่”
“กลับไปเถอะโฉม ผมเหนื่อย”
โฉมไฉไลจะวี้ด แต่พยายามข่มอารมณ์สุดชีวิต ตัดสินใจเข้าไปกอดพฤกษ์ พยายามปลุกเร้าสุดชีวิต
“โฉมคิดถึงคุณ”
พฤกษ์ห้ามพยามดันตัวออก “อย่า...โฉม”
โฉมไฉไลคิดว่าพฤกษ์จะเคลิ้มตาม ยิ่งกอดแน่น
พฤกษ์ไม่ได้มีอารมณ์คล้อยตาม พยายามแกะมือโฉมออกแล้วดันโฉมออกไป
“ผมบอกว่าอย่าไง!” พฤกษ์เสียงแข็ง
โฉมไฉไลโมโห “พฤกษ์! โฉมเป็นเมียคุณนะ”
พฤกษ์พยายามสะกดอารมณ์ “กลับไปซะโฉม”
โฉมไฉไลขึ้นเสียง “ไม่!”
พฤกษ์มองไม่พอใจตัดสินใจเดินออกไปเอง
“พฤกษ์จะไปไหน”
โฉมไฉไลตามออกมา

ครู่ต่อมาพฤกษ์เดินออกมาตรงกลุ่มคนงานที่กำลังทำงานกันอยู่ โฉมไฉไลตามออกมาเสียงดัง
“พฤกษ์ กลับมานี่นะ พฤกษ์”
พฤกษ์เดินหนีไปทางปลายสะพานไม่สนใจ โฉมไฉไลโกรธจะกรี๊ดแต่ชะงักที่เห็นสายตาของคนงานที่มองมายังเธอเป็นตาเดียว
โฉมไฉไลต้องเก็บอาการ แต่มองตามพฤกษ์ด้วยสายตาแค้นมาก
พฤกษ์เดินมาหยุดที่ริมหาด กำมือด้วยความเครียด เตะน้ำกระจาย ตูม!! คับแค้นใจกับสภาพตัวเองที่เป็นอยู่

รถของภูผาจอดอยู่ริมทางบนดอยสูง ภูผากับนายสว่างออกมาจากป่าคนละด้าน สีหน้าทั้งคู่ยิ่งร้อนใจมากขึ้น
“ที่ฝังไอ้หมอกก็ไม่อยู่ ป่าแถวนี้ก็ไม่มี นี่มันหายไปไหนนะไอ้หนูนา” สว่างรำพึง
“หนูนาคงออกไปไกลกว่านี้”
“ถ้าเราตรงไปตามทางถนนก็เหลือที่เดียว...”
ภูผานึกออก “หน้าผา”
สองคนรีบขึ้นรถ สว่างขับทะยานออกไปทันที

รถของภูผาแล่นเข้ามา แล้วชะลอ เมื่อเห็นรถของเหนือฟ้าจอดอยู่ข้างทาง
“รถเหนือฟ้า?”
สว่างจอดรถ ภูผาลงก่อน สว่างตามมา
“ทำไมรถของพ่อเลี้ยงมาจอดอยู่แถวนี้” สว่างปรารภ
“แล้วเหนือฟ้าไปไหน?” ภูผาสงสัย

วันชัยเสร็จกามกิจอันแสนซาดิสต์ กำลังใส่เข็มขัดกางเกง ด้วยสีหน้าพึงพอใจ ใส่แค่เสื้อกล้าม ยังไม่ได้ใส่เสื้อเชิ๊ต
หนูนาที่หน้าตาบอบช้ำ น้ำตาร่วงด้วยความเจ็บแค้น หนูนาใส่เสื้อผ้าแล้วพยายามประคองร่างตัวเองที่เจ็บหนักจากการถูกข่มขืนลุกขึ้นจะเดินหนี
วันชัยก้าวพรวด พุ่งตัวกระชากหนูนากลับมา
“ปล่อยฉัน ไอ้สารเลว! ปล่อย!”
“ทำไมพูดกับผัวแบบนี้ล่ะ?”
วันชัยไม่ยอมปล่อย แถมยังซุกไซ้อย่างตะกละตะกลาม
สีหน้าหนูนาแสนขยะแขยงไม่ยอมทน แวบหนึ่งนั้นหนูนาเห็นผ้าพันแผลที่ไหล่ขวาของวันชัย ก็ใช้มือจิกและทุบอย่างแรง
“อ๊าก” วันชัยโกรธมาก จะคว้าปืนมายิง
แต่หนูนาพุ่งไปหาปืนได้ก่อน หนูนาหยิบปืนขึ้นมาจะยิง
“ตายซะ!”

วันชัยกัดฟันพุ่งตัวเข้าคว้ามือหนูนาข้างที่ถือปืนแล้วจะดันไปทางอื่น หนูนาขืนเต็มที่ ยื้อไปมาจนปืนลั่น ปัง!

ภูผากับสว่างได้ยินเสียงปืน สองคนชะงักกึก

“เสียงปืน!”
ภูผาชักปืนออกจากหลังเอวและรีบวิ่งไปตามเสียงทันที สว่างวิ่งกลับไปหยิบปืนที่รถ

เวลานั้นวันชัยยื้อแย่งกระชากปืนจากหนูนามาได้และตบหนูนาดังผัวะ! ร่างหนูนาคว่ำลงไปกองกับพื้น
“ฤทธิ์มากนักนะ”
วันชัยยกปืนจะยิงหนูนา จังหวะนั้นเอง เท้าของภูผากระโดดเข้าถีบวันชัย จนร่างวันชัยล้มหน้าคว่ำ ปืนกระเด็นหลุดมือไปอย่างไม่ทันตั้งตัว
หนูนาดีใจ “คุณภูผา”
ภูผารีบประคองหนูนาขึ้นมา “เธอเป็นยังไงบ้าง”
“ฉัน...” หนูนามองไปทางด้านหลังหน้าตื่น “คุณภูผา ระวัง”
วันชัยถือไม้เข้ามาฟาดภูผาจากด้านหลัง ภูผาผลักหนูนาให้พ้นทาง จนตัวเองโดนไม้ฟาดเต็มๆ ปืนในมือภูผาร่วงอยู่แถวนั้น
วันชัยหันมาฟาดภูผาอีกครั้ง แต่คราวนี้เจอภูผาชกสวนเข้าเต็มหน้า ที่วันชัยผงะเห็นว่าเลือดกำเดาไหล วันชัยมือแตะที่เลือดมา ทันทีที่วันชัยเห็นเลือดก็ยิ่งคลุ้มคลั่ง
“พวกแกต้องชดใช้”
วันชัยเข้าประหมัดกับภูผาผลัดกันรุกรับ ภูผาเสียจังหวะถูกวันชัยเตะจนเสียหลักล้มไป วันชัยคว้าปืนที่พื้นจะยิงภูผา
ทันใดนั้น เสียงปืนดัง เปรี้ยง! ขึ้น วันชัยชะงัก สว่างเดินเข้ามาพร้อมกับปืนยาวในมือ
“เอ็งขยับ! ข้ายิงแน่!”
จังหวะนั้น วันชัยเข้าไปจับตัวหนูนาล็อกไว้ “อยากให้นังนี่ตายก็ยิงเลย”
“ปล่อยหนูนาเดี๋ยวนี้!” ภูผากร้าว
วันชัยจะหนีพร้อมล็อกคอหนูนาลากไป “ถอยไป!”
“แกไม่รอดหรอกไอ้วันชัย ไอ้นรก!” หนูนาตวาด
“ปากดีนักเรอะ!!” ใช้มือล็อกคอหนูนารัดแน่นขึ้น
หนูนาเจ็บจนหายใจไม่ออกร้องอ๊อกก!
สว่างตกใจ “หนูนา!”
ทันใดนั้นหนูนาตีศอกเข้าทางสีข้างด้านขวาของวันชัย ปึ้ก! วันชัยตัวงอเพราะไม่ทันตั้งตัว หนูนาสะบัดหลุดจากการจับของวันชัย
วันชัยหันกลับมาพุ่งใส่ แต่โดนภูผาคว้าไม้ฟาดไปที่หน้าเต็มๆ วันชัยกระเด็นร่วงไป
“อ๊ากก!”
วันชัยร้องลั่น หน้าสะบัดไป พอหันกลับมามือกุมที่แก้มซ้ายเลือดไหลอาบ พร้อมรอยบากที่หน้า
สว่างพุ่งเข้าล็อกตัว แต่ช้ากว่าวันชัยที่ยิงปืนใส่อย่างบ้าคลั่ง ทั้งภูผา หนูนาและสว่างหลบพัลวัน
ภูผากับสว่างยิงสวนหมายจะหยุดวันชัยให้ได้ แต่วันชัยหนีเข้าป่าไปได้ ภูผากับนายสว่างตาม ทิ้งหนูนาไว้ด้วยในอาการหวาดผวา และตื่นตระหนก

วันชัยวิ่งหนีสุดชีวิต ภูผากับนายสว่างวิ่งตามไล่ล่า
วันชัยวิ่งทะลุออกมาเจอกับผาเล็ก ๆ ที่ด้านล่างเป็นน้ำตกสูงมาก วันชัยจนหนทางหันกลับมาที่ภูผากับสว่างตามเข้ามา
“แกจนตรอกแล้ว”
“พ่อเลี้ยงวันชัยไม่เคยมีคำว่าแพ้ จำไว้!”
ทันใดนั้นวันชัยก็ยิงใส่ภูผาและสว่างก่อนจะพุ่งตัวจากหน้าผาสูงลงสู่สายน้ำเชี่ยวกรากเบื้องล่างแล้วจมหายไป
สว่างตกใจ “เฮ้ย! ไอ้นี่มันบ้าจริง”
ภูผาจดสายตามองหาที่น้ำตกแต่ไม่เห็นร่างวันชัย ก่อนตัดสินใจบอก
“กลับไปดูหนูนาก่อน”
ภูผาย้อนกลับไป สว่างรีบตาม

หนูนายังบอบช้ำพยายามจะประคองตัวเองให้ลุกขึ้นแต่ล้มพับ ภูผากับสว่างเข้ามาหา ภูผารีบปรี่มาประคองไว้
“หนูนา!”
“คุณภูผา!” หนูนาดีใจอยากจะโผกอดแต่ชะงัก นึกถึงสภาพตัวเองที่น่ารังเกียจซะแล้ว จึงเปลี่ยนใจซ่อนหน้าหลบสายตาด้วยความอับอาย
“นี่มัน เกิดอะไรขึ้น? ไอ้วันชัยมันโผล่มานี่ได้ไง? แล้วพ่อเลี้ยงเหนือฟ้าล่ะ?” สว่างถามรัวเร็ว
“เหนือฟ้าตายแล้ว!”
หนูนาร้องไห้โฮออกมา ภูผากับสว่างอึ้งกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ภูผามองหนูนา “เธอไม่เป็นอะไรใช่มั้ย?”
หนูนามองหน้าภูผา พูดไม่ออกบอกไม่ถูก “ฉัน..ฉัน” สะอื้นฮักๆ จะร้องไห้อีก

ภูผาเห็นสภาพก็ดึงร่างมากอดปลอบประโลม หนูนาปล่อยโฮ ภูผาลูบหัวปลอบขวัญ คิดในใจว่าต้องเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นกับหนูนาแน่

ชิงนาง ตอนที่ 8 (ต่อ)

ค่ำคืนนั้น อนงค์อยู่ที่ภัตตาคาร กำลังคุยโทรศัพท์ขอประนอมหนี้หน้าเครียดเคร่งแต่เสียงอ่อนเสียงหวาน

“ขอเวลาอีกสองสามวันนะคะเสี่ย ไม่ผิดนัดแน่ค่ะคราวนี้”
อนงค์วางสาย หน้าเซ็งมากๆ
ระหว่างนั้นมีชายคนหนึ่ง เดินเข้ามา อนงค์บอกด้วยความหงุดหงิด
“ร้านปิดกิจการไปแล้วค่ะ”
“ผมมารับคุณโฉมครับ” ชายคนนั้นบอก
อนงค์ชะงักมองสงสัย “คุณเป็นใคร”
โฉมไฉไลแต่งตัวสวยเดินเฉิดฉายเข้ามา
“มาช้าจังเลย โฉมแต่งตัวเสร็จตั้งนานแล้ว”
“โฉมสวยมากครับคืนนี้”
“ขอบคุณค่ะ รีบไปกันดีกว่า”
อนงค์คว้ามือโฉมไฉไลลากไปอีกมุม
“ยัยโฉม! แกจะไปไหน แล้วผู้ชายคนนี้เป็นใคร”
โฉมไฉไลบอก “เขาชื่อคุณชาติ โฉมจะไปเที่ยวกับเขา”
อนงค์กระชากตัวให้ห่างออกมาอีก “แกแต่งงานแล้วจะมาทำตัวเละเทะเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้ กลับไปแสนสมุทร ไปหาผัวแกซะ”
โฉมไฉไลไม่สน “โฉมจะไปเที่ยว! ใครก็ห้ามโฉมไม่ได้”
โฉมไฉไลปลดมืออนงค์แล้วคควงแขนชาติออกไปทันที
“ยัยโฉม..โฉม!”
อนงค์มองตามอย่างขัดใจ

ที่ห้องพักบริเวณท่าเรือ พฤกษ์นอนแล้ว แต่ยังนอนไม่หลับ กระสับกระส่าย นึกถึงแต่ใบหน้าวงเดือน ภาพวงเดือนยิ้มสวยหวาน และท่าทีอ่อนโยน โดยเฉพาะเหตุการณ์ตอนที่วงเดือนเคยมาดูแลเขาอย่างใกล้ชิด
พฤกษ์ลืมตาขึ้นมองเพดาน ก่อนลุกขึ้นมานั่งเครียดแล้วตัดสินใจเดินออกไปจากห้อง

พฤกษ์เดินจะไปที่เรือ แต่ผ่านกลุ่มคนงานที่ตั้งวงก๊งกันอยู่
ลูกน้องชื่อยอดเอ่ยชวน “นาย...สนุกกันหน่อยไหมครับ”
พฤกษ์ปฏิเสธ “ไม่ล่ะ”
“นิด ๆ หน่อย ๆ พอกึ่ม ๆ จะได้หลับสบาย นี่ผมต้มเอง รับรองหัวถึงหมอนหลับเป็นตาย ลองหน่อยไหมครับ”
ยอดคะยั้นคะยอ พฤกษ์ชะงักมองแล้วตัดสินใจลงนั่ง ยอดยิ้มก่อนเทเหล้าให้พฤกษ์

เหตุการณ์ที่ไร่วงเดือนเวลาเดียวกัน ภูผาประคองหนูนาเดินขึ้นบันไดเรือนอย่างร้อนรน สว่างตามาติดๆ
วงเดือนและดอยเข้ามาหาด้วยความร้อนใจ
“ลูกพี่!” ทันทีที่เห็นหน้าหนูนาก็ชะงัก “ลูกพี่ ไปโดนอะไรมา”
“คุณภูผา” วงเดือนมองหนูนาด้วยความสงสาร
ภูผาตัดบท “ดอย! พาหนูนาไปพัก”
“จ้ะ”
วงเดือนจะเข้าไปช่วย หนูนาตะคอก
“อย่ามายุ่ง!”
วงเดือนชะงัก ภูผาเห็นว่าหนูนาเจ็บ จึงหันไปบอกเดือน
“ให้ดอยจัดการคนเดียวก็พอ”
ดอยเข้าไปประคองหนูนา แต่หนูนาที่บอบช้ำไร้เรี่ยวแรงทรงตัวไม่ไหวเลยพากันล้มไปทั้งคู่
“ลูกพี่แข็งใจหน่อยนะ”
ดอยยังไม่ละความพยายาม สว่างจะเข้าไปช่วย
“ไม่ต้อง! ฉันเอง!”
ภูผาช้อนร่างหนูนาขึ้นมาอุ้ม
หนูนาแว๊ด “ไม่ต้อง!!” เพราะยังละอายใจอยู่
ภูผาตวาดกลับ “อย่าดื้อ”
หนูนาจำยอม ไม่ดื้อ
วงเดือนรู้สึกเหมือนใจกระตุกแต่พยายามเก็บอาการ
ภูผาหันไปหาสว่าง “นายสว่างสั่งคนของเราออกค้นหาเหนือฟ้า ไม่ว่ายังไงก็ต้องหาให้เจอ”
“ครับ”
ภูผาหันมาทางดอย “ดอยเอาข้าวเอายาตามไปที่ห้องหนูนาด้วย” แล้วอุ้มหนูนาออกไป
“นายสว่าง เกิดอะไรขึ้นทำไมหนูนาถึงเจ็บแบบนี้?”

สีหน้าสว่างดูออกว่าหนักใจมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น

ภูผาวางร่างหนูนาลงบนเตียง หนูนาขยับตัวเพื่อนั่งพิงหัวเตียงอย่างลำบากทั้งแผลระบม กับร่างกายที่บอบช้ำเพราะโดนวันชัยข่มขืน

“หนูนา เกิดอะไรขึ้นกับเหนือฟ้า?” ภูผาถาม
“ไอ้วันชัยมันจะฆ่าเหนือฟ้าเพื่อยึดไร่ ฉันพยายามช่วยเหนือฟ้าแต่มันยิงเหนือฟ้าแล้วก็ถีบจนตกหน้าผาไป” หนูนาเล่าอย่างเจ็บปวด
ภูผามองหนูนาอย่างเวทนา “แล้วมัน..มันทำอะไรเธอหรือเปล่า?”
หนูนาเริ่มเครียด น้ำตาเอ่อล้น “มัน...มัน”
ภูผามั่นใจว่าที่คิดไว้ไม่ผิดแน่ ถามคาดคั้น “มันทำอะไรเธอ?”
หนูนาอึ้งอยู่อย่างนั้น ภาพที่ตัวเองกรีดร้องอย่างโหยหวน จากการโดนวันชัยข่มขืนผุดขึ้นมาหลอกหลอน
หนูนาหลับตาแน่นกับภาพที่ยังคงติดตา บอกออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า
“ไม่..มัน..” สะอื้น “..มัน..มันแค่ตบตีชั้น” ร้องไห้โฮ
ภูผาชะงัก เขม้นมองหนูนา แน่ใจแล้วว่าโดนข่มขืน ภูผาอึ้ง รู้สึกสงสารจับใจ
“หนูนา... ชั้น” ภูผาพูดไม่ออก รู้สึกผิดที่มีส่วนทำให้หนูนาต้องออกไปเจอเรื่องเลวร้ายครั้งนี้ ภูผาได้แต่ดึงหนูนาเข้ามากอดปลอบ ก่อนจะบอกว่า “นอนพักเถอะนะ”

ประตูห้องพักเปิดออก วงเดือนกับดอยเอาอ่างน้ำเล็กๆ กับผ้าขนหนูผืนเล็กเข้ามา พร้อมกับยาทาแก้ฟกช้ำ วงเดือนเห็นภาพสองคนกอดกันก็ชะงัก ภูผารู้ตัวรีบปล่อยหนูนาออก
“หนูนา เช็ดหน้าเช็ดตาสักหน่อยนะจ๊ะ”
วงเดือนเอาผ้าชุบน้ำแล้วบิดพอหมาดจะเช็ดหน้าให้หนูนา แต่หนูนามองหน้าวงเดือนแล้วยิ่งแค้น ปัดมือวงเดือนอย่างแรง จนผ้าหลุดจากมือวงเดือน
ดอยตกใจ “ลูกพี่! ใจเย็นๆ”
หนูนาคลั่ง พาลผลักอ่างน้ำใส่วงเดือน
“เพราะเธอ เธอคนเดียว!”
วงเดือนหน้าเสีย
ภูผาเห็นว่าเกินไปแล้ว “หยุดได้แล้ว หนูนา!”
หนูนาสวนกลับเสียง “ฉันไม่หยุด ฉันเกลียดมัน เกลียด!”
ภูผาตวาดเสียงดัง “ฉันสั่งให้หยุด!”
หนูนาชะงักทรุดตัวปิดหน้าร้องไห้โฮ วงเดือนพลอยน้ำตาจุกโทษตัวเองไปด้วย
วงเดือนทรุดตัวลงนั่งครวญคร่ำ “ฉันขอโทษ”
ภูผาจับมือวงเดือนให้ลุก “ไปเถอะ..ดอยดูแลหนูนาด้วยนะ”
ภูผาจูงมือวงเดือนเดินออกไปจากห้อง หนูนาร้องไห้ฟูมฟาย ปิ่มว่าจะขาดใจ ดอยได้แต่ยืนมองทำอะไรไม่ถูก

ภูผาจูงมือวงเดือนเดินออกมา มองวงเดือนที่ดูเงียบจนผิดสังเกตุ
ภูผาหยุดแล้วจับวงเดือนให้หันมา “เป็นอะไร” เห็นใบหน้าวงเดือนน้ำตาคลอๆ
“ที่หนูนาต้องเจ็บแบบนี้เดือนก็มีส่วนผิด ถ้าเดือนไม่มาที่นี่ คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้” ยิ่งคิดก็ยิ่งโทษแต่ตัวเอง “เป็นเพราะเดือนทำให้คุณต้องมาอยู่ที่นี่ คุณท่านต้องตาย แล้วยังทำให้หนูนาเจ็บอีก”
“ฟังนะเดือน เดือนไม่ผิด ถ้าต้องมีคนผิด” ภูผารู้สึกผิดขึ้นมา “คนคนนั้นคือฉัน ฉันคนเดียว!” ภูผาลูบหัววงเดือน พูดเป็นเชิงสั่ง “เข้าใจมั้ย”
วงเดือนมองภูผาด้วยสายตาที่เหมือนยอมเข้าใจ แต่...จริงๆ ไม่ใช่

รุ่งเช้าโฉมไฉไลเดินเซเข้ามาในห้องโถงชั้นล่างบ้านแสนสมุทร ท่าท่างยังมึน ๆ อยู่ เจอกับชอุ่มที่ทำความสะอาดอยู่
“คุณโฉม เพิ่งกลับมาเหรอคะ”
โฉมไฉไลแว้ดใส่ “แล้วมันเรื่องอะไรของแก”
ชอุ่มหน้าตึงแต่ต้องพยายามข่มอารมณ์ “คือถ้าคุณผู้หญิงถาม ชอุ่มจะได้เรียนท่านถูกน่ะค่ะ”
โฉมไฉไลค่อยเบาเสียงลง “ฉันไปค้างบ้านหม่าม้ามา”
“ค่ะ”
โฉมไฉไลเดินสะบัดขึ้นบ้านไป
ชอุ่มมองตามสายตาเกลียดชังมาก “คางคกขึ้นวอจริงๆ”

โฉมไฉไลเดินผ่านหน้าห้องของศรีเรือน เห็นประตูห้องแง้มอยู่ โฉมไฉไลมองเข้าไป เห็นศรีดารากำลังเก็บเครื่องเพชรเครื่องทองลงในหีบ หลังจากทำความสะอาดเสร็จ อุปกรณ์ที่ใช้ล้าง เช็ด วางอยู่บนโต๊ะเล็ก ๆ ข้างตัว
ศรีดารานำกล่องเครื่องเพชรใส่เข้าไปในตู้แล้วปิดล็อก ก่อนจะนำลูกกุญแจไปหย่อนใส่ไว้หลังแจกันดอกไม้ที่หน้ารูปของศรีเรือน
เสียงโทรศัพท์ดังมาจากชั้นล่าง ศรีดาราหันมา โฉมไฉไลสะดุ้งรีบเดินห่างจากห้องศรีเรือนทำทีเป็นจะลงไปข้างล่าง จนเกือบชนกับชอุ่มที่วิ่งขึ้นมา
“เดินดูคนซะบ้างสิ โง่จริง” โฉมไฉไลแว้ด
ชอุ่มพูดอย่างเสียไม่ได้ “ขอโทษค่ะ มีโทรศัพท์ถึงคุณโฉมค่ะ”
“ใครโทรมา!”
“คุณอนงค์ค่ะ เธอสั่งให้คุณโฉมไปที่ร้านเดี๋ยวนี้ค่ะ”

โฉมไฉไลนิ่งคิด แล้วกังวลว่าต้องมีเรื่องอีกแน่ๆ จึงรีบออกไป

ขณะที่โฉมไฉไลเดินเข้ามาในร้าน ต้องตกใจหวีดร้อง เมื่อ จู่ๆ มีเก้าอี้ลอยมาปะทะที่กำแพงข้างประตู ดังโครมใหญ่

“ว้าย! อะไรกันเนี่ยหม่าม้า”
โฉมไฉไลกวาดมองภายในร้านแล้วต้องอึ้ง เมื่อเห็นเสี่ยเส็งยืนอยู่กับลูกน้องอีกสามคน ลูกน้องสองคนกำลังพังร้าน ส่วนอีกคนยืนคุมอนงค์อยู่ อนงค์นั่งอยู่ที่เก้าอี้สีหน้าหวาดกลัวมาก
“นี่ใช่ไหม ลูกสะใภ้คนโตบ้านแสนสมุทร” เสี่ยเส็งถาม
“มันเป็นใครหม่าม้า” โฉมไฉไลขัดขึ้น มองสภาพร้านที่โดนรื้อพังเละเทะ “ฉันจะแจ้งความว่า
พวกแกทำลายข้าวของร้านฉัน”
เสี่ยเส็งขู่เสียงเข้มใส่ “ลื้ออยากตายก็ลองดู”
โฉมไฉไลตกใจ “พวกแกต้องการอะไร แล้วทำแบบนี้กับแม่ฉันทำไม”
“แม่ลื้อติดหนี้อั๊วสองแสนแล้วไม่ยอมจ่าย ในเมื่อทวงดีๆ แล้วหายหัว มันก็ต้องถึงตัวแบบนี้ล่ะวะ”
อนงค์รีบอ้อน “เสี่ยเส็งก็รู้ว่าลูกฉันเป็นสะใภ้คนโตบ้านแสนสมุทร ยังไงก็มีเงินจ่ายเสี่ยแน่ๆ เชื่อฉันนะเสี่ย”
โฉมไฉไลอึ้ง ไม่รับมุก “หม่าม้า ทำไมพูดอย่างนี้?”
เสี่ยเส็งเห็นแม่ลูกพูดไม่ตรงกันก็ชักหงุดหงิด เลยกระชากอนงค์ขึ้นมา
“นี่พวกแกปล่อยแม่ฉันเดี๋ยวนี้นะ” โฉมไฉไลตวาด
“ปล่อยแน่ แต่ต้องหลังจากอั๊วได้เงินคืน เอาตัวมันไป”
ขาดคำลูกน้องเสี่ยเส็งลากอนงค์ออกไป อนงค์พยายามดิ้นรน มองหน้าลูกสาวเป็นเชิงขอร้อง
โฉมไฉไลไม่ยอมจะเข้าไปดึงอนงค์ออกมา แต่โดนลูกน้องเหวี่ยงไปกระแทกพื้น โฉมไฉไลเข้าไปกระชากเสี่ยเส็งด้วยความโมโห
“ไอ้เลว ไอ้ชั่ว ไอ้...”
ยินเสียงดัง ผัวะ! เสี่ยเส็งตบหน้าโฉมไฉไลจนล้มคว่ำ โฉมไฉไลโกรธจัด เงยหน้ามองสายตาอยากฆ่าเสี่ยเส็งนัก
“ถ้าพรุ่งนี้อั๊วไม่ได้เงินสองแสนล่ะก็ เตรียมงมศพแม่ลื้อได้เลย”
โฉมไฉไลอึ้ง เสี่ยเส็งยิ้มสะใจเดินออกไป โฉมไฉไลกรี๊ดลั่นร้านด้วยความคับแค้นใจ

ที่พึ่งของโฉมไฉไลยังคงเป็นพฤกษ์ ทว่าพฤกษ์กลับเดินหนี หลังจากโฉมไฉไลบอกตัวเลข
“เงินตั้งสองแสน ผมเอาให้ไม่ได้หรอกโฉม มันเป็นเงินกงสี”
“แต่คุณเป็นลูกชายคนโต คุณมีสิทธิ์!”
พฤกษ์ถอนหายใจ “โฉมจะเอาเงินไปทำอะไร”
โฉมไฉไลอึ้งไปชั่วอึดใจ
“ว่ายังไง คุณบอกผมได้ไหมว่าคุณจะเอาเงินไปทำอะไร”
โฉมไฉไลตอกแหลอีกครั้ง “ก็..หม่าม้าเขาจะปรับปรุงร้าน คุณก็เห็นว่าร้านมันเก่ามากแล้ว
โฉมทำเพื่อหม่าม้านะคะพฤกษ์ พฤกษ์ช่วยโฉมได้ไหม”
พฤกษ์มองอย่างอึดอัดใจ “ไว้ผมจะพูดกับพ่อดูนะ อีกสักสองสามวัน”
โฉมไฉไลสวนคำ “ไม่ได้นะคะ โฉมต้องได้เงินวันนี้”
พฤกษ์หน้าตึงไม่พอใจ “คุณต้องรอ”
“โฉมรอไม่ได้!”
“รอไม่ได้ก็ไม่ต้องเอา” พฤกษ์เสียงแข็ง โฉมไฉไลชะงักกึก “ตอนนี้อรุณไม่สบาย ผมจะไม่ทำให้พ่อต้องปวดหัวเพิ่มโดยไม่จำเป็น”
โฉมไฉไลอารมณ์เริ่มมากรุ่นๆ “คุณว่าเรื่องของโฉมไม่สำคัญเหรอ”
“ใช่” พฤกษ์บอกทันที
โฉมไฉไลปรี๊ดแล้ว “โฉมไม่สำคัญแล้วใครสำคัญ นังวงเดือนใช่ไหม นังผู้หญิงหลายใจนั่นน่ะเหรอ”
พฤกษ์โกรธที่โฉมไฉไลว่าร้ายวงเดือน “อย่าพูดถึงเดือนแบบนั้น”
โฉมไฉไลสวนทันควัน “โฉมจะพูด! นังวงเดือนมันไม่ได้วิเศษวิโสอะไร น้องคุณทุกคนได้มันเป็นเมียหมดแล้ว เลิกโง่สักที”
พฤกษ์สุดจะทน ตบหน้าโฉมไฉไลอย่างขาดสติ เผียะ!
โฉมไฉไลน้ำตาร่วง “นี่คุณกล้าตบโฉม”
พฤกษ์นิ่งงัน นึกได้ “ผม..ผมขอโทษ”
“คุณกล้าตบโฉมเพราะนังวงเดือน” โฉมไฉไลโผนทะยานเข้าทุบพฤกษ์ด้วยความโกรธแค้น
“หยุดนะโฉม หยุด!”
ธาตุแท้ของโฉมไฉไลเริ่มโผล่ให้เห็น “ไอ้บ้า ฉันจะฆ่าแก”
พฤกษ์จะจับโฉมไฉไลให้ออกไป โฉมไฉไลพยายามจะสะบัดมือพฤกษ์ออกไป สองคนต่างคนต่างดึง จังหวะที่โฉมไฉไลพยายามเหวี่ยงให้หลุดแต่แรงจนมือไปฟาดหน้าของพฤกษ์ดังผัวะ!
พฤกษ์หมดความอดทน ลากโฉมไฉไลออกไปนอกห้อง
“ปล่อยโฉมนะ พฤกษ์ ปล่อย”
พฤกษ์ดันโฉมไฉไลออกไปด้านนอกแล้วปิดล็อกประตูห้องทันที
โฉมยืนทุบประตูร้องกรี๊ดๆ อย่างบ้าคลั่ง
พฤกษ์ทั้งกลุ้มทั้งเครียด กุมขมับมือเกร็งแน่น
“เดือน..เธออยู่ที่ไหน...”

พฤกษ์ครวญคร่ำ เครียดและกดดันเบื่อทุกสิ่งอย่างในชีวิตยามนี้ ขณะที่หน้าห้องโฉมไฉไลกรี๊ดลั่นราวกับจะเป็นจะตาย

 
โปรดติดตาม "ชิงนาง" ตอนต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น