มณีแดนสรวง ตอนที่ 20 อวสาน
สการออกมานอกถ้ำ กำเชือกสตถมุขนาคขึ้นมาขบกรามแน่นด้วยความโกรธแค้นอสุเรศ แต่ยังไม่ทันจะไปต่อ อุ้มสมก็ประครองชิโลที่รู้สึกตัวแล้วตามออกมา
“ผู้...ผู้กอง”
“ชิโล!”
ชิโลพยักหน้าให้อุ้มสมปล่อยมือแล้วเดินเหนื่อยๆหน้าซีดเข้าไปหาสการ
“คุณไม่ต้องไปตามหาอสุเรศหรอกผู้กอง ป่าหิมพานต์กว้างใหญ่มาก อสุเรศคงไม่ยอมให้โผล่ออกมาจับง่ายๆ”
“แต่ผมตามมาช่วยคุณถึงที่นี่ได้แล้ว แล้วคุณจะปล่อยให้ผมนั่งดูตายไปต่อหน้าเหรอชิโล”
ชิโลน้ำตาเอ่อ
“แค่คุณตามหาฉันจนเจอ ฉันก็ดีใจแล้ว ฉันไม่อยากได้อะไรมากกว่านี้อีก”
ชิโลพูดไปเรี่ยงแรวก็แทบไม่มีจะทรุดลง สการรีบประครองกอดเอาไว้
“ทิ้งให้ฉันตายอยู่ที่นี่แล้วกลับไปโลกมนุษย์เถอะ”
“ไม่! ผมมาเพื่อพาคุณกลับไปด้วยกัน คุณจะต้องได้กลับไปสวรรค์”
“ผู้กอง...ถ้าคุณช่วยให้ฉันได้กลับสวรรค์จริงๆ แล้วคุณล่ะ ฉันเป็นนางฟ้า คุณเป็นมนุษย์คุณจะไม่ได้เจอกับฉันอีก”
สการนิ่งไป ชิโลน้ำตาเริ่มไหลอาบแก้ม มือประครองหน้าสการอย่างเสียใจ สการจับมือเธอมากุมยืนยันตั้งใจ
“ถึงชาตินี้เราจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ผมก็จะตามไปรักคุณทุกๆชาติ”
สการดึงชิโลมากอดแน่น อุ้มสมเห็นแล้วอดสงสารไม่ได้
“ชิโล...เรารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงชีวิตผู้กอง แต่เจ้าผลักไสความรักของผู้กองไปจากเจ้าไม่ได้หรอก เขาสาบานยอมตายเพื่อมาช่วยเจ้า เพราะฉะนั้นเจ้าต้องเชื่อมั่นในความรักของผู้กอง”
“อยู่กับผมนะชิโล ผมจะไม่ปล่อยมือจากคุณ”
อุ้มสมเตือนสติ
“เรายังพอมีเวลาอีก 3 วัน พวกมันเองก็โดนพิษของนาคไป ตอนนี้คงไปที่สระอโนดาตเพื่อใช้น้ำจากสระถอนพิษ เราอาจจะตามไปทันพวกมันก็ได้”
“นะชิโล...ความรักพาให้ผมตามมาพบคุณ ความรักก็จะช่วยพาคุณกลับสวรรค์ได้เหมือนกัน”
สการบีบมือแน่น ชิโลน้ำตลคลอมองสการก่อรนจะพยักหน้ารับ สการดึงเธอมากอด
ที่สระอโนดาตที่เป็นแอ่งน้ำสีเขียวมรกตสวยงาม สการอุ้มชิโลพามานั่งที่ใต้ต้นไม้ข้างสระ ครู่หนึ่งอุ้มสมตามเข้ามาหลังจากไปสำรวจรอบๆ
“เป็นไงบ้างอุ้มสม เจอร่องรอยของพวกมันรึเปล่า”
“เราคงมาช้าไป พวกมันมาถึงก่อนและก็หนีไปแล้ว ทีนี้ก็คงมืดแปดด้านไม่รู้ว่าจะตามหามันที่ไหนได้อีก”
สการหน้าเสียหันไปเห็นชิโลหน้าซีดๆดูอาการไม่ค่อยดี
“ถ้าน้ำจากสระอโนดาตช่วยรักษาพิษของนาคให้พวกมันได้ แล้วใช้ช่วยชิโลได้มั้ย”
“ไม่ได้หรอก เพราะชิโลโดนคำสาปของอสุเรศ ทางเดียวคือต้องให้อสุเรศถอนคำสาป แต่น้ำจากสระอโนดาตพอจะช่วยให้ชิโลดีขึ้นเท่านั้น”
สการมองชิโลอย่างห่วงใย
“ไหวมั้ยชิโล จะได้มีแรงไปต่อ”
ชิโลพยักหน้ารับ สการช่วยประครองพาชิโลไปดื่มน้ำจากสระอโนดาต สการกวักน้ำช่วยล้างหน้าล้างตาให้อย่างทะนุถนอมและเป็นห่วง สองคนสบตากันซึ้งได้ครู่ ระหว่างนั้นเองทั้งหมดก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ
“ช่วยด้วย...ช่วยด้วย”
สการประครองชิโล ส่วนอุ้มสมวิ่งนำเข้ามาก่อนถึงที่แอ่งน้ำตกอีกแห่ง ตรัสวิน ครุฑน้อยกำลังจะจมน้ำ ตีน้ำร้องขอความช่วยเหลือเสียงดังลั่น สการไม่รอช้ารีบกระโดดลงไปช่วยทันที
สการช่วยชีวิตตรัสวินพยุงพาขึ้นจากน้ำได้ ตรัสวินแทบหมดแรงนอนแผ่ สำลักน้ำพุ่งพรวดไอค่อกแค่ก
“ขะ...ขอบใจมากนะ โอ้ย...นึกว่าต้องจมน้ำตายในสระอโนดาตแล้วซะอีก”
สการมองตรัสวินอย่างสงสัย เพราะไม่เคยเห็นเด็กที่มีปากแหลมเป็นจงอย แถมยังปีปีก ดวงตาก็ดูน่ากลัว
“อุ้มสม...นี่มันตัวอะไร”
“ครุฑไง ในโลกมนุษย์ก็มีรูปปั้นให้เห็นอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“รูปปั้นครุฑน่ะเคยเห็น แต่ครุฑตัวกะเปี๊ยกแบบนี้ไม่เคยเห็นมาก่อน”
ชิโลพูดขึ้น
“เรียกว่าครุฑน้อยไง”
ตรัสวินหันขวับแสดงท่าทางเย่อหยิ่งใส่
“อย่ามาเรียกเราว่าครุฑน้อยนะ เราชื่อตรัสวิน”
ชิโลยิ้มๆ
“ขอโทษด้วยนะจ๊ะตรัสวิน”
ตรัสวินมองทั้งสามอย่างแปลกใจสงสัย
“พวกเจ้าดูแปลกๆ ไม่ใช่สรรพสัตว์ในหิมพานต์นี่...” ตรัสวินดมฟุดฟิดๆแล้วตกใจ “กลิ่นแบบนี้ นี่ มนุษย์มาอยู่ที่ป่าหิมพานต์ได้ยังไง”
อุ้มสมส่ายหน้า
“ไม่ต้องตกใจขนาดนั้นก็ได้เจ้าครุฑน้อย”
“เราชื่อตรัสวิน”
“ได้...ตรัสวินก็ตรัสวิน พวกเรามาอยู่ที่นี่ได้ยังไงเรื่องมันยาว เอาเป็นว่าเจ้าเห็นอสูรอยู่แถวนี้บ้างรึเปล่า”
“อสูร...พวกอสูรก็ต้องอยู่ที่พิภพอสูรสิ จะมาอยู่ที่หิมพานต์ได้ยังไง”
“ถามว่าเห็นรึเปล่า ไม่ได้ถามว่าพวกมันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“เราไม่รู้ พวกเจ้าก็เห็นอยู่ว่าเราตกลงมาในสระอโนดาตแล้วจะเห็นอสูรได้ยังไง”
ชิโลแปลกใจ
“แล้วลูกครุฑอย่างเธอตกลงมาในสระอโนดาตได้ยังไง ปกติครุฑจะต้องอยู่ที่สุบรรณพิมาน บนยอดไม้ฉิมพลีไม่ใช่เหรอ”
ตรัสวินชะงักหน้าเสีย อึกอัก
“เอ่อ...เราจะมาอยู่ที่หิมพานต์นี่ได้ยังไง ไม่ใช่เรื่องที่มนุษย์อย่างพวกเจ้าจะมาสอดรู้สอดเห็น จะไปไหนก็ไปเลย...ตอนนี้เราอารมณ์ไม่ดี เดี๋ยวจับกินเหมือนจับนาคกินหรอก”
อุ้มสมแอบแขวะ
“ตัวกะเปี๊ยกยังอวดเก่งอีก สงสัยพ่อแม่ไม่สั่งไม่สอนให้รู้จักคำว่าบุญคุณ เราว่าเราไปถามหาอสุเรศที่อื่นดีกว่า”
อุ้มสมชวนสการกับชิโลพากันเดินออกไปทิ้งตรัสวินที่ยืนกอดอกเชิดหน้าหยิ่งๆ แต่พอพวกสการออกไปหมดแล้ว ตรัสวินก็หันมาหน้าตาเจ็บ เพราะปีกได้รับบาดเจ็บจนขยับไม่ได้
สการ ชิโลและอุ้มสมเดินทางกันต่อ อุ้มสมเริ่มเหนื่อยและเริ่มบ่น
“โอ้ย...ไม่ไหวแล้ว ขอพักเหนื่อยแป๊บนึง”
อุ้มสมนั่งลงที่โคนต้นไม้เหนื่อยหอบแฮ่กๆ สการเห็นชิโลเหนื่อยเหมือนกันเลยพยุงให้นั่งพัก
“ป่าหิมพานต์มียอดเขาทั้งหมด 84,000 ยอด แต่เรามีเวลาแค่ 3 คืน ไอ้อสุเรศที่ทำแบบนี้มันคงต้องการบีบให้เรายอมแพ้ ยอมคืนชิโลให้มัน”
สการมองชิโลแล้วกุมมือแน่น
“เราต้องตามหามันให้เจอ แล้วผมจะใช้นาคจัดการบังคับให้มันถอนคำสาปให้คุณ อย่าเพิ่งหมดกำลังใจนะชิโล”
ชิโลพยักหน้ารับมั่นใจในสการ แต่ระหว่างนั้นมีเสียงคำรามร้องดังกึกก้องมาแต่ไกล อุ้มสมชะงักหน้าเสีย สการหันไปถามอย่างสงสัย
“เสียงอะไรน่ะอุ้มสม”
อุ้มสมกลืนน้ำลายเอื๊อก
“สะ...สะเสียงแบบนี้ เป็นเสียงของบัณฑุราชสีห์ 1ใน 4 ราชสีห์ แห่งป่าหิมพานต์ ชอบเนื้อมนุษย์เป็นที่สุด”
เสียงคำราม ดังใกล้เข้ามาอีก สการจะใช้สตถมุขนาคออกมาช่วย แต่ชิโลจับมือห้าม
“ที่นี่เป็นเขตของราชสีห์ นาคไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่จะรับมือได้”
“ทางรอดมีอย่างเดียว...โกย ตามเรามาอย่าให้หลงเชียว”
อุ้มสมรีบนำทาง แต่สการตามได้ช้าเพราะต้องช่วยประครองพาชิโลไปด้วย
เสียงคำรามกึกก้องดังไล่หลังมาไม่หยุด อุ้มสมวิ่งหน้าตั้งล้มลุกคลุกคลานพอลุกขึ้นมาได้ก็พบว่าตัวเองพลัดหลงกับชิโลและสการ
“อ้าว...บอกให้ตามมาติดๆ แล้วหายไปไหนกันหมดแล้ว...ชิโล...ผู้กอง...ชิโล”
สการกุมมือชิโลพาหนีแล้วหยุดพักเพราะคิดว่าหนีมาพ้น ชิโลนึกได้
“แล้วอุ้มสมล่ะ”
สการพยายามมองหา
“คงหลงกันแล้ว”
ชิโลเป็นห่วง
“อุ้มสม...อุ้มสม”
ชิโลพยายามตะโกนเรียก สการช่วยเรียกด้วยแต่ระหว่างนั้นเอง ต้นไม้ตรงหน้าขยับไหวไปมา สการหันมาปิดปากชิโลให้เงียบเอาไว้ก่อนเพราะต้องระวังตัว สการคว้าท่อนไม้ขึ้นมาเตรียมรับมือ ชิโลหลบหลังสการใจเต้นตึกๆ แต่ที่โผล่พรวดเข้ามากลับไม่ใช่ราชสีห์ กลายเป็นตรัสวิน
“นี่พวกเจ้ายังไม่ไปจากหิมพานต์อีกเหรอ เจ้ามนุษย์”
ชิโลกับสการถึงกับโล่งอกเกือบไปแล้ว
สการพาชิโลเดินตามตรัสวินออกมาจากแนวเขตป่า มาโผล่ที่ทุ่งหญ้าโล่งๆดูปลอดภัย
“แถวนี้ไม่ใช่เขตของราชสีห์ พวกเจ้าปลอดภัยแล้ว”
“ขอบใจนายมากนะตรัสวิน”
“เราไม่ใช่ครุฑไร้น้ำใจ ในเมื่อพวกเจ้าช่วยชีวิตเราไว้เราก็ต้องตอบแทน สัตว์ในป่าหิมพานต์ไม่มีตัวไหนที่เราไม่รู้จัก อย่างบัณฑุราชสีห์ก็สนิทกับเรา แค่บอกว่าพวกเจ้าเป็นเพื่อนของเรา ราชสีห์ก็ไม่ยุ่งกับพวกเจ้าแล้ว เอาล่ะ หมดธุระเราแล้ว ไปล่ะ”
ชิโลเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อนตรัสวิน ถ้าเธอรู้จักสัตว์ในป่าหิมพานต์ดี ได้โปรดช่วยเราตามหาอุ้มสมกับตามหาพวกอสูรได้มั้ย”
“นั่นไม่ใช่ธุระของเรา แค่เราช่วยชีวิตพวกเจ้าไว้ก็ถือว่าไม่มีหนี้กรรมต่อกันแล้ว”
“ฉันขอร้องล่ะตรัสวิน ครุฑเป็นพาหนะของพระนารายณ์ ย่อมต้องมีจิตใจดี การช่วยเหลือมนุษย์ก็เหมือนการสร้างกุศลอันแรงกล้า ทำให้เธอเติบโตเป็นครุฑที่มากบารมี”
ตรัสวินนิ่งไปคิ้วขมวดครุ่นคิด
“พี่สาวคนสวยนี่รู้เรื่องของเราเยอะจัง กลิ่นกายก็หอมไม่เหมือนกับมนุษย์ทั่วไป ถามจริงๆเถอะ เจ้าไม่ใช่มนุษย์ใช่มั้ย”
สการตัดสินใจบอก
“ชิโลไม่ใช่มนุษย์อย่างผมหรอกตรัสวิน เธอเป็นนางฟ้าที่ทำผิดกฎสวรรค์เลยถูกสาปให้กลายเป็นมนุษย์”
ตรัสวินตาโตสนใจทันที
“นางฟ้าถูกสาป...ว่าแล้วเชียวว่าทำไมถึงได้สวยผิดมนุษย์ขนาดนี้ แบบนี้ชักสนุกแล้วสิ ไหนๆปีกของเราก็ได้รับบาดเจ็บยังบินกลับวิมานฉิมพลีไม่ได้ อยู่ๆว่างช่วยเหลือพวกเจ้าแก้เบื่อก็ดี...แต่พวกเจ้าต้องเล่าให้เราฟังมาให้หมดว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมพวกเจ้าถึงมาตามหาอสูรอยู่ในป่าหิมพานต์”
สการกับชิโลมีความหวังขึ้นมาทันทีที่ตรัสวินรับปากว่าจะช่วย
ในคอนโด...ได้เวลาที่พรรณรายต้องกลับสวรรค์ สิริสุดารีบถาม
“ได้เวลาต้องกลับสวรรค์แล้วเหรอคะพี่พรรณราย”
“หมดธุระของเราแล้ว เราต้องรีบกลับก่อนที่เทพบิดาจะผิดสังเกต”
ดรัณพูดขึ้น
“งั้นก่อนที่พี่พรรณรายจะไป ผมมีเรื่องสงสัยอยากถามครับ”
“เจ้ายังข้องใจเรื่องอะไร”
“เรื่องเกี่ยวกับพรหมลิขิตครับ ทำไมคนธรรมดาอย่างไอ้แซมถึงได้มีพรหมลิขิตกับนางฟ้า อย่างชิโลได้ ทั้งๆที่มนุษย์กับนางฟ้าไม่น่าจะรักกันได้เลย”
“เพราะภพชาติที่แล้วสการเคยอยู่ในภพสภาวะแบบชิโลมาก่อน”
“ว้าว...ชาติที่แล้วผู้กองเคยเป็นเทวดา...มิน่าถึงได้แสนดีแบบนี้” สิริสุดาหันมาหางตามองดรัณ “แล้วคนนี้ล่ะ สงสัยชาติที่แล้วเป็นอสูร ชาตินี้ถึงได้เจ้าชู้ยักษ์”
ดรัณจ๋อยๆ
“โธ่สิจ๋า...ผมถอดเขี้ยวถอดเล็บหมดแล้วนะ”
พรรณรายหันมายิ้มกับนารี
“และเพราะคุณแม่มีจิตอันบริสุทธิ์ ขยันหมั่นทำบุญเลยทำให้ทั้งสการ และเราได้มาเกิดเป็นลูกของคุณแม่”
นารีน้ำตารื้นดีใจ
“แม่ดีใจและขอบคุณที่หนูมาเกิดเป็นลูกของแม่ ถึงเราจะอยู่ด้วยกันได้ไม่ นาน แต่ความรักที่แม่มีต่อลูกจะไม่หายไปไหน แม่จะคิดถึงลูกเสมอ”
“บุญกรรมจะลิขิตทุกอย่าง ถ้าหมั่นทำกรรมดี สักวันนึงเราก็อาจจะได้พบกันอีก”
พรรณรายเข้าไปจับมือนารีที่ตื้นตันจนน้ำตาไหล ก่อนที่ร่างของเธอจะเปล่งประกายเรืองรองแล้วหายวับ สิริสุดาพลอยน้ำตารื้นร้องไห้เสียใจซบอกดรัณ
“สิ...เป็นอะไร”
“เห็นพี่พรรณรายพูดถึงบุญถึงกรรมแล้ว...สิคิดถึงคุณป๋า สงสารคุณป๋าด้วย ป่านนี้ไม่รู้ว่า คุณป๋าจะเป็นตายร้ายดียังไง ฮือๆๆ”
ดรัณสงสารโอบกอดปลอบใจ
“ไม่ต้องห่วงผมจะตามเรื่องนี้ให้”
ดรัณพาสิริสุดามาพบกับผู้การดำเกิง
“ยังไม่ได้ข่าวคราวของคุณพ่อเลยเหรอคะผู้การ” หญิงสาวถามอย่างกังวล
“ยังไม่มีวี่แววเลยครับ ที่ผมให้ดรัณตามคุณมาก็เพราะอยากทราบว่าอาจมีที่อื่นตกหล่น ที่คุณยังไม่ได้แจ้งกับเราไว้”
“แต่สิบอกตำรวจไปหมดทุกที่ ที่คิดว่าคุณพ่อจะหลบหนีไปหมดแล้วนะคะ”
ผู้การดำเกิงนิ่งไปมองหน้ากับดรัณ ด้วยสีหน้าหนักใจกันทั้งคู่จนสิริสุดาสงสัย
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะดรัณ มีเรื่องอะไรที่คุณไม่ยอมบอกสิใช่มั้ย”
“ไม่ใช่ว่าบอกไม่ได้หรอกนะสิ แต่...”
“บอกสิมานะดรัณ...สิเป็นห่วงพ่อ สิไม่อยากให้พ่อหนีไปตลอดชีวิต พ่อควรจะต้อง มารับโทษที่พ่อทำไว้”
ดรัณหันไปมองหน้าผู้การดำเกิงที่พยักหน้าอนุญาต
“ถ้าเราไม่รีบเร่งตามหาคุณป๋าให้พบโดยเร็ว ชีวิตคุณป๋าก็จะตกอยู่ในอันตราย เพราะเรา ได้ข่าวมาว่าพวกแกงค์อาชญากรข้ามชาติที่คุณป๋าไปเกี่ยวข้องด้วย กำลังตามล่าตัว คุณป๋า พวกมันไม่ต้องการให้มีชีวิตอยู่เพื่อเป็นพยานซัดทอดไปถึง”
สิริสุดาตกใจหน้าเสีย
“โธ่...คุณป๋า...ฮือๆๆๆ”
สิริสุดาสะอื้นไห้ มีตรีชฎาโอบไหล่ปลอบใจพาเดินออกมา
“ท่านผู้การกับผู้กองรับปากจะช่วยกันตามหาคุณพ่อคุณให้พบโดยเร็ว ถ้าคุณสิคิดออกว่ามีที่ไหนที่จะตามพบได้อีก ก็รีบแจ้งนะคะ เราจะได้ช่วยกัน”
สิริสุดาพยักหน้ารับ แต่ระหว่างนั้นกลุ่มนักข่าวจากหลายสำนักกรูเข้ามาจนเต็มทางเดิน แสงไฟแฟลชวูบวาบ
“คุณสิริสุดาคะ ข่าวที่ว่าทรัพย์สินของคุณทองทิวถูกยึดทรัพย์ไปหมด ช่วยยืนยันได้มั้ยคะ”
“แล้วที่ลือกันว่าคุณทองทิวหนีออกไปต่างประเทศพร้อมเงินสดเต็มตู้คอนเทนเนอร์ล่ะคะ”
“ตอนนี้คุณทองทิวอยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้านเหมือนกับผู้ต้องหาหนีคดีคนอื่นๆรึเปล่าครับ”
ทั้งคำถามที่เซ็งแซ่และแสงไฟแฟลชวูบวาบทำให้สิริสุดาตกใจกลัว ตรีชฎาต้องช่วยกันนักข่าวให้
“ขอโทษสื่อทุกสำนักด้วยนะคะ ตอนนี้คุณสิยังไม่พร้อมตอบคำถาม ขอตัวนะคะ”
ตรีชฎารีบพาสิริสุดาเดินหนีหนักข่าวไปอีกทาง และให้ตำรวจบริเวณนั้นช่วยกันพวกนักข่าวไม่ให้ตามไป พวกนักข่าวพยายามแย่งกันถ่ายรูปทั้งเบียดทั้งดัน หนึ่งในกลุ่มท้ายแถวที่พยายาม เบียดขึ้นมาก็คือมัดหมี่
“หลบ...หลบไป...อย่ามาเบียดได้มั้ย โอ๊ย...ไอ้บ้า ใครมาเหยียบเท้าฉันเนี่ย โอ๊ย...แล้ว ใครมาดึงผมฉัน เดี๋ยวแม่ก็จี๊ดให้หรอก”
มัดหมี่พยายามสุดฤทธิ์แต่สู้แรงเบียดของพวกนักข่าวไม่ได้โดนเบียดจนกระเด็นมาล้มจ้ำเบ้า
“โอ๊ย ! นังบ้า...แก!”
มัดหมี่เข้าไปกระชากไหล่นักข่าวสาวสวยรุ่นน้องคนหนึ่งที่เบียดจนเธอล้ม
“หล่อนกล้าดียังไง อยากชะตาขาดใช่มั้ย ไม่รู้จักฉันเหรอไงว่าฉันเป็นใคร”
นักข่าวมองหัวจรดเท้าอย่างเหยียดๆ
“รู้จักสิคะ ในวงการข่าวมีใครไม่รู้จักพี่มั่ง”
มัดหมี่เชิดทันที
“รู้ก็ดี...จะได้หลบทางให้ฉัน พวกมือใหม่หัดทำข่าวอย่างพวกหล่อน ต้องรู้จัก สัมมาคารวะ เคารพรุ่นพี่อนาคตจะได้ไม่รุ่งริ่ง”
พวกนักข่าวพากันมองมัดหมี่อย่างสมเพชแล้วขำกันเองจนมัดหมี่ไม่พอใจ
“หัวเราะอะไรฉัน”
“ถ้านักข่าวดีๆมีจรรยาบรรณพวกเราก็คงเคารพหรอกค่ะ แต่สำหรับพี่ วีรกรรมเอาตัวเข้า แลกเพื่อให้ได้ข่าวพวกเราไม่ขอเลียนแบบ ไม่อยากให้น้ำเน่ามาปนกับน้ำดีในวงการสื่อ”
พวกนักข่าวเชิดใส่พากันยกขโยงเดินออกไป มัดหมี่ อึ้งหน้าเสียไม่พอยังหน้าแหกอีกด้วย
“หนอย...ไม่รู้จักมัดหมี่จี๊ดถึงใจซะแล้วนังพวกนี้”
ผู้การดำเกิงกับดรัณเดินมาตามทางอีกมุมหนึ่งของสำนักงานตำรวจ
“ผมฝากบอกผู้กองสการด้วยว่าผมไม่อนุมัติหนังสือลาออกจากราชการ แต่อนุญาตให้ ลาพักจนกว่าเขาจะพร้อมกลับมาทำงาน”
“ถ้ามันรอดกลับมาได้ผมจะบอกมันทันทีเลยครับท่าน”
ผู้การดำเกิงแปลกใจ
“หมายความว่ายังไง”
“เปล่าครับท่าน”
“ยังไงคุณก็บอกให้ผู้กองรู้ด้วยแล้วกันว่าความผิดของเขาผมเข้าใจดี เพราะถ้าเป็นผม ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นผมก็ต้องทำเหมือนกัน ว่าแต่ว่าผมไม่ได้ข่าวคุณชิโลเลย เธอหายไปไหน ทางเราอยากจะมอบรางวัลให้เธอที่ช่วยให้เราปิดคดีได้”
“คุณชิโลคงไม่มารับรางวัลหรอกครับท่าน เธอเป็นเหมือนนางฟ้าที่ชอบทำดีไม่หวังผล ยังไงผมขออนุญาตไปดูสิก่อนนะครับท่าน”
“ตามสบายเลยผู้กอง”
ดรัณทำความเคารพแล้วรีบเดินออกไป
ตรีชฎาพาสิริสุดาหนีพวกนักข่าวมาที่ลานจอดรถด้านหลัง
“คุณสิรอผู้กองดรัณอยู่ตรงนี้นะคะ ดิฉันจะไปรับมือพวกนักข่าวให้”
“ขอบคุณมากนะคะคุณตรีชฎา”
ตรีชฎายิ้มรับแล้วออกไป สิริสุดาหันมาหน้าเศร้ายังเสียใจเรื่องพ่อไม่หาย มัดหมี่ก็โผล่พรวดเข้ามา
“ถ้าคุณสิไม่อยากให้ข่าวกับใคร ให้กับฉันก็ได้ค่ะ รับรองว่าฉันจะไม่ทำข่าวออกมาให้ คุณสิกับคุณป๋าเสียชื่อแน่นอน”
“มัดหมี่ !...ฉันไม่มีข่าวอะไรจะให้เธอ”
สิริสุดาจะเดินหนี แต่มัดหมี่เกาะติด
“อย่ามาโกหกฉันดีกว่าค่ะคุณสิ ฉันเคยช่วยเหลือคุณ ตอนนี้ฉันลำบากคุณก็น่าจะช่วย ฉันคืนบ้าง ถ้าฉันเป็นคนเดียวที่ได้ข่าวของพ่อคุณ ฉันจะได้กลับไปเป็นมัดหมี่ผู้ประกาศ ข่าวที่จี๊ดถึงใจประชาชนอีก”
“ฉันไม่รู้ว่าพ่อฉันอยู่ไหน ไปให้พ้นหน้าฉัน ฉันไม่อยากยุ่งกับเธออีก”
“แต่ฉันไม่ปล่อยให้คุณทำให้ชีวิตฉันต้องตกอับหรอกคุณสิ”
มัดหมี่รีบเข้าไปแย่งกระเป๋าถือของสิริสุดาแล้วค้นเอาโทรศัพท์ของสิริสุดาออกมา
“หยุดนะ เธอจะเอาโทรศัพท์ฉันไปทำไม”
“พ่อลูกกันยังไงก็ต้องติดต่อกัน ฉันต้องสืบรู้ให้ได้ว่าพ่อคุณหนีไปอยู่ที่ไหน”
สิริสุดาเข้าไปแย่งคืน
“เอาของฉันคืนมา ฉันไม่รู้ว่าพ่อฉันอยู่ไหน”
สิริสุดากับมัดหมี่ยื้อแย่งโทรศัพท์ไม่มีใครยอมใคร ระหว่างนั้นดรัณเข้ามากระชากมัดหมี่ออกไปอย่างแรง
“ไปให้พ้นจากที่นี่นะคุณมัดหมี่ ไม่อย่างนั้นคุณโดนผมจับโยนเข้าห้องขังแน่"
“ดรัณ”
ดรัณกอดสิริสุดาปลอบใจแล้วหันมาขึงขังกับมัดหมี่
“ผมพูดจริงๆนะคุณ คนทำผิดแต่รู้จัก กลับตัวผมให้อภัยได้เสมอ แต่คนที่ยังหลงทำผิดหน้ามืดตามัวไม่รู้จักบาปกรรม มันต้องเจอคนอย่างผม”
มัดหมี่เจ็บใจ
“ฝากไว้ก่อนเถอะผู้กอง มัดหมี่จี๊ดขึ้นมาแล้ว ไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆหรอก...เชอะ”
มัดหมี่สะบัดบ๊อบเชิดหน้าเดินออกไป ดรัณกอดสิริสุดาปลอบใจ
มณีแดนสรวง ตอนที่ 20 อวสาน (ต่อ)
ดรัณกับสิริสุดาอยู่ในคอนโด เอิงเอยหงุดหงิดแทนเพื่อน
“เป็นฉันหน่อยไม่ได้นะแก...นังมัดหมี่มันได้จี๊ดกับฉันแน่ ไอ้คนประเภทเห็นแก่ตัว คิดถึง แต่ตัวเองอย่างเดียวมันต้องจับมา ตบๆๆๆๆ”
“ช่างเขาเถอะยัยเอิง ครั้งนึงฉันก็เคยปล่อยให้ความเห็นแก่ตัวมาทำให้ฉันเป็นนังมารร้าย ฉันอโหสิให้เขาดีกว่า”
“แหมแกเนี่ย ไม่ทันไรก็จะเป็นนางฟ้าตามชิโลไปซะแล้ว”
“บ้าสิแก...ความดีคงไม่ถึงชิโลหรอก แต่ความสวยขอไม่น้อยกว่าแล้วกัน”
“ย่ะ...จัดไป แต่จะว่าไปบัวไม่พ้นน้ำอย่างยัยมัดหมี่ฉันว่าคงไม่เลิกตามรังควาญแกแน่”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอก ผมรู้วิธีที่จะจัดการไม่ให้มัดหมี่มายุ่งกับเราอีก”
สิริสุดาหันมาถามอย่างสงสัย
“ยังไงคะดรัณ ถ้าคุณจะใช้กำลัง สิไม่เห็นด้วยนะ”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกสิ...งานนี้ผมไม่ต้องลงมือเอง มีคนที่เขาพร้อมจัดการให้แล้ว”
มัดหมี่สวมแว่นดำเฝ้าซุ่มอยู่ที่หน้าคอนโด พยายามเกาะติดซุ่มรอสิริสุดา
“คนอย่างมัดหมี่จี๊ดถึงใจ ไม่มีทางยอมตกต่ำเด็ดขาด ฉันจะเกาะติดเธอเหมือนปลิง ควายเลยยัยสิ”
รุจน์เข้ามา
“คุณมัดหมี่ครับ”
มัดหมี่ชะงักหันขวับไปเห็นรุจน์ที่สวมแว่นดำใส่สูทอย่างเท่ห์ ยืนเก๊กท่าหล่อข้างๆรถเก๋งคันหรู
“คุณฮัดซัน”
รุจน์เดินเข้ามาอย่างเท่ห์ มัดหมี่ถึงกับใจเต้นตึกตักเพราะ...หล่อมาก
“คุณฮัดซัน...นี่คุณ...”
รุจน์เอานิ้วแตะปากมัดหมี่เบาๆ
“ชู่ว์....จุ๊ๆๆๆ อย่าเรียกชื่อผมให้คนอื่นได้เลยครับ ผมไม่ อยากให้ใครเห็นว่าผมยังอยู่ที่นี่”
มัดหมี่เบาลง
“คะ...ฉันนึกว่าคุณจะหนีออกนอกประเทศไปพร้อมกับท่านชี้คแล้วซะอีก”
“คุณอาไปแล้ว แต่ว่าผมยังไปไม่ได้ เพราะว่ามีของสำคัญที่ผมทิ้งไว้ลำพังไม่ได้”
มัดหมี่มองแปลกใจ รุจน์ชี้หัวใจตัวเองแล้วชี้ไปที่หัวใจมัดหมี่ ทำเอามัดหมี่ถึงกับอึ้ง
“คืนนี้ผมจะอยู่ที่โรงแรมเป็นคืนสุดท้าย” รุจน์ยื่นกุญแจห้องให้ “ถ้าคุณให้โอกาสผม ตัดสินใจ เลิกเป็นนักข่าวแล้วอยากเป็นเมียท่านชี้คในอนาคต ผมก็จะรอ”
รุจน์ทำนิ้วเป็นรูปหัวใจ ทาบจากหน้าอกแล้วลอยไปกระแทกหน้ามัดหมี่ก่อนจะส่งจุ๊บอีกที ขึ้นรถเก๋งคันหรูแล้ว ขับออกไปอย่างเท่ห์ มัดหมี่กำกุญแจแล้วคิดหนัก
ชิโลรอสการไปหาอาหารอยู่ที่โคนต้นไม้ใหญ่ ชิโลเริ่มมีอาการหนาวสั่นเพราะนิลพิษ พิษคำสาปของอสุเรศ เส้นเลือดที่แขนของเธอเริ่มผุดเป็นสีดำลุกลามขึ้น มาเรื่อยๆจากปลายมือขึ้นมาตามท่อนแขนจนถึงที่คอก่อนจะค่อยๆหายไป ระหว่างนั้นสการกลับเข้าพร้อมกับผลไม้ที่หามาให้เป็นพวกกล้วยป่าเครือใหญ่
“กินสักหน่อยนะชิโล จะได้มีแรงเดินทางต่อ”
ชิโลพยักหน้ารับอย่างฝืนๆทนหนาวทรมานไม่ให้สการผิดสังเกต
“หนาวเหรอชิโล”
“เปล่า...ไม่มีอะไรหรอก”
สการมองอย่างสงสัย แต่ตรัสวินกลับเข้ามาพอดี
“ได้เรื่องแล้ว...เรารู้แล้วว่าพวกอสูรอยู่ที่ไหน”
“ที่ไหนเหรอตรัสวิน”
“เดี๋ยวๆๆ ขอเราพักเหนื่อยแป๊บนึง เราต้องตระเวณเดินถามจากพวกสัตว์ในหิมพานต์ กว่าจะได้เรื่องเล่นเอาขาแทบลาก”
“แต่เราไม่มีเวลาเหลือมากนะ”
“เรารู้...เราไปเจอเหรา ตัวหนึ่งเล่าให้ฟังว่า เมื่อวานเห็นพวกอสูรกำลัง ไล่ล่าพวกกินนรเป็นอาหาร แล้วหายขึ้นไปกบดานที่ยอดเขาคันธมาทน์”
“งั้นก็รีบตามพวกมันไปเถอะ”
“เดี๋ยว...ยอดเขาคันธมาทน์ไม่ได้เดินทะลุป่านี้ไปก็ถึงนะเจ้ามนุษย์ จากตรงนี้ไปต้องใช้ เวลาไม่น้อยกว่า 10 วัน”
สการหน้าตื่น
“10 วัน !! ชิโลไม่มีเวลาเหลือขนาดนั้นหรอกตรัสวิน เรามีเวลาอีกแค่ 2 คืนเท่านั้น”
“เรารู้น่า...ถ้าปีกของเราใช้บินได้เราก็จะพาพวกเจ้าบินไปได้ในพริบตา แต่นี่ไม่รู้ว่า กี่วันถึงจะหาย แต่ถ้าอยากไปเร็วแบบทันเวลาพอดีก็ต้องไปทางลัด”
ชิโลขัดขึ้นทันที
“ไม่นะ...นั่นไม่ใช่ทางที่ควรจะผ่านไป”
สการหันไปมองชิโลอย่างสงสัยว่าทำไมชิโลถึงห้าม
“ทำไมล่ะชิโล...ถ้าทางลัดจะทำให้เราไปทันเวลา แล้วทำไมเราถึงไปที่นั่นไม่ได้”
“เพราะทางลัดนั่นมันต้องผ่านป่าของพวกนารีผลน่ะสิ”
สการแปลกใจ
“ป่านารีผล”
“ใช่...ป่านารีผลไม่เหมาะสำหรับมนุษย์อย่างเจ้ามากที่สุด แค่เหยียบเท้าเข้าไปถึง กิเลศหยาบของมนุษย์ จะทำให้ไม่ได้กลับออกมา เจ้าจะต้องหลงกลิ่นมนตราของ พวกนางและต้องตายอยู่ที่นั่น”
“ชิโล...กลิ่นมนตราของนารีผลทำให้ผมหมดรักคุณไม่ได้หรอก...คุณต้องมั่นใจผมนะ”
สการจับมือชิโลมากุมแน่น ชิโลมองสการอย่างไม่แน่ใจ
ทางด้านอุ้มสมเดินหลงทางอยู่ในป่า
“ชิโล...ผู้กอง...อยู่ไหนกันหมด”
บรรยากาศรอบตัวเงียบกริบ อุ้มสมเดินจนเหนื่อย ท้อแท้ หมดหวัง
“ตาย...ตายแน่ๆ เดินไปไหนมันก็เหมือนกันหมด อยู่ตรงไหนแล้วก็ไม่รู้ อยากกลับ สวรรค์ ไม่อยากเป็นนกแก้วอยู่ในป่าหิมพานต์...ชิโล....ผู้กอง”
อุ้มสมเรียกเสียงลั่น แต่ระหว่างนั้นเองที่ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของหญิงสาวดังแว่วเข้ามา
“ชิโล !” อุ้มสมฟังอีกที “ไม่ใช่...ไม่ใช่เสียงชิโล”
กลิ่นหอมรัญจวนลอยเข้ามาเตะจมูก อุ้มสมฟุดฟิดจมูกดมแล้วเคลิ้มตาลอย
“หอม...หอมจัง...หอมจนขนลุกเลย” อุ้มสมนึกขึ้นได้ “เฮ้ย...กลิ่นนี้มัน...แย่แล้ว นารีผล”
อุ้มสมรู้ว่าอันตรายกำลังมาถึงตัวเลยรีบกลั้นหายใจสุดฤทธิ์ เอามือปิดจมูกแล้วพยายามวิ่งหนีไปให้พ้น
บนยอดเขาคันธมาทน์เป็นแนวหน้าผาที่มองออกไปเห็นป่าไกลสุดลูกหูลูกตา จิตราสูรเข้ามารายงานความคืบหน้ากับอสุเรศ
“แผนการนายท่านที่สั่งให้เราไปปรากฏตัวให้พวกสัตว์ในหิมพานต์เห็นได้ผลแล้วขอรับ ตอนนี้ไอ้มนุษย์นั่นกำลังมุ่งหน้าไปที่ป่านารีผลเพื่อมาหาเรา”
อสุเรศยิ้มพึงใจ
“แม้แต่ฤาษีที่ทรงศีลที่สุดในป่าหิมพานต์ก็ยังต้องพ่ายต่อกิเลศลุกขึ้นมาเข่นฆ่ากันเอง เพื่อแย่งชิงนารีผล แล้วมนุษย์ที่เต็มไปด้วยกิเลศอย่างมันจะหนีพ้นได้ยังไง”
อัคราสูรยิ้มสะใจ
“ถ้ามันไม่หมดแรงตายคาอกพวกนารีผล มันก็ต้องตายด้วยน้ำมือบุรุษเพศในนั้น”
“ทีนี้รัศมิชโลธรจะได้เห็นธาตุแท้ของมนุษย์ที่บอกว่ารักนักรักหนา ข้าจะดูสิว่าเวลามัน ไม่สนใจใยดี นางยังจะยังรักมันอีกมั้ย...ฮ่าๆๆๆๆ”
สการกับชิโลและตรัสวินเดินทางมาจนใกล้จะถึงป่ามัคนารีผล ชิโลเริ่มหนาวสั่นเพราะพิษของอสุเรศมากขึ้น แต่พยายามไม่แสดงอาการให้เขารู้
“ตรัสวิน พักที่นี่ซักแป๊บนึงก่อน” สการเข้ามาประครองชิโลอย่างเป็นห่วง “อดทนนะชิโล...ผมจะไม่ ปล่อยมือไปจากคุณ เราจะออกไปจากที่นี่ด้วยกัน”
ตรัสวินเห็นสการรักชิโลมากก็อดชื่นชมไม่ได้
“เราเคยได้ยินเรื่องราวของมนุษย์มาก็มาก แต่ไม่เคยเห็นมนุษย์ที่ไหนที่ทุ่มเทเพื่อ ความรักที่เป็นไปไม่ได้อย่างเจ้าเลย”
“ไม่มีคำว่าเป็นไปไม่ได้สำหรับความรักหรอกตรัสวิน ถึงความรักจะเป็นกิเลศอย่างนึง ในรัก โลภ โกรธ หลง แต่ถ้ารู้จักรักเป็น รักก็เป็นกิเลศที่นำมาซึ่งความสุข และสร้างสิ่ง อัศจรรย์ให้เกิดขึ้นได้”
“เหมือนที่ข้าเคยได้ยินว่า ความรักสร้างโลก พูดถูกหูเราแบบนี้ ถ้าปล่อยให้ตาย ก็คงน่า เสียดาย เราสัญญาว่าถ้าช่วยให้เจ้ากับนางฟ้าของเจ้าไม่ได้ เราจะไม่กลับฉิมพลี”
ชิโลสงสัย
“ว่าแต่ทำไมครุฑอย่างเธอถึงตกลงมาที่ป่าหิมพานต์ได้ล่ะ”
ตรัสวินชะงักอ้ำอึ้ง
“เอ่อ...คือ...บอกก็ได้ เพราะเทวาสุรสงครามที่กำลังรบกัน โครมครามอยู่ น่ะสิ เรากำลังบินเที่ยวเล่นอยู่ดีๆอยู่ที่สุบรรณพิมาน เสียงราชรถออกศึกของพระอินทร์ ดังกึกก้องคำราม เราก็เลยตกใจบินตกลงมา”
ชิโลอมยิ้มขำ ตรัสวินอายหน้าแดง
“เจ้ารู้แล้วก็อย่าไปเล่าให้เทวดานางฟ้าองค์ไหนฟังล่ะ เราอาย”
“จ้ะตรัสวิน”
“หายเหนื่อยกันแล้ว ก็รีบไปต่อเถอะ”
ตรัสวินชวนทุกคนเดินทางต่อ แต่สการกลับชะงักเพราะต้องกลิ่นมนตราของนารีที่ผลโชยมาแตะจมูกระหว่างที่ ฟังตรัสวินเล่าเรื่องตัวเอง ท่าทีของสการเปลี่ยนไปตาลอย เคลิ้ม
“ผู้กอง”
สการเรียกสติมาได้
“ไปสิ...รีบไปต่อกันเถอะ”
สการรู้สึกว่าตัวเองกำลังโดนกลิ่นมนตรา แต่ก็พยายามสะบัดหน้าเรียกสติไม่ให้ถูกครอบงำ
ตรัสวินเดินนำสการกับชิโลเข้ามา กลิ่นมนตราของนารผลล่องลอยเข้าหาสการ โดยที่ชิโลกับตรัสวินไม่ทันสังเกต ตรัสวินหยุดระวัง
“เราเข้าใกล้เขตของพวกนารีผลแล้ว กลิ่นมนตราของพวกนางทำอะไรเรา กับนางฟ้าไม่ได้ เพราะฉะนั้นเจ้าต้องระวังตัวให้ดีนะเจ้ามนุษย์”
สการพยายามตั้งสติสู้กับกลิ่นมนตรานารีผลเต็มที่ หันไปให้คำมั่นสัญญากับชิโล
“ไม่มีอะไรมาทำให้ผมหมดรักคุณได้หรอกชิโล”
สการกุมมือชิโลแน่นสองคนสบตากันอย่างมั่นใจ ระหว่างนั้นเองเสียงหัวเราะคิกคักของหญิงสาวดังเข้ามา
นารีผลในชุดวาบหวิวมีแค่ใบ ไม้ปิด ปิดบนล่างสวยหยาดเยิ้มนางหนึ่งส่งยิ้มหวานให้แล้ววิ่งผ่านไป ตรัสวินเห็นสการยืนนิ่งเหมือนถูกมนต์สะกดรีบเรียกสติ
“เจ้ามนุษย์ ไหนบอกว่ามนตราของพวกนางทำอะไรไม่ได้ล่ะ ดูสิตัวแข็งทื่อเลย”
“ผู้กอง...ผู้กอง”
ชิโลพยายามบีบมือเรียกสติสการ เรียกอยู่ครู่สการก็ฝืนรู้สึกตัวกลับมา
“ชิโล”
ชิโลดีใจโผเข้ากอด แต่ระหว่างนั้นอุ้มสมเข้ามาจากด้านหลังสการทำให้ชิโลเห็น
“อุ้มสม ผู้กอง...อุ้มสมกลับมาแล้ว”
ชิโลรีบผละจากสการไปหาอุ้มสมด้วยความดีใจ
“อุ้มสม เจ้าหายไปไหนมา รู้มั้ยว่าพวกเราเป็นห่วง”
ชิโลพูดไม่ทันจะจบ อุ้มสมก็ผลักชิโลจนล้ม หน้าตาเกรี้ยวกราด ดวงตากลายเป็นสีเขียวเข้ม
“เจ้าไม่ใช่นารีผลของข้า...นางอยู่ไหน นารีผลของข้าอยู่ไหน”
ชิโลตกใจ
“อุ้มสม!”
ตรัสวินรีบเข้ามาประครองชิโล
“อุ้มสมโดนมนตราของนารีผลเข้าไปแล้ว”
“นารีผลของข้าอยู่ไหน...นารีผลของข้า พวกเจ้าเอานารีผลของข้าไปซ่อนไว้ที่ไหน”
อุ้มสมเกรี้ยวกราดจะเข้าไปทำร้ายชิโลกับตรัสวิน แต่สการเข้ามากระชากคอเสื้อห้ามไว้
“นารีผลเป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น...แกไม่มีสิทธิ์แตะต้อง”
สการหน้าตาขึงขังจริงจัง แววตาเปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้มเพราะฤทธิ์เดชมนตราของนารีผล
“เจ้าต่างหากที่ห้ามมายุ่งกับนารีผลของข้า...ใครขวางทางข้า ต้องตาย”
อุ้มสมชกเปรี้ยงเข้าที่หน้า สการหน้าหันแต่ไม่สะดุ้งสะเทือน สการยิ้มร้ายก่อนจะเป็นฝ่ายรุกใส่อุ้มสมประเคน หมัดอย่างกับพายุ อุ้มสมพยายามปัดป้องและสู้กลับกลายเป็นมวยนัวเนียซัดกันไปมา ตรัสวินรีบห้าม
“หยุดนะ...อย่าตีกัน พวกเจ้าตั้งสติให้ดี อย่าตกเป็นทาสกิเลศ...บอกให้หยุด”
ตรัสวินจะเข้าไปห้ามแต่กลับโดนสการผลักกระเด็นหัวไปกระแทกต้นไม้สลบเหมือด ชิโลตกใจ
“ตรัสวิน!”
สการเล่นงานตรัสวินแล้วก็หันไปเล่นงานอุ้มสมต่อ กระชากคอมาชกเปรี้ยงเข้าที่หน้าสองสามหมัด อุ้มสมก็สลบ เหมือดน็อคคาที่ไปอีกคน
“นารีผล...นารีผลของข้า...เจ้าอยู่ไหน”
สการจะไปตามหานารีผล ชิโลรีบเข้าไปจับมือรั้งเอาไว้
“ผู้กอง...ไปไม่ได้นะ ไหนคุณบอกจะไม่มีวันปล่อยมือจากฉันไง”
สการชะงักนิ่งแววตาเหมือนจะเปลี่ยนจากสีเขียวกลับมาเป็นปกติ
“ความรักก็จะพาให้เรากลับไปด้วยกัน คุณบอกฉันแบบนั้นไม่ใช่เหรอผู้กอง”
สการสบตาชิโล
“เจ้าไม่ใช่นารีผลของข้า”
สการผลักชิโลกระเด็นแล้วรีบไปตามหานารีผล ชิโลอึ้ง
“ผู้กอง!”
ชิโลเป็นห่วงสการเห็นอุ้มสมกับตรัสวินหมดสติไปทั้งคู่แล้วจึงรีบตามสการไป
สการตามหานารีผลเข้าก็พบเจอนารีผล 2-3 นางหัวเราะต่อกระซิกเล่นน้ำ วาบหวาม พวกนางยั่วยวนกวักมือ เรียก สการลุยน้ำเข้าไปกอดรัดฟัดนัวเนียอย่างหลงลืมตัว จนชิโลตามเข้ามาหาสการพบ ภาพบาดตาบาดใจ
“ผู้กอง...ผู้กองหยุดนะ คุณต้องตั้งสติให้ดี อย่าเป็นทาสกิเลศ”
สการหันมาที่ชิโลมองอย่างหยาดเยิ้มก่อนจะดึงชิโลมากอดแล้วจูบปากทันที ชิโลอึ้งตกใจ สการจูบแล้วมือไม้ ก็พยายามลูบไล้อย่างได้อารมณ์ ชิโลรีบผลักแล้วตบหน้าสการทันที...เพี๊ยะ สการหน้าหันแล้วนิ่งไป ชิโลน้ำตานองหน้าเสียใจ
“สู้สิคะผู้กอง...คุณต้องสู้กับกิเลศในตัวคุณให้ได้ ถ้าคุณยังอยู่ที่นี่พวกบุรุษเพศคนอื่นๆที่ ตามกลิ่นนารีผลมา จะทำให้ที่เป็นสนามรบ คุณจะถูกพวกนั้นฆ่าตาย”
สการนิ่งเงียบไม่ขยับเขยื้อน ชิโลเข้าไปแตะแขนอย่างเป็นห่วง
“กลับกันเถอะนะผู้กอง...พิสูจน์ให้อสุเรศเห็นว่าคุณเป็นมนุษย์ที่ฉันสามารถฝากชีวิต ไว้กับคุณได้”
ชิโลน้ำตาเอ่อ...สการหันมามองหน้าเอามือแตะชิโลแล้วเกรี้ยวกราดใส่
“ใครที่มาขัดขวางคิดจะแย่งนารีผลของฉัน ฉันจะฆ่ามัน”
สการผลักชิโลอย่างไม่ไยดี อาการนิลพิษก็แทรกขึ้นมาอีก เส้นเลือดเปลี่ยนเป็นสีดำปูดโนนขึ้นตามลำตัว
ชิโลหนาวสั่นทรมานต่อหน้าต่อตาสการ แต่สการกลับนิ่งเฉยไม่สนใจ วิ่งไล่ตามพวกนางนารีผลหายไปในป่าอีก
ชิโลเจ็บปวดทั้งกายและใจน้ำตาไหลพราก “ผู้กอง...”
ตรัสวินรู้สึกตัวมึนๆ กุมหัวร้องบ่นเจ็บปวดตุ๊บๆ
“อู้ย...เจ้ามนุษย์ ! เล่นซะหัวโนเลย”
ตรัสวินบ่นได้ครู่ก็ได้ยินเสียงสะอื้นไห้ของชิโล
“นางฟ้า...แล้วเจ้ามนุษย์นั่นล่ะ”
ชิโลเอาแต่ร้องไห้เสียใจ ตรัสวินหน้าเสีย
“โธ่เอ้ย...เราเตือนแล้วก็ไม่เชื่อ ยังไงมนุษย์ก็ไม่มีทางชนะกิเลศ ตัดใจเถอะนางฟ้า เจ้าหมอนั่นคงทิ้งนางฟ้าแล้วไปอยู่กับพวกนารีผลแล้ว”
“ในที่สุดก็เป็นจริงอย่างที่อสุเรศว่า...นางฟ้ากับมนุษย์ไม่มีทางที่จะรักกันได้”
ชิโลเจ็บปวดขึ้นมาอีกเพราะนิลพิษ
“นางฟ้า!”
“ขอบใจเธอมากนะตรัสวิน จากนี้เธอไม่ต้องตามฉันไปแล้วล่ะ”
ชิโลฝืนความเจ็บปวดทรมานแล้วเดินออกไปอย่างตัดสินใจ
“นางฟ้า...นางฟ้า!”
ชิโลออกไปแล้ว ตรัสวินหันไปมองอุ้มสมที่สลบเหมือดไม่ได้สติอย่างหนักใจเครียด...เอาไงดี
วันใหม่...เสื้อผ้าของมัดหมี่ เสื้อผ้าของรุจน์กระจัดกระจายเกลื่อนพื้นห้องของโรงแรม...บนเตียงมัดหมี่กับรุจน์ ประครองกอดกันซุกตัวอยู่ในผ้าห่มผืนใหญ่ เดี๋ยวหอมเดี๋ยวจุ๊บกันหวานเชี้ยบ แถมมัดหมี่ยังเอามือถือมากดถ่าย รูปคู่เอาไว้อีก
“คุณมัดหมี่ครับ...หลังจากที่เมื่อคืนนี้เรามีความสุขกันไปจนมันจุกอกผมแล้ว ผมก็มี เรื่องสำคัญที่อยากจะบอกคุณ”
มัดหมี่หน้าแดง
“เดี๋ยวค่ะ...ขอให้มัดหมี่เป็นฝ่ายพูดกับคุณก่อนได้มั้ยค่ะ ดาร์ลิ้ง”
มัดหมี่ยิ้มหวานลูบหน้าลูบตารุจน์ด้วยความเสน่ห์หาอย่างแร๊งส์
“ตั้งแต่มีความรักมา ไม่เคยมีใครที่ทำให้มัดหมี่จี๊ดถึงใจได้ขนาดนี้ คุณคือผู้ชายที่ เพอร์เฟคที่สุด คุณเป็นยอดยาหยี เป็นหนึ่งเดียวในใจ มัดหมี่พร้อมจะเป็นเจ้าหญิง อยู่ท่ามกลางทะเลทรายแห่งความรักของคุณแล้วค่ะ”
มัดหมี่หลับตาพริ้มทำปากจูจุ๊บ
“เอ่อ...คุณมัดหมี่ ถ้าความจริงที่ผมจะบอกคุณ มันอาจจะทำให้คุณจี๊ด...ปรี๊ดขึ้นมาบ้าง คุณสัญญาได้มั้ยว่าจะไม่โกรธผม”
“ถ้าคุณยังยืนยันคำสัญญาเมื่อคืนนี้ว่าจะยกเลิกธรรมเนียมเมียสี่ แล้วให้มัดหมี่เป็นเมียเดียว มีสิทธิ์เด็ดขาดในสมบัติของคุณทุกอย่าง แค่นั้นก็ไม่มีอะไรมาทำให้มัดหมี่จี๊ดปรี๊ด ขึ้นแล้วล่ะ”
รุจน์ตัดสินใจ
“งั้นผมก็สบายใจที่จะบอกความจริงกับคุณว่า...”
มัดหมี่ใจเต้นตึกๆ รุจน์พยายามฉีกยิ้มหวานสุดฤทธิ์
เสียงกรี๊ดร้องของมัดหมี่ดังลั่นจนโรงแรมแทบสะเทือน รุจน์นุ่งบ๊อกเซอร์เสื้อกล้ามวิ่งหนีตายเข้ามาหลบในห้องน้ำ ส่วนมัดหมี่ทุบประตูปังๆโวยวายโกรธสุดๆ
“ไอ้ชั่ว...ไอ้เลว...ออกมานะ ฉันจะฆ่าแก บอกให้ออกมา”
“ไหนคุณบอกว่าผมเป็นผู้ชายที่เพอร์เฟคที่สุด เป็นยอดยาหยี เป็นหนึ่งเดียวในใจคุณ แล้วคุณจะฆ่าผมได้ลงคอเหรอ ดาร์ลิ้ง”
“ไม่ต้องมาเรียกฉันดาร์ลิ้ง...ไอ้สารเลว ฉันจะไม่ฆ่าแกอย่างเดียว ฉันจะตัดของแกทิ้ง แล้วสับๆๆๆๆ โยนใส่ชักโครกกดไม่ให้เหลือ”
รุจน์กลืนน้ำลายเอื๊อก
“ถ้าคุณทำอย่างนั้นจริงๆ คุณก็ต้องติดคุก แถมยังไม่เหลืออะไรไว้ จี๊ดถึงใจคุณอีกนะ”
มัดหมี่อึ้ง
“ไอ้...ไอ้...ไอ้ชั่ว...งั้นฉันจะโทรเรียกตำรวจมาลากคอแก แกได้ติดคุกหัวโตแน่...โทรศัพท์ฉันอยู่ไหน...อยู่ไหน”
มัดหมี่หันรีหันขวางหาโทรศัพท์ รุจน์ค่อยๆแง้มประตูยื่นหน้าออกมา
“อยู่นี่ครับ”
“นี่แกต้มตุ๋นฉันแล้วยังคิดขโมยโทรศัพท์ฉันด้วยเหรอ...แกได้แก่ตายในคุกแน่ไอ้ชั่ว”
รุจน์ขึ้นเสียงขึงขัง
“เดี๋ยว ! หยุดอยู่ตรงนั้นเลย”
มัดหมี่ชะงัก
“ถ้าจะว่าผมว่าชั่วว่าเลว ช่วยหันไปมองกระจกแล้วบอกตัวเองด้วยว่าคุณมันก็ไม่ต่างจากผม คุณมันก็ผู้หญิง ปลิ้นปล้อนเห็นแก่เงิน เห็นแก่ตัว ผู้ชายดีๆที่ไม่กินหญ้า ไม่มีทางเหลือให้มาถึงมือ คุณหรอก ดีที่สุดที่จะจี๊ดถึงใจคุณได้ก็มีแต่ไอ้รุจน์คนนี้เท่านั้น”
มัดหมี่หหน้าเหวอ
“แก...ยังกล้ามาด่าฉันอีก”
มัดหมี่หันไปคว้าโคมไฟขึ้นมาจะปรี่เข้าไปทุ่มใส่ แต่รุจน์เสียงดังอีก
“หยุดนะ! ถ้าคุณทำร้ายผมล่ะก็...” รุจน์ชูโทรศัพท์ขึ้นมา “ทั้งคลิปวีดิโอ ทั้งรูปถ่ายที่คุณ ถ่ายเอาไว้เองกับมือ ผมจะกดแชร์ให้ว่อนเน็ตเดี๋ยวนี้เลย”
มัดหมี่อึ้ง
“แก...”
“ในเมื่อคุณยอมรับว่าคุณมีความสุขกับผม แม้ว่าวันนี้ผมจะไม่ใช่สเป็คเต็มร้อยของคุณ แต่สักวันผมจะเติมให้เต็มร้อย คุณจะได้จี๊ดถึงใจอย่างภาคภูมิว่านี่แหละ...แฟนฉัน”
มัดหมี่นิ่งงันทรุดเข่าฮวบแล้วร้องไห้โฮเสียงดังลั่น....ฮือๆๆๆๆๆ
โปรดติดตาม "มณีแดนสรวง" ตอนอสาน พรุ่งนี้ เวลา 9.30 น.
มณีแดนสรวง ตอนที่ 20 อวสาน (ต่อ)
ดรัณ สิริสุดาและ เอิงเอย คุยกันอยู่ในคอนโด
“ในที่สุดมัดหมี่ก็เป็นฝ่ายไม่มีทางเลือก สุดท้ายก็เลยต้องยอมเจ้ารุจน์”
เอิงเอยสะใจ
“สมน้ำหน้ามัน...เสียดายไม่ได้เห็นหน้าตอนยัยมัดหมี่จี๊ดถึงใจไม่ออก”
“อย่าไปสมน้ำหน้าเขาเลยครับคุณเอิง ทีแรกผมก็ไม่ค่อยเห็นด้วยกับแผนการเท่าไหร่ แต่เจ้ารุจน์ยืนยันว่าทำไปเพราะรักจริง ผมก็เลยโอเคเพราะอย่างน้อยมัดหมี่ก็ยังเจอ ผู้ชายที่เข้าใจและทนเขาได้ เขาต้องเรียกว่าโชคดีถึงจะถูก”
“ค่ะ...แหมพอตัวเองสมหวังขึ้นมาก็เป็นกูรูความรักเลยนะผู้กอง”
ดรัณยิ้มรับแล้วหันไปเห็นสิริสุดายังนั่งเงียบเศร้าๆ
“ยังเป็นห่วงคุณป๋าอยู่เหรอสิ”
สิริสุดาพยักหน้ารับ เอิงเอยกับดรัณอดเป็นห่วงสิริสุดาไม่ได้ ระหว่างนั้นเองโทรศัพท์ของดรัณดังขึ้น
“ครับคุณตรีชฎา...จริงเหรอครับ...ที่ไหน...ได้ครับ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
ดรัณวางสายแล้วหัน มาบอกสิริสุดาอย่างดีใจ
“เราพบตัวคุณป๋าแล้วสิ”
สิริสุดาหน้าตื่น
“ที่ไหนคะดรัณ...แล้วคุณป๋ายังปลอดภัยรึเปล่า”
“คุณป๋าปลอดภัยดีตอนนี้อาศัยอยู่ที่วัด”
สิริสุดากับเอิงเอยตกใจ
“วัด!”
บรรยากาศวัดร่วมรื่น ดรัณกับสิริสุดาและตำรวจ 3-4 นายเดินตามพระหลวงพี่องค์หนึ่งเข้ามา
“หลายวันก่อนคุณป๋ามาขออาศัยที่วัด อ้างว่าทำธุรกิจล้มละลาย บ้านโดนยึดไม่มีที่อยู่ หลวงพ่อท่านสงสารก็เลยให้อาศัยอยู่ด้วย แต่บังเอิญว่าวันนี้หลวงพ่อไปบิณฑบาต เห็นข่าวในโทรทัศน์ว่าเป็นคนเดียวกับที่กำลังหนีคดี เลยแจ้งไปที่สถานีตำรวจ”
สิริสุดาสงสาร
“โธ่คุณป๋า”
พระหลวงพี่เดินนำมาหยุดที่หน้าโบสถ์ สิริสุดาจะเข้าไปแต่สการจับมือสิริสุดาเอาไว้
“ทำไมคะดรัณ...สิอยากเจอคุณป๋า”
“คืออย่างนี้สิ...หลวงพ่อเล่าให้ฟังว่าตั้งแต่ที่คุณป๋ามาอยู่วัด ก็เอาแต่พูดเรื่องสวรรค์ นรก อาการค่อนข้างน่าเป็นห่วง”
สิริสุดาไม่เข้าใจ
“น่าเป็นห่วงยังไง”
ภายในโบสถ์ ทองทิวกราบอ้อนวอนขอร้องหลวงพ่อ
“บวชให้ผมเถอะครับหลวงพ่อ ผมต้องอยู่ในผ้าเหลืองไม่งั้นผมไม่รอดแน่”
“โยม...ผ้าเหลืองไม่ได้มีไว้ปกป้องโยมจากพวกภูติผีปีศาจหรอก”
“แต่ผมได้ยินเสียงพวกมันร้องโหยหวนทั้งคืน หรือว่าหลวงพ่ออยากให้ผมทำบุญก่อน ถึงจะบวชให้ผมได้ เอาไปเลย ผมให้หมดเลย ทั้งหมดเนี่ยสร้างโบสถ์ให้วัดนี้ได้สบาย”
ทองทิวถอดสร้อย แหวน นาฬิการาคาแพง เอากระเป๋าตังค์ออกมาหยิบเงินออกมากอง สิริสุดา ดรัณและพวกตำรวจยืนอยู่ที่หน้าประตูเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ทองทิวอ้อนวอน
“นะครับหลวงพ่อ...ผมขอร้อง ผมออกจากวัดไม่ได้จริงๆ ผมเห็นมากับตามาแล้ว นรกสวรรค์มีอยู่จริงๆ ผมไม่อยากตกนรก”
สิริสุดาทนไม่ไหวจึงร้องเรียก
“คุณป๋า”
ทองทิวชะงักหันไปเห็นสิริสุดาที่เข้ามาพร้อมกับดรัณและตำรวจ
“ยัยสิ...นี่แกเอาตำรวจมาจับป๋าเหรอ ไม่...ป๋าไม่ยอมถูกจับ”
ดรัณพยายามกล่อม
“คุณป๋าอย่าคิดหนีต่อเลย ตอนนี้ตำรวจล้อมที่นี่ไว้หมดแล้ว มอบตัวเถอะครับ”
“ไม่...หัวเด็ดตีนขาดยังไงฉันก็ไม่ยอมออกไปจากวัดเด็ดขาด ยัยสิ...แกต้องช่วยป๋านะ ป๋าเชื่อแล้วว่าว่ามีนางฟ้า มีอสูรจริงๆ เมื่อคืนป๋าเจอเปรตมาร้องขอส่วนบุญ ป๋าไม่อยาก ตายไปเป็นเปรต ป๋าต้องบวชเป็นพระจะได้บุญเยอะๆ ไม่ต้องตกนรก”
ทองทิวบอกลูกแล้วหันไปกอดขาหลวงพ่อขอร้องให้บวชให้อีก สิริสุดาน้ำตาซึมเสียใจ หลวงพ่อปลอบ
“โยม...ถึงจะบวชเป็นพระบาปกรรมก็ไม่หายไปไหนหรอก ใครก่อกรรมอะไรไว้ก็ต้อง ชดใช้ ไม่มีทางหนีพ้น”
สิริสุดาร้องไห้เสียใจ ดรัณหันไปพยักหน้าให้ตำรวจเข้าไปคุมตัวทองทิว
“ไม่...ฉันไม่อยากตกนรก ฉันไม่อยากเป็นเปรต ยัยสิช่วยป๋าด้วย...ยัยสิ”
สิริสุดาได้แต่ร้องไห้เสียใจปล่อยให้ทองทิวถูกตำรวจคุมตัวออกไป ดรัณเข้ามาโอบไหล่ปลอบใจ
ชิโลเดินทรมานหนาวสั่นเพราะนิลพิษอยู่ในป่าคนเดียว คำพูดของสการทำให้เธอรู้สึกเสียดแทงหัวใจพอๆกับพิษ ร้ายที่แผ่ซ่านไปทั่วตัว
“ผู้กอง...ไปไม่ได้นะ ไหนคุณบอกจะไม่มีวันปล่อยมือจากฉันไง”
สการชะงักนิ่งแววตาเหมือนจะเปลี่ยนจากสีเขียวกลับมาเป็นปกติ
“ความรักก็จะพาให้เรากลับไปด้วยกัน คุณบอกฉันแบบนั้นไม่ใช่เหรอผู้กอง”
สการสบตาชิโล
“เจ้าไม่ใช่นารีผลของข้า”
ชิโลน้ำตานองหน้าล้มลงเดินต่อไม่ไหว ทรมานหนาวสั่นจนน่าเวทนา อสุเรศก้าวเท้าเข้ามาพร้อมกับสมุนของมัน
“เป็นยังไงล่ะรัศมิชโลธร ข้าเตือนเจ้าแล้วว่ามนุษย์ไว้ใจไม่ได้ แต่เจ้าก็ยังปล่อยให้มัน ทำร้ายให้เจ้าทรมานยิ่งกว่าพิษที่ข้าสาปเจ้า”
ชิโลมองอสุเรศอย่างเจ็บใจ แต่ทำอะไรไม่ได้เพราะทรมานหนาวสั่น จิตราสูรหันมาฟ้องนาย
“ดูสายตาของนางสิขอรับ...นางยังจงเกลียดจงชังนายท่านอยู่อีก ทั้งๆที่ไม่มีใครช่วยนาง ได้อีกแล้ว”
“ข้ารู้ว่าเจ้าโกรธแค้นที่ข้าทำร้ายเจ้า แต่นั่นเป็นความจริงที่ข้าอยากให้เจ้าได้สัมผัสด้วย ตัวเอง ไม่อย่างนั้นเจ้าก็จะหลงงมงายอยู่กับพวกมนุษย์ไม่เลิก มาเถอะนางฟ้าของข้า ข้าจะช่วยถอนพิษคำสาปให้ แล้วจะทำบุญช่วยไอ้มนุษย์นั่นให้พ้นจากมนตรานารีผล เพื่อเป็นของขวัญวันแต่งงานของเรา”
ชิโลกัดฟัน
“ไม่...ฉันยังเชื่อใจมนุษย์อยู่...พลังความรักอันบริสุทธิ์ของเขาจะทำให้เขาพ้น จากมนตรานารีผลแล้วมาจัดการกับอสูรเลวอย่างเจ้า...อสุเรศ”
อสุเรศเจ็บใจแต่ยิ้มเยาะดูถูก
“ถ้าเจ้ายังดื้อเชื่อเรื่องที่มันเป็นไปไม่ได้ก็ตามใจ เมื่อวันพรุ่งนี้ มาถึง นิลพิษจะทำให้เจ้าเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัส แต่สิ่งที่จะทรมานเจ้ามาก ที่สุดก็คือความโง่เขลาที่ไปหลงรักมนุษย์...ฮ่าๆๆๆๆ”
เสียงหัวเราะทับถมของอสุเรศดังกึกก้องก่อนที่พวกมันจะหายตัวไป
ตรัสวินลากตัวอุ้มสมที่หมดสติออกมานอกเขตนารีผลจนเหนื่อยแทบหลังหัก
“โอ้ย...หนักเป็นบ้าเลย...เหนื่อย”
ตรัสวินพักเหนื่อยได้ครู่ก็พยายามเรียกสติอุ้มสม ตบหน้าซ้าย-ขวา ไปมาหลายๆทีและรัวถี่
“อุ้มสม...อุ้มสม...ตื่นสิ เลิกนอนขี้เซาได้แล้ว...ถ้าเจ้าไม่ตื่นเราจะจิกลูกตาเจ้ามาแทะ เล่นนะ เจ้าเทพบุตรอุ้มสม”
อุ้มสมเด้งตัวขึ้นมานั่ง...ดึ่ง ตากรอกไปมาแล้วจ้องตรัสวินก่อนจะคว้าตัวมากอดจูบลูบคลำลวนลาม
“นารีผลจ๋า...มามะ...มาให้อุ้มสมจูบดูดดื่มหน่อย”
“เว้ย...เราไม่ใช่นารีผล เราเป็นครุฑน้อยต่างหาก นี่แน๊ะ”
ตรัสวินชกเปรี้ยงเข้าเบ้าตาทีเดียว อุ้มสมหงายหลังแล้วโวยวาย
“โอ้ย...เจ็บนะเจ้าครุฑน้อย ตัวกะเปี๊ยกแต่หมัดหนักชะมัด...ซี้ด”
“นี่เจ้าหลุดพ้นจากมนตราของนารีผลแล้วใช่มั้ย...ไชโย งั้นเราก็รีบไปช่วยเจ้ามนุษย์นั่น กันเถอะ ตอนนี้เจ้านั่นถูกมนตรานารีผลครอบงำจนกู่ไม่กลับแล้ว”
“ผู้กองสการน่ะเหรอ...แล้วชิโลล่ะ”
“ตั้งแต่เมื่อวาน เห็นร้องไห้เสียใจหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้”
“เมื่อวานเหรอ แย่แล้ว...ต้องรีบตามหาชิโลให้เจอ วันนี้พิษคำสาปของอสุเรศจะทำให้ ชิโลตาย”
“งั้นเอาอย่างนี้แล้วกัน เจ้าแปลงกายเป็นนกแก้วบินตามหานางฟ้า ส่วนเราจะกลับไป ช่วยเจ้ามนุษย์นั่น เพราะเราเป็นเด็กกลิ่นมนตราของนารีผลทำอะไรเราไม่ได้”
“เราฝากผู้กองด้วยนะตรัสวิน”
ตรัสวินพยักหน้ารับมั่นใจ
ที่บริเวณน้ำตก...สการอยู่ท่ามกลางพวกนารีผลที่ผลัดกันเอาอกเอาใจลูบไล้นัวเนียอย่างกับอยู่ในฮาเร็ม สการเคลิ้มเหมือนคนโดนมอมยาไม่รู้สึกตัว ตรัสวินเข้ามาพบก็ตกใจกับภาพตรงหน้ารีบเอา มือมาปิดตาเพราะอุจาด
“อี๋...ไม่อายฟ้าอายดินกันมั่งเลยเหรอไงเนี่ย เจ้ามนุษย์…เจ้ามนุษย์”
สการหันมามองหันมามองตรัสวิน แววตาของสการเป็นสีเขียวเข้มเพราะฤทธิ์เดชมนตรานารีผล
“ตัวอะไรอีกเนี่ย…น่ารำคาญ”
สการคว้าก้อนหินขึ้นมาแล้วปาใส่โดนหัวตรัสวิน…โป๊ก
“โอ๊ย! เจ้ามนุษย์ โดนกิเลศครอบงำจนไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงแบบนี้ ปล่อยให้ตายคาอกพวก นารีผลไปแล้วกัน ไม่อยากยุ่งด้วยแล้ว”
ตรัสวินฉุนจะทิ้งสการ แต่ไปได้ไม่ไกลก็หยุดแล้วเดินหลับมา
“เราเป็นครุฑเราต้องมีสัจจะ เราสัญญาว่าจะไม่ทอดทิ้งเจ้าเราก็ต้องช่วยเจ้าให้ได้”
ตรัสวินตัดสินใจเด็ดเดี่ยวหันกลับมาลุยดุ่ยๆเข้าไปผลักพวกนารีผลไม่ให้มาเกาะแกะสการ
“หลบไป ! ไม่งั้นเราจะจับกินให้หมด...เจ้ามนุษย์ เจ้าต้องไปกับเราเดี๋ยวนี้ เจ้าจะมาเสียเวลาอยู่กับนังพวกนี้ไม่ได้ นางฟ้าของเจ้ากำลังรอให้เจ้าไปช่วย”
“นางฟ้า…นางฟ้าที่ไหนจะมาสู้กับนารีผลของฉันได้”
สการหันไปดึงนารีผลนางหนึ่งมากอดมาหอม ตรัสวินยิ่งโมโห
“โธ่เอ้ย…ไหนเจ้าเคยบอกเราไงว่าความรักของเจ้ามันยิ่งใหญ่ อุตส่าห์ดั้นด้นบุกมาถึง หิมพานต์ ยอมแลกได้แม้แต่ชีวิตตัวเองเพื่อความรักที่เป็นไปไม่ได้ แต่สุดท้ายเจ้ามันก็ แค่มนุษย์ที่เก่งแต่โอ้อวด ถ้านางฟ้าต้องมาตายเพราะเจ้า ข้าจะขอสาปแช่งให้เจ้า ไม่ได้ผุดได้เกิด…ต้องอยู่แต่ในนรกไปชั่วกัปชั่วกัลป์”
คำพูดของตรัสวินทำให้สการเหมือนจะได้สติ แต่พอถูกนารีผลเข้ามากอดรัดฟัดนัวเนีย สการก็หลงเคลิ้มอีก
“หนวกหูน่ารำคาญ…พาไอ้ตัวกะเปี๊ยกนี่ออกไป”
พวกนารีผลเข้ามาหิ้วปีกตรัสวินพยายามจะลากตัวออกไป
“ปล่อยนะ…ปล่อยเรา…เจ้ามนุษย์ เจ้าต้องหลุดพ้นจากกิเลศให้ได้ เจ้าบอกเราเองนะว่าความรักสร้างสิ่งอัศจรรย์ขึ้นมาได้ เจ้าต้องทำให้ได้สิ เจ้ามนุษย์ อย่าให้นางฟ้า ต้องมาตายเพราะกิเลศของเจ้า”
พวกนารีผลลากตรัสวินออกไป สการยืนนิ่งเฉย แววตามีสีเขียวเข้มของมนตรานารีผล
อีกบริเวณหนึ่งของป่าหิมพานต์ อุ้มสมตามหาเรียกชิโลอย่างเป็นห่วง ก่อนจะได้ยินเสียงเรียกของชิโลอยู่ใกล้ๆ อุ้มสมไปพบชิโลนอนหมดแรงอยู่ที่โคนต้นไม้ พอช่วยพลิกตัวกลับมาก็ตกใจเพราะตามตัวของชิโลเห็นเส้นเลือด เปลี่ยนเป็นสีดำ ชิโลหนาวจนตัวสั่นและเริ่มเพ้อ
“ผู้กอง…ผู้กองสการ”
“ชิโล…นี่เราอุ้มสมนะ เจ้าต้องอดทนนะ ตรัสวินกำลังไปตามผู้กองมาช่วยเจ้า”
“อุ้ม…อุ้มสม…เรา…เราหนาวเหลือเกิน….โอ๊ย!”
ชิโลสะดุ้งเฮือกเพราะปวดรวดร้าวเข้าไปถึงในกระดูก อุ้มสมน้ำตาคลอสงสาร
“ชิโล…ผู้กอง…ผู้กองสการ ทำไมยังไม่มาอีก…รีบๆมาช่วยชิโลเร็วๆ”
ชิโลบีบมืออุ้มสม
“อุ้มสม…ปล่อย...ปล่อยเราไว้ที่นี่เถอะ พาผู้กองกลับไปโลกมนุษย์ อย่าเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่เพราะเราเลย”
“ไม่ ! พวกเราจะไม่ทิ้งเจ้า ผู้กองมาที่นี่เพราะความรักที่มีต่อเจ้า เพราะฉะนั้นเขาจะต้อง มาพาเจ้ากลับไปให้ได้ เจ้าต้องเชื่อมั่นในความรักของเขา”
ชิโลน้ำตาเอ่อ
“ไม่...ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น...เราก็ไม่เคยรักเขาน้อยลงแม้แต่นิดเดียว แม้ว่า วันนึงเรากับเขาจะต้องแยกจากกันก็ตาม”
อุ้มสมร้องไห้
“ฮือๆๆๆ ชิโล...ชิโล”
ชิโลเพ้อ “ผู้กอง...ผู้กอง...ฉัน...ฉันรักคุณ”
พวกนางนารีผลเริงร่าเล่นน้ำอยู่รอบๆตัวสการที่ถูกเอาอกเอาใจ เสียงของชิโลดังแว่วเข้าหูทำให้สการหันขวับ
”ผู้กอง...ผู้กอง...ฉัน...ฉันรักคุณ”
สการมีอาการชะงัก สติเริ่มกลับไปกลับมา เอามืออุดหูหน้านิ่วคิ้วขมวด พยายามต่อสู้กับกิเลศในตัวเองสุดฤทธิ์
“เจ้ามนุษย์ เจ้าต้องหลุดพ้นจากกิเลศให้ได้ เจ้าบอกเราเองนะ ว่าความรักสร้างสิ่ง อัศจรรย์ขึ้นมาได้ เจ้าต้องทำให้ได้สิ อย่าให้นางฟ้า ต้องมาตายเพราะกิเลศ ของเจ้า”
คำพูดของตรัสวินที่พูดดูถูกเขาเอาไว้ก่อนจะถูกพาตัวออกไปทำให้สการเริ่มมีอาการปวดหัว แววตาที่มีสีเขียว เข้มเริ่มคลายเป็นปกติอย่างช้าๆ ภาพระหว่างเขากับชิโลเข้ามาในจิตใต้สำนึกของเขาเป็นระยะๆตั้งแต่วันที่เจอกัน ตีกัน รักกัน ทยอยเข้ามาในหัวสการเรื่อยๆ พวกนารีผลไม่หยุดโปรยเสน่ห์ใส่ ต่างเข้ามารุมล้อม กอดรัดนัวเนียล่อหลอกด้วยกิเลศ สการชะงักมองพวกนารีผลด้วยแววตาที่ไม่มีสีเขียวจากมนตรา
ชิโลเริ่มสั่นจนแทบทนไม่ไหว อุ้มสมตกใจ
“ชิโล!”
ทันใดนั้นอสุเรศปรากฏตัวขึ้นพร้อมสมุน
“ว่ายังไงรัศมิชโลธร…ถ้าทนไม่ได้ก็ร้องขอให้เราช่วยชีวิตเจ้าสิ”
“ไอ้อสุเรศ ถอนพิษให้ชิโลเดี๋ยวนี้”
อุ้มสมจะลุกไปเอาเรื่อง แต่สองสมุนอสูรก้างออกมาแยกขี้ยวคำรามขู่ ชิโลจับมือห้ามอุ้มสม อสุเรศมองหยัน
“เลิกดื้อซะทีเถอะรัศมิชโลธร เจ้าไม่ควรจะเอาเวลาที่เหลืออยู่น้อยนิดมาพิสูจน์หัวใจของ มนุษย์ ความรักของเจ้ากับมันไม่มีทางเป็นไปได้ ยังไงมนุษย์ก็ไม่คู่ควรกับนางฟ้า”
อุ้มสมเถียงทันควัน
“ไม่จริง! ถึงมนุษย์จะมีกิเลศหยาบ แต่ก็ไม่หยาบช้าเท่าอสูร ชิโล เรามีพรปกป้องอสูรที่ เจ้าเคยให้ไว้ เราจะช่วยชิโลเอง”
ชิโลห้าม
“อย่านะอุ้มสม...หาทางช่วยสการแล้วไปจากหิมพานต์ แล้วปล่อยให้เราตายอยู่ที่นี่”
“ไม่ เราจะต้องกลับสวรรค์ด้วยกัน”
“บุญที่เราทำไว้คงหมดแค่นี้ เจ้าควรจะไปช่วยเหลือคนอื่น ช่วยทำให้มนุษย์รักษาความ ดี พิสูจน์ให้อสูรเห็นว่าทำไมเราถึงรักและห่วงใยมนุษย์”
อุ้มสมอึ้งไป
“ชิโล”
อสุเรศโมโห
“ไอ้นกแก้วปากมากเกะกะน่ารำคาญ...ป่านนี้ไอ้มนุษย์นั่นคงตายอยู่ในป่านารีผลแล้ว ข้าจะถอนพิษให้นางแล้วพาไปอยู่ที่พิภพอสูร”
สองสมุนอสูรเข้าไปเล่นงานอุ้มสม ทำให้อสุเรศเข้าไปอุ้มชิโลแล้วพาออกไปด้วยกัน
“ชิโล...อย่าเอาชิโลไป”
อุ้มสมจะตามแต่สองอสูรก็มายืนขวางและหักนิ้ว...กร่อบ อุ้มสมกลืนน้ำลาย...เอื๊อก
มณีแดนสรวง ตอนที่ 20 อวสาน (ต่อ)
ตรัสวินนั่งกอดเข่าร้องไห้เสียใจอยู่คนเดียวเศร้าๆ
“ฮือๆๆ เกิดเป็นครุฑแต่ดันถูกมนุษย์หลอก ไม่น่าเล้ย…ต่อไปนี้เราจะไม่ไว้ใจมนุษย์อีก แล้ว ฮือๆๆ”
ตรัสวินร้องไห้เสียใจได้ครู่มือหนึ่งมามาแตะไหล่
“อย่าเพิ่งหมดหวังกับมนุษย์สิตรัสวิน”
ตรัสวินตกใจ
“เจ้ามนุษย์ ! นี่เจ้า...” ตรัสวินยังระแวง “เจ้าหลุดพ้นจากมนตราของนารีผลแล้วเหรอ”
“ถ้าไม่ได้เธอไปเตือนสติให้ฉันรู้ตัว ฉันก็คงไม่รอดจากที่นั่นเหมือนกัน ขอบใจนะตรัสวิน”
“อย่าเพิ่งขอบใจเราเลย ตอนนี้เจ้าต้องรีบไปช่วยเหลือนางฟ้าและจัดการกับอสูร”
“ไม่ต้องห่วง คราวนี้ฉันจะไม่ปล่อยให้อสุเรศทำร้ายใครได้อีก สตถมุขนาคจะลากคอพวกมันให้กลับไปรับโทษที่พิภพอสูร”
สการหยิบเชือกนาคออกมา ตรัสวินเห็นเข้าก็ตกใจร้องเสียงหลง
“นาค!....พ่อแก้วแม่แก้ว ช่วยลูกด้วย เอานาคไปไกลๆ เรากลัว”
ตรัสวินถอยหนีไปหลบหลังต้นไม้กลัวมาก สการนึกได้
“ฉันขอโทษนะตรัสวิน ฉันลืมไปว่านาคกับครุฑไม่ถูกกัน เจอกันเมื่อไหร่ต้องตี กันเรื่อย แต่นาคตัวนี้ฟังคำสั่งเรา เจ้าไม่ต้องกลัว”
“ถ้าเจ้ายืนยันเราก็ค่อยโล่งอก เราจะได้พาเจ้าบินไปหานางฟ้า”
“ปีกของเจ้าใช้การได้แล้วเหรอ”
“ยังเจ็บอยู่นิดหน่อย แต่ก็พอพาเจ้าบินไปช่วยนางฟ้าได้”
ตรัสวินยิ้มอวดเก่งแล้วขยับปีกที่อยู่ข้างหลังออก
อุ้มสมถูกสองสมุนอสูรรุมเล่นงานผลัดกันชกจนอุ้มสมปัดป้องไม่ได้ อุ้มสมฮึดชกเปรี้ยงใส่หน้าอัคราสูร เต็มๆ แต่มันกลับยิ้มร้ายแบบไม่สะดุ้งสะเทือน จิตราสูรหัวเราะเยาะ
“ฮ่าๆๆ ถึงพรของรัศมิชโลธรจะช่วยไม่ให้พวกข้าฆ่าเจ้าได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะ กระทืบเจ้าให้พิการไม่ได้”
อัคราสูรเข้าไปจับแขนอุ้มสมมาบิดอย่างแรง อุ้มสมร้องเจ็บดังลั่น
“โอ๊ย !”
อัคราสูรถลึงตาใส่น่ากลัว
“เจ้าทำให้ข้าอารมณ์เสียมาหลายครั้งแล้ว วันนี้ข้าจะหักแขนหักขาเจ้าทีละข้าง แล้วปล่อยให้นอนทรมานกลายเป็นอาหารให้สัตว์ในหิมพานต์แทะเล่น”
อัคราสูรออกแรงบิดแขนอีก อุ้มสมเจ็บปวดมากๆ ทันใดนั้นสการกับตรัสวินปรากฏตัวขึ้น
“ปล่อยอุ้มสมเดี๋ยวนี้!”
จิตราสูรตะลึงงัน
“ผู้กองสการ...มันรอดจากพวกนารีผลมาได้ยังไง”
ตรัสวินยิ้มเย้ย
“เพราะมนุษย์คนนี้ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา แต่เป็นมนุษย์ที่พวกอสูรหางแถวอย่างพวกเจ้า ต้องหวาดกลัว”
อัคราสูรโกรธ
“เจ้าครุฑตัวกะเปี๊ยก ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม กล้ามาดูถูกข้า เจ้าได้ปากเจ่อมากกว่า จงอยปากเจ้าอีก”
อัคราสูรปล่อยอุ้มสมแล้วแล้วตรงดิ่งมาที่ตรัสวินกับสการ ตรัสวินรีบหลบไปข้างหลังสการ
“อสูรใจชั่วคิดรังแกเด็ก จัดการสั่งสอนมันเลยเจ้ามนุษย์”
สการตั้งรับ อัคราสูรวิ่งเข้ามาเปิดฉากแลกหมัดซัดกันนัว อุ้มสมฮึดขึ้นมาแล้วเข้าไปสู้กับจิตราสูร ตรัสวินตามไปช่วย กระโดดเกาะหลังใช้จงอยปากจิกใส่ไม่หยุด
สการแลกหมัดกับอัคราสูรอย่างมันส์หยด สองคนประลองกำลังข่มใส่กัน อัคราสูรจับสการกดจนเข่าทรุด แต่สการก็มีลูกฮึดดันกลับแล้วใช้หัวกระแทกแสกหน้าจนอัคราสูรผงะ อัคราสูรเจ็บใจคำรามส่งเสียงร้องดัง ดวงตาแดงก่ำแยกเขี้ยวโง้งจะเล่นงาน สการตัดสินใจเอาเชือกสตถมุขนาค ออกมาแล้วโยนไปข้างหน้า กลายเป็นนาคตัวใหญ่น่าเกรงขามเลื้อยเข้าไปพันตัวอัตคราสูรแล้วฉกกัดใส่ทันที อัคราสูรร้องเจ็บปวดทรมาน พิษร้ายของนาคทำให้ร่างกายของมันลุกไหม้ ก่อนจะสลายกลายเป็นขี้เถ้าต่อหน้า ต่อตาจิตราสูรที่กลัวจนลนลาน เอานิ้วจิ้มตาอุ้มสม ผลักตรัสวินกระเด็นแล้วโกยอ้าวเอาตัวรอด
“เป็นไงบ้างอุ้มสม”
“เจ็บน่ะสิถามได้...ถ้าผู้กองมาไม่ทันมีหวังโดนมันหักแขนหักขาไปแล้ว”
ตรัสวินรีบบอก
“เจ้าอสูรขี้ขลาด คงหนีไปหาหัวหน้ามัน เรารีบตามไปจัดการพวกมันให้หมดเลยดีกว่า”
สการพยักหน้ารับแล้วช่วยพยุงอุ้มสมขึ้น
อสุเรศอุ้มชิโลมาวางที่โคนต้นไม้ ชิโลหน้าซีดจนแทบจะหมดลมหายใจแต่ก็ยังใจแข็ง
“ปล่อยเรา...ให้เราตายซะยังดีกว่าต้องเป็นหนี้ชีวิตเจ้า...อสุเรศ”
“ข้าปล่อยให้เจ้าตายไม่ได้หรอกรัศมิชโลธร ถึงข้าจะเป็นอสูรร้ายในสายตาเจ้า แต่ข้าจะ ไม่ปล่อยให้เจ้าต้องทรมานทั้งใจและกาย ข้าจะใช้ความรักที่มีต่อเจ้าช่วยเยียวยาให้ เจ้าหายจากความเสียใจเพราะมนุษย์อย่างมัน”
“ไม่มีใครแทนที่สการได้...ชีวิตฉันมีไว้เพื่อเขาคนเดียว”
“ไว้เจ้าอยู่กับข้าแล้วเจ้าก็จะลืมมันไปเอง”
อสุเรศชี้นิ้วแตะที่หน้าผากชิโล เกิดแสงสวาบขึ้นที่ปลายนิ้วอสุเรศ ชิโลสะดุ้งเฮือกเส้นเลือดสีดำเพราะนิลพิษ ค่อยจางหายไป ชิโลแน่นิ่งไป
“หลับให้สบายนางฟ้าของข้า เมื่อเจ้าตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เจ้าก็จะกลายเป็นเจ้าสาวของข้า ไปชั่วกัปชั่วกัลป์”
อสุเรศยิ้มร้ายหัวเราะชอบใจได้ครู่ จิตราสูรวิ่งล้มลุกคลุกคลานเข้ามาหน้าตาแดงเถือกร้อนรุ่มไปทั้งตัว
“นาย...นายท่าน...ช่วย...ช่วยข้าด้วย”
อสุเรศชะงักเห็นสมุนตัวเองร่างกายร้อนผ่าวทรมาน สการเดินเข้ามา อุ้มสมกับตรัสวินตามเข้ามา
“ลูกน้องของแกโดนพิษของนาคไปแล้ว รายต่อไปก็คือแกอสุเรศ”
“นายท่าน...ช่วยข้าด้วย...ข้ายังไม่อยากตาย”
จิตราสูรดิ้นพราดๆก่อนที่ร่างจะลุกไหม้เป็นไฟจนเหลือแต่ขี้เถ้าต่อหน้าต่อตา อสุเรศเจ็บใจ
“ผู้กองสการ…มนุษย์อย่างแกไม่มีวันเอาชนะอสูร”
อสุเรศขยับจะเข้าไปเล่นงาน สการเตรียมเชือกนาคขึ้นมาจะเล่นงานอสุเรศ แต่ถูกอสุเรศชี้นิ้วแล้วสบัดมือ ทีเดียว เชือกนาคกระเด็นหลุดจากมือ อุ้มสมกับตรัสวินจะเข้าไปหยิบ แต่ก็ถูกอสุเรศก็ชี้นิ้วสั่งทีเดียว ทั้งคู่กระเด็นไปนอนจุกกระเด็นตามแรงสั่ง สการหันขวับไม่ทันตั้งตัวอสุเรศโผล่ตึ่งมายืนตรงหน้าแล้วใช้มือบีบคอสการยกจนตัวลอย
“รัศมิชโลธรต้องเป็นของข้าแต่ผู้เดียว”
สการหน้าดำหน้าแดง ชกใส่หน้าอสุเรศไปหลายหมัด แต่อสุเรศอึดไม่สะดุ้งสะเทือน สการเลยจับมืออสุเรศแล้ว ออกแรงแกะมือออกจากคอ อสุเรศยิ่งออกแรงต้านแต่สการก็สู้ไม่ถอยจนแกะมืออสุเรศได้ผลักอสุเรศแล้วถอยมาตั้งหลัก อสุเรศไม่ยอมหยุดปรี่เข้ามาจะเล่นงานอีก แต่คราวนี้สการชกสวนกลับ เปิดฉากแลกหมัดกับอสุเรศอย่างถึงพริกถึงขิง สการกลายเป็นฝ่ายรุกไล่เล่นงานจนอสุเรศเลือดกบปาก สการกระชากคอมาจ้องเขม็ง
“ถ้าฉันไม่มีวาสนาได้อยู่กับนางฟ้า อสูรอย่างแก...ก็ไม่มี เหมือนกัน”
สการเอาหัวโขกใส่อสุเรศจนกระเด็นแล้วแน่นิ่งไป สการยืนหอบแฮ่กกว่าจะเล่นงานอสุเรศได้ก็เล่นเอาหอบ ตรัสวินกับอุ้มสมดีใจเฮเสียงลั่นที่เห็นสการสั่งสอนอสุเรศจนสลบเหมือดแต่อสุเรศแกล้งแพ้เพื่อให้สการหลงตายใจ มันลุกขึ้นแล้วแล้วใช้นิ้วสั่งให้สการขยับเขยื้นตัวไม่ได้ ก่อนจะใช้นิ้วชี้ ไปที่หน้าผาก
“ถึงพรของรัศมิชโลธรทำให้ข้าฆ่าเจ้าไม่ได้ แต่พิษของข้าจะทำให้เจ้าทรมานจนต้องฆ่า ตัวตายเอง”
สการกำลังจะถูกอสุเรศสาปพิษร้ายใส่แต่ทันใดนั้นชิโลที่รู้สึกตัวขึ้นมาก็คว้าเชือกนาคจากพื้นเข้ามาเอาเรื่อง
“ได้เวลาที่เจ้าต้องถูกลงโทษแล้วอสุเรศ”
ชิโลโยนเชือกนาคออกไปกลายเป็นสตถมุขนาคตัวใหญ่ อสุเรศตกใจปล่อยมือจากสการ แล้วพยายามจะหนี แต่นาคก็เลื้อยตามเข้าไปรัดตัวอสุเรศเอาไว้จนกระดิกตัวไม่ได้
“ปล่อยข้า…ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้”
สตถมุขนาคหายตัวไปพร้อมกับอสุเรศ สการกับชิโลรีบวิ่งเข้าหากัน
“ชิโล!”
“ผู้กอง”
สองคนกอดกันด้วยความดีใจ อุ้มสมเอามือปิดหน้าตรัสวิน
“ตอนนี้เด็กห้ามดู เป็นเรื่องของผู้ใหญ่เขา”
สการอุ้มชิโลเดินเข้ามาที่บริเวณหนึ่งของป่าหิมพานต์ ตรงทางข้างหน้ามีวงแหวนอยู่กลางอากาศเหมือนเป็น ประตูที่จะพากลับไปยังโลกมนุษย์
“ปล่อยฉันเดินเองได้แล้วค่ะผู้กอง ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว”
“แต่ผมยังอุ้มไหวนะ ให้อุ้มกลับไปจนถึงโลกมนุษย์ก็ไหว”
ตรัสวินแขวะ
“ทีงี้ล่ะทำพูดเก่งเจ้ามนุษย์ ทีตอนอยู่กับพวกนารีผลเห็น คอพับคออ่อน มือไม้ไม่มีแรง กินเองไม่ไหวต้องให้พวกนั้นคอยป้อนปาก”
“จริงเหรอตรัสวิน” ชิโลตีแขนสการทันที “ชอบพวกนารีผลมากใช่มั้ย งั้นก็อยู่ที่หิมพานต์นี่ไปเลย ไม่ต้องกลับ”
สการออดอ้อน
“โธ่ชิโล...ก็ตอนนั้นผมลืมตัว ผมสัญญานะว่าจะไม่มีครั้งที่สองแน่นอน”
อุ้มสมดักคอ
“แน่ล่ะสิผู้กอง เพราะเจ้าคงไม่มีโอกาสมาเหยียบที่ป่าหิมพานต์นี่อีกแน่”
ชิโลมองค้อนสการแล้วหันมาที่ตรัสวิน
“ไม่สนใจไปเที่ยวที่โลกมนุษย์ด้วยกันเหรอตรัสวิน”
“ไว้โอกาสหน้าแล้วกัน ตอนนี้เราต้องกลับไปสุบรรณพิมาน หายมานานเดี๋ยวจะโดนดุ”
“ขอบใจนะเจ้าครุฑน้อย”
ตรัสวินงอนๆ
“อย่าเรียกเราว่าครุฑน้อยนะ อายุของเราแก่กว่าเจ้าเป็นร้อยปีเจ้ามนุษย์”
ชิโลยิ้มขำ
“จ้ะตรัสวิน...มีโอกาสเมื่อไหร่ก็แวะไปหาเราที่ดาวดึงส์นะ”
ตรัสวินยิ้มรับ แต่อุ้มสมสังเกตเห็นสีหน้าของสการมีความเสียใจเมื่อได้ยินชิโลพูดถึงดาวดึงส์
บรรยากาศรีสอร์ทกลางขุนเขาสวยงาม สิริสุดาอยู่ในชุดเจ้าสาวแสนสวย มีเอิงเอยคอยช่วยดูแลความสวยงามให้ ชิโลเอาดอกไม้มาให้
“คุณสิสวยจังเลยนะคะ”
“อย่าเรียกฉันอย่างนั้นเลยค่ะ คุณเป็นนางฟ้าแต่เราเป็นแค่มนุษย์ธรรมดา”
“เรียกฉันแบบเดิมเถอะคุณสิ ตอนนี้ฉันก็ยังเป็นมนุษย์อยู่ ยังไม่ได้คืนสภาวะเดิม ฉันอยากจะขอโทษเธอที่เคยมาก่อกวนทำให้การแต่งงานของเธอต้องพัง”
“ไม่เป็นไรหรอกชิโล ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณเธอที่มาช่วยทำให้ฉันกับดรัณรักกัน มากขึ้น”
เอิงเอยเสริม
“มากจนเลี่ยนเลยล่ะชิโล”
“ยัยเอิง แกเนี่ย…” สิริสุดาหันมาจับมือชิโล “ชิโลจ๊ะ สัญญาได้มั้ยว่าจะอยู่ร่วมพิธีแต่งงานของฉันจนเสร็จแล้วค่อยกลับสวรรค์”
ชิโลนิ่งไปหน้าตาดูมีแววกังวล สิริสุดากับเอิงเอยทำหน้าเศร้าเชิงขอร้อง
บรรยากาศงานแต่งงานที่บริเวณสวนสวยๆของรีสอร์ท มีริบบิ้น ลูกโป่ง ดอกไม้จัดเต็ม เริ่ดหรูดูดี ดรัณในชุดเจ้าบ่าวหล่อเนี๊ยบ สการเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวยืนประกบที่หน้าแท่นพิธี มีบาทหลวงรอทำพิธีให้
“ไอ้แซม…ตื่นเต้นจนหน้าจะมืดแล้ว มียาดมรึเปล่า”
“อย่าเว่อร์น่า งานแบบนี้แกเคยผ่านมาแล้วนะเว้ย”
“มันก็ใช่ แต่ตอนนั้นงานมันล่มก่อน ไม่ทันได้แต่งเป็นเรื่องเป็นราวนี่หว่า”
บาทหลวงกระแอมขัดจังหวะเพราะได้เวลาเริ่มพิธีแล้ว ดรัณกับสการรีบสงบ เสียงเพลงงานแต่งงานดังขึ้น ทุกสายตาจับจ้องไปที่เจ้าสาวซึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับเอิงเอยกับชิโลที่เป็นเพื่อน เจ้าสาว เนื่องจากพ่อเจ้าสาวมาไม่ได้ เพื่อนเจ้าสาวเลยช่วยส่งตัวแทน
ชิโลกับเอิงเอยส่งสิริสุดาไปอยู่หน้าบาทหลวงคู่กับดรัณ แต่บาทหลวงหรี่ตามองชิโลที่มายืนในฐานะเพื่อน เจ้าสาวอย่างคุ้นตาก่อนจะนึกออก
“พ่อจำได้แล้ว เธอเป็นกิ๊กของเจ้าบ่าว ที่เคยมาล่มงานแต่งครั้งที่แล้ว”
ชิโลจ๋อยไป
“เอ่อ…ใช่ค่ะหลวงพ่อ”
“งั้นไปตกลงกันให้เรียบร้อยก่อน หลวงพ่อไม่เอาเหมือนคราวที่แล้วอีก”
บาทหลวงปิดพระคัมภีร์แล้วจะถอนตัวออกจากงาน ทุกคนตกใจรีบเข้าไปดึงบาทหลวงไว้ ชิโลรีบบอก
“เดี๋ยวค่ะเดี๋ยว…หลวงพ่อ หลวงพ่อทำพิธีให้บ่าวสาวเขาเถอะค่ะ คราวนี้ดิฉันสัญญาว่าจะไม่ก่อกวนแน่นอน”
บาทหลวงจ้องหน้า
“จริงนะ”
“จริงค่ะ ไม่งั้นวันนี้หนูจะมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวได้ยังไง”
“แน่นะ”
ดรัณรีบตอบแทน
“แน่สิครับหลวงพ่อ พวกผมเคลียร์กันลงตัวแล้วว่าใครคู่กับใคร หลวงพ่อ รีบๆทำพิธีให้ผมซะที ผมอยากมีเมียใจจะขาดแล้ว”
“ก็ได้…ถ้าไม่มีใครทำลายพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ หลวงพ่อก็ขอเริ่มพิธีเลยแล้วกัน”
พิธีการดำเนินมาถึงช่วงสำคัญ บาทหลวงถามสิริสุดา
“นางสาวสิริสุดา ยินดีจะรับร้อยตำรวจเอกดรัณเป็นสามีของเจ้าไปตลอดชีวิตหรือไม่”
สิริสุดายิ้มกว้าง
“รับค่ะ”
“ร้อยตำรวจเอกดรัณ ยินดีจะรับนางสาวสิริสุดาเป็นภรรยาของเจ้าไปตลอดชีวิตหรือไม่”
ดรัณยิ้มกว้าง
“รับครับ”
“ถ้าอย่างนั้น ผู้ใดมีความประสงค์จะคัดค้านการที่หญิงและชายทั้งสอง นางสาวสิริสุดา และร้อยตำรวจเอกดรัณ จะแต่งงานร่วมชีวิตเป็นสามีภรรยากันหรือไม่”
ชิโลพูดทันที
“เดี๋ยวค่ะ!”
ทุกคนในพิธีหันขวับไปที่ชิโลเป็นตาเดียว ชิโลกลั้นฮัดเช่ยไว้ไม่อยู่
“ฮัด…ชิ้ว! เรียบร้อยแล้วค่ะ ขอโทษที่ขัดจังหวะ เชิญต่อเลยค่ะ”
ทุกคนเป่าปากโล่งอกพร้อมกัน โดยเฉพาะบาทหลวง
“เล่นเอาหลวงพ่อใจหายใจคว่ำหมด เอาล่ะ ถ้าไม่มีใครคัดค้าน พ่อก็ขอประกาศให้เจ้า ทั้งสองเป็นสามีกันอย่างถูกต้อง ถือว่าการสมรสในวันนี้สำเร็จสมบูรณ์เรียบร้อยทุก ประการ”
“ไชโย ! ได้มีเมียแล้ว”
ดรัณอดใจตื่นเต้นไม่ไหวเข้าไปดึงตัวสิริสุดามาจูบทันที ท่ามกลางเสียงเฮลั่นของทุกคน
สการขำดรัณที่ดีใจออกนอกหน้า ชิโลเองก็อมยิ้มขำก่อนที่ทั้งคู่จะสบตากันแล้วนิ่งกันไป
ดรัณอุ้มเจ้าสาวพาออกมาท่ามกลางรุ้งกระดาษปุ้งปังสวยงาม บรรดาสาวๆ มายืนออรอรับช่อดอกไม้กันหน้าสลอน ตรีชฎาไล่คนอื่นๆ
“หลบๆๆ ใครไม่เกี่ยวหลบไปไกลๆเลยนะคะ”
ตรีชฎาเบียดสาวๆเพื่อให้ตัวเองมีพื้นที่มากที่สุด
“ขอโทษด้วยนะคะคุณตรีชฎา งานนี้ของยัยสิ งานหน้าน่ะของฉัน”
เอิงเอิยเบียดตรีชฎากลับแล้วก็เบียดกันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร สิริสุดาหันมาบอกชิโล
“ชิโล…ไปลองเสี่ยงทายด้วยสิ”
ชิโลส่ายหน้าปฏิเสธ สิริสุดาคะยั้นคะยอ
“น่า…นะ…สนุกดีออก”
เอิงเอยกับตรีชฎาเข้ามาจูงมือชิโลเข้าไปร่วมวง
“มาลุ้นด้วยกันนะคะ…มาค่ะ”
ชิโลถูกจับมือพาเข้าไปอยู่กลางวงของสาวๆ สิริสุดาหันหลังแล้วโยนช่อดอกไม้ ช่อดอกไม้ลอยละลิ่ว สาวๆเบียดเสียชูมือสลอน แต่สุดท้ายดอกไม้ก็ตกมาอยู่ในมือของชิโล ดรัณเห็นได้โอกาสดีเลยผลักสการจนเซถลาไปยืนประกบข้างกับชิโล ดรัณประกาศก้อง
“เอ้า…คู่ต่อไป ผู้กองสการกับคุณชิโล”
ทุกคนเฮเชียร์กันเสียงดัง ชิโลกับสการอายหน้าแดงเหมือนกัน บรรยากาศเป็นอย่างอย่างชื่นมื่น
ชิโลถือช่อดอกไม้ออกมานั่งเศร้าๆที่ชิงช้าอยู่คนเดียว สการตามเข้ามาหยุด มองอยู่ครู่ก่อนจะช่วยไกวชิงช้าให้
“ท้องฟ้าวันนี้สวยดีนะชิโล ดูสิ…มีรุ้งด้วย”
ชิโลมองตามแล้วยิ่งเศร้า
“รุ้งที่เห็นนั่นหมายความว่า ท่านพ่อกำลังมารับฉันกลับ”
สการชะงักไปแล้วตัดสินใจทันทีว่าจะไม่รั้งรออีกรีบไปดึงชิโลมากอดเอาไว้แน่น
“อย่าไปเลยนะชิโล…อยู่กับฉันที่นี่เถอะ ฉันขอร้อง อย่าทิ้งฉันไปเลย”
“แต่ภารกิจของฉันเสร็จแล้ว ฉันต้องกลับไปเป็นนางฟ้า”
ชิโลมองสการแล้วร้องไห้ทุกคนที่ตามมาลุ้นสการกับชิโลพลอยเสียใจน้ำตารื้นไปตามๆกัน
“แต่ฉันอยากให้เธออยู่กับฉัน ในเมื่อฉันช่วยเธอไว้ ฉันก็จะขอร้องเทพบิดา”
ทันใดนั้นเสียงเทพบิดาก็ดังขึ้น
“มนุษย์อย่างเจ้ากล้าดียังไงถึงคิดจะมาต่อรองกับเรา”
สรุเสียงดังกึกก้องกัมปนาท ทุกคนหันไปเห็นแสงสว่างพาดผ่านจากท้องฟ้าลงมาหยุดที่เบื้องหน้า เทพบิดากับพรรณรายปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนด้วยรัศมีเปล่งปลั่ง ชิโลหน้าตื่น
“เทพบิดา!”
ทุกคนตกใจในความน่าเกรงขามของเทพบิดา นารีรีบก้มลงกราบ ทุกคนรีบทำตาม พรรณรายพูดขึ้น
“ชิโล อุ้มสม…ขอบคุณท่านพ่อสิ ท่านยกโทษให้พวกเจ้าแล้ว”
ชิโลกับอุ้มสมเข้ามากราบเทพบิดา
“ในเมื่อพวกเจ้าแก้ไขความผิดพลาดที่ก่อขึ้นจนสำเร็จแล้ว เราก็จะคืนทิพย์สภาวะให้”
เทพบิดาชี้นิ้วไปที่อุ้มสมเป็นคนแรก ฉับพลันแสงสว่างเรืองรองขึ้นรอบตัว ละอองทิพย์ล้อมรอบตัวอุ้มสมจน คืนร่าง กลายเป็นเทพบุตรงดงามหล่อเหลา เอิงเอยอึ้งตะลึง
“แก…เห็นมั้ย…เทพบุตร…หล่อมาก…หล่อได้อีก ทำไมตอนเป็นมนุษย์ไม่เห็น หล่อแบบนี้เนี่ย”
สิริสุดารีบตีแขนเพื่อนบอกไม่ให้โอเว่อร์แอคมาก เทพบิดามองชิโล
“มาสิรัศมิชโลธร ความดีของเจ้าได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เจ้าสมควรได้รับการให้อภัย กลับไปเป็นเทพนารีแห่งแดนสรวงอีกครั้ง”
“ท่านพ่อ…คือ…ลูก…ลูก”
“เป็นอะไรไปอีก ตอนที่พ่อจะส่งเจ้ามา เจ้าก็ร้องโอดครวญว่าไม่อยากมา แต่ตอนนี้กลับ ไม่อยากกลับ หรือว่าที่พ่อลงโทษไปยังไม่ทำให้เจ้าเลิกดื้อ”
สการรีบขัดขึ้นทันที
“ชิโลไม่ใช่นางฟ้าที่ดื้อไม่ฟังใครนะครับท่านเทพ”
สการโพล่งออกไปทำเอาทุกคนตกใจที่สการกล้าไปเผชิญหน้ากับเทพบิดาอย่างไม่หวั่นเกรง
“ผมรักชิโล และชิโลก็รักผม ผมจึงอยากจะขอโอกาสให้ผมได้อยู่กับเธอจนชั่วอายุไข ของเราจะได้มั้ยครับ”
“รัศมิชโลธรเป็นลูกสาวของเรา เจ้ากล้าขอเรามากขนาดนี้ ไม่บังอาจมากไปหน่อยเหรอ”
“ผมรักเธอ ไม่ว่ายังไงนั่นก็คือความจริงที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้”
เทพบิดานิ่งไปครู่ก่อนจะหันไปที่ชิโล
“แล้วเจ้าล่ะรัศมิชโลธร โลกมนุษย์ไม่ได้มีแต่มนุษย์กลุ่มนี้ ที่มีแต่ความดี มีขาวก็ต้องมีดำ นางฟ้าอย่างเจ้าถ้าจะอยู่ที่นี่ก็ต้องเจอกับความเสื่อม ของมนุษย์ นั่นจะทำให้รัศมีเจ้ามัวหมอง กลับไปสวรรค์ไม่ได้อีก”
พรรณรายเห็นใจ
“ชิโล...ถึงน้องจะรอดจากน้ำมือของพวกอสูรมาได้เพราะความกล้าหาญและ ความรักของเขา แต่เขาก็เป็นมนุษย์ คิดดูนะ วันนี้น้องอาจจะต้องพรากจากกัน แต่ถ้า เขาหมั่นทำ ความดี เมื่อสิ้นอายุขัยก็จะได้ไปเกิดบนดาวดึงส์และได้พบกันอีก”
“ว่ายังไงล่ะรัศมิชโลธร พ่อไม่ได้มีเวลามารอเจ้านานนักนะ”
ชิโลตัดสินใจอย่างยากลำบาก อุ้มสมเข้าไปแนะนำ
“กลับสวรรค์ด้วยกันเถอะชิโล...นะชิโล”
อุ้มสมพยายามขอร้องให้ชิโลตัดสินใจ ชิโลมองทุกคนทั้งพี่สาว ทั้งพ่อ ทั้งอุ้มสมและสการ เป็นการตัดสินใจที่ ชิโลหาทางออกไม่ได้เลยวิ่งหนีออกไป เทพบิดาตกใจ
“รัศมิชโลธร!”
เทพบิดามีท่าทางไม่พอใจที่ชิโลวิ่งหนีไป รัศมิพรรณรายรีบช่วยอธิบายให้เข้าใจ
“ท่านพ่อคะ ลูกขอโทษแทนน้อง แต่นี่เป็นเรื่องสำคัญที่สุดของน้อง ให้เวลาน้องตัดสินใจ อีกสักนิด…นะคะท่านพ่อ”
เทพบิดานิ่งไปสีหน้ายอมรับให้ชิโลตัดสินใจ สการเห็นทางฝั่งเทวดาดูเคร่งเครียดและเป็นห่วงเกี่ยวกับการตัดสิน ใจของชิโลก็พลอยไม่สบายใจไปด้วย
ชิโลกอดอกครุ่นคิดอย่างหนักใจ น้ำตาเอ่อเพราะไม่รู้จะเลือกทางไหน สการเดินตามเข้ามาเรียกเบาๆ
“ชิโล”
ชิโลรีบปาดน้ำตาไม่อยากให้สการเห็นแต่สการกลับเข้าไปจับชิโลหันมาแล้วช่วยเช็ดน้ำตาให้อย่างทะนุถนอม
“ผู้กอง...ฉัน...ฉัน”
สการแตะปากชิโลไม่ให้พูดต่อ
“ไม่เป็นไรหรอกชิโล ฉันเข้าใจ เธอไม่ต้องห่วงไม่ต้องกังวล อะไรอีกแล้วกลับสวรรค์ไปพร้อมกับเทพบิดาเถอะ”
ชิโลตกใจ
“ผู้กอง ! คุณไม่รักฉันแล้วเหรอ”
สการเจ็บปวดแต่ฝืนทน
“รัก...รักสิ...ผมรักคุณเสมอ เพราะความรักที่อยากให้คนที่เรารักได้ แต่สิ่งดีๆผมจึงไม่ควรให้ความเห็นแก่ตัวของผมฉุดรั้งคุณเอาไว้ที่นี่”
“ผู้กอง!”
“พี่พรรณรายพูดถูกโลกมนุษย์ไม่ใช่ที่ๆเหมาะกับคุณ ภพภูมิที่เหมาะกับนางฟ้าก็ควร เป็นสวรรค์ ไม่ใช่โลกมนุษย์ ผมสัญญานะว่าผมจะทำแต่ความดี จะได้ไปอยู่คุณ บนสวรรค์ สัญญานะว่าคุณก็จะรอผมอยู่บนนั้นเหมือนกัน”
สการพูดไปก็น้ำตาคลอ ชิโลพลอยร้องไห้ตาม สองคนกอดกันเหมือนว่าเป็นการกอดเพื่อจากลา
สการจูงมือพาชิโลกลับเข้ามา ด้วยความอยากรู้ของทุกคน เทพบิดาถามทันที
“เจ้าตัดสินใจแล้วใช่มั้ยรัศมิชโลธร”
ชิโลนิ่งมือยังกุมมือสการเอาไว้ สการตัดสินใจตอบแทน
“ชิโลตัดสินใจแล้วครับท่านเทพ ที่ๆนางฟ้าควรจะอยู่คือบนสวรรค์”
สการบีบมือชิโลแล้วปล่อยให้ไปกับเทพบิดา พวกมนุษย์ทุกคนเห็นสการทำแบบนั้นก็อดสงสารสการไม่ได้
“เอาล่ะ...ถ้าอย่างนั้นก็มาให้พ่อคืนทิพย์สภาวะให้เจ้า เราจะได้กลับดาวดึงส์กันซะที”
เทพบิดากำลังจะชี้นิ้วคืนร่างนางฟ้าให้ แต่ทันใดนั้นชิโลกลับตัดสินใจเด็ดขาด
“ไม่ค่ะท่านพ่อ...ลูกไม่กลับสวรรค์ ลูกขออยู่ที่โลกมนุษย์กับคนที่ลูกรัก”
เทพบิดาอึ้ง
“รัศมิชโลธร...นี่เจ้า เจ้าเป็นเทพนารี เจ้าอยู่ร่วมกับมนุษย์ไม่ได้”
“ลูกทราบค่ะท่านพ่อ แต่เวลานี้ลูกยังเป็นแค่มนุษย์ธรรมดา ลูกตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ กลับไปเป็นนางฟ้าอีก ลูกขออยู่อย่างมนุษย์คนนึง”
พรรณรายเตือน
“ชิโล...เป็นมนุษย์ไม่เหมือนกับเป็นนางฟ้านะ”
“น้องรู้ดีค่ะพี่ น้องอาจจะกลับไปอยู่สวรรค์แล้วรอแป๊บเดียว สการก็อาจจะทำความดี จนได้ตามไปอยู่กับน้อง แต่เวลาที่เขาต้องทรมานเพราะไม่ได้เจอน้อง มันเท่ากับทั้ง ชีวิตของเขา น้องยอมให้คนที่น้องรักทุกข์ทรมานทั้งชีวิตไม่ได้”
ชิโลเข้าไปจับมือสการเอาไว้แน่นยืนยันการตัดสินใจ สการชะงักอึ้ง
“ชิโล”
“ฉันตัดสินใจแล้วค่ะผู้กอง”
เทพบิดาจ้องหน้า
“สิ่งที่ลูกขอมา ถ้าพ่อให้ไปแล้ว ลูกจะเรียกร้องคืนอีกไม่ได้”
“ลูกมั่นใจค่ะท่านพ่อ ผู้ชายคนนี้จะรักลูกและไม่ทอดทิ้งลูก”
สการยืนยันหนักแน่น
“ครับท่านเทพ ผมจะรักเธอไปจนลมหายใจสุดท้าย”
เทพบิดานิ่งไป พรรณรายเห็นแล้วก็พอจะเข้าใจน้อง
“ท่านพ่อ...เวลาที่น้องอยู่บนโลกมนุษย์จนสิ้นอายุขัยก็เท่ากับพริบตาเดียวบนสวรรค์ บางทีตอนที่น้องสิ้นอายุขัยแล้วกลับไปดาวดึงส์อีกครั้ง ท่านพ่ออาจจะยังไหว้พระมหา จุฬามณีไม่ทันเสร็จด้วยซ้ำ”
“ท่านพ่อ...เขาช่วยชีวิตลูก เพราะฉะนั้นชีวิตที่เหลือของลูกในวันนี้เป็นของเขาค่ะ”
เทพบิดาถอนใจ
“ในเมื่อเจ้าตัดสินใจเลือก พ่อก็จะอนุญาตให้เจ้าอยู่เป็นมนุษย์ไปจนสิ้นอายุขัย”
สการกับชิโลดีใจ ทุกคนที่ลุ้นอยู่พลอยดีใจไปด้วย ยกเว้นอุ้มสมที่หน้าจ๋อยๆ
“เราคงห้ามเจ้าไม่ได้ กลับสวรรค์คราวนี้ เราคงเหงาน่าดู”
“ไม่หรอกอุ้มสม กลับไปคราวนี้เทพนารีองค์อื่นๆจะมารุมล้อมเจ้าเพราะเจ้าสามารถ จัดการกับอสุเรศได้ แล้วเจ้าก็จะลืมเราไปเอง”
“เราไม่ลืมเจ้าหรอก...ไม่มีวันลืม”
พรรณรายตัดบท
“เอาล่ะ พี่จะรอน้องอยู่ที่ดาวดึงค์นะ หมั่นเพียรทำความดี เราจะได้พบกันอีก”
ร่างของเทพบิดากับพรรณรายและอุ้มสมเปล่งรัศมีเรืองรอง ก่อนจะกลายเป็นพลุไฟพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าสวยงาม ทุกคนเข้ามาดีใจกับสการและชิโลที่ได้อยู่ด้วยกัน
บนเฉลียงของรีสอร์ทมองออกไปเห็นทิวเขาสวยงามสุดลูกหูลูกตา สการทั้งสวมกอด ทั้งหอมแก้มชิโล
“อายคนอื่นเขามั่งสิคะผู้กอง”
“ตรงนี้ไม่มีใครนะ”
ชิโลชี้บนฟ้า
“แต่บนโน้นมีนะ เยอะด้วย”
“ไม่เป็นไร ผมไม่อายเทวดานางฟ้าบนสวรรค์หรอก เพราะผมมีนางฟ้าที่ทั้งสวยทั้งแสน ดีอยู่กับตัวแล้ว บนโน้นน่าจะอิจฉาผมด้วยซ้ำ”
“พูดแบบนี้ให้ตลอดนะ ตอนนี้ฉันเป็นมนุษย์แล้ว แก่ได้ อ้วนได้ ไม่สวยได้ ถ้าทิ้งฉัน ล่ะก็…” ชิโลจิกหน้าเอาเรื่อง “ฮึ่ม!! จะฟ้องให้อุ้มสมลงมาสาปให้เป็นห่านเลย”
“ไม่หรอกจ้ะ...ผมสัญญาว่าจะดูแลมณีแดนสรวงคนนี้ด้วยความรัก ถ้าวันไหนรักน้อย กว่าวันนี้แม้แต่นิดเดียว จะยอมให้อุ้มสมลงมาสาปให้เป็นห่านเลย”
สการพูดไปก็โอบกอดชิโลแล้วดึงมาหอมแก้มจนจั๊กจี๊ ทั้งคู่กอดกันกุ๊กกิ๊กอย่างน่ารัก
จ บ บ ริ บู ร ณ์