พริกกับเกลือ ตอนที่ 6
ศยามบอกจิตรวรรณที่กำลังเคาะประตูห้องเทวัญ
“ทำไมไม่ลองโทรหาดู”
“จริงด้วยสิ!”
จิตรวรรณรีบโทรศัพท์หาเทวัญ
“พี่เทวัญปิดเครื่อง แสดงว่า...ได้ยินเสียงฉัน กลัวความผิด เลยปิดเครื่องหนี”
จิตรวรรณหันไปจะเคาะประตูเรียกอีก ศยามจับมือไว้
“พอเถอะ...”
จิตรวรรณรีบปล่อย เขินๆ
“มาจับมือฉันทำไม”
“ไม่ได้อยากจับหรอก...แค่จะบอกให้พอเถอะ...ไม่เคยแอบมาจับผิดแฟนเลยใช่มั้ย”
“ทำไม...จะว่าอะไรฉันอีก”
“เล่นบุกมาแบบนี้ แถมเสียงดังยังกะพูดออกไมโครโฟน กระต่ายตื่นตูมหมดสิ”
“ก็...”
จิตรวรรณจะเถียงแต่เถียงไม่ออก ศยามตัดบท
“กลับก่อนเหอะ ถ้าคุณสงสัยว่าคุณเงาะจะอยู่ที่นี่ เดี๋ยวค่อยหาทางกันอีกที”
“ก็ได้...”
จิตรวรรณและศยามจะกลับ ทันวิทย์ น้องชายของเทวัญที่เพิ่งกลับมาจากการออกค่าย เดินเข้ามาพอดี
“น้องทันวิทย์!”
ทันวิทย์เปิดประตูห้องคอนโดเข้ามา จิตรวรรณรีบพุ่งเข้ามาทันที ศยามตามมาแบบ เหนื่อยกับจิตรวรรณ
“ตกลง...พี่จี๊ดจะบอกผมได้หรือยังว่า...” ทันวิทย์เหลือบมองศยามไม่ไว้ใจ “มีเรื่องอะไรกับพี่เทวัญกันแน่ แล้วพี่คนนี้...เป็นใคร มากับพี่จี๊ดได้ยังไง”
“คนๆนี้เป็นใครก็ช่างเหอะ...สำคัญที่ พี่ต้องการรู้ว่าพี่เทวัญเอาใครมาอยู่ที่นี่หรือเปล่า”
“พี่จี๊ดมาจับผิดพี่เทวัญงั้นเหรอ”
“งั้นสิ! นายดิ่ง ค้น! ในห้องนอนเลย”
ในห้องนอนเทวัญ เงาะลุกลี้ลุกลน กลัวถูกเปิดเข้าเจอ พยายามคิดว่าจะซ่อนตัวที่ไหนดี...ทันวิทย์เดินเข้าไปเปิดประตูห้องนอนของเทวัญเอง
“ผมดูให้เองก็ได้...แต่ผมมั่นใจว่า..ยังไงพี่เทวัญก็ไม่มีทางทำอย่างที่พี่จี๊ดกล่าวหาเด็ดขาด....มันงี่เง่ามากเลยรู้ป่ะ”
จิตรวรรณฉุนกึก
“ใครงี่เง่า”
“พี่จี๊ดไง ไปฟังใครเป่าหูมา อ่ะ ดูเลย ดูให้เต็มตา”
ทันวิทย์มองเข้าไปในห้องเทวัญ แล้วก็ตกใจเพราะเห็นเงาะกำลังจะเข้าไปซ่อนตัวในตู้เสื้อผ้า...ทั้งเงาะและทันวิทย์ต่างชะงัก เงาะส่งสายตาขอร้องทันวิทย์
“มีอะไร...ทันวิทย์”
จิตรวรรณเบียดทันวิทย์เข้าไปในห้องของเทวัญทันที...แต่ไม่เห็นเงาะเสียแล้ว เมื่อจิตรวรรณไม่เห็นใคร รู้สึกผิดหวัง ศยามเข้าไปมองด้วย ทันวิทย์หันมาถาม
“ไง...ไม่เห็นมีใคร หรือพี่จี๊ดอยากจะค้นดูให้ทุกซอกทุกมุม...ตู้เสื้อผ้ามั้ย เดี๋ยวผมเปิดให้”
ศยามพูดขึ้น
“ก็ดีนะ...”
ทันวิทย์หน้าเสีย เงาะที่อยู่ในตู้เสื้อผ้า ตกใจ กลัว แต่แล้วจิตรวรรณก็ตัดสินใจ
“ไม่ต้อง...ไม่มีก็ไม่มี”
ศยามแปลกใจ
“ทำไมล่ะ...”
“ฉันมันปัญญาอ่อนเอง....ถ้าพี่เทวัญคิดจะทำอะไรเลวๆแบบนั้นจริงๆ...เขาคงไม่โง่พาเงาะมาอยู่ที่นี่หรอก ฉันไม่น่าเชื่อนายเลย มันทำให้ฉันดูโง่มาก”
จิตรวรรณเดินออกไปด้วยความผิดหวัง และรู้สึกโกรธตัวเอง ศยามอึ้ง
“ผมไม่ได้บอกสักคำว่าแฟนคุณจะพาคุณเงาะมาที่นี่ คุณคิดของคุณเอง”
จิตรวรรณเดินกลับมา หาของปาใส่ศยาม
“เออ ฉันผิด พอใจยัง จะกลับไม่กลับ หรือจะเดินกลับเอง”
ศยามจำใจเดินตามจิตรวรรณไป
“ทันวิทย์...ไม่ต้องบอกพี่เทวัญเรื่องนี้นะ...พี่ไม่อยากให้พี่เทวัญโกรธพี่มากไปกว่านี้ นายดิ่ง....กลับ”
จิตรวรรณเดินออกไปทันที ศยามยังมองเข้าไปในห้องของเทวัญ...อย่างไม่ไว้ใจ แต่ก็ต้องจำใจเดินตามจิตรวรรณออกไป ทันวิทย์โล่งใจ เดินไปปิดประตูห้อง ล็อกทันที รู้สึกกังวลใจ รีบเดินเข้าไปในห้องนอนเทวัญทันที
ทันวิทย์เปิดตู้เสื้อผ้าออกอย่างแรง เงาะนั่งขดตัวร้องไห้อยู่
“พี่จี๊ดตามหาคุณใช่มั้ย!”
เงาะพยักหน้าร้องไห้ยอมรับ ทันวิทย์เครียดและไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
จิตรวรรณจอดรถปั๊บ ลงจากรถปุ๊บ เดินลิ่วเข้าบ้านไม่สนใจศยาม โกรธ และไม่พอใจ ศยามตามมารั้งเอาไว้ จิตรวรรณรีบสะบัดมือ
“ปล่อย!”
“โกรธอะไรผมอีก ขับรถมาก็ไม่พูดกับผมเลยตลอดทาง”
“ไม่มีเรื่องจะคุยด้วย”
“โกรธ หงุดหงิด ผิดหวังที่เหตุการณ์ไม่เป็นไปตามที่คุณคิด เลยมาลงกับผม ใช่มั้ย”
“ไม่ใช่...เหตุผลเดียวเลยนะที่ฉันไม่พูดกับนาย เพราะ...นายทำให้ฉันดูเป็นคนงี่เง่า ฉันโกรธ”
“เฮ้ย!”
“ต่อไปนี้ไม่ต้องมาเสนอความคิดเห็นอะไรเลยนะ ฉันจะคิดเอง”
“เออ งี่เง่าจริงๆ”
“นายดิ่ง!”
“ผีเข้าผีออก เชิญเหอะ ผมก็ไม่ได้อยากยุ่งกับคุณนักหรอก ปวดหัว”
ศยามเดินเข้าบ้านไป จิตรวรรณเจ็บใจ ทำอะไรไม่ได้ หาอะไรใกล้มือเขวี้ยงใส่หัวศยามทันที
“โอ๊ย!”
ศยามหันมาจะเอาเรื่อง จิตรวรรณรีบวิ่งเข้าบ้านเอาตัวรอด ศยามเจ็บใจ
“ยัยคุณหนูนิสัยเสียเอ๊ย เมื่อไหร่จะโต”
จิตรวรรณเปิดประตูเข้ามาหงุดหงิด เห็นรูปถ่ายของตัวเองกับเทวัญก็เดินเข้ามาหยิบมาดู
“พี่เทวัญ...จี๊ดภาวนานะ ขอให้จี๊ดเข้าใจผิด”
จิตรวรรณลงนั่ง รู้สึกเหนื่อยใจและหวั่นใจว่าความสัมพันธ์กับเทวัญจะมีปัญหาขึ้นมาจริงๆ
เทวัญกลับมาที่ห้อง คุยกับทันวิทย์อย่างอารมณ์เสีย
“เออ แกเข้าใจไม่ผิดหรอก ฉันกับเงาะมีอะไรกัน”
“ทำไมพี่เป็นคนแบบเนี้ย”
“แล้วไง...ทำยังกะแกไม่เคยเห็นฉันมีกิ๊ก ยังไม่ชินหรือไง”
“ผมพยายามจะชินกับมัน ไม่กล้าปริปาก...แต่คราวนี้มันเกินไป...นั่นมันเพื่อนสนิทพี่จี๊ดนะ ใกล้ตัวขนาดนี้ แถมเอามาอยู่ที่ห้อง จนพี่จี๊ดเกือบจับได้”
เทวัญหงุดหงิดมาก นิ่งเงียบ ครุ่นคิดหาทาง เงาะเดินออกมาจากห้องนอน เดินมาหาเทวัญ
“พี่เทวัญ...เงาะขอร้อง เงาะจะไม่ทำให้พี่ต้องเดือดร้อนเด็ดขาด ปล่อยเงาะไปเถอะนะ”
ทันวิทย์มองเงาะอย่างสมเพชและสงสาร
“แกขู่ฉันไว้เยอะ คิดว่าฉันจะเชื่อแกเหรอ ปล่อยแกไปให้ไปปากสว่างหรือไง”
เทวัญจะตบ เงาะหลบด้วยความหวาดกลัว...ทันวิทย์เข้าไปห้ามเอาไว้ เพราะทนไม่ได้
“อย่าพี่! ถ้าพี่ไม่ปล่อยให้เค้าไป...ผมจะไปบอกพี่จี๊ด”
“ทันวิทย์! ไอ้น้องเลวแกขู่ฉัน”
“ไม่ได้ขู่ แต่ผมจะไม่ทนเห็นพี่ทำร้ายผู้หญิงที่เป็นเพศแม่ของพี่แบบนี้ มันเกินไป”
เทวัญจ้องมองทันวิทย์ด้วยความไม่พอใจ
“แกน่าจะตายไปพร้อมกับแม่และพ่อตั้งแต่อุบัติเหตุรถคว่ำวันนั้น ไม่น่ารอดมาเป็นหอกข้างแคร่ฉันเลย”
เทวัญเข้าห้องปิดประตูกระแทกอย่างแรง...ทันวิทย์โล่งอก เงาะลนลานถามทันวิทย์
“พี่ไปได้หรือยัง!”
“คุณรีบไปเถอะ...แล้วอย่าลืมทำตามที่พูดนะ อย่าให้พี่จี๊ดรู้เรื่องนี้”
“พี่สัญญา พี่จะไม่บอกจี๊ด จี๊ดจะไม่มีทางรู้ว่าจริงๆแล้วคู่หมั้นของเค้าเลวทรามขนาดไหน”
เงาะพูดไปอย่างนั้นแต่ในใจไม่เอาไว้แน่ เงาะรีบวิ่งออกไปจากห้องทันที ทันวิทย์ทรุดลงนั่งอย่างเหนื่อยใจ
เช้าของวันใหม่...ศยามกำลังแต่งตัวจะไปทำงาน เสียงมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะดังขึ้น ศยามเดินไปเห็นเบอร์ก็รีบกดรับ
“ศุ...ว่าไงศุ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า โทรหาพี่แต่เช้าเลย”
ศุวิมลยืนน้ำตาซึมคุยโทรศัพท์กับศยามที่มุมหนึ่ง
“พี่ดิ่ง...ยัยมารศรีสร้างเรื่องอีกแล้ว ตอนนี้คุณพ่อดูแย่มากเลย”
“มีเรื่องอะไร”
“มารศรีเพิ่งกลับถึงบ้านเกือบสว่างแล้ว เมามาอีกต่างหาก”
ศุวิมล เล่าเหตุการณ์เมื่อเช้าก่อนหน้านี้ให้ศยามฟัง
มารศรีเดินเข้าบ้านมา มึนๆ นาฬิกาข้างฝาบอกเวลาใกล้ตี 5 กว่าๆ เศกนั่งรออยู่แล้ว กำลังมองมาที่มารศรีด้วยสายตาผิดหวัง มารศรีเดินผ่านไป โดยไม่ได้สังเกตว่าเศกนั่งอยู่
“คุณศรี!”
มารศรีชะงัก อึ้งตกใจ เศกพยายามข่มอารมณ์ตัวเองเต็มที่
“คุณไปไหนมา...ทำไมเพิ่งกลับ”
มารศรียังเงียบพลางคิดหาวิธีตอบคำถามของเศก
“คุณกลับบ้านเกือบเช้าทุกวัน...คุณไปไหนมากันแน่”
มารศรีเซ็ง ลงนั่ง ไม่ตอบ เศกเสียงดัง
“ผมถาม!”
“ฉันไม่จำเป็นต้องตอบ”
“ทำไม ผมเป็นผัวคุณนะ”
“แต่เป็นผัวที่ไม่เคยรักไม่เคยใส่ใจ”
“ไม่เหรอ...ผมทำอะไรให้คุณไม่พอใจ หรือยังทำอะไรที่ดีไม่พออีก บอกสิ บอก แต่ไม่ใช่ทำประชดผมแบบนี้”
ศุวิมลเข้ามาดูด้วยความตกใจเพราะเสียงทะเลาะกัน
“คุณพ่อ คุณศรี...มีเรื่องอะไรกันคะ”
เศกพยายามใจเย็น มารศรีเปลี่ยนท่าที เล่นละคร
“คุณไม่รู้จริงๆเหรอ...ว่าทำไม ศรีว่าจะไม่พูด เพราะคิดว่าคุณอาจจะมองไม่เห็นว่ามันสำคัญ...แต่มันสำคัญสำหรับคนเป็นเมีย”
“อะไร”
“ศรีเหงา ศรียังมีความต้องการ คุณได้ยินมั้ย”
เศกอึ้ง...ศุวิมลรู้สึกอึดอัดใจทีได้ยิน...เศกคิดว่ามารศรีมีชู้
“คุณเลย...”
มารศรีขัดขึ้น
“ศรีไม่เคยนอกใจคุณ แต่ศรีแค่ขอไปเที่ยว สนุกกับเพื่อนเพื่อชดเชยความเหงา ไม่ได้เหรอคะ”
“จะให้ผมเชื่อเหรอ”
“ก็พิสูจน์สิ!”
มารศรีเดินเข้าไปใกล้เศก เปิดเสื้อผ้า ช่วงไหล่ ท้าทายให้เศกพิสูจน์
“มีกลิ่นผู้ชายคนอื่นอยู่บนตัวศรีหรือเปล่า พิสูจน์สิ”
เศกอึ้ง
“เอาสิ ทำไมล่ะ กล้าคิดว่าศรีไปทำระยำตำบอน ก็ต้องกล้าพิสูจน์สิ”
เศกเริ่มเครียด เริ่มปวดหัวใจ ศุวิมลทนไม่ไหว
“พอเถอะคุณศรี พอ!”
ศุวิมลเข้ามาประคองเศกให้ลงนั่ง
“คุณพ่อนั่งก่อนค่ะ นั่งก่อน”
“คุณดูถูกศรี ศรีเสียใจและผิดหวังมาก”
“บอกให้พอไงเล่า”
เศกห้ามศุวิมล
“อย่าลูก อย่าไปว่าเขา...พ่อผิดเอง...คุณศรี...ผม...”
มารศรีเดินออกไปทันที ไม่ฟัง...แต่แอบยิ้มสมใจ
“คุณพ่อ...พักก่อนนะคะ...ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เดี๋ยวศุตามลุงหมอมาเดี๋ยวนี้เลย”
ศุวิมลวิ่งออกไป เศกรู้สึกสะเทือนใจ รู้สึกว่าตัวเองผิดที่ทำให้มารศรีเป็นแบบนี้
ศยามฟังสิ่งที่น้องสาวเล่า แล้วเครียดทันที...
“แล้วอาการของคุณพ่อเป็นยังไงบ้าง”
“ลุงหมอบอกว่าคุณพ่อมีอาการของโรคหัวใจ...อย่าทำให้ท่านเครียดอีก มันจะไม่ดีต่อสุขภาพ ไหนจะโรคเก่า มาโรคนี้อีก...พี่ดิ่ง กลับมาสักทีได้มั้ย ศุเซ็งเรื่องบ้าๆนี่เต็มที อยากให้มันจบๆซะ”
ศยามอึ้ง...ใจอ่อน อยากจะกลับไปดูอาการพ่อ และอยากให้เรื่องทุกอย่างจบเหมือนกัน แต่ยังลังเล และตัดสินใจไม่ได้ เพราะกลัวพ่อจะรับไม่ได้
เจตนากำลังกินอาหารเช้า วันดีเดินเข้ามาลงนั่งข้างๆ ป้าเพ็ญสั่งการให้สำรวยบริการ วันดีกินไป...พูดไป แต่ไม่มองหน้าเจตนา
“คุณทำเกินไปแล้วนะ”
เจตนาเงียบนั่งตักข้าวต้มเข้าปากต่อไม่ต่อล้อต่อเถียง
“ฟังฉันอยู่หรือเปล่า”
เจตนาวางช้อน
“แล้วคุณพูดกับผมอยู่หรือเปล่าล่ะ”
วันดีมองหน้าเจตนา ไม่พอใจ ก่อนจะพยายามใจเย็น
“ฉันไม่ชอบที่คุณให้คนอย่างนายดิ่งมาตีสนิทกับยัยจี๊ด”
จิตรวรรณกำลังเดินเข้ามาที่โต๊ะอาหารได้ยิน ชะงัก ไม่เดินต่อ แต่แอบยืนฟัง
“คุณกำลังจะยกนายนั่นให้ขึ้นมาเทียบเท่ากับตาเทวัญอย่างนั้นเหรอ คนอย่างนายดิ่งมันก็แค่กรวดทรายที่ไร้ค่า จะเอาขัดมาล้างให้เทียบเท่ากับตาเทวัญคงไม่ได้หรอกนะ...ทำอะไรอยู่ รู้ตัวบ้างหรือเปล่า”
จิตรวรรณอึ้ง...ไม่คิดว่าแม่จะคิดเรื่องระหว่างจิตรวรรณและศยามในมุมชู้สาว
“ผมคิดทุกอย่างที่ผมทำ และก็ไม่ได้ตีค่าของคนที่ฐานะ คุณค่าของคนมันวัดกันที่จิตใจ”
“จิตใจของนายดิ่งเป็นยังไง คุณรู้เหรอ มันอาจจะคิดตะกายดาวหาทางขยับฐานะตัวเอง มาปอกลอกฮุบสมบัติคุณ โดยเข้าทางยายจี๊ดก็ได้”
เจตนาอึ้ง มองวันดีอย่างผิดหวัง
“คุณคิดได้ยังไง”
เจตนาเครียด ลุกขึ้นจากโต๊ะกินข้าว ไม่สนใจวันดีอีกต่อไป
“ฉันก็คิดของฉันอย่างนี้ มันคือโลกของความจริง ไม่มีใครทำอะไรโดยไม่หวังผลให้ตัวเอง”
เจตนาชะงัก
“นี่คือผู้หญิงที่ผมเคยรักและตัดสินใจใช้ชีวิตด้วยเพราะความดีคนเดิมหรือเปล่า หรือผู้หญิงคนนั้นจริงๆแล้วไม่เคยมีตัวตน นี่ต่างหากคือธาตุแท้”
วันดีอึ้ง
“คุณเจตนา!”
“ผมบอกเป็นครั้งสุดท้ายนะ...ผมอาจจะหมดความอดทนในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้านี่ก็ได้ ถ้าคุณยังไม่หยุดทำตัวร้ายกาจและมีความคิดที่น่าเกลียดแบบนี้”
เจตนาเดินออกไปทันที วันดีหงุดหงิด ปัดแก้วน้ำ ของใกล้มือกระจาย จนป้าเพ็ญและสำรวยตกใจ หน้าเสีย จิตรวรรณ เครียด ที่พ่อแม่ทะเลาะกัน
สำรวยวิ่งเข้ามาหาแช่มที่กำลังกินข้าวเช้า
“โอ๊ย พี่แช่ม ยังจะกินอยู่อีก คุณท่านให้เอารถออกตั้งนานแล้วนะ”
“รีบอยู่เนี่ย!”
แช่มรีบกินจนข้าวจะจุกคอตาย สำรวยรียส่งน้ำให้
“เอา น้ำๆๆๆๆ เร็วๆ ไม่ต้องกลืน แกไปเลย!”
แช่มรีบวิ่งออกไปทั้งๆที่ข้าวยังคาปาก สำรวยโล่งอก
“โอย หัวใจจะวาย”
ป้าเพ็ญเข้ามา
“ไอ้แช่มไปหรือยัง”
“ไปแล้วป้า...โอ๊ย...ราหูอมบ้านนี้หรือยังไง ช่วงนี้ มีแต่เรื่อง ไหนจะเรื่อง คุณท่านทะเลาะกับคุณนาย ไหนจะเรื่องคุณจี๊ดกับคุณเทวัญ”
ศยามเดินผ่านจากมุมหนึ่งจะไปทำงานชะงัก หยุดฟัง ป้าเพ็ญถอนใจ
“สงสารก็แต่คุณจี๊ด จะเอาความสบายใจมากจากไหน บ้านไม่เป็นบ้าน”
“แล้วก็กลายเป็นเด็กใจแตก เที่ยวกลางคืนหัวราน้ำเหมือนเมื่อก่อน”
“เดี๋ยวตบปากแตก! คุณหนูจี๊ดเธอโตแล้ว ไม่ทำตัวแบบนั้นอีกหรอกน่า”
ศยาม รู้สึกเป็นห่วงความรู้สึกของจิตรวรรณ
จิตรวรรณเดินเหม่อลอยเข้ามา เซ็งปัญหาที่เพิ่งเจอ ศยามเดินเข้ามาจิตรวรรณชะงักมองหน้าเขาจริงจัง
“มองผมทำไม”
“คิดอะไรกับฉันหรือเปล่า”
“คิด”
จิตรวรรณด่าเลย แถมตีด้วยกระเป๋า
“คนเลว! คิดจะใช้ฉันเป็นสะพานตะกายดายขยับฐานะ ปอกลอกสมบัติพ่อฉันเหรอ”
“เฮ้ย! หยุดก่อน”
จิตรวรรณหยุด เพราะตกใจที่ศยามตะคอก
“ผมไม่ได้คิด”
“ก็เมื่อกี้นายบอกว่าคิดอะไรกับฉัน”
“คิดว่า....คุณจะเป็นไงบ้างที่พ่อกับแม่ทะเลาะกัน เครียดหรือไม่สบายใจหรือเปล่า ไม่ได้คิดจะ...ตะกายคุณเลย เกิดใหม่อีกสองชาติก็ไม่มีทางคิด”
“ทำไม...ฉัน...มันไม่น่าคิดหรือไง”
“ลูกสาวบ้านนี้เหมือนส้วมอยู่หน้าบ้าน...เคยได้ยินเหรือเปล่า”
“ไอ้...”
“แสดงว่าเคยได้ยิน...เลยร้อนตัว”
“ไปทำงานเองเลยนะ...ไม่ต้องนั่งรถฉัน”
“จริงๆก็ไม่ได้อยากอาศัยรถส้วมไปทำงานหรอก”
จิตรวรรณโกรธ
“โอ๊ย...เครียด! ผู้ชายปากส้วม”
“ก็สูสีดีเนอะ”
จิตรวรรณไม่รู้จะด่าอะไรอีก เดินหงุดหงิดกระฟัดกระเฟียดออกไป ศยามมองตามยิ้มๆ เอ็นดู ชอบใจที่ได้แหย่ ก่อนจะหมองลง
“ถ้าผมกลับ...แล้วใครจะอยู่แหย่คุณให้เลิกคิดถึงเรื่องเครียดๆล่ะ”
ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์มือถือของศยามดังขึ้น ชายหนุ่มหลุดจากภวังค์ กดรับโทรศัพท์
“สวัสดีครับ พี่รัตนา...”
รัตนากำลังจะไปทำงานคุยมือถือกับศยาม
“ได้ประวัติของผู้ชายที่คุณเทวัญนัดพบวันนั้นแล้วค่ะ สงสัยเราคงต้องคุยกันยาว...เจอกันที่ร้านกาแฟคุณมด ใกล้ออฟฟิศนะคะ รีบหน่อยนะคะ”
รัตนากดวางมือถือลง ออกเดินต่อไป
จิตรวรรณจะออกรถ ศยามวิ่งมาขึ้นรถ หญิงสาวหันไปเหวี่ยง
“นี่ ลงไป!”
“ไม่ลง!”
จิตรวรรณประชด
“มาขึ้นรถส้วมทำไม”
“ผมขอโทษ...แต่ถ้าผมไม่ไปกับคุณ ผมสายแน่”
“ชิ...ทีอย่างนี้แล้วทำมาง้อ ไม่แน่จริง”
“จะขับไปได้หรือยังครับ หรือจะนั่งบ่นเป็นยายแก่อยู่ตรงนี้”
“ใครแก่”
“โอย...ชักช้า!”
ศยามเปิดประตูออกไป จิตรวรรณยิ้มเยาะคิดว่าศยามจะไปเอง แต่ศยามเลี้ยวมาที่ฝั่งคนขับ เปิดประตูผลักและดันจิตรวรรณให้ข้ามไปนั่งที่นั่งข้างคนขับ
“นายดิ่ง ไอ้บ้า ทำอะไร นี่รถฉันนะ”
“ก็ไม่ไปสักที ผมขับเอง”
“แต่แขนนายเดี้ยง!”
ศยามถอดเฝือกอ่อนออก
“ค่อยยังชั่วแล้ว”
“ได้ยังไง!”
“ยังงี้ไง ดูซะ”
ศยามเข้าเกียร์ ออกรถเอี๊ยด ทั้งๆที่แขนก็ยังเสียวๆ รถจิตรวรรณออกตัวแรงเร็วแต่มั่นคง จิตรวรรณร้องลั่น
“ว้าย ช้าๆ!”
อ่านต่อ หน้า 2
พริกกับเกลือ ตอนที่ 6 (ต่อ)
โพเดินมาที่หน้าห้องเช่าของด้วง แต่ประตูถูกล็อกใส่กุญแจ โพแปลกใจ ด้วงไปไหน ป้าข้างห้องเดินผ่านมา
“ป้า...ไอ้ด้วงออกไปนานหรือยัง”
“ไปแต่เช้าแล้ว”
“ไปไหนของมันวะ”
โพแปลกใจ ด้วงไปไหน รู้สึกเป็นห่วง
รัตนาเดินมาตามทางที่มีคนพลุกพล่าน ด้วงเดินสะกดรอยตามมาเห็นคนเยอะ ไม่สะดวกจะลงมือ จึงเดินตามรัตนาไปต่อ โดยที่รัตนาไม่ได้สังเกตหรือไหวตัว
ศุวิมลกำลังนั่งรอศยามอยู่ที่มุมรับแขก โมเดิร์นคาร์ ยอดชายบังเอิญเดินผ่านมา ตอนแรกเดินเลย แต่ก็เดินถอยหลังกลับมา
“ยัยอาจารย์เพี้ยน”
ศุวิมลหันขวับ เห็นยอดชายก็เซ็งเลย แต๋วนำน้ำเข้ามาบริการให้กับศุวิมล
“ดื่มน้ำเย็นก่อนนะค่ะ สักพักพี่ดิ่งก็น่าจะมาถึงแล้วค่ะ ไม่สายหรอกค่ะ”
“ปกติพี่ดิ่งมาทำงานยังไงคะ”
ยอดชายเข้ามาหาเรื่องเลย
“แล้วเกี่ยวอะไรกับคุณไม่ทราบ”
“ขอโทษนะ...” ศุวิมลหันไปถามแต๋ว “คุณคนนี้เป็นเจ้านายคุณหรือเปล่าคะ”
“ค่ะ”
“เค้าไม่มีงานทำเหรอคะ ถึงได้มาคอยกวนแขก ไร้มารยาทที่สุด”
แต๋วหน้าเหวอ
“เอ่อ...”
ยอดชายชักฉุน
“ผมถือว่าคุณไม่ใช่แขก เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องรักษามารยาท”
“แต่ฉันเป็น...”
ศุวิมลยั้งไว้ ยอดชายมองหยัน
“จะตู่ว่าเป็นแฟนคุณดิ่งเหรอ...นี่ คุณดิ่งเค้าบอกผมว่า...ไม่เคยคิดอะไรกับคุณและไม่คิดอะไรกับผู้หญิงคนไหนทั้งสิ้น...รู้ไว้ซะ นอกจากเพี้ยนแล้วยังขี้ตู่”
แต๋วหน้าเสีย เมื่อรู้ว่าศุวิมลเป็นผู้หญิงที่คิดอะไรกับศยาม แต๋วรีบเดินออกไปทันที ศุวิมลมองหน้ายอดชายเอาเรื่อง
แต๋วเดินเสียใจมา โพเดินเข้ามา เห็นแต๋วดีใจ ทัก
“แต๋ว...”
แต่แต๋วไม่สนใจ เดินผ่านโพไปเหมือนโพไม่มีตัวตน โพอึ้ง ซึม คอตก
ศุวิมลอ้าปากจะต่อว่า ยอดชายรีบหยิบมือถือขึ้นมา แล้วกดถ่ายรูปหน้าศุวิมล
“นี่ จะทำอะไรน่ะ”
“ถ่ายรูปประจาน โฉมหน้าผู้หญิงที่ตามจีบผู้ชาย...หน้าไม่อาย”
ศุวิมลโมโหยายามปกปิด
“หยุดนะ อย่าถ่ายนะ”
“เตรียมถูกไล่ออกเพราะไร้จรรยาบรรณได้เลย...เพราะเดี๋ยวจะ tag ลง facebook ส่งไปให้เจ้านายคุณ จะได้รู้กันทั้งมหาวิทยาลัย ว่ายาย อาจารย์เพี้ยน มานั่งรอผู้ชายถึงออฟฟิศ”
ศุวิมลโมโห
“นาย!”
“แน่ะ ยังไม่ไปอีก แสดงว่า...อยากออกสื่อ ได้! เดี๋ยวจัดให้”
ยอดชายไล่ถ่ายรูป ศุวิมลปัดป้อง ทนไม่ไหว วิ่งหนีออกไป
“ฝากไว้ก่อนเหอะ ฉันเอาคืนนายแน่”
“เอาเลย ฮ่ะๆๆๆ จำไว้ เธอไม่มีทางจีบคุณดิ่งติดหรอก เพราะฉันจะคอยขวางเป็นมารคอหอย ฮ่ะๆๆๆ”
ศุวิมลรีบออกไป ยอดชายหัวเราะอารมณ์ดีมากสะใจ
“เธอทำฉันแสบเท่าไหร่ ฉันก็เอาคืนเธอกลับเท่านั้น ยัยเพี้ยน!ฮ่ะๆๆ”
รถของจิตรวรรณเข้าซองจอดเรียบร้อย จิตรวรรณรีบลงมา แล้วเดินอ้อมมาเอาเรื่องศยามที่เปิดประตูลงมา
“ฉันจะฆ่านาย! ไม่เคยมีใครขับรถฉัน แม้แต่พี่เทวัญก็ไม่เคยแตะ กล้าดียังไง”
“วีนเสร็จหรือยัง”
“เสร็จแล้ว!”
“ขอบคุณนะ”
“มาที่นี่ทำไม ทำไมไม่ไปทำงาน”
“มาซื้อกาแฟ”
ศยามรีบวิ่งออกไป แต่จิตรวรรณไม่เชื่อ
“ถึงฉันจะสวยแต่ก็ไม่โง่หรอกนะ”
จิตรวรรณตามศยามไปทันที
รัตนาเดินมาใกล้จะถึงที่นัดหมายกับศยาม ด้วงที่เดินตามหลังมา ฉวยจังหวะปลอดคน...รีบเอาหมวกไอ้โม่งมาใส่ พุ่งเข้าไปที่ตัวรัตนาล็อกคอ
“ว้าย...ช่วย!”
ด้วงเอามีดจี้ที่เอว
“อย่าร้องนะ...ร้อง...ตาย!”
รัตนาหยุดร้อง พูดเบาๆด้วยความกลัว
“อย่าทำอะไรฉันเลยนะ อยากได้อะไรเอาไปเลยนะ เอาไปเลย”
รัตนาพยายามส่งกระเป๋าให้ แต่ยังหนีบซองเอกสารเอาไว้ ด้วงกระชากทั้งกระเป๋าและซองเอกสารมาด้วย รัตนาไม่ให้ ดึงคืน
“อย่า...”
“หวงอะไรนักหนา เอามานี่!”
รัตนายังไม่ให้
“อีนี่!”
ด้วงจับหัวรัตนา ผลักออกไปอย่างแรงกระเด็น หัวโขกผนัง
“โอ๊ย!”
รัตนาสลบเลยทันที ด้วงมองอย่างสะใจ ศยามเข้ามาพอดี เห็นด้วงยืนคร่อมรัตนาอยู่
“พี่รัตนา!”
จิตรวรรณวิ่งเข้ามาเห็นภาพนั้นก็ตกใจ ด้วงตกใจ หันไปเห็นศยามและจิตรวรรณ
“เวรล่ะ”
ด้วงจะหนี แต่ศยามพุงทะยานเข้าไปถีบด้วงกระเด็น โดยที่ด้วงไม่ทันตั้งตัวทันที
เทวัญพยายามต่อมือถือหาจิตรวรรณ แต่ไม่มีใครรับสาย มือถือของจิตรวรรณดังลั่นอยู่ในกระเป๋าถือ
“น้องจี๊ดไปไหน! ไม่รับสาย ป่านนี้ก็ยังไม่มา”
ยุพาถือแฟ้มเอกสารมาเสนอหน้าอยู่ข้างๆเทวัญ
“นายดิ่งนั่นก็ยังไม่มาเหมือนกันใช่มั้ยคะ”
“แล้วมันเรื่องอะไรของคุณ...ยุพา”
“อ๋อ...พอดีจะเอกสารฝ่ายขายมาเสนอท่านเซ็นน่ะค่ะ คุณรัตนาก็ไม่อยู่”
เทวัญชะงักเมื่อได้ยินชื่อรัตนา นึกถึงงานที่ให้ด้วงทำ เทวัญรีบเดินออกไปทันที ยุพามองตามเทวัญเซ็งๆ
“แหม...เชิดใส่...ไม่ให้ผ่านค่ะ”
ยุพาเดินเชิดออกไป
ด้วงกระเด็นไป ศยามเข้าไปจะซ้ำ แต่ถูกด้วงถีบกลับ ศยามกระเด็นมาชนจิตรวรรณ
“ว้าย!”
ศยามเจ็บแขนข้างที่เคยหัก
“โอ๊ย!”
“เป็นไงมั่ง”
“เจ็บสิ ถามได้ ตามมาทำไมเนี่ย”
ด้วงจะวิ่งหนี
“เฮ้ย อย่าหนีนะ!”
จิตรวรรณมองซ้ายขวา จะหาอะไรขว้างด้วงไม่ให้หนี...แต่ไม่มี เธอตัดสินใจทันที รองเท้านี่แหละ หญิงสาวถอดรองเท้าแล้วปาใส่ด้วงทันที รองเท้าโดนเข้าที่หัวของด้วงอย่างแรง
“โอ๊ย!”
จิตรวรรณดีใจมาก
“บิงโก!”
ด้วงล้มลง จิตรวรรณเข้าไปจิกตี กัด ข่วนด้วงทันที ศยามเป็นห่วงจิตรวรรณที่ทิ้งตัวสู้ขนาดนั้น รีบเข้าไปจะช่วย
“ระวังตัวด้วยคุณ!”
ไม่ทันขาดคำ...ด้วงได้จังหวะตบหน้าจิตรวรรณอย่างแรงจนหน้าหงายล้มลง
“ว้าย!”
“คุณจี๊ด!”
ศยามเป็นห่วงจิตรวรรณ วิ่งเข้าไปหา ด้วงฉวยจังหวะวิ่งหนีทันทีแต่ไม่ลืมเอากระเป๋าและซองเอกสารที่ชิงมาจากรัตนาไปด้วย
“ตามมันไปสิ!”
“เป็นห่วงตัวเองก่อนเถอะน่า”
จิตรวรรณอึ้ง...ชะงักเมื่อเห็นสายตาที่เป็นห่วงของศยามมองมา ทั้งสองคนอึ้งกันไปเมื่อสบตากัน
“เอ่อ...ไปดูรัตนาก่อนมั้ย”
ศยามรู้สึกตัว รีบปล่อยตัวจิตรวรรณ หน้าแดง ไม่พูดอะไร ลุกขึ้นไปดูรัตนาทันที จิตรวรรณก็รีบลุกตามไปช่วยแบบประดักประเดิด
สองคนพารัตนามาที่บ้านของรัตนา จิตรวรรณช่วยพารัตนาที่อ่อนเพลียไม่เป็นอะไรมาก ลงนั่ง ศยามตามเข้ามาด้วย รัตนามองจิตรวรรณอย่างเกรงใจ
“ขอบคุณนะคะ คุณจี๊ด”
จิตรวรรณยังฟอร์ม
“ก็...ไม่เป็นไร...ถ้าฉันไม่ทำ จะให้นายดิ่งซึ่งเป็นผู้ชายประคองเธอมันคงไม่เหมาะ”
ศยามแดกดัน
“เพิ่งจะเห็นว่ามีความคิดก็ตอนนี้แหละ”
จิตรวรรณหันมองศยามขวับ ไม่พอใจ
“ก่อนจะด่า...เงียบก่อน ผมมีเรื่องจะคุยกับพี่รัตนา”
“ฉันก็มีเหมือนกัน”
“ผมว่าคุณไม่มีหรอก...กลับไปดีกว่า ไป”
“รู้ได้ไงว่าฉันไม่มี ฉันก็อยากรู้ว่า นายมีเรื่องอะไรจะคุยกับรัตนานักหนา”
ศยามถอนใจเซ็ง รัตนาอมยิ้มมองจิตรวรรณกับศยามอย่างเอ็นดู จังหวะเดียวกันนั้น ยอดชายและเจตนาก็เข้ามาด้วยความเป็นห่วงรัตนา
ด้วงส่งซองเอกสารให้ เทวัญดึงเอกสารที่มีอยู่สองสามแผ่นขึ้นมาอ่าน
“ประวัติของคุณโชค...”
เทวัญนึกถึงอดีตที่ผ่านมาตอนที่เขานัดคุยกับนักธุรกิจคนหนึ่งตอนนั้นเขาเห็นรัตนา...เทวัญขยำกระดาษด้วยความเจ็บใจ
“นังรัตนา!”
เจตนาซักไซ้ถามเรื่องราวจากรัตนา
“เธอไม่ได้สังเกตเห็นว่ามันตามเธอมาเลยเหรอ”
“ไม่เลยค่ะ”
ยอดชายถอนใจ
“ดีนะที่คุณดิ่งกับจี๊ดมาทันเวลา ไม่งั้นก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอะไรมากกว่านี้หรือเปล่า โชคดีที่แค่หัวโน สมองไม่เป็นอะไร...ตำรวจว่ายังไงบ้างครับคุณดิ่ง”
“ลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว ตำรวจจะรีบสืบตามหาตัวให้ครับ”
เจตนาตำหนิรัตนา
“ฉันเคยบอกเธอแล้ว ว่าให้ซื้อรถใช้ เป็นผู้หญิงคนเดียวไปไหนมาไหนอันตราย แล้วไปที่นั่นทำไม”
รัตนาเหลือบมองจิตรวรรณ พูดไม่เต็มคำนัก
“คือพอดีดิฉันมีเรื่องจะปรึกษาคุณดิ่งเรื่อง...”
จิตรวรรณสวนทันที
“เรื่องอะไรที่เธอต้องไปปรึกษาช่างอย่างนายดิ่ง เป็นเลขาคุณพ่อไม่ใช่เหรอ”
รัตนายิ้มอ้ำอึ้ง ไม่กล้าพูด เจตนาพอจะเข้าใจว่าเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวจิตรวรรณ จึงหันไปบอกลูกสาว
“ยัยจี๊ดกลับออฟฟิศไปก่อนไป”
“แต่จี๊ด...”
เจตนาขัด
“เทวัญตามหาตัวเราอยู่ เห็นว่ามีเรื่องจะคุย”
“แต่จี๊ดไม่มี”
“งั้นช่วยไปประชุมฝ่ายขายแทนพ่อที”
“หา!”
“ไปรับรู้แทนพ่อ แต่ยังไม่ต้องตัดสินใจ มารายงานพ่อก่อน”
จิตรวรรณอึ้ง ไม่ค่อยมั่นใจตัวเอง ศยามพูดเย้ย
“หรือทำไม่ได้”
“ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่จิตรวรรณทำไม่ได้ รู้จักฉันน้อยไป”
จิตรวรรณเดินออกไปทันที ทุกคนโล่งใจที่จิตรวรรณกลับไป เจตนาหันมาถามทันที
“เรื่องนายเทวัญใช่มั้ย”
รัตนาพยักหน้า
“ค่ะ”
เทวัญถามด้วงอย่างร้อนรน
“มีใครเห็นหน้าแกหรือเปล่า”
“ผมใส่หมวกไอ้โม่ง”
“แล้วนังนั่น...สภาพเป็นไง”
“พอดี...ไอ้ดิ่งกับคุณจี๊ดไม่รู้โผล่มาจากไหน ผมเลยไม่ทันได้จัดการมัน”
“อะไรนะ!น้องจี๊ดกับไอ้ดิ่งเหรอ”
“ครับ”
เทวัญไม่พอใจจะเดินออกไป
“แล้วค่าจ้างผมล่ะ คุณเทวัญ”
เทวัญชะงัก เปิดกระเป๋าหยิบเงินส่งให้ด้วง
“อ่ะ”
ด้วงรับมานับ
“ผมขอสองหมื่น นี่แค่หมื่นเดียว”
“เพราะนังรัตนามันไมได้อาการสาหัสอย่างที่ฉันอยากให้เป็น เอาไปแค่นั้น”
“แต่...”
เทวัญขัด
“อย่าต่อรอง...เพราะยังมีอีกหลายคนที่พร้อมจะรับงานจากฉันมาจัดการแก ถ้าแกเรื่องมากหรือปากโป้ง”
ด้วงอึ้ง เทวัญเดินออกไป ด้วงมองเงิน เจ็บใจที่ไม่ได้อย่างที่หวัง
วันดีรับโทรศัพท์อารมณ์เสียสุดๆ
“อะไรนะ!”
ยุพากำลังเม้าท์ถึงรัตนาอย่างเอามันแซ่บเวอร์
“ตามนั้นเลยค่ะคุณวันดีขา อู๊ย ท่านประธานงี้รีบแจ้นไปดูแลอย่างใกล้ชิดที่โรงพยาบาลเลยนะคะ งานการไม่ทำ”
“แล้วตกลงอาการมันเป็นไง ตายมั้ย!”
“ยังอยู่อ่อยเหยื่อได้อีกนานค่ะ แค่หัวโนนิดๆหน่อยๆ แต่ทำเป็นเจ็บปวดแสนสาหัส ร้องโอดโอยครวญคราง กระซิกๆ งี้เลยค่ะ เหมือนตาเห็นเลยนะคะ”
ทันใดนั้นเสียงจิตรวรรณดังขึ้นอย่างไม่พอใจ
“เจ๊ยุพา”
ยุพาตกใจที่เห็นจิตรวรรณ
“ว้าย!”
วันดีกระแทกโทรศัพท์อย่างแรง ในใจพลุ่งพล่าน คิดอะไรบางอย่าง
ยุพาหน้าซีด จิตรวรรณเดินมาหาเอาเรื่อง
“บอกอะไรแม่ฉัน”
“ก็คุณจี๊ดได้ยินอะไร ยุพาก็พูดอย่างนั้นล่ะค่ะ”
“แต่มันไม่เป็นความจริง”
“คุณจี๊ดรู้ได้ยังไงคะว่ามันไม่เป็นความจริง”
“เพราะฉันอยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด และรัตนาก็กลับมาที่บ้าน ไม่ได้อยู่โรงพยาบาล มานี่เลย”
จิตรวรรณฉวยข้อมือยุพาจะพาออกไป
“จะพายุพาไปไหนคะ คุณจี๊ด”
“ฉันไล่เธอออก”
“ว้าย! แรงอ่ะค่ะ เจ๊ขอผ่านได้มั้ยคะ”
“ไม่ได้!”
เทวัญเข้ามาพอดี
“น้องจี๊ด มีเรื่องอะไรกัน”
“จี๊ดไม่พอใจค่ะ ที่มีพนักงานปากโทรโข่ง ชอบขยายเรื่องจนผิดเพี้ยนบิดเบือนโดยไม่สนใจว่าจะเกิดผลกระทบที่ร้ายแรงกับใครบ้าง จี๊ดขอไล่เจ๊ยุพาออก”
“คุณเทวัญขา ช่วยยุพาด้วย ยุพาไม่ได้ทำอะไรผิด ยุพาแค่พูดอย่างที่คิดจริงใจ”
“น้องจี๊ดใจเย็นก่อนนะ อย่าเพิ่งวู่วาม”
จิตรวรรณชะงัก ไม่พอใจที่ถูกเทวัญขัดใจ...ยุพาหน้าซีด แอบลุ้น
“ก็ได้ จี๊ดจะใจเย็น...แต่ถ้าการเม้าท์ไม่มีเบรกของเจ๊ยุพาทำให้ครอบครัวของจี๊ดเดือดร้อน...จี๊ดเครียดเมื่อไหร่...เห็นดีกันแน่”
จิตรวรรณเดินออกไป ยุพาแอบโล่งใจ ในขณะที่เทวัญยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์
ยุพานั่งร้อนใจ เทวัญเดินเข้ามา
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า คุณยุพา...ยังไงผมก็จะปกป้องคุณเอง เพราะผมรู้ว่าคุณทำไปด้วยความปรารถนาดี”
“ขอบคุณมากนะคะคุณเทวัญ คุณเทวัญต้องช่วยยุพานะ อย่าให้คุณจี๊ดไล่ออกเลยนะคะ แก่ป่านนี้แล้วให้ไปเดินสมัครงานใหม่ ไม่ไหวแล้วล่ะค่ะ”
“น้องจี๊ดไม่กล้าขัดผมหรอก...ยังไงก็ตาม ผมอยากให้คุณช่วยเป็นหูเป็นตาให้คุณวันดีแบบนี้ต่อไป...เชื่อผม คุณทำดีแล้ว”
“ก็ว่างั้นแหละค่ะ อะไรไม่ดี ยุพาไม่ทำ”
“ผมภาวนานะ ให้คุณวันดีลุกขึ้นมาทำอะไรที่เด็ดขาดได้สักที”
“ค่ะ ยุพาเห็นด้วย”
ศยาม ยอดชาย รัตนา และเจตนา คุยกันเรื่องเทวัญ
“น่าแปลก...เรื่องสำคัญขนาดนี้ คนฉลาดอย่างนายเทวัญ ทำไมถึงได้นัดทำอะไรที่ใกล้ออฟฟิศเราขนาดนี้” เจตนาพูดขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจ
ยอดชายคิดตาม
“อาจจะคิดว่าไม่มีใครสนใจหรือใส่ใจ”
ศยามครุ่นคิด
“หรือไม่...ก็อาจจะเป็นการขุดบ่อล่อปลา”
เจตนาสงสัย
“หมายความว่ายังไง”
“เพื่อจะดูว่า...มีใครกำลังจับตามองเค้าอยู่หรือเปล่า”
ทุกคนอึ้ง เห็นด้วยกับความคิดของเขา ศยามรู้สึกกังวล
จิตรวรรณเดินเข้าห้องประชุมกับพนักงานฝ่ายขาย ยุพาวิ่งมาจะเข้าห้องประชุม เสียงวันดีดังขึ้น
“ยุพา!”
ยุพาชะงัก ตกใจ
จิตรวรรณมองไม่เห็นยุพาเข้ามานั่ง ก็ถามอย่างสงสัย
“เจ๊ยุพาล่ะ”
พนักงานคนหนึ่งบอก
“เมื่อกี้เห็นเดินมาแล้วนะคะ”
จิตรวรรณลุกเดินออกมา จะหันมองไปทางวันดีและยุพา แต่ถูกเทวัญเข้ามาขัดจังหวะ
“น้องจี๊ด...”
“คะ”
“พี่อยากคุยด้วยนะ”
“จี๊ดต้องประชุมค่ะ ไม่ว่าง”
จิตรวรรณเดินเข้าห้องประชุม ปิดประตูใส่ เทวัญอึ้ง รู้สึกหงุดหงิด แต่พยายามเก็บอารมณ์
รัตนายกมือไหว้เจตนา
“ขอบพระคุณค่ะท่าน แต่เรื่องรถ ดิฉันคงรับไว้ไม่ได้”
“เธอเนี่ยน้า ทำไมเป็นคนมักน้อยอย่างนี้ ไม่ได้ เธอต้องรับ เพราะว่านี่คือคำสั่ง”
“ไม่เหมือนจี๊ดล่ะเลยนะครับ รายนั้นเรื่องรถเปลี่ยนเป็นว่าเล่น อุ๊บส์ ขอโทษครับที่นินทาเพื่อน...แต่ลืมว่าเป็นลูกเจ้านาย”
ศยามหลุดหัวเราะ
“เรื่องจริง ไม่ต้องขอโทษหรอก...ฉันต้องขอบใจพวกเธอมากนะที่ช่วยเป็นหูเป็นตาให้ฉัน...คงมีเรื่องต้องคุยกับเทวัญอย่างจริงจังซะแล้ว
วันดีเข้ามากับยุพา
“แต่ตอนนี้คุณมีเรื่องต้องคุยกับฉันก่อน”
ศยาม เจตนา ยอดชายและรัตนาตกใจมากที่เห็นวันดี
อ่านต่อหน้า 3
พริกกับเกลือ ตอนที่ 6 (ต่อ)
เจตนาเดินมาหาวันดี มองอย่างแปลกใจ
“คุณมาที่นี่ได้ยังไง”
วันดีตวาดถาม
“ทำอะไรไว้ล่ะ กลิ่นมันถึงได้เน่าโชยจนทำให้ฉันตามมาถูก”
“ผมทำอะไร”
“ยังจะต้องให้ฉันประจานซ้ำให้อับอายคนอื่นอีกเหรอว่าทำอะไร! มียางอายบ้างมั้ยคุณเจตนา”
ยอดชายเข้ามาขวาง
“เอ่อ ใจเย็นๆก่อนครับ”
เจตนาที่กำลังโมโห โต้ทันที
“ใครทำอะไร พูดมา”
“นังเมียน้อยมันสำออยอีท่าไหนเข้าล่ะ ถึงได้ตามมาดูแลกันถึงบ้าน แต่เมียตัวเองช้ำใจจนจะกระอักเลือดตาย กลับไม่เคยสนใจ”
รัตนาลุกขึ้นมาพยายามจะอธิบาย
ดิฉันไม่ได้...”
“ฉันไม่ได้คุยกับหล่อน นังผู้หญิงไม่มีสำนึก”
วันดีตบรัตนาจนหน้าหัน แถมจะเข้าไปซ้ำ เจตนาเข้าไปขวางเอาไว้
“หยุดนะคุณวันดี”
ศยามเข้าไปช่วยห้ามวันดี
“คุณนายครับ”
“อย่ามาแตะต้องตัวฉัน”
วันดีหันไปตบศยาม ทุกคนตกใจ เจตนาเห็นวันดีอาละวาดหนัก ไม่มีสติ ก็พยายามอธิบาย
“คุณวันดี หยุดฟังก่อน”
“หมดเวลาฟังแล้ว วันนี้ไม่ฉันก็มันต้องพังกันไปข้าง”
ยอดชายหันมองยุพาที่หลบตา ค่อยๆเดินออกไป ยอดชายตามยุพาไปทันที เจตนาทนไม่ไหว
“ผมบอกให้หยุด”
เจตนาตบหน้าวันดีทันที
“โอ๊ย!!!”
ทุกอย่างนิ่งงัน เงียบสนิท เจตนาเองก็ไม่เชื่อว่าตัวเองจะลงมืออย่างนี้ วันดีค่อยๆหันมามองเจตนาด้วยความเสียใจและตัดพ้อ.....
ยุพาเดินหนีออกมาหน้าบ้านรัตนา กะเอาตัวรอด ยอดชายตามมาติดๆ
“เจ๊ยุพา”
ยุพารีบหันมาแก้ตัว
“เจ๊ถูกบังคับ เจ๊ปฏิเสธคุณวันดีไม่ได้”
“เฮ้อ!” ยอดชายถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย
“เจ๊ไปนะ หมดหน้าที่แล้ว”
ยุพารีบออกไป ยอดชายรีบกดมือถือหาจิตรวรรณ
“ฮัลโหล...จี๊ด”
จิตรวรรณวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในบ้าน ในขณะที่วันดีกำลังร้องไห้ฟูมฟายต่อว่าเจตนา
“ตั้งแต่เราแต่งงานกันมา คุณไม่เคยทำร้ายฉัน แม้แต่ปลายเล็บ แต่พอมีนังนั่น คุณก็ทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง ได้ยังไง”
เจตนาบอกอย่างไม่พอใจ
“เพราะคุณบ้าไปแล้ว ไม่มีสติ”
“คุณบีบบังคับให้ฉันบ้า ฉันบ้าเพราะนิสัยเจ้าชู้ไม่รู้จักพอของคุณต่างหาก”
จิตรวรรณเข้าไปแทรก
“คุณแม่คะ ฟังจี๊ดก่อนได้มั้ยคะ”
“ไม่ฟัง”
“คุณแม่ฟังแต่คนอื่น แต่ไม่เคยฟังจี๊ด ฟังคุณพ่อ คนในครอบครัวคือคนที่คุณแม่ควรจะฟัง ไม่ใช่คนอื่นนะคะ”
“คนในครอบครัวนั่นแหละที่ทำร้ายกันมากที่สุด คนอื่นยังหวังดีกับฉันมากกว่า”
“จี๊ด ไม่ต้องพูดแล้วลูก ถ้าแม่เขาไม่ยอมเปิดหัวใจ พูดไปก็เท่านั้น”
เจตนาเดินหนี วันดีโวย
“จะไปไหน จะเอายังไง วันนี้ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง”
“ผมจะไปอยู่ที่อื่น....รอให้คุณสงบลงก่อน เราค่อยคุยเรื่องหย่า”
“แน่จริงคุยวันนี้เลย”
“ผมจะไม่คุยอะไรอีกแล้ว”
เจตนาเดินออกไป จิตรวรรณร้องถามอย่างตกใจ
“คุณพ่อ”
“ไปเลยไป๊ ไปเลย”
วันดีร้องไห้แทบขาดใจ จิตรวรรณมองแม่ด้วยความสงสาร จะเข้าไปปลอบ แต่ถูกวันดีผลักไส เธอจึงค่อยถอยห่างเดินออกมาด้วยความเสียใจ
หน้าบ้าน...ศยามยืนรออยู่อย่างเป็นห่วงจิตรวรรณ ครู่หนึ่งเธอค่อยเดินเซื่องซึมออกมา น้ำตาคลอ อยากร้องไห้
“คุณจี๊ด...”
จิตรวรรณเดินเข้ามา ศยามหวังจะปลอบใจจิตรวรรณ เดินเข้าไปหา แต่แล้ว...เทวัญก็เข้ามาแทรกกลาง มองจิตรวรรณอย่างเป็นห่วงเป็นใย
“น้องจี๊ด!”
จิตรวรรณชะงัก ศยามอึ้ง
“พี่รู้เรื่องคุณพ่อคุณแม่ของน้องจี๊ด....เป็นยังไงบ้าง”
“ท่าน...จะ...หย่ากันค่ะ”
“อะไรนะ”
จิตรวรรณน้ำตาคลอ มองไปที่ศยาม ชายหนุ่มมองหญิงสาวด้วยความเห็นใจ แต่ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ถอยหลังเดินจากไป จิตรวรรณมองตามศยาม รู้สึกเจ็บปวดประหลาด เทวัญเข้าไปสวมกอดจิตรวรรณเอาไว้
“ไม่เป็นไรนะน้องจี๊ด เข้มแข็งเอาไว้ พี่ยังอยู่เคียงข้างน้องจี๊ดเสมอ”
จิตรวรรณตัวแข็งทื่อเมื่อโดนเทวัญกอด รู้สึกไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเอง
ศยามเดินเข้ามา ก่อนจะชะงัก ค่อยๆหันกลับไปมอง เห็นภาพเทวัญกอดปลอบใจจิตรวรรณ ชายหนุ่มเจ็บลึก แช่มค่อยๆเข้ามา ยืนข้างศยาม ตบไหล่อย่างเห็นใจ ศยามสะดุ้งหันไปมอง
“อะไรพี่แช่ม”
“มองคนระดับเดียวกันดีกว่า...นั่นน่ะ เครื่องบิน มองไปก็เมื่อยเปล่าๆ ไม่ได้นั่งหรอก”
ศยามมองหน้าแช่ม เครียด นิ่ง ให้รู้ว่า...ไม่ขำ
“ไม่ขำ”
แช่มหน้าเสีย ค่อยๆแยกตัวออกไป ศยามจะเดินออกไป แต่ชะงัก หันมามองจิตรวรรณและเทวัญอีกครั้ง
จิตรวรรณผลักตัวเทวัญออกห่าง
“จี๊ดไม่ได้เป็นอะไรค่ะ พี่เทวัญ”
“พี่รู้ว่าน้องจี๊ดกำลังเสียใจ คนเรา...อ่อนแอได้นะน้องจี๊ด”
จิตรวรรณมองเทวัญ
“พี่เทวัญรู้ใจจี๊ดขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
“พี่รู้ใจน้องจี๊ดเสมอ”
“แต่จี๊ดอาจจะไม่รู้ใจของพี่เทวัญว่าคิดอะไรอยู่”
“เรื่องนี้อีกแล้ว...น้องจี๊ด ถ้าพี่เป็นคนเลวจริง พี่จะกล้าอยู่สู้หน้าน้องจี๊ด คุณพ่อคุณแม่ของน้องจี๊ดเพื่อพิสูจน์ตัวเองแบบนี้เหรอ เพราะพี่มั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด”
จิตรวรรณอึ้ง
“อย่าโกรธพี่เลยนะ ความรักของเราจะเติบโตแข็งแรงไม่ได้ ถ้าเราหวั่นไหว ไม่มั่นคงและไม่เชื่อใจกันเหมือนอย่างที่ผ่านมา”
จิตรวรรณไม่แน่ใจตัวเองขึ้นมาซะแล้ว...เริ่มอ่อนไหวตามที่เทวัญพูด
“จี๊ด...”
“มองหน้าพี่นะน้องจี๊ด พี่คือผู้ชายคนเดิมที่รักน้องจี๊ดมากที่สุด เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมกันได้มั้ย”
จิตรวรรณสบตาเทวัญ อึ้ง ลังเล...ศยามมองภาพจิตรวรรณกับเทวัญ รู้สึกเจ็บปวด
“ความรักมักทำให้คนตาบอดเสมอ”
ศยามเดินออกไป จิตรวรรณตัดสินใจบอกเทวัญ
“เราอย่าเพิ่งคุยเรื่องนี้เลยค่ะ..ขอเวลาจี๊ดหน่อย...ตอนนี้...จี๊ดสับสนไปหมดแล้ว”
จิตรวรรณเดินแยกไป เทวัญเจ็บใจที่ง้อจิตรวรรณไม่สำเร็จ
เทวัญกำลังจะเดินออกจากบ้านจิตรวรรณ เจตนาเข้ามาทางด้านหลังเทวัญ
“คุยกันก่อนสิเทวัญ”
เทวัญชะงัก ร้อนตัว แต่รีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติก่อนจะหันไปหาเจตนา
“ครับ ท่าน”
เทวัญแก้ตัว ซีเรียสมาก
“ท่านเชื่อพวกนั้นเหรอครับ”
“ฉันควรจะเชื่อหรือไม่เชื่อดีล่ะ ว่าว่าที่ลูกเขยของฉัน กำลังทำบางอย่างที่ไม่น่าไว้ใจ...นั่นก็คือ อาจจะขายความลับของบริษัทให้กับคู่แข่งนอกสายตาอย่าง โชคมนูญกิจออโต้”
เทวัญทำเป็นขำ
“โธ่เอ๊ย...ที่แท้ก็...คงจะเป็นวันนั้นน่ะเอง...”
“อธิบายมาสิ”
“เขาต้องการให้ผมขายความลับของโมเดิร์นคาร์ โดยเฉพาะยุทธศาสตร์ทางการตลาดเพราะเขาต้องการขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดแทนเรา”
เจตนาอึ้ง
“แต่ผมบอกปฏิเสธ”
“แน่ใจเหรอ”
“ผมไม่มีอะไรยืนยันนอกจากคำพูดของผม และเวลาที่จะเป็นตัวพิสูจน์ว่าผมทำหรือไม่ได้ทำ หากสิ่งที่เราคิดไปเป็นของโชคมนูญกิจ...ค่อยเอาผิดผม”
เทวัญมองเจตนาด้วยสายตาเชื่อมั่น จนเจตนาเริ่มลังเล
จิตรวรรณส่งยาแก้ปวดศีรษะให้วันดีที่นอนอยู่บนเตียง ป้าเพ็ญรอส่งน้ำดื่มให้อยู่ข้างๆ
“ทานยาแก้ปวดศีรษะก่อนนะคะคุณแม่”
วันดีรับยามา ดื่มน้ำโดยไม่พูดอะไร
“นอนพักนะคะ”
วันดีเอนตัวลงนอน จิตรวรรณห่มผ้าให้อย่างเบามือ
“พรุ่งนี้จี๊ดจะลางาน มาอยู่เป็นเพื่อนคุณแม่นะคะ”
วันดีหันหลังให้นอนนิ่ง จิตรวรรณกับป้าเพ็ญสบตากัน หนักใจ ป้าเพ็ญเก็บถ้วยยาและแก้วน้ำออกไป
“งั้น...จี๊ดไปก่อนนะคะ คุณแม่อย่าเพิ่งคิดอะไรมากนะคะ”
จิตรวรรณลุกเดินออกไป วันดีก็พูดขึ้นมา
“จี๊ด...”
จิตรวรรณชะงักหันมา
“สัญญากับแม่ได้มั้ย ว่าจะไม่ทำให้แม่เสียใจเหมือนที่พ่อของลูกทำ”
จิตรวรรณอึ้ง
เจตนายืนมองออกไปนอกหน้าต่างของห้องพักในโรงแรมหรู รู้สึกเสียใจอยู่ลึกๆ ศยามและแช่มช่วยกันยกกระเป๋าเสื้อผ้าและเอกสารเข้ามาวาง เจตนารู้สึกตัว สะบัดไล่อารมณ์ หันไปยิ้มปกติ
“ขอบใจ”
“คุณท่านจะให้ผมมา...”
แช่มยังพูดไม่จบ เจตนาขัดขึ้น
“ไม่ต้อง อยู่ดูแลคุณนายกับคุณจี๊ดเถอะ ฉันขับเองได้ กลับได้แล้วล่ะ”
“แล้วท่าน จะให้ผมมารับกลับบ้านเมื่อไหร่ดีครับ”
“ยังไม่รู้”
แช่มยกมือไหว้เจตนาอย่างอาลัย ออกไป เหลือเพียงศยาม
“ว่าไง นายดิ่ง”
“ท่านไม่อยู่ ผม...”
ศยามอยากจะบอกว่าขออนุญาตออกไปอยู่ข้างนอก เจตนารู้ทัน ตัดบท
“จะขอออกไปอยู่ข้างนอกงั้นสิ”
“ครับ”
“เอาเถอะ...ตามใจ ฉันเข้าใจ”
“ขอบคุณครับ...ท่าน...ตัดสินใจแน่แล้วเหรอครับ”
“จริงๆแล้ว ฉันไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้เลย รักกันอยู่ด้วยกันมาจะสามสิบปีอยู่แล้ว แต่...จะให้อยู่ในสภาพที่ถูกกดดันอย่างนั้นทุกวัน...ก็ไม่ไหว”
“ผมก็ภาวนานะครับว่าอย่าให้มันเป็นอย่างนี้เลย...ไม่ใช่เพียงท่านหรือคุณวันดีที่เจ็บปวด แต่คุณจี๊ดเองก็ต้องเจ็บปวดไปด้วย เจ็บปวดกันทุกคน”
“นั่นสินะ...”
“ผมลาล่ะครับ ขอบคุณสำหรับความเมตตา ผมจะไม่มีวันลืมพระคุณของท่านเลยครับ”
ศยามบรรจงไหว้ขอบคุณจากใจจริง เจตนายิ้มรับตบไหล่อย่างให้กำลังใจ ก่อนจะหันไปเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง อยู่กับตัวเองอีกครั้ง ศยามมองเจตนาอย่างเห็นใจก่อนจะเดินออกไป
“เดี๋ยวก่อนนายดิ่ง”
“ครับผม”
“เรื่องเทวัญ...ไม่ต้องสืบหาอะไรต่อแล้วนะ ขอบใจที่ช่วยเป็นหูเป็นตาให้”
ศยามอึ้ง
จิตรวรรณนั่งกุมมือวันดี
“คุณแม่พักผ่อนก่อนนะคะ”
“ไม่ สัญญากับแม่ก่อน ว่าจี๊ดจะไม่ทำให้แม่เสียใจและผิดหวัง”
“โอย...จี๊ดนิสัยไม่ค่อยดี ไม่กล้าสัญญาหรอกค่ะ วันๆนึงอาจจะทำเรื่องให้คุณแม่ผิดหวังได้หลายเรื่อง...”
“ยกเว้นเรื่องเทวัญกับลูก”
จิตรวรรณอึ้ง
“ทำไมถึงเหินห่างกับเทวัญนัก ลูกคิดอะไรของลูกอยู่”
“ไม่เอาค่ะ คุณแม่พักดีกว่า อย่าเพิ่งคิดเรื่องอะไรเลยนะคะ”
“ไม่คิดไม่ได้ เห็นตัวอย่างแม่กับพ่อมั้ย...ชีวิตครอบครัวของแม่ล้มเหลวได้ ไม่เป็นไร แต่แม่จะไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนี้กับลูก”
“คุณแม่คะ...ถ้าคุณแม่ไม่อยากให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นกับจี๊ด คุณแม่ก็ต้องยอมรับการตัดสินใจของจี๊ด ที่ต้องการเวลาในการพิสูจน์ตัวพี่เทวัญ”
“จะพิสูจน์อะไรกันอีก ที่ผ่านมามันยังไม่พออีกเหรอ มีอะไรในตัวเทวัญที่ลูกยังไม่แน่ใจ เทวัญคือผู้ชายที่ดีที่สุดที่ดูแลลูกแทนแม่ได้”
“จี๊ดอธิบายไม่ได้ จี๊ดแค่ขอเวลา”
“ไม่มีเหตุผล อย่าบอกนะว่าเพราะนายดิ่งไม่มีหัวนอนปลายเท้าคนนั้นทำให้ลูกไขว้เขว”
“ไม่ใช่เพราะใครทั้งนั้น...แต่...”
วันดีอารมณ์ขึ้นอีก
“ฉันไม่เชื่อ ไม่ต้องมาโกหก เชื้อไม่ทิ้งแถว โกหกทั้งพ่อทั้งลูกชอบกินของต่ำ เห็นฉันเป็นอะไร เป็นนังโง่ไม่มีสมองคิดอะไรไม่เป็นใช่มั้ย”
จิตรวรรณตกใจ เห็นแม่อาละวาด คุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้
“คุณแม่ ใจเย็นๆก่อนค่ะ คุณแม่” จิตวรรณเข้าไปกอดวันดีเอาไว้ “ป้าเพ็ญ ป้าเพ็ญ มาช่วยจี๊ดหน่อยเร็ว ป้าเพ็ญ”
วันดีฟูมฟายไม่หยุด จิตรวรรณพยายามกอดเอาไว้ให้สงบ ป้าเพ็ญเข้ามา ตกใจ
“ตามลุงหมอมาเร็วป้าเพ็ญ”
“ค่ะ ๆๆ”
ป้าเพ็ญรีบออกไป จิตรวรรณหันไปพยายามทำให้วันดีสงบ
“คุณแม่คะคุณแม่...”
“ไปเลย ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ไปอยู่กับพ่อแกโน่น ทิ้งฉันให้ตายคนเดียวน่ะดีแล้ว! ไป๊!”
ป้าเพ็ญวิ่งหน้าตื่นมา
“นังสำรวย นังสำรวย เห็นสมุดจดเบอร์โทรศัพท์คุณลุงหมอมั้ย”
ศยามและแช่มเข้ามาพอดี
“มีใครเป็นอะไรครับป้า”
“คุณนาย อาละวาดใหญ่เลย คุณจี๊ดจะเอาไม่อยู่อยู่แล้ว”
ศยามเป็นห่วงจิตรวรรณและวันดี รีบวิ่งออกไปทันที ป้าเพ็ญตะโกนเรียก
“นังสำรวย!”
“เดี๋ยวฉันจัดการเอง ป้าไปช่วยคุณหนูดูแลคุณนายเถอะ”
แช่มวิ่งออกไป ป้าเพ็ญจะเป็นลม ร้อนใจ วิ่งกลับออกไป
วันดีพลุ่งพล่าน จนจิตรวรรณแทบเอาไม่อยู่ วันดีผลักจิตรวรรณออกไป
“ปล่อยฉัน”
จิตรวรรณเสียหลัก ล้ม
“โอ๊ย!”
ศยามเข้ามาเห็นจิตรวรรณล้ม
“คุณจี๊ด!”
“แก...แกตั้งใจจะจับลูกฉันใช่มั้ย ไป๊ ออกไปให้พ้น ไปจากชีวิตลูกฉัน”
วันดีเข้าไปตีและไล่ ศยามพยายามจับวันดีเอาไว้
“คุณนายครับ คุณนาย ใจเย็นๆครับ หยุดก่อนครับ”
“ปล่อย”
“คุณแม่ขา คุณแม่...ฟังจี๊ดนะ ไม่มีใครทำอย่างที่คุณแม่คิดเลย คุณแม่คิดไปเอง กลัวไปเองนะคะ...”
“ไม่จริง! ไม่ต้องมาหลอกฉัน! อ๊าย!”
วันดีอาละวาดจนหมดแรง ร้องไห้ นิ่ง...เหมือนช็อก
“คุณแม่ คุณแม่เป็นยังไงบ้างคะ”
ศยามรีบอุ้มวันดีไปนอนที่เตียง จิตรวรรณรีบนวดเฟ้นดูอาการ
“คุณแม่...”
ศยามมองสภาพวันดีอย่างเห็นใจ และสงสารจิตรวรรณมาก
หมอเวทย์เปิดประตูออกมาจากห้องวันดี ศยาม ป้าเพ็ญ สำรวยและแช่มยืนรออยู่ จิตรวรรณดูแลวันดีที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง หมอเวทย์ปิดประตูสนิท ศยามถามอย่างห่วงใย
“คุณนายเป็นยังไงบ้างครับ”
“หมอให้ยาระงับประสาทไปแล้ว...คุณวันดีเธอมีปัญหากับการควบคุมอารมณ์ตัวเอง”
ป้าเพ็ญเป็นห่วง
“คุณนายจะ...เป็นแบบนี้อีกมั้ยคะคุณหมอ”
“ถ้ายังไม่เปิดใจรับฟังเหตุผลของใคร ยึดตัวเองเป็นใหญ่อยู่แบบนี้ ก็จะยังเป็นอยู่ เหมือนเด็กที่เอาแต่ใจ พอไม่ได้อย่างใจก็...กราดเกรี้ยว”
สำรวยพูดลอยๆ
“เหมื้อนกันยังกะแกะ”
ป้าเพ็ญหันขวับมาดุ
“ใครเหมือนใคร”
“คุณนายกับคุณหนูจี๊ดค่ะ”
ป้าเพ็ญเงื้อมือ
“เดี๋ยวตีปากแตก!”
“ทางที่ดี พาคุณนายแกเข้าวัดเข้าหาทางธรรมบ้างก็ดีนะ เผื่อจะเจอวิธีคิดที่ถูกต้อง คนวัยนี้...น่าจะนิ่งหรือเรียนรู้ชีวิตได้มากกว่านี้”
หมอเวทย์เดินออกไป ศยามตามไป
“ผมไปส่งครับ”
ศยามเดินมาส่งหมอเวทย์ เสียงมือถือของหมอเวทย์ดังขึ้น หมอเวทย์หยิบมือถือขึ้นมา เห็นเบอร์ รีบกดรับ
“สวัสดีครับ คุณศุ...”
ศยามชะงัก สนใจขึ้นมาทันที
“อะไรนะ คุณเศกเหรอครับ”
ศยามอึ้ง เป็นห่วงพ่อ
“ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอกครับ คุณเศกอาจจะเหนื่อยมากเกินไป เดี๋ยวผมจะรีบไปดูอาการให้นะ”
หมอเวทย์วางสาย...หันมาหาศยาม
“ขอบใจนะ หมอไปล่ะ”
ศยามเรียกเอาไว้ มีบางอย่างอยากจะขอร้อง
“หมอครับ”
หมอเวทย์ชะงัก
อ่านต่อหน้า 4
พริกกับเกลือ ตอนที่ 6 (ต่อ)
ศยามใส่หมวกเดินตามหมอเวทย์เข้ามาในบ้าน
“รบกวนเธอมากเกินไปหรือเปล่า อาสาขับรถให้หมอ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมกลัวคุณหมอจะเหนื่อย”
“รู้หรือเปล่า ว่าบ้านนี้กับบ้านคุณเจตนา ไม่ค่อยอยากจะสุงสิงกันนัก”
“พอจะทราบครับ”
“แต่ก็ใช้บริการหมอคนเดียวกัน ฮ่ะๆๆๆ ก็ไม่รู้จะตั้งป้อมอะไรกันนักหนา”
“คุณหมอรีบเข้าไปดูอาการคุณเศกเถอะครับ ผมจะรออยู่ข้างนอกนะครับ”
“เออ ขอบใจนะ”
หมอเวทย์เดินเข้าบ้านไป...ศุวิมลออกมารับหมอเวทย์
“ลุงหมอคะ...”
ศุวิมลเห็นศยามแล้วอึ้ง ศยามยิ้มให้เล็กน้อย ศุวิมลแปลกใจว่าพี่ชายมาได้ยังไง แต่ก็ทำเป็นไม่รู้จัก
“เอ่อ...เชิญลุงหมอข้างในค่ะ”
“เด็กที่บ้านคนไข้หมอน่ะ อาสาขับรถให้ เดี๋ยวเขาจะรออยู่ข้างนอก ไม่เข้าไปกวนหรอก”
“ค่ะ...อยู่แถวๆนี้นะ อย่าเพ่นพ่านไปไหนนะ เดี๋ยวคุณมารศรีมาเห็นแล้วจะยุ่ง”
หมอเวทย์งงๆ
“อ้าว ทำไมล่ะครับ”
ศุวิมลรีบแก้ตัว
“เธอไม่ชอบเห็นคนนอกเข้าบ้านค่ะ ไปค่ะลุงหมอ คุณพ่อรออยู่”
ศุวิมลรีบพาหมอเวทย์ไป...ศยามรู้สึกเป็นห่วงเศก อยากไปพบ อยากเห็นหน้า
จิตรวรรณเดินออกมาจากห้องวันดีด้วยความอ่อนเพลีย ป้าเพ็ญเข้ามา
“โทรบอกท่านมั้ยคะ”
จิตรวรรณอึ้ง ครุ่นคิด
“อย่าเพิ่งเลย จี๊ดไม่แน่ใจ ถ้าคุณพ่อมา คุณแม่อาจจะเป็นขึ้นมาอีก ตอนนี้คุณแม่หลับแล้ว ป้าเพ็ญไปพักเถอะ จี๊ดจะอยู่เฝ้าคุณแม่เอง”
“ค่ะ”
ป้าเพ็ญจะไป จิตรวรรณถามขึ้น
“เอ่อ...นายดิ่งล่ะ กลับไปห้องพักแล้วเหรอ”
“เปล่าค่ะ คุณดิ่งอาสาขับรถไปส่งหมอเวทย์ที่บ้านคนไข้อีกคนหนึ่งค่ะ”
ขณะเดียวกันนั้นเสียงวันดีก็ดังขึ้น
“จี๊ด จี๊ด อยู่ไหน จี๊ด ลูก”
“คุณแม่...”
จิตรวรรณและป้าเพ็ญรีบเข้าไปในห้องวันดีทันที
ศยามรีรออยู่ที่หน้าบ้าน ศุวิมลแอบออกมาหา
“พี่ดิ่ง”
“ศุ คุณพ่ออาการเป็นไงบ้าง”
“ลุงหมอตรวจอยู่ค่ะ...ท่านหายใจไม่ค่อยออก คงเพราะเครียดเรื่องที่ทะเลาะกับยัยมารศรี คุณพ่อหลงยัยนั่นมาก ทำอะไรน่าเกลียดๆคุณพ่อก็ไม่เคยว่าอะไรเลย กลับเอาแต่โทษตัวเอง”
ศยามกลุ้มใจ
“พี่ดิ่ง เมื่อไหร่จะกลับมาเปิดโปงยัยนั่นสักที ศุเหม็นหน้าจะแย่แล้ว”
ทันใดนั้นเสียงมารศรีดังเข้ามา
“คุณศุคะ!”
สองคนชะงัก...ศยามรีบหันหลังหลบหลังต้นไม้ใกล้ๆ เอาหมวกปิดบังใบหน้า ใช้ความมืดอำพรางตัวเอง มารศรีเดินเข้ามา มองไปที่ศยามสงสัย
“ใครคะ”
“อ๋อ...คนขับรถลุงหมอค่ะ”
มารศรี ไม่สนใจ
“คุณเศกให้หา”
ศุวิมลมองศยามเล็กน้อย ก่อนจะเดินเฉียดมารศรีไป มารศรีไม่พอใจศุวิมล เหลือบมองศยามอีกครั้ง คุ้นๆ แตไม่ติดใจอะไร เดินออกไป ศยามโล่งอก ก่อนจะรู้สึกเป็นห่วงพ่อมาก
ศุวิมลประคองเศกมาส่งหมอเวทย์
“ขอบคุณมากนะหมอ”
“พักผ่อนเยอะๆนะครับ”
ศยามมองมาจากมุมหนึ่ง เห็นหน้าซีดเซียวของพ่อแล้วเห็นใจเป็นอย่างมาก มารศรีเดินออกมาจะออกไปข้างนอก เศกหันมาถาม
“ไม่ไปสักคืนไม่ได้เหรอคุณศรี”
“ไม่ได้ค่ะ ศรีนัดเพื่อนไว้แล้ว เดี๋ยวจะคุยเรื่องงานไม่เสร็จ”
“คุยเรื่องงานอะไร”
“ก็งานการกุศลที่ศรีเคยคุยให้ฟังไงคะ ลืมแล้วเหรอคะ”
ศุวิมลไม่พอใจ
“แต่คุณพ่อไม่ค่อยสบายอยู่ ไม่เห็นหรือไง”
“ไม่เป็นไรยัยศุ...ไปเถอะ คุณศรี อย่ากลับดึกนักล่ะ ผมเป็น...ห่วง”
มารศรีไม่รอให้เศกพูดจบ ก็เดินออกไปซะก่อน เศกหน้าเสีย ศุวิมลไม่พอใจ หมอเวทย์เห็นใจเศกมาก เศกค่อยๆเดินซึมเข้าไปข้างใน ศุวิมลจะตาม เศกยกมือห้ามไว้ ศุวิมลหันมามองหมอเวทย์อย่างกังวลใจ เป็นห่วงพ่อ ศยามสงสารพ่อมาก พึมพรำกับตนเอง
“ถ้าผมกลับ...พ่ออาจจะยิ่งเสียใจมากไปกว่านี้...
วันดีนอนจับมือจิตรวรรณเอาไว้
“จี๊ด นอนกับแม่นะลูก แม่ไม่อยากนอนคนเดียว”
“ค่ะ คืนนี้จี๊ดจะนอนกับคุณแม่”
“ป้าไปเอาหมอนมาเพิ่มให้นะคะ”
ป้าเพ็ญเดินออกไป วันดีหันมาอ้อนวอนจิตรวรรณ
“จี๊ด ทำเพื่อแม่นะลูก...”
“ทำอะไรคะ”
“ดีกับตาเทวัญซะ และก็แต่งงานให้เร็วที่สุด แม่อยากเห็นจี๊ดเป็นฝั่งเป็นฝา มีคนดูแลจี๊ดแทนแม่”
จิตรวรรณอึ้ง
“คุณแม่...”
“หัวใจครึ่งหนึ่งของแม่แหลกสลายไปพร้อมกับความเชื่อใจที่มีให้พ่อของลูกเหลือหัวใจอีกครึ่งดวง ต่อชีวิตให้แม่เถอะนะ อย่าให้แม่ผิดหวังเพราะลูกอีกคนเลย”
จิตรวรรณอึ้ง...หนักใจ สงสารแม่...
เทวัญนั่งหงุดหงิดอยู่เพียงลำพังที่บาร์เหล้าในบ่อน มารศรีเข้ามานั่งข้างๆ
“คิดว่าจะไม่เจอคุณที่นี่ซะแล้ว”
“คิดถึงผมมากหรือไง”
“หึ...เข้าข้างตัวเอง มีคู่หมั้นอยู่แล้วทั้งคน”
“แต่กำลังจะไม่ใช่ เพราะเพื่อนกระจอกของคุณ”
มารศรีไม่พอใจ
“อะไรกัน...อย่าบอกนะว่าคุณกำลังจะเสียยัยจี๊ดนั่นให้กับดิ่ง”
เทวัญไม่พูด ดื่มเครื่องดื่มแก้เครียด
“หึ...ไร้น้ำยา”
เทวัญไม่พอใจกระชากข้อมือของมารศรีเข้ามาจนร่างประชิด แนบเน่นเบียดกัน มารศรียิ้มเย้ย ยั่วอารมร์ของเทวัญ
“จะทำอะไรฉันคะ”
“จะแสดงให้ดูว่าคุณ...ประเมินผมต่ำไป”
“แสดงให้ดูผิดคนแล้วมั้ง...ฉันไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้น”
มารศรีผลักเทวัญออกไป เทวัญรู้สึกว่ามารศรีท้าทายมาก
“จะบอกอะไรให้นะ...ดิ่งน่ะเขาแพรวพราวไม่ใช่เล่น ผู้หญิงคนไหนที่อยู่ใกล้เขา เสร็จทุกราย”
“พูดยังกับว่า...”
“ใช่...ฉันเคยหลงเสน่ห์เขามาแล้ว ถึงได้รู้ไง ว่า...คู่หมั้นคุณไม่รอดแน่”
“แล้วทำไมเพิ่งจะมาบอก”
“เอ๊า ก็ไม่ได้ถาม...แต่คงต้องบอก เพราะ...คุณนิ่งนอนใจเกินไป”
มารศรีจะเดินออกไป เทวัญคว้ามือมารศรีเอาไว้
“จะรีบไปไหน...”
“ไประบายอารมณ์...ที่อื่น...แต่ไม่ใช่กับคุณ เพราะคุณมันไม่มีน้ำยา”
มารศรีสะบัดมือเทวัญทิ้ง เดินนวยนาดออกไป...เทวัญมองตามมารศรีเคืองมากที่ถูกดูถูก
“สักวัน...เธอจะต้องเปลี่ยนคำพูด มารศรี”
มารศรีเดินหงุดหงิดมา ดูงุ่นง่านมาก หญิงสาวพยายามสงบอารมณ์ตัวเอง...ค่อยๆหยุดนิ่ง...หยุดเดิน เพิ่งรู้ตัวว่าคิดถึงใครบางคน
“ดิ่ง...ฉัน...คิดถึงคุณ...ฉันคิดถึงคุณเหลือเกิน”
มารศรีน้ำตาคลอ รู้สึกเจ็บปวดใจ ยืนกอดตัวเองอย่างหนาวเหน็บ
จิตรวรรณนั่งซึมอยู่เพียงลำพัง ศยามเข้าบ้านมา เห็นจิตรวรรณนั่งหันหลังอยู่ก็รีบเดินเลี่ยงไปอีกทาง แต่จิตรวรรณหันกลับมา เรียกศยามเอาไว้
“นายดิ่ง”
ศยามชะงัก ค่อยๆหันกลับมา พยายามรักษาอาการให้ดูเป็นปกติที่สุด
“มีอะไร”
“ฉัน...ควรทำยังไงดี”
“ทำอะไร เรื่องอะไร”
จิตรวรรณเปลี่ยนใจ ไม่พอใจตัวเอง
“ทำไมฉันต้องมาคุยกับนายด้วยนะ งี่เง่าจริงๆ”
จิตรวรรณเดินไป ศยามจับมือจิตรวรรณเอาไว้
“เดี๋ยวก่อน...”
จิตรวรรณอึ้ง มองมือแข็งแรงของเขาที่จับมือเธออ่อนไหว ศยามน้ำเสียงอ่อนโยน
“มีอะไรอยากคุยกับผม คุยมาสิ”
“ฉันสงสารคุณแม่”
“ใช่ ท่านน่าสงสาร”
“แต่ฉันก็สงสารตัวเอง”
“ไม่เห็นจะน่าสงสาร”
“เหรอ...การที่ฉันต้องยอมรับปากคุณแม่ว่าจะแต่งงานกับพี่เทวัญเพื่อให้คุณแม่สบายใจ ทั้งๆที่ฉันเองก็ยังไม่แน่ใจว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกต้อง...ไม่น่าสงสารเลยเหรอ”
ศยามอึ้ง
“ผมคิดว่า...คุณเต็มใจ”
“ฉันไม่รู้แล้ว ว่าตอนนี้ฉันคิดอะไรอยู่กันแน่ ฉันไม่แน่ใจ ฉันสับสน แต่ฉันก็ไม่อยากทำให้คุณแม่ต้องเสียใจอีก แค่เรื่องคุณพ่อก็หนักหนาพอแล้ว”
จิตรวรรณร้องไห้ออกมาตัวโยน...อย่างหมดความอดทน ก้มหน้าร้องไห้ต่อหน้าเขา ศยามสงสารจึงโอบเข้ามาปลอบประโลม จิตรวรรณอึ้ง ก่อนจะรู้สึกว่า...อ้อมกอดของเขาเป็นอ้อมกอดที่จริงใจและอบอุ่น จิตรวรรณสวมกอดเขาตอบ ยึดเป็นหลักให้กับตัวเองในตอนนี้...ศยามลูบผมของเธออย่างแผ่วเบา
เทวัญทิ้งตัวลงนั่งอย่างอ่อนแรงและเคร่งเครียด ทันวิทย์เดินเข้ามา
“พี่มีปัญหาอะไรกับพี่จี๊ด”
“ไม่ใช่เรื่องของแก”
“ผมถามจริงๆ พี่รักพี่จี๊ดจริงหรือเปล่า”
“ไม่รัก แล้วฉันจะคบจี๊ดทำไมให้เสียเวลา”
“แต่พี่ก็มีคนโน้นคนนี้อยู่ตลอดเวลา”
เทวัญลุกหนี
“บอกอีกครั้งว่าไม่ใช่เรื่องของแก”
“หรือว่าพี่หลอกพี่จี๊ด แต่งงานเพื่อเงิน อย่างที่คนเขาพูดกัน พี่จะอยากได้เงินมากมายไปทำไม ตอนนี้เงินเดือนพี่ก็เยอะ ที่มีอยู่ก็ไม่ได้ลำบากอะไร”
เทวัญหันมาตวาดลั่น
“บอกแล้วไงว่าไม่ใช่เรื่องของแก”
“ก็พี่เป็นพี่ชายผม ผมไม่อยากให้ใครว่าพี่ลับหลัง”
“ก็เรื่องของมัน แต่ฉันต้องได้แต่งงานกับจี๊ด ไม่ว่าจะต้องทำยังไง ฉันก็ต้องได้แต่ง!”
ทันวิทย์ไม่เข้าใจเป้าหมายของพี่ชาย เทวัญนั้นแค้นเจตนาที่ทำให้ธุรกิจของพ่อแม่ต้องขาดทุนและทำให้อยู่อย่างลำบากมาตั้งแต่เด็ก เขาผูกใจเจ็บ หมายมั่นจะครอบครองธุรกิจของเจตนาให้ได้ เทวัญเดินหนีเข้าห้องไป
จิตรวรรณเริ่มสงบลง ผละออกจากศยาม รู้สึกเขิน...
“ขอบคุณนะ ฉัน...ไปล่ะ”
จิตรวรรณหันเดินไป ศยามก้าวประชิดตามหลัง
“เดี๋ยวก่อน...”
“อะไร”
จิตรวรรณหันมาชนกับศยามอย่างใกล้ชิดอีกครั้ง...ทั้งคู่สบตากันนิ่งนาน
“แน่ใจเหรอ...ว่าทำแบบนั้น ดีแล้ว”
“แล้วฉันมีทางเลือกที่ดีกว่านี้เหรอ”
“คุณเคยเลือกอย่างมั่นใจ ไม่เคยแคร์ใคร”
“แต่ตอนนี้ฉันใจไม่แข็งพอที่จะไม่แคร์ความรู้สึกของคุณแม่ ฉันไม่อยากเป็นลูกอกตัญญู ฉันอยากทำหน้าที่แทนคุณพ่อ เข้าใจมั้ย...”
“ผมเข้าใจ...เข้าใจ...”
จิตรวรรณมองศยาม น้ำตาซึม
“ทำไม...ทำไมนายต้องรู้จักตัวฉันดีกว่าใคร ทำไมฉันต้องพูดสิ่งเหล่านี้กับนาย...ทำไม...”
ศยามมองลึกเข้าไปในดวงตาของจิตรวรรณ...ทั้งคู่ต่างอ่อนไหวและหวั่นไหว มารศรีแอบยืนมองอยู่หน้าบ้านไม่พอใจ และแค้นใจ
“คุณเคยรักฉัน...คุณเคยรักฉัน...คุณต้องรักฉัน”
มารศรีหันเดินออกไปอย่างไม่พอใจ...ศยามกับจิตรวรรณยังอยู่ในภวังค์ ก่อนจะสะดุ้งตกใจเพราะเสียงบีบแตรรถดังลั่น ศยามและจิตรวรรณหันไปมองหน้าบ้าน เห็นรถคันหนึ่งวิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วมาก เสียงเอี๊ยดอ๊าด พลางกดแตรค้าง จนศยามและจิตรวรรณต้องอุดหู ศยามวิ่งไปดูหน้าบ้าน เห็นแต่ท้ายรถวิ่งหายไป โดยที่ไม่รู้ว่าเป็นรถของใคร ศยามหันไปหาจิตรวรรณ แต่หญิงสาวหายไปแล้ว ศยามอึ้ง...รู้สึกเจ็บปวดกับเรื่องของจิตรวรรณ
จิตรวรรณค่อยๆปิดประตูห้องอย่างแผ่วเบา รู้สึกหนักอึ้งและตึงเครียดกับการตัดสินใจ เธอค่อยๆหันไปมองแม่ตาคลอ แต่ก็ตัดใจ เข้มแข็ง จิตรวรรณหยิบมือถือขึ้นมา กดเบอร์เทวัญ เดินไปที่หน้าต่าง รอสาย หญิงสาวมองออกไปข้างนอก เห็นศยามยังยืนอยู่ ณ ตำแหน่งเดิมอยู่หน้าบ้าน มองขึ้นมาที่ตึกใหญ่ จิตรวรรณมองศยามอย่างหวั่นไหว
“ฮัลโหล...น้องจี๊ด!”
“พี่เทวัญคะ...”
จิตรวรรณยังคงมองไปที่ศยาม
กรุงเทพ ยามเช้า...
เทวัญเดินเข้ามาด้วยท่าทางลิงโลดใจ จิตรวรรณยืนรออยู่
“น้องจี๊ด..พี่ดีใจที่สุดเลย ที่น้องจี๊ดใจอ่อน กลับมาเป็นเหมือนเดิม”
“ค่ะ”
“คุณแม่เป็นยังไงบ้าง พี่ขอไปเข้าไปเยี่ยมท่านหน่อยได้มั้ย”
“คุณแม่ยังไม่ตื่นค่ะ อย่าเพิ่งกวนท่านเลย ไปกันเถอะค่ะ”
เทวัญจับมือจิตรวรรณเดินไป ศยามเดินออกมาพอดี เห็นภาพเทวัญกับจิตรวรรณควงกัน ศยามอึ้งๆ จิตรวรรณเห็นศยามก็อึ้งไปเหมือนกัน แต่พยายามทำตัวปกติ
“นายหายดีแล้ว...ไปทำงานเองแล้วกันนะ”
ศยามพยักหน้า เทวัญพูดเยาะๆ
“หรือจะให้แฟนเก่ามารับ....ก็เข้าท่าดีนะ ได้ข่าวว่า...รวยด้วยสิ”
“แฟนเก่านายดิ่ง ใครคะ”
“ก็....คุณมารศรี ภรรยาของคุณเศก ลักชัวรี่คาร์ไงน้องจี๊ด”
จิตรวรรณหันมองศยามตาเขียวปั๊ด ศยามแปลกใจ เทวัญรู้ได้ยังไง
“ไปกันเถอะน้องจี๊ด เดี๋ยวจะสาย”
เทวัญจูงมือจิตรวรรณไป จิตรวรรณหันมองศยาม มีคำถามในแววตามากมาย ศยามหนักใจ ต้องตั้งรับสิ่งที่จะตามมาอีกแน่นอน
มุมหนึ่งที่ปลอดคน ด้วงส่งเงินให้เจ้าหนี้ที่มารออยู่ เจ้าหนี้รับมานับ
“ไม่ครบ”
“ขาดไม่กี่พันเอง เอาไปก่อนเหอะพี่ ฉันไม่หนีหรอก หนีก็ตายเปล่า พี่ก็ไม่ได้เงินคืน”
“ให้เวลาสองวัน ไม่งั้น เอ็งได้ตายเปล่าแน่”
เจ้าหนี้กับลูกน้องออกไป ด้วงโล่งอก หันหลังกลับ เจอโพยืนดักอยู่แล้ว ด้วงตกใจ
“พี่โพ”
“แกเอาเงินมาจากไหน”
“เอ่อ...”
“ฉันถามว่าแกเอาเงินมาจากไหน”
“ทำงาน”
ด้วงเดินหนี โพจับไหล่ด้วงให้กันมา ไม่ยอมให้ไป
“งานอะไร”
ด้วงปัดมือของโพออกอย่างแรง
“เฮ้ย มากไปป่ะ ยุ่งอะไรด้วย”
“แกรับจ้างคุณเทวัญทำร้ายคุณรัตนาใช่มั้ย”
ด้วงอึ้ง หน้าเสีย....โพมองด้วงอย่างจับผิด ตะคอกถาม
“จริงใช่มั้ย”
“เออ จริง แล้วทำไม”
“ไอ้เลว! เห็นแก่เงินจนต้องทำร้ายผู้หญิงเลยเหรอวะ”
โพต่อยด้วงลงไปกอง ด้วงโมโห ลุกขึ้นมาต่อยโพคืน โพกระเด็น
“แล้วมีใครหน้าไหนช่วยฉันได้มั่งวะ หา!! พี่มีปัญญาหรือเปล่า”
“ไอ้ด้วง ฉันเป็นพี่แกนะ”
“ก็เลิกเป็นได้เว้ย มีญาติอย่างแกแต่พึ่งไม่ได้ ไม่ต้องมีก็ได้วะ”
“ไอ้ด้วง”
ด้วงจะไป แต่นึกขึ้นได้ ย้อนกลับมา
“แต่ตอนนี้แกอาจจะช่วยฉันได้”
ด้วงเข้าไปเตะต่อยโพ โดยที่โพไม่ทันตั้งตัว โพพยายามลุกขึ้นมาปกป้องตัวเอง แต่ถูกด้วงชักมีดขึ้นมาขู่ โพเสียท่า ถูกด้วงซัดไปกอง ด้วงจัดการขโมยกระเป๋าเงินของโพไปทันที ทิ้งให้โพนอนบาดเจ็บอยู่เพียงลำพัง
ที่ศูนย์ซ่อม...ศยามใส่เสื้อช่างเรียบร้อย เอาของเก็บ จะออกไป แต๋วเข้ามา หน้าตึงๆ
“คุณคนนั้นมาหาพี่ดิ่งอีกแล้วจ๊ะ”
ศยามแปลกใจว่า ใครมาหา เดินดู เห็นว่าศุวิมลนั่งรออยู่
“พี่ดิ่ง...”
“ว่าไงศุ”
“ยังจะมาถามอีกว่าไง...เรื่องที่ศุถามพี่ดิ่งเมื่อคืน”
ศยามมองซ้ายมองขวา กลัวคนได้ยิน
“ศุ...คุณพ่อยังไม่พร้อมจะรับความผิดหวังอะไรอีกแล้วนะในตอนนี้”
ศุวิมลอึ้ง
“ก็จริง...”
ยอดชายเดินมา เห็นศยามกับศุวิมลนั่งคุยกัน รีบประกบข้างฝาผนัง แอบฟัง
“และก็ถ้าเป็นไปได้...ไม่ต้องมาที่นี่อีก พี่ไม่อยากให้ใครรู้เรื่องของเรา”
ศุวิมลหันมองศยาม พอจะรู้ความหมาย ยอดชายอึ้ง...
“ยัยเพี้ยนเจอคุณดิ่งหักอก !”
จิตรวรรณเดินลิ่วๆมา อารมณ์เสีย พบกับยอดชายที่กำลังเดินสวนมา ยอดชายยังอึ้งๆ
“ยอด นายดิ่งมาถึงหรือยัง”
“อ๋อ มาถึงแล้ว...กำลังคุยกับแฟน เอ๊ย ต้องอดีตแฟนสิ แต่เอ๊ย คุณดิ่งไม่เคยยอมรับนี่นาว่ายัยนั่นเป็นแฟน”
จิตรวรรณงง
“อะไรของเธอ แฟนนายดิ่งเหรอ คนไหน”
“คนไหนเหรอ...ก็...”
“คุณมารศรีใช่มั้ย”
จิตรวรรณพุ่งออกไปทันที ยอดชายตกใจ รีบตามไป
“ไม่ใช่จี๊ด ไม่ใช่”
แต่จิตรวรรณไม่ฟัง เดินลิ่วไป ยอดชายตามหลัง ศยามเดินมาจะเข้าไปที่ศูนย์บริการ หญิงสาวเข้ามาหาศยาม ยืนมองอย่างไม่พอใจ
“อะไรอีกล่ะ”
“มีอะไรที่ยังบอกฉันไม่หมด...”
“จี๊ดใจเย็นก่อน...ไม่ใช่คุณมารศรี แต่เป็นคุณศุวิมล ที่เจอที่โรงพยาบาล”
จิตรวรรณหัวเราะ นึกขำ และสมเพช
“ฮ่ะ ๆโอ้โห....พ่อเพลย์บอย ถ้าพี่เทวัญกับยอดไม่บอกว่านายมีหญิงตรึมขนาดนี้ ไม่รู้เลยนะเนี่ย”
“ผมจะมีใครเป็นแฟน หรือมีกี่คน มันเรื่องอะไรของคุณ”
“เออ นั่นสิ...มันเรื่องอะไรของจี๊ด แล้วคุณมารศรีเกี่ยวอะไร นายเทวัญบอกอะไร”
ศยามเดินหนี จิตรวรรณเจ็บใจ ไม่สนใจยอดชาย เทวัญออกมาพอดี
“คนโกหก !”
ศยามหันมา
“ผมไม่ได้โกหก...มารศรีเป็นเพื่อนผม...”
“เพื่อนหรือแฟน”
“อยากได้ยินว่าเป็นแฟนเหรอ..ได้..ผมกับมารศรีเราเคยเป็นเพื่อนกัน ต่อมาเราก็รักกัน จนเกือบจะแต่งงานกัน แต่จู่ๆเธอก็หายไปจากชีวิตผม ผมอกหัก เรียนไม่จบ กลับมาเมืองไทย โกหกตรงไหน”
“แต่นายบอกไม่หมด”
“บางเรื่องก็ไม่จำเป็นต้องบอก”
“บอกแล้วไงว่าฉันต้องรู้”
“ทำไมต้องรู้”
จิตรวรรณอึ้ง...เทวัญเข้ามาหาจิตรวรรณ
“เพราะนายมันน่าสงสัยไง นายดิ่ง”
“อยากจะสงสัยอะไรก็สงสัยไป ผมห้ามความคิดคนไม่ได้ บอกได้คำเดียวผมไม่เคยคิดร้ายกับใคร...ไม่ต้องมาระแวงผม”
ศยามเดินออกไป จิตรวรรณมองตามเจ็บใจ เทวัญยิ้มเยาะที่ปั่นให้จิตรวรรณกับศยามทะเลาะกันได้ ยอดชายมองจิตรวรรณกับเทวัญอย่างไม่สบอารมณ์ ตามศยามเข้าไป
“น้องจี๊ดใจเย็นๆก่อนนะ...พี่สัญญาพี่จะพยายามฉีกหน้ากากของนายดิ่งออกมาให้ได้”
”ช่างมันเถอะค่ะ โลกนี้มันกลม มีเรื่องบังเอิญเกิดขึ้นได้เสมอ”
“น้องจี๊ดไม่ติดใจสงสัยมันแล้วเหรอ”
“ไม่รู้ค่ะ จี๊ดเครียด”
จิตรวรรณหึงไม่รู้ตัว เดินเข้าไป เทวัญมองตามอย่างสงสัย...
“เครียด...หรือ...หึง...!”
เทวัญยิ่งหงุดหงิด ไม่สบอารมณ์ เงาะมองเทวัญมาจากมุมหนึ่ง ความรู้สึกเต็มไปด้วยความแค้นจิตรวรรณกลับไปนั่งลงที่โต๊ะทำงานอย่างไม่สบอารมณ์ เสียงมือถือของจิตรวรรณดังขึ้น เธอหยิบมาดู เห็นเบอร์เงาะ ทั้งตกใจ ดีใจ รีบรับสาย
จบตอนที่ 6
อ่านต่อตอนที่ 7พรุ่งนี้ เวลา 09.30น.