พริกกับเกลือ ตอนที่ 4
ในโรงพยาบาลตอนค่ำวันนั้น ไม่ค่อยมีผู้คนพลุกพล่าน ศยามดึงมือศุวิมลมาแอบคุยที่มุมหนึ่ง ศุวิมลยิงคำถามใส่พี่ชายเป็นชุด
“พี่ดิ่ง เกิดอะไรขึ้น นี่มันอะไรกัน ทำไมพี่ดิ่งอยู่ที่นี่ แล้วนี่เป็นอะไร แล้วทำไมต้องมาคุยกันในที่แบบนี้ หลบใคร ยังไง...”
ศยามขัดขึ้นก่อน “ศุ...ฟังพี่!”
“งั้นรีบพูดมาเลย ศุอยากรู้จะแย่ พี่ดิ่งหายไปไหน ข่าวคราวก็ไม่ส่ง คุณพ่อเสียใจมาก ไม่กินไม่นอนไม่เป็นอันทำงานจนล้มป่วย...เพราะพี่!”
ศยามอึ้ง รู้สึกสับสน เป็นห่วงพ่อแต่อีกใจก็...โกรธ
“ว่าไงล่ะคะ ศุรอฟังอยู่!”
ศยามลังเลใจที่จะบอก ศุวิมลจ้องหน้าพี่ชายเขม็ง รอคอยคำตอบ
ด้านจิตรวรรณนั่งซึมอยู่ เจตนาเข้ามาหาลงนั่งข้างๆ
“ขอบใจนะจี๊ด...ที่ช่วยพ่อ พูดความจริงกับแม่”
“คุณแม่น่าสงสาร”
“ไม่มีใครทำให้แม่เขาเป็นอย่างนั้น นอกจากความหวาดระแวงที่เขาเป็นคนสร้างขึ้นมาเอง”
“ไม่ใช่ค่ะ เพราะคุณพ่อทำให้คุณแม่รู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า ไม่มีความสำคัญต่างหากค่ะ”
เจตนาอึ้ง
“ที่จี๊ดปกป้องคุณพ่อ เพราะจี๊ดรู้ดีว่าคุณพ่อคงจะทุกข์ทรมานมากถ้าต้องถูก คุณแม่เข้าใจผิด และตัดสินคุณพ่อให้เป็นในสิ่งที่คุณพ่อไม่ได้เป็น...เพราะจี๊ดก็รู้สึกเหมือนกับคุณพ่อค่ะ”
“แกหมายความว่าไง”
“คุณพ่อทำกับจี๊ด เหมือนที่คุณแม่ทำกับคุณพ่อ จี๊ดคงต้องใช้เวลาพิสูจน์ ตัวเองให้คุณพ่อเห็น คุณพ่อก็เหมือนกัน คงต้องอดทนพิสูจน์ตัวเองหน่อยนะคะ ถ้าคุณพ่อไม่ได้เป็นอย่างที่คุณแม่คิด”
จิตรวรรณลุกเดินออกไป เจตนาอึ้งไป เมื่อรู้ความคิดของลูกสาวที่พยายามพิสูจน์ตัวเองให้เขาเห็นอย่างจริงจังมากขนาดนี้
ศยามตัดสินใจเล่าให้ศุวิมลฟัง
“พี่ทำใจไม่ได้ที่คุณพ่อแต่งงาน”
“แต่พี่บอกว่าพี่ดีใจที่คุณพ่อจะแต่งงานใหม่ และก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร”
“แต่ไม่ใช่กับ...คนรักของพี่”
“อะไรนะ!”
ศุวิมลตกใจมาก ศยามแปลกใจที่ศุวิมลแปลกใจกับข้อมูลนี้
“มารศรีเป็นคนรักของพี่ดิ่งเหรอ...”
“ใช่ คุณพ่อเองก็รู้ไม่ใช่เหรอ แต่ท่านก็ยังไม่สนใจ ข่มขืนมารศรีจนเธอต้องยอมแต่งงานด้วยเพื่อรักษาหน้าตัวเอง”
ศุวิมลเถียงเสียงแข็ง
“ไม่จริงเลยสักนิด!”
ศยามชะงัก แปลกใจและตกใจ
วันดีคุยกับจิตรวรรณอยู่ในห้องนอน วันดีเสียใจ และไร้สติ
“มันเป็นเรื่องจริง! พ่อของแกกำลังหักหลังแม่ แกอยากให้นังนั่นมาเป็นแม่ใหม่ของแกหรือไง”
“คุณแม่ขา...ฟังจี๊ดหน่อยนะคะ จี๊ดไม่ได้เข้าข้างใคร ไม่ได้เปลี่ยนใจยอมรับยัยรัตนา”
“พอ...ไม่ต้องมาพูดแล้ว จะไปไหนก็ไป”
“จี๊ดไปก็ได้ค่ะ ถ้าทำให้คุณแม่สบายใจ แต่บางที...ถ้าคุณแม่ฟังคนอื่นบ้าง คุณแม่อาจจะมีความสุขมากกว่านี้นะคะ”
จิตรวรรณเดินออกไปทันที วันดีมีแต่อารมณ์เสียใจและผิดหวังมากเกินกว่าจะได้คิด
ศยามนิ่งอึ้งหลังจากได้ฟังข้อมูลจากศุวิมล และจากที่ตัวเองได้เล่าให้น้องสาวฟัง
“มารศรีโกหกพี่”
“และโกหกคุณพ่อกับศุรวมถึงทุกๆคนอย่างหน้าไม่อายที่สุด คุณพ่อไม่รู้เรื่องนี้เลยนะพี่ดิ่ง นึกไว้แล้วเชียว ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้รักคุณพ่อจริง ไว้ใจไม่ได้”
“มารศรี ทำแบบนี้ทำไม”
“ไม่เห็นจะเดายาก โลภไงคะ...เท่าที่พี่ดิ่งมี มันอาจจะไม่เพียงพอ ต้องระดับคุณพ่อถึงจะสนองความต้องการของตัวเองได้ ศุจะไปฉีกหน้ากากมัน ให้คุณพ่อรู้ความจริง พี่ดิ่งไปกับศุ”
ศยามรีบบอก
“พี่ยังไปตอนนี้ไม่ได้”
“ทำไมล่ะ!”
ศุวิมลแปลกใจ อยากรู้เหตุผลของพี่ชาย
จิตรวรรณเดินออกมาจากบ้าน ขึ้นรถ ขับออกไป เจตนายืนดูอยู่จากมุมหนึ่ง เห็นอยู่แล้ว ยกโทรศัพท์ขึ้นกดเบอร์ รอสาย
ที่โรงพยาบาล...ยอดชายกำลังถามพยาบาลที่เคาน์เตอร์
“ไปทางโน้นกับผู้หญิงเหรอครับ ครับ ขอบคุณครับ...คุณดิ่งไปกับใครวะ”
เสียงมือถือดังขึ้น ยอดชายเห็นชื่อ คุณเจตนา ที่หน้าจอ ยอดชายตกใจ รีบรับสาย
“ครับท่าน...”
“คุยกับยัยจี๊ดหน่อย ว่าจะหอบเสื้อผ้าไปไหน ไม่รู้ว่าเพราะเสียใจเรื่องถูกแม่อาละวาดใส่ จนหนีออกจากบ้านหรือเปล่า แล้วโทรบอกฉันทันที”
เจตนาวางสายอย่างกลุ้มใจ...ยอดชายกดตัดสายมือถือ เดินมาตามทางเป็นห่วงจิตรวรรณ
“จี๊ดเอ๊ย ชีวิตจะซวยอะไรทั้งขึ้นทั้งล่อง...” ทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ “คุณดิ่ง”
ยอดชายรีบเดินตามหาศยามต่อไป
ศยามพูดอย่างซีเรียสกับศุวิมล
“มีคนใส่ร้ายคุณพ่อว่าเป็นคนสั่งฆ่าคุณเจตนา”
ศุวิมลตกใจ
“อะไรนะ!”
“มีคนต้องการจะกำจัดคุณเจตนา ป้ายความผิดให้คุณพ่อ พี่ต้องรู้ให้ได้ว่า...ใครกันแน่ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ พี่ต้องปกปิดตัวเองต่อไป ให้ใครรู้ไม่ได้เด็ดขาดว่าพี่เป็นใคร”
“แต่ศุอยากทำให้คุณพ่อตาสว่าง ถ้าไม่มีพี่ดิ่งไปยืนยัน คุณพ่อไม่มีวันเชื่อศุ ท่านทั้งรักทั้งหลงยัยนั่น”
“ศุ ใจเย็น ดูแลคุณพ่อให้ดี ทำทุกอย่างอย่าให้คุณพ่อเสียทีมารศรี”
ยอดชายเข้ามาเห็นศยามยืนคุยกับศุวิลซึ่งยืนหันหลังอยู่
“คุณดิ่ง ตามหาตั้งนาน คุยกับใครอยู่น่ะ”
“คุณยอดชาย...”
ศุวิมลหันไป เห็นหน้ายอดชายแล้วตกใจ
“ไอ้โรคจิต!”
“ยัยอาจารย์เพี้ยน!”
ที่โรงพยาบาล...จิตรวรรณเดินมาตามทาง พบเทวัญรออยู่หน้าห้องพักศยาม
“พี่เทวัญ...มาทำอะไรคะ”
เทวัญจูงมือจิตรวรรณ จะให้กลับ
“พี่เทวัญ จี๊ดไม่กลับ”
“แต่มันไม่เหมาะที่จี๊ดจะมาค้างอ้างแรมกับไอ้นั่น พี่ไม่ยอม”
“งั้นพี่เทวัญก็มาค้างกับจี๊ด”
“จี๊ด...”
“นี่โรงพยาบาลนะคะ แล้วถ้านายนั่นมันจะทำอะไรจี๊ด คงไม่มีปัญญาทำหรอกค่ะ เดี้ยงขนาดนั้น”
จิตรวรรณหันหลังกลับ เทวัญพูดเสียงเข้ม
“พี่ขอความจริง”
จิตรวรรณชะงักค่อยหันมา หน้าเสีย...
“ความจริงที่จี๊ดกำลังปกปิดพี่อยู่ ทำไมถึงต้องลดตัวมาทำดีกับมันขนาดนี้”
เทวัญรอฟังจิตรวรรณอธิบาย หญิงสาวลำบากใจที่สุด
ศุวิมลไล่จับยอดชายที่วิ่งหนีไปรอบๆตัวศยามอย่างโมโห
“อย่าหนีนะ บอกให้หยุด!”
“ไม่หยุดแล้วจะทำไม ทำโทษเหมือนนักเรียนคุณเหรอ ฝัน!”
ศุวิมลหยุด เหนื่อยหอบ
“พี่ดิ่ง...รู้จักไอ้โรคจิตนี่ด้วยเหรอ”
“คุณดิ่ง รู้จักยัยอาจารย์เพี้ยนนี่ได้ยังไง”
ศุวิมลหาของใกล้ตัวปาใส่ยอดชาย
“ฉันไม่ได้เพี้ยน”
“ไม่เพี้ยนก็ได้ แต่โคตรเพี้ยนเลย เป็นลูกใครพี่น้องใคร อาย!”
ศยามสะอึก
ศุวิมลไล่ตียอดชายวนรอบศยามอีกรอบ
“ปากเสีย โรคจิต ไร้วิจารณญาณ คิดไม่เป็น เห็นฉันเพี้ยน ไอ้คนสมองเบี้ยว”
“ให้เป็นคนคิดเป็น สมองโตแต่เพี้ยนเหมือนคุณ ขอไม่มีสมองดีกว่า”
ศยามพยายามห้าม
“หยุดทั้งสองคนเลยครับ”
ศุวิมล และยอดชายชะงัก ศยามพูดเรียบๆ
“คุณยอดชายเป็นเจ้านายของผมเองครับ คุณศุวิมล ไม่ได้เป็นโรคจิต”
ยอดชายแปลกใจ
“รู้จักชื่อยัยเพี้ยนนี่ได้ไง คุณดิ่ง”
ศุวิมลฉุนกึก
“พูดว่าฉันเพี้ยนอีกครั้งเดียว มีหัวแตก”
ยอดชายหลบหลังศยาม
“บังเอิญว่าคุณศุวิมลทำผ้าเช็ดหน้าหล่น ผมเลยเก็บให้ ทำให้ได้คุยกันเลย”
ศุวิมลหันมองพี่ชาย ศยามขยิบตาให้ทำนองว่าต้องไม่รู้จักกัน ศุวิมลรีบตามน้ำ
“ใช่ ฉันทำผ้าเช็ดหน้าหล่น กำลังคุยกันสนุก ก็มีสัมภเวสีโผล่มา”
ยอดชายเบ้หน้า
“สัมภเวสีเลยเหรอ...ทำผ้าเช็ดหน้าหล่นเนี่ยนะ หาแฟนด้วยวิธีอ่อยโบราณมาก นี่คนป่วยนะคุณ เว้นๆบ้างเห้อะ”
ศุวิมลด่าทันที
“ไอ้บ้า ฉันไม่ได้...!”
ศยามตัดบท
“ผมเพลียแล้วครับ แล้วเจอกันนะครับคุณศุวิมล”
“เขาเจอคุณเลยเพลีย...ไปครับคุณดิ่ง”
ศยามไปกับยอดชาย ศุวิมลเจ็บใจยอดชายมาก...แล้วก็นึกเป็นกังวลเรื่องศยาม
จิตรวรรณจับมือเทวัญเอาไว้...
“จี๊ดไม่ได้มีอะไรปกปิดพี่เทวัญจริงๆนะคะ ตอนนี้ จี๊ดพยายามทำดีกับนายนั่น เพื่อให้คุณพ่อสบายใจ...”
“พี่ไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าจี๊ดจะเปลี่ยนความคิดได้เร็วขนาดนี้”
“จี๊ดอาจจะมองคนในแง่ร้ายเกินไป นายนั่นคงจะเป็นคนดี ไม่ได้เป็นสิบแปดมงกุฎอย่างที่เราเข้าใจ จี๊ดว่า...จี๊ดต้องให้โอกาสเขาค่ะ”
จิตรวรรณยิ้มหวานเต็มที่ เทวัญไม่ค่อยจะเชื่อนัก แต่ก็พยักหน้าเอาใจ
“น้องจี๊ดของพี่เป็นคนดีมาก แต่ระวังตัวไว้หน่อยแล้วกันนะ พี่เป็นห่วง”
“ค่ะ...จี๊ดจะทำดีกับนายดิ่งเพื่อเป็นการไถ่โทษ...แบบจัดเต็มเลยค่ะ”
จิตรวรรณยิ้ม ตั้งใจที่จะแกล้งสยามอย่างเต็มที่
ศยามกับจิตรวรรณอยู่ในห้องพักคนไข้สองต่อสอง ชายหนุ่มบอกหญิงสาวอาการเย็นชา
“กลับบ้านไปเถอะ”
“ตกลงจะเอายังไง ฉันอุตส่าห์ทำใจได้แล้วว่าต้องมาดูแลนาย”
“เปลี่ยนใจแล้ว ไม่อยากนอนผวา กลัวว่าคุณเอามีดมาเสียบข้างหลังผมเมื่อไหร่”
จิตรวรรณอึ้ง หงุดหงิดที่ศยามรู้ทัน
“ถ้าฉันจะฆ่านายให้ตาย ไม่โง่ทำให้คนจับได้หรอก”
“นั่นไง...ยิ่งไม่น่าไว้ใจ”
“นี่! คิดว่าฉันจะฆ่านายจริงๆหรือไง”
“คิด”
ศยามขึ้นไปนอน หยิบหมอนให้ได้ตำแหน่งด้วยมือเดียวอย่างยากลำบาก จิตรวรรณเห็นแล้วทนดูไม่ได้ เข้าไปช่วย
“มา ฉันทำให้!”
จิตรวรรณจัดหมอนให้ใหม่ ศยามลงนอน
“สูงไป เลื่อนลงมาหน่อย”
จิตรวรรณเลื่อนให้
“พอมั้ย”
“ต่ำไป เอาขึ้นอีกหน่อย”
จิตรวรรณหมั่นไส้ รู้ว่าศยามแกล้ง เอาหมอนกดหน้าเลย
“หืม...แกล้งกันแบบนี้ ตายๆไปเลย”
“โอ๊ย คุณ!”
ศยามปัดหมอนออกไปได้ ใช้มือข้างที่ไม่เจ็บจับมือได้แล้วกระชากเข้ามา ทำให้หญิงสาวซบลงกับอกของเขาใบหน้าใกล้ชิดกัน
“หัวใจทำด้วยอะไร ฆ่าคนไม่มีทางสู้”
แต่แล้วศยามกับจิตรวรรณก็ต้องอึ้งกันไป เมื่อสบตากัน ความรู้สึกแปลกๆหวิวๆ ยอดชายเปิดประตูเข้ามาพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็กของตัวเอง
“ไปเอากระเป๋ามาแล้วคุณดิ่ง...”
ยอดชายเห็นจิตรวรรณซบอยู่กับอกศยามก็อึ้งไป
“จี๊ด มาแล้วเหรอ”
จิตรวรรณกับศยามรู้สึกตัว หญิงสาวรีบผละออกจากตัวเขาทันที แก้เก้อ
“มาได้สักพักแล้วล่ะ ตกลง...ยอดจะเฝ้าไข้นายนี่ใช่มั้ย”
ยอดชายพยักหน้า
“ใช่...”
จิตรวรรณยิ้มๆ มองศยาม รู้สึกเขินอย่างประหลาด ก่อนจะตัดอารมณ์
“งั้นฉันกลับบ้าน ถือว่าไม่ได้ทำอะไรผิดคำพูด...แต่ระวังตัวไว้ก็แล้วกัน ฉันอาจจะแทงข้างหลังนายขึ้นมาจริงๆก็ได้ สักวัน!”
จิตรวรรณคว้ากระเป๋าเดินออกไป
“ฉันไปส่ง”
ยอดชายรีบตามจิตรวรรณไป ศยาม ถอนหายใจ มองตามจิตรวรรณ แต่เมื่อเห็นท่าทีของยอดชายแล้วยิ้มๆ
ยอดชายเดินตามจิตรวรรณที่บ่นพึมพำๆ
“ประสาท อารมณ์แปรปรวน ทำฉันเสียเวลาย้อนไปย้อนมา แกล้งกันชัดๆ เห็นฉันว่างมากหรือไง”
ยอดชายพูดขัดขึ้น
“คุณดิ่งเขาไม่อยากให้คุณพ่อเธอเป็นห่วงต่างหาก”
จิตรวรรณอึ้ง
“อะไรนะ”
“ท่านโทรมาหาฉัน เห็นเธอหอบกระเป๋าออกมา กลัวว่าเธอจะเสียใจเรื่องคุณแม่จนต้องหนีออกจากบ้าน คุณดิ่งเขาเลยไม่อยากทำให้ท่านเป็นห่วง”
“ชิ...เป็นคนดีอย่างนั้นเชียว”
ยอดชายยืนยัน
“ใช่ ดีได้มากกว่านี้อีก ให้เล่ามั้ย”
“ไม่ต้อง ขี้เกียจเก็บไปฝัน สยอง”
“ให้ขับไปส่งมั้ย”
“ไม่ต้องหรอก อาจจะยังไม่กลับบ้าน”
ยอดชายหนักใจ
“จี๊ด...อย่าเที่ยวเลย พรุ่งนี้ต้องทำงานนะ”
“อีกแล้ว ฉันไม่ใช่ปาร์ตี้เกิร์ลเหมือนเมื่อก่อนแล้วนะยะ”
“โห เซอร์ไพรส์มาก คุณจิตรวรรณหักดิบ...แล้วจะไปไหน”
จิตรวรรณยิ้มยืดๆ
เศกยังนอนหลับอยู่บนเตียง ศุวิมลนั่งจ้องเขม็งมาที่มารศรีซึ่งกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ข้างเตียงเศก มารศรีเหลือบมอง อึดอัด ทนไม่ไหว
“จะมองศรีอยู่อีกนานมั้ยคะ มีอะไรก็พูดมาเถอะค่ะ”
“เหนื่อยมั้ย”
มารศรีมองเศก
“เรื่องดูแลคุณเศกเหรอคะ ไม่เลยค่ะ ศรีทำได้ทุกอย่างเพื่อคนที่ศรีรัก”
“เหรอ...ศุเชื่อนะ ว่าคุณศรีทำได้ทุกอย่างจริงๆ เพื่อสิ่งที่คุณรัก”
มารศรีอึ้ง รู้สึกว่าศุวิมลพูดแปลกๆ ตัดสินใจลุกขึ้น
“คืนนี้คุณศุจะอยู่กับคุณพ่อใช่มั้ยคะ”
“ค่ะ ศุจะดูแลคุณพ่อ พรุ่งนี้ศุไม่มีสอน”
“งั้นศรีจะมาใหม่พรุ่งนี้นะคะ ฝากบอกคุณเศกด้วย”
ศุวิมลไม่ตอบ...มารศรีเดินมาหยิบกระเป๋าเดินออกไป ศุวิมลเดินมานั่งข้างเตียงแทน จับมือพ่อเอาไว้ด้วยความสงสาร
จิตรวรรณเดินมาที่รถ มารศรีเดินมาจากมุมหนึ่ง เห็นจิตรวรรณ
“ยัยจี๊ด มาเยี่ยมใคร...”
มารศรีแปลกใจ แต่ไม่ติดใจอะไร จิตรวรรณเดินลับตาไป มารศรีจึงเดินไปที่รถของตัวเอง
ศยามนอนหลับอยู่บนเตียง ยอดชายหลับอยู่ที่โซฟา แต่ศยามแกล้งหลับ...ลืมตาขึ้น หันมองไปที่ยอดชาย แน่ใจว่าหลับสนิท เขาจึงค่อยๆลุกขึ้น ลงจากเตียง...ศยามเดินมาตามทางเดิน พยาบาลเดินสวนมา
“คนไข้จะไปไหนคะ”
ศยามยิ้มให้พยาบาล...
ประตูห้องพักของเศกถูกเปิดแง้ม ศยามยืนอยู่ที่หน้าประตู มองเข้ามาที่พ่อซึ่งนอนอยู่บนเตียง ชายหนุ่มน้ำตาซึมเมื่อเห็นพ่อในสภาพป่วย ดูทรุดโทรม
“พ่อครับ...ผมขอโทษ”
ศยามค่อยๆปิดประตู จนสนิท เศกค่อยๆลืมตาขึ้น เพ้อ
“ดิ่ง...ดิ่ง”
ศุวิมลสะดุ้งตื่น รีบลุกขึ้นมาดูอาการของพ่อ
“คุณพ่อคะ คุณพ่อ...ศุอยู่นี่ค่ะ ศุอยู่นี่”
“เจ้าดิ่งอยู่ไหนแล้ว เมื่อกี้ พ่อเห็น มันมาหาพ่อใช่มั้ย”
“คุณพ่อ...”
ศุวิมลสงสารพ่อมาก
ศยามเดินน้ำตาซึมมาตามทางเดิน เพื่อกลับห้องตัวเอง ในหัวคิดถึงพ่อ...และรู้สึกผิดที่ทำให้พ่อผิดหวังจากความไม่มีสติของตัวเอง ทิ้งการเรียนกลางคันเพราะผู้หญิงหลอกลวงอย่างมารศรี
พริกกับเกลือ ตอนที่ 4 (ต่อ)
จิตรวรรณมาหาใจดีที่บ้าน ทั้งสองอยู่ในห้องๆหนึ่งที่มีหนังสือและแฟ้มงานวางอยู่เต็ม ใจดีกำลังเปิดให้จิตรวรรณดูเพาเวอร์พ้อยท์พรีเซ้นต์แผนการตลาดของโมเดิร์นคาร์จากโน้ตบุ๊ก
“มาขอนอนด้วยสองสามวัน ไม่ว่ากันนะ”
ใจดียิ้มแย้มให้เพื่อน
“จะนอนเป็นปีได้ ให้สบายใจค่อยกลับ...อ่ะ ไฟล์แผนการตลาดที่แกอยากดูเวลาจะทำการตลาด เราก็ต้องเริ่มจาก...ที่มาที่ไป หลักการและเหตุผล”
“ยากจัง”
“อย่ามา...ตอนเรียนแกได้เอ ฉันต่างหากได้ซี”
“นั่นมันทฤษฎี แต่ยังไม่เคยลงมือกับของจริง”
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า แกทำได้อยู่แล้ว อยู่ที่ว่าจะทำหรือไม่ทำ”
“ทำสิ! ฉันต้องทำให้ทั้งคุณพ่อกับพี่เทวัญอึ้งไปเลย”
ใจดีเป็นห่วงจิตรวรรณเรื่องเทวัญ
“จี๊ด...ถามอะไรหน่อยสิ”
จิตรวรรณเคาะไฟล์ดูไปเรื่อยๆ
“ถามมาสิ”
“แกแน่ใจแล้วเหรอ เรื่องที่จะแต่งงานกับพี่เทวัญ”
“แน่ใจสิ ไม่แน่ใจ ฉันไม่หมั้นกับเขาหรอก ทำไม”
“จี๊ด ฉันรักแกนะ อย่าโกรธฉันนะ ฉันมีเรื่องจะบอก”
“อะไร...อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ...ใจคอไม่ดี”
ใจดีตัดสินใจ
“ฉันคิดว่าพี่เทวัญกำลังนอกใจแก”
จิตรวรรณชะงักอึ้ง
“พี่เทวัญนอกใจฉัน”
วันใหม่...จิตรวรรณเดินฉับๆ อย่างโกรธมากมาตามทางเดิน จนพนักงานหลีกทางกันแทบไม่ทัน หญิงสาวนึกถึงคำพูดของใจดีที่บอกให้รู้เมื่อคืนนี้
‘ระวังๆไว้หน่อยนะจี๊ด...โดยเฉพาะกับเพื่อนของเราเอง...ยัยเงาะ ฉันไม่ได้ใส่ร้ายเพื่อน...แต่ฉันก็ไม่อยากเห็นเพื่อนทำร้ายกัน’
จิตรวรรณเดินไป ทุกคนมองตามกันด้วยความสงสัย
เทวัญนั่งทำงานอยู่ จิตรวรรณเปิดประตูผลัวะเข้ามา เทวัญตกใจ
“อ้าวน้องจี๊ด...”
จิตรวรรณไปนั่งที่ตักเทวัญเลย
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
เทวัญแปลกใจ ประหลาดใจ
“จี๊ด...”
“จี๊ดสวยมั้ยคะ”
“สวย”
“นิสัยดีมั้ยคะ”
“ดีจ๊ะ”
“รักมั้ยคะ”
“รักสิจ๊ะ”
“แล้วจี๊ดน่าเบื่อตรงไหนเหรอคะ”
“ไม่เลยจ๊ะ น้องจี๊ดทำพี่เซอร์ไพรส์ได้ทุกวัน วันนี้ก็เหมือนกัน...เป็นอะไร จู่ๆถึง มาถามพี่แบบนี้”
“เป็นค่ะ เป็นโรคระแวง กลัวพี่เทวัญมีกิ๊ก”
เทวัญอึ้ง จิตรวรรณยิ้มกว้างให้ เทวัญเริ่มเครียด
ยอดชายกำลังจะออกไปทำงานหันมาบอกศยาม
“เดี๋ยวคืนนี้ผมจะให้ลุงแปลงมานอนเป็นเพื่อนนะ ส่วนตอนกลางวันผมให้ พยาบาลช่วยดู”
“ความจริง ผมก็ไม่ได้เป็นอะไรมากแล้วนะ ดูแลตัวเองได้”
“ไม่ได้ๆ อย่าขัดคำสั่งผม ผมเป็นเจ้านายคุณนะ นอนพักเยอะๆ จะได้ฟื้นตัวเร็วๆ อ่ะ นี่ เอามือถือนี่ไว้ใช้ จะได้ติดต่อกันสะดวก”
“ขอบคุณครับ”
“ไปล่ะ”
ยอดชายเปิดประตู แล้วมองซ้ายมองขวา
“จะเจอมั้ยว้า...”
ศยามงงๆ
“เจอใครครับ”
“ยัยอาจารย์เพี้ยนไงคุณ”
“เขาอยู่ชั้น 15 ครับ ไม่เจอหรอก”
“แล้วไป”
ยอดชายรีบออกไป ศยามยิ้มขำๆ
ในห้องทำงาน...เทวัญคุยกับจิตรวรรณจริงๆจัง
“น้องจี๊ดไปฟังใครมา”
“มีผู้หวังดีเตือนจี๊ดมาค่ะ”
เทวัญเสียงเข้ม
“ใคร”
“พี่เทวัญอย่ารู้แหล่งข่าวของจี๊เลยค่ะ บอกจี๊ดมาตามตรง มีกิ๊กหรือเปล่า”
เทวัญตีหน้าซื่อ
“พี่รักจี๊ดคนเดียว ไม่เคยมีคนอื่น”
จิตรวรรณอึ้ง เทวัญสบตาจริงจัง หนักแน่นมาก จิตรวรรณยิ้มออกมา
“จี๊ดเชื่อพี่เทวัญค่ะ”
เทวัญแอบโล่งใจ
“สบายใจแล้ว...จี๊ดตัดสินใจแล้วค่ะ จี๊ดจะลางานสามวันเพื่อไปดูแลนายดิ่ง เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว จี๊ดจะมาเริ่มงานกับพี่เทวัญนะคะ”
“จ๊ะ”
“แต่จี๊ดไปนอนค้างบ้านใจดีนะคะ ไม่ต้องห่วง คืนนี้พี่เทวัญไปไหนหรือเปล่าคะ”
“เอ่อ งานรอเคลียร์เยอะเลยจ๊ะ จะกลับไปทำงานต่อที่บ้าน”
“โอเคค่ะ ไว้โทรคุยกันนะ”
จิตรวรรณยิ้ม ก่อนจะหันเดินออกไป หน้าตาเปลี่ยนเป็นเครียดทันทีโดยที่เทวัญไม่เห็น พอจิตรวรรณลับตัวไป สีหน้าเทวัญเปลี่ยนเป็นเคียดแค้น คิดว่าศยามเป็นแหล่งข่าวของจิตรวรรณ
“ไอ้ดิ่ง!”
ศยามนั่งเหม่ออยู่บนเตียง จิตรวรรณเปิดประตูเข้ามา ศยามหันไปเห็นเข้าก็แปลกใจ
“มาทำไม”
“มาดูแลนายไง”
“บอกแล้วไงว่าไม่ต้องแล้ว”
“ตัวก็โต แต่ดันปอด กลัวผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างฉันเนี่ยนะ”
“ผู้หญิงน่ากลัว”
“ฉันมาดี...อ่ะ ซื้อของอร่อยมาฝาก”
“ผมไม่กิน”
จิตรวรรณไม่สน
“กินเลยนะ กำลังร้อนๆ”
จิตรวรรณเดินไปหยิบถ้วยชามมาใส่อาหารที่ซื้อมาฝาก ศยามมองๆ
“รู้สึกผิดขึ้นมาล่ะซี้ ถึงได้อยากจะมาดูแลผม”
จิตรวรรณชะงักหันมองเคืองๆ
“เพราะฉันมีสปิริตต่างหาก รับคำแล้วว่าต้องดูแลนาย ฉันก็จะรับผิดชอบคำพูดให้ตลอดรอดฝั่ง”
“ไม่เชื่อ”
“ขี้เกียจจะเถียง”
จิตรวรรณเซ็ง หันไปเทอาหารต่อไป ศยามลอบมอง พยายามอ่านใจหญิงสาว
เศกกำลังนั่งพิงพนักเตียงอยู่ มารศรีเข้าไปประจบ ศุวิมลมองอย่างหมั่นไส้
“เป็นไงบ้างคะ อาการดีขึ้นหรือยังคะ”
“จ๊ะ ดีขึ้นมากแล้ว”
“ศรีนอนไม่หลับเลย เป็นห่วงคุณม้ากมาก ทีหลังเชื่อศรีบ้างนะคะ อย่าเครียดปล่อยวางอะไรได้ก็ต้องปล่อย”
เศกยิ้มออกมา
“จ้า”
ศุวิมลแดกดัน
“แต่บางอย่างก่อนจะปล่อยวางก็ต้องดูดีๆนะคะ ปล่อยเข้าปากเสือปากจระเข้ล่ะก็แย่เลย”
เศกกับมารศรีชะงัก
“แกพูดอะไรของแก ยัยศุ”
ศุวิมลทำไม่รู้ไม่ชี้
“ก็พูดไปเรื่อยเปื่อยน่ะค่ะ สงสัยเมื่อคืนคงนอนหลับไม่สนิท แปลกที่”
มารศรียิ่งสงสัยพฤติกรรมของศุวิมล ว่าต้องระแคะระคายอะไรบางอย่างแน่ๆ มารศรีเริ่มหวาดระแวง
“เมื่อคืนผมฝันถึงเจ้าดิ่ง ว่าเขามาหา ผมเป็นห่วงเจ้าดิ่ง กลัวว่าจะเป็นอันตราย”
มารศรียิ้มเอาใจ
“ก็อาจจะเป็นได้นะคะ ผลกรรมของคนที่ทำให้พ่อแม่ต้องเสียใจ”
ศุวิมลขัดขึ้น
“ศุเชื่อว่าพี่ดิ่งปลอดภัยค่ะ และต้องกลับบ้านในไม่ช้านี้ พนันกันมั้ยคะคุณศรี”
มารศรีหันมองศุวิมล ซึ่งจ้องมองมายิ้มๆ เย็นๆ มารศรีเย็นยะเยือกใจ และหวั่นใจ
ศยามนั่งนิ่ง ขณะที่จิตรวรรณยกช้อนจะป้อนอาหารให้
“กิน”
“ไม่กิน”
“บอกให้กิน”
“ไม่กิน”
“ตามใจ”
จิตรวรรณวางชามอาหารลง หันมาถามใหม่
“ส้มมั้ย จะปอกให้”
“ไม่กิน”
“นอนมั้ย จะปรับเตียงให้”
“ไม่นอน”
“ดูทีวีมั้ยจะเปิดให้”
“ไม่ดู”
จิตรวรรณเริ่มหงุดหงิด
“จะเอาไง”
“อยู่เฉยๆ”
ศยามลงนอน หันหลังให้ จิตรวรรณเซ็ง ลงนั่งมองก่อนจะตัดสินใจ
“เออ! ฉันรู้สึกผิดที่ทำให้นายเกือบตายโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ พอใจยัง”
ศยามหันมา
“ดี...จะได้รับการดูแลของคุณอย่างสบายใจหน่อยเมื่อรู้ว่าคุณเต็มใจทำให้ผม”
“เยอะไปป่ะ”
“ไม่เยอะหรอก อยากกินสตรอเบอรี่อ่ะ ซื้อให้หน่อยสิ”
จิตรวรรณโวยทันที
“เยอะมาก”
ศยามชอบใจที่ได้แกล้งจิตรวรรณ
“กินของแพงอีกต่างหาก ! เว่อร์!”
แต่หญิงสาวก็ยอมลุกขึ้นเดินออกไปซื้อให้แบบกระฟัดกระเฟียด ชายหนุ่มมองตามยิ้มๆ
“อืม...นิสัยเริ่มโอเคขึ้นมาหน่อยนะ”
มารศรีอยู่ที่มุมกาแฟวางถ้วยกาแฟลงอย่างหงุดหงิด
“ยัยศุ รู้อะไรมานะ...ถึงได้พูดอะไรแปลกๆ”
มารศรีมองไปทางหนึ่งเห็น จิตรวรรณเดินเข้าไปในร้านซื้อผลไม้ก็มองอย่างแปลกใจ
“ยัยจี๊ด มาเยี่ยมใคร”
มารศรียังสังเกตจิตรวรรณอยู่ด้วยความอยากรู้ ตัดสินใจลุกขึ้นไปหาทันที
จิตรวรรณถือกล่องใส่สตรอเบอรี่เดินมา มารศรีเข้ามาทัก
“สวัสดีค่ะคุณจี๊ด บังเอิญจังค่ะ ได้เจอกัน”
จิตรวรรณเห็นมารศรีแล้ว ชักสีหน้าทันที ไม่ค่อยจะอยากเป็นมิตร
“สวัสดีค่ะ ใครป่วยเหรอคะ”
“คุณเศกน่ะค่ะ เครียดมากก็เลยล้มป่วย”
“เครียดเพราะหาทางล้มโมเดิร์นคาร์ไม่สำเร็จทั้งๆที่ส่งสายเข้ามาแทรกแซงแล้วแท้ๆ ใช่มั้ยคะ”
“คุณจี๊ดพูดถึงเรื่องอะไรคะ ศรีไม่เข้าใจค่ะ”
จิตรวรรณกระซิบมารศรี
“ฉันเห็นนะว่าคุณแอบนัดพบกับนายดิ่ง...มีแผนจะทำอะไรกัน ฉันจับตาดูอยู่ทุกฝีก้าว”
มารศรีตกใจ รีบกลบเกลื่อน
“คุณจี๊ดอย่าเข้าใจพวกเราผิดนะคะ เรา เอ่อ...เรา...”
จิตรวรรณสวนทันที
“เป็นเพื่อนเก่าเรียนด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ จะพูดอย่างนี้ใช่มั้ย”
มารศรีตามน้ำไป
“เอ่อ ค่ะ”
“เตี๊ยมกันมาน่ะสิ งั้นแสดงความบริสุทธิ์ใจหน่อยมั้ย”
“ยังไงคะ” มารศรีงง
ศยามกำลังยืนเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น ศยามหันไป จิตรวรรณเดินเข้ามา
“ซื้อสตรอเบอรี่มาแล้ว...แล้วก็ยังมีของแถมอีกนะ”
ศยามงงๆ
“อะไร”
มารศรีเดินเข้ามา
“ดิ่ง”
“มารศรี!”
ศยามอึ้งค้างไป มองจิตรวรรณที่มีรอยยิ้มสะใจฉายอยู่อย่างเคืองๆ
“เป็นเพื่อนเก่ากันไม่ใช่เหรอ ไหนๆก็บังเอิญเจอกันแล้ว คุยกันสิ จะได้ไม่ต้องแอบไปนัดเจอกันแบบลับๆล่ออีก ฉันจะอยู่ด้วย จะได้มีเพื่อนช่วยคุย ไม่เสียมารยาทเนอะ เชิญค่ะ คุณมารศรี”
จิตรวรรณจัดแจงจัดเก้าอี้ให้มารศรีนั่งคุยกับศยาม ทั้งศยามและมารศรีต่างอึดอัดใจ แต่จิตรวรรณลั้ลลาเต็มที่ ศยามรู้สึกอยากจะเอาคืนจิตรวรรณขึ้นมาทันที
มารศรีลงนั่ง ศยามไปนั่งที่เตียง จิตรวรรณเลื่อนเก้าอี้มานั่งตรงกลางเลย ศยามกับมารศรียังนิ่งอึ้ง จิตรวรรณนั่งรอคอยฟังการสนทนา กินสตรอเบอรี่อย่างเอร็ดอร่อย
“แม่ค้าล้างให้แล้วค่ะ กินได้เลย...อ้าว คุยกันสิคะ เพื่อนเก่า ต้องมีเรื่องคุยกันเยอะแยะเลยเนอะ เช่น ไปทำอะไรมาก่อนหน้านี้ แต่งงานหรือยัง ลูกกี่คนหรือไม่ก็...”
ศยามจับมือจิตรวรรณที่กำลังจะป้อนสตรอเบอรี่เข้าปากตัวเองไว้
“แหม...ที่รัก...”
จิตรวรรณตกใจมาก
“เฮ้ย!”
มารศรีอึ้ง
“อะไรนะ!”
โพกำลังทำงานอยู่ ในขณะที่ด้วงกำลังคุยมือถือต่อรองราคาพนัน โพส่ายหน้าเอือมระอา
“หมดหน้าตักเลยพี่ วัดดวง สองหมื่น...โอเค”
ด้วงวางสาย โพถามอย่างสงสัย
“ถ้าบอลมันพลิก เอ็งมีจ่ายเหรอวะ”
“ไม่มีไม่เล่นหรอก เดี๋ยวมันมาตื๊บเอา”
“เลิกได้ก็เลิกเหอะ การพนันไม่เคยทำให้ใครรวยหรอกวะ มีแต่เจ้ามือที่รวยเอา...รวยเอา”
“เอ หรือว่า ฉันจะเป็นเจ้ามือเองวะพี่ จะได้รวยๆ”
โพเซ็งเลย
“ยังไม่สำนึก!”
ลุงแปลงเข้ามา หน้าเครียด
“ไอ้ด้วง ไปพบคุณยอดชาย เดี๋ยวนี้!”
โพกับด้วงชะงัก แปลกใจ และหวั่นใจในคราวเดียวกัน เพราะเป็นวัวสันหลังหวะอยู่ โพแปลกใจ
“ไอ้ด้วงคนเดียวเหรอลุง”
“เออ!”
ด้วงหันมองโพ หน้าซีด ก่อนจะตามลุงแปลงไป
จิตรวรรณยังจ้องศยามค้าง มารศรีก็ตะลึง
“กินอยู่คนเดียว ผมเป็นคนที่อยากกินนะ ป้อนหน่อยสิ”
จิตรวรรณตาโต ช็อค ไม่คิดว่าศยามจะเล่นมุกนี้...ศยามจับมือจิตรวรรณให้ป้อนสตรอเบอรี่ให้ หญิงสาวอ่อนระทวย หมดแรงต่อต้านเพราะ...ช็อก
“อร่อยหวานจริงๆ เลือกเก่งนี่ ไม่เสียแรงที่ยอมเป็นกิ๊กด้วย”
จิตรวรรณหน้าตื่น
“เฮ๊ย!”
มารศรีชะงัก
“กิ๊ก!”
ศยามหันมายิ้มให้มารศรี
“ขอโทษนะศรี ผมไม่น่าพูดออกไปเลย คุณจี๊ดเสื่อมเสียแย่เลย รู้ถึงไหนอายถึงนั่น ที่ลูกสาวท่านประธานของโมเดิร์นคาร์ที่มีคู่หมั้นอยู่แล้ว แอบมากิ๊กกับช่างซ่อมรถยนต์กระจอกๆอย่างผม ศรีอย่าไปบอกใครนะ”
จิตรวรรณพยายามแย้ง
“นายดิ่ง! คุณศรีคะ ฉันไม่...”
“อ่ะ ผมป้อนคุณบ้างเป็นการขอโทษนะที่รัก”
ศยามป้อนสตรอเบอรี่ให้โดยที่จิตรวรรณไม่ได้ตั้งตัว หญิงสาวจำใจเคี้ยวสตรอเบอรี่ ไม่มีโอกาสได้พูดแก้ตัวอะไรต่อ มารศรีมองอย่างไม่พอใจ
“เอ่อ...ศรีขอตัวดีกว่านะคะ พอดี...คุณเศกท่านรออยู่ ดีใจทีได้เจอนะดิ่ง แล้วฉันจะมาเยี่ยมใหม่ ถ้ามีโอกาส”
มารศรีรีบเดินออกไปด้วยความเจ็บใจ ที่เห็นภาพบาดตา ศยามโล่งใจที่มารศรีไปซะได้...จิตรวรรณรีบกลืนสตรอเบอรี่ จะวิ่งตามมารศรีไป
“เดี๋ยวก่อนค่ะ คุณมารศรี”
ศยามใช้แขนข้างที่ไม่ได้บาดเจ็บรั้งเอวเอาไว้
“จะไปไหนล่ะครับที่รัก”
จิตรวรรณหันไปตบหน้าศยามทันที
“หยุดทะลึ่งใส่ฉันเดี๋ยวนี้นะ”
ศยามเจ็บใจ
“คิดว่าตบอยู่ได้ฝ่ายเดียวหรือไง”
จิตรวรรณท้าทาย
“นายจะตบฉันคืนหรือไง เอาซี่ ตบเลย”
ศยามประกบปากจูบทันที จิตรวรรณอึ้ง ผลักออก
“นาย...จูบฉัน!”
“โทษฐานชอบยุ่งเรื่องของคนอื่น...หรือจะให้ทำมากกว่าจูบก็ได้นะ ท่าทางเหมือนจะติดใจ”
“ไอ้! ไอ้! ยังไม่เคยมีใครจูบฉัน ไอ้ ไอ้ ไอ้...บ้า!”
จิตรวรรณเสียใจ ตกใจ วิ่งออกไปทันที ศยามอึ้ง ไม่อยากจะเชื่อที่จิตรวรรณไม่เคยถูกจูบ
มารศรีเดินเจ็บใจมาตามทางเดิน
“ยัยจี๊ดตัวแสบ...หวานกันนักใช่มั้ย ฉันไม่ยอมหรอก ดิ่งต้องเป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น”
มารศรีคิดทำบางอย่างเพื่อทำลายจิตรวรรณ
ด้วงเข้ามาในห้อง ยอดชายจ้องหน้าด้วงนิ่ง
“ว่าไง...นายคือคนที่คลายน็อตล้อรถของนายดิ่งใช่มั้ย”
“ผู้จัดการมีหลักฐานเหรอครับ”
“ไม่มี”
“แล้วจะมาปรักปรำผมได้ไง ไม่ยุติธรรม”
“ไม่มีหลักฐาน แต่ใช่ว่าฉันจะไม่รู้ไม่เห็น...ว่าใครจ้างนายให้ทำแบบนั้น”
ด้วงอึ้ง
เย็นนั้น...เทวัญคุยมือถืออยู่ที่มุมลับตาคนในห้างสรรพสินค้า
“แล้วแกตอบมันไปว่าไง”
“เรื่องอะไรผมจะบอกล่ะว่าผมเป็นคนทำ ไม่ต้องถามเรื่องใครเป็นคนจ้าง ไอ้ผู้จัดการนั่นมันแค่ขู่ จริงๆมันไม่รู้หรอกครับ มันเลยปล่อยผม”
“ดี...ช่วงนี้ระวังตัวหน่อย เป็นไปได้ อย่าติดต่อหรือคุยกับฉัน”
“งั้น นายคงต้องหยอดน้ำมันหล่อลื่นให้ผมเพิ่มอีกสักหน่อยแล้วล่ะ”
เทวัญ รู้สึกโกรธด้วงที่ต่อรอง
“ได้...แกจะเอาเท่าไหร่”
ด้วง ยิ้มพอใจ
ศยามนั่งอยู่คนเดียวภายในห้อง พยาบาลเข้ามา
“ต้องการอะไรเพิ่มมั้ยคะ”
“ไม่ล่ะครับขอบคุณ”
“มีอะไรก็กดกริ่งเรียกนะคะ”
“ครับ ขอบคุณครับ”
พยาบาลเดินออกไป...ศยามถอนใจ ลงนอน คิดถึงภาพตอนจูบจิตรวรรณ
“ไม่เคยจริงเหรอ...แม้แต่คู่หมั้นตัวเองก็ไม่เคยเหรอ”
จิตรวรรณนั่งร้องไห้ในรถ ใช้ทิชชู่เช็ดปากตัวเองจนซีด ด้วยความเจ็บใจ
“ฉันไม่บริสุทธิ์แล้ว พี่เทวัญ จี๊ดขอโทษ...จี๊ดขอโทษ”
จิตรวรรณค่อยๆหยุดร้องไห้ เรียกความเข้มแข็งกลับคืนมา
“โอเค...เราต้องไม่อ่อนแอ เสียแล้วเสียไป เรียกคืนมาไม่ได้ เราต้องเข้มแข็ง เราต้องหลุดพ้นจากความเสียใจ...ด้วยการไปบำบัด”
จิตรวรรณจัดการซับหน้าใหม่ เติมหน้าให้หายซีดทันที
จิตรวรรณถือถุงช็อปปิ้งเต็มมือ เดินดูของ พลันสายตาเหลือบไปเห็นเทวัญเดินผ่านไป จิตรวรรณสะดุ้ง
“ไหนบอกว่าอยู่เคลียร์งาน แล้วไปทำงานต่อที่บ้าน...มาทำไมที่นี่ หรือว่าที่ใจดีเตือนเรา...มันจะจริง”
จิตรวรรณสะกดรอยตามเทวัญไปห่างๆทันที
ศุวิมลเปิดประตูเข้ามา เมียงมอง เห็นศยามอยู่คนเดียว รีบเข้ามาทันที
“พี่ดิ่ง”
“ว่าไง คุณพ่อเป็นไงบ้าง”
“เนี่ย กำลังจะออกจากโรงพยาบาลแล้ว ยัยมารศรีเคลียร์อยู่ ศุบอกว่ามาเข้าห้องน้ำ พี่ดิ่งเป็นไงบ้าง เมื่อไหร่จะออกจากโรงพยาบาลได้”
“น่าจะพรุ่งนี้นะ ไม่มีอะไรน่าห่วงแล้ว ที่เหลือก็กลับไปพักฟื้นต่อที่บ้าน”
“โล่งอกไป...ว่าแต่..พี่ดิ่งเป็นงี้ได้ยังไง”
“อุบัติเหตุ...พี่สะเพร่าเอง ศุ...มารศรีพูดอะไรเรื่องพี่อีกบ้าง”
“ไม่เห็นพูดอะไรนี่ เมื่อบ่ายหายไปกินกาแฟซะนาน กลับมาก็ดูเครียดๆ”
“เขารู้ว่าพี่อยู่ที่นี่”
“นั่นไง คิดชั่วอยู่ร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ต้องสงสัย! คงไม่อยากให้คุณพ่อรู้ว่าพี่ดิ่งกลับมาแล้ว พี่ดิ่งจะได้ถูกตัดออกจากกองมรดก”
ยอดชายเปิดประตูเข้ามากับลุงแปลง
“คุณดิ่ง!”
ยอดชายเห็นศุวิมล
“วันนี้ใช้มุกอ่อยอะไรคุณดิ่งอ่ะ อย่าใช้มุกเซล้มซบที่หน้าอกนะ แขนคุณดิ่งเดี้ยงอยู่ รับไม่ไหวหรอก แต่อกผมยังว่าง ล้มใส่ลงมาได้”
ศุวิมลเดินไปหายอดชาย ที่ยิ้มยียวนใส่ แล้วใช้กระเป๋าฟาดลงไปที่หน้าอก
“ไม่ล้มใส่หรอก แต่ขอฟาดทีเหอะ”
ยอดชายจุก
“อ่อก”
“ศุกลับแล้วนะคะพี่ดิ่ง”
ศุวิมลเดินออกไป ทั้งศยามและลุงแปลงหัวเราะยอดชาย
จิตรวรรณตามสะกดเทวัญมาห่างๆ เทวัญเลี้ยวไปทางหนึ่ง จิตรวรรณเหลือบไปเห็นเงาะเดินมาจากอีกทางหนึ่ง หญิงสาวตกใจ
“ยัยเงาะ นี่จริงเหรอเนี่ย”
จิตรวรรณหน้าซีดเผือด
พริกกับเกลือ ตอนที่ 4 (ต่อ)
จิตรวรรณยืนอึ้งตกใจ มองไปเบื้องหน้า เห็นเทวัญโบกมือให้ ซึ่งจิตรวรรณเข้าใจว่าเทวัญโบกมือให้เงาะ...เงาะยิ้มดีใจวิ่งไปหา ขณะที่เทวัญเห็นเงาะก็ตกใจเพราะไม่ได้นัดเงาะมาเลย ตั้งใจโบกมือให้คนข้างหลังเงาะต่างหาก
จิตรวรรณเสียใจหนัก คิดว่าถูกหักหลัง รี่เข้าไปขวางหน้าเทวัญทันที
“ทำอย่างนี้กับจี๊ดได้ยังไงคะพี่เทวัญ”
ทั้งเทวัญและเงาะตกใจ ชะงักไปทั้งคู่
“น้องจี๊ด!”
“จี๊ด!”
จิตรวรรณหันมาพูดกับเงาะ
“ตกใจใช่มั้ยที่ฉันตามมาเห็นว่าเพื่อนรักและคนรักของฉันกำลังแทงข้างหลังฉันอยู่”
เงาะอึ้ง ไม่ตอบ เทวัญมองเงาะอย่างไม่สบอารมณ์แล้วรีบแก้สถานการณ์
“จี๊ดใจเย็นๆ ไม่มีใครทำกับจี๊ดอย่างนั้น”
“แอบนัดมาเจอกัน โดยที่โกหกจี๊ดว่าทำงานอยู่ที่ออฟฟิศ จับได้คาหนังคาเขาแบบนี้ ยังบอกว่าไม่ใช่อีกเหรอคะ”
“พี่นัดเพื่อนพี่คุยงานต่างหาก”
จิตรวรรณอึ้งไป หันไปมองข้างหลัง เพื่อนของเทวัญเดินเข้ามา
“เพื่อนพี่เทวัญ...แล้วเงาะ”
เงาะแอบถอนใจ เพราะตั้งใจให้เกิดเรื่อง แต่กลับไม่เป็นไปอย่างที่คิด
“พี่บังเอิญเจอเงาะ” เทวัญเสียงแข็งกับเงาะ “ใช่มั้ย”
“ใช่...ฉันบังเอิญเจอพี่เทวัญ...ทำไม คิดว่าฉันแย่งแฟนเธอเหรอจี๊ด ทำไมเธอถึงได้ชอบดูถูกคนอื่นนักนะ ฉันผิดหวังในตัวเธอจริงๆ”
เงาะเดินออกไป จิตรวรรณหน้าเสีย รู้สึกผิด
“เงาะ เดี๋ยวก่อน!”
“จี๊ด พี่มีเรื่องต้องคุยกับจี๊ด เดี๋ยวนี้!” เทวัญบอกกับเพื่อน “รอแป๊บนะ”
เทวัญคว้าแขนจิตรวรรณไปทางหนึ่ง
เทวัญพาจิตรวรรณมามุมหนึ่งของห้างสรรพสินค้า
“พี่เทวัญ จี๊ดเจ็บนะคะ”
“แล้วที่พี่เจ็บล่ะจี๊ด”
“เจ็บอะไรคะ”
“เจ็บปวดที่เห็นจี๊ดไม่ไว้ใจพี่ ไม่ให้เกียรติพี่”
จิตรวรรณอึ้งไป
“ตั้งแต่เมื่อกลางวันที่จี๊ดทำตัวผิดปกติ มาตอนนี้จี๊ดก็สะกดรอยตามพี่ จี๊ดไปฟังอะไรมาจากใคร”
จิตรวรรณอึ้ง
“คือ...จี๊ด...”
“พี่เคยทำร้ายจี๊ดมั้ย เคยทำให้จี๊ดเสียใจหรือเปล่า...”
จิตรวรรณส่ายหน้า
“แล้วจี๊ดทำร้ายพี่ทำไม...หรือจี๊ดเห็นพี่ต่ำต้อยกว่าจี๊ด ไม่มีอะไรสู้จี๊ดได้ จี๊ดถึงได้คิดกดหัวทำอะไรกับพี่ก็ได้”
“ไม่ใช่นะคะพี่เทวัญ จี๊ดไม่ได้ตั้งใจทำให้พี่เทวัญรู้สึกแบบนั้น”
“งั้นจี๊ดฟังนะ...เหลือความภูมิใจให้พี่บ้างได้มั้ย ด้วยการไว้ใจและให้เกียรติ”
จิตรวรรณหน้าสลดลง
“จี๊ดขอโทษ”
“พี่ไม่มีทางนอกใจจี๊ด เพราะจี๊ดคือผู้หญิงที่ดีที่สุดที่พี่อยากจะใช้ชีวิตด้วยกันไปจนวันตาย”
เทวัญจับมือ สบตาทำซึ้งจนจิตรวรรณใจอ่อน พยักหน้าให้ เขาจึงดึงเธอเข้ามากอด
“อย่าค่ะพี่เทวัญ ใครมาเห็นเข้ามันจะไม่ดี”
“ขอโทษจ๊ะ พี่ลืมตัวทุกครั้งที่อยู่ใกล้จี๊ด...เพราะพี่รักจี๊ดมากเหลือเกิน”
“รอให้ถึงเวลาที่เหมาะสมก่อนนะคะ...จี๊ดสัญญา จี๊ดจะไม่ทำให้พี่เทวัญเสียใจอีก”
“ขอบใจนะจ๊ะจี๊ด”
เทวัญสบตาจิตรวรรณหวานซึ้ง เธอยิ้มให้เขาอย่างจริงใจ ว่าตัวเองไม่คิดอะไรแล้วจริงๆ เทวัญลอบไม่พอใจกับความเยอะของเธอ
ใจดีมาเยี่ยมศยามกับยอดชาย จิตรวรรณที่รออยู่ก่อนแล้วโวยวายใส่ใจดีที่นำเรื่องเทวัญกับเงาะมาบอกเธอ ใจดียืนยันเสียงแข็ง
“ก็ฉันเห็นกับตาว่าเงาะมันมีอะไรกับพี่เทวัญจริงๆ”
“แกเห็นคนเดียว มีใครเป็นพยานว่าแกเห็นบ้าง”
ใจดีหันมองยอดชาย...ยอดชายอึ้งพูดไม่ออก เพราะไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง รู้จากที่ใจดีเล่าให้ฟัง ศยามถอนใจ ไม่อยากจะยุ่งเรื่องนี้ด้วยเลย
“แกเห็นด้วยหรือเปล่ายอด”
“เปล่า”
จิตรวรรณไม่พอใจ
“แกสร้างเรื่องให้ฉันกับพี่เทวัญเข้าใจผิดกันทำไม แกเกลียดอะไรเงาะ นั่นเพื่อนเรานะใจดี เงาะเสียใจมากรู้เปล่า”
“ฉันก็เพื่อนแก และฉันก็เสียใจที่แกเลือกเชื่อยัยเงาะ แต่ไม่เชื่อฉัน”
จิตรวรรณอึ้ง ก่อนจะโวยออกมาอย่างลำบากใจที่สุด
“จะให้ฉันเชื่อใคร! นั่นก็เพื่อน นี่ก็เพื่อน ฉันลำบากใจนะ”
ศยามสอดขึ้นมา
“ก็ใช้วิจารณญาณคิดสิ...ว่าควรจะเชื่อใคร”
จิตรวรรณโวย
“ไม่ได้ถาม ไม่ได้อยากฟังความเห็น เงียบไปเลย”
ศยามมองหน้า
“บางทีถ้าคุณฟังคนอื่นให้มากขึ้น เอาแต่ใจให้น้อยลง...ชีวิตคุณอาจจะดีกว่านี้ก็ได้”
จิตรวรรณอึ้ง แต่ใจดีเสียใจมาก
“แต่ตอนนี้ ฉันคงต้องเป็นฝ่ายกลับไปคิดแล้วล่ะ ว่าฉันควรจะมีระยะห่างกับเพื่อนที่เอาแต่อารมณ์ตัวเองอย่างแกหรือเปล่า บอกตรงๆฉันเหนื่อย”
ใจดีเดินออกไปอย่างน้อยใจเพื่อน ยอดชายหันมาพูดกับจิตรวรรณ
“รักแฟนน่ะรักได้ แต่อย่ารักจนลืมเพื่อนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา”
ยอดชายตามใจดีออกไป จิตรวรรณรู้สึกเสียใจ นิ่ง อึ้ง
“เพื่อนกำลังจะเลิกคบฉันใช่มั้ย...”
ศยามพาจิตรวรรณลงนั่ง เธอทำตามอย่างว่าง่าย เพราะช็อคอยู่
“ผมจะให้คุณอยู่คนเดียวเงียบๆ...เพื่อคิดทบทวนสิ่งที่คุณทำลงไป”
จิตรวรรณสบตาศยาม น้ำตาคลอ รู้สึกอึดอัดใจมาก
ศยามเดินออกไปอย่างเงียบๆ ปิดประตูทิ้งเธอไว้ตามลำพัง
ศยามยืนนิ่งครุ่นคิดอยู่เพียงลำพังถึงเรื่องของตัวเอง
“ถ้าผมได้ฟังพ่อ ฟังน้อง มีสติ ไม่ปล่อยให้ความเสียใจเข้าครอบงำ...ผมก็คงไม่ต้องทิ้งอนาคตตัวเองมาแบบนี้...ขอโทษครับพ่อ”
ศยามรู้สึกผิดกับตัวเอง
เศกนอนอยู่บนเตียง มารศรีในชุดนอนเซ็กซี่เข้ามา คลอเคลีย
“คุณเศกขา...ศรีสงสารคุณเศกจังเลย”
เศกยิ้มๆให้มารศรี ดูเพลียๆ
“ถ้าศรีมีลูก ศรีจะไม่ยอมให้ลูกของศรีทำให้พ่อของเขาต้องเสียใจแบบนี้เด็ดขาด”
เศกอึ้ง มองหน้ามารศรี ยิ้มพราย
“คุณศรี...”
“ศรีอยากมีลูกค่ะ ลูกของเราสองคน ลูกที่จะเป็นสายสัมพันธ์ของพ่อและแม่”
“แต่ผมอาจจะยังไม่ค่อยพร้อม...”
“หรือว่า...คุณเศกไม่อยากมีลูกกับศรี ใช่สิ แม้แต่จดทะเบียนคุณก็ไม่จด เพราะคุณไม่ได้รักศรีจริงๆใช่มั้ยคะ ตกลง ตอนนี้ศรีอยู่ในฐานะอะไรกันแน่!”
“ผมแค่อยาก...”
เศกยังพูดไม่จบมารศรีสวนทันที
“อยากให้แน่ใจว่าศรีจะดีพอได้รับสิ่งเหล่านั้นหรือเปล่าน่ะเหรอคะ”
“คุณเป็นคนดี...แต่ผมอยากจะเขียนพินัยกรรมแบ่งทุกอย่างให้เจ้าดิ่งและยัยศุให้เรียบร้อยซะก่อน จะได้ไม่มีปัญหากัน แต่ตอนนี้...เจ้าดิ่งมันหายไป ผมอยากรอลูกให้กลับมา”
“แล้วถ้าเขาไม่กลับมาหรือว่าตายไปแล้วล่ะคะ”
“ถึงเวลานั้นค่อยว่ากัน”
มารศรีเจ็บใจ
“ก็ได้ค่ะ ศรีก็จะรอ...เพื่อให้คุณรู้ว่า ศรีต่างหากคือคนที่คุณควรจะแคร์ในตอนนี้ ไม่ใช่ลูกชายที่ไม่เอาไหนของคุณ”
มารศรีลุกขึ้น เปิดประตูห้องออกไปเลย เศกยิ่งกลุ้มใจ นอนนิ่ง ทอดอาลัย ไร้เรี่ยวแรงเพราะผิดหวังเรื่องของศยามมาก
มารศรีเข้ามาในห้องทำงานของเศก เดินเข้ามามองดูรูปของศยามที่วางอยู่
“คุณกล้าท้าทายฉัน...ฉันจะเอาคืนให้ดู”
มารศรีตาวาว คิดทำอะไรบางอย่าง
ศยามเดินเข้ามาในห้อง จิตรวรรณยังนั่งนิ่งในท่าเดิม ศยามเข้ามาลงนั่งข้างๆ
“คิดอะไรได้หรือยัง”
“ได้”
“ว่า...”
จิตรวรรณหันมองศยาม
“นายเป็นใครกันแน่”
“ให้คิดเรื่องที่ทะเลาะกับเพื่อน ไม่ได้ให้คิดเรื่องผม...ไม่เกี่ยว”
“เกี่ยว”
“ยังไง”
“เพราะคำพูดของนายที่เตือนสติฉัน นายต้องไม่ใช่คนธรรมดา”
“ใช่ ผมไม่ใช่คนธรรมดา”
“น่านไง”
“ผมมีหาง”
จิตรวรรณหลุดขำ ก่อนจะรีบกลับมาเก๊ก
“จริงจังหน่อย!”
“คนอย่างผมจะคิดอะไรอย่างนั้นบ้างไม่ได้หรือไง”
“แต่นาย...”
ศยามตัดบท
“เป็นแค่ช่างซ่อมรถ...อย่าตัดสินคนแค่แวบแรกทีเห็น อย่าคิดว่าเขาจะเป็นยังไงโดยใช้มาตรฐานของตัวเอง...เพราะเขาอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิด”
“ฉันรู้แล้ว ว่านายเป็นใคร”
ศยามอึ้ง กลัวจิตรวรรณรู้ความลับเรื่องตัวเอง
“นายต้องเคยเป็นพระมหา บวชเรียนมาไม่ต่ำกว่าสามพรรษา ถึงได้คิดอะไรได้แบบนี้”
ศยาม แอบโล่งใจ ตามน้ำ
“อืม...โอเค หยุดเรื่องผมไปก่อนนะ...มาคุยเรื่องของคุณก่อน”
“นายรู้เห็นอะไรเรื่องพี่เทวัญกับเงาะบ้าง บอกฉันมาเดี๋ยวนี้”
ศยามตัดสินใจที่จะไม่พูด
“คุณไม่ควรฟังใคร นอกจากจะพิสูจน์ให้รู้ด้วยตัวเอง...คุณใจดีเป็นเพื่อนที่ดี ผมพูดได้เพียงเท่านี้”
จิตรวรรณลุกขึ้นเดินออกไปเลย ศยามถอนใจ เดาอารมณ์เธอไม่ถูก
วันใหม่...เมื่อหมออนุญาตให้ศยามกลับบ้านได้แล้ว ยอดชายจึงไปรับที่โรงพยาบาล และกำลังเดินตามศยามเข้ามาในห้อง มีสำรวยถือของเข้ามาด้วยท่าทีเป็นห่วงศยามสุดฤทธิ์
“พี่ดิ่งแน่ใจนะว่าหายดีแล้ว สำรวยนอนเฝ้าไข้ให้เอามั้ย หน้าเตียงเนี่ยเลย”
ป้าเพ็ญก็เข้ามาอีกคน
“ช่วยถือของมาให้แล้วก็รีบช่วยไปซักผ้าต่อเถอะสำรวย ให้คุณ ดิ่งเขาพักผ่อน อย่ามาหลอกหลอนเค้าเลย”
สำรวยเซ็ง
“ค่ะ”
สำรวยวางของแล้วออกไปกับป้าเพ็ญ ศยามหันมาหายอดชาย
“ขอบคุณมากครับ คุณยอด”
“ผมต้องขอบคุณมากกว่าที่ดวงแข็ง...ไม่เป็นอะไรร้ายแรงขณะปฏิบัติงานไม่งั้น ผม...”
ยอดชายทำท่าปาดคอตัวเอง
“นายด้วงว่าไงบ้างครับ”
“ไม่ยอมรับ สงสัยต้องติดตั้งกล้องวงจรปิดซะแล้ว”
“ก็ดีนะครับ ที่ลัก...”
ดิ่งจะพูดชื่อลักชัวรี่คาร์แต่ยั้งไว้ได้ทัน
“ที่อื่นๆเขามีกันหมดแล้วล่ะ”
“ว่าของผมล้าหลังใช่มั้ยเนี่ย...โอเค อนุมัติ งั้น ผมไปก่อนนะ หายเมื่อไหร่ค่อยไปทำงาน”
“ผมหายแล้วครับ”
“เดี้ยงอยู่เงี้ย หายตรงไหน”
“แขนซ้ายยังไม่หาย แต่แขนขวายังใช้งานได้อยู่”
“ถามจริง อกหักมาป่ะเนี่ย ถึงได้อยากทำงานตลอดเวลาไม่ให้ว่าง กลัวฟุ้งซ่านหรือไง”
“ครับ”
ยอดชายคิดว่าศยามมุกก็ขำๆ
“ฮ่ะๆๆๆ คุณนี่ ตลกหน้าตายนะ”
ศยามยิ้มๆ ไม่โต้เถียง ยอดชายยิ้มๆ
“ตามใจ...พรุ่งนี้ก็ไปทำงาน แต่...ผมจะไม่ให้คุณไปเอง”
“ไม่เอาหรอก ผมไม่ให้คุณไปรับไปส่งผมหรอก”
“ใครบอกว่าเป็นผมที่จะไปรับไปส่งคุณ”
ยอดชายยิ้ม เมื่อคิดแผนบางอย่างได้
ยอดชายคุยกับจิตรวรรณที่มุมหนึ่งหน้าบ้าน หญิงสาวปฏิเสธเสียงแข็ง
“ไม่มีทาง”
“นี่ไงออกจากหน้าบ้าน ไปตามทาง ตรงไป เลี้ยวซ้าย”
“ไม่ขำ ถอยไป พี่เทวัญจะมารับฉันไปทำงานแล้ว”
“ยอดก็จริงจังนะจี๊ด”
จิตรวรรณชะงักหันมา
“จะขู่อะไรฉันอีก”
“ไม่ได้ขู่ แต่อยากทำให้เข็ด วันหลังจะได้เลิกคิดทำร้ายคนอื่นเวลาไม่ได้อย่างใจอีก จี๊ดต้องรับผิดชอบคุณศยามด้วยการพาไปทำงานและพากลับบ้านด้วยจนกว่าคุณดิ่งจะหายดี”
“ยอด!”
ยอดชายใช้มุกขู่
“โอ๊ย ตายจริง ลืมไปเลยว่ามีนัดคุยงานกับคุณพ่อของจี๊ด”
“ก็ได้!”
เทวัญเดินเข้ามา
“น้องจี๊ด ไปกันได้หรือยัง”
เทวัญสบตายอดชายอย่างไม่พอใจนัก
“คุยเรื่องอะไรกันอยู่”
“เรื่องของเพื่อนครับ คนนอกไม่ต้องรู้ก็ได้ ตามนี้นะจี๊ด”
ยอดชายเดินออกไป เทวัญหันมองจิตรวรรณที่หน้าง้ำด้วยความอยากรู้ จิตรวรรณลงนั่งข้างเทวัญปิดประตูรถ อารมณ์เสีย
“มีเรื่องอะไรกันบอกพี่ได้มั้ย”
“ไม่มีค่ะ ไปกันเถอะค่ะ”
เทวัญลอบถอนใจกับจิตรวรรณ ออกรถไป จิตรวรรณปลดสายสะพายกระเป๋าแรงเกินไปหน่อย จนไปเกี่ยวต่างหู หล่นลงไปใต้เบาะรถ หญิงสาวใช้มือควานหาต่างหู เจอ หยิบขึ้นมา แล้วก็ชะงัก ตกใจ มองต่างหูข้างนั้นในมือของตัวเอง ไม่ใช่ของเธอ จิตรวรรณพยายามนึกว่าต่างหูนี้เป็นของใคร แล้วจิตรวรรณก็จำได้ เธอเคยเห็นเงาะใส่ต่างหูข้างนั้น จิตรวรรณหันมองหน้าเทวัญทันที
“มีอะไรเหรอจ๊ะจี๊ด เป็นอะไร”
จิตรวรรณพูดลอยๆช็อค
“ต่างหูจี๊ดหลุด”
“เจอแล้วนี่”
“ค่ะ เจอแล้ว!”
จิตรวรรณจะอ้าปากถามเรื่องต่างหูของเงาะ แต่แล้วก็ชะงัก เธอคิดถึงคำพูดของศยามที่โรงพยาบาล
‘อย่าตัดสินคนแค่แวบแรกทีเห็น อย่าคิดว่าเขาจะเป็นยังไงโดยใช้มาตรฐานของตัวเอง...เพราะเขาอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิด”
จิตรวรรณเปลี่ยนใจ เบือนหน้ามองไปข้างหน้า มือกำต่างหูของเงาะแน่น ด้วยความหวั่นไหว กลัวว่าจะเป็นอย่างที่คิด โดยที่เทวัญไม่รู้ตัวเลย
จิตรวรรณนั่งมองต่างหูของเงาะในมือที่โต๊ะทำงาน ซึ่งได้ย้ายมาอยู่ที่ฝ่ายการตลาดแล้ว ใจดีเดินเข้ามา เห็นจิตรวรรณ ทั้งคู่สบตากัน ชะงักกันไปทั้งสองคน ใจดีเลี่ยงเดินไปที่โต๊ะทำงานตัวเอง โดยไม่พูดอะไร จิตรวรรณรู้สึกผิดที่ต่อว่าเพื่อน แล้วมาค้นพบว่าสิ่งที่เพื่อนเตือนอาจจะเป็นความจริง เธอลุกเดินไปหาเพื่อน
“ใจดี ถ้าฉันทำให้แกเสียใจ ฉันขอโทษ”
ใจดีอึ้ง
“ฉันจะเชื่อแก ถ้าฉันได้พิสูจน์เรื่องนั้นแล้วได้รู้ได้เห็นกับตาของตัวเอง”
จิตรวรรณเดินไปนั่งทำงานตามปกติ เก็บต่างหูไว้ในลิ้นชัก ใจดีมองเพื่อนใจอ่อนกับเพื่อน หยิบเอกสาร ทำฟอร์มจะไปคุยงานกับเพื่อนอีกคน แต่แฉลบไปหาจิตรวรรณ แล้วพูดลอยๆให้เข้าหู
“ฉันยกโทษให้...เพราะฉันไม่เคยโกหกหรือคิดร้ายกับแก”
แล้วใจดีก็เดินไป
จิตรวรรณอมยิ้ม โล่งใจที่เพื่อนหายโกรธ หญิงสาวคิดทำอะไรบางอย่าง
พริกกับเกลือ ตอนที่ 4 (ต่อ)
ค่ำคืนนั้น...จิตรวรรณกำลังแต่งตัวจะออกไปข้างนอก ศยามเดินเข้ามาข้างหลัง
“คุณ!”
“อะไร”
“เมาไม่ขับนะ แล้วอย่ากลับดึก พรุ่งนี้ผมต้องนั่งรถคุณไปทำงาน ไม่อยากเข้าโรงพยาบาลอีกรอบ”
“นี่! พ่อแม่ฉันยังไม่เคยยุ่งกับฉันขนาดนี้เลยนะ”
“ท่านคงเบื่อจะยุ่งด้วยแล้วล่ะ”
“แล้วทำไมฉันต้องเชื่อนาย”
“เพราะผมพูดถูก”
จิตรวรรณอึ้ง
“ถ้ายังมีสำนึกผิดชอบชั่วดีอยู่ ก็เชื่อผม แต่ถ้าไม่...ก็เรื่องของคุณ ผมไปแท็กซี่ได้ ไม่อยากฝากชีวิตไว้กับคนไม่มีความรับผิดชอบ”
ศยามเดินกลับไป จิตรวรรณเจ็บใจ เถียงไม่ออก ได้แต่เต้นเร่าๆๆอยู่กับที่ ศยามหันมามองยิ้มๆสะใจที่เห็นจิตรวรรณเนื้อเต้น
ค่ำนั้น จิตรวรรณเลี้ยวรถเข้ามา หน้าคอนโดเทวัญ ร.ป.ภ ตะเบ๊ะให้อย่างคุ้นเคย เปิดไม้กั้นให้ จิตรวรรณขับรถผ่านไป
เทวัญอยู่ในห้อง กำลังจัดวางไวน์บนโต๊ะ สร้างบรรยากาศโรแมนติก
“คืนนี้จี๊ดเสร็จพี่แน่!...”
เทวัญยิ้มกริ่ม เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ชายหนุ่มชะงัก ดีใจ คิดว่าจิตรวรรณมาถึงแล้วแน่ๆ...เทวัญเปิดประตูห้องยิ้มรอแต่แล้วก็ต้องหุบยิ้ม เมื่อเงาะยืนลอยหน้าลอยตาอยู่ที่หน้าห้อง
“เงาะ...”
“ทำไมต้องตกใจคะ หรือว่าผิดหวัง”
เทวัญมองไปที่ทางเดินหน้าห้อง กลัวจิตรวรรณมา
“บอกแล้วไงว่าให้ไปรอคุยกันที่บ้าน เดี๋ยวจะไปหาเอง”
“กี่โมงคะ หรือว่าวันไหนคะ หรือว่าจะไม่มีวันที่พี่จะไปหาเงาะอีกแล้วคะ”
เทวัญไม่พอใจ กระชากเงาะเข้ามาในห้องอย่างเร็ว ปิดประตูและล็อคอย่างแน่นหนา โวยใส่เงาะอย่างไม่พอใจ
“เงาะกำลังใช้อารมณ์ ไม่มีเหตุผล”
“เหตุผลของเงาะคือ เงาะไม่อยากหลบซ่อนอยู่ในเงาของจี๊ดอีกแล้ว”
เทวัญร้อนใจ กลัวจิตรวรรณมา
“หรือว่าพี่เทวัญตั้งใจจะฟันเงาะแล้วทิ้ง”
เทวัญอึ้ง เสียงเคาะประตูดังขึ้น เทวัญตกใจ
“จี๊ด!”
เงาะมองเห็นโต๊ะที่เทวัญจัดรอจิตรวรรณ
“อ้อ ที่แท้ ก็นัดกันมาสวีทหวาน...เลือกเอาจะเลือกเงาะ หรือว่าจี๊ด”
เทวัญเครียด มองหน้าเงาะ แล้วมองไปที่ประตู
จิตรวรรณกำลังจะเคาะประตูซ้ำ นึกเอะใจ เหมือนได้ยินเสียงคนคุยกันในห้องเทวัญ
“ไหนบอกว่าอยู่คนเดียว คุยกับใคร”
จิตรวรรณเคาะประตูอีก
“พี่เทวัญคะ!”
ด้านใน...เงาะยังยืนท้าทายเทวัญ
“ตัดสินใจค่ะ ถ้าเลือกเงาะ ก็ไปเปิดประตูบอกจี๊ดเดี๋ยวนี้เลย แต่ถ้าเลือกจี๊ด เงาะก็จะเป็นฝ่ายไปเปิดประตูแล้วบอกจี๊ดเองว่าเราเป็นอะไรกัน!”
เทวัญโกรธที่เงาะไม่ให้ทางเลือก และตกเป็นเบี้ยล่างของเงาะ เสียงเคาะประตูดังถี่ขึ้น เทวัญตัดสินใจคว้าข้อมือของเงาะเข้าไปในห้องนอนอีกห้องทันที
เทวัญเหวี่ยงเงาะเข้ามาในห้อง ปิดประตูแล้วตบหน้าฉาดใหญ่ เงาะล้มลงไป แปลกใจ ตกใจ
“พี่เทวัญ!”
“คนที่จะเป็นฝ่ายเสนอทางเลือกคือฉัน ไม่ใช่เธอ! เมื่อคุยกันดีๆไม่ได้ ก็ไม่ต้องคุย ทนไม่ได้ก็ไปให้พ้น แต่ถ้าปากโป้ง ฉันเอาแกตาย”
เทวัญเข้าไปตบอีก เงาะตกใจลนลาน ยกมือพนมไหว้ร้องขอ
“เงาะขอโทษ เงาะเจ็บ อย่าทำเงาะเลย เงาะขอโทษ”
“จำไว้นะ...อยู่เฉยๆ เงียบๆ ถ้าไม่อยากเจ็บตัวอีก”
เทวัญผลักหัวเงาะออกไปอย่างไม่ใยดี ลุกขึ้น จัดเสื้อผ้าตัวเองให้ดูเรียบร้อย ไปเปิดประตูห้อง เดินออกไป เงาะร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดเจ็บช้ำใจ ตกใจ ผิดหวังกับตัวตนที่แท้จริงของเทวัญอย่างเงียบๆไม่กล้าส่งเสียงดัง
เทวัญเปิดประตูให้จิตรวรรณ ทำหน้าตาปกติ ยิ้มแย้ม
“แปลกใจมากเลยรู้มั้ย เป็นครั้งแรกที่จี๊ดให้เกียรติมาหาพี่ถึงบ้าน”
จิตรวรรณมองเข้าไปข้างในห้อง
“แล้วน้องทันวิทย์ล่ะคะ”
“ไม่อยู่จ๊ะ ไปออกค่าย”
“แล้วเมื่อกี้พี่เทวัญคุยกับใคร”
เทวัญอึ้ง รีบแก้ตัว
“เปล่านี่จ๊ะ พี่อยู่คนเดียว”
จิตรวรรณเดินเข้าไปข้างในทันที เทวัญรีบตาม
จิตรวรรณเดินสำรวจไปรอบๆ ห้อง เทวัญพยายามใจเย็น ง้อจิตรวรรณ
“จี๊ดจ๋า...พี่อยู่คนเดียวจริงๆ ไม่เห็นมีใครเลยเห็นมั้ย”
“ค่ะ”
“อ่ะ เหลือห้องนอนพี่ จะเข้า ไปเช็คดูหน่อยมั้ย”
จิตรวรรณชะงัก ตัดสินใจไม่เข้าไป
“ไม่ดีกว่าค่ะ”
“นั่งก่อนสิจี๊ด ดูสิ พี่เตรียมอะไรไว้ให้เราสองคน”
“จี๊ดแค่จะมาบอกพี่เทวัญว่า...เรื่องหาฤกษ์แต่งงานของเรา ขอเลื่อนไปก่อนนะคะ”
เทวัญตกใจมาก
“อะไรนะ...ทำไมล่ะจี๊ด”
“จี๊ดรู้สึกว่า...จี๊ดอาจจะต้องการเวลาให้เราสองคนได้ศึกษานิสัยใจคอกันมากกว่านี้”
“สามปีที่ผ่านมา ยังไม่พออีกเหรอจี๊ด จี๊ดจะดูอะไรอีก เพราะมีพวกไม่หวังดี ไม่ชอบพี่คอยเป่าหูจี๊ดอยู่ใช่มั้ย”
“ไม่มีใครเป่าหูจี๊ดได้” หยิบต่างหูของเงาะขึ้นมาชูให้เทวัญดู “แล้วต่างหูของเพื่อนจี๊ดไปหล่นอยู่ในรถของพี่เทวัญได้ยังไง”
เทวัญอึ้ง...หน้าซีดเผือด
“ฟังพี่นะจี๊ด พี่ไม่รู้...”
“เงาะเคยไปไหนมาไหนกับพี่เทวัญหรือเปล่า”
เทวัญอึกอัก
“เอ่อ”
จิตรวรรณจ้องหน้า
“แต่เท่าที่จี๊ดรู้...ไม่เคยใช่มั้ยคะ”
เทวัญพยายามหาทางออก
“ใช่ ไม่เคย อาจจะมีใครที่ไม่หวังดี อยากให้เราเลิกกัน เอาต่างหูของเงาะไปใส่ไว้ในรถพี่ เพื่อให้เราทะเลาะกัน”
“ก็อาจจะเป็นได้ หรือไม่ใช่ จี๊ดถึงได้ต้องการเวลาอีกสักหน่อย เพื่อความแน่ใจค่ะ พี่เทวัญเข้าใจจี๊ดนะคะ”
จิตรวรรณยิ้มหวานให้เทวัญ แล้วเดินออกไป เทวัญเดินไปส่งยิ้มเต็มที่ทั้งๆที่ในใจร้าวลึก จิตรวรรณโบกมือลาให้เทวัญยิ้มส่งโบกมือให้ พอจิตรวรรณลับหลัง เทวัญปิดประตูอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเจ็บใจ เครียด...
“เงาะ!”
เทวัญ ออกเดินไปที่ห้องนอนตัวเองทันที
เงาะนอนร้องไห้อยู่ที่พื้น เทวัญเปิดประตูเข้ามาอย่างโกรธเกรี้ยว ปรี่เข้ามาหา
“เพราะแก...แกจงใจทิ้งต่างหูให้จี๊ดจับได้”
เงาะตื่นกลัว
“อ๊าย...อย่า ปล่อยเงาะ อย่า”
เทวัญตบตีเงาะไม่เลี้ยง
จิตรวรรณขับรถเข้ามาจอดในบ้านลงจากรถแล้วกดล็อกรถ หญิงสาวยืนนิ่ง อึ้ง ตัวชา ก่อนจะร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจหลังจากที่เก็บอัดอั้นมานาน ศยามเดินมาจากมุมหนึ่ง ยังไม่เห็นว่าจิตรวรรณร้องไห้
“กลับเร็วแฮะ...สงสัยจะหมดอารมณ์สนุก”
ศยามเดินเข้ามาจนเห็นจิตรวรรณร้องไห้ก็ชะงัก แปลกใจที่เห็นจิตรวรรณร้องไห้ ชายหนุ่มหยุดยืนดูอยู่ ไม่เข้าไป จิตรวรรณยืนร้องไห้หนัก เดินไปทรุดนั่งที่มุมมืด ร้องไห้ตัวโยน ศยามเฝ้ามองหญิงสาวอย่างเห็นใจอยู่อย่างนั้น
เช้าวันใหม่...ศยามในชุดไปทำงานเดินออกมา จิตรวรรณใส่แว่นตาดำยืนรออยู่แล้ว
“โหแฮะ...ไม่น่าเชื่อ มารอผมเหรอเนี่ย”
“ฉันเป็นคนมีความรับผิดชอบ ฉันจึงต้องตื่นแต่เช้า”
“หรือร้องไห้เสียใจจนนอนไม่หลับกันแน่”
จิตรวรรณอึ้ง เดินมามองหน้าศยาม
“คิดว่าตัวเองรู้ดีไปซะทุกเรื่องหรือไง”
“ถอดแว่นกันแดดออกสิ”
“ไม่ถอด”
“แสดงว่าจริง ร้องไห้จนตาบวม ไม่ได้นอน ไม่ใช่ตื่นเช้า”
จิตรวรรณอึ้ง
“ไม่รู้สักเรื่องไม่ได้หรือไง”
“ได้...ไม่อยากเล่าก็ไม่ได้อยากรู้”
“ฉันไม่จำเป็นต้องเล่าเรื่องให้คนแปลกหน้าฟัง”
“เรื่องบางเรื่องก็เหมาะกับการเล่าให้คนแปลกหน้าฟัง เพราะเขาไม่รู้จักคุณ ไม่รู้จักใคร ไม่มีอารมณ์ร่วม แค่ฟัง...”ศยามเสียงอ่อนลง แสดงความเป็นห่วงอย่างจริงใจ “เพื่อให้คุณได้ระบายออกมาบ้าง...ก็เท่านั้น”
จิตรวรรณอึ้ง...จำนนกับเหตุผลของศยาม ค่อยๆถอดแว่นกันแดดออกขอบตาของเธอแดงช้ำ ศยามเห็นใจ
จิตรวรรณกับศยามมานั่งคุยกันที่ริมน้ำ
“ฉันทำอย่างที่นายบอก ให้เวลา ให้โอกาสพี่เทวัญได้พิสูจน์ตัวเอง โดยที่จะยังไม่ด่วนตัดสินอะไร”
“ดีแล้ว เพราะบางที...”
จิตรวรรณสวนขึ้น
“เขาอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดก็ได้ แต่...ฉันเสียใจมากเลยรู้มั้ย ไม่เคยเสียใจอะไรขนาดนี้มาก่อนเลย”
“เสียใจ แสดงว่าตัดสินเขาไปแล้ว ว่าเขาทำผิดต่อคุณ”
“เปล่า...เสียใจเพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้กับชีวิตฉัน...คอยดูนะถ้าเรื่องที่พี่เทวัญนอกใจฉันเป็นเรื่องจริง...ฉันจะ...จะ...จะอะไรดีอ่ะ”
“เกิดขึ้น...ตั้งอยู่...ดับไป”
“นายบวชเรียนมาตั้งหลายปี...นายก็เข้าใจได้สิ แต่ฉันไม่นี่”
ศยามหลุดหัวเราะขำออกมา
“ขำอะไร”
“เชื่อจริงๆเหรอว่าผมบวชมานานจนเป็นพระมหา”
จิตรวรรณเชื่อจริงๆ
“จริงสิ...ทำไม หรือไม่ใช่”
“ผมยังไม่เคยบวช”
“แล้วทำไมไม่บอก”
จิตรวรรณตีศยาม
“โอ๊ย เบาๆ ผมแขนหักเข้าเฝือกอยู่นะ ผู้หญิงอะไรใจร้าย ใจดำจริงๆ”
ศยามจับมือของหญิงสาวเอาไว้ได้ จิตรวรรณยั้งมือเอาไว้ สองคนชะงัก สบตากัน รู้สึกถึงความรู้สึกแปลกประหลาด...จิตรวรรณรีบผละออกจากเขา เขินๆทั้งคู่
“สายแล้ว ไปออฟฟิศเหอะ”
“อืม”
“ลุกไหวมั้ย”
“แขนหัก ไม่ได้ขาหัก”
“ไม่ยอกย้อนสักวันได้มั้ย นี่แน่ะ”
จิตรวรรณตีขา ศยามร้องลั่น
“โอ๊ย! ไม่ทำร้ายร่างกายสักวันได้มั้ย”
ศยามหมั่นเขี้ยว อยากจะโต้ตอบบ้าง
“ทำไม จะทำอะไรฉัน บอกเลยนะว่าฉันไม่กลัว”
ศยามยื่นหน้าเข้าไปใกล้หน้าจิตรวรรณ
“จริงเหรอ”
จิตรวรรณเขิน ผงะ
“นี่ไง ไม่แน่จริง คุณกลัวหน้าผม”
จิตรวรรณยื่นหน้าเข้ามาใกล้หน้าศยาม
“ฉันไม่ได้กลัว แต่ตกใจ...เห็นมั้ยว่าไม่กลัว”
สองคนจ้องหน้ากัน ใกล้มากจนจมูกแทบจะแนบชิดกัน ศยามเสียงเข้ม
“ยอมแพ้ใครไม่เป็นเลยใช่มั้ย”
“เป็น...แต่ขึ้นอยู่กับว่าคนที่ฉันจะยอมแพ้ให้ เป็นใครและมีค่ามีความสำคัญกับชีวิตฉันมากแค่ไหน”
ศยามเขินซะเอง ผละออกมา
“โอเค...ผมยอม หน้าคุณด้านกว่าผม จ้องได้ไม่มีเขินเลย”
จิตรวรรณจะตีอีก ศยามวิ่งหนีออกไปทันที
“หลอกด่าอีกแล้ว มานี่เลย!”
จิตรวรรณวิ่งไล่ตามไปเร็วรี่
จิตรวรรณวิ่งตามศยาม ที่พยายามวิ่งหนี ไปตามมุมต่างๆ จิตรวรรณเหนื่อยหอบ วิ่งตามไม่ทัน ศยามหยุดวิ่ง จิตรวรรณยกมือว่ายอมแพ้ ศยามทั้งหอบทั้งเจ็บตามตัวหน้าตาเหยเกจิตรวรรณหัวเราะขำ ศยามชี้หน้าว่าไม่ต้องมาหัวเราะเลย
จิตรวรรณเดินเข้ามาในบริเวณออฟฟิศกับศยาม เทวัญเข้ามา หน้าตาเครียด
“ทำไมมาด้วยกัน”
“จี๊ดเห็นนายดิ่งยังไม่หายดี เลยรับมาทำงานด้วยกัน ไปทำงานเถอะนายดิ่ง แล้วตอนเย็นก็มารอฉันที่รถ กลับด้วยกัน”
“ครับ”
ศยามเดินแยกออกไปอีกทาง เทวัญเจ็บใจ
“น้องจี๊ด กำลังคิดจะทำอะไร”
“เปล่านี่คะ”
“ไปทำดีกับมันทำไม”
“เรื่องบางเรื่อง พี่เทวัญก็ไม่จำเป็นต้องรู้เหตุผล”
“จี๊ดกำลังประชดพี่ใช่มั้ย”
“ถึงจี๊ดจะเป็นคุณหนูนิสัยเสีย แต่จี๊ดไม่ใช่ผู้หญิงที่คบผู้ชายได้ไม่เลือกหน้านะคะ”
เทวัญอึ้ง
“จี๊ดขอตัว...มีประชุมไม่ใช่เหรอคะ จี๊ดอยากทำงาน ไม่อยากเอาเรื่องส่วนตัวมาทำให้เสียงานค่ะ”
จิตรวรรณเดินเชิดเข้าไปข้างใน เทวัญหงุดหงิด
แต๋วกับลุงแปลงเข้ามาคุยกับศยามด้วยความเป็นห่วง
“ยังไม่ต้องมาก็ได้ รอให้หายดีก่อนไม่ได้เรอะ”
แต๋วเป็นห่วงเป็นใย
“นั่นสิ...คุณยอดชายก็อนุญาตให้หยุดแล้ว ยังจะดื้ออีก จะขยันไปถึงไหนจ๊ะ”
ลุงแปลงแซว
“จะเก็บเงินไว้แต่งเมียหรือไง เจ้าดิ่ง”
ศยามยิ้ม ไม่ตอบ แต่แต๋วเอียงอาย เขิน โพยืนดูจากมุมหนึ่งไม่พอใจ
ด้วงกำลังซ่อมรถอยู่ ศยามเดินเข้ามา ด้วงเห็น ชะงัก ศยามยิ้มแย้มทักทาย
“สวัสดี...”
ด้วงอึ้ง
“ยังไม่ตาย...อยู่ได้อีกนาน”
ศยามยิ้มให้ด้วงแล้วเดินออกไป ด้วงมองตามเจ็บใจที่ถูกเย้ย
เทวัญเปิดประตูห้อมทำงานเข้ามา หัวเสียเรื่องจิตรวรรณ เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานดังขึ้น เทวัญยกหูรับสาย
“มีอะไร!...” เทวัญแปลกใจ “คุณมารศรี โอนเข้ามา”
เทวัญกดรับสายโอน
“ฮัลโหล เทวัญพูดครับ”
มารศรีคุยกับเทวัญในร้านกาแฟหรู
“คุณจี๊ด คู่หมั้นคุณไม่มีท่าทางเปลี่ยนไปบ้างหรือไงคะ”
“อยากพบผมเพื่อคุยเรื่องคู่หมั้นผม ไม่ทราบว่ามันไปเกี่ยวอะไรกับคุณตรงไหน”
มารศรียกกาแฟขึ้นจิบอย่างมีมารยาจริต เทวัญลอบสังเกตเนื้อตัวหน้าตาอันแสนเซ็กซี่เย้ายวนของหญิงสาว...มารศรีปรายตามอง สังเกตเห็นแววตากรุ้มกริ่มของเทวัญ ก็ยิ้มพราย
“ฉันเป็นเพื่อนเก่าของดิ่ง”
“ผมรู้แล้ว”
“และฉันก็ได้รู้และเห็นกับตาตัวเองว่า...ศยามกับคุณจี๊ด คู่หมั้นคุณกำลังมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง”
เทวัญอึ้ง ตาวาว ไม่พอใจ
“คุณ พูดเรื่องไร้สาระพวกนี้กับผม เพื่ออะไร”
“เอ๊า...ก็เห็นใจไงคะ หรือไม่รัก ไม่หวง”
“ผมบอกแล้วไงว่าเรื่องไร้สาระ”
“คุณไม่เชื่อ”
“ผมไว้ใจและให้เกียรติคู่หมั้นของผม”
“ก็ตามใจ...ลองคิดดูให้ดีนะ...ถ้าฉันกุเรื่องขึ้น ฉันไม่ได้ประโยชน์อะไรจากเรื่องนี้เลย แล้วฉันจะทำทำไม...”
“คนเราทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลไม่ได้”
“เพราะฉันไม่อยากให้เพื่อนของฉันทำผิด”
เทวัญอึ้ง...มารศรีเปิดกระเป๋าวางเงินบนโต๊ะ
“ขอตัวค่ะ”
มารศรีเดินนวยนาดออกไป เทวัญเจ็บใจ
“ไอ้ดิ่ง!”
ศยามเดินมากับยอดชาย กลับจากรับประทานอาหารกลางวัน จิตรวรรณกับใจดีเดินมาจากมุมหนึ่ง เพื่อจะเข้าออฟฟิศ ใจดีหันมาถามจิตรวรรณ
“ยัยเงาะป่วยเป็นอะไร โทรไปก็ปิดเครื่อง ไปเยี่ยมกันมั้ย ตอนเย็น”
จิตรวรรณอึ้ง ลังเล คิดจับผิด ศยามกับยอดชายเดินสวนมา ใจดีต่อว่ายอดชายทันที
“อุ๊ย คุณดิ่ง มาทำงานด้วยเหรอคะ มาทำไม ยอด เธอแย่มาก เป็นไก่หรือไง จิกคุณดิ่งมาทำงานเนี่ย”
ยอดชายชะงัก
“จิกเธอก่อนเลย! คุณดิ่งเขามาทำของเขาเอง”
จิตรวรรณเบ้หน้า
“คงจะขยันเอาโล่”
ศยามยิ้ม
“ไม่ครับ เอาเงิน”
ทุกคนสะดุ้ง ยอดชายกับใจดีหัวเราะ แต่จิตรวรรณหน้าง้ำ โยฮันน์ วิศวกรชาวเยอรมันแต่งตัวดีเดินเข้ามาที่กลุ่มของศยาม
“Hallo!”
ทุกคนชะงัก หันมองโยฮันน์
“My English is not good. OK. ? My name is Johann. I’m an engineer from Germany.”
จิตรวรรณโต้ตอบเป็นชุด
“Oh That’s you. My father is waiting for you in a while.You’ve lost?”
“Kann jemand hier Deutsch sprechen?”
โยฮันน์ ถามว่ามีใครพูดภาษาเยอรมันได้บ้างมั้ย ทุกคนอึ้ง โยฮันน์ก็อึ้ง โยฮันน์ถามต่อ
“Hat die Firma Ihnen nicht gesagt,dass ich Deutsch spreche.”
ซึ่งหมายความว่าบริษัทไม่ได้แจ้งคุณเหรอว่าผมพูดภาษาเยอรมัน ทุกคนอึ้งอีกรอบ โยฮันน์ปาดเหงื่อ ศยามตัดสินใจแก้สถานการณ์ทันที
“Entschuldigen Sie bitte, aber wir haben das schon gewusst.”(ขอโทษด้วยครับเราทราบแล้ว)
ทุกคนอึ้ง หันมองศยามเป็นตาเดียว โยฮันน์ดีใจที่มีคุนที่คุยด้วยได้
“Oh! Gott sei Dank.” (ขอบคุณพระเจ้า)
ศยามหันไปถามจิตรวรรณ
“ให้พาไปหาพ่อคุณเลยมั้ย”
จิตรวรรณพยักหน้าช้าๆ ด้วยอาการช็อค ศยามหันไปหาโยฮันน์
“Willkommen! Kommen Sie hier bitte mit mir” (ยินดีต้อนรับ เชิญทางนี้)
ศยามพาโยฮันน์เข้าออฟฟิศไป ทั้งจิตรวรรณ ยอดชาย ใจดี หันมองตาม ช็อค ที่ศยามพูดเยอรมันได้
ศุวิมลนั่งตรวจงานนักศึกษาอยู่ในบ้าน
“อะไรเนี่ย...ตกกันเกือบหมดเลย สอนๆไปฟังเข้าสมองกันบ้างหรือเปล่า มัวแต่ว็อทส์แอ๊บกันอยู่ล่ะสิ...เฮ้อ ลูกศิษย์ฉัน”
เศกเดินเข้ามาหา
“ยัยศุ...”
“คะคุณพ่อ”
“ถ้าพ่อจะจดทะเบียนกับคุณศรี...”
ศุวิมลตกใจ
“อย่าเพิ่งนะคะ!”
โปรดติดตาม "พริกกับเกลือ" ตอนต่อไป พรุ่งนี้ เวลา 9.30 น.