“รักเกิดในตลาดสด” ตอนที่ 6
คืนนั้น รถกระบะหลายคันแล่นมาจอดด้วยความรวดเร็วในตลาดร่วมใจเกื้อ ครู่หนึ่งลูกน้องของชายศักดิ์ลงมาจากรถกระบะพร้อมอุปกรณ์การจับหนู ชั่วพริบตากำจัดหนูได้จนหมดตลาด
เช้าวันใหม่ สดศรีกับณดาเดินนำทีมชาวตลาดเดินสำรวจพื้นที่ตลาด
“แล้วความสะอาดก็กลับมาภายในข้ามคืน ไม่คิดเลยนะว่าไอ้ชายศักดิ์กับนังรัศมีมันจะเล่นแรงถึงขนาดนี้ คราวนี้ก็ถึงทีชั้นจะเล่นงานมันบ้าง” สดศรีเอ่ยขึ้น
“คุณแม่จะทำอะไรเค้าคะ” ณดาถาม
“ก็ประจานเรื่องขายของหนีภาษีของมันไง” สดศรีเอ่ย
“อย่าทำแบบนั้นเลยนะครับคุณนายผมขอร้อง” ต๋องรีบท้วง
“ทำไมล่ะต๋อง เรื่องที่มันทำน่ะเค้าเรียกว่าโกงบ้านกินเมืองเลยนะ” สดศรีทำท่าไม่ยอม
“คลิปที่มีน่ะเราเก็บไว้เล่นงานเค้าทีหลังก็ได้ครับถ้าเกิดมีเรื่องตุกติกอีก แต่อะไรที่เราตกลงกับเค้าไว้คำไหนก็ควรจะเป็นคำนั้น ไม่งั้นเราก็จะเป็นคนที่แย่ไม่แตกต่างอะไรกับพวกเค้าเลย” ต๋องชี้แจง
“เธอนี่มันดีจนชั้นอายเลยต๋อง ก็ได้ ชั้นจะยอมให้ซักครั้ง ถือว่าเห็นแก่ความดีของพ่อพระ พ่อเทวดามาเกิดอย่างเธอหรอกนะ” สดศรีเอ่ยชม
ชาวตลาดส่งเสียงดีใจกับคำชื่นชมของสดศรีที่มีต่อต๋อง
“วี้ว!”
กิมฮวยยืนอยู่ฟังแล้วทนไม่ได้
“อ้วก”
ทุกคนหันไปที่กิมฮวย
“เป็นอะไรเจ๊ มีอาการคลื่นเหียนอย่างนี้ อย่าบอกนะว่ากิมลั้งกำลังจะได้น้อง” เลื่อนจึงรีบแทรกขึ้น
“เอ้า ปรบมือให้เฮียเคี้ยงพลังดึ๋งดั๋งที่ยังเตะปี๊บดังอยู่กันหน่อยเร้ว” รักเร่เสริมเลื่อน
“ฮิ้ว!” ชาวตลาดปรบมือชอบใจ
กิมฮวยขว้างของใส่เลื่อนกับรักเร่ทันที พร้อมรัวคำด่าเล่นเอาวงแตก
“ไอ้ปากหมา ไอ้หน้าแย่ ไอ้พ่อแม่ไม่สั่งสอน”
เช้าวันเดียวกัน ที่บ้านชายศักดิ์ พ่อ แม่ ลูกคุยกันหน้าเครียด
“อะไรนะครับ ตกลงว่าเราไปเสียท่ามันอีกแล้วเหรอเนี่ย ความจริงจะทำอะไรคุณแม่น่าจะปรึกษาผมซักนิด” ศักดิ์ชายเอ่ยขึ้น
“ตอนนั้นแม่ไม่คิดอะไรแล้วล่ะ พอนังคุณนายสดศรีมาด่าเราปาวๆแม่ก็รู้แต่ว่าต้องทำอะไรซักอย่างสั่งสอนมัน” รัศมีเอ่ยตอบลูกชาย
“แล้วเป็นยังไงล่ะครับ เจอพวกนั้นเล่นตลบหลังเข้าให้” ศักดิ์ชายพูดขึ้นด้วยความเซ็ง
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่ะ พวกนั้นมันถือไพ่เหนือเราได้อีกไม่นานหรอก” ชายศักดิ์ขึงขัง
“เสี่ยมีแผนอะไรในใจเหรอคะ” รัศมีตื่นเต้นอยากรู้
ชายศักดิ์ยังไม่มีคำตอบ แต่รีบกลบเกลื่อนแก้หน้า
“ตอนนี้น่ะยังไม่ แต่ต่อไปน่ะมันเสร็จชั้นแน่”
“ผมว่าเรายังไม่ต้องรีบบุ่มบ่ามทำอะไรไปให้เพลี่ยงพล้ำอีกหรอกครับ รอจังหวะที่เหมาะสมแล้วตะครุบมันให้ดิ้นไม่หลุดดีกว่า”
ศักดิ์ชายดูแน่วแน่กับภารกิจตามล้างแค้นชาวตลาดร่วมใจเกื้ออย่างมุ่งมั่น
เช้าวันใหม่ สดศรีกับกิมฮวยตัดสินใจมาห้างเวรี่พร้อมกัน
“ขอบคุณนะกิมฮวยที่มาเป็นเพื่อนกัน ถึงชั้นจะรับปากต๋องแล้วว่าจะไม่เล่นงานพวกมันกลับเรื่องของหนีภาษี แต่ไม่ได้หมายความว่าชั้นเอามันคืนเรื่องอื่นไม่ได้ใช่มั้ย” สดศรีเอ่ยขึ้น
“ถูกแล้วอาคุณนาย เราจะคอยมาเป็นฝ่ายตั้งรับให้พวกมันรังแกอยู่ได้ยังไง ต้องสั่งสอนให้รู้กันบ้างว่าใครเป็นใคร” กิมฮวยเริ่มยุ
“ไป งั้นลุย” สดศรีจูงมือกิมฮวยเข้าห้างไป ยามหันไปเห็นสดศรีเริ่มแปลกใจ
“นั่นคุณนายสดศรีนี่” ยามพูดไปพลางรีบหยิบวอมากดพูด
“วอหนึ่งเรียกวอสอง...” ยามส่งสารถึงปลายสาย
สดศรีกับกิมฮวย ในห้างเวรี่ ช่วยกันหยิบของสดในซูเปอร์มาร์เก็ตขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์เสียงดังตั้งใจให้คนได้ยินกันทั่ว
“ต๊าย ผักอะไร งามเกินไปรึเปล่า มันน่าสงสัยเอามากๆเลยนะกิมฮวย” สดศรีเอ่ยขึ้ย
“ไหนดูซิคะอาคุณนาย โอ๊ย ใบไม่มีหนอนชอนไชซักรูแบบนี้ โหมยาฆ่าแมลงเต็มที่แน่ๆ ใครโง่ซื้อไปก็ฆ่าตัวตายชัดๆ” กิมฮวยรีบเสริมอย่างรู้กัน ลูกค้าที่เลือกซื้อผักอยู่เริ่มอาการวิตก สดศรีเดินมาที่แผงอาหารทะเล
“ว๊าย มาดูอาหารทะเลพวกนี้เร็ว ชั้นว่าตั้งราคาแบบนี้ปล้นลูกค้าเลยดีกว่า จ่ายตังค์ซื้อของที่นี่โลนึง ซื้อปูปลาที่แผงเธอได้สามโลเลยกิมฮวย” สดศรีเอ่ยขึ้น
“ไอ้หยา อาคุณนาย ตัวก็เล็ก สดก็ไม่สดจากสภาพนี่อั๊วฟันธงเลยว่าตายมาไม่น้อยกว่าห้าวัน ที่ยังประกอบร่างอยู่ได้เป็นเพราะฤทธิ์ฟอร์มาลีน” กิมฮวยพูดพร้อมยกปลาขึ้นมาดู ไม่พอยังดมโชว์เพื่อความสมจริง
ลูกค้าที่ถืออาหารทะเลอยู่ถึงกับปล่อยอาหารหลุดจากมือ แล้วรัศมีจ้ำพรวดเข้ามา
“ฟอร์มาลีนไว้ฉีดศพเธอสองคนน่ะซิ” รัศมีวีนแตกกลางร้านซูเปอร์มาเก็ตในห้าง
สดศรีกับกิมฮวยหันไปที่รัศมี
“ถ้าชั้นจะเป็นศพ ก็คงต้องข้ามศพเธอไปก่อนแน่ๆ” สดศรีย้อนทันควัน
“ไอ้ที่ตกลงกันไว้เธอจะไม่ยอมจบใช่มั้ย” รัศมีจ้องหน้าอย่างเอาจริง
“ทำไม ทีเล่นสกปรกลับหลังคนอื่นน่ะทำได้ พอตัวเองเจอเข้าบ้างทำจะเป็นจะตาย” สดศรีไม่ยอมง่ายๆ
“แต่เราไม่ได้ใช้วิธีสกปรกอย่างพวกมันนะอาคุณนาย แล้วทำซึ่งๆหน้าด้วย ของที่ห้างนี่มันห่วยจริงเราก็ว่าไปตามเนื้อผ้า แล้วเจ้าของห้างมันก็หน้าด้านที่กล้าเอาของไม่ดีมาหลอกขายลูกค้าราคาแพงๆ”
กิมฮวยย้ำ จนรัศมีโกรธ
“หยุดพล่ามเรื่องเพ้อเจ้อซักทีน่ะ ของที่ขายที่นี่น่ะมันแพงกว่าเพราะมีเกรด อย่าเอาไปเทียบกับของกะหลั่วๆในตลาดเธอ” รัศมีด่า
“เหรอ ? งั้นชั้นโทรเรียกกรมอนามัยที่เธอส่งไปหาชั้นให้แวะมาเยี่ยมที่นี่หน่อยดีกว่ามั้ย จะได้รู้ไปเลยว่าของมันมีคุณภาพอย่างที่โอ้อวดมั้ย” สดศรีเอ่ยขึ้น พร้อมตบมือเรียกลูกค้าที่ยืนแถวนั้น รัศมีถึงกับยืนอึ้ง
“ทุกคนคะ วันนี้เราสองคนทำหน้าที่นางฟ้ามาบอกความจริงกับทุกคนแล้วนะคะ ถ้าอยากได้ของดีและถูกก็เชิญที่ตลาดร่วมใจเกื้อที่อยู่ข้างๆ แต่ถ้าอยากจะดักดานให้เจ้าของห้างสวมเขาก็เชิญเป็นเหยื่อเค้าต่อไป”
“มันจะมากไปแล้วนะพวกแก” รัศมีโพล่งขึ้นด้วยความโกรธ ปรี่เข้าไปจะตบสดศรีกับกิมฮวย แต่ปรากฏว่าทั้งสดศรีและกิมฮวยยื่นหน้าไปรับพร้อมสู้ตาย
“ไม่คิดเลยนะว่าเจ้าของห้างจะเลือกใช้วิธีแก้ปัญหาแบบตลาดๆ แต่อย่าลืมนะว่าชั้นสองคนน่ะมันต้นตำรับ อยากรู้ว่ารสตบแบบตลาดแท้ๆเป็นยังไงก็ลองดู” สดศรีพร้อมสู้ตาย
“ไปเรียกยามมาลากสองคนนี่ออกไป” รัศมีตะโกนสั่งพนักงานด้วยความโมโห
“ชั้นว่าเรียกตำรวจดีกว่ารัศมี เผื่อเค้าจะได้มาเห็นอะไรดีๆที่นี่ด้วย” สดศรีท้า
“ตกลงเธอจะเอายังไงกับชั้นฮะ” รัศมีถึงกับปรี๊ดแตก
“ชั้นก็แค่อยากจะมาเตือนให้รู้ไว้ว่า อย่ามาเล่นกับคนอย่างชั้น คิดจะเป็นนางร้ายก็ต้องไม่โง่ ไม่พลาด ไม่งั้นเธอจะถูกนางเอกตัวแม่อย่างชั้นฆ่าเอาง่ายๆ” สดศรีด่าอย่างเน้นถ้อยคำ
“แล้วลื้อก็จะโดนเพื่อนนางเอกอย่างอั๊วเหยียบซ้ำจนกว่าจะตาย จำไว้” กิมฮวยรีบเสริมอย่างไม่กลัวเช่นกัน สดศรีกับกิมฮวยเดินเชิดหน้ายิ้มเยาะออกไป
“รอให้เป็นทีของชั้นบ้างละกันนังสดศรี”
รัศมีกัดฟันกรอดด้วยความโกรธ
เวลาเดียวกัน ที่สวนโรงพยาบาล จาตุรงค์พยายามเดินกายภาพบำบัด แบบไม่ใช้เครื่องมือค้ำยันโดยมีกิมแชคอยช่วยเหลือ เพื่อรอรับถ้าจาตุรงค์พลาดล้มลง
“มาจ้ะ พี่รงค์ มาเร็ว อีกนิดเดียว” กิมแชว่า
จาตุรงค์พยายามเดิน พอจะล้มกิมแชเหมือนจะโผไปช่วย จาตุรงค์รีบยกมือห้ามแล้วพยายามประคองตัวเองไว้ไม่ให้ล้ม
“อย่า ไม่ต้องกิมแช พี่ดูแลตัวเองได้” จาตุรงค์พูดด้วยท่าทางหล่อสุดฤทธิ์ พร้อมเดินต่อไปอย่างมาดมั่น
“ระวังพี่...”กิมแชยังแอบห่วง
“พี่บอกแล้วไงว่าอย่า” จาตุรงค์ย้ำ
“แต่ว่า...” กิมแชย้ำ
“เงียบน่ะกิมแช” จาตุรงค์ก้าวออกไปอย่างมั่นใจ แต่เหยียบอะไรบางอย่างที่รู้สึกได้
“เห็นมั้ย เหยียบขี้หมาจนได้ จะเตือนก็ห้าม” กิมแชกล่าว
“แหวะ” จาตุรงค์เผลอตัวยกเท้าขึ้นดู
จาตุรงค์ล้มลงไปกองกับพื้น เพราะยกขาข้างเดียวกับที่เจ็บ กิมแชร้องเสียงหลง
“พี่รงค์...”
ผ่านไปอีกวันกิมแชยังคงดูแล คอยล้างแผลบนใบหน้าให้จาตุรงค์อย่างเป็นห่วงเป็นใย
“ได้แผลจนได้ เจ็บมากมั้ยจ้ะพี่รงค์” กิมแชว่า
“แผลแค่นี้ไม่กระเทือนพี่หรอก แต่ที่ซ้ำแผลเดิมนี่ซิ เจ็บอิ๊บอ๋าย” จาตุรงค์ยังเก๊กหน้าหล่อ
“ให้กิมแชไปตามหมอมั้ยพี่”
“ไม่เป็นไร เจ็บเป็นกระสัยได้อารมณ์ดี มันทำให้พี่รู้สึกว่ายังมีชีวิตจิตใจอยู่ ยังไงก็ขอบใจกิม
แชมากนะที่ช่วยทั้งทำแผล ทั้งเอารองเท้าเปื้อน ขี้หมาไปล้างให้ เอ๊ะ ว่าแต่มือนี่ล้างดีแล้วใช่มั้ยถึงได้มาทำแผลให้พี่” จาตุรงค์พูดพลางจับมือกิมแชที่ทำแผลให้ตนอยู่ขึ้นมาดมแบบจมูกชนมือ กิมแชช็อก ทำตัวไม่ถูก
“ค่อยยังชั่ว หอม” จาตุรงค์เเห็นกิมแชนั่งตัวแข็งจึงถามขึ้น
“เป็นอะไรกิมแช ทำหน้าเหมือนเห็นผี” จาตุรงค์ถามขึ้น
“เอ่อ กิมแชก็แค่อึ้งน่ะ พี่คิดได้ไงว่ากิมแช จะเอามือสกปรกมาทำแผลให้” กิมแชรีบดึงมือกลับ แกล้งหน้างอ
“โธ่ พี่ก็แค่ล้อเล่นให้บรรยากาศมันคึกคักขึ้นบ้าง อยู่โรงบาลน่ะทั้งเซ็งทั้งเหงาจะแย่อยู่แล้ว” จาตุรงค์ว่า
“อดทนอีกนิดเดียวนะพี่รงค์ กิมแชสัญญานะว่าจะมาเยี่ยมพี่ทุกวันพร้อมของอร่อยจนกว่าพี่จะกลับบ้าน” กิมแชเอ่ยขึ้น
“พี่เลยทำให้กิมแชเดือดร้อนเลย” จาตุรงค์เอ่ยขึ้น
“ไม่ต้องห่วงจ้ะ กิมแชทำให้พี่ได้ทุกอย่างล่ะ” กิมแชตอบอย่างจริงใจ
“อะไรนะ ?” จาตุรงค์ได้ยินไม่ชัดจึงถามขึ้น
“ก็ แหม พี่กำลังป่วยช่วยเหลือตัวเองไม่ได้แบบนี้ อะไรที่กิมแชพอจะช่วยได้ก็อยากทำให้น่ะ” จาตุรงค์เอ่ยขึ้น
“จริงนะ” จาตุรงค์เอ่ย
“จริงซิ” กิมแชตอบกลับ
“งั้นช่วยเดินกายภาพเป็นเพื่อนพี่อีกซักรอบได้มั้ย” จาตุรงค์เอ่ยถามขึ้น
“ได้ซิ ขยันแบบนี้พี่รงค์ต้องหายไวแน่ๆ” กิมแชเอ่ยขึ้น
“ใช่ พี่ต้องหายไวๆ” จาตุรงค์พูดไปยิ้มไป บีบมือกิมแชอย่างมุ่งมั่น
“...จะได้ไปหาน้องกิมลั้งซักที” จาตุรงค์เอ่ย
กิมแชหน้าเศร้าขึ้นมาทันที ในขณะที่จาตุรงค์ดึงมือกิมแชให้ลุกขึ้น
“ไป”
กิมแชจำต้องลุกตามไป ด้วยใบหน้าเศร้าอีกครั้ง
บ่ายนั้น ต๋องเล่นดนตรีอยู่กับลูกวง มีคนมานั่งดูไม่น้อย ครู่หนึ่งกิมลั้งเดินผ่านมา เผลอตัวยืนมอง ต๋องเห็นกิมลั้งเหมือนโดนต้องมนต์ เขาร้องเพลงราวกับอยากบอกความในใจกิมลั้ง พอเพลงจบเสียงปรบมือดังขึ้น แต่ต๋องยังคงจ้องไปที่กิมลั้งไม่วางตา
“เพลงนี้ผมขอมอบให้....”ต๋องยังไม่ทันพูดจบ กิมลั้งตัดสินใจเดินออกไปก่อนจะได้ยินคำพูดของต๋อง
“เอ่อ ผมขอมอบให้ทุกคนนะครับ ขอบคุณมากๆครับที่ตามมาให้ กำลังใจวงร่วมใจเกื้อของเราถึงที่นี่ แต่เพื่อไม่ให้เสียเที่ยว ยังไงมาถึงตลาดแล้วก็อย่าเดินมือเปล่ากลับบ้านไปนะครับ แวะซื้อของสดและดีและถูกติดไม้ติดมือไปฝากคนที่คุณรัก แล้วพวกเรากับเพลงเพราะๆจะกลับมาพบกับทุกคนใหม่ในวันพรุ่งนี้ สวัสดีคร้าบ” ต๋องกล่าว
หลังจากนั้นไม่นาน ต๋องเล่นดนตรีเสร็จ กลับไปขายผักที่แผงอย่างขะมักเขม้น
“สามสิบสามบาท คิดสามสิบถ้วนๆละกันจ้ะ” ต๋องหยิบผักใส่ถุงให้ลูกค้า
“คราวหน้าถ้าพี่มาซื้อแบบไม่เอาถุง ชั้นลดราคาพิเศษให้อีกนะ ถือว่าพี่ช่วยลดโลกร้อน”
ลูกค้าเดินยิ้มออกไป ต๋องมองตามจนสายตาเหลือบไปปะทะกับกิมลั้งที่มองมาพอดี แล้วทั้งคู่รีบละสายตาจากกันคล้ายคนโกรธกันมาแรมปี ทันใดนั้นนุ้ยโผล่มาที่แผงต๋องอย่างรีบร้อน
“ต๋อง” นุ้ยเรียก
“เอ้าพี่นุ้ย หวัดดีครับ” ต๋องทักทาย
“พี่มีเรื่องด่วนจะคุยด้วย” นุ้ยเอ่ยอย่างมีธุระสำคัญกับต๋อง
ที่ร้านอาโก ต๋อง ณดา และนุ้ยนั่งคุยกันเรื่องการเล่นดนตรีของต๋อง
“คืออย่างนี้ครับคุณณดา เผอิญพี่นุ้ยบอกว่าเทปรายการที่ออนแอร์วงร่วมใจเกื้อไปคราวก่อนน่ะกระแสดีมาก แฟนรายการเลยอยากเห็นเอ็มวีตัวใหม่ของพวกเราอีกน่ะครับ” นุ้ยรีบแจงธุระ
“นี่คนสนใจวงของคุณต๋องขนาดนั้นเลยเหรอคะพี่นุ้ย” ณดาได้ยินดีใจออกนอกหน้า
“โอ๊ย คุณณดาคะ เรียกว่าเทปนั้นยอดคนดูรายการย้อนหลังของพี่ในเน็ตพุ่งพรวดๆเลยล่ะค่ะ คงเป็นเพราะมันแปลกกว่าเทปอื่นๆน่ะแฟนรายการพี่ที่ยังคันหูคันตาอยู่ก็เลยเรียกร้องอยากเห็นผลงานของต๋องกับเพื่อนๆอีก” นุ้ยเอ่ย
“ผมตอบตกลงพี่นุ้ยไปแล้วครับ ขออย่างเดียวว่าให้มาถ่ายทำที่นี่เหมือนเดิมแล้วก็ให้พ่อค้าแม่ค้าเราเล่นด้วย จะได้โปรโมทตลาดเราอีก ก็เลยพากันมาขออนุญาตคุณณดานี่ล่ะครับ”ต๋องเอ่ย
“โธ่ ยังต้องมาขออนุญาตกันอีกเหรอคะ ทุกวันนี้คุณจะคิดจะทำอะไรก็เพื่อตลาดเราทั้งนั้น” ณดาว่า
“นั่นซิคะ ตอนแรกพี่ก็สงสัยว่าต๋องเป็นสามี...เอ๊ย...แฟนคุณณดารึเปล่า เห็นวันๆในหัวมีแต่เรื่องตลาดอยู่อย่างเดียว” นุ้ยเอ่ย ณดาฟังนุ้ยพูดแล้วแอบเขินหน้าแดง
“แต่พอต๋องปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นอะไรกับคุณณดา พี่ก็โล่งใจไม่งั้นล่ะจะเลิกเป็นแม่ยกเดี๋ยวนี้เลย” นุ้ยเอ่ยต่อ ณดาหน้าเสียไป ในขณะที่ต๋องหยอกล้อกับนุ้ยอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว
“แหม ถ้าพี่ไม่ยกผมแล้วใครจะยกล่ะฮะ” ต๋องหยอกนุ้ย ที่คิดเลยเถิดไปสองแง่สองง่าม
“ว้าย งั้นต้องยอมให้พี่ยกพี่หยิบตรงนั้นตรงนี้ตามใจ ชอบนะ อุ๊ย ลืมไปเลย ตกลงคุณณดาอนุญาต
ให้พี่ใช้ตลาดได้ใช่มั้ยคะ” นุ้ยหันมาพูดกับณดา
“ก็ต้องได้ซิคะ” ณดาพยักหน้าแบบเจื่อนๆ
นุ้ยกับต๋องยิ้มชอบใจ
เวลาต่อจากนั้น ที่ร้านข้าวแกง ป้าพิณกับเขียวหวานกำลังช่วยกันเก็บหม้อเก็บถาดใส่กับข้าวด้วยใบหน้าสดชื่น
“โอ้โห วันนี้ร้านป้าพิณทำลายสถิติเลยเว้ย เก็บร้านตั้งแต่บ่ายสอง”
ป้าพิณยิ้ม
“โธ่ป้า วันนี้ชั้นล้างครกล้างสากตั้งแต่เที่ยงยังไม่เห็นคุยเลย” คำมูลที่จอดรถอยู่หน้าร้านป้า ส่งเสียงมาแต่ไกล
“ดูไว้นะนังเขียวหวาน ขนาดคนแก่คำมูลมันยังต้องข่มทุกครั้งที่มีโอกาส ถ้าเอ็งหลวมตัวไปเป็นเมียมันละได้โดนข่มเช้าข่มเย็นแน่” ป้าพิณมองคำมูลตาเขียว
“ว้าย ข่มเช้าข่มเย็นเลยเหรอป้า” เขียวหวานแอบเขินคิดไปอีกเรื่อง”
“ข้าหมายถึงข่มเหงเว้ยนังนี่” ป้าพิณเขกหัวเขียวหวานเตือนสติ
“แหม ป้าพิณ ชั้นก็พูดเล่นไปงั้น ก็มันแฮปปี้มั่กๆอ่ะ ตั้งแต่ตลาดเราได้ออกทีวี สองสามวันนี่ขายของดีผิดหูผิดตา” คำมูลโพล่งขึ้น
“เออ ก็ขอให้มันเป็นงี้ให้ได้ตลอดเถอะวะ ไม่งั้นข้าต้องกวาดกับข้าวเหลือๆให้หมาแมวกินแทนทุกวัน” ป้าพิณเอ่ย
“หมามันกินด้วยเหรอป้า” คำมูลยังกวน
“ท่าทางกูจะพูดดีๆกับมึงด้วยไม่ได้จริงๆ” ป้าพิณพูดไปพลางมองหาอุปกรณ์ใกล้ตัว แล้วคว้ามีดปังตอจะขว้างใส่ แต่ระหว่างนั้นกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าเดินผ่านมาพอดี
“เอ้า ป้าพิณ ไม่รีบไปหาอาจารย์จะเด็ดเหรอ” กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าเอ่ยถามขึ้น
“มีอะไรวะ” ป้าพิณวางมีดแล้วถามกลับ
“วันนี้อาจารย์จะใบ้หวยชุดใหญ่น่ะ” พ่อค้าคนหนึ่งตะโกนตอบ
“เฮ้ยๆ งั้นข้าไปด้วย” ป้าพิณรีบตอบแล้ววางข้าวของแล้วแล้วออกไปรวมกับพวกพ่อค้าแม่ค้ารายอื่น คำมูลกับเขียวหวานรีบตามไปเช่นกัน
เวลาต่อจากนั้น ต๋องเดินเข้ามาในตลาด พ่อค้าแม่ค้าหายเงียบ จึงถามเลื่อนกับรักเร่ที่นั่งเฝ้าแผงด้วยความสงสัย
“เอ้า หายกันไปไหนหมดเนี่ย” ต๋องมองพาพ่อค้าแม่ค้าที่ไม่ได้อยู่แผง
“แห่กันไปเอาหวยจากน้าจะเด็ดน่ะพี่” เลื่อนตอบ
“ให้มันได้อย่างนี้ซิ วอนกันจริงจริ๊ง ขายของดีขึ้นหน่อยแทนที่จะเก็บเงินไว้ หาเรื่องเสียเงินให้เจ้ามือซะงั้น” ต๋องบ่น
“เนี่ยลูกค้ามาซื้อของก็ซื้อไม่ได้ เดือดร้อนชั้นสองคนต้องช่วยวิ่งขายกันแทนให้วุ่น” รักเร่รีบรายงาน
“เมื่อไหร่จะคิดกันได้นะ เงินทองน่ะอยู่ตรงหน้าแล้วไม่รู้จะวิ่งไปหาตรงอื่นทำไม” ต๋องส่ายหัวด้วยความเซ็ง ทันใดนั้นต๋อง เลื่อน และรักเร่ หันไปเห็นกิมลั้งอยู่คนเดียวที่แผงปลา รักเร่รีบสะกิดต๋องทันที
“พี่ๆ ทางปลอดพี่” เลื่อนรายงานสถานการณ์
“อยู่คนเดียวเหงามั้ยจ๊ะกิมลั้ง จะได้ส่งคนแถวนี้ไปอยู่เป็นเพื่อน” เลื่อนช่วยชงอีกแรง
“ปากน่ะถ้าว่างมากก็หาอะไรคาบไว้ซิ” กิมลั้งตวัดสายตาด้วยความงอน
“อะไรว้า ไม่รับมุกกันเลย” เลื่อนงงปนกร่อย
ต๋องมองกิมลั้งอย่างวิตก
เวลาเดียวกันนั้น ที่สำนักเข้าทรงของจะเด็ดในตลาด พ่อค้าแม่ค้ามากันเต็มสำนัก จะเด็ดกำลังส่งกระดาษลงยันต์แจกหวยให้ชาวตลาด
“ เอาล่ะ ได้ไปกันครบแล้วนะ นี่น่ะเป็นเลขเด็ดของเจ้าพ่อสมิงดำทำหอก” จะเด็ดเอ่ยขึ้น แต่เอ่ยชื่อเจ้าพ่อผิด
“กำหอก!” บะหมี่กับเกี๊ยวลูกศิษย์รีบทัก
“เอ้อ สมิงดำกำหอก ท่านมาเข้าฝันกันสดๆร้อนๆเมื่อตอนฟ้าสาง ได้ไปแล้วก็ของใครของมันล่ะ ห้ามเอาให้คนอื่นดูเด็ดขาด เรื่องจะถูกไม่ถูกนี่ก็ขึ้นกับผลบุญที่ทำไว้แล้วล่ะ ทำมากก็ได้มาก ทำน้อยก็ได้น้อย ทำร้อยได้พัน ถ้าจะทำอีกวันสองวัน ก็รอได้เดือนหน้า”
จะเด็ดพูดเสร็จชาวตลาดรีบควักเงินใส่ขันที่บะหมี่กับเกี๊ยวถืออยู่กันใหญ่ บางคนแทบจะเทกระเป๋า จะเด็ดแอบเหลือบตามองชอบใจ
คืนนั้นที่บ้านกิมฮวย กิมลั้งนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียง ครู่หนึ่งกิมแชเปิดประตูเข้ามา
“โอ้โห นี่ลื้อไปเยี่ยมพี่รงค์เค้าทั้งวันเลยเหรอ” กิมลั้งทักขึ้น
“เอ่อ คือ อั๊วอยู่เป็นเพื่อนพี่รงค์น่ะ วันนี้กว่าเต๊กไฮ้กับน้าลักษณ์จะเข้าไปที่โรงบาลก็เย็นย่ำแล้ว” กิมแชเริ่มตอบ
“อ๋อ คงง่วนกันอยู่กับเรื่องแทงหวยมั้ง ม้าก็เหมือนกัน ป่านนี้ยังไม่กลับเลย” กิมลั้งว่า
“ป๊าก็ยังไม่มาเลยนี่ แปลกจัง เดี๋ยวนี้ทำไมป๊ากลับบ้านช้าประจำ” กิมแชเริ่มสงสัย
“ให้ป๊าออกไปสังสรรค์กับเพื่อนบ้างเถอะ วันๆขับรถรับส่งของตั้งแต่ตีสี่ตีห้า จะให้มานั่งเฝ้าบ้านทั้งวันตามคำสั่งม้าก็บ้าตายกันพอดี” กิมลั้งตอบอย่างเข้าใจเคี้ยงอย่างดี
“ก็จริง เอ้อ ลืมบอกเจ้ไป ตกลงอาทิตย์หน้าพี่รงค์เค้าจะออกจากโรงบาลแล้วนะ” กิมแชเอ่ยขึ้น
“เอ้า ทำไมออกเร็วนักล่ะ” กิมลั้งถามกลับ
“ก็ เค้ากลัวแมวอย่างพี่ต๋องจะดอดมาขโมยปลาย่างอย่างเจ้น่ะดิ พอรู้ว่าพี่ต๋องกลับมาขายของนะ อีแทบอยากจะออกจากโรงบาลมาเฝ้าเจ้วันนี้เลย แต่หมอไม่ยอม” กิมแชเอ่ยขึ้น
“พี่รงค์ไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้ บางทีมันคงไม่มีอะไรน่ากังวลอย่างที่พี่เค้าคิดแล้ว” พอเอ่ยถึงชื่อต๋องกิมลั้งถึงกับซึม
“เจ้หมายความความว่ายังไง เอ๊ะ หรือเจ้เปลี่ยนใจจะหมั้นกับเค้าใหม่” กิมแชแอบงง
“ไม่ใช่ ช่างมันเถอะ ลื้อไม่เข้าใจหรอก” กิมลั้งว่า
“รึว่าเจ้โกรธกับพี่ต๋อง มิน่าสองสามวันนี่ไม่เห็นพี่ต๋องโทรมากู้ดไนท์เจ้เหมือนทุกที” กิมแชโฑล่งอย่างสงสัย
“ไม่รู้ซิ อั๊วรู้แต่ว่าอะไรๆมันก็ไม่แน่นอน” กิมลั้งตอบสั้นๆ น้ำเสียงราบเรียบ
ในความเงียบงันในใจ กิมลั้งหยิบมือถือขึ้นมาดูเพราะคาดหวังว่าจะมีข้อความจากต๋องเข้ามาบ้าง แต่ปรากฏว่ามีเพียงแต่ความว่างเปล่า
ที่ห้องนอน ต๋องกำลังพิมพ์ถึงกิมลั้งว่า “หลับฝันดีนะ คิดถึงมาก...” แต่ขณะที่กำลังจะกดส่ง ต๋องก็เปลี่ยนใจลบข้อความทั้งหมดทิ้งด้วยความสับสน
“ชั้นควรจะทำยังไงดีกิมลั้ง” ต๋องพูดกับตัวเอง
ต๋องทิ้งตัวลงนอนบนหมอน เอามือก่ายหน้าผากอย่างคิดไม่ตกเรื่องความสัมพันธ์กับกิมลั้ง
ดึกคืนนั้น เคี้ยงขับรถเข้ามาจอด และพยายามปิดประตูด้วยเสียงที่เบาที่สุด แล้วค่อยๆแง้มประตูเปิดเข้ามาอย่างช้าๆ ในห้องที่ดับไฟมืด แสงสลัวจากภายนอกสาดเข้ามาจึงทำให้เห็นว่ากิมฮวยนอนกรนอยู่
ขณะที่เคี้ยงค่อยๆเดินย่องเข้ามาปรากฏว่ากิมฮวยหาวเสียงดัง และพลิกตัว เคี้ยงจึงรีบกระโดดขึ้นเตียงคว้าผ้าห่มมาห่มด้วยความรวดเร็วแล้วแกล้งหลับทันกับที่กิมฮวยหันมาพอดี
“เอ้า เฮียเคี้ยง กลับมาแล้วเหรอ” กิมฮวยถามขึ้น
“โอ๊ย อั๊วหลับไปสามตื่นแล้ว” เคี้ยงแกล้งทำเสียงงัวเงีย
“อ้าวเหรอ”กิมฮวยพลิกตัวไปหลับต่อแล้วกรนเสียงดังอย่างรวดเร็ว
เคี้ยงลืมตาเบิกโพลงในความมืดอย่างโล่งใจ
อ่านต่อหน้า 2
“รักเกิดในตลาดสด” ตอนที่ 5 (ต่อ)
หลังการถ่ายทำเสร็จสิ้น นุ้ยยื่นซองให้ต๋อง แต่ดูเหมือนกับว่านักดนตรีมือใหม่ยังไม่กล้ารับ
“อะไรเหรอครับ”
“ค่าตัวไงจ๊ะ หรือจะไม่เอา” นุ้ยพูดติดตลก แต่ต๋องตอบกลับอย่างจริงจัง
“ไม่เอาครับ” ต๋องตอบ
“ฮี ไม่เอา นี่จะมาซ้อนมุขกันเหรอจ้ะ” นุ้ยถึงกับงง
“ผมไม่เอาจริงๆนะครับ” ต๋องยืนยันตามเดิม
“บ้ารึไงต๋อง มีที่ไหนให้เงินแล้วไม่เอา นี่มันเงินค่าตัวเล่นดนตรีของพวกเธอนะ ไม่ได้ให้ด้วยความพิศวาส” นุ้ยว่า
“คือ ถ้าแลกได้ผมขอเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นแทนได้มั้ยครับ” ต๋องมีข้อแลกเปลี่ยน
“อุ้ย เปลี่ยนเป็นอย่างอื่น อย่าพูดเล่นนะ พี่เอาจริง” นุ้ยใจสั่นคิดเป็นอย่างอื่น
“ผมอยากเปลี่ยนเป็นให้รายการพี่ช่วยโปรโมทตลาดร่วมใจเกื้อแทนได้มั้ยครับ”
“อ้าว เหรอ แต่คงไม่ได้หรอก รายการพี่นี่มันช่วงคนมีของนะเราแนะนำคนเก่ง คนดีมีผีมือไม่ได้แนะนำกุ้ง หอย ปู ปลาในตลาดสด”นุ้ยผิดหวัง
“ก็แค่แทรกเป็นสกู๊ปแนะนำรวมไปกับเพลงของพวกผมก็ได้นี่ครับ ถ้าทำได้ พี่ไม่ได้ช่วยแค่ผมนะ แต่ช่วยพ่อค้าแม่ค้าตาดำๆที่หาเช้ากินค่ำทั้งตลาดให้มีเงินใช้จ่ายประทังชีวิต แล้วพี่เองนะแหละ จะคือที่สุดของคนมีของตัวจริง” ต๋องยกยอนุ้ยจนอีกฝ่ายเริ่มเคลิ้ม
“ก็ได้ ที่พี่ช่วยนี่ไม่ใช่เพราะอะไรหรอกนะ พี่เห็นต๋องเป็นคนดีมีน้ำใจเห็นแก่ส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว ซึ่งมันก็เหมือนกับนิสัยส่วนตัวของพี่เลย” ต๋องรีบเดินเข้าไปกอดนุ้ย
“ขอบคุณมากครับพี่”
“เอาเป็นว่าเดี๋ยวพี่จัดการให้ละกัน แล้ววันอาทิตย์นี้บอกคนในตลาดให้เฝ้าหน้าจอกันได้เลย”
นุ้ยเอ่ยก่อนเดินจากไป ต๋องยิ้มตาเป็นประกายอย่างเชื่อมั่นกับผลที่จะได้รับต่อจากนี้
เช้าวันใหม่ ที่ตลาดร่วมใจเกื้อ เลื่อนกับรักเร่ เข็นรถเข้ามาในตลาดอย่างรีบเร่ง คอยหลบพ่อค้าแม่ค้าและคนซื้อของที่ยืนขวางทางอยู่
“ขอทางหน่อยจ้า ขอทางหน่อย กำลังรีบ” เลื่อนตะโกนเสียงดัง
“จะมายืนกันอยู่ทำไมจ๊ะ ไปอยู่หน้าจอทีวีกันได้แล้ว วงร่วมใจเกื้อของเราใกล้จะออกสื่อแล้ว” รักเร่รีบเอ่ยขึ้น
“มัวชักช้าเดี๋ยวไม่ได้เห็นหน้าตัวเองในทีวีนะ”
บรรดาพ่อค้า แม่ค้าที่ยืนอยู่รีบวิ่งไปยืนหน้าจอทีวีตามแผงต่างๆ ด้วยความตื่นเต้น
กิมฮวย เต็กไฮ้ ยืนคุยกับจะเด็ดอยู่หน้าร้านและมองดูคนในตลาดด้วยความหมั่นไส้
“แค่ออกทีวีนิดหน่อยทำเป็นตื่นเต้น ลืมกันไปหมดแล้วหรือไงว่าไอ้ต๋องมันทำอะไรไว้กับตลาดเราบ้าง” กิมฮวยรีบพูดดักคอ
“คนในตลาดก็งี้ สมองปลาทอง ลืมง่าย” เต๊กไฮ้รีบเสริมกิมฮวย
“เชื่อมั้ยล่ะ เดี๋ยวเรื่องไอ้ต๋องวันนี้ก็ลืมง่ายพอกัน” จะเด็ดรีบเห็นด้วย
“ตกลงว่าไม่มีใครดูนะ”
ลักษณ์พูดไปพลางจะปิดทีวี แต่กิมฮวย เต๊กไฮ้ และจะเด็ดรีบร้องทัก
“ดู” กิมฮวยรับแก้เก้อ
“ดูหน่อยก็ดี จะได้รู้ว่ามันจะทำเรื่องงามหน้าอะไรให้เราอีก”
เวลาต่อจากนั้นทุกแผงร้านค้าในตลาดร่วมใจเกื้อ เปิดดูมิวสิควิดีโอของต๋องทางทีวี ซึ่งในฉากมีหลายมุมของตลาดอยู่ด้วยแทบทั้งสิ้น ติ๋มอุ้มท้องอยู่หน้าจอทีวีที่บ้าน รีบตะโกนเรียกเต๋าเสียงลั่น
“พี่เต๋า มาดูต๋องออกทีวีเร็ว”
เต๋าวิ่งออกมาจากหลังบ้านเห็นต๋องในทีวีเริ่มแปลกใจ
ที่แผงขายปลา กิมลั้งนั่งดูทีวีอยู่ด้วยความปลาบปลื้มและมองไปรอบๆตัวเห็นทุกคนกำลังดูทีวีอย่างจดจ่อด้วยแววตามีความสุข กิมลั้งยิ่งรู้สึกมีความสุขไปด้วย
เช่นเดียวกันกับที่ร้านป้าพิณ ที่ถือตะหลิวค้างมองดูภาพในทีวี เขียวหวานกับคำมูลยืนกรี๊ดกร๊าดกันอยู่หน้าจอ ยิ่งพอเห็นป้าพิณอยู่ในจอทีวียิ่งตื่นเต้น
“นั่นไง เห็นป้าด้วย ออกทีวีแล้วสาวขึ้นเยอะนะ”
ป้าพิณยังฟอร์มทำหน้านิ่ง
“ก็ปกติ ไม่เห็นจะเปลี่ยนอะไรเลย”
“ใช่ นิสัยน่ะไม่เคยเปลี่ยน” คำมูลว่า
ป้าพิณเอาตะหลิวเคาะหัวคำมูลแล้วหันไปดูทีวีต่อ
ที่ร้านเสริมสวย ชมพู่กำลังเป่าผมให้ลูกค้าอยู่ ส่งเสียงกรี๊ดทุกครั้งที่เห็นหน้าต๋อง ทำเอาลูกค้ากับน้อยหน่าต้องเอามือมาอุดหู
“กรี๊ด พี่ต๋อง”
ชมพู่มองเพลินถือไดร์เป่าผมค้างที่หัวลูกค้าจนควันขึ้น ลูกค้าถึงกับร้องลั่น
ที่ร้านกาแฟอาโก คนในร้านดูทีวียิ้มน้อยยิ้มใหญ่ อาโกเห็นตัวเองในทีวีถึงกับเอามือปิดหน้าอาย ไม่เว้นแม้แต่สดศรี ที่เดินผ่านทีวีในห้องรับแขกยังต้องมองตาม เมื่อเห็นทวีนั่งโซฟาดูทีวีอย่างสบายใจราวกับเจ้าของบ้าน
“ทวี” สดศรีเรียกขึ้น
ทวีตกใจรีบกระโดดลงมานั่งที่พื้นอย่างรวดเร็ว
“นี่มันอะไร” สดศรีถามขึ้นเมื่อเห้นภาพในทีวี
“ขอโทษค่ะ พอดีอินไปหน่อยขึ้นมานั่งบนนี้ได้ยังไงไม่รู้ตัวเลยคะ” ทวีคิดว่าโดนตำหนิเรื่องขึ้นไปนั่งบนโซฟา
“ชั้นถามว่าในทีวีนี่มันอะไร” สดศรีจ้องไปที่ทีวี
“อ๋อ ตลาดไงคะ ตลาดของเราดังใหญ่แล้ว ได้ออกทีวีกันแทบทุกคน” ทวีรายงาน
สดศรีมองด้วยความแปลกใจ ณดานั่งดูทีวีในห้องตัวเอง ยิ้มมองภาพในทีวีอย่างชอบใจ
ในทีวีชมพู่ออกมาเต้นเป็นแดนเซอร์ พ่อค้าแม่ค้าที่มุงดูอยู่หน้าจอยิ้มอย่างมีความสุข ตื่นเต้นที่เห็นตัวเองในทีวี คิตตี้ลุกขึ้นมาเต้นตามเพลงด้วยความคึกคัก
ภาพในจอทีวี เห็นนุ้ยยืนพูดกับกล้อง
“ได้รู้จักคลื่นลูกใหม่อย่างวงร่วมใจเกื้อไปแล้ว คราวนี้เราลองมาทำความรู้จักกับตลาดร่วมใจเกื้อซึ่งเป็นเบ้าหลอมสร้างตัวตนคนดนตรีกลุ่มนี้จากสกู๊ปพิเศษของเราค่ะ” นุ้ยพูดจบในรายการตัดเข้าบรรยากาศของตลาดร่วมใจเกื้อ
ที่บ้านชายศักดิ์ จ้องจอทีวีหน้าเครียดกันทั้งบ้าน
“นี่ถึงกับมีสกู๊ปโปรโมทตลาดด้วยเหรอ อ๊าย” รัศมีกดรีโมทปิดอย่างทนไม่ได้
“มันเกิดเรื่องบ้าบอนี่ขึ้นได้ยังไงฮะชาย” รัศมีถามขึ้นอย่างโมโห
“ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันล่ะครับคุณแม่ ใครมันจะไปคิดว่าไอ้ต๋องที่โดนเฉดหัวออกไปไม่กี่วันมันจะกลับมาเป็นขวัญใจตลาดได้” ศักดิ์ชายตอบ
“ลองอีหรอบนี้แล้ว ตลาดร่วมใจเกื้อได้กลับมาคึกคักอีกครั้งแน่ ตอนนี้ก็ไม่ต้องหวังจะเป็นเจ้าของที่ดินนั่นกันแล้ว” ชายศักดิ์เริ่มวิตก
“ชาย ลูกปล่อยให้อะไรมันเลยตามเลยแบบนี้ไม่ได้นะ แล้วตกลงยัยณดานั่นล่ะ จัดการไปถึงไหนแล้ว ทำอย่างที่แม่บอกรึเปล่า”รัศมีเอ่ยถามขึ้น
“ผมไม่ได้เสกอะไรได้ปุ๊บปั๊บนะครับคุณแม่ ทุกอย่างมันต้องใช้เวลา” ศักดิ์ชายรีบตอบกลับ
“เฮ้อ ตกลงไอ้ที่ทำๆไปนี่สูญเปล่าใช่มั้ย” ชายศักดิ์เจ็บใจ
“ไม่มีทาง ผมไม่วันยอมให้มันเป็นอย่างงั้นแน่” ศักดิ์ชายไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
รัศมีเครียด หน้านิ่งอย่างมีแผนร้าย
เช้าวันใหม่ ผู้คนมาซื้อของพลุกพล่านในตลาดร่วมใจเกื้อ กิมฮวยแบกถังน้ำแข็งหน้าตาเหยเก ครู่หนึ่งต๋องเอื้อมมาช่วยยก กิมฮวยยอมให้ช่วยเพราะยังไม่ทันมองหน้า
“ขอบใจนะ” กิมฮวยเอ่ยขอบคุณ
แต่พอกิมฮวยหันไปเห็นว่าคนที่ช่วยตนคือต๋อง กิมฮวยปล่อยมือทันที
“ใครใช้ให้ลื้อมาช่วยอั๊ว” กิมฮวยหันไปว่าต๋อง
“ถ้าให้ใครใช้แล้วมันจะเรียกว่าช่วยเหรอน้า” ต๋องย้อน
“นี่ ถึงคนในตลาดจะพากันชูหางลื้อ มันก็ไม่ได้หมายความว่าอั๊วจะต้องระริกระรี้ตามนะ คนอย่างอั๊วน่ะมันจำขึ้นใจว่าใครทำอะไรเลวๆให้” กิมฮวยเอ่ยขึ้น
“น้าคงแยกไม่ออกมั้งว่าทำอะไรเลวๆกับทำอะไรไม่ถูกใจมันไม่เหมือนกันจะให้ชั้นเออออกับน้าไปทุกเรื่องได้ยังไง ถ้ามันไม่ถูกไม่ควร” ต้องย้อนอีก
“ลื้อไม่ต้องมาเออออ ไม่ต้องทำอะไรกับอั๊วทั้งนั้น อั๊วไม่ต้องการ” กิมฮวยโพล่งเสียงดัง
“แล้วอะไรล่ะที่น้าต้องการ ที่ผ่านมาชั้นก็พยายามแล้ว แต่ทำอะไรไปมันก็ไม่เคยเข้าตาน้าเลย” ต๋องเถียง
“ต่อให้ลื้อทำดีแทบตายก็ไม่ได้มีความหมายกับอั๊วหรอก มันไม่ได้ช่วยทอดสะพานให้ลื้อเดินไปหาลูกสาวอั๊วแน่นอน ถ้าอยากให้อั๊วเชื่อว่าลื้อรักลูกสาวอั๊วจริงมันมีวิธีเดียวเท่านั้นล่ะ ปล่อยอีไปซะ”
กิมฮวยพูดจบเดินเชิดออกไป ปล่อยให้ต๋องยืนเครียดกับสิ่งที่กิมฮวยตอกย้ำอีกครั้ง
ต่อจากนั้น ต๋องเดินหน้าจ๋อยไปร้านกาแฟอาโก
“โก โอเลี้ยงแก้ว” ต๋องสั่งอย่างไร้อารมณ์
“ได้เดี๋ยวนี้เลยอาต๋องคนดัง” อาโกตะโกนแซวกลับ
“โกก็พูดเกินไป” ต๋องรีบท้วงขึ้น
“ก็มันจริงๆนี่ แถมดังคนเดียวไม่พอ ยังทำให้อั๊ว ให้ตลาดเราดังไปด้วย ลื้อรู้มั้ย ขนาดอั๊วได้ออกทีวีแว้บเดียว คนแถวบ้านนี่ทักกันทั้งซอย” อาโกพูดไปพลางยื่นโอเลี้ยงให้ต๋อง
“ก็ดีแล้ว จะได้มีลูกค้ามาอุดหนุนโกเยอะๆ”
ต๋องรับโอเลี้ยงมาแล้วเดินมาทำท่าจะนั่งที่โต๊ะ ใกล้กันนั้นกิมลั้งกางหนังสือพิมพ์อ่านอยู่ กิมลั้งกับต๋องจ้องมองกันอย่างอึ้งๆ แต่ดูต๋องจะมีอาการลนมากกว่า
“กิมลั้ง” ต๋องเอ่ย พร้อมเดินไปที่โต๊ะกิมลั้ง
“นี่ถ้าไม่บังเอิญ คงไม่มีโอกาสได้พบเธอจังๆ แปลกดีนะ อยู่ๆเราก็เหมือนเป็นคนอื่นกันไปซะแล้ว” กิมลั้งพูดอย่างน้อยใจ จนต๋องเริมอึกอัก
“พูดอะไรอย่างนั้นกิมลั้ง” ต๋องพูดไม่เต็มปาก
“หรือไม่จริง แค่เรื่องเกี่ยวกับตัวเธอ เดี๋ยวนี้กลายเป็นว่าชั้นกลับรู้พร้อมๆกับคนอื่น”
กิมลั้งตัดสินใจถาม
“มันเกิดอะไรขึ้นเหรอต๋อง ตั้งแต่วันงานหมั้น ทำไมจู่ๆเธอถึงเปลี่ยนไป” กิมลั้งเอ่ยขึ้น
“คือ ช่วงนี้ชั้นเหนื่อยๆกับเรื่องขายของน่ะ ก็เลยเครียดๆ” ต๋องตอบแต่ไม่ยอมสบตา
“นึกว่าเธอเครียดเฉพาะตอนที่เห็นหน้าชั้นซะอีก” กิมลั้งเอ่ยทิ่มแทงใจดำ
“มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดนะ” ต๋องอ้ำอึ้ง จนกิมลั้งโพล่งออกมาทันที
“ต๋อง เธอเองไม่ใช่เหรอที่เป็นคนขอร้องให้ชั้นบอกว่าชั้นรู้สึกกับเธอยังไง เพราะเธอจะได้มีกำลังใจทำอะไรต่อไปกับชีวิต แต่ทุกอย่างทำไมกลับตาลปัตร ที่เคยบอกว่าจะจับมือชั้นต่อสู้กับทุกปัญหา เธอยังจำมันได้มั้ย” กิมลั้งเอ่ยออกมาอย่างน้อยใจ
ต๋องอึ้งไป แล้วทำเฉไฉพูดเรื่องอื่น
“ตอนนี้ตลาดเราทำท่าว่าจะเป็นไปด้วยดี ชั้นว่าเราเอาเวลามาช่วยกันคิดเรื่องตลาดก่อนที่จะมาสนใจเรื่องส่วนตัวดีกว่านะ”
“สรุปว่าชั้นมันเห็นแก่ตัว มัวแต่คิดเรื่องของตัวเอง” กิมลั้งพูดด้วยความน้อยใจ
“โธ่เอ้ย ไปกันใหญ่แล้ว” ต๋องเอ่ยขึ้น
ขณะที่ต๋องกับกิมลั้งเถียงกันด้วยอารมณ์ขุ่นข้อง ณดาโผล่เข้ามาพอดี แต่แกล้งเหมือนไม่เห็นอะไร ทักเสียงใสขึ้นมา
“มาอยู่ที่นี่เอง” ณดาเอ่ยทัก
“เอ่อ คุณณดามีอะไรรึเปล่าครับ” ต๋องออกอาการตกใจ
“คุณแม่ให้มาตามน่ะค่ะ” ณดาเอ่ยขึ้น
“คุณนายสดศรีให้มาตามผม” ต๋องแปลกใจ
“ค่ะ ท่านรออยู่ในตลาดแล้ว” ณดาเร่งต๋องไปในตัว
“ครับๆ”
ต๋องมองกิมลั้ง ก่อนจะเดินออกไป ณดาเพิ่งนึกได้แล้วหันมาบอกกิมลั้ง
“อ้อ ลืมไป เชิญเธอด้วยนะ เพราะคุณแม่เรียกประชุมทั้งตลาดเลย” ณดาว่า
กิมลั้งยังปรับอารมณ์ไม่ถูก แต่พยักหน้าตามมารยาทก่อนจะเก็บงำสิ่งอัดอั้นไว้ในใจ
เวลาต่อจากนั้น สดศรีเรียกพ่อค้าแม่ค้าในตลาดประชุมพร้อมหน้าพร้อมตา
“ขอบคุณทุกคนมากที่สละเวลาค้าขายมาร่วมประชุม งั้นขอรวบรัดตัดความเลยละกัน ที่ชั้นมาวันนี้ก็เพราะว่าอยากจะขอบคุณนายต๋อง เรื่องที่ช่วยหาคนเข้าตลาดให้พวกเรา” สดศรีเอ่ยขึ้นกลางที่ประชุมแล้วหันไปที่ต๋อง ทุกคนมองตาม ต๋องยังงงๆทำตัวไม่ถูก ขณะที่กิมฮวยไม่พอใจนัก ส่วนศักดิ์ชายเก็บอาการหมั่นไส้ หายใจหายคอไม่ถูก ยิ่งเห็นณดาปลื้มต๋องยิ่งคลั่ง
“จริงอยู่ คราวก่อนต๋องทำเรื่องผิดพลาดจนทำให้คนที่นี่ต้องเดือดร้อน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็น่าจะพิสูจน์พอเพียงแล้วว่าเค้าตั้งใจจะทำทุกอย่างเพื่อชดเชยเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ แล้วก็ทำได้ดีมากทีเดียว ถ้าทุกคนเห็นด้วย ชั้นขอเสียงปรบมือให้ต๋องซักครั้งแทนคำขอบคุณจากพวกเราจะได้มั้ย” สดศรีพูดเสียงดังขึ้น
คิตตี้กับชมพู่ ปรบมือเป็นเสียงแรกทันที จากนั้นเสียงปรบมือของคนอื่นๆตามมาเป็นสาย กิมฮวย เต๊กไฮ้ และจะเด็ดมองหน้ากันไม่พอใจ ศักดิ์ชายแอบยืนกัดฟันกรอดๆ
“ขอบคุณทุกคนมากนะจ๊ะ” ต๋องก้มหัวแทนคำขอบคุณให้ชาวตลาด
กิมลั้งแม้จะรู้สึกตื้อๆอยู่เรื่องต๋องแต่อดยินดีไปด้วยไม่ได้
“เอาล่ะ คราวนี้ก็มาถึงเรื่องสำคัญ อยากถามความเห็นทุกคนว่า ถ้าชั้นจะให้ต๋องกลับมาขายผักในตลาดเหมือนเดิม พวกเราจะอนุญาตมั้ย” สดศรีเอ่ยถาม
“อนุญาตจ้ะ” ชาวตลาดตอบทันทีแบบไม่ต้องคิด
“ได้ยินแล้วใช่มั้ยต๋อง ถ้างั้นก็ ขอต้อนรับสู่อ้อมอกตลาดร่วมใจเกื้ออีกครั้งจ้ะ” สดศรีเอ่ยขึ้นแล้วหันไปทางต๋อง
“เย้” ชาวตลาดส่งเสียงดีใจกันยกใหญ่
เลื่อนกับรักเร่กระโดดกอดต๋องด้วยความดีใจ ต๋องยกมือขึ้นไหว้สดศรี แล้วหันไปไหว้คนในตลาดด้วยความซาบซึ้งใจ
“เอาล่ะ ชั้นหมดธุระแล้ว รีบกลับไปชายของกันได้ ลูกค้ายืนรอกันใหญ่แล้ว” สดศรีปิดท้ายการประชุม พ่อค้าแม่ค้าพากันแยกย้ายกลับแผงขายของด้วยอาการดีใจไม่น้อยเมื่อต๋องจะได้กลับมาขายผักอีกครั้ง
ต่อจากนั้น สดศรี ณดา และต๋อง เดินออกมาจากด้านในตลาดพร้อมกันและคุยกันอย่างสนิทสนมกว่าทุกครั้ง
“ขอบพระคุณคุณนายอีกครั้งนะครับสำหรับเรื่องวันนี้” ต๋องเอ่ยขึ้น
“ไม่เป็นไร ถือซะว่าชดเชยที่ชั้นไล่เธอออกไปจากตลาดวันก่อน ชั้นรู้ว่าเธอน่ะเป็นพวกช่างคิด ซึ่งมันก็ดี แต่บางทีการมองแต่แง่ดีจนลืมมองแง่ร้ายเผื่อไว้มันก็อาจจะเกิดปัญหาเหมือนคราวก่อนได้ ต่อไปจะทำอะไรก็ตีลังกาคิดให้รอบคอบ ประวัติศาสตร์จะได้ไม่ซ้ำรอย” สดศรีตอบ
“ครับคุณนาย” ต๋องดีใจที่ได้กลับมาขายของอีกครั้ง
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะคุณแม่ ต่อไปนี้ถ้าคุณต๋องมีกิจกรรมอะไรเกี่ยวกับตลาดขึ้นมาอีก ณดาจะคอยตามประสาน ประกบคุณต๋องไม่ให้คลาดสายตา จะได้คอยรายงานความเคลื่อนไหวให้คุณแม่ทราบดีมั้ยคะ” ณดาอาสาออกนอกหน้าจนผิดปกติ
“ก็ดี อยากทำอะไรก็มาคุยกันก่อน แต่เอ๊ะ ว่าแต่ชั้นคงไม่ต้องจ่ายค่าที่ปรึกษาให้เธอใช่มั้ยต๋อง ตลาดเราไม่มีงบนะ” สดศรีย้ำโดยเฉพาะเรื่องงบประมาณ
“คุณแม่อ่ะ” ณดาแอบอายในความงกของแม่ จึงรีบพูดขึ้น จนต๋องอดขำไม่ได้
“ไม่ต้องหรอกครับคุณนาย ถ้าผมทำตลาดให้ดี ลูกค้าก็มาซื้อของมากขึ้น เดี๋ยวผมก็ได้ตังค์เอง”
สดศรีรีบยิ้มพอใจไม่ต้องเสียเงิน
“นี่ มันต้องคิดให้ได้อย่างนี้”
สดศรีตบแก้มต๋องเบาๆด้วยความชอบอกชอบใจ ทั้งหมดหัวเราะขำขันดูเป็นครอบครัวอีก จนศักดิ์ชายที่แอบมองภาพตรงหน้าด้วยความเคียดแค้น รีบหยิบมือถือขึ้นมาทันที
“คุณแม่เหรอครับ”
บ่ายวันเดียวกัน ที่ห้องทำงานรัศมี ในห้างแฮปปี้คู่แข่งตลาดร่วมใจเกื้อรัศมียืนคุยโทรศัพท์กับลูกชายหน้าตาตื่น
“ฮะ ? ไอ้ต๋องมันได้กลับมาขายของในตลาดอย่างเดิมแล้ว” รัศมีโวยวาย
ชายศักดิ์ฟังแล้วหน้าเครียดขึ้นมาทันที
“ให้มันได้อย่างนี้ซิ แล้วตกลงว่าเรื่องคลิปล่ะไปถึงไหนแล้ว ลูกต้องตามบี้ให้ถึงที่สุดซิ”
ชายศักดิ์ผุดลุกผุดนั่ง รัศมีเริ่มอาการไม่เป็นส่ำไปด้วย
“ชาย งั้นแค่นี้ก่อนนะลูก แต่อย่าลืมที่แม่พูดนะ” รัศมีวางหูอย่างอารมณ์เสีย
“ตกลงเด็กนั่นมันกลับมาขายของจริงๆเหรอ”
“จริงน่ะซิคะ ทั้งหมดเนี่ยมันเกิดขึ้นเพราะความสาระแน...เอ๊ย...ความแส่ ของเมียเก่าเสี่ย” รัศมีรีบใส่ไฟ
“สดศรีเนี่ยนะ” ชายศักดิ์ยังไม่เข้าใจ
“ใช่น่ะซิคะ ตั้งแต่นายต๋องเอาตลาดไปออกทีวีนี่ หลงใหลได้ปลื้มถึงขั้นอัญเชิญเข้าตลาดกันเลยทีเดียว ลองเข้าขากับไอ้ต๋องขนาดนี้ อีกหน่อยมันคงช่วยกันขยายตลาดเป็นซูเปอร์มาเก็ตมาแข่งกับห้างเราแน่” รัศมีเอ่ยขึ้น
ศักดิ์ชายไม่รอช้าฟังแล้วรีบเดินออกจากห้อง
“ไปไหนคะเสี่ย”
รัศมีร้องทักศักดิ์ชายที่หุนหันพลันแล่นออกไป
ต่อจากนั้น สดศรีนั่งพิงเบาะมองตลาดของตนอย่างสบายใจ ก่อนจะออกจากตลาด
“หวังว่าจะเข้าที่เข้าทางกันซักทีนะ ชั้นจะได้มีค่าเช่าให้เก็บ” สดศรีพึมพำกับตัวเอง
แต่แล้วจู่ๆรถเบรกกะทันหันจนสดศรีหน้าไปกระแทกเบาะหน้า
“โอ๊ย ขับรถยังไงเนี่ยเปาเปา” สดศรีรีบโวยวาย
“คือ...”คนขับรถทำหน้าเหยเก ก่อนจะมองไปที่หน้ารถ
สดศรีหันมองตามเปาเปาไปเห็นชายศักดิ์ยืนจังก้าอยู่หน้ารถ สดศรีเปิดประตูรถลงไปทันที
“นี่ ถ้าอยากตายก็วิ่งไปถนนใหญ่ ไม่ใช่มาตัดหน้ารถชั้น เดี๋ยวมันจะเปื้อนเลือดชั่วๆ” สดศรีด่าใส่ทันที
“ก็เพราะปากเป็นแบบนี้ไงชั้นถึงอยู่กับเธอได้ไม่นาน” ศักดิ์ชายย้อน
“งั้นก็เลิกมาวนเวียนใกล้ๆชีวิตชั้นซักทีซิ นึกว่าชั้นอยากจะพูดถึงคนเลวอย่างเธอให้เสียปากนักรึไง” สดศรีทั้งผลักทั้งทุบอีกฝ่ายด้วยความโมโหชายศักดิ์รั้งแขนสดศรีไว้แน่นให้เลิกทุบตีทำร้ายตน
“พอซักทีเถอะน่ะ ที่อุตส่าห์มายืนให้เธอด่านี่ก็เพราะชั้นมีเรื่องมาเตือนเธอหรอกนะ” ชายศักดิ์เอ่ยขึ้น
รัศมีเดินมา ชายศักดิ์รีบปล่อยแขนสดศรีแล้วทำท่าซีเรียส สดศรีแอบน้อยใจที่ชายศักดิ์ทำอย่างนั้น
“ก็เรื่องนายต๋องยังไง” ชายศักดิ์รีบเปลี่ยนเรื่อง
“ต๋องทำไม ?” สดศรีถามกลับ
“เธอคิดดีแล้วเหรอที่ให้ตัวซวยอย่างนายต๋องนั่นกลับเข้ามาในตลาดอีก” ชายศักดิ์เอ่ยขึ้น
“นั่นซิคะคุณพี่ ได้ข่าวว่านายต๋องน่ะออกจะเพี้ยนไม่ใช่เหรอคะ ช่วงนี้คนก็กำลังแห่กันเข้าตลาดคุณพี่ดีๆ ถ้านายต๋องยังอยู่ เดี๋ยวก็ได้คิดนั่นนี่พิลึกพิลั่นมาไล่ลูกค้ากันพอดี” รัศมีรีบเสริม
“ดูท่าทางเธอจะรู้เรื่องตลาดชั้นดีเหลือเกินนะ” สดศรีสวนกลับ รัศมีสะดุ้ง
“แหม นี่มันเรื่องในตลาดนะคะไม่ใช่ป่าช้า มีอะไรนิดอะไรหน่อย พวกปากนกกระจิบกระจอกก็เที่ยวบอกกล่าวกันให้แซ่ดแล้ว” รัศมีรีบตอบ
“สรุปว่าพวกเธอเป็นห่วง” สดศรีย้อนถามอย่างประชด
“ก็ใช่....” ชายศักดิ์กับสดศรีตอบ
“.....ห่วงว่าต๋องจะช่วยทำให้ตลาดชั้นรุ่งไปกว่านี้” สดศรีโพล่งขึ้น
ชายศักดิ์กับรัศมีมองหน้ากันทำตัวไม่ถูกที่สดศรีเริ่มรู้ทัน
“นึกว่าคนอย่างชั้นไม่รู้จักสันดานของพวกเธอดีเหรอ สันดานของพวกโลภ ไม่รู้จักพอ จ้องแต่จะตะครุบของคนอื่นเค้า เจ็บใจล่ะซิที่ตลาดชั้นมันไม่ล่มสมใจซักที นี่ แทนที่จะนั่งสาปแช่งชั้น เอาเวลาไปคิดหาวิธีทำให้ห้างของตัวเองรุ่งดีกว่ามั้ย ถ้าตลาดสดของชั้นเกิดดังเปรี้ยงปรางข้ามหน้าข้ามตาขึ้นมา เดี๋ยวจะหาปี๊บมาคลุมกันไม่ทัน” สดศรีพูดจบเดินไปขึ้นรถ ปล่อยให้สองสามีภรรยายืนแค้นอยู่ตรงนั้น
“แกจะได้เห็นดีกับชั้นแน่”
รัศมีโกรธ จ้องสดศรีเขม็งอย่างมีแผนการชั่วร้ายบางอย่างในใจ
ภายนอกตลาด ต๋องกับณดาเดินคุยกันมาอย่างสนิทสนม โดยมีศักดิ์ชายแอบมองอยู่
“ตกลงคุณจะกลับมาขายของวันพรุ่งนี้เลยใช่มั้ยคะ” ณดาถามต๋อง
“เร็วไปเหรอครับ” ต๋องตอบ
“ใครบอกคะ ช้ากว่าที่ใจชั้นคิดอีก” ณดาส่งสายตามีความหมายบางอย่างไปให้ต๋อง ต๋องอึ้งไป ณดาเห็นแล้วอดหัวเราะไม่ได้
“เอาเถอะค่ะ คุณรีบไปสั่งของดีกว่า ขืนไปช้าเดี๋ยวพรุ่งนี้จะไม่มีผักงามๆมาขาย” ณดาเอ่ยขึ้น
“งั้นเจอกันพรุ่งนี้ครับ” ต๋องลา
“ค่ะ” ณดาโบกมือให้
หลังจากต๋องเดินออกไป ศักดิ์ชายรีบเข้าไปลากณดาจนอีกฝ่ายตกใจ
“ปล่อยชั้นนะ ปล่อย” ณดาตกใจเพราะกลัวคนอื่นเห็น
เธอเหลียวหน้าแลหลังด้วยความกลัว ศักดิ์ชายลากณดาออกมาโดยไม่สนคำทัดทาน
อ่านต่อหน้า 4
“รักเกิดในตลาดสด” ตอนที่ 6 (ต่อ)
ที่ร้านกาแฟอาโก ชาวตลาดนั่งกินโอเลี้ยงพร่ำรำพันถึงหวยที่ถูกกินไปไม่จบไม่สิ้น
ครู่หนึ่งต๋องเดินพรวดเข้ามาโดยมีกิมลั้งตามมาห่างๆ
“พวกเราทำแบบนี้กันได้ยังไงกัน” ต๋องโวยขึ้น
ทั้งหมดหันมาที่ต๋องเป็นตาเดียว
“รับปากเล่นหนังแล้วจู่ๆก็มาทิ้งทุ่นกันแบบนี้ รู้มั้ยว่าคนอื่นเค้าเดือดร้อน” ต๋องเอ่ยขึ้นเสียงดัง
ศักดิ์ชายเดินเข้ามาเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี
“โธ่ พี่ต๋อง ก็คนมันท้อแท้นี่ ลงไปกับหวยตั้งเท่าไหร่ สุดท้ายได้มาแค่ความว่างเปล่า”
ชมพู่เอ่ยขึ้น
“ก็ทำตัวเองกันทั้งนั้น อยู่ดีๆก็เอาเงินทองที่ทำมาหากินได้ไปบริจาคให้เจ้ามือใช้ ไม่รู้คิดอะไรกันอยู่” ต๋องเอ่ยอีกครั้ง
“ต๋องต้องเข้าใจนะ คนอย่างพวกเราน่ะ ถ้าอยากรวยมันก็ต้องหวยเท่านั้น” คิตตี้รีบแจง
“แล้วที่ผ่านมามันรวยหรือซวยล่ะ ทำไมไม่เกาให้ถูกที่ อยากรวยก็ขยันหาเงินกันเข้าซิ นี่แค่งานที่คนเค้ามาประเคนจ้างให้ถึงที่ยังรับผิดชอบกันไม่ได้ แล้วมันจะรวยได้ไง” ต๋องสวนทันที
“พอได้แล้ว ที่ลื้อโวยวายเพราะกลัวตัวเองจะเสียหน้ากับกองถ่ายใช่มั้ย” กิมฮวยโพล่งขึ้น
“ชั้นกลัวตลาดเราจะเสียชื่อต่างหาก ไอ้ที่พยายามทำทุกอย่าง หาทางโปรโมทนั่นนี่ก็เพราะอยากให้มีคนเข้าตลาดมากขึ้น แล้วนี่อะไร ทำไมไม่ช่วยกันเลย” ต๋องพยายามอธิบาย
“สรุปว่าเป็นเป็นความผิดของพวกเรา” กิมฮวยตอบประชด
“แล้วมันจะเป็นความผิดใครได้อีกล่ะน้า” ต๋องสวนเช่นกัน
“เห็นมั้ยทุกคน ดูเอาเถอะว่าไอ้ต๋องมันเป็นคนยังไง แทนที่จะเข้าข้างพวกกันเอง กลับไปรักษาผลประโยชน์ให้คนอื่น” กิมฮวยได้ทีใส่ไฟต๋อง
“ชั้นกำลังรักษาผลประโยชน์ให้พวกเราต่างหาก ไม่เข้าใจกันรึยังไงฮะ” ต๋องพยายามอธิบาย
“ใจเย็นๆนะต๋องนะ ชั้นว่าวันนี้ถ้าให้ทุกคนเข้าฉากไปมันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ลองไม่มีกะจิตกะใจไร้วิญญาณกันแบบนี้ ฝืนเล่นหนังไปคนเค้าจะคิดว่าตลาดเราเป็นตลาดผีดิบ แล้วใครจะอยากมาอุดหนุน”ศักดิ์ชายรีบทำคะแนน
“อาชาย ลื้อนี่หล่อแล้วยังฉลาดอีกไม่เหมือนพวกหน้าตาแย่ แถมยังโง่” กิมฮวยพูดแล้วเข้ามาตบแขนศักดิ์ชายอย่างชอบใจ
กิมฮวยหันไปเยาะเย้ยต๋อง จนอีกฝ่ายเดินออกไปด้วยความโกรธ กิมลั้งมองตามไปด้วยความไม่สบายใจ
ต๋องยืนเครียดเดินวนไปมาอยู่หน้าแผงผัก ครู่หนึ่งกิมฮวยกับกิมลั้งเดินมาที่แผงปลา กิมฮวยเหล่ตามองต๋องด้วยความหมั่นไส้ ทั้งต๋องทั้งกิมฮวยแอบลอบมองกันอยู่ แต่กิมฮวยรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ จึงรีบตวาดขึ้น
“อากิมลั้ง รีบเก็บแผง จะได้กลับบ้าน” กิมฮวยสั่ง
กิมลั้งจึงต้องหันไปช่วยกิมฮวยเก็บแผง ครูหนึ่งเต๊กไฮ้กับลักษณ์ช่วยกันจูงจาตุรงค์ที่เดินกระเผลกมาพร้อมช่อดอกไม้ในมือเข้ามา
“น้องกิมลั้ง” จาตุรงค์ทักกิมลั้ง
“เอ้า อาจาตุรงค์ ออกจากโรงบาลแล้วเหรอ” กิมฮวยเอ่ยทักขึ้น
“เพิ่งออกวันนี้ล่ะ อีคงทนนอนคิดถึงอากิมลั้งไม่ไหวน่ะ” เต๊กไฮ้ว่า
“ของน้องกิมลั้งครับ” จาตุรงค์ ยื่นช่อดอกไม้ให้กิมลั้ง จนเธอทำตัวไม่ถูก
“อะไรกันเนี่ย คนป่วยเอาดอกไม้มาให้คนปกติ” กิมฮวยแซว
“ถือว่าแทนคำขอโทษจากผมเรื่องงานหมั้นน่ะครับน้ากิมฮวยแต่ถ้าน้องกิมลั้งไม่ให้อภัย ผมก็จะก้มลงคุกเข่าอ้อนวอนเดี๋ยวนี้” จาตุรงค์พูดแล้วทำท่าจะลงคุกเข่า
“รีบๆรับดอกไม้ซิอากิมลั้ง” กิมฮวยสั่ง
กิมลั้งจำใจรับดอกไม้จากจาตุรงค์
“นี่เจ๊กิมฮวยจะกลับบ้านแล้วเหรอ” ลักษณ์ถามขึ้น
“ถูกหวยกินน่ะ คนในตลาดชีช้ำก็เลยพากันกลับบ้านแต่วัน” กิมฮวยเอ่ยขึ้น
“อั๊วก็ชีช้ำเหมือนกัน หวยกิน เอาอย่างงี้มั้ย ไหนๆก็กลับบ้านเร็วแล้ว อั๊วขอชวนที่บ้านลื้อไปกินเหลาด้วยกันฉลองอาจาตุรงค์กลับบ้าน” เต๊กไฮ้เอ่ยชวน
“อุ๊ย ด้วยความยินดีอากิมลั้งอีต้องไปร่วมรับขวัญอาจาตุรงค์อยู่แล้ว”
กิมฮวยตั้งใจพูดเพื่อให้ต๋องได้ยิน ทั้งหมดหัวเราะชอบใจ ปล่อยให้ต๋องกับกิมลั้งแอบส่งสายตาอย่างกังวลในเวลานี้
บ่ายนั้น ชาลีนับเงินปึกหนึ่งแล้วยื่นให้จะเด็ดที่สำนักทรง
“งวดนี้ได้มากหน่อยนะอาจารย์ เพราะชาวบ้านถูกหวยกินกันเยอะ” ชาลีเจ้ามือหวยเอ่ยขึ้น
“ขอบใจมากชาลี” จะเด็ดรีบตอบ พร้อมรับเงินด้วยแววตาเป็นประกาย
“ขอบใจอะไรกัน นี่น่ะถือเป็นผลประโยชน์ต่างตอบแทน ยิ่งอาจารย์ทำให้คนมาแทงหวยกับชั้นมากเท่าไหร่ อาจารย์ก็ได้ไปมากเท่านั้น” ชาลีว่า
“นี่ข้าก็ลุ้นให้คนเข้าตลาดเยอะแบบนี้ไปเรื่อยๆ เพราะถ้าพ่อค้าแม่ค้าขายของได้ มันก็เทกระเป๋าลงมาที่หวยแทบหมดล่ะไม่ต้องห่วง” จะเด็ดเอ่ย
“ว่าแต่อาจารย์เถอะ อย่าใบ้หวยถูกล่ะ ไม่งั้นชั้นไม่มีตังค์มาแบ่งแน่” ชาลีย้ำ
“โถ ถ้าให้เลขเด็ดได้ ข้าเก็บไว้แทงเองไม่ดีเหรอวะชาลี” จะเด็ดเอ่ยขึ้น
“เอ้อ ก็จริง” ชาลีพูดพลางยิ้ม
ทั้งจะเด็ดและชาลีประสานเสียงหัวเราะกันอย่างมีความสุข
เวลาต่อจากนั้น ซึ่งไม่ไกลจากร้านจะเด็ด
“เว้ย” ต๋องเดินด้วยอารมณ์เซ็งผ่านมาพอดี
ระหว่างนั้นต๋องเหลือบไปเห็นชาลีที่ทำท่าลับๆล่อๆย่องออกมาจากประตูหลังร้านจะเด็ด
“น้าชาลีมาทำอะไร ทำไมต้องทำลับๆล่อๆ” ต๋องรีบหลบเพื่อสังเกตการณ์ด้วยความสงสัย
ชาลีเดินออกไป ต๋องโผล่ออกมาจากที่ซ่อน ครู่หนึ่งจะเด็ดหน้าตาเบิกบานเดินออกมาจากประตูหลังบ้านแต่แล้วจะเด็ดต้องตกใจเมื่อเดินมาจ๊ะเอ๋เข้ากับต๋อง
“แปลกดีนะ ทำไมเจ้ามือหวยอย่างน้าชาลีถึงต้องมาหาคนใบ้หวยอย่างน้าด้วย” ต๋องเอ่ยอย่างสงสัย
“แปลกตรงไหน ชาลีมันก็แค่มาขอของเด็ดเอาไปบูชา จะได้ทำมาค้าขึ้น” จะเด็ดลนแต่ยังเก็บอาการ
“สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนจะช่วยคนที่ทำให้ชาวบ้านมัวเมาอบายมุข แถมยังผิดกฎหมาย” ต๋องเอ่ยขึ้น
“มันจะมากไปแล้วนะไอ้ต๋อง” จะเด็ดรีบโวย
“น้าเองก็ระวังเถอะ สนับสนุนให้ผู้คนงมงาย แจกหวยเบอร์สุ่มสี่สุ่มห้า น้ารู้สึกผิดบาปบ้างมั้ยที่มีส่วนทำให้ชาวบ้านตาดำๆต้องเสียเงินกับฝันลมๆแล้งๆเหมือนถูกปล้น” ต๋องยังพูดไม่หยุด
“นี่ ข้าไปขอร้องให้ใครมาขอหวยข้ามั้ย มีแต่พวกมันน่ะล่ะที่คอยมาอ้อนวอนขอนั่นนี่ให้รำคาญใจ ถ้าจะห้ามล่ะก็ เอ็งต้องห้ามไม่ให้มันมายุ่งกับข้าเว้ยถึงจะถูก” จะเด็ดกวนกลับ
“แล้วชั้นจะทำให้ทุกคนตาสว่าง ถึงตอนนั้นสำนักของน้าจะต้องกลายเป็นสำนักร้าง คอยดู”
ต๋องพูดใส่หน้าจะเด็ดแล้วเดินไปอย่างมุ่งมั่น ปล่อยให้จะเด็ดยืนกัดฟันกรอดๆ
“ไอ้เวรต๋อง”
ครู่หนึ่งเสียงมือถือจะเด็ดดังขึ้น พอเห็นเบอร์จะเด็ดเปลี่ยนสีหน้าเป็นสดใส รุกรี้รุกรนรีบกดรับสาย และเกรงใจปลายสายเป็นอย่างมาก
“ฮัลโหล ตกลงเงินที่ขอไว้ได้แล้วนะลูก มาเอาได้เลย ฮะ จะเอาอีกสามหมื่นไป ซื้อโน้ตบุ้ก ดะ ได้ซิได้ ไม่มีปัญหา” จะเด็ดพูดกับหลายสาย
ต๋องยืนหลบอยู่ที่มุมหนึ่งแอบมองจะเด็ด
“มิน่า ถึงต้องหาเงินเยอะ ชั้นจะไม่ยอมให้ใครเป็นเหยื่อน้าอีกแล้ว”
วันเดียวกัน ภายในห้องอาหารจีน ครอบครัวของกิมฮวยและเต๊กไฮ้ กินอาหารกันอยู่ด้วยความเอร็ดอร่อย มีแต่เพียงกิมลั้งกับกิมแชที่ดูไม่มีความสุข จาตุรงค์จะตักอาหารให้กิมลั้ง แต่ปรากฏว่าช้อนของจาตุรงค์ได้ผ่านหน้ากิมแชไปลงวางที่จานของกิมลั้ง
“พระกระโดดกำแพงนี่ของขึ้นชื่อของที่นี่เลยนะจ๊ะ” จาตุรงค์รีบเอาใจ
“พอแล้วล่ะจ้ะพี่รงค์ ที่พี่ตักๆให้นี่ก็กินได้ถึงพรุ่งนี้แล้ว” กิมลั้งรีบเอ่ยขึ้น เพราะในจานข้าวของกิมลั้งกับข้าววางเต็มเกินเหตุ
“โทษทีจ้ะกิมลั้ง พี่ก็มัวแต่มองหน้าสวยๆของน้องจนลืมมองของในจานน่ะ” จาตุรงค์รีบว่า
กิมแชฟังคำหวานของจาตุรงค์ถึงกับสำลัก ทุกคนหันมองเป็นตาเดียว
“อากิมแช ลื้อนี่มันตะกละจนอาหารมันจุกคอหอยแล้วเห็นมั้ย” กิมฮวยดุ
“ ม้าอ่ะ” กิมแชนึกอายจาตุรงค์
“ไม่เป็นไรหรอกครับน้ากิมฮวย ให้อีทานไปให้เต็มที่เถอะ หุ่นอีขนาดนี้ รับรองว่ายังมีพื้นที่กระเพาะไว้รองรับอาหารอีกเยอะ” จาตุรงค์พูดจบ กิมแชถึงกับหน้าเสีย
“พูดอะไรแบบนั้นจาตุรงค์ หุ่นอย่างกิมแชน่ะเค้าเรียกหุ่นดีมีสุขภาพ หนูกิมลั้งน่ะซิ น้าว่าถ้าอ้วนกว่านี้อีกซักนิดล่ะก็ดีเลย” ลักษณ์เอ่ยขึ้น
“นั่นสิ อ้วนอีกนิดล่ะกำลังดี จะได้มีลูกง่าย” เต๊กไฮ้รีบเสริม
กิมลั้งฟังแล้วถึงกับอึ้ง กิมแชยิ่งฟังแล้วตกใจไม่น้อยไปกว่ากัน
“พอแต่งงานกับอาจาตุรงค์เมื่อไหร่ จะได้ปั๊มลูกให้ทันใช้พอดีไงล่ะอากิมลั้ง” เต๊กไฮ้เอ่ยขึ้น
“นี่ อั๊วว่าเราอย่าเพิ่งมาพูดเรื่องแต่งงงแต่งงานกันเลยนะ งานหมั้นยังไม่ผ่านเลย อาจะเด็ดอีบอกว่าถ้าพลาดคราวนี้ก็ให้รอไปอีกสองสามปีเลยไม่ใช่เหรอ” เคี้ยงเห็นอาการลูกสาวไม่ค่อยดีจึงรีบช่วย
“นี่ล่ะที่แย่ กว่าจะรอให้ถึงวันนั้นอั๊วคงอกแตกตาย แล้วลื้อจะไหวเหรออาจาตุรงค์” กิมฮวยเอ่ยขึ้นเพราะรู้ว่าต๋องไม่ยอมถอยง่ายๆเรื่องกิมลั้ง
“ไม่เป็นไรครับน้ากิมฮวย รักแท้ย่อมไม่แพ้ระยะทาง ระยะเวลา” จาตุรงค์เอ่ยขึ้น
กิมฮวยหัวเราะชอบใจ
“ต้องให้มันได้อย่างนี้ซิ”
กิมฮวย เต็กไฮ้ จาตุรงค์ และลักษณ์ ยังคงเฮฮาโดยไม่ได้สนใจกิมลั้ง ครู่หนึ่งโทรศัพท์เคี้ยงดังขึ้น เคี้ยงเลิ่กลั่กรีบกดรับแล้วลุกไปจากโต๊ะเหมือนเคย
“ฮัลโหล ๆ”
เคี้ยงรับโทรศัพท์ จังหวะปะทะสายตาของกิมฮวยที่เริ่มดูขุ่นข้องหมองใจ เคี้ยงหลบสายตา แล้วเดินออกไปคุยโทรศัพท์ด้านนอก
คืนนั้น หลังกินข้าวจากร้านอาหารจีนเสร็จ กิมฮวย เคี้ยง กิมลั้งและกิมแชกลับมาถึงบ้าน ทุกคนลงจากรถ มีเพียงเคี้ยงที่รีบหาทางหนีทีไล่ทันที
“โอ้ สงสัยจะกินเข้าไปเยอะ เดี๋ยวอั๊วไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” เคี้ยงพูดพลางตบท้องรีบเข้าบ้านไป กิมฮวยบืดเนื้อบิดตัว
“เมื่อยจัง กิมแช เดี๋ยวลื้อนวดให้ม้าหน่อยนะ” กิมฮวยสั่ง
“นวดหน่อยจริงเหรอม้า เห็นใช้อั๊วนวดจนหลับไปทุกที” กิมแชเอ่ยขึ้น
“ลื้อมีปัญหาเหรออากิมแช” กิมฮวยหันมาถาม
“อั๊วไม่กล้ามีปัญหากับม้าหรอก งั้นอั๊วรีบไปอาบน้ำก่อนนะ” กิมแชเดินเข้าบ้าน
“ไอ้หยา” กิมฮวยเอ่ยขึ้น เพราะเหมือนเพิ่งนึกอะไรขึ้นได้
“อะไรเหรอม้า” กิมลั้งถาม
“อั๊วลืมถุงเงินทอนไว้ที่แผง” กิมฮวยตอบ
“งั้นเดี๋ยวอั๊วไปเอาให้” กิมลั้งอาสา
“ให้อากิมแชไปเป็นเพื่อนมั้ย” กิมฮวยถามขึ้นด้วยความห่วงใย
“โธ่ ม้า ตลาดอยู่แค่นี้ แถวบ้านเราออกจะสว่างโล่ ขี่จักรยานไปแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว”
กิมลั้งพูดจบแล้วออกไปตลาดเอาเงินทอนให้กิมฮวยเพียงลำพัง
กิมแชเดินเข้าห้องมาผ่านหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เธอหันมองตัวเองในกระจก แล้วนึกถึงคำพูดของจาตุรงค์ ในร้านอาหารจีน
“หุ่นอีขนาดนี้ รับรองว่ายังมีพื้นที่กระเพาะไว้รองรับอาหารอีกเยอะ”
กิมแชแอบน้อยใจ
“กิมแชดูอ้วนเผละมากใช่มั้ยในสายตาพี่รงค์”
กิมแชพึมพำกับตัวเองอย่างน้อยอกน้อยใจจาตุรงค์
คืนนั้น กิมฮวยเดินเข้าห้องนอน เคี้ยงเดินออกมาจากห้องน้ำพอดี เคี้ยงรู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์บางอย่าง แต่แกล้งทำมึนใส่กิมฮวย
“จังเลย เดี๋ยวอั๊วไปชงกาแฟหน่อยดีกว่า”
เคี้ยงทำท่าจะรีบเดินออกจากห้องไป
“เดี๋ยว” กิมฮวยเรียกเคี้ยงไว้
“หมู่นี้ลื้อเป็นอะไรรึเปล่าเฮียเคี้ยง ทำตัวรุกรี้รุกรน ลับๆล่อๆชอบกลยังไงไม่รู้” กิมฮวยเดินอ้อมมาประจันหน้า
“อั๊ว ก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่ ปกติอั๊วก็ลนๆเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว” เคี้ยงชะงักไป
กิมฮวยเดินวนรอบเคี้ยงราวกับผู้ต้องหา
“แต่หนนี้ไม่ใช่ เหมือนลื้อมีอะไรปิดบังอั๊วอยู่ เดี๋ยวนี้มีโทรศัพท์มาก็ต้องเดินหนีไปคุยที่อื่นบ่อยๆ ตกลงว่าลื้อคุยกับใคร หรือลื้อแอบไปซุกเมียน้อยไว้ที่ไหนฮะ” กิมฮวยเอ่ยขึ้น
เคี้ยงยิ่งลนเข้าไปใหญ่
“ไปกันใหญ่แล้ว ที่ลื้อเห็นอั๊วโทรศัพท์น่ะ อั๊วคุยกับเต็กกอไง” เคี้ยงลน
ส่วนกิมฮวยตาลุกวาว
“เต็กกอ เต็กกอที่มีเมียๆเยอะๆน่ะเหรอ ทำไม เดี๋ยวนี้ลื้ออยากได้เคล็ดลับวิชาหาเมียเยอะ ถึงกับต้องโทรไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเลยใช่มั้ย” กิมฮวยพูด พลางทุบเคี้ยงหนักขึ้น
“โอ๊ย เจ็บ ไม่ใช่ คนละคนแล้ว อั๊วหมายถึงเต็กกอเพื่อนอั๊ว คนที่ช่วงนี้อั๊วเจี๊ยะข้าวเย็นกับอีบ่อยๆไง” เคี้ยงเริ่มเจ็บ
“แล้วไง เจอกันบ่อยไม่พอเหรอถึงต้องโทรมาคุยอีก ลื้ออย่าโกหกอั๊ว ดีกว่าเฮียเคี้ยง ลื้อแอบไปมีอีหนูที่ไหนบอกอั๊วมาเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นไม่ต้องหลับต้องนอนแน่คืนนี้” กิมฮวยบ่นแล้วบิดหูเคี้ยง
“โธ่ เต็กกอจริงๆ ช่วงนี้อีมีปัญหาชีวิตเยอะ ทั้งเรื่องเงิน เรื่องลูก ถ้าลื้อไม่เชื่อก็โทรไปหาอีซิ”
เคี้ยงพูดไปคว้ามือถือตัวเองยัดใส่มือกิมฮวย จนกิมฮวยงง
“เบอร์ล่าสุดน่ะ กดเลย ดีเหมือนกันจะได้ช่วยฟังเรื่องของอีแทนอั๊วบ้าง อั๊วฟังจนปวดกระบาลไปหมดแล้ว โทรเลย” เคี้ยงยุ
“เรื่องอะไร ลูกผัวอั๊วก็ทำให้เครียดพออยู่แล้ว ทำไมต้องมาแบกเรื่องคนอื่นให้รกสมองอีก แค่ฟังก็เครียดแล้ว อาบน้ำดีกว่า” กิมฮวยเห็นท่าทีจริงจังของเคี้ยงเลยเปลี่ยนทีท่า
“เอ้า ไม่โทรหน่อยเหรออากิมฮวย ซักนิดน่า” เคี้ยงทำแอ็กติ้งต่อเพื่อให้กิมฮวยตายใจ
“เกือบไป” เคี้ยงแอบถอนหายใจโล่งที่เอาตัวรอดไปได้หนึ่งยก แล้วพึมพำกับตัวเอง
คืนนั้น กิมลั้งขี่รถจักรยานมาเรื่อยๆเพื่อมาเอาเงินทอนให้กิมฮวยที่ลืมไว้ในตลาด ขณะผ่านร้านจะเด็ดที่ปิดแล้ว กิมลั้งเห็นเงาคนลับๆล่อๆ เธอรับรู้ได้ถึงความไม่ชอบมาพากลจึงขี่จักรยานวกกลับมาแล้วแอบข้างกำแพงก่อนจะย่องไปแถวหน้า ขณะที่ค่อยเดินไปตามหาบุรุษลึกลับ กิมลั้งเดินไปชนกับชายดังกล่าวที่กำลังค่อยๆย่องมาที่พุ่มไม้ กิมลั้งตกใจจะร้อง ต๋องรีบปิดปากกิมลั้ง แล้วกระซิบข้างหู
“อย่าร้องกิมลั้ง ชั้นเอง” ต๋องเอ่ยขึ้น
พอเห็นเป็นต๋อง กิมลั้งจึงสงบอาการ
“แล้วเธอมาผลุบๆโผล่ๆที่มืดๆแถวนี้ทำไม” กิมลั้งเอ่ยขึ้น
“พูดไงดีล่ะ กิมลั้ง” ต๋องยังไม่กล้าบอกเพราะกลัวกิมลั้งเดือดร้อนไปด้วย
“อ้อ หรือนัดพบใครแถวนี้ โทษทีที่ชั้นมาเป็นก้างขวางคอ” กิมลั้งงอนจะเดินออกไป ต๋องรีบคว้ามือไว้
“ไม่ใช่อย่างงั้น ชั้นมาแอบดูพฤติกรรมน้าจะเด็ดต่างหาก” ต๋องจำต้องรีบบอก
“แอบดูน้าจะเด็ด ?” กิมลั้งถามอย่างสงสัย
“ชั้นว่าแกชักจะมอมเมาชาวบ้านเรื่องหวยจนหนักข้อเกินไปแล้ว วันนี้ก็เลยคิดว่าต้องทำอะไรซักที” ต๋องพยายามอธิบายให้กิมลั้งฟัง
“เธอจะทำอะไร” กิมลั้งยังสงสัยอีก
“ก็แค่เอาความจริงไปเปิดเผย” ต๋องยืนยัน
“ชั้นว่าอย่าดีกว่า เกิดถ้าน้าจะเด็ดจับได้แล้วจะทำยังไง” กิมลั้งเริ่มกลัว
“นั่นค่อยว่าอีกที ตอนนี้ชั้นรู้แต่ว่าจะอยู่เฉยๆ ทำไม่รู้ไม่ชี้ไม่ได้” ต๋องยืนยันคำเดิม
กิมลั้งนึกห่วงต๋องขึ้นมา
“งั้นเอางี้ ชั้นไปช่วยเธอด้วย” กิมลั้งอาสาทันที
“อย่าเลยกิมลั้ง ชั้นไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น” ต๋องเป็นห่วงกิมลั้งจึงเอ่ยห้าม
“งั้นเธอก็ต้องกลับบ้าน” กิมลั้งไม่ยอมเช่นกัน
ต๋องไม่มีทางเลือก จำต้องยอมกิมลั้งโดยดี
ภายในร้านชำ จะเด็ดกำลังเดินนำบะหมี่กับเกี๊ยวที่ถือกระดาษและอุปกรณ์เดินตามมา
“ไอ้บะหมี่ เกี๊ยว เวลาข้าเรียกทำงานน่ะให้มันว่องไวหน่อยได้มั้ย ใช้ทีไรทำตัวหมดเรี่ยวแรง”
จะเด็ดคุยกับลูกศิษย์ ในขณะที่ปิดไฟมืดอยู่ ต๋องกับกิมลั้งกำลังปีนหน้าต่างแล้วค่อยๆมาหยุดยืนตรงประตูหน้าห้องที่จะเด็ดที่มีแสงไฟริบหรี่
“เอ้า อะไรเนี่ยอะไร ไอ้หมี่ เกี๊ยว ตกลงเมื่อวานที่ข้าให้ตังค์ไปซื้อหลอดไฟใหม่มาเปลี่ยนนี่มึงยังไม่ได้จัดการเลยใช่มั้ย แล้วเอาตังค์ข้าไปไหน” จะเด็ดบ่นหลังไฟในห้องไม่สว่าง
“ก็ตั้งใจจะไปซื้อหลอดไฟล่ะจ๊ะอาจารย์ แต่ตอนไปดันติดไฟแดงซะก่อน” บะหมี่รายงาน
“หลอดไฟไปเกี่ยวอะไรกับไฟแดง” จะเด็ดถามอย่างสงสัย
“ก็พอติดไฟ ก็มีน้องผู้หญิงมาขายมาลัย พวกชั้นไม่ซื้อก็กลัวน้องเค้าเสียใจ” เกี๊ยวรายงาน แล้วตอบเป็นเสียงฮิปฮอป
“ก็เลยให้ใจ ให้ไป โดยใช้เงินค่าหลอดไฟ”
“พวกเอ็งให้ใจ แต่ข้าให้ไอ้นี่ละกัน” จะเด็ดคว้าปลัดขลิกอันใหญ่ใส่บะหมี่ เกี๊ยว แล้วไฟเริ่มดับลง
“มึงลากของมาทำงานต่อห้องนี้เลยนะ” จะเด็ดรีบสั่ง
ต๋องกับกิมลั้งวิ่งวุ่นหาที่ซ่อนเมื่อจะเด็ดกำลังเดินมาอีกห้อง เมื่อสถานการณ์คับขัน ต๋องตัดสินใจดึงกิมลั้งพากันเข้าไปหลบในตู้แถวนั้น แล้วไฟในห้องก็สว่างขึ้นพอดี
ด้านนอกเห็นฝาตู้ยังเผยออยู่ ต๋องอยู๋ข้างในพยายามจะปิดตู้แต่ปิดไม่ได้ ต๋องเลยต้องตัดสินใจเอาตัวไปแนบชิดกับกิมลั้งแบบหน้าแทบชนหน้าประตูถึงปิดได้ ทั้งคู่ต่างคนต่างมองหน้ากันแต่เพราะความจำเป็นกิมลั้งไม่อาจโวยวายได้ ทันใดนั้นพวกจะเด็ดขนข้าวของมาทำในห้องต่อ
“เอ้า รีบๆทำกันให้เสร็จ พรุ่งนี้เช้าจะได้ป่าวประกาศให้ชาวบ้านมาเอา” จะเด็ดสั่ง
“ทำไมเราแจกเลขเด็ดเร็วนักล่ะจ๊ะจารย์ หวยเพิ่งจะออกไป เดี๋ยวชาวบ้านก็สงสัยพอดี” บะหมี่สงสัย
“เอ็งก็อ้างไปซิว่างวดนี้เจ้าพ่อสมิงดำท่านรีบ เพราะกลางเดือนไม่ว่างต้องไปร่วมชุมนุมสุดยอดผู้นำทางจิตวิญญาณที่อินเดีย” จะเด็ดว่า
“โอโห นึกว่าเอเปก ว่าแต่คราวนี้จารย์จะให้เขียนเลขอะไรบ้างจ๊ะ” เกี๊ยวถาม
“เลขอะไรเอ็งก็เขียนๆไปเถอะ แค่พรุ่งนี้ข้าพ่นคาถาใส่กระดาษพวกนี้โชว์ มันก็ขลังเอง” จะเด็ดเอ่ยขึ้น
ในตู้เสื้อผ้า ต๋องกับกิมลั้งเจ็บใจมากกับการกระทำของพวกจะเด็ด
“ชั่วกว่าที่คิดจริงๆ” ต๋องเอ่ยเบาๆ แล้วยกมือขึ้นเอื้อมไปหยิบมือถือจากในกระเป๋ากางเกงแต่ไม่ถนัด
“หยิบมือถือให้ชั้นหน่อยกิมลั้ง อยู่ในกางเกง” ต๋องบอกกิมลั้ง
กิมลั้งเอื้อมมือไปที่กางเกงต๋องแต่กล้าๆกลัว
“ล้วงเข้าไปเลย” ต๋องบอก
กิมลั้งกลั้นใจล้วงลงไปในกางเกงต๋อง
“ลึกๆหน่อย อืม ดี นั่นแหละ” ต๋องสั่งกิมลั้งอีกครั้ง
“ทำไมต้องทำเสียงมีความสุขขนาดนั้นด้วย” กิมลั้งเอ่ย และเริ่มตาขวางใส่ต๋อง
“ก็ดีใจที่เธอล้วงเจอซักทีไง หยิบขึ้นมาเลย” ต๋องว่า
ต๋องรีบคว้ามือถือจากกิมลั้งมาถ่ายภาพผ่านช่องเล็กๆระหว่างฝาตู้เรื่องจะเด็ดกับลูกน้องไว้ได้
เช้าอีกวัน ที่ตลาดร่วมใจเกื้อ ชาวตลาดเดินมาที่มุมถ่ายมิวสิควิดีโอม แต่ไม่มีทีมงานของนุ้ยมา บรรยากาศเงียบไปถนัดตา
“เอ้า ทำไมเงียบจัง ตกลงวันนี้ไม่ถ่ายเหรอ” ชมพู่ถามขึ้น
“เอ๊ะ หรือพวกเรามากันก่อนเวลา” คิตตี้เอ่ยขึ้น ทันใดนั้นกิมฮวยเดินเข้ามาพอดี
“เค้าเปลี่ยนไปถ่ายกันข้างนอกโน่นแน่ะ โทรไปตามตัวกิมลั้งตั้งแต่เช้ามืด” กิมฮวยว่า
“แล้วถ่ายกันยังไง มันต้องมีพวกเราเข้าฉากด้วยไม่ใช่เหรอ” ป้าพิณถามขึ้น
“โอ๊ย เค้าตัดตัวประกอบทั้งหมดออกไป ไม่ให้คนในตลาดเข้าฉากด้วยแล้ว” กิมฮวยรายงานเสร็จสรรพ
“เฮ้ย ทำอย่างงี้ได้ไง” พ่อค้าคนหนึ่งโวยขึ้น
“อยากรู้ก็ไปถามกันเอาเอง”
กิมฮวยรีบแจ้งข่าวพ่อค้าแม่ค้าในตลาด
ริมคลองหลังตลาด ทีมงานกำลังถ่ายทำมิวสิควิดีโอเพลงของต๋องท่อนสุดท้ายอีกครั้ง โดยไม่มีชาวตลาด มีเพียงแค่ต๋อง กิมลั้งและวงดนตรีเท่านั้น โดยมีส่วนศักดิ์ชายกับณดายืนดูอยู่ใกล้ๆ ผู้กำกับสั่งคัท นุ้ยรีบเดินเข้าฉากมา
“เรียบร้อย ปิดกล้องเอ็มวีโดยสมบูรณ์ค่า” นุ้ยตะโกนบอกทุกคนในกองถ่าย
“เย้” ต๋อง กิมลั้ง เลื่อน และรักเร่ สมาชิกวงดีใจกันยกใหญ่
“ขอบคุณทุกคนมากนะคะที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้พี่ทุกอย่าง” นุ้ยเอ่ยขึ้น
“พวกเราต้องขอโทษพี่มากกว่าค่ะที่ทำให้เดือดร้อน” ณดาเอ่ยขอโทษนุ้ยแทนชาวตลาด
“ทำอะไรกับคนมากๆมันก็มีปัญหาแบบนี้ล่ะครับ แต่สุดท้ายเราก็ผ่านพ้นมาได้” นุ้ยว่า
“ถ้ายังไม่เข็ดก็เชิญมาใช้บริการใหม่นะครับ” ต๋องพูดกับนุ้ย
“แน่นอนจ้ะ ถ้ามีโอกาสพี่ต้องเอาต๋องกับกิมลั้งไปปั้นแน่ เพราะเป็นพระเอกนางเอกมือใหม่ที่เล่นเข้าขากันที่สุด” นุ้ยรีบตอบ
ต๋องกับกิมลั้งยิ้งมอย่างเขิน ณดาเห็นแล้วเกิดอาการหมั่นไส้
“สองคนนี่เค้าเป็นคู่ขวัญประจำตลาดอยู่แล้วครับ ยังไงฝากพี่นุ้ยเข็นด้วยนะครับ เผื่อต๋องกับกิมลั้งดังไป พวกผมจะได้เกาะใบบุญ” ศักดิ์ชายได้ทีรีบเสริม
“ด้วยความยินดี อ้อ ทุกคนอย่าลืมดินเนอร์เลี้ยงขอบคุณคืนพรุ่งนี้นะ” นุ้ยสั่ง
“คือ หนูคงไปไม่ได้หรอกค่ะ ม้าคงไม่ให้ไป” กิมลั้งอึกอัก
“ไม่ต้องห่วง พี่บอกเจ๊กิมฮวยแล้วว่าให้ไปรับเช็คค่าตัวหนูที่นั่น แกก็เลยตอบตกลงทันที ไม่มีปัญหา” กิมลั้งฟังแล้วโล่ง ส่วนต๋องแอบดีใจที่กิมลั้งไปได้ มีแต่ณดาที่ดูอารมณ์เสีย ในขณะที่ทุกคนกำลังเริงรื่น พวกชาวตลาดที่นำโดยพ่อค้าหน้าตาเอาเรื่องเดินเข้ามา โดยมีกิมฮวยตามมาห่างๆ
“ทำแบบนี้ได้ยังไง” พ่อค้าคนหนึ่งตะโกนขึ้นมา
“ทำอะไรคะพี่” นุ้ยยังงง เมื่อเห็นกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าเดินพุ่งเข้ามา
“ยังถ่ายทำไม่จบ จู่ๆมายกเลิกไม่ให้พวกเราเล่นต่อได้ยังไง แบบนี้ต้องจ่ายทั้งค่าตัวเมื่อวานแล้วก็ค่าเสียหายของวันนี้มาด้วย” พ่อค้าวีนต่อ
ณดาได้ยินปรี๊ดแทนนุ้ยทันที
“แล้วค่าเสียหายที่เมื่อวานทิ้งงานเค้าไปกลางคันล่ะใครจะรับผิดชอบ” ณดาน้ำเสียงจริงจัง
ชาวตลาดเริ่มสลดลง
“รู้มั้ยว่าทีมงานเค้าต้องเสียค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ที่ต้องถ่ายทำเพิ่มขึ้นอีกวัน เค้ามาช่วยโฆษณาตลาดให้แท้ๆ แต่พวกเรากลับทำเรื่องขายขี้หน้า” ณดาพยายามเก็บอารมณ์
ทันใดนั้น บะหมี่กับเกี๊ยววิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
อ่านต่อหน้า 4 เวลา 17.00น.
“รักเกิดในตลาดสด” ตอนที่ 6 (ต่อ)
“มาอยู่กันตรงนี้เอง รีบไปสำนักอาจารย์จะเด็ดเร็ว วันนี้เจ้าพ่อสมิงดำกำหอกมาเข้าฝันอาจารย์จะเด็ดแต่เช้าเลย” บะหมี่กับเกี๊ยวรายงาน
“เมื่อวานหวยเพิ่งออกไปเองนะอาบะหมี่เกี๊ยว” กิมฮวยรีบถามกลับ
“หวยออกเมื่อไหร่ไม่รู้ รู้แต่เจ้าพ่อสมิงดำแกอยากบอกวันนี้ ใครไม่อยากได้ก็ตามใจนะ” เกี๊ยวตอบ
“ถ้าให้หวยทุกวันได้เจ้าพ่อคงทำล่ะ เงินทำบุญจะได้ไม่ขาดมือ” ต๋องเอ่ย
“เอ้า ทำไมพูดแมวๆอย่างงั้นวะไอ้ต๋อง เดี๋ยวเจ้าท่านโกรธขึ้นมา จะเดือดร้อนกันทั้งตลาดนะ”
บะหมี่รีบสวน
“งั้นวันนี้ก็ถึงวันสิ้นเจ้าแล้วล่ะไป ไปสำนักน้าจะเด็ดกันเดี๋ยวนี้เลย ได้เวลาแฉแต่เช้าของชั้นซักที”
ต๋องพูดด้วยสายตาอันมุ่งมั่นตีแผ่ความจริง
บ่ายนั้น พ่อค้าแม่ค้าในตลาดร่วมใจเกื้อ ไปรวมตัวกันที่สำนักทรงของจะเด็ดที่เอาร้านชำย่อมๆเป็นสำนักทรงโดยปริยาย ชาวตลาดมุงดูคลิปวิดีโอที่ต๋องถ่ายไว้เห็นบะหมี่กับเกี๊ยวช่วยกันเขียนตัวเลขใส่ในกระดาษกัน ชาวตลาดกำลังมุมดูคลิปในมือถือต๋องด้วยความฮือฮา จะเด็ดยืนหน้าเครียดอยู่กับบะหมี่และเกี๊ยว
“แย่แล้วจารย์ แล้วเราจะทำไงดี” เกี๊ยวกระซิบถามจะเด็ด
“พวกเอ็งอยู่เฉยๆไว้น่ะ ข้าจัดการเอง” จะเด็ดพูดอย่างใจดีสู้เสื้อ
“นี่มันอะไรกันนะอาจารย์จะเด็ด ตกลงว่าเลขที่ให้นี่ไอ้บะหมี่เกี๊ยวมันมั่วกันเอาเองเหรอ แล้วพวกชั้นต้องเสียเงินแทงเลขมั่วๆพวกนี่เนี่ยนะ” ป้าพิณเอาเรื่องจะเด็ด
“นั่นซิ มั่วนี่หว่า ทำกันได้ยังไง” ชาวตลาดเริ่มโวยวายขึ้น
จะเด็ดอึ้งไปเพราะกำลังคิดผลว่าจะแก้ตัวอย่างไร
“เอ้า ยืนอึ้งอยู่ทำไมล่ะน้าจะเด็ด อธิบายชาวบ้านเค้าไปซิ” ต๋องโพล่ง
จะเด็ดรวบรวมสติพยายามสุขุม
“ฟังชั้นก่อนนะ ที่ไอ้บะหมี่ เกี๊ยวเขียนอยู่น่ะมันไม่ได้นั่งเทียนกันเอาเองนะ แต่ชั้นส่งตัวเลขจากทางนัยให้มันไปต่างหาก ไม่สังเกตเหรอว่าไอ้สองคนนี่ดูสะลึมสะลือตอนเขียนตัวเลข” จะเด็ดพูดน้ำขุ่นๆ
“โกหก ก็น้าเป็นคนบอกเองว่าให้ไอ้สองตัวนี่มั่วตัวเลขอะไรลงไปก็ได้” ต๋องเถียง
“ข้าพูดเหรอไอ้ต๋อง แล้วมันมีในคลิปมั้ย” จะเด็ดไม่รับ
ต๋องอึ้งไป ไม่คิดว่าจะเด็ดจะหน้าด้านใช้ไม้นี้ กิมลั้งฟังอยู่ทนไม่ไหวรีบสวนจะเด็ดทันที
“ก็มันจะไปมีได้ยังไงก็ตอนนั้นต๋องยังไม่ได้ถ่าย” กิมลั้งย้อนเสียงดัง
“อากิมลั้ง ทำไมลื้อรู้เรื่องดีนัก” กิมฮวยสงสัย
“คือ ต๋องเค้าเอาคลิปนี้ให้อั๊วดูตั้งแต่เช้าแล้วน่ะม้า” กิมลั้งอึกอัก
“แล้วเอ็งก็เชื่อตามที่ไอ้ต๋องมันปรักปรำข้าน่ะเหรอกิมลั้ง เอ็งก็รู้อยู่ว่าไอ้ต๋องมันถูกชะตากับข้าที่ไหน ถ้ามีโอกาสใส่ความข้าได้มันก็ทำหมดล่ะ” กิมฮวยย้อน จนชาวตลาดเริ่มมีอาการลังเล
“งั้นน้าบอกได้มั้ยว่าทำไมเจ้าพ่อถึงให้เลขแต่ละคนไม่ซ้ำกันเลย สุ่มแจกขนาดนี้มันก็ต้องมีคนถูกบ้างวันยันค่ำ ถ้าแม่นจริงก็ต้องให้เลขเดียวกันแล้วถูกเหมือนกันหมดซิ” ต๋องเอ่ยขึ้น
ชาวตลาดหันมาเออออตามต๋อง
“นี่มันเจ้าพ่อสมิงดำกำหอกนะไม่ใช่กำห่า ท่านน่ะไม่เหมือนเจ้าองค์อื่นๆท่านพร้อมจะให้โชคมนุษย์ แต่ไม่ต้องการให้มนุษย์งอมืองอเท้า ถ้าถูกหวยกันทุกคนทุกงวด ใครมันจะอยากทำมาหากินฮะ
ไอ้ต๋อง เลขที่ท่านให้ก็เหมือนรางวัลตอบแทนการประกวดความดี งวดไหนใครทำดีมีบุญมากท่านก็สมนาคุณคนคนนั้น มันเป็นกุศโลบายของเจ้าที่คนกะโหลกหนาปัญญาทึบอย่างเองไม่มีวันเข้าใจหรอก
ไอ้ต๋อง” จะเด็รีบอธิบาย
“สาธุ” ชาวตลาดฟังแล้วยกมือไหว้สาธุด้วยความซาบซึ้ง
ชาวตลาดควักเงินในกระเป๋าเอาใส่ขันตรงหน้าจะเด็ดยกใหญ่ จะเด็ดแอบหันมายิ้มเย้ยใส่ต๋อง ที่กำหมัดแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้
แม้มีคลิปเป็นหลักฐานแฉจะเด็ด แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล ชาวตลาดถือกระดาษหวยที่ได้จากจะเด็ดเดินออกมาจากด้านในด้วยอาการกระตือรือร้นเหมือนไม่ได้เกิดอะไรขึ้น ต๋องกับกิมลั้ง ยืนมองหน้ากันด้วยความเครียด โดยมีณดากับศักดิ์ชายยืนอยู่แถวนั้นด้วย
“โธ่เว้ย” ต๋องเตะกระป๋องระบายอารมณ์ด้วยความโมโห
“ใจเย็นๆต๋อง เธอทำดีที่สุดแล้วนะ” กิมลั้งเอ่ย
“ไม่หรอก มันยังดีไม่พอ ชั้นถึงช่วยให้ชาวบ้านให้หูตาสว่างไม่ได้” ต๋องเอ่ยขึ้น
“ความเชื่อที่กลายเป็นความงมงายมันไม่ใช่เรื่องที่แก้ง่ายหรอกคุณต๋อง ไม่ใช่ว่าชาวบ้านโง่นะคะ แต่เค้าเลือกเข้าใจในสิ่งที่อยากเข้าใจมากกว่า เพราะมันทำให้เค้าหลอกตัวเองให้มีความหวังไปวันๆได้”
ณดาพยายามปลอบใจต๋องอีกทาง
“นายอย่าไปโกรธชาวบ้านเลยนะคนจนน่ะพอไม่มีทางออกให้กับชีวิต เค้าก็ต้องพยายามดิ้นรนทุกวิถีทาง เลิกคิดเลิกทำอะไรที่มันเกินกำลังเถอะต๋อง นอกจากนายจะเสียเวลา ก็ต้องมาเสียใจแบบนี้นี่ล่ะเห็นมั้ย” ศักดิ์ชายรีบทำตัวเป็นพ่อพระบ้าง
“ไม่หรอก ถ้าชั้นยอมแพ้ หลายคนที่นี่จะต้องเสียใจมากกว่านี้” ต๋องเอ่ยอย่างให้กำลังใจตัวเอง
ครู่หนึ่งจะเด็ดเดินออกมาจากสำนักเหมือนตั้งใจจะมาหยามต๋องโดยเฉพาะ ต๋องเดินไปพูดกับจะเด็ดแบบตัวต่อตัว
“อย่านึกว่าชั้นจะหยุดทุกอย่างไว้แค่นี้นะน้าจะเด็ด ชั้นไม่ปล่อยให้น้าลอยนวลแน่” ต๋องโพล่งขึ้น
“ก็เอาซิวะไอ้ต๋อง ข้าน่ะกระดูกคนละเบอร์กับเอ็งอยู่แล้ว แล้วมาดูว่าใครจะอยู่จะไป อ้อ แล้วถ้าจะมาแอบถ่ายอะไรอีกล่ะก็ บอกล่วงหน้าด้วยซิ ข้าจะได้แต่งหน้ารอ จะได้หล่อออกสื่อซะหน่อย” จะเด็ดเดินหัวเราะต๋องเข้าสำนักไปด้วยความสะใจ
บ่ายวันเดียวกัน ที่ร้านอาโก ชาวตลาดเอาเงินใส่ขันที่สำนักทรงจะเด็ด แล้วหน้าแห้งนับเงินในกระเป๋าที่เหลือแค่เศษเหรียญเศษแบงก์
“ทำบุญหมดหน้าตักขนาดนี้ พรุ่งนี้จะมีเงินพอซื้อดอกไม้มาขายมั้ยเนี่ยกว่าหวยจะออกก็อีกตั้งสองอาทิตย์” คิตตี้บ่นพึมพำ
“ก็แกมันโง่ รู้ว่าไม่มีเงินแล้วทำบุญเกินตัวอ้วนๆของแกทำไม” ชมพู่ว่า
“เอ้า นังนี่ ก็งวดหน้าชั้นก็หวังจะชนะเลิศประกวดความดีอวอร์ดของเจ้าพ่อสมิงดำกำหอกบ้างน่ะซิ หรือแกไม่หวัง” คิตตี้เอ่ย
“เว้ย นี่ถ้าเราเล่นเอ็มวีของพี่นุ้ยเค้าให้จบๆนะก็คงมีเงินมาต่อชีวิตได้อีกซักวันสองวัน” ชมพู่เอ่ยขึ้น
ศักดิ์ชายเดินผ่านมาเห็นชาวตลาดคุยกันเลยหยุดแอบฟัง
“ก็ใครล่ะใครกันที่ดันพูดเรื่องหวยขึ้นมากลางกองถ่าย เลยพากันหมดสมาธิในการสวมวิญญาณนักแสดงทันที ไม่งั้นเราก็ได้ทั้งค่าตัว แถมได้ออกทีวีมีโอกาสให้แมวมองมาชวนไปเป็นดาราแล้ว” คำมูลพูดแล้วหันหน้าไปทางป้าพิณ
“หนอย โทษข้าเหรอไอ้คำมูล เอ็งน่ะล่ะที่เดินสะบัดตูดออกจากกองถ่ายไปเป็นคนแรกเลยไอ้เวร"
ป้าพิณสวนกลับ คำมูลรีบหลบหน้าหนี เขียวหวานหัวเราะร่วนชอบใจ
“นังเขียวหวาน นี่ถ้าพรุ่งนี้เงินข้าไม่พอจ่ายกับข้าวล่ะก็ เอ็งต้องแสดงกตัญญูกตเวทิตานะ” ป้าพิณเอ่ย
“ไม่นะ ป้าพิณ ถึงชั้นจะสวยจะสาวแค่ไหนชั้นไม่มีทางขายตัวแลกค่ากับข้าวให้ป้าหรอก” เขียวหวานเอ่ยบ้างเพราะเข้าใจว่าป้าพิณจะให้ทำอย่างอื่น
“แหม นังนี่ ไม่ได้ดูสารรูปตัวเองเลย ข้าหมายถึงสร้อยที่คอเอ็งน่ะ ให้ข้ายืมไปตึ๊งเอาเงินมาใช้ก่อน” ป้าพิณโวย
“โห ไม่เอาล่ะป้า นี่มันสมบัติต้นตระกูลพม่าของชั้นเลยนะ ป้าก็ไปหากู้เงินใครมาใช้ก่อนซิ” เขียวหวานเอ่ย
“โถ อีเขียวหวาน เอ็งคิดว่าหาเงินกู้น่ะมันง่ายเหมือนทอดสะพานให้ผู้ชายรึยังไงฮะ” ป้าพิณว่า
“ไม่ง่ายแน่ๆ อย่างป้านี่ถ้าทอดสะพานชั้นว่าคงต้องทอดจนเกรียม” คำมูลโพล่งขึ้น
ป้าพิณหมั่นไส้เลยคว้าของขว้างใส่คำมูล ศักดิ์ชายได้ฟังเรื่องเงินขาดมือของชาวตลาด นิ่งไปคล้ายมีแผนการบางอย่าง
เวลาต่อจากนั้น ศักดิ์ชายนำเรื่องชาวตลาดเดือดร้อนเรื่องขาดเงิน ไปปรึกษาชายศักดิ์และรัศมีทันทีที่บ้าน
“นี่แกบ้าไปแล้วรึเปล่าชาย อยู่ๆจะให้พ่อออกเงินกู้ให้พวกนั้น” ชายศักดิ์ยังไม่เข้าใจแผนการ
“นั่นซิ ที่จริงดีแล้วซะอีกที่พวกนั้นเงินขาดมือ จะได้ไม่มีเงินซื้อของมาขาย ตลาดมันจะได้เจ๊งๆไปเร็วๆซักที” รัศมีเอ่ย
“ก็จริง แต่ใครจะไปรู้ล่ะครับว่าพวกมันจะกระเสือกกระสนหาเงินมาจัดการชีวิตได้อีกทีเมื่อไหร่ ถ้าหาได้มันก็กลับมาลืมตาอ้าปากได้อีกอยู่ดี” ศักดิ์ชายเอ่ย
“นั่นไง พ่อถึงไม่เข้าใจว่าแกจะให้พ่อยื่นเงินไปต่อชีวิตพวกมันอีกทำไม” ชายศักดิ์มึน
“ก็เพราะผมจะฆ่ามันให้ตายทั้งเป็นยังไงล่ะครับ” ศักดิ์ชายเอ่ยขึ้น
“ฮะ?” รัศมีงง
“อย่างงี้ครับ ถ้าพวกนั้นมันตกเป็นลูกหนี้ของเรา มันก็จะกลายเป็นลูกไก่ในกำมือเราทันทีเราจะทำให้พวกมันตายใจ แล้วค่อยๆให้มันติดเงินเราเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆจนถึงขั้นวิกฤต ถึงเวลานั้นเราจะไม่ได้เป็นแค่เจ้าหนี้มันหรอกครับ แต่จะเป็นเจ้าชีวิต” ศักดิ์ชายอธิบาย
“ถึงตอนนั้นมันคงหนีเราหัวซุกหัวซุนไม่กล้ากลับมาเหยียบตลาดอีก คราวนี้ตลาดก็จะร้างคนขายสมใจเรา ตายแล้ว ฉลาดที่สุดเลยลูกแม่” รัศมีเริ่มเข้าใจมากขึ้น
“แต่ที่แกจะให้พ่อเป็นคนออกหน้าเอาเงินไปให้พวกนั้นกู้น่ะ ดูไม่ฉลาดเท่าไหร่นะ ใครมันจะกล้ามากู้เจ้าของห้างคู่แข่ง” ศักดิ์ชายยังงง
ชายศักดิ์โพล่งขึ้น
“แล้วใครบอกว่าผมจะให้คุณพ่อไปในนามของเสี่ยชายศักดิ์ล่ะครับ”
ศักดิ์ชายอมยิ้มมีเลศนัย
วันใหม่ ที่ตลาดร่วมใจเกื้อ ชาวตลาดยืนมุงรับของแจกบางอย่างด้วยความสนใจ ทวีกับเครือฟ้าเดินเข้ามาแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“เค้ามุงอะไรกันน่ะ” ทวีว่า
“อย่าบอกนะว่าซื้อเสียง” เครือฟ้าเอ่ยขึ้น
ทวีกับเครือฟ้ามองตากันด้วยความโลภ แล้วรีบวิ่งแทรกเข้าไปในฝูงคน ทวีกับเครือฟ้ามุดมาโผล่วงในจึงเห็นว่าที่แท้คือการแจกใบปลิว ทั้งคู่รีบรับมาอ่าน
“เงินกู้เอื้ออาทร ผ่อนทน ผ่อนนาน”
ทวีกับเครือฟ้ามองหน้ากันด้วยความสนใจ
ชมพู่อ่านข้อความในใบปลิวที่ร้านเสริมสวย ที่เหลือคอยฟังอย่างตั้งใจ
“บังเว้ยเฮ้ยอาสาช่วยผู้ประสบภัยน้ำตาท่วมจากอุบัติเหตุทางการเงินด้วยเงินกู้ดอกเบี้ยอัตราต่ำเป็นพิเศษ"
“น่าสนใจเหมือนกันนะ ถ้าดอกเบี้ยต่ำจริง ชั้นว่าจะถอยอุปกรณ์ทำผมใหม่ซักชุด”
น้อยหน่าเอ่ยขึ้น
“ส่วนชั้นว่าจะถอยชุดใหม่ๆมาใส่ซักห้าหกชุด” ชมพู่ฝันไม่ต่างกัน
“กู้เงินไปซื้อเสื้อผ้าเนี่ยนะนังชมพู่” น้อยหน่าเอ่ยขึ้น อย่างไม่เข้าใจ
“เอ้า พี่น้อยหน่า เราอยู่ร้านเสริมสวยนะ ขืนปล่อยตัวโทรมแล้วใครมันจะอยากเข้ามาใช้บริการจริงมั้ย” ชมพู่ย้ำ
เวลาเดียวกัน คิตตี้กินข้าวอยู่วิพากษ์วิจารณ์ถึงไปปลิวเงินกู้กับพวกป้าพิณด้วยความสนใจ
“หนูโทรไปถามแล้วป้า ดอกเบี้ยของบังเว้ยเฮ้ยนี่เค้าถูกจริง มีช่วงโปรโมชั่นปลอดดอกเบี้ยให้สามเดือนด้วยนะ หนูตัดสินใจแล้วล่ะว่าวันนี้จะไปกู้เอาเงินมาหมุน ว่าแต่ป้าล่ะเอาไง” คิตตี้สาธยาย
“ตอนนี้ข้าน่ะอยากได้ทั้งเงินหมุน แล้วก็เงินซักก้อนมาผ่อนทีวีใหม่ เบื่อเต็มทีแล้วกับไอ้ทีวีระบบสัมผัสที่ใช้อยู่” ป้าพิณเอ่ยขึ้น
“ฮะ ทีวีระบบสัมผัสทัชสกรีนเลยเหรอ ไฮเทคขนาดนั้นแล้วป้าจะซื้อเครื่องใหม่ให้เปลืองทำไม” คิตตี้ถามกลับป้าพิณอย่างสงสัย
“ระบบสัมผัสของป้าพิณน่ะหมายถึงต้องทั้งทุบทั้งตบต่างหากพี่ กว่าจะทำให้ทีวีชัดได้แต่ล่ะทีชั้นงี้เหนื่อยใจ มือที่กร้านนี่ไม่ใช่เพราะงานนะ แต่เป็นเพราะตบตีกับทีวีทุกวัน” เขียวหวานเอ่ยขึ้น คำมูลรีบจับมือเขียวหวานขึ้นมาดู
“ไหนดูซิ โถๆๆ เอางี้ เดี๋ยวพี่คำมูลจะกู้เงินซื้อเครื่องสำอางชั้นดีมาประทินผิวให้ ถ้าจะต้องลงทุนเป็นหนี้ พี่ขอให้มันเป็นหนี้รัก” คำมูลรีบจับมือเขียวหวาน
“พี่คำมูล” เขียนหวานเริ่มซึ้ง
ป้าพิณเห็นแล้วหมั่นไส้ รีบดึงมือคำมูลออกจากมือเขียวหวาน
“โถ อีเขียวหวาน ไม่มีผู้ชายคนไหนให้อะไรผู้หญิงโดยไม่หวังผลตอบแทนหรอกอีงก ได้เครื่องสำอางแต่ต้องเสียตัว เอ็งบวกลบเอาเองละกันว่าคุ้มมั้ย” ป้าพิณบ่น
“ที่จริงชั้นกะจะซื้อครีมหน้าเด้งให้ป้าด้วยอีกชุด แต่ป้าคงไม่รับเพราะกลัวว่าชั้นหวังอะไรจากป้า” คำมูลเอ่ย
“รับซิรับ ป้ารู้ว่าคำมูลคงไม่หวังให้ป้าเสียตัวให้แน่ๆ” ป้าพิณได้ยินแบบนั้นรีบเปลี่ยนท่าที
“ดูท่าแล้วทุกคนจะพร้อมใจเห็นดีเห็นงามกับแหล่งเงินกู้ใหม่ งั้นจะรออะไร รีบไปเดินไปหาแสงสว่างของเราดีกว่ามั้ย”
คิตตี้กับบรรดาชาวตลาดรีบไปหาแหล่งเงินกู้ของบังเว้ยเฮ้ยอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
อีกมุม ต๋องก้มลงเก็บใบปลิวขึ้นมาดูด้วยความขัดใจ
“บังเว้ยเฮ้ย”
ต๋องเหลียวมองรอบตลาดที่ร้างไร้พ่อค้าแม่ค้าด้วยความโมโห เพราะมีแต่ลูกค้าหลายคนยืนแกร่วรอคนขาย แต่ไม่มีพ่อค้าแม่ค้าอยู่แล้วในตอนนี้
“ให้มันได้อย่างนี้ซิ ทิ้งแผงกันไปกู้เงิน ทิ้งคนที่เค้ามายืนคอยให้เงินกันไปแบบนี้เนี่ยนะ มันน่านัก” ต๋องโมโห
“เสียเวลาจริงๆ ไม่รอแล้ว ไปซื้อห้างก็ได้” ลูกค้าคนหนึ่งบ่นขึ้น
ลูกค้าหันหลังจะดินออกไป
“รับอะไรดีค่ะ/ครับพี่” ต๋องกับกิมลั้งโผล่เข้ามาโดยไม่นัดหมาย
ต๋องกับกิมลั้งต่างอึ้ง ที่จู่ๆโผล่พรวดมาพร้อมกัน
“เอาของนี่โลนึง”
ต๋องกับกิมลั้งช่วยกันตักของใส่ถุงชั่งกิโล ลูกค้าจากเงินมาให้กิมลั้ง
“ขอบคุณค่ะ / ครับ”
กิมลั้งยื่นเงินให้ต๋อง
“เธอเก็บเงินไว้แล้วกัน จะได้เอาให้น้าแป้น”
“ก็ได้” ต๋องรับคำ
ทั้งคู่มองหน้ากัน คล้ายไม่มีอะไรจะพูดทั้งๆที่อยากพูดใจจะขาด แล้วกิมลั้งจะเดินกลับแต่ต๋องรีบเรียกไว้
“แล้วนี่น้ากิมฮวยหายไปไหน อย่าบอกนะว่าไปกู้เงินกับเค้าด้วย” ต๋องเอ่ยขึ้น
“เธอน่าจะรู้นะว่าเจ้าหนี้ที่ไหนก็ไม่มีทางได้แอ้มเงินแม่ชั้นเด็ดขาด” กิมลั้งว่า
“งั้นก็แปลก วันนี้หายไปจากแผงนานเป็นพิเศษ อ้อ หรือเห็นว่าจาตุรงค์ออกจากโรงบาลมาแสดงความเป็นเจ้าของเธอแล้ว เลยไม่ต้องคอยหวงก้างแทน” ต๋องเอ่ย
“นี่กำลังพูดถึงหมาหรือแม่ชั้นกันแน่” กิมลั้งเอ่ยถามกลับ
“โทษที ชั้นก็หมายถึงที่แม่เธอหวงลูกสาวจัดจนถึงกับไม่ยอมห่างแผงเกินห้านาทีไง” ต๋องรีบอธิบาย
“ที่ไม่ต้องคอยมานั่งคุม เพราะตอนนี้แม่ชั้นคิดว่าชั้นฉลาดพอที่จะแยกออกว่าใครดีหรือใครไม่ดีกว่าแต่ก่อนแล้ว” กิมลั้งแอบประชด
“เธอหมายถึงใครที่ว่าไม่ดี” ต๋องย้อนถามกลับทันที
“เรื่องแบบนี้มันรู้อยู่แก่ใจ ไม่เห็นต้องให้ใครมาระบุ” กิมลั้งงอน
“เดี๋ยว” ต๋องรีบคว้ามือกิมลั้งไว้
“ตกลงคืนนี้เธอจะไปงานเลี้ยงปิดกล้องด้วยมั้ย” ต๋องถาม
“ทำไม หรือห่วงว่าถ้าชั้นไปแล้วเธอจะพูดจะทำอะไรส่วนตัวกับใครแล้วไม่สนุก” กิมลั้งตอบอย่างน้อยใจ
“อ้อ ถ้างั้นเธอก็คงจะไป เพราะดูท่าทางแล้วเธอน่าจะกลัวว่าชั้นจะพูดจะคุยอะไรส่วนตัวกับใครจนสนุก” ต๋องเดินอมยิ้มกลับไป กิมลั้งเจ็บใจที่หลงเสียท่าต๋องหลุดหึงออกมาจนได้
บ่ายนั้น ชาวตลาดเดินทางไปหาบังเว้ยเฮ้ยที่ตึกแถวไม่ไกลจากตลาด ชายศักดิ์โพกหัวปลอมตัวเป็นแขกฮินดู มีหนวดเครา ติดขนไว้ที่แผงหน้าอกโชว์ความเป็นแขก
“อีนี่บังเว้ยเฮ้ยยินดีเป็นอย่างยิ่งนะที่ทุกคนให้เกียรติมาใช้บริการของบังถึงที่นี่ บังสัญญาเลยนะว่าจะเป็นเจ้าหนี้ที่ห่วงใยดูแลลูกหนี้เหมือนลูกในไส้ มีอะไรก็ขอให้บอกบัง ไม่ใช่แต่เรื่องเงินเท่านั้นนะ จะอกหักรักคุดตุ๊ดเมินหรือกำลังเผชิญเรื่องร้าย ขออย่าได้ปิดบังบัง เอาล่ะ คงไม่อยากฟังบังพ่นน้ำลายกันแล้ว ต่อจากนี้ไปก็ขอให้ทุกคนดาหน้าเข้ารับวงเงินตามที่ร้องขอไว้ได้เลย ขอให้ทุกคน ทุกชีวิตมีความสุขกับการใช้เงินกันถ้วนหน้า” บังเว้ยเฮ้ยทักทายพ่อค้าแม่ค้าชาวตลาด
ชาวตลาดลุกขึ้นตบมือให้บังเว้ยเฮ้ยกันทั่วหน้า รัศมีกับศักดิ์ชายแอบมองชาวตลาดที่เรียงคิวกันรับเงินกู้ด้วยความพอใจ ครู่หนึ่งเสี่ยชายศักดิ์ในคราบบังเว้ยเฮ้ยเปิดประตูเข้า
“อีนี่ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเมียจ๋า ลูกจ๋า” ชายศักดิ์ล้อลูกกับเมียอย่างอารมณ์ดี
รัศมีโผเข้าไปกอดชายศักดิ์พร้อมมอบจูบฟอดใหญ่เป็นรางวัล
“เสี่ยเก่งที่สุดเลยค่ะ เล่นเป็นบังแบบว่าบังคราบอาเสี่ยไว้มิดเลย” รัศมีกอดชายศักดิ์อยู่ทำท่าจะจุ๊บปาแต่ชะงักไป
“เดี๋ยวค่ะ ถึงเสี่ยจะเล่นเป็นบังได้เนียนแค่ไหน แต่รัศมีว่าเสี่ยรีบลอก คราบออกก่อนดีกว่ามั้ยคะ เพราะมันทำให้รัศมีรู้สึกเหมือนกำลังมีชู้ยังไงก็ไม่รู้” รัศมีเอ่ยขึ้น
“โอ้ว มีชู้ อีนี่บังว่ามันก็เร้าใจดีไม่ใช่หรือจ๊ะหนูจ๋า” ชายศักดิ์เชยคางรัศมีขึ้นมา
“เสี่ยอ่ะ ไม่อายลูกเต้าบ้าง” รัศมีเขิน
ศักดิ์ชายเห็นพ่อแม่หยอกล้อกันอย่างมีความสุข อดยิ้มไม่ได้ ชายศักดิ์รีบถอดผ้าโพกหัว และดึงหนวดเคราออก
“อายทำไม ลูกเรามันเกิดมาได้ก็เพราะเรื่องพรรค์นี้ เอ้อ ชาย ว่าแต่เราจะเอาไงกันต่อล่ะ” ชายศักดิ์หันมาคุยกับลูกชายทันที
“ยังไม่ต้องรีบร้อนอะไรครับคุณพ่อ ช่วงนี้เป็นช่วงทำให้เหยื่อตายใจ ไว้รอให้มันเผลอเมื่อไหร่ เราก็ค่อยตะครุบมันทีเดียว” ศักดิ์ชายรีบเอ่ย
“อืม” ชายศักดิ์เห็นด้วย พลางเอามือลูบขนหน้าอกอย่างสบายใจ
“นี่รัศมี ไอ้ขนหน้าอกนี่ชั้นขอไม่เอาออกได้มั้ย จะว่าไปมันก็ได้อารมณ์ดี” ชายศักดิ์ก้มลงมองขนหน้าอกตัวเองแล้วหันไปมองรัศมีด้วยแววตาเสน่หา
“โอเค ยอม”
รัศมีเอียงอาย
คืนนั้น ณดาขับรถออกมาจากบ้าน แล่นออกมาได้ซักพัก ณดาเบรกรถกะทันหัน เพราะศักดิ์ชายยืนจังก้าหน้าเป็นอยู่ที่หน้ารถ
“คุณจะบ้ารึไง” ณดารีบลงรถไปหาศักดิ์ชายด้วยความโมโห
ปรากฏว่าศักดิ์ชายไม่ได้สนใจฟัง แต่กลับเดินไปขึ้นนั่งรถณดาหน้าตาเฉย
“ลงไปจากรถชั้นเดี๋ยวนี้” ณดายิ่งโมโหหนักรีบเข้ามาต่อว่าศักดิ์ชายในรถ
“อะไรเนี่ย ไล่กันอย่างกับหมูกับหมา ก็ผมไปร้านที่พี่นุ้ยเค้านัดไว้ไม่ถูก ก็เลยจะอาศัยรถคุณไปด้วย ทำไมใจดำจัง” ศักดิ์ชายเอ่ย
“ลงไป แล้วก็หาวิธีไปของคุณเอง เพราะมันไม่ใช่หน้าที่ของชั้น” ศักดิ์ชายหน้าตาจริงจัง
“ได้ งั้นผมจะใช้วิธีของผม” ศักดิ์ชายลงจากรถไปแล้วแกล้งเดินไปมุ่งหน้าไปที่บ้าน
“นี่คุณจะไปไหน” ณดาตกใจรีบลงรถตามลงไป
“ไปกดกริ่งขอให้แม่คุณช่วยไปส่งลูกเขยแทนลูกสาวหน่อย” ศักดิ์ชายแกล้งจะเดินเข้าบ้าน ณดาจึงรีบวิ่งเข้าไปลากศักดิ์ชายมาขึ้นรถด้วยความโมโห
“คนทุเรศ ไป อยากไปไหนก็ไป” ณดาขับรถมาด้วยความโมโห
ขณะที่ศักดิ์ชายอมยิ้มชอบใจ ณดาแกล้งขับรถกระชากออกไปอย่างแรงจนหัวศักดิ์ชายโขกกระจก
“โอ๊ย”
คืนนั้น กิมลั้งได้ออกมาเลี้ยงฉลองงานปิดกล้อง แต่มีกิมฮวยตามมาคุมด้วย กิมฮวยเป็นคนขับโดยมี กิมลั้งคอยบอกทางให้
“เลี้ยวซอยข้างหน้าม้า”
ขณะที่กิมฮวยกำลังชะลอรถเพื่อหักเลี้ยวเข้าซอย ต๋องข้ามถนนมาตัดหน้ารถพอดี พอเห็นรถของกิมฮวยกับกิมลั้งต๋องชะงัก
“เอ้า ต๋องนี่” กิมลั้งเอ่ย
กิมฮวยรีบบีบแตรใส่เสียงดังจนต๋องต้องวิ่งข้ามถนนไป
“จะไม่รับต๋องเค้าขึ้นรถหน่อยเหรอม้า รู้สึกว่าร้านที่เราจะไปน่ะอยู่ในซอยลึกเหมือนกันนะ”
กิมลั้งพูดกับกิมฮวย
“ช่างหัวมันซิ อั๊วไม่มีวันชวนไอ้ต๋องขึ้นมานั่งรถให้เป็นเสนียดเบาะแน่” กิมฮวยเอ่ยขึ้นหน้าตาเฉย
“แต่ม้า” กิมลั้งยังพูดต่อ
“ลื้อหุบปากไปเลยอากิมลั้ง” กิมฮวยดุ
กิมลั้งนิ่งลงทำอะไรไม่ได้ นอกจากแอบมองต๋องที่เดินเข้าซอยไปคนเดียวด้วยความสงสาร
คืนนั้น ที่ร้านอาหาร กิมฮวยกับกิมลั้งเดินตรงมาหานุ้ยที่รอต้อนรับอยู่หน้าห้องคาราโอเกะ กิมฮวยตื่นเต้นกับสถานที่เป็นพิเศษ
“สวัสดีค่ะเจ๊กิมฮวย น้องกิมลั้ง เข้าไปนั่งข้างในเลยค่ะ”นุ้ยเอ่ยทักทาย
“ที่นี่สวยงามหรูหราจังเลยนะอานุ้ย อั๊วเห็นแล้วงงเลย” กิมฮวยเข้ามาในห้องด้วยความตื่นเต้น
“ไม่ต้องห่วงค่ะ เดี๋ยวนุ้ยรับอาสาทำให้เจ๊คุ้นเคยกับที่นี่เอง ว่าแต่จะดื่มอะไรกันก่อนดีคะ” นุ้ยเอ่ยขึ้น
กิมฮวยกับกิมลั้งมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
“งั้นไม่เป็นไร เดี๋ยวนุ้ยจัดให้ น้องคะน้อง” นุ้ยเรียกพนักงานเข้ามารับออเดอร์
ด้านนอกร้านอาหาร ณดาขับรถเข้ามาจอด ศักดิ์ชายกระตือรือร้นลงจากรถแล้ววิ่งอ้อมลงมาเปิดประตูให้ณดาอย่างเอาใจ ทันทีที่ณดาลงมาจากรถ ศักดิ์ชายรีบยื่นแขนไปให้ณดาคล้อง
“เชิญครับ” ศักดิ์ชายยิ้มหน้าชื่นตาบาน
“คุณเข้าไปก่อน” ณดากลับเชิดใส่
“แล้วทำไมถึงเข้าไปพร้อมกันไม่ได้ อ๋อ กลัวคนเค้ารู้เหรอว่ามาด้วยกัน” ศักดิ์ชายเอ่ย
“ไม่ต้องพูดมาก ที่ชั้นให้คุณติดรถมาด้วยก็ถือว่าเป็นความกรุณาอย่างยิ่งแล้ว” ณดาสวน
“ถ้าอย่างนั้นผมก็คงต้องขอขอบคุณอย่างสูง” ศักดิ์ชายอย่างประชดประชัน
ศักดิ์ชายเดินหน้าบึ้งเข้าร้านไป ณดาถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย จังหวะนั้นต๋องเดินเข้ามายืนงงๆที่หน้าร้านพอดี ทันทีที่เห็นต๋อง ณดาเปลี่ยนเป็นเริงร่าราวกับคนละคน
“ต๋อง” ณดารีบโบกไม้โบกมือให้ต๋อง
ศักดิ์ชายหันมาเห็นณดากระดี๊กระด๊าเมื่อเจอต๋องยิ่งโกรธด้วยความหึงหวง
จบตอนที่ 6
อ่านต่อ ตอนที่ 7 พรุ่งนี้ เวลา 09.30น.