xs
xsm
sm
md
lg

เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 13

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 13
 
ภายในห้องพักริมทะเลในเวลาต่อมา ญาดายืนอยู่ริมระเบียง หยิบโทรศัพท์เปิดฟังเสียงวิน

“ตาลยกโทษให้ผมเถอะนะจะให้ผมทำอะไรไถ่โทษก็ได้กลับมาหาผมเถอะ อย่าโกรธผมเลย ผมรักตาลนะ”
“เชอะ อย่ามาง้อซะให้ยากเลย หนอย หลอกเราได้ว่าเป็นทายาทพันล้านเสีย SELF หมด”

เช้าวันใหม่ มณทกานต์เปิดประตูห้องออกมาเห็นภูบดีนั่งหลับอยู่หน้าห้อง ภูบดีลืมตาเรียก
“น้องเมย์”
มณทกานต์ทำเมินไม่พูดด้วยแล้วเดินลงชั้นล่าง ภูบดีเดินตามไปทันที
“เดี๋ยวสิน้องเมย์”
มะยมยืนมองมณทกานต์ที่เดินลงบันไดมา โดยมีภูบดีเดินตาม
“ต้องให้พี่ทำยังไงถึงจะหายโกรธ”
“มะยม เอากาแฟมากินหน่อยซิ”
“ค่ะ”
มะยมจะเดินออกไปชงกาแฟก็ลังเลหันกลับมาถาม
“ เอ่อ แล้วคุณภูล่ะคะรับกาแฟมั้ยคะ”
ภูบดีพยักหน้า
“ไม่ต้อง นี่มันบ้านชั้น”
“ค่ะ”
มณทกานต์นั่งลงแล้วหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่าน ภูบดีเดินตามมานั่ง
“พี่รู้ว่าเมย์โกรธ แต่พี่ไม่ได้ตั้งใจจะหลอกเมย์นะ อย่างที่พี่บอก พี่จำเป็นต้องปกปิดฐานะตัวเองเพื่อความปลอดภัย”
มณทกานต์ยังอ่านหนังสือพิมพ์ไม่สนใจฟัง
“แล้วที่จริงพี่ก็ตั้งใจจะบอกเมย์ในวันสองวันนี้อยู่แล้ว แต่บังเอิญคุณปู่บอกซะก่อน”
มะยมเอากาแฟมาเสิร์ฟ
“กาแฟค่ะ”
“ทำแซนด์วิชให้กินหน่อย”
“ค่ะ”
มณทกานต์ยกกาแฟขึ้นมาจิบแล้วหันมาอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ ภูบดีมองอย่างอ่อนใจ
“เอาล่ะ ถ้าเมย์ไม่ยกโทษให้ พี่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว พี่แค่อยากบอกว่าพี่รักเมย์นะ ไม่ว่าเมย์จะโกรธหรือเกลียดพี่แค่ไหน พี่ก็รักเมย์”
มณทกานต์วางเฉยทำเป็นไม่ได้ยิน มะยมมองแล้วอมยิ้มอายแทน ภูบดีถอนหายใจแล้วหันเดินออก มณทกานต์เงยหน้ามองตามแล้วอมยิ้มอย่างสะใจที่ได้เล่นงานภูบดี
“คุณเมย์ขา ยกโทษให้พี่บุญทันเอ๊ยคุณภูเถอะค่ะ” มะยมว่า
“ชั้นบอกให้ไปทำแซนวิชไง ได้รึยัง”
“เอ่อ ค่ะ”
มณทกานต์ยกกาแฟจิบ
“หึ ต้องเล่นงานซะให้เข็ด อยากมาหลอกเราทำไม”

บริเวณทางเดินในสวน ภูบดีเลี้ยวมาเจอปารมีพอดี
“ตื่นแต่เช้าเลยนะคะพี่ภู”
“ครับ”
“น้องเมย์ใจอ่อนรึยังคะ”
“ยังเลยครับ”
“สงสัยพอรู้ว่าพี่ภูเป็นใคร น้องเมย์เลยเล่นตัวน่าดู”
“ไม่ใช่อย่างงั้นหรอกครับ เป็นความผิดของผมเองที่ไม่บอกความจริงเธอ”
“ถามจริงๆเถอะค่ะ พี่ภูรักน้องเมย์จริงหรือคะ”
“จริงสิครับ ทำไมถามอย่างงั้น”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ปาก็ดีใจกับน้องเมย์ด้วย”
“ผมขอตัวก่อนนะครับ”
ปารมีมองตามภูบดีที่เดินออกไป
“นังเมย์ อย่าหวังเลยว่าแกจะโชคดีได้เป็นเจ้าของมรดก”

ริมทะเลยามเช้า ญาดาเดินเล่นอยู่ที่ชายหาด เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ญาดาหยิบมือถือขึ้นมาดูเห็นเป็นเบอร์ตำรวจที่ให้ไว้ ญาดารีบกดรับทันที
“ฮัลโหล”
“คุณตาลหรือครับ”
“ค่ะ ผู้กอง”
“ผมมีเรื่องสำคัญจะแจ้งให้ทราบ รบกวนคุณตาลมาพบผมได้มั้ยครับ”
“เกี่ยวกับแม่ตาลรึเปล่าคะ”
“ใช่ครับ”
“ได้ค่ะ งั้นก่อนเที่ยงตาลน่าจะไปถึง”
“ครับ”
ญาดาคิดสงสัยแล้วว่าเป็นเรื่องอะไร

ภายในสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ญาดานั่งอยู่หน้าตำรวจ
“ผมกำลังจะสรุปปิดคดีคุณแม่คุณ แต่ทางนิติเวชแจ้งมาว่า พบเศษเนื้อเยื่อผิวหนังในเล็บคุณอ้อย สันนิษฐานว่าก่อนเสียชีวิตแกน่าจะคว้ามือฆาตกรไว้แล้วจิกโดนผิวหนัง”
“แล้วยังไงคะ”
“เราเลยนำไปตรวจ แต่พบว่าเศษเนื้อเยื่อผิวหนังนั้นไม่ใช่ของคุณนภา”
“หมายความว่าคุณนภาไม่ได้ฆ่าแม่หรือคะ”
“ครับ คุณนภาไม่ใช่ฆาตกรที่ฆ่าคุณแม่คุณ”
ญาดามีสีหน้าตะลึง
“แล้วใครล่ะคะ” ญาดาสงสัย

สายตาใครคนนึงแอบมองพิพัฒน์นั่งอ่านหนังสืออยู่ครู่ใหญ่ก่อนที่จะปิดหนังสือพักสายตา พิพัฒน์สะดุ้งลืมตามองเมื่อปารมีก้าวเข้ามายืนมองพิพัฒน์แบบไม่วางตา
“อ้าว ยัยปา ทำไมมายืนเงียบๆปู่ตกใจหมด” พิพัฒน์ว่า
“ขอโทษค่ะคุณปู่ ปาไม่ทราบว่าคุณปู่หลับค่ะ เห็นอากาศร้อนก็เลยตั้งใจจะเอาชามะนาวมาให้ค่ะ”
“ขอบใจ ปู่แค่พักสายตาน่ะ”
ปารมีวางแก้วชาบนโต๊ะแล้วนั่งคุยกับพิพัฒน์
“นี่พี่ภูไม่อยู่หรือคะ”
“อยู่บ้านยัยเมย์มั้ง เห็นว่ายังไม่หายโกรธกันนี่”
“คุณปู่อยากไปตีกอลฟมั้ยคะ ปาขับรถให้”
“ทำไมอยู่ๆถึงมาชวนปู่ไปตีกอล์ฟ” พิพัฒน์ถาม
“ก็ปาเห็นว่าระยะหลังมานี่คุณปู่ไม่ได้ออกไปไหนเลย อยู่แต่บ้านทุกวันคงเบื่อแย่”
“ก็ดีเหมือนกันนะไปออกรอบซะหน่อย”
“งั้นเดี๋ยวปาไปเตรียมรถให้นะคะ”
“งั้นปู่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”
“ค่ะ”
พิพัฒน์ลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ปารมีมองตามแล้วยิ้มร้ายอย่างมีแผน


ในเวลาต่อมา ปารมีขับรถวิ่งผ่านถนน ภายในรถ พิพัฒน์นั่งหาวอยู่ด้านหลัง
“เฮ้อ ทำไมง่วงจัง” พิพัมน์บ่น
“ถ้าง่วงก็งีบหลับได้ก่อนค่ะคุณปู่ เดี๋ยวถึงสนามแล้วปาจะปลุก” ปารมีบอก
“อืมม์”
พิพัฒน์หลับตา ปารมียิ้มแสยะ

ในเวลาเดียวกัน ญาดาเดินเข้ามาหยุดที่หน้าบ้านพิพัฒน์ก่อนตัดสินใจเดินขึ้นชั้นบน ธาวินเดินลงมาจากชั้นบนพอดีก็เจอเข้ากับญาดา
“ตาล”
ญาดาเมินหน้า ธาวินเดินเข้าไปหาอย่างดีใจแล้วคว้ามือญาดาไว้
“นี่ตาลกลับมาหาผมใช่มั้ย”
ญาดาแกะมือออกอย่างไม่ใยดี
“ ไม่ใช่ ชั้นมาหาคุณภูบดี”
ธาวินชะงักไป
“ทำไม มีอะไรหรือ”
“มีธุระ คุณไปตามคุณภูบดีมาพบชั้นดีกว่า”
ญาดาเมินใส่ธาวินแล้วเดินไปที่ห้องรับแขก

ธาวินเดินตามญาดาไปที่ห้องรับแขกแล้วต่อสายถึงภูบดี
“แกมาที่บ้านหน่อย ตาลเค้ามาหาแก”
ธาวินเหลือบมองญาดานั่งทำหน้ามึนตึงอยู่แล้วคุยต่อ
“ไม่รู้เค้าไม่บอก บอกแค่ว่ามีธุระกับแก”
ธาวินวางสายแล้วหันไปมองหน้าญาดาที่ทำเฉย ต้นหอมเอาน้ำเข้ามาเสิร์ฟ
“น้ำค่ะคุณตาล”
“ขอบใจ”
“คุณตาลจะกลับมาอยู่บ้านแล้วใช่มั้ยคะ” ต้นหอมถาม
“เปล่า ชั้นมาธุระ”
ธาวินยังเหลือบมองญาดาเป็นระยะ ญาดายกน้ำขึ้นจิบอย่างไม่สนใจ
“ต้นหอมว่าคุณตาลกลับมาเถอะนะคะ คุณตาลไม่อยู่ บ้านเงียบเหงามากเลยค่ะ”
“ชั้นจะมาอยู่ในฐานะอะไร ชั้นไม่ใช่สะใภ้ของบ้านนี้ซะหน่อย”
ธาวินรู้ว่า ญาดาตั้งใจแขวะ
“ต้นหอม ไปทำงานต่อเถอะ”
“ค่ะ”
ต้นหอมเดินออกไป ธาวินเดินเข้ามานั่งมองหน้า ญาดามองตอบด้วยสายตาไม่พอใจ
“มาจ้องหน้าชั้นทำไม”
“ผมรู้นะว่าผมผิดที่ผมไม่บอกความจริงตาล แต่ผมอยากให้ตาลเข้าใจผมบ้าง”
“ทำไมชั้นต้องเข้าใจ ในเมื่อคุณหลอกลวงชั้นบอกว่าเป็นทายาทเศรษฐีพันล้าน ชั้นถึงหลวมตัวมาอยู่ด้วย”
“นี่ตาลจะบอกว่าตาลมาอยู่กับผมเพราะเงินงั้นหรือ”
“ก็ใช่สิ ถ้าคุณไม่มีเงินชั้นจะมาอยู่กับคุณหรือ”
“ไหนตาลบอกว่าตาลรักผม”
“มันก็ต้องมีเงินเป็นส่วนประกอบด้วยเหมือนกัน ถ้าตอนแรกชั้นรู้ว่าคุณไม่มีเงิน ชั้นไม่มาอยู่กับคุณหรอก”
ญาดาแกล้งพูดให้ธาวินเจ็บใจเล่น ธาวินเสียใจที่มองคนผิด
“ผมไม่คิดเลยว่าตาลจะเป็นคนแบบนี้”
ญาดาเหลือบมองเห็นสายตาธาวินที่ผิดหวังอย่างแรงก็ทำเมินแอบสะใจและเจ็บปวดในเวลาเดียวกัน
ภูบดีเดินเข้ามาที่ห้องรับแขกพอดี
“หวัดดีครับ คุณตาล”
“สวัสดีค่ะคุณภูบดี”
ญาดาจงใจเน้นชื่อภูบดีจนธาวินต้องเมินหน้าไปอีกทาง
“วินบอกว่าคุณตาลมีธุระจะคุยกับผม” ภูบดีถาม
“ค่ะ ชั้นจะมาบอกคุณว่าฆาตกรที่ฆ่าแม่ชั้นไม่ใช่คุณนภา”
ธาวินหันกลับมามองแล้วถาม
“หมายความว่าไงไม่ใช่คุณนภา”
ญาดาเหลือบมองธาวินแล้วหันมาบอกภูบดี
“ตำรวจบอกว่าฆาตกรยังอยู่ที่นี่”
ภูบดีมีสีหน้าอึ้งไปแล้วมองหน้าธาวิน

รถของปารมีแล่นเข้ามาจอดยังสถานที่แห่งหนึ่ง พิพัฒน์ยังหลับใหลไม่รู้ตัว ชายฉกรรจ์สองคนเข้ามาเปิดประตูรถแล้วอุ้มพิพัฒน์เข้าไปในบ้าน ร่างของพิพัฒน์ถูกวางลงบนเตียง
“เฝ้าไว้ให้ดี ถ้าฟื้นแล้วบอกชั้น” ปารมีบอก
“ครับ”

ภายในบ้านพิพัฒน์ ภูบดีถามญาดา
“คุณป้านภายอมเป็นแพะรับบาปแทนฆาตกรงั้นหรือ”
“ใช่ค่ะ”
“งั้นเรื่องสมยศล่ะ คุณป้านภาฆ่าสมยศด้วยรึเปล่า”
ญาดาไม่ตอบ ภูบดีเหลือบมองธาวินแล้วถามต่อ
“ตำรวจบอกมั้ยครับว่าคุณป้านภาฆ่าสมยศรึเปล่า”
“ไม่ได้ฆ่าค่ะ”
“หมายความว่าคุณนภาโกหกงั้นหรือ” ธาวินว่า
“ถ้าคุณป้านภาไม่ได้ฆ่าแม่คุณกับสมยศแล้วเค้ายอมรับผิดไปทำไม” ภูบดีว่า
“หรือว่ามีใครบังคับคุณนภา” ธาวินว่า
“หรือว่าคุณนภาปกป้องใคร” ภูบดีฉุกคิดขึ้น
มณทกานต์เดินเข้ามาสมทบแล้วพูดขึ้น
“ปารมีไงคะ ขอโทษนะคะที่เมย์มาแอบฟัง แต่เมย์คิดว่าป้านภาน่าจะยอมรับผิดแทนปารมี”
“เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ ตาลไม่เชื่อว่าคุณปารมีจะเป็นฆาตกร ตอนที่ตาลไปเยี่ยมคุณนภาเธอยังร้องไห้เสียใจเรื่องแม่ตาลอยู่เลย” ญาดาว่า
ภูบดีพูดต่อก่อนจะหันไปถามธาวิน
“แต่ผมว่าเป็นไปได้นะ แกจำที่ชั้นบอกได้มั้ย ถ้าคุณนภาไม่ใช่ฆาตกร คนที่น่าสงสัยก็คือปารมี”
“ถ้าเป็นปารมีจริงนับว่าเธอน่ากลัวกว่าที่เราคิดนะ” ธาวินว่า
ทุกคนอึ้งไป ญาดางุนงงไม่อยากเชื่อว่าปารมีเป็นฆาตกร

ภายในห้องผู้กำกับที่สถานีตำรวจ ปรารภกับผู้กำกับกำลังคุยกันอยู่
“ผมคิดว่าคุณปารมีน่าจะมีส่วนรู้เห็นในการตายของสมยศ”
“จริงหรือครับ”
“ใช่ ลูกน้องผมไปสอบปากคำหมอและพยาบาลที่ทำการผ่าตัดคุณนภา ทุกคนยืนยันว่าวันที่สมยศตาย คุณนภาอยู่ในห้องผ่าตัดตั้งแต่แปดโมงเช้าถึงบ่ายสามโมง และคุณปารมีหายไปตอนสิบโมง ถึงเที่ยง ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สมยศตาย”
“แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคุณปารมีจะมีส่วนรู้เห็นนี่ครับ”
“บังเอิญเราได้หลักฐานจากกล้องวงจรปิดของร้านอาหารที่คุณปารมีไปเจอกับสมยศในวันที่คุณตาลกับคุณเมย์ถูกจับไปเรียกค่าไถ่”
ผู้กำกับกดเปิดภาพจากจอคอมพิวเตอร์ให้ปรารภดู บนจอ เป็นภาพในมุมสูงที่ปารมีนั่งอยู่กับสมยศในร้านอาหารและเห็นสมยศพูดโทรศัพท์ ปรารภมีสีหน้าอึ้งไป
“และช่วงเวลาที่ภาพบันทึกได้ เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่สมยศโทรสั่งการลูกน้องให้ฆ่าคุณตาลกับคุณเมย์”
“ผมไม่อยากเชื่อเลยนะครับว่าคุณปารมีจะอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้”
ปรารภนิ่งอึ้งและงงงัน


อ่านต่อหน้า 2





เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 13 (ต่อ)
 

ในเวลาต่อมา พิพัฒน์ลืมตาตื่นแล้วมองรอบห้องอย่างมึนงง ปารมีเปิดประตูเข้ามา
 
“ตื่นแล้วหรือคะคุณปู่”
“ยัยปา นี่มันที่ไหน แล้วปู่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“ปาพาคุณปู่มาเองค่ะ”
พิพัฒน์มองอย่างสงสัย เพราะมีชายฉกรรจ์สองคนยืนขนาบปารมีอยู่
“นี่มันเรื่องอะไรกัน เธอคิดจะทำอะไร” พิพัฒน์ถาม
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ปาแค่อยากให้คุณปู่แก้พินัยกรรม”
“แก้พินัยกรรมงั้นหรือ”
“ใช่ค่ะ ปาต้องการให้คุณปู่แก้พินัยกรรมด้วยการมอบอำนาจให้ปาเป็นผู้จัดการมรดกหลังจากที่คุณปู่ตาย”
“เธอทำแบบนี้เพื่ออะไร”
“ไม่ต้องถามหรอกค่ะ ตอนนี้อันดับแรก ปาอยากให้คุณปู่บอกให้คุณปรารภมาหาคุณปู่ที่นี่ดีกว่า”
“ชั้นไม่ทำอะไรให้เธอทั้งนั้น”
ปารมีหันไปมองหน้าลูกน้อง ลูกน้องคนหนึ่งเดินเข้าไปตบผัวะที่หน้าพิพัฒน์จนสะบัดไป ปารมีมองยิ้ม
“ปาว่าคุณปู่อย่าดื้อเลยค่ะ จะเจ็บตัวฟรี ทำตามที่ปาบอกดีกว่า”
ปารมีส่งโทรศัพท์ให้ พิพัฒน์จำใจรับมากดหาปรารภ

บริเวณทางเดินในสถานีตำรวจ เสียงโทรศัพท์มือถือของปรารภดังขึ้นแล้วกดรับ
“ครับท่าน”

“ชั้นมาหาเพื่อนที่บ้าน101ซอยยินดี22 คุณแวะมาหาหน่อยได้มั้ย”
“ได้ครับ ผมมีเรื่องสำคัญจะไปคุยกับท่านอยู่พอดี”
“อืมม์”
พิพัฒน์ปิดโทรศัพท์ส่งคืนให้ปารมี
“ถ้าคุณปู่ว่าง่ายๆแบบนี้ก็จะไม่เจ็บตัวค่ะ” ปารมีบอก
“แต่ปรารภไม่มีทางทำพินัยกรรมปลอมให้เธอหรอก”
“เดี๋ยวก็รู้ค่ะ”

ปรารภขับรถไปหาพิพัฒน์ด้วยสีหน้าเครียดเมื่อนึกถึงเรื่องปารมี พลางนึกถึงบางช่วงการสนทนากับผู้กำกับ
“ลูกน้องผมรายงานว่าสมยศว่าจ้างคนไปฆ่าคุณภาคินลูกชายคุณพิพัฒน์”
“สมยศน่ะหรือครับจ้างคนไปฆ่าคุณภาคิน”
“ใช่ บางทีคุณปารมีอาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย”

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขณะกำลังขับรถ ปรารภกดรับ
“ครับคุณภู”
ภายในบ้านพิพัฒน์ ภูบดีกำลังพูดโทรศัพท์กับปรารภ
“นี่คุณปรารภอยู่ไหนครับ คุณตาลมาหาผมบอกว่า ฆาตกรที่ฆ่าน้าอ้อยกับสมยศไม่ใช่คุณนภา”
“ผมกำลังจะโทรบอกคุณภูอยู่เหมือนกัน เพราะเมื่อกี้ผมไปคุยกับตำรวจมา ตำรวจบอกว่าคุณปารมีอยู่เบื้องหลังการตายของสมยศ”
“ปารมีหรือครับ”
ธาวิน ญาดาและมณทกานต์หันไปมองหน้าภูบดี
“ใช่ครับ ตอนนี้ตำรวจกำลังวางแผนจะจับเธอ”
“งั้นผมว่ามาคุยกันที่บ้านดีมั้ยครับ”
“ได้ครับ แต่ผมจะแวะไปหาคุณพิพัฒน์ที่บ้านเพื่อนท่านก่อน”
“อ้าว นี่คุณปู่ไม่อยู่บ้านหรือครับ”
“เมื่อสักครู่ท่านโทรหาผมบอกว่าอยู่บ้านเพื่อนน่ะครับ ให้ผมแวะไปหา เดี๋ยวเจอกันนะครับ”
ปรารภวางโทรศัพท์ ภูบดีหลังวางสายหันมาบอกทุกคน
“คุณปรารภบอกว่า ปารมีอยู่เบื้องหลังการตายของสมยศจริง ๆ”
ญาดาตะลึงแทบไม่เชื่อ
“ หมายความว่าคุณปารมีฆ่าแม่ตาลด้วยงั้นหรือ”
“เห็นมั้ยคะ เมย์บอกแล้วว่าปารมีไม่ใช่คนดีอย่างที่ทุกคนคิด”
“แล้วตอนนี้ปารมีอยู่ไหน” ธาวินถามขึ้น
ทุกคนมองหน้าธาวิน

ปรารภขับรถเข้ามาจอดหน้าบ้านตามที่พิพัฒน์บอกไว้ ปรารภกดออดแต่ไม่มีใครมาเปิด ปรารภมองรออยู่ครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจลองเปิดประตูเล็กที่ไม่ได้ล็อกเข้าไป

ภายในบ้านพิพัฒน์ ต้นหอมบอก
“คุณปารมีพาคุณท่านไปตีกอล์ฟค่ะ”
“ไปตั้งแต่เมื่อไหร่” ธาวินถาม
“ประมาณบ่ายโมงได้ค่ะ” ต้นหอมบอก
ภูบดีดูนาฬิกาแล้วบอก
“ตอนนี้บ่ายสอง แต่เมื่อกี้คุณปรารภบอกว่าคุณปู่ไปหาเพื่อน”
“หรือว่าปารมีคิดจะทำอะไรคุณปู่” มณทกานต์ว่า
“ตาลว่าคุณรีบโทรบอกคุณปรารภก่อนดีกว่า” ญาดาว่า
ภูบดียกโทรศัพท์กดหาปรารภทันที

ปรารภเดินเข้ามาในบ้านแต่บ้านเงียบ
“ขอโทษครับ ผมมาหาคุณพิพัฒน์”
ปรารภมองซ้าย มองขวาหาคนในบ้าน แต่ไม่มีใคร เสียงโทรศัพท์มือถือของปรารภดัง ปรารภหยิบโทรศัพท์ออกมาดูเห็นชื่อภูบดีกำลังจะกดรับ ปารมีเดินเข้ามาพอดี
“อยู่เฉย ๆ ถ้าไม่อยากตาย”
ปรารภชะงัก ปารมียืนอยู่กับลูกน้อง 2 คนที่เล็งปืนมาที่ปรารภ
“คุณปารมี”
เสียงโทรศัพท์มือถือยังดังอยู่ ปรารภเหลือบมองโทรศัพท์แล้วบอก
“ขอโทรศัพท์ด้วยค่ะ”
ปรารภมองลังเล ลูกน้องเดินเข้ามาดึงโทรศัพท์ไป กดตัดสัญญาณทิ้ง
“เอาตัวขึ้นไปข้างบน” ปารมีสั่ง
ลูกน้องเข้ามาล็อกตัวปรารภ
“นี่มันอะไรกันครับคุณปารมี”
“เดี๋ยวคุณก็รู้”
“ไป” ลูกน้องพูดเสียงเข้มแล้วผลักปรารภให้เดินขึ้นไปชั้นบน
ภูบดีพยายามกดโทรศัพท์ซ้ำแต่ไม่มีเสียงตอบรับ ภูบดีหันมาบอกทุกคน
“อยู่ๆโทรศัพท์ก็ถูกตัดสัญญาณ”
“ชั้นว่าต้องมีอะไรไม่ดีแน่ “ ธาวินว่า
“โทรแจ้งตำรวจก่อนเถอะค่ะ” ญาดาบอก

ภูบดีกดโทรศัพท์ทันที
ปรารภถูกผลักให้เข้ามาในห้องกักขังรวมกับพิพัฒน์
“ปรารภ”
“คุณปารมีทำอะไรท่านรึเปล่าครับ”
“เค้าจะให้แก้พินัยกรรม ให้ชั้นมอบอำนาจให้เค้าเป็นผู้จัดการมรดก”
“จริงหรือครับ”
“ใช่ เค้าต้องการมรดกทั้งหมดของชั้น”
“ถ้าอย่างงั้นคุณปารมีก็คือคนที่อยู่เบื้องหลังการตายของคุณภาคิน”
“หมายความว่ายังไง”
“ตำรวจบอกผมว่าคุณปารมีอยู่เบื้องหลังการตายของสมยศและสมยศเป็นคนจ้างคนไปฆ่า
คุณภาคิน”
ปารมีเข้ามาพร้อมเอกสารแล้วพูดขึ้น
“เอาล่ะค่ะคุณปรารภในเมื่อเข้าใจทุกอย่างดีแล้วก็กรุณาเซ็นเป็นพยานในเอกสารนี้ด้วยค่ะ”
“ผมไม่เซ็น”
ปารมีมองหน้า
“คุณว่าไงนะ”
“ผมบอกว่าผมไม่เซ็นอะไรให้คุณทั้งนั้น”
ปารมียิ้มแววตาเหี้ยม
“ก็ตามใจ”
ปารมีหันไปคว้าปืนที่ลูกน้องแล้วยิงใส่อกปรารภทันที ปรารภสะดุ้งผงะตาเหลือกค้างทรุดลงไปนอนจมกองเลือด พิพัฒน์ตะลึงกับภาพเบื้องหน้า
“ไม่มีพยานก็ไม่เป็นไรค่ะ คุณปู่ช่วยเซ็นมอบอำนาจให้ปาด้วย”
“ชั้นไม่คิดเลยว่าเธอจะอำมหิตแบบนี้ปารมี”
“ถ้าปาไม่ทำแบบนี้ปาก็ไม่มีวันได้มรดกของคุณปู่น่ะสิคะ”
“อย่ามาเรียกชั้นว่าปู่ ชั้นไม่มีลูกหลานเป็นฆาตกร”
“ก็ได้ค่ะ เพราะชั้นเองก็ไม่ได้อยากนับญาติกับคุณ เอาล่ะ เซ็นชื่อได้แล้ว”
พิพัฒน์มอง ปารมีมองจ้องอย่างอำมหิต
“คุณคงไม่อยากมีจุดจบเหมือนทนายปรารภ”
พิพัฒน์อึ้งรับปากกากับเอกสาร ปารมีแสยะยิ้ม

ธาวินกับภูบดีคุยกับผู้กำกับอยู่ภายในห้องผู้กำกับที่สถานีตำรวจ
“แสดงว่าคุณปารมีต้องหลอกให้คุณปรารภไปพบกับคุณพิพัฒน์แล้วกักขังตัวไว้” ผู้กำกับบอก
“แล้วเธอจะเอาตัวคุณปู่กับคุณปรารภไปทำอะไร”
ธาวินคิดแล้วบอก
“หรือว่า ...”
“มรดก” ภูบดีพูดต่อ
“ใช่ ชั้นว่าต้องเป็นเรื่องนี้แน่” ธาวินว่า
“ถ้างั้นผมรู้แล้วครับว่าเราจะจับตัวคุณปารมีได้ยังไง” ผู้กำกับบอก

ภายในบ้านพิพัฒน์ ธาวิน ภูบดี ญาดา มณทกานต์กำลังนั่งล้อมวงคุยกันอยู่
“ตำรวจบอกให้เราแกล้งทำไม่รู้ว่าปารมีคือคนร้าย พวกเราทุกคนต้องทำเป็นตกใจกับการหายไปของคุณปู่” ภูบดีบอก
“เรื่องตกใจไม่เห็นต้องบอกเลย ตอนนี้ก็ตกใจกันอยู่แล้ว” มณทกานต์ว่า
“คุณเมย์ครับผมว่าตอนนี้เราต้องสงบศึกชั่วคราวนะครับ” ธาวินว่า
มณทกานต์มองค้อนภูบดี ธาวินมองหน้าญาดาเหมือนจะบอกด้วย ญาดาทำเมินไปถามภูบดี
“แล้วยังไงต่อคะคุณภูบดี”
“เมื่อปารมีตายใจว่าเราไม่ได้สงสัยเธอ เราก็จะหลอกให้เธอติดกับ” ภูบดีว่า
“แล้วปารมีจะรู้ได้ยังไงว่าเราไม่สงสัยเธอ” ญาดาถาม
“เดี๋ยวผมจะโทรถามเธอว่าคุณปู่อยู่ไหน”

ปารมีส่งเงินปึกใหญ่ให้ลูกน้องทั้งสองคน
“นี่เป็นเงินค่าจ้างงวดที่1ของแกสองคน”
“แล้วคุณปารมีจะให้เราฆ่าตาแก่นี่เมื่อไหร่” ลูกน้องคนที่หนึ่งพูดขึ้น
“ยังไม่ใช่ตอนนี้”
“แต่ผมว่าถ้ามันหมดประโยชน์แล้วก็ควรจะเก็บมันซะเลย” ลูกน้องคนที่สองว่า
“ก็เพราะว่ามันยังไม่หมดประโยชน์น่ะสิ ชั้นถึงต้องเก็บมันไว้”
เสียงโทรศัพท์มือถือปารมีดัง ปารมีดูเบอร์เห็นเป็นเบอร์บ้าน ปารมีลังเลก่อนจะตัดสินใจกดรับ
“ฮัลโหล”
“น้องปาหรือ ผม ภูบดีนะ”
“ ค่ะพี่ภู”
“พอดีพี่โทรหาคุณปู่แต่ไม่มีคนรับสาย เห็นเด็กบอกว่าออกไปตีกอล์ฟกับน้องปา พี่เลยจะโทรมาถามว่าคุณปู่จะกลับบ้านกี่โมง”
“อ๋อ ปาแยกกับคุณปู่ตั้งนานแล้วค่ะพี่ภู ตอนแรกปาจะไปส่งที่สนามกอล์ฟแต่คุณปู่ขอลงกลางทางบอกว่าเปลี่ยนใจจะไปหาเพื่อน ปาจะไปส่งก็ไม่ยอมบอกจะไปแท็กซี่”
“อ้าวหรือ โอเคจ้ะ งั้นแค่นี้นะ เดี๋ยวพี่จะลองโทรเข้ามือถือท่านอีกที พอดีมีเรื่องสำคัญ”
“เรื่องอะไรหรือคะ”
“สำนักงานกฎหมายโทรมาแจ้งว่าเราถูกฟ้องล้มละลาย”
“อะไรนะคะ ล้มละลาย”
“อาจจะเป็นการเข้าใจผิดก็ได้ นี่พี่กำลังโทรตามคุณปรารภอยู่ไม่รู้ว่าแกหายไปไหน แค่นี้นะ”
“ค่ะ”
ภูบดีวางสายทันที ธาวินถาม
“เธอว่าไง”
“ชั้นว่าอีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงเธอต้องกลับมา”
มณทกานต์กับญาดาสบตากัน

ภายในบ้านที่กักขังพิพัฒน์ ปารมีบอกลูกน้อง
“ชั้นจะกลับบ้านก่อน แกสองคนเฝ้าตาแก่นี่ไว้ให้ดีอย่าให้มันหนีไปได้ล่ะ”
“ครับ” ลูกน้องทั้งสองคนรับขึ้นพร้อมกัน
“ให้มันกินข้าววันล่ะมื้อ มันจะได้ไม่มีแรงหนี”
“ครับ”
ภายในบ้านพิพัฒน์ ภูบดีพูดโทรศัพท์ประโยคสุดท้ายกับผู้กำกับ
“ครับ ... ผมจะทำตามที่ท่านบอก ขอบคุณมากครับ”
ภูบดีวางสาย ธาวินถามทันที
“ผู้กำกับว่าไง”
“ท่านบอกให้ทำทุกอย่างตามปกติ อย่าให้ปารมีสงสัย”
“หวังว่าปารมีจะยังไม่ทำอะไรคุณปู่นะ” ญาดาว่า
“ขอให้เป็นอย่างนั้นเถอะ” มณทกานต์บอก


อ่านต่อหน้า 3





เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 13 (ต่อ)
 
 
ภายในเวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมง ปารมีเดินเข้ามาในบ้าน เห็นภูบดีกำลังกดโทรศัพท์โดยมีธาวินนั่งอยู่ด้วย ปารมีมองปรับความรู้สึกก่อนจะเดินเข้าไปหาภูบดี
 
“เป็นไงคะพี่ภู โทรเจอคุณปู่รึยังคะ”
“ท่านยังไม่รับสายเลย ไม่รู้เป็นอะไรรึเปล่า”
ภูบดีทำทีเป็นกดโทรศัพท์หาปรารภ
“คุณปู่บอกรึเปล่าครับคุณปาว่าจะไปหาเพื่อนที่ไหน” ธาวินถาม
“ไม่ได้บอกค่ะ ปาก็ดันไม่ได้ถามซะด้วย” ปารมีถาม
“ คุณปรารภก็ไม่รับสายเหมือนกัน” ภูบดีบอก
เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้น ธาวินเดินไปรับ
“ฮัลโหล ครับซักครู่นะครับ”
ธาวินบอกภูบดี
“ธนาคารโทรมาจะขอพูดกับคุณปู่”
ธาวินส่งโทรศัพท์ให้ภูบดี ปารมีมอง
“ตอนนี้คุณปู่ไม่อยู่ครับ ผมเป็นหลานชายท่าน ฝากเรื่องไว้ได้มั้ยครับ ... อะไรนะครับ อายัดเงินใน
แบงค์ทั้งหมดหรือครับ”
ปารมีได้ยินดังนั้นก็มองด้วยสายตาอึ้งๆ
“ยึดบ้านวริทธิวรนันท์หรือครับ” ภูบดีย้ำด้วยเสียงตกใจ
ปารมีตะลึง
“ขายทอดตลาดบริษัทในเครือวรารมย์ทั้งหมด”
ปารมีมองอย่างเก็บความรู้สึก
“ครับ ครับ ถ้าท่านกลับมาผมจะเรียนให้ท่านทราบ”
ภูบดีวางสายแล้วหันมาบอกธาวินกับปารมี
“นี่มันอะไรกันคะพี่ภู”
ภูบดีทำเป็นทรุดลงนั่งอย่างหมดอาลัยตายอยากในชีวิต
“คุณปู่ถูกฟ้องล้มละลายจริง ๆ”
“ไม่ เป็นไปไม่ได้” ปารมีว่า
“แต่มันเป็นไปแล้ว แบงก์จะมายึดบ้านและบริษัทกำลังจะถูกขายทอดตลาด” ภูบดีว่า
“ไม่จริง พี่ภูโกหก ปาไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน”
“พี่ก็ไม่เคยรู้มาก่อนเหมือนกันแต่ทางแบงก์บอกว่าคุณปู่เอาบ้านและบริษัทไปจำนองไว้โดยไม่จ่ายดอกเบี้ยมาหลายปีแล้ว ถ้าปาไม่เชื่อ ปาก็ต่อสายไปคุยกับที่แบงก์ดู” ภูบดีบอก
ภูบดียื่นโทรศัพท์ให้
“ไม่อยากเชื่อเลยว่าทุกอย่างจะจบแบบนี้”
ธาวินกับภูบดีเหลือบมองสบตากัน ธาวินพูดขึ้น
“แล้วนี่คุณปู่ไปไหน ทำไมไม่โทรกลับซะที ชั้นว่าเราควรจะแจ้งตำรวจนะภู”
“รออีกซักพักน่ะ บางทีคุณปู่อาจจะลืมโทรศัพท์ไว้ที่ไหนก็ได้” ภูบดีบอก
“งั้นปาขอตัวก่อนนะคะ”
“ปาจะไปไหน” ภูบดีถาม
“ปาปวดหัวน่ะค่ะจะกลับไปพักซะหน่อย”
ภูบดีพยักหน้า ปารมีเดินออกไป ญาดากับมณทกานต์เดินเข้ามาอีกทาง
“เธอเชื่อมั้ยคะ” ญาดาถาม
“ผมว่าห้าสิบห้าสิบ” ภูบดีว่า
“แล้วทำไมเราถึงไม่จับปารมีเลย” มณทกานต์ถาม
“นั่นสิ ที่จริงเรามีโอกาสแล้ว เราน่าจะจับเธอไว้เลย” ญาดาว่า
“ตำรวจกลัวว่าถ้าเราจับเธอโดยที่เราไม่มีหลักฐานแน่นหนา เธออาจจะไม่ยอมบอกว่าคุณปู่กับคุณปรารภอยู่ไหน”
“แล้วจะทำยังไงต่อไป ปล่อยให้ปารมีเดินไปเดินมาลอยนวลแบบนี้หรือคะ ชั้นกลัวว่าเค้าจะสั่งฆ่าคุณปู่ซะก่อน” มณทกานต์ว่า
“ยังหรอก ผมเชื่อว่าปารมีต้องกลับไปเช็คให้แน่ใจว่าก่อนว่าคุณปู่ล้มละลายจริงรึเปล่า” ภูบดีว่า

เสียงโทรศัพท์มือถือบุญทันดังขึ้น บุญทันกดรับทันที
“ฮัลโหล .. ครับท่าน”
ผู้กำกับโทรเข้ามาหาภูบดี
“ลูกน้องผมไปเจอรถคุณปรารภจอดทิ้งอยู่ในซอยแถวนนท์”
“จริงหรือครับ แล้วเจอตัวคุณปู่กับคุณปรารภมั้ยครับ”
“ตอนนี้ยัง แต่เจอบ้านที่ต้องสงสัยแล้ว ลูกน้องผมกำลังหาวิธีเข้าไป ถ้าปารมีกลับมาผมอยากให้คุณเฝ้าเธอไว้อย่าให้เธอหนีไปก่อนที่เราจะเจอตัวคุณพิพัฒน์”
“ได้ครับ นี่เธอเพิ่งกลับมา”
“ดี เฝ้าเธอไว้อย่าให้คลาดสายตา”
“ครับ”
ภูบดีวางสายแล้วหันมาบอก
“ตำรวจให้เราจับตาดูปารมีไว้”
“แต่ตอนนี้เธอกลับไปบ้านแล้ว”
“งั้นชั้นจะไปอยู่กับเธอเอง” ญาดาบอก
“ผมว่าอย่าดีกว่า เราไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ คุณอาจจะมีอันตรายนะตาล” ธาวินว่า
“ใช่ค่ะพี่ตาล เมย์ว่าอย่าเสี่ยงดีกว่า” มณทกานต์ว่า
“แต่ถ้าไม่มีใครประกบเธอไว้ เธออาจจะหนีได้นะคะ” ญาดาว่า
“ใช่ เอาอย่างนี้ ผมว่าให้ตาลเข้าไปประกบปารมี ส่วนพวกเราคอยระวังอยู่รอบนอก” ภูบดีบอก
“โอเคค่ะ”
ธาวินมองอย่างห่วงใย ญาดาทำเมินซะอย่างนั้น
ภายในบ้าน ปารมีกดโทรศัพท์ไปหาผู้จัดการธนาคาร รอฟังเสียงจนปลายสายรับ
“คุณชัยรัตน์หรือคะนี่ปารมีนะคะ”
“ครับคุณปารมี”
“เมื่อซักครู่ทางแบงก์โทรมาบอกที่บ้านว่าคุณปู่ถูกฟ้องล้มละลาย ปาอยากให้เช็คให้หน่อยน่ะค่ะ”
“ใช่ครับ ผมเพิ่งได้รับแจ้งเหมือนกันว่าคุณพิพัฒน์ล้มละลาย”
ปารมีอึ้ง
“จริงหรือคะ ... ขอบคุณนะคะ”
ปารมีวางสายด้วยความโกรธ
“บ้าที่สุด ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ นี่ชั้นหลงคิดว่ามันมีเงิน ไอ้แก่ แกนี่มันเลวจริงๆ ชั้นจะฆ่าแก”
ปารมีลุกจะเดินลุกออกไป ญาดาเปิดประตูเข้ามาพอดี ปารมีชะงักและรีบชักสีหน้ากลับเป็นปกติ
“พี่ตาล”
“ดีใจจังเลยค่ะที่เจอคุณปา”
“มีอะไรหรือคะ”
“ตาลมีเรื่องกลุ้มๆน่ะค่ะ ไม่รู้จะคุยกับใคร เลยนึกถึงคุณปา ตาลคุยด้วยได้ใช่มั้ยคะ”
“เอ่อ ค่ะ”
ปารมีจำใจรับคำแล้วฝืนยิ้ม ญาดาทำเนียนๆยิ้มให้แล้วทำทีเป็นเดินดูบ้าน
“โอ้โห บ้านคุณปาสวยจังเลยนะคะ ตาลไม่เคยเข้ามาที่นี่เลย” ญาดาชวนคุยถ่วงเวลา
“ค่ะ ปากับคุณแม่ช่วยกันตกแต่งน่ะค่ะ”
ญาดาหยิบรูปนภาที่วางบนตู้โชว์ขึ้นมาดู ปารมีมอง
“เห็นคุณนภาแล้วทำให้ตาลคิดถึงแม่”
ปารมีชะงักแล้วทำตีหน้าเศร้า
“ ปาเสียใจนะคะ ที่แม่ปา...”
“ช่างมันเถอะค่ะ ตอนนี้คุณนภาก็ชดใช้กรรมแล้ว”
“พี่ตาลไม่โกรธแม่ปาจริงๆหรือคะ”
ญาดาซ่อนความเจ็บปวดแล้วฝืนยิ้มให้ปารมี
“ไม่ค่ะ”
“ขอบคุณนะคะ อ้อ พี่ตาลดื่มอะไรดีคะ มีน้ำแอปเปิลกับน้ำส้ม”
“น้ำเย็นดีกว่าค่ะ”
“เดี๋ยวปาไปเอาให้นะคะ”
ปารมีเดินไปเอาน้ำ ญาดามองตามด้วยสายตาโกรธและเกลียดชัง

ปารมีเดินเข้ามาในครัวหันมองไปด้านหลังอย่างระวังก่อนกดโทรศัพท์หาลูกน้องแล้วสั่งการ
“ฆ่าไอ้แก่ได้เลย มันไม่มีประโยชน์แล้ว”
“ครับ”
“ถ้าเรียบร้อยแล้วโทรบอกชั้นด้วย”
“ครับ”
ปารมีวางสายด้วยแววตาไร้อารมณ์
ลูกน้องคนที่หนึ่งซึ่งคุยกับปารมีหันมาบอกลูกน้องอีกคน
“เก็บไอ้แก่ได้เลย”
“งั้นเอ็งขึ้นไปจัดการเลย”
“อะไรวะ ไม่ขึ้นไปด้วยกันหรือ” ลูกน้องคนแรกถาม
“กลัวอะไรวะ”
“ไม่ได้กลัว แต่แบ่งเงินเท่ากันก็ควรจะขึ้นไปด้วยกันนะโว้ย”
“ก็ได้” ลูกน้องคนที่สองบอก

ขณะนั้นตำรวจ 5 นายกระโดดเข้ามาในรั้วบ้านที่กักขังพิพัฒน์ก่อนกระจายกำลังกันออกไปเพื่อค้นหา ตำรวจ 3 นายเข้าไปในบ้าน
ภายในห้องกักขัง พิพัฒน์ถูกมัดมือมัดเท้านอนสลบอยู่ในห้อง
“เอาลุง ลุกได้แล้ว” ลูกน้องคนที่หนึ่งบอก
“จะปล่อยชั้นแล้วหรือ” พิพัฒน์ถาม
“ใช่ จะปล่อยลุงไปสวรรค์แล้ว”
ลูกน้องอีกคนบอกก่อนจะชักปืนออกมาเล็งไปที่พิพัฒน์
“อย่า อย่าทำอะไรชั้นเลย”
ตำรวจเข้ามาด้านหลังคนร้าย
“หยุดนะนี่ตำรวจ”
ลูกน้องของปารมีหันกระบอกปืนไปยังตำรวจ ตำรวจยิงสวนจนคนร้ายกระเด็นหงายไป ตำรวจเดินเข้ามาหาพิพัฒน์แล้วบอก
“ปลอดภัยแล้วครับท่าน”

ภายในบ้านปารมี ญาดาทำทีเป็นยกน้ำจิบ ปารมีเหลือบมองโทรศัพท์รอคำยืนยันจากลูกน้อง
เสียงโทรศัพท์มือถือของญาดาดังขึ้น ตาลกดรับ ปารมีหันไปมอง
“ฮัลโหล”
ธาวินพูดโทรศัพท์กับญาดาอยู่ในบ้านพิพัฒน์
“ตอนนี้ตำรวจช่วยคุณปู่ได้แล้วนะ อีกไม่เกินสิบนาทีตำรวจจะมาจับปารมี ตาลออกมาได้แล้ว”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะ”
“ใครหรือคะ” ปารมีถาม
“คุณเมย์น่ะค่ะเค้าชวนไปทานข้าวที่บ้านเย็นนี้ คุณปาไปทานด้วยกันมั้ยคะ”
ปารมีพยักหน้ารับรู้
“ไม่ล่ะค่ะ”
“คุณปาอยู่คนเดียวคงเหงานะคะ” ญาดาคุยต่อ
“ก็มีบ้างค่ะ ปกติคุณแม่เคยอยู่ด้วย พอไม่มีคุณแม่ก็แย่เหมือนกัน”
“จะว่าไปคุณปากับตาลก็หัวอกเดียวกันนะคะ เราเป็นลูกสาวคนเดียวเหมือนกัน กำพร้าพ่อเหมือนกัน แถมแม่ยังมาตายหมือนกันอีก”
ปารมีฝืนยิ้มแล้วบอก
“ ค่ะ”
“คุณนภาคงรักคุณปามากนะคะ”
“ค่ะ ปาก็รักแม่มากเหมือนกัน ปายังจำได้ ตอนเด็กๆเวลาปาอยากได้อะไรแม่จะหามาให้ต่อให้ยากแค่ไหน แม่ก็จะต้องดั้นด้นไปหามาให้จนได้” ปารมีบอก
“นั่นสิคะ แล้วทำไมถึงโยนบาปไปให้ท่าน” ญาดาว่า
ปารมีมีสีหน้าสงสัยแล้วย้ำคำของญาดา
“โยนบาป”
“ใช่ค่ะ ทำไมถึงโยนความผิดให้ท่านเป็นฆาตกร”
ปารมีชะงักแต่ยังทำใสซื่อไม่รู้เรื่องอยู่
“พี่ตาลพูดเรื่องอะไรคะ”
“คุณเป็นคนฆ่าแม่ชั้น ฆ่าสมยศไม่ใช่หรือคะ”
ปารมีขยับตัวลุกขึ้นทันที
“ทำไมพี่ตาลพูดแบบนี้ล่ะคะ ปาไม่ได้ทำนะคะ”
ญาดาลุกตามแล้วบอก
“คุณเลิกโกหกได้แล้ว ตอนนี้ใครๆก็รู้ว่าคุณเป็นฆาตกร คุณเป็นคนอำมหิต คุณฆ่าแม่ชั้นได้ยังไง แม่ชั้นทำอะไรให้คุณ”
ญาดาเดินเข้าหาจนปารมีต้องถอยหนี
“พี่ตาล ปาไม่รู้เรื่องนะคะ”
“เลิกตีหน้าซื่อทำเป็นแสนดีได้แล้ว ตอนนี้ตำรวจกำลังจะมาจับคุณ”
ปารมีดึงปืนออกจากกระเป๋า
“งั้นหรือ”
ญาดาชะงักไป

ที่หน้าบ้านปารมี ธาวิน ภูบดีและมณทกานต์ต่างมองชะเง้อเข้าไปในบ้าน
“ทำไมตาลยังไม่ออกมา” ธาวินพูดขึ้น
“อย่าบอกนะว่าพี่ตาล” มณทกานต์ว่า
“ทำไมหรือ” ธาวินถาม
“ก็ปารมีฆ่าแม่พี่ตาล คุณคิดว่าคนอย่างพี่ตาลจะยอมให้แม่เค้าตายฟรีหรือ” มณทกานต์ว่า
ธาวินกับภูบดีมองหน้ากัน

ปารมีเดินเข้ามาเอาปืนจ่อญาดาแล้วว่า
“เธอนี่มันแส่หาที่ตายเหมือนแม่ไม่มีผิด”
“ในที่สุดเธอก็ยอมเผยตัวตนที่แท้จริงออกมาซะที”
“ใช่ ชั้นฆ่าแม่เธอเพราะแม่เธอมันสาระแนไม่เข้าเรื่อง เหมือนกับ เธอ ที่จริงเธอน่าจะตายไปนานแล้วนะ ไม่น่าเชื่อว่าจะรอดมาได้ทุกครั้ง”
“นี่หมายความว่าเธอหาทางฆ่าชั้นมานานแล้วหรือ”
“ใช่ ตั้งแต่ก้าวแรกที่เธอมาเหยียบบ้านนี้”
“เพราะอะไร”
“ก็บอกแล้วไงว่าเธอมันแส่เหมือนแม่ ถ้าเธอไม่เข้ามาในฐานะหลานสะใภ้คุณปู่ก็คงไม่ต้องเสี่ยงตาย”
“เธอนี่มันเลวจริงๆ” ญาดาบอก
“ไม่ต้องสรรเสริญชั้นเพราะคนอย่างชั้นไม่บ้ายอ “
“ใช่สิ คนอย่างเธอมันไม่สะทกสะท้านหรอก เพราะขนาดแม่ตัวเอง เธอยังกล้าโยนความผิดไปให้”
ปารมีตบเพี๊ยะ
“หุบปาก ชั้นไม่ได้โยนความผิดให้แม่ แม่ชั้นเค้ายอมรับผิดแทนเพราะเค้ารักชั้นต่างหาก”
“ถ้างั้นเธอก็เป็นลูกที่ประเสริฐมากที่ยอมให้แม่มีตราบาปติดตัวไปจนตาย”
ปารมีตบญาดาอีกฉาด
เสียงรถหวอตำรวจดัง ปารมีชะงัก
“หันหลัง” ปารมีสั่งญาดา
ญาดาขยับหันหลังให้ ปารมีจับล็อกมือด้านหลังแล้วเอาปืนจี้
“อยู่เฉยๆนะ ถ้าเธอตุกติกล่ะก็ หลังทะลุแน่”

ตำรวจวิ่งเข้ามาหากลุ่มของภูบดีที่หน้าบ้านปารมี
“ปารมีอยู่ในบ้านครับ” ภูบดีบอก
“แล้วคุณตาลล่ะครับ” ตำรวจถาม
“อยู่ด้วยครับ” ธาวินบอก
ตำรวจหันไปสั่งลูกน้องให้กระจายกำลังกันล้อมบ้าน แล้วพูดผ่านโทรโข่งเสียงดัง
“คุณปารมีขณะนี้ตำรวจได้ล้อมคุณไว้หมดแล้ว ขอให้คุณออกมามอบตัวซะ”

ปารมีเอาปืนจ่อหลังญาดาและได้ยินเสียงตำรวจดังเข้ามาในบ้าน
“อ้อ นี่คงวางแผนไว้แล้วว่าจะจับชั้นใช่มั้ย”
“เธอหนีไม่รอดหรอก”
“ถ้าชั้นไม่รอด เธอก็ต้องไม่รอดด้วย มานี่”
ปารมีผลักญาดาออกไปทางด้านหลังบ้าน

ตำรวจหันมาบอกลูกน้อง
“คุณสองคนตามผมมา”
ตำรวจนำลูกน้องเข้าไปในบ้าน ฝ่ายปารมีที่เอาญาดาไว้เป็นตัวประกันเมื่อออกมาทางด้านหลังก็เจอเข้ากับตำรวจที่เข้ามาขวาง ปารมียิงสวนออกไปจนตำรวจผงะไป ธาวินได้ยินเสียงปืนจากด้านหลังก็รีบวิ่งตามไป ภูบดีและมณทกานต์วิ่งตามไป
“ตาล” ธาวินร้องเรียก

ปารมีลากญาดามาในสวน ธาวินวิ่งตามมาดักหน้า
“ปารมี ผมขอร้องล่ะ ปล่อยตาลเถอะ” ธาวินบอก
“ทำไมชั้นต้องเชื่อคุณ ถอยไป” ปารมีถาม
“ผมไม่ถอยถ้าคุณไม่ปล่อยตาล”
“ชั้นว่าคุณถอยไปดีกว่า” ญาดาบอก
“ไม่ ผมจะไม่ยอมให้เธอทำอะไรคุณ”
“ชั้นซาบซึ้งในความรักของคุณจริงๆ” ปารมีบอก
ปารมียกปืนยิงธาวินจนกระเด็นล้มลง ญาดาตะลึง ภูบดีกับมณทกานต์วิ่งเข้ามา
“ปารมี” ภูบดีเรียก
“หยุดนะปารมี” มณทกานต์ว่า
ปารมีหันมายิงใส่มณทกานต์ ภูบดีเอาตัวเข้าขวาง กระสุนทะลุร่างภูบดี มณทกานต์ช็อกกับภาพตรงหน้าถึงกับหวีดร้องเสียงหลง
“พี่ภู”
ปารมีหันมาจ่อปืนใส่ญาดาอีก
“อย่าอยู่เลยแก”
ปารมีกำลังจะยิงญาดา ตำรวจตัดสินใจยิงใส่ปารมีจนผงะ ตาเหลือกค้าง ปืนตก ร่วงลงกองกับพื้น
ญาดาวิ่งไปหาธาวิน
“คุณวิน คุณเป็นยังไงบ้าง”
ธาวินมองแล้วเอื้อมมือจะลูบหน้าญาดา แต่มือตกหมดสติดับวูบ
“คุณวิน คุณวิน”
ญาดากอดธาวินร้องไห้สะอื้น

จบตอนที่ 13


โปรดติดตามตอนที่ 14 ตอนอวสาน เร็วๆนี้




กำลังโหลดความคิดเห็น