ปิ่นอนงค์ ตอนที่ 7
ปิ่นอนงค์เดินหน้าเครียดหนีมา แต่พอมองธรรมชาติสวยงามรอบตัวแล้ว หญิงสาวยิ้มน้อยๆ ออกมา พร้อมกับเอามือระปลายยอดและรวงข้าวอย่างเพลินเพริด
จู่ๆ เสียงใหญ่ร้องดังขึ้น “โอ๊ย...”
ปิ่นอนงค์เหลียวหันไป เห็นใหญ่นั่งกุมข้อเท้า หน้าตาเจ็บปวดสุดๆ
ปิ่นวิ่งไปหาใหญ่ “คุณใหญ่ คุณใหญ่เป็นอะไรคะ”
ใหญ่ไม่ตอบแต่ชี้ให้ดูจุดที่มีรอยเลือดสองจุดคู่กันที่ข้อเท้า
ปิ่นอนงค์มองดูแล้วหน้าซีดเผือด “รอยเขี้ยวงู”
“โอ๊ย ปวด ปวด” ใหญ่นอนลงตรงขั้นบันได บิดตัวไปมา
“ใจเย็นๆ ค่ะ ปิ่นจะพาคุณใหญ่ไปหาหมอ”
ใหญ่หมดสติแล้ว ปิ่นอนงค์ตกใจมาก พยายามจะแบกใหญ่ แต่ยังไงก็ยกไม่ขึ้น ปิ่นอนงค์แกะเชือกรองเท้ามามัดเหนือรอยแผล
ปิ่นอนงค์ตบแก้มใหญ่เบาๆ “คุณใหญ่ อย่าหลับนะคะ ตื่นค่ะตื่น” แล้วลากใหญ่ไป จับข้อมือใหญ่สองข้างบ้าง ข้างเดียวบ้าง
ใหญ่ไม่ไหวติงใดๆ ปิ่นอนงค์ตัดสินใจจะดูดพิษงู เอาชายเสื้อเช็ดๆ ตรงข้อเท้าใหญ่ ก้มหน้าจะดูดพิษ ใหญ่ดีดตัวลุกนั่ง หน้าขรึม ตาลอย ปิ่นอนงค์ตกใจ ระคนดีใจ
“คุณใหญ่ๆ ฟื้นแล้ว คุณใหญ่ไม่ตาย”
“ฉัน ฉันเป็นอะไรไปเหรอ ปิ่นอนงค์”
“คุณใหญ่ถูกงูกัด รอยเขี้ยวยังอยู่เลยนี่ๆ ...” ปิ่นอนงค์ชี้รอยเขี้ยวที่ข้อเท้าใหญ่ “ไปค่ะ รีบไปหาหมอ เดี๋ยวสลบไปอีก ปิ่นแบกไม่ไหว” ปิ่นกุลีกุจอยกแขนใหญ่จะประคอง
“งูพิษ ไม่เป็นอะไรหรอก” ใหญ่ว่า
ปิ่นอนงค์เถียง “คุณใหญ่รู้ได้ยังไงคะ เมื่อกี้ยังร้องโอ๊ยๆ สลบด้วย”
“มันคืองูเม็ดข้าว”
ว่าพลางใหญ่ควานหาเม็ดข้าวแถวๆ นั้นขึ้นมา จิ้มที่ข้อมือแรงๆ สองจุด จากนั้นใหญ่เอานิ้วดีดรอยปลายเม็ดข้าวที่ข้อมือสามสี่ที ปิ่นอนงค์ เห็นมีรอยแดงๆ สองจุดเหมือนที่ข้อเท้าใหญ่
ที่แท้เป็นแผนลองใจของใหญ่ ปิ่นอนงค์โกรธ ยกมือจะตี ทว่ายั้งใจ แต่ที่สุดก็ทนไม่ได้ ตีใหญ่ที่อกแรงๆ 2-3 ที
“คุณใหญ่บ้า ปิ่นตกใจหมดเลย”
ใหญ่ชอบอกชอบใจ “ยัยปิ่นปอดแหก โดนงูเม็ดข้าวกัดซะเถอะ”
ไม่พูดเปล่าใหญ่เอาปลายเม็ดข้าวจิ้มแขนปิ่นอนงค์ จนปิ่นอนงค์สะดุ้ง ปัดป้องไปมา ใหญ่ไล่จิ้ม ปิ่นอนงค์ร้องวี๊ดว้ายแล้ววิ่งหนีไปตามขั้นบันไดนาข้าว
อรสอางค์นั่งนิ่งไม่พูดไม่จา คุณหญิงแม่ ยืนกอดอกมองดุๆ “คุณหญิงทำไมทำหน้าอย่างนั้น แม่มาหาทั้งที ไม่ดีใจเหรอ”
“แล้วทำไมต้องมาเร่งเรื่องแต่งงานของหนูกับนะด้วย”
“แกก็รู้ บ้านที่แกซุกหัวนอนกับพ่อกับแม่กำลังจะถูกยึดน่ะสิ”
อรสอางค์มองซ้ายแลขวาไม่อยากให้ใครได้ยิน “คุณแม่ ตอนนี้ยังแต่งไม่ได้ค่ะ มีปัญหาอยู่”
คุณหญิงงง “ปัญหาอะไรไม่ทราบ”
อรสอางค์อึดอัดกระทืบเท้าระบายความรู้สึก
“ก็เรื่องเล็กๆน้อยๆ คุณแม่ไม่เกี่ยว เค้ากำลังแก้ปัญหากันอยู่ ไปเร่งรัดให้แต่งกับเค้าตอนนี้ เกิดเค้าสงสัยขึ้นมา ไปสืบเรื่องคุณพ่อเข้าแล้วรู้ความจริง อรจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
คุณหญิงไม่พอใจ “ที่พูดออกมานี่ คิดถึงหัวอก หน้าตาพ่อกับแม่บ้างมั้ยยัยอร ตอนนี้มีแต่คนจะมารุมทวงหนี้คุณพ่อ ถ้าลูกออกข่าวว่าจะแต่งงานกับเศรษฐี ก็จะคุยกับเจ้าหนี้ง่ายขึ้น ดีไม่ดี เค้าจะให้เงินเรามาหมุนก่อนด้วยซ้ำ” อรสอางค์ลำบากใจ “เอาเถอะน่า ลูกอยู่เฉยๆ แม่เจรจาเอง รับรองไม่เสียหน้าแน่”
น้ำเสียงคุณหญิงมุ่งมั่นและจริงจรังมาก
ที่บริเวณข้างเรือนใหญ่ ครองสุขย่องเข้ามาเมียงมองหา เห็นธีระโผล่ออกมายิ้มระรื่น
“ว่ายังไง ทางโน้นส่งข่าวมามั้ย”
“ยัง พรานแจ้งมือสังหารที่ผมส่งไปตามล่าไอ้ใหญ่กำลังแกะรอยสองคนนั่นอยู่ ไม่นานคงเจอตัว” ธีระบอก
ครองสุขเกรี้ยวกราด “ต้องเจอ คราวนี้ เราให้มันกลับมาอีกไม่ได้เด็ดขาด เข้าใจมั้ย”
“ครับ แต่ถ้าไอ้ใหญ่ตาย ผมขอรางวัลพิเศษด้วยนะพี่”
“ถ้าฉันได้ครอบครองไร่ไพศาล แล้วก็ได้ลูกสะใภ้เป็นลูกสาวคุณหญิง ฉันให้เธอได้ทุกอย่าง เว้นแต่เดือนกับดาวเท่านั้นแหละ”
ธีระฉุดครองสุขเข้าหลังพุ่มไม้ ซุกไซ้ไปมา
“ทำอะไรของเธอธีระ อย่านะ”
“ขอมัดจำรางวัลล่วงหน้าก่อนก็แล้วกัน”
“บ้า” ครองสุขผลักธีระออกไป ค้อนควัก
เย็นย่ำ ที่บริเวณกระท่อมท้ายไร่ ปานเทพหงุดหงิดเหลียวซ้ายแลขวา จอมเดินสำรวจดูรอยเท้า หันไปมองป่าเขา เดาทิศทาง
จินตนาเดินออกมาจากกระท่อมเครียด “คุณใหญ่พาปิ่นหนีไปอย่างนี้ เจตนาร้ายชัดๆ”
“คุณก็พูดเกินไป พวกผู้ร้ายอาจจะจับทั้งคู่ไปก็ได้ เคยเกิดเหตุการณ์อย่างนี้มาแล้ว” ปานเทพแขวะ
จอมของขึ้น “ถ้าคนเราไม่ได้ทำผิด ทำชั่ว จะมีคนมาตามจับตามฆ่าทำไม”
“ก็เพราะมันต้องการครอบครองไร่ไพศาลไงล่ะ” ปานเทพหลุดปาก
จินตนาฉงน “นายพูดถึงใคร”
ปานเทพตัดบท “เอาเถอะ จะเป็นใครก็ช่าง แต่ตอนนี้คุณใหญ่กับปิ่นกำลังตกอยู่ในอันตรายเราต้องรีบตามตัวให้เจอ”
จินตนากะจอมสบตากัน “ผมจะตามไปช่วยปิ่นเอง คุณจินกลับไปก่อนก็แล้วกัน มืดๆค่ำๆ ในป่ามันอันตราย”
จินตนาไม่ยอม “ปิ่นเป็นเพื่อนเรา เราไปด้วย เราไม่ได้เป็นพวกผู้หญิงอ่อนแอ รับรองได้เรื่องลุยๆเราก็ไม่แพ้พวกผู้ชายอกสามศอกเหมือนกัน”
ปานเทพออกความเห็น “ไปกันแค่นี้มันจะไม่ไหว ฉันเรียกคนมาช่วยดีกว่า”
จอมหันปืนมา “ไม่ต้องเรียกใครมาทั้งนั้น เพราะฉันก็ไม่ไว้ใจพวกนายเหมือนกัน นายนั่นแหละต้องนำทางฉันไป เพราะฉันแน่ใจว่านายต้องรู้ว่าคุณใหญ่จะไปที่ไหน”
ปานเทพยียวน “ฉันเนี่ยนะ รู้”
จอมสั่ง “ไป เร็ว”
ปานเทพจำใจ “ก็ด้าย..เรื่องป่าเรื่องเขา ปาน ป่าหวายช่ำชองอยู่แล้วคืบก็ป่าศอกก็ป่า จะทำรุ่มร่ามสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ ไหนจะ...” ปานเทพทำเชิดหน้าอธิบาย “ต้องดูทิศทางจากดวงดาว ไหนจะต้องดูทิศทางของลม”
จากนั้นปานเทพก็นำทางไปแบบ...มั่วๆ แล้วไม่วายแอบบ่น
“ไอ้คุณใหญ่ แกทำฉันซวยอีกแล้ว”
ด้านปิ่นอนงค์กับใหญ่ มาถึงหมู่บ้านชาวนาขั้นบันไดก็มืดมากแล้ว ใหญ่เดินนำไปยังบ้านหลังหนึ่ง เห็นควันโขมงลอยขึ้นจากหม้อข้าวที่กำลังเดือด ป้าทองหญิงชราวัย 60 ปี ลวกผักจัดใส่จาน
ใหญ่เดินเข้ามา ปิ่นอนงค์ตามหลัง ป้าทองรู้สึกตัวรีบคว้าสากมาถือแล้วหันมา ป้าทองมองใหญ่ ใหญ่ยกมือไหว้ “ฉันเองป้าทอง ไอ้ใหญ่ตอนเด็กๆ เคยมาช่วยป้าเกี่ยวข้าวบ่อยๆ”
ป้าทองค่อยๆ เข้ามาใกล้ๆ เพ่งดูหน้าใหญ่ ป้าทองวางสาก เอามือปิดหนวดเคราที่หน้าใหญ่
“ไอ้ใหญ่ ไอ้หนูใหญ่” ป้าทองกอดใหญ่ลูบหัว ลูบหลัง ปิ่นอนงค์มองยิ้มๆ
ครู่ต่อมาแกงผักหวานควันฉุย ปลาช่อนนึ่ง ผักลวก น้ำพริก วางอยู่ตรงหน้าสามคน
ใหญ่ ปิ่นอนงค์ และป้าทองนั่งล้อมวงกินข้าวกัน
ป้าทองแซวยิ้มๆ “ร้ายนะ ไอ้หนูใหญ่ มีเมียสวยๆ ก็ไม่บอก”
ปิ่นอนงค์ได้ยินแทบสำลัก ใหญ่ยักคิ้วให้ ปิ่นอนงค์รีบปฏิเสธ “หนูไม่ใช่”
“เอ้า เดี๋ยวก็ติดคอตายกินน้ำหน่อยนะเมียจ๋า” ใหญ่เอาน้ำป้อนให้ดื่ม ปิ่นอนงค์ได้แต่ค้อน
“แล้วลุงล่ะไปไหน เข้าเมืองเหรอป้า” ใหญ่ถาม
“ไอ้แก่มันตายแล้ว” ป้าทองบอก ใหญ่อึ้ง “โดนรถชนเมื่อสามปีก่อน”
ปิ่นอนงค์เองก็อึ้ง “เสียใจด้วยนะคะ”
“ป้าก็ไม่เคยคิดว่าไอ้แก่มันจะด่วนหนีไปกะทันหันเหมือนกันตอนอยู่ก็ด่ามันทุกวัน มันทำอะไรไม่เคยได้ดังใจเราเลย แต่พอมันตาย เพิ่งรู้ว่า โคตรรักมันเลย”
ใหญ่กินข้าวไม่ลง สะท้อนใจนึกถึงตัวเองกับพ่อ
“เอ็งสองคนก็เหมือนกัน รักกัน ดีกันไว้ให้มากๆ ถึงวันที่ต้องจากกันจะได้ไม่ต้องเสียใจ เสียดาย” ป้าทองสอนสั่ง
ใหญ่วางช้อนนิ่งงันไป ปิ่นอนงค์สังเกตเห็น
ที่โต๊ะอาหารเรือนใหญ่ ครองสุข คุณหญิง อรสอางค์ และทรรศนะคุยกันบรรยากาศชื่นมื่นน้อยกับจิ๋วเอาจานผลไม้กับน้ำชาเข้ามาเสิร์ฟ จิ๋วโชว์รินน้ำชาลีลานางข้าหลวง มาดแม่บ้านไฮโซ
ครองสุขดื่มน้ำแล้วซับปากมาดผู้ดีหันมาจ๊ะจ๋า “แหม เสียดายถ้ารู้ว่าคุยกันถูกคอขนาดนี้ ดิฉันแวะไปกราบที่กรุงเทพฯ ซะนานแล้ว”
“ไม่เป็นไรค่ะ เข้าใจว่ากิจการกำลังรุ่งเรือง ทรรศนะเล่าให้ฟังแล้วว่าขนาดระดับเจ้าชายเจ้าของบ่อน้ำมันก็ยังมาพักที่นี่” คุณหญิงถังแตกเมาท์
น้อยทำตาโตครองสุขมองทรรศนะที่ยิ้มเจื่อนๆ “อ๋อ ตานะไปเล่าแล้วเหรอ แหม พูดไปเดี๊ยนก็ตื่นเต้นมากเลยค่ะ คุณหญิง เกือบจะถวายการต้อนรับไม่ถูก”
“ทีหลังก็ให้จิ๋วไปช่วยซิคะ รายนี้เค้าถนัดเรื่องเข้าเจ้าเข้านาย”
จิ๋วได้ทีคุยโว “แหม ก็ทางคุณทวดเคยถวายรับใช้อยู่ในวังเสด็จในกรมน่ะค่ะ”
ครองสุขจีบปากชม “มิน่า นึกอยู่แล้วว่าต้องเป็นพวกมีเชื้อมีสาย ตอนแรกยังนึกว่าเป็นเจ้าคุณป้าของหนูอรเลย” ครองสุขจงใจแดกดัน
จิ๋วเชิดใสน้อย สองคนยืนข่มกันด้วยสายตาไปมา
“พวกเราเข้ากันได้ขนาดนี้ เดี๊ยนก็ขอรวบรัด เข้าเรื่องของลูกอรกับตานะเลย”
อรสอางค์หันขวับมองคุณหญิง “คือ คุณพ่อยัยอรท่านรำคาญไอ้พวกเศรษฐีใหม่ นักธุรกิจใหญ่ไฮโซที่เทียวไปเทียวมาเจรจาขอลูกอร”
อรสอางค์กลับผสมโรง “คุณแม่คะ อย่าไปพูดถึงพวกนั้นเลยค่ะ อรเบื่อ”
จิ๋วมองน้อยด้วยหางตาพูดลอยๆ “พันล้านทั้งนั้น”
น้อยแบมือกระซิบ “ยืมป้าก่อนพันห้าได้เปล่า” จิ๋วทำปากขมุบขมิบด่า
“ก็เลยให้เดี๊ยนมา พาคุณครองสุขกับตานะกลับไปกรุงเทพพร้อมๆกัน” คุณหญิงว่า
“อะไรนะครับ” ทรรศนะอึ้ง งงๆ
“เอ๊า ก็จะได้เจรจาสู่ขอกันให้เรียบร้อยไง ฤกษ์หมั้นฤกษ์แต่งไม่ต้องห่วง เดี๋ยวทางเดี๊ยนจะหาให้เสร็จสรรพ นะคะ เราออกเดินทางพรุ่งนี้เช้าเลย”
“พรุ่งนี้” ครองสุขตกใจหันไปสบตากับทรรศนะ
สีหน้าครองสุขเครียดจัด คุณหญิงจิ้มผลไม้กินหน้าระรื่น อรสอางค์ฝืนยิ้มไม่นึกว่าแม่จะเด็ดขนาดนี้
ปิ่นอนงค์นั่งพับเพียบใส่ผ้าถุงเสื้อคอกระเช้าอยู่ในมุ้งที่กางแล้ว และกำลังปัดที่นอน เหลือบมองใหญ่ที่นั่งกอดเข่าทอดสายตามองไปไกลนิ่งนานแล้ว จึงมุดมุ้งออกไปหา
“คุณใหญ่ ไม่ง่วงเหรอคะ”
ใหญ่รีบเอาแขนเสื้อปาดน้ำตา “ทำไม ไม่มีฉันนอนข้างๆนอนไม่หลับเหรอ”
“ไม่ใช่ซะหน่อย แต่เห็นคุณใหญ่นั่งนิ่งๆ อยู่นานแล้ว เป็นอะไรรึเปล่าคะ”
“เปล่า นั่งสูดอากาศ ที่นี่อากาศดี”
“ปิ่นนึกว่า พอป้าทองพูดถึงลุงที่ตาย ทำให้คุณใหญ่คิดถึงคุณไพศาล”
ใหญ่สวนคำน้ำเสียงห้วน “ไม่เห็นจะเกี่ยว”
“ก็คุณใหญ่ต้องจากท่านไปโดยที่ยังไม่เข้าใจกัน จนท่านตาย”
ใหญ่สะอึก รู้สึกตื้นตัน เลยแกล้งเสียงดัง “ลูกอกตัญญูอย่างฉันจะมีความหมายอะไร พ่อฉันเค้าคงดีใจที่เอาฉันออกไปจากชีวิตเค้าได้”
ปิ่นอนงค์แย้ง “คุณใหญ่คิดอย่างงั้นจริงๆเหรอคะ คุณใหญ่ไม่เคยอยากจะย้อนเวลากลับไปเพื่อแก้ไขเรื่องที่เกิดขึ้นเหรอคะ”
“เคยซิ ถ้าฉันย้อนเวลากลับไปได้ ฉันจะไม่ฆ่าเฉพาะไอ้ผา แต่จะ ฆ่าคุณนายครองสุขแล้วก็ทรรศนะซะด้วย เพราะสองคนนั่นเป็นมารหัวใจฉันทั้งคู่”
ใหญ่ยื่นหน้ามา ปิ่นอนงค์เขยิบหนี “มีอะไรข้องใจอีกมั้ย”
ปิ่นอนงค์รีบมุดเข้าในมุ้ง “ไม่มีค่ะไม่มี” นอนหันหลัง ห่มผ้า
ใหญ่มองตามแล้วยิ้ม แล้วมุดมุ้งเข้าไปนอนข้างๆ กอดปิ่นอนงค์หมับ
ปิ่นอนงค์ตกใจ “คุณใหญ่ คุณใหญ่ต้องนอนข้างนอกค่ะ”
“เรื่องอะไร ยุงตัวเท่าช้าง เดี๋ยวเป็นมาเลเรียตาย”
“งั้นคุณใหญ่ขยับไปหน่อยได้มั้ยคะ ปิ่นหายใจไม่ออก”
ใหญ่ทำท่าจะเอาแขนออก ปิ่นอนงค์รีบลุก จะพุ่งออกนอกมุ้ง ใหญ่รู้ทันดึงรั้งปิ่นอนงค์จนเซนอนลงไปอีก
“ไม่เอา นอนห่างกันมันหนาว ชิดๆกันอย่างงี้แหละอุ่นดี”
“แต่..”
ใหญ่ตัดบท “เอ๊ ชวนคุยแบบนี้แสดงว่ายังไม่ง่วง งั้นเรามาทำกิจกรรมแก้ง่วงกันดีมั้ย”
“ไม่นะคะ ปิ่นนอนแล้วค่ะ หลับแล้ว”
ปิ่นอนงค์รีบหลับตา ใหญ่ขำมองอย่างเอ็นดู กอดปิ่นอนงค์ไว้
คืนพระจันทร์เต็มดวงคืนนี้ แสงจันทร์สาดส่องมายังบ้านป้าทองดูสว่างเจิดจ้าไปทั้งหลัง มองจากหน้าต่างเข้ามาในห้อง ใหญ่หลับสนิท ปิ่นอนงค์ตะแคงหัวเอียงซบไหล่ ใหญ่กุมมือปิ่นอนงค์ไว้ที่หน้าอก
ในเวลาเดียวกัน อุ่นเรือนพับเสื้อผ้าใส่กระเป๋าให้ครองสุข
“ฉันจะไปกรุงเทพฯ จัดการสู่ขอหนูอรให้ตานะเป็นเรื่องเป็นราวเสียที แกอยู่ทางนี้ก็รอฟังข่าวนังปิ่นไปแล้วกัน”
อุ่นเรือนกังวลไม่หาย “ไม่รู้ปิ่นจะเป็นยังไงบ้าง”
“ฉันจ้างคนไปช่วยตั้งหลายคน มีหรือจะช่วยไม่ได้ ดูสิ” เปิดกระเป๋าเงิน “เพราะช่วยแก เลยมีเงินเหลือติดกระเป๋า แค่ห้าร้อย แล้วมันจะพอไปกรุงเทพฯได้ยังไง”
อุ่นเรือนควักเงินออกมาจากกระเป๋าเสื้อ “อุ่นพอมีเงินเก็บไว้...”
ครองสุขกระชากมาดู “นี่แกมีเงินตั้งสามพันได้ยังไง”
อุ่นเรือนนึกถึงเหตุการณ์วันที่ปิ่นอนงค์จะหนีออกจากไร่ ก่อนไปปิ่นอนงค์ยื่นเงินให้หลังจากเก็บของเสร็จ
“แม่เก็บไว้ใช้นะจ๊ะ”
“ทำไมแกมีเงินมากขนาดนี้”
“ก็ ก็.....มันเหลือจากที่ปิ่นยืมคุณใหญ่มาไงแม่ แม่เก็บไว้เถอะนะ”
อุ่นเรือนบอกครองสุขไปตามนั้น “ปิ่นมันบอกว่า คุณใหญ่ให้มันยืมมาค่ะ”
“หึ ลูกแกนี่มันใช้ได้นะ นังอุ่น แบบนี้ก็ไม่ต้องกลัวหรอกว่าไอ้ใหญ่จะทำอะไรมัน”
ครองสุขเก็บเงินใส่กระเป๋า
เช้าวันต่อมา ปิ่นอนงค์ช่วยป้าทองใส่ปุ๋ยคอกตามแปลงข้าว
“นี่เป็นโครงการของในหลวงท่านนะ ใครจะไปรู้ว่าพื้นดินเอียงๆ อย่างนี้จะปลูกข้าวได้” หญิงชราบอกอย่างภูมิใจ
“ปิ่นเคยเรียนมาว่า ที่จีน เวียดนาม อินโด ก็มีนาข้าวขั้นบันไดแบบนี้เหมือนกันนะจ๊ะ”
“ที่ไหนก็มี ถ้าแผ่นดินมันเอียงอย่างนี้ แต่พระองค์ท่านทรงรวบรวมความรู้ของทุกที่มาพัฒนาต่อยอดแล้วเผยแพร่ให้คนไทยทำกัน”
ปิ่นอนงค์มองรอบๆ ตัว ยิ้มๆ “โชคดีของคนไทยนะจ๊ะป้า”
“เมื่อก่อนตอนไอ้หนูใหญ่มันมาหาป้านะ มันช่วยทำงานทุกอย่าง ถางหญ้า พรวนดิน ปลูกข้าว มันเป็นคนหนักเอาเบาสู้ หนูปิ่นโชคดีแล้วที่ได้มันเป็นผัว”
ปิ่นอนงค์พยายามจะบอก “คุณใหญ่เค้าไม่ใช่....” แต่ต้องสะดุ้งโหยง เห็นใหญ่เดินเข้ามา
“ปิ่นอนงค์ เธอใจร้ายจริงๆ ไม่ยอมปลุกฉันมากินข้าวด้วยกินคนเดียวไม่อร่อยเลย”
ระหว่างนั้นพรานแจ้งมองเห็นใหญ่ ปิ่นอนงค์ และป้าทองจากระยะไกลๆ
ป้าทอง “อยู่อีกสักคืนสองคืนนะ ไอ้หนูใหญ่”
“ไม่ได้หรอกครับ มีงานด่วนต้องรีบกลับ แล้วว่างๆ ผมกับปิ่นจะมาเยี่ยมป้าใหม่ก็แล้วกัน”
ใหญ่สวมกอดหญิงชรา ป้าทองแซวเอา “ขยันจริงๆ แต่รีบๆ มีลูกกันนะ จะได้ทันใช้มัน”
ปิ่นอนงค์แอบเมินหน้าหนี ในขณะที่ใหญ่ยิ้มให้
ปานเทพเดินลิ่วทำเป็นอวดเก่งชำนาญเรื่องทาง จินตนาเดินคู่กับจอมตามมาข้างหลัง
“แน่ใจนะว่าทางนี้ เดินมาตั้งนานแล้วยังไม่เห็นมีวี่แววอะไรเลย”
ปานเทพหันมาคุยโว “ฉันบุกป่าฝ่าดงมาร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำแล้วน้อง เรียกว่าใช้จมูกดมกลิ่นแทนเข็มทิศได้ก็แล้วกัน ไม่ต้องห่วง”
ปานเทพเดินต่อ จินตนาตาม จอมมองไปทางกิ่งไม้ที่ห้อยอยู่ตามต้นไม้
จอมบอก “เดี๋ยวก่อน” ปานเทพกับจินตนาชะงัก “เรากำลังวนกลับมาที่เดิม” จอมว่า
“เฮ้ยอย่ามาพูดมั่วๆ เราเดินตรงตลอดมันจะวนกลับมาได้ไง”
จอมชี้กิ่งไม้ที่หักไว้ “ผมจำกิ่งไม้พวกนี้ได้ เพราะผมหักไว้เป็นสัญลักษณ์ เผื่อไว้ตอนออกจากป่า”
จินตนาตกใจ “อย่าบอกนะว่าเรากำลังหลงป่า”
ปานเทพก็ตกใจ จอมโมโหคิดว่าปานเทพแกล้งพาวนกลับมา ยกปืนเล็งไปที่ปานเทพเขม็ง
“ผู้จัดการตั้งใจยื้อเวลา เพื่อทำให้เราตามไปช่วยปิ่นไม่ทัน”
ปานเทพไม่ได้ทำเลยโมโหที่โดนกล่าวหา “แกอย่ามาปั้นน้ำเป็นตัว พูดจาเป็นตุเป็นตะ ฉันฟ้องแกข้อหาหมิ่นประมาทได้นะโว้ย” ลืมตัวว่าเป็นโจร
“บอกมาว่าไอ้คุณใหญ่พาปิ่นไปที่ไหน ไม่งั้นผู้จัดการก็เป็นผีเฝ้าป่าอยู่ที่นี่แหละ”
จินตนารีบเข้าไปจับข้อมือจอมไว้ “อย่านะจอม คุยกันดีๆก็ได้ไม่เห็นต้องฆ่าแกงกันเลย”
“แต่มัน..”
“เธอด่าทอว่าพวกเค้าเป็นโจรทำร้ายรังแกคนอื่น แล้วทำไมเธอจะทำเสียเอง” จอมอึ้ง
เสียงสัตว์ ร้องก้องป่าดูน่ากลัว ปานเทพปอดๆ
“เสือะ เสือมา เรา ระๆๆ รีบๆๆ ไปจากที่นี่กันดีกว่า”
ใหญ่พาปิ่นอนงค์เดินมา แล้วชะงัก รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงใบไม้ดังกรอบแกรบ
“มีอะไรคะ คุณใหญ่”
ใหญ่เงี่ยหู “มันเหมือนมีใครแอบมองเรา”
เป็นพรานแจ้งที่แอบอยู่ในพุ่มไม้ จู่ๆ ใหญ่ถูกเถาวัลย์เกี่ยวขา จังหวะที่ก้มลงปลด ลูกดอกก็พุ่งเฉียดหัวไป ปิ่นอนงค์ตกใจร้อง “ว้ายย”
ปานเทพ จอม และจินตนา พักล้างหน้าล้างตาที่ลำธาร จอม กะจินตนาเดินจะไป แต่ปานเทพทำหนวดหลุดห้อยรีบตะปบกดติดให้แน่น หันหนีไปอีกทาง จอมเดินมาเอียงหน้าดู
“จะถ่วงเวลาอีกนานมั้ย”
“เฮ้ย พูดอย่างนี้ก็ไม่สวยน่ะสิ จะเอายังไงก็ว่ามาไอ้จอม”
ปานเทพผลักอกจอม จอมผลักตอบ จินตนาหงุดหงิด
“ทะเลาะกันเป็นเด็กไปได้ อย่าลืมสิปิ่นรอความช่วยเหลือจากพวกเราอยู่”
ปานเทพรีบเดินไปหาจินตนา มองจอมด้วยหางตา
“ไม่อยากรังแกเด็ก เสียศักดิ์ศรีปาน ป่าหวายเปล่าๆ”
จินตนาหันจะเดินไป ชะงักหยุด ค่อยๆ เลี่ยงเบี่ยงตัว ปานเทพงงๆ มองตามสายตาจินตนา เห็นงูเขียวที่กิ่งไม้ใกล้ๆ แลบลิ้นแผล็บๆ
“เฮ้ย” ปานเทพตกใจ กระโดดกอดจินตนา เอาหัวแนบไหล่เลยทีเดียว
จินตนาชะงัก มองสบตาปานเทพ หวั่นไหวแว่บเดียว ที่สุดจินตนาศอกกลับเต็มแรง ปานเทพกระเด็นกุมท้อง“เป็นบ้าอะไรของนาย งูเขียวตัวนิดเดียว ทำอย่างกับเห็นงูจงอางไปได้ เป็นเสือปล้นได้ยังไงวะ”
“แพ้งูเขียว มะเส็งชงกับปีเกิด” ปานเทพบ่นอุบ
ระหว่างนั้นเสียงกรี๊ดของปิ่นอนงค์ ทำเอาสามคนตกใจ
ใหญ่ตกใจ ตาโตกอดปิ่นอนงค์แนบอก มีลูกดอกหน้าไม้ปักอยู่เหนือหัวใหญ่ สองคนสอดสายตาไปมา แต่ไม่มีใคร
มีลูกดอกอีกลูกถูกยิงมาเสียบต้นไม้ใกล้เอวปิ่น ใหญ่ชักปืนยิงออกไป แต่ทุกอย่างเงียบกริบ
ใหญ่ฉุดแขนปิ่นอนงค์วิ่งหนีออกไป “หนีก่อน ตรงนี้อันตราย”
พรานแจ้งซึ่งขุดหลุมนอนหงายเอาใบไม้กลบพรางตัวลุกนั่ง ใบไม้พรางตัวร่วงจากหัวจากตัว พรานแจ้งยิ้มเหี้ยม ลุกวิ่งไปอีกทาง
ปิ่นอนงค์ ตอนที่ 7 (ต่อ)
ใหญ่จูงปิ่นอนงค์วิ่งหนีเข้ามาตรงป่าทึบในหุบเขาแห่งนั้นปิ่นอนงค์ประหลาดใจ และสงสัยที่มีคนมาทำร้ายเขาและเธอ
“คุณใหญ่ ใครกันคะที่ยิงลูกดอกนั่น”
“ไม่รู้ แต่มันตั้งใจทำร้ายเราแน่”
พากันมาได้สักระยะ ปิ่นอนงค์นั่งหอบด้วยความเหนื่อย ใหญ่ยืนบังระวังภัยให้ปิ่นอนงค์ มองรอบๆ ตัวอย่างระแวดระวัง ใหญ่ตั้งสติ คลายความตื่นกลัว
“ไม่ต้องกลัวนะปิ่น ไป ฉันจะพาเธอกลับไร่”
ใหญ่จับมือปิ่นอนงค์สองข้างพยุงให้ลุกขึ้น จู่ๆ ลูกดอกก็พุ่งเฉียดตัวใหญ่ไปเสียบตอไม้ดังฉึก ใหญ่กอดปิ่นอนงค์ล้มตัวแล้วพากันกลิ้งเข้าไปยังพุ่มไม้ ใหญ่ยิงสวน พุ่มไม้แค่ไหวๆ แต่ไม่เห็นตัวศัตรู...พรานแจ้ง
ทางนั้นทางนี้ ใหญ่กราดยิงจนกระสุนหมด
พวกปานเทพจอมและจินตนาได้ยินเสียงปืน
ลูกดอกพุ่งเข้าพุ่มไม้ ยินเสียงใหญ่ร้อง “โอ๊ย”
ใหญ่แกล้งโซเซ หนีบลูกดอกเอามือกุมที่ท้องข้างเอว
ใหญ่เดินโซเซออกมา แล้วทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้น
“แก แกเป็นใคร มาตามฆ่าฉันทำไม”
ใหญ่กวาดสายตามองไปรอบๆ ตัว ไปมา แล้วพุ่มไม้ที่มองผ่านไปมา ค่อยๆ ขยับยืน
พรานแจ้งแกะกิ่งไม้ใบไม้ออกจากหัว ลำตัว แขน ขา ใหญ่ตะลึงมอง
“ฉันฆ่าแกได้ตั้งแต่ลูกดอกแรกแล้ว แต่มันไม่สนุกว่ะ” ใหญ่แสร้งทำเป็นเจ็บปวด เนื้อตัวสั่นไปมา “เดี๋ยวจะให้แกดู แฟนแกกับฉันมีความสุขกันก่อนที่...” พรานแจ้งโยนกระบอกลูกดอกกับหน้าไม้ไปที่พื้นพูดอย่างมั่นใจ “แกจะตาย”
พรานแจ้งชักมีดปาดตาลจากซองข้างหลังออกมาเงื้อหมายฟันคอใหญ่ มองไปที่พุ่มไม้
“ออกมาได้แล้วอีหนู หนึ่ง สอง”
ปิ่นอนงค์ค่อยๆ โผล่ออกมา พรานแจ้งเห็นปิ่นอนงค์ชัดๆ ก็ทำหน้าหื่นกามใส่
จังหวะนั้นเองใหญ่ทิ้งตัวนั่งเตะขาพับพรานแจ้งล้มลง พรานแจ้งพลิกตัวเอามีดฟันใหญ่ ใหญ่กลิ้งหลบ ลุกได้ทั้งคู่ พรานถือมีด ใหญ่ถือลูกดอกจดจ้องกัน ปิ่นอนงค์ยืนลุ้นระทึก
พรานแจ้งจ้วงแทงใหญ่ แต่ใหญ่หลบ พรานแจ้งจระเข้ฟาดหางโดนท้องใหญ่ร่างกระเด็น ใหญ่แทงพรานแจ้งพลาด พรานแจ้งแทงสวน มีดเฉี่ยวเสื้อใหญ่ขาด
“อ๊าย... คุณใหญ่” ปิ่นอนงค์กรีดร้องด้วยความตกใจ
ใหญ่และพรานแจ้งถลันเข้าหากัน ต่างจับข้อมือกันได้ พรานแจ้งซัดเข่าใส่ใหญ่ จนจุก
พรานแจ้งยิ้ม ย่ามใจมือพรานแจ้งรูดตามมือ ใหญ่จับก้านลูกดอกในมือหัก พรานแจ้งเงื้อลูกดอกที่หักติดมือจะแทงใหญ่
ใหญ่ตีศอกเข้าหน้าพรานแจ้ง พรานแจ้งโงนเงน มีดหล่นจากมือ ใหญ่อาศัยจังหวะนั้นต่อยฮุกเข้าท้อง พรานแจ้งสุดแรงจนตัวงอ ใหญ่โยนเข่าเข้าหน้าอีกที พรานแจ้งร่วงกับพื้น ใหญ่ยังเจ็บท้องเซๆ
ปิ่นอนงค์รีบเข้ามาประคอง “ไปค่ะ คุณใหญ่”
ทั้งคู่เดินรีบออกไป ใหญ่เหยียบตาข่ายพรางใบไม้ ตาข่ายดักสัตว์อุ้มใหญ่ตัวลอยขึ้นกลางอากาศ ปิ่นอนงค์ถูกตาข่ายดันกระเด็นไป ร้องกรี๊ด ปิ่นอนงค์พยายามช่วยใหญ่ที่ลอยอยู่สูงกว่าสองเมตร
“รีบไป ปิ่นอนงค์ หนีไป” ใหญ่ตะโกนก้อง
พรานแจ้งรู้สึกตัวสะบัดหน้าเรียกสติ เช็ดเลือดที่จมูกและปากด้วยความโกรธ พรานแจ้งลุกไปหยิบเอามีดเดินเข้าหาใหญ่ช้าๆ
“ฤทธิ์มากนักมึง”
ปิ่นอนงค์ถลันเข้าขวาง กางแขนป้องใหญ่
“อย่าทำร้ายคุณใหญ่ ฉันขอร้องล่ะนะ จะเอาเงินเอาทองเท่าไหร่ก็บอก ฉันจะไปหามาให้”
ใหญ่ตกใจ ตวาดออกไป “ปิ่น ไปเดี๋ยวนี้ อย่าทำอะไรโง่ๆอย่างนี้ ไปเดี๋ยวนี้ ปิ่นอนงค์”
ปิ่นอนงค์พูดกับใหญ่เสียงแข็ง “ไม่” แล้วหันไปพูดกับพรานแจ้ง “ถ้าจะฆ่าคุณใหญ่ ก็ฆ่าฉันก่อน ถ้าจะตายก็ตายด้วยกันค่ะ”
“เดี๋ยวจัดให้ ทีละคนอีหนู” พรานแจ้งตบปิ่นอนงค์กระเด็นไป
พรานแจ้งกำด้ามมีดจะแทงใหญ่จากด้านหลัง
ทันใดนั้นจอมยิงเปรี้ยงเข้าที่แขน พรานแจ้งล้มลง
ปานเทพตะลึงเมื่อเห็นใหญ่ห้อยต่องแต่งกลางอากาศ “ไอ้คุณใหญ่”
จอมเล็งแล้วยิงอีกเปรี้ยงเชือกขาด ร่างใหญ่ร่วงลงมา ปานเทพถลาไปช่วยเอาตาข่ายออก
“ปิ่น เป็นไงบ้าง” จินตนาถาม
จอมรีบเข้ามาหา “เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
“ไม่ ไม่เป็นไร ดูคุณใหญ่เถอะ”
ปิ่นอนงค์เห็นพรานแจ้งลุกขึ้น สภาพเจ็บแต่ก็อึดมาก คว้ามีดที่หล่นจะแทงจอม รีบร้องบอก
“จอมระวัง”
จอมหลบ แล้วเอาปืนซัดพรานแจ้งหงายเงิบไป พรานแจ้งควักดินซัดเข้าตาจอม แล้วกระโดดถีบจอมกระเด็น ปืนจอมหลุดมือ
ปานเทพ แก้ตาข่ายดักสัตว์ใหญ่หลุดออกมาได้แล้ว จอมต่อยพรานแจ้งกระเด็นไปที่พุ่มไม้ จอมตามติด
พรานแจ้งคว้าท่อนไม้หันมาฟาดจอมกระเด็นไปล้มลง จอมยังอยู่ในอาการงงๆ พรานแจ้งหันไปเจอมีดหล่นอยู่ไม่ไกล พรานแจ้งหยิบมีด เงื้อขึ้นสุดแขนจะฟันจอม ปิ่นอนงค์ กะจินจนา ร้องกรี๊ด ปานเทพตาเหลือก
วินาทีนั้นลูกดอกพุ่งเข้าปักหัวไหล่พรานแจ้ง ข้างที่เงื้อมีด และเป็นข้างเดียวกับที่โดนจอมยิง มีดหล่นร่วงลงพื้น พรานแจ้งทรุดตัวคุกเข่าแล้วนอนตะแคง บิดตัวไปมา ร้องโอดโอย
เป็นใหญ่ยืนถือหน้าไม้จดจ้องอยู่ ทุกคนมองกันไปมาต่างโล่งใจ
ครู่ต่อมาจอมนั่งบนโขดหินในลำธาร ปิ่นอนงค์ และจินตนาช่วยกันเช็ดหน้าเช็ดตาให้
“ขอบคุณมากนะจอม จินด้วย ถ้าไม่ได้พวกเธอ เรากับคุณใหญ่ตายแน่ๆ เลย”
จอมมองสบตาปิ่นอนงค์ อัดอั้นตันใจ ทั้งรัก ผิดหวัง และสงสาร
จินตนามองอย่างเข้าใจจอม “ห่วงแต่คนอื่น รู้ตัวบ้างรึเปล่า เรากับจอมเป็นห่วงเธอแค่ไหน แล้วนี่คุณใหญ่บังคับเธอมาใช่มั้ย ตอบมาตรงๆ” จอมมองจ้องปิ่นอนงค์รอฟัง “เราจะได้พูดกับคุณใหญ่ให้รู้เรื่อง ว่าจะเอายังไงกับเธอกันแน่”
ปิ่นนิ่งคิด ส่ายหน้า นึกถึงทรรศนะที่เห็นแก่ตัวไม่ยอมมาช่วย “เรามาขอให้คุณใหญ่ปล่อยตัวคุณนะ แล้วเราก็กลับไร่ แต่หลงทาง คุณใหญ่ก็เลยตามมา แล้วคุณนะเป็นยังไงบ้าง”
จอมฮึดฮัด “จะเป็นไง เค้าไม่เห็นพูดถึงปิ่น บอกแต่ว่าตัวเองอยู่กับคุณใหญ่ ถูกคุณใหญ่แกล้ง”
ปิ่นอนงค์หน้าหมอง เศร้าสลด ก้มหน้าหลบตาสองคน เสมองน้ำ
“ลืมไปได้เลย คุณนะของเธอ ผู้ชายอะไรใจดำเลวจริงๆ ไม่รักเธอฉันไม่ว่า นี่อะไรไม่ห่วงเธอสักนิด นี่เธอถึงกับจะเอาชีวิตมาแลกเลยนะเนี่ย”
“เดี๋ยวก่อน แล้วไอ้คนที่มันมาตามฆ่าคุณใหญ่กับปิ่นมันคือใคร”
จอมนึกขึ้นมาได้
ที่ลำธารอีกมุม หน้าไม้กระบอก ลูกดอก ย่าม มีด อยู่ที่ปานเทพเรียบวุธ พรานแจ้งนั่ง ในสภาพสิ้นฤทธิ์ถูกมัดมือ ลูกดอกปักไหล่อยู่ หน้าตาเจ็บปวดบิดเบี้ยว ใหญ่เข้ามาดูแผล ปานเทพอยู่ใกล้ๆ หน้าซีดเผือด รีบเบือนหน้า
“ดีนะที่กระสุนถากไป ใครใช้แกมา” พรานแจ้งเงียบ
“ลูกดอกคงจะถ่วงแผล” ใหญ่เข้าไปหักลูกดอกออกเหลือเพียงก้านโผล่จากแผลแค่ฝ่ามือ พรานแจ้งร้องลั่นกลิ้งไปมา
ปานเทพเสียวปนสยอง ร้องลั่นป่า “โอ๊ยๆๆๆ แก เบาๆ โอย เลือดออกใหญ่แล้วนั่น”
ใหญ่โยนก้านลูกดอกทิ้ง “จะให้ผ่าหัวลูกดอกออกให้มั้ย ปานเอามีดมา”
“เฮ้ย ไม่ไหวนะ ฉันผ่าไม่เป็น” ปานเทพปฏิเสธดังลั่น
“ไม่เห็นยาก ก็กรีดแล้วแหวกลงไป” ใหญ่ขู่ พรานถดหนี
“อย่าๆ คนงาน คนงานที่ไร่ไพศาลจ้างฉันมา”
จอม จินตนา และ ปิ่นอนงค์เข้ามาสมทบ ปานเทพเห็นสามคนเลยต้องลุกขึ้นทำแข็งขัน
“บอกมาซิวะ ว่าไอ้คนงานไร่ไพศาลที่จ้างแกชื่ออะไร อ้ำอึ้งอยู่ได้ เดี๋ยวพ่อควัก ตับ ไต ไส้พุงมาตากแดดซะเลย”
“ฉันไม่รู้จักชื่อ มันมาสองคน บอกว่านายใช้มาอีกที ให้ฆ่าผู้ชายในรูป กับผู้หญิงที่มาด้วย”
“หมายถึงฆ่าทั้งฉันกับปิ่นเหรอ”
จอมบันดาลโทสะ โผนทะยานเข้ามากระโดดคร่อมพรานแจ้ง กระชากคอ
“ไอ้ชั่ว มันเป็นใคร บอกมาเดี๋ยวนี้”
พรานแจ้งสลบคอพับไป จินตนา กับปิ่นอนงค์เข้ามา จอมหงุดหงิด
ใหญ่สั่งการ “ปาน โทรบอกลุงหวินให้ส่งคนงานมาเอาไอ้นี่ลงไปที่ไร่”
จอมชี้หน้าใหญ่ “เพราะคุณคนเดียว ที่ทำให้ปิ่นเกือบตาย”
ใหญ่นิ่ง สบตาปิ่นอนงค์ ทุกคนมองหน้ากันไปมา
โปรดติดตามตอนต่อไป
อุ่นเรือนเป็นห่วงปิ่นอนงค์มาก เวลานั้นนางกำลังนั่งสวดมนต์ไหว้พระอยู่ที่ห้องพัก ขอให้ลูกสาวปลอดภัย
“ขอให้นังปิ่นปลอดภัยด้วยเถอะ”
เปี๊ยกวิ่งเข้ามา ท่าทางตื่นเต้น แถมทำท่าทางวุ่นวาย อุ่นเรือนงง
“อะไร เจ้าเปี๊ยก ฉันจะสวดมนต์”
เปี๊ยกจะมาบอกว่าปิ่นอนงค์กลับมาแล้ว จู่ๆ มีมือหวานโผล่มาจิกคอเสื้อเปี๊ยกเหวี่ยงไป หวานเข้ามา
“พรุ่งนี้จะรู้เรื่องมั้ย ไปห่างๆ เลยแก ป้าอุ่น คุณใหญ่กับปิ่นกลับมาแล้ว”
อุ่นเรือนลุกพรวด ดีใจสุดๆ “ฮ้า”
ที่ห้องรับแขกเวลานั้น ใหญ่นั่งที่ตรงหัวโต๊ะ น้อยรินน้ำให้จินตนากับใหญ่ และปิ่นอนงค์ ท่าทางตื่นเต้นดีใจมาก จอมยืนกอดอกอยู่มุมหนึ่ง อุ่นเรือนวิ่งเข้ามา เปี๊ยก หวานตาม หยุดที่ประตู
อุ่นเรือนดีใจ ร้องเรียก “ปิ่น”
“แม่”
“แม่เป็นห่วงแกแทบแย่ นี่คุณนายให้คนไปช่วยแกใช่มั้ย”
“ไปช่วยหรือไปฆ่ากันแน่” ปานเทพเหลืออด
“ว่าไงนะ ใครฆ่าใคร” อุ่นเรือนงง
“แล้วนี่หายหัวไปไหนกันหมด” ใหญ่ชักหงุดหงิด
“ไปกรุงเทพฯกันหมดเลยค่ะ ไปสู่ขอคุณอรให้คุณนะ” น้อยบอก
ปิ่นอนงค์ใจหายหันไปมองอุ่นเรือน
“คงคิดว่าฉันกับปิ่น จะไม่ได้กลับมาที่นี่แล้วล่ะสิ” ใหญ่โมโห
ปานเทพผสมโรง “มันก็ชัดอยู่แล้ว”
อุ่นเรือนงงหนัก จ้องใหญ่ดุๆ “ตกลงมันเรื่องอะไรกัน ปิ่น หนูจิน”
จินตนาจับแขนอุ่นเรือน ก่อนจะบอก “มีคนที่ไร่จ้างคนไปตามฆ่าคุณใหญ่กับปิ่นจ้ะ”
อุ่นเรือนตกใจ เอามือทาบอก “ใคร ใครใจร้ายทำอย่างนั้นได้”
อุ่นเรือนกอดปิ่นอนงค์แน่น หวาน เปี๊ยกตกใจ
ธีระเดินมาเห็นทุกคนถึงกับสะดุ้งโหยงรีบหลบ แต่ปานเทพหันไปเห็น
“โอ้โฮ มาได้จังหวะพอดิบพอดีเลย คุณธีระ”
ไม่นานนัก บรรดาคนงานชายหญิงทั้ง 25 คน ถูกเรียกมารวมตัวกันที่ ศาลาประชุมคนงานโดยพร้อมเพรียง คนงานชายยืนเรียงแถว ธีระยืนตรงกลาง ก้มหน้าหลบตาใหญ่กะปานเทพไปมา
พวกคนงานหญิงนั่งกันเป็นกลุ่ม สนใจใคร่รู้ อุ่นเรือน จินตนา ปิ่นอนงค์ อยู่อีกข้าง ถวิล จอม เปี๊ยก กะ หวานอยู่อีกข้าง
ใหญ่ กับปานเทพยืนประกบพรานแจ้ง ที่นั่งเจ็บปวดสะลึมสะลือ อยู่ตรงข้ามกับแถวคนงาน มีย่าม อาวุธ วางอยู่บนโต๊ะตรงหน้าพราน
“ล้างแผลให้มันหน่อย เดี๋ยวแผลจะติดเชื้ออักเสบ”
ถวิลหยิบขวดแอลกอฮอล์ที่พกอยู่ที่หลังออกมาเทราดหัว และราดแผลพรานแจ้ง
พรานแจ้งแหกปากร้องลั่น ลืมตาตื่น หูตาสว่าง ตัวสั่นไปมา
“ดูดีๆ คนงานคนไหนที่ติดต่อจ้างแก”
พรานแจ้งเพ่งมองไปมาส่ายหน้า “ไม่มีครับ ไม่มีอยู่ตรงนี้”
“เอ๊ะ แล้วไอ้เจิดไอ้ก้านอยู่ที่ไหน” ปานเทพนึกได้
“เออ วันนี้ยังไม่เห็นมันเลยครับ เฮ้ยใครเห็นบ้าง” ถวิลบอกทุกคนส่ายหน้า ปานเทพจ้องธีระซึ่งส่อพิรุธหลบตาตลอด
“คุณธีระ ไอ้เจิด ไอ้ก้านอยู่ที่ไหน” ปานเทพถาม
“ไม่รู้ ไม่รู้เหมือนกัน”
ใหญ่ชี้หน้าธีระ “โทร.เรียกมันมาเดี๋ยวนี้”
ธีระอึกอัก หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
ในเวลานั้นสองวายร้าย เจิดกะก้านเมาปลิ้นอยู่ที่ร้านเหล้าลาบ ซึ่งขายส้มตำ ลาบ น้ำตก สองคนยืนโงนเงน
“หมดแก้วนี้ ไปบ้านเจ๊เขียวดีกว่า” เจิดว่า
“ไปทำไมพี่” ก้านงง
เจิดตบกบาลก้าน “ไปไหว้พระมั้ง ไอ้เวร ชั่วคราวแปดร้อยค้างคืนพันสาม”
ก้านนึกออก “เจ๋งพี่ ฉันเนี่ยเห็นแพะในไร่ยังสวยเลย”
เสียงโทรศัพท์ดัง เจิดยกมาดู “ธีระ หัวหน้าโทร.มา ไม่รับโว้ย รอรับสายพรานแจ้งคนเดียว ไอ้ใหญ่ลงนรกเมื่อไหร่เราค่อยรายงาน แล้วรอรับความดีความชอบ”
สองคนชนแก้วกัน
ธีระหน้าเครียด ลดโทรศัพท์ลงจากหู ใหญ่ยืนจ้องตรงหน้า
“มันไม่รับครับ”
ปานยืนประกบธีระ “แจ้งความเลยดีกว่า”
ถวิลเห็นด้วย “นั่นน่ะซิครับ เรื่องใหญ่แบบนี้ให้ตำรวจจัดการเถอะ”
ปานเทพหยิบโทรศัพท์ ธีระกล้าๆกลัวๆ แต่ยังหัวหมอ “จะดีเหรอครับ คุณใหญ่ยังมีคดีไอ้ผา” ธีระพูดเบาๆ “อยู่ในอายุความนะครับ”
“ไม่มีปัญหาหรอกคุณธีระ ไอ้ผาตายยังไง ผมกับคุณใหญ่ก็รู้ดีพอๆกับคุณ กับคุณนายนั่นแหละ” ใหญ่ตอกหน้า
ธีระเลิ่กลั่ก ใหญ่ตบไหล่ธีระ “ขอบคุณนะ ที่เป็นห่วงผม ปานอย่าเพิ่งบอกตำรวจ”
ใหญ่คว้าโทรศัพท์จากมือธีระ แล้วปิดเครื่อง ก่อนใส่ลงกระเป๋า
ใหญ่เดินไปกลางศาลา “น้าหวิน คุมตัวธีระเอาไว้ อย่าให้คลาดสายตาและห้ามติดต่อกับใครเด็ดขาด”
ถวิลรับคำ “ครับ”
ธีระโวยวายลั่น “คุมตัวผม ผมไปเกี่ยวอะไร พรานบ้านั่นผมก็ไม่รู้จัก มันเองก็ไม่รู้จักผม จะมากล่าวหาว่าผมเป็นคนจ้างมันได้ไง”
ใหญ่พูดดักคอ “ก็ถ้าคุณไม่เกี่ยวจริงๆ ก็ไม่ต้องเดือดร้อน คิดเสียว่าคุณมีคนคอยคุ้มกันซิ” แล้วหันไปบัญชาการ “จอมเอาไอ้มือสังหารไปรักษาแผลที่อนามัย แล้วเอากลับมาขังไว้ที่นี่ เปี๊ยก จัดการวางเวรยามให้แน่นหนา ถ้าเจิดกับก้านกลับมาก็จับตัวเอาไว้ อย่าเพิ่งให้เจอกับพรานแจ้ง รอฉันกลับมา”
ปานเทพงง “อ้าวแล้ว แกจะไปไหน”
จอมพยักหน้ารับคำ ช่วยกับคนงาน หิ้วตัวพรานแจ้งออกไป
ใหญ่เดินไปหาปิ่นอนงค์ “ปิ่นอนงค์ เตรียมตัวไปกรุงเทพฯกับฉัน” แล้วเดินออกไปทันที
อุ่นเรือนตาเหลือกเกาะแขนปิ่นอนงค์ไว้ จินตนามองมายังปิ่นอนงค์เป็นเชิงถาม ในขณะที่ปิ่นอนงค์มองตามหลังใหญ่อย่างงงๆ
ปิ่นอนงค์ ตอนที่ 7 (ต่อ)
ตรงทางเดินกลับเรือนคนงานภายในไร่ไพศาล ปิ่นอนงค์ยืนอยู่ข้างประตูรถจินตนากำชับไม่ให้ปิ่นอนงค์ไปกะใหญ่
“อย่าไปกับเค้านะปิ่น ดูไม่น่าไว้ใจ”
ปิ่นอนงค์พยักหน้าเพื่อให้จินตนาสบายใจ “ถึงบ้านแล้วส่งข้อความมาบอกเราด้วยนะ”
รถจินตนาขับออกไป ปิ่นอนงค์จูงแม่เดินไปพร้อมหวาน ได้ยินเสียงคนงานจับกลุ่มนินทากันห่างออกไป พวกคนงานไม่ทันมองเห็นปิ่นอนงค์
“หายไปตลอดคืนอย่างนี้ ฉันว่าเสร็จคุณใหญ่แล้วแหงๆ เห็นหงิมๆ ไวไฟไม่ใช่เล่น” คนงานหญิงเปิดวงเมาท์
“นั่นสิ ฉันก็เห็นมันไปหาคุณใหญ่ที่รีสอร์ตหลายครั้งแล้วนะ หรือว่า... แหมไม่อยากจะพูด” อีกคนเสริม
ทุกคนอุทานพร้อมกัน “อะไร”
“ปิ่นมันจะเป็นนางบำเรอคุณใหญ่”
อุ่นเรือนตกใจ ปิ่นอนงค์หน้าเสีย หวานโมโหตะโกนด่า “จะนินทาใครลับหลัง ให้นึกถึงหัวอกคนเป็นแม่บ้าง พวกเจ๊ๆ ป้าๆ ก็มีลูกสาวไม่ใช่เหรอ ถ้าลูกตัวเองโดนว่าร้ายแบบนี้จะรู้สึกยังไง”
พวกคนงานหญิงตกใจหันมามองอุ่นเรือน แล้วพากันก้มหน้าก้มตาเดินหนี
อุ่นเรือนมองหน้าปิ่นอนงค์อย่างคาดคั้น อยากรู้ความจริง
กลับมาถึงบ้านอุ่นเรือนจ้องหน้าปิ่นอนงค์เขม็ง
“บอกมาตรงๆ จริงอย่างที่ฉันได้ยินหรือเปล่า แกเป็นนางบำเรอมันใช่มั้ย เงินที่ให้ฉันไว้ก่อนแกไป เป็นเงินค่าตัวที่คุณใหญ่ให้แกใช่มั้ย”
“ปิ่นไม่ใช่ผู้หญิงอย่างนั้นนะแม่ เงินนั้น คุณใหญ่ให้ปิ่นจริงๆ เป็นค่า...”
อุ่นเรือนคาดคั้น “ค่าอะไร”
ปิ่นอนงค์นึกไปถึงตอนที่ใหญ่หลบเข้ามาในไร่ แล้วให้เงินไว้ หนึ่งหมื่นบาทบอกเป็นค่าห้อง
“ปิ่นบอกแม่แล้วว่าปิ่นยืมคุณใหญ่มา แล้วที่ครั้งนี้ปิ่นต้องไปกับคุณใหญ่ เพราะแม่เป็นคนบอกให้ปิ่นมาหาคุณใหญ่เองนะจ๊ะ”
อุ่นเรือนไม่เชื่อ “ก็คุณใหญ่บอกให้เอาตัวแกไปแลก นี่อยู่ดีดีก็จะพาแกไปกรุงเทพฯด้วยอีก ทำไมต้องเป็นแก ทำไมไม่พาคนอื่นไป ผู้หญิงในไร่มีตั้งมากมาย ทำไมล่ะ”
ปิ่นอนงค์อึ้งไป เกิดความน้อยเนื้อต่ำใจ พูดเสียงเบาหวิว “ถ้าใครคิดอย่างนั้น ปิ่นคงเปลี่ยนความคิดเค้าไม่ได้”
อุ่นเรือนโมโหหนัก “ที่ฉันพูด เพราะฉันกลัว ฉันไม่อยากให้แกได้ผัวเป็นมหาโจร เห็นมั้ยว่าคุณใหญ่ทำเลวๆจนมีคนตามฆ่า แกเองก็เกือบโดนลูกหลงไปด้วย”
“ปิ่นไม่รู้ว่าคุณใหญ่เคยทำเลวอะไรมาบ้าง แต่ตอนเราหนีตาย เค้าไม่ทิ้งปิ่น เหมือน...เหมือนผู้ชายบางคนที่ปิ่นเคยศรัทธา”
ปิ่นอนงค์หมายถึงทรรศนะ อุ่นเรือนรู้ด่าออกมา “น่าไม่อาย!”
อุ่นเรือนเจ็บใจเดินออกจากห้องไป ปิ่นอนงค์ยืนนิ่งน้อยใจแม่
ทุกคนมาถึงบ้านอรสอางค์ที่กรุงเทพฯ
จิ๋วแยกเข้าครัวมาเจอจานชามวางเต็มอ่างก็โมโห “นังพวกนี้ เห็นฉันไม่อยู่เข้าหน่อย ขี้เกียจตัวเป็นขน” พลางกรีดนิ้วหยิบจาน “ดูพวกมันทำ โสโครกที่สุด”
เสียงคุณหญิงเรียก “จิ๋ว”
จิ๋วหันมาด่าใส่ไม่ทันมองว่าใคร “พวกแกหายหัวไปไหน จานชามทำไมไม่ล้าง ว้าย !คุณผู้หญิง”
“ฉันไล่พวกมันออกไปหมดแล้ว เพราะไม่มีเงินจ้าง” คุณหญิงบอก จิ๋วตกใจ “ถ้าหล่อนไม่อยากออกไปเดินเตะฝุ่นตอนแก่ ก็ช่วยกันเชียร์ยัยอรให้รีบแต่งงานกับทายาทไร่ไพศาลให้เร็วที่สุด”
จิ๋วรับปากทันที “ถ้าอย่างนั้นจิ๋วจะทำอาหารค่ำนี้ให้สุดฝีมือ เป็นการเอาใจว่าที่ลูกเขย ดีมั้ยคะ”
“ไม่ต้อง ให้ฝ่ายชายเค้าเลี้ยง เราจะได้ไม่ต้องจ่าย แค่ยกน้ำเปล่าไปเสิร์ฟก็พอ”
คุณหญิงพูดน้ำเสียงเฉียบ
ครองสุขคุยอยู่กับปลัดกระทรวงพ่อของอรสอางค์อยู่ในห้องรับแขก
“ตานะแกใจร้อนค่ะ เร่งรัดให้ดิฉันมาคุยกับท่าน เรื่องสู่ขอหนูอร”
ปลัดหน้าตาเคร่งเครียดลุกยืน “คุยกับภรรยาผมแล้วกัน ผมมีงานต้องเร่งสะสาง”
อรสอางค์ตกใจมาก จะลุกตามพ่อ “เดี๋ยวสิคะคุณพ่อ”
เจ้าหน้าที่ธนาคารเดินเข้ามาในห้องรับแขกพอดี
“ท่านครับ ผมโทร.มาหลายครั้งแล้ว แต่ติดต่อท่านไม่ได้เลย ขอเวลา...”
อรสอางค์รีบพูดตัดบท กลัวจะเป็นเรื่องทวงหนี้ “ไว้คุยกันวันหลัง คุณพ่อมีแขก”
เจ้าหน้าที่ไม่ยอม “เกรงว่าไม่ได้ครับ เพราะว่าทางธนาคารเร่งมา”
คุณหญิงเพิ่งเข้ามาเห็นตกใจมาก รีบถลาเข้าไปฉุดแขนเจ้าหน้าที่
“เรื่องที่คุณขอจะให้ท่านช่วยใช่มั้ย คุยกับดิฉันได้ค่ะ เชิญที่ห้องรับรองก่อนดีกว่า นะคะ”
เจ้าหน้าที่งง คุณหญิงดึงเจ้าหน้าที่ออกไป ปลัดรีบขึ้นข้างบน
อรสอางค์รีบหันไปอธิบายกับครองสุข “พวกวิ่งเต้นขอตำแหน่งค่ะ หอบเงินมาให้คุณพ่อทีเป็นสิบๆล้าน แต่คุณพ่อให้คุณแม่เป็นคนจัดการ”
ครองสุขตาลุก มองหน้าทรรศนะ “อ๋อ เข้าทางหลังบ้าน แหม ได้เงินง่ายดีนะคะ”
“ก็ไม่ง่ายค่ะ ต้องอาศัยบารมี ลำพังแค่สมบัติพัสถานอย่างเดียว ไม่พอให้คนมากราบกรานหรอกค่ะ”
อรสอางค์คุยเกทับครองสุขอีก ทำเอาครองสุขหน้าเจื่อน
ภายในห้องนอนคุณหญิงร้อนเป็นไฟ
“คุณชวนคนพวกนี้มาทำไมตอนนี้ อยากให้ใครต่อใครรู้เหรอว่ากำลังจะล้มละลาย” ปลัดต่อว่าเมีย
“มันจำเป็นค่ะ เมื่อกี้เจ้าหน้าที่ธนาคารก็มาอีกแล้ว บ้านถูกยึดเมื่อไหร่ คงได้ไปนอนข้างถนนกันหมด”
ปลัดเหลืออดตวาดใส่ “คุณหญิง มันจะเกินไปแล้ว”
“ดิฉันพูดความจริง”
ปลัดตะคอก ยกมือห้าม “พอ”
คุณหญิงปล่อยโฮ “แล้วก็อย่าหวังว่าไอ้พวกเลียแข้งเลียขามันจะมาช่วยคุณวันใดที่คุณหลุดจากตำแหน่งมันก็จะเหยียบซ้ำ เงินเท่านั้นที่จะช่วยคุณได้”
ปลัดกวาดของบนโต๊ะเครื่องแป้งตกแตกกะจาย “ผมบอกให้พอ”
คุณหญิงตกใจ แต่ทำใจกล้าพูดเสียงเรียบ
“ถ้าคุณกลัวขายหน้า ก็อยู่เฉยๆ ดิฉันจะเป็นคนพูดเอง”
คุณหญิงเดินออกไป ปลัดกลุ้มหนัก
ปานเทพนั่งรอเงินจากเจ้าหน้าที่ธนาคาร มีโทรศัพท์เข้ามา ปานเทพดูหน้าจอ สะดุ้งโหยง ลังเลไม่กล้ารับสาย สุดท้ายกดรับ
“ฮัลโหล”
ยินเสียงด่าดังลั่นมาตามสาย เป็นเสียงปลอด
“ทำไมรับช้านัก มัวทำอะไรอยู่”
“ผมอยู่ที่ธนาคาร กำลังเบิกเงินให้ไอ้ลูกชายสุดสวาทขาดใจของพ่อ”
ที่บ้านนายหัว พอคุยกับลูกชายเสร็จ ปลอดก็เดินเข้ามาคุยกับเพ็ญ
“คุณใหญ่กำลังคิดทำอะไรกันแน่ ถึงให้ไอ้ปานถอนเงินออกไปตั้งมากมาย”
“เงินนั่นก็เป็นเงินปันผลที่คุณใหญ่ช่วยพี่ปลอดทำกิจการเหมืองจนก้าวหน้าใหญ่โต เค้ามีสิทธิ์ใช้เงินนั้น”
“ก็เพราะมันเป็นเงินที่ได้มาจากความเหนื่อยยากของคุณใหญ่ ผมถึงกลัวว่าจะโดนปอกลอก”
เพ็ญคิด เห็นคล้อยตาม ปลอดลุกยืนพูดจริงจัง
“ผมคงอยู่เฉยๆไม่ได้แล้ว”
ภายในห้องพักรับรองที่บ้านอรสอางค์ ครองสุขอยู่ในชุดราตรีสวยงาม กำลังโทรหาธีระ ทว่าเสียงมือถือเป็นสัญญาณปิดเครื่อง
“มันจะปิดเครื่องทำไมของมันนะ คนยิ่งร้อนใจอยากรู้ข่าวไอ้ใหญ่ มีผัวผิดคิดจนตัวตายจริงๆ”
ครองสุขตัดสาย ทรรศนะเปิดประตูเข้ามา
“เสร็จหรือยังครับคุณน้า อรกับคุณพ่อคุณแม่เค้ารออยู่ที่รถแล้ว”
ครองสุขรีบถลาเข้าไปหาทรรศนะ “อาหารที่โรงแรมนี้แพงมากใช่มั้ยตานะ เค้าจะเลี้ยงเราหรือเปล่า น่าจะเลี้ยงนะเพราะเราเป็นแขก”
ทรรศนะ “คุณน้า ผมจะขอลูกสาวเค้านะครับ ให้ฝ่ายเค้าจ่ายก็น่าเกลียดตาย นี่คุณน้าไม่มีเงินเหลือเลยเหรอครับ”
ครองสุขบอกเสียงสูง “มีจ้ะ” ที่แท้โกหก “แต่น้าลืมเอาบัตรเครดิตมา”
ครองสุขเปิดกระเป๋าดู “คงพอแหละ มันจะสักเท่าไหร่เชียว”
รถยนต์คันใหญ่ของปลัดขับพ้นประตูใหญ่ไป ทรรศนะเป็นคนขับให้
และที่หน้าบ้านมีรถขับเคลื่อน 4 ล้อ ติดฟิล์มดำมองไม่เห็นคนข้างในจอดรออยู่ ซึ่งพอเห็นรถปลัด รถลึกลับคันนั้นก็ขับตามไป
โปรดติดตามตอนต่อไป
ภายในห้องอาหารหรูหราของโรงแรมห้าดาวแห่งนั้น ลูกค้าล้วนเป็นไฮโซ และฝรั่งต่างชาติ มีนักดนตรีเล่นเปียโน ขับกล่อมสร้างบรรยากาศรื่นรมย์
อรสอางค์หยิบเมนูมาสั่งอาหารซึ่งล้วนราคาแพงแบบไม่เกรงใจใคร
“ขอแบบ Full Course Dinner เพิ่มLobster ของโปรดของคุณแม่ แล้วก็ไวน์ Opus One สำหรับคุณพ่อกับนะ น่าจะคอเดียวกันนะคะ”
ครองสุขมองราคาแล้วกลืนน้ำลายเอื้อก ครองสุขหันไปคุยกับคุณหญิง
“ดิฉันดื่มไวน์ได้นิดหน่อย เรื่องเหล้ายาปลาปิ้งเนี่ยไม่ค่อยถนัด”
“ดีแล้วล่ะค่ะ ผู้หญิงกับของมึนเมามันไม่ดูไม่งาม”
คุณหญิงมองไปทางเข้า เห็นทัศนีย์เดินกอดมากับฝรั่งผมยาว หอมแก้มฝรั่ง เดินเซไปเซมาเหมือนคนเมาทั้งคู่ คุณหญิงยกมือทาบอก
“อกจะแตก เดินกอดจูบผู้ชายไม่แคร์หัวหงอกหัวดำ ไร้ยางอาย ทำตัวเหมือนโสเภณีฉันต่ำ”
ครองสุขหันไปมองแล้วสนับสนุน “ต๊าย จริงค่ะ อย่างนี้ต้องด่าพ่อแม่ ไม่รู้จักอบรมสั่งสอน”
ทัศนีย์หันมาทางครองสุขพอดี “ว้าย ยัยนี”
ครองสุขส่งเสียงดัง จนแขกคนอื่นหันมามองตาเดียว ทัศนีย์หันมา ส่งเสียงเมาอ้อแอ้
“คุณน้าสุดที่ร๊ากกกก”
พลางทัศนีย์อ้าสองแขนวิ่งเข้าไปกอด ครองสุขนั่งตัวแข็ง ทรรศนะอึ้ง
“นั่นแน่ คุณน้าแอบมาหาหญ้าอ่อนๆ กินแถวนี้เหรอไม่บอกนี นีจะได้พาไปท่องบาร์ผู้ชายให้สุดเหวี่ยง”
อรสอางค์ตกตะลึง “ทัศนีย์”
คุณหญิงงง “ใครกัน ลูกรู้จักด้วยเหรอ”
อรสอางค์เสียหน้า คุณหญิง กับปลัดมองทัศนีย์อย่างรังเกียจ ครองสุขรีบดึงทัศนีย์ลงนั่ง
“นั่งลงดีๆ” ครองสุขยิ้มแหะๆ “หลานสาวดิฉันค่ะ เป็นน้องตานะชื่อทัศนีย์”
ทัศนีย์โบกมือให้คุณหญิงไม่ยอมไหว้ “Hi! แหวะ” ทัศนีย์จะอ้วก
ครองสุขอายแทรกแผ่นดิน ทรรศนะรีบลุกไปประคองทัศนีย์
“พี่พาไปห้องน้ำ”
ทรรศนะพาน้องสาวออกจากบริเวณนั้นอย่างด่วน ปลัดมองครองสุขอย่างไม่ค่อยชอบใจ
“คุณครองสุขนี่เลี้ยงหลานเก่งนะครับ เป็นเด็กที่กล้าแสดงออกดี” มองมาทางอรสอางค์ “ลูกสาวผมเทียบไม่ติดฝุ่นเลย”
ครองสุขหน้าตึงรู้ว่าโดนประชด ในใจแทบคลั่งแต่ต้องทนฝืนฉีกยิ้ม
ระหว่างนั้นรถคันหนึ่งวิ่งมาจอดที่หน้าโรงแรม ใหญ่กับปิ่นอนงค์เปิดประตูลงมา
ใหญ่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตลายสก็อต มีผ้าขาวม้าผูกรอบเอว สวมกางเกงยีน ส่วนปิ่นอนงค์ใส่เสื้อสวมเชิ้ตกางเกงยีนส์
พนักงานต้อนรับเห็นต่างอึกอักมองการแต่งตัว “ทำไม แต่งตัวอย่างนี้ไม่ต้อนรับเหรอ”
ใหญ่ยัดเงินทิปให้หนึ่งพัน พนักงานรับไปยิ้มออก ผายมือเชิญ ใหญ่จูงมือปิ่นอนงค์เดินเข้าไปเลย
ปิ่นอนงค์ขืนตัว “คุณใหญ่ ตกลงคุณใหญ่กำลังจะทำอะไรกันแน่คะ ทำไมต้องแต่งตัวแบบนี้ด้วย”
“เอ๊า ก็เราเป็นชาวไร่ชาวสวนนี่ มันต้องรักษาเอกลักษณ์กันหน่อย”
ตรงมุมทางแยก ทรรศนะประคองทัศนีย์ที่เดินไม่ตรงทางมา
“เดี๋ยวนีล้างหน้าล้างตาเสร็จ พอกลับไปที่โต๊ะอีกครั้งวางตัวให้ดี อย่าพูดอะไรทั้งนั้น วันนี้เป็นวัน
สำคัญของพี่ เข้าใจมั้ย”
ทัศนีย์เสียงอ้อแอ้ “รู้แล้วน่า คุณน้าขายนีให้ไอ้ใหญ่ ขายพี่นะให้ยัยไฮโซ ส่วนตัวเองก็รอเสพสุข”
ทรรศนะเอ็ด “เบาๆ นี”
ทรรศนะรีบดึงทัศนีย์ไปทางห้องน้ำ ใหญ่กับปิ่นสวนมาอีกทางแต่ไม่เห็นกัน
ครองสุขพยายามแก้ตัวเรื่องทัศนีย์“ปกติยัยนีเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย ไม่เคยเป็นอย่างนี้
หรอกค่ะ เนี่ยคงเพราะไปฉลองวันเกิดเพื่อน คงโดนเพื่อนคะยั้นคะยอให้ดื่ม ก็เลย...”
คุณหญิงขัดขึ้น “เราคุยกันเรื่องสินสอดเลยดีมั้ยคะ คุณอุทัยไม่ชอบอยู่ในที่ๆ มีมลพิษทางสายตา”
ครองสุขหน้าชา แต่ต้องอดทน “ก็ดีค่ะ ดิฉันคุยกับตานะแล้ว คิดว่าสำหรับสินสอด...”
คุณหญิงเชิดหยิ่ง เลื่อนกระดาษให้ “ดิฉันจดรายการสินสอดที่ต้องการมาให้เรียบร้อย”
ครองสุขหยิบมาดู ตาค้างเพราะเยอะมาก “ทั้งหมดนี่เลยเหรอคะ”
ปลัดรู้สึกเสียศักดิ์ศรี แต่ต้องอดทนไว้ “คุณหญิงรัตนาจะให้มากกว่านี้อีกนะคะ นี่เค้าก็กำลังรอคำตอบจากทางเราอยู่”
ครองสุขอึกอักๆ คุณหญิงสรุปตัดบท “เป็นอันว่าตกลงนะคะ”
จู่ๆ มีมือใครคนหนึ่งมาดึงกระดาษไปจากมือครองสุข ครองสุขตกใจแหงนหน้ามอง
ใหญ่ยิ้มยียวน พูดเสียงดังไปทั่วห้อง
“ตกลงไปเลยครับคุณน้า สินสอดนิดหน่อยแค่นี้ แค่เศษเงินของไร่ไพศาล ขุดขึ้นมาซักตุ่มสองตุ่ม ก็จ่ายได้ชิวๆ”
ครองสุขช็อกตาค้าง มองหน้าใหญ่ มองหน้าปิ่นอนงค์
บรรดาไฮโซในห้องอาหารพากันมองใหญ่ เห็นเสื้อผ้าที่สองคนใส่ต่างพากันซุบซิบๆ สีหน้าดูหมิ่น
ใหญ่เห็นยิ่งทำเสียงดังแนะนำตัวกับคุณหญิง
“ผมขออนุญาตแนะนำตัวก่อน ผมชื่อใหญ่ ทายาทผู้รับมรดกและเจ้าของไร่ไพศาลอย่างถูกต้องตามกฎหมายแต่เพียงผู้เดียว”
คุณหญิงกับปลัดงุนงง มองหน้าครองสุข
มือครองสุขจับแก้วมือสั่นระริก คอแห้งผากรีบยกน้ำดื่ม
“ตกลงใครกันแน่ที่เป็นเจ้าของไร่ ดูเหมือนว่าจะต้องมีใครคนใดคนหนึ่ง ที่แต่งเรื่องหลอกผม” ปลัดฉุนกึก
ครองสุขอึกอัก ใหญ่แทรกขึ้นมา “ไม่มีใครหลอกท่านหรอกครับ ของๆ ผมก็เหมือนของน้องชาย อีกหน่อยไร่นี้ผมก็ต้องยกให้น้องนะ ถูกมั้ยครับคุณน้า”
ครองสุขฝืนยิ้ม “ถูกจ๊ะ ไร่เรากว้างใหญ่ไพศาลถึงแบ่งกันคนละครึ่งก็ตีมูลค่าได้หลายร้อยล้าน หนูอรไม่มีทางลำบากแน่”
อรสอางค์โล่งอก กลัวพ่อโกรธทรรศนะ “จริงๆ ค่ะคุณพ่อ”
คุณหญิงช่วยอีกแรง พูดเบาๆ ไม่ให้น่าเกลียด “ดิฉันก็ไปเห็นมาแล้ว ไร่ที่ว่ากว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา”
ใหญ่ลงนั่งกับปิ่นอนงค์ ครองสุขหยั่งเชิง “น้าเซอร์ไพร์ซมากเลย ที่เห็นคุณใหญ่แวะมาถึงนี่”
ใหญ่แดกดัน “ก็เกือบจะตายอยู่ในป่าแล้วครับ ถ้าไม่ได้จอมไปช่วย”
ครองสุขตอแหลอย่างเนียน “คุณพระช่วย ทำไมน้าไม่รู้เรื่อง ไม่เห็นมีใครบอกเลย”
ใหญ่โอบไหล่ปิ่นอนงค์โชว์ อธิบายกับคุณหญิงประชดครองสุข “ผมกับแฟนเข้าไปเที่ยวจู๋จี๋กันในป่า พรานมันเข้าใจผิดว่าผมเป็นเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ก็เลยทำร้ายผมน่ะครับ”
ปลัดสนใจขึ้นมาทันที “แย่มาก ไอ้พรานพวกนี้ต้องปราบให้เข็ด”
ใหญ่ฝอยต่อ “พอรอดมาได้ ก็เลยอยากพาแฟนมาเที่ยวปลอบขวัญที่เมืองหลวงเสียหน่อย”
คุณหญิงจะอ้าปากถาม แต่เสียงทรรศนะขัดขึ้นก่อน “ปิ่น คุณใหญ่”
ปิ่นอนงค์หันไป เห็นทรรศนะกับทัศนีย์เดินเข้ามา ปิ่นอนงค์จ้องหน้าทรรศนะ
ทัศนีย์ชอบใจส่งเสียงอ้อแอ้ สภาพยังไม่สร่างเมาดีนัก
“อุ๊ยตาย วันนี้วันรวมญาติหรือเนี่ย”
ปิ่นอนงค์ ตอนที่ 7 (ต่อ)
เวลาเดียวกันนั้น จอมซึ่งพาพรานแจ้งมาทำแผลที่ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือสถานีอนามัยท้องถิ่น และกำลังรออยู่หน้าห้องผู้ป่วย จอมไม่ทันนึกถึงว่าหน้าต่างห้องผู้ป่วยที่นี่ไม่มีเหล็กดัด และด้านหลังห้องพักเป็นทุ่งโล่ง
จอมนั่งรอ จนกระทั่งพยาบาลเดินออกมาหา
“เย็บแผลให้เรียบร้อยแล้วค่ะ แต่คงต้องให้คนเจ็บนอนพักเพื่อรอดูอาการ”
จอมพยักหน้า พยาบาลเดินไปลับตัวแล้ว จอมรีบเดินเข้าห้อง
แต่แล้วจอมต้องตกใจ ที่เตียงว่างเปล่า จอมตวัดสายตาไปที่หน้าต่างซึ่งเปิดอ้าอยู่ จอมวิ่งไปที่หน้าต่าง ชะโงกไปข้างนอก เห็นพรานแจ้งวิ่งหนีออกจากแนวต้นไม้ที่กั้นอาณาเขตด้านหลังโรงพยาบาล
จอมรีบปีนออกจากหน้าต่างตามไปทันที
พรานแจ้งวิ่งกุมบาดแผลหันไปมองด้านหลัง เห็นจอมไล่ตามมาตะโกนเรียก
“หยุดๆ เดี๋ยวนี้”
พรานแจ้งวิ่งหายเข้าไปในไร่ข้าวโพด จอมไล่ตามเข้าไป หยุดวิ่งมองห เห็นแต่ต้นข้าวโพดสูงท่วมหัว
ที่ด้านหลังจอม พรานแจ้งออกจากที่ซ่อนตัวใช้ไม้ฟาดหลังจอมสุดแรง จอมทรุดล้มลง
พรานแจ้งวิ่งหนี จอมกัดฟันลุกยืน วิ่งแหวกต้นข้าวโพดวิ่งไล่ล่าสุดระทึก
พรานแจ้งพุ่งตัวไปจนพ้นแนวต้นข้าวโพด เจอท้ายรถไถคันใหญ่ถอยมาอย่างเร็ว
พรานแจ้งร้องลั่น “อ๊ากกก”
รถไถถอยชนพรานแจ้งอย่างแรง
จอมตกตะลึง เห็นร่างพรานแจ้งนอนคว่ำหน้าติดคาท้ายรถไถ หัวโดนน็อตเหล็กกระแทกอย่างจัง
คนขับรถไถวิ่งมาดู หน้าตาตื่น “ผมมองไม่เห็นจริงๆ นะครับ”
คุณหญิงจ้องหน้าใหญ่แบบไม่กะพริบตา ปลัดก็มองอย่างรังเกียจ ใหญ่มองตอบแล้วยิ้มๆ
ใหญ่มองรายการอาหาร แล้วโยนคืน
“มันภาษาอะไรวะเนี่ย อ่านไม่ออก เอาอะไรมาก็ได้ที่แพงที่สุดสักสองสามอย่าง ยกมาเลย เฮ้ย เดี๋ยวๆ”
ใหญ่กระดิกนิ้ว บ๋อยหันกลับมา “เอาส้มตำปูปลาร้ามาแก้เลี่ยนด้วย” บ๋อยงง
อรสอางค์ตบโต๊ะลุกยืนทนไม่ไหว “อรจะกลับ” ปรายตามองใหญ่อย่างสะอิดสะเอียน
คุณหญิงดึงมือไว้ กลัวเสียเรื่อง ปิ่นอนงค์กระซิบใหญ่ “กลับเถอะค่ะ”
ใหญ่ไม่สนหยิบแก้วไวน์เดินไปหานะ ใหญ่ชูแก้วกับแขกโต๊ะอื่นๆ ตั้งใจแกล้งอรสอางค์กับทรรศนะ
“วันนี้เป็นวันที่ผมมีความสุขที่สุด เพราะน้องชายสุดที่เลิฟกำลังจะแต่งงานกับลูกสาวปลัดกระทรวงใหญ่ขอเชิญทุกท่านร่วมดื่มแสดงความยินดีกับน้องชายผมด้วยครับ”
ทุกคนมองอรสอ่างค์ซุบซิบๆ ไม่มีใครร่วมดื่มด้วย อรสอางค์อับอายแต่โดนแม่ยึดมือไว้แน่นไม่ให้ตอบโต้
ใหญ่จิ้มนิ้วลงในแก้วไวน์ดูดชิม “รสชาติไม่เลวนี่หว่า” ยกดื่มรวดเดียวหมด “มาๆ ทุกคนดื่มๆ”
ใหญ่คว้าไวน์เทใส่ชามซุบที่หมดแล้ว ยกดื่มอักๆ ดูดดื่มกินจ๊วบๆ เสียงดัง
ทรรศนะทนไม่ไหว ลุกยืนกระซิบใหญ่ “ผมขอร้องล่ะ คุณใหญ่ช่วยกลับไปก่อนได้มั้ย”
ใหญ่โวยวาย “ไม่ต้องอายใคร เราเป็นเศรษฐี ทำอะไรก็ไม่น่าเกลียดแกแต่งงานเมื่อไหร่ ฉันจะให้ของขวัญแก ไร่เรามีเป็นภูเขาตั้งหลายลูก ฉันยกให้แกลูกหนึ่งแล้วกัน”
แขกในห้องอาหารตาโต ใหญ่เดินไปหาคุณหญิง “ผมเรียนมาน้อย แต่นะเค้าเรียนสูง ต่อไปเค้าก็ต้องช่วยดูแลแทนผมทั้งหมด รับรองลูกสาวคุณหญิง ได้เป็นคุณนายเลี้ยงวัวไปทั้งชาติ ฮ่าๆๆ ชนกันหน่อย”
คุณหญิงจำใจยกแก้วไวน์ชนกับใหญ่ “ฝากลูกอรด้วยนะคะคุณใหญ่”
ใหญ่ชนแก้วกับคุณหญิงอย่างแรง ไวน์ในชามของใหญ่กระฉอก คุณหญิงยิ้มแหยๆ
ทัศนีย์ยกไวน์ทั้งขวดขอชนกับใหญ่ “ขอชนด้วยค๊า...”
ทัศนีย์นีชนกับใหญ่เสร็จ ก็ยกทั้งขวดดื่มอักๆ ครองสุขมองหน้าปลัดที่บึ้งตึงแล้วอยากตาย ปิ่นอนงค์สีหน้าไม่ค่อยดี รู้สึกอึดอัดใจมาก
คุณหญิงดึงครองสุขมาที่ห้องน้ำ “คุณใหญ่เป็นเจ้าของภูเขาเป็นลูกๆเลยเหรอคะ”
“ใช่ค่ะ ที่คุณหญิงไปเห็นที่ไร่วันก่อนน่ะ แค่ส่วนเดียวพื้นที่ของไร่ครอบคลุมภูเขาไปอีก7-8 ลูก”
คุณหญิงจับอกหัวใจจะวาย “แล้วคุณนะละคะมีภูเขากี่ลูก”
ครองสุขฟุ้ง “ทั้งหมดของคุณใหญ่คือของตานะค่ะ” ลดเสียงพูดเบาๆ “ดิฉันบอกแล้วเหยียบไว้นะคะ คุณใหญ่น่ะสติไม่ค่อยเต็ม”
คุณหญิงตกใจอีกดอก “ตายจริง มิน่า กริยาท่าทางถึงดูบ้าๆ บอๆ พิก๊น”
ครองสุขใส่แหลก “เพราะอย่างนี้ล่ะค่ะ คุณไพศาลถึงได้ยกสมบัติให้ตานะเพราะกลัวลูกชายจะรักษาไว้ไม่ได้ แต่พี่น้องคู่นี้เค้ารักกันมาก ตานะเลยไม่อยากใช้อำนาจทางกฎหมาย”
คุณหญิงพยักหน้าพอใจ “แต่ของแบบนี้เกรงใจกันไม่ได้ ต้องทำให้ชัดเจน อย่างที่ดินแถวสีลมร้อยกว่าไร่ ดิฉันก็เพิ่งโอนชื่อให้ลูกอรไป จะได้เป็นสินสมรสต่อไป”
ครองสุขดีใจเนื้อเต้นแต่เก็บอารมณ์ไว้คิดในใจ “ตานะเอ๊ย เรารวยแล้วลูก”
คุณหญิงยิ้มตอบ คิดในใจ “ถึงจะบ้านนอก แต่ก็ช่วยให้เรารอดตายได้ละ”
พอกลับมาที่โต๊ะ ครองสุขยกแก้วไวน์ชนกับคุณหญิง ยิ้มแย้มมีความสุขทั้งคู่
อรสอางค์หน้าบึ้งตึง ทรรศนะบีบมือให้ใจเย็นๆ ปลัดลุกยืน
“จบแล้วใช่มั้ย ผมจะได้ลากลับ”
อรสอางค์ถือวิสาสะสั่งบ๋อยที่ยืนดูแลอยู่ “เช็กบิลได้เลย”
“พ่อไปรอที่รถนะ” ปลัดบอกกับครองสุข “พอดีผมมีประชุมแต่เช้า”
ใหญ่กับปิ่นยกมือไหว้ ปลัดเชิดไม่มอง เดินไปเลย ใหญ่ยิ้มหมั่นไส้ท่าทางยโสของปลัด
ครองสุขรับบิลจากบ๋อย ครองสุขถือบิลมือสั่น
“แสนเจ็ด!”
ทรรศนะกระซิบ “ไวน์ก็ขวดเหยียบแสนแล้วครับ”
ใหญ่เอ่ยขึ้น “มื้อนี้ผมเลี้ยงเอง ถือว่าฉลองให้น้องชายผม”
ใหญ่ปรบมือสองที ปานเทพเข้ามาพร้อมถุงเงินใบใหญ่ เป็นถุงผ้าป่านแบบมีเชือกรูดปิดปาก
“ในนี้มีเงินอยู่สักแสนแปด คงพอ”
ใหญ่ล้วงออกมาเป็นแบงก์ยับยู่ยี่ “เงินมันเยอะเลยไม่มีเวลานับ นับเอาเองนะน้อง ส่วนที่เหลือ ให้เป็นทิป”
บ๋อยตาลุก รีบอุ้มถุงเงินไป “ทิปเป็นหมื่นเลยเหรอ” ครองสุขมองเงินแล้วเสียดาย
คุณหญิงมองหน้าอรสอางค์เป็นเชิงบอกลูกสาวว่ามันรวยจริง “ขอบใจนะจ๊ะพ่อใหญ่ น้ำใจงามจริงๆ”
“มีแค่นี้ทำเป็นอวดรวย ไปเถอะค่ะ” อรสอางค์เหยียดยิ้มแล้วจะเดินไป
ใหญ่รีบลุกยืน “ยังไปไม่ได้ครับ ผมมีเรื่องสำคัญจะแจ้งให้ทุกคนทราบ”
ใหญ่ฉุดปิ่นอนงค์ให้ลุกขึ้น ปิ่นอนงค์ทำตามงงๆ ใหญ่ดึงปิ่นอนงค์เข้ามากอด
“ผมกับปิ่น เราจะแต่งงานกัน”
ทุกคนตะลึง ปิ่นอนงค์ช็อก “กำหนดวันงาน คืออีก 2 วันข้างหน้า ขอเรียนเชิญคุณหญิงกับท่านปลัดไปเป็นเกียรติในงานด้วยนะครับ”
อรสอางค์เชิดใส่สีหน้าดูแคลน “ก็ดูสมกันดีนี่ คนบ้านป่ากับลูกสาวคนใช้”
ทรรศนะมองหน้าปิ่นอนงค์ “จริงเหรอปิ่น”
ปิ่นอนงค์มองทรรศนะกับอรสอางค์เลยอยากประชด “จริงค่ะ ปิ่นจะแต่งงานกับคุณใหญ่ เราสองคนรักกัน”
“คุณพ่อรออยู่นะคะนะ”
ทรรศนะยอมให้อรสอางค์คล้องแขนออกไป คุณหญิงกับครองสุขเดินตาม ปิ่นอนงค์มองทรรศนะที่โอบเอวอรสอางค์แล้วยิ่งเจ็บปวด ใหญ่มองหน้าปิ่นอนงค์ สงสารจับใจ
สามคนพักค้างที่โรงแรมแห่งนั้น
“ว่าไงนะ พรานแจ้งมันตายแล้วเหรอ” ใหญ่ตะลึงเมื่อปานเทพบอก
“ลุงหวินโทรมาบอกเมื่อกี๊ มันพยายามหลบหนี แต่โชคร้ายโดนรถไถถอยมาชนตาย เป็นอันว่างานนี้สาวไปถึงมือจ้างวานไม่ได้ ละครปิดวิก”
ใหญ่หน้าเครียด “แล้วไอ้ธีระ”
“ถ้าแกไม่คิดแจ้งตำรวจ คงต้องปล่อยมัน” ใหญ่คิด ปานเทพบอกต่อ “ไอ้ใหญ่ พรานแจ้งมันเป็นพยานที่เอานังคุณนายเข้าคุกได้ แต่แกทิ้งมันแล้วมาเล่นไร้สาระที่นี่ นับวันฉันยิ่งไม่เข้าใจแก”
ใหญ่บอก “ฉันอยากมาดูว่าคุณนายครองสุขมันจะมาทำอะไรที่นี่ มันอาจจะติดต่อทนายเล่นงานเราก็ได้”
ปานเทพไม่เชื่อ “ไม่ใช่ แกอยากมาดูว่า พ่อแม่อรสอางค์จะยกลูกให้ไอ้นะหรือเปล่าต่างหาก”
ใหญ่อึ้งที่เพื่อนรู้ทัน “ทำไมฉันต้องทำอย่างงั้น บ้า”
ปานเทพรู้ทันอีก “แกอยากให้สองคนนี่แต่งงานกัน ทรรศนะจะได้ไม่ต้องมาเป็นศัตรูหัวใจแกต่อไป...ไม่งั้นแกคงไม่ทุ่มเทเงินทองเพื่อสร้างเครดิตให้ทรรศนะหรอก ฉันพูดถูกมั้ย”
ใหญ่รีบตัดบท “แกก็คิดมาก ฉันแค่ลงทุนนิดหน่อยๆ เพื่อรอดูวันที่พวกนั้นจะหน้าแตกหมอไม่รับเย็บแค่นั้น”
“งั้นที่แกบอกว่าจะแต่งงานกับปิ่นแกก็แกล้งด้วยใช่มั้ย”
ปิ่นอนงค์เข้ามาทันได้ยินคำพูดปานเทพพอดี จึงหันมามองหน้าใหญ่ถามเป็นเชิงขอคำตอบ “คุณใหญ่คะ”
ใหญ่ไม่ยอมตอบแกล้งขอตัวเข้าห้องน้ำ สักครู่หนึ่งก็นุ่งผ้าขนหนูออกมาจากห้องน้ำ ปิ่นอนงค์นั่งรออยู่รีบผุดลุก อายมากหันหน้าไปทางอื่น
“ไหนคุณใหญ่บอกว่าขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไง แล้วจะออกไปคุยกันข้างนอก”
“คิดไปคิดมามันเกิดขี้เกียจ นั่งคุยกันบนเตียงดีกว่า”
ใหญ่นั่งบนเตียง ตบฟูกข้างตัวเรียกปิ่นอนงค์ “ปิ่นยืนคุยตรงนี้ได้ค่ะ”
“ถ้าไม่เดินมาดีๆ โดนอุ้ม จะเอาแบบไหน”
ปิ่นอนงค์กลัว เดินเอียงๆ เข้าไปหา ตาก็มองไปทางอื่นเพราะใหญ่โป๊ไม่กล้ามอง
ใหญ่อมยิ้มขำปิ่น แกล้งตวาด “เดินให้มันเร็วๆ หน่อย เดินเอียงๆ เป็นแม่ปูขาเกไปได้”
ปิ่นอนงค์นั่งที่ขอบเตียงห่างจากใหญ่ “ว่ามา มีอะไรจะคุยกับฉัน”
“เรื่องแต่งงาน คุณใหญ่พูดเล่นใช่มั้ยคะ”
ใหญ่กระเด้งยืน “ทำไมคิดว่าฉันพูดเล่น”
“เพราะเราไม่ได้รักกัน”
ใหญ่อึ้ง เจ็บจี๊ดขึ้นมาอีก “ก็ไม่เห็นต้องรัก ก่อนหน้านี้มีคนเอาลูกมาขัดดอกฉันเยอะแยะ สาวๆพวกนั้นก็กรี๊ดฉันทุกคน”
ปิ่นอนงค์ลุกยืน “ถ้าเป็นเรื่องหนี้สามแสน คุณใหญ่ก็จับปิ่นเข้าคุกได้ ไม่เห็นต้องบังคับให้ปิ่นแต่งงานด้วย”
ใหญ่เดินมาหาปิ่นอนงค์แกล้งมองด้วยสายตาโลมเลีย ปิ่นอนงค์กลัวถอยหลังไปสองสาวก้าว แล้วหันตัวกลับจะวิ่งหนี ใหญ่คว้าแขนกระชากกลับมาปะทะอกใหญ่
“ถ้าฉันบอกเธอว่า ฉันชอบเธอล่ะปิ่นอนงค์”
ปิ่นอนงค์ตะลึง สองคนสบสายตากันไปมา
ใหญ่เคลิ้มก้มหน้าหาปิ่นอนงค์ช้าๆ ปิ่นอนงค์ได้สติผลักใหญ่เซไป
“ไม่จริง คุณใหญ่ต้องการแกล้งปิ่น เหมือนที่เคยกลั่นแกล้งปิ่นมาตลอด คุณเป็นคนขาดความรัก คุณก็เลยไม่อยากเห็นใครมีความสุข”
ใหญ่โกรธ ประชดกลับ “ใช่ ฉันชอบแกล้งเธอปิ่นอนงค์ ยิ่งเห็นเธอร้องไห้บอกตรงๆ ฉันมีความสุขเป็นบ้า”
“ได้ค่ะ ปิ่นจะให้คุณแกล้งปิ่นจนกว่าจะสมใจ เพราะทุกวันนี้ ปิ่นเองก็ไม่เคยมีค่าในสายตาของใครอยู่แล้ว”
ปิ่นอนงค์เดินหนีออกจากห้อง ใหญ่สัญญากับตัวเอง พูดเบาๆ อย่างหมายมั่น
“ฉันจะทำให้เธอเป็นปิ่นอนงค์ที่ใครๆก็ต้องอิจฉา”
บ่ายวันต่อมา ปานเทพพาปิ่นอนงค์ไปช้อปปิ้งตามคำสั่งใหญ่ ที่กำชับว่าต้องเป็นร้านแบรนด์ดัง ปิ่นอนงค์มายืนอยู่หน้ากระจกดิสเพลย์หน้าร้านหรู ปิ่นอนงค์มองที่เสื้อผ้าชุดหรูบนตัวหุ่น แล้วก้มมองเสื้อผ้าตัวเอง เป็นเสื้อยืดกางเกงยีนส์เก่าๆ
“พาปิ่นไปซื้อตามตลาดนัดก็พอค่ะ” ปิ่นอนงค์บอก แต่ปานเทพไม่ยอม
“ไม่ได้หรอกครับ ถ้าไอ้ใหญ่รู้มันเล่นงานผมตาย เวลามันโมโห มันยิงดะ กับผมมันก็ไม่เว้น”
ปานเทพเอามือกุมหัว เหล่มองปิ่นอนงค์
ปิ่นอนงค์เห็นใจปานเทพ ตัดสินใจเดินเข้าร้าน
“ยัยนี่ขี้สงสารคนอย่างที่ไอ้ใหญ่บอกไว้ไม่มีผิด”
พนักงานขายของมองปิ่นอนงค์ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์เก่าๆ หัวจรดเท้า ด้วยสายตาดูแคลน
ปานเทพตามเข้ามารีบยื่นบัตรเครดิตให้ “ช่วยเอาเสื้อผ้าที่มีอยู่ทั้งหมด มาให้คุณผู้หญิงท่านนี้เลือก อย่างด่วนเลย”
พนักงานรับบัตรเครดิตมา รีบกุลีกุจอเชิญปิ่นอนงค์เข้าห้องลองชุด
ขณะที่ปิ่นอนงค์อยู่ในห้องลองเสื้อ แต่ยังไม่ได้ลองสักที รีบพลิกดูป้ายราคาก่อน เห็นราคาปิ่นอนงค์ก็อุทานด้วยความตกใจ
“หมื่นสอง!”
ในที่สุดปิ่นอนงค์ส่งให้พนักงานชุดเดียว “เอาชุดนี้ชุดเดียวพอค่ะ”
ปานเทพที่นั่งรออยู่รีบพุ่งเข้าไปหา “ไม่ได้นะครับ”
ปิ่นอนงค์พูดเบาๆ “มันแพงเกินไปค่ะ”
“เอาทุกชุดที่คุณผู้หญิงลองแล้วสวย ใส่ถุงเลยครับ” ปานเทพบอกพนักงาน
“นายปาน มันมากไปนะ”
“ผมต้องทำตามคำสั่งไอ้คุณใหญ่ครับ ถ้าไม่อยากปวดหัว ยอมๆ มันไปเถอะครับ” ปานเทพเตือน
ปิ่นอนงค์บ่น “แล้วคุณใหญ่อยู่ไหนคะ เที่ยวสั่งคนนั้นคนนี้ แต่ตัวเองกลับหายไป”
พงษ์กับลูกน้องปลอดยืนอารักขาอยู่หน้าประตูห้อง ส่วนในห้องเวลานั้น ปลอดนั่งอยู่ตรงข้ามใหญ่ กำลังถามย้ำที่ใหญ่บอก สีหน้าไม่เห็นด้วยนัก
“แต่งงาน! ผมไม่เข้าใจสิ่งที่คุณใหญ่ทำ เรื่องแต่งงานไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะครับ”
“ผมเข้าใจว่าอาเป็นห่วง แต่ที่ผมทำผมมีเหตุผล อีกอย่างปิ่นอนงค์ก็ไม่ใช่คนร้ายกาจอะไร”
“ผมกลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเหมือนสมัยที่คุณไพศาลโดนนังแม่มดร้ายมันหลอกเอา หนนี้มันก็อาจส่งปิ่นอนงค์มาหลอกคุณใหญ่ก็เป็นได้”
ใหญ่เถียง “ผมไม่เหมือนพ่อนะครับอา”
“แต่ผู้ชายตายน้ำตื้นเพราะผู้หญิงกันมามากแล้วนะครับ” ปลอดว่า
“รอให้ผมใช้ปิ่นหาความจริงเรื่องการตายของพ่อสำเร็จเมื่อไหร่ ผมก็เลิกกับปิ่นอนงค์ทันที”
ปลอดทักท้วง “ต่อสู้ทางศาลไม่เร็วกว่าเหรอครับ แค่คุณใหญ่ร้องต่อศาลว่ายังมีชีวิตอยู่ ความจริงทุกอย่างก็จะปรากฏ”
ดวงตาใหญ่ ปวดร้าว นิ่งไปสักครู่ “ผมไม่กล้ายืนพูดต่อหน้าศาล ผมกลัว กลัวที่ต้องเล่าอดีตของผมกับพ่อให้ใครต่อใครรู้ ผมเจ็บทุกครั้งที่เห็นพ่อเกลียดผม”
เหตุการณ์ที่เรือนใหญ่ในอดีตผุดขึ้นมาหลอกหลอนใหญ่อีก
วันนั้นไพศาลชี้หน้าด่าใหญ่ “แกไม่ใช่ลูกฉัน ลูกฉันต้องไม่ใช่นักเลงโต เที่ยวชกต่อยใครไม่เลือกหน้าอย่างนี้ โตไปคงไม่แคล้วเป็นโจร”
ใหญ่เสียใจ มองทรรศนะปากแตกยืนร้องไห้ข้างไพศาล
ใหญ่ดึงตัวเองกลับมา ใบหน้าหมอง
“ทุกวันนี้ผมเดินไปตรงไหนในไร่ ผมก็เห็นแต่หน้าพ่อชี้หน้าด่าผม พ่อเอาใจแต่ไอ้นะ เข้าข้างยัยคุณนาย”
ใหญ่ยกมือปิดหน้า ซบที่หัวเข่า “ความจริงแล้วผมไม่อยากได้ไอ้สมบัติพวกนี้เลยสักนิด”
ใหญ่เงยหน้ามองปลอดพูดเสียงเครือ “ผมแค่อยากกลับบ้านครับอา”
ปลอดเข้าใจดึงใหญ่เข้ามากอดปลอบโดยไม่รบเร้าอะไรอีก
ตกตอนค่ำ ใหญ่มาหยุดยืนหน้าห้องปิ่นอนงค์ ไขกุญแจเข้าห้องมา มองไปที่ถุงเสื้อผ้าซึ่งซื้อมาใหม่หลายถุง มองหาปิ่นอนงค์ไม่เจอ ใหญ่เดินไปเปิดดูห้องน้ำร้องเรียก
“ปิ่นอนงค์ !”
เห็นเงียบไม่มีเสียงตอบรับ ใหญ่เดินพล่านหาตรงนั้นตรงนี้ก็ไม่เจอ
“ปิ่นอนงค์!” ใหญ่ตะโกนใจคอไม่ดี “หรือว่าคิดฆ่าตัวตาย”
ใหญ่พุ่งไปที่หน้าต่าง เปิดดูตรงระเบียง ชะโงกตัวออกไปมองหา
ด้านปิ่นอนงค์เปิดประตูเข้าห้องมา เห็นใหญ่ทำท่าแปลกๆ จึงเดินตรงไปหาใหญ่
“คุณใหญ่ทำอะไรอยู่คะ”
ใหญ่สะดุ้งโหยง หันกลับมา “เฮ้ย! ตกใจหมด”
“ดูอะไรอยู่เหรอคะ”
ใหญ่แก้เก้อรีบโวยวายกลบเกลื่อน “ดูวิว แล้วเธอล่ะหายไปไหนมา ห้องหับไม่รู้จักอยู่”
“แม่บ้านลืม น้ำยาทำความสะอาดไว้ ปิ่นก็เลยเอาไปคืน”
ใหญ่มองไปที่ถุงเสื้อผ้า “ทำไมยังไม่ใส่ชุดใหม่ ลองไปใส่ให้ดูหน่อยสิ”
ปิ่นอนงค์รับคำง่ายๆ “ค่ะ”
ใหญ่แปลกใจ “ทำไมว่าง่ายจัง”
“มีคนบอกว่า ให้ยอมๆ คุณใหญ่ไป ก็จะไม่มีเรื่อง”
“ใครบอก”
“คนค่ะ”
“ก็รู้แล้วว่าคน หมูหมากาไก่มันคงพูดได้หรอก”
ปิ่นอนงค์เหนื่อยหน่ายเหลือทน แต่น้ำเสียงยังนุ่มนวล “อย่าทะเลาะกันในเรื่องไม่เป็นเรื่องเลยค่ะ บอกธุระของคุณใหญ่มาเถอะ”
“พรุ่งนี้ เธอกลับไร่ไปกับปานก่อน เรื่องชุดแต่งงานที่เธอไปลองไว้เมื่อตอนบ่าย เค้าจะจัดส่งตามไป”
ปิ่นอนงค์แปลกใจ “คุณใหญ่ไม่ไปด้วยเหรอคะ”
ใหญ่ยิ้มยียวน “ทำไมจ๊ะ กลัวจะทนคิดถึงว่าที่สามีไม่ไหวหรือไง เอ๊ะหรือว่า จะวางมัดจำไว้ก่อนดี”
แล้วใหญ่ก็จุ๊บแก้มปิ่นอนงค์อย่างรวดเร็วจนปิ่นอนงค์ตั้งตัวไม่ทัน
เห็นปิ่นอนงค์ยืนตะลึง ใหญ่ยิ้มชอบใจเดินไปที่ประตู หันกลับมาย้ำ
“อีกสองวันเจอกันที่ไร่ ฉันมีเซอร์ไพร์ซให้เธอ”
ใหญ่ออกไป ปิ่นอนงค์จับแก้มตัวเอง รู้สึกใจเต้นโครมคราม
ครองสุขกลับจากกรุงเทพฯ มาถึงไร่ อุ่นเรือนไม่รู้เรื่องอะไร ยกกระเป๋าตามครองสุขเข้าห้อง หน้าตาอมทุกข์ กังวลเรื่องลูกสาว
“คุณนายต้องช่วยอุ่นนะคะ คุณใหญ่ลากปิ่นเข้ากรุงเทพฯ ป่านนี้ยังไม่กลับมาเลย”
ครองสุขถอดนาฬิกา ต่างหูวางบนโต๊ะเครื่องแป้ง
“แล้วแกจะให้ฉันช่วยยังไง”
“ส่งคนงานไปช่วยก็ได้ค่ะ หรือไม่ก็แจ้งตำรวจที่กรุงเทพฯ”
ครองสุขเยาะ “คงยากมั้ง เรื่องผัวๆ เมียๆ คงไม่มีตำรวจหน้าไหนไปยุ่ง”
อุ่นเรือนตาค้าง ไม่เข้าใจความหมาย “ผัว เมีย”
ครองสุขหันขวับมามองอุ่นอย่างแค้นเคือง
อุ่นเรือนปฏิเสธพัลวัน “ไม่ใช่นะคะ นังปิ่นมันไม่ใช่”
ครองสุขตบอุ่นเรือนจนหน้าหัน แล้วชี้หน้าด่าซ้ำ
“เลิกทำหน้าซื่อกับฉันเสียที แกสมคบกับลูกแก แกล้งให้มันหนีเพื่อโก่งค่าตัวไอ้ใหญ่ ตอนนี้สมใจแล้วนี่ ไอ้ใหญ่มันพาปิ่นไปหาฉัน ประกาศจะแต่งงานกับลูกสาวแกต่อหน้าครอบครัวหนูอร”
อุ่นเรือนตกใจมากยกมือทาบอก “พระช่วย”
ครองสุขแดกดันต่อ “ไอ้ใหญ่มันเอาเงินฟาดหัวแกเท่าไหร่ล่ะ”
อุ่นเรือนปฏิเสธ “ไม่นะคะ อุ่นไม่เคยรับเงินคุณใหญ่ เงินโจร เงินที่ปล้นจี้มา ใครเอาไปใช้ชีวิตก็จะมีแต่ความหายนะคุณนายเชื่ออุ่นนะคะ อุ่นไม่เคยคิดทรยศคุณนาย”
“คำพูดของแกไม่มีความหมายเท่ากับการกระทำหรอกฉันหลงเชื่อแกมามากแล้ว ต่อไปนี้ฉันจะไม่หลงกลแกอีก”
ครองสุขผลักไสอุ่นเรือนออกไป แล้วเดินออกจากห้อง อุ่นเรือนเจ็บแค้นเคืองโกรธในตัวปิ่นอนงค์นัก
หน้าห้องขังธีระที่เรือนคนงานเวลานั้น ประตูสะเทือน พร้อมกับมีเสียงทุบประตูปังๆ เปี๊ยกนั่งหลับนกอยู่สะดุ้งตื่น
ธีระทุบประตูปากก็ตะโกนไม่ยอมหยุด “พวกแกจะใช้กฎหมู่ทำกับสุจริตชนอย่างฉันไม่ได้นะโว้ย ปล่อยฉัน ไม่งั้นฉันจะฟ้องพวกแกข้อหาลิดรอนเสรีภาพ กักขัง หน่วงเหนี่ยว”
เปี๊ยกยืนส่งเสียงโวยวายกลับไปแปลได้ว่าเอาเลยไม่กลัวโว้ย ขืนพูดมากจะโดนอัดเละ
ธีระปวดกบาลฟังไม่รู้เรื่อง “มันพูดอะไรของมันวะ ไอ้ใบ้ ไอ้ลูกพ่อแม่ไม่สั่งสอน เปิดประตูเดี๋ยวนี้”
เปี๊ยกโมโหโวยวายว่าด่าพ่อแม่กูเหรอ เปี๊ยกจึงเปิดประตูเข้าไป ชี้หน้าด่าธีระเป็นชุดที่มาด่าพ่อแม่ตัวเอง
ธีระชี้หน้าด่าตอบไม่กล้าเข้าไปลุย “ฟังไม่รู้เรื่องโว้ย” ธีระกำหมัดแน่น “แน่จริงก็เข้ามาเลยดีกว่า”
เปี๊ยกตั้งหมัดส่งเสียงอ้อแอ้ตามประสาเรียกให้ธีระเข้ามาก่อน “แกก็เข้ามาก่อนสิ มาๆ มาเลย” ธีระไม่ยอม
เปี๊ยกโวยวายกลับทำนองว่าแกนั่นแหละเข้ามาก่อน ธีระหันไปคว้าของใกล้ตัวปาใส่เปี๊ยกสุดแรง เปี๊ยกปัดป้องหลบทัน ธีระสบโอกาสผลักเปี๊ยกทะเล่อทะล่าวิ่งหนีออกมาหน้าห้องชนครองสุขจนเซแซดๆ
“ว้าย ตาเถร”
ธีระรีบประคอง “ขอโทษๆพี่”
เปี๊ยกวิ่งออกมา ธีระรีบหลบหลังครองสุข “ช่วยผมด้วยพี่ ไอ้เปี๊ยกมันจะฆ่าผม”
ครองสุขชี้หน้าตวาดเปี๊ยก “แกกล้ากับฉันเหรอไอ้เปี๊ยก”
เปี๊ยกชะงัก
สองคนอยู่ในห้องทำงานครองสุข ธีระรีบแก้ตัวเรื่องพรานแจ้ง
“พี่ไม่ต้องกลัวนะ ไอ้พรานที่ผมจ้างมันถูกรถชนตายไปแล้ว ถึงไอ้ใหญ่สงสัยเราก็ไม่มีพยานหลักฐาน”
ธีระว่าแต่ครองสุขไม่วางใจ “แล้วไอ้เจิดไอ้ก้านล่ะ”
“ผมคิดว่ามันรู้แกว เลยหนีไปซ่อน ผมจะพยายามติดต่อมันเอง” กอดอ้อนครองสุข “พี่อย่าโกรธผมเลยนะ คืนนี้ผมจะช่วยพี่ให้หายเครียดเอง”
ครองสุขผลักธีระออก “หายเครียดเหรอ ไอ้ใหญ่มันจะแต่งงานกับนังปิ่นแล้วสมบัติมันต้องตกไปอยู่กับนังปิ่นอีกครึ่งนึง รู้ไว้ซะด้วย”
ธีระได้ฟังก็ตกใจมาก เรื่องชักจะยุ่งไปกันใหญ่
โปรดติดตามตอนต่อไป