หนุ่มบ้านไร่กับหวานใจไฮโซ ตอนที่ 11
ค่ำนั้น...เจิดกินเหล้าร้องเพลงอยู่ในคาราโอเกะ นักสืบเดินเข้ามาในร้าน
“อ้าว พี่เจิด สวัสดีครับ”
นักสืบยกมือไหว้ เจิดรีบรับไหว้
“อ๋อ สวัสดีคุณวรพัฒน์ แหม ไม่เจอกันนานนมยานเชียว นั่งๆๆเชิญนั่งครับ”
“แหม พี่เจิดยังฮาเหมือนเดิม งั้นวันนี้ผมขอเป็นเจ้ามือแล้วกันนะครับ”
“โอ๊ย เกรงใจ อย่าเลยครับ อย่าให้ผมปฏิเสธเลยครับ อยากเลี้ยงก็เอา”
นักสืบหัวเราะ นั่งร่วมโต๊ะกับเจิด
“นี่ วันก่อนผมผ่านไปแถวไร่คุณ บังเอิญเจอคุณนับดาวที่เป็นไฮโซจริงๆด้วย ตอนแรกที่พี่เจิด
บอกผม ผมนึกว่าพี่เจิดขี้โม้ซะอีก”
“คนอย่างผมไม่มีโม้หรอก”
“แปลกเนอะ แต่พี่เจิดก็ไม่รู้ใช่ไหมครับว่าทำไมเขามาทำงานที่ไร่พี่”
“ตอนนั้นไม่รู้ แต่ตอนนี้รู้แล้ว”
“เหรอครับ ทำไมล่ะครับ”
“ป้ายวงคุณแม่บ้านเขาบอกผม...เจ้านายผมกับคุณดาวน่ะเป็นเจ้าของที่ร่วมกัน ทีนี้คุณดาวเขาอยากขายที่เอาเงินแต่เจ้านายผมไม่ยอม ก็เลยทำข้อตกลงกันว่า...”
นักสืบตั้งใจฟัง ปล่อยให้เจิดพล่ามออกมาเรื่อยๆจนรู้เรื่องทั้งหมด เมื่อเจิดไปร้องเพลงอยู่ในร้าน นักสืบแยกตัวออกมาหน้าร้าน กดมือถือโทรออก
“สวัสดีครับคุณเอมี่ ผมวรพัฒน์ครับ...มีความคืบหน้าแล้วครับ”
วันใหม่...นับดาวเดินหน้าเซ็งๆเข้ามาในห้องนั่งเล่น อลิสาที่นั่งอยู่มองแปลกใจ...
“คุณจ๊อบโทรมามีอะไรเหรอ ทำไมทำหน้าเซ็งๆแบบนั้นล่ะ”
“แม่เขานัดกินข้าวน่ะค่ะ บอกว่าจะคุยเรื่องงานแต่ง...”
“ต้องคุยเรื่องซื้อหุ้นแน่ๆเลย”
“เขาคงสงสัยแล้วล่ะว่าทำไมเราไม่ซื้อซะที ดีไม่ดี ถ้าเขามีพรรคพวกอยู่ในแบงค์ เขาอาจจะรู้ก็ได้ว่าเราเอาบ้านไปจำนองแล้ว”
“น้าไม่อยากพูด แต่วันนี้เธอไปถึงไร่ปรีดาแล้ว น้านึกว่าเธอจะทำอะไรที่มันเป็นการกดดันนาย
ปราบซะหน่อย ให้เขารีบขายที่ให้เราซะ นี่แค่ไปดูม้าอย่างเดียว”
“น้าจะให้ดาวทำยังไงก็บอกมาได้เลยค่ะ ดาวก็ไม่รู้แล้วว่าต้องทำยังไง”
“อย่าพูดอย่างงี้นะดาว ปกติเธอเป็นคนฉลาดกว่านี้ นี่แกล้งคิดไม่คิดออกรึเปล่า”
“น้าอะซ่าหมายความว่ายังไงคะ ทำไมดาวต้องทำแบบนั้นด้วย”
อลิสาลุกเดินออกไป ไม่พูดอีก
“น้ามีอะไรน้าพูดมาเลยดีกว่าค่ะ”
“ก็ได้...น้าจะพูด ...น้ารู้นะว่าเธอชอบคุณปราบ เธอก็เลยไม่มีสติสตังมาคิดเรื่องขายที่ ตอนแรก น้าเห็นเธอสนิทกับเขา น้านึกว่าเธอแกล้งหลอกให้เขาชอบเธอแล้วหลอกให้เขาขายที่ แต่ปรากฎว่าไม่ใช่ เธอดันชอบเขาจริงๆ”
“ไม่จริง”
“ไม่ต้องมาไม่จงไม่จริงเลย สายตาเธอมันฟ้อง เรื่องของหัวใจมันบังคับกันไม่ได้ น้าเข้าใจ น้าไม่ว่า แต่ที่ต้องพูดเนี่ยเพราะมันทำให้เธอเป๋ ทำให้แผนของเราล้มเหลว แล้วก็จะทำให้เราล่มจมหมดตัว...คุณตาคุณยายเธอรักเธอมากแค่ไหน บ้านหลังนี้คือมรดกที่ท่านทิ้งไว้ให้น้ากับเธอ แต่เรากำลังจะเสียมันไป ไม่ใช่แค่บ้านด้วย มันรวมถึงศักดิ์ศรีของวงศ์ตระกูลเราด้วย เรากำลังเสียมันไปหมดทุกอย่าง...เรามีหน้าที่ต้องปกป้องมันเอาไว้ เข้าใจมั้ยดาว”
นับดาวอึ้ง มองไปที่ฝาผนังที่มีรูปนฤทธิ์กับอัญชัญแขวนอยู่
“ดาวเข้าใจค่ะ”
นับดาวพูดอย่างรับสภาพ กลับมาแบกรับความรับผิดชอบที่เคยลืมไปช่วงหนึ่ง
วันต่อมา...นับดาวมาทานอาหารกับชนะชัยและชัชฎา ที่นัดเอาไว้
“วันนี้คุณดาวดูเงียบๆไปนะครับ”
“ดาวตื่นเต้นน่ะค่ะ เกร็งๆยังไงไม่รู้”
ชัชฎายิ้มให้
“แหม พูดซะยังกับเป็นคนอื่นคนไกล เดี๋ยวเราจะเป็นคนในครอบครัวเดียวกันแล้ว จะเกร็งอะไรกันอีกล่ะหนูดาว”
นับดาวยิ้มแห้งๆ
“นั่นน่ะสิคะ”
“ตอนนี้หนูดาวคงเคลียร์เรื่องญาติที่ไร่นั่นได้แล้วใช่ไหมจ๊ะ”
“ค่ะ เรียบร้อยแล้วค่ะ ไม่มีอะไรกวนใจแล้ว”
“งั้นก็ดี แล้วอย่าลืมเรื่องหุ้นนะจ๊ะ เห็นตอนแรกบอกเงินแค่นั้นไม่ใช่ปัญหานี่นา ใช่ไหมจ๊ะ”
“ไม่มีปัญหาหรอกค่ะ ชิลๆ”
“ไม่มีก็ดีแล้ว งั้นเปลี่ยนเรื่องคุยเถอะ นี่ วันก่อนแม่ดูทีวี มีดาราคนนึงชอบอวดร่ำอวดรวย อ้างว่าเป็นลูกผู้ดีเก่า ตอนแรกใครๆก็เชื่อ ในที่สุดก็โดนจับโกหกได้ ว่าเป็นเด็กบ้านนอก ไม่มีอะไรเลย แต่แต่งเรื่องหลอกคนนู้นคนนี้ได้ทั้งวงการ ไม่น่าเชื่อเลยเนอะ”
“พอดีดาวไม่ได้ตามข่าวเลย”
ชัชฎาหันมาหาชนะชัย
“เธอก็ต้องระวังนะจ๊อบ มันอาจจะใกล้ตัวเธอจนคิดไม่ถึงเลยก็ได้...ความจริงมันดูง่ายนิดเดียวเลยนะ คนมีเงินก็คือคนมีเงิน ถ้าไม่มีเงินมีแต่ราคาคุยก็แปลว่าของปลอม หนูดาวเห็นด้วยมั้ยจ๊ะ”
“ใช่เลยค่ะ เอ่อ ขอดาวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”
นับดาวลุกออกไป ชนะชัยถลึงตามองชัชฎา
“คุณแม่ ทำอย่างนี้เกินไปแล้วนะครับ”
“ฉันทำเพื่อแกนะ ไม่อยากเห็นแกโดนหลอก มีแต่คนโง่ที่ไว้ใจคนอื่น จำไว้ซะ”
ชนะชัยฟังแล้วเครียดทันที
นับดาวออกมาจากห้องน้ำ ผ่านห้องครัว คนใช้ดูทีวีอยู่ เป็นรายการสัมภาษณ์เอมี่พอดี
“ยัยเอมี่ สะตออะไรอีกแก”
นับดาวเดินไปหยุดดูที่ประตูห้อง เอมี่กำลังให้สัมภาษณ์นักข่าวที่งานๆหนึ่ง
“คือเรื่องรังแกน้องหมาตอนนั้นน่ะเอมี่ถูกคนใส่ร้าย ก็คงรู้นะคะว่าใคร...จะบอกให้ว่านี่เป็นงาน
การกุศลหารายได้ช่วยน้องหมาที่ใหญ่ที่สุดของประเทศนี้เลยค่ะ นอกจากเอมี่จะเป็นพิธีกรแล้ว เอมี่ยังเตรียมเงินบริจาคให้ด้วยนะคะ... เซเล็บคนไหนที่ชอบสร้างภาพว่ารักสัตว์ งานนี้มาเจอกันหน่อยมั้ยคะ...แหม จะบอกว่าท้าก็ได้ค่ะ ท้ากันทำบุญทำกุศล”
นับดาวรู้สึกตัวว่ามีคนยืนอยู่ หันมาเจอชัชฎากับชนะชัย
“เขาพูดถึงเธออยู่เหรอ”
“คงใช่มั้งคะ พูดไปเรื่อย ไปเถอะค่ะ อย่าสนใจเลย”
ชัชฎาไม่ไป ยืนขวางทางออกไว้ นับดาวเลยต้องอยู่ฟังต่อ ภาพในจอทีวี เอมี่ยังสัมภาษณ์เมามัน
“ถ้าไม่มาเหรอคะ ก็แปลว่าข่าวลืออาจเป็นจริง...อ้าว ก็ข่าวลือที่ว่าชีกำลังถังแตก ต้องเอาบ้านไปจำนองธนาคาร ต้องไปแบกถังข้าวหมูเพื่อให้เขาขายที่มรดกเอาเงินมาซื้อข้าวกิน...เอมี่ไม่อยากเชื่อหรอกค่ะ แต่เขาลือกันจริงๆนะคะ”
นับดาวอึ้ง ชัชฎาจ้องหน้า
“อันนี้ก็ไม่จริงใช่ไหม”
“จะจริงได้ไงคะ ไม่มีใครเขาลือหรอกค่ะ เอมี่เขาชงเองตบเองค่ะ เรื่องถนัดของเขาเลยค่ะ”
“นั่นสินะ เรื่องแบบนี้ตรวจสอบไม่ยากหรอก ใช่มั้ยล่ะ”
“ค่ะ...”
นับดาวยิ้ม แต่แอบมือสั่น
ค่ำนั้น...นับดาวเดินหน้าตาน่ากลัวเข้ามาในบ้าน อลิสารออยู่ท่าทางกระวนกระวาย
“ดาว เมื่อกี้น้าดูทีวี เห็นยัยเอมี่...”
“ดาวเห็นแล้วค่ะ เห็นพร้อมคุณชัชฎาแล้วก็คุณจ๊อบด้วย”
“แม่เจ้า...”
“ดาวโกรธจนเกือบจะบุกไปตบมันที่บ้านอยู่แล้ว ดีที่ประสบการณ์ครั้งที่แล้วมันทำให้ดาวใจเย็น
ลงได้”
อลิสาถอนใจโล่งอก
“แล้วก็เมื่อกี้ ฟู่เขาโทรมา ถามว่าดาวจะไปงานรวมใจช่วยน้องหมานั่นมั้ย ถ้าไปเขาจะได้
จัดการเรื่องให้”
“บอกพี่ฟู่เลยค่ะว่าดาวไปแน่นอน พลาดได้ไง มันท้าซะขนาดนั้นแล้ว”
“แล้วดาวจะทำยังไงล่ะ”
“งานนี้ดาวต้องเอาคืนให้ได้...เอาคืนแบบเนี้ยบๆ”
นับดาวมุ่งมั่นมาก
เช้าวันใหม่...ปราบเดินออกมานอกบ้าน สูดอากาศยามเช้าเข้าปอด แสงเงินแสงทองจับขอบฟ้า ปราบค่อยสังเกตเห็นนับดาว แสงเช้าจับร่างเธอเป็นประกาย ดูสวยกว่าปกติ
“คุณดาว...มาทำอะไรแต่เช้าครับเนี่ย”
นับดาวเดินเข้ามา
“ฉันกำลังจะแต่งงาน แต่ก่อนหน้านั้น มีบางอย่างที่ฉันอยากบอกให้คุณรู้”
“ครับ”
“ฉันรักคุณ”
ปราบอึ้ง
“เอ่อ...”
“คุณไม่ต้องพูดอะไรหรอกค่ะ ฉันแค่อยากบอกคุณเท่านั้น อยากให้คุณรู้ความในใจของฉัน...ขอบคุณมากนะคะปราบ ฉันนึกว่าชีวิตนี้ฉันจะรักใครไม่เป็นเสียอีก”
นับดาวยิ้มเศร้าๆ แล้วหันกาย จะเดินจากไป
“คุณดาว”
นับดาวหันมา
“ผมก็รักคุณครับ”
นับดาวอึ้งไป ก่อนจะฝืนยิ้ม
“จริงเหรอคะ ฉันคือยัยตัวแสบของคุณไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ เมื่อก่อนคุณเป็นยัยตัวแสบ แถมตอนนี้แสบหนักกว่าเก่าอีก แต่ผมก็ยังรักคุณ”
“แต่...ฉันกำลังจะแต่งงาน...”
“ครับ แต่ผมก็ไม่คิดจะขัดขวางงานแต่งของคุณ หรือชวนคุณหนีมาอยู่กับผมหรอกนะครับ แล้วก็จะไม่ถามคุณด้วยว่าทำไมถึงตัดสินใจแบบนั้น แค่รู้ว่าคุณรักผม ผมก็มีความสุขแล้ว”
นับดาวยิ่งอึ้งหนักเข้าไปอีก เธอร้องไห้ออกมา
“ปราบ ฉันขอโทษ...ความจริงแล้วฉัน...”
โปรดติดตามตอนต่อไป
หนุ่มบ้านไร่กับหวานใจไฮโซ ตอนที่ 11 (ต่อ)
ปราบเข้ามากอด นับดาวตกใจ มองไป เห็นอลิสาแอบดูอยู่ คอยกำกับคิวให้นับดาว อลิสาพูดไม่มีเสียง
“กอดเลย กอดเลย กอดสิ”
อลิสาทำท่าให้นับดาวกอดตอบ นับดาวตัดใจ กอดตอบ อลิสาทำท่าให้ไหลตามน้ำต่อ
“ปราบ...”
ปราบมองตานับดาว แล้วจูบ นับดาวตกใจแต่ไม่กล้าขัดขืน สักพักนับดาวก็พริ้ม จูบตอบ อลิสาดูด้วยความพอใจ แล้วก็เริ่มเอะใจที่มันนาน
“พอแล้ว พอแล้ว”
นับดาวพริ้มมาก ไม่ได้ลืมตามามองน้าเลย อลิสาหันรีหันขวาง หยิบก้อนหินปาขา นับดาวค่อยได้สติ ผลักปราบออกอายๆ
“เอ่อ ผมขอโทษ”
“เปล่าๆๆๆ ดีแล้วล่ะ ฉันชอบ...เอ๊ย...ไม่ใช่คือว่า...คือฉันหมายความว่า...”
นับดาวหยุดสูดลมหายใจ ตั้งสตินิดนึง
“คุณไม่ต้องขอโทษหรอก”
ปราบยิ้ม
“ฉันแค่จะมาบอกคุณนี้แหละค่ะ”
ปราบดึงแขนไว้
“เดี๋ยวสิ คุณจะไปแล้วเหรอ”
“ค่ะ แล้วฉันคงจะไม่กลับมาที่นี่อีก”
“แล้วเรื่องขายที่...”
“ฉันรักคุณ คุณรักฉัน ความสัมพันธ์ของเราสองคนมันสวยงามมาก สวยงามเกินกว่าที่ฉันจะเอาเรื่องอื่นมาบั่นทอน ฉันขอให้เราสองคนจบลงแบบนี้ดีกว่า”
“ผมเห็นด้วยความสัมพันธ์ของเรามันสวยงามมาก...เพื่อให้มันสวยงามต่อไป ผมจะ...”
ปราบหยุดไปนิดหนึ่ง อลิสาลุ้นตัวโก่ง
“ผมจะเซ็นต์ขายที่ให้คุณ”
นับดาวยิ้มเศร้าๆ อสิสาดีใจสุดขีด
“เยส”
อลิสาดีใจเกินเหตุ เสียงเยสลอดออกมาเบาๆ ปราบสะดุ้ง หันกลับไป อลิสารีบก้มหลบลงใต้พุ่มไม้ไหวๆ ปราบจะเดินไป นับดาวรีบดึงเขาเข้ามากอด
“ปราบคะ...”
ปราบผลักนับดาวออกไปเบาๆ เดินมาที่พุ่มไม้ เห็นก้นอลิสาที่กำลังคลานดุ๊บๆหนีไปที่อื่น
“น้าอะซ่า”
อลิสาหันกลับมา
“อ้าว คุณปราบ...สวัสดีค่ะ แหะๆ”
ปราบหันขวับไปมองนับดาว
“คุณ...เมื่อกี้เป็นแค่ละครเพื่อจะหลอกผมให้เซ็นขายที่ใช่มั้ย”
นับดาวหน้าเสีย
“เอ่อ...”
นับดาวพูดไม่ออก ไม่รู้จะตอบยังไง ปราบตวาด
“ใช่มั้ย”
“ใช่ค่ะ...ละคร”
“คุณเก่งมากคุณนับดาว คุณเก่งจริงๆ น่าเสียดายที่มันไม่สำเร็จ”
ปราบยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ กระซิบเบาๆ
“เรื่องขายที่น่ะลืมไปได้เลย ให้ตายผมก็ไม่ขาย”
ปราบมองนับดาว ท่าทางเขาเจ็บปวดมากเดินกลับเข้าบ้านไป นับดาวหลับตา น้ำตาไหลเป็นทาง อลิสาตบหน้าตัวเองฉาดที่งานพลาดไปเพราะเธอ
“ยัยงั่งเอ๊ย”
นับดาวกับอลิสามาคุยกันที่ร้านกาแฟ
“น้าขอโทษ เพราะน้าแท้ๆ น้าไม่น่ามาด้วยเลย”
“ถ้าน้าไม่มา ดาวก็คงเคลิ้มไปกับอารมณ์ของตัวเองจนกู่ไม่กลับเหมือนกัน สรุปไม่ว่าน้าจะ
มาหรือไม่มา เราก็ล้มเหลวทั้งคู่”
“แล้วทีนี้เราจะทำไงดีต่อล่ะดาว”
“น้าอะซ่ากลับไปกรุงเทพก่อนเถอะค่ะ ไปคุยกับคุณวัลลภ บอกขอเวลาอีกนิด ดาวจะเอาลายเซ็นขายที่ของนายปราบให้ได้”
“ดาวจะกลับที่ไร่เหรอ จะดีเหรอดาว”
“ค่ะ น้าพูดเองไม่ใช่เหรอคะ เราต้องรักษาบ้านของคุณตาคุณยาย ต้องรักษาชื่อเสียงวงศ์ตระกูล ต้องไม่ให้ใครมาดูถูกเราได้”
นับดาวมุ่งมั่นขึ้นมา
ขณะที่ปราบนั่งอยู่คนเดียว ปรายฟ้าเดินมานั่งด้วย
“นั่งคิดอะไรอยู่รึเปล่า”
“ฮื่อ เรื่อยเปื่อยน่ะ”
“ขอสารภาพว่าเมื่อเช้าฉันแอบเชียร์คุณกับคุณดาวด้วยนะ...เฮ้อ ไม่น่าหักมุมตอนจบเล้ย”
“คนดูอาจจะสนุกขึ้นก็ได้”
“ไม่เลยซักนิด หักมุมแบบทำร้ายจิตใจคนดูมากกว่า”
ปรายฟ้ามองปราบลึกเข้าไปในตาเขา
“คุณคงเสียใจมากสินะ”
“ใช่”
“คุณรักเขามากใช่มั้ย”
“ความเสียใจในตอนนี้ทำให้ผมรู้ว่าผมรักเขามากกว่าที่ผมคิด”
ปรายฟ้าจับมือปราบให้กำลังใจโดยไม่พูดอะไร
“ขอบคุณ”
ปราบกลับเข้ามาในบ้าน กำลังจะเดินไปที่ห้องครัว เอะใจ เห็นประตูห้องเขาแง้มอยู่
“ป้ายวง”
ไม่มีเสียงตอบ ปราบเดินเข้ามาในห้อง ผ้าม่านถูกรูดปิด แสงสลัว ปราบไม่เจอใคร แต่คนที่แอบอยู่หลังประตูก็ปิดประตูห้องล็อค ปราบหันมาเจอนับดาว
“คุณต้องการอะไรอีก”
“ลายเซ็นของคุณ”
นับดาวยื่นเอกสารให้ ปราบปัดทิ้ง
“บอกแล้วไงว่าไม่มีวัน”
นับดาวเดินเข้ามาประชิดตัวปราบ
“แลกกับตัวฉัน”
ปราบอึ้ง นับดาวจับมือปราบ เดินพาเขามาที่เตียง แล้วเธอก็ล้มตัวลงนอน มองมาที่ปราบ ชายหนุ่มมองร่างหญิงสาวที่นอนอยู่ตรงหน้า ไม่ทำอะไร
“นี่เหรอไฮโซ...รู้มั้ยว่าสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่นี่นะเขาเรียกว่าผู้หญิงขายตัว”
“ถ้าราคามันไฮโซพอ ไฮโซก็ขายตัวได้”
นับดาวปลดกระดุมเสื้อ ปราบก้มตัวลง จับแขนนับเธอกระชากขึ้นมา นับดาวหลับตา นึกว่าเขาจะฟัดแต่เขาปราบกลับติดกระดุมคืนให้ นับดาวตบหน้าเขาทันที
“ทำแบบนี้นี่ดูถูกกันมากเลยนะ”
“คุณดูถูกตัวเองมากกว่า”
นับดาวตบหน้าอีกฉาด
“หรือว่าอยากแต่ไม่กล้า”
ปราบจ้องหน้า
“ไม่ต้องยุผมหรอก ผมขยะแขยงมากกว่า”
นับดาวตบอีกฉาด
“ไหนบอกว่ารัก”
ปราบส่ายหน้า นับดาวจะตบอีกปราบจับมือไว้
“มีสติหน่อยสิ คุณไม่ใช่ผู้หญิงแบบนี้นะ...อย่าลืมสิ คุณคือนับดาวว้าวแซ่บนะ”
นับดาวชะงัก ทรุดตัวลง หมดเรี่ยวแรง
“ปราบ ขายที่เถอะนะ ฉันขอร้อง”
“ไม่”
ปราบเดินออกไป นับดาวนั่งเครียด
นับดาวอยู่ในรถที่จอดหน้าบ้านปราบ มองไปที่บ้านผ่านกระจกหลัง กำลังจะตัดใจ ปราบโผล่หน้าออกมาดู เธอมองอย่างมีความหวัง แต่เขาก็หายไป นับดาวทำใจ ขับรถออกมา ปราบอยู่ในบ้านมองตามรถนับดาวไป
“ลาก่อน นับดาวว้าวแซ่บ”
ขณะที่ขับรถออกมาจากไร่...นับดาวร้องไห้ น้ำตาเริ่มไหลแล้วก็ไหลเป็นเต่าเผา ขณะเดียวนั้นมือถือดังขึ้น นับดาวดูเบอร์โทรเข้า เป็นชื่ออลิสา เธอจึงจอดรถเช็ดน้ำหูน้ำตา กระแอมเล็กน้อย รับสาย
“สวัสดีค่ะน้าอะซ่า”
“ดาว น้าคุยกับคุณวัลลภแล้ว”
“เขาว่าไงบ้างคะ”
“เขาบอกเขาจะให้โอกาสเราถึงวันนี้เท่านั้น ทางเขาก็โดนเงื่อนไขเวลาบีบให้ต้องรีบตัดสินใจเหมือนกัน”
นับดาวเงียบไป
“เราหาคนอื่นซื้อได้ไหมคะ”
“ได้น่ะมันได้ แต่มันจะเมื่อไหร่ก็ไม่รู้น่ะสิ”
นับดาวเงียบไป
“แล้วคุณปราบว่าไง”
“กำลังเจรจากันอยู่ค่ะ แค่นี้ก่อนนะคะ”
“เอาให้ได้นะ โชคดีจ้ะ”
นับดาววางสาย ปิดหน้าร้องกรี๊ด แล้วเดินออกมาร้องไห้นอกรถขณะที่กำลังร้องไห้อยู่ ก็มีเสียงรถดังใกล้เข้ามาหยุด นับดาวเงยหน้ามอง เห็นรถบริษัทรับส่งของUPS คนขับหยุดมองหาทางก่อนหันมาถามนับดาว
“โทษนะครับพี่...”
นับดาวถลึงตาใส่
“ใครเป็นพี่คุณ”
คนขับอึ้งไปครู่หนึ่ง
“โทษนะครับน้อง เอ่อ...รู้จักไร่ปรีดาไหมครับ”
“ที่นี่แหละค่ะ มีอะไรคะ”
“เอาของมาส่งให้น่ะครับ รู้สึกจะเป็นยาหรืออะไรทำนองนั้นน่ะครับ”
“อ๋อ ยาของเฉาก๊วย ดีค่ะ รีบๆเลยค่ะ”
คนขับเดินไปเปิดท้ายรถ หยิบกล่องยากับเอกสารออกมา
“มิสเตอร์...อะไรเนี่ย...pra...prab…”
“ปราบศึกค่ะ”
“ใช่ๆๆ ถูกต้องครับ...อ้ะ เซ็นต์รับด้วยครับ”
คนขับยื่นแบบฟอร์มให้ นับดาวเซ็นรับ
“ขอบคุณครับ”
คนขับขึ้นรถขับออกไป นับดาวขึ้นรถ ยูเทิร์น ขับตรงไปที่ไร่
“ใจเย็นนะเฉาก๊วย ได้ยาแล้ว แกรอดตายแล้ว...”
ทันใดนั้น นับดาวก็เบรกเอี๊ยด คิดอะไรแย่ๆแต่ท่าทางจะเวิร์กขึ้นมาได้ นับดาวมองที่กล่องยา
“ขอโทษนะเฉาก๊วย”
โปรดติดตามตอนต่อไป
หนุ่มบ้านไร่กับหวานใจไฮโซ ตอนที่ 11 (ต่อ)
ปราบ แก้ว กำลังช่วยกันตรวจอาการเฉาก๊วย น้อยหน่า ปรายฟ้า รุมมุงดุด้วยความห่วงใย ปกป้องเข้ามาถาม
“เป็นไงบ้างวะปราบ”
“แย่ครับ ถ้าไม่ได้ให้ยาในคืนนี้ สงสัยจะไม่รอด”
“แก้วโทรไปเช็คแล้วนะคะ เขาบอกน่าจะถึงวันนี้แหละค่ะ”
“ต่อให้ถึงวันนี้ก็ยังฉิวเฉียดมากๆ”
น้อยหน่าร้องไห้
“เฉาก๊วยแกอย่าเป็นอะไรนะ”
ปรายฟ้ากอดปลอบน้อยหน่า ขณะเดียวกันนั้นมือถือปราบดังขึ้น ปราบดูเบอร์ เห็นชื่อนับดาว
“สวัสดีครับ...ก็ค่อนข้างยุ่ง อาการเฉาก๊วยแย่ลงมาก...อะไรนะ...แล้วตอนนี้ยาอยู่ที่ไหน...คุณ
ทำแบบนี้ไม่ได้คุณดาว...ที่ไหน...ได้ ผมจะไปเดี๋ยวนี้”
ท่าทางปราบเดือดดาลมาก ทุกคนหันมามองปราบ ปรายฟ้าแปลกใจ
“มีอะไรเหรอปราบ”
“ยารักษาเฉาก๊วยอยู่ที่นับดาว เดี๋ยวผมมา”
ปราบรีบวิ่งไปขึ้นรถเอทีวีขับออกไป
ปราบเดินมาหานับดาวที่ยืนรอริมสะพาน
“ยาอยู่ไหนครับคุณดาว”
“ใจเย็นๆก่อนสิคะคุณปราบเรายังไม่ได้ตกลงกันเลย”
“เฉาก๊วยกำลังแย่ ผมต้องให้ยาเฉาก๊วยเร็วที่สุด”
“ช้าหรือเร็วอยู่ที่คุณนะปราบ”
นับดาวยื่นเอกสารไปให้ปราบสองฉบับ
“ผมบอกคุณแล้วว่าผมไม่ขาย”
นับดาวหยิบขวดยาเล็กๆขึ้นมาขวดหนึ่ง
“ฉันอ่านคู่มือดูแล้ว ถ้าผสมตัวยาแล้วต้องใช้ภายในหนึ่งชั่วโมง ก่อนคุณมา ฉันเลยลองผสม
เล่นๆดู สีสวยดี”
นับดาวยกขวดยาสีขุ่นๆให้ปราบดู นับดาวดูนาฬิกา
“เหลือเวลาอีกสี่สิบนาที ถ้าคุณเซ็นตอนนี้ แล้วรีบขับกลับไปเลย ยังพอทันนะ”
ปราบยื่นมาจะเอาขวดยา นับดาวดึงหนีเตรียมหย่อนลงแม่น้ำ
“เซ็นต์ซะ”
“ไม่”
“นึกว่าฉันพูดเล่นหรือไง”
“อย่าเอาชีวิตของเฉาก๊วยมาต่อรองหน่อยเลย คุณไม่ใช่คนโหดขนานนั้นหรอก”
“อย่าทำมาเป็นรู้จักฉันหน่อยเลยคุณปราบ คุณไม่รู้จักตัวจริงของฉันหรอก เซ็นต์ซะ ไม่งั้นคุณจะเสียใจ”
“ไม่”
ทั้งสองจ้องหน้ากัน นับดาวยื่นขวดยาออกไปนอกราวสะพาน
“เซ็น”
“ไม่”
นับดาวปล่อยมือ ขวดยาตกลงไปที่แม่น้ำจมหายไปอย่างรวดเร็ว ปราบอ้าปากค้าง นึกไม่ถึงว่านับดาวจะทำขนาดนี้ นับดาวหยิบกล่องยาออกมา ยังมีขวดยาเหลืออยู่อีก 4 ขวด นับดาวหยิบขึ้นมาอีกขวด ยื่นออกไปนอกราวสะพาน
“ยังเหลืออีกสี่ขวด”
ปราบทำท่าจะลุกพรวดมาหา นับดาวรู้ทัน ยื่นออกไปอีกขวด
“อ๊ะๆๆ อย่านะคะ”
“เซ็นซะดีๆคุณปราบ”
“ผมไม่ยอมให้คุณใช้วิธีต่ำช้าแบบนี้มาขู่ผมหรอก”
“คุณกำลังฆ่าเฉาก๊วยทางอ้อมนะ”
“นับดาว เอายาให้ผมเถอะผมขอร้องล่ะ ยา 4 ขวดนั่นยังพอช่วยชีวิตเฉาก๊วยได้นะ”
นับดาวเงียบไป
“นับดาว เฉาก๊วยมันรักคุณมากนะ”
นับดาวชักสับสน
“ผมรู้ว่าคุณไม่ใช่ใจร้ายแบบนั้น”
“บอกแล้วไง อย่ามาทำเป็นรู้จักฉัน”
นับดาวปล่อยมือ ปราบยื่นมือจะตะครุบ แต่ไม่ทัน ขวดยาหล่นลงไปอีกขวด ปราบมองหน้านับดาว
“คุณเหี้ยมมากนับดาว”
นับดาวยื่นกล่องยาที่มีขวดยาอีก 3 ขวดออกไปนอกราวสะพาน
“โอกาสสุดท้ายแล้วนะคุณปราบ เซ็นซะ”
ทั้งสองจ้องหน้ากัน
“ไม่”
“ฉันขอร้อง ฉันไม่อยากฆ่าเฉาก๊วย”
“งั้นก็ส่งยาให้ผมสิ”
“ฉันทำไม่ได้ จนกว่าคุณจะเซ็นชื่อ”
ปราบเดินหนีออกมา
“นายปราบ...นึกว่าฉันไม่กล้างั้นเหรอ”
“ผมรู้แล้วว่าคุณกล้า ผมเพียงแต่เสียใจที่มองคนอย่างคุณผิดไป”
ปราบเดินจากไป
“ปราบ”
ปราบ ไม่สนใจ นับดาวปล่อยมือ กล่องยาตกลงไป ปราบหันมามองนับดาว นับดาวยืนนิ่ง
“คุณ...”
“นี่แหละ ตัวจริงของนับดาวว้าวแซ่บ”
นับดาวเดินผ่านปราบ ไม่มองหน้าเขา ทิ้งสัญญาให้วางอยู่บนราวสะพาน ปราบมองลงไป ที่แม่น้ำเห็นขวดยาจมหายไปแล้ว
“นับดาว...”
ปราบหลับตาลงด้วยความเจ็บปวด
ปราบเดินคอตกกลับมาที่คอก เจอปกป้อง แก้ว เจิด ยืนดูเฉาก๊วย ปราบเข้ามาจับเฉาก๊วย
“โทษนะเฉาก๊วยที่ฉันช่วยแกไม่ได้”
ปกป้องงงๆ
“ขอโทษเรื่องอะไรของแก ปราบ”
“ผมเอายาที่รักษาเฉาก๊วยมาไม่ได้”
ปกป้องไม่เข้าใจ
“อ้าว แล้วยาที่เจิดเอามาให้คืออะไรวะ แกพูดเรื่องอะไรเนี่ย”
“ยาอะไรของแกเจิด”
“ก็คุณนับดาวเรียกผมไปหา ให้เอายามาให้คุณแก้ว”
“แก้วก็ฉีดให้เฉาก๊วยไปแล้วค่ะ”
ปราบเอากล่องยาที่อยู่บนพื้นมาดู
“ใช่จริงๆด้วย...มีขวดเดียวเองเหรอ”
“มี 5 ขวดค่ะ แก้วเอาไปเก็บที่ตู้แช่ยาแล้ว”
ปราบยิ้มออกมาได้ พึมพำเบาๆ
“ยัยตัวแสบเอ๊ย”
โปรดติดตามตอนต่อไป
หนุ่มบ้านไร่กับหวานใจไฮโซ ตอนที่ 11 (ต่อ)
นับดาวจอดรถอยู่ริมทางหลวง ข้างนอกฝนตกหนักเธอคุยมือถืออยู่ในรถ
“พี่ฟู่เหรอ...พี่ฟู่ เรื่องงานรวมใจช่วยน้องหมาน่ะ ดาวขอถอนตัวนะคะ...ค่ะ ขอบคุณค่ะ”
นับดาววางมือถือ เหม่อมองไปข้างหน้า
“เชิญกระทืบฉันตามสบายเลยยัยเอมี่”
ข้างนอกฝนตกอยู่ ในคอกม้าไม่มีคนอื่น มีเพียงนับดาวในชุดเสื้อคลุมฝน มากอดเฉาก๊วยไว้
“ขอโทษนะเฉาก๊วย แกไม่เป็นไรใช่มั้ย ฉันว่าแกดูดีขึ้นนะเนี่ย ฉันคงมามาเยี่ยมแกไม่ได้อีกแล้วล่ะ ครั้งนี้คงเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว แต่ไม่ต้องบอกเจ้านายแกรู้หรอกนะ”
ทันใดนั้น มีเสียงคนเดินมา นับดาวมองซ้ายมองขวา รีบมุดไปแอบอยู่ริมคอก ปราบกางร่มให้ปรายฟ้า เดินเข้ามาด้วยกัน ปราบเข้ามาตรวจดูอาการเฉาก๊วย เฉาก๊วยร้องฮี้ๆ
“พอดีขึ้นมาหน่อยก็ขี้โม้เลยนะ”
เฉาก๊วยร้องฮี้ๆ
“ไง มีอะไรจะบอกเหรอไง”
ปรายฟ้ามองปราบ
“ท่าทางคุณจะรักมันมากนะเนี่ย คุยกันรู้เรื่องด้วย”
“ผมยังไม่เท่าไหร่ ถ้าเป็นนับดาว เม้าท์กับเจ้านี่ยังกับเป็นเป็นเพื่อนคนนึง”
“เขาคงจะดีใจนะถ้ารู้ว่ามันอาการดีขึ้นน่ะ...คุณจะบอกเขามั้ย”
“ไม่ล่ะครับ ถ้าเขารักมันจริงก็ให้เขากลับมาดูเองแล้วกัน”
“คุณพูดแปลกนะ ฟังแล้วงง”
“เขาอาจจะไม่รักมันจริงก็ได้ อาจจะเป็นเรื่องปลอมๆอีกเรื่องที่เขาสร้างมันขึ้นมา”
“แหม รักจริงหรือรักปลอม คุณจะดูไม่ออกเชียวเหรอ”
ปราบเงียบไปครู่หนึ่ง กวาดสายตามาทางที่นับดาวซ่อนอยู่โดยไม่ตั้งใจ
“ถ้าถามผม...ผมว่ามันเป็นความรักปลอมๆ”
นับดาวหน้าเศร้า ดูปราบกับปรายฟ้ายืนคู่กัน
นับดาวมุดคอกม้าออกมาทางด้านหลัง เดินลุยฝนลุยหญ้าลุยโคลนไป ลื่นเสียหลัก ล้มคะมำในบ่อโคลน นับดาวลุกเดินต่ออย่างยากลำบาก
ฝนยังตกอยู่ นับดาวขึ้นมาบนรถที่จอดแอบอยู่ข้างทาง สภาพเปียกปอนหญิงสาวมองหน้าตัวเองแล้วหัวเราะแล้วร้องไห้ในรถคนเดียว
นับดาวเดินเข้ามาในบ้าน เจออลิสาที่รออยู่ท่าทางเป็นห่วงเป็นใย
“ดาว ไปทำอะไรมาเนี่ย ตากฝนมาเหรอ”
“นิดหน่อยค่ะ”
“แล้วปิดเครื่องรึเปล่า ทำไมน้าติดต่อเธอไม่ได้เลย”
“ค่ะ ดาวปิดเครื่องค่ะ ไม่อยากรับสายใคร”
“ดาว...”
นับดาวยิ้มให้ ท่าทางโผเผ อลิสาเอะใจ เข้ามาจับตัว แล้วก็สะดุ้ง อังหน้าผาก
“ตายแล้ว ตัวร้อนจี๋เลย...เดี๋ยวน้าเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ กินยาแล้วรีบนอน กินข้าวมารึยังเนี่ย”
นับดาวไม่ตอบ อลิสารีบประคองหลานสาวออกไปที่ห้อง
ชัชฎาวางมือถือลง ท่าทางเดือดดาล
“ติดต่อยัยนับดาวไม่ได้เหรอ ปิดเครื่องหนีใช่ไหม”
“เขาจะทำอย่างนั้นทำไมครับ”
“ก็ไม่มีเงินซื้อหุ้นเราไง แม่ชักจะทนยัยนี่ไม่ไหวแล้วนะ”
“แม่ชักจะทนคุณดาวไม่ไหว หรือว่าบริษัทชักจะไปไม่รอดกันแน่ครับ”
“แกอย่ามาเสียดสีแม่นะตาจ๊อบ ใช่ บริษัทจะไปไม่รอดแล้ว อุตส่าห์รอยัยนับดาวเอาเงินมาอุดรูรั่วซะหน่อย แต่ก็ถ้าจะรอเก้อแล้วเนี้ย”
“เขาอาจจะมีเหตุผลอื่นก็ได้ครับ เราอาจจะไม่ได้สำคัญกับเขาขนาดต้องปิดเครื่องหนีหรอกครับ”
ชัชฎาเงียบไปครู่หนึ่ง
“แกโทรไปหาคุณแป้งให้แม่หน่อย บอกให้เขาช่วยสืบประวัตินับดาวให้ที โดยเฉพาะเรื่องจำนองบ้าน หรือว่ากูเงินแบงค์อะไรนั่นน่ะ มีบ้างมั้ย”
“ทำอย่างงี้ไม่ถูกนะครับแม่มันเสียมารยาท”
“ฉันบอกให้แกทำก็ทำเถอะน่า”
ชนะชัยเงียบไปครู่หนึ่ง
“ครับ”
วันใหม่...นับดาวนอนซมเป็นไข้อยู่ ตื่นมาเจอถาดวางอยู่ข้างตัว มีข้าวต้ม น้ำ ยา มีจดหมายจากอลิสา
“กินข้าวกินยาแล้วนอนต่อนะ ถ้ายังไม่หายเดี๋ยวเย็นนี้พาไปหาหมอ น้าออกไปธุระ”
“ขอบคุณค่ะน้า”
นับดาวตักข้าวต้มกิน 2-3 คำก็เบื่อ ขี้เกียจกินต่อ กินยาแทน แล้วก็หยิบอัลบั้มที่รวมรูปถ่ายกิจกรรมไฮโซของเธอออกมาเปิดๆดู แต่ก็เบื่ออีก เก็บอัลบั้มไป แล้วก็หยิบสมาร์ทโฟนออกมา กดดูรูปที่ถ่ายที่ไร่ปรีดา เป็นรูปถ่ายตัวเองตอนทำงานมั่ง รูปเฉาก๊วยมั่ง รูปไก่มั่ง รูปตอนซ้อมเต้นประกวดงานเกษตร นับดาวรู้สึกมีความสุขมากดูไปยิ้มไป จนมาถึงรูปกะทิ นับดาวก็อึ้ง
“โธ่ พี่กะทิ ป่านนี้ไม่รู้ไปเกิดใหม่เป็นตัวอะไรแล้วนะ...นายปราบ คนเลือดเย็น เชอะ ยังมีหน้ามาว่าฉันอีกว่าฉันใจร้ายจะฆ่าเฉาก๊วย ของฉันแค่บลั๊ฟนะยะ คุณน่ะ ฆ่าวัวตายเป็นฝูงๆ”
นับดาวกดดูรูปต่อ เป็นรูปที่เธอกับปราบช่วยทำคลอดลูกคนต่างด้าวที่บ้านป้าพวงเมียลุงเย็น รูปกินบาร์บีคิวกับปราบ รูปตอนเธอแกล้งความจำเสื่อมแล้วเขาคอยดูแล นับดาวปิดเครื่อง หลับตาลง
“ปราบ...ฉันอยากไปอยู่กับคุณที่ไร่นั่น... ฉันไม่อยากเป็นนับดาวว้าวแซ่บอีกต่อไปแล้ว”
นับดาวออกมาเดินเล่นคนเดียว เห็นแม่คนหนึ่ง จูงลูกวัย 4-5 ขวบมา ลูกร้องหิว แม่เปิดกระเป๋าหนังเก่าๆที่สะพายมาด้วย หยิบกล่องนมออกมาให้ลูก ลูกยิ้ม เอาไปเจาะหลอดดูดกิน ในกระเป๋ายังเห็นร่ม กล่องข้าว ขวดน้ำ
“กระเป๋าน่าเกลียดสุดๆเลยเจ๊...แต่ดูแข็งแรงกว่าของฉันอีกนะ ใส่อะไรได้เยอะแยะขนาดนั้น”
แม่เห็นนับดาวมองมา ก็ยิ้มให้ นับดาวยิ้มตอบ แม่พาลูกเดินจากไป นับดาวเห็นหนุ่มสาวชนชั้นกลาง กินก๋วยเตี๋ยวข้างทาง แต่ก็ดูอบอุ่นมีความสุขแบบคู่รัก
“ดีจัง กินก๋วยเตี๋ยวชามละสามสิบบาทก็มีความสุขได้เนอะ...ฉันกินชามละสามร้อย ไม่เห็นมีความสุขแบบพวกเธอเลย”
นับดาวหัวเราะปลงๆ เดินจากมา ผ่านหน้าร้านทีวี จอทีวีเพียบ กำลังมีรายการสัมภาษณ์เอมี่พอดี
“ยัยเอมี่อีกแล้ว...นี่ฉันเห็นภาพหลอนรึเปล่าเนี่ย”
ภาพเอมี่ในทีวีกำลังลอยหน้าลอยตาให้ สัมภาษณ์
“ได้ข่าวว่าเพื่อนคนนั้นจะไม่มางานรวมใจช่วยน้องหมาแล้วนะคะ...หึๆ แปลว่าข่าวลืออาจจะ
เป็นจริงก็ได้นะคะ โถ น่าสงสาร เพื่อนรักของเอมี่...อยากฝากความรักไปให้เพื่อนน่ะค่ะ รักนะจ๊ะ จุ๊บๆ วันไหนเอมี่จน เอมี่จะให้เพื่อนสอนวิธีเข้าโรงรับจำนำหน่อยนะ ว่าเขาต้องทำยังไงกันบ้าง ได้ข่าวว่าตอนนี้เพื่อนเป็นผู้ชำนาญการไปแล้ว ฮิๆๆ”
เอมี่หัวเราะร่า นับดาวทำหน้าปลงๆ
“เอาเถอะ นับดาวว้าวแซ่บตายไปแล้ว อยากเต้นรำบนหลุมศพของฉันก็เชิญตามสบาย”
นับดาวเดินคอตกต่อไป
ดึกมากแล้ว ถนนค่อนข้างโล่ง นับดาวเดินไปกลางถนน หยุดเงยหน้ามองฟ้า
“แย่จัง อยู่ที่นี่ไม่มีดาวซักดวง”
นับดาวเดินเข้ามาในบ้าน เจออลิสาหน้ายิ้มแฉ่ง
“นับดาวไปไหนมาเนี่ย”
“เดินเล่นค่ะ ไข้ลดแล้ว อยู่เฉยๆก็เซ็ง ไม่อยากเดินห้าง ก็เลยไปเดินเรื่อยเปื่อยน่ะค่ะ”
อลิสาเข้าจับมือนับดาวเต้นรำ นับดาวงงๆ
“นั่นดอกอะไรเสียบไว้อยู่ในรูฮู้ นั่นดอกอะไรเสียบไว้อยู่ในรูฮู้ ฉันอยากจะรู้ว่าดอกไม้นั้น ซ่อนกลิ่น บานเย็น หรือจะเป็น มะลิวัลย์ โอ้ดอกไม้นั้นขอให้ฉันจะได้มั้ยเธอ ขอให้ฉันจะได้ไหมเธอ”
“น้าอะซ่า...เป็นอะไรรึเปล่าคะเนี่ย”
อลิสาหยุดเต้น หอบแฮ่ก
“เราขายที่ได้แล้ว”
นับดาวงง
“ที่อะไรคะ”
“ก็ที่ดินของพ่อเธอยังไงล่ะ...ลั้ลลาลั้ลลา...”
อลิสาทำท่าจะเต้นต่อ นับดาวรีบจับตัว คุยกันก่อน
“หมายความว่ายังไงคะน้าอะซ่า”
“เมื่อวานปราบเขามาที่นี่ตั้งแต่เช้า ไม่ต้องทำหน้างงเลย เธอเป็นไข้อยู่ ไม่รู้เรื่องหรอก เขาเอา
เอกสารที่เธอทิ้งไว้กับเขามาคืน แต่ที่เด็ดกว่าคือมีลายเซ็นเขาติดมาด้วย”
นับดาวอึ้งไป
“ปราบยอมขายที่แล้วเหรอ”
“ถูกต้อง แล้วน้าก็รีบโทรหาคุณวัลลภ แต่เขาบอกเราช้าไปเขาซื้อที่แปลงอื่นไปแล้ว”
“อ้าว แล้วน้าจะดีใจทำไมคะเนี่ย”
“พอดีคุณปราบเขาโทรมา น้าเลยบอกว่าเราขายที่ไม่ได้ เขาก็บอกให้รอแป๊บนึง สักครู่เขาก็หาคนซื้อคนใหม่ได้”
“ใครคะ แล้วเขาซื้อไหม”
“ซื้อสิ แต่น้าไม่รู้หรอกว่าใคร เขาให้ทนายมาจัดการ ชื่อสนธยาสนทแยอะไรเนี่ย ไปดูเอกสาร
เอาเองละกัน”
“หรือว่าเขาจะขายที่ให้เสี่ยไฝ”
“น้าไม่รู้จักหรอก ใครเหรอ”
“เป็นนักการเมืองท้องถิ่นน่ะค่ะ แต่ออกแนวมาเฟีย เขาอยากได้ที่ แต่ปราบไม่ขาย บอกเสี่ยไฝจะเอาไปทำสนามกอล์ฟ ซึ่งเขาไม่ชอบ...ว่าแต่เขาซื้อเท่าไหร่คะ”
อลิสาเงียบไปนิด ก่อนจะพูดขึ้น
“300 ล้าน”
นับดาวตาโต
“แล้วรู้อะไรมั้ย ปราบเขาไม่เอาค่านายหน้าซักบาท เขาให้เราหมดเลย 300 ล้านนะดาว”
นับดาวกรี๊ดลั่นบ้าน กระโดดไปยืนบนโซฟาร้องกรี๊ดๆ จนหอบแฮ่ก เธอจัดผมเผ้าเชิดหน้า
“นับดาวว้าวแซ่บกลับมาแล้วค่ะ”
โปรดติดตามตอนต่อไป
หนุ่มบ้านไร่กับหวานใจไฮโซ ตอนที่ 11 (ต่อ)
เจ้าหน้าที่ชี้ไปที่ห่อกระดาษสีน้ำตาล ที่มี เจ้าหน้าที่อีกสองคนยกไว้บนขาตั้ง และกำลังแกะห่อกระดาษออกอย่างระมัดระวัง เห็นรูปวาดลายเส้นอันเป็นเอกลักษณ์ของท่านถวิล แขกเหรื่อในงานส่งเสียงฮือฮา
“งามจริงๆ”ปราบกับปกป้องยืนมองที่ที่เป็นของนายนิ่งตรงที่นับดาวเคยมาเจอป้ายไร่แห่งความฝัน
“ในที่สุดก็ต้องขายไปจนได้ น่าเสียดายต้นไม้แถวนี้ต้นใหญ่ทั้งนั้นเลย”
ปกป้องหันมามองหน้าหลานชาย
“แล้วเขาจะเอาไปทำอะไร”
“ไม่รู้เขาสิครับ”
“อีกไม่นานเสี่ยไฝคงรู้เรื่องนี้...”
“เรื่องของเขาครับ ถ้าเขาคิดจะฆ่าผมอย่างที่เคยพูดไว้ก็ลองดู” ปราบถอนใจ
ในงาน รวมน้ำใจช่วยน้องหมา บนเวที ทีมอีเว้นต์กำลังทำงานกันอยู่ เจ้าหน้าที่และทีมงานกำลังมุงอะไรกันอยู่ เอมี่แหวกคนเข้ามา
“ไหนๆ มีคนส่งรูปอาจารย์ถวิลชัยมาร่วมประมูลด้วยเหรอ”
“ใช่ค่ะ ท่านไม่ได้บอกก่อน ทางเราก็เพิ่งรู้นี่แหละค่ะ”
“ไหน รูปอยู่ไหนคะเอมี่ขอดูหน่อย”
“สงสัยงานคืนนี้ รูปนี้คงจะได้เป็นพระเอกของงานแน่ๆ สวยจับจิตจับใจจริงๆเล้ย”
เอมี่ยิ้มชื่นชม
“นั่นสิคะ แถมเป็นรูปของอาจารย์ถวิลชัยซะด้วย”
“ค่ะ มีคนบอกรูปอาจารย์ถวิลชัยน่ะ เหมือนประกาศนียบัตรรับรองความเป็นไฮโซเลยนะคะ บ้านไหนไม่มีรูปท่าน ถือว่าไม่ไฮจริง ต่อให้รวยแค่ไหนก็เป็นได้แค่ไฮซ้อไฮซิ้มเท่านั้นเอง”
เอมี่สะดุ้งเล็กน้อย
“แหม ขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
เอมี่หัวเราะขำๆปรายตามองที่รูปเขียน
แขกเหรื่อบรรดาไฮโซมากันแน่นงาน คนกลุ่มหนึ่งรุมล้อมดูรูปของถวิลชัย พูดคุยกันอย่างชื่นชมผลงาน
“รูปของท่านถวิลชัยนี่หายากมากนะครับ ใครๆก็อยากได้ แต่คนที่มีก็ไม่ยอมปล่อย มีแต่เก็บ
สะสมไปเรื่อยๆ”
“งานท่านน่ะ ขนาดฝรั่งยังตามล่ากันเลยนะครับ งานนี้อาจจะเป็นโอกาสของพวกเราก็ได้นะ
ครับ เพราะเจ้าของงานเขาไม่มีประชาสัมพันธ์เท่าไหร่ คนรู้ว่ามีประมูลรูปนี้ไม่เยอะ”
“เท่าที่รู้ ตอนนี้ไม่มีรูปไหนต่ำกว่ายี่สิบล้านเลยนะครับ ที่แพงที่สุดน่ะเกือบร้อยล้านแล้ว”
ทั้งสามดูรูปของ อ.ถวิลชัยด้วยความเลื่อมใส เอมี่ที่อยู่ในชุดพิธีกร ยืนอยู่ห่างๆมองมาที่คนกลุ่มนั้น โจโจ้ที่อยู่ใกล้ๆเอ่ยปากแซว
“ไง จ้องรูปซะตาวาวเลย อยากได้เหรอ”
“คืนนี้รูปนั้นต้องเป็นของฉัน”
“สนใจศิลปะตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
“ศิลปะน่ะไม่สน แต่ฉันต้องมีรูปของอาจารย์ถวิลชัยให้ได้ รูปหนึ่งก็ยังดี”
เอมี่บอกอย่างมุ่งมั่น
เสี่ยไฝกำลังส่องพระเครื่องอยู่ บอดี้การ์ดนั่งอ่านหนังสืออยู่ ลูกน้องคนหนึ่งเดินเข้ามา
“เสี่ยครับ มีเรื่องมารายงานครับ”
“ว่ามา”
“นายปราบเขาขายที่ของเขาแล้วครับ”
เสี่ยไฝชะงักรู้สึกโกธรขึ้นมา
“แน่ใจ”
“ครับ”
“หมอปราบเขามีเรื่องร้อนเงินอะไรเหรอไง”
“ไม่รู้ครับ ส่วนเรื่องคนซื้อ เรากำลังสืบอยู่ครับ”
“ใครซื้อก็ช่างหัวมันเถอะ ในเมื่อหมอปราบมันไม่ได้ขายที่ให้ฉัน มันก็ต้องตาย”
เสี่ยไฝวางพระลง หันไปหาบอดี้การ์ดที่นอกห้อง เพชรสีเดินผ่านมาได้ยินพอดี
งานเริ่มขึ้นแล้ว...เอมี่เป็นพิธีกรงานประมูลบนเวที กำลังทำหน้าที่ของเธออยู่ บนเวทีมีเสื้อยืดเพ้นต์รูปหมาสวมทับหุ่นโชว์อยู่
“หนึ่งแสนห้าหมื่นห้าครั้งที่ 1...หนึ่งแสนห้าหมื่นห้าครั้งที่สอง...น้องแว่นขา ไม่สู้เหรอคะ ตัวนี้พี่บี้อดนอนเพ้นต์เองกับมือเพื่องานนี้โดยเฉพาะเลยนะคะ น้องแว่นเป็นหัวหน้าแฟนคลับจะไม่สู้อีกนิดเหรอคะ”
สาวแว่นทนรบเร้าไม่ได้
“แสนหกค่ะ”
“นี่ เป็นไงล่ะ แฟนคลับสู้ตาย อย่าลืมนะคะว่าเงินทุกบาททุกสตางค์จะเอาไปช่วยน้องหมาที่น่าสงสารนะคะ...ป้าตุ้ยขา แสนหกหมื่นแล้วค่ะ”
เกย์รุ่นใหญ่พยักหน้า ประกาศเสียงดัง
“3 แสน”
เอมี่ดี๊ด๊า
“ว้าย ป้าตุ้ยจัดหนักไปรึเปล่าคะเนี่ย สามแสนครั้งที่ 1...สามแสนครั้งที่ 2...น้องแว่นขา ว่าไงคะ”
สาวแว่นโบกมือยอมแพ้
“สามแสนครั้งที่ 3 ขอแสดงความยินดีกับป้าตุ้ยด้วยค่า”
คนปรบมือกราว เกย์รุ่นใหญ่หน้าบาน พนักงานยกเสื้อลงไป แล้วยกภาพเขียนขึ้นมา แต่ยังมีผ้าคลุมทับอยู่
“ชิ้นต่อไป เป็นเซอร์ไพร้ซ์ของคืนนี้ค่ะ รับรองว่าท่านๆทั้งหลายในวงการได้สู้กันกระเป๋าฉีกแน่ๆค่ะ แล้วเอมี่ก็ต้องขออนุญาตนะคะ เอมี่เป็นอ๊อกชั่นเนียร์อยู่บนเวทีก็จริง แต่สำหรับชิ้นนี้แล้ว เอมี่ขอร่วมประมูลด้วยคนนะคะ อยากมีส่วนร่วมช่วยน้องหมาด้วยน่ะค่ะ ขอนะคะ”
คนในงานปรบมือให้ เอมี่ยกมือไหว้
“ขอบคุณค่ะ แล้วสำหรับชิ้นนี้นะคะ...งานเขียนสีหมึกของท่านอาจารย์ถวิลชัย เขียนไว้ในปี พ.ศ.2530 ชื่อภาพจตุมหาราชิกาค่ะ”
พนักงานเปิดผ้าคลุมออก เห็นภาพเขียนสีหมึกทรงพลังงามหยดย้อย คนในงานส่งเสียงฮือฮา เอมี่ประกาศ
“เอาล่ะค่ะ ราคาเริ่มต้น ห้าแสนบาทค่ะ”
แขกคนหนึ่งยกมือขึ้น
“ห้าล้านครับ”
คนในงานปรบมือดังขึ้น
“ขอบคุณนะคะเสี่ยโก้ที่ช่วยประหยัดเวลา เพราะยังไงๆชิ้นนี้คงไม่ต่ำกว่าห้าล้านแน่ๆ...ห้าล้าน
ครั้งที่ 1...”
แขกอีกคนยกมือขึ้น
“หกล้านครับ”
อีกคนยกบ้าง
“เจ็ดล้านครับ”
เอมี่นับ
“เจ็ดล้านครั้งที่ 1...เจ็ดล้านครั้งที่ 2...”
เอมี่ยกมือเอง
“ขออนุญาตนะคะ...แปดล้านค่ะ”
คนในงานปรบมือให้
“แปดล้านครั้งที่1...เอมี่จะนับช้าๆนะคะ เดี๋ยวหาว่าไม่ยุติธรรม...แปดล้านครั้งที่ 2”
แขกยกมือขึ้น
“เก้าล้านครับ”
เอมี่ยกสู้
“สิบล้านค่ะ”
แขกก้มศีรษะ ผายมือให้ เป็นเชิงยอมแพ้ เอมี่ยิ้มหน้าบาน
“สิบล้านครั้งที่ 1...สิบล้านครั้งที่ 2...ไม่มีใครแล้วเหรอคะ ว้า อย่าปล่อยเอมี่ลงไม่ได้สิคะ เอมี่ตั้งใจจะปั่นราคาช่วยน้องหมาเฉยๆนะคะเนี่ย มีใครจะช่วยเอมี่มั้ยคะ ถ้าไม่มีงั้นก็...สิบล้าน...”
ทันใดนั้นเสียงนับดาวดังขึ้น
“สิบห้าล้าน”
ทุกคนแตกวง เห็นนับดาวอยู่ตรงทางเข้า เข้ามาพร้อมกับอลิสา เอมี่อึ้ง
“นับดาว...”
“หวัดดีเพื่อนเอมี่”
“ไหนบอกไม่มาไง”
“เปลี่ยนใจน่ะจ้ะ กลัวเพื่อนเหงา ไม่มีใครเล่นด้วย”
“ก็ดี...มาเล่นด้วยกันก็ได้...สิบห้าล้านใช่มั้ย งั้นฉันไปสิบหก”
นับดาวประกาศก้อง
“สิบเจ็ด”
เอมี่มองนับดาว แล้วหัวเราะ
“ได้สิ สิบเจ็ดล้านครั้งที่ 1...สิบเจ็ดล้านครั้งที่ 2...”
เอมี่หยุด ยิ้มให้นับดาว
“ฉันรู้ทันหรอกน่าดาว คิดจะมาปั่นราคาให้ฉันเสียเงินใช่มั้ย ฉันไม่หลงกลเธอหรอก เธอนั่นแหละจะเดือดร้อน ถ้าเธอปั๊มราคาเล่นๆแล้วไม่มีจ่ายน่ะ งานนี้ฉันจะฟ้องให้ติดคุกเลยนะจ๊ะ”
นับดาวยิ้ม
“ขอบใจจ้ะที่เป็นห่วง ค้อนอยู่ในมือก็เคาะเลยแล้วกัน จะได้รู้ว่าฉันจะติดคุก หรือว่า...รูป อาจารย์ถวิลชัยจะไปอยู่ที่บ้านฉัน”
เอมี่กับนับดาวมองหน้ากัน
“จะลักไก่ฉันเหรอ ไม่มีทาง...สิบเจ็ดล้านครั้งที่ 3...”
เอมี่เงื้อค้อน นับดาวยังยิ้มนิดๆ เอมี่เปลี่ยนใจไม่ทุบ
“สิบแปดล้าน ฉันไม่ยอมเธอหรอกยัยดาว รูปนี้ต้องเป็นของฉัน”
นับดาวยกมือ
“สิบเก้าล้าน”
เอมี่ชักฉุน
“สู้อยู่ได้ เธอมีเงินซักเท่าไหร่เนี่ย”
“ถ้าอยากรู้ก็ต้องสู้กันสิ”
“ได้ ยี่สิบล้าน”
นับดาวสู้ต่อ
“ยี่สิบเอ็ด”
เอมี่ไม่ยอม
“ยี่สิบสอง”
นับดาวก็ไม่ยอมเหมือนกัน
“ยี่สิบสาม”
“ยี่สิบสี่”
นับดาวอึ้งไป ก่อนจะยกมือ
โปรดติดตามตอนต่อไป
หนุ่มบ้านไร่กับหวานใจไฮโซ ตอนที่ 11 (ต่อ)
“ยี่สิบสี่จุดห้า”
เอมี่ยิ้มอย่างเหนือกว่า
“ยี่สิบห้า”
นับดาวยกมือยอมแพ้ เอมี่ยิ้มร่า
“ยี่สิบห้าล้านครั้งที่ 1...ยี่สิบห้าล้านครั้งที่ 2...ยี่สิบห้าล้านครั้งที่ 3”
เอมี่ทุบค้อน นับดาวปรบมือให้ คนทั้งงานปรบมือให้ด้วย นับดาวเดินขึ้นมาบนเวที
“ขอแสดงความยินดีด้วยนะเอมี่”
“ขอบใจนะ”
เอมี่เอียงหน้าเข้ามาหานับดาวแล้วกระซิบ
“ถามจริงๆเถอะ ถ้าชนะแกมีเงินจ่ายเหรอ”
นับดาวกระซิบตอบ
“มีสิยะ ไม่มีเงินใครเขาจะให้เข้างานมาประมูลเหย็งๆอย่างงี้เล่า”
“งั้นงานนี้ฉันก็ชนะแกแล้วสินะ”
“อย่าเพิ่งสรุปเลย มันยังไม่จบ ฉันมีมุขตบนิดหน่อย”
เอมี่งง เริ่มระแวงว่านับดาวจะมาไม้ไหน นับดาวเข้ามาชมดูรูป
“ฉันคงคิดถึงรูปนี้แย่เลย เฮ้อ”
เอมี่หน้าเหวอ
“หมายความว่ายังไง อย่าบอกนะว่า...”
“ใช่ ฉันเป็นคนบริจาครูปให้เอามาบริจาคงานนี้เองแหละ คุณตาฉันซื้อไว้ตั้งแต่ตอนฉันยังเป็นเด็กๆ เลยซื้อไว้ตั้งหลายรูปด้วย แต่ฉันเอาไปขายเกือบหมดแล้วล่ะ เหลือแต่รูปนี้เอาไว้”
“ทำไม แกชอบรูปนี้มากนักเหรอ”
“เปล่าหรอกจ๊ะ แต่ไม่มีใครเขาซื้อน่ะสิ แบบว่าตอนเด็กๆฉันซนไปหน่อย”
นับดาวชี้ที่มุมรูปด้านหนึ่ง มีรอยปากกาลูกลื่นเขียนไว้ว่า โตขึ้นฉันจะเป็นไฮโซนับดาว
ในอดีต...ด.ญ.นับดาวเขียนข้อความนั้นบนรูปเขียน อ.ถวิลชัย เสร็จ นฤทธิ์ก็ออกมาเจอพอดี
“ทำอะไรน่ะ นับดาว”
“ก็คุณตาบอกรูปนี้เป็นรูปของไฮโซ ดาวอยากเป็นไฮโซน่ะค่ะ”
นฤทธิ์สวมแว่น เข้ามาดู เห็นลายมือนับดาวบนรูป
“หมดกัน รูปอาจารย์ถวิลชัย เฮ้อ...แต่ก็นะ อย่างน้อยตาก็ดีใจที่หนูอยากเป็นไฮโซ ไม่คิดอะไร
โง่ๆแบบแม่ของหนูที่อยากจะไปเป็นชาวไร่...เป็นไฮโซน่ะฉลาดแล้วลูก”
นฤทธิ์ลูบศีรษะนับดาวด้วยความเอ็นดู
นับดาวยิ้มให้เอมี่
“อย่างที่เธอเห็นนี่แหละ ฉันเป็นคนลายมือสวยมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว ฉันภูมิใจมากเลยนะที่เธอประมูลลายเซ็นของฉันไปตั้ง 25 ล้านแน่ะ ถือว่าเราทำบุญร่วมกันก็แล้วกันนะจ๊ะ”
เอมี่โกรธจนหน้าเขียว
“ยัยบ้า แกเอาของกากๆมาประมูลอย่างงี้ หลอกกันชัดๆ”
“กากๆยังไงยะ นี่ฝีมืออาจารย์ถวิลชัยของแท้แน่นอน ดูเป็นรึเปล่า”
“แต่มันมีลายเซ็นแกแถมมาด้วย”
“ก็แล้วแกทำไมไม่ตรวจให้ละเอียดก่อนล่ะ แกเป็นอ๊อกชั่นเนียร์อยู่แท้ๆ หน้าที่แกไม่ใช่เหรอ แกอย่าเบี้ยวก็แล้วกัน ไม่งั้นฉันจะยุทางสมาคมให้เขาฟ้องให้ถึงติดคุกเลย”
เอมี่แค้นมาก
“ยัยนับดาว”
“จ๋า”
“เอาเงินฉันคืนมานะ”
“แน้ เงินแกเข้ากระเป๋าฉันซะเมื่อไหร่ เข้ากองทุนช่วยน้องหมาย่ะ แหม แค่ 25 ล้านเอง สิวๆน่ะ”
เอมี่ร้องลั่น กระโดดเข้าบีบคอ นับดาวไม่ทันระวัง โดนบีบหน้าเขียว เจ้าหน้าที่.รีบกรูกันขึ้นมาแยกเอมี่ออกไป
“ปล่อยฉัน ฉันจะฆ่ามัน”
เอมี่สลัดหลุด คว้าค้อนประมูลวิ่งเข้ามา นับดาวตกใจ หนีไม่ทัน เอมี่เงื้อค้อนสูงท่วมหัว
นับดาวเข้ามาในบ้าน เจออลิสา
“ดาวมานี่เร็ว ทีวีกำลังออกข่าวพอดี”
นับดาวรีบเดินมาดูทีวีกับอลิสา เป็นภาพเหตุการณ์ตอนเอมี่เงื้อค้อนสูงท่วมหัวจะฟาดนับดาว ดีที่มี เจ้าหน้าที่มาจับแขนเอมี่ไว้ได้ทัน แล้วช่วยกันดึงเอมี่ออกไป
“ตอนนั้นดาวเสียววาบ นึกว่าตายคาค้อนยัยเอมี่แน่ๆ”
“ไม่รู้ยัยเอมี่เป็นไงบ้างตอนนี้”
“สมน้ำหน้ามัน คงโดนรุมด่าเหมือนที่ดาวเคยโดนนั่นแหละค่ะ”
“โถ น่าสงสาร”
“ไม่ต้องสงสารมันหรอกค่ะน้าอะซ่า บ้านมันรวยเป็นพันล้าน โดนแค่นี้แค่คันๆ อีกอย่าง ยัยนี่ เจ้าเล่ห์จะตาย เดี๋ยวก็หาทางพลิกเกมได้เองแหละค่ะ แต่ที่สะใจ คือต่อให้มันจะขายต่อที่ไหนก็ไม่มีคนซื้อ เพราะเขารู้กันหมดแล้วว่าของมีตำหนิ จะทิ้งก็ไม่กล้าเพราะหมดไป 25 ล้าน จะติดโชว์ก็แสลงใจเพราะมีลายเซ็นต์ดาวอยู่ ฮ่าๆๆ มันต้องเครียดจนเป็นโรคกระเพาะแน่ๆ ดีไม่ดีเป็นไมเกรนอีกต่างหาก ฮ่าๆๆ”
อลิสาส่ายหน้า
ปราบเดินออกมานอกบ้าน ตั้งกล้องถ่ายรูปดาวบนฟ้าอยู่หน้าบ้าน ขณะเดียวกันบอดี้การ์ดของเสี่ยไฝ แอบซุ่มอยู่ในเงามืด หยิบปืนไรเฟิลติดที่เก็บเสียงออกมา เล็งไปที่ปราบ แต่ปราบขยับไปขยับมาอยู่ สักพัก มือปืนยังใจเย็น รอจังหวะ
ปราบตั้งมุมกล้องได้แล้ว กดสายลั่นชัตเตอร์ แล้วออกมานั่งรอนิ่งๆ มือปืนได้จังหวะ ยกปืนขึ้นเล็ง จนหน้าปราบอยู่ในศูนย์เล็งชัดเจน มือปืนกำลังจะเหนี่ยวไก มือถือดังขึ้น ปราบหามือถือไม่เจอ ก้มหาตามที่ต่างๆ ขยับตัวยุกยิก จนมือปืนจับเป้าไม่ได้ ปราบหามือถือเจอ กดรับสาย
“สวัสดีครับคุณเพชรสี โทรมาซะดึกเชียวครับ”
“อย่าเพิ่งพูดมาก ฟังฉันให้ดีๆ พ่อฉันรู้เรื่องที่คุณขายที่แล้ว พ่อฉันเขาส่งมือปืนไปแล้วด้วย คุณต้องระวังตัวดีๆนะ ไม่แน่ว่าตอนนี้อาจจะไปถึงแล้ว”
ปราบชะงัก เหลียวมองรอบตัวทันที แล้วรีบเก็บอุปกรณ์ มือปืนเห็นปราบรู้ตัว ก็เหนี่ยวไกทันที ปราบล้มกลิ้งลง แต่ยังลุกขึ้นมาได้ วิ่งปรูดๆเข้าบ้าน มือปืนพยายามเล็งตามไปแต่ไม่ได้จังหวะ มือปืนสบถ รีบอาศัยความมืดถอยออกมา ขึ้นมอเตอร์ไซค์ขี่ออกไปทันที
ปกป้องกับปราบอยู่สองคนในบ้าน ปกป้องหยิบขาตั้งกล้องปราบไปดู มีรอยโดนยิง
“แบบนี้ไม่ใช่ขู่แล้วล่ะ มันกะเอาตายจริงๆ”
“โชคดีจริงๆ ถ้าไม่ได้ขาตั้งกล้องอันนี้ ผมตายแน่ๆ”
“แล้วเอาไง จะไปซัดกับมันเลยมั้ย หรือว่าจะไปแจ้งความ”
ปราบส่ายหน้า
“จะเอาอะไรไปซัดกับเขาล่ะครับอา เสี่ยไฝมันมาเฟีย ซัดกันคงแพ้มันแน่ๆ ส่วนเรื่องแจ้งความ แจ้งไปก็เท่านั้น รู้ๆกันอยู่ นอกจากจะไปแจ้งกองปราบ...แต่ก่อนจะไปถึงขั้นนั้น ผมว่าผมจะไปคุยกับเขาตรงๆจะดีกว่า”
“เอางั้นเลยเหรอ”
“ครับ พรุ่งนี้เช้าผมจะไปคุยกับเขา”
“อาไปด้วย”
ปราบส่ายหน้า
“อย่าเลยครับ ถ้าผมโดนยิงตาย อาจะได้ดูแลไร่ดูแลน้อยหน่าต่อไปได้ ไปกับผม เกิดโดนมัน
เก็บทั้งสองคน จะไม่เหลือใครเลย”
“งั้นเอางี้ อาไปเอง แกไม่ต้องไป”
“มันจะเก็บผม ผมไปเองแหละดีแล้วครับอา”
“ยังไงก็อย่าไปคนเดียวเลยวะ เฮ้อ...กะอีแค่ขายที่แค่นี้ มันเอาถึงตายจริงๆเลยหรือเนี่ย รู้งี้ไม่ขาย
ก็ได้วะ”
“ไม่ว่ายังไงก็ต้องขายครับ ผมต้องการช่วยนับดาว เขาจำเป็นต้องใช้เงินจริงๆ”
ชัชฎากำลังจะออกจากบ้าน มือถือดัง ชัชฎารับสาย
“สวัสดีค่ะ...ค่ะ...ค่ะ...ขอบคุณค่ะ”
ชัชฎาวางสาย ยิ้มแบบโล่งอกโล่งใจ ชนะชัยเดินตามมาเห็นพอดี
“มีอะไรหรือครับคุณแม่”
“หนูดาวซื้อหุ้นเราแล้ว”
“เท่าไหร่เหรอครับ”
“100 ล้าน”
ชัชฎาดีใจจนน้ำตาแทบไหล
“แกรีบไปหาหนูดาวเลยนะ ขอบคุณเขาซะ”
“คุณแม่ไปด้วยกันไหมครับ”
“ไว้พรุ่งนี้ละกัน อยากไปอยู่เหมือนกัน แต่ว่าแม่ต้องไปจัดการอุดรูรั่วก่อน ก่อนที่คนอื่นจะรู้ตัว”
ชัชฎายิ้มอย่างมีความสุข
โปรดติดตามตอนต่อไป
หนุ่มบ้านไร่กับหวานใจไฮโซ ตอนที่ 11 (ต่อ)
บ่ายวันนั้น...นับดาวนัดพบชนะชัยที่ร้านกาแฟ
“คุณแม่ฝากบอกว่าดีใจมากที่ได้ร่วมมือกันทำธุรกิจกับดาว” ชนะชัยบอกยิ้มแย้ม
“ดาวต่างหากละคะที่ต้องขอโทษคุณแม่คุณ อุตส่าห์ยื่นโอกาสให้ดาวแท้ๆแต่ดาวกลับยึกยัก ทำให้ท่านต้องคอยซะนาน”
“เอาเถอะครับ ความจริงผมเองก็ไม่อยากพูดเรื่องนี้เท่าไหร่หรอกครับ เปลี่ยนเรื่องคุยเถอะครับ”
“ดาวเข้าใจค่ะ วันก่อนท่านก็พูดชัดเจนแล้วว่าท่านกังวลเรื่องอะไร นอกจากได้ร่วมมือกันทำธุรกิจแล้ว ดาวก็ยังได้พิสูจน์ให้ท่านรู้ว่าดาวไม่ใช่ของปลอม”
ชนะชัยมีสีหน้าละอายใจวูบ ได้แต่ฝืนยิ้ม
“ผมรู้อยู่ตลอดเวลาแหละครับว่าคุณดาวไม่ใช่ของปลอม”
นับดาวมีสีหน้าละอายใจวูบเหมือนกัน ได้แต่ฝืนยิ้ม
“อืม เปลี่ยนเรื่องคุยก็ดีเหมือนกันนะคะ”
“งั้นเรามาคุยเรื่องอนาคตกันดีกว่าครับ อนาคตของเราสองคน”
“ค่ะ ก็ดีค่ะ ยังไงดีล่ะคะ”
“ผมหมายถึงงานแต่งงานของเราไงครับ”
“เออ จริงด้วยสิ ว้า ดาวไม่เก๊ตได้ไงเนี่ย”
“พอดีวันก่อนมีนักข่าวโทรมาสัมภาษณ์ผม ถามผมเรื่องนี้ ผมก็บอกว่าใช่และจะแถลงข่าว
เร็วๆนี้”
“คุณจ๊อบตอบเขาไปอย่างนั้นเลยเหรอคะ”
“ใช่ครับ ผมยืนยันเรื่องนี้กับนักข่าวนั่นก่อนที่คุณจะซื้อหุ้นของบริษัทเสียอีก...”
“ขอบคุณมากค่ะจ๊อบ ขอบคุณ”
ชนะชัยกุมมือนับดาวไว้อย่างมีความสุข
เสี่ยไฝจิบกาแฟอยู่ โดยมีบอดี้การ์ดอยู่ด้วย คนใช้พาปราบเข้ามา เจิดเดินตามปราบเข้ามาด้วย
“มาหาผมมีอะไรเหรอหมอ”
“ผมเอาของมาคืน”
ปราบหยิบปลอกกระสุนออกมาจากกระเป๋า ส่งคืนให้ เสี่ยไฝมองหน้าปราบ
“ถ้าผมเอาไปแจ้งความ นี่เป็นหลักฐานที่มัดตัวเสี่ยไม่หลุดแน่ เพียงแต่ผมไม่อยากไปทางนั้น”
เจิดมองหน้าเสี่ยไฝ
“อย่าบอกว่าไม่รู้เรื่องนะ เหม็นมากๆ”
เสี่ยไฝถามงงๆ
“อะไรเหม็น”
เจิดอาศัยจังหวะที่บอดี้การ์ดเผลอ จับมือขึ้นมาดม
“เหม็นดินปืนมาก”
เสี่ยไฝหยิบปลอกกระสุนขึ้นมาปาใส่หน้าบอดี้การ์ด
“ขอบใจที่เอาของมาคืน แต่คงไม่ทำให้ผมเปลี่ยนใจหรอกนะ ผมเป็นคนรักษาคำพูด พูดคำไหน
ต้องเป็นคำนั้น”
“เสี่ยบอกจะฆ่าผมไม่ใช่เหรอ แล้วส่งลูกน้องไปทำไม ถ้าอยากฆ่าผมก็ลงมือเองสิครับ”
เสี่ยไฝฉุนกึก
“หมอท้าผมเหรอ”
ปราบหยิบปืนออกมา จ่อหน้า เสี่ยไฝกับบอดี้การ์ดตกใจ
“อย่าบอกนะว่าคิดไม่ถึงว่าผมจะทำอย่างนี้ คนที่จะฆ่าคนอื่นต้องสังวรไว้ด้วยว่าอาจจะถูก
คนอื่นฆ่าได้เหมือนกัน”
“คุณกล้ากว่าที่ผมคิดมาก...แต่คุณกล้าพอจะเหนี่ยวไกรึเปล่าล่ะ”
ปราบยิ้ม ยังไม่ทันตอบ เพชรสีก็เข้ามาเห็นเหตุการณ์พอดี
“พี่ปราบ”
ปราบหันไป เสียสมาธิวูบ บอดี้การ์ดชักปืนออกมาจะยิงปราบ เสียงปืนดังเปรี้ยง ปืนในมือบอดี้การ์ดโดนยิงกระเด็น คนยิงคือเจิดนั่นเอง
“เมื่อคืนมึงก็พลาด ตอนนี้ก็พลาดอีก สงสัยมึงจะโดนไล่ออกแน่ๆ ถ้านายมึงไม่โดนยิงตายซะก่อนนะ”
เพชรสีตกใจ
“พี่ปราบ อย่าทำอะไรพ่อนะคะ ถ้าไม่ใช่เพราะเพชรสีโทรไปเตือน พี่ปราบอาจจะตายไปแล้วก็ได้”
เสี่ยไฝชำเลืองมองเพชรสี
“ลูกโทรไปเตือนมันเหรอ”
เพชรสีหลบสายตา ปราบหันไปบอกเพชรสี
“เรายังคุยกันไม่จบครับ” ปราบหันมาหาเสี่ยไฝ “เมื่อกี้เสี่ยถามผมว่าผมกล้ายิงรึเปล่า...คำตอบ
คือขึ้นอยู่กับเสี่ยครับ ผมเข้าใจดีว่าเสี่ยต้องรักษาคำพูด งั้นผมขอเสนอทางออกให้...เรามาดวลปืนกัน”
เสี่ยไฝชะงัก
“ดวลปืน...”
“เสี่ยกับผม ปืนคนละกระบอก หนึ่งต่อหนึ่ง”
เสี่ยไฝหัวเราะ
“ดูหนังคาวบอยมากไปรึเปล่าหมอปราบ”
“ผมต้องการจบปัญหาในวันนี้ครับ”
“นี่คุณจะเอาจริงเหรอเนี่ย ดวลปืนเนี่ยนะ”
“ไม่กล้าเหรอครับ”
เจิดยิ้มเย้ย
“หรือว่าเก่งแต่ใช้วิธีหมาลอบกัด”
เสี่ยไฝอึ้ง มองไปรอบตัว บอดี้การ์ด และคนใช้ มองมาที่เขา เสี่ยไฝขบกราม
“ต้องการยังงั้น ก็ได้”
ที่ลานนอกบ้าน...เสี่ยไฝกับปราบยืนประจันหน้ากัน เพชรสียืนอยู่ตรงกลาง รอบๆมีเจิด บอดี้การ์ด คนใช้ และคนงานอื่นๆของเสี่ยไฝ มุงดูกันอยู่ เพชรสีหันไปบอกปราบ
“พี่ปราบไว้ใจได้ เพชรสีจะไม่เข้าข้างพ่อ” เพชรหันไปหาพ่อ “พ่อเลี้ยงเพชรสีมาอย่างลูกเสือ ไม่ใช่ลูกหมา ใช่ไหมคะ”
เสี่ยไฝฝืนยิ้ม
“พ่อไม่ว่าอะไรลูกหรอก...ถ้าวันนี้พ่อตาย ก็ดูแลคนงานของเราให้ดีแล้วกัน ส่วนเรื่องกิจการของ
พ่อ อันไหนทำได้ก็ทำต่อ อันทำไม่ได้หรือไม่อยากทำก็อย่าฝืน บอกเลิกให้คนในวงการรู้โดยชัดเจนจะได้ไม่มีปัญหา พ่อสั่งเสียแค่นี้แหละ”
เพชรสีน้ำตาคลอ หันมาทางปราบ
“ค่ะ พี่ปราบ มีอะไรจะพูดไหมคะ”
“ไม่มีครับ”
“ทั้งสองคนเป็นลูกผู้ชาย เพชรสีไม่ต้องพูดอะไรมาก เริ่มเลยค่ะ”
ปราบกับเสี่ยไฝมองหน้ากัน แล้วหันหลังให้กัน หยิบปืนออกมา เพชรสีเริ่มนับ
“1...”
ปราบกับเสี่ยไฝ เดินตรงไปข้างหน้า
“2..3..4..5..6..7..8..9..10”
ปราบกับเสี่ยไฝเดินห่างออกจากกัน สิ้นเสียง 10 ปราบทิ้งตัวลง กลิ้งหลบมาด้านข้าง ขณะที่เสี่ยไฝหันขวับมา เหวอไปเพราะหาเป้าไม่เจอ เสี่ยไฝมองหาปราบอย่างสับสน กว่าจะเจอปราบ เสี่ยไฝยกปืนมา ไม่ทันเล็ง ปราบซึ่งทิ้งตัวลงนอนก็ยิงเปรี้ยงมาที่เขา ร่างเสี่ยไฝสะดุ้ง หมุนคว้าง ล้มลง เสียงเพชรสีกรีดร้อง วิ่งเข้ามาประคอง เสี่ยไฝมองเพชรสี
“เพชรสี...”
สายตาเสี่ยไฝทุกอย่างดำมืดลง
เสียงเพชรสีดังขึ้น
“พ่อ...พ่อ...”
เสี่ยไฝนอนอยู่ในห้องตัวเอง ลืมตาขึ้น เห็นหน้าเพชรสีมองมาด้วยความห่วงใย ปราบอยู่ด้วย
“นี่พ่อยังไม่ตายเหรอเนี่ย”
เสี่ยไฝก้มลงมองหน้าอกตัวเอง มีผ้าพันแผลแปะอยู่ มีรอยเลือดซึม
“ผมใช้ปืนลูกดอกยาสลบน่ะครับ”
เพชรสีเสริม
“พี่ปราบเขาเอาไว้ใช้ยิงหมูยิงหมาน่ะค่ะ”
เสี่ยไฝสะดุ้ง มองหน้าปราบ ชายหนุ่มยกมือไหว้ขอโทษ
“จริงๆแล้วผมควรจะใช้ปืนยิงช้างหรือยิงเสือ จะได้สมศักดิ์ศรีคนอย่างเสี่ยไฝ แต่ไอ้พวกนั้น ลูกดอกมันใหญ่ไปใช้กับคนไม่ได้ อันนี้ต้องขอโทษด้วยนะครับ”
“เฮ้อ ช่างมันเถอะ ดีเท่าไหร่แล้วที่คุณไม่ได้ใช้ปืนจริงๆ”
“ผมไม่คิดจะฆ่าเสี่ยแต่แรกแล้ว”
“แต่ปืนในมือผมน่ะ 9 ม.ม. ใช้ลูกหัวอ่อนนะ ถ้าโดนล่ะก็ ไม่ตายก็คางเหลือง”
“ด้วยความเคารพนะครับ ผมมั่นใจว่าเสี่ยยิงผมไม่โดนหรอก”
“ทำไมมั่นใจขนาดนั้น”
“เสี่ยแก่แล้ว หูตาไม่ดี การเคลื่อนไหวก็เชื่องช้า ผมมั่นใจผมถึงกล้าท้าเสี่ยดวลปืน”
“คุณมั่นใจเกินไปแล้วล่ะ”
“ไอ้เสี่ยงมันก็ต้องมีอยู่บ้าง แต่ทำไงได้ ผมอยากให้เรื่องนี้จบซะที”
เสี่ยไฝพยักหน้าช้าๆ ยื่นมือไปจับมือกับปราบ
“ตกลง...จบ”
ปราบยิ้ม
“วันสองวันเสี่ยอาจจะมีปวดหัวบ้างมีไข้บ้าง แต่ถ้าสองวันไข้ไม่ลด ให้รีบไปหาหมอนะครับอาจจะมีติดเชื้อ”
“คุณไม่ต้องห่วงผมหรอก ผมดูแลตัวเองได้ เชิญกลับไปได้แล้ว”
“สวัสดีครับ”
ปราบยกมือไหว้ เสี่ยไฝรับไหว้
“เดี๋ยวเพชรสีไปส่งนะคะ”
เพชรศรีจะออกไป เสี่ยไฝเรียกไว้
“เพชรสีอยู่นี่ก่อน พ่อมีอะไรจะคุยด้วย”
ปราบเดินออกไป เพชรสีหันมาหาพ่อ
“มีอะไรคะพ่อ”
“เรื่องหมอปราบ”
“พ่อยังแค้นพี่ปราบเหรอคะ”
“เปล่า พ่อไม่ได้แค้น จบก็จบ...แต่พ่อชอบมัน มันใจถึงมาก พ่ออยากให้คนอย่างนี้มาดูแลลูก”
“ไหน ตอนแรกพ่อบอกเขาไม่ได้เรื่องไงคะ เป็นตุ๊ดอะไรอย่างเงี้ย”
“พ่อยอมรับว่าพ่อมองผิดไป...ตอนนี้พ่อเปลี่ยนใจแล้ว ถ้าเป็นหมอปราบ พ่อไฟเขียว แล้วก็เขียวเข้มปี๋เลย จัดการได้เลยลูก”
“บ้า หนูเป็นผู้หญิงนะจะไปจัดการอะไรเขา...อีกอย่าง หนูว่าเขามีคนที่เขาชอบแล้วล่ะค่ะ เจ๋อไปตอนนี้ได้หน้าแตกออกมาแน่ ขอรอดูจังหวะก่อน ถ้าเขายังไม่มีใคร หนูจะแก้เผ็ดให้พ่อ เอายาสลบยิงเขา แล้วลากเข้าห้องนอนเองค่ะ”
เพชรสียิ้มให้เสี่ยไฝด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่จริงจัง
โปรดติดตามตอนต่อไป
หนุ่มบ้านไร่กับหวานใจไฮ
โซ ตอนที่ 11 (ต่อ)
ปราบกลับมาบ้าน คุยกับปกป้องเงียบๆ
“แกเสี่ยงมากเลยนะปราบ เกิดมันเป็นพวกเสือเฒ่าปืนไวขึ้นมา จะว่าไง
วะ”
“ก็ไม่ว่ายังไง ยังไงก็ดวลแฟร์ๆอยู่แล้ว ว่าแต่ว่าเรื่องนี้อาไม่ต้องเล่าให้
ใครฟังนะครับ ผมไม่อยาก
ให้วุ่นวาย”
“กำชับไอ้เจิดรึยัง”
“บอกแล้วครับ”
“เดี๋ยวก็คงรู้กันทั้งจังหวัดแหละ ไอ้นี่มันปากลำโพงจะตายยิ่งอย่าให้มัน
เมาเชียวมีเสียงคนเดินคุยกันมา ปราบรีบสะกิดปกป้อง ทั้งสองเงียบ
เสียงลง...
“พ่อคงยังไม่รู้หรอก พ่อเขาไม่ค่อยได้อ่านข่าวบันเทิง”
“งั้นเราว่าอย่าเพิ่งบอกให้พ่อเธอรู้เลยนะ”
ตะวันวาดกับน้อยหน่าเดินพ้นมุมห้องออกมา เห็นปราบก็สะดุ้งกันทั้งคู่
“เรื่องอะไรเหรอที่ไม่อยากให้พ่อรู้น่ะ”
น้อยหน่าเข้าเว็บไซต์ที่มีข่าวบันเทิง เปิดให้ปราบดูข่าวประกาศแต่งงาน
ของนับดาวกับชนะชัย ในหน้าเว็บเป็นรูปนับดาวกับชนะชัยที่งานสังคม
แห่งหนึ่ง น้อยหน่าอ่านให้ฟัง
“นับดาวว้าวแซ่บประกาศแล้วแต่งแน่ๆ กับแฟนหนุ่มนักธุรกิจนอกวงการ
นาม ชนะชัย ลูกนักธุรกิจหญิงเหล็กชื่อดัง หลังจากควงกันมาได้สักพัก
ใหญ่ ท่ามกลางข่าวลือมากมาย คู่นี้ก็จูงมือกันประกาศลั่นระฆังวิวาห์
กันจนได้...”
น้อยหน่าหยุดอ่าน หันมามองปราบ
“ก็ดีแล้วนี่ ทำไมต้องไม่ให้พ่อรู้ด้วยล่ะ”
“หน่ากลัวพ่อเฮิร์ต...”
“เฮิร์ตเรื่องอะไร”
“หน่ารู้ค่ะว่าพ่อคิดอะไร”
ปราบฝืนยิ้ม
“ไม่เฮิร์ตหรอก นับดาวเขามีความสุขพ่อก็ดีใจกับเขาด้วย”
ปรายฟ้าเดินออกมา
“คุยอะไรกันอยู่เหรอพ่อลูก”
ตะวันวาดหันไปบอก
“พี่ดาวเขาจะแต่งงานแล้วครับ”
ปรายฟ้ามองปราบ
“อ้าว”
“ไม่มีอะไรหรอกน่า”
ปรายฟ้ายิ้มปลอบนิดหนึ่ง
“แล้วแต่งกับใครล่ะเนี่ย”
ปรายฟ้าเข้ามาดูหน้าจอด้วย พอเห็นหน้าชนะชัยปรายฟ้าก็อึ้ง
“ชนะชัย...”
น้อยหน่าแปลกใจ
“แม่รู้จักเหรอคะ”
“เอ่อ...เปล่า...แม่แค่อ่านชื่อเขาน่ะ”
ปรายฟ้าฝืนยิ้ม มองหน้าชนะชัยในจอคอมพิวเตอร์
ค่ำนั้น ปรายฟ้าอยู่ที่ห้องที่นับดาวเคยอยู่ เธอนั่งเหม่อมองออกไปนอก
หน้าต่าง ร้องไห้ แว่วเสียงในความทรงจำของเธอกับชนะชัยดังเข้ามา
‘ไหนคุณบอกว่าคุณรักฉัน’
‘ผมรักคุณ แต่ผมขัดแม่ไม่ได้ เด็กคนนี้ คุณเอาออก
เถอะนะ’
‘คุณพูดอย่างนี้ได้ยังไง นี่ลูกของเรานะ’
‘ผมรู้ แล้วคุณจะให้ผมทำยังไงล่ะ’
ทันใดนั้น มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ปรายฟ้ารีบเช็ดน้ำตา ยังไม่ทันแห้งดี
น้อยหน่าก็เปิดประตูเข้ามา เรียกเธอเบาๆ
“แม่คะ มานี่เร็วค่ะ”
“มีอะไรเหรอ”
น้อยหน่าเข้ามาจับมือปรายฟ้า มองซ้ายมองขวา พาปรายฟ้าออกไป ท่า
ทางมีลับลมคมใน
ปรายฟ้า น้อยหน่า ปกป้อง เจิด ออกมานั่งคุยกันที่ร้านข้าวต้มริมทาง
ปกป้องมองทุกคนแล้วพูดขึ้น
“ที่ต้องเรียกออกมาคุยกันข้างนอกเนี่ย เพราะไม่อยากให้ปราบมันรู้”
เจิดแปลกใจและสงสัย
“คุณป้องจะโกงกิจการของนายปราบใช่ไหมครับ”
ปกป้องเอาตะเกียบทิ่มหน้า เจิดร้องจ๊าก
“เขาจะคุยกันเป็นการเป็นงาน...ไม่น่าชวนเอ็งมาเลย”
เจิดทำท่าปิดปากตัวเอง น้อยหน่าพอจะเข้าใจ
“เรื่องพี่ดาวใช่ไหมคะ”
“ใช่แล้ว ผมคงไม่ต้องเกริ่นอะไรมาก เราทุกคนก็คงพอจะมองกันออกว่า
เจ้าปราบเขาชอบคุณนับดาว”
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย
“แต่คุณนับดาวชอบปราบรึเปล่า อันนี้ไม่แน่ใจ”
ปรายฟ้ามั่นใจ
“แต่ฉันมองออกค่ะ ว่าเขาชอบปราบแน่ๆ”
“ตอนแรกหน่าก็คิดแบบนั้น แต่ถ้าพี่ดาวชอบพ่อจริง แล้วทำไมเขาถึงจะ
แต่งงานกับนายชนะชัยอะไรนั่นล่ะคะ”
เจิดออกความเห็นบ้าง
“อย่างคุณดาวน่ะเขาเรียก เยอะ...เยอะมาก คนแบบนี้เวลาตัดสินใจทำ
อะไร คนนอกดูไม่ออก เดาไม่ถูกหรอกครับ เบื้องหลังมันสลับซับซ้อนซ่อน
เงื่อน จนบางทีก็ไม่เป็นตัวของตัวเอง ตัดสินใจทำอะไรยังงงๆอยู่เลย ผม
น่ะเห็นมานักต่อนักแล้ว”
ปกป้องมองเจิดแบบทึ่ง
“โอ้โฮไอ้เจิด ผิดคาดว่ะ ไม่คิดว่าแกจะเป็นคนมีความคิดอ่านหลักแหลม
แบบนี้”
“ส่วนนายปราบน่ะ ผมเห็นด้วยว่าชอบคุณนับดาว แต่อันนี้ตรงกันข้าม
เจ้านายผมคนนี้น่ะน้อยซะจนน่าหมั่นไส้ โดยเฉพาะเรื่องผู้หญิง ถ้าเป็น
คนอื่นนะจีบคุณดาวติดมาห้าร้อยรอบแล้ว แต่คุณปราบแกน้อย แล้วก็ช้า
ทำอะไรก็ไม่ทำ เพราะฉะนั้นการที่คุณป้องเรียกพวกเรามาวางแผนแช่ง
เอ๊ย...เชียร์ให้สองคนนี้อินเลิฟกันเนี่ย ผมเห็นด้วยคร้าบ”
น้อยหน่าปรบมือชอบใจ
“เยี่ยมเลยค่ะพี่เจิด”
“ถ้าทุกคนเห็นด้วย งั้นเรามาช่วยกันวางแผนละกัน”
น้อยหน้าไม่สบายใจนัก
“เอ...แต่ถ้าเราแบบนี้ เราจะทำผิดกับคุณชนะชัยมั้ยคะ”
ปรายฟ้าแย้งขึ้น
“ไม่เกี่ยวอะไรกับเขานี่นา เราไม่ได้ขัดขวางคุณชนะชัยซะหน่อย เราแค่
เชียร์คุณนับดาวกับพ่อปราบต่างหาก แม่พูดถูกไหม”
น้อยหน่าพยักหน้าเห็นด้วย
จบตอนที่ 11
โปรดติดตาม
ตอนที่ 12 วันพรุ่งนี้ เวลา 09.30น.