แก้วกลางดง ตอนที่ 21
ค่ำนั้น...เมียวดีหยิบดาวกระดาษที่พับในงานขึ้นมาดู ก่อนจะถอนหายใจกับการตัดสินใจของตัวเอง หันกลับมาเจอทรงเผ่ายืนอยู่ เธอรีบเอาดาวซ่อนไว้ข้างหลัง
“นั้นอะไร”
“เปล่าไม่มีอะไร”
“ก็ฉันเห็น”
ทรงเผ่าจับมือเมียวดีแกะดูเห็นดาวกระดาษ สองคนมองหน้ากัน
“เธอเจอด้วยเหรอ”
“นายเคยบอกว่า มันเป็นเหมือนดาวประจำตัวของเรา...ไม่ใช่เหรอ”
“เธอยังจำได้”
“ได้ซิ...เราจำได้ทุกอย่างนั้นแหละ ที่เกี่ยวกับนาย ทั้งสุขและทุกข์”
“เมียวดี ฉัน...เสียใจ ฉันรับปากตาจันว่าจะดูแลเธออย่างดี แต่กลับ...”
“ไม่มีอะไรอะไรต้องเสียใจ นายไม่ได้ทำอะไรผิด ชีวิตคนเกิดมามันจะมีแต่สุขได้ยังไง คนที่พูดแบบนั้นต้องโกหก แค่ไม่มีข้าวกินมื้อหนึ่งเราก็ทุกข์แล้ว เห็นมั้ย...เราแค่อยากบอกว่าเราจะจำเรื่องทุกอย่างได้เท่านั้น”
“เธอพูดแปลกๆ ตั้งแต่ตอนเย็นแล้ว เธอมีอะไรอยากบอกฉันหรือเปล่า”
“เปล่า...เราแค่อยากอวยพรให้นายมีความสุข ต่อไปนายก็จะแต่งงานแล้ว”
ทรงเผ่ารีบขัด
“ถึงฉันแต่งงานแล้วแต่เธอก็ต้องอยู่บ้านนี้ต่อไป ฉัน ฉันจะ...จะดูแลเธอ เหมือนเดิม”
เมียวดียิ้ม รู้ดีว่าไม่เหมือนเดิม
“ขอบใจนาย....พ่อนาย กับเมียพ่อนายคงมีความสุขมากเมื่อนายแต่งงาน อีกไม่นานก็คงมีลูกเล็ก ๆ เป็นครอบครัวที่มีความสุข เราอยากให้นายดูแลคุณหวานให้ดี อย่าทำให้เราผิดหวังนะ รับปากเราซิ”
ทรงเผ่าทำได้แค่พยักหน้าหน้า เมียวดีเอาดาวกลับคืนมา
“ดาวนี่ขอเราเก็บเอาไว้นะ”
สองคนมองหน้ากันรับรู้ความรักของอีกฝ่าย แต่ต้องตัดใจ เมียวดีฝืนความรู้สึก
“เราง่วงนอนแล้วล่ะ ไปนอนก่อนนะนาย”
เมียวดีรีบเดินออกไป ก่อนที่น้ำตาจะไหล ทรงเผ่ายืนมองเมียวดีเดินไป รู้สึกเศร้าเหมือนกัน
วันใหม่...เมียวดีแอบเดินมาลัดเลาะมาข้างตึก มองซ้ายมองขวาไม่เห็นใคร ก่อนจะเปิดประตูเล็กออกมา อัญชิสาจอดรออยู่ เมียวดีเดินมาชะเง้อมองไป อัญชิสาลดกระจกลง
“เมียวดีทางนี้ ขึ้นมาเร็ว”
เมียวดีรีบขึ้นมา
“เธอออกมาไม่มีใครเห็นใช่มั้ย”
“พอป้าวงศ์ไปตลาด เราออกประตูหลัง อย่างที่คุณหวานบอก”
“ขอบใจมากนะเมียวดี ฉันคิดไม่ออกจริงๆ ถ้าเธอไม่ยอมมาเป็นเพื่อนฉัน ฉันจะทำยังไงต่อ บอกตรงๆ ว่าฉันกลัวไปหมด กลัวคนจะรู้ แต่ฉันก็อยากเลิกจากยาบ้าๆนี้”
“ไม่มีใครรู้หรอก ไม่ต้องกลัว เราจะไปเป็นเพื่อนคุณหวานเองทุกครั้งที่หมอนัดก็ได้”
“ฟังแล้วฉันก็สบายใจ ฉันจะตั้งใจรักษาตัวให้หายเร็วที่สุดสมกับที่เธอให้โอกาสฉัน”
“จำไว้ คุณหวานกำลังจะแต่งงานกับนาย ความสุขกำลังรออยู่ คุณหวานต้องทำให้ได้นะ”
“จ๊ะ...เอาล่ะ เรารีบไปกันดีกว่านะ เดี๋ยวจะสาย”
อัญชิสาขับรถออกไป
วงศ์กลับจากตลาดเข้ามาในครัว เจอเชอรี่นั่งร้องไห้อยู่ทิชชู่เกลื่อน ฟ้าลั่นพยายามปลอบ
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ”
“คุณแม่บ้านขา แม่เชอรี่ค่ะ เมื่อกี้แม่โทรมาบอกว่า ไม่สบายมาก ฮือๆ ๆ”
“งั้นเหรอ เป็นอะไร”
“ปวดท้องค่ะ จู่ๆ ก็ปวดท้องมาสองวันแล้ว ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล รอให้หมอตรวจอยู่ โธ่...แม่จ๋า เชอรี่เป็นลูกที่ไม่เอาไหนจริงๆ แม่ป่วยเชอรี่ก็ไม่ได้โอกาสได้ไปดูใจ”
ฟ้าลั่นมองหน้าเชอรี่
“น้องเชอรี่ แม่น้องเชอรี่แค่ป่วย ยังไม่ได้ตายไม่ใช่เหรอ”
เชอรี่ฉุนกึก
“เชอรี่หมายถึงไปให้กำลังใจไง พี่ฟ้าเนี่ย”
“น้องเชอรี่ของพี่ฟ้า ช่างสมเป็นนางฟ้าจริงๆ ทั้งสวย จิตใจดี แล้วยังกตัญญูอีก”
“แน่นอน คุณแม่บ้านค่ะ เชอรี่ขอลาไปดูแม่จะได้มั้ยค่ะ”
“เอาซิ ฉันไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำนะ จะไปกี่วันล่ะ”
เชอรี่ชะงักไปนิด
“กี่วัน!...แค่วันนี้เท่านั้นเองค่ะ”
วงศ์แปลกใจ
“บ้านเธออยู่ หนองคายไม่ใช่เหรอ ไปกลับวันเดียวจะทันเหรอ”
เชอรี่อึกอัก
“อ๋อ... คือ เขาส่งตัวแม่มารักษาโรงพยาบาลที่กรุงเทพแล้ว แต่เชอรี่คงต้องแวะไปดูอยู่เรื่อย ๆ”
“อ๋อ...ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ไกล งั้นฝากกำลังใจไปให้แม่เธอด้วยนะ”
“ขอบคุณค่ะ คุณแม่บ้าน งั้นเชอรี่ไปนะคะ”
เชอรี่ลุกพรวดไปทันที ฟ้าลั่นรีบตาม
เชอรี่เข้ามาในห้องพักเลือกชุดแล้วชุดอีก อย่างเร่งรีบจนพอใจ แล้วเดินมาหน้ากระจกตั้งใจทาลิปสติกสีสด ฟ้าลั่นโผล่มาจากหน้าต่าง
“โอ้โห้ สวยขนาด”
เชอรี่สะดุ้งตกใจ
“ว๊าย...บอกกี่ทีแล้ว ว่าอย่าโผล่มาเงียบๆแบบนี้”
ฟ้าลั่นปีนเข้ามา
“นี่น้องเชอรี่ไปเยี่ยมแม่ หรือไปเดินแบบอย่างอีเมียวแต่งตัวสวยขนาดนี้”
เชอรี่ยิ้มหน้าบาน
“จริงเหรอ สวยจริงๆ ใช่มั้ย”
ฟ้าลั่นพยักหน้า
“แหม ความจริง ฉันก็แต่งธรรมดามากนะ สวยแบบนี้ทุกวันอยู่แล้ว โอ๊ย...ไม่คุยแล้ว ฉันไปล่ะ”
“ไปซิ พี่ฟ้าก็พร้อมแล้ว”
ฟ้าลั่นส่งแขนให้เชอรี่ควง เชอรี่ชะงัก
“พี่จะไปด้วยเหรอ ใครชวน ไม่ต้องไป อยู่ที่นี่แหละ”
“แต่ว่า...พี่ฟ้าเป็นลูกเขยเอ๊ย ว่าที่ลูกเขยนะ แม่ยายไม่สบายก็ต้องไปดูซิ”
เชอรี่จ้องหน้า
“ไม่มีแต่ ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น แม่เห็นหน้าพี่ฟ้าได้หัวใจวายกันพอดี ฉันยังไม่ได้บอกแม่เรื่องของเราเลย หรืออยากให้แม่ฉันตาย”
ฟ้าลั่นส่ายหน้า
“ดี”
เชอรี่สะบัดหน้า เดินออกไป ฟ้าลั่นยิ้มอย่างมีแผน
ที่โรงแรมจัดงานเดินแฟชั่น...ทรงเผ่าเดินมาตามทางเดินหน้าตรงไปห้องรักษาความปลอดภัย โดยมี รปภ. เดินตามมา
“ผมต้องการดูเทปวงจรปิดทั้งหมดของวันงาน”
“ไม่เห็นมีหนังสือแจ้งมา ทางผมคงให้ดูไม่ได้หรอก”
“ก็แค่ดูวงจรปิดเท่านั้น นี่เป็นเรื่องด่วนไม่มีเวลาทำจดหมายหรอก...หรือว่าคุณมีส่วนรู้เห็นกับคนร้าย”
รปภ.หน้าตื่น
“เฮ้ย...อย่าเล่นแบบนี้ซิเดี๋ยวผมก็ซวยหรอก แต่วันก่อนตำรวจก็มาขอดูแล้วนี่น่า จะมาขอดูอะไรอีก”
“เรื่องนี้มันสำคัญมากนะ แล้วผมก็มาสืบเรื่องนี้อย่างลับๆ มันก็ต้องดูซ้ำๆ เผื่อมีเห็นอะไรเพิ่มเติม”
“ผมยินดีให้ความร่วมมือกับตำรวจ แต่กฎต้องเป็นกฎ งั้นผมถามทางผู้ใหญ่ก่อนนะ”
รปภ. ควักวิทยุออกมา ทรงเผ่าอึ้งไปหน้าเสีย รปภ.ยกวิทยุขึ้นจ่อปากจะพูด ทรงเผ่าเหงื่อแตกแล้วแล้วก็ตัดสินใจเอามือจับไว้ประมาณว่าอย่าเพิ่ง
“ต้องการดู...ต้องการหลักฐานใช่มั้ย”
ทรงเผ่าตัดสินใจหยิบกระเป๋าตังค์ออกมา แล้วยกขึ้นโชว์บัตรอย่างรวดเร็วก่อนจะรีบเก็บจนรปภ.มองไม่ทัน
“พอมั้ย มีอะไรผมรับผิดชอบเอง”
รภป.เชื่อยอมเปิดห้องให้ทรงเผ่าเข้าไป
โปรดติดตามอ่านตอนต่อไป
อัญชิสาพาเมียวดีมาที่ตึกแถวโทรมๆ ทั้งสอง เดินมาหยุดที่หน้าประตู เมียวดีมองดูรอบๆ
“ที่เนี่ยเหรอดูไม่ค่อยเหมือนที่รักษาเลย เราคิดว่าจะไปโรงพยาบาลเสียอีก”
“ขืนไปโรงพยาบาลใหญ่ๆ ใครๆ ก็เห็นนะซิ แล้วฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
“เราไปรอที่รถดีกว่า”
เมียวดีหันหลัง อัญชิสาจับแขนไว้ทันที
“ไม่ได้!...ก็ไหนเธอสัญญาแล้วว่าจะมาเป็นเพื่อนฉัน”
เมียวดีพยักหน้า อัญชิสากดกริ่ง
เชอรี่เดินเข้ามาในสตูดิโอเล็กๆ ที่เกือบจะไม่เหมือนสตูดิโอเหมือนออฟฟิศ มีโต๊ะทำงานอยู่สองสามตัวและโซฟา
“มาเร็วดีจริง ก่อนเวลานัดเกือบครึ่งชั่วโมงเชียวนะ เป็นเด็กรักษาเวลาอย่างนี้ ดีมาก อยู่ในวงการ มีแต่ดังกับดัง”
เชอรี่ยิ้มหน้าบาน
“เชอรี่ก็กว่าอย่างนั้นแหละค่ะ โดยเฉพาะถ้าพี่แอ๊ด ได้ฟังเสียงของเชอรี่นี่จ๊ะ แผ่นเดโม เชอรี่ทำเองนะ”
เชอรี่ยื่นแผ่นดิสให้ แอ๊ดรับแล้วแทบไม่ดูด้วยซ้ำ
“ไม่ต้องฟังก็รู้ ว่าสะบึ้ม ขนาดไหน คือ พี่หมายถึงพลังเสียงนะ สายตาของพี่ไม่เคยพลาดอยู่แล้ว”
แอ๊ดกวักมือเรียกลูกน้อง
“เอาพาน้อง ไปแต่งหน้า ทำผมไป”
“อุ๊ย...นี่ต้องแต่งหน้าใหม่เหรอค่ะ แหมเชอรี่ไม่ทราบก็เลยมาหน้าโล้นมาเชียว”
เชอรี่พูดขัดแย้งกับตนเองเพราะความจริงแต่งมาเต็มที่ แอ๊ดยิ้มกริ่ม
“ไม่ต้องห่วง ผิวดีแบบนี้ถึงไม่แต่งก็ยังสวย”
แอ๊ดจับหน้าเชอรี่มาดู ฟ้าลั่นโผล่เข้ามาทันที
“เอามือสกปรกของแก ออกจากหน้าน้องเชอรี่เดี๋ยวนี้นะ”
เชอรี่หันไป เจอฟ้าลั่นยืนหล่ออย่างเข้ม
แอ๊ดหันไปบอกเชอรี่โดยมี ฟ้าลั่นรออยู่ด้านหลัง
“ให้เวลาแค่ห้านาทีเท่านั้นนะ แต่บอกไว้ก่อนว่าถ้ารักจะทำงานกับพี่ก็ต้องไม่ให้คนของน้องมาจุ้นแบบนี้ นี่ขนาดยังไม่ได้เป็นนักร้องเลยนะ ดังแล้วจะวุ่นขนาดไหน แบบนี้พี่แอ๊ดไม่ชอบ”
เชอรี่หน้าเสีย
“คือ เขาไม่ใช่คนของหนูนะคะ”
“งั้นก็เคลียร์ให้จบ”
เชอรี่เดินมาหาฟ้าลั่น
“น้องเชอรี่ ไหนว่าจะมาเยี่ยมแม่ ทำไมโกหกกันแบบนี้”
“มันเรื่องของฉัน พี่กลับไปได้แล้ว”
“น้องเชอรี่! ไล่พี่ฟ้าเหรอ พี่ฟ้าอุตสาห์ตามมาด้วยความเป็นห่วง”
“ถ้าห่วงฉัน และหวังดีกับฉันจริงๆ ก็รีบ ๆ กลับไปเสีย ไหนพี่ฟ้าบอกว่าจะสนับสนุนให้เชอรี่เป็นนักร้องไง นี่ มันเป็นโอกาสของเชอรี่นะ”
“น้องฟ้าเชื่อใจไอ้คนหน้าแบบนั้นได้ยังไง”
“พี่แอ๊ด อาสลวยเขาเป็นนักปั้นเพลงลูกทุ่งมือทอง ใครๆก็รู้จักทั้งนั้น”
“อาไหนพี่ฟ้าก็ไม่รู้จัก คนอะไร ชื่อไม่เหมาะกับหน้าแม้แต่นิดเดียว หน้าแบบนี้ มันต้องลุงแล้วไม่ใช่อา หรือไม่ก็ตา”
“ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้นะ”
“พี่ฟ้าพูดเรื่องจริง”
“ถ้าพูดไม่รู้เรื่องแบบนี้ก็กลับไปเลย ฉันไม่คุยกับพี่อีกแล้ว”
เชอรี่หันควับ เดินออกมา แอ๊ดเดินมาพาเชอรี่ไปมือจับที่สะโพกเชอรี่โชว์ แถมหันมายักคิ้วกวนใส่ ฟ้าลั่นทนไม่ไหว
“แบบนี้ มันไม่ใช่อาแล้วแต่เป็นเฒ่าหัวงู”
ฟ้าลั่นวิ่งเข้าไป กระชากแขนแอ๊ดออก จะเข้าไปต่อย แต่กลับโดนแอ๊ดต่อยสวนกลับมาหน้าหงายก่อนที่จะพยักหน้าให้ชายหนุ่มล่ำๆ สองคนเข้ามาซัดฟ้าลั่นต่อจนร่วง เชอรี่ตกใจ
“อ๊าย...พี่ฟ้าทำไมทำแบบนี้”
“หนู ถ้าผัวหวงก็กลับบ้านเถอะ”
เชอรี่ส่ายหน้า
“ไม่นะ...เราไม่เคยเป็นอะไรกัน อย่าว่าแต่ผัวเลย แม้แต่คนรักก็ไม่เคย”
ฟ้าลั่นถึงกับชะงัก
“น้องเชอรี่ พูดผิด พูดใหม่ได้นะ พี่ฟ้าพร้อมให้อภัยน้องฟ้าเสมอ”
เชอรี่ตัดสินใจ
“ไม่ผิด...เพราะฉันไม่เคยรักพี่เลย”
ฟ้าลั่นอึ้ง
“จริงๆเหรอ...น้องเชอรี่มองตาพี่ฟ้าแล้วพูดอีกทีได้มั้ย”
เชอรี่จ้องหน้าสบตาฟ้าลั่น
“พี่ผ่านมาฉันแค่หลอกใช้พี่ให้ทำโน่นทำนี้ให้เท่านั้น ฉันจะไปรักผู้ชายเชยๆ บ้านนอก อยู่ที่ในป่าในดอยได้ยังไง จะไปไหนก็ไป แล้วอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก”
เชอรี่พูดจบก็สะบัดหน้ากลับเดินออกไปพร้อมแอ๊ด ฟ้าลั่นเข่าอ่อนหัวใจสลาย น้ำตานอง มองเชอรี่เดินจากไปอย่างเจ็บปวด
ทรงเผ่า ฟอเวิร์สภาพไปมาหลายรอบ รปภ.ที่พาเข้ามาถึงกับหาวเพราะรอนาน
“ดูซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบแล้ว ก็ไม่เห็นเจออะไร พอหรือยังครับ คุณนักสืบ”
“กรุณาอย่ารบกวนการทำงานของเจ้าหน้าที่”
“ครับ”
“เปิดภาพเมื่อกี้ให้ผมดูอีกที”
ทรงเผ่าขยับตัวให้รปภ.เข้าไป แต่เจอเหมือนแผ่นดิสตกอยู่ที่เท้าใต้โต๊ะเลยก้มลงดูเห็นแผ่นดิส หยิบขึ้นมา
“นี่อะไร เปิดให้ดูหน่อย”
รปภ.กดปุ่มตัดเข้าภาพวงจรปิดภาพในงานขาวดำ ภาพแขกที่วิ่งกันวุ่ยวาย ตอนระเบิด หลายช็อต
“วันงานนี่! แผ่นนี้ยังไม่เคยดูมาก่อน สงสัยคงมีคนทำตกไปใต้โต๊ะ”
รปภ.รีบออกตัว
“นั้นซิ ไม่รู้ใคร ผมก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน”
ทรงเผ่ายิ้มรู้ว่าออกตัวไม่ว่าอะไร ในภาพอัญชิสาเอากระเป๋ามาหย่อนถังขยะทรงเผ่ารีบบอก
“เดี๋ยว หยุดก่อน”
ทรงเผ่าฟรีสภาพ ขยายเข้ามาใกล้เรื่อยๆ จนภาพใหญ่
“คุณหวานนี่...มีภาพหลังจากนี้มั้ย แล้วมุมอื่นล่ะ ลองเดินหน้าไปดูซิ”
ภาพพาสสปีด ก่อนจะเห็นว่าเมียวดีเดินตามออกมา ทรงเผ่าลุ้นมองเห็น เมียวดีวิ่งตามทันที ขณะนั้นก็มีชายหนึ่งเดินสวนกับอัญชิสาออกมา ชายคนหนึ่งตกใจ เมื่อเห็นเมียวดีที่มองจ้องเขม่งมา แต่พอเห็นหน้าคนที่สวนกันมากลายเป็นภาพสาวญี่ปุ่นน่ารักแทน ทรงเผ่าหน้าเหวอ
“เฮ้ย...ทำไมเป็นภาพนี้ละ ใครเอาไปก็อปปี้ทับเนี่ย”
รปภ.หน้าเสีย
“ขอโทษครับ”
รปภ.รีบปิด เหงื่อแตก ทรงเผ่านิ่งคิดไปครู่
“กระเป๋าที่คุณหวานเอาไปวางไว้ คืออะไร ทำไมถึงไม่เคยบอกเรื่องนี้กับเรา แล้วเมียวดีมาเกี่ยวอะไร”
ทรงเผ่านึกถึงตอนที่เขาถามเมียวดี หลังจากที่เธอฟื้นมา
“แปลว่าเธอยืนยัน ว่าเธอไม่ได้เจออั๋น”
“เราติดอยู่ที่บันไดหนีไฟ...แล้วเราก็ไม่รู้อะไรอีก”
“เธอไม่เห็นว่ากระเป๋านั้นมีอะไร”
เมียวดีส่ายหน้า
“แล้วก็ไม่เห็นว่าใครที่ทำให้เธอสลบ”
“ใช่” เมียวดียืนยัน
ทรงเผ่าครุ่นคิด
“แล้วมันมาเกี่ยวอะไรกับเจ้าอั๋น”
ชายหนุ่มรีบดีดตัวลุกขึ้น เดินออกไปทันที
“โง่จริง จะคิดทำไม ถามคุณหวานก็รู้เรื่องแล้ว”
รภป.งง
อ่านต่อหน้า 2 พรุ่งนี้
แก้วกลางดง ตอนที่ 21
เมียวดีโดนผลักจนร่างกระเด็นเข้ามาติดมุมห้องเก็บของ อัญชิสาเดินเข้ามา
“เราให้โอกาสกลับตัว แล้ว ทำไมถึงทำแบบนี้”
“ให้โอกาสหรือคิดจะทำลายฉันกันแน่ ถ้าฉันเชื่อแก แกก็ต้องใช้เรื่องนี้แบล็คเมล์ฉันไปตลอดชีวิต”
“เราไม่เคยคิดแบบนั้น”
“อย่ามาตอแหล...แกบังคับให้ฉันทำแบบนี้เองนะ จะโทษฉันไม่ได้ ทั้งหมดก็เพราะความสอดรู้สอดเห็นของของแกทั้งนั้น ฮึมีคนเขารอจัดการแกอยู่เยอะ เชียวล่ะนังเมียวดี”
ส่วยเดินเข้ามา เมียวดีจำได้ทันที
“แก...นั้นเอง ฉันจำแกได้”
“นังตัวแสบ ตายอยากตายเย็นจริงๆนะ”
ส่วยเอามีดสั้นออกมาเลียอย่างโรคจิต อัญชิสามองหยัน
“เมื่อรู้จักกันแล้ว ฉันก็คงไม่ต้องแนะนำให้เสียเวลา ฉันล่อมันมาให้แล้วหมดหน้าที่ของฉัน แกจะทำอะไรก็ตามสบายนะส่วยฉันยกให้แก”
อัญชิสารีบหลีกให้ส่วยเดินเข้ามา เมียวดีถีบเข้าที่ท้อง ก่อนจะเข้าต่อสู้กัน เมียวดีโดนซัดลงไปหมอบ ส่วยล็อคแขนเอาไว้ดึงผมเมียวดีให้เชิดคอขึ้นมา
“คอแกมันดูเหมาะรับกับมีดกูจริงๆ”
เมียวดีพยายามดิ้น อัญชิสาเบือนหน้าหนี ไม่ค่อยกล้าดู สาทิศเดินเข้ามา
“อย่าเพิ่ง...เจอกันอีกแล้วนะ หนูเมียวดี”
เมียวดีเห็นหน้าสาทิศ
“คิดแล้วเชียว ว่าแกต้องไม่ใช่คนดี”
สาทิศหัวเราะ
“คนดีต้องหน้าแบบไหนงั้นเหรอ หน้าโง่จนโดนถีบตกน้ำตาย อย่างไอ้หมวดนั้นใช่มั้ย”
เมียวดีรู้ทันที
“แก...แกฆ่าหมวดอั้น”
“หัวเร็วดีนี่ เฮ้อ...ฉันอุตส่าห์เอ็นดูให้เธอตายสบายๆก็ไม่เอา รอดมาก็ยังดันหาเรื่องอีกจนได้ รู้มั้ย ว่าฉันไม่ชอบผู้หญิงที่ทำตัวเสือกไปทั่ว”
สาทิศต่อยท้อง เมียวดีจุกตัวงอ ส่วยยอมปล่อยให้เมียวดีลงไปนอน สาทิศหันไปเรียก
“ไอ้ชัยมาหรือยัง”
ชัยเดินเข้ามา สาทิศหันไปบอก
“ฉันให้แกคิดกำไรขาดทุนกับนังนี่ก่อน วันที่โรงแรม มันเป็นคนทำแผนเราเสีย...ถือเป็นของปลอบใจเล็กๆน้อยๆ จากฉันก็แล้วกันนะ”
ชัยมองเมียวดีไปทั่วตัวหน้าตาหื่น สาทิศยิ้มเหี้ยม
“เสร็จแล้ว ก็จัดการฆ่าทิ้งได้เลย”
สาทิศเดินควงอัญชิสาออกไป อัญชิสาหันมาเย้ยหยัน
“ลาก่อนนะเมียวดี อโหสิให้ฉันด้วยก็แล้วกัน”
สองคนเดินออกมาได้นิด เสียงโทรศัทพ์อัญชิสาดังขึ้น เธอหยิบขึ้นมาดูตกใจบอกสาทิศ
“คุณเผ่า!”
ทรงเผ่าโทรศัพท์หาหวาน แต่เป็นเสียงไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก เขาร้อนใจ ตัดสินใจกดโทรศัพท์หาสารวัตรทันที
“สารวัตรครับ ผมว่าสารวัตรคงยังไม่ได้เห็นภาพวงจรปิดอันนี้ แน่นอน”
สารวัตร กับลูกน้อง 2 คนรีบตรงมาที่ ตึกแถวที่เมียวดีถูกจับตัวมา เพราะสารวัตรรู้ว่าชัยกบดานอยู่ที่ไหน ทรงเผ่าตามหลังมาด้วย วิ่งมาหยุดหน้าประตู สารวัตรเอาปืนจ่อ ที่ประตู พยักหน้าให้ตำรวจอีกคนเคาะประตู เงียบ!ไม่มีเสียงตอบ
“พังเข้าไปเลย!”
ประตูโดนถีบออก สารวัตร ตำรวจ ทรงเผ่า เข้ามา ปรากฏว่าไม่มีใครอยู่ในห้อง ตำรวจจึงถ่ายรูปเพื่อเป็นหลักฐาน สารวัตรคุยกับทรงเผ่าอีกมุม
“มันรู้ตัวเสียก่อนเลยไหวทันหนีไปได้เสียก่อน เสียดายจริงๆ”
“ผมตัดสินใจถูกใช่มั้ยครับ ที่ให้สารวัตรดูวงจรปิดอันนั้น”
“ไอ้ชัย มันมีชื่ออยู่ในแฟ้มคดียาเสพติดของเราอยู่แล้ว มันเข้าๆออกๆ คุกอยู่หลายครั้ง ผมก็ให้สายจับตาดูมันอยู่แล้ว พอคุณเผ่าให้ดูภาพวงจรปิด เห็นหน้าผู้ชายคนนั้น เราถึงตามมันมาได้ทันที”
“แสดงว่า ต้องมีการส่งยาในงานวันนั้นแน่นอน แต่...ทั้งคุณหวาน กับเมียวดี...มาเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ยังไง”
“ใจเย็นๆ ครับ เราอยากให้คุณเผ่าเก็บเรื่องนี้ไว้ก่อน อย่าเพิ่งกระโตกกระตาก เราต้องค่อยๆ สืบ ไม่แน่ เราอาจสาวไปถึงหัวหน้าใหญ่พวกมัน”
ทรงเผ่าหนักใจ ขณะเดียวกันทางด้านชัยสามารถพาเมียวดีหลบไปได้อย่างหวุดหวิด และจำต้องเปลี่ยนแผนใหม่!
ในสตูดิโอเป็นห้องเล็ก ๆ มีแค่กล้องตั้งตัวหนึ่งขึงผ้าเอาไว้เป็นฉากหลัง เชอรี่เดินเข้ามาใส่เสื้อโค๊ทแบบเขินๆ เกร็งๆ มีตากล้องตั้งกล้องไว้ แอ๊ดหันไปสั่งเชอรี่
“แต่งตัว แต่งหน้าเรียบร้อยแล้ว เอาล่ะ นั่งลงบนโซฟานั้นแหละ ทำตัวสบายๆนะ ไม่ต้องเกร็งจ๊ะ”
แอ็ดเข้ามาจับเชอรี่
“แล้วไหนไมค์ละ หรือว่าจะให้ร้องสดๆ”
“ยังไม่ต้องร้อง ขอเทสหน้ากล้องก่อน มันต้องดูนิดหน่อย ว่ามุมไหนสวย ผิวพรรณเป็นไง เป็นนักร้องเดียวนี้สำคัญนะ ถอดเสื้อคลุมออกมาซิ จะใส่มาทำไมเนี่ย”
แอ๊ดทำท่า จะปลดเสื้อโค๊ท เชอรี่จับไว้
“แต่ว่า ชุดมันสั้นมาก แถมรัดไปทั้งตัว แค่หายใจหนูยังกลัวปริเลย”
“ถ้าไม่เห็นหุ่น แล้วพี่จะไปขายได้ยังไง นักน้องสมัยนี้ต้องหุ่นดีด้วย แล้วเวลาไปร้องเต้น บนเวทีมันน่าดู หรือว่าหนูไม่อยากเป็นนักร้องก็ตามใจนะ มีเด็กอีกหลายคนเขารอพี่อยู่”
“อยากจ๊ะอยาก”
เชอรี่เจอมุกนี้ ค่อยยอมถอด ตากล้องกับแอ๊ดยิ้มมีเลศนัย
“ก้มลงมาอีก แอ่นมาเยอะๆ”
แอ๊ดเริ่มเข้ามานัวเนีย เชอรี่ชักไม่ชอบ
“พี่แอ๊ด แบบนี้หนูไม่ชอบนะ อย่า”
“อ้าว...ถ้าไม่ลองแล้วจะรู้ได้ไง ว่าเด็ด เดี๋ยวถึงมือแขกพี่ตอบไม่ถูก”
“แขกอะไร หนูมาสมัครเป็นนักร้องนะ แบบนี้ หนูไม่เอาแล้ว”
เชอรี่ปัดจะลุกขึ้น แอ๊ดยังตามมานัวเนีย เชอรี่ผลักแล้วก็ตบ
“ปล่อยนะ ฉันขายเสียงไม่ขายตัวโว้ย”
แอ๊ดตบกลับ
“เสียงเป็นเป็ดเทศออกลูก อยากเป็นนักร้องรอชาติหน้าเถอะมึง ตอนนี้ต้องเป็นเมียกูก่อน เหอะ อยากเป็นดาว แล้วเดี๋ยวกูจะเอามึงไปขายซ่อง ได้เป็นดาวในซ่องสมใจแน่”
“ไอ้กากมนุษย์ ไอ้หน้าตัวเมีย แม่เอ็งไม่เป็นผู้หญิงหรือไง ถึงทำกับเพศแม่เอ็งยังนี้”
แอ๊ดโมโหตบเชอรี่ไปสองสามที ตากล้องเข้ามาจับไว้
“เดี๋ยวช้ำหมด ไม่ได้ราคานะพี่”
แอ๊ดเลยหยุด ขณะเดียวกันนั้น ลูกน้องคนหนึ่งโผล่เข้ามา
“เสร็จยังพี่ รถมารอข้างล่างแล้ว”
“โว้ย...เร่งอยู่นั้น หมดอารมณ์แล้วแม่ง ด่าถึงแม่กู เอาอีบ้านี้มันไปเลย”
ลูกน้องกับตากล้องมาดึงตัว เชอรี่ร้องโวยวายดิ้นรน
“ฉันไม่ไป พี่ฟ้า ช่วยฉันด้วย...ฮือ ๆ ปล่อยนะ”
เย็นนั้น...บัวคลี่กับทนงนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น
“ทำไมวันนี้ บ้านช่องมันเงียบเชียบแบบนี้ก็ไม่รู้นะคะ คุณเผ่า หนูหวาน คุณรำพา ออกไปข้างนอกกันหมด เมียวดี กับฟ้าลั่นก็ไม่ได้ยินเสียง”
“เหงาเหรอคุณ แหมผมอยู่ตรงนี้ทั้งคน มาบ่นเหงากันได้ไง แบบนี้มันต้องจัดกันหน่อยแล้ว”
ทนงเข้าไปดึงไปบัวคลี่
“จะไปไหนค่ะ คุณพี่”
“ถอนหงอกให้ผม ช่วยแก้เหงาดีนะ ทำให้เกิดสมาธิด้วย”
บัวคลี่ตีเพียะไม่จริงจัง
“คุณพี่ก็ พูดเป็นเล่นเสียเรื่อย นี่ดิฉันพูดจริงๆนะคะ จิตใจมันไม่ค่อยดี บอกไม่ถูกเหมือนกัน ตั้งแต่วันงานที่เกิดเรื่องจนถึงวันนี้”
“คุณนะยังเสียใจเรื่องวันงานการกุศลอยู่ใช่มั้ย”
“ดิฉันเสียดาย งานกุศลแท้ ยังไม่ทันเริ่มก็ล่มเสียแล้ว”
“เรื่องบางอย่างมันก็อยู่เหนือการควบคุมของเรานะ แค่คุณปารถนาดีถึงงานจะยังไม่เริ่มเลย แต่จิตก็เป็นกุศลแล้วนะ”
“จริงซิค่ะ” บัวคลี่คิดได้ “เดี๋ยวพอมีงานมงคลคุณเผ่าเร็วๆ นี้คงดีขึ้น”
“พูดถึงเรื่องนี้ แล้วคุณรู้สึกมั้ย ว่าคุณรำพาเหมือนจะเร่งรัดยังไงชอบกลอยู่ ตั้งแต่เชิญ ไอ้เรื่องย้ายมาอยู่บ้านเราเหมือนกัน มัน...มันไม่เหมาะเลยนะ แต่ก็ไม่อยากพูดมากกลัวฝ่ายหญิงเขาจะหาว่าเรารังเกียจ”
“ก็สองคนเขารักกัน อาจจะดูไม่งามบ้างก็ช่างเถอะ”
“งั้นเหรอ บอกตรงๆ บางทีผมก็ชักไม่แน่ใจเหมือนกันนะ คุณก็ไม่ได้ตาบอดไม่ใช่เหรอ เห็นอยู่ว่าเจ้าเผ่ามันห่วงใคร”
“คุณพี่ ! อย่าพูดเรื่องเป็นไปไม่ได้เลย เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว...” บัวคลี่ตัดบท “ดิฉันขอไปดูแม่วงศ์ในครัวหน่อยนะคะ”
บัวคลี่ลุกขึ้นปรากฏว่าวงศ์วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
“คุณค่ะ รีบไปดูฟ้าลั่นหน่อยเถอะคะ แย่แล้ว”
ทนง บัวคลี่ วงศ์วิ่งมาดู ฟ้าลั่นที่อยู่บนต้นไม้ มีเชือกผูกคอตั้งท่าจะกระโดดลงมา ทนงรีบห้าม
“เฮ้ย! เจ้าฟ้าลั่น นั้น จะทำอะไร มีอะไรก็ลงมาคุยกันก่อน”
“ไม่มีอะไรต้องคุยแล้วพ่อนาย ฟ้าลั่นเจ็บปวดเหลือเกิน สาวกรุงจะมารักคนบ้านป่าบ้านดอย ที่ถึงแม้จะดูดี และฉลาดอย่างฟ้าลั่น มันก็เป็นไปไม่ได้ ฟ้าลั่นมันซื่อเองที่หลงคิดว่ารักแท้จะเอาชนะทุกสิ่งที่มันไม่ใช่”
บัวคลี่เข้าใจแล้ว
“หมายความว่าไง นี่แปลกว่าเธออกหักเหรอ อ๋อ...เชอรี่ใช่มั้ยที่หักอกเธอ”
“อย่าพูดชื่อนี้ เมียพ่อนาย มันเจ็บๆ เจ็บเข้าไปถึงหัวใจ จนฟ้าลั่นไม่อยากอยู่เป็นผู้เป็นคนอีกต่อไป
ตั้งท่าจะโดด”
ทั้งหมดตกใจร้องลั่น
“เฮ้ย...อย่า ๆ”
วงศ์พยายามกล่อม
“ฟ้าลั่น ผู้หญิงไม่ได้มีคนเดียว เชอรี่มันไม่รักเธอก็หาใหม่ซิ แต่ชีวิตนะมีชีวิตเดียวนะ พลาดไปแล้วเอาคืนไม่ได้ ตายแล้วตายเลย มีอะไรก็ลงมาพูดกันข้างล่างดีกว่า”
บัวคลี่กับทนงรีบเสริม
“ใช่ๆ”
“อย่าพูดปลอบใจเลยคุณแม่บ้าน ฟ้าลั่นคนนี้รักใครรักจริง หัวใจของฟ้าลั่นมีไว้เพื่อเธอ เมื่อเธอไม่เคยเห็นคุณค่า เอาความรักของเราย้ำยี มันก็จะมีชีวิตไปทำไม พ่อนาย ฝากบอกนายกับอีเมียวด้วย ฟ้าลั่นลาก่อน”
ฟ้าลั่นกระโดดลงมาทันทีบัวคลี่ปิดตาทนดูไม่ได้
“ว๊าย”
วงศ์กับทนงตะโกนสุดเสียง
“อย่า!”
ปรากฏว่าเชือกลงมาถึงข้างล่าง เท้าฟ้าลั่นแตะดินพอดี ทั้งหมดเลยมองหน้ากัน ฟ้าลั่นรีบออกตัวเขินๆ
“คำนวนพลาดไปหน่อย เชือกมันยาวไปนิดเนอะนะ เดี๋ยวคงต้องผูกให้สั้นหน่อย เกิดมาสูงไปหน่อย ตีนเลยถึงพื้น”
วงศ์เข้าห้าม
“เอาล่ะๆ ไหนๆ ก็รอดแล้วพอเถอะ อย่าทำแบบนี้อีก”
บัวคลี่โล่งใจ
“นั้นซิ ทำเอาใจหายใจคว่ำหมดเลย”
ทนงมองหน้าฟ้าลั่น
“ฟ้าลั่น...ขอพูดสักอย่างนะ ในฐานะที่เราเป็นผู้ชายเหมือนกัน เกิดเป็นลูกผู้ชาย มาฆ่าตัวตายเพราะผู้หญิง บอกตรงๆ มันไม่เข้าท่าเลยว่ะ เสียแรงที่เอ็งเป็นลูกป่า ฉันคงพูดได้แค่นี้แหละ”
ฟ้าลั่นฟังอย่างสลดโดนใจจี๊ด ก่อนจะร้องไห้โฮออกมา กอดขาทนงไว้
“ฮือ ๆ”
ค่ำนั้น ทรงเผ่ารีบเดินเข้ามา ทนง บัวคลี่ วงศ์ รออยู่
“ตกลง เกิดอะไรขึ้นหรือครับ ฟ้าลั่นว่ายังไง”
“ไม่ยอมเล่าอะไร รู้แต่อกหักเชอรี่ ก็เท่านั้นค่ะ”
ทรงเผ่าได้แต่ถอนหายใจ
“แล้วตอนนี้อยู่ไหนครับ เดี๋ยวผมจะไปคุยเอง”
“ไปแล้วค่ะ” บัวคลี่บอก
เย็นนั้น ก่อนที่ทรงเผ่าจะมา ฟ้าลั่นก้มลงกราบทนง กับบัวคลี่ และวงศ์ ก่อนจะสะพายย่าม หักใจเดินออกจากบ้านไป
“พ่อนายพูดถูกไอ้ฟ้าลั่นมันเป็นลูกป่า มันก็ควรกลับไปอยู่กับป่าที่เหมาะกับมัน ไม่ใช่ป่าเมืองแบบนี้ ชาตินี้ถ้ามีโอกาส ฟ้าลั่นจะมาตอบแทนนาย พ่อนาย กับบ้านนี้แน่นอน แต่ตอนนี้ หัวใจของฟ้าลั่นมันเจ็บจนเกินทนไหวแล้ว”
ทรงเผ่าอึ้งไป
“เชอรี่ล่ะครับ ว่ายังไง”
วงศ์ส่ายหน้า
“ไม่อยู่ตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ มาขอลาไปดูแม่ที่โรงพยาบาล แต่ดิฉันคิดว่าคงไม่ใช่มากกว่า ถึงตอนนี้ก็ยังไม่กลับมาเลย”
ทนงถอนหายใจ
“ถ้ามันเป็นคู่กัน ก็คงได้คู่กันนั้นแหละ ต่อให้มีอุปสรรคแค่ไหนก็ตามเอาล่ะ งั้นเข้าบ้านเถอะ พ่อหิวแล้ว แกกินอะไรมาหรือยัง”
“ยังครับ แต่ผมมีอีกเรื่องที่ต้องรีบจัดการ เมียวดีอยู่ไหนครับ ผมมีเรื่องสำคัญอยากถามเขา”
บัวคลี่แปลกใจ
“เรื่องอะไรหรือค่ะ คุณเผ่าหน้าตาซีเรียสจัง”
“วันนี้ผมเพิ่งได้หลักฐานสำคัญอีกอย่างมา เมียวดีน่าจะให้คำตอบได้ เราคงเข้าใกล้ความจริงมากขึ้นเรื่องของอั๋น”
ทนงมองลูกชายอย่างเป็นห่วง
“นี่เราเข้าไปยุ่งเรื่องนี้ด้วยเหรอ ระวังตัวนะ”
บัวคลี่ไม่สบายใจ
“นั่นซิค่ะ ปล่อยให้ทางตำรวจจัดการดีกว่ามั้ยค่ะ”
ทันใดนั้น อัญชิสาเข้ามาพอดี
“ใครจัดการเรื่องอะไรคะ แหม อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันดีจัง รอหวานหรือเปล่าคะ”
อัญชิสาเดินเข้ามาหน้าใสซื่อ ยิ้มหวาน ทุกคนหันไปมอง โดยเฉพาะทรงเผ่า
บัวคลี่เปิดห้องเมียวดีเข้ามา ทั้งหมดตามมา
“อ้าวไม่อยู่หรอกเหรอ”
อัญชิสารีบพูดขึ้นทันที
“นี่ก็ค่ำแล้วนะคะ ไม่รู้ออกไปไหนนะคะ เผลอๆอาจจะกลับไปพร้อมกับฟ้าลั่นก็ได้นะคะ สองคนสนิทกันขนาดนั้น ถ้าฟ้าลั่นไม่อยู่แล้วเมียวดีจะอยู่ได้ยังไง”
บัวคลี่แปลกใจ
“แต่ตอนฟ้าลั่นไป น้าก็เห็นนะคะว่าไปคนเดียว”
“จะไปรู้เหรอคะ เค้าอาจจะนัดเจอกันทีหลังก็ได้ ไม่งั้นป่านนี้เมียวดีจะไปไหนอีก เฮ้ย...เหลวไหลอีกตามเคยเมียวดีเนี่ย”
วงศ์ที่ฟังอยู่จึงขัดขึ้น
“ตอนดิฉันไปตลาดเมื่อเช้า เห็นคุณเหมียว นั่งรถไปกับคุณหวานไม่ใช่เหรอคะ คุณหวานน่าจะรู้ดีกว่าใคร”
วงส์นึกถึงเมื่อเช้าตอนที่ไปจ่ายตลาดกลับมา วงศ์หยุดเดินด้วยความหนักของของในตระกร้า เหลือบเห็นเมียวดีอยู่ที่ถนน
“คุณเหมียวนี่ มาทำอะไรแถวนี้ คุณ...”
วงศ์ตั้งท่าจะเรียกพอดีอัญชิสาลดกระจกลงมา วงศ์ชะงัก
“เมียวดีทางนี้ ขึ้นมาเร็ว”
เมียวดีรีบขึ้นรถ อัญชิสาออกรถไป วงศ์แปลกใจ
เมื่อได้ยินอย่างนั้น อัญชิสาหวานถึงกับอึกอัก บัวคลี่ ทนง ทรงเผ่ามองอัญชิสา
“แม่วงศ์คงตาฝาดแล้วนะ ฉันจะพาเมียวดีไปไหนได้ยังไง ถ้าทำจริง ฉันก็ต้องขออนุญาตคุณน้าก่อนซิจะทำลับๆ ล่อ ๆ แบบนั้นทำไม”
วงศ์ยืนยันเสียงแข็ง
“ดิฉันก็พูดตามที่เห็นคะ”
ทนงมองหน้า อัญชิสา
“แม่วงศ์จะโกหกไปเพื่ออะไรละหนูหวาน”
“ฉันไม่รู้หรอกนะ ว่าทำไม แม่วงศ์ถึงได้ใส่ความฉันแบบนี้ แต่ ฉันขอยืนยัน ว่าฉันไม่ได้รับเมียวดีไปไหน คุณเผ่าเชื่อหวานใช่มั้ยค่ะ”
อัญชิสาหันไปหาทรงเผ่า ทรงเผ่ามองหน้าอัญชิสาไปอึดใจ
“แล้วมันเป็นความจริงหรือเปล่าล่ะครับ”
อัญชิสาอึ้ง
“นี่คุณเผ่ากำลังจะจับผิดหวานอีกคนใช่มั้ยค่ะ ถึงถามหวานแบบนี้...”
“ถ้าทั้งสองคนยังยืนยันในสิ่งที่ตัวเองพูด มันต้องมีคนใดคนหนึ่งโกหก”
“ได้...งั้นหวานจะเป็นคนพิสูจน์ให้เห็นเอง”
อัญชิสามองหน้าทุกคนก่อน หยิบธูปขึ้นมาจุด
“จะให้ดิฉันสาบานงั้นหรือคะ ได้ค่ะ”
วงศ์เอื้อมือไปรับธูป แต่อัญชิสาไม่ส่งให้
“ทุกคนที่นี้พร้อมจะเชื่อแม่วงศ์อยู่แล้ว แต่คนที่จะต้องพิสูจน์คือฉันต่างหาก”
อัญชิสายกธูปขึ้นไหว้
“ขอคุณพระคุณเจ้าเป็นพยานด้วยเถิด”
หญิงสาวแอบมองหน้าวงศ์ที่อึ้งเหมือนกัน คิดไม่ถึงว่าอัญชิสาจะทำขนาดนี้
“ถ้าหวานพูดปดมดเท็จเรื่องเมียวดี ขอให้หวานมีอันเป็นไปในสามวันเจ็ดวันด้วยเถอะ”
อัญชิสาสบตาทรงเผ่าน้ำตาเริ่มคลอ เอาธูปปัก บัวคลี่ไม่สบายใจ
“หนูหวานไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้”
“หวานทำเพื่อความสบายใจของตัวหวานเองต่างหากค่ะ คราวนี้คุณเผ่าคงสบายใจได้แล้วนะคะ เมียวดีกลับมาเมื่อไหร่ คุณเผ่าก็ถามแกเองอีกทีแล้วกัน...หวานขอตัวนะคะ”
อัญชิสาบีบน้ำตา วิ่งออกไปอย่างน้อยใจ บัวคลี่ตกใจ
“หนูหวาน เดี๋ยวจ๊ะ คุณเผ่ารีบตามไปขอโทษซิค่ะ ไปซิ”
ทรงเผ่าจำใจออกไป ทนงหันมามองวงศ์
“อ้าวว่าไงล่ะเรา ต้นเรื่อง สงสัยคงต้องตัดแว่นเสียทีละมั่ง”
วงศ์ได้แต่ถอนหายใจ
“ดิฉันอาจจะแก่ แต่ขอยืนยันได้ว่าสายตาดิฉันยังปกติดีอยู่ เหมือนเดิมทุกอย่าง”
ทนงกับบัวคลี่งงไม่รู้จะเอายังไง
อัญชิสาเดินออกมาอย่างหงุดหงิด ทรงเผ่าตามมา
“ผมขอโทษ ผมไม่ควรสงสัยหวานแบบนั้น”
อัญชิสารีบปรับสีหน้าน้ำตาคลอเหมือนเดิม ก่อนจะหันกลับไปเผชิญหน้ากับทรงเผ่า
“ตกลงคุณยังอยากแต่งงานกับหวานอยู่หรือเปล่าคะ”
“ทำไมถามแบบนั้น”
“วันนี้หวานแวะไปดูแบบการ์ดแต่งงานมา” หญิงสาวหยิบการ์ดออกมาจากกระเป๋า “หวานตั้งใจเลือกมันมาก ใครโทรมาหวานก็ไม่ยอมรับเพราะอยากมีสมาธิกับมันที่สุด คิดว่าจะเอามาให้คุณดู...”
“เรื่องนี้เองเหรอ คุณถึงไม่ยอมรับโทรศัพท์ผม”
อัญชิสาพยักหน้าเล่นบทโศกเต็มที่
“ถ้าหวานรับ หวานจะต้องทนไม่ไหวหลุดปากบอกคุณแน่ๆ แต่หวานอยากให้คุณเซอร์ไพร์สกับสิ่งที่หวานเลือก ช่างเถอะค่ะ ตอนนี้มันคงไม่จำเป็นแล้ว”
หวานทำท่าจะปาการ์ดทิ้ง ทรงเผ่าดึงมือไว้
“ผมขอโทษ ขอโทษจริงๆ เรากำลังจะแต่งงานกัน ผมควรจะเชื่อใจคุณให้มากกว่านี้”
ทรงเผ่าดึงร่างของเธอมากอด อัญชิสาแอบยิ้มที่แผนหลอกทรงเผ่าสำเร็จ
อ่านต่อตอนที่ 22 พรุ่งนี้
แก้วกลางดง ตอนที่ 22
วันต่อมาอัญชิสา กำลังนอนเคลิ้มด้วยฤทธิ์ยาอย่างสบายใจโดยมีอุปกรณ์ใช้เสพวางอยู่ ขณะเดียวกันนั้น เสียงเคาะประตูดังขึ้น เธอรีบเก็บพวกอุปกรณ์เข้าลิ้นชัก
“เข้ามาได้”
“คุณหวานเรียกดิฉันหรือคะ”
“ใช่...ฉันหาต่างหูไม่เจอ ช่วยหาให้หน่อย”
วงศ์อึ้งไปนิด แต่ก็กัดฟันตอบ
“ลักษณะเป็นยังไงคะ”
“ก็เป็นห่วงๆ ทองๆ นั้นแหละ ไม่รู้หล่นไปไหนข้างหนึ่ง”
วงศ์ ก้มหาให้ อัญชิสายังนั่งสบายใจ
“ตรงแถวหน้ากระจกลองไปดูซิ”
วงศ์รับคำอย่างจำใจ
“ค่ะ”
วงศ์เดินมา แถวโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วก็เหยียบเอาน้ำมันที่อัญชิสาเทไว้เต็มๆ
“ตาเถรหก !โอ๊ย...อู๊ย”
วงศ์ลงไปวัดพื้น เจ็บสะโพก อัญชิสาเงยหน้ามาดูนิดนึงยิ้มแย้ม
“อุ๊ย...ท่าตลกจัง ฮะๆๆ สงสัยฉันจะทำน้ำมันนวดตัวหกแถวนั้นพอดี แต่แหมมันหกจนหมดขวดเลยนะฮะๆๆ”
วงศ์รู้ทันทีว่าอัญชิสาจงใจแกล้ง
“คุณจงใจแกล้งทำหก”
“ก็เหมือนกับที่ป้าช่างฟ้องนั้นแหละ โกหกตอแหลใส่ความฉันหน้าด้านๆ ทั้ง ๆที่ฉันไม่ได้ทำ น่าจะสังวรนะ ว่าต่อไปใครจะมาเป็นนายหญิงที่นี่...เดี๋ยวก็ได้ตกงานตอนแก่หรอก”
อัญชิสา ลุกจากเตียง คว้ากระเป๋า เดินข้ามวงศ์ไป
“อุ๊ย...นี่ไง ต่างหูมันติดนิ้วอยู่นี่เอง”
วงศ์ได้แต่ส่ายหน้า คิดไม่ถึงว่าอัญชิสาจะเป็นแบบนี้
เมียวดีถูกจับมาขังที่บ้านในนากุ้ง อัญชิสาเดินเข้ามา ท่าทางยังเมายาอยู่ เมียวดีโดนมัดมือนอนสลบอยู่ อัญชิสา เอาน้ำราดหน้าจนเมียวดีค่อยๆ รู้สึกตัว
“หึๆไงจ๊ะ เมียวดี”
“คุณหวาน พาเรามาที่นี่ทำไม”
“ชาวป่าชาวเขาอย่างแกนะ ชาตินี้คงไม่เคยเห็นทะเล ฉันเลยพาแกมาตายใกล้ทะเล แกจะได้ตายตาหลับ ไง ฉันใจดีมั้ย”
“นายเคยพาเรามาแล้ว ถ้าใจดีจริงปล่อยเราดีกว่า”
อัญชิสา ปรี๊ดแตกทันที
“อีเมียวดี แกกล้าขนาดนี้เชียวเหรอ ฉันรู้ว่าแกจ้องคุณเผ่า ตาเป็นมันอยู่ แต่ไม่คิดจะมีมารยาหลอกล่อทำถึงขนาดนี้”
“เรากับนายไม่มีอะไรอย่างที่คุณหวานคิด”
อัญชิสา ลากเมียวดีมาเห็นถังน้ำวางอยู่ เธอจับหน้าเมียวดีกดน้ำ
“นังตอแหล”
เมียวดีพยายามดิ้น แล้วที่สุดเธอก็อาศัยกำลังที่แข็งแรงกว่า ดันขึ้นมาได้ เอาหัวชนอัญชิสา กระเด็นล้มลงไปโดนตะกร้ากระบุงที่วางอยู่ในห้อง
“อ๊าย โอ๊ย”
เมียวดีหันหลัง เอามือเปิดประตูจนได้แล้วรีบวิ่งออกไปเอาปากแก้เชือกไปพรางจนสำเร็จ ขณะที่กำลังจะก้าวต่อเธอเห็นลูกน้องที่ยืนเฝ้าอยู่จึงรีบหลบมุม แล้วหยิบเศษหินมาโยนซัดไปอีกทาง ลูกน้องได้ยินเสียงหันไปมอง แล้วก็เลยตัดสินใจเดินไปดู เมียวดีรอจังหวะพอมันเดินไป เธอก็วิ่งไปหลบที่เรือแล้วสายตาของเธอก็มองเห็นมีดพร้าอันเล็กวางอยู่ เมียวดีมองไปที่หลังลูกน้องคนนั้นที่กำลังชะเง้อมอง เธอก้มลงไปหยิบมีดเตรียมจะซัด แต่ทันใดนั้นมีปืนมาจ่อหลัง
“เอาวางลง!”
เมียวดีชะงักแต่ยังกระชับมีดไม่ยอมวาง ส่วยเป็นคนจ่อปืนตะคอกเสียงแข็ง
“ถ้ามึงคิดว่าจะซัดมีดได้เร็วกว่าลูกปืนกูก็เอาซิ”
เมียวดียอมปล่อยมีด
เมียวดีโดนผลักตัวกลับเข้ามา ส่วยตามมาพร้อมลูกน้องถือมีดคุมเชิง อัญชิสาเข้ากระชากเมียวดีมา
“แกกล้าทำฉันเหรอ นังตัวดี นี่”
อัญชิสาตบไม่เลี้ยงไปสองสามที เมียวดีไม่ร้อง แต่มองอย่างเอาเรื่อง
“แกมองหน้าฉัน แกด่าฉันในใจใช่มั้ย นังเด็กเถื่อน”
“คนเมืองที่เรียกตัวเอง ว่าคนที่เจริญแล้ว กลับทำคนที่ไม่มีทางสู้อย่างน้อยในป่าเราไม่ทำร้ายคนมือเปล่า”
“แต่กฎของที่นี่ ใครโง่ ก็ต้องโดนเหยียบซ้ำ”
อัญชิสามองส่วย กับลูกน้อง
“จับมัน”
ส่วยเฉย
“ฉันบอกให้จับมัน!”
“คุณจะทำอะไร นายบอกให้เก็บมันไว้ก่อน”
“ไม่ต้องยุ่ง ฉันเป็นเมียนายแกนะ”
ส่วยพยักหน้ากับลูกน้อง ลูกน้องเข้าไปจับ ตัวเองรีบออกไปเพื่อไปบอกสาทิศ ลูกน้องเข้ามาจับเมียวไว้ อัญชิสาเดินเข้ามา
“แกคิดว่าแกเก่งนักเหรอนังเมียวดี แกคงไม่รู้ซินะ ว่าผู้หญิงอย่างฉันสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่แกคิด”
อัญชิสา ดึงมีดสั้นที่เหน็บอยู่ที่เอวลูกน้องมา
“ดูซิถ้าแกหน้าตาหน้าเกลียด คุณเผ่าจะยังสนใจแกอีกมั้ย”
อัญชิสา จะเอามีดมากรีดหน้า เมียวดี ดิ้นหนี ถ่มน้ำลายใส่หน้า
“อ๊าย” อัญชิสายิ่งโมโหหันไปสั่งลูกน้อง “จับมันไว้แน่นๆ ซิ”
ส่วยเข้ามาพร้อมสาทิศ
“หยุดนะ”
สาทิศเข้ามาจับมือ อัญชิสา ไว้ดึงมือเอามีดออก
สาทิศผลักอัญชิสา มาอีกห้องหนึ่งของบ้าน
“ทำบ้าอะไร ถ้ามันเสียโฉมมา ฉันจะเอาเธอไปขายแทน”
อัญชิสา ชะงัก
“เอาไปขาย หมายความว่าไง ไม่ฆ่ามันแล้วเหรอ”
“ฆ่ามันก็แค่นั้น โยนให้กุ้งกินน้ำก็เน่า เอาไปขาย ได้กำไรกว่าเยอะ”
“อ๊าย”
อัญชิสา กระโดดข่วนหน้าสาทิศ
“อยากนอนกับมันใช่มั้ย ใครๆก็อยากได้มันเหมือนคุณเผ่า ฮือๆๆ อีเด็กบ้า ฉันสู้มันไม่ได้ตรงไหน ฮือๆๆๆ บอกมาซิ อีเด็กชาวป่ามันมีอะไรดีกว่าฉัน ฮือๆๆ”
อัญชิสาสติแตกร้องไห้ คลุ้มคลั่ง ฟูมฟาย ด้วยฤทธิ์ยาที่หลอน เข้าไปทุบสาทิศ
สาทิศจับไว้ แล้วตบกระเด็น ลงไปร้องไห้กระซิกๆ สาทิศหยิบยาถุงเล็กๆ มาจากระเป๋าเสื้อ แล้วโยนให้ที่พื้น
“เอ๊าเอาไป”
อัญชิสาเห็น กระโดดเข้าไปหาอย่างดีใจ ก่อนจะหันไปค้นหาอุปกรณ์ การเสพ สาทิศส่ายหน้า
“อีบ้า...อยากยาจนเพี้ยน”
ส่วยเข้ามา
“นายครับ เด็กใหม่มาส่งแล้วครับ”
“เออ...ก็เอานังเด็กนั้นรวมไปด้วย ขังมันไว้รวมๆ กันนั้นแหละแต่ดูให้ดี อย่าให้เสือกหลุดมาได้อีก”
“ครับนาย”
ส่วยออกไป สาทิศหันกลับมาดูอัญชิสาที่เสพยานั่งเคลิ้มอยู่ อารมณ์สงบแล้ว เขาดึงเธอมาจูบ โดยที่เธอไม่ขัดขืน
เชอรี่โดนผลักเข้าไปในห้อง
“ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันมีแม่ มีลูก มีผัว ต้องดูแล...สงสารฉันเถอะ...”
ไม่มีใครสนใจ เชอรี่เลยด่า
“ไอ้พวกเลว สารเลว ไอ้ชั่ว”
เมียวดีนั่งยู่ที่มุมเงียบๆ นั่งเอาเศษกระดาษเท่าที่หาได้พับดาวไปมาแก้เครียด เธอพูดขึ้นเรียบนิ่ง
“ร้องไปก็ไม่ประโยชน์ เก็บแรงไว้ดีกว่า”
“มันหนักหัวอะไรแก...” เชอรี่หันไปด่าเห็นหน้าเมียวดีก็ตะลึง “คุณเหมียว! นี่คุณก็ถูกจับมาเหมือนกันเหรอ”
“อืม! เชอรี่รู้มั้ย...มันจะเอาเราไปไหน”
“มันก็จะเอาเราไปขาย ไง พี่ฟ้าเตือนแล้วแท้ๆ แต่เชอรี่ไม่เชื่อ คุณเหมียว พี่ฟ้าจะมาช่วยเรามั้ย พี่ฟ้าอยู่ไหน มาช่วยเชอรี่ด้วย นี่ถ้าโดนเอาไปขายจริงๆ เชอรี่ขอตายดีกว่า ฮือๆ”
เชอรี่ยิ่งร้องไห้ใหญ่ เมียวดีเดินเข้ามาจับไหล่เชอรี่
“เชอรี่ อย่าร้องไห้ เช็ดน้ำตาเสีย ตอนนี้เป็นเวลาที่เราจะต้องเข้มแข็งที่สุดตั้งสติเอาไว้ เมื่อถึงเวลาเราจะได้มีแรง เราจะต้องมีชีวิตรอดจำไว้”
เชอรี่อึ้งงง
“ยังไง”
“พ่อเราสอนว่าขอแค่เรายังมีลมหายใจ เราก็ต้องมีความหวัง ไม่แน่อาจมีคนมาช่วยเราก็ได้”
“จะมีคนมาช่วยเราจริงเหรอคุณเหมียว แต่เขาจะรู้ได้ยังไงว่าเราถูกจับอยู่ที่นี่ล่ะ คุณเหมียวโกหก ฮือ ๆๆ”
“เราพูดจริง ก็เราหายไปแบบนี้ คนที่บ้านนาย ก็ต้องรู้ แล้วน่าจะออกตามหาเรา จริงมั้ย”
“จริงซินะ” เชอรี่ยกมือท่วมหัว “ขอให้ คุณพระคุณเจ้าคุณเผ่าตามมาหาเราเจอทีเถอะ”
เมียวดีแบมือดูดาวดวงเล็กๆ คิดถึงทรงเผ่า
“นาย...”
เมียวดีกำดาวเบี้ยวๆ อย่างให้กำลังใจตัวเอง
ทรงเผ่าขับรถช้า ๆ สายตาค่อยสอดส่ายมองหา ดูผู้คน...ทรงเผ่าขับรถมาที่ท่ารถไปต่างจังหวัด เขาเดินถามคนแถวนั้น เห็นผู้หญิงรูปร่างแบบเมียวดีบ้างหรือไม่
จากนั้นเขาได้ไปที่วัด จุดธูปหน้าที่เก็บกระดูกของอั๋น
“อั๋น...ฉันจนปัญญาแล้ว ไม่รู้จะไปตามหาเมียวดีที่ไหนแล้วจริงๆ ถ้านายรู้ก็บอกฉันหน่อยเถอะนะ”
เย็นนั้น อัญชิสาเดินเข้าบ้านมาเห็นทุกคนอยู่พร้อมหน้าจึงถามขึ้น
“ป่านนี้ยังหาตัวไม่เจอกันอีกเหรอคะ แล้วคุณเผ่าไปไหนคะเนี่ย”
บัวคลี่หน้าเครียด
“คุณเผ่า ลองออกไปขับรถตระเวรดูค่ะ เราอยู่ทางนี้ ก็ช่วยกันโทรถามตามโรงพยาบาล บ้าง สถานีตำรวจบ้าง โทรไปก็ภาวนาไป”
“โธ่...วันนี้หวานก็ติดงานทั้งวันเสียด้วย ทำได้ก็แค่ขอให้เค้าเลิกงานให้เร็วที่สุด เท่าที่จะทำได้ แล้วก็รีบกลับมา ตั้งใจจะมาช่วยคุณน้านี่แหละค่ะ”
รำพารีบเสริม
“ลูกหวานขา ถูกแล้วค่ะ ต่อไป หนูก็ต้องปกครองดูแลบ้านนี้ เราต้องจับตา เอ๊ย...ดูแลความเป็นไป ของคนในบ้าน”
ทนงมองรำพา
“เรื่องนั้นคุณบัวคลี่เขาก็คงดูๆอยู่ ไม่ปล่อยให้หนูหวานรับผิดชอบคนเดียวหรอกครับ”
วงศ์ เข้ามา บัวคลี่ถามทันที
“เป็นไงได้เรื่องมั้ย”
“ติดต่อแม่ของเชอรี่ได้แล้วค่ะ แกบอกว่าเชอรี่ไม่ได้ไปหา แล้วก็สบายดีไม่ได้เจ็บป่วยอะไร”
อัญชิสารีบแทรก
“อุ๊ย งั้นเชอรี่ก็โกหกเรานะซิคะ แย่มาก ๆ...ป้าวงศ์ก็เหมือนกันปล่อยให้เด็กหลอกเอาได้”
วงศ์เหลือบตามองไม่พอใจ แต่ไม่อยากพูด อัญชิสาเลิกคิ้วยิ้มนิดๆ อย่างเหนือกว่า รำพาพูดขึ้นบ้าง
“นี่...นายฟ้าลั่นก็กลับไปเสียแล้ว เลยไม่รู้จะถามความจริงจากใคร”
อัญชิสาทำเป็นสงสัย
“แปลกนะคะ นึกจะกลับก็กลับ ช่างประจวบเหมาะจริงๆหรือว่า จะมีลับลมคมในปิดบังเราเอาไว้อีก”
บัวคลี่ขัดขึ้น
“คงไม่มีเรื่องแบบนั้นหรอกคะ เด็กสองคนนะถึงจะทโมน แต่ก็ซื่อทั้งคู่”
รำพาแย้งทันที
“แหม...แต่ว่าไม่ได้นะคะ ไม่งั้นโบราณเขาจะว่าไว้หรือคะ รู้หน้าแต่ไม่รู้ใจ”
ทนงตัดบท
“เรื่องนั้นนะ เอาไว้ก่อนเถอะครับ แต่ตอนนี้ก็เท่ากับว่าเชอรี่ก็หายไปอีกคนแล้ว”
“นั้นซิคะ คุณพี่ นี่มันเรื่องอะไรกัน”
บัวคลี่กังวลถอนหายใจอย่างหนักใจ อัญชิสาไม่รู้ไม่ชี้
รำพาลากอัญชิสามา
“ลูกรู้ใช่มั้ย ว่านังเด็กนั้นมันอยู่ไหน”
อัญชิสายิ้มในที แล้วก็ทำเฉไฉเหมือนเดิม
“หนูจะรู้ได้ยังไงล่ะคะ”
“ลูกหวานคะ หนูเรียก” รำพาชี้ที่ตัวเอง “คุณแม่ ว่าอะไร”
“ก็คุณแม่ไงคะ”
“ถูกต้องค่ะ แม่เป็นแม่ของหนู แม่เลี้ยงหนูมา แค่มองหน้าแม่ก็รู้แล้วว่า เรื่องนี้หนูต้องมีส่วน แต่แม่จะไม่รู้เท่านั้นเอง ว่าหนูใช้วิธีไหนจัดการมัน แล้วก็เอามันไปไว้ที่ไหน”
“คุณแม่” อัญชิสามองซ้ายมองขวา ไม่มีใครรีบกระซิบ “ก็ในเมื่อมันคือตัวเสี้ยนหนามที่ตำตาตำใจหนูอยู่ เมื่อมีโอกาสแล้วหนูจะเอามันไว้ทำไมล่ะคะ”
รำพาเสียงดัง
“แปลว่ามัน...”
อัญชิสารีบปิดปาก รำพาแกะมือออก สงบสติอารมณ์ได้
“ไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ ลูกหวาน แม่รู้ดีว่าต้องรูดซิปปาก แต่คิดอีกที ฮิ ฮิตั้งแต่หนูจะแต่งงานเนี่ย อะไรมันก็ดูคล่องไปเสียหมดนะจ๊ะ” รำพาร่าเริง “โอ้ว...เกือบลืม วันนี้แม่เห็นจี้มันน่ารักจังเลย ดูเหมาะกับลูกหวานมาก ก็เลยซื้อมาฝาก”
“หนี้เก่าเรายังไม่มีใช้เลย แล้ว...คุณแม่เอาเงินมาจากไหนค่ะ”
รำพาอึกอัก อัญชิสามองหน้าแม่
“หรือว่าคุณแม่กลับไปเล่นอีก”
“ไม่ๆ คุณแม่ไม่โง่ทำอะไรแบบนั้นอีกแล้ว”
“แล้วเงินที่ใช้ซื้อจี้นี่”
“ก็...คุณบัวคลี่นะจ๊ะ ให้มาเตรียมงาน แม่เลย เห็นว่ามันก็ไม่น่าเกลียดอะไร เครื่องเพชรที่มีก็ขายไปหมดแล้ว ถ้าเราเนื้อตัวเกลี้ยงๆ ไม่มีอะไรเลย มันจะน่าเกลียดนะคะลูก”
“แน่หรือคะ”
“จ๊ะ”
รำพายิ้มรับทำตาซื่อ ทันใดนั้น เสียงแก้วน้ำตกแตกดังเพล้ง! อัญชิสากับรำพามองหน้ากัน สงสัยว่ามีเรื่องอะไร
อัญชิสากับรำพาเข้ามาในห้องนั่งเล่นเห็นบัวคลี่ดมยาดมอยู่ วงศ์นั่งนวดให้ แต่ก็แอบสะอื้น อัญชิสาถามอย่างแปลกใจ
“เกิดอะไรขึ้นคะ”
ทนงหันมามองสองแม่ลูก
“เราติดต่อไปตามโรงพยาบาล ปรากฏว่า มีศพผู้หญิง ลักษณะท่าทางคล้าย...เจ้าเหมียว เขาเลยให้เราไปดู”
“ในที่สุดก็เจอเป็นศพ” รำพาเพิ่งคิดได้ “โธ่ถัง ไม่น่าเลย”
อัญชิสาทำเป็นร้อนใจ
“แล้วเราจะเอาไงดีคะ”
“เดี๋ยวลุงจะไปดูเอง ฝากหนูหวานดูแลคุณบัวคลี่หน่อยแล้วกันนะ ให้แม่วงศ์อยู่เป็นเพื่อนด้วยอีกคน”
“ขอดิฉันไปด้วยค่ะคุณพี่...ดิฉันรอฟังข่าวแบบนี้ไม่ไหวแล้ว”
วงศ์ขอไปด้วยอีกคน
“อิฉันด้วยค่ะ”
ทนงถอนหายใจ
“เอ้า...ก็ได้ งั้นก็ไปกันทั้งหมดนี่แหละ”
รำพารีบบอก
“โอ้ว...แต่ดิฉันขอตัวนะคะ ดิฉันไม่ชอบเห็นน้ำเลือด เห็นน้ำหนองเดี๋ยวจะพาลเป็นลมไปเปล่า ๆ ใช่มั้ยคะลูกหวาน”
“ก็ดีค่ะ คุณแม่อยู่นี่” อัญชิสาบอกกับทนง “ไปรถหวานก็ได้ค่ะ”
รำพาตาโตงงๆ อัญชิสาทำหน้าเศร้า
“หวานเองก็ไม่ได้รังเกียจ อะไรเมียวดีเลย ยังจำได้เสมอ ว่าแกเป็นคนช่วยคุณเผ่าให้รอดตอนอยู่ในป่า ขอให้หวานได้ทำประโยชน์บ้างนะคะ แม้จะ...ช้าไปแล้วก็ตาม”
อัญชิสาแอบสบตากับแม่ รำพาแอบยกนิ้วให้รู้กัน บัวคลี่ปลื้มใจ
“ขอบใจมากจ๊ะ หนูหวาน”
ทนง บัวคลี่ อัญชิสา วงศ์ อยู่หน้าห้องเก็บศพ เจ้าบอกกับทุกคน
“ศพเป็นผู้หญิง สาวอายุน่าจะประมาณ 18- 19 ผิวขาว รูปร่างสูงโปร่งผมสั้น”
วงศ์อึ้ง
“ลักษณะรูปร่างเหมือนคุณเหมียว”
วงศ์จับมือกับบัวคลี่ ใจไม่ดี ทนงถามเจ้าหน้าที่
“แล้วไปเจอที่ไหนครับ”
“ศพติดอวนชาวประมงมาครับ คงโดนฆ่าก่อนแล้วโยนทิ้งทะเล ให้ปลากิน หน้าจึงเละมาก บอกได้ไม่ชัดเจน”
บัวคลี่หน้าเศร้า
“ใจดำอมหิตเหลือเกิน ยายเหมียวดีเอ๊ยกรรมเวรอะไรไม่รู้ ถึงต้องมา...ตายแบบนี้...”
อัญชิสาสวมรอยทันที
“นั้นซิค่ะ แกเป็นเด็กชาวป่า ชาวเขาแท้ๆ ไม่เคยมีศัตรูที่ไหน ใครนะ ทำได้ลงคอ”
อัญชิสาเล่นบทเศร้าผสมโรง ทรงเผ่าเข้ามา
“พ่อเรียกผมมาที่นี่ทำไมครับ”
ทนงอึกอัก ถอนหายใจ บัวคลี่กับวงศ์ ตอนนี้น้ำตาไหลไปแล้ว อัญชิสาเลยบอกเอง
“คุณเผ่าคะ...เราเจอศพเมียวดีแล้วค่ะ”
ทรงเผ่าถึงกับผงะ
“ไม่จริง...เมียวดียังไม่ตาย คนอย่างเมียวดี ไม่ตายง่าย ๆหรอก เขายังอยู่”
“ทำใจยอมรับเถอะคะ”
“ไม่...ผมรับปากตาจั่นไว้ ว่าจะดูแลแกให้ดีที่สุด แล้วนี่ ยังไม่ทันไร...”
ทรงเผ่าทรุดตัวลงอย่างหมดแรง อัญชิสาแอบยิ้มอย่างสะใจ
อ่านต่อ ตอนที่ 22 หน้า 4 พรุ่งนี้
แก้วกลางดง ตอนที่ 22 (ต่อ)
เจ้าหน้าที่พาทุกคนเข้ามาในห้องเก็บศพที่บรรยากาศอันครึม ศพถูกวางไว้บนรถเข็น คลุมผ้าวางไว้กลางห้องทุกคนยืนล้อม เจ้าหน้าที่ถามทุกคน
“พร้อมนะครับ”
เจ้าหน้าที่กำลังจะเปิดผ้า ทรงเผ่าตาแดงกร่ำ
“ขอผมเปิดเองได้มั้ยครับ”
“ได้ครับ”
เจ้าหน้าที่ถอยออกไป ทรงเผ่าค่อย ๆ เอื้อมมือจับผ้าก่อนจะตัดใจเปิดผ้าคลุมขึ้นดู ทุกคนเบือนหน้าหนี รู้สึกสยอง อัญชิสารีบปิดปากรู้สึกพะอืดอมวิ่งออกไปห้องทันที บัวคลี่เองก็ต้องซบหน้ากับทนง เจ้าหน้าที่ถามทรงเผ่า
“ใช่คนของคุณมั้ยครับ”
ทั้งหมดเดินออกมาจากห้องเก็บศพ อัญชิสามายืนรออยู่ข้างนอก ทนงหันไปบอก เจ้าหน้าที่
“ขอโทษนะครับทำให้เสียเวลา”
“เป็นหน้าที่ของผมครับ”
บัวคลี่ยังอึ้งไม่หาย
“บอกไม่ถูกเลยนะคะ ว่าจะดีใจหรือเสียใจดี”
วงศ์รีบบอก
“ดีใจซิค่ะ อย่างน้อย ก็แปลว่า คุณเหมียวยังไม่ตาย เรายังมีความหวัง”
อัญชิสา ได้ยินอย่างนั้นก็โวยวายทันที
“อะไรนะ! ศพนั้นไม่ใช่เมียวดีงั้นเหรอ ก็สภาพมันบอกชัดๆอยู่แล้ว”
ทรงเผ่ามองหน้า
“เมียวดีไม่เคยทาเล็บ ลักษณะแขนขา ก็ไม่ใช่”
อัญชิสาอึ้ง
“คุณสังเกต เด็กนั่นขนาดนั้นเลยหรือคะ”
วงศ์ยืนยัน
“ดิฉันเป็นคนอาบน้ำ ขัดถูให้คุณเหมียว ถึงจะมองหน้าไม่ออก แต่ดิฉันก็จำตำหนิ ไฝฝ้าได้ค่ะ ไม่ใช่คุณเหมียวแน่นอน”
อัญชิสาไม่พอใจหันควับมองหน้าวงศ์เอาเรื่อง วงศ์มองตอบไม่ได้กลัวแม้จะโดนแกล้งมาแล้ว ทนงมองหน้าอัญชิสาอย่างรู้ทัน
“ดูหนูหวานผิดหวังนะ ที่ศพในห้องไม่ใช่เจ้าเหมียว”
ทุกคนจ้องมองอัญชิสาเป็นตาเดียว
“หวาน...หวานก็แค่ เอ่อ...”
อัญชิสาไม่รู้จะแก้ตัวไง เลยตัดสินใจแกล้งทำเป็นเวียนหัว แล้วก็เป็นลม บัวคลี่ตกใจ
“ว๊าย หนูหวาน!”
ทรงเผ่ารีบเข้ามารับไว้ทัน
เมื่อกลับมาบ้าน ทรงเผ่า พาอัญชิสามานอนบนที่นอน บัวคลี่ รำพา ตามมาดูแล
“ลูกหวาน! โธ่”
บัวคลี่ร้อนใจ
“ทำไมยังไม่ฟื้นอีก แม่วงศ์ฉันว่าเอาส้มโอมือของฉันให้ดมดีกว่า ชื่นใจดี อยู่ไหนไปเอามา”
“คุณถือไว้นี่คะ ตั้งแต่ก่อนจะไปโรงพยาบาลอีก”
“งั้นเหรอ สงสัยฉันจะเอาไปทำตกไว้ในรถของหนูหวาน ตอนนั่งออกไป”
ทรงเผ่าหันมาบอก
“ผมไปดูให้เองครับ”
“เดี๋ยวดิฉันจะไปเอาผ้าชุบน้ำมาให้ค่ะ”
ทรงเผ่ากับวงศ์ออกไป
“นึกออกแล้วค่ะ คุณรำพา ดิฉันมีอีกอัน รอเดี๋ยวนะคะ”
บัวคลี่ออกไปอีกคน รำพาช่วยพัดวีให้ อัญชิสาแอบลืมตาตื่น
“ไปกันหมดแล้วเหรอคะ คุณแม่”
รำพางง
“อ้าว...นี่หนูไม่ได้เป็นลมจริง ๆ เหรอคะ”
“ก็หนูรำคาญ ซักกันอยู่ได้”
เสียงบัวคลี่ดังมา
“ได้แล้วค่ะ คุณรำพา”
อัญชิสารีบนอนเหมือนเดิม
ทรงเผ่าเปิดไฟรถอัญชิสา ค้นหาตลับยาดม ก่อนจะแหย่มือลงไปซอกที่นั่งด้านหน้าควานมือหา
“อยู่นี่เอง”
ทรงเผ่าสะดุด กับบางอย่าง ดึงขึ้นมามาดูเห็นเป็นดาวกระดาษพับ เขาถึงกับอึ้งไป นึกถึงคำพูดของเมียวดีที่เคยบอกเขา
“นายเคยบอกว่า มันเป็นเหมือนดาวประจำตัวของเรา...ไม่ใช่เหรอ...ดาวนี่ขอเราเก็บเอาไว้นะ”
ทรงเผ่ามองดาวจำได้ว่าเป็นของเมียวดี ทันใดนั้นเสียงวงศ์ดังขึ้น
“คุณเผ่าคะ”
ทรงเผ่าสะดุ้งหันไป เห็นวงศ์ยืนอยู่
“เจอมั้ยคะ ให้ดิฉันช่วยหามั้ยคะ”
“อ๋อ เจอแล้วครับ...” ทรงเผ่าอึ้งไปนิดก่อนตัดสินใจถาม “แม่วงศ์ครับ แม่วงศ์พูดจริงหรือเปล่าครับเรื่องที่เห็นเมียวดีนั่งรถออกไปกับ คุณหวาน”
วงศ์ถอนหายใจ
“ดิฉันไม่ขอสาบานหรอกนะคะ เพราะมันคงไม่มีความหมายอะไรแล้ว”
“ผม ไม่ได้ว่าแม่วงศ์โกหกนะครับ แต่ผมแค่อยากได้ความจริง”
“ดิฉันพูดสิ่งที่เห็นไปหมดแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับคุณเผ่า คิดว่าจะเชื่อแม่วงศ์คนที่เคยป้อนข้าว ป้อนน้ำคุณเผ่ามาตั้งแต่เด็กหรือเปล่า”
ทรงเผ่าอึ้งไป
วันใหม่...ทั้งหมดกินอาหารเช้ากันอยู่ อัญชิสากินน้ำส้ม ทรงเผ่ามองเธออย่างประเมิน บัวคลี่มองอัญชิสาอย่างเป็นห่วง
“หนูหวาน แน่ใจหรือคะ ว่าจะไปทำงานอีก น่าจะพักซักวันเดี๋ยวไปเป็นลมเป็นแล้งไปอีก”
รำพาสอดขึ้น
“ดิฉันนะพูดกับเค้าจนไม่อยากจะพูดด้วยแล้ว ดื้อเหลือเกิน”
“ก็หวานนัดทีมงานไว้แล้วน่ะค่ะ ถ้าหวานแคนเซิลเขาก็จะรวนกันไปหมด หนังสือเล่มนี้ เขาติดต่อมาตั้งนานแล้ว หวานไหวค่ะ”
“ให้คุณทรงเผ่าขับรถไปให้ดีมั้ยคะ” บัวคลี่เสนอ
“อุ๊ย...คุณเผ่าจะว่างหรือคะ”
อัญชิสาประชดประชัน ทรงเผ่ารีบบอก
“ผมก็อยากจะไปส่งหรอกครับ แต่พอดีนัดกับสารวัตรเอาไว้”
“นั่นไงคะ แต่ก็ดีแล้วค่ะ สารวัตรช่วยเราคงมีหวังจะเจอเมียวดีกับเชอรี่ได้เร็วขึ้น อุ๊ย” อัญชิสาดูนาฬิกา “หวานไปแล้วนะคะ”
“คุณหวานครับ...ขับรถระวังด้วยนะครับ”
อัญชิสายิ้มให้ทรงเผ่า
“น่ารักจริง ขอบคุณค่ะ”
อัญชิสาออกไป ทรงเผ่าจิบกาแฟนิ่ง ๆ ไม่กระโตกกระตาก
อัญชิสาใส่แว่นตาดำขับรถมาจอดที่สวนสาธารณะ ก่อนจะลงจากรถ รถทรงเผ่าเข้ามาจอดอยู่ไม่ไกลนัก เขาเห็นอัญชิสาเดินขึ้นรถที่จอดอยู่ข้างๆไป
อัญชิสาเดินขึ้นมาในรถต่อว่าสาทิศทันที
“คุณยังไม่ได้จัดการนังเด็กเมียวดี”
“จัดการ ก็ผมบอกแล้วไง ว่ามันสามารถเงินได้ จะให้มันตายทำไม”
“แต่ว่า ฉันไม่สามารถทนเห็นหน้ามันอีกแล้ว...”
สาทิศขัดขึ้น
“ฉันจะเป็นคนตัดสินใจเรื่องทุกอย่างเอง ฉันไม่ชอบให้ใครมาออกคำสั่ง จำไว้ นี่ต่างหาก สิ่งที่เธอต้องทำ” สาทิศหยิบห่อยาโยนใส่หน้า “เอาไปส่งให้ฉันด้วย”
“ทุเรศ ฉันไม่ใช่เด็กเดินยานะ งานทุเรศแบบนี้ ฉันไม่ทำหรอก”
“ทุเรศตรงไหน เอาล่ะในฐานะที่เธอเป็นคนโปรดของฉัน ฉันจะแบ่งให้เธอห้าเปอร์เซ็นก็แล้วกัน”
“ไม่...ฉันไม่มีทางเอาหน้าตา ชื่อเสียงตัวเองไปเสี่ยงหรอก ถ้าถูกจับขึ้นมาชีวิตทั้งหมดของฉัน จบกัน ต้นทุนชีวิตฉันมันสูงมากกว่าจะทำเรื่องแบบนี้”
“โอเค...เมื่อไม่อยากเดินยา ไฮโซมากนัก งั้นก็เอาเงินห้าล้านมาคืนฉัน”
อัญชิสางงๆ
“เงินอะไร”
“คุณหญิงแม่ของเธอไม่ได้บอกเหรอ ว่าเขาแวะมาคุยกับฉัน”
“คุณแม่...นึกอยู่แล้วเชียว...ฉันจะหามาคืนให้ ทันทีที่ฉันแต่งงานกับคุณเผ่า”
สาทิศหัวเราะ
“ฮะๆๆ เธอคิดว่าฉันจะรอจนถึงตอนนั้นจริงๆ เหรอ ฮะๆๆ ขำจริง ๆ “สาทิศบีบหน้าอัญชิสาอย่างแรง “คิดแบบนั้นจริงๆ เหรอที่รัก รู้มั้ยเธอไม่มีทางเลือกตั้งแต่เริ่มเสพมันแล้ว ไม่ว่าจะสูงหรือต่ำแค่ไหน แต่เมื่อเข้ามาเส้นทางนี้แล้วมันไม่ได้ออกไปง่าย ๆ หรอกนะ”
สาทิศบีบใบหน้าแรงขึ้นอีก อัญชิสาหวาดกลัว รู้แน่ว่าเป็นไปไม่ได้
โปรดติดตามตอนต่อไป
อัญชิสาถือกระเป๋าเล็ก ๆเดินเข้ามาในร้าน เธอตัวสั่นด้วยความกลัว เหงื่อออก ตาเหลือบมองไปทั่ว คนนั่งกินอาหารปกติ อัญชิสาเริ่มหลอนสายตาเธอเห็นคนที่อยู่ในร้านจ้องมองเธอเป็นตาเดียว อย่างรู้ทัน เธอรีบหลับตาส่ายหน้า
“ไม่จริง ไม่ใช่เรื่องจริง”
อัญชิสาเปิดตาดูอีกครั้งเห็นทุกคนกินอาหารตามปกติ ค่อยโล่งอกมองไปที่โต๊ะริมสุดเห็นหญิงคนหนึ่งแต่งตัวดีแต่ใส่หมวก มองมาอยู่ มีกระเป๋าเล็ก ๆ วางอยู่ด้วย อัญชิสารีบเดินไปหา พอถึงโต๊ะ ทำเป็นเซ
“อุ๊ย...ขอโทษค่ะ”
หญิงคนนั้นประคอง สองคนรีบแลกกระเป๋า สลับกัน พอตั้งตัวได้ อัญชิสาก็เดินถือกระเป๋าอีกใบออกไป
อัญชิสารีบเข้ามานั่งในรถ ปิดล็อค เหงื่อแตกด้วยความกลัว ทันใดนั้นโทรศัพท์ดังขึ้น เธอหยิบขึ้นมารับ เสียงสาทิศดังมาจากปลายสาย
“เรียบร้อยแล้ว ก็เอาเงินกลับมาเลย เจอกันที่นา...”
“รู้แล้ว”
อัญชิสาขับรถออกไป ทรงเผ่าจอดรถรออยู่ ขับรถตามออกไปห่างๆ
หวานเดินเข้าที่บ้านพักในนากุ้งพร้อมกระเป๋า ลูกน้องยืนอยู่เธอโยนกระเป๋าเงินให้ทันที พูดโดยไม่มองหน้า
“เอาไปให้นายแกด้วย ฉันมีเรื่องต้องจัดการ”
ลูกน้องรับ ไว้เกือบไม่ทัน อัญชิสาหน้าบึ้ง โกรธแค้น เดินดุ่มไปยังที่ขังเมียวดีไว้
หวานเปิดประตูผางเข้ามาตาขวาง เชอรี่เห็นหน้าหวานดีใจ รีบแถเข้ามา
“มีคนมาช่วยเราแล้ว...คุณหวานมาช่วยเรา”
“นังโง่ หลีกไป”
อัญชิสาผลักเชอรี่หน้าหงาย เชอรี่งง เมียวดีพูดขึ้น
“คุณหวานเป็นพวกเดียวกับมัน”
เชอรี่ไม่เชื่อ
“ไม่จริง คุณหวานออกจะไฮโซ ใจดีขนาดนี้ จะเป็นพวกค้ายา ค้ามนุษย์ได้ยังไง”
“ใช่...ฉันคือคุณหวาน ที่แสนโก้หรู ที่ทุกคนต้องจับตามอง แต่เพราะพวกแก...แก”
อัญชิสาชี้หน้าเชอรี่กับเมียวดี ก่อนจะเข้ามาจับผมเมียวดีจิกกระชาก เมียวดีเจ็บแต่ทนที่ไม่สู้เพราะต้องการดูเชิง
“ทำให้ชีวิตฉันต้องพินาศ ฉันต้องเจอกับอะไรแกรู้มั้ย ถ้าไม่ใช่แกเข้ามาในชีวิตของคุณเผ่า ฉันก็ไม่ต้องโดนไอ้สาทิศมันหลอกให้เสพยา ทำงานสกปรก เข้ามาในวงจรอุบาทพวกนี้”
อัญชิสาจับเมียวดีโขกๆๆ กับกำแพง ก่อนจะปล่อย เมียวดีมองอย่างเอาเรื่อง แต่ยังระวังท่าทีแต่ก็สะบักสะบอมเหมือนกัน เชอรี่พยายามขอร้อง
“แต่เชอรี่ไม่รู้อะไรด้วย คุณหวานปล่อยเชอรี่ไปเถอะ อย่าลืมซิค่ะ ว่าเชอรี่ช่วยเป็นสายรายงานข่าวในบ้านให้คุณหวาน แล้วยังใส่ความเมียวดี จนเกิดเรื่องวันที่โรงแรม” เชอรี่หันไปหาเมียวดี “ฉันจำเป็นต้องทำ”
อัญชิสาตวาดแว๊ด
“นี่แกกล้าทวงบุญคุณฉันเหรอ นังคนใช้ นางคางคกขึ้นวอ อยากสวย อยากเทียบรัศมีฉันเหรอ ไม่มีทาง โง่ๆ อย่างแก อย่างดีก็ใช้ได้แค่ครีมหมดอายุของฉันนั้นแหละ”
อัญชิสาเกรี้ยวกราดเข้าไปจิกเชอรี่เข้ามาตบๆๆๆ
ลูกน้องที่เดินยาม เข้ามา ตรงที่ทรงเผ่าหลบอยู่โดนทรงเผ่า เอาไม้ฟาดศีรษะสลบล้มลงไป ทรงเผ่าทิ้งไม้ลง แล้วก้าวออกไป
ด้านใน...อัญชิสาผลักเชอรี่ล้มลงไป แล้วเข้าไปคร่อมตบ เมียวดีทนไม่ไหว เข้าไปกระชากออกมา
“เลิกทำตัวถ่อยๆเสียทีเถอะ คุณหวาน”
“แกไม่มีสิทธิ์พูดแบบนี้กับฉัน นังตัวดี”
อัญชิสาโกรธพุ่งเข้าไปทำร้าย เมียวดีหลบแล้วจัดการตบ อัญชิสาตบคืน เมียวดีผงะไปแล้วสะดุดล้มลงไป กับพื้น อัญชิสาหยิบไม้หน้าสามในห้องขึ้นมาทำท่าจะเข้าไปฟาด เชอรี่เงยหน้าขึ้นมามองตกใจ ร้องลั่น อัญชิสากำลังจะฟาดเมียวดี ทรงเผ่าวิ่งเข้ามาในกระท่อม ร้องห้ามเสียงหลงแล้ววิ่งเข้าไป ดึงไม้ในมือ
“หยุดนะ”
อัญชิสาหันมาเห็นทรงเผ่าแล้วตะลึง ทรงเผ่าดึงไม้ไปได้ อัญชิสากระเด็นล้มลงไปกับพื้น มองทรงเผ่าหน้าเจื่อน
“คุณเผ่า”
“ผมเอง ตกใจมากหรือครับ”
อัญชิสาลุกขึ้นมาแถ อย่างเนียนๆ
“ดีใจมากกว่าค่ะ ที่คุณมาช่วยเมียวดี เหมือนกันกับหวาน เราใจตรงกันเลยนะคะ”
เมียวดีกับกับเชอรี่ หน้าเหวอ เชอรี่โกรธมาก
“ช่างกล้าพูดเนอะ ยายผู้ดีจอมปลอม”
อัญชิสาหันไปตวาดเชอรี่
“นี่เธอ...พูดให้มันดีๆนะ ฉันอุตส่าห์เสี่ยงชีวิตมาช่วยเธอ”
เชอรี่ทนไม่ไหวจะเข้าไปตบอัญชิสา
“หน้าด้านพูดมาได้ เมื่อกี้แกไม่ได้พูดแบบนี้เลย”
เมียวดีรีบดึงตัวเชอรี่ไว้ ในขณะที่อัญชิสารีบทำเป็นหลบหลังทรงเผ่า
“อย่า...เชอรี่”
“คุณเผ่า ช่วยหวานด้วย ดูซิคะมันจะทำร้ายหวาน เชอรี่นี่เธอเป็นอะไรเกลียดฉันเรื่องอะไรถึงใส่ความฉันแบบนี้”
“คุณเผ่าอย่าไปเชื่อ คุณหวานรู้เห็นเป็นใจกับพวกคนร้ายค่ะ”
“โกหก!”
เชอรี่ด่าสวนทันที
“แกแหละ สตอเบอรี่”
ทรงเผ่าห้ามเชอรี่
“หยุดได้แล้ว ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น”
อัญชิสายิ้มกระหยิ่มขึ้นมานึกว่าทรงเผ่าจะเข้าข้าง
“เป็นไงล่ะ พวกไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ต้องสั่งสอนกันเสียบ้างนะคะ คุณเผ่า”
ทรงเผ่าหันมาดึงมืออัญชิสาจับไว้
“แน่นอนครับ ผมไม่ปล่อยให้คนผิดลอยนวลแน่”
อัญชิสาอึ้งๆ
“คุณเผ่า นี่คุณพูดอะไรคะ”
“ก็หมายความตามที่พูดนั่นแหละ”
“คุณเผ่า!”
“คุณอยากรู้มั้ย ทำไมผมถึงมาที่นี่ได้ถูก”
อัญชิสาอึ้ง มองจ้องหน้าทรงเผ่า
“ผมสะกดรอยตามรถคุณมาไง ผมถึงได้รู้ว่าคุณโกหก คุณหลอกผมหลอกทุกคน”
อัญชิสาดึงมือออกมาจากทรงเผ่า เถียงลั่น
“ไม่จริง คุณเผ่ากำลังเข้าใจหวานผิดนะคะ”
“ยังแก้ตัวอีกเหรอ คุณหวาน”
“หวานพูดจริงๆ นะคะ หวานไม่อยากให้คุณต้องมาเสี่ยงชีวิต เพื่อช่วยเมียวดี หวานต้องการมาที่นี่เองคนเดียว หวานถึงต้องโกหกคุณ ไงคะ”
ทรงเผ่าโกรธมาก
“นี่ คุณไม่รู้จักอายบ้างเลยเหรอ”
“ฟังหวานก่อนสิคะ...”
อัญชิสาทำท่าจะเข้ามาจับตัว ทรงเผ่าปัดมือออก
“เลิกเล่นละครเสียที ผมเห็นอยู่กับตาว่าคุณจะทำร้ายเมียวดี”
อัญชิสาตะลึง
“คุณเผ่า”
“ขอโทษนะ มันถึงเวลาที่ตำรวจจะต้องเข้ามาจัดการเรื่องที่คุณหมกเม็ดไว้แล้ว”
ทรงเผ่าหยิบมือถือขึ้นมา ทำท่าจะโทรแจ้งความ อัญชิสาตกใจรีบฉวยมือถือ จากทรงเผ่า แล้วผลักเขากระเด็นออกไป
“อย่านะ”
ทรงเผ่าเซไป เมียวดี รีบประคอง
“นาย”
“ช่วยกันจับตัวหวานก่อน”
ทั้งหมดรีบวิ่งออกไปจากกระท่อม
อัญชิสาถือมือถือทรงเผ่าวิ่งหนีออกมา ทรงเผ่า เมียวดี เชอรี่ วิ่งตามหลังออกมาร้องเรียกแต่ไม่ทันแล้ว
“คุณหวาน หยุดเดี๋ยวนี้ คุณหนีความผิดไปไม่พ้นหรอก”
อัญชิสารีบขึ้นรถตัวเองแล้วขับออกไปอย่างหน้าตาตื่น เมียวดีหันไปถาม
“รถนายอยู่ไหน รีบตามไปเถอะ”
ทรงเผ่าวิ่งนำทุกคนไปอีกทางหนึ่ง
ทรงเผ่านำเมียวดี กับเชอรี่ วิ่งมาที่รถตัวเอง ทันใดนั้นรถของสาทิศ กับสมุนขับเข้ามาปาดหน้า จอดขวางไว้ ทรงเผ่ากับ เมียวดี เชอรี่ รีบหลบกันไปทางหนึ่งอย่างตื่นตระหนก สาทิศ เปิดประตูรถลงมา กับส่วย และสมุนติดตาม เชอรี่ตื่นกลัว
“แย่แล้ว...”
ทรงเผ่าตกใจ
“ไอ้สาทิศ”
“ในเมื่อแกรนมาหาที่ตาย ฉันก็จะจัดให้”
สาทิศยกปืนขึ้นเล็ง ทรงเผ่ารีบพาทุกคนหลบ แล้วพากันวิ่งหนีตายเข้าป่าไป สาทิศกับลูกน้องทั้งหมดรีบแยกย้ายกันออกล่าตัว
“จับตัวมันมา อย่าให้หนีไปได้”
สาทิศประกาศกร้าว
อ่านต่อ ตอนที่ 23