รักปาฏิหาริย์ ตอนที่ 22
รถบุรธัชจอดขวางรถรวิภาสอยู่กลางถนน รวิภาสหันไปมองพิมพ์นฤมลอย่างเป็นห่วง
“นมล ! เป็นไรหรือเปล่า”
“นมลไม่เป็นไรค่ะ”
รวิภาสขยับจะขับรถต่อไป พิมพ์นฤมลรีบแตะแขนรวิภาสเตือนสติ
“พี่ภาส..อย่าค่ะ”
บุรธัชกับณิชมนลงจากรถรีบตรงรี่ไปที่รถของรวิภาสอย่างร้อนใจ
“นายภาส...”
รวิภาสตัดสินใจลงจากรถไปยืนประจันหน้ากับบุรธัช บุรธัชเห็นรวิภาสไม่เป็นอะไรก็เปลี่ยนท่าทีมองรวิภาสอย่างดุดัน ณิชมนรีบเข้าไปหาพิมพ์นฤมลที่กำลังลงจากรถ
“คุณนมลเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“นมลไม่เป็นไรค่ะ”
บุรธัชกับรวิภาสยืนประจันหน้ากันอยู่ไม่มีใครยอมลงให้ใครก่อน
“แกรู้ตัวหรือเปล่าว่า แกทำอะไรลงไป !”
ผมจะทำอะไรก็เรื่องของผม ไม่ต้องมายุ่ง ! นี่ยังทำลายชีวิตผมไม่พอหรือไง ถึงได้ตามมาถึงนี่น่ะ
“ไอ้ภาส !”
บุรธัชโผเข้าจะเล่นงานรวิภาส ณิชมนรีบเข้าขวางไว้
“ให้ฉันพูดกับคุณภาสเองค่ะ”
“เธออย่ายุ่งดีกว่า..” บุรธัชพูด
“คุณรับปากฉันแล้วว่าจะทำตามที่ฉันบอกทุกอย่าง เราออกไปจากที่นี่กันก่อนดีกว่า ไปหาที่คุยกัน ไปค่ะ ฉันหวังว่าคุณคงจะไม่ทำอะไรโง่ๆอีกนะคะ คุณภาส”
ณิชมนดึงบุรธัชไปที่รถ รวิภาสนิ่งคิดตัดสินใจ
พรรณอรกำลังรื้อค้นหาสัญญาซื้อขายตามลิ้นชักในตู้ในโต๊ะ พันธ์นฤสรร์เป็นลูกมือช่วยค้นด้วยอีกคน พรพรรณเดินเข้ามายืนมองสองแม่ลูกค้นหากันอย่างวุ่นวาย
“พี่อรถอดใจซะเถอะค่ะ พี่นฤสรณ์คงทิ้งสัญญาซื้อขายไร่บุริศราวัณไปแล้ว หาเท่าไหร่ถึงได้หาไม่เจอ”
“พี่จะไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอกนะ ทุกอย่างเป็นความผิดของพี่เอง ถ้าพี่กล้าเผชิญหน้าแก้ปัญหาบาดหมางของบ้านเรากับบ้านบุริศราวัณตั้งแต่แรก เรื่องก็คงจะไม่บานปลายอย่างนี้”
“งั้นพรช่วยหาอีกคน คงต้องหวังโชคช่วยล่ะมั้ง ถึงจะหาเจอน่ะ”
พรพรรณเข้าไปช่วยค้นตามตู้อีกมุมของห้อง
“นี่กุญแจอะไรครับ คุณแม่”
พรรณอรกับพรพรรณหันไปมองพันธ์นฤสรร์ที่ชูกุญแจให้ดู
“กุญแจอะไรก็ไม่รู้ ทิ้งไปซะ พันสร เราหาสัญญาซื้อขายนะจ๊ะ ไม่ใช่หากุญแจ ถ้าเป็นกุญแจเซฟก็ว่าไปอย่าง” พรพรรณกล่าว
“เดี๋ยวก่อน พันสร !”
พรรณอรดึงกุญแจจากพันธ์นฤสรร์ก่อนที่จะถูกโยนทิ้งไป
“ใช่แล้ว กุญแจเซฟ” พรรณอรนึกได้ “นี่เป็นกุญแจเซฟธนาคารไงล่ะ ยัยพร พี่จำได้แล้ว คุณนฤสรณ์เก็บเอกสารสำคัญทุกอย่างไว้ที่เซฟในธนาคาร พี่ลืมไปซะสนิทเลย !”
พรรณอรมองกุญแจเซฟในมืออย่างดีใจสุดขีด
รถบุรธัชกับรถรวิภาสจอดอยู่ที่ทางเข้าโรงเรียนเวียงดอยที่ว่างเปล่าไม่มีผู้คน บุรธัชกับณิชมนยืนรออยู่ก่อนแล้ว รวิภาสกับพิมพ์นฤมลเดินตามมาถึง บุรธัชขยับจะไปเอาเรื่องรวิภาสต่อ ณิชมนดึงตัวไว้มองหน้าบุรธัช บุรธัชยอมถอยออกไปยืนรออยู่ห่างๆอย่างไม่เต็มใจ
“คุณภาสคะ...”
“ผมรู้ ผมทำผิดที่พานมลมาด้วย ผมกำลังจะพานมลไปส่งที่บ้าน เดี๋ยวผมจะไปขอโทษอาอรเอง ทีนี้หมดเรื่องแล้วใช่มั้ย”
“ยังค่ะ เรื่องยังไม่หมดแค่นี้ พี่ภาสส่งนมลแล้วก็จะหนีไปอีก จะไม่ยอมกลับบ้านค่ะ พี่นอม” พิมพ์นฤมลฟ้อง
บุรธัชหันขวับมามองรวิภาส
“แกจะไปไหนไม่ได้ แกต้องกลับบ้านกับฉัน !”
“ผมไม่กลับ ผมต้องการใช้ชีวิตอย่างที่ผมต้องการ ผมจะไม่ให้ใครมาบีบบังคับผมได้อีก ต่อไปนี้เราต่างคนต่างอยู่จะดีกว่า พี่ธัช อย่าต้องให้ผมเกลียดพี่ธัชมากไปกว่านี้เลย !”
“พี่ภาส !”
รวิภาสเดินหุนหันออกไป บุรธัชยืนนิ่งอึ้งอย่างเสียใจ
“ฉันไปพูดกับคุณภาสเองค่ะ” ณิชมนบอก
ณิชมนรีบตามรวิภาสไป พิมพ์นฤมลมองบุรธัชอย่างเห็นใจ
“พี่ภาสกำลังโกรธก็เลยพูดไปโดยไม่ทันคิด พี่ภาสไม่ได้เกลียดคุณชายจริงๆหรอกนะคะ”
“ฉันไม่สนใจหรอกว่า นายภาสจะคิดยังไง มันจะโกรธจะเกลียดฉันไปจนวันตายก็ช่าง ยังไงฉันก็ต้องลากตัวมันกลับไปด้วยให้ได้ เธอเห็นหรือยัง ไอ้ความรักโง่ๆของพวกเธอกำลังทำลายทุกอย่าง !”
“ความรักของเราไม่ใช่ความรักโง่ๆ เราไม่ได้รักกันจนหูหนวกตาบอดจนไม่ยอมรับความจริง นมลกับพี่ภาสยอมจบเรื่องของเราแล้ว ต่อไปนี้ก็อยู่ที่คุณชายจะทำยังไงกับพี่ภาสต่อไป ถ้าคุณชายยังคิดไม่ออก ช่วยฟังนมลหน่อยได้มั้ยคะ”
บุรธัชมองพิมพ์นฤมลรอฟังอยู่อย่างสงสัยว่าพิมพ์นฤมลจะว่ายังไง
รวิภาสเดินมาสงบสติอารมณ์อยู่อีกมุมหนึ่งของโรงเรียน ณิชมนเดินเข้ามาหารวิภาส
“คุณคิดว่า คุณจะตัดขาดจากพี่ชายของคุณได้จริงๆหรือคะ คุณภาส”
“ทำไมจะไม่ได้ ผมทนอยู่กับพี่ชายบ้าอำนาจไม่ได้อีกแล้ว”
“แต่คุณกับคุณชายธัชก็มีกันอยู่แค่นี้ คุณคิดดูให้ดีนะคะ อย่าทำอะไรที่จะต้องเสียใจทีหลัง”
“ผมคิดดีแล้ว ประนอม ผมไปจากพี่ธัชจะเป็นผลดีกับทั้งสองฝ่าย ผมได้เป็นอิสระไม่ต้องอยู่ใต้อำนาจพี่ธัช พี่ธัชเองก็จะได้หมดภาระที่จะต้องมาดูแลผม ไม่เห็นมีอะไรจะต้องเสียใจ”
“แล้วคุณจะต้องเสียใจค่ะ เหมือนกับพ่อแม่ของฉัน..”
บุรธัชเดินเข้ามาหยุดฟัง
“พ่อแม่ฉันรักกัน แต่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายไม่เห็นด้วยห้ามไม่ให้พวกท่านคบกัน พ่อกับแม่ก็เลยหนีตามกันไป แม่มีความสุขที่ได้เป็นอิสระ ได้อยู่กับคนที่ท่านรัก แต่ก็ไม่มีแม้ซักวันเดียวที่ท่านจะไม่คิดถึงคุณยาย ท่านทำผิดกับคุณยายไว้มากเหลือเกิน ท่านเฝ้ารอโอกาสที่จะได้กลับไปขอให้คุณยายยกโทษให้..”
“ผมไม่ได้ทำผิดอะไร ผมไม่ได้คิดพานมลหนีไปอยู่ด้วยกัน..”
“แต่คุณกำลังจะทิ้งครอบครัวของคุณไป คุณชายธัชทำผิดที่บังคับคุณมากไป แต่เค้าก็ทำไปเพราะรักและเป็นห่วงคุณ คุณผิดยิ่งกว่าเพราะคุณไม่รู้จักให้อภัยคนที่รักคุณ ถ้าคุณหนีไป คุณได้เป็นอิสระก็จริง แต่คุณจะไม่มีความสุขไปได้หรอก คุณภาส !”
ณิชมนผละจากรวิภาสจะเดินออก แต่ต้องชะงักเห็นบุรธัชยืนมองมา
“คุณภาสขอเวลาตัดสินใจอีกนิดค่ะ คุณชาย เราไปรอที่รถดีกว่านะคะ”
ณิชมนเดินออกไป บุรธัชมองรวิภาสนิ่งต่างคนต่างมองกันชั่วครู่ด้วยความรู้สึกที่อ่อนลงทั้งคู่ บุรธัชเดินออกไป รวิภาสมองตามคิดหนัก
นวลแขมองสัญญาซื้อขายในมือแล้วเงยหน้าขึ้นมองณิชาภัทรกับพงษ์เทพ
“นี่คุณไปได้สัญญาซื้อขายนี่มาจากไหนคะ คุณพงษ์เทพ”
“คุณพงษ์เทพจะได้มาจากไหนไม่สำคัญหรอกค่ะ คุณย่า”
“ตอนนี้สำคัญอยู่ที่คุณชายธัชต้องคิดว่า คุณหญิงเป็นคนหาสัญญาซื้อขายฉบับนี้เจอไม่ใช่ผม คุณชายจะได้ไม่ติดใจสงสัยอะไร”
“คุณย่าช่วยเราหน่อยนะคะ ช่วยบอกธัชตามนี้นะคะ”
“แล้วทำไมต้องให้ย่าพูดโกหกด้วย นี่แสดงว่าสัญญาซื้อขายฉบับนี้ไม่ใช่ฉบับจริงใช่มั้ย ณิชา ว่าไงล่ะคะ คุณพงษ์เทพ !”
ณิชาภัทรกับพงษ์เทพนิ่งอึ้งไปไม่กล้าสบตานวลแข
“เราไม่มีวิธีอื่นแล้วจริงๆค่ะ คุณย่า เราอยากจะช่วยให้ปัญหาระหว่างบ้านสรณาลัยกับบ้านบุริศราวัณจบสิ้นกันซักที”
“ผมเชื่อว่าคุณชายนฤสรณ์ซื้อไร่บุริศราวัณจากท่านชายบริพัตรมาอย่างถูกต้องแน่นอน ขาดก็แค่สัญญาซื้อขายที่เป็นหลักฐานเท่านั้น ผมก็เลยคิดว่า..”
“ก็เลยคิดปลอมแปลงหลักฐานขึ้นมาใหม่ เสียใจด้วยนะ ฉันไม่มีวันยอมร่วมมือทำเรื่องทั้งผิดกฎหมายทั้งศีลธรรมอย่างนี้หรอก แล้วก็อย่ามาอ้างว่าที่ยอมทำเรื่องผิดๆอย่างนี้เพื่อยุติปัญหาของสองบ้านนั้น มันต้องมีอะไรมากกว่านั้นใช่มั้ย ณิชา”
“คุณย่าไม่ช่วยก็ไม่เป็นไรค่ะ ณิชากับคุณพงษ์เทพจะหาทางออกกันเองเราจะไม่หยุดแค่นี้หรอกค่ะ คุณย่า ปัญหาของสองบ้านนั้นหมดไปเมื่อไหร่ ปัญหาของเราสองคนก็หมดไปเมื่อนั้น เราถึงต้องเลือกใช้วิธีนี้”
ณิชาภัทรดึงใบสัญญาจากนวลแข
“เราไปกันเถอะค่ะ คุณพงษ์เทพ”
ณิชาภัทรเดินออกไปกับพงษ์เทพ
“ณิชา !” นวลแขเรียก
นวลแขมองตามหลานสาวอย่างหนักใจกังวลใจ
บุรธัชกับณิชมนยืนรอรวิภาสอยู่ พิมพ์นฤมลเดินไปเดินมาอย่างกระวนกระวายใจ รวิภาสเดินกลับเข้ามาบุรธัชเดินตรงไปหารวิภาสโดยณิชมนดึงตัวไว้ไม่ทัน
“ตกลงแกจะกลับหรือไม่กลับ”
รวิภาสยังนิ่งทำท่าเยอะไม่ตอบอะไร
“ถ้าแกจะไม่กลับบ้านไปกับฉัน ฉันก็จะไม่บังคับแกล่ะ วันนี้แกยังไม่เข้าใจความหวังดีของฉัน แต่ฉันหวังว่า วันนึงแกจะเข้าใจ”
บุรธัชเดินผละออกไปจะไปที่รถ ,ณิชมนดึงพิมพ์นฤมลให้เดินไปด้วยกัน
“ผมยอมกลับไปด้วยก็ได้..”
บุรธัช ณิชมนและพิมพ์นฤมลหันไปมองรวิภาสอย่างดีใจ
“แต่ผมมีเงื่อนไข ถ้าพี่ธัชไม่ตกลง ผมก็ไม่กลับ”
“มีอะไรก็ว่ามา”
“พี่ธัชจะต้องเลิกกำหนดกฎเกณฑ์ชีวิตผม นอกจากเรื่องนมลแล้วขอผมใช้ชีวิตอย่างที่ผมต้องการ ผมขอแค่นี้แหละ”
“ได้ แกเรียนจบเมื่อไหร่ ฉันจะปล่อยให้แกเป็นอิสระไม่บังคับอะไรแกอีกเรากลับกันได้แล้วใช่มั้ย”
รวิภาสคว้ามือพิมพ์นฤมลดึงมาใกล้ รวิภาสกับพิมพ์นฤมลหันมาสบตากัน
“ผมขอเป็นคนไปส่งนมลนะครับ”
บุรธัชมองรวิภาสกับพิมพ์นฤมลความเห็นใจผ่านเข้ามาแว้บเดียวแล้วก็หายไป
“ก็ตามใจ เพราะแกคงจะไม่มีโอกาสอย่างนี้อีก”
รวิภาสดึงพิมพ์นฤมลไปที่รถ บุรธัชเดินแยกไปที่รถของตัวเองณิชมนตามบุรธัชมาอย่างข้องใจ
“คุณหมายความว่าไงคะ คุณจะไม่ให้คุณภาสได้เจอคุณนมลอีกหรือคะ”
“เธอเข้าใจถูกแล้ว นายภาสกับนมลจะต้องไม่เจอกันอีก นี่จะเป็นโอกาสสุดท้ายที่สองคนนั้นจะได้อยู่ด้วยกัน !”
ณิชมนมองบุรธัชนิ่งอึ้งไป
พรรณอรกับพรพรรณนั่งกันไม่เป็นสุขผลัดกันลุกไปชะเง้อมองไปข้างนอก
“ทำไมยังไม่มากันอีกนะ” พรรณอรพึมพำ
“ใจเย็นๆค่ะ พี่อร เดี๋ยวก็คงจะมากันแล้ว”
พันธ์นฤสรร์วิ่งหน้าเริดเข้ามารายงาน
“พี่นมลกลับมาแล้วครับ พี่นมลกลับมาแล้ว !”
บุรธัชกับณิชมนพาพิมพ์นฤมลเดินเข้ามา
“นมล !”
นมลเข้าไปกอดพรรณอรไว้
“คุณแม่..”
“นมล..แม่ดีใจจริงๆที่เห็นลูกกลับมา นี่ลูกไม่เป็นอะไรใช่มั้ยจ๊ะ”
“มาๆ ขอน้ากอดมั่ง รู้มั้ยว่า น้าเป็นห่วงเธอเหลือเกิน”
พรพรรณดึงพิมพ์นฤมลเข้ามากอด
“นมลขอโทษนะคะที่ทำให้ทุกคนเป็นห่วง”
“นมลไม่ต้องขอโทษหรอกจ้ะ นมลไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อย แล้วไหนล่ะ ตัวต้นเหตุไปไหนซะล่ะ จะไม่มาแสดงความรับผิดชอบอะไรเลยหรือไง”
รวิภาสค่อยๆ เดินเข้ามายืนรอรับผิด ทุกคนหันไปมองรวิภาส ณิชมนกับพิมพ์นฤมลมองรวิภาสอย่างเอาใจช่วยบุรธัชยืนนิ่งไม่แสดงความรู้สึก
“ประนอม พาพันสรออกไปก่อน ไป” พรรณอรสั่ง
ณิชมนรีบพาพันธ์นฤสรร์ออกไปจากบรรยากาศอึมครึมเคร่งเครียด รวิภาสเตรียมพร้อมรับทุกสถานการณ์
พรรณอรกับพรพรรณนั่งเป็นประธานในห้อง บุรธัชนั่งอยู่ด้วย รวิภาสกับพิมพ์นฤมลเดินเข้ามา พิมพ์นฤมลแยกไปนั่งห่างออกจากบุรธัช รวิภาสยืนนิ่งแล้วคุกเข่าลง คลานเข่าเข้าไปหาพรรณอร บุรธัชมองรวิภาสแล้วต้องอดกลั้นทำใจมองน้องชายที่ต้องคุกเข่าให้ศัตรู
“ผมขอโทษนะครับ ผมขอโทษจริงๆครับ อาอร”
รวิภาสจะก้มลงกราบที่เท้าของพรรณอร พรรณอรดึงมือรวิภาสไว้
“ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอก ภาส”
รวิภาสก้มกราบลงที่ตักของพรรณอรแทนแล้วหันไปไหว้พรพรรณ
“ผมขอโทษครับ อาอร ผมขอโทษนะครับ อาพร”
“แค่ขอโทษแล้วก็จบงั้นเหรอ มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ” พรพรรณกล่าว
“ผมรู้ครับ ผมทำเรื่องที่ไม่น่าอภัยได้เลย ผมยอมทำทุกอย่างเพื่อชดใช้ความผิดในครั้งนี้ครับ”
“เธอจะชดใช้ยังไงไม่ทราบ ชื่อเสียงนมลเสียหายยับเยินไปหมดแล้วมันสายไปแล้วล่ะที่เธอจะมาชดใช้อะไรในตอนนี้”
“ช่างเถอะน่า พร นมลก็กลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว เรื่องที่นมลหายไปอีกหน่อยคนก็ลืม เอาเป็นว่า อายกโทษให้ อาเข้าใจภาสนะ ภาสคงจะรักนมลมาก แต่ภาสก็ต้องรู้จักรักอย่างมีสติ อย่าให้อารมณ์ชั่ววูบทำร้ายคนที่เรารักได้”
“แล้วเราจะแน่ใจได้ไงคะว่า เหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก” พรพรรณถาม
ณิชมนเดินเข้ามาหยุดฟังอยู่ห่างๆ
“ผมขอรับรองว่า นายภาสจะไม่ทำเรื่องโง่ๆอย่างนี้อีก ผมจะส่งนายภาสไปซิดนีย์พรุ่งนี้ !”
บุรธัชไปบอกรวิภาสที่กำลังตกตะลึง
“ฉันจะให้แกไปเรียนต่อตอนนี้เลย ไม่ต้องรอให้เรียนจบที่นี่แล้ว”
“พี่ธัช !”
“นายภาสจะไม่กลับมาจนกว่าจะเรียนจบปริญญาโทหรืออาจจะจบปริญญาเอกเลย ทีนี้พวกคุณแน่ใจได้เลยว่า น้องชายของผมจะไม่ก่อเรื่องอะไรอีก มีปัญหาอะไรอีกมั้ยครับ ถ้าไม่มี ผมขอลากลับเลย”
บุรธัชลุกขึ้นยืน
“บอกลาทุกคนซะ รีบกลับบ้านล่ะ แกจะต้องกลับไปเตรียมตัวเดินทาง”
บุรธัชเดินดุ่มๆ ออกไป ณิชมนรีบตามบุรธัชออกไปรวิภาสหันมามองพิมพ์นฤมล เธอดูนิ่งสงบดูไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่
บุรธัชเดินมาที่รถ ณิชมนรีบตามมาขวางทางไว้
“คุณชายธัช คุณทำอย่างนี้ได้ไงคะ ทำไมคุณจะต้องแยกคุณภาสไปจากคุณนมลด้วย ทำไมคุณถึงเป็นคนใจร้ายใจดำอย่างนี้”
“ฉันช่วยให้นายภาสตัดใจจากนมลได้ง่ายขึ้น ไม่ดีหรือไง”
“คุณไม่ควรจะไปตัดสินใจแทนคนอื่น คุณภาสอาจจะไม่อยากตัดใจจากคุณนมลก็ได้”
“ฉันตัดสินใจไปแล้ว ยังไงนายภาสก็จะต้องไปจากที่นี่พรุ่งนี้”
“ฉันขอร้องล่ะค่ะ คุณชายธัช อย่าทำอย่างนี้เลย คุณภาสกับคุณนมลรักกัน แต่คบกันไม่ได้ก็ทรมานใจมากพอแล้ว แต่นี่ยังต้องจากกันไม่ได้เห็นหน้ากันไม่รู้อีกกี่ปี มันจะทรมานใจแค่ไหน”
“ก็ดี จะได้เป็นบทเรียน ไปรักคนที่ไม่สมควรรัก มันก็ต้องจบลงด้วยความเจ็บปวดอย่างนี้แหละ”
“ฉันคิดถูกแล้วที่ไปจากคุณ แล้วไม่ใช่ฉันคนเดียวที่จะไปจากคุณ คนที่ไม่หัวใจไม่รู้จักความรักอย่างคุณ สุดท้ายคุณจะไม่เหลือใครเลย คุณจะต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวไปจนวันตาย !”
ณิชมนเดินหนีบุรธัชกลับเข้าบ้านไป บุรธัชมองตามอย่างปวดใจ
อ่านต่อหน้าที่ 2
รักปาฏิหาริย์ ตอนที่ 22(ต่อ)
รวิภาสเดินวนไปเวียนมาอย่างกลุ้มใจพิมพ์นฤมลมองรวิภาสอย่างใจเย็น
“พี่จะไม่ไปเรียนต่อเด็ดขาด ยังไงก็ไม่ไป พี่ธัชทำอย่างนี้ได้ไง ก็รับปากพี่แล้วว่าจะไม่บังคับอะไรกันอีก”
“คุณชายธัชบอกว่า พี่ภาสเรียนจบเมื่อไหร่ถึงจะปล่อยให้เป็นอิสระต่างหากล่ะคะ”
“หมายความว่าไง พี่ธัชสามารถบังคับพี่ไปได้เรื่อยๆ จนกว่าพี่จะจบโทจบเอก แล้วต้องเรียนกี่ปีถึงจะจบ ถึงจะได้เป็นอิสระ”
“พี่ภาสไปเรียนต่อเถอะนะคะ พี่ภาส”
รวิภาสหันมามองพิมพ์นฤมลที่ดูไม่เดือดร้อนเท่าไหร่
“นมลรู้ใช่มั้ย ถ้าพี่ไปเรียนต่อ เราจะไม่ได้เจอกันอีก”
“นมลรู้ค่ะ นมลเป็นคนแนะนำให้คุณชายธัชส่งพี่ภาสไปเรียนต่อเอง”
“นมล !”
“แต่นมลไม่คิดว่า จะรวดเร็วขนาดนี้ แต่พี่ภาสไปตอนนี้เลยก็ดีจะได้ไปลงเรียนภาษาไว้ก่อน...”
“นมล ! นี่นมลอยากให้พี่ไปจากนมลเหรอ ถ้าอยากตัดขาดกันก็บอกกันตรงๆ ไม่ต้องใช้วิธีนี้กำจัดพี่ก็ได้”
“นมลไม่เชื่อใจพี่ภาส พี่ภาสเคยตัดสินใจผิดๆมาแล้ว นมลไม่อยากให้พี่ภาสทำผิดพลาดอีก ไปเรียนต่อเถอะค่ะ เพื่ออนาคตของพี่ภาสเองแล้วก็เพื่อชื่อเสียงของนมลด้วย พี่ภาสไปซะ คนอาจจะลืมๆเรื่องที่นมลหายตัวไปกับพี่ภาสได้เร็วขึ้น”
“ใช่ซินะ พี่ทำให้นมลเสียชื่อเสียง พี่จะต้องชดใช้ ได้ พี่จะไปเรียนต่อ ถ้านมลไม่อยากเห็นหน้าพี่อีก พี่ก็จะไป !”
รวิภาสเดินออกไป พิมพ์นฤมลมองตามอย่างเสียใจ
ณิชาภัทรนั่งรอบุรธัชอย่างกระวนกระวายใจ เธอลังเลใจเอื้อมมือไปหยิบซองสัญญาซื้อขายขึ้นมาจะลุกกลับไป
“เราไม่ผิด..นี่เป็นทางออกเดียวเท่านั้น..
ณิชาภัทรกลับลงนั่งใหม่ บุรธัชรีบเร่งเดินเข้าบ้านมา
“ธัช !
“ไม่ใช่เวลานี้ ณิชา ผมมีเรื่องสำคัญที่จะต้องจัดการ
อาจเดินเข้ามา
“ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย ลุงอาจ” บุรธัชถาม
“ผมจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินเรียบร้อยแล้วครับ คุณชาย โชคดีที่คุณชายยังไม่ขายอพาร์ทเม้นท์ที่นั่น เรื่องที่พักก็เลยไม่เป็นปัญหา ติดก็แต่เรื่องเอกสารการเรียนที่นี่คงต้องส่งตามไปทีหลัง”
“นี่ใครจะไปไหนหรือคะ” ณิชาภัทรถาม
“คุณชายจะส่งคุณภาสไปเรียนต่อที่ออสเตรเลียครับ เดินทางพรุ่งนี้”
“ทำไมกะทันหันอย่างนี้ล่ะคะ นี่เป็นเพราะเรื่องนมลใช่มั้ยคะ ธัชตัดสินใจผิดแล้วนะคะ นี่ค่ะ ธัชดูนี่ซะก่อนแล้วค่อยตัดสินใจเรื่องภาสกับนมลใหม่”
“นี่อะไร”
“สัญญาซื้อขายไร่บุริศราวัณ นี่จะเป็นหลักฐานพิสูจน์ว่าคุณชายนฤสรณ์ไม่ได้โกงท่านพ่อของธัชค่ะ”
บุรธัชรับซองเอกสารจากณิชาภัทรมาเปิดออกดูทันที
ณิชมนกึ่งดีใจกึ่งไม่แน่ใจเมื่อได้รู้เรื่องหลักฐานสัญญาซื้อขายไร่บุริศราวัณจากพงษ์เทพ
“แล้วคุณไปได้สัญญาซื้อขายมาจากไหนคะ”
พงษ์เทพไม่กล้าสบตาณิชมนนัก
“คุณณิชาเป็นคนไปหาจนเจอ ตอนนี้หลักฐานทั้งหมดคงอยู่ในมือคุณชายธัชแล้ว คุณชายได้รู้ความจริงอย่างนี้แล้ว เรื่องภาสกับนมลก็ไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป ทีนี้คุณกลับไปซิดนีย์กับผมได้แล้วใช่มั้ยครับ”
ณิชมนนิ่งอึ้งคิด
“หรือว่าคุณมีเรื่องอะไรให้ห่วงอีก”
“ไม่มีค่ะ ไม่มี นอกจากเรื่องคุณภาสกับคุณนมลแล้ว ฉันจะยังมีเรื่องอะไรให้ห่วงอีกล่ะคะ”
“แล้วคุณชายธัชล่ะครับ ผมรู้สึกว่า คุณชายจะมีความสำคัญต่อคุณมากบางทีนะผมก็สงสัยว่าที่คุณไม่ยอมไปจากที่นี่ซักทีเพราะว่าคุณตัดใจจากคุณชายไม่ได้ ถามจริงๆ คุณกับคุณชายมีอะไรมากกว่าที่ผมรู้หรือเปล่า”
“คุณชายธัชเคยช่วยชีวิตฉันไว้หลายครั้ง เค้าเป็นคนที่มีบุญคุณกับฉัน ฉันไม่มีสิทธิ์คิดกับคุณชายเป็นอย่างอื่นไปได้หรอกค่ะ”
“ถ้าคุณคิดกับคุณชายธัชแค่นั้นจริงๆ ก็ดีแล้ว คุณก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป”
“คุณพงษ์เทพ..”
“หน้าที่แม่บ้านประนอมของคุณจบแล้ว คุณณิชมน พรุ่งนี้ผมจะมารับคุณไปสนามบินด้วยกัน ไม่ต้องเอากระเป๋าเดินทางไป ไปแต่ตัวก็พอ”
พงษ์เทพเดินออกไป ณิชมนนิ่งอึ้งอย่างไม่มีทางเลือก
บุรธัชตรวจอ่านสัญญาซื้อขายอย่างนิ่งขรึมเดาอารมณ์ไม่ได้ ณิชาภัทรยืนกลั้นใจมองอย่างลุ้นๆอยู่บุรธัชส่งสัญญาซื้อขายให้อาจดูอีกคน อาจมองปราดเดียวแล้วมองณิชาภัทรอย่างรู้ทัน
“คุณทำอย่างนี้ทำไม ณิชา”
“ณิชาทำอะไรคะ นี่ณิชาอุตส่าห์ช่วย..”
“ช่วยสร้างหลักฐานปลอมงั้นเหรอ ณิชา”
“หลักฐานนี้เป็นของจริงนะคะ ธัช ณิชาไปค้นเจอในตู้เซฟของคุณย่า”
“พอได้แล้ว ณิชา นี่คิดว่าผมโง่นักหรือไง คุณอาจจะปลอมลายเซ็นท่านพ่อได้เหมือนจนแทบจับไม่ได้ แต่ดูนี่ ดูชื่อพยาน เป็นชื่อลุงอาจได้ยังไงในเมื่อลุงอาจไม่เคยเห็นสัญญาซื้อขายฉบับนี้เลย”
“ครับ ท่านชายบริพัตรกับคุณชายนฤสรณ์ไปซื้อขายไร่กันตอนไหน ผมก็ยังไม่รู้เลยครับ”
“ณิชาขอโทษค่ะที่ต้องทำอย่างนี้ ก็ณิชาอยากให้เรื่องวุ่นวายทั้งหมดจบลงซะที ธัชจะได้เลิกโกรธแค้นคนบ้านสรณาลัย ภาสกับนมลจะได้รักกันได้ แล้วที่สำคัญธัชกับภาสไม่ต้องตัดขาดกัน ณิชาทำทุกอย่างก็เพื่อธัชคนเดียวนะคะ”
“ถ้าคุณอยากจะทำเพื่อผมล่ะก็ เลิกยุ่งเรื่องของผมซะที”
“แต่ถ้าเป็นประนอมล่ะก็ ยุ่งได้ใช่มั้ยคะ ผู้หญิงคนนั้นยุ่งวุ่นวายกับธัชได้ทุกเรื่อง แต่ณิชายุ่งไม่ได้ นี่ธัชเห็นณิชาเป็นอะไรคะ”
“ผมเห็นคุณเป็นเพื่อน แล้วถ้าขืนคุณทำเรื่องโง่ๆอย่างนี้อีกล่ะก็ เราอาจจะไม่เหลือแม้แต่ความเป็นเพื่อนก็ได้ ณิชา !”
บุรธัชเดินออกไป ณิชาภัทรนิ่งอึ้งเสียใจ
พงษ์เทพเดินกลับมาที่รถ เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นพงษ์เทพหยิบมือถือขึ้นมากดรับ
“ฮัลโหล ว่าไงครับ คุณณิชา ว่าไงนะครับ”
ณิชาภัทรเดินกลับมาที่รถที่จอดอยู่หน้าบ้านบุริศราวัณ
“ธัชจับได้ค่ะว่า สัญญาเป็นของปลอม ไหนคุณบอกว่า คุณจ้างมืออาชีพไงคะ ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ พลาดในสิ่งที่ไม่ควรพลาดได้ สรุปว่า แผนของเราล้มเหลว จะทำยังไงต่อไปล่ะทีนี้”
“แผนของเรายังไม่ล้มเหลวหรอกครับ ผมจะรีบพาคุณนอมไปจากที่นี่พรุ่งนี้เช้า ก่อนที่คุณนอมจะรู้ความจริง”
“ณิชาขออวยพรให้คุณโชคดีพาประนอมไปได้สำเร็จแล้วกันนะคะ เออ..คุณพงษ์เทพคะ นี่คุณรู้แล้วใช่มั้ยคะว่า คุณนอมของคุณนี่เป็นใครตกลงเค้าเป็นใคร ชื่ออะไรคะ บอกณิชาหน่อยได้มั้ยคะ”
“ผมว่า คุณอย่ารู้จะดีกว่าครับ คุณณิชา”
พงษ์เทพกดมือถือปิดไป ณิชาภัทรนิ่งคิดคาใจเล็กๆ
บ้านสรณาลัยในตอนค่ำพิมพ์นฤมลนั่งเหม่อลอยมีนิตยสารท่องเที่ยวอยู่ในมือ พรรณอรกับพรพรรณเดินมาหยุดมองพรรณอรขยับจะไปหา พรพรรณดึงพรรณอรไว้
“เดี๋ยวก่อนค่ะ พี่อร พรมาคิดดูแล้วนะคะ...”
“เราไม่มีเวลาแล้วนะ ยัยพร”
พรรณอรรีบเดินไปหาพิมพ์นฤมล พิมพ์นฤมลทำตัวเป็นปกติรีบค้นหานิตยสารอีกเล่มมาเปิดดู
“คุณแม่มาพอดีเลย เราจะไปเที่ยวไหนกันดีคะ คุณแม่ออกจากบ้านได้แล้ว เราน่าจะฉลองกันหน่อยนะคะ ไปเที่ยวกันไกลๆเลย ไปยุโรปดีมั้ยคะ”
“นมล..เรื่องพี่ภาสน่ะ..”
“พี่อรอย่าเพิ่งให้ความหวังกับนมลเลยค่ะ เรายังไม่รู้แน่เลยว่า ในตู้เซฟธนาคารจะมีหลักฐานที่เราต้องการหรือเปล่า”
“นี่คุณแม่กับน้าพรพูดเรื่องอะไรกันคะ”
“แม่เจอกุญแจตู้เซฟธนาคารน่ะจ้ะ คุณพ่อต้องเก็บสัญญาซื้อขายไร่บุริศราวัณไว้ที่นั่นแน่ๆเลย พรุ่งนี้เราไปที่ธนาคารแต่เช้ามืดเลยนะเราต้องหาหลักฐานให้เจอก่อนที่พี่ภาสจะเดินทาง ให้ประนอมซิ่งเลยนะลูก จะได้ไปทันเวลา”
“นมลไปเองคนเดียวดีกว่าค่ะ นมลรบกวนพี่นอมมากเกินไปแล้ว แล้วอีกอย่างถ้าพี่นอมรู้ พี่ภาสก็ต้องรู้ด้วย เดี๋ยวได้เป็นเรื่องอีก ให้เราได้หลักฐานอยู่ในมือก่อน แล้วค่อยบอกคนอื่นๆดีกว่านะคะ คุณแม่”
พิมพ์นฤมลเริ่มมีความหวังขึ้นมาบ้าง
ณิชมนถือผ้าพันคอเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าตัวบ้านบุริศราวัณ
“เราควรคืนให้เจ้าของเค้าซักที”
ณิชมนเดินต่อไปแล้วชะงักเปลี่ยนใจ
“อย่าดีกว่า เราไม่ควรพบกันอีก..”
“ประนอม !” บุรธัชเรียก
ณิชมนยืนนิ่งรู้สึกพลาดที่ตัดสินใจมา เธอค่อยๆ หันมาเผชิญหน้ากับบุรธัช
“ฉันขอโทษที่มารบกวนค่ะ ฉันอยากรู้ว่า ในเมื่อคุณรู้ความจริงแล้ว คุณจะทำยังไงต่อไปคะ”
“นี่เธอพูดเรื่องอะไร เรื่องนายภาสกับนมลงั้นเหรอ เรื่องสองคนนั้นจบไปแล้ว ไม่มีอะไรต้องพูดถึง”
“จบไปแล้ว..หมายความว่าไงคะ คุณยอมจบปัญหาทุกอย่างแล้วใช่มั้ยคะ”
“ฉันไม่เรียกว่าจบหรอก ตอนนี้ฉันไม่มีเรื่องค้างคาใจ ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้ว ฉันยอมถอย ฉันจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับคนบ้านสรณาลัยอีก”
ณิชมนตีความเอาเองว่าบุรธัชจะไม่ขัดขวางพิมพ์นฤมลจากรวิภาสอีก
“งั้นฉันก็สบายใจได้แล้ว ขอบคุณแทนทุกคนที่บ้านสรณาลัยนะคะนี่ค่ะ คุณช่วยรับผ้าพันคอนี่ไว้ได้มั้ยคะ”
“ทำไมฉันต้องรับไว้ได้วย”
“เถอะน่า ซักวันฉันจะบอกคุณเองนะคะ ตอนนี้คุณรับไว้ก่อน ฉันเก็บไว้ให้คุณนานเกินไปแล้ว”
บุรธัชมองณิชมนที่ทำเหมือนตัดใจให้ผ้าพันคอคืนเป็นการบอกลา
“ไม่ เธอต้องเก็บผ้าพันคอผืนนี้ไว้ที่เธอต่อไป...”
บุรธัชดึงณิชมนเข้ามาใกล้
“ตราบใดที่ผ้าพันคอผืนนี้ยังอยู่ที่เธอ เธอก็ยังไปจากฉันไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เราได้เจอกัน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เราได้อยู่ด้วยกันอย่างนี้...”
บุรธัชดึงณิชมนเข้ามากอดไว้
“ฉันไม่เคยคิดว่า ในชีวิตนี้ฉันจะพูดคำนี้ แต่ฉันเชื่อว่า ปาฏิหาริย์ทำให้เราได้เจอกัน และความรักจะทำให้เราได้อยู่ด้วยกัน ถ้าหากแค่เธอจะยอมลืมอดีตของเธอ แล้วมาเริ่มต้นใหม่กับฉัน”
ณิชมนดันตัวบุรธัชออกไป
“ฉันทำไม่ได้...ฉันเริ่มต้นใหม่กับคุณไม่ได้...”
“นี่เธอยังไม่รู้อีกหรือไงว่า ฉันรู้สึกยังไงกับเธอ... ฉันรักเธอนะ ประนอม”
“ฉันไม่ใช่ประนอม คุณจะรักผู้หญิงที่คุณไม่รู้จักแม้แต่ชื่อได้ยังไง วันนี้คุณอาจจะไม่สนใจว่า ฉันเป็นใคร แต่ต่อไปจะไม่มีซักเสี้ยวนาทีเลยหรือคะที่คุณจะระแวงสงสัยว่า ฉันเป็นใคร”
ณิชมนมองผ้าพันคอในมือแล้วกัดฟันพูดต่ออย่างคนปากแข็ง
“ฉันไม่เชื่อในปาฏิหาริย์ค่ะ ไม่มีปาฏิหาริย์ ไม่มีความรัก ที่เราได้พบกันเป็นเรื่องบังเอิญเท่านั้น ลาก่อนค่ะ คุณชายธัช”
ณิชมนรีบเดินออกไปก่อนที่น้ำตาจะไหล บุรธัชมองตามอย่างตัดใจไม่ได้
เช้าวันใหม่ รถพิมพ์นฤมลแล่นเร็วมาจอดที่หน้าธนาคารในเมือง พิมพ์นฤมลลงจากรถอย่างรีบร้อนเดินไปหยุดหน้าธนาคารที่ยังไม่เปิดทำการเธอมองนาฬิกาข้อมืออย่างร้อนใจ
บุรธัชนั่งจิบกาแฟรออยู่อย่างไม่รับรู้รสกาแฟเลย อาจเดินนำคนรับใช้ที่ลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ออกมา
“เอาไปไว้ที่ท้ายรถเลย ไป” อาจพูด
คนรับใช้ลากกระเป๋าออกไปที่หน้าบ้าน
“ไปดูนายภาสให้หน่อยซิ ลุงอาจ”
รวิภาสเดินเข้ามา
“ไม่ต้องกลัวว่าผมจะหนีไปไหนหรอกครับ ผมเป็นคนรักษาคำพูด แล้วก็หวังว่าพี่ธัชจะรักษาคำพูดของตัวเองเหมือนกัน”
“ฉันไม่ผิดคำพูดแน่ แกจะได้เป็นอิสระเมื่อถึงเวลา แล้วเมื่อแกอายุยี่สิบห้าเมื่อไหร่ แกจะได้มรดกในส่วนของแก ส่วนไร่บุริศราวัณ..”
“ผมเรียนจบ ผมจะกลับมาดูแลไร่บุริศราวัณเอง ทำไมผมจะไม่รู้ พี่ธัชไม่ได้รักไร่ของเรา แต่ต้องแบกรับภาระดูแลไร่ดูแลผมด้วยความจำเป็น ถึงเวลาที่ผมจะปล่อยให้พี่ธัชได้เป็นอิสระบ้าง”
“คุณชายอาจจะดูแลไร่เพราะความจำเป็น แต่ที่คุณชายดูแลคุณภาสก็ไม่ใช่เพราะหน้าที่บังคับ แต่เป็นเพราะว่ารักคุณภาส คุณชายก็มีน้องชายอยู่คนเดียว..” อาจกล่าว
“ไม่ต้องพูดมากน่า ลุงอาจ ได้เวลาแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ผมพูดจริงๆ นะครับ พี่ธัช ผมจะดูแลไร่ของเราเอง พี่ธัชทนทำงานที่ไม่ได้รักจนไม่มีความสุขในชีวิต ก็เลยเห็นคนอื่นมีความสุขไม่ได้ พี่ธัชได้กลับไปทำงานที่ตัวเองรัก พี่ธัชจะได้เลิกทำลายความสุขของคนอื่นซักที”
รวิภาสเดินออกไป บุรธัชมองตามอย่างพยายามทำใจ
ที่บ้านสรณาลัย ณิชมนเดินมาอย่างระวังตัวมองซ้ายมองขวามาตลอดทาง พงษ์เทพเดินออกมาจากที่หลบซ่อนตัว
“ผมอยู่นี่ครับ คุณณิช ผมจอดรถอยู่ข้างนอกโน่น ไม่อยากให้คนในบ้านเห็น ไปเร็วครับ เดี๋ยวจะไม่ทันเครื่องบิน”
ณิชมนมองไปที่ตัวบ้านสรณาลัย
“คุณนมลจะคิดยังไง ถ้าอยู่ๆ ฉันหายตัวไปอย่างนี้ ที่จริงฉันตั้งใจจะบอกความจริงคุณนมลอยู่แล้ว..”
“นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดเรื่องนี้นะครับ คุณไปจากที่นี่โดยที่ทุกคนไม่รู้อะไรเลยน่ะเป็นผลดีกับคุณมากกว่า ไปเถอะครับ คุณณิช”
พงษ์เทพดึงตัวณิชมนไป พันธ์นฤสรร์วิ่งออกมาจากในบ้าน
“พี่นอม ! พี่นอมจะไปไหนครับ”
“ไม่ต้องสนใจ รีบไปเถอะครับ นี่เป็นโอกาสเดียวของคุณแล้วนะ”
“พี่นอม !”
ณิชมนขืนตัวไว้ไม่ให้พงษ์เทพดึงตัวไป พันธ์นฤสรร์วิ่งมาจนทันณิชมน
“พี่นอมจะไปไหนกับคุณพงษ์เทพครับ”
“ไปธุระนิดหน่อยค่ะ”
“ธุระของคุณพงษ์เทพเอาไว้ก่อนนะครับ คุณแม่ให้ผมมาบอกพี่นอมให้รีบไปบ้านพี่ชายธัชด่วนจี๋เลย พี่นอมต้องดักตัวพี่ภาสไว้ก่อน อย่าให้พี่ภาสไปไหนจนกว่าพี่นมลจะไปถึง ไม่รู้ว่าพี่นมลได้หลักฐานแล้วหรือยัง”
“หลักฐาน..หลักฐานอะไรคะ”
“ก็สัญญาซื้อขายไร่บุริศราวัณไงครับ คุณแม่รู้แล้วล่ะครับว่า อยู่ที่ไหนพี่นมลกำลังไปเอามา”
ณิชมนหันขวับมามองพงษ์เทพ
“ผม..ผมอธิบายได้ ฟังผมก่อนนะครับ”
พงษ์เทพดึงณิชมนไว้
“ปล่อยฉัน ฉันไม่มีเวลามาฟังคำโกหกของคุณ !”
ณิชมนเบี่ยงตัวออกจากพงษ์เทพ แล้วรีบเดินออกไป พันธ์นฤสรร์วิ่งตามไปพงษ์เทพคอตกหมดหวังไป
บุรธัชเดินมาส่งรวิภาสที่รถ รวิภาสจะแยกเดินไปขึ้นรถเลย อาจรั้งรวิภาสไว้
“ลาคุณชายก่อนเถอะครับ คงอีกนานกว่าจะได้เจอกันอีก”
อาจแยกเดินไปนั่งที่นั่งคนขับ รวิภาสมองบุรธัชราวกับเป็นศัตรูกัน
“ยังพอมีเวลา จะไปลานมลก่อนก็ได้นะ ฉันอนุญาต”
“ไม่ล่ะครับ ผมไม่ชอบบอกลาใคร แล้วถ้าผมจะบอกลาใครล่ะก็หมายความว่า ผมจะไม่เจอคนๆนั้นอีกเลยตลอดชีวิต ลาก่อนนะครับ พี่ธัช”
รวิภาสยกมือไหว้ลาบุรธัชแล้วเดินขึ้นรถไปรถรวิภาสแล่นออกไปจากบ้าน บุรธัชยืนมองอย่างรู้สึกโดดเดี่ยว
รถพิมพ์นฤมลแล่นเร็วมาตามถนน พิมพ์นฤมลขับรถอย่างร้อนใจพลางมองไปที่เบาะข้างๆที่มีซองเอกสารวางอยู่เธอเหยียบคันเร่งขับรถพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
อ่านต่อหน้าที่ 3
รักปาฏิหาริย์ ตอนที่ 22 (ต่อ)
ณิชมนรีบร้อนเข้ามาในบ้านบุริศราวัณมองไปรอบๆบ้านมองหารวิภาสอย่างร้อนใจ บุรธัชเดินออกมาจากห้องทำงานณิชมนรีบตรงเข้าไปหาบุรธัช
“คุณภาสล่ะคะ คุณภาสยังไม่ไปใช่มั้ยคะ”
“เธอกลับมาทำไมที่นี่อีก”
“คุณภาสล่ะคะ คุณบอกฉันมาก่อนว่า คุณภาสอยู่ที่ไหน”
“นายภาสไปแล้ว ป่านนี้คงถึงสนามบินแล้วล่ะมั้ง”
“คุณให้คุณภาสไปไม่ได้นะคะ คุณต้องรีบโทรตามคุณภาสกลับมาเดี๋ยวนี้เลย คุณไม่มีเหตุผลอะไรที่จะแยกคุณภาสไปจากคุณนมลแล้ว คุณนมลหาหลักฐานที่คุณต้องการเจอแล้ว”
“เมื่อวานฉันได้เห็นหลักฐานที่เธอว่าแล้ว นี่เป็นฝีมือของคนบ้านสรณาลัยเองน่ะเหรอ ฉันก็นึกอยู่แล้ว ณิชาไม่น่าคิดแผนการเลวๆ อย่างนี้ได้ คุณพรรณอรอยากได้นายภาสเป็นลูกเขยถึงขนาดปลอมแปลงเอกสารเชียวเหรอ น่าสมเพชจริงๆ”
“ฉันยืนยันได้ค่ะว่า หลักฐานของคุณผู้หญิงเป็นของจริงค่ะ”
“ฉันไม่เชื่อ !”
“ถ้าคุณชายไม่เชื่อ ก็มาพิสูจน์เองดีมั้ยคะ” พิมพ์นฤมลพูดขึ้น
บุรธัชกับณิชมนหันไปมอง พิมพ์นฤมลยืนถือซองเอกสารยืนอยู่เธอค่อยๆ เดินเข้าไปหาบุรธัชแล้วส่งซองเอกสารให้
“นี่ค่ะ สัญญาซื้อขายไร่บุริศราวัณฉบับจริง !”
บุรธัชมองซองเอกสารในมือพิมพ์นฤมลอย่างไม่แน่ใจนัก
ณิชาภัทรถือโทรศัพท์มือถือเดินไปเดินมาอย่างไม่อยู่สุข
“ทำไมไม่โทรมาอีกนะ”
ณิชาภัทรจะกดมือถือโทรหาพงษ์เทพ นวลแขเดินเข้ามา
“จะโทรหาใคร ณิชา จะโทรหาคุณพงษ์เทพใช่มั้ย เรากับคุณพงษ์เทพมีแผนการอะไรอีก บอกย่ามาซิ เราทำอย่างนี้เพื่ออะไร ต่อให้เราช่วยให้บ้านบุริศราวัณกับบ้านสรณาลัยกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ คุณชายก็ไม่หันมามองเราหรอกนะ”
“แต่อย่างน้อยณิชาก็กำจัดประนอมไปได้ล่ะค่ะ ประนอมจะไปจากที่นี่ก็ต่อเมื่อธัชวางมือเรื่องนายภาสกับนมล ที่เหลือณิชาคงไม่ต้องอธิบายอะไรอีกแล้วนะคะ”
“ย่าผิดหวังในตัวเราจริงๆ ณิชา”
“ณิชารักธัช ณิชาทนเห็นธัชหลงรักผู้หญิงที่ไม่รู้ที่มาที่ไปได้ยังไง”
“แต่คุณชายไม่ได้รักเราแล้ว แล้วเราจะไปวิ่งไล่ตามคนที่ไม่ได้รักทำไม”
“แต่ธัชเคยรักณิชามาก่อน ณิชาทำให้ธัชกลับมารักณิชาได้แน่”
“แน่ใจหรือว่าคุณชายเคยรักเราจริงๆ ..”
ณิชาภัทรนิ่งอึ้งอย่างเจ็บหัวใจ,ลึกๆก็รู้อยู่ว่าบุรธัชไม่เคยรักด้วยหัวใจ
“ปล่อยมือจากคุณชายซะ ณิชา อย่าทำตัวไร้ค่าไปกว่านี้เลย”
พรรณอรกับพรพรรณเดินเข้ามา
“คุณพรรณอร...” นวลแขพูด
นวลแขมองพรรณอรกับพรพรรณรู้ว่ามีเรื่องอะไรอีกแน่
บุรธัชตรวจอ่านสัญญาซื้อขายอย่างละเอียดถี่ยิบเขาวางสัญญาซื้อขายลงบนโต๊ะอย่างไม่อยากเชื่อว่าเป็นความจริง
“ฉันยังไม่แน่ใจว่า สัญญาฉบับนี้เป็นฉบับจริงหรือเปล่า คงต้องรอให้ลุงอาจกลับมาก่อน ลุงอาจเป็นคนเดียวที่จำลายเซ็นท่านพ่อได้”
“สัญญาฉบับนี้ต้องเป็นฉบับจริงแน่ๆ ไม่งั้นคุณพ่อคุณนมลไม่เอาไปเก็บไว้ในเซฟธนาคารหรอกค่ะ เรามีทางที่จะพิสูจน์ได้นะคะเราลองติดต่อพยานที่เซ็นร่วมในสัญญานี่ซิคะ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ พี่นอม นมลมีหลักฐานอีกชิ้นที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของคุณพ่อได้ นี่ค่ะ จดหมายที่ท่านลุงเขียนถึงคุณพ่อก่อนที่ท่านจะเสีย”
บุรธัชเอื้อมมือไปรับจดหมายจากพิมพ์นฤมลด้วยความกลัวอย่างบอกไม่ถูก
“คุณพ่อต้องเก็บเอกสารทุกอย่างไว้ที่เซฟธนาคาร ก็เพราะไม่อยากให้ใครได้เห็นจดหมายฉบับนี้ค่ะ”
บุรธัชถือจดหมายเดินผลุนผลันออกไป
“จดหมายอะไรหรือคะ”
“จดหมายลาตายค่ะ พี่นอม”
ณิชมนนิ่งอึ้งไปด้วยความตกใจ
บุรธัชถือจดหมายมาอ่านที่มุมเงียบอีกมุมของบ้าน เขาอ่านด้วยความมึนงงเหมือนถูกคนทุบหัวก่อนจะค่อยๆเข้าใจเรื่องทั้งหมด บริพัตรเขียนข้อความในจดหมายไว้ว่า
“..นฤสรณ์..นายบอกเสมอว่า ทุกปัญหามีทางออก แต่ฉันไม่มีทางออกจริงๆ ตอนนี้ฉันหมดสิ้นทุกอย่างแล้ว ฉันมองไม่เห็นทางที่จะกอบกู้ไร่บุริศราวัณได้เลย มีนายคนเดียวที่จะช่วยฉันได้ ได้โปรดดูแลไร่แทนฉันด้วย ส่วนลูกๆ ฉันเชื่อว่าบุรธัชจะดูแลรวิภาสได้เป็นอย่างดี ลูกไม่ควรจะมีพ่ออย่างฉัน... ฉันเคยบอกนายหรือยังว่า นายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน...นฤสรณ์”
“จากเพื่อนของนาย บริพัตร” บุรธัชอ่าน
บุรธัชนิ่งอึ้งปล่อยจดหมายร่วงหล่นลงพื้นณิชมนเดินเข้ามา บุรธัชหันหน้าหนีน้ำตาไหลด้วยความรู้สึกที่ประดังประเดเข้ามา
“คุณชายธัช..”
“ออกไป...ฉันอยากอยู่คนเดียว”
“ฉันไม่ไปค่ะ ฉันจะอยู่กับคุณ”
บุรธัชเดินหนีณิชมน ณิชมนดึงบุรธัชไว้แล้วโอบกอดบุรธัชปลอบใจ บุรธัชใจอ่อนยวบยอมหยุดนิ่งให้ณิชมนกอดไว้
“ไม่ว่าคุณจะผิดหวังเสียใจแค่ไหน ความรู้สึกของคุณก็จะไม่มีวันเปลี่ยนหรอกค่ะ ยังไงคุณก็จะรักท่านตลอดไป..”
บุรธัชกอดณิชมนไว้แน่นไม่เก็บอารมณ์ความรู้สึกผิดหวังเสียใจอีก
รถรวิภาสแล่นไปตามถนน อาจขับรถอยู่ รวิภาสนั่งฟังเพลงจากไอพอดอยู่ที่ด้านหลังรถเขาฟังเพลงไปกดดูรูปนมลจากมือถือแล้วกดปิดอย่างตัดใจเสียงโทรศัพท์มือถือของอาจดังขึ้น อาจกดรับโทรศัพท์
“สวัสดีครับ คุณหญิง ครับ ได้ครับ ผมจะกลับไปเดี๋ยวนี้ครับ”
รถรวิภาสตีรถเลี้ยวกลับไปทางที่มา รวิภาสถอดหูฟังชะโงกมองอาจอย่างแปลกใจ
“ลุงอาจจะไปไหน ไม่ไปสนามบินแล้วเหรอครับ”
“ไม่ไปแล้วล่ะครับ คุณหญิงนวลแขสั่งให้เรากลับบ้านเดี๋ยวนี้เลย”
“เกิดเรื่องอะไรที่บ้านเหรอ พี่ธัชเป็นอะไรหรือเปล่า”
“เดี๋ยวไปถึงบ้านก็รู้ครับ”
“ผมต้องรู้เดี๋ยวนี้ เมื่อกี้ใครโทรมา คุณหญิงย่าใช่มั้ย”
รวิภาสรีบคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรกลับไปหานวลแข
“ทำไมปิดมือถือแล้วล่ะ พี่ณิชา..พี่ณิชาต้องรู้แน่ว่า เกิดอะไรขึ้น”
รวิภาสรีบกดโทรศัพท์ใหม่หาณิชาภัทรอย่างกังวลใจ
นวลแข พรรณอร พรพรรณนั่งอยู่ด้วยกัน พิมพ์นฤมลเดินนำดาวเรืองเข้ามานั่งแล้วพิมพ์นฤมลแยกไปนั่งห่างออกไป
“นี่ยัยพร เธอโทรเชิญอาจารย์ดาวเรืองมาด้วยเหรอ ไปรบกวนท่านทำไม”
“เราเชิญคุณหญิงนวลแขแล้วไม่เชิญอาจารย์ดาวเรืองได้ไงคะ พี่อรท่านทั้งสองเป็นผู้ใหญ่ที่เราเคารพนับถือ เป็นคนกลางช่วยไกล่เกลี่ยปัญหาของเราสองบ้านมาเป็นสิบปี ก็ต้องให้ท่านมารับรู้ความจริงด้วยซิคะ แล้วนี่ยังขาดใครอีกนะ”
“ณิชาไม่มาด้วยหรือคะ” ดาวเรืองถาม
“ฉันไม่ให้มาเองแหละ แค่นี้คุณชายก็มีปัญหามากพอแล้ว” นวลแขตอบ
บุรธัชกับณิชมนเดินเข้ามา ณิชมนชะงักเมื่อเห็นดาวเรือง พรรณอรรีบเดินไปหาบุรธัชทันที
“คุณพรรณอร..”
พรรณอรกอดบุรธัชปลอบใจ
“เรียกอาอรเหมือนเดิมดีกว่านะคะ คุณชาย อาเข้าใจความรู้สึกของคุณชายนะคะ”
“ผมขอโทษครับ ผมขอโทษสำหรับทุกอย่างที่ทำลงไป”
บุรธัชกราบลงที่ไหล่ของพรรณอร
“ไม่ใช่ความผิดของคุณชายหรอกค่ะ”
“ได้ยังไงคะ พี่อร”
ดาวเรืองจับตามองณิชมนจนอึดอัดใจ ณิชมนค่อยๆแยกตัวหลบออกมา
“คุณชายเข้าใจผิดเพราะว่าทางฝ่ายเราไม่เคยให้คำตอบที่ชัดเจนให้กับคุณชายได้นะ ยัยพร ถ้าเราหาหลักฐานเจอตั้งแต่แรก ปัญหาก็คงไม่ยืดเยื้อมาเป็นสิบปี อาขอโทษด้วยนะคะ คุณชาย”
“อาอรอย่าทำให้ผมต้องรู้สึกผิดมากไปกว่านี้เลยครับ ผมผิดอย่างไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ ผมน่าจะเชื่อใจไว้ใจอานฤสรณ์ แต่ผมเลือกจะเชื่อในสิ่งที่ผมอยากเชื่อเท่านั้น ผมเชื่อผิดๆตลอดมา ผมไม่คิดเลยว่า..”
“ท่านพ่อของคุณชายคิดฆ่าตัวตายก็จริง แต่ท่านชายก็เปลี่ยนใจในนาทีสุดท้ายค่ะ ท่านโทรมาบอกคุณนฤสรณ์ว่า ท่านจะลุกขึ้นสู้ใหม่เพื่อลูกๆของท่าน แต่แล้วท่านเกิดบังคับรถไม่ได้..รถเสียหลักลงข้างทางท่านชายเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุนะคะ ไม่ใช่เพราะฆ่าตัวตาย”
“ไม่ว่าท่านพ่อจะตายเพราะสาเหตุอะไร ก็ไม่เปลี่ยนแปลงอะไรหรอกครับ”
“แต่การที่คุณชายได้รู้ความจริงแล้ว น่าจะเปลี่ยนแปลงอะไรๆหลายอย่างได้นะ คุณชาย”
“แล้วก็เป็นการเปลี่ยนแปลงไปทางที่ดีขึ้นด้วยนะคะ เราจะเริ่มที่เรื่องไหนก่อนดี เรื่องภาสกับนมลดีมั้ยคะ คุณชาย” ดาวเรืองเสนอ
บุรธัชหันไปมองมองพิมพ์นฤมลอย่างรู้สึกผิด
“ครับ ผมรู้แล้วว่า ผมควรจะทำยังไงต่อไป”
บุรธัชยอมรับกับทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นต่อไปอย่างเต็มใจ
ณิชมนเดินหลบเข้ามาในครัวดาวเรืองเดินเข้ามา ณิชมนรีบทำเหมือนกำลังเตรียมน้ำชากาแฟอยู่
“อาจารย์จะรับกาแฟหรือชาดีคะ”
“หนูคิดจะทำยังไงกับชีวิตตัวเองต่อไป”
“อาจารย์ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ หนูคงเป็นแม่บ้านประนอมไปอีกไม่นานหรอกค่ะ หนูขอบคุณอาจารย์จริงๆที่เมตตาหนู ไม่บอกใครเรื่องหนู”
“ที่ฉันไม่บอกเรื่องหนูกับคุณหญิงนวลแข เพราะฉันรู้ว่า หนูยังไม่พร้อมการที่หนูยอมติดคุกดีกว่าที่จะกลับไปอยู่คุณยาย ทำให้ฉันคิดไม่ตกว่าฉันควรจะทำยังไงดี”
“หนูบอกแล้วว่า หนูไม่ใช่ณิชมน”
“ฉันจะปล่อยให้คุณยายของหนูเสียใจที่ตามหาหนูไม่เจอซักที หรือจะยอมให้ท่านหัวใจสลายด้วยการเรียนท่านว่า ฉันเจอหลานสาวของท่านแล้ว แต่เค้าไม่ยอมรับท่านเป็นคุณยาย หนูคิดว่า ฉันควรจะทำยังไงดีล่ะ”
“ถ้าคุณหญิงนวลแขตั้งใจตามหาหลานของท่านจริงๆ ทำไมจะไม่เจอล่ะคะ นี่เป็นเพราะท่านไม่ได้อยากเจอจริงๆ”
“หนูอยากจะเชื่ออย่างนั้นก็ตามใจนะ หนูก็เห็นคุณชายธัชเป็นตัวอย่างแล้ว ยึดมั่นถือมั่นกับความคิดตัวเอง ไม่ยอมเปิดใจให้กว้างรับรู้รับฟังคนอื่น ก็เลยทำร้ายทั้งคนอื่นทำร้ายทั้งตัวเองลองคิดไตร่ตรองอีกครั้งนะ หนูณิชมน...”
ดาวเรืองเดินออกไป ณิชมนนิ่งคิด
พิมพ์นฤมลเดินไปเดินมาชะเง้อมองไปที่ทางเข้าบ้านบุริศราวัณ บุรธัชเดินเข้ามาหาพิมพ์นฤมล
“รอนายภาสเหรอ”
“ค่ะ”
บุรธัชมองนมลอย่างเก้อๆเขินๆ เริ่มต้นไม่ถูก
“นมล...”
“คุณชายไม่ต้องขอโทษนมลหรอกค่ะ นมลเห็นด้วยกับคุณแม่ทุกอย่างคุณชายเข้าใจทุกอย่างดีแล้ว ก็ถือว่าเรื่องทุกอย่างจบลงด้วยดี นมลไม่มีอะไรค้างคาใจแล้ว..จริงๆนะคะ”
“ถ้าเธอจะโกรธจะเกลียดฉัน ก็ไม่เป็นไรนะ ฉันเข้าใจ”
“นมลจะเกลียดคุณชายได้ยังไงล่ะคะ ถึงคุณชายจะเห็นครอบครัวนมลเป็นศัตรูมาตลอด นมลก็ยังเคารพรักคุณชายไม่เปลี่ยนแปลงค่ะ”
“เธอทำอย่างนี้ทำให้ฉันยิ่งเกลียดตัวเอง ขอให้ฉันได้ทำอะไรบ้างได้มั้ยให้ฉันได้ขอโทษหรือให้ฉันได้ทำอะไรชดใช้ความผิดบ้าง”
“ก็ได้ค่ะ นมลมีเรื่องนึงที่คุณชายต้องชดใช้ให้นมล พี่ชายของนมลหายตัวไปค่ะ คุณชายช่วยตามกลับมาให้หน่อยได้มั้ยคะ พี่ชายของนมลชื่อคุณชายบุรธัช บุริศร์ เจ้าของไร่บุริศราวัณค่ะ”
“นมล..”
“รับนมลเป็นน้องอีกคนได้มั้ยคะ พี่ชายธัช”
“ได้ซิ นมล...”
พิมพ์นฤมลเข้าไปกอดแขนบุรธัชไว้
“ขอบคุณค่ะ พี่ชายธัช”
“รถรวิภาสแล่นมาจอด บุรธัชกับพิมพ์นฤมลหันไปมองรวิภาสลงจากรถ อาจรีบลงจากรถตามมา”
“เรารู้เรื่องที่เกิดขึ้นแล้วล่ะครับ ผมดีใจจนบอกไม่ถูกเลย ผมไม่คิดไม่ฝันเลยว่า วันนี้จะมาถึงจนได้ วันที่บ้านสรณาลัยกับบ้านบุริศราวัณได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกันเหมือนเดิม”
“เราเข้าไปในบ้านดีกว่า ลุงอาจ นมลคงมีเรื่องอยากคุยกับนายภาสแล้วเดี๋ยวเราค่อยคุยกัน” บุรธัชบอกรวิภาส
บุรธัชเดินเข้าบ้านไป อาจมองพิมพ์นฤมลกับรวิภาสแล้วยิ้มกริ่มก่อนที่จะเดินตามบุรธัชไป
“พี่ภาส..พี่ภาสไม่ต้องไปจากนมลแล้วนะคะ”
“ตกลงชีวิตของพี่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนมลคนเดียวใช่มั้ย”
พิมพ์นฤมลมองรวิภาสที่ท่าทีหมางเมินอย่างไม่เข้าใจ
ณิชมนนั่งหลบอยู่มุมเงียบในบ้าน เธอดึงสร้อยที่คอออกมาดูนิ่งคิดถึงที่ดาวเรืองให้สติ บุรธัชเดินกลับเข้าบ้านมาหยุดมองณิชมน
“เธอคงรักสร้อยเส้นนี้มาก..บอกฉันได้มั้ยว่า ใครเป็นคนให้สร้อยเส้นนี้กับเธอ”
“สร้อยเส้นนี้เป็นของคุณยายให้แม่ไว้ค่ะ”
“เธอบอกนายภาสว่า พ่อแม่ของเธอหนีตามกันไป อย่างนี้เธอก็ไม่มีโอกาสได้รู้จักครอบครัวตัวเองเลยล่ะซิ”
ณิชมนขยับตัวอย่างอึดอัดใจกลัวบุรธัชจะปะติดปะต่อเรื่องได้
“อย่าเพิ่งพูดเรื่องฉันเลยนะคะ คุณเป็นไงบ้าง รู้สึกดีขึ้นแล้วใช่มั้ยคะ”
บุรธัชกุมมือณิชมนไว้
“ขอบคุณเธอมากนะ ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างฉัน..แล้วถ้าวันไหนที่เธอต้องการใครซักคน เธอคงรู้นะว่า เธอมีฉันรอเธออยู่ตรงนี้ ฉันคงทำได้เท่านี้ใช่มั้ย ฉันคงได้แต่รอให้เธอเปลี่ยนใจ”
“แล้วคุณจะรอได้มั้ยล่ะคะ ขอเวลาฉันคิดอีกซักนิด ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับชีวิตตัวเองจริงๆ”
“เธอมีปัญหาอะไร เธอถึงบอกฉันไม่ได้ว่า เธอเป็นใครมาจากไหน เธอทำเหมือนเธอทำผิดอะไรมา หรือปกปิดเรื่องอะไรอยู่ เรื่องร้ายแรงจน ฉันรู้ไม่ได้เลยเหรอ เชื่อใจฉันซักครั้งได้มั้ย”
ณิชมนนิ่งอึ้งตัดสินใจจะบอกความจริงกับบุรธัช
“ฉันจะบอกความจริงทุกอย่างกับคุณค่ะ แต่ไม่ใช่เวลานี้ ฉันว่า ตอนนี้คุณคงจะรับรู้อะไรไม่ไหวแล้วล่ะ คุณยังมีอะไรตั้งหลายอย่างที่ต้องทำนะคะ เรื่องของเราไว้ก่อนก็ได้”
“เรื่องของเราต้องมาก่อนซิ ไว้ก่อนได้ยังไง บอกข้อแรกมาก่อนเลยเธอชื่ออะไร..ถ้าบอกแค่ชื่อไม่ได้ ก็ไม่เชื่อแล้วว่า เธอจะยอมบอกความจริงทุกอย่าง ว่าไง เธอชื่ออะไร”
ฉันชื่อ.....ชื่อณิช...” ณิชมนพูดเสียงเบา
ณิชาภัทรก้าวเข้ามาขัดจังหวะ บุรธัชยังไม่ทันได้ยินชื่อของณิชมน
“ถ้าคิดชื่อตัวเองไม่ออก ฉันช่วยคิดให้เอามั้ย คราวนี้จะโกหกว่าชื่ออะไรดีล่ะ”
บุรธัชกับณิชมนหันไปมองณิชาภัทร
“ธัชไม่มีวันได้รู้ความจริงจากผู้หญิงคนนี้หรอกค่ะ เธอโกหกตลอดเวลาโกหกได้ทุกเรื่องเพื่อเอาตัวรอดไปวันๆ”
“นอกจากเรื่องที่ฉันปลอมตัวเป็นประนอมแล้ว ฉันก็ไม่ได้โกหกอะไรคุณชายธัชอีกเลยนะคะ”
“แล้วเธอได้บอกความจริงกับธัชหรือเปล่า ก่อนหน้าที่เธอตัดสินใจมาที่นี่เธอวางแผนจะหนีไปซิดนีย์กับคุณพงษ์เทพ บอกมาซิว่า ไม่จริง อ้อ ลืมไปเธอไม่อยากโกหกธัชอีก การไม่บอกความจริงก็คือการโกหกนั่นแหละแม่บ้านประนอม !”
ณิชมนนิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออกเป็นการยอมรับว่าณิชาภัทรพูดถูกทุกอย่าง บุรธัชมองณิชมนอย่างผิดหวังเหมือนทุกอย่างกำลังไปได้ดีแล้วก็พังทลายลงในพริบตา
จบตอนที่ 22
ติดตามอ่านตอนต่อไปพรุ่งนี้ เวลา 9.30 น.