แก้วกลางดง ตอนที่ 15
เช้าวันใหม่...อัญชิสานอนอยู่เสียงโทรศัพท์ดังมีข้อความเตือนเข้ามา เธองัวเงียลุกขึ้นมาสภาพโทรมสุดๆ กดมือถือดู เห็นข้อความ นัดสัมภาษณ์ ดาราหน้าหนึ่ง อัญชิสาอารมณ์เสีย
“ฮึ่ย...สัมภาษณ์อะไรกันนักหนาวะ”
อัญชิสาหงุดหงิดรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวแล้วหาวถี่ๆ อาการอยากยากำเริบ เธอหาว อยากยา รีบเปิดลิ้นชัก ค้นหาปรากฏว่าไม่มี
“ไม่มี...หมดแล้วเหรอ”
อัญชิสาหงุดหงิดมากขึ้นแล้วรีบ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาสาทิศ
โทรศัพท์สาทิศดังขึ้น เขาเอามาดูเห็นเป็นเบอร์อัญชิสา สาทิศยิ้มในหน้าปล่อยให้ดังอยู่อย่างนั้น ลูกน้องมองอย่างแปลกใจ
“นายไม่รับหรือครับ”
“จะรีบรับไปทำไม...ปล่อยให้ ลงแดงบ้าง มันจะได้ตื่นเต้น”
โทรศัพท์เงียบไป แล้วก็ดังใหม่อีก สาทิศยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และโหดเหี้ยม
อัญชิสาพยายามโทรอยู่หลายครั้งจนหงุดหงิดปามือถือลงที่เตียง เหงื่อเริ่มออกตามเนื้อตัวหญิงสาวพยายามเก็บอารมณ์ รีบลุกขึ้นไปเทน้ำมาดื่ม ก่อนจะทรุดนั่งอยู่กับพื้นรู้สึกหนาวๆร้อนๆในกระดูก หญิงสาวดูตามเนื้อตามตัวของตัวเอง รู้สึกเป็นกังวลกับสภาพตัวเอง จับหน้าตาตัวเอง พยายามคุมตัวเองให้อยู่ในสภาพปกติ อัญชิสาเริ่มหงุดหงิดอยากจะกรีดร้อง แต่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเธอรีบลุกพรวดคว้าโทรศัพท์มาดูเบอร์แล้วดีใจ
“คุณอยู่ไหน ฉันอยากได้ของ”
สาทิศยืนอยู่ที่รถที่จอดอยู่หน้า รีสอร์ทเป็นลักษณ์เรือนไทย ส่วย กับลูกน้องกำลังขนลังท้ายรถ เข้าไปข้างใน
“ชอโทษทีจ๊ะที่รัก พอดีผมอยู่ที่รีสอร์ทของเพื่อนแถวชานเมือง”
สาทิศบอกสถานที่ให้ แม้ว่าจะอยู่ไกล แต่เขามั่นใจว่าเธอจะต้องตามมา
อั๋นรวบรวมความกล้าหน้าตาจริงจัง ถือช่อดอกไม้ เดินมาหาทรงเผ่าที่ยืนรออยู่
“วันนี้ผมขอคุยเปิดอกกับพี่อย่างลูกผู้ชาย”
ทรงเผ่ามองดอกไม้
“นายคงไม่ได้เอาดอกไม้มาให้ฉันนะ”
“โหพี่ ผมกำลังอินอย่าทำให้เสียจังหวะซิครับ ดอกไม้เนี่ยผมเอามาให้คนอื่นพี่ไม่ต้องห่วง”
“มาแปลกแฮะ งั้นนายมีเรื่องอะไรจะคุยกับฉัน”
“เอาตรงๆ สั้น ๆ...พี่คิดยังไงกับเมียวดี”
ทรงเผ่าสะดุ้ง
“ถามแบบนี้หมายความว่าไง”
“พี่ตอบมาก่อนเถอะน่า”
“ก็...เมียวดี ก็เหมือน...เหมือนน้องสาวฉันคนหนึ่ง”
“โอเค ที่ผมถามเรื่องพี่ ก็เพราะผมอยากให้พี่มั่นใจว่า ผมจะไม่ทิ้งขว้างหรือหลอกน้องสาวพี่...ผมขออนุญาตจีบเมียวดีได้มั้ยพี่”
ทรงเผ่าได้แต่มึนไปพัก เพราะอั๋นมาไม่ทันตั้งตัว
“แต่...แต่เมียวดีไม่ใช่ผู้หญิงในเสปกนายเลยนะ”
อั๋นเงีบบไป แล้วตัดสินใจพูด
“พี่เคยเจอมั้ยครับ จู่ๆผู้หญิงคนหนึ่งก็เปล่งแสงแวววาวขึ้นมาต่อหน้าเรา ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เราอาจไม่เคยมองเห็นเธอ แต่เมื่อเรามองเห็นเธอแล้ว เราก็ไม่สามารถละสายตาจากเธอไปได้อีก...ความรักมันไม่มีเหตุผลหรอกครับ”
ทรงเผ่าอึ้งไปเหมือนกัน
“และมันมักจะผ่านมาทักทายโดยที่เราไม่รู้ตัว”
“ถูกต้องแล้วครับ“
ทรงเผ่ารู้สึกตัวรีบดึงความรู้สึกกลับมา
“ที่ผ่านมา...ผมอาจจีบผู้หญิงไปทั่ว แต่เมียวดีไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นที่ผมเคยเจอ เป็นผู้หญิงที่ผมอยู่ด้วยแล้วก็สนุกไม่น่าเบื่อ ไม่ได้มีดีแค่สวย และที่สำคัญ เธอทำให้ผมรู้สึกอยากเป็นคนจิตใจดีแบบเธอบ้าง”
ทรงเผ่ามองหน้า
“แล้ว...นายถามเขาหรือยัง ว่าชอบนายหรือเปล่า”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง...แต่พี่ยังไม่ได้ตอบเลย ว่าพี่อนุญาตหรือเปล่า”
“ฉัน...” ทรงเผ่าจำต้องตอบ “ฉันคงดีใจ ถ้าเมียวดีจะมีคนดูแล”
“ขอบคุณครับพี่ชาย”
อั้นกอดทรงเผ่าอย่างร่าเริง
“ผมจะไม่ทำให้พี่ผิดหวัง แล้วก็จะใส่เกียร์เดินหน้าเต็มที่ ช่วงชีวิตคนเรามันไม่ได้ยาวเลยนะครับพี่เผ่า จะตายเมื่อไหร่เราก็ไม่รู้ ผมถึงไม่อยากเสียเวลาแม้แต่นาทีเดียว”
ทรงเผ่าได้แต่ฝืนยิ้มให้ อั้นกอดเสร็จแล้วก็เดินไปอย่างร่าเริง ทิ้งทรงเผ่าให้อึ้ง คิดหนักไม่รู้จะทำยังไง เมื่อหันกลับมาก็เห็นอัญชิสาเดินมาหา
“คุณเผ่าคะ หวานมีเรื่องอยากปรึกษาค่ะ”
อั้นเดินมาที่สนาน เห็นเชอรี่ใส่เสื้อตัวที่เมียวดีให้ ยืนหันหลังอยู่ที่พุ่มไม้รดน้ำต้นไม้อยู่ อั๋นเห็นเสื้อก็จำได้คิดว่าเป็นเมียวดี
“อยู่นั้นเอง”
อั๋นพุ่งไป คุกเข่าพร้อมยื่นดอกไม้ให้ทันที ก้มหน้า
“ดอกไม้ช่อเล็กๆนี้ เป็นตัวแทนความจริงใจของผมที่มีต่อคุณ คำพูดอาจจะดูเชยไปนิด แต่มันก็เป็นความรู้สึกจากใจทั้งหมดของลูกผู้ชายอย่างผม และถ้าคุณไม่ยอมรับผมก็จะคุกเข่าอยู่ตรงนี้ไม่ลุกไปไหนเด็ดขาด”
เชอรี่อายม้วน รับดอกไม้
“แหม คุณอั๋นอ่ะบ้าจริงๆ ลุกขึ้นเถอะค่ะ ระวังเข่าจะด้านนะคะ”
อั๋น เอะใจเงยหน้าขึ้นเห็นเป็นเชอรี่
“เฮ้ย...เธอไม่ใช่เมียวดีนี่”
“ไม่ยักรู้ว่าคุณอั๋นชอบเชอรี่ จู่ๆ ก็มาแสดงออกแบบนี้ อายจัง”
ฟ้าลั่นวิ่งเข้ามา
“หนอย ๆๆๆๆๆ หมวดทำไมมาจีบน้องเชอรี่ของฟ้าลั่นแบบนี้ มันหยามกันไปหน่อยแล้ว”
ฟ้าลั่นต่อย อั๋นหลบทันชายหนุ่มอาศัยช่วงยาวกว่า ดันหัวฟ้าลั่นไว้ทำให้ฟ้าลั่นเข้าวงในไม่ได้ ได้แต่ต่อยลมไปมา
“เฮ้ย...เดี๋ยว ฟังฉันก่อน”
เมียวดีวิ่งเข้ามา
“ไอ้หมาลั่น หมวด...ฟัดกันทำไมเนี่ย”
อั๋นหันไปเรียก
“เมียวดี ช่วยฉันที”
เมียวดีหันไปต่อว่าเชอรี่
“ทำไมไม่ห้ามล่ะ”
“ก็เขาแย่งกันจีบฉัน ฉันไม่รู้ทำไงง่ะ มันเป็นเรื่องของคนสวยเธอคงไม่เข้าใจ”
เมียวดีส่ายหน้า แล้วก็เลยเอาสายยางที่วางอยู่ฉีดใส่เข้าที่ฟ้าลั่น และอั๋น เข้าหูเข้าตา จนต้องเลิกชก ฟ้าลั่นโวยวายใหญ่
“อีกระแตเอ็งเอาน้ำมาฉีดข้าทำไม ข้าไม่ใช่หมาบ้านะโว้ย ข้ากำลังพิสูจน์ศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย”
“ศักดิ์ศรีบ้าบออะไรวะ ฟัดกันเหมือนหมา ข้าฉีดน้ำไล่ก็ถูกแล้ว”
“จริง เอ๊ย ไม่ใช่มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด” อั๋นพยายามอธิบายกับฟ้าลั่น “ฉันไม่ได้มาจีบแฟนนาย
นะ ฟ้าลั่น”
“คนเมืองนี่มันโกหกมดเท็จจริงๆ ฟ้าลั่นเห็นอยู่กับตา แล้วนั้นอะไร”
ฟ้าลั่น ชี้ไปที่ดอกไม้ อั้นรีบแย่งดอกไม้คืนมาจากเชอรี่
“ดอกไม้เนี่ย ฉันจะเอามาให้เมียวดีต่างหาก”
ฟ้าลั่นกับเชอรี่งงอุทานออกมาพร้อมกัน
“เมียวดี!”
ทั้งสองหันไปมองที่เมียวดี ชี้ที่ตัวเอง งงเหมือนกัน
“เราเหรอ!”
อั๋นพยักหน้าส่งให้อย่างเขินๆ
เมียวดียื่นผ้าให้อั๋นเช็ดหน้าเช็ดตา ขณะที่อั๋นพยายามอ้อน
“โธ่ เมียวดี ฉันจริงใจกับเธอจริงๆนะ”
“ดูเหมือน หมวดคงโดนใครทำของใส่นะ” เมียวดีมองงงๆ
“ใช่ ใส่คำว่า ไอเลิฟยู ไง ฉันชอบเธอนะเมียวดี”
“เฮ้ย...หมวดไข้ขึ้นแหง ถึงได้เที่ยวพูดเพ้อเจ้อ”
“เพ้อเจ้อเพราะเจอเธอ ละเมอเพราะไข้ใจ...ฮิ้ว”
เมียวดีกุมหัว
“ไปกันใหญ่ เดี๋ยวเราหายามาให้ก็แล้วกัน”
อั๋นจับมือเมียวดีไว้
“ฉันรู้เธออาจจะตกใจนะเมียวดี แต่เราค่อยๆ เรียนรู้กันก็ได้นะ”
อัญชิสากับทรงเผ่าเดินเข้ามา เห็นจับมือกันอยู่ อัญชิสาตาโต ทรงเผ่ามองเมียวดี
“ต๊ายๆๆ อะไรกันคะสองคนเนี่ย จะหวานยิ่งกว่าหวานกับคุณเผ่าแล้วนะคะ เช้าถึงเย็นถึงแบบนี้”
อั๋นยิ้มกว้าง
“ต้องรีบทำคะแนนครับ เดี๋ยวจะตามไม่ทันคู่พี่เผ่ากับคุณหวาน”
“หรือว่าจะแต่งพร้อมกันเลย ก็ดีนะ”
เมียวดีหน้าตึงทันที ที่ทรงเผ่าแดกดัน หันไปมองหน้ากัน อั๋นตื่นเต้น
“โอ้โห้ ได้แบบนั้นก็ซิครับ แต่คงต้องถามเจ้าสาวก่อนเพราะถึงตอนนี้ ไม่รู้เมียวดีเขายอมรับผมเป็นแฟนหรือยัง”
อัญชิสาหมั่นไส้
“แหมถึงจะเป็นสาวชาวป่าแต่ก็สวยเลือกได้จริงๆ เลยนะจ๊ะเมียวดี”
เมียวดีรู้ว่าถูกเหน็บแนมจึงย้อนไป
“จะชาวป่าชาวดอย ชาวเมือง ก็อยากเอาผัวดีๆ เหมือนๆผู้หญิงที่อื่นนั่นแหละ”
“ต๊าย...ยอมรับแบบนี้ ก็ไม่ต้องถามแล้วมั่งคะคุณอั๋น...ไปเถอะค่ะ คุณเผ่า งั้นเราก็อย่าเป็นก้าง เขาสองคนเลย”
อั๋นแปลกใจ
“เอ๊ะ...นี่สองคนจะไปไหนกันหรือครับ”
ทรงเผ่า อัญชิสา เมียวดี อั๋น ยืนอยู่หน้ารีสอร์ทเรือนไทย ทรงเผ่าหันมาถามอัญชิสาอย่างไม่เข้าใจ
“คุณหวานอยากจัดงานที่นี่จริงเหรอครับ มันไม่ไกลหน่อยเหรอ”
“ก็หวานอยากจัด ใครไม่มาก็แล้วไป”
ทุกคนอึ้งไปตามๆ กัน อัญชิสารีบปรับอารมณ์
“เอ่อ...เราเดินดูรอบๆ ก่อนก็ได้นะคะ คุณเผ่า แล้วค่อยตัดสินใจ”
อั๋นชักสงสัย
“คุณหวานรู้จักที่นี่ได้ไงครับ ทางเข้าลึกแบบนี้ เป็นผมคงไม่คิดว่ามีรีสอร์ทอยู่ในนี้แน่ๆ”
อัญชิสาชะงักไปนิดก่อนจะตอบเลี่ยงๆไป
“เอ่อ...ก็เป็นของเพื่อนๆ กันนะคะ เขาแนะนำต่อๆกันมา”
อัญชิสาพูดไปยังเกาแขนที่เดิมอยู่
“อ๋อ ครับ...แต่ก็สวยดีนะครับ”
ทรงเผ่าหันไปหาเมียวดี
“แล้วเธอว่าไง จะไม่ออกความเห็นหน่อยเหรอเมียวดี”
“งานนาย ไม่ใช่งานเรา อยากจัดที่ไหนก็เรื่องของนาย เราแค่มาตามเพราะหมวดชวนเท่านั้น” เมียวดีหันไปบอกอั๋น “เราเห็นเหมือนมีสระน้ำอยู่ทางโน้น”
“งั้นเหรอครับ งั้นไปดูกันเถอะ ขอตัวนะครับพี่เผ่า คุณหวาน”
“คุณอั๋น นี่เป็นเอามากนะคะ แต่ก็เป็นโชดดีของเมียวดี มีคนช่วยรับดูแลต่อแบบนี้คุณเผ่าคงไม่ต้องกังวลอีก”
ขณะเดียวกันนั้นมีชายคนหนึ่งเดินเข้ามา
“คุณหวานใช่มั้ยครับ”
อัญชิสางงเล็กน้อย แต่ชายคนนั้นมองจิกเป็นนัย
“คุณนาถโทรมาบอกไว้แล้ว เชิญตามสบายเลยครับ”
อัญชิสาเริ่มเข้าใจ “อ๋อ...ขอบใจ”
เมียวดีกับอั๋นลงเรือ ในบึงบัว อั๋นโชว์แมนเป็นคนพาย
“เราพายเองดีกว่า”
“โธ่เมียวดี ให้ฉันโชว์แมนบ้างซิ ฉันเป็นผู้ชายนะ เธอคอยเก็บดอกบัวดีกว่า ตอนฝึกตำรวจ ฉันก็เคยหัดอยู่บ้างนะ”
เมียวดีดูท่าทางเงอะงะของอั๋น แล้วก็อดไม่ได้
“หมวดชอบเป็นตำรวจจริงเหรอ”
“ตระกูลฉันเป็นตำรวจมาตั้งแต่พ่อ ปู่แล้วก็ปู่ของปู่ เรียกว่าเป็นตำรวจกันมาตั้งแต่ต้นตระกูลเลยล่ะ”
“เหมือนโคตรเหง้าเราก็เป็นพราน เราอยากเป็นพรานเหมือนพ่อ เหมือนปู่ แล้วหมวดอยากเป็นอะไร”
อั๋นนิ่งไป
“พ่อบอกให้ทำ ฉันก็ทำ...เธอรู้มั้ยปู่เคยได้เหรียญกล้าหาญด้วยนะ แต่สำหรับฉัน...คง...” อั๋นทำร่าเริงเหมือนเดิม “ช่างมันเถอะ แค่จบมาเป็นตำรวจพ่อก็ดีใจแล้ว”
“ถ้าตั้งใจ ก็ต้องได้ซิ”
“เธอว่างั้นเหรอ”
“ฮือ...ไม่มีอะไรยากถ้าเราอยากทำหรอกหมวด”
“ฉันนะ ชอบเธอก็ตรงนี้แหละ คุยกับเธอแล้วก็รู้สึกเหมือนคุยกับเพื่อน ตรงๆชัดเจน ฟังแล้วสบายใจดีจัง”
อั๋นวางพาย แล้วชะโงกตัวไปจะเก็บดอกบัวส่งให้เมียวดี
ทรงเผ่ากับหวานเดินในเรือนไทย ทรงเผ่ามองดูรอบๆ
“ก็...ดูดีเหมือนกันนะ”
อัญชิสาดูกระสับกระส่ายไม่ค่อยสนใจฟัง ทรงเผ่าหันมองอัญชิสา
“คุณมองหาอะไร”
“หวานก็...เอ่อ หวาน ก็กำลังจินตนาการนะคะ ว่าจะจัดยังไง อะไรไว้ตรงไหน”
อัญชิสาทำเป็นมองๆ แล้วก็มองออกไปด้านนอก
“ต๊าย...คู่นั้นเขาหวานกันจริงๆ นะคะ มาช้า...แต่มาแรงเหลือเกิน”
ทรงเผ่า เดินมาดูเห็น เมียวดีกับอั๋นพายเรือนเล่นกันอยู่ รู้สึกหึงขึ้นมาแต่ทำอะไรไม่ได้ อัญชิสายังเจื้อยแจ้วอยู่
“ต่อหน้าเราก็ทำห้าวๆ ซื่อๆ แต่ลับหลังก็แอบเล่นหูเล่นตากับคุณอั๋นแบบนี้เอง ไม่งั้นเพลย์บอยอย่างคุณอั๋นคงสยบกับเด็กชาวป่าง่ายๆ”
ทรงเผ่ายิ่งโมโห กับภาพตรงหน้า
“ผมว่าเราไปดูทางโน้นดีกว่า”
ทรงเผ่าหันมาอีกทีอัญชิสาหายไปแล้ว เขามองหาอย่างแปลกใจ
อัญชิสา หนีจากทรงเผ่ามองซ้ายมองขวา
“สาทิศ คุณอยู่ไหน คุณสาทิศ หวานมาแล้ว”
ทันใดนั้นมีมือปิดปากดึงเธอเข้าไปมุมมืด
“กรี๊ด”
“ผมอยู่นี้ ไม่คิดว่าคุณจะกล้าตามมาจริงๆ”
“ของล่ะ อยู่ไหน คุณบอกว่าถ้าหวานกล้ามาคุณจะหาให้หวาน”
สาทิศชูซองเล็กๆใส่ยาไอซ์ หวานรีบโดดคว้าหมับ
ในเรือ...เมียวดีหยิบดอกบัวที่อั๋นส่งให้
“หมวดเอาดอกบัวมาบูชาเราเหรอ”
“ใช่...ปาเจราจริยา โหนติ...เจ้ย เมียวดี กำลังโรแมนติกเลย อย่าเพิ่งขัดให้เสียจังหวะซี เอาใหม่นะ” อั๋นเริ่มซึ้งใหม่ “เมียวดี...เธอรู้สึก เหมือนที่ฉันรู้สึกมั้ย”
“อืม...เรารู้สึกว่ามัน เย็นๆนะ”
เมียวดีทอดสายตาลงข้างล่างกลางเรือ อั๋นมองตาม สองคนก้มหน้าลงเห็นน้ำซึมเข้าเรือมาเยอะมาก ครึ่งขา
“เรือรั่ว!”
สองคนรีบไม่พูดพร่ำทำเพลง ช่วยกันวิดน้ำใหญ่ อั๋นตกใจยืน เมียวดีโวยวาย แล้วในที่สุดเรือก็ล่ม สองคนโดดลงน้ำ ลงไปลอยคอกันในน้ำ ก่อนจะว่ายน้ำกลับขึ้นฝั่ง ขณะที่เมียวดีกำลังจะพยุงตัวขึ้นบนฝั่ง ก็ชะงักเมื่อมองไปไกล ๆเห็นส่วยแว่บๆเดินผ่านไปทางพุ่มไม้
“เฮ้ย! นั้นมัน...”
เมียวดีคลับคล้ายคลับคลา แล้วนึกออกว่าเคยพบกันในป่า อั๋นที่ว่ายตามมาข้างหลังสงสัย
“มีอะไรเหรอเมียวดี”
เมื่อขึ้นมาบนฝั่ง...เมียวดีก้าวเร็วๆ ตามมาเธอหยุดดูรอยเท้า ที่พื้นดิน
“มันไปทางนี้”
อั๋นงงๆ
“เดี๋ยว นี้เธอตามใคร เธอยังไม่เล่าให้ฉันฟังเลยนะ”
“เราก็ไม่รู้ว่ามันเป็นใครหรอกหมวด แต่เราเจอมันที่โรงงานบนเขากับนาย”
“ไอ้พวกชั่วนี่เอง!”
อั๋นสนใจขึ้นมาทันที...
ในห้องนอนของเรือนไทย...อัญชิสาโดนผลักติดผนัง สาทิศตามมาไซร้ซอกคอต่อ อัญชิสาหัวเราะคิกคักชอบใจ
“เห็นมั้ย ว่ายานี้ มันทำให้คุณขึ้นสวรรค์”
“ช่าย แล้วรู้มั้ยว่าเดี๋ยวนี้ฉันแทบไม่ต้องล้วงคออีกเลย เพราะมันทำให้ฉันอิ่มตลอดวัน ไม่ต้องกินอะไรยังได้”
“หึ หึ...ผมบอกแล้ว ว่าคุณลองแล้วจะติดใจ”
“นั้นซิ มันคือสวรรค์ของเราจริงๆ ฮะ ๆ ๆ”
สาทิศเข้ามากอด หวานวิ่งหนีอย่างยั่วให้สาทิศไล่จับเล่นๆ กรี๊ดกร๊าดกันสนุกสนาน เสียงเคาะประตูพร้อมกับเสียงทรงเผ่าดังเข้ามา
“คุณหวาน คุณอยู่ในนั้นหรือเปล่า”
อัญชิสากับสาทิศชะงัก ทรงเผ่าที่อยู่หน้าห้อง ตบประตูเรียกอีกที
“หวาน คุณคุยกับใครอยู่นะ”
อัญชิสาหันไปหาสาทิศ
“คุณเผ่า...ทำยังไงดี”
เมียวดีกับอั๋นรีบเร่งเท้า ส่วยสังเกตเห็นว่ามีคนตามเหมือนกัน รีบเร่งฝีเท้าอีกกลายเป็นวิ่ง เมียวดีกับอั๋นวิ่งตาม ส่วยวิ่งแล้วหลบเข้าไปตามต้นไม้ หายไป เมียวดีกับอั๋นรีบตามไปแต่ปรากฏว่าตามไม่ทันส่วยหายไปแล้ว
ทางด้านทรงเผ่าผลักประตูผลัวะเข้าไปในห้อง มองซ้าย ขวาไม่มีใคร
“คุณหวาน...คุณอยู่ในนี่ใช่มั้ย ผมได้ยินเสียงคุณ”
ทรงเผ่าค่อย ๆ เดินสอดส่ายสายตาดู ทรงเผ่าเดินอยู่ในห้อง ทรงเผ่ายืนหันหันหลังให้ ได้ยินเสียงอัญชิสาหัวเราะคิกคักๆ ทรงเผ่าหันไปเห็นตู้ใบใหญ่แง้มอยู่ ทรงเผ่าค่อย ๆ เดินเข้าไปเปิดประตูตู้ อัญชิสายืนรออยู่
“เซอร์ไพร์”
หญิงสาวกระโดนเข้ากอดคอชายหนุ่ม จนเสียหลักลงไปบนเตียง เธอค่อมอยู่ด้านบนเขา
“หวานรอคุณเผ่าตั้งนาน คิดว่าจะตามหาหวานไม่พบเสียแล้ว เกมส์ซ่อนหานี้สนุกดีนะคะ”
ทรงเผ่าชะงัก
“เกมส์หรือครับ”
“ใช่ค่ะ หวานแอบมาซ่อนให้คุณตามหาไง”
“คุณหวานอยู่ในห้องคนเดียวเหรอครับ เมื่อกี้ ผมได้ยินเหมือนมีคนอื่นอยู่ด้วย”
“อ๋อ...ฮะ ๆ หวานก็แกล้งบีบเสียงไปให้คุณได้ยินนะซิคะ ในที่สุดคุณก็หาเจอ แบบนี้ก็ต้องให้รางวัลกันหน่อย”
อัญชิสาตั้งท่าจะโน้นลงมา ทรงเผ่ารีบพูด
“คุณหวานดูอารมณ์ดีจังนะครับ ไม่หงุดหงิดแล้ว”
“หวานก็อารมณ์ดีแบบนี้ประจำ คุณเผ่าคิดมาก” มือเริ่มปลดกระดุมเสื้อทรงเผ่า “หวานอยู่บ้านคุณ ห้องใกล้กันนิดเดียว แต่หวานไม่มีโอกาสใกล้คุณเลย”
ทรงเผ่าจับมืออัญชิสาไว้
“มันคงไม่เหมาะ”
“จะเป็นไรไปคะ เรากำลังจะหมั้น แล้วก็แต่งงานกันอยู่แล้ว สมัยนี้ไม่มีใครถือกันหรอก”
“แต่ผมถือ...ผมถือว่าเป็นการให้เกียรติกับผู้ใหญ่ แล้วก็คุณหวานเอง”
“ไม่อยากเชื่อเลยว่าคุณเผ่าจะคิดแบบนี้ ตอนเรียนที่โน่น คุณเผ่าก็ควงใครต่อใครมาตั้งเยอะ อย่าบอกนะคะว่า...คุณให้เกียรติผู้หญิงแบบนี้ทุกคน”
“เมื่อตัดสินใจแล้วว่าเราจะแต่งงานกัน ผมว่าเราควรยึดกฎนี้ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป”
ทรงเผ่าพลิกอัญชิสากลับ เพื่อให้ตัวเองลุกขึ้นได้ แล้วส่งมือให้ อัญชิสาเล่นตัวนิดหน่อยแต่ก็ยอมวางมือให้ทรงเผ่าฉุดลุกขึ้นออกจากห้องไป ก่อนออกจากประตูอัญชิสาแอบหันมามองนิดหนึ่ง
สาทิศแอบอยู่ใต้เตียงยิ้มเยาะใส่นิดๆ
อ่านต่อหน้า 2
แก้วกลางดง ตอนที่ 15 (ต่อ)
ด้านเมียวดีตามมาหยุดสังเกตรอยเท้าเลยหันมามองพวกต้นไม้ที่รกๆ อยู่รอบๆ ว่ามีร่องรอยอะไรบ้าง
“รอยเท้ามันหายไป...แต่...”
กำลังจะดูร่องรอย ไล่ไป แต่อั๋นกลับเหลือบเห็นเสื้อส่วยอยู่ไหว ๆไกล ๆ อั๋นรีบฉุดดึงเมียวดีไปทันที เมียวดีไม่ทันตั้งตัวจึงเซตามไปด้วย
“ทางนั้น มันอยู่นั่น”
อั๋นรีบวิ่งเข้ามา กระโดดพุ่งเข้าไปรวบตัวทันที แต่ปรากฏว่าเป็นเสื้อของส่วย ที่ แขวนหลอกไว้ที่ต้นไม้
“โธ่เอ๋ย...โดนมันหลอกจนได้”
“มันรู้ตัวแล้ว ว่ามีคนตาม”
“เมียวดี เธอแน่ใจนะว่าเป็นคนที่เธอเห็นคือไอ้พวกที่ผลิตยานรกบนเขา”
“ถึงเราจะเจอมันแค่ ครั้งเดียว แต่เราก็จำได้แม่นนะหมวด”
เมียวดีบอกอย่างมั่นใจ
ค่ำแล้ว...ทรงเผ่ารออยู่ ดูนาฬิกาเริ่มหงุดหงิด อัญชิสารีบใส่ไฟ
“ไม่รู้ไปพายเรือกันท่าไหนนะคะ ป่านนี้ยังไม่มาอีก”
“เดี๋ยวผมไปตามเองดีกว่า”
ทรงเผ่า ก้าวลงบันได เมียวดีกับอั๋นเดินมา ทรงเผ่าถามเสียงเข้ม
“มันกี่โมงแล้ว”
“เอ่อ...ขอโทษทีครับพี่เผ่า พอดี...เราไปเจออะไรบางอย่าง”
อัญชิสาเบ้หน้า
“แหมมุกนี้มันไม่เก่าไปหน่อยเหรอคะ”
เมียวดีไม่พอใจ
“เราก็มาแล้วนี่ จะเอาไงล่ะ”
อัญชิสาทำเป็นคิดๆ
“ไปเจออะไรน๊า ทำไมเนื้อตัวมันมอมแมมกันทั้งสองคนแบบนั้น...หรือว่าไปคลุก...” อัญชิสาจงใจเว้นให้เป็นนัย “ดิน กันถึงไหนๆ”
เมียวดีฉุนกึก
“พูดตรงๆดีกว่า คุณหวาน เรามันคนบ้านป่า ไม่ชินกับการพูดจามีความหมายสองแง่แบบนี้”
อั๋นไม่พอใจเหมือนกัน
“นั้นซิครับ ผมกับเมียวดีเราไม่ได้ไปทำอะไรที่ไม่ถูกต้องมา พูดแบบนี้ ผมกับเมียวดีจะเสียหายนะครับคุณหวาน”
อัญชิสาได้ทีสุมไฟต่อ
“โอ้ว...ไม่ทันไร ก็ออกรับแทนกันเสียแล้ว เอาไงดีครับคะ คุณเผ่า”
ทรงเผ่าหึงมากพยายามกลั้นอารมณ์ ไม่พูดมาก
“กลับ!”
พูดเสร็จ ก็เดินขึ้นรถ อัญชิสางง
“อ้าว...ไหนว่าจะค้างที่นี่ซักคืนไงค่ะ”
ทรงเผ่าไม่ตอบอีก สตาร์ทรถ อัญชิสารีบขึ้นมา อั๋นเปิดประตูให้เมียวดีขึ้นไปนั่ง ทรงเผ่าแอบมองเมียวดีทางกระจกสบตากัน เมียวดีเชิดหน้าไม่สนใจ ทรงเผ่าออกรถอย่างแรง จนกลายเป็นกระชากขับออกไป
เช้าวันใหม่...ทนงประคองบัวคลี่ ออกมาเดินออกกำลังกาย
“อย่าเพิ่งหักโหมนะคุณ เดิน ๆ ช้าดีกว่า”
“แหม คุณพี่ ดิฉันหายดีแล้วค่ะ หมอสนับสนุนให้ออกกำลังกายด้วยซ้ำไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ”
“เมียผมทั้งคนจะไม่ห่วงได้ยังไงล่ะ”
ทรงเผ่าในชุดกีฬา เพิ่งออกมามองอย่างขำๆ
“สองคนจะสวีทกันไปถึงไหนครับเนี่ย อายุก็ไม่ใช่น้อยกันแล้ว”
“อ้าวเจ้าเผ่าถึงจะแก่ แต่ก็มีหัวใจนะ แกไม่ต้องมาอิจฉา อีกหน่อย แกกับหนูหวานก็เป็นเหมือนพ่อนี่แหละ”
ทรงเผ่ายิ้มรับเรียบๆ ทนงหันไปเจอฟ้าลั่นกำลังก้มๆ เงยๆ อยู่ที่พุ่มไม้เตี้ยๆ มีกระป๋องอันเล็ก
“ทำอะไรนะ ฟ้าลั่น”
“กำลังหาน้ำค้างพ่อนาย ฟ้าลั่นจะเอาไปให้น้องเชอรี่กิน เขาบอกว่าจะทำให้เสียงใส”
บัวคลี่ส่ายหน้า
“อ้าวตกลงเชอรี่เป็นตั๊กแตนไปแล้วเหรอ เหลวไหลจริงฟ้าลั่น”
“ว่าไม่ได้นะคุณ ไอ้ความเชื่อแบบนี้ เขาเชื่อกันมา ก็เหมือนคุณที่พกปลัดขิกเสียบไว้ในม้วยผม ตอนขึ้นเวทีประกวดนั้นแหละ”
บัวคลี่ค้อน
“คุณพี่เนี่ย จำแม่นเหลือเกิน”
ทรงเผ่าแปลกใจ
“จริงเหรอครับคุณน้า”
บัวคลี่ยิ้ม
“ก็...เพื่อเป็นกำลังใจนะคะ แต่น้าก็ได้ครองสายสะพายจริงๆนะคะ”
“แถมยังได้ลาภเพิ่มเป็นสัตว์สองเท้าด้วยนะ”
ทนงชี้มาที่ตัวเอง บัวคลี่เขินค้อนให้ ทรงเผ่ากับทนงขำ ก่อนที่ทรงเผ่าจะหันไปถามฟ้าลั่น
“แล้ว คู่หูเราไปไหน ไม่มาช่วยเก็บน้ำค้างเหรอ”
“อีเมียว! นะเหรอนาย ไม่รู้มันไปไหนตั้งแต่เช้ามืด”
บัวคลี่หันมาบอก
“อ๋อ...ออกไปกับคุณอั๋นจ๊ะ คุณอั๋นมารับ ขออนุญาตพาเมียวดีออกไปข้างนอก”
ทรงเผ่าหน้าตึงทันที
อั๋นพาเมียวดีมาที่กองทะเบียนประวัติอาชญากร...
“แน่ใจนะ ว่าเธอจำหน้ามันได้แน่”
เมียวดีพยักหน้า อั๋นหันไปพยักหน้าต่อให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์
“ตั้งสติให้ดีนะเมียวดี ลองคิดดูสิ่งแรกที่เธอรู้สึกสะดุดตา เมื่อเห็นหน้าผู้ชายคนนั้นคืออะไร ลักษณะ ใบหน้า จมูกตา คิ้ว นึกทีละส่วน แล้วค่อยๆบอก”
เมียวดีพยักหน้าพัก แล้วก็เริ่ม
“ตา เรารู้สึกว่าตาเป็นสิ่งที่ชัดที่สุด...”
เจ้าหน้าที่เริ่มต้นให้เมียวดีเลือกตา จากหลายๆตา หลายๆจมูก ใบหน้าหลายแบบ เมียวดีเลือกชิ้นส่วนต่าง ๆ บอกเจ้าหน้าที่อย่างตั้งใจ สั่ง ถอยหน้าถอยหลังสลับไปมาบ้าง อั๋นช่วยลุ้นไปด้วยจนในที่สุด เมียวดีพยักหน้าอย่างพอใจ หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ได้รูปร่างที่สมบรูณ์ทั้งหน้า เมียวดีหันไปยิ้ม อั๋นยกนิ้วให้อย่างดีใจเหมือนกัน
ทั้งสองเดินคุยกันมาตามทางเดิน อั๋นส่งขวดน้ำในเมียวดีกินแก้เครียด
“เธอทำได้ดีมากนะเมียวดี”
“หมวดก็เหมือนกัน เราไม่เคยเห็นหมวดจริงจังแบบนี้มาก่อน หมวดก็ดูเป็นตำรวจที่เก่งมากเลยนะ”
อั๋นเขิน
“เฮ้ย...ก็มีกันบ้าง แต่ฉันว่าเราเป็นทีม เข้าขากันมาก”
อั๋นยกมือให้เมียวดีตบ คิดว่าเมียวดีจะตบ แต่เมียวดีไม่เข้าใจ ทำให้อั๋นตบวืดเสียจังหวะ เมียวดีมองงงๆประมาณว่าทำอะไร
“ทำอะไรหมวด”
อั๋นเซ็งๆ
“โธ่ เมียวดี เธอก็ต้องตีมือฉันตอบซิ แบบนี้”
อั๋นจับมือเมียวดีให้มาตีมือ เมียวดีไม่เข้าใจ
“ตีทำไม!”
“ก็เราเป็นทีมเดียวกัน มันก็ประมาณว่า โอ้ว เย...เจ๋งว่ะ”
เมียวดียังยักไหล่ ประมาณว่าไร้สาระ อั๋นจ๋อยไป ตำรวจอีกคนมา เข้ามาทำความเข้าเคารพ
“ทีมจากปปส. มาถึงแล้วครับ”
“โอเค...” อั๋นหันไปบอกเมียวดี “ไป”
เมียวดีกับอั๋นเปลี่ยนท่าทางเป็นจริงจัง แล้วรีบเดินออก
ทรงเผ่าคุยโทรศัพท์อยู่เสียงดังไม่พอใจ ขณะที่บัวคลี่กับทะนงนั่งอยู่ที่เก้าอี้สนาม
“พาเมียวดีไปดูหนังงั้นเหรอ แล้วทำไมต้องออกแต่เช้าขนาดนั้น”
อั๋นคุยโทรศัพท์อยู่ที่มุมหนึ่ง ในสำนักงานตำรวจ
“นี่...พี่เผ่าไม่พอใจหรือฮะ”
ทรงเผ่ารู้ตัว รีบปรับอารมณ์
“เอ่อ...ฉันจะไม่พอใจนายได้ไง ก็นายกำลังทำคะแนนอยู่ ฉันเป็นห่วงว่ารถติดเท่านั้น มันน่าเบื่อ”
“โห...เวลาในรถนี่แหละสำคัญ เพราะหนีไปไหนก็ไม่ได้ คุยกันไปกุมมือไป ไม่มีเบื่อซักนิดเดียว”
“แล้ว...เมียวดีเขาไม่เมารถเหรอ ปกติรถติดทีไรเห็นเวียนหัวเมารถทุกที”
“ปกติดีครับ ไม่รู้เพราะว่าอยู่ใกล้ผมหรือเปล่า อู๊ย...พูดเองก็เขินเอง แค่นี้ก่อนนะครับ พี่เผ่า ผมจะดูแลเมียวดีอย่างดี”
ทรงเผ่าวางหูอย่างหงุดหงิด เชอรี่ถือกาแฟมาเจอทรงเผ่าหันกลับมาเดินดักกันซ้ายขวาอยู่ สองสามที จนทรงเผ่าต้องหยุด
“อะไรของเราเนี่ย จะเดินก็ไม่เดิน มาดักหน้าดักหลังอยู่ได้”
“ขอโทษค่ะ เอ่อ...กาแฟมาแล้วค่ะ”
“ฉันไม่อยากกินแล้ว” ทรงเผ่าหันไปบอก บัวคลี่กับ ทนง “ผมขอตัวไปเคลียร์งานหน่อยนะครับ”
ทรงเผ่าเดินออกไปหน้าตาบึ้งตึง บัวคลี่สังเกตเห็น
“ดูคุณเผ่าหงุดหงิดจังนะคะ ปกติเรื่องแค่นี้ไม่เคยเห็นดุเด็ก”
“คงเครียดเรื่องงานมั่ง”
ทนงปลอบบัวคลี่ แต่จริงๆ รู้สึกแปลกๆ เหมือนกัน
อ่านต่อพรุ่งนี้
อั๋นเดินกลับเข้าห้องมา วางโทรศัพท์ที่โต๊ะ สารวัตรหันมาบอก
“ต้องขอโทษหมวดด้วยนะครับ ที่ให้โกหกไปแบบนั้น”
“ไม่เป็นไรครับ ผมทราบดีว่าเราต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ”
เมียวดีแปลกใจ
“แม้แต่นายก็บอกไม่ได้เหรอ”
สารวัตรพยักหน้า
“ครับ...แม้แต่คนใกล้ชิดของคุณ ตอนนี้ ผมยังไม่อยากให้ข่าวเรื่องนี้หลุดออกไป เราอาจจะสืบสวนต่อไปจนสามารถเชื่อมโยงไปจนถึงแหล่งอื่นได้อีก”
เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกคนเข้ามา ทำความเคารพแล้วเข้าไปกระซิบสารวัตร ก่อนที่สารวัตรจะรายงาน
“สายรายงานมาว่า เราเจอคนที่รูปพรรณ สัณฐาน หน้าเหมือนผู้ชายที่อยู่ในรูปนี้”
สารวัตรยกรูปสเก็ตขึ้นมาชูในทุกคนดู ทุกคนตกใจไม่คิดว่าจะเร็วแบบนี้
อั๋นขับรถมาจอดที่มุมหนึ่งแถวหน้าโต๊ะสนุ๊ก สารวัตรที่นั่งคู่ด้านหน้ากับอั๋นโทรศัพท์สั่งการสายตาจับจ้องไปข้างหน้า เมียวดีนั่งอยู่ข้างหลัง
“ตกลงตามแผนนะ มีอะไรผิดปกติ รายงานผมทันที”
เห็นตำรวจคนหนึ่งถือมือถือ รับคำสั่งอยู่กับเพื่อนตำรวจอีกคนแล้วทั้งคู่ทำเป็นเนียนๆ เดินไปด้านหลังตึก สารวัตรหันมาหาอั๋น
“พร้อมนะหมวด”
“ครับ”
“เราก็พร้อมแล้วเหมือนกัน”
เมียวดีขยับจะไป อั๋นทักขึ้น
“เธอรออยู่ที่รถดีกว่านะ”
“ไม่ เราจะไปด้วย”
“มันอันตรายมากนะ”
“แต่ถ้าเราไม่ไปชี้ตัว หมวดจะรู้ได้ยังไง”
“ฉันโหลดรูปสเก็ตไว้ในมือถือแล้ว”
หญิงสาวดื้อ พยายามจะไปอีก อั๋นจับมือไว้
“เมียวดี ไม่ได้นะ ฉันพูดจริงๆ ฉันไม่อยากให้เธอไปเสี่ยงอันตรายจริงๆ”
“เราไม่กลัวหรอก”
“แต่ฉันกลัว...ขอร้องล่ะ ถ้าเธอเป็นอะไรไป ฉันคงไม่ยกโทษให้ตัวเองแน่ อีกอย่าง พี่เผ่าคงเอาฉันตาย นึกว่าช่วยฉันสักครั้ง รออยู่ที่นี้ก่อนเถอะ”
ชายหนุ่มมองตาหญิงสาวเอาจริง เมียวดีจำต้องเสงี่ยม ไม่เปิดประตู อั๋นกับสารวัตรพยักหน้า ลงไป
“เชอะ ถึงเราตายไป นายเขาก็คงไม่สนใจเราหรอก”
เมียวดี ย่นจมูกทำหน้ามุ่ย เมื่อนึกถึงทรงเผ่าขึ้นมา
อั๋นเดินเข้ามากับสารวัตรแล้วพยักหน้า เดินแยกออกไปกันคนละทาง เพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกต อั๋นเดินมาอีกทาง มองหาส่วยอยู่ที่มุมหนึ่ง หันรีหันขวาง ชายคนหนึ่งเดินเข้ามา แล้วชนไหล่อั๋นผงะไป แล้วเดินไปเลยแบบไม่สนใจ
“เดินประสาอะไร”
อั๋นมองตามชายคนนั้นไป แล้วบ่นๆ
“เด็กๆแม่ไม่รักหรือไงวะ ชนมาได้ ขอโทษซักคำยังไม่มี”
อั๋น เห็นชายคนนั้นตรงไปที่โต๊ะ ที่ส่วยกำลังเล่นสนุ๊กอยู่กับลูกน้อง2-3 คน อั๋นเขม้นมองแล้วหยิบมือถือออกมากดดู ภาพสเก็ตตรงกับหน้าส่วย
“...แกเสร็จฉันแน่”
ชายคนนั้นเดินเข้ามาที่โต๊ะสนุ๊ก ส่วยแทงสนุ๊กไปแตกกระจายยิ้มมุมปาก แล้วเงยหน้าขึ้นมอง
“ตรงเวลาดีนี่”
ส่วยแสยะยิ้ม แล้วพาชายคนนั้นเดินเลี้ยวหายเข้าไปทางหนึ่ง อั๋นโผล่ออกมาจากมุมเสา ยกมือถือขึ้นมาพูด
“ทุกคนพร้อม...ปลากำลังกินเหยื่อแล้ว”
อั๋นตั้งท่าจะเดินตาม เมียวดีใส่แว่นเรย์แบนด์แล้วก็หมวกแก็ปของอั๋น ทำท่ามั่วนิ่มเดินงุดๆ ตามพวกส่วยไป อั๋นมองเห็นแล้วตาค้าง
“เมียวดี!”
อั๋นรีบวิ่งตามไป
เมียวดีเดินตามพวกส่วยไปในซอกทางเดินเล็กๆแถวร้านสนุ๊ก แล้วส่วยกับชายคนนั้นเลี้ยวไปทางหนึ่ง เมียวดีเร่งเท้าตามแต่ปรากฏว่าดันสะดุดพรม จะล้มเธอตกใจนิดหน่อย
“เฮ้ย !”
ลูกน้องส่วยที่เดินตามปลายแถวแล้วชะงักหันมามองขวับ
เมียวดีหน้าเหวอนึกว่าจะโดนจับได้แล้ว อั๋นเข้ามาคว้าไหล่เมียวดีหันกลับไปทันทีแล้วก้มลงมาเหมือนว่ากำลังกอดจูบกันลูกน้องส่วยส่ายหน้า
“ไม่มีที่ฟัดกันแล้วหรือไงวะ”
ลูกน้องอีกคนตัดบท
“อย่าสนเลยน่า รีบไปเถอะ”
ลูกน้องทั้งสองเดินหายออกไป อั๋นค่อยก้มหน้าลงมามองหน้าเมียวดี ระยะใกล้อย่างเขินเอง
เมียวดีมองตาแป๋ว พูดขึ้นมาขัดบรรยากาศ
“หมวดไม่ต้องมาด่าเราด้วยสายตาเลย”
เมียวดีผลักอั๋นออกไปเบาๆ
“ไม่ใช่ ฉันไม่ได้คิดอย่างนั้น”
“อย่ามาเถียง...เรา เอาแว่นกับหมวกในรถหมวดมาใส่ปลอมตัวแล้วพวกมันจำเราไม่ได้หรอก”
“เชื่อแล้ว เธอนี่ทั้งดื้อทั้งรั้นจริงๆเลยนะ”
“คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย รีบไปกันเถอะ”
เมียวดีรีบวิ่งนำ ตามพวกผู้ร้ายไป อั๋นมองตามยิ้มปลื้ม แล้วรีบวิ่งตามออกไป
ทั้งหมดเดินมาถึงซอยเปลี่ยวๆ ด้านหลังร้านสนุ๊ก ชายคนนั้นโยนซองเงินสีน้ำตาล หนาปึก ลงบนฝากระโปรงรถ ที่จอดอยู่ ส่วยหยิบซองเงินสีน้ำตาลหนาปึก ขึ้นมาเปิดดู ยิ้มพอใจ ลูกน้อง ยืนคุมกันอยู่ข้างๆ
“ไม้คิวล่ะ”
ส่วยพยักหน้าให้ลูกน้องไปหยิบไม้คิวที่ท้ายรถ
“เฮ้ย...”
เมียวดี กับ อั๋นย่องเข้ามาหลบที่มุมหนึ่ง สังเกตการณ์ อั๋นมองไปอีกด้านลิบๆเห็นนายตำรวจสองนายกับสารวัตร ที่เพิ่งตามมาออกมากำลังซุ่ม อยู่เช่นกัน ส่วยรับไม้คิวจากลูกน้องขึ้นมาถือ
“ของดี ร้อยเปอร์เซ็นต์”
ส่วยโยนไม้คิวไปให้ ชายคนนั้นรับไป แล้วจัดการ หักตรงปลายหัวคิวออกว่า มีซองยาไอซ์เล็กๆม้วนอยู่ บรรจุอยู่ข้างใน ชายคนนั้นมองดูยิ้มพึงพอใจ
“ผ่าน”
อั๋นกับเมียวดีที่ซุ่มดูอยู่หน้าเครียดขึ้นมา
“ไอ้พวกชั่ว”
“หลักฐานคาหนังคาเขาปล่อยไว้ไม่ได้แล้ว”
พวกส่วย กับ ชายคนนั้นกำลังจับมือร่ำลากันทันใดนั้นมีชายขี่มอร์เตอร์ไซด์คันหนึ่งวิ่งเข้ามาเบรกจอดเอี๊ยด
“ข่าวรั่วแล้วพี่ ตำรวจมา”
ส่วย และทุกคนหน้าตื่น อั๋นกับ นายตำรวจทั้งหมดที่ซุ่มอยู่รีบออกมายกปืนเล็ง สกัดไม่ให้หนี
“หยุด...มอบตัวซะ”
ส่วยจัดการยิงสวนมาก่อนทันที อั๋นกับตำรวจรีบหลบเข้าที่กำบังทั้งสองฝ่ายยิงสวนสู้กัน ลูกน้องส่วยคนหนึ่ง โดนยิงตาย ชายคนนั้นทำท่าจะหนี ส่วยไหวตัวทัน รีบถีบออกไป ชายคนนั้นโดนตำรวจยิงจนพรุน ล้มลงไปจมกองเลือดตาย ส่วยอาศัยจังหวะนั้น เผ่นไปขึ้นรถ ออกไปกับลูกน้อง ลูกน้องที่ขับมอเตอร์ไซค์ จะยิงตำรวจ อั๋นรีบยิงตัดหน้า มันขาดใจตาย รถส่วยออกตัวไปอย่างรวดเร็ว อั๋นวิ่งออกมา กับเมียวดี และพวกตำรวจ เมียวดีเสียดาย
“มันหนีไปแล้ว”
อั๋นหันไปสั่งตำรวจ
“เรียกกำลังเสริมด่วน ผมจะตามมันไปก่อน”
อั๋นตรงเข้าไปที่มอเตอร์ไซค์ จับขึ้นมาขึ้นคร่อมขี่จะออกตัว เมียวดีรีบวิ่งตามเข้าไป กระโดดขึ้นซ้อนท้าย
“เราไปด้วย รีบไปซิหมวด เดี๋ยวมันหนีไปหรอก”
อั๋นขัดไม่ได้ รีบออกตัวตามรถส่วยไปทันที ตำรวจหยิบวอออกมาพูด ขอกำลังเพิ่ม
รถส่วยแล่นเลี้ยวไปตามทาง มอเตอร์ไซค์อั๋น ขับตามหลังมา ส่วยมองเห็นจากกระจกหลังอย่างอาฆาตโผล่ออกไป ยิงใส่ ปังๆๆ อั๋นขี่รถหลบหลีกไปได้ รถส่วยเลี้ยวหายไปอีกซอยหนึ่ง ปรากฏว่าเป็นซอยตันมีกำแพงโรงงานน้ำแข็งกั้นปิดทาง ลูกน้องตกใจ
“เฮ้ย พี่ซอยตัน”
ส่วยอึ้งไปเหมือนกัน ลูกน้องจอดรถ ทั้งหมดเปิดประตูรถลงมา
“แต่มันคงไม่ตามมาแล้วล่ะ”
ทันใดนั้นเสียงมอเตอร์ไซค์อั๋นดังเข้ามา ส่วยกับพวกหันไปมองตกใจ อั๋นขับมอเตอร์ไซค์เข้ามาบอกเมียวดี
“จับให้แน่นนะ”
อั๋นพุ่งชน พวกส่วย กระโดดหลบแตกกระจาย อั๋นจอดมอเตอร์ไซค์ใช้เป็นกำบัง เมียวดีหลบอย่างคล่องแคล่ว ลูกน้องส่วย ยกปืนจะยิง อั๋นยกปืนยิงสวนไปเปรี้ยง ลูกน้องกุมแขนล้มลงไป เจ็บ อั๋นเล็งปืนไปที่ส่วย ยิงเปรี้ยง ส่วยหลบได้ทัน
ส่วยจะยิงสวน แต่ปรากฏว่า กระสุนหมด ส่วยหน้าถอดสี อั๋นยกปืนเล็ง ขึ้นไกเตรียมจะยิง ส่วยรีบหยิบก้อนหินปาไปที่มืออั๋น ปืนกระเด็นร่วงลงไป ส่วยรีบโดดปีนกำแพง ข้ามรั้วเข้าไปในโรงน้ำแข็ง เมียวดีตกใจ
“อย่าหนีนะ”
อั๋นรีบหยิบปืนขึ้นมา เมียวดีหันมาเรียก
“เร็วหมวด ตามมันไป”
เมียวดีปีนนำไปก่อนอย่างคล่องแคล่ว อั๋น รีบปีนกำแพงตามไป
อ่านต่อตอนที่ 16 พรุ่งนี้
แก้วกลางดง ตอนที่ 16
ส่วยวิ่งหนีอยู่ในโรงน้ำแข็ง เมียวดีกับอั๋นที่วิ่งตามหลังมา ส่วยวิ่งเลี้ยวลับไปทางหนึ่ง อั๋นวิ่งนำขึ้นมา ตามหลังส่วยไป เมียวดีที่วิ่งตามหลังอั๋นมามองๆ แล้วตัดสินใจวิ่งแยกออกไปอีกทาง
อั๋นวิ่งไล่ส่วยมาเกือบทัน ส่วยรีบผลักถังน้ำแข็ง น้ำแข็งเทราดลงไป อั๋นลื่นล้ม ปืนกระเด็นออกไป
“โอ๊ย”
ส่วยรีบโกยแนบจะหนี เมียวดีวิ่งไปดักหน้าโผล่เข้ามา กระโดดถีบ ส่วยเซถลาไปด้านหลัง
“จะหนีไปไหน”
อั๋นตั้งหลักได้วิ่งเข้าไปต่อย ส่วยหลบแล้วต่อยสวน ก่อนจะหยิบขวานที่ใช้จามน้ำแข็งขึ้นมา ฟาดลงไป อั๋นกลิ้งตัวหลบได้ทันฉิวเฉียด ส่วยไล่ฟันเอาเป็นเอาตาย เมียวดีตกใจ
“หมวด!”
เมียวดีวิ่งตามทั้งสองไป ส่วยยกขวานฟัน อั๋นพลิกหลบซ้ายขวาแล้ว จับด้ามขวานไว้ยันกับส่วยไว้ไม่ให้คมมีดลงมาบาดหน้าตัวเอง เมียวดีตามเข้ามา มองด้วยความเป็นห่วง
“ตายล่ะ...”
เมียวดีหยิบก้อนน้ำแข็ง ฟาดลงไปที่ศีรษะส่วยน้ำแข็งแตกกระจาย ส่วยชะงักแล้วหันมาเล่นงานเมียวดี ตบกระเด็นแล้วตามเข้ามากระชากเมียวดีจะต่อยท้อง อั๋นหยิบมีดพกที่เหน็บไว้ที่ขากางเกงออกมา สปริงมีดขึ้นมา เข้าไปจ่อหลังส่วย
“หยุดเดี๋ยวนี้”
ส่วยชะงัก หน้าเจื่อนไป เมียวดีตบหน้าส่วยด้วยความแค้น แล้ววิ่งมาอยู่ข้างๆอั๋น
“จัดการเลย หมวด เอามันเข้าตะรางไปเลย”
“แค่มันคนเดียวยังไม่พอหรอก เรื่องนี้ต้องมีคนอยู่เบื้องหลังแน่นอน” อั๋นตะคอกส่วย “ใครใช้แกมา!”
ส่วยไม่ตอบ อั๋นกระชับมีดติดหลังส่วยอีก
“ฉันแทงแกไส้แตกแน่ ตอบมา”
ส่วยเหงื่อแตก กำลังจะตอบ
“ตอบแล้ว ตอบแล้ว”
“พูดมา หัวหน้าแกเป็นใคร”
“โอ๊ย...นาย...นาย...”
อั๋น กับ เมียวดี ลุ้นตาม อยากรู้ ส่วยกำลังจะพูด
“นายสะ...”
ทันใดนั้นเสียงปืนดังขึ้นเปรี้ยง อั๋นกับเมียวดีผงะ หันมองเห็น สาทิศกับลูกน้อง เดินเข้ามา สาทิศถือปืนในมือเป็นคนยิง ส่วยสบโอกาส ซัดอั๋นเซกระเด็น แล้วรีบวิ่งหนีออกไปทางด้านหลังทันที เมียวดี ทำท่าจะตาม
“อย่าหนีนะ”
ลูกน้องของสาทิศ กรูเข้ามาดักหน้า
“ถอยไป เราจะไปจับผู้ร้าย”
เมียวดีโมโหฝ่าไป พวกลูกน้องจับตัวเมียวดี สาทิศรีบร้องห้ามทำเนียน
“หยุด ปล่อยหนูเมียวดีซะ”
เมียวดีหันมามองสาทิศอีกครั้งแปลกใจ
“คุณ มาที่นี่ได้ยังไง”
อั๋นตั้งตัวขึ้นมาได้ มองแปร่งๆ ไม่ไว้ใจเหมือนกัน
“คุณสาทิศ”
“แหม...ใจหายใจคว่ำ นึกว่าจะกลายเป็นผู้ต้องหา ยิงหัวตำรวจตายซะแล้ว”
อั๋นหน้าตึงขึ้นมา รู้สึกแปร่งๆ กับน้ำเสียงของสาทิศ
“นั่นสิครับ...มันก็คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญเหมือนกัน ที่คุณสาทิศโผล่มาตอนผมจับผู้ร้าย...กำลังเค้นชื่อตัวบงการใหญ่อยู่ซะด้วย”
“อ้าว...เหรอครับ แหม งั้นเห็นทีผมต้องเป็นพลเมืองช่วยเจ้าหน้าที่ซินะ” สาทิศหันไปสั่งลูกน้อง “พาหมวดเขาไปค้นดูให้ทั่วเลยนะ...เชิญครับ”
อั๋น กับเมียวดีตามลูกน้องไป
ลูกน้องพาทั้งสองเดินหาทั่วโรงน้ำแข็ง สาทิศยิ้มหยัน
“เป็นไงครับ เจอมั้ย”
เมียวดีฉุนกึก
“จะเจอได้ยังไง มันหนีไปไหนต่อไหน ตั้งแต่คุณเข้ามาขว้างแล้ว”
“โอ้ว แหมน่าเสียดายนะจริง แต่หวังว่าผู้หมวดคงไม่เข้าใจว่าผมเป็นใจให้คนร้ายหนีหรอกนะครับ เพราะที่ผมยอมให้หมวดค้นโรงน้ำแข็งนี้ ก็นับว่าใจดีมากแล้ว”
อั๋นโมโหจะเข้าไปเอาเรื่อง
“จะมากไปแล้ว”
เมียวดีรีบไปห้ามอั๋น
“อย่า...หมวด!”
เมียวดีหันไปมองสาทิศ
“คุณยังไม่ได้ตอบเรา ว่ามาที่นี่ได้ยังไง...”
อั๋นมองหยัน
“หึ...คงไม่บอกว่าบังเอิญเข้ามาหรอกนะ”
“ไม่บังเอิญหรอกครับ...โรงน้ำแข็งนี่เป็นของผมเอง แล้วผมเองก็ไม่ชอบให้ใครเข้ามาวุ่นวายโดยไม่จำเป็น และถ้าหมวดจะมาจับคนร้ายก็ควรจะมีหมายศาลมาด้วยนะครับ หวังว่าคราวหน้าคงทำงานให้รัดกุมกว่านี้ ไม่งั้นผมอาจฟ้องกลับหมวดข้อหาบุกรุก ก็ได้”
เมียวดีกับอั๋น อึ้งหน้าแตกไป สาทิศยิ้มอย่างเป็นต่อ
ค่ำนั้น...ทรงเผ่าหงุดหงิดที่เมียวดียังไม่กลับบ้าน อัญชิสายืนอยู่ข้างๆไม่สบอารมณ์นัก
“ป่านนี้ยังไม่กลับมาอีก...เหลวไหลที่สุด”
ทนงกับบัวคลี่เดินเข้ามาพอดี
“อะไรกัน เจ้าเผ่า”
อัญชิสาแทรกขึ้น
“อ๋อ เมียวดี ยังไม่กลับมาเลยค่ะ คุณพ่อ...ไม่รู้ว่าไปกับหมวดอั๋นถึงไหนๆแล้วนะคะ”
ทนงมองเขม่น
“หนูหวานพูดแบบนี้คงไม่ดีนะ”
อัญชิสาสลดไปนิด บัวคลี่รีบออกรับ
“คือ คุณอั๋นเค้าบอกไว้แล้วจ๊ะ ว่าวันนี้มีธุระหลายที่อาจจะกลับช้านิดหน่อย”
อัญชิสารีบใส่ไฟ
“แต่เมียวดีเป็นผู้หญิงนะคะคุณน้า ถึงจะแก่นแก้วยังไง แต่ถ้าเล่นหายไปกับผู้ชายสองต่อสองทั้งวันอย่างนี้ มันก็ดูไม่งามนะคะ”
ทรงเผ่าชักโมโห
“พอเถอะ คุณหวาน”
“แต่คิดๆดู อีกที เมียวดีกับหมวดอั๋น ก็ดูเหมาะสมกันดีนะคะ”
ทรงเผ่าตวาดเสียงเข้ม
“ผมบอกให้หยุดพูดไง!”
อัญชิสาชะงักหน้าเหวอ
“ขอโทษนะครับคุณหวาน...แต่ผมไม่เชื่อว่าเมียวดี กับอั๋น จะทำอะไรที่ลดศักดิ์ศรีตัวเองอย่างนั้น อย่าพูดแบบนี้ให้ผมได้ยินอีก”
ทรงเผ่ามองไปที่บัวคลี่ กับทนง
“ผมยังไม่หิว ไม่ต้องรอทานข้าวนะครับ”
ทรงเผ่าเดินขึ้นบ้านชั้นบนไป อัญชิสาหันมองตามอย่างขัดใจ
ทรงเผ่าเดินออกมา ที่ระเบียงถอนใจเฮือก อย่างหนักอก...แล้วเหลือบสายตามองออกไป เห็นเมียวดีกับอั๋น เดินลับๆล่อๆ เข้ามาที่ริมกำแพง ทรงเผ่าหน้าตึงขึ้นมา
เมียวดีย่องมา ที่กำแพงบ้าน อั๋นตามเข้ามาด้วย
“เมียวดี เดี๋ยวสิ นี่จะปีนบ้านจริงๆเหรอ”
เมียวดีรีบหันมาจุ๊ปากให้อั๋นพูดเบาๆ
“อย่าเอ็ดไปสิ หมวด...เดี๋ยวเกิดไอ้หมาลั่นมันได้ยิน แหกปากตะโกนลั่นบ้านขึ้นมา เราหัวขาดแน่”
“แล้วจะกลัวไปทำไม เดี๋ยวฉันไปคุยกับพี่เผ่าให้เอง ใครว่าเธอ ก็ข้ามศพฉันไปก่อน”
อั๋นทำท่าจะเดินกลับไปท่าหน้าบ้าน เมียวดีรีบฉุดแขนอั๋นไว้
“หมวด...หยุด”
โปรดติดตามอ่าน ตอนต่อไป เวลา 17.00 น.
ทรงเผ่ามองเห็น เมียวดีเข้าไป จับมือถือแขนกับอั๋น แล้วหึงขึ้นมา...เมียวดีขอร้องอั๋น
“อย่า...หมวด เก็บชีวิตหมวดไว้จับไอ้พวกค้ายาเถอะ”
“ฉันรู้แล้ว...แต่ฉันว่ามันก็ไม่เกี่ยวกับที่จะไปคุยกับพี่เผ่าเลยนี่ พี่เผ่าไม่ใช่คนงี่เง่า เขาเข้าใจอยู่แล้ว”
“นั่นแหละตัวดี ยิ่งกว่าพ่ออีก...”
อั๋นชะงัก
“ฮึ...อะไรนะ”
“เปล่าๆ คือเราจะบอกว่า เราเกรงใจพ่อนาย เราไม่อยากให้พ่อนายเป็นห่วงเรา”
อั๋นอ่อนลง
“ก็ได้ งั้นแล้วแต่เธอเถอะ”
เมียวดีปล่อยมือออกยิ้มชอบใจ อั๋นมองหน้า
“แต่แน่ใจเหรอว่า ปีนเข้าบ้านแบบนี้ เขาจะไม่รู้ว่าเธอกลับค่ำ”
“เมียวดีซะอย่าง แค่เราบอกทุกคนว่า เราหลับอยู่ในห้องก็ไม่มีใครรู้แล้วล่ะ...เราไปล่ะนะ”
เมียวดีหันไป อั๋นเรียกไว้
“เดี๋ยว!”
เมียวดีชะงักหันมามองหน้า
“ฉันอยากบอกเธอว่า...เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ เธอทำให้ฉันรู้สึกว่า ฉันได้เป็นตำรวจจริงๆเป็นครั้งแรก”
เมียวดีแปลกใจ
“ฮึ...พูดอะไรแปลกๆ ที่ผ่านมาหมวดไม่ได้เป็นตำรวจหรือไง”
“ก็เป็นล่ะ แต่มันก็เป็นงานในส่วนประชาสัมพันธ์เสียมากกว่า บอกตรงๆ ฉันยังไม่เคยเข้าถึงการเป็นตำรวจจนกระทั่งวันนี้ วันที่ฉันได้ปกป้องเธอ ได้ช่วยเธอจากคนร้าย...”
เมียวดีชะงัก
“หมวด...”
“เธอทำให้ฉันกล้าในสิ่งที่ฉันไม่เคยกล้า จิตวิญญาณผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ของฉันตื่นขึ้นมา”
อั๋นจับมือเมียวดีขึ้นมากุมไว้
“ขอบคุณมากนะ เมียวดี ขอบคุณจากใจจริง”
อั๋นมองเมียวดีอย่างมีความรู้สึกพิเศษ
“หมวดก็เป็นตำรวจที่ดีอยู่แล้วล่ะ” เมียวดีค่อย ๆ ดึงมือออก ก่อนจะตบ
ไหล่อั๋นแทน “เราต้องไปแล้ว โชคดีนะ”
เมียวดีรีบวิ่งไปที่กำแพง กระโดดขึ้นไปอย่างคล่องแคล่ว อั๋นโบกมือให้มองตามไป
เมียวดี เดินลัดเลาะย่องเข้ามาจนจับลูกบิดเปิดเข้าไปในห้องแล้วถลาไปนั่งที่เตียง
“โอ้ย เมื่อย ๆๆๆ”
ทันใดนั้นเสียงทรงเผ่าดังขึ้นมา
“นายอั๋นไปไหน ไม่มาช่วยนวดให้ล่ะ”
เมียวดีสะดุ้งแล้วเห็นทรงเผ่ายืนพิงผนังกอดอกอยู่ตรงแถวหลังประตู เมียวดีเปิดเข้ามาจึงไม่เห็น
“นาย! เข้ามาทำไม”
เมียวดีลุกขึ้น ทำท่าจะไปเปิดประตูออกไป ทรงเผ่าขยับมาขวางข้างหน้า พอๆกับที่เมียวดีพุ่งไปที่ประตูทำให้กลายเป็น หญิงสาวพุ่งเข้าไปหาอกของชายหนุ่ม เขากอดเธอไว้หมับ เมียวดีร้องตกใจ
“ปล่อยเรา”
“เธอวิ่งมากอดฉันเองนะ”
“อย่ามาทำบ้าๆ”
“ฉันกอดแค่นี้ มันจะตายหรือไง”
“นิสัยไม่ดี เราไม่นึกเลยว่านายจะเป็นคนแบบนี้”
“แล้วนายอั๋น มันเป็นคนแบบไหน เธอถึงปล่อยให้มันจับมือจับไม้อยู่ได้”
เมียวดีโมโห
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ นาย”
“นี่ถ้าตาจั่นยังอยู่ คงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนแล้ว”
เมียวดีโกรธมาก รีบผลักเขาออก หญิงสาวกำหมัดจะต่อยหน้าชายหนุ่ม แต่กำหมัดค้างไว้
ทรงเผ่านิ่งอึ้งไป
“อยากจะด่าอะไรก็ด่าเรา แต่อย่าว่าพ่อเรา”
เมียวดีรีบเปิดประตูออกไป ทรงเผ่ามองตามอ่อนลง รีบตามเมียวดีที่วิ่งร้องไห้ออกมา ทรงเผ่าตามหลังมาคว้าแขนดึงไว้
“เมียวดี”
“ปล่อยเรานะ เราไม่อยากเห็นหน้านายแล้ว”
เมียวดีดิ้นหนี ทรงเผ่าไม่ปล่อย กลับรวบกอดจากข้างหลัง
“ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันขอโทษ”
เมียวดีชะงักอึ้งไป แต่แล้วก็เชิดทำเสียงแข็งใส่
“ไม่ต้องมาตบหัวแล้วลูบหลัง...”
“ฉันอุตสาห์ง้อเธอแล้วนะ”
“ถ้าลำบากก็ไม่ต้อง เราไม่ได้ขอ”
“นี่อย่าเรื่องมากได้ไหม จะให้ทำยังไงก็บอกมา”
“นายนั่นแหละ ถามตัวนายดีกว่า ทำไมถึงได้อารมณ์ขึ้นๆลงๆแบบนี้อะไรทำให้นายเปลี่ยนไป”
ทรงเผ่าอึ้ง รู้อยู่ว่าเป็นเพราะเมียวดี ทันใดนั้นเสียงวงศ์กระแอมดังเข้ามา ทรงเผ่ากับเมียวดีรีบผละออกจากกัน วงศ์ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“นึกว่าแมวขโมยที่ไหน ที่แท้ เป็นคุณเผ่านี่เอง”
ทรงเผ่าอึ้งๆ แล้ว ถามกลับไป ทำปกติ
“มีอะไรหรือเปล่าครับ...”
“เปล่าค่ะ พอดีอิชั้นเป็นห่วงคุณเหมียว” วงศ์หันไปหาเมียวดี “นี่กินข้าวกินปลากันไม่ลงเลยนะคะ ทุกคนคอยคุณเหมียวกันทั้งนั้น”
เมียวดีรู้สึกผิด
“เราขอโทษนะที่ทำให้ทุกคนเป็นห่วง”
“ช่างเถอะค่ะ ทีหลังอย่ากลับมืดค่ำนักก็แล้วกัน ไม่งั้นดิฉันจะตีทั้งคุณเหมียว แล้วก็คุณอั๋นคนพาไปเลยนะคะ”
เมียวดียิ้มๆ ทรงเผ่าปึ่งขึ้นมาอีก วงศ์หันไปหาทรงเผ่า
“คุณเผ่าจะทานอะไรไหมคะ เดี๋ยวดิฉันจะจัดให้พร้อมกับของคุณเหมียวเลย”
“ไม่ต้องหรอกครับ เห็นหน้าผม แล้วคนบางคนเขาจะทานข้าวไม่ลงซะเปล่าๆ”
“อะไรกันคะ”
“ผมมันแค่ประชาชนคนธรรมดา ไม่ใช่ผู้ชายในเครื่องแบบนี่ครับ”
เมียวดีมองทรงเผ่าสบตากันปึ่งกันไป
“นายรู้ตัวด้วยเหรอ”
วงศ์ปราม
“คุณเหมียว!”
“เห็นมั้ย ผมพูดผิดเสียทีไหน อีกไม่นานเมียวดีเขาคงได้เป็นคุณนายนายตำรวจ โก้อย่าบอกใคร”
เมียวดีน้อยใจ ประชดขึ้นมาบ้าง
“นั่นสิ...แต่กว่าจะได้เป็นเมียนายตำรวจ เราคงต้องฝึกอะไรอีกหลายอย่าง เราไม่มีเวลามาพูดเล่นกับนายแล้วล่ะ ขอตัวก่อนนะ”
เมียวดีเดินกลับเข้าไปในห้อง อย่างไม่แคร์ ทรงเผ่ามองตาม น้อยใจ ที่เมียวดีไม่สนใจ วงศ์ลอบสังเกตอาการ
เมียวดีปิดประตูห้องลง น้ำตาของหญิงสาวไหลออกมา ด้วยความเจ็บปวดกับคำพูดของทรงเผ่า น้อยอกน้อยใจ...ทรงเผ่าก้าวเข้ามาที่หน้าห้อง จะ ยกมือจะเคาะห้อง แล้วชะงักเปลี่ยนใจ สองคนยืนอยู่ใกล้กันแค่ผนังประตูกัน ทรงเผ่าตัดสินใจ เดินหนีออกไป วงศ์ที่แอบดูอยู่ที่มุมหนึ่ง ส่ายหน้าถอนใจ
สาทิศต่อยหน้าส่วย กระเด็นออกไปอย่างโมโห
“ทำงานประสาอะไรวะ ไม่ได้เรื่อง”
“ผมเปล่านะ นาย”
สาทิศโมโหเข้าไปซ้อมส่วยอีกชุด จนส่วยเลือดกลบปาก ล้มลงไป
“ไอ้ส่วย วันนี้แกเกือบทำให้ฉันเข้าคุกแล้ว แกยังมีหน้ามาพูดอีกเหรอว่า แกไม่ได้ทำงานพลาด”
“ถ้านังเด็กเมียวดี มันไม่พาไอ้ตำรวจนั่นมายุ่ง ทุกอย่างคงไม่เป็นแบบนี้ นังเด็กเมียวดีนั่นแหละ ที่ทำให้ทุกอย่างผิดแผนไปหมด”
สาทิศชะงัก
“มันตามแกะรอยพวกเรา ยังกับนายพรานล่าเหยื่อเลยนะนาย นายต้องรีบกำจัดมัน ก่อนที่มันจะกำจัดเรา”
สาทิศตบหน้าส่วยไปอีกฉาด
“แกไม่ต้องมาสอนฉัน นังเด็กป่าอย่างนั้น มันกระดูกคนละเบอร์กับฉันอยู่แล้ว...มันไม่มีทางเอาชนะฉันได้หรอก”
สาทิศบอกอย่างกร่างและถือดี
อ่านต่อ ตอนที่ 16 หน้า 4 เวลา 9.30 น.
แก้วกลางดง ตอนที่ 16 (ต่อ)
บริเวณทางเดินของโรงแรมที่จัดงาน อั๋นกำลังจะเอาปากกาเสียบ แต่นางแบบกิตติมศักดิ์วิ่งร้องไห้ออกมา ชนอั๋นจนปากกาหล่น
“ขอโทษ”
นางแบบวิ่งออกไป
“เฮ้ย...อ้าว แล้วกัน”
อั๋นรีบเอาปากกาเสียบเหมือนเดิม บัวคลี่กับผู้จัดอีกคนวิ่งมา
“เดี๋ยวจ๊ะ หนูอ้อน อย่าเพิ่งไป”
อั๋นแปลกใจ
“มีอะไรกันเหรอครับ”
“น้องอ้อนนางแบบกิตติมาศักดิ์ของน้า ทะเลาะกับแฟนแล้วเลยขอถอนตัวกลับไปซะอย่างงั้น ทั้งๆที่ใกล้งานแบบนี้ ชุดก็ตัดไว้หมดแล้ว แล้วจะหานางแบบที่ไหนเดินแทนละเนี่ย”
“งั้นเหรอครับ”
บัวคลี่ถอนหายใจ
“เอ๊ะ...นี่คุณอั๋นมาได้ที่นี่ยังไงค่ะ รู้ได้ยังไงค่ะ ว่าที่สมาคมมีงาน”
อั๋นรีบแก้ตัว
“เอ่อ คือ คุณแม่...คุณแม่ให้ผมมาดูนะครับ ว่ามีอะไรให้ช่วยบ้าง”
เมียวดีกับฟ้าลั่น นั่งเซ็งอยู่มุมหนึ่งด้านนอกสมาคม
“เอ็งออกมาทำไมล่ะอีเมียว ทำไมไม่อยู่ข้างใน” ฟ้าลั่นหันไปถาม
“ถามทำไม ข้าไม่ได้อยากมาตั้งแต่ต้นแล้ว”
“อุตส่าห์ได้ออกมา คิดว่าจะมีอะไรสนุกๆ แต่ไม่เห็นมีไรทำเลย”
เชอรี่เดินมาอารมณ์เสีย เห็นฟ้าลั่นกับเมียวดีนั่งอยู่
“พี่ฟ้า คุณเหมียว มานั่งเล่นสบายใจเฉิบ กันอยู่นี่เอง”
“อ้าว ก็น้องเชอรี่เป็นคนไล่พี่ฟ้าออกมา”
“งั้นก็ไม่ไล่แล้วมาช่วยฉันหน่อยซิ ทำงานอยู่คนเดียว เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว” เชอรี่จะใช้งานฟ้าลั่น อ้อนทันที
ห้องด้านหลังเวที...เชอรี่เข้ามาเก็บแก้วน้ำ จานขนม ฟ้าลั่นกับเมียวดีเข้ามาช่วยเก็บ เชอรี่เห็นชุดแขวนอยู่
“อุ๊ย ตาย สวยจังเลย”
เชอรี่เอาชุดมาทาบตัว เห็นรองเท้าส้นสูงวางอยู่
“สวยจัง คุณเหมียวดูซิ”
เมียวดีเหลียวมามองแต่ไม่ได้พูดอะไร เชอรี่หมั่นไส้
“รู้มั้ย ว่าเนี่ย เขาเรียกว่าอะไรส้นสูง รู้จักมั้ยล่ะ ใส่แล้วก็ทำให้เราสวย สง่าเป็นเจ้าหญิง”
เมียวดีเบ้หน้า
“ต้องเดินเขย่งเป็นผีก๋องกอย มันจะไปสวยได้ไง”
“เชอะ ใส่ไม่เป็นแล้วอย่ามาพูดดีกว่า”
“มีอะไรที่เมียวดีทำไม่ได้ เดินเขย่งแค่นี้ไม่เห็นยากอะไร”
“งั้นเหรอ”
เชอรี่ชูรองเท้าประมาณว่าให้ใส่ดูซิ เมียวดีจำใจใส่รองเท้า แล้วก็เดินไม่ค่อยถนัดนัก
เชอรี่ขำ สะกิดให้ฟ้าลั่นดู ฟ้าลั่นหัวเราะขำไปด้วย เชอรี่กระซิบบอก ฟ้าลั่นขำไปด้วยกับวิธีของเชอรี่
“โอ๊ย...เอ็งนี่มันโง่นักนะอีเมียว ถ้ามันเดินยาก ก็ทำให้เดินง่ายๆซิ”
ฟ้าลั่นมองไปเห็นรองเท้าวางอยู่ หลายคู่ หยิบเอาฟาดกับโต๊ะแล้วก็หักส้นทันที เมียวดีตกใจ
“เฮ้ย...อย่ารองเท้าใคร...ก็ไม่รู้”
“แค่นี้เอง มีตั้งหลายคู่ หักสักคู่คงไม่เป็นไรหรอก”
เชอรี่ขำใหญ่ ตบมือชอบใจ ฟ้าลั่นได้ทีเอาเสื้อมาใส่เสื้อขาดแควก ไปบ้าง ฟ้าลั่นชะงัก เชอรี่รีบยุ
“เร็วซิ พี่ฟ้า เดินแบบให้เชอรี่ดูหน่อย อยากเห็นเหมือนกัน ว่าบ้านพี่เค้าเดินแบบกันยังไง”
“ได้ซิฮ้า”
ฟ้าลั่นบ้าจี้ ไม่สนใจยัดเสื้อลงไป ใส่ส้นสูง แล้วก็ไปหาเมียวดี ยื่นเสื้อให้ใส่
“อย่ายืนเฉย ๆ ซิว่ะ อีเมียว เสียชื่อคนบ้านป่าสูงหมดนะโว้ย”
ฟ้าลั่นชวนใหญ่ เมียวดีรำคาญ
“ก็ได้ แต่คนบ้านป่าไม่ใส่ชุดแบบนี้หรอก”
เมียวดีมองซ้ายมองขวาเห็นผ้าชิ้นยาวๆที่สามารถไว้คลุมไหล่ได้ เธอหยิบมา แล้วเอานุ่งเป็นผ้าหยักรั้ง เหน็บชาย
“มันต้องแบบนี้ถึงจะปีนต้นไม้ ทำไร่ได้”
เมียวดีเดินให้ดู ทันใดนั้นเสียงอัญชิสาก็ดังเข้ามา
“ตายแล้ว นี่...มาเล่นอะไรกัน”
ทั้งหมดหันไปเห็นอัญชิสา อั๋น ทรงเผ่าเข้ามายืนดู อัญชิสาโวยวายเสียงดัง
“ชุดพวกนั้น รองเท้า มันต้องใช้ในวันงานนี่คะ”
บัวคลี่กับรำพาแหวกเข้ามา
“เอะอะอะไรกันหรือจ๊ะ”
รำพาตกใจ
“นี่มันอะไรกันน่ะ...”
บัวคลี่ มองเมียวดี มองรองเท้า ผ้า แล้วก็เป็นลมไปอั๋นกับทรงเผ่าตกใจ
“คุณน้า!”
ฟ้าลั่นกับเมียวดีก็ตกใจ ทรงเผ่ามองเมียวดีตาเขียว อัญชิสาแอบยิ้ม
โปรดติดตามอ่าน ตอนต่อไป พรุ่งนี้
เชอรี่มาพบอัญชิสาที่มุมลับๆห่างจากสายตาคน อัญชิสาส่งถุงใส่เครื่องสำอางให้เชอรี่
“กลูต้าผสมวิตซี กินวันละเม็ด แล้วผิวเธอจะขาว ใสขึ้นทันตาเห็น ฉันให้เธอสองกระปุกเลยเพราะทำงานได้ดีมาก”
เชอรี่ตาโตดีใจมาก
“ขอบคุณค่ะ คราวนี้แหละอีเชอรี่จะได้ผิวขาววิ้งๆ เหมือนดาราเกาหลี”
อัญชิสาแอบเยาะใส่
“งั้นเชอรี่ขอกินครั้งละสองเม็ดได้มั้ยค่ะ คุณหวาน ผิวเชอรี่จะได้ขาวเร็วๆ”
“ตามใจซิ” อัญชิสาพูดกับตัวเองเบาๆ “อยากจะตับพังตายเร็วแค่ไหนมันก็เรื่องของแก”
“คุณหวานว่าอะไรคะ”
อัญชิสายิ้มแย้ม
“อ๋อ...ฉันว่า เดี๋ยวฉันจะเข้าไปดูคุณน้าบัวคลี่ซักหน่อยไม่รู้ฟื้นหรือยัง”
อัญชิสาจะเดินไป
“เดี๋ยวค่ะ คุณหวาน เอ่อ...คือ แล้วคุณหวานคิดว่า คุณเผ่าจะลงโทษคุณเหมียวยังไงคะ”
อัญชิสายักไหล่
“ก็คงไล่ออกจากบ้าน ให้กลับไปอยู่ป่าอยู่ดอยล่ะมั่ง หึ หึ”
อัญชิสาเชิดใส่เดินออกไป เชอรี่รู้สึกสยองไปด้วย
“อย่าโกรธฉันเลยนะยายคุณเหมียว ก็ฉันจะต้องเป็นนักร้อง แล้วฉันจะตัวดำได้ยังไง มันก็ไม่สวยซิ”
ทรงเผ่าลากแขนเมียวดีออกมาข้างนอก
“เมื่อไหร่จะเลิกเหลวไหลเสียที เมียวดี รู้มั้ยว่าที่เธอทำมันทำให้งานการของคุณน้าเสียหายแค่ไหน นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะ ฟ้าลั่นก็เหมือนกัน ตั้งแต่เกิดเรื่องก็หายหน้าไปไหน”
“เราเป็นคนชวนไอ้หมาลั่นมันเอง เพราะงั้นเราขอรับผิดชอบเรื่องทั้งหมดเอง ไม่เกี่ยวกับฟ้าลั่นแล้วก็เชอรี่”
“รับผิดชอบยังไง เธอก็รู้อยู่แล้วนี่ว่าคุณน้าไม่สบาย ถ้าเกิดคุณน้าเป็นหนักขึ้นมาอีก จะทำยังไง ทำไมไม่รู้จักคิดให้มากกว่านี้เวลาทำอะไร เธออยากเป็นนางแบบเหมือนคุณหวานนักเหรอ ถึงเที่ยวไปเล่นของพวกนั้น”
เมียวดีโมโหทันทีที่ได้ยินทรงเผ่า เปรียบกับอัญชิสา เธอประชดใส่
“ก็ถ้าเราอยากสวยบ้าง เราผิดหรือไง เสื้อผ้าพวกนั้น รองเท้าส้นสูงมันมีให้ผู้หญิงใส่ไว้อวดผู้ชายไม่ใช่เหรอ เราเอามาใส่บ้างทำไมจะไม่ได้”
“นี่ยอมรับแล้วเหรอ อยากจะอวดเจ้าอั๋นละซิถ้า เธอมันเด็กใจแตก อย่างที่คุณหวานว่าจริงๆ”
เมียวดีเจ็บจี๊ด
“เราคือเรา เราไม่ใช่คุณหวาน อย่าเอาเราไปเปรียบเทียบกับใคร”
“มันเทียบกันไม่ได้อยู่แล้ว เพราะต่อให้เธอแต่งหน้าแต่งตากว่านี้ หรือใส่ส้นสูงได้สูงกว่านี้ แต่เธอก็รู้อยู่แกใจว่า เธอเป็นได้แค่ เด็กสาวบ้านป่าที่อยากหัดเป็นสาวชาวเมืองเท่านั้น”
เมียวดีต่อยเปรี้ยงเข้าให้ที่หน้า มองทรงเผ่าอย่างเจ็บช้ำก่อนเดินออกไป ทรงเผ่าอึ้งๆ เพราะเมียวดีเข้าใจผิด
“ฉัน...ฉันแค่อยากบอกว่ารองเท้าส้นสูงแบบนั้น มันไม่เหมาะกับเธอ”
อัญชิสาแอบมองอยู่อีกมุมไกลๆ ยิ้มอย่างสะใจที่แผนสำเร็จ
เมียวดีเดินออกมาพอลับตาทรงเผ่า ก็วิ่งมาซบหน้าร้องไห้อยู่ที่ต้นไม้ใหญ่ ถอดรองเท้าส้นสูงออกขว้างทิ้ง อั๋นเข้ามาเตะไหล่เมียวดี ปัดมือ
“อยากโดนต่อยอีกหรือไง”
เมียวดีเงื้อ อั๋นรีบถอยห่าง ยกมือยอม
“เดี๋ยวๆ นี่ฉันเอง”
“หมวด!” หญิงสาว รีบเช็ดน้ำตา “หมวดจะว่าอะไรรีบว่ามาทีเดียวเลย”
“ตอนเด็กๆฉันเคยคุณพ่อตี ครั้งเดียวเท่านั้น ในชีวิต เธอรู้มั้ยว่าเรื่องอะไร”
เมียวดีส่ายหัว
“ฉันแอบขโมยเหรียญตราของคุณปู่ไปให้เพื่อนที่โรงเรียนดู พอกลับมาแน่นอน ฉันโดนคุณพ่อตีทันทีเหมือนกัน ตอนแรกฉันก็โกรธท่านมาก แต่ท่านบอกว่าที่ตีก็เพราะโกรธที่ฉันแอบขโมยเหรียญไป ไม่ใช่เพราะกลัวเหรียญหาย ฉันก็เลยเลิกโกรธท่าน”
“หมวดจะพูดอะไร ไม่เห็นรู้เรื่อง”
“มันไม่เข้ากับเรื่องใช่มั้ย” อั๋นเกาหัวเขินๆ “โอเค งั้นง่ายๆเลยนะ ฉันไม่รู้พี่เผ่าว่าอะไรเธอ แต่ฉันแน่ใจว่าที่พี่เผ่าเตือนเธอ ก็เพราะความหวังดี”
“ความหวังดี เชอะ...เราว่าไม่ใช่หรอก เรารู้สิ่งที่เราทำวันนี้มันเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง แต่มันคงละอย่างกับที่นายพูดแน่ๆ”
“พี่เผ่าพูดอะไรเหรอ”
“ก็...ช่างเถอะ แต่ยังไงก็ขอบใจนะ หมวดที่ พยายามปลอบใจเรา เรารู้สึกดีขึ้นแล้ว”
อั๋นมองหน้าประมาณว่าแน่ใจเหรอ
“จริงๆขอบใจนะหมวด”
“ขอบใจอีกแล้ว มันเป็นเรื่องเล็กน้อยน่า อย่าลืมซิ ว่าเราเป็นทีมเดียวกัน”
อั๋นยกมือ เมียวดียิ้มเข้าใจสิ่งที่เขาจะให้ทำ แต่เธอยกมือมาเช็ดน้ำมูกก่อน ก่อนจะตีมือ อั๋นสะดุ้งจับมือเมียวดีไว้แล้ว ก็เอาผ้าเช็ดหน้าตัวเองออกมา
“เอ่อ...ขอเช็ดน้ำมูกก่อนได้มั้ย”
“อ๋อ...ได้ซิ”
อั๋นเลยเช็ดมือให้เมียวดี ก่อนจะยกมือขึ้นตีกันอีกครั้ง สองคนหัวเราะขำกัน เสียงโทรศัพท์ อั๋นดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมาดู แล้วก็สีหน้าเปลี่ยนเป็นตกใจทันทีจนเมียวดีสังเกตเห็น อั๋นหันมาบอกเมียวดี
“เดี๋ยวฉันขอตัวแป๊บหนึ่งนะ”
อั๋นรีบแยกออกไป ทิ้งเมียวดีไว้
อั๋นมองซ้ายมองขวาไม่เห็นใคร รีบคุยโทรศัพท์
“ครับ สารวัตร...ไหนว่าเราจะไม่ติดต่อกันทางโทรศัพท์ไงครับ”
“ก็ผมติดต่อคุณทางวิทยุไม่ได้เลยก็เลยเป็นห่วงนะซิ”
อั๋นนึกได้รีบหยิบปากกาขึ้นมาแล้วลองพูดดู
“ฮัลโหลๆ”
แล้วเขาก็คิดขึ้นได้ตอนที่ชนกับนางแบบแล้วปากกาหล่น
“สงสัย คงเสียนะครับ...เท่าที่ผมสังเกตดูตอนนี้ยังไม่พบอะไรน่าสงสัย อะไรนะครับ นางแบบเหรอ แต่พวกนางแบบที่มาเดินก็เป็นพวกคุณหนูไฮโซทั้งนั้น ดูไม่น่ามีใครเป็นสายส่งของพวกมันอย่างที่สารวัตรได้ข่าวเลยนะครับ”
อั๋นคุยไป โดยไม่รู้ว่าเมียวดีแอบฟังอยู่
อ่านต่อตอนที่ 17 พรุ่งนี้