ฉันรักเธอนะ ตอนที่ 15 อวสาน
ตอนเย็นวันนั้น องอาจกับวราพรรณกินข้าวอยู่ด้วยกัน
“เพื่อนคุณนี่ใจแข็งจริง บทจะหายก็หายไปเลย”
“สงสารมันเถอะ จะให้มันมาทรมานใจเป็นเงาของคนอื่นตลอดไปไม่ได้หรอก”
“แล้วไม่สงสารเจ้านายผมเหรอ ไม่เป็นอันทำงานทำการแล้ว นั่งซึมกะทือทั้งวัน”
“ก็สงสาร แต่เชื่อเถอะ ไอ้นับดาวมันก็ไม่ได้นั่งยิ้มแป้นมีความสุขอยู่หรอก”
“นั่นไง แล้วจะปล่อยให้คนไม่มีความสุขสองคนทั้งที่เขาใจตรงกันเหรอ”
“มันไม่ใช่เรื่องของเราซะหน่อย”
“ใช่สิ เรื่องแบบนี้มันเรื่องของตัวกลางเลย”
วราพรรณคิดตามคำพูดองอาจ
ค่ำนั้น...วราพรรณมาหานับดาวที่กำลังเก็บร้านอยู่
“ไม่เคยโผล่ไปเจอหน้าเพื่อนเลยนะ ติดต่อก็ไม่ได้”
“เปลี่ยนเบอร์น่ะ แล้วนี่ว่างรึไงถึงมาได้”
“อยากมาเจอแกว่ะ”
วราพรรณเห็นนามบัตรร้านหยิบใส่กระเป๋า นับดาวยังง่วนกับการเก็บร้าน
“อืม...เดี๋ยวเก็บร้านเสร็จมานั่งคุยกัน”
“อยู่ที่นี่เป็นไงมั่ง”
“ก็ดี...เจ้าของร้านเขาใจดี ให้ที่อยู่ มีข้าวให้กินฟรี สะดวกดี”
“แล้วจะไม่แวะไปเยี่ยมย่ามั่งเลยเหรอ”
“ไปหาแกตามงานที่แกไปออกมากกว่า”
“จะไม่ถามเลยเหรอว่าฉันเป็นไง งานฉันเป็นยังไงบ้าง”
“ก็ดูแกสบายดีนี่”
“คอนเสิร์ตยูกิใกล้จะถึงแล้วนะ จะไม่ไปดูหน่อยเหรอ”
“ไม่อ่ะ ฉันรอดูในทีวีดีกว่า เห็นออกข่าวอยู่ทุกวัน”
“แล้วเป็นไงมั่ง”
“ก็ดี...ขนมเค้กเขาอร่อยดีนะ คนมาสั่งตลอดเลย ทำแทบไม่ทัน”
“ไม่ได้ถามเรื่องงาน ถามเรื่องหัวใจ”
“ไม่ได้ใส่ใจมันมากน่ะ ทำงานให้หนัก เหนื่อยเดี๋ยวมันก็หลับ เดี๋ยวก็ตื่นมาเจอเรื่องใหม่แล้ว”
“แกวิ่งหนีใจตัวเองให้ตาย ยังไงมันก็หนีไม่พ้นหรอกนับดาว”
นับดาวได้ยินคำพูดของเพื่อน ถึงกับทำถาดขนมร่วงกราว
“แกไม่เหมือนนับดาวคนเดิมเลยว่ะ คนที่เคยอยากทำอะไรก็ทำ คนที่จริงใจกับความรู้สึกตัวเอง”
นับดาวเก็บถาด
“ฉันอาจจะเจ็บมามากเกินไปมั้ง ถ้าแกสงสารฉัน เราคุยเรื่องอื่นกันเถอะ”
วราพรรณมองหน้าเพื่อนอย่างเห็นใจ
วันใหม่...ทุกคนรวมตัวกันในห้องประชุม องอาจพูดขึ้น
“อีกอาทิตย์เดียวก็จะถึงงานคอนเสิร์ตแล้ว ผมอยากรายงานให้ทุกท่านทราบว่า ทุกอย่างราบรื่น ไม่มีปัญหาอะไรเลย เพอร์เฟคมาก”
คนในห้องประชุมเฮพร้อมกัน องอาจยิ้มพอใจ
“ต้องขอบคุณที่ทุกคนตั้งใจทำงานเป็นอย่างดี คุณไทมีอะไรจะกล่าวมั้ยครับ”
“ก็อยากให้ตั้งใจกันจนถึงวันจริง งานจะได้ออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด” เป็นพูดเรียบๆ
“ถ้างั้นเราฉลองกันมั้ยคะ” วราพรรณโพล่งขึ้นมา
องอาจเหล่มอง
“ฮึ...รีบฉลองเร็วไปมั้ย งานยังไม่เสร็จเลย”
วราพรรณ หันไปยิ้มให้ทุกคน
“ฉลอง...จะได้มีกำลังใจกันไง จริงมั้ย”
คนในห้องประชุมเฮพร้อมกันอย่างเห็นด้วย วราพรรณได้ใจเธอหยิบนามบัตรร้านเบเกอรี่ให้เป็นไท
“นี่คุณไท เค้กร้านนี้อร่อยมาก เสียตรงที่เขาไม่รับสั่งทางโทรศัพท์ ต้องไปสั่งที่ร้านด้วยตัวเอง”
องอาจแปลกใจ
“ฮึ...เดี๋ยวนะ วันนี้วันเกิดใครเหรอ”
องอาจมองคนทั้งห้องประชุม ทั้งห้องประชุมเงียบ
วราพรรณมองหน้าองอาจ ไม่ค่อยชอบใจนักที่มาขัด
“ก็เวลาฉลอง ไม่ต้องมีเค้กเหรอ”
“นี่คุณเป็นเด็กป.2 เหรอ วัยเรานี่มันต้องไปแด๊นซ์ให้กระจาย”
“ไม่เอาๆ กินเค้กกันเหอะ เจ้านี้อร่อยจริงๆ”
คนในห้องประชุมมองทั้งสองที่เถียงกันอย่างงงๆ วราพรรณสรุปเองเลย
“เป็นอันว่าตกลงตามนี้ คุณไทอย่าลืมไปสั่งเค้กนะคะ”
องอาจขัดขึ้นอีก
“เดี๋ยวผมสั่งให้ก็ได้”
วราพรรณไม่พอใจ
“ได้ยังไง คุณน่ะต้องไปซื้อลูกโป่งกับสายรุ้ง”
“มาขนาดนี้แล้วไม่เอาป้ายสวัสดีปีใหม่ด้วยเลยล่ะ แล้วนี่คุณทำอะไร เอาชอล์กวาดรูปบนกระดานรึเปล่า”
วราพรรณหงุดหงิด
“อย่าพูดมากเลยน่า ไปซื้อของเร็ว”
เป็นไทมองหน้าวราพรรณ
“ตกลงเอาแบบนั้นใช่มั้ย”
เป็นไทก็ยังงงๆ
เย็นนั้น...เป็นไทจอดรถริมถนนหน้าร้านเบเกอรี่ เขาลงมาจากรถเดินข้ามถนนไปที่ร้าน ...นับดาวนั่งนวดแป้งขนมปังไปดูทีวีข่าวเป็นไทให้สัมภาษณ์คู่ยูกิเกี่ยวกับคอนเสิร์ต เธอซึมๆไป เป็นไทเข้ามาในร้านมองไม่เห็นใคร เขาตะโกนเรียก
“มีใครอยู่มั้ยครับ ผมอยากจะซื้อเค้กครับ”
นับดาวรีบเช็ดมือ ตะโกนสวนออกไป
“รอแป๊บค่ะ กำลังออกไป”
นับดาวเดินออกจากห้องทำเบเกอรี่ ก็ต้องตกใจที่เห็นเป็นไทเดินดูขนมอยู่ในร้าน เธอเด้งกลับเข้ามา ไม่รู้จะทำยังไง
“ความบังเอิญครั้งที่ 2” นับดาวตื่นเต้น “เอาไงดีเนี่ย”
เธอหยิบแป้งขนมปังที่นวดแล้วนำมาคลี่เป็นแผ่น...เป็นไทยืนดูของอยู่หน้าร้าน แล้วนับดาวก็เดินออกมา ด้วยการเอาแป้งขนมปังแปะหน้าตัวเอง เจาะตา เจาะจมูก ปากเดินออกมา เป็นไทสะดุ้ง
“อุ้ย”
นับดาวทำเสียงเป็นเด็กม้ง
“ไม่ต้องตกใจ เรากำลังบำรุงผิวพรรณอยู่ เราเห็นโฆษณาในทีวีบอกว่ามันทำให้มือของหญิงอ่อนเยาว์ เราเลยเอามาบำรุงผิว”
เป็นไทหน้าเหวอ
“ครับ มาซื้อเค้กครับ”
“เลือกเอาเลย จะเอาขนาดไหน ไปฉลองอะไร”
“ฉลองทั่วไปครับ”
“สบายดีมั้ยล่ะ”
เป็นไทชะงัก
“ฮึ”
“ก็ถามสารทุกข์สุขดิบทั่วไป เผื่อเป็นลูกค้าประจำ”
“ครับ สบายดี” เป็นไทชี้เค้กในตู้ “เอาอันนี้ละกันครับ”
นับดาวเอาเค้กที่เขาสั่งมาแพ็ค แล้วพูดเสียงเด็กม้งต่อ
“เชื่อเรื่องความบังเอิญ หรือพรหมลิขิตมั้ย”
“ไม่ครับ ผมเชื่อเรื่องสิ่งที่เราเลือกที่จะทำมากกว่า”
ยังไม่ทันที่เป็นไทจะออกไป ฝนก็ตกลงมาห่าใหญ่ เป็นไทเซ็งเลย
“อ้าว...ฝนตกซะงั้น”
“รถจอดอยู่ไกลมั้ย”
“ฝั่งโน้น...พอมีร่มให้ยืมมั้ยครับ เดี๋ยวผมขับรถเอามาคืนให้”
“ไม่มีหรอก”
“จะเป็นไรมั้ย ถ้าผมจะรอที่นี่ให้ฝนซาซักหน่อย”
“เอางั้นเหรอ”
นับดาวอึ้งพึมพำกับตัวเองเบาๆ
“ซวยจริงเรา นี่ก็แทบจะหายใจไม่ออกอยู่แล้วเนี่ย ฝนดันมาตกอีก”
เป็นไทหามุมนั่งในร้าน
เวลาผ่านไปจนค่ำ ฝนยังไม่หยุดตก นับดาวกับเป็นไทนั่งคู่กันมองสายฝน นับดาวยังหน้าขาว พูดเสียงม้ง
“ฝนไม่มีทีท่าว่าจะเบาลงซักทีเลยเนอะ”
“นั่นสิ ติดฝนแบบนี้…ถ้าติดกับคนที่เรารักคงจะดี”
นับดาวหันควับไปมอง เป็นไทมองหน้า
“หรือไม่จริง”
นับดาวยิ้มแหยๆ
“จริง”
“ผมเคยทำคนๆนึงหายไปจากชีวิต”
“แล้วคุณทำไง”
“พยายามหาแล้ว…แต่ก็ไม่รู้จะไปหาที่ไหน”
“คุณคิดยังไงกับเธอเหรอ”
“คิดถึง…”
นับดาวแอบอมยิ้ม เป็นไทถามขึ้นบ้าง
“แล้วคุณล่ะ ทำไมมาทำงานที่นี่”
“หนีคนมา”
“แล้วเป็นไง หนีพ้นมั้ย”
นับดาวมองหน้าเขาแล้วส่ายหน้า
“นี่คุณจะไม่ถอด…ที่หน้าคุณออกเหรอ”
“ไม่ล่ะ แบบนี้ล่ะดี ผิวจะได้อ่อนกว่าวัย”
เป็นไทหันไปมองฝนที่ซาลงแล้ว
“ฝนเริ่มซาลงแล้ว ผมไปดีกว่า”
“ค่ะ”
“ขอบคุณที่มานั่งเป็นเพื่อนนะ”
เป็นไทยิ้มให้ นับดาวได้แต่ยิ้มรับ แล้วปล่อยให้เขาเดินออกไปจากร้าน เธอมองเขาจนออกรถไป ก่อนจะถอด
หน้ากากออก
“แค่เรื่องบังเอิญ 2 ครั้ง ฉันก็แทบจะทนไม่ได้แล้ว ฉันก็คิดถึงคุณ”
นับดาวถอนหายใจ
ยูกิกับยามาดะนั่งกินข้าวด้วยกัน
“จริงๆต้องขอบคุณซีซีนะ ไม่อย่างงั้นเราคงไม่ได้เจอกัน”
“คุณนี่โชคดีมากๆเลยนะ ขนาดโดนจับตัวไปที่เกาะ ก็ยังมีชื่อเสียงอยู่”
“อันนั้นก็ต้องขอบคุณนับดาว จริงสิ ฉันไม่เคยขอบคุณอะไรเธอเลย ที่ช่วยดูแลความเป็นยูกิจนฉันกลับมา”
“เขาอาจไม่ได้ตั้งใจช่วยคุณนะ เขาอาจจะทำเพื่อตัวเอง”
“ไม่ว่าจะตั้งใจทำเพื่อใคร สุดท้ายไม่เห็นเหรอว่าฉันเป็นคนได้อยู่ฝ่ายเดียว นับดาวเขาก็ไม่เห็นจะได้อะไรเลย”
“ให้ผมสืบเรื่องนับดาวให้มั้ยว่าเธอไปอยู่ที่ไหน”
“เดี๋ยวฉันลองถามเพื่อนของนับดาวเอาก็ได้”
“แล้วคุณคิดแล้วเหรอว่าจะขอบคุณนับดาวยังไงน่ะ”
ยูกินึกถึงตอนที่นับดาวมาลาเธอที่โรงพยาบาล และบอกว่าอยากจะเป็นซุปเปอร์สตาร์อย่างเธอ ยูกิยิ้มออกมา
“ก็พอรู้แล้วล่ะ ว่าจะทำยังไง”
เป็นไทเปลี่ยนเป็นชุดอยู่กับบ้าน ยืนเหม่ออยู่ที่ระเบียงคอนโด นึกถึงตอนที่เขาติดฝนอยู่ที่ร้านของนับดาว
“ฝนไม่มีท่าทีว่าจะเบาลงเลยเนอะ”
“นั่นสิ...ติดฝนแบบนี้...ถ้าติดกับคนที่เรารักก็คงจะดี”
นับดาวหันควับไปมองเป็นไท
“หรือไม่จริง”
นับดาวยิ้ม
“จริง”
เป็นไทยิ้มออกมา อย่างไม่รู้ตัว เสียงดึงปาร์ตี้ พร๊อพเปอร์ ดังขึ้นมา เป็นไทตื่นจากภวังค์หันไปมองเห็นสายรุ้งกระจาย องอาจยิ้มเข้ามา แสดงความยินดี
“ยินดีด้วยนะครับเจ้านาย ไชโย”
เป็นไทงงๆ
“อะไรกันน่ะ”
“เอ้า...ก็ที่ไปเอาเค้กไง”
“เออ...ทำไม ไปเอาเค้กแค่นี้ถึงกับต้องเลี้ยงฉลองเลยหรือ”
องอาจผิดสังเกต ชักสีหน้า
“อ้าว...นี่ไม่ได้เจอ เด็กขายเค้กเหรอ”
“เจอ”
องอาจนึกว่าเป็นไทเจอกับนับดาว ตาลุกทักขึ้น
“โป๊ะเช่ะ แจ่มไหมล่ะ”
เป็นไทคิดนิดนึง
“ไม่น่ามาจากแม่แจ่มนะ น่าจะเป็นอ๋อมก๋อยมากกว่า”
องอาจงงเลย
“ว่าไงนะครับ”
“เอ้าก็เด็กที่ขายเค้กนะสิ เขาเป็นม้ง”
องอาจที่เท้าแขนอยู่ แขนอ่อนทรุดลงไป แล้วหันมาถามเป็นไทต่อ
“ม้ง!”
“จริงๆ” เป็นไทขำๆเอ็นดู “เด็กบ้าอะไรไม่รู้ ประแป้งซะหน้าขาววอกมองไม่เห็นหน้าจริงเลย”
องอาจส่ายหน้ากลุ้มใจ
“ให้มันได้อย่างนี้สิ ตัวช่วยอยากจะบ้าตาย”
เป็นไทไม่เข้าใจ
“นี่นายพูดเรื่องอะไร”
“ก็เรื่องของนับ...”
องอาจยังพูดไม่จบเสียงมือถือก็ดังขึ้นมาขัดเสียก่อน พอมองเป็นเบอร์วราพรรณขึ้นที่หน้าจอองอาจก็ยิ่งปรี๊ด
“โทร.มาได้จังหวะจริงๆ” องอาจกดรับสาย “ฮัลโหล ...ฉันอยากเจอตัวเธออยู่พอดีพรุ่งนี้เช้าว่างมั้ย”
อ่านต่อหน้า 2 เวลา 12.00 น.
ฉันรักเธอนะ ตอนที่ 15 อวสาน (ต่อ)
เช้าวันใหม่...วราพรรณเท้าโต๊ะเข้ามาชะโงกหน้าพูดกับองอาจ
“มีอะไรว่ามา”
องอาจลุกขึ้นเท้าโต๊ะ ยื่นหน้าไปจ้องตา
“ฉันอุตสาห์วางแผนดิบดี เพื่อนเธอดันแกล้งทำเป็นม้งซะงั้น” องอาจตบโต๊ะปัง “แผนฉันพังพินาศหมดแล้ว”
วราพรรณไม่ยอมตบโต๊ะบ้าง
“มันก็แผนฉันเหมือนกัน”
องอาจตบโต๊ะอีก
“ดี...งั้นก็รับผิดชอบด้วย”
“อะไรวะ”
“เพื่อนของเธอ เธอก็รับผิดชอบสิ”
“อย่าเยอะ”
วราพรรณสะบัดหน้าพรืด หันเดินจะออกห้องไป องอาจยัวะไม่ยอม
“อย่าหนีนะ ยายทอม”
วราพรรณก้าวฉับๆไปไม่สน องอาจตามหลังเข้ามาดึงแขน
“หยุด”
แต่แล้วปรากฏว่า กางเกงองอาจขาดดังแคว่ก เขาชะงักหน้าเหวอ วราพรรณหันมามอง หัวเราะพรืดออกมาขำตัวงอ
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...เกย์แก่เป้าขาด”
องอาจทั้งเขินทั้งอาย หน้าแตกมองแค้นๆ
“หัวเราะได้หัวเราะไป ฉันจะไปซื้อกางเกงใหม่”
องอาจขยับจะไป วราพรรณยกมือห้าม
“จะออกไปให้ชาวบ้านตาเป็นกุ้งยิงทำไม มานี่”
วราพรรณดึงมือเขาเข้าไปในห้องประชุมทันที องอาจร้องอย่างตื่นตระหนกเข้าไป
“เฮ้ย...ยายทอม จะทำอะไรฉัน”
วราพรรณยกแม็กเย็บกระดาษขึ้นมา ยิ้มแล้วจัดการเอาแม็กเย็บกางเกงให้ องอาจชะโงกหน้ามามอง อย่างเหลือเชื่อ ทำไปได้ วราพรรณหันมายักคิ้วให้ แพล่บๆ องอาจรีบดึงชายเสื้อเชิ้ต ปิดกางเกงบ็อกเซอร์ตัวเองที่แล่บๆออกมา เขิน แล้ววิ่งเข้าไปหลบหลังบานตู้เหล็กในห้อง วราพรรณขำๆ หันไปยิงแม็กอีก อย่างคล่องแคล่ว
องอาจใส่กางเกงที่เย็บแม็กแล้วเดินออกมากลางห้อง วราพรรณมองยิ้มปลื้มคุยโว
“เห็นยัง ฝีมือมั้ย...ฝีมือ”
“เฮอะ เกิดมาฉันพึ่งเคยเห็นนี่แหละ เอาแม็กเย็บกางเกง ไม่มีความเป็นหญิงเอาซะเลย”
วราพรรณฉุนกึก
“โอ้ย...อย่างกับนายแมนตายล่ะ”
“อย่ามาพูดแบบนี้นะ”
“ทำไมจะพูดไม่ได้ ขนาดพลาสเตอร์ยา นายยังเลือกลายหวานแหววแต๋วจ๋าเลย...ไม่ใช่ตุ๊ดแล้วจะเรียกว่าอะไรไม่ทราบ”
วราพรรณลอยหน้าลอยตาด่าเสร็จก็เชิด เดินอาดๆ ไปที่ประตู องอาจมองตามสะกดใจ แล้วทันใดนั้นก็ตัดสินใจ พุ่งตามเข้าไปหาแล้วดึงตัวเธอเข้ามาจูบปากเต็มๆ วราพรรณอึ้งตาโต จ้องตากับเขา สักครู่ องอาจก็ถอนหน้าขึ้นมา มองวราพรรณที่ยังตะลึงช้อกตาค้าง พูดไม่ออกอยู่
“ผมไม่ใช่เกย์ ผมจะจีบคุณ”
องอาจมองหน้าวราพรรณ หมายหมั้นจริงจัง แล้วค่อยเดินผ่านออกไป
วราพรรณเดินออกมาจากบริษัทอย่างคนไม่มีสติเหม่อลอย ยังงงๆ อยู่ ที่โดนจูบ เสียงองอาจดังลอยเข้ามาในหัวเธอ
‘ผมไม่ใช่เกย์ ผมจะจีบคุณ’
วราพรรณหยุดกึกแล้วกริ๊ดออกมาลั่น สนั่นอาคาร พนักงานที่เดินผ่าน ตกใจหันมองมาเป็นตาเดียว วราพรรณรู้สึกตัว มองคนอื่นอย่างเขินๆ
“โทษๆ พอดีถูกลอตตารี่รางวัลใหญ่...อิอิ”
วราพรรณเดินออกไปอย่างร่าเริง
นับดาวยืนอยู่หน้าไทยทิคเก็ตเธอหยิบเงินขึ้นมานับ ซึ่งเงินก็มีไม่มากก่อนที่จะเข้าไปที่เค้าน์เตอร์ขายตั๋ว
“เอ่อ ตั๋วคอนเสิร์ตยูกิยังมีเหลือมั่งมั้ยคะ เอาแบบที่บัตรถูกสุดน่ะค่ะ”
พนักงานกดจอคอมดู
“จะเอากี่ใบคะ”
“ใบเดียวก็พอ จะซื้อไปทำไมเยอะแยะ แหะ แหะ”
นับดาวยืนรอคำตอบจากพนักงาน
ยูกิแต่งตัวมิดชิดปกปิดหน้าตาไม่ให้คนจำได้ เธอเดินจับมือกับยามาดะที่มองซ้ายมองขวากลัวเป็นข่าว
“อย่าทำแบบนี้สิ เดี๋ยวก็เป็นข่าวหรอก แค่หมวกกับแว่นดำ ไม่ใช่ว่าคนจะจำไม่ได้หรอกนะ”
“ไม่เห็นจะกลัวเลย เป็นข่าวก็ดีสิ จะได้ประกาศให้รู้กันไปเลย”
ยามาดะยิ้ม ยูกิหันไปเห็นนับดาวที่ยืนเก้ๆกังๆ ซื้อตั๋วอยู่พอดี
“เฮ้...นับดาว ดีใจจังที่ได้เจอ”
นับดาวหันมาตามเสียงเรียก
“ยูกิ”
“ซื้อตั๋วจะดูคอนเสิร์ตอะไรเหรอ”
“ก็คอนเสิร์ตยูกินั่นแหละ เก็บตังค์มาเพื่อดูเลยนะเนี่ย”
“ไม่ต้องซื้อหรอก ฉันมีตั๋วพิเศษให้”
“ตั๋วพิเศษ” นับดาวฟังอย่างแปลกใจ
นับดาวนั่งอยู่ที่โต๊ะกับยูกิ ยามาดะกำลังยืนสั่งกาแฟอยู่ห่างออกไป
“คืออะไรคะ ตั๋วพิเศษ ได้นั่งหน้าสุดเลยเหรอ”
“พิเศษกว่านั้นอีก เธออยากดูคอนเสิร์ตจากบนเวทีรึเปล่าล่ะ”
“หมายความว่ายังไง”
“ก็หมายความว่า ฉันอยากชวนเธอไปเป็นเกสต์ขึ้นร้องบนเวทีน่ะสิ”
“โธ่ นึกว่าอะไร” แล้วเธอก็นึกได้ “ว่าไงนะ ให้ฉันขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีเหรอ”
ยูกิยิ้ม
“ใช่”
“หมายถึงจะให้ฉันไปแสดงเป็นคุณแล้วร้องในบางเพลง อะไรแบบนั้นรึเปล่า”
ยูกิส่ายหน้า
“ไม่ใช่ ให้เธอเป็นตัวเธอ ไปร้องในนามของนับดาว แขกพิเศษของฉัน”
นับดาวดีใจมากนิ่งอึ้งไปพูดไม่ออก ยูกิมองอย่างแปลกใจ
“นับดาว เธอเป็นอะไรรึเปล่า”
“คอนเสิร์ตยูกิ คนดูเป็นหมื่นๆน่ะเหรอ”
“ใช่...สนใจจะร้องรึเปล่า”
“แล้วคนอื่นว่าไง ฉันหมายถึงทีมงานคนอื่นๆ”
“คุณไทน่ะเหรอ...เขาไม่รู้หรอก นี่เป็นโชว์เซอร์ไพรส์”
นับดาวกลืนน้ำลาย
“แล้วเขาจะไม่ว่าเหรอ”
“นี่ มัวแต่ห่วงคนอื่นอยู่นั่น ฉันน่ะถามความรู้สึกเธอ ว่าอยากไปมั้ย”
“คุณว่าฉันจะทำได้ใช่มั้ย”
“เธอนั่นแหละต้องเป็นคนตอบ”
“แต่ถ้าฉันทำล่ม คนดูเบื่อ ไม่มีคนอยากฟัง เขาโห่...วันต่อมาคอนเสิร์ตคุณโดนด่าแล้วต่อมาก็...”
ยูกิจ้องหน้า
“ฉันถามว่าเธออยากไปมั้ย”
“ท่าทางฉันเหมือนคนไม่อยากรึเปล่าล่ะ”
นับดาวตื่นเต้นกับคำชวนของยูกิไม่หาย
ค่ำนั้น...นับดาวเล่าให้รจนากับวราพรรณฟัง เรื่องที่ยูกิชวนเธอไปร่วมในคอนเสิร์ต
“พูดเป็นเล่น ยูกิเนี่ยนะชวนแกไปเป็นเกสต์”
รจนาแปลกใจ
“ถามรึเปล่าว่าทำไมเขาถึงชวน”
“หนูลืม...มันตื่นเต้นไปหมด”
วราพรรณมองหน้าเพื่อน
แล้วแกตอบเขาไปว่าไง”
“บอกว่าขอคิดดูก่อน”
รจนาส่ายหน้า ไม่ได้ดั่งใจ
“คิดอะไร นั่นคนดูเป็นหมื่นคนเลยนะ ถ้าเราไม่เกิดครั้งนี้ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่แล้ว เราไม่ใช่คนที่มีอะไรจะเสียซะหน่อย”
“ย่าก็พูดเข้า”
“ถ้าแกไม่ขึ้น ย่าจะขึ้นแทนแกเอง”
วราพรรณหน้าเหวอ
“ไหวเหรอย่า ขึ้นไปร้องเพลงญี่ปุ่นได้ป่าว”
“แกอย่ามาดูถูกฉันนะไอ้นุ้ย”
วราพรรณหันไปถามนับดาว
“แล้วแกขอคิดดูก่อน แกติดอะไร”
“ก็ฉันตั้งใจจะไม่ให้อภัยคุณไท ถ้าไม่บังเอิญเจอกันครบ 3 ครั้ง”
รจนาไม่ชอบใจ
“ไอ้หลานบ้า แกจะเอาเรื่องผู้ชายมาตัดอนาคตแกรึไง”
“หนูไม่รู้ หนูเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น”
วราพรรณถอนใจ
“แกจะพิสูจน์อะไรอีก พรหมลิขิตมันไม่มีหรอกนับดาว แกโกรธเขาเรื่องอะไรไหนว่ามาซิ”
“เอ่อ...”
“นั่นไง ตัวเองจริงๆก็ลืมไปแล้ว แล้วทำบอกจะไม่ให้อภัย”
“ไม่ได้ลืม เขาว่าฉันว่าเห็นแก่ตัว”
“แต่เขาก็ช่วยแกมาจากนายสังวรณ์ แล้วตลอดเวลาที่แกหายไปเขาก็แทบจะไม่เป็นอันทำงาน แค่นี้ยังไม่พออีกเหรอ อย่างี่เง่าเลยน่า”
“เออ...พอแล้ว ฉันไม่เถียงด้วยแล้ว”
นับดาวเดินหนีไปเลย วราพรรณเซ็งๆ
“เออ อนาคตของแก แกตัดสินใจเอง”
รจนามองตามนับดาวแล้วส่ายหัว
“ไม่รู้ล่ะ ถ้ามันไม่ขึ้น...ฉันจะขึ้นแทน”
“ย่า”
วราพรรณระอาใจ
นับดาวคิดถึงเหตุการณ์ต่างๆ ตั้งแต่ได้เจอเป็นไทครั้งแรก จากที่ไม่ถูกกันจนได้รู้จักกัน จนวันที่เธอหลงรักเขาเต็มหัวใจ สักครู่เธอก็เหมือนคิดอะไรได้ รีบพรวดพราดออกไปจากห้องทันที
นับดาวเดินมาในลานจอดรถของคอนโดเป็นไท เธอเดินไล่ดูรถทีละคัน แต่ยังไม่เห็นรถของเขา
“ไม่มีรถ แปลว่ายังไม่กลับ”
นับดาวยิ้มพอใจก่อนจะเข้าไปนั่งรอที่ล็อบบี้มองคนเดินไปเดินมา หวังว่าจะมีเป็นไทเป็นหนึ่งในนั้น แล้วในที่สุดเขาก็เดินเข้ามา เธอรีบเอาหนังสือยกขึ้นปิดหน้าไม่ให้เขาเห็น เป็นไทเดินเลยไป นับดาวยิ้ม
“บังเอิญครั้งที่ 3 ฉันให้อภัยคุณแล้ว...นี่ฉันไม่ได้ผิดคำพูดใช่มั้ย ไม่หรอก”
นับดาวเดินยิ้มออกไป
วันต่อมา...สังวรณ์เดินดุ่มไปกับฝูงชน ใส่แว่น ใส่หมวกอำพรางตัวเอง เขาชะงัก เมื่อเห็นโปสเตอร์งานคอนเสิร์ตยูกิ ที่แปะอยู่ที่กำแพงทางเดิน สังวรณ์เข้าไปดูแล้วแค้นขึ้นมา กระชากโปสเตอร์ออกมาฉีกขย้ำขยี้โยนทิ้ง แล้วตะโกนด่าด้วยอารมณ์ขุ่นแค้น
“ไอ้เป็นไท...ถ้าฉันไม่ได้จัดคอนเสิร์ตให้ยูกิ แกก็ไม่มีสิทธิ์เหมือนกัน”
รจนาค้นหา ไมค์ร้องเพลงอยู่
“หายไปไหนนะ เมื่อคืนก็วางไว้ตรงนี้นี่...” รจนาเดินมาทางโซฟา ตะโกนถาม “มีใครเห็นไมค์ส่วนตัวของย่าบ้างไหม”
วราพรรณที่นอนอยู่ตรงโซฟา บนหน้ามีแตงกวาฝานแปะไว้ทั้งหน้าลุกขึ้นมานั่ง รจนาตกใจร้องกรี๊ด
“ท่านเจ้าที่”
วราพรรณสะดุ้ง
“ไม่ใช่ หนูเอง”
“ฮึ ยายนุ้ย”
รจนาดึงแตงกวาที่ปิดตา วราพรรณออก มองอย่างไม่เชื่อสายตา
“ตัวจริงเสียงจริง ท่าฝนจะตกหนักเว้ยเฮ้ย”
นับดาวเดินลงมาจากชั้นบนลงมา มองเห็นก็แปลกใจ
“นุ้ย นี่แกมาร์สหน้าบำรุงผิวเหรอ เกิดอะไรขึ้นเนี้ย”
“แหม ก็เกิดอยากจะสวยไงล่ะ ถามได้”
รจนามองหน้า
“แหม จะออกเดทหรือไงจ๊ะ ถามหน่อย”
วราพรรณเขิน บิดไปบิดมา
“แหม ย่า...พูดอะไรก็ไม่รู้”
ขณะเดียวกันนั้นเสียงออดหน้าบ้านดังขึ้น รจนาหันมองไปที่หน้าบ้าน
“แหม...ใครมา”
รจนาเปิดประตูบ้านออกมาเจอกับองอาจที่ยืนเก็กอยู่ องอาจใส่เชิ้ต มีเสื้อกั๊กทับ เข้าชุดกัน กะมาหล่อเท่เต็มที่ เขายืนหันหลังเอามือข้างหนึ่งเท้าที่รั้วบ้านอีกมือถือช่อดอกไม้สวยงามอยู่ แล้วพูดเก็กเสียงหล่อ
“กู้ดอัฟเตอร์นูน สวัสดีตอนบ่ายครับ...”
รจนาเขม่นมอง
“มารับรถหรือคะ”
องอาจที่เท้ารั้วอยู่ มือร่วง หันกลับมาหา
“ผมองอาจครับ ไม่ใช่เด็กรับรถ”
“โธ่...คุณนั่นเอง...มีธุระอะไรล่ะ”
องอาจเดินเข้ามายื่นช่อดอกไม้ให้วราพรรณ
“สำหรับคุณวราพรรณครับ”
วราพรรณเขิน
“ขนลุกอ่ะ...แต่ก็ขอบคุณนะคะ”
รจนา กับ นับดาวยืนมองอยู่อย่างแปลกใจ รจนากระซิบกับนับดาว
“มันแอบไปฟิตเจอริ่งกันตั้งแต่เมื่อไร”
“แหม รู้จักฟิตเจอริ่งด้วยหรือย่า”
วราพรรณกระแอม
“ไม่ต้องมาแหมแล้วได้ไหม”
“แหม เอ๊ย...แกก็ออกนอกหน้าไปป่ะ” นับดาวชี้ๆ วราพรรณกับองอาจคบกันยังไง “ตกลงว่ายังไงกันเนี้ย...”
วราพรรณอึกอัก องอาจมองหน้าวราพรรณยิ้มๆ แล้วจับมือเธอขึ้นมาข้างหนึ่ง
“คุณนุ้ยครับ วันเสาร์นี้คุณว่างไหมครับ”
“ก็ว่างอ่ะนะ แต่ไม่ต้องจับมือก็ได้”
วราพรรณจะดึงออก องอาจไม่ปล่อย
“ผมอยากจะชวนคุณไปดูคอนเสิร์ตของยูกิในฐานะแฟนของผมจะได้ไหมครับ”
วราพรรณอึ้ง รจนาตบอก ตะลึงไปกับนับดาว
“แม่เจ้า...”
นับดาวรีบยุเพื่อน
“รับเลย นุ้ย รับ”
วราพรรณค่อยได้สติ เขินๆตอบรับ
“ค...ค่ะ...ได้ค่ะ”
องอาจยิ้มเป็นปลื้ม คว้าวราพรรณมากอด รจนาตบมือชอบใจ เปรยขึ้น
“ไม่น่าเชื่อ ทอมบอยอย่างยายนุ้ย ยังขายออก...” รจนาหันมาทางนับดาว “แล้วแกล่ะ เมื่อไรจะขายออกเสียทีเนี้ย”
นับดาวอึ้ง แต่ยังไม่ทันตอบอะไร มีคนโยนประทัดสายเข้ามาในห้อง ประทัดแตกลั่น ทุกคนกรีดร้องตกใจ หลบกันให้วุ่น จนประทัดหมด
“ใครวะ มาเหยียบจมูกเสือถึงถ้ำ”
“ฉันไปดูเอง”
นับดาวรีบวิ่งออกไป ทุกคนวิ่งตามไปอย่างเป็นห่วง
นับดาววิ่งออกมาเห็นกล่องกระดาษใบหนึ่งวางอยู่หน้าบ้าน ทุกคนที่เหลือวิ่งตามออกมาด้วย
“ตาเถรหก ระเบิดหรือเปล่า”
นับดาวไม่กลัวรีบเข้าไปดู วราพรรณร้องเสียงหลง
“เฮ้ย...อย่าเข้าไป”
นับดาวเปิดกล่องออก แล้วผงะตกใจเห็น ตุ๊กตาผู้ชายติดชื่อเป็นไท ตุ๊กตาผู้หญิงติดชื่อนับดาวมีคราบเลือดเลอะเปรอะเปื้อนน่ากลัวทุกคนวิ่งตามเข้ามาดูด้วยต่างตะลึงกันไป รจนาเอามือทาบอก
“ตายแล้ว นี่มันอะไรกัน”
วราพรรณโวยวาย ตะโกนลั่นขึ้นมา
“ใครวะ โรคจิต แน่จริงก็ออกมาสู้กันตัวๆ”
องอาจปราม
“ใจเย็นน่า ตอนนี้ไคคุงก็โดนจับไปแล้ว ยายซีซีกับแพรวไพลินก็ไม่น่าอาฆาตมาดร้ายอะไรคุณเป็นไท เพราะฉะนั้น ผู้ต้องสงสัยน่าจะมีอยู่คนเดียว”
นับดาวนึกออก
“ไอ้สังวรณ์!”
เป็นไทขับรถมาจอที่ลานจอดรถคอนโด เขาพูดมือถือก้าวลงมาจากรถ
“ฉันเพิ่งกลับมาถึงคอนโด”
องอาจถือมือถือตัวเองเปิดเป็น สปีกเกอร์ โดยมีนับดาวที่หน้าตาเป็นห่วงเป็นใยสนใจฟังอยู่กับทุกคน
“เจ้านาย สบายดีไหมครับ”
“สบายดี...มีอะไรเหรอ”
“ไม่มีอะไรครับ ก็แบบมีคนเป็นห่วง”
องอาจเหลือบตาไปมอง นับดาวรีบโบกไม้โบกมือไม่ให้องอาจบอก
“ใคร”
“ผู้ไม่ประสงค์จะออกนามครับ”
“อะไรนะ”
“ช่างเถอะครับ ไม่มีอะไรหรอก เจ้านายดูแลตัวเองให้ดีนะครับ ถ้าเกิดมีอะไรแปลกๆ ก็รีบแจ้งตำรวจเลยนะครับ”
องอาจวางสายไป เป็นไทมองมือถืองงๆ
“พูดจาแปลกๆ กินอะไรผิดสำแดงเข้าไปหรือเปล่า”
เป็นไทส่ายหน้าไม่สนใจ แล้วเดินออกไป
องอาจพูดกับทุกคน
“สรุปว่าคุณเป็นไทปลอดภัยดี ไม่ต้องห่วงแล้วนะ”
นับดาวรับรู้ แต่เธอยังกังวลอยู่
ทางด้านเป็นไทเดินเข้ามากดเรียกลิฟต์ สังวรณ์ถือหนังสือพิมพ์บังหน้าทำเป็นอ่านอยู่ แถวๆ นั้น พอลิฟต์เปิดออก เป็นไทก้าวเข้าไป สังวรณ์ปาหนังสือพิมพ์ทิ้งแล้วรีบพุ่งแทรกตัวตามเข้าไปในลิฟต์กับเป็นไท สังวรณ์เอาปืนออกมาจี้หลัง
เป็นไทสะดุ้ง เหลือบตามองเห็นหน้าสังวรณ์จากกระจกในลิฟต์
“ไอ้สังวรณ์”
“ขอบใจนะที่สอนวิธีใช้ปืน ฉันมาจ่ายค่าหน่วยกิตให้แก”
สังวรณ์แสยะยิ้มเหี้ยม เป็นไทหน้าเครียดขึ้นมา
อ่านต่อหน้า 3 จบบริบูรณ์ เวลา 17.00 น
ฉันรักเธอนะ ตอนที่ 15 จบบริบูรณ์
นับดาวหั่นผักอยู่ในห้องครัว เธอสะดุ้งเพราะทำมีดบาดนิ้ว เลือดออกนิดหน่อย วราพรรณที่กำลังตักข้าวใส่หม้อเตรียมจะหุง หันมามอง
“เจ็บไหมอ่ะ ไหนดูสิ”
“ไม่เป็นไร”
นับดาวเบี่ยงแขนไปปัดจานที่วางไว้หล่นไปแตกอีก วราพรรณตกใจ
“ว้าย”
นับดาวอึ้งๆ รจนากับองอาจตามเข้ามาดู
“ทำอะไรกัน เสียงลั่นเชียว”
“นับดาวน่ะสิ จิตใจมันไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย”
นับดาวตัดสินใจดึงผ้ากันเปื้อนออก
“ขอโทษนะ ฉันมีธุระ”
นับดาวเดินลิ่วจะไป องอาจยกมือขวาง
“จะไปไหน”
“ฉันรู้ว่ามันไร้สาระ แต่ถ้าฉันไม่เห็นเขาสบายดีกับตาฉันนอนไม่หลับแน่”
นับดาวเดินออกไปเลย วราพรรณ องอาจรีบตามไปด้วย
“นับดาว รอด้วย”
สังวรณ์เอาปืนจี้เป็นไทขึ้นมาที่ดาดฟ้าของคอนโด เขาถีบเป็นไทกระเด็นไป แล้วตบด้วยด้ามปืนอีกที เป็นไทล้มกลิ้งไปกับพื้น
“แกจัดคอนเสิร์ตยูกิได้ยังไง ฉันไม่เห็นว่าแกจะเหนือฉันตรงไหน”
“เพราะฉันจริงใจกับงานของฉัน ฉันไม่เคยใช้วิธีสกปรกทำร้ายใครอย่างแก”
สังวรณ์เตะปากเป็นไท คว่ำไปอีก
“ปากดีอีกสิ”
“คนขี้อิจฉาอย่างแก ไม่มีทางมีความสุข”
สังวรณ์จะเข้าไปต่อยอีก คราวนี้เป็นไทถีบเปรี้ยง สังวรณ์ล้มลงไป ปืนกระเด็นหลุดจากมือ เป็นไทจะวิ่งเข้าไปหยิบปืน แต่สังวรณ์พุ่งเข้าไปกระชากเขามาต่อย เป็นไทหลบ ต่อยกลับ ทังสองคนแลกหมัดกันนัวเนีย
นับดาว วราพรรณ องอาจวิ่งเข้ามาที่หน้าห้องเป็นไททุบประตูเรียก
“คุณเป็นไท ๆๆ”
องอาจร้อนใจ
“เจ้านายครับ เปิดประตูด้วย”
แต่ทุกอย่างก็เงียบ นับดาวกังวลใจหันไปถาม
“คุณเป็นไทกลับมาแล้วไมใช่เหรอ ทำไมเงียบเหมือนไม่มีคนอยู่”
“หรือว่าออกไปข้างนอกอีก” วราพรรณออกความเห็น
องอาจส่ายหน้า
“ไม่นะ รถยังจอดอยู่ข้างล่างเลย”
“แล้วเขาหายไปไหน”
นับดาวถามอย่างเป็นห่วง
สังวรณ์กับเป็นไทยังสู้กันอย่างพัวพัน เป็นไทโดนต่อยไปติดขอบระเบียง สังวรณ์ตามเข้ามาบีบคอ ศีรษะเป็นไท ยื่นออกไปข้างนอกอย่างหวาดเสียว
นับดาวกับวราพรรณ ตามหาเป็นไท องอาจวิ่งตามเข้ามาจากอีกทาง
“ผมไปเอากุญแจสำรองมาไขห้องแล้ว ไม่มีใครอยู่ในห้องเลย”
นับดาวครุ่นคิด
“แต่ยังไงเขาต้องอยู่ในคอนโดนี่แหละ แยกกันตามนะ”
ทั้งหมดพยักหน้าให้กัน แล้วแยกย้ายกันไปตามหา
สังวรณ์บีบคอเป็นไท กะเอาให้ตาย เป็นไทพยายามสู้ แต่อ่อนแรงลงจนเกือบหมดลม นับดาวเปิดประตูดาดฟ้าออกมาเห็นเข้าตะลึง ร้องเสียงหลง
“หยุดนะ”
นับดาววิ่งเข้าไปที่สังวรณ์ ทั้งทุบทั้งตี
“ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้ ปล่อยๆ”
สังวรณ์เจ็บร้องขึ้น แล้วปล่อยมือออกจากเป็นไท หันไปตบนับดาวหน้าคว่ำลงไป
“อ๊อย”
สังวรณ์อึ้งนึกว่าเป็นยูกิ
“ยูกิ”
“ถ้าแกทำอะไรคุณเป็นไท ฉันฆ่าแกแน่”
สังวรณ์แค้น
“เธอไม่ควรพูดกับคนที่รักเธอแบบนี้”
“แกไม่ได้รักยูกิ แกมันเห็นแก่ตัว”
สังวรณ์ปริ๊ดสุดขีด หยิบปืนขึ้นมาถือ เล็งไปที่นับดาว
“ถ้าเห็นคนอื่นดีกว่าฉัน ก็ตายซะเถอะ”
เป็นไทตะลึงรีบวิ่งเข้าไป แย่งปืนกับสังวรณ์
“อย่า”
เป็นไทจับมือสังวรณ์ให้ ปืนลั่นเปรี้ยงไปบนฟ้า ไม่โดนใครแล้วขึ้นเข่าใส่ สังวรณ์จนจุกตัวงอ เป็นไทดึงปืนไปได้ สังวรณ์จุกเจ็บทรุดคุกเข่าลงไปตรงหน้า เป็นไทยกกระบอกปืนเล็งไปตรงหน้า สังวรณ์ร้องเสียงหลง กลัวตาย
“อย่ายิง ฉันยอมแล้ว”
ตำรวจกุมตัวสังวรณ์ที่ถูกจับใส่กุญแจเดินออกมาจากคอนโด นักข่าวเข้ามารุมถ่ายรูปวูบวาบ นักข่าวคนหนึ่งรายงานข่าวกับกล้องทีวี อยู่แถวๆนั้น
“จากหลักฐานจากกล้องวงจรปิด และพยานบุคคลบ่งชี้ว่า นายสังวรณ์ เป็นผู้ต้องหาคดีพยายามฆ่า ผู้จัดคอนเสิร์ตชื่อดังและปิดฉาก บทบาทบอกอหนังสือนินทาดาราไปอย่างสิ้นเชิง...”
สังวรณ์เดินผ่านมาที่ เป็นไท วราพรรณ องอาจยืนอยู่ เขามองอย่างแพ้หมดสภาพแล้วหลบตา ตำรวจคุมตัวขึ้นรถแล้วขับออกไป เป็นไทมองตาม...
“ไม่น่าเชื่อนะ แค่ความอิจฉาตัวเดียว มันทำให้ชื่อเสียง ผลงานความสามารถทุกอย่างที่เคยสร้างสมมา ให้สูญสลายไปในพริบตา”
องอาจถอนหายใจ
“นายสังวรณ์คงต้องไปทบทวนบทเรียนชีวิตตัวเองในตะรางแล้วล่ะครับ”
วราพรรณยกมือพนมท่วมหัว
“เจ้าประคู้ณ เรื่องร้ายๆ ผ่านไปแล้ว ต่อไปนี้ของให้มีแต่เรื่องดีๆ เฮงๆ รวยๆสมหวังในความรักกันทุกคนด้วยเถอะ”
เป็นไทนึกได้มองหานับดาวแต่ไม่เห็นแล้วองอาจแปลกใจ
“คุณไทมองหาใครหรือครับ”
“ยูกิไง...เขาหายไปไหนแล้ว”
วราพรรณงง
“ยูกิ...ฮึ...ยูกิมาตั้งแต่เมื่อไร”
“ก็เขาเป็นคนขึ้นไปช่วยฉันบนดาดฟ้าไง...ฉันอยากจะขอบคุณเขาน่ะ”
องอาจกับวราพรรณมองหน้ากัน แล้วองอาจหันมาบอกเป็นไท
“เจ้านายครับ คนที่ช่วยเจ้านายไม่ใช่ ยูกิหรอกนะครับ”
เป็นไทชะงัก
“ฮึ”
วราพรรณถอนใจ
“นั่นน่ะ นับดาว...”
“อะไรนะ” เป็นไทดีใจ “นับดาวเหรอ แล้วเธออยู่ไหน บอกฉันมาซิ”
องอาจกับวราพรรณนิ่งอึ้ง ไม่รู้เหมือนกัน
เย็นนั้น รจนาเปิดประตูบ้านออกมาเห็นเป็นไท
“คุณนั่นเอง...”
“นับดาวกลับมาแล้วใช่ไหมครับ”
“ใช่...”
เป็นไทตื่นเต้นดีใจ
“ผมขอพบนับดาวนะครับ”
เป็นไททำท่าจะเข้าไป รจนาห้าม
“เดี๋ยวๆๆ”
“อย่าห้ามผมเลยนะครับ ผมอยากเจอเขาจริงๆ”
“ฉันไม่ได้ห้าม แต่เข้าไปก็ไม่เจอเขาหรอก”
“อะไรนะครับ”
“เขาไปแล้ว”
เป็นไทอึ้งหน้าสลดลง
“ผมงงไปหมดแล้ว นี่มันอะไรกัน”
“นับดาวกลับมาแล้ว แต่ก็ไปแล้ว”
“ไปไหนครับ”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“งั้น ผมรอ”
“อย่าเลยจ้า นับดาวมันบอกว่า มันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะกลับมาเมื่อไร”
เป็นไทอึ้ง รจนาหยิบจดหมายออกมายื่นให้
“อะ เขาฝากจดหมายนี่ไว้ให้คุณด้วย”
เป็นไทรับจดหมายไปอย่างจ๋อยๆ
“ขอบคุณครับ”
ค่ำนั้น...เป็นไทเดินอย่างเศร้าสลดมาที่กลางสะพานแล้วหยิบจดหมายของนับดาวออกมาคลี่อ่าน
“สวัสดีคะ คุณเป็นไท...กว่าคุณจะได้รับจดหมายฉบับนี้ ฉันก็คงจากคุณมาไกลแล้ว...และคงไม่มีโอกาสได้พบคุณอีก จนกว่าความฝันของฉันมันจะเป็นจริงขึ้นมา...มันอาจจะดูไม่มีเหตุผล แต่ฉันก็อยากให้คุณเข้าใจว่าความมุ่งมั่นของฉันในวันนี้ ไม่ได้ทำเพื่อตัวฉันเอง แต่ฉันอยากให้คนที่ฉันรัก เขาภาคภูมิใจในตัวฉันด้วย...คุณเองก็เหมือนกันนะคะ ฉันขออวยพรให้คุณเดินหน้าต่อไป ทำความฝันของคุณให้เป็นจริง แล้วสักวันหนึ่งที่ความฝันของคุณกับฉันมาบรรจบกัน เราคงได้พบกันอีกครั้ง...นับดาว”
ก่อนหน้านี้...นับดาวหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าออกมาจากบ้าน เหลียวมองบ้านเศร้าๆ เธอไหว้ลารจนา แล้วหันเดินออกจากประตูรั้วไป รถตู้คันหนึ่งแล่นเข้ามาจอด เทียบ ประตูรถตู้เปิดออกยูกิโบกมือทักทาย นับดาวหันไป ยิ้มบางๆ แล้วหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าขึ้นรถตู้ไปกับยูกิ รถแล่นออกไป
ในรถ นับดาวนั่งเหม่อมองวิวข้างทางเศร้าๆ ยูกิเอื้อมมือมาตบหลังมือนับดาวเบาๆให้กำลังใจ นับดาวยิ้มรับบางๆเป็นการขอบใจ
เป็นไทอ่านจดหมายจบแล้วยิ่งเศร้า ไม่รู้ว่าจะได้พบนับดาวเมื่อไร เขาค่อยๆหันไปอีกทางแล้วทรุดลงนั่งกับพื้น หมดแรงคิดว่าคงไม่มีโอกาสได้พบเธออีกแล้ว
นับดาวกำลังรื้อเสื้อผ้าออกมาจากกระเป๋าอย่างเศร้าๆ แล้วเธอก็ชะงักเมื่อได้ยินเสียง เป็นไทให้สัมภาษณ์ในทีวีอยู่ เธอหันไปมองแล้วรีบเข้าไปดูใกล้ๆ
เป็นไทกำลังให้สัมภาษณ์นักข่าวอยู่ที่แถวหน้าคอนโด
“ปลอดภัยดีครับ ไม่มีใครเป็นอะไร ส่วนเรื่องคดีความก็ให้เป็นไปตามขั้นตอน คนผิดก็ควรได้รับโทษตามกฎหมาย”
นับดาวเอื้อมมือไปแตะที่หน้าเป็นไทในทีวี คิดถึงเขาจนจะร้องไห้ ภาพข่าวจบไป เธอหันมานั่งชันเข่าเศร้าหมองร้องไห้...
“คุณเป็นไท ขอโทษนะที่ตัดสินใจแบบนี้”
เช้าวันใหม่...เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้น นับดาวเปิดประตูรับ ยูกิกับยามาดะยืนยิ้มอยู่
“กู้ดมอร์นิ่ง”
นับดาวยิ้มทักทายทั้งสอง
“ยูกิ...ยามาดะ เข้ามาก่อนสิ”
ทั้งสองเดินตามนับดาวเข้ามาในห้อง ยูกิถามอย่างห่วงใย
“นอนหลับสบายดีมั้ย”
“ก็ดีจ้า...ขอบใจยูกิ มากเลยนะ ที่ช่วยเหลือฉันทุกอย่าง”
“ไม่เป็นไรหรอก...แต่ว่า...”
“อะไรเหรอ”
“เธอแน่ใจแล้วเหรอที่จะทำแบบนี้...”
ยามาดะมองนับดาวอย่างไม่เข้าใจ
“นั่นสิ...ทำไมไม่บอกคุณเป็นไท ปล่อยให้เขาเข้าใจว่าเธอหายตัวไปแบบนี้ทำไม”
นับดาวอึ้งไปแล้วตอบขึ้น
“มันเป็นเดิมพันที่ฉันตั้งขึ้นมาเอง”
ยูกิงงๆ
“เธอหมายความว่าไง”
“ฉันอยากจะทำความฝันของฉันให้เป็นจริง ซะก่อน...ให้ทุกคนได้รู้จักฉัน ยอมรับฉัน ในฐานะที่ฉันเป็นฉัน...แล้วฉันจะเดินอย่างมั่นใจเข้าไปหาคุณเป็นไท ให้เขาได้ภูมิใจในตัวฉัน ด้วยความสามารถของฉันเองจริงๆ”
นับดาวบอกอย่างมุ่งมั่น
นับดาวซ้อมเต้นอยู่กับเหล่าแดนเซอร์ ยูกิกับยามาดะ ยืนดูอยู่อีกด้าน นับดาวเต้นแล้วล้ม แต่ก็ลุกขึ้นซ้อมต่อ อย่างไม่ย่อท้อ ยูกิกัยามาดะ พยักหน้าให้กัน แบบ ปลื้มๆที่เห็นนับดาวสู้เต็มร้อย
นับดาวเดินเช็ดเหงื่อออกมาจากห้องซ้อม เข้ามาหา ยูกิ กับยามาดะ ยูกิยกนิ้วให้
“เยี่ยมมาก เก่งมากเลยนับดาว งานนี้นับดาวเกิดแน่”
นับดาวยิ้มรับ
“ขอบใจจ๊ะ”
“แต่ถ้าเกิดว่าดับล่ะครับ จะทำยังไง”
นับดาวอึ้ง ยูกิหันมาทำตาเขียวใส่ยามาดะ
“ถามอะไรน่ะ ยามาดะ นิสัยไม่ดีเลย”
ยามาดะจ๋อยๆ
“ผมก็อยากให้คุณนับดาวรอบคอบ ถ้าเกิดทุกอย่างมันไม่เป็นอย่างที่คุณคิด คุณจะทำยังไง”
“ฉันก็จะไม่มาให้คุณเป็นไทเห็นหน้าอีกเลย”
ยูกิตะลึง
“นับดาว!”
“นี่เป็นเดิมพันครั้งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของฉัน ขอตัวไปซ้อมร้องเพลงก่อนนะ”
นับดาวเดินออกไป ยูกิกับยามาดะมองตามเป็นห่วง
ยูกิหันมาพูดกับยามาดะที่นั่งอยู่ตอนหลังด้วยกัน
“นับดาวนี่บทเวลาจะเอาจริงขึ้นมา ก็หัวรั้นจริงๆ เลย”
“ไม่รู้ว่าคุณเป็นไทป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง”
“เรามีนัดถ่ายโปรโมทคอนเสิร์ตไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวก็ต้องเจอ คุณเป็นไทอยู่แล้ว”
ทันใดนั้นเสียงข้อความเข้ามือถือยามาดะดังขึ้นมา เขากดอ่านแล้วบอกยูกิ
“สงสัยว่าจะไม่ได้เจอแล้วล่ะ คุณเป็นไทไม่สบาย...ให้คุณองอาจไปดูแลแทน”
ยูกิถอนใจ
“ป่วยเป็นไข้ใจหรือเปล่าก็ไม่รู้ เฮ้อ พูดความจริงก็ไม่ได้ เอาไงดีล่ะ ยามาดะ เราจะช่วย คุณเป็นไทกับนับดาวได้ยังไง”
ยูกิกังวล
เป็นไทนอนนิ่งอยู่ที่โซฟา หมดอาลัยตายอยาก เสียงออดดังขึ้น เขาขยับลุกขึ้นอย่างอ่อนล้าไปเปิดประตู
ยามาดะถือตะกร้าผลไม้ยืนอยู่หน้าห้อง
“คุณยามาดะ”
“ยูกิจังฝากให้ผมมาเยี่ยมคุณครับ”
เป็นไทชวนยามาดะเข้าไปในห้อง เขารินน้ำส้มใส่แก้วแล้ววางให้ยามาดะที่โต๊ะ
“ผมเป็นหวัดนิดหน่อยน่ะครับ...ขอโทษด้วยที่ทำให้เป็นห่วง”
“ผมกับยูกิ ถือว่าคุณเป็นมากกว่าเพื่อนร่วมงาน คุณเป็นเพื่อนของเรา”
“ขอบคุณมากครับ”
“งั้นเพื่อนพูดกับเพื่อนตรงๆ ได้ใช่มั้ยครับ”
“ครับ...คุณมีอะไรก็ว่ามาเถอะ”
“สาเหตุที่ทำให้คนบ้างานอย่างคุณหยุดงาน ไม่ได้เกิดจากไวรัส แต่เป็นความรัก”
เป็นไทอึ้งไป
“อย่าปฏิเสธเลยนะครับ ผมทราบเรื่องนับดาวแล้ว”
เป็นไปถอนหายใจ ระบายความในใจให้ยามาดะฟัง
“ผมยอมรับ...ผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน แต่พอนับดาวทิ้งผมไปมันทำให้ผมหมดแรง เหมือนโลกทั้งโลกมันหยุดนิ่ง”
“ผมเข้าใจ...ที่ผ่านมา ผมพยายามหาเงินให้ได้มากที่สุด เพื่อที่จะได้มีฐานะที่ทัดเทียมกับยูกิ...ซึ่งผมก็รู้ว่า มันไม่มีทางเป็นไปได้”
“นั่นสิ แล้วมันเกิดอะไรขึ้น...คุณถึงมีวันนี้ได้”
“ความรักและความจริงใจของผมมันทำให้ผมสมหวังโดยไม่ต้องใช้เงินสักเยนเดียว”
“นี่คุณกำลังจะพูดอะไร”
“ผมอยากให้คุณเชื่อมั่นในความรักที่คุณมีต่อนับดาว...แล้วความรักของคุณจะสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมาเอง”
เป็นไทอึ้ง ยามาดะยิ้มให้กำลังใจ แล้วลุกเดินออกไป เป็นไทนั่งครุ่นคิด เหม่อมองออกไป
เสียงมือถือขององอาจดังขึ้น เขากดรับสาย
“เจ้านายหรือครับ...ไม่ต้องห่วงนะครับ ถ้ายังลุกไม่ไหว ก็พักผ่อนนะครับ ผมจะจัดการให้เอง
เป็นไทพูดมือถืออยู่ที่ระเบียงห้อง
“ฉันจะเข้าไปดูซ้อมใหญ่ ค่ำวันนี้ แล้วหลังจากนั้น เราจะประชุมสรุปสิ่งที่ต้องเพิ่มเติมแก้ไขทั้งหมด”
“อ้าว...เจ้านาย ไหนว่าไม่สบาย”
“จัดการตามที่ฉันสั่งเถอะน่า ฉันอยากให้วันงานคอนเสิร์ตของเราเป็นงานที่น่าประทับใจ และ สมบูรณ์แบบที่สุด”
เป็นไทกดปิดมือถือ ยิ้มมองออกไปที่ท้องฟ้า
“นับดาว ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน ผมอยากให้คุณรู้นะ ว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้ผมไม่ได้ทำเพื่อตัวเองคนเดียว แต่ผมจะทำเพื่อคุณด้วย”
เย็นนั้น ในงานคอนเสิร์ต คนเต็มฮอลล์ไปหมด ไฟบนเวทีดับ สโมคถูกปล่อยเสียงดนตรีดังขึ้น แล้วยูกิก็ออกมา ร้องเพลงสะกดคนดูทั้งฮอลล์ คนดูส่งเสียงกรี๊ดชอบใจ เป็นไทยืนดูคอนเสิร์ตอย่างภาคภูมิใจ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่...นับดาวอยู่คนเดียวที่ข้างเวทีตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก เธอสูดหายใจเข้า หายใจออกลึกๆ เพื่อคลายความตื่นเต้น
คนดูกรี๊ดกับการแสดงของยูกิมาก ปรบมือชอบใจกันใหญ่
“ค่ะ...สำหรับคอนเสิร์ตนี้ หลายคนอาจสงสัยว่าแขกรับเชิญคือใคร ฉันก็ได้รับโจทย์มาว่าให้เชิญใครก็ได้ มันเป็นเซอร์ไพรส์ที่ฉันเตรียมมาเอง ทีมงานหลายคนยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ฉันเลือกเชิญเธอคนนี้มา เธอเป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ฉันได้มายืนที่คอนเสิร์ตวันนี้ เชิญพบกับเธอเลยค่ะ”
เสียงคนปรบมือต้อนรับแขกรับเชิญของยูกิ เป็นไทงงว่ายูกิพูดถึงเรื่องอะไร
“ในคิวมันไม่ใช่แบบนี้นี่ เซอร์ไพรส์อะไรเนี่ย”
เป็นไทงง เขาไม่รู้ว่าใครกำลังจะขึ้นมา...นับดาวเดินขึ้นมาร้องเพลงบนเวที คนดูต่างงงกันเป็นทิวแถว เธอร้องเพลงไทย ชัดถ้อยชัดคำ ต่างจากยูกิ คนดูซุบซิบกันตรงหน้าเป็นไท
“นั่นมันก็ยูกิไม่ใช่เหรอ งงว่ะ”
“ฉันว่าไม่ใช่ยูกิหรอก คนที่เป็นข่าวว่าเป็นยูกิตัวปลอมมากกว่า”
“แต่ก็ร้องเพลงเพราะไม่แพ้ยูกิเลยเนอะ”
เป็นไทที่ยืนอยู่ด้านหลัง ตะลึงกับภาพที่เห็นบนเวที
“นับดาว”
เสียงนับดาวทำเอาคนดูทั้งฮอลล์เคลิ้มไปด้วยเช่นกัน ทุกคนฟังเธออย่างตั้งใจ ไม่ใกล้ไม่ใกล้ รจนากับวราพรรณยืนชูป้ายไฟชื่อนับดาวอยู่กับคนดูด้วย...นับดาวร้องเพลงจบลง คนตบมือให้นับดาวกันทั้งฮอลล์ นับดาวยิ้มดีใจ
“ขอบคุณทุกคนมากที่ไม่โห่ไล่ฉันนะคะ เห็นฉันหน้าคล้ายยูกิแบบนี้ฉันไม่มีอะไรในชีวิตเหมือนเธอเลยค่ะ ขอบคุณยูกิที่ให้คนธรรมดาอย่างฉันได้มาร้องเพลงให้คนดูเยอะขนาดนี้ได้ฟัง ฉันตื่นเต้นมากเลย”
ยูกิเดินออกมาหานับดาว
“ได้ฟังนับดาวร้องเพลงแล้ว ฉันอยากจะบอกว่า ถ้าใครจะเรียกฉันว่าเป็นซุปเปอร์สตาร์ ขอให้เรียกเธอด้วยค่ะ”
คนดูปรบมือกันเกรียวทั้งฮอลล์ นับดาวปลื้มจนน้ำตาไหล
“ขอบคุณนับดาวมากค่ะ ฉันว่าเราคงได้ฟังเพลงของเธอเร็วๆนี้แน่”
เสียงปรบมือโห่ร้อง ทำเอานับดาวน้ำตาไหลไม่หยุดก่อนจะลงจากเวทีไป
เสียงเพลงจากยูกิยังดังคลอ นับดาวลงเวทีมาห้ามตัวเองไม่ให้ร้องไห้ไม่ได้ เธอไม่เคยรู้สึกดีอะไรแบบนี้มาก่อนในชีวิต รจนากับวราพรรณเดินมาหา
“ทำได้ดีมากเลยหลานย่า”
นับดาวโผเข้ากอดรจนาร้องไห้ไม่หยุด วราพรรณยิ้มภูมิใจในตัวเพื่อน
“ฉันภูมิใจที่ได้เป็นเพื่อนแกว่ะ”
นับดาวโผเข้ากอดวราพรรณเช่นกัน
“ขอบคุณทุกคนเลย”
เป็นไทมายืนตรงหน้าเธออีกครั้ง เธอรวบรวมความกล้าเดินไปหาเขา
“คุณไท...เพลงที่ฉันร้องเมื่อกี้ ฉันร้องไห้คุณนะ จริงๆแล้ว ฉันชอบคุณ ชอบมาตั้งนานแล้ว แต่คุณ...”
“ผมรู้แล้ว ผมก็ชอบคุณเหมือนกัน”
นับดาวโผเข้ากอดเป็นไทอย่างมีความสุข แต่ยังไม่ทันไร แพรวไพลินก็เข้ามาขัดจังหวะทั้งคู่
“จะมีความสุขกัน ลืมแพรวไปได้ยังไงคะ ลืมไปแล้วเหรอว่าเรามีข้อตกลงอะไรร่วมกันอยู่”
“คุณมาก็ดีแล้ว”
เป็นไทกวักมือเรียก องอาจเดินมาหา
“ผมขอของที่ให้คุณเตรียมไว้ด้วย”
องอาจหยิบเช็ค จากกระเป๋าเสื้อ ยื่นให้เป็นไท
“นี่ครับ”
เป็นไทรับมา ยื่นให้แพรวไพลิน
“นี่คือเงินทั้งหมดที่ผมเคยยืมคุณมาพร้อมดอกเบี้ย”
แพรวไพลินรับมาอย่างจำใจ
“เป็นอันว่าผมกับคุณจบกันซะทีนะ ไปดูคอนเสิร์ตกันต่อเถอะครับ”
ทุกคนพากันเดินออกไป ทิ้งแพรวไพลินยืนกรี๊ดๆอยู่คนเดียว องอาจเดินตีคู่วราพรรณแล้วกระซิบ
“เมื่อกี้เขามีกอดกัน เราไม่ทำกันบ้างเหรอ”
“บ้า”
ทุกคนยืนดูยูกิร้องเพลงอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข โดยเฉพาะยามาดะที่ถือช่อดอกไม้อยู่ในมือ
นับดาวกับเป็นไท ทั้งคู่จับมือสบตากัน และดูคอนเสิร์ตอย่างมีความสุข
จบบริบูรณ์
ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านเสมอมา และหากมีความผิดพลาดอันใดที่ทำให้แฟนๆ ขุ่นเคืองใจ ทีมงานละครออนไลน์ ขออภัยมา ณ ที่นี้ โปรดติดตามอ่านละครเรื่องใหม่ เร็วๆ นี้