มาหยารัศมี ตอนที่ 7
เช้าวันต่อมาธิติรัตน์เดินหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสลงมา หม่อมรัตนามองกิริยาร่าเริงของลูกชายออก จึงแกล้งเย้า
“เมื่อคืนฝันดีล่ะสิลูก เช้านี้หน้าตาถึงได้สดใสซะจริง”
ธิติรัตน์ไม่ตอบ ถามยิ้มๆ “แรมล่ะครับคุณแม่?”
หม่อมรัตนายิ้มขำ “แน้!!ยังไม่ตอบคำถามแม่...ก็ถามหาแรมซะแล้ว อยู่ในครัวน่ะจ้ะ ไม่รู้ทำอะไรตั้งแต่เช้า”
ธิติรัตน์ยิ้ม “งั้น..ผมไปในครัวก่อนนะครับ”
“เกิดมาไม่เคยเข้าครัว...พอรู้ว่าแรมอยู่เท่านั้น นึกอยากเข้าครัวเลยนะลูก” หม่อมรัตนาสัพยอก
ธิติรัตน์เขิน “ผมแค่...อยากรู้ว่าแรมจะทำอะไร?”
“ไม่ว่าจะยังไง...แม่ดีใจ ที่เห็นชายยิ้มได้อีกครั้งลูก...”
หม่อมรัตนายิ้มให้ลูกชายอย่างอ่อนโยน ธิติรัตน์ยิ้มกว้างให้หม่อมแม่อย่างเต็มยิ้ม
ธิติรัตน์เดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูครัว
เดือนแรมกำลังต้มหมูในน้ำซอส มีตากล่ำกับละเอียดเป็นลูกมืออย่างขันแข็ง
“ตั้งแต่ลุงเกิดมา เพิ่งจะเห็นวิธีทำหมูหย็องก็วันนี้ล่ะ” ตากล่ำกระเซ้าออกมา “ว่าแต่ ..มันกินได้หรือหนูแรม?”
เดือนแรมหัวเราะเบาๆ “ได้สิคะ...เพราะแรมเลือกเอาหมูเนื้อดี มาต้มในน้ำซอสที่ปรุงรสจนเข้มข้น”
“ฉันแอบชิมดูแล้ว น้ำซอสของหนูแรมเข้มข้นอร่อยจริงๆ...แล้วนี่หนูแรมยังเคี่ยวมาแล้วตั้งสองชั่วโมง จนน้ำซอสงวดเข้าไปอยู่เนื้อหมูหมดแล้ว” ละเอียดมองสายตาชื่นชม
ตากล่ำชะโงกหน้าเข้ามามองบ้าง เห็นน้ำซอสในหม้อเหลือน้ำขลุกขลิก ก็ทำหน้างงอีก
“เออ..แต่ลุงยังนึกภาพไม่ออกอยู่ดี...หมูต้มในน้ำซอสอย่างนี้ จะกลายเป็นหมูหย็องได้ยังไง?”
“กรรมวิธีหลายขั้นตอนหน่อย แต่เดี๋ยวแรมทำให้ดูค่ะ”
เดือนแรมใช้ที่คีบ คีบหมูที่ต้มออกมา ธิติรัตน์เดินเข้ามาพอดี
“มะ...ฉันช่วย ตากล่ำกับละเอียดมีอะไรทำก็ไปทำไป”
“ค่ะ” / “ครับ”
สองคนประสานเสียง อมยิ้มแล้วมองหน้ากันเดินไป ทิ้งให้เดือนแรมอยู่กับธิติรัตน์สองคน
สองบ่าวสูงวัย คนเดินออกมานอกห้องครัว หัวเราะกันคิกคัก
“นานแล้วนะที่ไม่ได้เห็นคุณชายอารมณ์ดีและมีความสุขแบบนี้” ตากล่ำว่า
“เพียงหนูแรมเข้ามาวันแรก วังศิลาลายก็ดูมีชีวิตชีวา ฉันอยากให้หนูแรมอยู่ที่นี่ตลอดไปจริงๆเลยตากล่ำ”
สองคนยิ้มออกมาอย่างสดชื่นและมีความสุข
ในครัวเวลานั้น ธิติรัตน์เอาไม้คลึงพิซซ่าทุบหมู เหงื่อซ่ก เดือนแรมหัวเราะขำพลางถาม
“ไหวมั้ยคะ?”
“ไหวน่ะมันไหว..แต่ทำไมกรรมวิธีมันยุ่งยากอย่างนี้ล่ะ..ไหน..ทุบหมูเสร็จแล้วทำไงต่อ”
“ก็...ฉีกให้เป็นเส้นๆ”
เดือนแรมอธิบาย แล้วใช้ส้อมสองอันฉีกหมูที่ธิติรัตน์ทุบออกจากกันเป็นเส้นๆ เห็นเป็นเส้นฝอยเหมือนหมูหย็องแล้ว ธิติรัตน์ยิ้มกว้าง หน้าตาตื่น เพิ่งเคยเห็น
“เออ..เริ่มเป็นหมูหย็องจริงๆ ด้วย” ธิติรัตน์หยิบชิมแล้วทำหน้าแหยๆ
“ทำไมคะ?”
“ทำไมมันเปียกๆ ไม่เห็นเป็นแห้งๆ เหมือนที่เค้าขายเลย”
เดือนแรมยิ้มขำ “ก็มันยังไม่เสร็จนี่คะ....ต้องเอาไปอบก่อนค่ะ”
เดือนแรมยกถาดหมูที่ถูกฉีกเป็นเส้นฝอย นำไปเข้าเตาอบกดตั้งเวลา แล้วหันมายิ้มให้ธิติรัตน์
“อบให้กรอบ มีสีเหลืองทอง พอเสร็จก็เหมือนที่เค้าขายแล้วค่ะ”
ธิติรัตน์ยกมือปาดเหงื่อ “ยุ่งยากขนาดนี้ วันหลังซื้อเค้าเถอะ ไม่ต้องทำเองหรอก”
เดือนแรมมองยิ้มเขินๆ “แรมก็เพิ่งรู้เหมือนกันนี่ล่ะค่ะว่ามันยุ่งและยาก ใช้เวลานานด้วย”
ธิติรัตน์มองงวยงง “อ้าว!!หมายความว่ายังไง?”
“แรม...เพิ่งจะหัดทำ ตอนที่รู้ว่าคุณชายชอบทานหมูหย็อง...แรมอยากทำหมูหย็องให้คุณชายทานกับข้าวต้มทุกๆ เช้าค่ะ”
ธิติรัตน์อึ้งไป มองสบตาเดือนแรมอย่างซึ้งใจเหลือเกิน “ขอบใจมากแรม...ขอบใจจริงๆ”
เดือนแรมยิ้มตอบมองสบตาธิติรัตน์ สายตาสองคนที่มองกัน มีแต่ความรักให้กัน
คืนนั้นดุจแขอยู่ในอาการเมาหนัก สภาพทรุดโทรมดูไม่จืด นั่งดื่มอยู่กับจารุณี จารุณีมองารรูปเพื่อนรัก แล้วถอนหายใจอย่างระอา บ่นว่า
“ฉันไม่เข้าใจว่าเธอจะทรมานตัวเองอย่างนี้ไปทำไม?ยังไง คุณชายก็ไม่กลับมาเหมือนเดิมแล้ว”
“เพราะฉันยังรักคุณชาย และฉัน” ดุจแขบอกเสียงเข้ม “ต้องได้เค้าคืนมา”
“ผู้หญิงอย่างเธอ เป็นแฟนเก่าที่น่ากลัวมาก....อย่าไปยุ่งกับเค้าเล้ย มองหาคนใหม่เถอะ อย่างที่ฉันบอก สรรชัยเค้ารักเธอ แล้วเค้าก็เป็นคนดีมาก” ภาพสรรชัย ดูแล เช็ดอ้วกโดยไม่รังเกียจ ยังติดตาจารุณี
ดุจแขยิ้มเยาะ ประชดส่ง “ดีมาก ก็เอาไปสิ”
“เค้าไม่รักฉัน ลองเค้ารักฉันสิ...ฉันไม่ปล่อยให้คนดีๆ อย่างนั้นหลุดมือไปหรอก”
“เธอเคยได้ยินมั้ย? คนบางคน ทำให้เรารู้สึกดี แต่ไม่ได้รู้สึกรัก คนบางคน ถึงจะทำให้เราเจ็บหนัก แต่ คำว่ารักก็เป็นของเขาอยู่ดี ที่สำคัญ คุณชายไม่เคยทำให้ฉันเจ็บ...มีแต่ฉันนี่แหละที่เป็นฝ่ายทำร้ายคุณชาย” หันมาพูดกับจารุณี “ยังไง ฉันก็จะทวงคุณชายของฉันคืน!”
ดุจแขพูดเสียงเข้ม จริงจังมากกว่าทุกครั้ง!!
เช้าวันต่อมา ดุจแขแต่งตัวสวยเจิด เดินเข้ามาในบ้านเมิน มีแป้นนำเข้ามา เพ็ญประกายมองไม่พอใจ หันไปเอ็ดแป้น
“เธอพาเค้ามาทำไม?”
ดุจแขเยาะ “ฉันให้ค่าเปิดประตูไปพันนึง”
แป้นหน้าซีด ดุจแขหัวเราะบอกต่อ “แล้วให้ค่าพามาที่นี่อีกพันห้า”
เพ็ญประกายโกรธมาก ตวาดใส่ “นังแป้น!”
แป้นรีบบอก “แป้นเปล่าค่ะแป้นเปล่า”
ดุจแขเหยียดเย้ย เปิดกระเป๋าหยิบเงินออกมาอีกห้าพันยื่นให้ “ค่ายืนฟังจะให้อีกห้าพัน”
“อย่านะนังแป้น....ไปเดี๋ยวนี้ ไป๊”
“ค่ะๆๆ” แป้นแป้นลนลานออกไป
เพ็ญประกายมองหน้าดุจแข “คุณเข้ามาทำไม?”
ดุจแขเก็บเงินใส่กระเป๋า เข้าเรื่องน้ำเสียงกร้าว “มาดูหน้าของคนที่อยากจะแต่งงานกับคุณชาย ทั้งๆ ที่ คุณชายไม่ได้รัก”
แต่เพ็ญประกายวันนี้ ไม่ใช่คนเก่า ท่าทีไม่มีหวั่น แถมย้อนกลับ “กระจกที่บ้านคุณไม่มีเหรอ?ถึงต้องลากสังขารมาถึงที่นี่ เพราะที่ฉันรู้ คนที่คุณชายไม่ได้รัก คือคุณ”
ดุจแขหัวเราะน้อยๆ “คุณคงไม่เคยมีแฟนสินะ ถึงไม่รู้ว่า เวลาคนรักกันเค้าโกรธกัน งอนกัน มักจะหาบุคคลที่สาม” เน้นคำกระแทกเสียงใส่ “ที่หน้าโง่ๆ มาเป็นเหยื่อ ประชดกันเสมอ แล้วพอเค้าดีกัน พวกบุคคลที่สามก็เป็นหมาหัวเน่า”
เจอนางร้ายตัวแม่ขั้นเทพ เพ็ญประกายถึงกับหน้าซีด คิดแล้วคล้อยตาม เพราะธิติรัตน์ไม่ได้แสดงออกว่าสนใจเพ็ญประกายสักนิด ที่ดุจแขพูดโดนเต็มๆ
ดุจแขมองหน้า จับอาการเพ็ญประกายก็รู้ทันที “คุณชายไม่เคยมาหาล่ะสิ..แหงล่ะ!!เพราะคุณชายเค้าอยู่กับฉัน ที่ฉันมาวันนี้ คุณชายก็ให้ฉันมาบอกเธอ ถ้าจะแต่งก็แต่งแต่ชื่อ แต่ตัวคุณชายจะอยู่กับฉัน”
ดุจแขพูดแค่นั้นก็หมุนตัวเดินกลับออกไป
เพ็ญประกายกำมือแน่น โกรธจัด แต่ทำอะไรไม่ได้ มือเพ็ญประกายสั่น เกร็ง ร่างเพ็ญประกายก็ชักกระตุก เหมือนคนเริ่มมีอาการทางจิต
เพ็ญประกายร้องกรี๊ดๆๆ จันทราวิ่งหน้าตาตื่นออกมา
“เพ็ญเป็นอะไรไปลูก..เพ็ญ?”
จันทราตกใจ รีบพาเพ็ญประกายไปโรงพยาบาล ร่างเพ็ญประกายนอนอยู่บนรถเข็น โดยมีจนท.เข็นพาเข้าห้องฉุกเฉิน จันทราร้องไห้โฮ เมินในชุดทำงานวิ่งตรงเข้ามา
“ลูกเป็นอะไรคุณ?”
จันทราร้องไห้ ตื่นตระหนก ตกใจมาก “จันก็ไม่ทราบค่ะ ตอนที่เห็น ลูกก็ชักตัวหงิกตัวงอ แล้วลูกก็หมดสติจันกลัวเหลือเกินค่ะคุณ...จันกลัว”
“ใจเย็นๆ ลูกต้องไม่เป็นอะไร?”
เมินกอดโอบไหล่ปลอบจันทรา แต่สีหน้ากังวลหนักไม่แพ้จันทรา
ดุจแขกลับเข้าบ้านอย่างสบายใจ อาบน้ำแต่งตัวหน้ากระจก ท่าทางสดชื่น มีความหวัง ยิ่งนึกถึงสีหน้าเพ็ญประกายก็ยิ่งมั่นใจ
“แสดงว่าคุณชายไม่ได้มาหามันจริงๆ โยนหินถามทางแค่นี้ก็รู้แล้ว นังหน้าโง่! แสดงว่าคุณชายยังรักแข ประชดแขจริงๆ”
ดุจแขท่าทางอารมณ์ดีมาก หยิบมือถือขึ้นมา
“แขจะรื้อฟื้นความรัก ความหลัง ความหวานของเรา ให้กลับมาให้ได้ค่ะ”
ด้านนอกวัง ธิติรัตน์นั่งทำงานในไอแพด ส่วนเดือนแรมนั่งร้อยพวงมาลัยอยู่
ธิติรัตน์บอกแรม แบบไม่ได้หันมามองหน้า แต่ก้มหน้าทำงาน
“แรม พรุ่งนี้เราตักบาตรด้วยกันนะ จัดเตรียมของไว้ด้วย”
เดือนแรมยิ้ม “ค่ะคุณชาย”
เสียงมือถือของธิติรัตน์ดังแมสเสจ ธิติรัตน์ไม่ได้สนใจ ทั้งๆ ที่มันวางอยู่ตรงหน้า
“แรม...”
“คะ”
“ดูให้ฉันหน่อย ใครส่งข้อความอะไรมา?”
เดือนแรมงง อึ้ง “โทรศัพท์ส่วนตัวของคุณชายน่ะหรือคะ?”
“ฮื่อ! ต่อไปฉันจะให้เธอเป็นเลขาฉัน เธอดูเลย ใครส่งอะไรมา?”
“ค่ะๆ”
เดือนแรมแอบอมยิ้ม ดีใจ ค่อยๆ หยิบมือถือธิติรัตน์มาเปิดดู แต่พอมองเห็น เดือนแรม
ได้แต่อึ้ง หน้าซีด พูดไม่ออก ธิติรัตน์งง
“เอ้า! ว่าไง? ใครส่งอะไรมา?”
เดือนแรมไม่ตอบ ยื่นมือถือคืนให้ธิติรัตน์ ถูกธิติรัตน์เย้า
“ก็ฉันให้เธอเป็นเลขา มีอะไรก็บอกมาเลยสิ จะเอามาให้ฉันดูทำไม?”
เดือนแรมหน้าจ๋อย “เค้าส่งเป็นภาพมาค่ะ”
“ภาพอะไร?”
ธิติรัตน์ถามงงๆ ก่อนจะเอะใจ คว้ามือถือมาจากเดือนแรมมาดู เห็นรูปของตนกับดุจแข ในลักษณะปากชนปาก ไม่น่าเกลียด เห็นชัดว่ามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งมากมาย ธิติรัตน์โกรธมาก
“ดุจแข”
ธิติรัตน์เขวี้ยงปาโทรศัพท์ลงกับพื้นสุดแรง
ดุจแขเพ่งมองภาพที่ส่งจากมือถือ พูดกับตัวเองยิ้มๆ อย่างมั่นใจ
“แขรู้จุดอ่อนคุณชายดี พอเห็นรูป คุณชายก็จะต้องโมโห แล้วจะต้องตามมาเอาเรื่องแข” ยิ้มหยัน “อย่าคิดว่าคุณชายจะชนะ เพราะแขนี่ล่ะที่จะเป็นคนชนะที่ทำให้คุณชายรีบมาหาแขได้”
ธิติรัตน์ขบกรามแน่น โกรธจัด
“คุณคิดผิดแล้วล่ะดุจแข ที่มาใช้วิธีนี้กับผม”
ธิติรัตน์เดินไปเก็บมือถือ หันมามองเดือนแรม
“แรม”
เดือนแรมงงๆ อยู่ “คะ?”
“มานี่”
เดือนแรมเดินมาหาธิติรัตน์ท่าทีกลัวๆ หน้าตาคุณชายดุมาก พอเดือนแรมเดินมาใกล้ ธิติรัตน์ก็คว้าตัวเดือนแรมไปกอดหมับ
ระหว่างนั้นหม่อมรัตนามองลงมาจากบนตึก เห็นภาพลูกชายกอดเดือนแรม ก็ตกใจ
เดือนแรมเองก็ตกใจ “คุณชาย!”
“ถ่ายรูปกับฉันหน่อย” ธิติรัตน์บอก
โดยไม่รอให้เดือนแรมตั้งตัว ธิติรัตน์ยกมือถือขึ้น จะถ่ายภาพ เดือนแรมยิ่งงง ตกใจหนัก
“ยิ้มด้วย” ธิติรัตน์สั่ง
“ยิ้ม?” เดือนแรมงงหนัก
“ก็ยิ้มสิ เร็ว ยิ้ม!”
ธิติรัตน์ยิ้ม เตรียมถ่ายรูป แต่เดือนแรมหน้าเหวอ ธิติรัตน์กดมือถือถ่ายรูป แล้วเอามาดู
เห็นตัวเองมองเดือนแรมยิ้มๆ แต่สีหน้าเดือนแรมเหวอสุดๆ ธิติรัตน์ฮึดฮัดไม่พอใจ
“ทำหน้าอย่างนี้ได้ยังไง? เดี๋ยวคนเค้าก็รู้ว่าฉันบังคับเธอถ่าย ยิ้มสิ ยิ้ม!”
“ยิ้ม?” ย้อนถามงงๆ ไม่รู้จะให้ยิ้มแบบไหน
“ใช่! ยิ้ม..ไหนลองยิ้มให้ฉันดูสิ”
“ยิ้มให้คุณชายดู?”
“ฮื่อ! ยิ้ม เร็ว ยิ้ม”
เดือนแรมยิ้มเหมือนถูกบังคับ ธิติรัตน์เห็นแล้วเป็นฝ่ายอมยิ้มแทน
“ไม่ยอมยิ้มดีๆใช่มั้ย? ได้!”
ธิติรัตน์เอามือมาจับแก้มเดือนแรมเย้าหยอก แล้วดึงออกเป็นท่าแป๊ะยิ้ม
ธิติรัตน์ถามกลั้วหัวเราะ “จะยิ้มหรือยัง แป๊ะยิ้ม?”
เดือนแรมหัวเราะขำ “ยิ้มแล้วค่ะ”
เดือนแรมหัวเราะออกมา ธิติรัตน์ฉวยโอกาสนั้นล็อกคอ คว้าเดือนแรมเข้ามากอด แล้วถ่ายรูป
หม่อมรัตนา มองอยู่ ทำตาโต ตกใจ งงมาก “นี่มันอะไรกัน?”
ด้านดุจแขยิ้มอย่างอารมณ์ดี มั่นใจมาก ว่าตัวเองเดาใจธิติรัตน์ไม่ผิดแน่
มีเสียงเตือน SMS เข้า ดุจแขหยิบมือถือมาเปิดดู เห็นเป็นภาพธิติรัตน์กอดเดือนแรม สองคนยิ้มอย่างแฮปปี้ ดุจแขหน้าเจื่อนผิดคาด หน้าซีด แล้วกรีดร้องออกมา ปามือถือลงพื้น รับไม่ได้
ธิติรัตน์ยืนมองมือถือยิ้มๆ รู้นิสัยดุจแขเช่นกัน “คุณไม่มีทางเอาชนะผมได้หรอกดุจแข!”
เดือนแรมมองธิติรัตน์ ไม่เข้าใจ ค่อยๆ เดินตัวลีบออกไป ธิติรัตน์ยื่นมือถือให้เดือนแรม
โดยไม่ได้หันมา “ดูสิแรม....รูปเธอที่ถ่ายออกมาก็น่ารักดีเหมือนกันนะ”
เงียบไม่มีเสียงตอบ ธิติรัตน์หันมามอง เดือนแรมไม่อยู่แล้ว
“อ้าว! ไปไหนแล้วเดือนแรม?”
ธิติรัตน์มองเข้าด้านใน แล้วกดปุ่ม send ที่มือถือ ธิติรัตน์ส่งรูปไปให้เดือนแรม แล้วเดินตามเดือนแรมเข้าไป
เดือนแรมเดินมา มือถือมีสัญญาณ sms เดือนแรมกดดูภาพ เป็นรูปที่ธิติรัตน์กอดเดือนแรม เดือนแรมตาโต ทั้ง ตกใจ ดีใจ และเขินอาย ใจเต้นโครมครา รีบเอามือจับหัวใจตัวเอง
“อย่าเต้นดังนักสิแรม คุณชายเค้าแค่เอาเธอเป็นไม้กันหมา!!”
ธิติรัตน์เดินตามมา ร้องเรียก “แรม”
เดือนแรมสะดุ้งเฮือก ค่อยๆ หันกลับ ทั้งกลัว ตื่นเต้น และเขินอาย “คะ…”
“เดินหนีทำไม? ฉันกับดุจแขไม่ได้มีอะไรกัน ที่เธอเห็นเป็นรูปเก่า”
เดือนแรมดีใจ แต่ก็งงว่ามาบอกทำไม “ค่ะ”
“เห็นรูปที่ฉันส่งมาให้เธอหรือยัง?”
เดือนแรมหลบตาวูบ ก้มหน้างุด อายและประหม่าอยู่ “ค่ะ”
“นี่!ใจคอเธอจะไม่พูดอะไรบ้างเลยเหรอ นอกจากคำว่า คะ..ค่ะ ค่ะ”
เดือนแรมหน้าแหยกว่าเก่า ไม่รู้จะตอบยังไง “คะ?”
ธิติรัตน์ส่ายหน้าอย่างระอา บ่นงึมงำ “เฮ้อ!!เธอนี่ไม่ได้ดั่งใจฉันเลย”
ธิติรัตน์เดินเลี่ยงไปแบบฉุนๆ เดือนแรมมองตามเดาอารมณ์ธิติรัตน์ไม่ถูก
ธิติรัตน์เข้าห้อง เหวี่ยงประตูเสียงปิดดังโครม “จะพูดอะไรให้ฉันรู้สึกดีหน่อยก็ไม่ได้ เดือนแรม!”
ขณะเดียวกันนั้นเดือนแรมอยู่ในห้อง นิ่วหน้าบ่นกับตัวเอง ขณะก้มมองดูรูปในมือถือ
“ก็จะให้แรมพูดได้ยังไงคะ? ว่าแรม...” ออกอาการขวยเขิน “ตื่นเต้นจนจะเป็นลมตายอยู่แล้ว” หน้าหมองลง “อีกอย่างแค่แรมเห็น....” อึ้งไปนิด “รูปของคุณชายกับคุณดุจแข แรมก็....” เหมือนนึกได้ตาโต “แล้วจะไปหึงทำไม เราไม่ได้เป็นอะไรกับคุณชายซักหน่อย คนที่คุณชายยังแคร์คือคุณดุจแข ไม่งั้นคงไม่ทำอย่างนี้หรอก”
เดือนแรมบอกเตือนตัวเองสีหน้าสลดลง
ส่วนดุจแข ยังนั่งร้องกรี๊ดๆ ตีอกชกหัวตัวเองอย่างขัดเคืองใจ มองมือถือตาขวาง
“ฉันไม่ยอมๆๆๆๆๆๆๆ”
ดุจแขตรงไปหยิบมือถือมาปาทิ้งที่พื้นอีกรับ สรรชัยเดินเข้ามา มือถือตกอยู่แทบ
เท้าพอดี สรรชัยหยิบขึ้นมาดู เห็นภาพธิติรัตน์กอดเดือนแรมที่คาอยู่หน้าจอ
สรรชัยยิ้มหยัน “นึกว่าอะไรที่ทำให้คุณคลั่ง ที่แท้ก็เป็นรูปนี้”
สรรชัยยื่นมือถือใส่หน้าดุจแข ให้ดุจแขเห็นรูปชัดๆ อีกที ดุจแขโกรธจนเนื้อตัวสั่น
สรรชัยเน้นคำยั่วเย้า “แฟนใหม่คุณชาย ทั้งสวย ทั้งน่ารัก มิน่า!!คุณชายเลยไม่ชายตามา
มองคุณแม้แต่นิดเดียวทั้งๆ ที่คุณพยายามยั่วจนตัวสั่น” ยิ้มหยันอีกทีแล้วโยนมือถือคืนเบาๆ
ดุจแขเถียงเหยียดเย้ย สายตากร้าว “ก็แค่เด็กที่บ้านคุณเมิน”
สรรชัยเน้นสียงชัดเจน “ไม่ใช่เด็กในบ้าน เธอเป็นลูกสาว คุณเมิน”
“คุณรู้ได้ยังไง?” ดุจแขตื่นตะลึง
สรรชัยได้ทีทั้งเยาะและเย้ย “ผู้หญิงที่ทั้งสวยและน่ารักขนาดนี้ ใครก็สนใจ....ยิ่งเธอเป็นลูกสาวคนเล็กของบ้าน....” พูดยังไม่ทันจบ
ดุจแขหรี่ตามอง นึกถึงคำพูดเพ็ญประกาย กับชุติมาขึ้นมาได้
“หมายความว่า นังแรม คือเด็กบ้าคนนั้น?”
สรรชัยเน้นคำพูดอีก “แต่เด็กบ้าคนนั้น คือคนที่กุมหัวใจคุณชาย จนทำให้คุณมายืนเป็นบ้าอยู่ตรงนี้ไงล่ะ”
ดุจแขกรี๊ดสุดเสียง “แอร๊ย...” แล้วตบหน้าสรรชัยสุดแรงจนหน้าหัน
สรรชัยตวาด “ดุจแข!”
“ใช่! ฉันเป็นคนบ้า เพราะฉะนั้น คนบ้า ฆ่าคนไม่ผิด!”
ดุจแขกระหน่ำทุบตีตัวสรรชัยอย่างบ้าคลั่ง โถมขย้ำเข้าหาทั้งตัว สรรชัยผลักดุจแขออก จนดุจแขล้มลง ร้องไห้ สรรชัยตวาดเสียงเครือ อย่างเจ็บปวดในใจ
“ดูสภาพตัวเองบ้างสิ มันดูได้ที่ไหน!” สายตานึกสมเพชตัวเองขึ้นมา “คนอย่างคุณ ก็มีแค่ไอ้บ้าคนนี้แหละที่มันหน้ามืดตามัวมาหลงรัก”
ดุจแขตวาดกลับ “งั้นแกก็ฟังไว้นะไอ้บ้า คนไม่รัก ทำยังไงก็ไม่รักโว๊ย”
ดุจแขโผนตัวขึ้นมาทุบตีสรรชัยอีก สรรชัยปกป้อง ตวาดใส่
“ที่ตะโกนดังๆ ก็ให้มันเข้าหูตัวเองบ้าง” ตะโกนตอกใส่หน้าดุจแข “คนไม่รักยังไงก็ไม่รัก คุณชายก็ไม่รักคุณเหมือนกันโว้ย”
สรรชัยหยิบมือถือขึ้นมา โยนเบาๆ ใส่ดุจแข แล้วผลุนผลันออกไปอย่างโกรธจัด
ดุจแขหยิบมือถือขึ้นมา เห็นภาพธิติรัตน์กอดเดือนแรมอีก ดุจแขร้องกรี๊ดดๆๆๆๆ ปามือ
ถือทิ้ง ตาวาวโกรธแค้น หมายจะเอาชนะ
“ผู้หญิงทุกคนที่เข้าใกล้คุณชาย คือศัตรูของแข! ฉันไม่มีวันยอมแพ้ผู้หญิงหน้าไหนทั้งนั้น”
รุ่งเช้าเดือนแรมจัดสำรับข้าวต้ม มีหมูหย็อง และของกินอื่นๆ 2 -3 อย่างไว้ให้ธิติรัตน์
จู่ๆ ก็นึกถึงคำพูดที่ธิติรัตน์บอกขึ้นมา “ฉันกับดุจแขไม่ได้มีอะไรกัน ที่เธอเห็นเป็นรูปเก่า...”
“แล้วทำไมคุณชายต้องมาบอกเราด้วย?” เดือนแรมได้แต่ถามตัวเอง
หม่อมรัตนา ยืนอยู่ด้านหลังได้ยินคำถาม นึกสงสัยแล้ว
“ตาชายบอกอะไรแรมเหรอจ้ะ?”
เดือนแรมสะดุ้งโหยง หันมาท่าทางกลัวๆ “เปล่าค่ะ”
“เมื่อคืน ฉันเห็นตาชายอยู่กับแรม?”
“เอ่อ...คุณชายอยากให้แรมช่วยเรื่องคุณดุจแขหน่อยน่ะค่ะ”
หม่อมรัตนาฟังแล้วไม่พอใจมาก “ดุจแขมายุ่งกับตาชายอีกแล้วเหรอ? เฮ้อ!! ผู้หญิงคนนี้เป็นยังไง? ทำไมไม่รู้จักจบจักสิ้นซะที!”
เดือนแรมบอกเสียงอ่อยๆ “คุณดุจแขคงรักคุณชายมากค่ะ”
“ถ้าเค้ารักตาชายจริง เค้าไม่ทำร้ายตาชายอย่างที่ผ่านมาหรอก เฮ้อ! ที่ทำอย่างนี้ เค้าคงคิดว่าถ่านไฟเก่ามันจะคุ!”
เดือนแรมมอง สายตาเต็มไปด้วยความสงสัย แต่ไม่กล้าถาม หม่อมรัตนายิ้ม นึกรู้ จึงเอ่ยขึ้น
“ตาชายก็เหมือนเสือ ไม่กินเนื้อชิ้นเก่า...จบก็คือจบ และฉันมั่นใจว่า ตาชายต้องได้เจอผู้หญิงคนใหม่ คนที่จะไม่ทำร้ายเค้าอีก” มองสบตาเดือนแรม “รวมทั้ง คนที่ตาชายรักและไว้ใจพอที่จะเล่าทุกอย่างในชีวิตให้ฟังได้”
สีหน้าเดือนแรม อึ้งๆ สับสน ไม่ได้มั่นใจว่าเป็นตัวเอง
ตอนสายๆ เดือนแรมในชุดนักศึกษาเดินมากับเจ๊กอไก่ เจ๊นักปั้นฟังความจบแล้วรีบบอก
“คุณน้องขา. ถ้ามีใครมาพูดแบบนี้กับเราแสดงให้เห็นว่าเค้าแคร์เรานะคะ ไม่ใช่แคร์ธรรมดา แต่แคร์มากๆๆๆ”
เดือนแรมยิ้มออกมา “เหรอคะ?”
“ค่ะ ..ก็ถ้าเค้าไม่แคร์เรา เค้าจะบอกเราทำไม? ว่าเค้ากับผู้หญิงคนนั้นไม่ได้มีอะไรกัน ว่าแต่..ใครบอกคุณน้องเหรอคะ?”
เดือนแรมท่าทีขึงขัง “ไม่มีค่ะ” รีบเดินลิ่วไป
เจ๊กอไก่ไม่เชื่อ “ต้องมีแน่ๆ เลย” ตะโกนไล่หลังบอกเรื่องงาน “แรม...เย็นนี้มีงาน เลิกเรียนเดี๋ยวเจ๊มารับนะ”
“ค่ะ” เดือนแรมยิ้ม เดินลิ่วไป
เจ๊กอไก่แอบยิ้มรู้ทันที “พันเปอร์เซ็น ฉันว่า ผู้ชายคนนั้นต้องเป็นคุณชาย เฮ้อ!!เมื่อไหร่จะมีคนมาบอกอะไรกับเจ๊กอไก่แบบนี้บ้างเนี่ย?” เสียงมือถือดัง เจ๊ยิ้มรีบกดรับโดยไม่ดูเบอร์นึกว่างานเข้า “ค่า...” แต่ฟังแล้วกลับหุบยิ้มทันที “โทร.มาให้ดูดวง ไม่ดูดวงตัวเองก่อนล่ะ จะได้ไม่ต้องถูกฉันด่าฟรีๆ ฮึ้ยย” เจ๊กอไก่เดินกระฟัดกระเฟียดไปตามทาง
ธิติรัตน์เดินเข้าออฟฟิศ เสียงมือถือดัง ธิติรัตน์หยิบขึ้นมารับ เห็นเป็นเบอร์ดุจแข ธิติรัตน์ทำหน้าหงุดหงิด กดบล็อกเบอร์ดุจแขทันที
ดุจแขโทร.หาธิติรัตน์ อีกครั้งเป็นเสียงสัญญาณถูกบล็อก ดุจแขตาวาวโรจน์โกรธจัด
ธิติรัตน์เดินมา สั่งเลขา “ใครโทร.หาผม คุณรับเรื่องไว้เลย ไม่ต้องโอนสายเข้ามา แล้วผมจะโทร.กลับเอง อ้อ!แล้ววันนี้ฉันไม่รับแขก ไม่ต้องให้ใครเข้าไปหาฉันทั้งนั้น”
“ค่ะ”
ธิติรัตน์เดินมา ไม่ทันไรเสียงโทรศัพท์ออฟฟิศดังขึ้น
“สวัสดีค่ะ... คุณชายไม่สะดวกรับสาย คุณดุจแขมีอะไรฝากไว้ได้เลยค่ะ”
ธิติรัตน์ยืนฟัง แล้วเดินเข้าไป ยิ้มอย่างโล่งใจ
ดุจแขกำมือถือแน่น นัยน์ตาวาวโรจน์ เสียงคำรามในลำคอ
“คุณชายทำยังกับไม่รู้จักแข ได้…แขจะทบทวนให้ดู รับรองชาตินี้คุณชายไม่มีวันลืมแขแน่”
เวลาต่อมาในขณะที่ธิติรัตน์นั่งคิดงาน ดูวิดีโอพรีเซนท์งาน และ reference งานต่างๆ อยู่ในห้อง จู่ๆ วีระถลันเข้ามา โดยมีเลขาที่หน้าตาตื่นตามมา ธิติรัตน์เงยหน้ามอง
“ฉันบอกแล้วไง ว่าฉันไม่รับแขก”
น้ำเสียงวีระบอกอย่างโกรธจัด “ฉันไม่ใช่แขก” ตามด้วยน้ำเสียงตื่นตกใจ “คุณดุจแขกินยาตาย”
ธิติรัตน์ฉงนไม่ได้ตกใจ หรือห่วง แค่คิดในใจอะไรเนี่ย กินยาตาย?
อ่านต่อหน้า 2
มาหยารัศมี ตอนที่ 7 (ต่อ)
ร่างของดุจแขนอนหมดสติอยู่บนรถเข็น เจ้าหน้าที่เข็นพาเข้าห้องฉุกเฉินโดยมีสรรชัยตามมา สรรชัยจับราวรถเข็น พูดเสียงกร้าว
“ทำไมคุณต้องทำอย่างนี้ด้วยดุจแข”
เจ้าหน้าที่ พาร่างดุจแขเข้าไปข้างในแล้ว หมอเกรียงมองดูดุจแข สีหน้าตกใจสรรชัยรีบบอก
“ช่วยด้วยนะครับคุณหมอ เค้ากินยามา!”
ในวังศิลาลายเวลานั้น ธิดารู้จากสามี รีบมาบอกข่าวหม่อมรัตนา สองคนคุยกันท่าทางใจหายใจคว่ำกันทั้งคู่ หม่อมรัตนาระอาใจนัก
“น้าไม่เข้าใจเลย ทำไมดุจแขถึงทำอย่างนี้”
“ตอนที่พี่หมอโทร.มาบอก หลานตกใจมากเลยค่ะ”
“จะทำอะไรมันก็เรื่องของเค้า แต่น้าไม่เข้าใจ ทำไมต้องเอาตาชายมาเป็นเหตุผลในการฆ่าตัวตายด้วย”
“ก็คงต้องการให้ตาชายกลับไปคืนดีด้วยน่ะค่ะ” ธิดารู้จักดุจแขดี
“มีแต่ผู้หญิงสิ้นคิดเท่านั้นที่เรียกร้องความสนใจความสนใจจากผู้ชายด้วยการกินยาตาย” หม่อมว่า
“แล้วนายชายล่ะคะ ว่ายังไง?” ธิดาเป็นกังวล
“ดาก็รู้นิสัยน้องเราไม่ใช่เหรอ ว่าเค้าเป็นยังไง?”
วีระกระชากคอเสื้อชกธิติรัตน์ ถามเสียงดุดัน สองคนเถียงกันไปมา
“ทำไมนายถึงใจดำอย่างนี้ คนจะตายเพราะนายทั้งคน ยังไม่ดูดำดูดีอีก”
“ฉันไม่เดินตามเกมของผู้หญิง”
“เกม? นายมองชีวิตของคุณแขเป็นแค่เกม ไม่มีคนโง่ คนไหนหรอกที่จะเล่นกับความตาย!”
“คนโง่อย่างดุจแข ยอมทำร้ายตัวเอง เพื่อเอาชนะคนอื่น”
วีระโกรธจัด “นายชาย”
วีระซัดเข้าที่ใบหน้าธิติรัตน์ หลายที ธิติรัตน์ไม่สู้แค่ปกป้องตัวเอง ศรัณย์วิ่งเข้ามาแยก ดึงวีระออก วีระชี้หน้าธิติรัตน์
“ถ้าคุณแขเป็นอะไรไป จำไว้!!นายคือฆาตกร”
ธิติรัตน์บอกเสียงเรียบ “ศรัณย์ พาวีระออกไปก่อน”
วีระโมโหขึ้นมาอีก “นายชาย” ถลันจะเข้ามาอีก
ศรัณย์ดึงไว้บอกเสียงกร้าว เอาจริง “อย่า”
ธิติรัตน์กร้าวบอกศรัณย์ “ออกไปก่อน ก่อนที่ฉันกับวีระจะฆ่ากันตายเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง”
วีระโกรธมาก “คุณแขจะฆ่าตัวตาย นายยังเห็นว่าเรื่องไม่เป็นเรื่อง”
ธิติรัตน์โบกมือบอกศรัณย์ให้รีบๆ ไป ศรัณย์ดึงวีระออกไปจนได้
“ออกมาก่อนๆๆ”
วีระสลัดตัวออกจากศรัณย์ ฮึดฮัดไปมา “ใจนายชายทำด้วยอะไรวะ? คนเคยรักกันแท้ๆ”
“ก็เป็นแค่คนเคยรักไง”
วีระหันมามอง ศรัณย์พูดต่อ
“นายต้องเข้าใจซะทีนะวีระ เรื่องของคุณแขกับนายชาย จบกันไปนานแล้วเพราะฉะนั้น ไม่ว่าคุณแขจะทำอะไร มันไม่เกี่ยวกับนายชาย”
“แต่ที่คุณแข เค้าฆ่าตัวตาย เพราะนายชาย”
ศรัณย์คาดคั้น “เค้าบอกนาย?”
วีระถอนหายใจ เสียงเย็นลงแต่ยังสะเทือนใจ “ก่อนที่คุณแขเค้าจะกินยาตาย เค้าโทร.มาบอกฉัน”
ศรัณย์หัวเราะหยัน รู้ทันดุจแข
“วีระถ้าคุณแขเค้าจะฆ่าตัวตายจริงๆ เค้าไม่นึกถึงนายหรอก นอกจาก…”
วีระหันมามอง ศรัณย์บอกต่อ
“นายถูกเค้าหลอกใช้ ให้คาบข่าวมาบอกนายชาย วีระ...นายเป็นแค่หมากตัวหนึ่งในเกมของคุณดุจแขเท่านั้นล่ะ”
“ฉันไม่เชื่อ”
“ฉันเชื่อ ว่าเหตุการณ์วันนี้ มันเป็นแค่เกมของคุณดุจแข จริงๆ”
แน่นอนว่าวีระไม่เชื่อศรัณย์สักนิด
ดุจแขนอนอยู่บนเตียงคนไข้ ข้างๆ มีสรรชัยเฝ้าอยู่ หมอเกรียงบอกผลการตรวจรักษา
“คุณแขพ้นขีดอันตรายแล้วนะครับ แล้วก็..โชคดียาที่คุณแขทานเข้าไปไม่ได้มีอันตรายมาก หมอเกรียงบอกกับสรรชัยเสียงนิ่ม “ต่อไป คุณต้องดูแลเอาใจใส่แฟนคุณให้มากกว่านี้นะครับ เธอจะได้ไม่ทำแบบนี้เพื่อประชดคุณอีก”
“พี่หมอ....เค้าไม่ใช่แฟนแข แขยังรักคุณชาย” สรรชัยบอก
หมอเกรียงอึ้งไป “ในฐานะญาติของคุณชาย ผมว่า เรื่องอดีตคุณแขไม่ควรเอามาพูดถึงอีก ปล่อยให้มันจบไปเถอะครับ ผมขอตัว”
หมอเกรียงเดินออกไปแล้ว ดุจแขมองคามตาขวาง สรรชัยพูดนิ่งๆ แต่ยังรู้สึกโกรธและละอายใจ
“คุณไม่อายบ้างเหรอ? ขนาดผมยืนฟังเฉยๆผมยังอาย”
ดุจแขไม่ยี่หระสักนิด “คุณไม่เคยได้ยินหรือไง? ด้านได้ อาย อด”
สรรชัยหัวเราะหยัน “งั้นคุณคงกลัวจะอดจริงๆ ขนาดเค้าจับได้ไล่ทัน ว่าคุณแกล้งกินยาตายเพื่อเรียกร้องความสนใจ ยังลอยหน้าลอยตาอยู่ได้”
ดุจแขลอยหน้าลอยตายั่วบอกสรรชัย “เพราะฉันรู้ว่าจุดอ่อนของคุณชายอยู่ที่ไหนไง?”
“อยู่ที่ไหน?”
“อยู่ที่ฉันไงล่ะ? ลองฉันจะตายขึ้นมาจริงๆ ยังไงเค้าก็ต้องมา”
จากนั้นดุจแขก็หยิบมือถือขึ้นมา กดโทร.ออก บีบเสียงร้องไห้
“คุณวีระคะ....กรุณาเถอะค่ะ...แขขอพบคุณชายเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่แขจะ....” ดุจแขสะอึกสะอื้น ราวกับทำใจไม่ได้ แล้วแกล้งวางสายไป
สรรชัยมองดุจแขอย่างสมเพช แต่ดุจแขมองสู้ด้วยสายตาท้าทาย
ไก่อ่อนวีระวีระกำมือถือแน่น สีหน้ากังวล ครุ่นคิด แต่เอนเอียงไปทางดุจแขเต็มๆ นึกถึงตอนที่คุยโทรศัพท์กับดุจเมื่อไม่นานนี้ขึ้นมาอีก
เสียงของดุจแขสะอื้นร่ำไห้ปิ่มจะขาดใจดังก้อง
“คุณชายไม่รักแขไม่พอ...ยังรังเกียจแขอีก ฝากบอกคุณชายด้วยนะคะ แขอยู่ไม่ได้แล้วค่ะ แขอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีคุณชาย…แขรักคุณชาย ลาก่อนนะคะ ลาก่อน”
วีระคุยขอร้องดุจแขทางโทรศัพท์
“อย่านะครับคุณแข อย่าทำอะไร?”
“แขไม่ทำอะไรหรอกค่ะ แค่จะนอนหลับไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย”
เสียงโทรศัพท์สายหลุดไป สีหน้าวีระ ตื่นตระหนกตกใจมาก
“คุณแขๆๆๆ”
วีระนั่งหน้าเครียด “เราไม่เชื่อ จะมีใครเอาความตายมาล้อเล่น”
วีระเดินออกจากห้องไป
วีระเปิดประตูเข้ามาในห้องธิติรัตน์ ที่ยืนหน้าเครียดอยู่ สองหนุ่มมองตากัน วีระอ้อนวอน
“ฉันขอเถอะนะชาย ไม่เห็นแก่คุณแข ก็เห็นแก่ความเป็นเพื่อนของเรา”
“นายจะให้ฉันทำอะไร?”
“ไปหาคุณแขที่โรงพยาบาล”
ธิติรัตน์มองอย่างระอา เหนื่อยหน่ายใจ “ได้...ฉันให้นาย ฉันจะไปหาดุจแข”
วีระยิ้ม ธิติรัตน์ก็ยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มคนละความหมาย
ดุจแขนอนอยู่บนเตียง สรรชัยนั่งอยู่สีหน้าไม่สู้ดีนัก เสียงมือถือดุจแขดัง ดุจแขมองเบอร์แล้วยิ้มตาเป็นประกาย
“คุณชาย”
ดุจแขผุดลุกขึ้นนั่งยิ้มเย้ยสรรชัยขณะกดรับสาย พูดเสียงอ้อน
“คะ...คุณชาย” นิ่งฟัง “แขดีใจที่สุดเลย ที่คุณชายจะมาหาแข แขจะรอ คุณชายค่ะ”
ดุจแขหันมายิ้มเย้ยสรรชัย
ธิติรัตน์ขับรถมาจอดในที่จอดโรงพยาบาล ข้างๆ มีเดือนแรมที่แต่งตัวสวยจัด ออกแนวเซ็กซี่ แต่ดูดี นั่งมาอยู่ด้วย ท่าทางของเดือนแรมอึดอัดใจ
“เย็นนี้แรมต้องไปทำงานกับเจ๊กอไก่นะคะ”
“ก็เดี๋ยวเสร็จงานฉันแล้ว ฉันไปส่ง”
เดือนแรมมองธิติรัตน์สีหน้างง ก้มลงมองชุดตัวเอง
“ก็สวยดีนี่ ทำไม?”
“แรม..ไม่ชอบใส่ชุดแบบนี้ค่ะ”
“น่า...ถือว่าทำเพื่อฉัน”
เดือนแรมทำหน้าอึดอัดใจมองธิติรัตน์สายตาอ้อนวอน
ธิติรัตน์ก็ไหนบอกว่า พร้อมจะทุกอย่างเพื่อผู้”มีพระคุณ” ตอนนี้ฉันขอเธอแล้วนะ
เดือนแรมได้ค่ะ แรมจะทำทุกอย่าง ตามที่คุณชาย”สั่ง”
ธิติรัตน์ดีมาก เด็กดีของฉัน งั้นไป
เดือนแรมยิ้มให้ธิติรัตน์ที่ยิ้มตอบมา แล้วสองคนก็เดินลงไปด้วยกัน จู่ๆ เดือนแรมหยุดกึก
“มีอะไรอีก?”
“ก็...ถ้าแรมถูกตบกลับมาล่ะคะ?” เดือนแรมเสียงอ่อย
ธิติรัตน์ยิ้มขำ “ก็..ที่นี่โรงพยาบาล ไง พาเข้าห้องฉุกเฉินเลย”
เดือนแรมไม่ขำด้วย “คุณชาย”
“พูดเล่น...เธออุตส่าห์ช่วยฉันซะขนาดนี้ ฉันไม่ให้ใครทำอะไรเธอหรอก ไป”
ธิติรัตน์โยกศีรษะเดือนแรมเบาๆ อย่างสนิทสนม ก่อนจะพาเดือนแรมเดินเข้าไป
เดือนแรมมองธิติรัตน์สายตาบ่งบอกชัดเจนว่ารักเต็มหัวใจ
สองคนไม่รู้ว่าชุติมาที่มาเยี่ยมเพ็ญประกายมองลงมาจากบนตึก เห็นเต็มตา
“คุณชายกับนังแรม!”
ชุติมาเปิดประตูเข้ามาในห้อง เพ็ญประกายนอนซมอยู่ ดวงตาเหม่อ ไม่มีความสุข ชุติมาไม่ได้สนใจเพ็ญประกาย พูดรัวเร็วแบบตื่นเต้น
“นี่! รู้มั้ย ตะกี้เห็นใคร?”
จันทรามองค้อน “พ่อแกรึไง?”
ชุติมาอึ้งอยู่ จันทราพูดต่อ
“อยากพูดอะไรก็พูด ไม่รู้จักกาลเทศะ ไม่เห็นหรือไง ว่าคุณเพ็ญป่วยน่ะ”
ชุติมาโกรธแม่ “ป่วย แต่ก็ยังไม่ตาย”
จันทราถลึงตาใส่ “ชุติมา”
เมินถอนหายใจ ชุติมาหันมามอง นึกเกรงใจ จำต้องเงียบ เมินจับมือเพ็ญประกายพูดเสียงอ่อนโยน
“พ่อไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ที่ลูกต้องเข้ามานอนรพ.เพราะแฟนเก่าคุณชายมาหา”
“ลูกเราออกจะบอบบาง ไร้เดียงสา เจอผู้หญิงชั้นต่ำ ไร้ยางอาย อย่างยัยดุจแข ตามมาหาเรื่องถึงบ้าน จะไม่ช็อกได้ยังไง?” จันทราเอามือลูบผมเพ็ญประกายอย่างห่วงใย “อย่าคิดมากเลยนะลูก ยังไงลูกต้องได้แต่งงานกับคุณชาย”
คราวนี้ชุติมาหัวเราะเย้ยดังลั่น “ที่ช็อกเพราะรู้อยู่แก่ใจมากกว่ามั้ง ว่าคุณชายไม่มีใจให้ พอใครมาพูดอะไรนิดอะไรหน่อย เลยทำท่าจะเป็นจะตาย” มองจ้องหน้าเพ็ญประกาย “สมแล้วที่หมอบอกว่า มีอาการทางจิต เธอมีสิทธิ์เป็นบ้าแน่ยัยเพ็ญ
จันทราตวาดน้ำเสียงเกรี้ยวกราด “ชุติมา” เน้นเสียงเย้ย “อย่ามาว่าลูกฉัน”
ชุติมาเสียใจ แต่เถียงต่อ “จะว่า...” มองเพ็ญประกายท้าทายจันทรา “คนอะไรหน้าด้าน อยากมีผัวจนตัวสั่น อยากมากจนเป็นบ้า”
“นังชุติมา” จันทราตบหน้าชุติมาสุดแรง...ดังเผียะ
แรงจนชุติมาหน้าหัน น้ำตาไหล ไม่มีเสียงสะอื้นออกมา จันทราด่าซ้ำ
“ออกไปเดี๋ยวนี้ ไม่งั้น ฉันได้ตบปากแกแตกแน่”
ชุติมาเดินพรวดออกไป เพ็ญประกายร้องไห้โฮ เมินจับมือเพ็ญประกายกุมไว้บีบเบาๆ
“พ่อขอโทษเพ็ญ..พ่อขอโทษ”
เพ็ญประกายเสียงกร้าว “คนที่ควรขอโทษเพ็ญ ต้องเป็นพี่ชุติมา ไม่ใช่คุณพ่อ”
เมินเสียใจมาก “พ่อด้วยที่ต้องขอโทษ...ที่ลูกต้องเป็นแบบนี้ เพราะพ่อไม่ห้ามแม่ ทั้งๆ ที่รู้ว่าลูกไม่ใช่มาหยารัศมี”
จันทรามองลูกสาว ห่วงมากกว่าใคร หันมาถลึงตาใส่เมิน “ทำไมคุณพูดแบบนี้?”
“ลูกจะได้ไม่สับสน และลูกจะได้รู้ว่า ลูกไม่มีสิทธิ์ในตัวคุณชายตั้งแต่แรก เพราะฉะนั้น...” เมินมองจ้องหน้าเพ็ญประกายพูดเสียงจริงจัง “พ่ออยากให้ลูก ตัดใจ”
เพ็ญประกายเสียงสั่นเครือ ทำท่าจะร้องไห้ ดวงตากร้าว “ไม่...ลูกไม่ยอม” อารมณ์แรงขึ้นๆ “ลูกจะไม่ตัดใจ” วี๊ดออกมา “ยังไงลูกก็จะเป็นมาหยารัศมี ลูกจะแต่งงานกับคุณชาย แอร้ยยย!!”
เพ็ญประกายเริ่มมีอาการควบคุมตัวเองไม่อยู่ ไม่ชอบให้มีคนขัดใจ สองคนตกใจ
“ยัยเพ็ญ” จันทรากับเมินตกใจอุทานพร้อมๆ กัน
เมินรีบเข้ามาคว้าตัวเพ็ญประกายกอด แต่จันทราปัดมือเมินออก
“ออกไปเลย คุณนั่นแหละจะทำให้ลูกเป็นบ้า ออกไป๊”
จันทราร้องไห้ คว้าตัวเพ็ญประกายมากอด ปลอบประโลม เพ็ญประกายกรี๊ดจะชักอีก
เมินมองเจ็บปวดเสียใจ ตวาดดุ “อย่าทำแบบนี้เพ็ญ!”
เพ็ญประกายชะงัก เพราะไม่ได้เป็นจริงๆ แต่ที่ทำเพราะแค่เรียกร้องความสนใจ
จะกรี๊ดอีก เมินชี้หน้า
“หยุด! ถ้าเอาแต่อารมณ์แบบนี้ ลูกได้เป็นบ้าแน่ๆ ตั้งสติ ยอมรับความจริงซะบ้าง จะได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร? ไม่ได้แต่งงานกับคุณชายมันไม่ตายหรอกแต่ถ้าลูกยังทำท่าทางแบบนี้ พ่อนี่แหละจะตาย”
เมินเดินออกไปด้วยความโมโห เพ็ญประกายอ้อนจันทรา
“คุณแม่!”
จันทรากอดปลอบ “อย่าไปฟังคุณพ่อ....คุณพ่อนั่นแหละเป็นบ้า ไม่ใช่ลูก!”
เพ็ญประกายตาลุกวาว ต้องการเอาชนะ ก่อนหันมาสะอึกสะอื้นกอดจันทราร้องไห้ต่อ
เมินที่เพิ่งปิดประตูลงได้ยิน ได้แต่หลับตาลง เดินเหนื่อยๆ ออกไป
ธิติรัตน์เดินมากับเดือนแรม เมินเห็น ชะงักไป นึกสงสัย “คุณชายกับแรมมาด้วยกันได้ยังไง?”
เมินมอง จะเดินตามไป แต่จันทราวิ่งตามมา เรียกไว้ “เดี๋ยวก่อนคุณเมิน”
เมินชักหน่าย “มีอะไร?”
“ยังไง เพ็ญประกายก็ต้องเป็นมาหยารัศมี และลูกของเราจะต้องแต่งงานกับคุณชาย”
เมินนิ่ง พูดเสียงเย็น “ถ้าเธอทำให้คุณชายยอมแต่งงานกับยัยเพ็ญได้ ก็ลองดู”
สองคนจ้องตากัน จันทรานึกโกรธที่สามีไม่ยอมช่วย โกรธจนน้ำตาคลอ
“ฮึ! ฉันรู้ ความจริงคุณอยากให้ลูกของคุณกับคุณราศรีได้แต่งงานกับคุณชาย
แต่คุณอย่าลืม...ว่าเดือนแรมไม่ใช่ลูกคุณ แต่เป็นลูกชู้ เพราะฉะนั้นเดือนแรมก็ไม่ใช่มาหยารัศมีตัวจริง”
เมินนิ่งมากกว่าเดิม “ฉันบอกเธอว่า ถ้าเธอทำให้คุณชายยอมแต่งงานกับยัยเพ็ญได้ ก็ลองดู”
จันทรามองจ้อง โกรธหนักยิ่งขึ้น “ฉันจะทำให้ได้ ยัยเพ็ญต้องได้แต่งงานกับคุณชาย”
จันทราสะบัดหน้าวิ่งกลับเข้าไป เมินส่ายหน้าระอานัก ก่อนหันไปมองทางเดือนแรมกับ
ธิติรัตน์ แต่ไม่เห็นสองคนแล้ว
บริเวณทางเดินในโรงพยาบาล ธิติรัตน์ หยุดเดิน เดือนแรมหันมามอง ธิติรัตน์บอก
“ไปสิ”
“แล้วคุณชายล่ะคะ?”
“จะรออยู่นี่…”
เดือนแรมหน้าแหย ไม่อยากเข้าไป ธิติรัตน์บอกหน้ายิ้มๆ “ไหนเธอว่าจะทำตามฉันบอกทุกอย่าง”
“ก็ได้ค่ะ”
เดือนแรมเดินตรงไปยังห้องดุจแขแบบไม่ค่อยเต็มใจ ธิติรัตน์ยิ้มเอ็นดูเดือนแรม
“ฉันอาจจะดูเป็นผู้ชายเลวๆ คนหนึ่ง แต่..ถ้าแลกกับการให้ดุจแขออกไปจากชีวิต ฉันยอม”
ดุจแขนอนยิ้มบนเตียงสบายใจ สรรชัยมองอย่างสมเพช
“มองทำไม?”
“ผมไม่เข้าใจตัวเอง ทำไมถึงได้หน้ามืดตามัวมาเกลือกกลั้วกับสิ่งโสมมได้ขนาดนี้”
ดุจแขหยามหยัน “องุ่นเปรี้ยว”
สรรชัยมองจ้องดุจแข “องุ่นเน่ามากกว่า”
ดุจแขถลึงตาใส่ “เมื่อกี้ยังทำท่าจะเป็นจะตายกับฉัน พอเห็นว่าคุณชายมาง้อฉันเท่านั้นล่ะ ทำเป็นไม่แคร์” สีหน้าเปลี่ยนเป็นเย้ยหยัน “รับไม่ได้ล่ะสิ คงจะทั้งหึงทั้งหวง” ผุดลุกขึ้นมาหาสรรชัยเอามือไล้ตามตัว ยั่ว เย้ย “กลับไปก่อนไป๊...ฉันต้องการคุณเมื่อไหร่ ฉันจะเรียกเอง”
“ความหยาบกระด้างของคุณ ทำให้ความน่าสงสารหมดไป ผมจะบอกอะไรให้ ยิ่งคุณทำอย่างนี้ คุณค่าในตัวคุณยิ่งไม่มี” จับมือของดุจแขออกเบาๆ แต่สีหน้ารังเกียจ “พอกันซักทีกับความโง่งมงายที่ผมเคยมีให้คุณ ดุจแข”
สรรชัยจะเดินออกไป ดุจแขตวาดด่าว่าอย่างดูแคลน
“เดี๋ยวก็ต้องซมซานกลับมาหาฉันเหมือนเดิมแหละสรรชัย เพราะคุณขาดเสน่ห์ของฉันไม่ได้!”
สรรชัยนิ่งฟังแต่ไม่ได้หันมามอง ดวงตามีแต่ความสมเพช ขณะจะเดินออกไป เสียงเคาะประตูดัง ดุจแขยิ้ม
“คุณชายมาแล้ว เชิญคุณออกไปได้เลย”
สรรชัยจะเดินออกไป แต่ประตูถูกเปิดเข้ามาก่อน เดือนแรมเดินเข้ามา
สรรชัย มองสีหน้าแปลกใจมาก “แรม”
ดุจแขเองก็แปลกใจ “เดือนแรม”
สองคนจ้องหน้า ประสานตาสู้กันแบบท้าทาย
ธิติรัตน์เดินงุ่นง่านไปมา มองไปทางห้องดุจแข
“ฉันคิดถูกหรือผิดที่ส่งเธอเข้าไป ลูกแมวกับแม่เสือ?” นึกห่วงขึ้นมา “เยินแน่ๆ แรม”
ธิติรัตน์มองไปทางห้องดุจแข ก่อนจะตัดสินใจเดินไป เป็นห่วงเดือนแรมตะหงิดๆ
เดือนแรมมองดุจแขแบบผู้หญิงหวงแฟน แตกต่างจากเดือนแรมคนเดิมสิ้นเชิง
เดือนแรมยิ้มให้สรรชัย “ขอแรมเยี่ยมคุณดุจแขตามลำพังได้มั้ยคะพี่สรรชัย?”
“ตามสบายแรม พี่กำลังจะกลับพอดี...แล้วเจอกันจ้ะ”
สรรชัยเดินออกไป ประตูปิดลง ดุจแขมองจ้องเดือนแรมงงสุดขีด เดือนแรมมองจ้องหน้าดุจแขแววตาดุดัน เอาเรื่อง
“เธอมาทำไม?”
เดือนแรมใส่แอ็คติ้งนางเอกร้ายไม่กลัวแล้ว “มาคุยกับคุณให้รู้เรื่อง” เดือนแรมหย่อนเสียง เน้นๆ “เรื่องคุณชาย”
ดุจแขเนื้อตัวสั่นเทา ตามองเดือนแรม คาดไม่ถึง “คุณชาย!!”
ธิติรัตน์จะเดินมา สวนกับสรรชัยที่เดินมาพอดี สองหนุ่มมองหน้ากัน สรรชัยยิ้มทักทาย
“สวัสดีครับคุณชาย ยินดีที่ได้เจอกันอีก” สรรชัยยื่นมือออกมาให้จับ
ธิติรัตน์มองไม่แน่ใจว่าจะมาไม้ไหน แต่ยื่นมือออกไป “ครับ”
“คุณชายคงมาเยี่ยมดุจแข....ตอนนี้เธออยู่ในห้องกับแรม?”
ธิติรัตน์มองอีก สรรชัยพูดต่อ
“ผมไม่รู้ว่าคุณชายคิดจะทำอะไร? แต่น่าเป็นห่วงมาก ถ้าแรมต้องอยู่กับดุจแขตามลำพัง”
ธิติรัตน์หึงนิดๆ “ดูท่าคุณจะรู้จักแรมดี”
“ก็ดีเท่าที่แรมให้รู้จัก และผมก็คิดว่า...แรมให้ผมได้รู้จักแรมทั้งหมด”
ธิติรัตน์เหวี่ยงเต็มที่ ตาวาว หวงหึง ไม่พอใจ สรรชัยยิ้ม
“แล้วเจอกันครับคุณชาย” สรรชัยเดินไปแล้ว
ธิติรัตน์มอง นึกตามคำพูดสรรชัย “แรมให้ผมได้รู้จักแรมทั้งหมด”
ธิติรัตน์โกรธเพราะหึงเต็มที่แล้ว “เดือนแรม!!”
สรรชัยเดินยิ้มออกไป พึมพำกับตัวเอง
“คนอย่างแรม ไม่มีอะไรซับซ้อน ถึงจะรู้จักไม่นาน...พี่ก็เชื่อว่าแรมเป็นคนดี” หยุดยืน นิ่งคิด “ไม่เหมือนดุจแข ...”
สรรชัยเดินไป ดวงตาเจ็บปวดชอกช้ำ
ดุจแขกับเดือนแรมมองสบตา สู้สายตากันอยู่ ดุจแขถามเสียงห้วน
“กล้ามาก ที่จะมาพูดกับฉันเรื่องคุณชาย ทั้งๆ ที่เธอก็รู้ว่าฉัน....”
เดือนแรมขัดขึ้น สีหน้ามองจ้องอย่างเอาเรื่อง “เป็นแค่แฟนเก่า”
ดุจแขมองเดือนแรมตะลึง เดือนแรมจ้องหน้า สวมวิญญาณนางเสือพูดต่อ
“แฟนเก่าที่น่ากลัวยิ่งกว่าผี เพราะผี ถึงจะเชื่อว่ามีอยู่จริง แต่ก็ไม่เคยเห็นไม่เหมือนกับแฟนเก่า ไม่เคยสนใจว่ามีจริง แต่ดันตามหลอกหลอนยิ่งกว่าผีซะอีก แถมยังทำตัวเป็นสัมภเวสีไม่ยอมไปผุดไปเกิดซักที”
ดุจแขโกรธจนตัวสั่น กำมือแน่น “นังแรม?”
เดือนแรมเยาะหยัน “กลัวเหรอคะ?”
“ขนาดคู่หมั้นของเค้า ฉันยังไม่กลัว นับประสาอะไรที่ฉันจะกลัวคนหน้าจืดๆ อย่างเธอ”
“แต่คนหน้าจืดๆ คนนี้ล่ะค่ะที่คุณชายให้ความสำคัญกว่าคู่หมั้น”
ดุจแขตวาดด่า “หน้าด้าน”
“อย่าด่าตัวเองสิคะ...เพราะที่แรมมาที่นี่ เพราะคุณชายให้สิทธิ์แรม ซึ่งต่างจากคุณ ที่คุณชายไม่ได้ต้องการ” เสียงเข้มมากขึ้น “และมันควรจะจบแค่คำว่าแฟนเก่าเท่านั้นค่ะ!”
“ฉันจะทวงคุณชายของฉันคืน” ดุจแขบอกเสียงกร้าว
เดือนแรมสวนคำ “แรมก็จะใช้หัวใจรักของแรม ดึงคุณชายเอาไว้เหมือนกันค่ะ”
ดุจแขโกรธจัด เดือนแรมหัวเราะน้อยๆ เย้ยต่อ
“ขอโทษนะคะ แรมเคยคิดว่าการไล่แย่งผู้ชายเป็นเรื่องไร้สาระที่สุดในชีวิตไม่อยากเชื่อ พอมาเจอกับตัว มันจำเป็นต้องทำ เพราะผู้หญิงบางคนเป็นยิ่งกว่าปลิง อ้อ!! แล้วถ้าคุณดุจแขยังทำใจไม่ได้ แรมขอแนะนำให้ไปฟังเพลงกฎของแฟนเก่า นะคะ เผื่อความฟุ้งซ่านจะจางลงบ้าง”
เดือนแรมหมุนตัวกลับจะเดินออกนอกห้อง ดุจแขโผนทะยานเข้าหาเดือนแรม
“นังเดือนแรม” กระชากผมสุดแรง
เดือนแรมหน้าหัน แต่ก็ตั้งสติได้เร็วทันใจ เดือนแรมกระชากผมดุจแข สองคนจ้องหน้า สู้สายตากัน
“อย่าต้องมาเจ็บตัวเพราะมือแรมเลยค่ะ เพราะคุณดุจแขจะต้องเจ็บตัวกับการให้หมอถากหน้าออก” เดือนจ้องมองหน้าดุจแขไม่กลัวแล้ว “เพราะตอนนี้หน้าคุณหนาเหลือเกิน”
“นังแรม!”
ดุจแขตบเดือนแรมฉาดใหญ่เต็มแรง เดือนแรมตกใจ ลึกๆ ในใจก็นึกสงสาร แต่อีกใจ
ต้องฮึดสู้ เดือนแรมตบหน้าดุจแขคืนทันควัน สองคนแลกตบกัน เดือนแรมผลักตัวดุจแขออก จนดุจแขล้มลงหัวกระแทกขอบเตียง
“แรงยังดีอยู่ แสดงว่า...คุณไม่ได้เป็นอะไร งั้นวันหลังถ้าจะฆ่าตัวตาย ช่วยตายไปจริงๆ ได้มั้ยคะ? เพราะมันน่ารำคาญมาก เอะอะก็บอกจะฆ่าตัวตายแต่ไม่เคยตายจริงๆซักที” เดือนแรมหันหลังจะเดินออกอีก
“นังเดือนแรม” ดุจแขคำราม โผนทะยานมาขย้ำเดือนแรม
สีหน้าเดือนแรมไม่กลัว แต่ไม่อยากสู้ด้วยแล้ว อยากไปพ้นๆ “ปล่อยแรม ปล่อย”
“ฉันจะปล่อยก็ต่อเมื่อ แกตายอยู่ตรงนี้นังแรม”
ดุจแขเสียงกร้าว คว้ามีดปอกผลไม้บนโต๊ะเยี่ยมขึ้นมา จะแทง ธิติรัตน์เปิดประตูเข้ามา
ร้องห้าม “อย่า”
พร้อมกันนั้นธิติรัตน์ผลักดุจแขออกสุดแรง แล้วคว้าร่างเดือนแรมมากอดเอาไว้แบบปกป้อง ต่อหน้า ดุจแขกรี๊ดลั่นห้อง
“คุณชาย”
“ถ้าคุณทำคนของผมแม้แต่ปลายนิ้ว คุณเจอดีแน่” ธิธิรัตน์พูดเสียงเข้ม
ดุจแขกรี๊ด เถียงเสียงดัง “แขเหรอทำมัน มีแต่มันน่ะแหละมายืนด่าแขปาวๆๆๆ” มองจ้องหน้าเดือนแรม “ไม่ต้องแอ๊บเลยนังแรม มานี่!” ถลันเข้ามากระชากตัวเดือนแรมออกมา
“อย่าค่ะ” เดือนแรมร้อง ตกใจ
ดุจแขตบผลัวะ ธิติรัตน์โกรธจัด ตะโกนก้อง “ดุจแข”
ธิติรัตน์ผลักดุจแขออกอีก แล้วคว้าตัวเดือนแรมมากอดเอาไว้ เดือนแรมตกใจหนัก หน้าซีดเผือด
ดุจแขกรี๊ด “อ๊าย...คุณชาย!! อ๊าย... คุณชายปกป้องคนผิด”
“ผมนี่แหละผิดเอง ที่ส่งแรมมาหาคุณ”
ดุจแข ตกใจ อึ้ง ได้ยินเต็มหู “คุณชาย”
“การกระทำของผม อาจไม่ใช่ลูกผู้ชาย” ธิติรัตน์พูดเสียงจริงจัง ขอร้องดุจแข “แต่ขอร้องเถอะ เลิกยุ่งกับผม คนที่ผมรักคือเดือนแรม
เดือนแรมอึ้ง คาดไม่ถึง ดุจแขก็อึ้ง ธิติรัตน์โอบกอดเดือนแรม เปิดประตูห้องพาเดินออกไป
“ฉันไม่ยอมๆๆๆๆๆๆๆ”
ดุจแขกรีดร้องโหยหวนอย่างคนสติแตกแล้ว
อ่านต่อหน้า 3
มาหยารัศมี ตอนที่ 7 (ต่อ)
ธิติรัตน์กอดประคองเดือนแรมที่หน้าตาตื่นตระหนก ตกใจหนักออกมา ธิติรัตน์หน้าบึ้งตึง ยัง
เคืองเรื่องสรรชัยพูดอยู่ และเป็นห่วงเดือนแรม เพ็ญประกายยืนอยู่ที่หน้าต่างหันมาเห็นพอดี
เพ็ญประกายอุทานออกมา “คุณชาย แรม!”
แล้วละตัวออกจากหน้าต่างวิ่งออกไปทันที สวนกับจันทราที่เดินเข้ามา
“เพ็ญ จะไปไหน เพ็ญ”
เพ็ญประกายไม่ตอบ จันทราตกใจรีบวิ่งตามลูกสาวไป
เพ็ญประกายวิ่งลงบันไดมาด้านล่างที่หน้าโรงพยาบาล ทั้งชุดคนไข้ จันทราวิ่งตามมาทั้งงงและตกใจ
“เพ็ญ..จะไปไหนลูก เพ็ญ?
เพ็ญประกายไม่ตอบอีก แต่กลับชะงัก เมื่อเห็นธิติรัตน์เปิดประตูรถและพาเดือนแรม
เข้าไปนั่งอย่างห่วงใย จันทรามองตาม เห็นแล้วอึ้งไปทันที
“นังแรม คุณชาย!”
ธิติรัตน์ขับรถผ่านหน้าสองคนออก ไปโดยที่ทั้งคู่ไม่เห็นสองแม่ลูก
“เพ็ญไม่คิดจริงๆ ว่าแรมจะทำกับเพ็ญได้ถึงขนาดนี้”
“นังแพศยา เพ็ญจะอยู่เฉยๆ ไม่ได้แล้วนะลูก ไม่งั้นนังแรมมันคว้าเอาคุณชายไปแน่”
“ค่ะคุณแม่....เพ็ญจะไม่มีทางให้แรมแย่งคุณชายเป็นอันขาด”
ช่วงหัวค่ำวันนั้นธิติรัตน์ขับรถมาตามทางโดยมีเดือนแรมนั่งข้างๆ เห็นธิติรัตน์หน้าหงิก เดือนแรมหน้าตื่นกลัว ธิติรัตน์มองเคืองๆ เบนรถเข้าข้างทาง ก้าวลงมาเดือนแรมตามลงมา ธิติรัตน์บอกเดือนแรมหน้าบึ้ง
“ที่ฉันบอกว่ารักเธอ มันไม่ได้เป็นความจริง ฉันแค่พูดให้ดุจแขเค้าเลิกยุ่งกับฉันเท่านั้น”
เดือนแรมเสียใจก้มหน้าลง พูดเสียงแผ่ว “แรมทราบค่ะว่าคุณชายให้แรมเป็นแค่ไม้กันหมา”
ธิติรัตน์หันมามอง เห็นเดือนแรมก้มหน้า เหน็บต่อ
“งั้นก็ถือว่าเธอรู้จักฉัน แต่ฉันคงไม่ได้รู้จักเธอทั้งหมดเหมือนใครบางคน”
เดือนแรม เงยหน้าขึ้นมอง ถามงงๆ “ใครคะ?”
ธิติรัตน์ยิ้มเยาะ “ก็ใครที่เธอให้เค้ารู้จักจนหมดไงล่ะ”
เดือนแรมงง ไม่เข้าใจความหมาย ธิติรัตน์อย่างเป็นห่วง
“แล้วเธอไปพูดยังไง ดุจแขเค้าถึงได้อาละวาดจนจะฆ่าจะแกงเธอ”
“ก็...ทำตามที่คุณชายสั่งให้ทำ”
“แสดงตัวว่าเป็นคนรักของฉัน”
เดือนแรมพยักหน้า “ค่ะ”
ธิติรัตน์แอบยิ้มพอใจ แต่แกล้งดุต่อ “ไหน..ลองพูดให้ฉันฟังสิ...เธอบอกกับเค้ายังไง?”
“ก็....บอกว่า...แฟนเก่าน่ากลัวยิ่งกว่าผี น่าจะจับไปถ่วงน้ำ”
ธิติรัตน์ขำกลิ้ง แต่กลั้นหัวเราะเอาไว้ หันมาถามดุ “แล้วไงอีก?”
เดือนแรมหน้าแหยๆ กลัวถูกด่า “แรมบอกว่าถ้าออกจากโรงพยาลบาลแล้วให้คุณดุจแขไปเอาหน้าออก เพราะตอนนี้คุณดุจแขหน้าหนาเหลือเกิน”
ธิติรัตน์ตกใจ คาดไม่ถึง “หือ?” พอจะรู้แล้วว่าทำไมดุจแขโกรธขนาดนั้น แต่ยังซักต่อ “แล้วมีอีกมั้ย?”
เดือนแรมเห็นสีหน้าธิติรัตน์ยิ่งจ๋อย “แรมบอกให้คุณดุจแข ไปฟังเพลง กฎของแฟนเก่า”
ธิติรัตน์ตกใจอีก ถามเสียงอ่อน “แรม...คิดคำพูดพวกนี้ได้ยังไง?”
“เปล่าค่ะ...เจ๊กอไก่บอก” เดือนแรมตอบ
ธิติรัตน์อุทานออกมา “เจ๊กอไก่?” ถึงบางอ้อทันที
ค่ำนั้น...ในงานอีเว้นท์เปิดตัวผลิตภัณฑ์เสริมความงามในห้างสรรพสินค้าดัง เจ๊กอไก่ยืนยิ้มแป้นสีหน้าเชิดเริดภูมิใจมากมาย กำลังคุยออกรสอยู่กับธิติรัตน์ที่ด้านหลังเวที
“ก็แรมโทร.มาปรึกษาเจ๊ ว่าถ้ามีแฟนเก่าหน้าด้านๆ ของแฟนเรา ตามมาเกาะแกะวุ่นวายจะทำยังไง?เจ๊ก็เลยบอกไปแบบเบาๆ” เจ๊ว่า
“เบามากเลยนะครับ” ธิติรัตน์เหน็บ
“เบามากก....เลยค่ะ เพราะความจริง เจ๊อยากจะจัดหนักยิ่งกว่านั้นอีก แต่แรมไม่ใช่คนแรงง เจ๊เลยจัดไปแค่นั้น”
เดือนแรมอยู่ในชุด MC เตรียมพร้อมพรีเซนต์สินค้า อดถามไม่ได้
“เจ๊ต้องเอามาจากชีวิตจริงแน่ๆ เลยใช่มั้ยคะ อินเนอร์ถึงได้แรงขนาดนั้น”
เจ๊กอไก่ยิ้มหน้าบาน แล้วหุบทันที “เปล่า...เป็นแค่สิ่งที่อยากทำม๊ากกค่ะ แต่ไม่เคยได้ทำซักที” คว้ามือเดือนแรม “ไปกันเถอะแรม งานจะเริ่มแล้ว ขอตัวก่อนนะคะคุณชาย”
เจ๊กอไก่คว้ามือเดือนแรมวิ่งเข้าไปในงาน ธิติรัตน์ตะโกนตาม
“ฉันรออยู่นี่นะแรม”
ธิติรัตน์มองตามเดือนแรมด้วยความเป็นห่วงเรื่องดุจแข บอกกับตัวเองเบาๆ
“หวังว่าคุณกับผม คงจะจบสิ้นกันซักทีนะดุจแข”
เสียงเพลง “กฎของแฟนเก่า” ของลีเดียดังขับคลอเบาๆ บ้ิวท์อารมณ์บรรดานักเที่ยวในผับค่ำคืนนั้น ดุจแขนั่งอยู่กับจารุณี ดุจแขนั้นมีท่าทางเมาปนเครียดๆ ในมือถือแก้วเหล้า จารุณียิ้มกระเซ้าเรื่องเดือนแรม
“เป็นไง เจอฤทธิ์ของคนหน้าจืด ต้องสักเสือเผ่นออกมาจากโรงพยาบาล แทบไม่ทัน”
“มันร้ายกว่าที่ฉันคิดมาก”
“ถ้าเด็กคนนั้นเป็นแฟนคุณชาย มันก็เป็นสิทธิ์ที่เค้าจะทำได้”
“มันไม่ใช่” ดุจแขโพล่งขึ้น
“ถ้าไม่ใช่ คุณชายจะให้เค้ามาบอกเธอทำไม??” จารุณีบอกเตือนน้ำเสียงจริงจัง “ดุจแข...คนอื่นหลอกเธอ ยังไม่เท่าเธอหลอกตัวเองนะ”
“ฉันรู้ แต่คนอย่างฉันไม่เคยยอมแพ้ใคร? ยิ่งมาทำกับฉันแบบนี้ ฉันยิ่งจะตามรังควานให้ไม่ได้มีสุขกันเลย คอยดู” ดุจแขบอก
“ฉันเคยด่าผู้หญิงบางคนว่าเป็นโรคจิต ชอบเอาชนะ ไม่คิดจริงๆ ว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นเธอ เฮ้อ! ขี้เกียจพูดแล้ว ฟังเพลงดีกว่า”
เสียงเพลง “กฎของแฟนเก่า” ท่อนฮุคดังขึ้น จารุณีร้องคลอตาม ได้ทุกคำ
“อย่าโทรไปรบกวนเธอ อย่าไปเจอให้กวนใจ อย่าทำตัววุ่นวาย อย่าคิดถึงเรื่องเก่าต้องไม่ลืมว่าเป็นใคร เจ็บยังไงต้องทนเอา บอกตัวเองทุกเช้า กฎเกณฑ์ของแฟนเก่าที่ต้องจำ”
ดุจแขหันขวับมามองหน้า ถามจารุณี “เพลงอะไร?”
“กฎของแฟนเก่า” จารุณีบอก
ดุจแขกรี๊ดขึ้นมาทันที ขว้างแก้วกระเด็น อาละวาดขึ้นมา จารุณีตกใจ รีบลากดุจแข
ออกไป ดุจแขก็เอาแต่ร้องกรี๊ดๆ ผู้คนมองตาม เสียงแว่วๆ ดังตามมา
“คนอะไร อยากกรี๊ดก็ร้องกรี๊ดๆ ไม่มีสติ ทำตัวน่ารังเกียจจริงๆ”
เสร็จงานเปิดตัวสินค้า ธิติรัตน์ขับรถเข้ามาจอดในวัง ก้าวลงมากับเดือนแรม ตากล่ำมาปิดประตูวัง ธิติรัตน์เดินหน้าคว่ำเข้าบ้าน แบบยังหงุดหงิดเรื่องสรรชัยอยู่ เดือนแรมถามเสียงอ่อยอย่างน้อยใจ
“ที่แรมทำวันนี้ ถ้ามันแรงเกินไป แรมขอโทษนะคะ”
“จะขอโทษทำไมเธอทำดีแล้ว?”
“เห็นคุณชายดูหงุดหงิด และไม่พูดกับแรมเลย”
ธิติรัตน์เหวี่ยงขึ้นมา “แล้วจะทำไม? ฉันไม่อยากพูด ฉันก็จะไม่พูด”
เดือนแรมน้ำตาคลอ “คุณชายไม่คิดถึงใจแรมเลยเหรอคะ? ว่าแรมจะรู้สึกยังไง?”
ธิติรัตน์อยากรู้เหมือนกัน แต่ปากแข็ง “ก็แล้วเธอรู้สึกยังไง?”
เดือนแรมนิ่งอึ้ง ไม่รู้จะบอกยังไง ธิติรัตน์ขัดใจนักที่เดือนแรมไม่ยอมพูด จึงเหน็บต่อ
“ไม่บอก ฉันจะไม่ถาม เพราะคนอย่างฉัน ไม่เคยสนใจใคร”
“แต่ถ้าเป็นแรม ถึงคนที่แรมรัก เค้าจะไม่ถาม แรมก็อยากจะบอก”
ธิติรัตน์หันมามองจ้องหน้าเดือนแรม สองคนสบตากัน
“ไม่ใช่แค่นี้ด้วยค่ะ เพราะถ้าแรมรักใคร และแรมก็รู้ว่าเค้ารักแรม แรมจะตามไปตามหาเค้า ไปดูแลเค้า ตั้งแต่วันแรกที่รู้ว่า มีเค้าอยู่ในโลกเลยค่ะ”
เดือนแรมบอกอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ แล้วเดินเข้าไปด้านใน ธิติรัตน์มองตามยังอึ้งๆอยู่ ก่อน
เดินตามเดือนแรม ตะเบ็งเสียงถาม คาดคั้นจะเอาคำตอบ
“แล้วเธอรักใครเดือนแรม?”
ตากล่ำที่อยู่ด้านหลังเอามือเกาหัวยิกๆ แล้วยิ้มอย่างพอใจ
เดือนแรมสาวเท้าเดินเร็ว เข้าไปด้านใน พยายามกลั้นน้ำตา ธิติรัตน์เดินตามอย่างเร็วรี่ ละเอียดเดินออกมาจากอีกมุม ถามธิติรัตน์ยิ้มแย้ม โดยไม่รู้ว่าสองคนงอนกัน
“พรุ่งนี้เช้ารับอะไรดีคะคุณชาย ละเอียดจะได้ทำไว้ให้?”
“ข้าวต้ม หมูหย็อง เหมือนเดิม”
ธิติรัตน์เดินไป ละเอียดงง ยืนอึ้ง
“หือ ตั้งแต่แรมมาอยู่ที่นี่ คุณชาย ทานข้าวต้มหมูหย็องทุกเช้าไม่เบื่อหรือไง”
เดือนแรมเดินลิ่วน้ำตาไหลแล้ว ธิติรัตน์เดินตามมาจะร้องเรียก แต่เดือนแรมเปิด
ประตูเข้าห้องไปแล้ว ธิติรัตน์เดินตามมาที่ประตู ยกมือจะเคาะ ลังเลอยู่อย่างนั้น ใจหนึ่งก็ห่วง ใจหนึ่งก็เคืองและงอน แล้วธิติรัตน์ก็ตัดสินใจเดินกลับห้องตัวเองไป
เดือนแรมนั่งน้ำตาไหลไม่มีเสียงสะอื้น มองดูรูปธิติรัตน์และตัวเองในมือถือ
เสียงธิติรัตน์ดังก้องในหัว
“ที่ฉันบอกว่ารักเธอ มันไม่ได้เป็นความจริง ฉันแค่พูดให้ดุจแขเค้าเลิกยุ่งกับฉันเท่านั้น”
เดือนแรมน้ำตาไหลริน “แรมรู้ค่ะว่าคุณชายไม่ได้รักแรม แต่คุณชายคงไม่รู้ว่า แรมเจ็บแค่ไหน ที่ได้ยินคุณชายพูดอย่างนั้น...เพราะแรม...แรมรักคุณชายค่ะ”
เดือนแรมน้ำตาไหลอาบแก้ม ทั้งเสียใจ น้อยใจนักแล้ว
ส่วนธิติรัตน์ก็นั่งอึ้งอยู่ในห้อง นึกถึงคำพูดเดือนแรมขึ้นมา
“แต่ถ้าเป็นแรม ถึงคนที่แรมรัก เค้าจะไม่ถาม แรมก็อยากจะบอก ไม่ใช่แค่นี้ด้วยค่ะ เพราะถ้าแรมรักใคร และแรมก็รู้ว่าเค้ารักแรม แรมจะตามไปตามหาเค้า ไปดูแลเค้า ตั้งแต่วันแรกที่รู้ว่า มีเค้าอยู่ในโลกเลยค่ะ”
ภาพที่เดือนแรมคอยดูแลธิติรัตน์ ตั้งแต่แรกเจอ จวบจนวันนี้ ไหลเข้ามาในความคิดราวกับสายน้ำ
“ก็ถ้าคนคนนั้นเป็นเรา แล้วทำไมแรมไม่บอกเรา?” ธิติรัตน์ถอนหายใจ คิดเองเออเอง “งั้นเราก็คงไม่ใช่”
ใบหน้าของสรรชัยผุดขึ้นมาแทนที่
“คนที่แรมรักและอยากจะตามไปหาเค้า ไปดูแลเค้า คงเป็นผู้ชายคนนั้น”
ธิติรัตน์บอกตัวเองเสียงขื่น มองดูผ้าพันคอที่เดือนแรมถักให้ ที่แขวนอยู่
สีหน้าและแววตาของเดือนแรมกับธิติรัตน์ ทุกข์พอกัน
เช้าวันรุ่งขึ้น สรรชัยเดินออกมา เห็นดุจแขนอนในสภาพที่เมื่อคืนเมากลับมาอยู่ที่โซฟา สรรชัย
มองด้วยสายตาว่างเปล่า เมินเฉย เดินผ่านไป สำลีมองเห็นแปลกใจ วิ่งไปถาม
“คุณสรรชัยคะ....คุณดุจแข...” ชี้มือที่ดุจแขให้เห็นอีกที
“มีอะไร?”
“คุณดุจแขเมา…”
สรรชัยเสียงเรียบนิ่ง ไม่ได้รู้สึกอะไร “ก็ให้เค้านอนไปสิ”
สำลีงงมากๆ “คุณสรรชัยจะไม่ดูคุณดุจแขหน่อยเหรอคะ?”
“ไม่ล่ะ ฉันต้องรีบไปทำงาน”
สรรชัยเดินออกไปไม่สนใจ สำลีมองตามงงหนัก
“เป็นแบบนี้ได้ยังไง? มีงานอะไรนักหนา?”
สรรชัยเดินออกมาที่รถพลางคุยโทรศัพท์
“แรมเหรอ? พี่มีข่าวดีอยากบอกให้แรมรู้ แรมว่างออกมาคุยกับพี่หน่อยมั้ย?”
เดือนแรมอยู่ในห้องครัว กำลังจัดสำรับข้าวต้มที่มีหมูหย็อง และของกินอื่นๆ ให้ธิติรัตน์ พลางคุยไปด้วย
“ค่ะ...เดี๋ยวตอนพักเบรกเรียน แรมไปหาพี่นะคะ...” น้ำเสียงเศร้า “ดีใจด้วยกับข่าวดีของพี่ แรมก็มีเรื่องจะบอกพี่เหมือนกัน แล้วเจอกันค่ะ”
เดือนแรมถอนหายใจ วางมือถือ ธิติรัตน์ยืนมองตาขวางอยู่ ได้ยินเต็มหู
ธิติรัตน์นั่งหน้าบึ้งบนโต๊ะอาหาร เดือนแรมกับละเอียดจัดสำรับอาหารเช้าให้ ธิติรัตน์หันไปถามละเอียด
“คุณแม่ไปไหนแต่เช้า?”
“ไปทำบุญที่วัดกับเพื่อนค่ะ” ละเอียดถดตัวถอยออกไป
ธิติรัตน์มองเดือนแรม ถามแบบขวางๆ “ใจคอจะให้กินข้าวต้มกับหมูหย็องทุกวันเลยเหรอ?”
ละเอียดมองอย่างงงๆ เดือนแรมถามเสียงเครือ
“งั้นคุณชายจะรับอะไรดีคะ แรมจะไปทำให้?”
ธิติรัตน์มองมาสายตาหึงหวง “ไม่ต้องมาเสียเวลาทำอะไรให้ฉันหรอก มีนัดกับคนสำคัญก็รีบไป ไม่ต้องรอให้ถึงตอนพักเบรก”
เดือนแรม ตาโต ฉุกคิดได้ว่าธิติรัตน์คงได้ยิน ธิติรัตน์ยิ่งมองยิ่งขวางตา
“ไปสิ!! เดี๋ยวคนสำคัญของเธอจะรอ” น้ำเสียงประชดส่ง “สำหรับฉันละเอียดทำให้ก็ได้”
“ค่ะ”
เดือนแรมรับคำแล้วเดินหน้าจ๋อยออกไป ธิติรัตน์ยิ่งขวางหนัก
“อ้าว! ไม่คิดจะคะยั้นคะยอทำให้ฉันเลยเหรอ?” คราวนี้เหวี่ยงแล้ว “ใช่ซี้! ถ้ารู้ว่าเค้าอยู่ไหน จะตามไปดูแลเค้า จะบอกรักแฟน ยังมาบอกผ่านฉันอีก” จากนั้นก็นั่งหน้าบึ้งตึงขึ้งโกรธอยู่อย่างนั้น
“คุณชายจะรับอะไรดีคะ? ละเอียดจะรีบไปทำให้”
“ไม่รับ ละเอียดจะไปไหนก็ไป”
“ค่ะๆ” ละเอียดรีบไปกลัวถูกเหวี่ยง แต่แอบหันมามอง
เห็นธิติรัตน์นั่งมองข้าวต้ม หมูหย็อง ท่าทีลังเล และที่สุดธิติรัตน์ก็คว้าข้าวต้มกับหมูหย็องมาทานหน้าตาเฉย
ละเอียดมองอยู่แอบยิ้ม ขำกิ๊ก คิดในใจ “สงสัยคุณชายจะงอนหนูแรม”
ธิติรัตน์นั่งมองหมูหย็องก่อนจะตักทาน ทั้งที่งอนเดือนแรมอยู่
สรรชัยกับเดือนแรมนั่งคุยกันที่บริเวณสระน้ำ สีหน้าของสรรชัยดีขึ้นมากแล้ว
“พี่เลิกรักดุจแขแล้วนะ เลิกแบบ....มันไม่มีอะไรเหลือแล้วจริงๆ”
เดือนแรมนึกสงสัย “การที่เรารักเค้าจริงๆ แต่แล้ววันหนึ่ง เรากลับเลิกรักเค้าแบบง่ายๆมันเป็นไปได้เหรอคะ?”
“มันไม่ง่ายหรอกแรม แต่พอพี่มานึกๆ ดู สิ่งที่เราทุ่มเททำให้เค้า เค้ากลับมองไม่เห็นค่า พี่เลยคิดได้ อย่าไปให้ค่า คนที่ไม่ให้ความสำคัญกับเรา”
เดือนแรมฟังแล้วสะท้อนใจ “ผิดกับแรม ทั้งๆที่รู้ว่า คนที่แรมรัก เค้าไม่เคยเห็นคุณค่า แต่แรมกลับตัดใจไม่ได้ แล้วยังรู้สึกผูกพันกับเค้าขึ้นทุกวัน”
สรรชัยหันมามอง “ห๊ะ!!แรมรักใครเหรอ?”
เดือนแรมตกใจนึกได้ “คะ?..เปล่าค่ะ แรมไม่ได้รักใคร?”
“ก็ตะกี้แรมพูดเอง ว่าแรมรัก แต่เค้ามองไม่เห็นค่า” สรรชัยจ้องหน้าสบตาเดือนแรมอยากรู้
เดือนแรมหลบตาวูบ “เปล่าค่ะ...แรมไม่ได้รักใคร?”
สรรชัยมองอย่างรู้ทันแต่ไม่ถาม “โอเค...พี่เล่าเรื่องของพี่ให้แรมฟังแล้ว คราวนี้ถึงตาแรมเล่าให้พี่ฟังบ้าง แรมมีเรื่องอะไร?”
เดือนแรมหน้าหมอง ยิ้มบางๆ “ไม่มีแล้วค่ะ”
“อ้าว!”
“แรมแค่รู้สึก..ความรักเป็นเรื่องที่เข้าใจยากจังเลยนะคะ...บางครั้ง...แรมรู้สึกว่าแรมเป็นเงา หลงรักคนที่อยู่ในความฝัน ที่ไม่เคยมีจริงในสายตาของเค้า บางครั้งก็ดูเหมือนมีตัวตน แต่ความเป็นจริง แรมเป็นได้แค่ความว่างเปล่า” เดือนแรมว่า
“การที่เรานั่งคิดเอง เออเอง บางทีมันก็ทำร้ายตัวเรา แรมไม่ลองถามคนที่ทำให้แรมรู้สึกว่าเป็นเงาดูสิ ว่าเค้ารู้สึกอย่างไร...เพราะบางทีแรมอาจจะมี ตัวตนที่แท้จริง ไม่ได้เป็นแค่เงาก็ได้” สรรชัยบอก
เดือนแรมนิ่งสักครู่ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตาสรรชัย สรรชัยบอกต่อ
“การไม่พูดคือความคลุมเครือ แล้วก็ทำให้คนไม่เข้าใจกัน พี่ว่ามันต้องมีใครซักคน เริ่มเป็นคนพูด”
“แต่คนนั้นก็คงไม่ใช่แรม....เพราะแรมกลัวเกินกว่าจะรับความจริงได้ ถ้าบอกความรู้สึกไป แล้วจะทำให้เค้าเหินห่างกว่าเดิม”
สีหน้าเดือนแรมสลดลง สรรชัยมองเดือนแรม พอจะมองออก ว่าคนที่เดือนแรมพูดหมายถึงใคร?
ธิติรัตน์อยู่ในออฟฟิศที่บริษัท นั่งมองมือถือสักครู่หนึ่ง ก่อนจะกดเบอร์ของเดือนแรม และเกิดลังเล จะกดไม่กดดี บ่นงึมงำอยู่คนเดียว
“คงอยู่กับหวานใจล่ะสิ”
ธิติรัตน์มองอย่างฉุนๆ ที่สุดแล้วก็กดโทร.หาเดือนแรมหน้าตาเฉย
เดือนแรมเพิ่งเดินออกจากห้องเรียนพร้อมเพื่อนๆ เสียงมือถือดังขึ้น พอเดือนแรมเห็น
เป็นเบอร์ธิติรัตน์ก็รีบกดรับทันที
“ค่ะคุณชาย”
“เสร็จธุระสำคัญของเธอหรือยัง?”
“เพิ่งเรียนเสร็จค่ะ คุณชายมีอะไรจะให้แรมรับใช้คะ”
ธิติรัตน์พูดเสียงเข้ม “ฉันไม่สบายมาก จะตายอยู่แล้ว”
เดือนแรมตกใจมาก “คุณชายอยู่ที่ไหนคะ?”
“บ้าน รีบกลับมาเร็วๆ”
“ค่ะๆๆ”
ธิติรัตน์ยิ้มอย่างพอใจ
ขณะที่เดือนแรมบอกเพื่อน ด้วยสีหน้าร้อนรน
“ชั่วโมงต่อไปแรมเรียนไม่ได้นะ ฝากเลกเชอร์ด้วย แรมมีธุระด่วน”
“จ้ะๆ” เพื่อนรับปาก
จากนั้นเดือนแรมก็วิ่งผลุนผลันออกไป
ไม่นานหลังจากนั้น เดือนแรมวิ่งหน้าตาตื่น เหงื่อไหลไคลย้อยเข้ามาในตึกภายในวัง ตากล่ำกับละเอียดเห็นก็นึกสงสัย
“อ้าว!!วิ่งหน้าตาตื่นทำไม มีอะไรหนูแรม?” ละเอียดถาม
“คุณชายไม่สบายมาก”
สองคนงง มองหน้ากันอุทานพร้อมกัน “คุณชายไม่สบายมาก”
ตากล่ำแปลกใจนัก “ไม่สบายได้ยังไง? ลุงยังเห็นดีๆ อยู่เลย”
เดือนแรมมอง สีหน้าไม่เข้าใจ
เดือนแรมเดินเข้ามา เห็นธิติรัตน์ล้างรถอยู่อย่างอารมณ์ดี และดูสบายดี ไม่ป่วยไข้สักนิด พอธิติรัตน์เห็นก็ทักทายเพราะดีใจที่เห็นเดือนแรมกลับมาแล้ว
“กลับมาแล้วเหรอ?”
เดือนแรมถามเสียงอ่อยๆ งวยงง “ไหนคุณชายบอกว่า คุณชายไม่สบายคะ?”
ธิติรัตน์ยิ้ม “ฉันสบายดี แต่ฉันแค่อยากรู้...ระหว่างฉัน กับคนพิเศษ ที่เธอเฝ้าตามหาเค้า อยากจะดูแลเค้า ใครจะสำคัญกว่ากัน”
น้ำเสียงเดือนแรม สั่นเครือ “คุณชายแค่อยากรู้”
ธิติรัตน์กวนใส่ “ใช่...ฉันอยากรู้ ความในใจของเธอ”
เดือนแรมมองสบตาธิติรัตน์ น้ำตาคลอ ทั้งน้อยใจ เสียใจ และโกรธ ซึ่งอย่างหลังมากกว่า!!
อ่านต่อหน้า 4
มาหยารัศมี ตอนที่ 7 (ต่อ)
เดือนแรมน้ำตาคลอ เสียใจยิ่งนัก เดินลิ่วเข้าไปในบ้าน ธิติรัตน์วิ่งตามมาอย่างเป็นห่วง ร้องเรียกไว้
“แรม”
แต่เดือนแรมไม่หยุด เดินกึ่งวิ่งต่อ จากห่วง ธิติรัตน์เริ่มโมโหตามประสาคนเอาแต่ใจ และตามมาจนทันกระชากแขนรั้งไว้สุดแรง
“ฉันบอกให้หยุดเดือนแรม”
เดือนแรมหันมาตามแรงเหวี่ยง ใบหน้าเดือนแรมแทบจะชิดติดใบหน้าธิติรัตน์
สองคนยืนประจันหน้า สบตากันในระยะประชิด แต่แล้วธิติรัตน์ก็รู้สึกใจเสียเห็นเดือนแรมร้องไห้ พร้อมระบายความรู้สึกพรั่งพรู
“ที่แรมรีบกลับมาเพราะแรมเป็นห่วงคุณชาย ห่วงมาก แต่แรมคาดไม่ถึงจริงๆ ค่ะ ว่าคุณชายต้องการให้แรมกลับมา เพียงแค่ต้องการเอาชนะคนที่แรมจะตามไปตามหาเค้า ไปดูแลเค้า ทั้งๆ ที่คนคนนั้น...เค้าคือ...”
เดือนแรมนิ่งไป มองสบตาธิติรัตน์ก็เห็นคำตอบว่าคนๆ นั้นก็คือธิติรัตน์นั่นเอง
แต่ธิติรัตน์กลับเข้าใจผิด คิดไปเองอีก มองเดือนแรมด้วยความเสียใจ
“เค้าคือคนสำคัญของเธอ....” น้ำเสียงธิติรัตน์เครือนิดๆ เจ็บปวดในใจ “เธอคงอยากไปหาเค้า แต่ที่เธอมาหาฉันเป็นเพราะฉันสั่ง โอเค” ยอมปล่อยมือจากเดือนแรม “เธอไปหาคนที่เธออยากดูแลเค้าเถอะแรม”
สองคนมองสบตากัน ต่างคนต่างน้อยใจ
ธิติรัตน์เป็นฝ่ายหันหลังเดินไปก่อน กลับทางเดิม เดือนแรมน้ำตาหยด เดินเข้าห้อง
สองคนเดินห่างจากกันไป...คนละทาง
ธิดาจัดสำรับอาหารให้หมอเกรียงบนโต๊ะพลางเอ่ยขึ้น
“ดาไม่ชอบจริงๆ เลยค่ะพี่หมอ ที่คุณดุจแขทำอย่างนั้น”
“สรุป คุณชายก็ไม่ได้ไปหาเค้าไม่ใช่เหรอ แสดงว่ามันจบไปแล้ว อย่าไปสนใจเลยจ้ะธิดา”
“ไม่สนได้ยังไงคะ? คุณชายถูกมองว่าเป็นผู้ชายไม่ดี ใจดำ ทำให้ผู้หญิงต้องฆ่าตัวตาย เฮ้อ!ทั้งๆ ที่ผู้หญิงต่างหากไม่ยอมจบยอมสิ้นซักที”
“ตบมือข้างเดียวไม่ดัง” หมอเกรียงว่า
ก็มันไม่ใช่การตบมือนี่คะ แต่มันคือการสาดโคลน ยังไงคนที่ถูกสาดก็เปื้อนก็เหม็นอยู่ดี ที่สำคัญดารู้ คนอย่างดุจแขไม่หยุดแค่นี้หรอก”
สีหน้าธิดากังวลหนัก
สรรชัยแยกมาทำงานในออฟฟิศคนละที่กับดุจแขแล้ว เป็นอีกบริษัทหนึ่งของสงคราม ระหว่างนั้นมีเสียงเคาะประตูเบาๆ แล้วดุจแขก็เปิดเข้ามา สรรชัยมองอย่างแปลกใจ
“มีธุระอะไร?”
ดุจแขยิ้มยั่วเดินเข้ามากอดสรรชัย “แขคิดถึงคุณค่ะ”
สรรชัยบอกด้วยท่าทีนิ่งเฉย “อย่าทำตัวเป็นคนน่ารังเกียจ” แล้วปัดมือดุจแขออก
ดุจแขอารมณ์เสีย “โอเคค่ะ เพราะฉันก็รังเกียจที่จะถูกเนื้อต้องตัวคุณเหมือนกัน ที่ฉันมาเนี่ย จะคุยเรื่องงาน”
“ที่นี่คุณอาให้ผมดูแล ไม่เกี่ยวกับคุณ”
“ก็ใครบอกว่าฉันจะคุยกับคุณเรื่องงานที่นี่ล่ะ ฉันอยากจะคุยกับคุณเรื่องเดือนแรม”
สรรชัยเดินลิ่วมาที่รถท่าทางไม่สบอารมณ์อย่างแรง โดยมีดุจแขวิ่งตามมา
ดุจแขร้องสั่ง “อย่าเพิ่งไปนะสรรชัย” ตามมาทันกระชากแขนสรรชัยไว้
สรรชัยปัดมือออกอย่างรังเกียจ “ผมไม่คิดจริงๆ ตั้งแต่ผมหูตาสว่าง ผมจะมองเห็นแต่ความอุบาทว์ของคุณ”
ดุจแขจ้องหน้าเอาเรื่อง “ฉันอุบาทว์ตรงไหน?”
สรรชัยกัดฟันกรอด ยิ่งมองหน้าดุจแขก็ยิ่งเกลียดมากแทบอยากขย้ำ
“ตรงที่คุณให้ผมเข้าหาแรม”
“เฮอะ!! ทำเป็นพูดดี คุณเองก็อยากไม่ใช่เหรอ? ฉันมองตาคุณก็รู้!” ดุจแขเหยียดเย้ย
“ความรู้สึกที่ผมมีต่อแรม มันบริสุทธิ์อย่างที่คนอย่างคุณคงไม่รู้จัก”
“นอกจากคนในบ้าน ฉันไม่เคยเห็นผู้ชายผู้หญิงคนไหนมันจะเป็นได้แค่พี่น้อง”
“เพราะในหัวสมองของคุณ มันมีแต่ความอุบาทว์ไง เลยคิดได้แค่นี้” สรรชัยด่าอีก
“นี่! เลิกด่าฉันได้แล้ว ฉันก็แค่มาแนะวิธี คุณอยากได้แรม คุณก็เอาไป ฉันก็จะเอาคุณชายของฉันคืน”
“ถ้าคุณคิดว่าคุณจะเอาคุณชายคืนจากแรมได้ คุณก็ลองทำดู...แต่สำหรับผม แรมมีค่าเกินกว่าที่จะต้องมาแปดเปื้อนความคิดอุบาทว์ๆ ชั่วๆ ของคุณ”
สรรชัยกระแทกเสียงใส่ แล้วขึ้นรถขับออกไปทันที ดุจแขได้แต่ทำหน้าฮึดฮัดขัดใจ
“ก็ให้มันรู้ไปสิ ไม่มีสรรชัยแล้ว ฉันจะทำอะไรเธอไม่ได้เดือนแรม”
กลางดึกคืนนั้น บรรยากาศในวังศิลาลายแสนวังเวง และยิ่งน่ากลัว เดือนแรมเดินมาตามทาง เสียงมือถือดัง เดือนแรมดูเบอร์ เป็นเบอร์ไม่รู้จัก
“ใคร?” ที่สุดก็กดรับด้วยความสงสัย “คะ...”
อีกฟากหนึ่ง...เห็นใครคนหนึ่งกำลังดัดเสียงหลอนๆ ฟังน่ากลัว คล้ายเสียงผีพูดกรอกใส่โทรศัพท์
“แกต้องตายยฉันจะพาแกไปอยู่กับแม่แก แกต้องตาย”
เดือนแรมตกใจ ผวา หน้าซีดเผือด เสียงนั้นหลัดไปพยายามตั้งสติบอกตัวเองเสียงสั่น
“เราแค่หูฝาด..ไม่..ก็โทร.ผิด”
ที่แท้เป็นจันทรานั่นเองอยู่ในตู้โทรศัพท์สาธารณะละแวกบ้าน และหันมาบอกเพ็ญประกายที่ยืนรออยู่ด้านนอก
“เราสองคนต้องช่วยกันทำให้นังแรม มันเป็นบ้ายิ่งกว่าเดิม”
เพ็ญประกายยิ้มนิ่มนิ่ง นัยน์ตาวาวน่ากลัว ก่อนจะเดินเข้าไปในตู้โทรศัพท์ โทร.หาเดือนแรมต่อจากแม่
เดือนแรมหน้าซีด ยังไม่หายตกใจ จู่ๆ เสียงมือถือดังขึ้นอีก เดือนแรมสะดุ้งเฮือก มือถือดังไม่หยุด
เดือนแรมค่อยๆ กด รับ ทันทีที่เดือนแรมรับ เพ็ญประกายก็ดัดเสียงหลอนพูดขึ้น
“แกต้องตาย... เดือนแรม..แกต้องตายย...”
เดือนแรมยืนกำมือแน่น หน้าซีด ดวงตาเบิกโพลง กลัวมากๆ ภาพเหตุการณ์ตอนถูกจับขังในห้องเก็บของ ตั้งแต่เดือนแรมเป็นเด็ก จนโตมา และเจอสัตว์เลื้อยคลาน ยั้วเยี้ยรอบตัว ตามมาหลอกหลอน เดือนแรมมือไม้อ่อน
นึกถึงเหตุการณ์ตอนจันทราเหวี่ยงร่างด.ญ. เดือนแรม เข้าไปในห้องเก็บของที่ทั้งมืดและอับน่ากลัวด.ญ. เดือนแรมร้องไห้ดังลั่น อย่างน่าสงสาร “อย่า...คุณน้า..อย่าทำแรม แรมกลัว” พอจะโผล่หน้าออกมาจันทราก็ผลักหัวกลับเข้าไป “ดี!!กลัวจนเป็นบ้าไปเลยแก นังแรม”
เดือนแรมเอามือกุมหัว ความรู้สึกในอดีตย้อนกลับมาทำร้ายเดือนแรมอีกครั้ง เดือนแรมทรุดตัวลงกอดตัวเองเหมือนเมื่อครั้งเป็นเด็ก ท่าทางหวาดกลัว เสียงขู่ อาฆาต ดังอื้ออึงก้องเข้ามาในหัว
“แกต้องตาย...ฉันจะพาแกไปอยู่กับแม่แก แกต้องตาย...”
“แกต้องตาย เดือนแรม แกต้องตาย...”
“แกมันบ้า แกมันบ้านังแรม”
เสียงในอดีตเหล่านั้นดังก้องอยู่ไปมา ในที่สุดเดือนแรมก็กรีดร้องขึ้นมาสุดเสียง เนื้อตัวสั่นเทา เหมือนคนกำลังช็อค!
ป้าละเอียดวิ่งเข้ามาเห็นเป็นคนแรก ตกใจมาก
“หนูแรมๆ เป็นอะไร ช่วยด้วยค่ะช่วยด้วย”
ธิติรัตน์ก็ได้ยินเสียง วิ่งเข้ามาหน้าตาตื่น เรียกอย่างตกใจ “แรม”
ไวเท่าความคิด ธิติรัตน์ตรงเข้าไปช้อนอุ้มร่างเดือนแรมขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ธิติรัตน์ค่อยๆ วางเดือนแรมลงบนเตียง เนื้อตัวเดือนแรมสั่น สีหน้าแววตาหวาดผวา บ่งบอกว่ากลัวมากๆ ธิติรัตน์กอดเดือนแรมเอาไว้แนบอก หันไปบอกละเอียด
“ตามพี่หมอเร็วละเอียด”
“ค่ะๆ” ละเอียดวิ่งออกไปเร็วรี่
ธิติรัตน์กอดเดือนแรมเอาไว้ทั้งตัว พูดปลอบโยนเหมือนปลอบเด็กน้อย ดวงหน้าสวยของเดือนแรมตื่นตกใจตลอดเวลา ปากสั่นระริก แล้วค่อยๆ ปิดตาลง
“เธออย่าเป็นอะไรนะแรม?”
ธิติรัตน์มองดูเดือนแรมอย่างเวทนา เป็นห่วงและสงสารจับใจ เอามือลูบหน้าผากเบาๆ เดือนแรมเหมือนคนหลับอยู่ แต่ทว่าดวงตาคู่นั้นกระตุกติดต่อกัน เหมือนจิตใต้สำนึกแล่นพล่านอยู่ตลอดเวลา
ใช่แล้ว...เสียงหลอกหลอนคุ้นหูที่ได้ยินเมื่อครู่ ปลุกเรื่องราวร้ายๆ ที่เธอผ่านพ้นมาอย่างยากเย็น แล่นไหลเข้ามาในหัวไม่หยุดหย่อน
เหตุการณ์ตอนจันทราผลักหัวเด็กหญิงเดือนแรมเข้าไปในห้อง เดือนแรมล้มลง จันทราปิดประตูดังปัง
เด็กหญิงตัวน้อยนั่งกลัวตัวสั่นงันงกอยู่ และเห็นตรงหน้าเป็นราศรีนั่งอยู่ ไม่รู้ว่าเป็นแม่เดือนแรมกรี๊ดดังลั่น วิญญาณราศีมองลูกสาวด้วยความสงสารจับจิต
“อย่าร้องไห้ลูก อย่าร้อง”
เหมือนว่า...ราศรีเอื้อมมือไปลูบผมลูกสาวเบาๆ เดือนแรมยิ่งกรีดร้องดังลั่น เอามือปิดหูหลับตา
“ดี!!เป็นบ้าไปเลยแก” จันทราอยู่ด้านนอกห้อง สะบัดหน้าเดินหนีไป
ราศรีเห็นอาการของเดือนแรมก็ยิ่งร้องไห้สงสารลูก “แม่ขอโทษลูก..แม่ขอโทษ” ร่างนั้นหายวับไป
ธิติรัตน์กอดร่างเดือนแรม ที่นอนตัวสั่นระริก เริ่มเพ้อออกมาเบาๆ “แม่จ๋า..แม่”
“แรม”
ธิติรัตน์พยายามเรียกสติคืน แต่ดูเหมือนจิตใต้สำนึกของเดือนแรมดำดิ่งลึกลงไปกว่าเดิม แน่นอนว่ามันจมจ่อมอยู่กับเรื่องร้ายๆ สมัยเป็นเด็ก
เหตุการณ์ตอนนั้นเด็กหญิงเดือนแรมนอนอยู่ ราศรีอุ้มเดือนแรมมานอนในห้อง เด็กหญิงงัวเงีย ลืมตาตื่น พอเห็นหน้าราศรีก็ร้องกรี๊ดอย่างตกใจ ราศีโผเข้าไปโอบกอดไว้
“อย่าร้องไห้จ้ะแรม อย่าร้องไห้”
เดือนแรมเนื้อตัวสั่น จะกรี๊ดออกมาอีก ราศีโผโอบกอดเดือนแรมแน่น
“อย่ากลัวแม่จ้ะ แม่รักหนู แม่ไม่ทำอะไรหนู?”
เดือนแรมค่อยๆ สงบ นิ่ง ชะงักไป ค่อยช้อนตามองหน้าราศรี ราศรียิ้มบางๆ
“แม่รักหนูนะลูก ถึงแม่ไม่ได้อยู่กับหนู แต่แม่ก็อยู่ใกล้หนู แม่รักหนูจ้ะแรม”
ราศีดึงกระชับร่างเดือนแรมเข้ามากอดไว้แนบแน่น เดือนแรมมองหน้าราศีเห็นแต่สายตาอ่อนโยน เดือนแรมค่อยๆ ผ่อนคลาย ตัวอ่อนลง ยอมให้ราศรีกอดโดยดี ราศีกอดเดือนแรมแน่น ร้องเพลงกล่อมลูก ก่อนที่เดือนแรมจะหลับไป
เดือนแรมนอนหลับอยู่ ในท่าเดียวกับที่เด็กหญิงเดือนแรมหลับ
หมอเกรียงพร้อมธิดามาถึงแล้ว หมอเกรียงเริ่มตรวจดูอาการเดือนแรม ธิติรัตน์ถามอย่างร้อนใจ
“แรมเป็นยังไงบ้างครับพี่หมอ?”
“แค่หมดสติ ไม่มีอะไรหรอก พักผ่อนมากๆ เดี๋ยวก็หาย” หมอเกรียงบอก
“งั้นพี่ว่า ให้แรมพักผ่อนเถอะค่ะ”
“ครับพี่ดา”
หมอเกรียงและธิดาเดินไป ตามด้วยละเอียด ธิติรัตน์ลูบผมเดือนแรมเบาๆ อ่อนโยนอีกที
เดือนแรมเพ้ออีก “แม่...แม่ขา...แรมรักแม่...เมื่อไหร่แม่จะกลับมาหาแรมอีกคะ”
ธิติรัตน์มองหน้าเดือนแรม แสนสงสาร ความรักความใยห่วงในใจทบทวี
ทุกคนนั่งคุยกันต่อเรื่องอาการเดือน ธิดานั้นพูดขึ้นด้วยท่าทางเป็นห่วงกังวล
“เป็นไปได้มั้ยคะ ที่เรื่องเก่าๆ ในอดีต จะตามมาหลอกหลอนแรมอีก แรมเลยเป็นอย่างนี้”
“เป็นไปได้ ยิ่งคุณชายบอกว่า แรมเพ้อถึงแม่...พี่ว่า ...แรมคงคิดถึงอดีตจริงๆ” หมอเกรียงว่า
“แต่แรมก็ปกติมาตั้งนาน” ธิติรัตน์ออกความเห็น
หม่อมรัตนาสรุปออกมา เหมือนผู้ใหญ่ที่ผ่านโลกมามาก “งั้นแม่ว่า ต้องมีอะไรทำให้แรมกลับไปคิดถึงมันอีกแน่ๆ และคงไม่ใช่เรื่องดี”
“ถ้าอย่างนั้น ผมจะรีบหาทางไปค้นหาความจริงที่บ้านของคุณเมิน ทั้งเรื่องของแรม และมาหยารัศมี” ธิติรัตน์บอก
วันต่อมา ในระหว่างรับประทานอาหารอยู่ มะลิถามลูกชายและพิมด้วยท่าทางกังวลใจ
“หลายวันมานี้แม่ไปบ้านนั้น ว่าจะคุยกับน้าเรา เรื่องเอาแรมมาอยู่ด้วย ก็เห็นบ้านปิดทั้งวัน มีอะไรกันหรือเปล่าก็ไม่รู้”
“ไม่มีอะไรมังคะ เมื่อเย็นวาน พิมเห็นคุณเมินกลับมาแล้ว และตอนค่ำๆ ก็เห็นคุณจันทรากับคุณเพ็ญตามเข้ามา” พิมว่า
“แล้วแรมล่ะครับป้าพิม?” แม้นเทพถาม
“ป้าไม่เห็นตั้งหลายวันแล้วค่ะ จะเดินไปดูคุณแรมทีไร ก็เห็นนายเจิมทุกที” พิมเล่าพร้อมทำท่าแหยงๆ “ป้ากลัว ท่าทางเค้าน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้”
มะลินึกห่วงหลานสาว พูดด้วยท่าทีขึงขัง “งั้นต้อมไปบ้านนั้นกับแม่เดี๋ยวนี้เลย แม่จะไปรับแรมมาอยู่ด้วย นายเมินจะว่ายังไง แม่ก็ไม่ฟังล่ะ” มะลิลุกพรวดออกไป
ครู่ต่อมาเมินบอกมะลิแบบเสียงแผ่วๆ เหมือนมีความยำเกรงพี่สาวอยู่ “แรมไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วพี่”
มะลิโวยวายอย่างตกใจ “อะไรนะ? แรมไม่ได้อยู่ที่นี่? แล้วแรมไปอยู่ไหน?”
“ไปอยู่กับผจก.เค้า ที่ชื่อกอไก่น่ะครับ” เมินบอก
“เธอเป็นพ่อยังดูแรมไม่ได้ แล้วนับประสาอะไรกับคนอื่น ใจคอเธอจะไม่คิดรัก คิดห่วงลูกบ้างเลยเหรอ?”
“แรมไม่ได้เป็นลูกผม” เมินสวนออกมา
มะลิพูดเสียงเนิบช้าๆ รู้สึกผิดหวังในตัวน้องชายมาก “แรมช่างเป็นคนที่น่าสงสารที่สุด อยู่กับพ่อ ในบ้านหลังเดียวกัน แต่กลับถูกมองเป็นเด็กไม่มีพ่อ”
“พ่อของแรมมี...” เมินเสียงเริ่มเครือๆ “และพ่อของแรมก็คือชู้ของราศี”
“เมิน! เธอนี่อ่อนแอจนไม่กล้ารับความผิดของตัวเอง รู้บ้างมั้ย? คนที่ผิดคือเธอ ที่รับจันทราเข้ามาในชีวิต” มะลิพูดตอกหน้าน้องชาย
เมินอึ้งไป มะลิว่าน้ำเสียงหยันๆ ต่อ
“เพชรกับขี้โคลนเธอยังแยกไม่ออก ลองทบทวนสิ ตั้งแต่ครั้งที่เธอมีราศรีกับที่เธอมีจันทรา ชีวิตเธอมันแตกต่างกันยังไง”
เมินไม่ยอมรับความผิดตน เริ่มพาล “จะแตกต่างกันยังไง ผมก็อยู่กับจันทราได้”
“แล้วมีความสุขมั้ยล่ะ? เมียเธอคนนี้สร้างความภาคภูมิใจให้เธอได้มั้ยล่ะ?”
เมินอึ้งไปอีก
ระหว่างนั้นจันทรากับเพ็ญประกายเดินเข้ามาที่ด้านหลังแล้ว จันทราได้ยินและยืนฟังต่อ
“จริงๆ พี่ก็ไม่อยากก้าวก่ายเรื่องของเธอหรอกนะ ถ้ามันไม่เกี่ยวกับแรม ที่เป็นหลานพี่” มะลิลดเสียงเบาลง “ที่เธอทำกับราศี กับแรม อย่างนั้น พี่รู้มันคืออาการของคนที่ทั้งรักทั้งแค้นเท่านั้นเอง ลองคิดทบทวนดูก็แล้วกัน”
นัยน์ตาจันทรา วาววาบขึ้นมา เต็มไปด้วยความแค้นและความเสียใจ มะลิปรายหางตามองจันทรานิดเดียว เดินออกไปกับแม้นเทพทันที จันทราหันไปบอกเพ็ญประกาย
“ขึ้นห้องไปก่อนเลยลูก แม่มีเรื่องจะคุยกับคุณพ่อ”
เพ็ญประกายไปแล้ เมินมองหน้าจันทรา จันทรามองเมิน ในแววตามีทั้งความรัก แค้น เจ็บใจ
ขณะเดินกลับบ้าน มะลิบอกแม้นเทพขึ้นอย่างร้อนใจ
“ต้อมตามแรมกลับมาด่วนเลยนะลูก บอกแรมว่าแม่ให้มาอยู่บ้าน ห้ามระหกระเหินไปไหนอีก”
“ครับ”
“แล้วต้อมก็จำไว้นะ เป็นลูกผู้ชาย ถ้าคิดจะมีครอบครัวอย่าทำตัวให้เหมือนน้าของต้อม การนอกใจภรรยา มีแต่ทำให้ครอบครัวล่มสลาย ไม่มีความสุข อย่าสักแต่ว่ามักง่ายคว้าใครมาก็ได้”
“ผมทราบครับแม่ ถ้าผมจะมีคู่ชีวิต ผมจะไม่เลือก คนที่ผมอยู่กับเค้าได้เหมือนคุณน้าเมิน แต่ผมจะเลือกคนที่ผมขาดเค้าไม่ได้”
มะลิพยักหน้า “ถูกแล้วที่ต้อมคิดอย่างนี้....เพราะคนเราแค่อยู่ด้วยกันได้ แต่ไม่ได้รัก ไม่ได้มีการยกย่องศรัทธากัน ไม่มีทางความสุขได้...เหมือนเมินกับจันทรา”
เมินยืนขึงขังหันหลังให้อยู่ จันทรามองอยู่ด้านหลัง แววตาทั้งรักทั้งแค้น เจ็บ และโกรธ ระคนปนกัน
จันทราพูดเสียงเครืออย่างน่าสงสาร “คุณเมินเคยได้ยินใช่มั้ยคะ ถ้าหากคุณมีสองรัก จงเลือกรักคนที่สอง เพราะถ้าคุณรักคนแรกจริง คุณจะไม่มีวันมองหาคนที่สองเลย หัวใจของคุณในวันนั้นก็บอกชัดว่าคุณต้องการจัน คุณเลือกจัน”
เมินหันมามอง จันทราร้องไห้ออกมาแบบช้ำใจที่สุด จันทราสะอึกสะอื้น พร่ำพรูความรู้สึก
“แต่ในวันนี้ คุณกลับบอกว่าคุณแค่อยู่กับจันได้ คุณไม่มีความสุข คุณไม่มีความภาคภูมิใจ มันก็ใช่ค่ะ เพราะจันทราคนนี้ ยอมเป็นคนไร้ศักดิ์ศรีตั้งแต่วันที่ยอมเป็นเมียเก็บของคุณแล้ว”
เมินมองใบหน้าจันทรา เห็นดวงตามีแต่ความเศร้า ทุกข์ สีหน้าเมินเริ่มอ่อนลง
“จันขอได้มั้ย? กับศักดิ์ศรีที่จันทิ้งมาทั้งชีวิต อย่าให้มีเงาของคุณราศีมาอยู่ในชีวิตของเราอีกเลยค่ะ” จันทราผวากอดเมิน ร้องไห้โฮออกมาแบบสุดกลั้น “จันขอ...นะคะคุณเมิน”
จันทราร้องไห้ดังมากขึ้น ดวงตาของเมินดูสับสน ที่สุดแล้วเมินก็ใจอ่อนหันตัวมาสวมกอดจันทรา
“ได้..จันทรา..ผมให้คุณ ผมจะไม่คิดถึงราศรี และลูกอีก”
“ค่ะ...อย่าได้คิดถึง เพราะคุณราศีมีชู้ เดือนแรมที่คุณเมินอาจจะคิดว่าเป็นลูกจริงๆคือลูกชู้!”
เมินมีสีหน้าสลดไป นัยน์ตาของจันทราเจ็บลึกในใจ และข้างในนั้นคือความคั่งแค้น
เดือนแรมฟื้นแล้ว กำลังนั่งทานข้าวในครัว ละเอียดรีบบอก
“คุณแรมทานข้าวเยอะๆ นะคะ จะได้หายเร็วๆ”
“ขอบคุณค่ะป้า”
“เมื่อวานคุณชาย....”
ละเอียดพูดค้างยังไม่ทันจบ เสียงมือถือดังขัดขึ้นมาก่อน เดือนแรมเห็นชื่อแม้นเทพ
“ขอแรมรับโทรศัพท์เดี๋ยวนะคะป้า”
“ค่ะ”
เดือนแรมเดินออกไป ละเอียดบ่นกับตัวเองเบาๆ
“เลยไม่ทันได้บอกเลย ว่าเมื่อวานคุณชายเป็นห่วงหนูแรมมาก”
ธิติรัตน์เดินเข้ามาได้ยิน แต่ไม่ถนัดนัก “อะไรละเอียด?”
ละเอียดตกใจสะดุ้งโหยง “อุ๊ยตายคุณชาย ละเอียดตกใจหมด”
ธิติรัตน์เย้าขำๆ “ยังสาวยังแส้ตกใจอะไร แรมล่ะ?”
“เดินออกไปข้างนอกค่ะ”
ธิติรัตน์เดินตามไปเร็วรี่
เดือนแรมเดินออกมารับโทรศัพท์ด้วยสีหน้าไม่สบายใจนัก มีท่าทีกลัวๆ อยู่
“ค่ะพี่ต้อม..มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่าคะ?”
“แรมอยู่ไหน? พี่จะไปรับกลับบ้าน”
“แรมไม่กลับค่ะ”
“พี่ไม่ได้ให้แรมอยู่บ้านแรม แต่พี่จะให้แรมมาอยู่บ้านพี่”
เดือนแรมอึ้งไป แม้นเทพพูดต่อ
“คุณแม่กำชับเลยนะแรม ห้ามแรมระหกระเหินไปไหนอีก แรมต้องมาอยู่บ้านพี่”
ธิติรัตน์เดินมา สีหน้าบ่งบอกว่าเป็นห่วงมาก แต่ได้ยินเดือนแรมพูด
เดือนแรมนิ่งคิด และนึกเสียใจเรื่องธิติรัตน์ขึ้นมา จึงตัดสินใจรับคำแม้นเทพไป
“ค่ะพี่ต้อม แรมจะไปอยู่กับพี่ต้อม ไม่ไปไหนอีกแล้วค่ะ”
ธิติรัตน์ยืนอึ้ง ตกตะลึง ความหึงหวงพุ่งขึ้นมาทันที เดือนแรมหันกลับมา เห็นธิติรัตน์ยืนหน้าบึ้งตึงอยู่แล้ว
“พอหายดีหน่อย จะไปอยู่กับผู้ชายเลย”
“ค่ะ”
“เดือนแรม” ธิติรัตน์โกรธจัด
“เพราะผู้ชายคนนั้น เค้าไม่เคยทำร้ายน้ำใจแรม เค้าไม่เคยดูถูกแรม และเค้าก็ไม่เคยเห็นความรู้สึกแรมเป็นแค่เรื่องล้อเล่นเหมือนอย่างคุณชาย”
“แรม นี่เธอยังโกรธฉันอยู่อีกเหรอ?”
“แรมไม่เคยโกรธคุณชายหรอกค่ะ เพราะแรมมีหน้าที่รองรับอารมณ์ของคุณชาย”
เดือนแรมเดินหนีไป
“แรม...” ธิติรัตน์อารมณ์ขึ้นอย่างแรง เหวี่ยง เต็มที่ ตามไปกระชากแขนคว้าตัวเดือนแรมให้หันมา พูดประชดเหน็บแนมตามนิสัยเอาแต่อำเภอใจ
“ฉันคงโหดร้ายมากสินะ..ไม่เหมือนกับพี่ต้อมของเธอ...”
“ปล่อยแรมค่ะ”
“ก็บอกฉันมาก่อนสิ ไอ้นายพี่ต้อมอะไรนั่น มันดีกว่าฉันตรงไหน?”
เดือนแรมเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง เจือปนความน้อยใจในเนื้อเสียง
“ในสายตาของแรม คุณชายคือคนที่ดีที่สุด คือคนที่สำคัญที่สุด...แต่คุณชายก็ยังเห็นความรู้สึกของแรม เป็นแค่เรื่องล้อเล่น การเอาชนะอยู่ดี” เดือนแรมเดินน้ำตาคลอ หนีออกไป
“แรม”
ธิติรัตน์ยืนนิ่ง อึ้งไป ถูกเดือนแรมย้อนเข้าให้
ภายในห้องท่ามกลางความมืดสลัวนั้น ธิติรัตน์นอนไม่หลับ พลิกตัวกระสับกระส่ายไปมา
คิดถึงคำพูดเดือนแรมขึ้นมา
ธิติรัตน์ผุดลุกขึ้นหน้าเครียด รู้สึกขัดเคืองใจ และเอาแต่ใจ
“ไม่! ฉันต้องการมีเธอในชีวิต”
เสียงพูดเดือนแรมดังก้อง “ค่ะพี่ต้อม แรมจะไปอยู่กับพี่ต้อม ไม่ไปไหนอีกแล้วค่ะ”
“ฉันไม่ยอมให้เธอไปอยู่กับใครทั้งนั้นแรม”
ธิติรัตน์ลุกพรวดเดินออกไป
อ่านต่อ ตอนที่ 8