แหม่มแก้มแดง ตอนที่ 10
บริเวณที่พักซึ่งเต็มไปด้วยความร่มรื่นมีคนงานกำลังตัดแต่งต้นไม้อยู่ โดยมีเชษฐ์ยืนคุมงาน เมธาวีและณภัทรเดินอย่างใช้ความคิดอยู่ใกล้บริเวณนั้น
เมธาวีครุ่นคิด “เราจะช่วยจับคู่ให้พี่อะนากับพี่ณดลยังไงดีล่ะ”
ณภัทรคิดสักครู่แล้วก็โพล่งขึ้นมา “นึกออกแล้ว...ลองอย่างงี้มะ”
“ยังไงเหรอ”
ณภัทรยืนอธิบายให้เมธาวีฟัง
เชษฐ์ผละจากคนงานเดินเข้าไปหาณภัทรกับเมธาวี
“เป็นไงบ้างครับคุณ ชอบบรรยากาศที่นี่มั้ย” เชษฐ์ถาม
“ก็ดีนะ แต่ว่า...” ณภัทรชี้ไปทางป่าเขา “ถ้าเดินออกไปทางด้านหลังนี่ พอจะมีที่เที่ยวที่บรรยากาศดีๆ บ้างมั้ย”
“แล้วที่นี่บรรยากาศไม่ดีเหรอครับ” เชษฐ์ถาม
“ก็ดีค่ะ แต่อยากเปลี่ยนบรรยากาศเป็นแบบโรแมนติก..โรแมนติกบ้าง” เมธาวีบอก
“งั้นลองไปทางโน้นมั้ยครับ” เชษฐ์ชี้ไป “แต่อาจจะเดินไปไกลหน่อย”
“ทางโน้นมีอะไรเหรอ” ณภัทรถาม
“คือมันจะเป็นลานหินโล่งๆ มีแต่หินเลยครับ ไม่มีต้นไม้ซักต้น”
“แล้วแดดไม่ร้อนแย่เหรอ” ณภัทรถามต่อ
“จะเหลือหรือครับ” เชษฐ์ตอบ
ณภัทรกับเมธาวี เหล่มองหน้ากันเพราะอึ้งกับเชษฐ์
“เอ่อ...งั้นขอแบบไม่ร้อนมีมั้ย” ณภัทรบอก
“ถ้าชอบเย็นๆ งั้น...ตรงไปทางนี้ดีกว่าครับ” เชษฐ์ชี้นิ้วไป “เดินตรงไปไม่ถึงชั่วโมงก็จะเจอสระมรกต”
“สระมรกต” ณภัทรถามเชษฐ์ “สวยมั้ย”
“สวยสิครับ ขนาดเคยมีฝรั่งมาถ่ายหนังด้วยนะครับ” เชษฐ์บอก
ณภัทรและเมธาวียิ้มและพยักหน้าให้กัน ทั้งสองเห็นพ้องกันว่าที่นี่เหมาะ
“อ้อ! แล้วยังมีดอกบัวผุดสีชมพูให้ดูด้วยครับ” เชษฐ์พูดต่อ
“บัวผุดสีชมพู” ณภัทรทวนคำ
“ใช่ครับ...ไหนๆ มาถึงที่นี่แล้ว ก็ควรเดินไปดูนะครับ แล้วไม่ชวนคุณณดลกับคุณอะนาไปด้วยกันล่ะครับ”
“ชวนสิ ชวนแน่ๆ ใช่มั้ยเม”
เมธาวีและณภัทรพยักหน้าพร้อมกับยิ้มให้กันอย่างเจ้าเล่ห์
อนามิกานั่งเล่นอยู่บริเวณหน้าห้องพัก ในขณะที่เมธาวีพยายามชักชวนอนามิกา
“ไปด้วยกันเถอะพี่อะนา ไหนๆ มาแล้ว จะมัวอุดอู้อยู่ตรงนี้ทำไม”
“ฉันก็อยากไปหรอกนะ แต่ว่า...” อนามิกาป้องปากกระซิบ “พ่อแม่นายภัทรเค้าเข้าใจว่าฉันท้องอยู่ จะให้ไปตะลอนๆ ลุยป่าไปสระมรกตอะไรเนี่ยนะ”
“ก็บอกเค้าไปสิว่านายเชษฐ์บอกว่าเดินไปสบายๆ ทางไม่โหด....ไปนะพี่อะนา พวกเราก็ไปด้วยกันทั้งสี่คนนี่แหละ”
ทันใดนั้นทั้งสองก็ได้ยินเสียงนลิณา “จะไปไหนกันเหรอจ๊ะ”
อนามิกากับเมธาวีหันไปเห็นนลิณากับเกตนิการ์เดินเข้ามา อนามิกากับเมธาวีจึงรีบหยุดคุย
“ว่าไงจ๊ะ จะไปไหนกัน” เกตนิการ์ถามย้ำ
“เปล่า ไม่ได้ไม่ไปไหนซะหน่อย” อนามิกากระซิบกับเมธาวี “ไปเหอะเม ฉันไม่อยากมีเรื่อง”
“นี่..ฉันไม่ได้มาหาเรื่องนะยะ เดี๋ยวก่อน” นลิณาเรียกไว้
อนามิกากับเมธาวีไม่สนใจรีบเดินออกไปทันที นลิณามองตามไปอย่างขัดใจ
เกตนิการ์กับนลิณาเดินคุยมาด้วยกัน
“ฉันว่าพวกมันต้องแอบซุ่มไปเที่ยวไหนกันแล้วไม่บอกเราแน่ๆ” เกตนิการ์สัณนิษฐาน
“ฉันก็ว่างั้น แถมมันบอกว่าไปสี่คน คงจะชวนนายภัทรกับคุณณดลไปด้วย ...นังสองคนนี้มันแสบจริงๆ” นลิณาฉุนกึก
“หรือเราจะเล่นงานมันซะวันนี้เลย ไม่ต้องรอแล้ว” เกตนิการ์เสนอ
“ก็ดี ถ้าเราย่องแอบตามมันไป แล้วรอจังหวะดีๆ แกล้งผลักมันซะ”
“กะให้แท้งเลยใช่มั้ยงานนี้” เกตนิการ์ถาม
“ตายๆ ไปเลยยิ่งดี หลังๆ นี่ชักจะมาสนิทกับพี่ณดลของฉันอีกคน ยัยนี่...คิดจะกินรวบทั้งพี่ทั้งน้อง”
“แต่ถ้าจะเอางั้น ก็ต้องสะกดรอยตามไปให้เนียน อย่าให้มันรู้ตัว เพราะถ้ามันเห็น จะกลายเป็นคดีความใหญ่โตนะเธอ เจตนาฆ่าเนี่ย” เกตนิการ์บอก
“ฉันรู้น่ะ ฉันจะจัดการมันอย่างเงียบเชียบ ไม่ให้มันรู้ตัว ไม่ให้มันเห็นหน้าฉันด้วยซ้ำ...เรียกว่างานนี้ มันมีสิทธิ์แท้งโดยไม่รู้ตัวเลยหละ”
พูดจบแววตาของนลิณาก็ฉายแววเหี้ยมโหดออกมา
กอบชัยกับพนารัตน์เดินมาด้วยกันที่บริเวณชายหาด แล้วทั้งสองก็สะดุดสายตาเมื่อมองไปเห็นณดลนั่งที่เตียงผ้าใบซึ่งมีร่มคันใหญ่กางป้องแดดอยู่คนเดียว กอบชัยกับพนารัตน์มองหน้ากันเพราะเป็นห่วงลูก แล้วทั้งสองจึงเดินเข้าไปหา
“ทำไมมานั่งคนเดียวล่ะลูก” กอบชัยทักขึ้น
“แล้วนี่ได้กินอะไรหรือยัง” พนารัตน์ถามต่อ
“ยังเลยครับคุณแม่” ณดลตอบ
“อ้าว..แล้วไม่มีใครดูแลเลยเหรอ” พนารัตน์หันไปทางกอบชัย “คุณ..ไปเรียกเด็กมาจัดการหาอะไรให้ลูกกินหน่อยสิ”
“ไม่ต้องหรอกครับ” ณดลบอก
“อ้าว..ทำไมล่ะ” พนารัตน์สงสัย
“ผมมีคนดูแลเรื่องกินแล้ว”
กอบชัยกับพนารัตน์ยิ่งสงสัย “หือ?”
ณดลหันมองไป กอบชัยกับพนารัตน์มองตามก็เห็นอนามิกาเดินถือถาดเสิร์ฟอาหาร ที่มีข้าวผัดพร้อมถ้วยกับข้าว 2 อย่าง และแก้วพร้อมน้ำส้มอีกหนึ่งเหยือกเดินเข้ามา
“โอ้โห...นี่ยกมาเองเลยเหรอ” กอบชัยงง
“นั่นสิ เดี๋ยวคุณแม่ฉันก็ว่าเอาที่ใช้คนท้องคนไส้แบบนี้” ณดลว่า
“เด็กทุกคนกำลังงานยุ่งค่ะ เห็นว่ามันไม่ได้หนักมาก ก็เลยยกเองดีกว่า” อนามิกาตอบ
อนามิกาวางถาดอาหารลงที่โต๊ะข้างๆ เตียงผ้าใบ
“คุณผู้ชาย...คุณผู้หญิงสนใจมั้ยคะ เดี๋ยวฉันไปยกมาให้”
“โอ๊ย..ไม่ต้องหรอกจ้ะ ฉันกับคุณกอบเพิ่งกินข้าวมา” พนารัตน์บอก
ณดลตักข้าวผัดชิมคำแรกก็รู้สึกคุ้นๆ
“รสชาติคุ้นๆ นะ”
“ในครัวทุกคนก็กำลังยุ่ง ฉันเลยลงมือเองน่ะค่ะ” อนามิกาบอก
“ถึงว่า...” ณดลหันไปหาพนารัตน์ “คุณแม่ลองชิมมั้ยครับ” ณดลตักข้าวป้อนแม่ตัวเอง
“เอ้อ...” พนารัตน์หันไปบอกกอบชัย “อร่อยกว่าที่เรากินเมื่อกี้เยอะเลยคุณ”
“พอแล้วคุณน่ะ อย่าไปแย่งลูกกิน” กอบชัยบอก
“จ้ะๆ งั้นแม่ไปก่อนนะ”
กอบชัยกับพนารัตน์เดินห่างออกมา
พนารัตน์กับกอบชัยเดินคุยกันมาตามทางเลียบชายหาดอีกมุมหนึ่ง
“จะว่าไป ผู้หญิงคนนี้ก็ดูแลลูกเราได้ดีเหมือนกันนะคุณ” กอบชัยเอ่ยขึ้น
“ก็ดูจะมีความเป็นแม่บ้านแม่เรือนใช้ได้” พนารัตน์บอก
“ตอนไปช่วยงานที่ออฟฟิศณดล เห็นว่าก็ทำได้ดีอีกต่างหากนะ”
“นั่นสิ หรือเราสองคนเป็นพวกหัวล้านได้หวี เป็นพวกวานรได้แก้ว”
“ยังไงเหรอคุณ” กอบชัยถาม
“ก็เหมือนเจ้าภัทรลูกเราก็ได้แม่บ้านที่ดีเพียบพร้อมแล้ว แต่เรากลับไม่รู้ค่า เอาแต่ผลักไสไล่ส่งกันซะ”
“คุณรัตน์พูดอย่างงี้ก็ใจร้ายกับหนูแพรเกินไปหรือเปล่า ยังไงก็ต้องถือว่าหนูแพรเค้ามาก่อน ขืนจับคู่เจ้าภัทรกับยัยอะนา หนูแพรก็เสียใจแย่” กอบชัยบอก
“ฉันรู้...ก็กำลังดูๆ อยู่เนี่ยว่าจะเอาไงดี เฮ่อ...กลุ้ม”
พนารัตน์ครุ่นคิดอย่างเป็นกังวล
เมธาวี ณภัทร อนามิกา และณดลเดินออกจากรั้วไปสู่ชายป่า โดยที่ณดลสะพายกระเป๋ากล้องถ่ายรูปคู่กายมาด้วย พอเมธาวี ณภัทร อนามิกา ณดล เดินลับตาไปนลิณากับเกตนิการ์ในชุดทะมัดทะแมงก็เดินตามมา นลิณากับเกตนิการ์พยักหน้าให้กันแล้วเดินสะกดรอยตามกลุ่มของณดลไป
ณภัทรเดินนำหน้า เมธาวี อนามิกา และณดลมาตามทางในป่าที่ค่อนข้างโปร่ง อนามิกาพยายามเร่งฝีเท้าเดินตามให้ทัน ส่วนณดลเดินปิดท้ายคอยดูอนามิกาอยู่ห่างๆ
อนามิกาตะโกนกัดณภัทร “มาคนเดียวหรือไง เดินไม่รอใครเลยนะ”
“นั่นสิ เห็นใจอะนาบ้าง เมียแกท้องอยู่นะ” ณดลบอก
“ครับพี่” ณภัทรหันมาแกล้งเปิดวงแขนแล้วเดินถลาจะมาโอบอนามิกา “โถ...เมียจ๋า”
ณภัทรโผเข้าไปกอดอนามิกา อนามิกาแอบกำหมัดถองใส่ท้องเขาไปหมัดหนึ่ง
“อุ้บ! เอ่อ” ณภัทรพูดกับณดล “ดูท่ายังแข็งแรงดี คงไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ”
แล้วทุกคนก็เดินต่อ สักพักณดลก็ถามขึ้น
“เมื่อกี้เห็นเมพูดเรื่องดอกบัวผุดสีชมพู มันเป็นยังไงเหรอ”
“เมก็ไม่เคยเห็นหรอกนะคะ แต่นายเชษฐ์โฆษณาไว้ว่า หาดูได้ยาก มีอยู่ที่เดียวในประเทศไทย”
“ไม่ใช่แค่นั้นนะพี่ เค้าบอกด้วยว่าปีนึงมันจะบานแค่ไม่กี่วันเองนะ” ณภัทรเสริม
“แล้วบานช่วงไหน หน้าร้อน หน้าฝน หรือหน้าหนาว” อนามิกาถาม
“หน้านี้แหละพี่อะนา ช่วงเนี้ยกำลังบานเลย”
“โห...จังหวะดีเลยนะ โชคดีจริง พวกเรา” อนามิกายิ้ม
ทั้งสี่เดินเลยไป ครู่หนึ่งนลิณากับเกตนิการ์จึงเดินตามมาติดๆ แต่ก็เริ่มรู้สึกเหนื่อย เกตนิการ์ล้วงเป้หยิบน้ำดื่มขึ้นมาดื่ม นลิณาเห็นแล้วกลืนน้ำลายเอื้อก
“กินด้วยสิ” นลิณาล้วงหยิบน้ำในเป้ของเกตนิการ์ขึ้นมาดื่ม
“เร็ว..เดี๋ยวตามไปไม่ทัน” เกตนิการ์เร่ง
เกตนิการ์รีบรุดไป นลิณากำลังจะจรดปากดื่มน้ำจากขวดพลาสติกแต่ก็โดนเกตนิการ์เร่งขัดจังหวะ เธอรู้สึกขัดใจแต่ก็ต้องรีบเดินตามเกตนิการ์ไป
ณภัทร เมธาวี อนามิกา ณดล เดินมาตามทางในป่ามาถึงบริเวณร่มรื่นใกล้โขดหิน ทุกคนมีท่าทางเหนื่อยหอบจึงหยุดพักแล้วยกน้ำดื่มกินกัน ณดลมองอนามิกาอย่างเป็นห่วง
“พักก่อนมั้ยพวกเรา” ณดลเอ่ยขึ้น
“อะไร แค่นี้เหนื่อยแล้วเหรอ โธ่เอ๊ย...ตัวก็ออกใหญ่ เป็นผู้ชายอะไร” อนามิกาแขวะ
“นี่..ฉันแค่ห่วงเธอต่างหาก ยังท้องไส้ อย่าทำเก่งนักเลย แล้วอีกอย่างฉันจะขอตัว...เอ่อ...” ณดลอึกอัก
ณดลเดินไปหาณภัทรแล้วก็กระซิบอะไรบางอย่างกับณภัทร ณภัทรพยักหน้ารับรู้ แล้วเดินไปด้วยกัน อนามิกากับเมธาวีเดินตาม ณดลกับณภัทรหยุดชะงัก
ณดลหันมา “พวกเธอนั่งพักแถวนี้ก่อนนะ เดี๋ยวฉันมา”
ณดลกับณภัทรเดินออกไป แต่ว่าอนามิกากับเมธาวียังเดินตามไปด้วย ณดลกับณภัทรเร่งฝีเท้า อนามิกากับเมธาวีก็ยิ่งเร่งฝีเท้าตาม ณดลกับณภัทรหยุดเดินแล้วหันมามองอนามิกากับเมธาวีอย่างหงุดหงิด
“จะตามมาทำไม” ณดลถามด้วยน้ำเสียงรำคาญ
“เอ๊า...ก็มาด้วยกัน ขืนไม่เดินตามก็หลงทางสิ” อนามิกาตอบ
“ไม่หลงหรอก รอแถวนี้ก่อน” ณภัทรบอก
ณดลกับณภัทรขยับเดินต่อ อนามิกากับเมธาวีก็ขยับตาม
ณดลหันขวับมาทันที “ฉันจะไปฉี่”
“อ้าว.....แล้วก็ไม่บอก” อนามิกาพูด
นลิณากับเกตนิการ์ซ่อนตัวอยู่ที่พุ่มไม้บริเวณนั้น ทั้งสองรีบหดหัวให้มิดชิดเพราะณดลกับณภัทรเดินมายืนใกล้ๆ
ณดลกับณภัทรกำลังเตรียมจะปลดเข็มขัด ทั้งสองมองหาสถานที่แล้วก็ตัดสินใจเลือกพุ่มไม้ที่เกตนิการ์กับนลิณาซ่อนตัวอยู่ นลิณาทำท่าจะร้องออกมาแต่เกตนิการ์รีบเอานิ้วจุ๊ปากเตือนให้เงียบ ทั้งสองหลับตาปี๋แล้วทำหน้าตาขยะแขยง รอรับชะตากรรม
ทันใดนั้นเสียงอนามิกาก็ดังขึ้น “นี่! สองคนน่ะ”
ณดลกับณภัทรชะงักแล้วหันไป
อนามิกากับเมธาวียืนท้าวสะเอวอย่างไม่พอใจอยู่
“ให้มันพ้นหูพ้นตานิดนึงได้มั้ย น่าเกลียดที่สุด ไปไกลๆ ไป๊” อนามิกาไล่
“เดี๋ยวก็ได้เป็นตากุ้งยิงกันพอดี” เมธาวีเสริม
ณดลกับณภัทรกระชับหัวเข็มขัดเข้าที่แล้วเดินห่างจากอนามิกากับเมธาวีไป นลิณาและเกตนิการ์เป่าปากด้วยความโล่งอก
อนามิกาและเมธาวีก้าวขึ้นมายืนชมวิวบนโขดหินที่อยู่สูงประมาณเมตรครึ่ง นลิณาและเกตนิการ์แอบซุ่มดูอนามิกากับเมธาวีอยู่ในพุ่มไม้
“ได้จังหวะ จัดการมันแล้ว” เกตนิการ์บอก
“เดี๋ยวสิเธอ มันยังอยู่กันสองคน” นลิณาเบรก
อนามิกากับเมธาวียังคงชมวิวอยู่บนโขดหินอย่างสดชื่น
“พี่อะนา...” เมธาวีเรียก
“ว่าไง”
“เห็นหนุ่มๆ ไปยิงกระต่ายแล้วเม...เอ่อ..เมขอไปเก็บดอกไม้บ้างนะ”
“แหม...ใช้คำโบราณจังนะ ก็พูดมาเหอะว่าไปฉี่” อนามิกาแซว
“แหม...ก็สุภาพนิดนึง งั้นเดี๋ยวมานะ”
เกตนิการ์กับนลิณาแอบซุ่มดูจนเห็นว่าเมธาวีเดินออกไปแล้ว ทั้งสองจึงหันมามองหน้ากัน
“โอกาสทองฝั่งเพชรเลยหละคราวนี้ จัดการมันเลยนีน่า”
นลิณาพยักหน้า “เธอดูต้นทางให้ด้วยนะ”
นลิณาขยับออกจากพุ่มไม้แล้วค่อยๆย่องไปข้างหลังอนามิกาที่กำลังยืนเหม่อเพลินๆ นลิณาเดินใกล้เข้ามาพร้อมกับยื่นสองมือเตรียมผลักเต็มที่ เกตนิการ์ซึ่งหลบซุ่มอยู่ก็ลุ้นไปด้วย แต่พอหันไปอีกทางเกตนิการ์ก็ต้องหน้าตาตื่นพร้อมกับรีบหลบ
“แล้วเมล่ะ” เสียงณภัทรถามดังขึ้น
นลิณาตกใจจึงรีบพุ่งกระโจนมุดเข้ามาในพุ่มไม้จนเกิดเสียงดังสวบ!!
ณภัทรเดินเข้าไปหาอนามิกา
“ยัยเมน่ะเหรอ” อนามิกาพยักหน้าไปทางหนึ่ง “ไปเก็บดอกไม้ทางนู้นน่ะ”
“เหรอ...เอ้อ..เดี๋ยวไปช่วยเก็บ” ณภัทรจะเดินไปตามทางที่อนามิกาพยักหน้าบอก
อนามิการีบเดินตามไปคว้าแขนณภัทรไว้ “จะบ้าเหรอ เก็บดอกไม้แปลว่าไปฉี่..โอ๊ย! ต้องให้แปลด้วยเหรอนี่”
นลิณานอนพังพาบอยู่ข้างๆ เกตนิการ์ในพุ่มไม้
นลิณาร้องออกมาเบาๆ “อูยย...”
เกตนิการ์ถามเสียงเบา “เป็นอะไรหรือเปล่า”
นลิณาค่อยๆ หันมาทำให้เกตนิการ์เห็นว่าทั้งกิ่งไม้ ทั้งหนามตำอยู่ที่ใบหน้า และริมฝีปาก และมีใบไม้ติดที่ผมของนลิณา
“อุ้ย!” เกตนิการ์ตกใจ
“ชะ..ช่วย ช่วยแกะหนามหน่อย” นลิณาขอ
“ได้ๆๆ” เกตนิการ์แกะหนามกิ่งไม้เล็กๆ ที่ตำริมฝีปากให้นลิณา
“อุ๊ย...อูย”
“ชู่ววว เบาๆ สิเธอ” เกตนิการ์ปราม
เกตนิการ์ดึงหนามกิ่งไม้ให้ ในขณะที่นลิณทำหน้าตาบูดเบี้ยวเพราะเจ็บปวดแต่ก็ต้องกลั้นเสียงร้องไม่ให้ดังเกินไป
ณดล อนามิกา ณภัทร เมธาวี เดินเข้ามาหยุดที่จุดชมวิวบริเวณสระมรกต ทั้งสี่ตื่นตาจนแทบลืมหายใจไปกับวิวตรงหน้าเพราะบริเวณอันกว้างขวางของสระมรกตดูสดชื่นสวยงาม
“วาว...” อนามิการ้องออกมา
“สวยจริงๆ เลยเน๊อะพี่อะนา” เมธาวีบอก
“อืม...เห็นแล้วหายเหนื่อยเลย” อนามิกาชื่นชม
ณภัทรชวนเมธาวี “มานี่เร็ว”
ณดลรีบยกกล้องถ่ายรูปขึ้นมาถ่ายเก็บความประทับใจ ณภัทรเดินนำเมธาวีไปที่ลำธารตรงสระมรกต เมธาวีเดินเหยียบโขดหินเดินตามไปอย่างไม่ค่อยถนัด ณภัทรหันมาช่วยจับมือเมธาวีไว้ เมธาวียิ้มเขินอาย แล้วทั้งสองก็เดินไปที่ริมสระมรกต
อนามิกายืนชมสระมรกตอยู่ ณดลเดินมายืนข้างๆ แล้วหลับตาพริ้มสูดอากาศ อนามิกาเหลือบมองณดลอย่างรู้สึกดีๆ ครู่ใหญ่ณดลจึงเหลือบมองมา อนามิการีบหลบตาแล้วทำเป็นมองชมวิวสระมรกต
ทุกคนชื่นชมกับธรรมชาติของสระมรกตอย่างมีความสุข ณดลยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปอิริยาบถของแต่ละคน
พนารัตน์นั่งดื่มกาแฟและกินของว่างยามบ่ายอยู่ที่โต๊ะนั่งเล่นที่ร่มรื่นใกล้กับที่พัก
ในขณะที่กอบชัยกำลังเพ่งอ่านข่าวจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือ พนารัตน์มองไปรอบๆ
“พวกเด็กๆหายไปไหนกันหมดเนี่ย” พนารัตน์แปลกใจ
กอบชัยยังเพ่งมองหน้าจอโทรศัพท์ “เห็นเค้าว่าเดินไปดูสระมรกตกัน ผมก็อยู่กับคุณตลอดคุณจะถามอะไรผมนักหนาล่ะ”
พนารัตน์หันมาทำตาเขียวใส่ กอบชัยยังไม่รู้ตัวจนหันมาเห็นหน้าพนารัตน์ กอบชัยถึงกับสะดุ้ง
“อุ้ย!” กอบชัยยิ้มเจื่อนๆ แล้วก็ไปสะดุดที่แพรวาซึ่งกำลังเดินอยู่คนเดียว
“อ้าว...ไหงหนูแพรมาเดินอยู่คนเดียวอย่างงั้นล่ะ” กอบชัยทักขึ้น
“ฉันก็อยู่กับคุณตลอด คุณว่าฉันจะรู้มั้ยล่ะ”
กอบชัยผงะที่เจอภรรยาย้อน เขารีบหันไปเรียกแพรวา
“หนูแพร”
แพรวาหันมาเห็นก็ยิ้มแล้วเดินเข้ามา พนารัตน์กับกอบชัยลุกขึ้นต้อนรับ
“นึกว่าไปเที่ยวสระมรกตกับเค้าซะอีก ใช้ไม่ได้เลย ตาภัทรเนี่ย ทำไมไม่ชวนหนูแพรไปด้วย” พนารัตน์ตำหนิลูกชาย
“นั่นสิ อุตส่าห์กำชับให้คอยเทคแคร์หนูแพรแล้วนะ กลับมาต้องดุกันหน่อยแล้ว” กอบชัยบอก
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แพรขี้เกียจเดินน่ะค่ะ คุณณภัทรเค้าคงอยากไปกับว่าที่ภรรยาเค้ามากกว่า” แพรวาตอบ
“โถ...ว่าที่ภรรยาอะไร ภัทรเค้ายังไม่ได้จดทะเบียนกับใครทั้งนั้นแหละ อย่าน้อยใจไปเลยนะหนูนะ” พนารัตน์ปลอบ
แพรวายิ้มอย่างรู้สึกสบายดี “แพรไม่ได้น้อยใจเลยค่ะ”
“ไม่น้อยใจซักนิดเลยเหรอ” พนารัตน์ถามย้ำ
แพรวาส่ายหน้าปฏิเสธอย่างจริงใจ “ไม่เลยค่ะ ไม่น้อยใจ ไม่โกรธ ไม่รู้สึกอะไรเลย แพรแฮปปี้ดีค่ะ”
พนารัตน์หันกับกอบชัยมองหน้ากันอย่างงงๆ
“เอ่อ...งั้นตามสบายเถอะจ้ะ”
แพรวาลุกขึ้นแล้วเดินไป พนารัตน์กับกอบชัยกลับมานั่งที่เดิมด้วยความฉงนสงสัย
“คุณรู้สึกมั้ย หนูแพรเนี่ย ดูๆไปก็ไม่เห็นเค้าจะรู้สึกรู้สาอะไรกับเจ้าภัทรเลย” พนารัตน์บอก
“คุณรัตน์กำลังสงสัยว่าเค้าไม่ได้รักลูกชายเราจริงๆ....อย่างงั้นใช่มั้ย” กอบชัยถาม
“ฉันไม่ได้พูดแบบนั้นนะ แต่ถ้าลูกชายเราไม่รู้สึกอะไร ลูกสาวเค้าก็ไม่รู้สึกอะไร แล้วถ้าจับคู่ให้อยู่กันไปมันจะรอดมั้ยล่ะคุณ”
กอบชัยกับพนารัตน์มีสีหน้าไม่สบายใจ
ณภัทรและเมธาวีนั่งเล่นอยู่ที่โขดหินห้อยขาลงไปในลำธาร ทั้งสองนั่งมองไปที่คู่ของอนามิกากับณดลซึ่งกำลังเดินเตะน้ำเล่นในลำธารที่ตื้นๆ
“ดูสองคนนั้น ท่าทางกำลังชิลเลยนะ” ณภัทรเอ่ยขึ้น
“งั้นเราก็ควรจะชิ่ง ให้เค้าอยู่กันสองคนแล้วใช่มั้ย” เมธาวีถาม
ณภัทรพยักหน้าหงึกๆ
อนามิกากับณดลยังคงเดินเตะน้ำเล่นอยู่ด้วยกัน
“โชคดีชะมัดเลย เธอรู้มั้ย ตอนฉันซื้อที่บนเกาะนี้ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเดินมาแค่ไม่ถึงชั่วโมงจะมีสระมรกตแบบนี้ เรียกว่าคุ้มสุดๆ” ณดลบอก
“นี่...คุณก็คิดแต่เรื่องคุ้ม ไม่คุ้ม มองอะไรเป็นเรื่องธุรกิจ เรื่องการลงทุนไปซะหมด” อนามิกาว่า
“ไม่ใช่อย่างง้าน เลิกมองฉันเป็นคนอย่างนั้นซะทีได้มั้ย ฉันบอกแล้วไงว่าฉันซื้อที่นี่ เพราะฉันรักธรรมชาติ”
“รักแบบคิดจะครอบครอง เป็นเจ้าของธรรมชาติน่ะสิ” อนามิกาแขวะ
“ครอบครองอะไรกัน คนเราน่ะ ควรจะอยู่ร่วมกับธรรมชาติในฐานะผู้ขออาศัย ไม่ใช่คิดจะครอบครองเป็นเจ้าของ”
ทันใดนั้นทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงเมธาวีเรียก “พี่อะนา พี่ณดล”
อนามิกากับณดลหันมาเห็นเมธาวีเดินหน้าเหยเกเข้ามาหา โดยมีณภัทรเดินตาม
“เป็นอะไรเหรอเม” อนามิกาถาม
“เม..ปวดท้อง”
“ปวดท้องอะไร เป็นอะไรเหรอ” ณดลถาม
“เอ่อ...อ่า...คือ” เมธาวีไม่ตอบณดลแต่เดินเข้าไปกระซิบบอกอนามิกา “เมปวดท้องเมนส์น่ะ ขอกลับก่อนนะ มียาอยู่ที่ห้องน่ะ”
“เหรอ...งั้นเราสองคนกลับก่อนดีกว่ามั้ย” อนามิกาชวน
เมธาวีรีบปราม “ไม่ต้องๆ พี่อะนาอยู่นี่แหละ เมกลับเอง”
“เดี๋ยวฉันเดินไปส่งเอง” ณภัทรอาสา
“เดี๋ยวก่อนนะ” ณดลหันมาหาเมธาวี “ฉันถามว่าเธอปวดท้องอะไร”
“เรื่องของผู้หญิง คุณไม่ต้องรู้หรอกน่ะ” อนามิกาตอบแทน
“ฉันถามดีๆ ก็ช่วยตอบดีๆ ได้มั้ย”
“โอ๊ย...จะรู้ไปทำไม เอ๊า...บอกก็ได้” อนามิกาพูดเสียงดัง “ยัยเมปวดท้องเมนส์”
“พี่อะนา” เมธาวีเขินอาย
ณดลหน้าเจื่อนไปทันที
“เอ่อ..โทษที ฉันเข้าใจแล้ว”
“งั้นไปหละนะ” เมธาวีเอ่ย
แล้วเมธาวีกับณภัทรก็จะเดินไปด้วยกัน แต่ณดลรีบทักไว้
“เดี๋ยว! ภัทร”
ณภัทรหันมา “อะไรพี่”
“แกอยู่กับเมียแกที่นี่แหละ เดี๋ยวฉันไปกับเมเอง” ณดลบอก
“เอ่อ..แต่ว่า...” ณภัทรอ้ำอึ้ง
“แต่ว่าอะไรของแก นี่เมียแกนะเว้ย แกก็ต้องดูแลสิ”
“เอ่อ..คือ...” ณภัทรยังคงอ้ำอึ้ง
ณภัทรหันมองหน้ากับเมธาวีเชิงปรึกษาว่าเอาไงดี สักครู่ณภัทรก็นึกขึ้นได้จึงรีบเอามือกุมท้องทำเป็นปวดท้อง
“เป็นอะไรของแกเนี่ย” ณดลถาม
“โอ๊ย...อูย..ปวดท้อง” ณภัทรร้องออกมา
“อะไรกัน อย่าบอกนะว่าปวดท้องเมนส์อีกคน” ณดลพูด
“จะบ้าเหรอพี่ ของผมปวดท้องแบบ..แบบจัดหนักน่ะพี่ สงสัยเพราะข้าวต้มกุ้งเมื่อเช้าจะออกฤทธิ์ ไปก่อนนะพี่ ไม่มีเวลาแล้ว”
ณภัทรกับเมธาวีรีบเดินย้อนกลับไปทางที่ไปเกาะ
“เฮ้ย..เดี๋ยวสิ ไอ้ภัทร...ว้า...แล้วมันจะกลับไปทันมั้ยนั่นน่ะ” ณดลเป็นห่วง
อนามิกายิ้มขำๆ เพราะรู้ทันว่าณภัทรแกล้งฟอร์มแต่เธอก็ปล่อยเลยตามเลย เพราะเธอก็อยากให้เมธาวีได้ใกล้ชิดณภัทรอยู่แล้ว
ณภัทรและเมธาวีเดินออกมาจากสระมรกตผ่านพุ่มไม้ที่นลิณากับเกตนิการ์ซ่อนตัวอยู่ ทั้งสองรีบมุดหัวหลบให้มิดชิด พอณภัทรกับเมธาวีเดินเลยไป นลิณากับเกตนิการ์ก็ค่อยๆโผล่หน้ามา
“เหลือสองคนแล้ว ยังมีโอกาสให้แก้ตัวอีกครั้งนะ” เกตนิการ์บอก
นลิณาหันไปแล้วร้องด้วยความตกใจ “หลบก่อนเร็ว”
นลิณาดึงเกตนิการ์ให้มุดหลบ แล้วชี้ไปที่ณภัทรกับเมธาวีที่เดินย้อนกลับมา หลบอยู่ที่อีกพุ่มไม้หนึ่งซึ่งอยู่ไม่ห่างจากที่นลิณากับเกตนิการ์หลบอยู่
“มันจะมาหลบทำไมเนี่ย” เกตนิการ์งง
“ฉันก็งงเหมือนกันเนี่ย” นลิณาบอก
ณภัทรกับเมธาวีหลบอยู่ในพุ่มไม้อีกพุ่มไม้หนึ่ง ทั้งสองเพ่งมองไปทางณดลกับอนามิกา
เมธาวีพูดเบาๆ “ปล่อยให้เค้าอยู่กันสองคนไม่ดีกว่าเหรอภัทร”
“ขออยู่ดูผลงานหน่อยน่า” ณภัทรบอก
นลิณาและเกตนิการ์หันไปมองณภัทรกับเมธาวี จึงเห็นณภัทรและเมธาวีที่ซ่อนอยู่ที่พุ่มไม้ไม่ห่างจากพวกเธอ ทั้งคู่จึงเริ่มเซ็ง
“ดู๊...ดู ไอ้สองคนนี้ มาทำลายโอกาสงามๆ ของฉันซะงั้น” นลิณาเซ็ง
“ใจเย็นๆ น่า ขากลับยังมี” เกตนิการ์ดึงนลิณาให้หลบมิดชิดขึ้น “หลบมาก่อน”
นลิณากับเกตนิการ์ก้มหลบอย่างมิดชิดด้วยหน้าตาเซ็งๆ
อ่านต่อหน้า 2
แหม่มแก้มแดง ตอนที่ 10
บริเวณที่พักซึ่งเต็มไปด้วยความร่มรื่นมีคนงานกำลังตัดแต่งต้นไม้อยู่ โดยมีเชษฐ์ยืนคุมงาน เมธาวีและณภัทรเดินอย่างใช้ความคิดอยู่ใกล้บริเวณนั้น
เมธาวีครุ่นคิด “เราจะช่วยจับคู่ให้พี่อะนากับพี่ณดลยังไงดีล่ะ”
ณภัทรคิดสักครู่แล้วก็โพล่งขึ้นมา “นึกออกแล้ว...ลองอย่างงี้มะ”
“ยังไงเหรอ”
ณภัทรยืนอธิบายให้เมธาวีฟัง
เชษฐ์ผละจากคนงานเดินเข้าไปหาณภัทรกับเมธาวี
“เป็นไงบ้างครับคุณ ชอบบรรยากาศที่นี่มั้ย” เชษฐ์ถาม
“ก็ดีนะ แต่ว่า...” ณภัทรชี้ไปทางป่าเขา “ถ้าเดินออกไปทางด้านหลังนี่ พอจะมีที่เที่ยวที่บรรยากาศดีๆ บ้างมั้ย”
“แล้วที่นี่บรรยากาศไม่ดีเหรอครับ” เชษฐ์ถาม
“ก็ดีค่ะ แต่อยากเปลี่ยนบรรยากาศเป็นแบบโรแมนติก..โรแมนติกบ้าง” เมธาวีบอก
“งั้นลองไปทางโน้นมั้ยครับ” เชษฐ์ชี้ไป “แต่อาจจะเดินไปไกลหน่อย”
“ทางโน้นมีอะไรเหรอ” ณภัทรถาม
“คือมันจะเป็นลานหินโล่งๆ มีแต่หินเลยครับ ไม่มีต้นไม้ซักต้น”
“แล้วแดดไม่ร้อนแย่เหรอ” ณภัทรถามต่อ
“จะเหลือหรือครับ” เชษฐ์ตอบ
ณภัทรกับเมธาวี เหล่มองหน้ากันเพราะอึ้งกับเชษฐ์
“เอ่อ...งั้นขอแบบไม่ร้อนมีมั้ย” ณภัทรบอก
“ถ้าชอบเย็นๆ งั้น...ตรงไปทางนี้ดีกว่าครับ” เชษฐ์ชี้นิ้วไป “เดินตรงไปไม่ถึงชั่วโมงก็จะเจอสระมรกต”
“สระมรกต” ณภัทรถามเชษฐ์ “สวยมั้ย”
“สวยสิครับ ขนาดเคยมีฝรั่งมาถ่ายหนังด้วยนะครับ” เชษฐ์บอก
ณภัทรและเมธาวียิ้มและพยักหน้าให้กัน ทั้งสองเห็นพ้องกันว่าที่นี่เหมาะ
“อ้อ! แล้วยังมีดอกบัวผุดสีชมพูให้ดูด้วยครับ” เชษฐ์พูดต่อ
“บัวผุดสีชมพู” ณภัทรทวนคำ
“ใช่ครับ...ไหนๆ มาถึงที่นี่แล้ว ก็ควรเดินไปดูนะครับ แล้วไม่ชวนคุณณดลกับคุณอะนาไปด้วยกันล่ะครับ”
“ชวนสิ ชวนแน่ๆ ใช่มั้ยเม”
เมธาวีและณภัทรพยักหน้าพร้อมกับยิ้มให้กันอย่างเจ้าเล่ห์
อนามิกานั่งเล่นอยู่บริเวณหน้าห้องพัก ในขณะที่เมธาวีพยายามชักชวนอนามิกา
“ไปด้วยกันเถอะพี่อะนา ไหนๆ มาแล้ว จะมัวอุดอู้อยู่ตรงนี้ทำไม”
“ฉันก็อยากไปหรอกนะ แต่ว่า...” อนามิกาป้องปากกระซิบ “พ่อแม่นายภัทรเค้าเข้าใจว่าฉันท้องอยู่ จะให้ไปตะลอนๆ ลุยป่าไปสระมรกตอะไรเนี่ยนะ”
“ก็บอกเค้าไปสิว่านายเชษฐ์บอกว่าเดินไปสบายๆ ทางไม่โหด....ไปนะพี่อะนา พวกเราก็ไปด้วยกันทั้งสี่คนนี่แหละ”
ทันใดนั้นทั้งสองก็ได้ยินเสียงนลิณา “จะไปไหนกันเหรอจ๊ะ”
อนามิกากับเมธาวีหันไปเห็นนลิณากับเกตนิการ์เดินเข้ามา อนามิกากับเมธาวีจึงรีบหยุดคุย
“ว่าไงจ๊ะ จะไปไหนกัน” เกตนิการ์ถามย้ำ
“เปล่า ไม่ได้ไม่ไปไหนซะหน่อย” อนามิกากระซิบกับเมธาวี “ไปเหอะเม ฉันไม่อยากมีเรื่อง”
“นี่..ฉันไม่ได้มาหาเรื่องนะยะ เดี๋ยวก่อน” นลิณาเรียกไว้
อนามิกากับเมธาวีไม่สนใจรีบเดินออกไปทันที นลิณามองตามไปอย่างขัดใจ
เกตนิการ์กับนลิณาเดินคุยมาด้วยกัน
“ฉันว่าพวกมันต้องแอบซุ่มไปเที่ยวไหนกันแล้วไม่บอกเราแน่ๆ” เกตนิการ์สัณนิษฐาน
“ฉันก็ว่างั้น แถมมันบอกว่าไปสี่คน คงจะชวนนายภัทรกับคุณณดลไปด้วย ...นังสองคนนี้มันแสบจริงๆ” นลิณาฉุนกึก
“หรือเราจะเล่นงานมันซะวันนี้เลย ไม่ต้องรอแล้ว” เกตนิการ์เสนอ
“ก็ดี ถ้าเราย่องแอบตามมันไป แล้วรอจังหวะดีๆ แกล้งผลักมันซะ”
“กะให้แท้งเลยใช่มั้ยงานนี้” เกตนิการ์ถาม
“ตายๆ ไปเลยยิ่งดี หลังๆ นี่ชักจะมาสนิทกับพี่ณดลของฉันอีกคน ยัยนี่...คิดจะกินรวบทั้งพี่ทั้งน้อง”
“แต่ถ้าจะเอางั้น ก็ต้องสะกดรอยตามไปให้เนียน อย่าให้มันรู้ตัว เพราะถ้ามันเห็น จะกลายเป็นคดีความใหญ่โตนะเธอ เจตนาฆ่าเนี่ย” เกตนิการ์บอก
“ฉันรู้น่ะ ฉันจะจัดการมันอย่างเงียบเชียบ ไม่ให้มันรู้ตัว ไม่ให้มันเห็นหน้าฉันด้วยซ้ำ...เรียกว่างานนี้ มันมีสิทธิ์แท้งโดยไม่รู้ตัวเลยหละ”
พูดจบแววตาของนลิณาก็ฉายแววเหี้ยมโหดออกมา
กอบชัยกับพนารัตน์เดินมาด้วยกันที่บริเวณชายหาด แล้วทั้งสองก็สะดุดสายตาเมื่อมองไปเห็นณดลนั่งที่เตียงผ้าใบซึ่งมีร่มคันใหญ่กางป้องแดดอยู่คนเดียว กอบชัยกับพนารัตน์มองหน้ากันเพราะเป็นห่วงลูก แล้วทั้งสองจึงเดินเข้าไปหา
“ทำไมมานั่งคนเดียวล่ะลูก” กอบชัยทักขึ้น
“แล้วนี่ได้กินอะไรหรือยัง” พนารัตน์ถามต่อ
“ยังเลยครับคุณแม่” ณดลตอบ
“อ้าว..แล้วไม่มีใครดูแลเลยเหรอ” พนารัตน์หันไปทางกอบชัย “คุณ..ไปเรียกเด็กมาจัดการหาอะไรให้ลูกกินหน่อยสิ”
“ไม่ต้องหรอกครับ” ณดลบอก
“อ้าว..ทำไมล่ะ” พนารัตน์สงสัย
“ผมมีคนดูแลเรื่องกินแล้ว”
กอบชัยกับพนารัตน์ยิ่งสงสัย “หือ?”
ณดลหันมองไป กอบชัยกับพนารัตน์มองตามก็เห็นอนามิกาเดินถือถาดเสิร์ฟอาหาร ที่มีข้าวผัดพร้อมถ้วยกับข้าว 2 อย่าง และแก้วพร้อมน้ำส้มอีกหนึ่งเหยือกเดินเข้ามา
“โอ้โห...นี่ยกมาเองเลยเหรอ” กอบชัยงง
“นั่นสิ เดี๋ยวคุณแม่ฉันก็ว่าเอาที่ใช้คนท้องคนไส้แบบนี้” ณดลว่า
“เด็กทุกคนกำลังงานยุ่งค่ะ เห็นว่ามันไม่ได้หนักมาก ก็เลยยกเองดีกว่า” อนามิกาตอบ
อนามิกาวางถาดอาหารลงที่โต๊ะข้างๆ เตียงผ้าใบ
“คุณผู้ชาย...คุณผู้หญิงสนใจมั้ยคะ เดี๋ยวฉันไปยกมาให้”
“โอ๊ย..ไม่ต้องหรอกจ้ะ ฉันกับคุณกอบเพิ่งกินข้าวมา” พนารัตน์บอก
ณดลตักข้าวผัดชิมคำแรกก็รู้สึกคุ้นๆ
“รสชาติคุ้นๆ นะ”
“ในครัวทุกคนก็กำลังยุ่ง ฉันเลยลงมือเองน่ะค่ะ” อนามิกาบอก
“ถึงว่า...” ณดลหันไปหาพนารัตน์ “คุณแม่ลองชิมมั้ยครับ” ณดลตักข้าวป้อนแม่ตัวเอง
“เอ้อ...” พนารัตน์หันไปบอกกอบชัย “อร่อยกว่าที่เรากินเมื่อกี้เยอะเลยคุณ”
“พอแล้วคุณน่ะ อย่าไปแย่งลูกกิน” กอบชัยบอก
“จ้ะๆ งั้นแม่ไปก่อนนะ”
กอบชัยกับพนารัตน์เดินห่างออกมา
พนารัตน์กับกอบชัยเดินคุยกันมาตามทางเลียบชายหาดอีกมุมหนึ่ง
“จะว่าไป ผู้หญิงคนนี้ก็ดูแลลูกเราได้ดีเหมือนกันนะคุณ” กอบชัยเอ่ยขึ้น
“ก็ดูจะมีความเป็นแม่บ้านแม่เรือนใช้ได้” พนารัตน์บอก
“ตอนไปช่วยงานที่ออฟฟิศณดล เห็นว่าก็ทำได้ดีอีกต่างหากนะ”
“นั่นสิ หรือเราสองคนเป็นพวกหัวล้านได้หวี เป็นพวกวานรได้แก้ว”
“ยังไงเหรอคุณ” กอบชัยถาม
“ก็เหมือนเจ้าภัทรลูกเราก็ได้แม่บ้านที่ดีเพียบพร้อมแล้ว แต่เรากลับไม่รู้ค่า เอาแต่ผลักไสไล่ส่งกันซะ”
“คุณรัตน์พูดอย่างงี้ก็ใจร้ายกับหนูแพรเกินไปหรือเปล่า ยังไงก็ต้องถือว่าหนูแพรเค้ามาก่อน ขืนจับคู่เจ้าภัทรกับยัยอะนา หนูแพรก็เสียใจแย่” กอบชัยบอก
“ฉันรู้...ก็กำลังดูๆ อยู่เนี่ยว่าจะเอาไงดี เฮ่อ...กลุ้ม”
พนารัตน์ครุ่นคิดอย่างเป็นกังวล
เมธาวี ณภัทร อนามิกา และณดลเดินออกจากรั้วไปสู่ชายป่า โดยที่ณดลสะพายกระเป๋ากล้องถ่ายรูปคู่กายมาด้วย พอเมธาวี ณภัทร อนามิกา ณดล เดินลับตาไปนลิณากับเกตนิการ์ในชุดทะมัดทะแมงก็เดินตามมา นลิณากับเกตนิการ์พยักหน้าให้กันแล้วเดินสะกดรอยตามกลุ่มของณดลไป
ณภัทรเดินนำหน้า เมธาวี อนามิกา และณดลมาตามทางในป่าที่ค่อนข้างโปร่ง อนามิกาพยายามเร่งฝีเท้าเดินตามให้ทัน ส่วนณดลเดินปิดท้ายคอยดูอนามิกาอยู่ห่างๆ
อนามิกาตะโกนกัดณภัทร “มาคนเดียวหรือไง เดินไม่รอใครเลยนะ”
“นั่นสิ เห็นใจอะนาบ้าง เมียแกท้องอยู่นะ” ณดลบอก
“ครับพี่” ณภัทรหันมาแกล้งเปิดวงแขนแล้วเดินถลาจะมาโอบอนามิกา “โถ...เมียจ๋า”
ณภัทรโผเข้าไปกอดอนามิกา อนามิกาแอบกำหมัดถองใส่ท้องเขาไปหมัดหนึ่ง
“อุ้บ! เอ่อ” ณภัทรพูดกับณดล “ดูท่ายังแข็งแรงดี คงไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ”
แล้วทุกคนก็เดินต่อ สักพักณดลก็ถามขึ้น
“เมื่อกี้เห็นเมพูดเรื่องดอกบัวผุดสีชมพู มันเป็นยังไงเหรอ”
“เมก็ไม่เคยเห็นหรอกนะคะ แต่นายเชษฐ์โฆษณาไว้ว่า หาดูได้ยาก มีอยู่ที่เดียวในประเทศไทย”
“ไม่ใช่แค่นั้นนะพี่ เค้าบอกด้วยว่าปีนึงมันจะบานแค่ไม่กี่วันเองนะ” ณภัทรเสริม
“แล้วบานช่วงไหน หน้าร้อน หน้าฝน หรือหน้าหนาว” อนามิกาถาม
“หน้านี้แหละพี่อะนา ช่วงเนี้ยกำลังบานเลย”
“โห...จังหวะดีเลยนะ โชคดีจริง พวกเรา” อนามิกายิ้ม
ทั้งสี่เดินเลยไป ครู่หนึ่งนลิณากับเกตนิการ์จึงเดินตามมาติดๆ แต่ก็เริ่มรู้สึกเหนื่อย เกตนิการ์ล้วงเป้หยิบน้ำดื่มขึ้นมาดื่ม นลิณาเห็นแล้วกลืนน้ำลายเอื้อก
“กินด้วยสิ” นลิณาล้วงหยิบน้ำในเป้ของเกตนิการ์ขึ้นมาดื่ม
“เร็ว..เดี๋ยวตามไปไม่ทัน” เกตนิการ์เร่ง
เกตนิการ์รีบรุดไป นลิณากำลังจะจรดปากดื่มน้ำจากขวดพลาสติกแต่ก็โดนเกตนิการ์เร่งขัดจังหวะ เธอรู้สึกขัดใจแต่ก็ต้องรีบเดินตามเกตนิการ์ไป
ณภัทร เมธาวี อนามิกา ณดล เดินมาตามทางในป่ามาถึงบริเวณร่มรื่นใกล้โขดหิน ทุกคนมีท่าทางเหนื่อยหอบจึงหยุดพักแล้วยกน้ำดื่มกินกัน ณดลมองอนามิกาอย่างเป็นห่วง
“พักก่อนมั้ยพวกเรา” ณดลเอ่ยขึ้น
“อะไร แค่นี้เหนื่อยแล้วเหรอ โธ่เอ๊ย...ตัวก็ออกใหญ่ เป็นผู้ชายอะไร” อนามิกาแขวะ
“นี่..ฉันแค่ห่วงเธอต่างหาก ยังท้องไส้ อย่าทำเก่งนักเลย แล้วอีกอย่างฉันจะขอตัว...เอ่อ...” ณดลอึกอัก
ณดลเดินไปหาณภัทรแล้วก็กระซิบอะไรบางอย่างกับณภัทร ณภัทรพยักหน้ารับรู้ แล้วเดินไปด้วยกัน อนามิกากับเมธาวีเดินตาม ณดลกับณภัทรหยุดชะงัก
ณดลหันมา “พวกเธอนั่งพักแถวนี้ก่อนนะ เดี๋ยวฉันมา”
ณดลกับณภัทรเดินออกไป แต่ว่าอนามิกากับเมธาวียังเดินตามไปด้วย ณดลกับณภัทรเร่งฝีเท้า อนามิกากับเมธาวีก็ยิ่งเร่งฝีเท้าตาม ณดลกับณภัทรหยุดเดินแล้วหันมามองอนามิกากับเมธาวีอย่างหงุดหงิด
“จะตามมาทำไม” ณดลถามด้วยน้ำเสียงรำคาญ
“เอ๊า...ก็มาด้วยกัน ขืนไม่เดินตามก็หลงทางสิ” อนามิกาตอบ
“ไม่หลงหรอก รอแถวนี้ก่อน” ณภัทรบอก
ณดลกับณภัทรขยับเดินต่อ อนามิกากับเมธาวีก็ขยับตาม
ณดลหันขวับมาทันที “ฉันจะไปฉี่”
“อ้าว.....แล้วก็ไม่บอก” อนามิกาพูด
นลิณากับเกตนิการ์ซ่อนตัวอยู่ที่พุ่มไม้บริเวณนั้น ทั้งสองรีบหดหัวให้มิดชิดเพราะณดลกับณภัทรเดินมายืนใกล้ๆ
ณดลกับณภัทรกำลังเตรียมจะปลดเข็มขัด ทั้งสองมองหาสถานที่แล้วก็ตัดสินใจเลือกพุ่มไม้ที่เกตนิการ์กับนลิณาซ่อนตัวอยู่ นลิณาทำท่าจะร้องออกมาแต่เกตนิการ์รีบเอานิ้วจุ๊ปากเตือนให้เงียบ ทั้งสองหลับตาปี๋แล้วทำหน้าตาขยะแขยง รอรับชะตากรรม
ทันใดนั้นเสียงอนามิกาก็ดังขึ้น “นี่! สองคนน่ะ”
ณดลกับณภัทรชะงักแล้วหันไป
อนามิกากับเมธาวียืนท้าวสะเอวอย่างไม่พอใจอยู่
“ให้มันพ้นหูพ้นตานิดนึงได้มั้ย น่าเกลียดที่สุด ไปไกลๆ ไป๊” อนามิกาไล่
“เดี๋ยวก็ได้เป็นตากุ้งยิงกันพอดี” เมธาวีเสริม
ณดลกับณภัทรกระชับหัวเข็มขัดเข้าที่แล้วเดินห่างจากอนามิกากับเมธาวีไป นลิณาและเกตนิการ์เป่าปากด้วยความโล่งอก
อนามิกาและเมธาวีก้าวขึ้นมายืนชมวิวบนโขดหินที่อยู่สูงประมาณเมตรครึ่ง นลิณาและเกตนิการ์แอบซุ่มดูอนามิกากับเมธาวีอยู่ในพุ่มไม้
“ได้จังหวะ จัดการมันแล้ว” เกตนิการ์บอก
“เดี๋ยวสิเธอ มันยังอยู่กันสองคน” นลิณาเบรก
อนามิกากับเมธาวียังคงชมวิวอยู่บนโขดหินอย่างสดชื่น
“พี่อะนา...” เมธาวีเรียก
“ว่าไง”
“เห็นหนุ่มๆ ไปยิงกระต่ายแล้วเม...เอ่อ..เมขอไปเก็บดอกไม้บ้างนะ”
“แหม...ใช้คำโบราณจังนะ ก็พูดมาเหอะว่าไปฉี่” อนามิกาแซว
“แหม...ก็สุภาพนิดนึง งั้นเดี๋ยวมานะ”
เกตนิการ์กับนลิณาแอบซุ่มดูจนเห็นว่าเมธาวีเดินออกไปแล้ว ทั้งสองจึงหันมามองหน้ากัน
“โอกาสทองฝั่งเพชรเลยหละคราวนี้ จัดการมันเลยนีน่า”
นลิณาพยักหน้า “เธอดูต้นทางให้ด้วยนะ”
นลิณาขยับออกจากพุ่มไม้แล้วค่อยๆย่องไปข้างหลังอนามิกาที่กำลังยืนเหม่อเพลินๆ นลิณาเดินใกล้เข้ามาพร้อมกับยื่นสองมือเตรียมผลักเต็มที่ เกตนิการ์ซึ่งหลบซุ่มอยู่ก็ลุ้นไปด้วย แต่พอหันไปอีกทางเกตนิการ์ก็ต้องหน้าตาตื่นพร้อมกับรีบหลบ
“แล้วเมล่ะ” เสียงณภัทรถามดังขึ้น
นลิณาตกใจจึงรีบพุ่งกระโจนมุดเข้ามาในพุ่มไม้จนเกิดเสียงดังสวบ!!
ณภัทรเดินเข้าไปหาอนามิกา
“ยัยเมน่ะเหรอ” อนามิกาพยักหน้าไปทางหนึ่ง “ไปเก็บดอกไม้ทางนู้นน่ะ”
“เหรอ...เอ้อ..เดี๋ยวไปช่วยเก็บ” ณภัทรจะเดินไปตามทางที่อนามิกาพยักหน้าบอก
อนามิการีบเดินตามไปคว้าแขนณภัทรไว้ “จะบ้าเหรอ เก็บดอกไม้แปลว่าไปฉี่..โอ๊ย! ต้องให้แปลด้วยเหรอนี่”
นลิณานอนพังพาบอยู่ข้างๆ เกตนิการ์ในพุ่มไม้
นลิณาร้องออกมาเบาๆ “อูยย...”
เกตนิการ์ถามเสียงเบา “เป็นอะไรหรือเปล่า”
นลิณาค่อยๆ หันมาทำให้เกตนิการ์เห็นว่าทั้งกิ่งไม้ ทั้งหนามตำอยู่ที่ใบหน้า และริมฝีปาก และมีใบไม้ติดที่ผมของนลิณา
“อุ้ย!” เกตนิการ์ตกใจ
“ชะ..ช่วย ช่วยแกะหนามหน่อย” นลิณาขอ
“ได้ๆๆ” เกตนิการ์แกะหนามกิ่งไม้เล็กๆ ที่ตำริมฝีปากให้นลิณา
“อุ๊ย...อูย”
“ชู่ววว เบาๆ สิเธอ” เกตนิการ์ปราม
เกตนิการ์ดึงหนามกิ่งไม้ให้ ในขณะที่นลิณทำหน้าตาบูดเบี้ยวเพราะเจ็บปวดแต่ก็ต้องกลั้นเสียงร้องไม่ให้ดังเกินไป
ณดล อนามิกา ณภัทร เมธาวี เดินเข้ามาหยุดที่จุดชมวิวบริเวณสระมรกต ทั้งสี่ตื่นตาจนแทบลืมหายใจไปกับวิวตรงหน้าเพราะบริเวณอันกว้างขวางของสระมรกตดูสดชื่นสวยงาม
“วาว...” อนามิการ้องออกมา
“สวยจริงๆ เลยเน๊อะพี่อะนา” เมธาวีบอก
“อืม...เห็นแล้วหายเหนื่อยเลย” อนามิกาชื่นชม
ณภัทรชวนเมธาวี “มานี่เร็ว”
ณดลรีบยกกล้องถ่ายรูปขึ้นมาถ่ายเก็บความประทับใจ ณภัทรเดินนำเมธาวีไปที่ลำธารตรงสระมรกต เมธาวีเดินเหยียบโขดหินเดินตามไปอย่างไม่ค่อยถนัด ณภัทรหันมาช่วยจับมือเมธาวีไว้ เมธาวียิ้มเขินอาย แล้วทั้งสองก็เดินไปที่ริมสระมรกต
อนามิกายืนชมสระมรกตอยู่ ณดลเดินมายืนข้างๆ แล้วหลับตาพริ้มสูดอากาศ อนามิกาเหลือบมองณดลอย่างรู้สึกดีๆ ครู่ใหญ่ณดลจึงเหลือบมองมา อนามิการีบหลบตาแล้วทำเป็นมองชมวิวสระมรกต
ทุกคนชื่นชมกับธรรมชาติของสระมรกตอย่างมีความสุข ณดลยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปอิริยาบถของแต่ละคน
พนารัตน์นั่งดื่มกาแฟและกินของว่างยามบ่ายอยู่ที่โต๊ะนั่งเล่นที่ร่มรื่นใกล้กับที่พัก
ในขณะที่กอบชัยกำลังเพ่งอ่านข่าวจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือ พนารัตน์มองไปรอบๆ
“พวกเด็กๆหายไปไหนกันหมดเนี่ย” พนารัตน์แปลกใจ
กอบชัยยังเพ่งมองหน้าจอโทรศัพท์ “เห็นเค้าว่าเดินไปดูสระมรกตกัน ผมก็อยู่กับคุณตลอดคุณจะถามอะไรผมนักหนาล่ะ”
พนารัตน์หันมาทำตาเขียวใส่ กอบชัยยังไม่รู้ตัวจนหันมาเห็นหน้าพนารัตน์ กอบชัยถึงกับสะดุ้ง
“อุ้ย!” กอบชัยยิ้มเจื่อนๆ แล้วก็ไปสะดุดที่แพรวาซึ่งกำลังเดินอยู่คนเดียว
“อ้าว...ไหงหนูแพรมาเดินอยู่คนเดียวอย่างงั้นล่ะ” กอบชัยทักขึ้น
“ฉันก็อยู่กับคุณตลอด คุณว่าฉันจะรู้มั้ยล่ะ”
กอบชัยผงะที่เจอภรรยาย้อน เขารีบหันไปเรียกแพรวา
“หนูแพร”
แพรวาหันมาเห็นก็ยิ้มแล้วเดินเข้ามา พนารัตน์กับกอบชัยลุกขึ้นต้อนรับ
“นึกว่าไปเที่ยวสระมรกตกับเค้าซะอีก ใช้ไม่ได้เลย ตาภัทรเนี่ย ทำไมไม่ชวนหนูแพรไปด้วย” พนารัตน์ตำหนิลูกชาย
“นั่นสิ อุตส่าห์กำชับให้คอยเทคแคร์หนูแพรแล้วนะ กลับมาต้องดุกันหน่อยแล้ว” กอบชัยบอก
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แพรขี้เกียจเดินน่ะค่ะ คุณณภัทรเค้าคงอยากไปกับว่าที่ภรรยาเค้ามากกว่า” แพรวาตอบ
“โถ...ว่าที่ภรรยาอะไร ภัทรเค้ายังไม่ได้จดทะเบียนกับใครทั้งนั้นแหละ อย่าน้อยใจไปเลยนะหนูนะ” พนารัตน์ปลอบ
แพรวายิ้มอย่างรู้สึกสบายดี “แพรไม่ได้น้อยใจเลยค่ะ”
“ไม่น้อยใจซักนิดเลยเหรอ” พนารัตน์ถามย้ำ
แพรวาส่ายหน้าปฏิเสธอย่างจริงใจ “ไม่เลยค่ะ ไม่น้อยใจ ไม่โกรธ ไม่รู้สึกอะไรเลย แพรแฮปปี้ดีค่ะ”
พนารัตน์หันกับกอบชัยมองหน้ากันอย่างงงๆ
“เอ่อ...งั้นตามสบายเถอะจ้ะ”
แพรวาลุกขึ้นแล้วเดินไป พนารัตน์กับกอบชัยกลับมานั่งที่เดิมด้วยความฉงนสงสัย
“คุณรู้สึกมั้ย หนูแพรเนี่ย ดูๆไปก็ไม่เห็นเค้าจะรู้สึกรู้สาอะไรกับเจ้าภัทรเลย” พนารัตน์บอก
“คุณรัตน์กำลังสงสัยว่าเค้าไม่ได้รักลูกชายเราจริงๆ....อย่างงั้นใช่มั้ย” กอบชัยถาม
“ฉันไม่ได้พูดแบบนั้นนะ แต่ถ้าลูกชายเราไม่รู้สึกอะไร ลูกสาวเค้าก็ไม่รู้สึกอะไร แล้วถ้าจับคู่ให้อยู่กันไปมันจะรอดมั้ยล่ะคุณ”
กอบชัยกับพนารัตน์มีสีหน้าไม่สบายใจ
ณภัทรและเมธาวีนั่งเล่นอยู่ที่โขดหินห้อยขาลงไปในลำธาร ทั้งสองนั่งมองไปที่คู่ของอนามิกากับณดลซึ่งกำลังเดินเตะน้ำเล่นในลำธารที่ตื้นๆ
“ดูสองคนนั้น ท่าทางกำลังชิลเลยนะ” ณภัทรเอ่ยขึ้น
“งั้นเราก็ควรจะชิ่ง ให้เค้าอยู่กันสองคนแล้วใช่มั้ย” เมธาวีถาม
ณภัทรพยักหน้าหงึกๆ
อนามิกากับณดลยังคงเดินเตะน้ำเล่นอยู่ด้วยกัน
“โชคดีชะมัดเลย เธอรู้มั้ย ตอนฉันซื้อที่บนเกาะนี้ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเดินมาแค่ไม่ถึงชั่วโมงจะมีสระมรกตแบบนี้ เรียกว่าคุ้มสุดๆ” ณดลบอก
“นี่...คุณก็คิดแต่เรื่องคุ้ม ไม่คุ้ม มองอะไรเป็นเรื่องธุรกิจ เรื่องการลงทุนไปซะหมด” อนามิกาว่า
“ไม่ใช่อย่างง้าน เลิกมองฉันเป็นคนอย่างนั้นซะทีได้มั้ย ฉันบอกแล้วไงว่าฉันซื้อที่นี่ เพราะฉันรักธรรมชาติ”
“รักแบบคิดจะครอบครอง เป็นเจ้าของธรรมชาติน่ะสิ” อนามิกาแขวะ
“ครอบครองอะไรกัน คนเราน่ะ ควรจะอยู่ร่วมกับธรรมชาติในฐานะผู้ขออาศัย ไม่ใช่คิดจะครอบครองเป็นเจ้าของ”
ทันใดนั้นทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงเมธาวีเรียก “พี่อะนา พี่ณดล”
อนามิกากับณดลหันมาเห็นเมธาวีเดินหน้าเหยเกเข้ามาหา โดยมีณภัทรเดินตาม
“เป็นอะไรเหรอเม” อนามิกาถาม
“เม..ปวดท้อง”
“ปวดท้องอะไร เป็นอะไรเหรอ” ณดลถาม
“เอ่อ...อ่า...คือ” เมธาวีไม่ตอบณดลแต่เดินเข้าไปกระซิบบอกอนามิกา “เมปวดท้องเมนส์น่ะ ขอกลับก่อนนะ มียาอยู่ที่ห้องน่ะ”
“เหรอ...งั้นเราสองคนกลับก่อนดีกว่ามั้ย” อนามิกาชวน
เมธาวีรีบปราม “ไม่ต้องๆ พี่อะนาอยู่นี่แหละ เมกลับเอง”
“เดี๋ยวฉันเดินไปส่งเอง” ณภัทรอาสา
“เดี๋ยวก่อนนะ” ณดลหันมาหาเมธาวี “ฉันถามว่าเธอปวดท้องอะไร”
“เรื่องของผู้หญิง คุณไม่ต้องรู้หรอกน่ะ” อนามิกาตอบแทน
“ฉันถามดีๆ ก็ช่วยตอบดีๆ ได้มั้ย”
“โอ๊ย...จะรู้ไปทำไม เอ๊า...บอกก็ได้” อนามิกาพูดเสียงดัง “ยัยเมปวดท้องเมนส์”
“พี่อะนา” เมธาวีเขินอาย
ณดลหน้าเจื่อนไปทันที
“เอ่อ..โทษที ฉันเข้าใจแล้ว”
“งั้นไปหละนะ” เมธาวีเอ่ย
แล้วเมธาวีกับณภัทรก็จะเดินไปด้วยกัน แต่ณดลรีบทักไว้
“เดี๋ยว! ภัทร”
ณภัทรหันมา “อะไรพี่”
“แกอยู่กับเมียแกที่นี่แหละ เดี๋ยวฉันไปกับเมเอง” ณดลบอก
“เอ่อ..แต่ว่า...” ณภัทรอ้ำอึ้ง
“แต่ว่าอะไรของแก นี่เมียแกนะเว้ย แกก็ต้องดูแลสิ”
“เอ่อ..คือ...” ณภัทรยังคงอ้ำอึ้ง
ณภัทรหันมองหน้ากับเมธาวีเชิงปรึกษาว่าเอาไงดี สักครู่ณภัทรก็นึกขึ้นได้จึงรีบเอามือกุมท้องทำเป็นปวดท้อง
“เป็นอะไรของแกเนี่ย” ณดลถาม
“โอ๊ย...อูย..ปวดท้อง” ณภัทรร้องออกมา
“อะไรกัน อย่าบอกนะว่าปวดท้องเมนส์อีกคน” ณดลพูด
“จะบ้าเหรอพี่ ของผมปวดท้องแบบ..แบบจัดหนักน่ะพี่ สงสัยเพราะข้าวต้มกุ้งเมื่อเช้าจะออกฤทธิ์ ไปก่อนนะพี่ ไม่มีเวลาแล้ว”
ณภัทรกับเมธาวีรีบเดินย้อนกลับไปทางที่ไปเกาะ
“เฮ้ย..เดี๋ยวสิ ไอ้ภัทร...ว้า...แล้วมันจะกลับไปทันมั้ยนั่นน่ะ” ณดลเป็นห่วง
อนามิกายิ้มขำๆ เพราะรู้ทันว่าณภัทรแกล้งฟอร์มแต่เธอก็ปล่อยเลยตามเลย เพราะเธอก็อยากให้เมธาวีได้ใกล้ชิดณภัทรอยู่แล้ว
ณภัทรและเมธาวีเดินออกมาจากสระมรกตผ่านพุ่มไม้ที่นลิณากับเกตนิการ์ซ่อนตัวอยู่ ทั้งสองรีบมุดหัวหลบให้มิดชิด พอณภัทรกับเมธาวีเดินเลยไป นลิณากับเกตนิการ์ก็ค่อยๆโผล่หน้ามา
“เหลือสองคนแล้ว ยังมีโอกาสให้แก้ตัวอีกครั้งนะ” เกตนิการ์บอก
นลิณาหันไปแล้วร้องด้วยความตกใจ “หลบก่อนเร็ว”
นลิณาดึงเกตนิการ์ให้มุดหลบ แล้วชี้ไปที่ณภัทรกับเมธาวีที่เดินย้อนกลับมา หลบอยู่ที่อีกพุ่มไม้หนึ่งซึ่งอยู่ไม่ห่างจากที่นลิณากับเกตนิการ์หลบอยู่
“มันจะมาหลบทำไมเนี่ย” เกตนิการ์งง
“ฉันก็งงเหมือนกันเนี่ย” นลิณาบอก
ณภัทรกับเมธาวีหลบอยู่ในพุ่มไม้อีกพุ่มไม้หนึ่ง ทั้งสองเพ่งมองไปทางณดลกับอนามิกา
เมธาวีพูดเบาๆ “ปล่อยให้เค้าอยู่กันสองคนไม่ดีกว่าเหรอภัทร”
“ขออยู่ดูผลงานหน่อยน่า” ณภัทรบอก
นลิณาและเกตนิการ์หันไปมองณภัทรกับเมธาวี จึงเห็นณภัทรและเมธาวีที่ซ่อนอยู่ที่พุ่มไม้ไม่ห่างจากพวกเธอ ทั้งคู่จึงเริ่มเซ็ง
“ดู๊...ดู ไอ้สองคนนี้ มาทำลายโอกาสงามๆ ของฉันซะงั้น” นลิณาเซ็ง
“ใจเย็นๆ น่า ขากลับยังมี” เกตนิการ์ดึงนลิณาให้หลบมิดชิดขึ้น “หลบมาก่อน”
นลิณากับเกตนิการ์ก้มหลบอย่างมิดชิดด้วยหน้าตาเซ็งๆ
อ่านต่อหน้า 2
แหม่มแก้มแดง ตอนที่ 10
แพรวาเดินอยู่บริเวณแนวรั้วที่พักซึ่งเป็นทางเดินจากที่พักไปสู่แนวป่า จู่ๆ เกตนิการ์กับนลิณาก็เดินหัวเราะกันมาก่อนจะเร่งฝีเท้าตามแพรวา
“ยัยแพร” นลิณาเรียกน้องสาว “ฉันมีข่าวดีมาบอก เธอต้องขอบคุณฉันมากๆ เลยนะ ที่ช่วยกำจัดเสี้ยนหนามให้เธอ”
“เสี้ยนหนาม?” แพรวางง
เกตนิการ์ป้องปากบอกแพรวา “ก็ยัยอะนาไง”
แพรวาหน้าเสียอย่างรู้สึกผิดเพราะไม่อยากจะทำร้ายใคร
“คุณอะนาเค้าเป็นอะไรเหรอคะ”
นลิณาทวนคำถาม “เป็นอะไร? เป็นผีตายทั้งกลมเฝ้าป่าอยู่หละมั้ง”
นลิณาหันมายิ้มขำกับเกตนิการ์ เกตนิการ์หันมองแพรวาที่ดูจะช็อคไป
“ดู๊..ดู...ไหงน้องสาวเธอไม่ยักจะดีใจแฮะ”
“อู๊ย..ไม่อยากจะคิดนะว่ามันจะโดนหามมาในสภาพไหน สงสัยจะยับเยินไม่มีดี” นลิณาบอก
“แบบนั้นน่ะเหรอคะ”
พูดจบแพรวาก็ชี้ไป เกตนิการ์กับนลิณาหันมองตามไปก็เห็นณดลแบกอนามิกาขี่หลังมาจากแนวป่า ทั้งสองมีสีหน้ายิ้มแย้มและคุยเล่นกันมาตลอดทางโดยไม่มีทีท่าว่าจะเจ็บหนักเลย
นลิณากับเกตนิการ์หันมองหน้ากันอย่างประหลาดใจ
เกตนิการ์พูดเบาๆ “ไหงสภาพมันถึงหน้าระรื่นอย่างงั้นล่ะ”
นลิณาหน้าเหวอเพราะผิดคาดสุดๆ
ณดลเดินเข้ามาแล้วค่อยๆ วางอนามิกาลงบนโต๊ะนั่งเล่นบริเวณนั้น แต่ด้วยน้ำหนักของอนามิกาซึ่งกำลังโอบรอบคอณดลอยู่จึงหน่วงเอาณดลจนเกือบหน้าคะมำคว่ำไป
“โอ๊ย..วางเบาๆ สิ ฮ่าๆๆ” อนามิกาหัวเราะ
นลิณาเห็นแล้วแทบคลั่ง เธอหันไปกระซิบกับเกตนิการ์
“มันไม่เป็นอะไรเลย” นลิณาแสร้งเดินไปหาพร้อมกับทำเป็นตื่นตกใจ “อุ๊ยตายแล้ว! เกิดอะไรขึ้นน่ะ เธอเป็นอะไรหรือเปล่าอะนา”
เกตนิการ์เข้ามาเสริม “มีอะไรให้พวกเราช่วยมั้ยจ๊ะ ไหน...เจ็บตรงไหน”
แพรวายืนเหวอๆ ที่นลิณากับเกตนิการ์เสแสร้ง แพรวามองหน้านลิณากับเกตนิการ์อย่างเข้าใจเรื่องทั้งหมดดี สักพักพนารัตน์ก็รี่เข้ามาอีกคน
“อะไรกันจ๊ะ เกิดอะไรขึ้นเนี่ย”
“ข้อเท้าพลิกนิดหน่อยน่ะค่ะคุณผู้หญิง” อนามิกาตอบ
“แล้ว...” พนารัตน์ชี้ที่ท้องอนามิกา “ในท้องเธอ”
“ไม่กระทบกระเทือนค่ะ แค่ปวดที่ข้อเท้า” อนามิกาตอบ
“อืม..” พนารัตน์หันมาหาณดล “งั้นแม่ว่านะ รีบพาอะนาไปหาเจ้าภัทรก่อนดีกว่า ให้สามีเค้าเห็นหน้าซักหน่อย”
ณดลได้ยินก็ถึงกับสะอึก
แพรวา นลิณา และเกตนิการ์ก็สะอึกกับคำพูดของพนารัตน์
“รายนั้นก็เดี้ยงกลับมาเหมือนกัน” พนารัตน์ชี้ไป “นอนอยู่ในห้องโน่นน่ะ”
“ครับคุณแม่” ณดลรับคำ
ณดลประคองอนามิกาให้ลุกขึ้นยืน อนามิกายันกายลุกขึ้นยืน ณดลประคองให้อนามิกากอดคอแล้วเดินไป พนารัตน์เดินตาม ทิ้งให้เกตนิการ์กับนลิณา และแพรวายืนอยู่ด้วยกัน
แพรวาโล่งใจที่อนามิกาไม่เป็นอะไรมาก ส่วนนลิณากับเกตนิการ์มองตามอย่างขัดใจสุดๆ
“ตายๆๆ ทางโน้นนายภัทรก็อี๋อ๋อกับยัยเม ทางนี้ก็เดินกอดกันกลม” เกตนิการ์พูด
“แต่ฉันยังไม่หยุดหรอกนะ ถ้ามันจะโชคดีรอดไปได้ทุกครั้งก็ให้มันรู้ไปสิ”
นลิณาพูดด้วยสายตาเคียดแค้นเอาจริง
ณภัทรกับอนามิกานอนอยู่ด้วยกันบนเตียงในห้องพัก โดยที่ทางฝั่งณภัทรมีเมธาวีนั่งที่ข้างเตียงคอยดูแล ส่วนทางฝั่งอนามิกาก็มีณดลนั่งอยู่ข้างๆ กอบชัยกับพนารัตน์ยืนดูอยู่ไม่ห่าง
“นี่ แกแค่เจ็บเข่านิดหน่อย อย่าสำออยนักเลย ลุกขึ้นมาดูแลเมียแกได้แล้ว” ณดลบอก
ณภัทรขยับลุกขึ้นมา “ครับๆๆ”
ณภัทรรับครีมบรรเทาปวดมาจากเมธาวี แล้วมาถูนวดข้อเท้าให้อนามิกาอย่างนุ่มนวล พนารัตน์สะกิดกอบชัยแล้วกระซิบบอกสามีอย่างชอบอกชอบใจ
“ดูสิคุณ...ฉันไม่เคยมาก่อนเลยนะ”
กอบชัยงง “ไม่เคยเห็นอะไรคุณ”
“เจ้าภัทรน่ะสิ ฉันไม่เคยเห็นเค้าทำตัวเป็นผู้ชายอบอุ่น โรแมนติก นุ่มนวลกับภรรยาแบบนี้”
“อะไรของคุณ เห็นดีเห็นงามไปกับคู่นี้แล้วเหรอ แล้วหนูแพรล่ะ” กอบชัยถาม
พนารัตน์จุ๊ปากให้สามีเงียบ “ชู่วว...ไปคุยกันที่อื่นดีกว่า” พนารัตน์พูดกับทุกคนในห้อง “มีคนดูแลกันแล้ว แม่กับพ่อขอตัวก่อนนะ”
ทุกคนส่งเสียงขานรับ “ครับ / ค่ะ” แล้วพนารัตน์กับกอบชัยก็เดินออกไป
ณภัทรทาครีมบรรเทาปวดที่ข้อเท้าให้กับอนามิกาอย่างทะนุถนอม ณดลมองแล้วรู้สึกเจ็บจี๊ดอยู่ในใจ เมธาวีแอบสังเกตเห็นอาการของณดลก็รู้สึกเห็นใจณดลที่ต้องทนทุกข์และรู้สึกผิดเพราะไม่รู้ความจริงว่าอนามิกาเป็นแค่เมียกำมะลอของณภัทรเท่านั้น
เตาปิ้งบาร์บีคิวตั้งอยู่ที่มุมหนึ่งที่ลานกว้างของเกาะ ส่วนโต๊ะที่จัดเป็นมุมเครื่องดื่มอยู่อีกมุม บนโต๊ะมีชามอ่างใส่ sangria สีสวยวางอยู่ ส่วนอีกมุมมีโต๊ะที่วางอาหารต่างๆ เช่นสปาเก็ตตี้ สลัดผัก และผลไม้ตั้งอยู่
พนารัตน์กับกอบชัยนั่งอยู่ด้วยกันที่โต๊ะรับประทานอาหาร อนามิกาเดินถือจานอาหารมาสองจาน
อนามิกาวางจานอาหารให้บนโต๊ะ “สลัดผักกับกุ้งเผาของคุณผู้หญิงค่ะ แกะกุ้งให้แล้วนะคะ” อนามิกาวางอีกจาน “แล้วนี่ของคุณผู้ชาย ปลากะพงเผาค่ะ”
ทันใดนั้น เกตนิการ์และนลิณาก็เดินแทรกเข้ามา นลิณายกจานปลาหมึกย่างมาวางแทรกจานของอนามิกา
“จิบเครื่องดื่มแกล้มปลาเผาจะไปอร่อยอะไร ทานปลาหมึกย่างนี่เป็นกับแกล้มดีกว่าค่ะ” นลิณาพูดกัดอนามิกา “เธอนี่ไม่รู้อะไรเล๊ย..”
กอบชัยดันจานของนลิณาออกอย่างเกรงใจ “เอ่อ..คือ..ช่วงนี้หมอห้ามน่ะ”
“ห้ามอะไรเหรอคะ” นลิณาถาม
“ช่วงนี้คุณหมอสั่งงดอาหารที่คลอเลสเตอรอลสูง ปลาหมึกเนี่ยตัวดีเลย” อนามิกากัดนลิณาคืน “เธอนี่ไม่รู้อะไรเล๊ย”
เกตนิการ์กับนลิณาถึงกับสะอึก
“นี่เธอว่าเพื่อนฉันเหรอ” เกตนิการ์ถามฉุนๆ
นลิณาเหล่มองพนารัตน์แล้วทำเป็นสร้างภาพ “ไม่เป็นไรหรอกเกด ใครจะว่าอะไรก็ช่าง เราจะไม่ตอบโต้ คุณอาทั้งสองจะได้สบายใจนะจ๊ะ”
“อุ๊ยตาย..น่ารักจังหนูนีน่าเนี่ย...มา...จานเนี้ย ฉันกินเองก็ได้” พนารัตน์บอก
พนารัตน์ยิ้มแล้วเลื่อนจานมา พอพลิกอีกด้านของปลาหมึกย่างก็เห็นว่าปลาหมึกเกรียมเป็นรอยดำๆ พนารัตน์ลังเลนิดหนึ่งแล้วก็ใช้ส้อมจิ้มปลาหมึกไปจิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ด กำลังจะส่งเข้าปากอยู่แล้ว แต่อนามิกาจับมือพนารัตน์ไว้
“เดี๋ยวก่อนค่ะ”
พนารัตน์อ้าปากค้างที่โดนเบรก ก่อนจะใช้สายตาเหล่มองอนามิกาเชิงตำหนิ
“อะนา ไปจับมือคุณแม่อย่างงั้นได้ไง จะเล่นอะไรก็ให้รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่บ้าง” นลิณาต่อว่า
พนารัตน์ส่งสายตาตำหนิ “นั่นสิ เธอทำบ้าอะไรของเธอเนี่ย...หา”
“คืองี้ค่ะ อาหารปิ้งย่างที่ไหม้เกรียมจนเป็นดำๆ แบบนี้ มันจะมีสารก่อมะเร็งน่ะค่ะ” อนามิกาบอก
“เออ จริงสิ” พนารัตน์เห็นด้วย
“ใช่....ผมก็เคยอ่านเจอในหนังสือเหมือนกันนะคุณรัตน์” กอบชัยสนับสนุน
พนารัตน์รีบวางทันที “ขอบใจนะจ๊ะอะนา” พนารัตน์ผลักจานเลื่อนส่งคืนนลิณาด้วยสายตาไม่พอใจ “เธอเอาของเธอคืนไปแล้วกัน”
นลิณารับจานมาด้วยหน้าเจื่อนๆ เกตนิการ์รีบสะกิดบอกเพื่อน
“ถอยก่อนเหอะ”
นลิณากับเกตนิการ์ถอยออกมา แต่ก็ยังมองหน้าอนามิกาอย่างไม่พอใจ อนามิกาทำเมินเหมือนไม่ใส่ใจ พนารัตน์ตักสลัดและกุ้งเผาที่อนามิกาเสิร์ฟให้ กินไปพลางคุยกับกอบชัยไป
“เกือบไปแล้ว ดีนะได้ยัยอะนาเตือนไว้”
กอบชัยพูดเบาๆ “ผมก็เคยบอกคุณแล้วไง หนูอะนาเนี่ย เรื่องการดูแล เป็นแม่บ้านอะไรนี่เค้าใช้ได้เลยนา”
ทั้งสองทานอาหารกันต่ออย่างมีความสุข อนามิกายิ้มอย่างดีใจที่ผู้ใหญ่ทั้งสองเริ่มเห็นความดีที่ตนทำ
แพรวายืนปิ้งบาร์บีคิวแต่ด้วยความที่เป็นคุณหนูไม่เคยทำอะไรจึงยักแย่ยักยัน ทั้งกลัวร้อน และกลัวไอร้อนระเบิดขึ้นมา เธอเอาแปรงชุบบาร์บีคิวซอสทาที่เนื้อก็ยื่นมือเข้าไป แต่หลบหน้าแหยงๆ แล้วไฟก็ปะทุขึ้น แพรวาร้องออกมาด้วยความตกใจ
“ว๊าย!”
ณภัทรเดินถือเครื่องดื่ม พนารัตน์ถือบาร์บีคิวมาไม้หนึ่งแล้วมายืนประกบหลังก่อนจะสะกิดณภัทร
พนารัตน์พยักหน้าไปทางแพรวา “ไปช่วยหนูแพรเค้าหน่อยสิลูก”
“ครับคุณแม่” ณภัทรรับคำ
ณภัทรเดินตรงไปช่วย พนารัตน์ยืนมองลูกชายอยู่ห่างๆ
“โอ๊ย” แพรวาร้องด้วยความตกใจ
ณภัทรเข้ามาพูดกับแพรวา “แพร...ไหวมั้ยคุณ ผมช่วยมั้ย”
“ไม่ต้องค่ะ คุณไปนั่งดีกว่า เนี่ย..แพรกำลังทำให้คุณภัทรทานนี่แหละ”
“โอย..อย่าลำบากเลยครับ ผมว่าผมจัดการเองดีกว่า”
“แพรทำให้ค่ะ” แพรวาพลิกไม้แต่น้ำมันปะทุใส่พร้อมกับไอร้อนวูบที่มือ “ว๊าย”
แพรวาตกใจทำบาร์บีคิวที่ถือในมือตกพื้น เธอรีบก้มเก็บแลดูลุกลี้ลุกลนไปหมด ณภัทรเดินไปเอาเครื่องดื่ม พนารัตน์ยกบาร์บีคิวที่ถือในมือขึ้นมากินหนึ่งคำก่อนจะส่ายหน้าว่าแพรวาท่าทางจะไม่ผ่าน
สักพักเมธาวีก็เดินมาที่แพรวากับณภัทร
“คุณแพร...ให้ฉันช่วยดีกว่า” เมธาวีอาสา
“คุณเม” แพรวามองเมธาวีอย่างรู้สึกผิด “โกรธแพรอยู่หรือเปล่าคะ”
เมธาวีงง “โกรธ? ทำไมต้องโกรธด้วยล่ะคะ”
“ก็เรื่องออเดอร์เสื้อผ้าที่พี่นีน่ากับพี่เกดแคนเซิ่ล ทำให้คุณเมต้องเดือดร้อนน่ะ”
“มันผ่านไปแล้ว อย่าไปพูดถึงมันเลยค่ะ แล้วจริงๆ มันไม่ใช่ความผิดของคุณแพรซะหน่อย” เมธาวีบอก
“ขอบคุณนะคะ คุณเมนี่เป็นคนจิตใจดีจริงๆ เลยนะคะ”
“โอ๊ย..ไม่กล้ารับหรอกค่ะ ฉันไม่ใช่คนดีขนาดนั้น มา..ทางนี้ฉันช่วยจัดการเอง คุณแพรไปนั่งพักเถอะ”
แพรวาพยักหน้าแล้วถอยออกมาก้าวหนึ่ง เมธาวีจับไม้บาร์บีคิวพลิกอีกด้านแล้วเอาแปรงทาซอสอย่างคล่องแคล่ว พนารัตน์ที่ยืนมองอยู่พยักหน้าช้าๆ อย่างพอใจ
“ดูสิคะ ขนาดปิ้งบาร์บีคิว คุณเมยังทำได้ดีกว่าแพรเยอะเลย” แพรวาพูด
“แหม...ก็ฉันเคยทำงานร้านอาหารที่ลอนดอน กะไอ้เรื่องปิ้งๆ ย่างๆ แค่นี้ ถือว่าเด็กๆ ค่ะ”
ณภัทรเดินกลับมา เขาเอาเครื่องดื่มให้แพรวา
“มา...ฉันช่วยอีกคน” ณภัทรอาสา
ณภัทรกับเมธาวีช่วยกันปิ้งบาร์บีคิวอย่างดูเข้าขา แพรวาถอยออกมามองด้วยสายตาที่ยอมรับว่าตนไม่ดีพอที่จะเป็นแม่บ้านแม่เรือนให้ใคร
อนามิกากำลังยืนตักแซงเกรีย (sangria) ซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่มีแอปเปิ้ลหั่นเป็นชิ้นสวยๆ จากชามอ่างใส่แก้วทรงกว้าง ณดลเดินเข้ามายืนข้างๆ
“อะไรเนี่ย...พั้นช์หรือเปล่า” ณดลถาม
“คล้ายๆ กันค่ะ แต่นี่เค้าเรียกว่า แซงเกรีย” อนามิกาบอก
“แซงเกรีย?”
“ก็เป็นเครื่องดื่มยอดฮิตของทางสเปนเค้าน่ะ ลองชิมดูมะ”
อนามิกาตักให้ชิมเล็กน้อย ณดลรับมาจิบแล้วก็รู้สึกผิดคาด
“อืม...อร่อยนี่ เติมอีกหน่อยได้มั้ย เร็ว..อย่างกสิ”
อนามิกาตักเพิ่มให้
ณดลจิบอีก “อื้ม...อร่อยมากเลยอ่ะ เอาอะไรมาผสมกันบ้างนี่”
“ก็คล้ายๆ พั้นช์ แต่เพิ่มไวน์แดง กับดาร์กรัมเข้าไป”
ณดลหยุดกึก “อ้าว! ใส่เหล้าด้วยเหรอ งั้นขอผ่านเลย เธอก็รู้ว่าฉันคออ่อน แตะแอลกอฮอล์แทบไม่ได้ แล้วยังจะตักให้ฉันกินอีก”
“เอ๊า..แล้วเมื่อกี้ใครคะยั้นคะยอให้เติม พอเติมช้า ก็หาว่างก”
ณภัทรกับเมธาวี ถือแก้วที่ว่างเปล่าแล้วมาขอเติม
“ขอเติมหน่อยจ้า” เมธาวีบอก
“ขอสองเลยคร๊าบ” ณภัทรเสริม
“อ้าว..ภัทร หัวเข่าหายเจ็บแล้วเหรอ” อนามิกาถาม
“สบายมาก แล้วเธอล่ะ” ณภัทรถามกลับ
“ก็ถ้าไม่ไปกดโดนข้อเท้า มันก็ไม่เจ็บแล้วหละ” อนามิกาตักเครื่องดื่มที่ใกล้จะหมดให้ณภัทร แล้วหันมาคุยฟุ้งกับณดล “เห็นมั้ย ฝีมือฉัน... ขายดีจนหมดเลย”
“ได้ไงอนามิกา...ทำอร่อยขนาดนี้ มันต้องทำเพิ่มอีก” ณภัทรเชียร์
“ถ้าร้องขอ ขนาดนี้ เดี๋ยวจัดให้” อนามิกาบอก
อนามิกากำลังจะเดินไป เมธาวีก็เอ่ยขึ้น
“งั้นเม ไปเป็นเพื่อนอะนาหยิบของมาทำดีกว่า”
ณภัทรมีแผนบางอย่างอยู่ในหัว
“เราว่าวานพี่ณดลเขาไปเป็นเพื่อนอะนาแทนดีกว่า....คนนี้เรื่องรายละเอียดวัตถุดิบ..ขอบอกว่าสุดยอด...โอเคไม๊ครับพี่ณดล”
“งั้นก็ได้” ณดลตกลง
แล้วทั้งสองคนก็เดินออกไป ณภัทรยิ้มอย่างมีแผน เมธาวียังตามแผนของณภัทรไม่ทัน
อนามิกาเดินนำณดลลงบันไดห้องเก็บไวน์ที่เป็นชั้นใต้ดินไป
“ก็อยู่ซะลึกลับแบบนี้นี่เอง ฉันถึงไม่เคยรู้” ณดลบอก
“ก็มัวเห่อแต่ขี่ม้า เลยไม่เคยเข้ามาสำรวจข้างในนี่น่ะสิ” อนามิกาว่า
อนามิกาเดินนำณดลลงไปในห้องที่มีแสงสลัว สักครู่ ณภัทรกับเมธาวีจึงย่องตามลงมา
เมธาวีกระซิบถามณภัทร “เราจะตามมาเค้ามาทำไมเนี่ย”
ณภัทรกระซิบตอบ “ก็อยากรู้นี่ว่าเค้าแอบไปทำอะไรกันสองคน”
ณภัทรเดินตามลงไป เมธาวีจำใจเดินตามแบบไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่
อนามิกาเดินนำณดลมาหยุดที่หน้าประตูไม้ของห้องเก็บไวน์ที่ดูเก่าโบราณ
อนามิกาออกแรงดันประตู แล้วหันมาบอกณดล “ช่วยหน่อยสิคุณ”
“ได้...” ณดลออกแรงผลักประตู
ณดลเปิดประตูเข้ามาในห้องเก็บไวน์ที่มีแสงสลัว ขวดไวน์มากมายวางเอียงเก็บเป็นแถว ณดลเดินเข้ามาแล้วมองไปรอบๆ อนามิกาดันประตูให้ปิดแล้วเดินตาม
“วาว...ไม่เบาเลยนะเนี่ย” ณดลกอดอกและห่อไหล่ “แต่หนาวชะมัด”
“อุณหภูมิห้องเก็บไวน์ก็ราวๆ สิบกว่าองศาหละค่ะ รีบเลือกมาซักขวดสองขวดแล้วรีบออกจากห้องเหอะ” อนามิกาบอก
“เดี๋ยวสิ ขออยู่ชื่นชมหน่อย ดูสิ ฉันนี่นะ เหล้าไวน์แทบไม่แตะ ใครจะไปคิดว่าวันนึงจะกลายเป็นเจ้าของห้องเก็บไวน์”
“งั้นคุณอยู่ชื่นชมไปคนเดียวแล้วกันนะ” อนามิกาเลือกหยิบไวน์มาสองขวด “ฉันหนาว ฉันไปก่อนหละ”
อนามิกาเดินไปที่ประตูแล้วพยายามจะเปิดประตู แต่ก็เปิดไม่ได้ ส่วนณดลยังเพลิดเพลินกับการเดินหยิบขวดโน้นขวดนี้มาอ่านฉลากดู และไม่ได้สนใจอนามิกาที่พยายามเปิดประตูจนหน้าบิดหน้าเบี้ยว ดึงเข้าก็แล้ว ดึงออกก็แล้ว แต่ไม่ว่าจะดันยังไง จะกระชากยังไงก็ไม่เป็นผล
ณดลหันมาเห็นอนามิกา “อ้าว...จะรอฉันทำไม เธอก็ไปก่อนสิ”
“ใครรอคุณ? ฉันเปิดประตูไม่ได้ ช่วยหน่อยสิ”
“ได้ๆ”
ณดลออกแรงทั้งผลัก ทั้งดัน และกระชากยังไงก็ไม่เป็นผลเช่นกัน ณดลหันมาทำตาโตตกใจ
“ฉันก็เปิดไม่ได้”
อนามิกาถึงกับเหวอ
ณภัทรเดินขึ้นบันไดพร้อมกับหัวเราะร่วนด้วยความชอบใจ ส่วนเมธาวีขึ้นบันไดตามมา
“ภัทร...ไม่ทำเกินไปหน่อยเหรอ นายจะขังพี่อะนาไว้กับพี่ณดลอย่างงั้นจริงๆ อ่ะนะ”
ณภัทรหยุดเดิน “ฮ่าๆๆ ก็ไม่ดีเหรอ เราอยากให้พี่ณดลกับอะนาได้อยู่ใกล้ๆ กันอยู่แล้วนี่”
“แต่นั่นมันห้องเก็บไวน์ไม่ใช่เหรอ”
“ใช่” ณภัทรตอบ
“แล้วไม่หนาวแย่เหรอนั่นน่ะ”
“หนาวสิดี เผื่อว่าเค้าจะได้โหยหาไออุ่นกันไง ฮ่าๆๆ...อุ้ย!”
ณภัทรสะอึกเมื่อเห็นว่าเมธาวีหน้าเครียดและไม่ขำด้วย
“นี่..ซีเรียสไปได้ ให้เค้าอยู่กันแค่ซักสิบนาที เดี๋ยวเราก็มาเปิดให้แล้ว ไม่ได้จะขังไว้ให้หนาวตายซะหน่อย”
“อืม..” เมธาวีคิดตาม แล้วก็ยิ้มออก “ก็ดีเหมือนกันนะ นึกภาพว่าพอพี่อะนาหนาว พี่ณดลก็จะต้องโอบ”
“แต่ตอนนี้ เราควรออกไปก่อนดีกว่า เดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่จะถามหาว่าหายไปไหนกัน”
พูดจบณภัทรเดินไป เมธาวีรีบเดินตามออกไป
นลิณากับเกตนิการ์เดินหาณดลจนมาหยุดที่แพรวาที่กำลังนั่งกินอาหารอยู่คนเดียว
“นี่..ยัยแพร เห็นคุณณดลบ้างมั้ย” นลิณาถาม
“ไม่เห็นเลยค่ะพี่นีน่า”
“แล้วมัวมานั่งกินอะไรอยู่ หน้าที่เธอคืออะไร อยู่ใกล้ๆ นายภัทรไว้ใช่มั้ย”
“นั่นไง นายภัทรมาโน่นแล้ว” เกตนิการ์ชี้ไป
ณภัทรกับเมธาวีเดินผ่านหน้าทั้งสามไปตักเครื่องดื่มเติมแล้วไปนั่งคุยเฮฮากันสองคน นลิณามองอย่างไม่พอใจ
“ฉันหละมึนไปหมดแล้ว เราพยายามกีดกันยัยอะนาออกจากนายภัทร แต่ไหงกลายเป็นว่า เราเจอนายภัทรทีไร ก็อยู่ใกล้ยัยเมทุกที”
“ปล่อยไว้ไม่ได้นะ เธอสองคนต้องจัดการยัยเมนะ” เกตนิการ์ย้ำ
“จัดการเพื่อใครยะ เพื่อเธอหรือเพื่อยัยแพรน้องสาวฉัน” นลิณาถามอย่างไม่ไว้ใจ
“นีน่า เธอไม่ไว้ใจฉันเหรอ”
“ใช่ ฉันรู้นะว่าเธอชอบนายภัทร” นลิณาหันมาหาแพรวา “ยัยแพร เธอจะมัวมานั่งเย็นใจไม่ได้นะ นอกจากยัยอะนา กับยัยเมแล้ว ก็ยังมียัยเกดคอยจ้องนายภัทรอยู่อีกคน”
“นี่...อย่าไปยุน้องสาวเธอแบบนั้นได้มั้ย” เกตนิการ์พูดกับแพรวา “น้องแพรจ๋า พี่ไม่ได้เป็นศัตรูของน้องแพรหรอกนะ”
“ค่ะพี่เกด แพรก็ไม่เคยคิดว่าพี่เกดเป็นศัตรูนะคะ” แพรวาตอบ
“ยัยแพร แกอย่าเชื่อคนง่ายเกิน” นลิณาหันมาหาเกตนิการ์ “ยัยเกด ฉันดูเธอออกนะยะ”
“นี่! แล้วเราจะมัวมาทะเลาะกันเองทำไม ยัยเมควงนายภัทรหายไปแล้วเนี่ย” เกตนิการ์ทัก
นลิณากับแพรวาหันมองไปก็ไม่เห็นมีใครอยู่ในบริเวณนั้นแล้ว
“หายไปไหนกันหมด ทั้งนายภัทร ทั้งคุณณดล โอ๊ย...ฉันอยากจะบ้า” นลิณาโวยใส่ทั้งสองคน “เธอสองคนไม่เคยจะช่วยอะไรฉันได้เล๊ย...โธ่เอ๊ย!”
นลิณาเดินกระแทกเท้าออกไป แพรวากับเกตนิการ์มองตามอย่างปลงๆ
อนามิกาพยายามตะโกนเรียกคนมาช่วย ขณะที่ณดลยืนกอดอกสู้อากาศหนาวในห้อง
“ช่วยด้วย....ช่วยด้วย...มีคนติดอยู่ในห้อง...ช่วยเปิดประตูที...ช่วยด้วย”
ณดลตะโกนสวนขึ้นมา เพราะเริ่มรำคาญ “พอแล้ว!”
อนามิกาหันมาที่ณดลแต่ยังไม่รู้ตัว “เร็วสิคุณ ช่วยกันตะโกนเรียกคนมาช่วยสิ” อนามิกาตะโกนต่อ “ช่วยด้วย”
“พอเถอะ! ไม่มีใครได้ยินหรอก ตะโกนไปก็เจ็บคอเปล่าๆ” ณดลบอก
“แล้วเราจะทำยังไง สัญญาณโทรศัพท์ก็ไม่มี”
“เดี๋ยวก็ต้องมีคนรู้ว่าเราหายไป แล้วเค้าก็ออกตามหากันเองแหละน่ะ” ณดลพูดอย่างมีความหวัง
“แล้วเค้าจะรู้มั้ยล่ะว่าเราอยู่ห้องนี้”
“นั่นสินะ ขนาดฉันเองเป็นคนซื้อที่นี่ ยังไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามีห้องเก็บไวน์ด้วย”
ณดลนั่งยองๆ ปัดพื้นที่ใกล้ริมผนัง
“คุณจะทำอะไรน่ะ” อนามิกาถาม
“หาที่นั่งน่ะสิ” ณดลตอบแล้วลงไปนั่งกอดอดขดตัว
“นั่งด้วยสิ หนาวจะตายอยู่แล้ว”
อนามิกาทรุดตัวลงนั่งเบียดๆ แล้วชันเข่าขึ้นมากอดเข่าตัวกลม
“นี่...ถ้าเป็นในหนังนะ คนเป็นผู้ชายเค้าต้องเสียสละถอดเสื้อให้ผู้หญิงห่มกันหนาว” อนามิกาพูด
“แต่นี่เป็นเรื่องจริง ขืนผมถอดเสื้อให้คุณ ผมก็ปอดบวมตายพอดี”
อนามิกาเอามือมาถูๆ กันให้อุ่น “บรื๋อ หนาวจนจะหายใจเป็นควันอยู่แล้ว ทำไงดีล่ะคุณ”
ณดลพยายามคิดหาวิธี สักพักก็นึกออกจึงลุกพรวดขึ้น
“คุณจะทำอะไรเหรอ” อนามิกาถาม
ณดลหยิบไวน์มาขวดหนึ่ง แล้วหยิบที่เปิดไวน์เก่าๆ ที่วางอยู่มาพยายามจะเปิดขวดไวน์
“อะไรของคุณ จะหนาวตายแล้วยังจะมีอารมณ์มาเปิดไวน์กินเนี่ยนะ”
“ก็เพราะหนาวน่ะสิ เลยจะขอตัวช่วยให้ร่างกายอุ่นขึ้นบ้างน่ะ”
ณดลเปิดจุกขวดไวน์ได้สำเร็จ อนามิการีบคว้าคอขวดขึ้นมาจะยกดื่ม ณดลรีบแย่งกลับ
“เฮ้ย..ไม่ได้นะ”
“ทำไมล่ะ ฉันก็หนาวเป็นนะ ขอสักอึกให้ร้อนวูบๆ เผื่อจะอุ่นขึ้นบ้าง”
“จะกินไวน์ได้ยังไง เธอยังท้องอยู่นะ”
“เออ...จริงด้วยแฮะ ลืมไปเลย”
“อะไรของเธอเนี่ย ลืมว่าตัวเองท้องได้ด้วยเหรอ”
“เอ่อ...ก็...” อนามิกาอ้ำอึ้ง
“เอามานี่”
ณดลแย่งขวดไวน์ไปจากมืออนามิกาแล้วมองอนามิกาด้วยสายตาตำหนิ อนามิกาหลบตาจ๋อยๆ ก่อนจะกอดอกกระชับด้วยความหนาว
เมธาวีเปิดประตูห้องพักของณภัทรให้ณภัทรถือชามอ่างเครื่องดื่มเดินเข้าประตูมา
“มาแล้ว...จัดเต็มมาเลยคราวนี้” ณภัทรบอก
“โอ้โห...ไม่เหลือแบ่งคนอื่นเลยเหรอภัทร” เมธาวีถาม
“ก็เห็นไม่มีใครอยู่แล้วนี่ ทิ้งไว้ก็เสียของเปล่าๆ”
ณภัทรวางชามอ่างแก้วที่โต๊ะเตี้ยๆ แล้วนั่งลงที่โซฟา เมธาวีขยับมาตักเครื่องดื่มใส่แก้วแล้วส่งให้ณภัทรแก้วหนึ่ง แล้วตักให้ตัวเองแก้วหนึ่ง
“มา...ชนแก้วกัน ดื่มให้พี่ณดลกับอะนา” ณภัทรบอก
เมธาวียกแก้วขึ้นมา แล้วชะงัก “ไปเปิดประตูให้พวกเค้าก่อนมะ”
“เดี๋ยวสิ ชนแก้วก่อน”
ทั้งสองชูแก้วขึ้นชนกันเหนือศีรษะ
“เอ้า...โชน!”
อ่านต่อหน้า4
แหม่มแก้มแดง ตอนที่ 10
ขวดไวน์ที่หมดแล้ววางนอนอยู่กับพื้น ณดลนั่งกับพื้นเอาหลังพิงผนังห้อง โดยมีอนามิกานั่งเบียดกอดเข่ากอดอกขดตัวด้วยความหนาว
อนามิกาเริ่มสัปหงกแล้วเอียงตัวหลับมาเบียดณดล ณดลหันมองอนามิกาแล้วก็เผลอปล่อยใจด้วยความรู้สึกชอบพอที่มีในใจ อนามิกาหลับแต่ก็ยังหนาวจนตัวสั่น ริมฝีปากสั่น ณดลค่อยๆ ยกมือขึ้นโอบ
ณดลพูดเบาๆ “หนาวสั่นไปหมดแล้ว”
ณดลโอบกอดอนามิกาไว้ในวงแขนให้ใบหน้าของอนามิกาซบอยู่ที่อกของเขา ณดลพยายามจะกอดเพื่อให้ไออุ่นกับอนามิกาให้มากที่สุด
อนามิกาที่หลับอยู่สวมกอดตอบเพื่อหาไออุ่นโดยสัญชาตญาณ เธอซบกับอกอุ่นๆ ของณดล ณดลรู้สึกถึงอ้อมกอดของอนามิกาแล้วก็ตกใจเล็กน้อย ณดลชั่งใจอยู่เล็กน้อยแต่พออนามิกาขยับมากอดแน่นขึ้น ณดลก็ค่อยๆ ปล่อยใจแล้วสวมกอดตอบ
ณดลนิ่งมองใบหน้าของอนามิกาอยู่พักใหญ่ แล้วเอียงแก้มไปซบศีรษะของอนามิกา ณ เวลานี้ ณดลรู้สึกมีความสุขเหมือนอยู่ในฝัน
แก้ว และอ่างเครื่องดื่มที่หมดแล้ววางอยู่บนโต๊ะในห้องพักของณภัทร ณภัทรกับเมธาวีเมาและนอนอิงแอบกันอยู่ที่โซฟา
ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนจะดังขึ้นถี่ๆ แล้วประตูก็ถูกผลักเข้ามา เกตนิการ์เดินนำนลิณากับแพรวาเข้ามาในห้อง เกตนิการ์เห็นสภาพของเมธาวีกับณภัทรแล้วก็ตะลึงจนตาค้าง นลิณากับแพรวาตามเข้ามาเห็นก็เหวอพอกัน
“ว๊าย...นี่มันอะไรกัน” นลิณาตกใจ
เกตนิการ์เข้าไปดึงคอเสื้อเมธาวี เมธาวีเงยหน้ามาอย่างงงๆ
“แกทำอะไรยะ กระทั่งสามียัยอะนา เธอยังกล้ามั่วไม่รู้หัวรู้หางแบบนี้เรอะ”
“มั่วอะไร ฉันไม่ได้ทำอะไรซะหน่อย” เมธาวีตอบเสียงมึนเมา
เมธาวีหันไปมองแล้วเห็นว่าแขนของณภัทรยังโอบตนอยู่ก็ตกใจแล้วผงะออกมา
“ว้าย!”
เกตนิการ์รีบเข้าไปประคองณภัทร “ภัทร นายเป็นอะไรหรือเปล่า โถ”
นลิณาเห็นเกตนิการ์ประคองณภัทรถึงเนื้อถึงตัวก็รีบดักคอ
“นี่...ยัยเกดทำอะไรก็ให้เกรงใจกันบ้าง น้องแพรยังยืนอยู่ตรงนี้นะยะ”
“อ้าว..เอ่อ...ฉันไม่ได้คิดอะไรนะ มาสิ แพร มาช่วยกัน” เกตนิการ์ชวน
“ค่ะ” แพรวาเข้าไปช่วยอย่างไม่เต็มใจ เพราะรังเกียจที่ณภัทรเมาหมดสภาพ “แล้วนี่อะไร ทำไมต้องเมาขนาดนี้ด้วย”
“งั้นให้น้องแพรดูแลนายภัทรต่อแล้วกันนะ เธอยัยเกด ยัยเม รีบออกไปจากห้องเลยไป” นลิณาสั่ง
“พี่นีน่า แพรไม่เอาหละค่ะ เหม็นเหล้าจะตาย ใครช่วยดูแลแทนทีเถอะ”
แพรวามองณภัทรอย่างผิดหวังแล้วก็หันเดินออกจากห้องไป
“แพร..ยัยแพร โอ๊ย! น้องสาวฉัน ไม่ได้อย่างใจเล๊ย” นลิณาโมโห
เมธาวีเขย่าตัวปลุกณภัทร ณภัทรงัวเงียขึ้นมา
“นี่...แล้วรู้มั้ยว่าคุณณดลหายไปไหน” นลิณาถามขึ้น
“พี่ณดลเหรอ” เมธาวีนึกขึ้นได้ ก็ตกใจรีบถามณภัทร “ภัทร นายเปิดประตูให้พี่ณดลแล้วใช่มั้ย”
ณภัทรส่ายหน้าอย่างมึนๆ “หึ...ยังอ่ะ”
“หา!” เมธาวีตกใจมาก
ณดลกับอนามิกายังนั่งกอดกันกลมเพราะความหนาว ณดลค่อยๆ ขยับหน้าจากที่เอียงไปซบศีรษะของอนามิกาออกมามองหน้าของอนามิกาที่กำลังหลับสบาย
ณดลเผลอยิ้มออกมา เขามองอนามิกาอยู่ครู่ใหญ่ ณดลเผลอใจถลำลึกค่อยๆ เอียงไปหาอนามิกาอย่างช้าๆ อย่างห้ามใจที่จะหอมแก้มอนามิกาไม่ไหว
ณดลเอาจมูกแตะสัมผัสแก้มอนามิกา แล้วเขาก็คืนสติจึงผงะกลับมา อนามิกาลืมตาโพลง เธอขยับมือสัมผัสแก้มตัวเองเบาๆ เป็นเชิงรับรู้ว่าณดลหอมแก้มตน ณดลใจหายเพราะรู้สึกผิดและอาย
“อะนา...ฉัน..” ณดลพูดเบาๆ “ฉันขอโทษ”
อนามิกายิ้มอย่างรู้สึกดีๆ แต่ก็หลบตาณดล
ทันใดนั้น ประตูก็เปิดผัวะเข้ามา เมธาวี ณภัทร นลิณา เกตนิการ์พรวดเข้ามาในห้องเก็บไวน์ พอเห็นณดลกับอนามิกากำลังนั่งตระกองกอดกันอยู่ที่พื้น ทุกคนก็นิ่งอึ้ง
“นี่มันอะไรกัน คุณณดล...ยัยอะนา” นลิณาโวยขึ้น
นลิณาตรงไปกระชากคอเสื้ออนามิกา แต่เมธาวีกับณภัทรช่วยกันปรามไว้
“นีน่า...ไม่เอา อะนาเค้ายังท้องอยู่นะ” ณภัทรหันไปหาเกตนิการ์ “เกด ขอร้องหละ เธอพาเพื่อนเธอออกไปก่อนได้มั้ย”
เกตนิการ์ดึงนลิณาออกไป “ออกไปก่อนเหอะ”
“ไม่! ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น ยัยอะนา แกมาขลุกกับคุณณดลตรงนี้ได้ยังไง” นลิณาโกรธจัด
“นีน่า หยุดทีเถอะ” ณดลตวาด
ณดลค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้นแล้วประคองอนามิกาขึ้นมาด้วย
“ไอ้ภัทร รีบพาเมียแกออกไปสิ อะนาเค้าหนาวจนตัวสั่นเป็นลูกนกแล้ว”
“ครับๆๆ” ณภัทรรับคำ
ณภัทรกับเมธาวีช่วยกันประคองอนามิกาออกไป อนามิกาเดินกอดอกตัวสั่นออกมา นลิณารีบไปดูแลณดลที่เดินรั้งท้ายออกมา
“คุณณดล เป็นอะไรหรือเปล่าคะ เดี๋ยวนีน่าดูแลให้นะคะ”
ณดลยกมือขึ้นปราม “ขอโทษนะ ผมอยากอยู่คนเดียว”
แล้วณดลก็เดินผ่านหน้านลิณาออกไป นลิณาแทบจะกรี๊ดอกแตกตายด้วยความคลั่งแค้น เธอหันมาระบายกับเกตนิการ์
“ยัยอะนา แกอีกแล้ว ฉันจะฆ่าแก”
“ก็ฆ่าซะทีสิ” เกตนิการ์บอก
“หา...เธอว่าไงนะยัยเกด”
“เธอก็พูดแต่ว่าจะฆ่ามัน จะเล่นงานมัน จะทำให้มันแท้ง แต่ฉันก็ไม่เห็นเธอจะจัดการขั้นเด็ดขาดซะที”
“ก็ได้...งั้นเธอคอยดู...พรุ่งนี้ฉันจะช่วยกำจัดมารหัวขนให้มันเอง”
เกตนิการ์แอบยิ้มพอใจเพราะต้องการให้นลิณากำจัดอนามิกาให้พ้นทาง
นลิณาพูดด้วยแววตาเคียดแค้น
“นังอะนา พรุ่งนี้หละจะเป็นวันชะตาขาดของแก”
ณภัทรนอนเหยียดยาวหลับสบายอยู่บนโซฟาในห้องมืดสลัว ส่วนอนามิกานอนก่ายหน้าผากลืมตาโพลงอยู่บนเตียงเพราะภาพของณดลที่หอมแก้มตนแว่บเข้ามาในความคิดของเธอ อนามิกานอนอมยิ้มอย่างมีความสุข
ณดลยืนมองหน้าตัวเองในกระจกที่อยู่เหนืออ่างล้างหน้าในห้องน้ำซึ่งอยู่ในห้องพักของเขาด้วยความรู้สึกสับสน ใจหนึ่งมีความสุขอย่างคนตกหลุมรัก แต่อีกใจก็รู้สึกผิดบาปที่ทำกับเมียของน้องชายแท้ๆ ของตนแบบนี้
ภาพใบหน้าอนามิกาที่หลับในอ้อมกอดของเขาแว่บเข้ามาในความคิด ณดลเผลอยิ้มกับตัวเองอย่างมีความสุข
ณดลนึกถึงตอนที่เขาก้มไปหอมแก้มอนามิกา พอเงยหน้ามาเห็นว่าอนามิการู้ตัว มองตนอยู่ อนามิกายกมือลูบแก้มตัวเอง
ณดลรู้สึกผิด
ณดลตำหนิตนเองในกระจก “ทำไมเราถึงทำอะไรชั่วๆ แบบนั้น อะนาเป็นเมียของน้องชายเราแท้ๆ ทำไมเรายังกล้าทำเลวๆ แบบนั้น”
ณดลน้ำตาไหลเพราะความรู้สึกผิดท่วมท้นจนทนไม่ไหว เขาเงื้อหมัดจะต่อยหน้าตัวเองในกระจก แต่ก็ยั้งหมัดไว้ก่อนที่จะถึงกระจก
“โธ่โว้ย...ต้องทำอะไรซักอย่างแล้ว ขืนปล่อยไป เราคงต้องทำสิ่งที่ผิดบาป แล้วก็จะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต”
ณดลน้ำตาไหล เขาก้มหน้าเพราะรู้สึกผิดทำให้ไม่กล้าสบตากับตัวเองในกระจก
เช้าวันใหม่ พนารัตน์กับกอบชัยกำลังรับประทานอาหารเช้าควบคู่กับจิบชา กาแฟอยู่ที่โต๊ะอาหาร ณภัทรเดินงัวเงียเข้ามาหา
“อ้าว...เจ้าภัทร นี่แกมาคนเดียวเหรอ” กอบชัยทักลูกชาย
“แล้วอะนาล่ะ พนารัตน์ถาม
“อะนาอยู่ที่ห้องน่ะครับ พี่ณดลโทรตามให้ผมมานี่ มีเรื่องอะไรเหรอครับ”
กอบชัยกับพนารัตน์หันมองหน้ากันอย่างงงๆ ณภัทรนั่งลงแล้วรินชาใส่ถ้วยหน้าตนเองก่อนจะยกขึ้นจิบ สักพักณดลก็เดินเข้ามาด้วยท่าทางขึงขังเหมือนมีธุระสำคัญจะแจ้งให้ทุกคนทราบ
“ณดล จะกินอะไรก่อนมั้ย” พนารัตน์ถาม
“ดีเลยครับ ผมก็หิว” ณภัทรบอก
ณดลพูดกับณภัทร “อย่าเพิ่ง แกฟังฉันพูดก่อน”
“มีอะไรเหรอพี่ณดล ทำไมต้องทำหน้าซีเรียสด้วย” ณภัทรถาม
“ก็เพราะฉันซีเรียสน่ะสิ” ณดลบอกแล้วหันไปหากอบชัยกับพนารัตน์ “คุณพ่อครับ คุณแม่ครับ กิจการทั้งหมดในกรุงเทพฯ ที่ผมดูแล ผม...ขอลาออกครับ”
ทุกคนผงะด้วยความตกใจ
“เดี๋ยวนะ กิจการในกรุงเทพฯนั่นก็เป็นของณดลเอง นี่ลูกจะลาออกจากบริษัทของลูกเองได้ยังไง” กอบชัยถาม
“ได้สิครับคุณพ่อ” ณดลบอก
“ณดลออกไปแล้วใครจะมาทำแทนล่ะลูก” พนารัตน์ถาม
“ก็เจ้าภัทรไงล่ะครับ”
ณภัทรกำลังยกชาขึ้นจิบพอดีถึงกับสำลักพรวดออกมา
“ห๊ะ?! ผมเนี่ยนะ ปรึกษาผมรึยังพี่” ณภัทรตกใจ
“ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันจะย้ายมาดูแลที่เกาะนี่ ส่วนที่กรุงเทพฯ ฉันจะยกให้แกดูแลทั้งหมด”
ณภัทร กอบชัย และพนารัตน์ต่างงงเป็นไก่ตาแตก ทั้งสามหันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
อนามิกานั่งคุยกับเมธาวีอยู่ที่โขดหินริมชายหาดด้วยท่าทางกลัดกลุ้ม
“ฉันไม่ไหวแล้วนะเม ฉันไม่ใช่เมียนายภัทร ฉันไม่ได้ท้อง ฉันไม่อยากหลอกทุกคนอีกต่อไปแล้ว”
“ใจเย็นๆ พี่อะนาไม่ได้หลอกใครซะหน่อย ที่ทำไปก็เพราะพี่ต้องช่วยให้นายภัทรไม่ต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่ได้รักต่างหาก”
“ในมุมของนายภัทรมันก็ใช่..ฉันอาจเป็นคนที่ช่วยเหลือเค้า แต่ในมุมมองของครอบครัวเค้าล่ะ ฉันคงไม่พ้นเป็นไอ้คนลวงโลก” อนามิกาบอก
“ก็ถ้าถึงเวลานั้น เราอธิบายเหตุผลให้เค้าฟัง เค้าก็น่าจะเข้าใจนะ”
“ถ้ามันง่ายอย่างงั้นก็ดีสิ” อนามิกาเศร้า “ถ้าคุณณดลรู้ความจริงเมื่อไหร่ ฉันตายแน่”
เมธาวีเศร้าตาม “ก็คงงั้นนะ คุณณดลคงไม่พอใจมากๆ” แล้วเมธาวีก็นึกได้จึงยิ้มขึ้นมา “แต่ก็ไม่แน่นะ พี่ณดลอาจจะดีใจก็ได้”
“ดีใจเนี่ยนะ”
“ใช่! ภัทรเค้ายังสงสัยเลยว่าพี่ณดลรู้สึกดีๆ กับพี่อะนา ถ้าเขารู้ว่าพี่อะนาไม่ใช่เมียของน้องชายเค้า เค้าก็ต้องดีใจสิ”
“แต่ไอ้ความรู้สึกดีๆ ที่คุณณดลมีให้ฉัน ก็คงกลายเป็นติดลบ เค้าต้องโกรธ ต้องเกลียดฉันแน่ๆ ที่ไปล้อเล่นกับความรู้สึกเค้าแบบนั้น”
“อืม..ก็จริงนะ แล้วถ้างั้น...พี่อะนาจะทำยังไงคะ”
“ฉันไม่อยากโกหกใครอีกต่อไปแล้ว” อนามิกาตัดสินใจแน่วแน่ “ถึงครอบครัวนายภัทรจะต้องเกลียดฉัน ฉันก็จะบอกความจริงกับทุกคน”
อนามิกาตั้งใจแน่วแน่กับคำพูดของตน
กอบชัย พนารัตน์ และณภัทรยังคงนั่งงงเป็นไก่ตาแตกอยู่ที่โต๊ะที่กำลังกินอาหารเช้ากัน
“เดี๋ยวๆๆ ช่วยบอกพ่อหน่อยซิว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จู่ๆ ณดลถึงอยากทิ้งกิจการที่กรุงเทพฯ มาดูแลที่เกาะนี่ล่ะ” กอบชัยถาม
“ผมไม่ได้ทิ้งครับ ผมแค่ส่งต่อให้เจ้าภัทรรับช่วงดูแล ยังไงธุรกิจที่กรุงเทพฯก็ยังเป็นของตระกูลเราอยู่ดี” ณดลบอก
“แต่ผมยังไม่พร้อมที่จะดูแลกิจการระดับนี้หรอกนะครับพี่” ณภัทรรีบบอก
“ณดลบอกแม่ได้มั้ย ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่” พนารัตน์ถาม
“ก็..ไม่มีอะไรหรอกครับคุณแม่”
“ถ้าลูกเหนื่อย ก็ลาพักร้อนยาวๆ ซักเดือนสองเดือน แล้วค่อยกลับมาบริหารใหม่ก็ได้นี่นา” พนารัตน์เสนอ
“ผมไม่ได้เหนื่อยหรอกครับ ผมแค่ไม่อยากอยู่กรุงเทพฯอีกแล้ว ขอให้ผมได้ย้ายออกมาให้ไกลๆ จากกรุงเทพฯ เถอะครับ”
พนารัตน์กับกอบชัยหันมามองหน้ากันอย่างจนปัญญาที่จะเจรจา ณภัทรมองณดลอย่างจับผิด เพราะเขาสงสัยว่าสาเหตุน่าจะมาจากอนามิกา
ณดลเดินเลียบชายหาดมา ณภัทรเร่งฝีเท้าตามมาคุยกับพี่ชายตัวเอง
“พี่ณดล..พี่...”
ณดลชะงักแล้วหันมา “มีอะไร”
“เพราะอะนาใช่มั้ย”
ณดลอึ้ง แต่ก็รีบทำกลบเกลื่อน “แกพูดอะไรน่ะ”
“เหตุผลที่พี่ต้องการหนีจากกรุงเทพฯ ก็เพราะพี่จะหนีห่างจากอะนาใช่มั้ย”
“เอ่อ..” ณดลยังทำปากแข็ง “อะนาเป็นน้องสะใภ้ฉัน เป็นแม่ของหลานฉันด้วย ทำไมฉันถึงต้องหนีด้วยล่ะ”
“เพราะพี่รู้สึกผิดบาปที่เกิดความรู้สึกดีๆ กับอะนาเค้าน่ะสิ”
“ไอ้ภัทร แกพูดบ้าอะไรออกมา อะนาเค้าเป็นเมียแกนะ”
“พี่ณดลฟังผมนะ พี่ไม่ต้องรู้สึกผิดบาปอะไรทั้งนั้น ผมอยากให้พี่อดทนอีกนิด อย่าเพิ่งทิ้งกิจการที่กรุงเทพฯ”
“แกพูดอะไรของแก ฉันไม่เข้าใจ”
“อีกไม่นาน พอพี่ได้รู้ความจริง พี่ก็จะเข้าใจ”
ณดลยิ่งงง “เข้าใจอะไรวะ”
“ขอโทษนะพี่ ผมยังบอกอะไรพี่มากกว่านี้ไม่ได้ เอาเป็นว่า พี่เชื่อผม พี่ไม่ต้องทิ้งกิจการที่กรุงเทพฯ แล้วก็ไม่ต้องรู้สึกผิดด้วย โอเคนะพี่”
ณภัทรยืนเก้ๆ กังๆ อย่างไม่รู้จะปลอบใจณดลยังไง สักพักเขาก็ยื่นมือตบไหล่พี่ชายอย่างเขินๆ สองที ก่อนจะเดินไปทางที่พัก
ณดลมองตามณภัทรไปอย่างงงๆ เพราะจับต้นชนปลายไม่ถูกกับสิ่งที่ณภัทรพูด
เมธาวีกับอนามิกาจะเดินไปรับประทานอาหารบริเวณที่พัก
สักพักอนามิกาก็หยุดเดิน “เธอไปกินคนเดียวเหอะเม ฉันยังไม่หิวน่ะ”
“พี่อะนา ยังไงก็ควรจะทานอะไรรองท้องบ้างนะ”
เมธาวีเห็นอนามิกาอึ้งๆ เหวอๆ พร้อมกับมองไปด้านหลังเธอ เมธาวีจึงเหลียวหลังมองตาม จึงเห็นณดลเดินก้มหน้ามา พอณดลเงยหน้ามาเห็นอนามิกา ทั้งสองก็ต่างอึ้งๆ และหลบตากันเหมือนต่างคนต่างมีอะไรในใจ
เมธาวีหลีกทางให้ “เอ่อ...” เมธาวีหันมาบอกอนามิกา “งั้นเมไปทานก่อน แล้วเดี๋ยวพี่อะนาตามไปนะ”
เมธาวีรีบชิ่งออกมา
อนามิกาก้าวขาขยับเดินไปแต่พอจะผ่านณดล ณดลก็ดักขวางหน้าเธอไว้
“คุณ...มีอะไรเหรอคะ” อนามิกาเอ่ยถาม
“เอ่อ..คือ...เรื่องเมื่อคืนน่ะ ฉัน...คือว่า...ฉันขอโทษ” ณดลพูด
“ขอโทษเรื่อง...?”
ณดลยิ่งอึดอัด “เอ่อ...ก็...ที่ฉัน..” ณดลพูดเสียงเบา “หอมแก้มเธอ” แล้วเขาก็พูดเสียงดังขึ้น “ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉัน...ไม่ได้คิดอะไรกับเธอนะ
“คุณจะบอกฉันว่า ที่คุณทำไป ก็เพราะแค่คุณเมา...ไม่ได้รู้สึกอะไรใช่ไหมคะ”
“มันก็ไม่ถึงขนาดนั้น คือ..ไม่ใช่ว่าฉันไม่รู้สึกอะไรเลย”
“งั้นก็แปลว่าคุณรู้สึก”
“ก็...ไม่เชิง...คือ...โอ๊ย! ฉันจะพูดยังไงดีล่ะเนี่ย”
“ก็พูดความจริง จากความรู้สึกในใจจริงๆ สิคะ”
“เอ่อ...ก็ได้ ฉันยอมรับว่าฉันรู้สึกดีๆ กับเธอ แต่มันต้องหยุดแค่นี้ ก่อนที่ฉันจะเสียใจ และไม่มีวันให้อภัยตัวเองไปจนวันตาย”
อนามิกาก้มหน้า แต่พอเงยหน้ามาอนามิกาก็อมยิ้ม
ณดลงง “เธออมยิ้มทำไมเนี่ย ฉันซีเรียสนะ คิดว่าฉันล้อเล่นเหรอ”
“เปล่า..ก็คุณบอกว่ารู้สึกดีๆ กับฉัน ฉันก็ต้องยิ้มสิ มีคนรู้สึกดีๆ กับเรา จะให้ร้องไห้รึไง”
“แต่สำหรับฉัน อย่าว่าแต่ร้องไห้เลย ไอ้ความรู้สึกนี้ มันกำลังฆ่าฉันให้ตายทั้งเป็น...”
ณดลน้ำตาไหลเอ่อแล้วก้มหลบหน้า อนามิกามองณดลด้วยความรู้สึกทั้งสงสาร ทั้งรู้สึกผิดที่การสวมบทเป็นภรรยาของณภัทรทำให้ณดลเจ็บแบบนี้
นลิณากำลังทาครีมกันแดดอยู่ในห้องพัก โดยมีแพรวากับเกตนิการ์อยู่ใกล้ๆ
“ยัยแพร...ช่วยทาครีมกันแดดที่หลังให้ทีสิยะ”
“ค่ะ พี่นีน่า...” แพรวาแบมือรับครีมที่นลิณาบีบให้ แล้วนำไปทาที่แผ่นหลังของนลิณา “พอแล้วค่ะ เยอะไปแล้ว”
“ไม่เยอะหรอกย่ะ หนาๆ เยอะๆ สิดี ฉันกลัวดำ” นลิณาบอก
“นี่ แม่คุณ ถ้ากลัวดำขนาดนั้นก็พอกโคลนเคลือบไปทั้งตัวเลยดีมั้ยยะ” เกตนิการ์ประชด
แพรวาขำ “แบบปลาช่อนเผาน่ะเหรอคะพี่เกด”
“นี่..หุบปากไปเลย ทั้งคู่แหละ โอ๊ย...อารมณ์เสีย”
ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น นลิณาผละไปหยิบมาดูหน้าจอแล้วก็ดีใจรีบกดรับทันที
“คุณพ่อ!”
เสรีพูดโทรศัพท์มือถือกับนลิณาด้วยท่าทางเคร่งเครียดอยู่ในห้องรับแขกที่บ้าน
“เป็นไง...ลูกกับน้องแพรสบายดีใช่มั้ย...พ่อแค่โทรมาถามความคืบหน้าน่ะ...พอจะมีสัญญาณอะไรดีๆ ออกมาจากทางนายภัทรกับพ่อแม่ของเค้ามั้ย”
นลิณากำลังพูดโทรศัพท์มือถือโดยมีแพรวาคอยทาครีมกันแดดให้ ส่วนเกตนิการ์ก็คอยเงี่ยหูฟังอย่างสนใจ
“ไม่มีสัญญาณตอบรับเลยน่ะสิคะคุณพ่อ”
เสรีเดือดดาลขึ้นมาทันที
“ว่าไงนะ พ่อแม่นายภัทรเค้าไม่ได้ช่วยอะไรน้องแพรเราเลยเหรอ”
“ช่วยอะไรล่ะคะคุณพ่อ ดูเค้าจะปลื้มยัยอะนาอะไรนั่นมากกว่าอีก ยัยแพรก็เหมือนเดิม เอาแต่นิ่ง เนิบนาบ ไม่ทันกินหรอกแบบเนี้ย”
“แล้วนีน่าไม่ได้ช่วยอะไรน้องแพรเลยเหรอลูก”
“โอ๊ย...คุณพ่อขา หนูช่วยจนไม่รู้จะช่วยยังไงแล้ว คุณพ่อก็รู้จักยัยแพรดี เอาแต่ยืนนิ่งเป็นคนดี เหมือนอนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ จะไปแย่งผู้ชายอะไรกับเค้าได้”
เสรีฉุนจัด “งั้นพ่อจะไปจัดการให้เอง”
“ได้เลยค่า คุณพ่อมาเลย” นลิณานึกขึ้นได้ก็หน้าตาตื่น “หา! คุณพ่อจะตามมาที่นี่จริงๆ เหรอคะ”
“ก็จริงสิ คุณกอบกับคุณรัตน์ เค้าจะได้เกรงใจเราบ้าง อะไรกัน เห็นลูกสาวพ่อเป็นตัวอะไร ไม่จัดการให้เป็นเรื่องเป็นราวซะที คราวนี้ถ้ายังบิดพลิ้วอีก พ่อจะไม่คุยดีๆ กับพวกมันแล้ว”
เสรีพูดด้วยหน้าตาท่าทางเอาจริง
ณดลยังคงก้มหน้าเสียใจ เขาพยายามเอานิ้วปาดน้ำตา แล้วจึงเงยหน้ามาเพราะไม่อยากให้ใครเห็นน้ำตาลูกผู้ชาย
“ฉันต้องขอโทษเธอ แล้วก็ต้องขอโทษเจ้าภัทรด้วย ฉันผิดเอง ฉันมันเลวที่ทำกับเธอไปแบบนั้น”
อนามิกาสวนขึ้นอย่างอดทนไม่ไหว “คุณไม่ได้ผิด แล้วคุณก็ไม่ได้เลวอะไรทั้งนั้น”
“หา!? เธอว่าไงนะ”
“คุณซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกตัวเอง แถมยังมีความยับยั้งชั่งใจ คนแบบคุณจะนับเป็นคนเลวได้ยังไง”
“เลวสิ ชั่วด้วยซ้ำ เมียของน้องชายตัวเองแท้ๆ ฉันยังเผลอใจคิดแบบนั้นได้”
“คุณไม่เข้าใจ เรื่องจริงมันไม่ใช่แบบนั้น”
ณดลงง “เรื่องจริงอะไรของเธอ”
“ก็เรื่องจริงที่ว่าฉันไม่ใช่....เอ่อ...”
“เธอไม่ใช่อะไร พูดออกมาสิ ความจริงอะไรของเธอ พูดออกมาเดี๋ยวนี้นะ”
“ก็ได้ ฉันจะบอกความจริงคุณเดี๋ยวนี้แหละ ตั้งใจฟังฉันให้ดีๆ นะ”
ณดลตั้งใจรอฟังความจริงจากอนามิกา
จบตอนที่10