xs
xsm
sm
md
lg

แหม่มแก้มแดง ตอนที่ 7

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 แหม่มแก้มแดง  ตอนที่ 7 

ณดลยืนกอดอกหน้าเครียดอยู่ที่ห้องรับแขก โดยมีศรียืนนอบน้อมอยู่ใกล้ๆ ส่วนแพ็คผ้าอนามัยของอนามิกานั้นถูกวางอยู่บนโต๊ะรับแขก

ณดลชี้ที่ผ้าอนามัยแล้วถาม “ศรีฝากอะนาเค้าซื้อไอ้นี่ใช่มั้ย?”
“หา! ผ้าอนามัยเนี่ยนะคะ” ศรีงง
อนามิการีบถลาเข้ามาแล้วรีบพูดกลบเกลื่อน
“โทษทีจ้ะศรี ฉันซื้อมาวันก่อนแล้วลืมให้” อนามิกาหยิบแพ็คผ้าอนามัยยื่นให้ศรีอย่างใจดี “ฉันไม่เอาตังค์จ้ะ เอาไปเลย”
อนามิกายัดแพ็คผ้าอนามัยใส่มือศรีที่กำลังยืนงงๆ อยู่ แล้วเธอก็ประคองแขนพร้อมกับดันศรีให้เดินออกไป
“เดี๋ยวก่อน” ณดลทักขึ้น
อนามิกากับศรีชะงัก ณดลเดินมาคาดคั้น
“ตอบฉันมาว่าใช่หรือไม่ใช่ ศรีฝากอะนาซื้อผ้าอนามัยนี่ใช่มั้ย”
อนามิการีบแทรกขึ้น “ก็วันนั้นไง ที่ฉันจะออกไปซื้อของพอดี” อนามิกาพยายามประคองและดันให้ศรีเดินออกไป “ไป..รีบเอาไปใช้”
“เธอหยุดพูดก่อนได้มั้ยอะนา “ณดลหันมาพูดกับศรี “ตอบฉันมา ศรีฝากอะนาเค้าซื้อจริงหรือเปล่า”
“ศรีเปล่านะคะ ศรีออกไปจ่ายตลาดทุกวัน ทำไมจะต้องฝากคุณเค้าซื้อให้ด้วยล่ะ” ศรีตอบ
ณดลสวนขึ้นทันที “นั่นไง!” เขาหันไปจ้องอนามิกาอย่างจับผิด “สารภาพมาซะดีๆ ความจริงแล้วเธอไม่ได้ท้องใช่มั้ย”
อนามิกาอึกอัก แต่ก็ยังพยายามทำเนียน “คุณพูดอะไรของคุณเนี่ย ใครๆ ก็อยู่ว่าฉันท้องอยู่ แล้วจู่ๆ มันจะไม่ท้องได้ไง ท้องนะไม่ใช่โรคผิวหนังจะได้เป็นๆ หายๆ ถ้ายังข้องใจก็รอไปถามน้องชายคุณเองแล้วกัน”
พูดจบอนามิกาก็ตีหน้าเข้มใส่แล้วเดินจากมา พอหันหนีณดลจากหน้าเข้มๆ ของอนามิกาก็กลายเป็นหน้าแหยเหมือนจะร้องไห้


ณภัทรกับเมธาวีเดินอยู่ด้วยกันที่ย่านขายเสื้อผ้าสำหรับนักศึกษาถึงวัยทำงาน ทั้งสองเดินดูพร้อมกับคุยกันมาเรื่อยๆ
“เมว่าทำเลแถวนี้ใช้ได้เลยนะ มีออฟฟิศเยอะด้วย ถ้าทำร้านเสื้อผ้าก็น่าจะมีสาวออฟฟิศมาเป็นลูกค้าประจำกันบ้าง หรือภัทรว่าไง”
ณภัทรพยักหน้าเห็นด้วย “ก็โอเคนะ ถ้าเมจะมาเปิดร้านที่นี่จริงๆ หละก็...รับรองฉันช่วยเต็มที่”
“ขอบคุณนะ แต่ว่า...ทำเลดีๆ แบบนี้ จะเหลือที่ว่างให้เช่าหรือเปล่านี่สิ”
พูดขาดคำอัธวุธก็เดินกระหืดกระหอบเข้ามา
“นี่ๆๆ มาดูนี่...มาสิ”
“อะไรของพี่อาร์ทเนี่ย” เมธาวีงง
อัธวุธลากแขนเมธาวีให้เดินตามไป ณภัทรก้าวตามจนไปหยุดหน้าร้านเล็กๆ ร้านหนึ่งที่ปิดประตูไว้ มีป้ายเล็กๆ หน้าร้านเขียนไว้ว่า “ ให้เช่า ติดต่อ 0818141098 ”
อัธวุธชี้ที่ป้ายอย่างภูมิใจเสนอ “โอกาสเปิดไว้เสมอ สำหรับผู้ค้นหานะยะ”
เมธาวียิ้มอย่างสนใจ เธอหันไปสบตาณภัทร ณภัทรมองตาเมธาวีแล้วพยักหน้าสนับสนุน
“รออะไรอยู่ล่ะ รีบจดเบอร์โทรไว้สิ” ณภัทรบอก
เมธาวีใช้โทรศัพท์มือถือบันทึกเบอร์ไว้ อัธวุธคอยช่วยดูช่วยบอก ณภัทรยิ้มแล้วมองเมธาวีอย่างรู้สึกยินดีไปด้วย


ณดลในชุดเตรียมตัวจะเข้านอนกำลังพูดกับณภัทรที่เพิ่งเข้ามาในบ้าน
“นี่แกจะบอกฉันว่าที่หายไปทั้งวันนี่แกไปตะลอนๆ กับยัยเมเนี่ยนะ ฉันสังเกตตั้งแต่ตอนอยู่ลอนดอนแล้ว ดูแกจะใกล้ชิดกับยัยเมมากกว่าเมียแกเองซะอีกนะ”
“ไม่หรอกครับพี่ ก็นี่ไง ผมก็กลับมานอนกับเมียผมแล้วไง” ณภัทรบอก
“ไอ้ภัทรเอ๊ย...ตกลงว่าแกโดนยัยอะนาหลอก หรือว่าแกกับยัยอะนารวมหัวกันมาหลอกฉันกันแน่”
“พี่พูดอะไรของพี่ครับเนี่ย ผมงงไปหมดแล้ว” ณภัทรแกล้งทำเป็นซื่อ
“ก็เมียแกน่ะสิ ความจริงแล้วเค้าไม่ได้ท้องหรอก”
ณภัทรตกใจ แต่รีบแกล้งทำเป็นขำ “ไม่ท้องอะไรพี่ เมียผมท้องสองเดือนกว่าแล้ว ใครๆ ก็รู้”
“ก็รู้มาผิดๆ น่ะสิ แกว่าผู้หญิงท้องยังต้องใช้ผ้าอนามัยอยู่มั้ยล่ะ” ณดลถาม
“ผู้หญิงท้องก็ไม่มีประจำเดือนแล้วนะพี่ จะใช้ทำไม”
“ก็นั่นไง! แต่เมียแกยังใช้อยู่เลย ถามจริงๆ เหอะว่ะ แกเคยพาเมียไปหาหมอ หรือไปตรวจครรภ์ฝากครรภ์อะไรบ้างมั้ย”
“ก็...” ณภัทรอ้ำอึ้ง
“งั้นดีเลย ถ้าแกยังยืนยันว่าเมียแกท้องจริงๆ หละก็...แกก็รีบพาเมียแกไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลซะทีสิ”
ณภัทรยิ้มอย่างใจดีสู้เสือ “ได้ครับ ถึงพี่ไม่บอก ผมก็จะพาเมียผมไปอยู่แล้ว”
“ดี! แล้วฉันจะไปกับแกด้วย” พูดจบ ณดลก็ผละออกไป
ณภัทรสะอึกเพราะรู้ทันทีว่าหายนะมาเยือนแล้ว


เช้าวันใหม่ เพื่อนรักทั้งสี่มานั่งคุยกันอยู่ที่ร้านกาแฟในเมือง อนามิกาพูดออกมาอย่างห่อเหี่ยว “แล้วจะทำไงกันล่ะทีนี้ เล่นตามไปประกบถึงโรงพยาบาล แล้วเราจะหาทางออกกันยังไง ไม่ให้อีตาณดลจับได้ล่ะเนี่ย”
“โกหกไปแล้ว ก็ต้องหาเรื่องโกหกกันต่อไปหละนะ” อัธวุธบอก
“เหมือนที่เค้าว่ากันไง คนเราลองถ้าพูดโกหกอะไรออกไปซักเรื่อง ก็ต้องหาเรื่องโกหกอีกหลายๆ เรื่องมาสนับสนุนอีกไม่รู้จักจบจักสิ้น” เมธาวีพูด
“นี่! ยัยเม แกพูดเหมือนฉันตั้งใจจะโกหกอย่างงั้นแหละ ต้องโทษนายภัทรโน่น” อนามิการีบบอก
“ใช่...ต้นเหตุคือฉันเอง” ณภัทรยอมรับ “แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว มาช่วยกันโกหก เอ๊ย!ช่วยกันคิดหน่อยได้มั้ย ว่าจะทำไงให้พี่ณดลเชื่อดี”
“แต่งานนี้คงจะรอดยากแล้วหละ พี่ณดลเล่นตามไปโรงพยาบาลด้วยแบบนี้” เมธาวีบอก
ทุกคนถอนใจอย่างรู้สึกท้อแล้วนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนที่อนามิกาจะโพล่งขึ้นมา
“ก็เอางี้ไปเลยมะ ไหนๆ ฉันก็เป็นเมียปลอม ท้องก็ท้องปลอมๆ งั้นเราก็จัดหมอกับพยาบาลปลอมมารับฝากครรภ์ปลอมๆ ซะเลยดีมั้ย”
“เอางั้นเลยเหรออะนา” ณภัทรถาม
“ก็เอาอย่างงี้แหละ ฉันว่าพี่นายคิดไม่ถึงหรอกว่าเราจะเล่นแบบนี้” อนามิกาบอก
“อย่าว่าแต่พี่นายภัทรเลยที่คิดไม่ถึง ฉันเองก็คิดไม่ถึงย่ะ” อัธวุธบอก
“ปัญหาก็คือ...เราจะหาใครมาสวมบทเป็นคุณหมอกับพยาบาลปลอมๆ นี่น่ะสิ”
พูดจบอนามิกาก็หน้าเครียดเพราะยังคิดไม่ออก


ณดลกับณภัทรเดินเคียงข้างกันมาในบริเวณล็อบบี้ใกล้กับเคาน์เตอร์ลงทะเบียนของโรงพยาบาลหรูแห่งหนึ่ง อนามิกาเดินตามหลังเข้ามา
ณดลเหลียวมองอนามิกาแล้วดุณภัทร “ไอ้ภัทร แกพาเมียมาฝากครรภ์ ก็ดูแลเมียหน่อยสิ เดินตัวปลิวไม่สนใจเลย”
“ครับๆๆ” ณภัทรถอยไปประคองอนามิกา แล้วกระซิบ “ไหนล่ะ ที่เตี๊ยมไว้น่ะ”
“นั่นไง มาโน่นแล้ว” อนามิกากระซิบบอก
ณภัทรหันมองตาม แล้วกระพริบตาอย่างไม่เชื่อสายตา เขาเห็นเมธาวีในชุดพยาบาลเดินเข้ามา แม้เมธาวีจะถูกเมคอัพหน้าจนจำเกือบไม่ได้ แต่เขาก็ยังพอจะจำเธอได้บ้าง
ณภัทรกระซิบกับอนามิกา “นี่ใช่เมเหรอ”
อนามิกาหันไปจุ๊ปาก “ชู่ว!”
ณดลเดินห่างออกไป แล้วหันมาเรียกณภัทรกับอนามิกา “เอ้า...รีบไปลงทะเบียนก่อนสิ”
เมธาวีรีบปรี่เข้ามา “คุณณณภัทร กับคุณอนามิกามิกาใช่มั้ยคะ ไม่ต้องลงทะเบียนนะคะเชิญด้านนี้เลยค่ะ”
“อ้าว..ไม่ต้องลงทะเบียนเหรอ” ณดลถาม
“ไม่ต้องค่ะ เพราะผู้ป่วย เอ่อ..คนไข้ เอ๊ย! คุณแม่นัดฝากครรภ์ไว้ล่วงหน้าแล้วน่ะค่ะ เชิญทางนี้เลยนะคะ”
พูดจบเมธาวีก็เดินนำณดลไป ณภัทรกับอนามิกาค่อยๆ เดินตามไป
ณภัทรกระซิบเบาๆ กับอนามิกา “จะรอดมั้ยเนี่ย”
อนามิกาจุ๊ปากดุอีกครั้ง “ชู่ววว...” แล้วเธอก็รีบฉุดณภัทรให้เดินตามณดลไป


เมธาวีในคราบพยาบาลตัวปลอมเดินนำณดลมา โดยมีณภัทรประคองอนามิกาเดินตามมาอย่างลุ้นระทึกเพราะกลัวจะโดนณดลจับได้
“คุณหมอที่เป็นสูติแพทย์รออยู่ทางนี้ค่ะ” เมธาวีบอก
เมธาวีผายมือไปที่คุณหมอที่กำลังยืนหันหลังอยู่ ณดลหันมามองอนามิกากับณภัทร แล้วตรงเข้าไปหาคุณหมอ คุณหมอหันมาทำให้เห็นว่าเป็นอัธวุธที่ถูกเมคอัพ ใส่วิกเปลี่ยนทรงผมหวีน้ำมันเยิ้ม ใส่แว่นกรอบหนา เติมจอนผมจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม
ณภัทรกระซิบอนามิกา “นี่ไอ้อาร์ทจริงๆ เหรอ จำแทบไม่ได้ อุ๊บ!”
อนามิกาใช้ข้อศอกถองเข้าที่ท้องณภัทร ณภัทรถึงกับจุกจนเงียบไป
ณดลยกมือไหว้อย่างนอบน้อม “สวัสดีครับคุณหมอ”
อนามิกากับณภัทรหันมองหน้ากันแล้วกลั้นขำ
อัธวุธดัดเสียงแมน “อืม...ไหว้พระเถอะ”
อนามิกากับณภัทรสะดุ้ง ทั้งสองมองหน้าอัธวุธเหมือนจะดุว่าเล่นอะไรไม่รู้เรื่อง
“คุณหมอว่าไงนะครับ” ณดลถาม
“เปล่าครับ..ไม่มีอะไร งั้นเชิญในห้องตรวจครรภ์เลยครับ” อัธวุธหันมาพูดกับเมธาวี “พยาบาล”
“เอ่อ..ค่ะ”
เมธาวีรับคำแล้วเปิดประตูให้ณภัทรประคองอนามิกาเดินเข้าไป พอณดลจะเดินตาม อัธวุธก็ยกมือดันหน้าอกห้ามไว้
“ผู้ไม่เกี่ยวข้องห้ามเข้านะครับ”
“แต่ผมเป็นพี่ชายของ...” ณดลกำลังจะบอกแต่อัธวุธรีบแทรกขึ้น
“เราอนุญาตแค่เจ้าของครรภ์กับคุณพ่อเด็กเท่านั้นนะยะ เอ๊ย! นะครับ”
“กรุณารออยู่ตรงนี้นะคะ” เมธาวีรีบเสริม
“ครับๆ ได้ครับ” ณดลรับคำ
ทุกคนเดินเข้าประตูไป ณดลยืนอยู่หน้าห้องคนเดียวแล้วเขาก็ชักสีหน้าสงสัย
“เอ..เหมือนคุ้นๆ หน้าแฮะ หมอกับพยาบาลที่นี่”


อนามิกา ณภัทร เมธาวี และอัธวุธยืนนิ่งมองหน้ากันอยู่สักครู่หนึ่งในห้องตรวจครรภ์ พอเมธาวีทนไม่ไหวเริ่มขำออกมา ทุกคนก็ค่อยๆ หลุดหัวเราะ แล้วฮากันท้องคัดท้องแข็ง
“ไงล่ะยะ ฉันบอกแล้วว่าเพื่อนฉันมันเคยทำโชว์สาวประเภทสองมา ฝีมือเมคอัพแต่งหน้าทำผมของมันเนี้ยบขนาดไหน” อัธวุธคุย
“ยอมรับเลยอ่ะ ขนาดจอมจับผิดอย่างอีตาณดลยังจับไม่ได้เลย” อนามิกาพูดขำๆ
“อย่าว่าแต่คนอื่นจำไม่ได้เลย เมส่องกระจกยังตกใจตัวเองอ่ะ”
“งั้นอีกเดี๋ยวเราค่อยออกไป นึกไม่ถึงเลยนะว่าทุกอย่างจะราบรื่นแบบนี้” ณภัทรบอก
ทุกคนหัวเราะยิ้มแย้มกันอย่างยินดีเพราะเข้าใจว่าทุกอย่างสำเร็จราบรื่นไปด้วยดี


ณดลยืนแกร่วรออยู่หน้าห้อง คุณหมอชายที่เป็นสูติแพทย์ตัวจริงเดินท่าทางเคร่งเครียดเข้ามา ณดลมองตามอย่างไม่ละสายตา ขณะที่คุณหมอกำลังจะเปิดประตูเข้าไปในห้อง ณดลก็เปรยเบาๆ
“กะอีแค่ฝากครรภ์ธรรมดาต้องใช้หมอตรวจกันหลายคนเลยเหรอ”
คุณหมอชะงักเพราะได้ยินเสียงณดล เขาหันมาเหล่ ณดลรีบสงบคำแล้วถอยออกมา
แล้วคุณหมอก็เปิดประตูเข้าห้องตรวจครรภ์ไป


อนามิกา ณภัทร เมธาวี และอัธวุธกำลังหัวเราะกันร่วนอยู่ในห้องตรวจครรภ์ คุณหมอตัวจริงเปิดประตูห้องเข้ามา ทุกคนค่อยๆ หยุดหัวเราะ อัธวุธยืนหันหลังให้คุณหมอทำให้มองไม่เห็นจึงยังหัวเราะร่วน อนามิกากับเมธาวีช่วยกันสะกิดให้หยุด คุณหมอเดินมาอยู่กลางวงแล้วหันมองทุกคนอย่างงงๆ
คุณหมอพูดด้วยน้ำเสียงจับผิด “พวกคุณเป็นใครน่ะ? แล้วใครให้เข้ามาในห้องนี้?”
ทุกคนมีท่าทางอึกอักแล้วมองหน้ากันอย่างเลิ่กลั่ก
“เอ๊ะ..หมอกับพยาบาลนี่เพิ่งมาใหม่เหรอ ผมไม่เคยเห็นคุณสองคนเลย” คุณหมอถามต่อ
อัธวุธกับเมธาวีหลบตาเพราะพูดไม่ออก ทั้งหมดเลิ่กลั่กและมีพิรุธอย่างแรง
คุณหมอขยับไปยกหูโทรศัพท์กดปุ่มแล้วพูด “รปภ.ใช่มั้ย”
อนามิการีบแก้ไขสถานการณ์ เธอคว้าแขนของเมธาวีกับอัธวุธแล้วดึงออกมา
อนามิกาพูดกับคุณหมอ “ขอตัวนะคะ คงเข้าใจผิดกันนิดหน่อยน่ะค่ะ” อนามิกาพูดกับเพื่อนเบาๆ “เร็วสิ! มัวช้าอยู่ทำไมล่ะ”
อนามิการีบลากเพื่อนๆ ออกไปจากห้องทันที


ณดลยืนรออยู่หน้าห้อง พอหันไปก็เห็นอนามิกาเดินนำณภัทร อัธวุธ และเมธาวีออกมาจากห้อง
“อ้าว...ตรวจเรียบร้อยแล้วเหรอ ทำไมเร็วจัง” ณดลทักแล้วพูดกับอัธวุธ “เป็นยังไงบ้างครับคุณหมอ”
ทุกคนก้าวเดินต่อไป ณดลเดินตีคู่ไปถามอัธวุธ
“ทุกอย่างโอเคใช่มั้ยคุณหมอ”
“ครับๆ เรียบร้อยครับ” อัธวุธตอบส่งๆ
ทุกคนเร่งฝีเท้าออกไป ณดลมองตามอย่างงงๆ
“ทำไมต้องรีบเดินกันขนาดนั้น”
แล้วณดลก็ก้าวออกตามไป


อนามิกากับณภัทรเดินเร่งนำหน้าทุกคนมา ส่วนอัธวุธกับเมธาวีเดินตาม โดยที่ณดลยังคอยเดินตามตื๊อเพื่อพูดคุยสอบถามอัธวุธอยู่
“จริงๆ แล้วน้องผมพาภรรยามาฝากครรภ์ช้าไปหรือเปล่าครับ”
“ก็ไม่หรอกครับ อายุครรภ์ไม่เกินสามเดือน ถือว่าโอเค” อัธวุธตอบส่งๆ
ทันใดนั้น คุณหมอตัวจริงก็เดินนำรปภ.สองนายมา พอเห็นกลุ่มของอนามิกาก็ยกมือชี้
อนามิกาเห็นก็รีบบอกเพื่อนๆ “เร็ว..มาทางนี้เร็ว!”
อนามิกาเปลี่ยนทิศทางเดินนำทุกคนมา ณดลยังเดินตามประกบถามอัธวุธต่อ
“แล้วเมื่อไหร่ควรจะอัลตร้าซาวด์ครับคุณหมอ”
“ที่นิยมกันก็อายุครรภ์ราวๆ สิบแปดถึงยี่สิบสองสัปดาห์ครับ” อัธวุธตอบส่งๆ
“เหรอครับ อ่อ...แล้วนี่คุณหมอจะเดินตามเราออกมาด้วยทำไมครับเนี่ย” ณดลถาม
“เอ่อ...คือ..” อัธวุธอึกอัก
อนามิการีบช่วย “คุณหมอเค้าต้องไปตรวจครรภ์นอกสถานที่ด่วนน่ะค่ะ”
อนามิกานำทุกคนเดินพ้นเหลี่ยมมุมตัวอาคารออกไป ครู่หนึ่งรปภ.สองนายและคุณหมอตัวจริงจึงเดินตามมาแล้วมองตามไปก่อนจะถอยกลับเข้าโรงพยาบาลอย่างไม่อยากจะใส่ใจ


หลังจากรู้เรื่อง นลิณาที่คุยกับเกตนิการ์อยู่ในห้องรับแขกที่บ้านของเธอก็โวยขึ้นมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“เป็นไปได้ไง ยัยอะนาท้องจริงๆ เนี่ยนะ”
“นี่ฉันเพิ่งโทรคุยกับภัทรเค้า ที่สำคัญ พี่ชายเค้าก็ไปด้วยนะ” เกตนิการ์บอก
“คุณณดลไปด้วยเหรอ งั้นมันก็คงจะท้องจริงๆ สิเนี่ย ฉันทำใจให้เชื่อไม่ได้ จริงๆ อย่างนายภัทรกับยัยอะนาเนี่ยนะ จะรักกัน แล้วก็มีอะไรๆ เกินเลยกันจนท้องน่ะ ยังไงก็เป็นไปไม่ได้”
“แต่มันก็เป็นไปแล้ว” เกตนิการ์ย้ำ
นลิณาพูดเสียงดัง “แต่ฉันไม่เชื่อ!”
ทันใดนั้น แพรวาก็เอ่ยขัดขึ้น “พี่นีน่า...แพรว่าปล่อยเค้าไปเถอะค่ะ ถ้าเค้าไม่ได้รักเรา แถมยังมีลูกกับผู้หญิงอื่น แพรก็ไม่เอาหรอกนะคะ”
“ยัยแพร เธอมันไม่รู้อะไร คิดว่าผู้ชายที่ทั้งนิสัยดี ทั้งรวยอย่างนายภัทรมันหากันง่ายๆ หรือยะ” นลิณาบอก
“ใจเย็นสินีน่า แพรเค้ายังเด็กน่ะ อาจจะยังคิดว่าโลกนี้มีแต่เจ้าชายผู้แสนดี”
“มีแต่ผู้ชายเฮงซวยน่ะสิ อย่างอีตาภัทรเนี่ยเรียกว่าดีเทพ หาที่ไหนไม่ได้แล้ว”
“งั้นฉันว่านะ” เกตนิการ์ยิ้มเจ้าเล่ห์เพราะอยากให้นลิณาห้ำหั่นกับอนามิกา “ต่อให้ยัยอะนามันจะท้องจริงๆ เธอก็จัดการได้นี่ จำไม่ได้แล้วเหรอ คนเรา..ท้องได้ก็แท้งได้”
“อย่าเลยค่ะ แพรว่า...”
นลิณาตวาด “เงียบไปเลยไป! อยู่เฉยๆ เถอะเธอน่ะ ให้พวกฉันกับคุณพ่อจัดการเอง แค่นึกถึงหน้ามัน ฉันก็คันมืออยากจะตบแล้ว”
นลิณารู้สึกจงเกลียดจงชัง ในขณะที่แพรวารู้สึกใจคอไม่ดี ส่วนเกตนิการ์นั่งยิ้มเพราะต้องการให้นลิณาสู้รบกับอนามิกาต่อไป


อนามิกาเดินถือเอกสารและแฟ้มปึกใหญ่มาวางโครมบนโต๊ะทำงานของณดล เล่นเอาณดลที่กำลังทำงานอย่างใจจดใจจ่อถึงกับสะดุ้ง
ณดลจ้องโกรธๆ “อะไรของเธอเนี่ย”
“ก็งานที่คุณสั่งไงค่ะ เรียบร้อยหมดแล้วค่ะ” อนามิกาตอบ
ณดลมองเอกสารอย่างทึ่งๆ แล้วเหลือบตามองอนามิกา “แน่ใจนะว่าไม่ขาดตกบกพร่องอะไร แล้วอีเมล...”
อนามิกาพูดต่อทันที “อีเมลตอบรับ และจัดส่งเรียบร้อย จดหมายที่ให้ร่างอีกสองฉบับก็เรียบร้อย ให้ฉันทำอะไรที่ยากกว่านี้หน่อยก็ได้นะ”
“อย่าดีกว่า อีกไม่กี่เดือนเธอก็ต้องเตรียมตัวคลอดแล้ว เดี๋ยวงานมันจะไม่ต่อเนื่อง” ณดลบอก
พูดจบณดลก็ก้มหน้าทำงานต่ออีกครู่ใหญ่ พอเขาเหลือบตาขึ้นมาก็ยังเห็นอนามิกายังยืนอยู่ที่เดิม
“เอาหละ ฉันต้องเคลียร์งานตรงนี้ก่อน เธอออกไป แล้วห้ามให้ใครเข้ามารบกวนโดยเด็ดขาด” ณดลก้มหน้าทำงานต่อสักครู่ แล้วเหลือบขึ้นมาเจออนามิกายังยืนอยู่ ก็ตวาดใส่ “จะมายืนอยู่ทำไมล่ะ ไปไหนก็ไป ไป๊!”
“คุณนี่ถ้าพูดดีๆ กับฉันแล้วจะไม่สบายใช่มั้ย ฉันก็แค่รอ เผื่อว่าคุณจะให้ช่วยทำงานอะไร...เฮ้อ!” อนามิกาส่ายหน้าเดินออกไปอย่างหงุดหงิด
พออนามิกาออกไป ณดลก็เลิกเก๊กหน้าเข้มแล้วเปิดเอกสารดูอย่างชื่นชม
“เก่งเหมือนกันนี่ เจ้าภัทรคงไม่ได้หลงเสน่ห์เธอแค่ความสวยสินะ”


อนามิกานั่งถือกระจกผัดแป้งแต่งหน้าอยู่ที่โต๊ะทำงานของตน
“เบื่อจะตายอยู่แล้ว ให้มานั่งเฉยๆ ในออฟฟิศเนี่ยนะ”
ทันใดนั้นก็มีมือมาดึงกระจกไปจากมืออนามิกา อนามิกาเงยหน้าขึ้นจึงพบว่าเป็นนลิณายืนอยู่ โดยมีเกตนิการ์ยืนอยู่ข้างๆ ด้วย
“ไงยะ มาเสนอหน้าอะไรที่ออฟฟิศคุณณดลเนี่ย” ณดลถาม
“คนที่เสนอหน้าน่ะคงไม่ใช่ฉันหรอกนะ เพราะฉันทำงานอยู่ที่นี่” อนามิกาบอก
นลิณาผงะเพราะหน้าแตก แล้วก็โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงขึ้นมา เกตนิการ์ต้องคอยปรามไว้
“ใจเย็นก่อนจ้ะ” เกตนิการ์หันมาพูดกับอนามิกา “เราสองคนมาพบเจ้านายเธอน่ะ ไม่อยากเสียเวลามีเรื่องกับเธอหรอก ขอตัวก่อนนะ”
เกตนิการ์จูงมือนลิณาที่ยังมองหน้าอนามิกาอย่างเอาเรื่องไปที่ประตูห้องณดล ขณะกำลังจะเปิดประตู อนามิกาก็มาขวางไว้
“ขอโทษนะคะ คุณณดลกำลังยุ่ง กรุณานั่งรอก่อน แล้วฉันจะเข้าไปถามว่าจะรับแขกมั้ย”
“นี่! เธออย่าหาเรื่องฉันได้มั้ยยะ ฉันกับคุณณดลรู้จักกันมานานก่อนแกด้วยซ้ำ” นลิณาสวน
“นั่นสิ เราสองคนเข้ามา รปภ.ยังไม่ขอแลกบัตรด้วยซ้ำ” เกตนิการ์คุย
“งั้นก็แสดงว่ารปภ.คนนั้นไม่รักษาหน้าที่” อนามิกาบอก
“อู๊ย! แม่คนรักษาหน้าที่ หน้าที่ของเธอคือขี้ข้าประจบสอพลอเจ้านายใช่มั้ยยะ” นลิณาแขวะ
“ฉันเป็นเลขาคุณณดลน่ะ เอางี้! เธอสองคนรอตรงนี้ดีกว่า เดี๋ยวฉันจะลองเข้าไปถามให้ เผื่อว่าคุณณดลอาจจะไม่อยากเจอหน้าพวกเธอก็ได้”
“หมายความว่าไงยะ ทำไมคุณณดลถึงจะไม่อยากเจอหน้าฉัน”
“ก็ไม่รู้นะ แต่มันก็เป็นไปได้นี่ คุณณดลอาจจะเบื่อหน้า หรือเหม็นหน้าเธออยู่ก็ได้”
“มากไปแล้ว”
พูดจบนลิณาก็ปราดเข้ามาตบหน้าอนามิกาทันที แล้วก็โผตามจะมาซ้ำ แต่อนามิกาจับยื้อแขนของนลิณาไว้ ทั้งสองยื้อยุดกันอยู่ บรรดาพนักงานชาย-หญิงต่างลุกฮือมายืนมุงกัน
นลิณาผลักอนามิกาไปติดโต๊ะ หลังของอนามิกาไปทับปุ่มโทรศัพท์บนโต๊ะ ทำให้โทรศัพท์ต่อสายเข้าไปในห้องของณดลโดยบังเอิญ


ณดลกำลังนั่งทำงานอย่างเคร่งเครียด สายตาของเขาจดจ่ออยู่กับจอคอมพิวเตอร์ สักพักก็ได้ยินสัญญาณโทรศัพท์บนโต๊ะดังขึ้น พร้อมสัญญาณไฟกระพริบ
สายตาของณดลยังไม่ละจากหน้าจอ แต่เขาก็บ่นขึ้นอย่างรำคาญ “อุตส่าห์สั่งไว้แล้วว่าอย่ารบกวน” ณดลกดปุ่มสปีคเกอร์โฟน แล้วพูดห้วนๆ ใส่ “ว่าไง?”

ณดลได้ยินเสียงเอะอะตบตีระหว่างนลิณากับอนามิกา เขาได้ยินอนามิกากับนลิณาผลัดกันร้องโอ๊ย! เพราะผลัดกันตบคนละที ณดลตาโตด้วยความตกใจแล้วละสายตาจากงานทันที
 
อ่านต่อหน้า 2 เวลา 17.00น.




 แหม่มแก้มแดง  ตอนที่ 7 

นลิณารุกไล่ตบหน้าอนามิกาฉาดใหญ่ พออนามิกาตั้งหลักได้ก็สวนให้ทั้งซ้ายทั้งขวาจนนลิณาเริ่มจะปิดป้อง ต้านทานไม่ไหว

นลิณาหันมองเกตนิการ์ “อยู่เฉยทำไมล่ะ ช่วยฉันด้วย”
เกตนิการ์ปราดเข้าไปช่วย “หยุดนะ อะนา”
เกตนิการ์เจออนามิกาหันมาจ้องหน้าเขม็งแถมยังเงื้อง่าเตรียมจะเข้ามาตบ เกตนิการ์ถึงกับผงะและถอยกรูดเพราะไม่กล้าเข้าไป
อนามิกาหันไปเงื้อมือเตรียมตบนลิณา
“จำไว้ เล่นกะใครไม่เล่น” อนามิกากำลังจะเหวี่ยงมือตบแต่ก็ต้องชะงักเพราะได้ยินเสียงณดลดังลั่น
“หยุดนะ!”
อนามิกาชะงัก เธอหันไปเห็นณดลยืนตีหน้ายักษ์อยู่หน้าประตู นลิณาเหลือบเห็นณดลก็รีบทำตัวน่าสงสารเหมือนโดนกลั่นแกล้ง
“โอ๊ย...ช่วยด้วย...อะนาฉันขอร้องหละ...อย่าทำฉันเลย” นลิณาร้องลั่น
นลิณารีบโผเข้าไปหาณดลแล้วออดอ้อน
“คุณณดลช่วยนีน่าด้วย”
อนามิกามองนลิณาอย่างระอา “เอาเข้าไป...จะเสแสร้งสร้างภาพไปถึงไหน เธอนี่มันตอแหลได้โล่จริงๆ”
ณดลตวาด “หยุดเดี๋ยวนี้นะอะนา อย่ามาทำตัวเกะกะระรานในออฟฟิศฉัน”
“แต่ว่าเค้าหาเรื่องฉันก่อน...” อนามิกาพยายามบอก
ณดลสวนขึ้น โดยไม่รอให้อนามิกาพูดจบ “แต่เธอเป็นเลขาฉัน คนมาขอพบฉัน เป็นแขกของฉัน เธอไปตบกับเค้าได้ยังไง”
“ก็คนมันโดนตบก่อน จะให้ยืนเฉยๆ ให้เค้าตบอยู่ข้างเดียวรึไง” อนามิกาบอก
ณดลตวาดใส่ “หยุดเถียงซะทีได้มั้ย เธอน่ะเพิ่งฝากครรภ์มาแท้ๆ เที่ยวไปตบตีกับคนอื่นแบบนี้ มันก็แสดงให้เห็นว่าเธอเป็นแม่ที่ใช้ไม่ได้”
เกตนิการ์พูดกับอนามิกา “อะนา เธอควรระวังตัวหน่อยนะ ไม่ห่วงตัวเอง ก็ควรจะห่วงลูกในท้องบ้าง นี่ฉันเตือนด้วยความหวังดีนะ”
นลิณาพูดกับณดล “ก็เพราะอย่างงี้ไงคะ นีน่าห่วงว่าลูกในท้องเค้าจะเป็นอะไรไป นีน่าก็เลยไม่ตอบโต้”
“อู๊ย...พอเถอะแม่คู๊ณ...พูดอะไรออกมาก็หัดอายปากบ้าง” อนามิกาบอก
ณดลตวาดเสียงดังขึ้น “ฉันบอกให้เธอเงียบ!”
อนามิกาปิดปากเพราะเห็นว่าณดลเดือด แต่แววตาของเธอก็ยังค้านอยู่
“เอาเป็นอย่างงี้ดีกว่านะคะ นีน่าจะยอมเลิกแล้วต่อกันไป ไม่อยากถือสาน่ะค่ะ ก็อยากจะเอื้อเฟื้อกับสตรีมีครรภ์บ้าง สงสารน่ะค่ะ”
อนามิกาฮึ่มใส่นลิณาพอหันมาเจอณดลมองหน้าเข้มก็สะดุ้งแล้วก้มหน้าจ๋อย
“จบได้ก็ดี อย่ามีเรื่องกันอีกล่ะ งั้นผมขอตัวไปทำงานก่อนนะ” ณดลบอก
ณดลขยับจะเข้าห้องทำงาน แต่นลิณารีบมาขวางไว้
“เอ่อ...เดี๋ยวสิคะคุณณดล คือ...นีน่าตั้งใจมาหาน่ะค่ะ แต่ว่า..ยังไม่ได้พูดคุยกันเลย”
“นี่คุณนัดไว้รึเปล่า” ณดลถาม
“เอ่อ..เปล่าค่ะ ต้องนัดด้วยเหรอคะ”
“แล้วมีธุระสำคัญรึเปล่า”
“เปล่าค่ะ”
“งั้นคุณกลับไปก่อนดีกว่า ขอโทษทีนะ ผมกำลังยุ่ง”
อนามิกาหัวเราะพรวดออกมาเพราะสมน้ำหน้านลิณา ต่พอเห็นณดลหันมาจ้องหน้าเธอก็รีบกลั้นหัวเราะไว้ ณดลหันมาพูดกับทั้งอนามิกาและนลิณา
“ถ้ายังจะมีเรื่องกันอีกหละก็...ผมจะเรียก รปภ.ให้พาไปเคลียร์กันที่โรงพัก”
พูดจบณดลก็เดินเข้าห้องไป
นลิณามองตามณดลไปอย่างอาลัย พอหันมาเจออนามิกาทำท่าฮึดฮัดใส่ เหมือนจะตบ นลิณาก็ผงะถอยออกมาหลบข้างเกตนิการ์
“ขอร้องหละนะ หยุดหาเรื่องฉันซะที ฉันไปทำอะไรให้อย่างงั้นเหรอ” อนามิกาถาม
“อย่าถามฉันเลย ไว้รอถามยัยแพร น้องสาวฉันดีกว่า” นลิณาบอก
“ใช่..น้องแพรเค้าก็ไม่เคยทำอะไรเธอ แต่ทำไมเธอต้องไปแย่งผู้ชายของเค้าด้วย” เกตนิการ์เสริม
อนามิกาอึ้งไปเพราะรู้สึกผิดเหมือนกัน
“ฉันจะไม่หยุดแค่นี้ เตรียมตัวไว้เหอะยัยอะนา เธอกับฉันต้องได้เจอกันอีกแน่” นลิณาขู่
นลิณาเดินออกไป เกตนิการ์ยืนมองหน้าอนามิกาแล้วเดินตามนลิณาออกไป อนามิการู้สึกผิดกับแพรวาขึ้นมา

ร้านขายเสื้อผ้าของเมธาวียังว่างเปล่า มีเพียงชั้นวาง ราวแขวน และหุ่นโชว์เปลือยๆ ตัวหนึ่ง เมธาวีกับณภัทรกำลังช่วยกันหอบเสื้อผ้ามาจัดเรียงบนชั้น ทั้งสองช่วยกันเอาเสื้อผ้าใส่ไม้แขวนแล้วนำไปแขวนกับราว
เมธาวีใช้เตารีดรีดชุดบนโต๊ะรีดผ้าเล็กๆ ณภัทรอาสาขอช่วยแต่มือไปโดนเตารีดร้อนจนเขาต้อง สะบัดมือ เมธาวีตกใจรีบกุมมือณภัทรมาดูแล้วเป่าให้ด้วยความเป็นห่วงแล้วเธอก็นึกขึ้นได้ มองมือตัวเองที่กุมมือณภัทรไว้แล้วรีบปล่อยด้วยความเขิน
ณภัทรกับเมธาวี ผลัดกันสวมเสื้อผ้าให้หุ่นโชว์ ทั้งสองลองชุดโน้นชุดนี้ เริ่มจากณภัทรสวมชุดที่ดูธรรมดาๆ แล้วผายมือภูมิใจเสนอ แต่เมธาวีกอดอกพิจารณาแล้วส่ายหน้า
เมธาวีถอดชุดที่ณภัทรใส่ แล้วสวมชุดที่หวานสวยแล้วผายมือภูมิใจเสนอ ณภัทรมองอย่างพิจารณาแล้วส่ายหน้าไม่ชอบเช่นกัน
ทั้งสองผลัดกันลองอีกคนละชุดซึ่งก็ยังเหมือนเดิม ณภัทรเลือกชุดออกแมนๆ ส่วนเมธาวีก็เลือกชุดที่หวานแหวว คิกขุ สุดท้าย ณภัทรกับเมธาวีเลยช่วยกันเลือกคนละชิ้น ณภัทรเลือกเสื้อ เมธาวีเลือกกระโปรง แล้วช่วยกันสวมหุ่นจนออกมาสวยงาม น่าพอใจ ทั้งสองยืนมองอย่างพิจารณาแล้วพยักหน้าให้กันแล้วตีมือกันอย่างถูกใจ
อัธวุธแต่งตัวจัดจ้านเดินเฉิดฉายร่าเริงเข้ามาที่หน้าร้าน
“เพื่อน..เพื่อน...”
“อาร์ท” ณภัทรกับเมธาวีขานรับพร้อมกัน
“ยัยอะนาโทรมา บอกว่าไม่ว่างมาช่วย แต่ว่า...”
พูดจบอัธวุธก็ผายมือไปที่ข้างหลังซึ่งมีชายพนักงานส่งของกำลังใช้สองมือถือประคองป้าย ที่ห่อกระดาษปิดไว้เดินมา อัธวุธรับป้ายนั้น คนส่งของเดินออกไป
“ยัยอะนาฝากของขวัญมาให้” อัธวุธบอก
เมธาวีตื่นเต้น “อะไรน่ะ”
อัธวุธถือประคองแล้วฉีกกระดาษห่อ เผยให้เห็นว่าเป็นป้ายชื่อร้านที่สั่งทำมาอย่างดูดีมากๆ ที่ป้ายใช้อักษรพิมพ์เล็กเขียนไว้ว่า methavee
“ป้ายชื่อร้าน” อัธวุธชี้ที่แต่ละคำ “เมธาวี ธา วี”
“โห...พี่อะนาสั่งทำมาให้เหรอ”
เมธาวีเข้าไปลูบๆ คลำๆ ป้ายอย่างดีใจ แล้วจู่ๆ ก็สะอื้น น้ำตาไหล อัธวุธกับณภัทรเห็นก็ตกใจ
“เม..เป็นอะไรน่ะ” ณภัทรถาม
เมธาวียิ่งสะอื้นก็ยิ่งทำให้ณภัทรกับอัธวุธรู้สึกใจไม่ดี แล้วเมธาวีจึงหันมาค่อยๆ ระบายยิ้มออกมา
“ก็ดีใจน่ะสิ...นี่ฉันได้มีร้านของตัวเองจริงๆ แล้วใช่มั้ย”
ณภัทรกับอัธวุธยิ้มออก อัธวุธสวมกอดแสดงความยินดีกับเมธาวี ส่วนณภัทรก็ตบไหล่เบาๆ อย่างยินดีด้วย

อนามิกานั่งจ้องดูนาฬิกาอยู่ที่ออฟฟิศของณดลอย่างใจจดใจจ่อ เข็มนาฬิกากำลังจะเป็นเวลาหกโมงเย็น
“จะเลิกงานแล้ว สิบ...เก้า...แปด...เก็บกระเป๋าดีกว่า”
อนามิกาหันไปก้มเก็บกระเป๋าข้าวของเตรียมตัวกลับบ้าน จู่ๆ เธอก็ได้ยินเสียงหนึ่งขึ้นมา
“โทษนะคะ มาติดต่องานค่ะ”
อนามิกาหน้าแหยและยังไม่หันไปมอง
อนามิกาพูดเบาๆ กับตัวเอง “โธ่เอ๊ย...ยังกลับบ้านไม่ได้อีกสิ” เธอรีบปั้นหน้ายิ้มแล้วหันไป “สวัสดีค่ะ” อนามิกาเห็นว่าคนมาติดต่อคือพนิดาก็ตกใจ “หา!?”
พนิดากับอนามิกาพูดพร้อมกัน “มาทำอะไรที่นี่”
ทั้งสองชะงักแล้วขำที่ถามคำถามเดียวกัน
“ฉันมาเป็นเลขาพี่ชายนายภัทรเค้า แล้วเจ๊ล่ะ”
“พอดีร้านที่โน่นมีฝรั่งมาเสนอราคาดี เจ๊ก็เลยรีบขายทิ้งซะ แล้วเอาเงินมาเซ้งร้านอาหารในโครงการนี้นี่แหละ นี่จะมาเซ็นสัญญาน่ะ”
“ดีเลยเจ๊ จะได้เจอกันบ่อยๆ นะคะ เอ้อ! แล้วไอ้จ๊อดลูกชายเจ๊ล่ะ?”
“อยู่นี่คร้าบบบ.....”
อนามิกาหันไปเห็นจ๊อดนั่งอยู่บนโต๊ะกำลังชูมือขึ้นมาสูงๆ โดยมีพนักงานสาวสองคนแบ่งขนมให้กินอยู่ อนามิกาหันมายิ้มกับพนิดา
“โห...พ่อหนุ่มลอนดอนของเจ๊นี่เนื้อหอมจริงๆ นะ”
อนามิกากับพนิดายิ้มขำกัน

อนามิกากับพนิดาเดินคุยกันมาตามทางเดินในโครงการ โดยมีจ๊อดเดินเล่นและกระโดดเรื่อยเปื่อยตามประสาเด็กตามหลังมา
“ก็อย่างที่บอกแหละนะ พอมีฝรั่งมาขอซื้อร้านแล้วให้ราคาดี เจ๊เลยรีบขาย กลัวมันจะเปลี่ยนใจ ไอ้เราเองก็อยากย้ายกลับมาอยู่แล้ว อยู่ลอนดอนมาสิบกว่าปี เจ๊รู้เลย เมืองไทยเรานี่แหละ น่าอยู่ที่สุดแล้ว”
“แต่เมืองไทยร้อนนะแม่”จ๊อดพูดขึ้น
“เออ! ก็หยุดเต้นแร้งเต้นกาซะที เดี๋ยวก็หายร้อน”
อนามิกายิ้มขำแล้วจึงพูดต่อ “แล้วเรื่องเรียนของนายจ๊อดนี่ล่ะเจ๊”
“ไม่ต้องห่วง เพิ่งขายร้านได้เงินมาเยอะ รอเปิดเทอมว่าจะส่งมันเรียนนานาชาติ”
“ก็ดีนะเจ๊ ให้เด็กมันได้ทั้งภาษาไทย ได้ทั้งภาษาอังกฤษ”
“กลัวลงท้ายมันจะพูดได้หลายภาษา ยกเว้นภาษาคน”
“โธ่! แม่ ภาษาคนจ๊อดพูดได้แต่เกิดแล้ว” จ๊อดเอ่ย
พนิดากับอนามิกามาหยุดที่หน้าร้านของพนิดา เด็กเสิร์ฟวัยรุ่นชายหนึ่งหญิงหนึ่งกำลังช่วยกันเช็ดกระจกร้านที่ยังอยู่ในกระบวนการตกแต่ง
“ร้านนี้แหละ มาเซ้งร้านต่อจากเจ้าของเดิมเค้าก็ดีไปอย่าง เพราะข้าวของเครื่องใช้ เด็กพนักงานก็ใช้ของร้านเดิมเค้า ไม่ต้องเหนื่อยหาคน หาข้าวของอะไร”
“งั้นอีกไม่กี่วันก็เปิดร้านได้แล้วสิเจ๊ ดีจัง...แล้วถ้าฉันว่างๆ จะมาช่วยนะเจ๊” อนามิกาอาสา
“ขอให้จริงเห๊อะ เอ่อ..เอางี้ก่อนดีกว่า...ถ้าอยากช่วยกันจริงๆ หละก็...เจ๊อยากจะขอร้องให้ช่วยอะไรอย่าง”
“อะไรล่ะเจ๊ ว่ามาเลยค่ะ”
“คือเจ๊จะต้องไปต่างจังหวัดซักสองคืน เจ๊ก็เลย...” พนิดามีท่าทางเกรงใจ “อยากจะรบกวนฝากไอ้จ๊อดไว้หน่อยน่ะ”
จ๊อดตัดพ้อเสียงแข็งๆ “แม่ทิ้งลูก”
“ไม่ได้ทิ้งเว้ย เอ๊ย! ไม่ได้ทิ้งจ้ะ” พนิดารีบบอก “ก็แม่ไปติดต่อธุระ แล้วว่าจะแวะไปเยี่ยมเพื่อนฝูงเก่าๆ ซะหน่อย แม่จากเมืองไทยไปนาน กลับมาทั้งทีก็ต้องไปเยี่ยมเยียนเพื่อนๆ บ้าง”
“แม่ไปเหอะ จ๊อดอยู่กะพี่อะนาก็ได้” จ๊อดบอก
“เดี๋ยวสิไอ้จ๊อด จะอยู่กะพี่อะนาน่ะ แกปรึกษาพี่เค้ารึยัง”
“โอ๊ย! ไม่ต้องปรึกษาหรอกเจ๊ เอาเป็นว่าเจ๊สบายใจได้เลย เดี๋ยวฉันดูแลจ๊อดให้เอง” อนามิการับปาก
“เจ๊ก็เกรงใจอยู่นะ เอ้อ...แล้ว...ทางบ้านนายภัทรเค้าจะไม่ว่าเอาเหรอ” พนิดาถาม
“ไม่หรอกเจ๊ คนบ้านนี้ ถึงเค้าจะดูดุๆ เครียดๆ แต่เค้าก็ไม่ได้ใจไม้ไส้ระกำอะไรหรอกนะ” อนามิกาหันมาพูดกับจ๊อด “ถ้าจ๊อดไม่ซน ไม่ดื้อ ก็คงไม่มีปัญหาหรอก”
“ก็หวังว่างั้น” พนิดาเสียงอ่อยแล้วพูดเบาๆ “ที่สำคัญไอ้จ๊อดมันทั้งดื้อทั้งซนนี่น่ะสิ”
“เจ๊ว่าไงนะคะ”
“ปะ..เปล่า ไม่มีอะไร” พนิดาพูดกับจ๊อด “เอ้า! ไอ้จ๊อด รีบขอบคุณ แล้วก็ฝากเนื้อฝากตัวกับพี่เค้าซะ เร็ว!”
“คร้าบ ขอบคุณคร้าบพี่อะนา”
จ๊อดพูดพร้อมกับโน้มตัวไหว้อย่างกวนๆ อนามิกายิ้ม แล้วกอดคอจ๊อดอย่างสนิทสนม

กอบชัยกับพนารัตน์ กินข้าวมื้อค่ำร่วมโต๊ะกับณดล ณภัทร อนามิกาและจ๊อดอยู่ด้วยท่าทางอึดอัด ครู่ใหญ่กอบชัยจึงพูดขึ้น
“พ่อว่า...มันชักจะเกินไปแล้วนะ”
“ใช่...เกินมาคนนึง ไอ้เด็กเนี่ยมาได้ไง” พนารัตน์ถาม
จ๊อดยังคงนั่งก้มหน้าก้มตากินข้าวอย่างไม่สนใจ ด้านหนึ่งของจ๊อดคือณดลส่วนอีกด้านหนึ่งคืออนามิกา
พนารัตน์พูดกับอนามิกา “ที่นี่ไม่ใช่เนิร์สเซอรี่ หรือสถานรับเลี้ยงเด็กนะยะ”
“เอ่อ..คือว่า...” อนามิกาอ้ำอึ้ง
ณภัทรเห็นอนามิกาเถียงไม่ออกก็รีบช่วย “คืองี้ครับคุณแม่ สมัยอยู่ลอนดอน เจ๊แพนด้า แม่ของจ๊อด เค้าช่วยพวกเราไว้เยอะ เจอเค้าวานมาอย่างงี้ อะนาเค้าเป็นคนมีน้ำใจ ก็เลยปฏิเสธไม่ลง”
“แต่แกกับเมียแกก็น่าจะขออนุญาตเจ้าของบ้านนี้ก่อน” ณดลพยักหน้าไปทางกอบชัยกับพนารัตน์
“เอ่อ...คือ..” อนามิกาพยายามนึกหาคำพูดเอาตัวรอด “คือฉันเห็นว่าเจ้าของบ้านนี้ เป็นคนใจดี มีความเมตตากับเด็กตาดำๆ แค่ให้เด็กคนนึงมาซุกหัวนอนซักสองคืน คงไม่มีใครจะใจยักษ์ ขนาดจะปฏิเสธ” อนามิกาหันมาหากอบชัยและพนารัตน์ “หรือคุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงว่ายังไงคะ จะปฏิเสธมั้ยคะ”
กอบชัยและพนารัตน์หันมามองหน้ากัน ทั้งสองเจอคำพูดอย่างนี้ก็ปฏิเสธไม่ไหวเหมือนกัน
“เอ่อ...ฉัน...” พนารัตน์อึกอัก
อนามิกาพูดกับณดล “เห็นมั้ยล่ะคะ เจ้าของบ้านนี้ท่านใจดี มีเมตตา เรื่องช่วยเหลือผู้อื่นนี่ขอให้บอก น้ำใจท่านยิ่งกว่ามหาสมุทร”
“พอๆๆ เอาเป็นว่าฉันยอมแล้ว” พนารัตน์บอก “ให้เด็กอยู่ที่นี่ก็ได้” พนารัตน์หันไปถามกอบชัย “หรือคุณว่าไง”
“เอ่อ...เรามีทางเลือกด้วยเหรอ” กอบชัยหันมาพูดกับอนามิกา “ยังไงก็ดูแลให้ดี อย่าปล่อยให้ดื้อให้ซนจนทำข้าวของเสียหายล่ะ”
“ค่ะ ฉันจะดูแลให้ดีที่สุดเลยหละค่ะ” อนามิกาจับหัวจ๊อดอย่างเอ็นดู “จ๊อด รีบกราบขอบคุณเจ้าของบ้านท่านเร็ว”
จ๊อดกำลังจ้วงกินอาหารจนเต็มปาก เขาเงยหน้ามากราบแทบโต๊ะแล้วพูดทั้งที่อาหารเต็มปาก “ขอบคุณคร้าบ”
“เอ้อ..ไหว้พระเถอะลูก” กอบชัยบอก
“ไม่ได้ไหว้พระ ไหว้คุณลุงกะคุณป้าตะหาก” จ๊อดเถียง
อนามิการีบดุ “จ๊อด!”
“ไม่เป็นไรๆ” กอบชัยยิ้มเอ็นดู แล้วหันไปที่พนารัตน์ “มีเด็กมาวิ่งเล่นอยู่ในบ้านคนนึง ก็ดีเหมือนกันนะ บรรยากาศในบ้านจะได้สดใสขึ้น”
พนารัตน์ค้อนที่กอบชัยยิ้มเห็นดีด้วยกับอนามิกา “ย่ะ”
กอบชัยรีบหุบยิ้มแล้วก้มหน้ากินข้าวต่อ ณดลมองหน้าอนามิกาอย่างจับผิด เขารู้ทันว่าอนามิกาพูดบีบให้พ่อแม่ของตนต้องรับเด็กไว้ อนามิกายิ้มตอบโต้อย่างไม่แคร์

จ๊อดนุ่งกางเกงนอนตัวเดียวโดยยังไม่ใส่เสื้อยนอยู่ในห้องนอนของณภัทร อนามิกาเช็ดผมที่เปียกเพราะเพิ่งสระมา ณภัทรกับณดลยืนคุยกันอยู่ใกล้ๆ
“พี่แน่ใจนะ ว่าจะให้เจ้าจ๊อดไปนอนห้องพี่น่ะ” ณภัทรถาม
“ก็ทำไงได้ แกกับเมียนอนอยู่ห้องนี้แล้ว ขืนให้เด็กนอนนี่อีกก็อึดอัดตาย” ณดลบอก
“แต่พี่เกลียดเด็กไม่ใช่เหรอ”
จ๊อดกับอนามิกาหันควับมามองทันที
“เฮ้ย..” ณดลรีบจุ๊ปากปรามณภัทรให้เงียบ “ชู่วว..ก็ไม่ขนาดนั้น” ณดลหันไปยิ้มให้จ๊อด “ปะ เดี๋ยวแต่งตัวแล้วให้พี่อะนาพาไปนอนที่ห้องพี่ณดลนะ”
จ๊อดพยักหน้าหงึกๆ แต่ก็เริ่มกลัวณดล

จ๊อดอยู่ในชุดนอน เขากระโดดขึ้นเตียงณดล อนามิกานั่งลงข้างๆ ที่ขอบเตียง เธอห่มผ้าให้จ๊อดอย่างนุ่มนวลอบอุ่น
ณดลนั่งมองแล้วก็รู้สึกดีที่เห็นอนามิกาดูแลเด็กได้เป็นอย่างดี
“ดีแล้ว...ฝึกเอาไว้ อีกไม่กี่เดือน เธอจะได้ดูแลลูกเธอเองบ้าง” ณดลพูด
อนามิกาหันมาที่ณดล “คุณก็เหมือนกัน ฝึกเอาไว้ เผื่อจะได้ช่วยเลี้ยงหลานบ้าง”
“ใครบอกว่าฉันจะช่วยเธอ” ณดลตอกกลับ
“นั่นสินะ คนอย่างคุณหรือจะมีน้ำใจช่วยใคร”
ณดลสะอึกแล้วจ้องอนามิกาอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ
อนามิกายิ้มอย่างไม่แคร์ แล้วหันมาพูดกับจ๊อด “งั้นพี่ขอตัวไปนอนบ้างนะ อยู่กับ...” เธอหันไปทางณดล “คุณลุงเค้าดีๆ ล่ะ”
ณดลสะอึกอีกครั้ง เขาโกรธอนามิกาจนหน้าดำหน้าแดง อนามิกาจะผละออกมา แต่จ๊อดรีบคว้าแขนไว้
“เดี๋ยวสิพี่อะนา”
“อะไรอีกล่ะจ๊อด ไว้พรุ่งนี้เช้าค่อยคุยกัน ดึกแล้ว นอนดีกว่านะครับ”
“เล่านิทานหน่อยสิครับ”
“โตจะเป็นหนุ่มแล้วยังจะฟังนิทานก่อนนอนอีกเหรอจ๊อด” อนามิกาถาม
“นะคร้าบ...ก็จ๊อดยังไม่ง่วงเลย”
“หรือให้คุณลุงเค้าเล่านิทานเอามั้ย”
ณดลรีบสวนขึ้น “เลิกเรียกฉันว่าลุงซะทีได้มั้ย แล้วนิทานก่อนนอนน่ะฉันเล่าไม่เป็นหรอก เล่าเป็นแต่เรื่องผี เรื่องสยองขวัญ ฆาตกรรมอะไรอย่างงี้”
“ฟังแล้วคงหลับฝันดีหรอกนะ เรื่องแบบนั้นน่ะ ไว้เล่าให้ลูกคุณฟังเหอะ” อนามิกาบอก
ณดลสะอึกที่เจออนามิกาตอกกลับอีก จ๊อดพยายามเขย่าแขนรบเร้าอนามิกา
“นะคร้าบ พี่อะนาเล่านิทานให้ฟังหน่อย”
“แต่พี่ไม่เคยเล่าอ้ะ นิทงนิทานอะไรพี่ก็ลืมไปหมดแล้ว จำเนื้อเรื่องไม่ได้” อนามิกาบอก
“งั้นพี่อนามิกาก็แต่งใหม่เลยสิครับ นะๆๆ เล่าไปเหอะ อะไรก็ได้” จีอดรบเร้า
“คิดใหม่ แต่งใหม่ตอนนี้เลยเนี่ยนะ แล้วจะรอดมั้ยเนี่ย อะๆๆ ก็ได้! พี่จะลองดูนะ ถ้าไม่สนุกอย่าว่ากันล่ะ”
จ๊อดฉีกยิ้มแล้วพยักหน้าหงึกๆ อย่างดีใจ ณดลขยับตัวหันมารอฟังอย่างตั้งใจเช่นกัน อนามิกาพยายามเค้นความคิดสักครู่จึงเริ่มเล่านิทาน
“กาลครั้งหนึ่ง...นานมาแล้ว...ในสวนดอกไม้แสนสวยแห่งนึง...”
จ๊อดหันมองหน้าณดล ณดลงงว่าจ๊อดมองตนทำไม
อนามิกายังคงเล่าต่อ “มีอัศวินหนุ่มรูปงามที่แอบหลงรักเจ้าหญิงแสนสวย ผู้เป็นพระราชธิดาของกษัตริย์ผู้ครองนครแห่งนั้น...”
จ๊อดหันจากที่มองณดลมามองอนามิกาแล้วอมยิ้ม พร้อมกับคิดฟุ้งสร้างจินตนาการภาพไปตามเนื้อเรื่องที่อนามิกาเล่า

ณ สวนดอกไม้แสนสวยในจินตนาการของจ๊อด อนามิกาอยู่ในชุดเจ้าหญิงกระโปรงบานสวยอย่างเจ้าหญิงในการ์ตูนดิสนีย์ เธอถือตะกร้าเดินเก็บดอกไม้อยู่ แล้วหันไปเห็น ณดดในชุดอัศวินหนุ่มปรากฏตัวโดยขี่ม้าย่างเข้ามาอย่างงามสง่า
“...แต่อัศวินหนุ่มเป็นแค่สามัญชน” เสียงอนามิกาเล่าเรื่องต่อ “ถึงแม้ว่าเจ้าหญิงจะมีใจให้ แต่อัศวินหนุ่มก็มิบังอาจคิดเกินเลย ได้แต่คอยเฝ้ามอง และคอยอารักขาเจ้าหญิงประดุจบอดี้การ์ด เอ่อ..หมายถึงองครักษ์น่ะ”
อัศวินณดลอยู่บนหลังม้า เขามองเจ้าหญิงอย่างเทิดทูนชื่นชม เจ้าหญิงก็เอียงอาย แต่ก็ชม้ายส่งสายตาสื่อให้รู้ว่าชอบพออัศวินหนุ่มอยู่เหมือนกัน
“...จนวันหนึ่ง...นังแม่มดร้ายปรากฏตัวขึ้น โดยปลอมตัวเป็นหญิงชรานำดอกกุหลาบสีเงินมาถวายเจ้าหญิง”
ทันใดนั้น นลิณาสวมชุดดำมีฮู้ดคลุมศีรษะทรงแหลมก็เดินถือดอกกุหลาบที่พ่นสีเงินอร่ามมายื่นให้เจ้าหญิงอนามิกา
“...แต่แท้จริงแล้วมันคือดอกไม้พิษของนังแม่มด ที่พ่นควันสีขาวฟุ้งออกมา และเมื่อเจ้าหญิงสูดดมเข้าไป”
อนามิกาดมดอกกุหลาบสีเงิน จู่ๆ ก็มีควันขาวฟุ้งออกมาจากดอกกุหลาบสีเงิน เจ้าหญิงอนามิกาสูดดมเข้าไปแล้วโงนเงนก่อนจะหมดสติทรุดลง แต่อัศวินหนุ่มก็ย่อเข่ามาประคองเจ้าหญิงไว้ พอเขาเงยหน้าขึ้นไปก็เห็นแม่มดนลิณามายืนค้ำหัวอยู่
“...เจ้าหญิงก็หมดสติ กลายเป็น..เจ้าหญิงนิทรา โดยนังแม่มดมีเงื่อนไขว่า...”
แม่มดนลิณาขยับปากพูด “ก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ถ้าเจ้าหญิงไม่ได้รับการจุมพิตจากชายผู้ที่หัวใจมีแต่ความรักแท้...เจ้าหญิงก็จะต้องกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราไปตลอดกาล...ฮ๊าๆๆ”

อนามิกาเล่านิทานด้วยความรู้สึกอิน โดยเธอกำลังหัวเราะด้วยเสียงของแม่มดร้าย
“ฮ๊าๆๆๆ”
ณดลกลั้นหัวเราะไม่ไหวจึงหัวเราะพรวดออกมาทีหนึ่ง
อนามิกาสะดุ้งและเริ่มรู้สึกตัว จึงหันไปยิ้มเขินๆ ให้ณดลแล้วก้มมองจ๊อด
“อ้าว..หลับซะแล้ว นิทานฉันมันน่าเบื่อมากเลยใช่มั้ยเนี่ย”
อนามิกาห่มผ้าให้จ๊อดแล้วค่อยๆ ผละออกมา พอเดินไปได้สองก้าวณดลก็ทักไว้
“เดี๋ยวก่อน”
อนามิกาชะงักแล้วพูดเบาๆ “เบาๆ สิ เดี๋ยวเด็กตื่น มีอะไรเหรอคุณ”
“แล้วยังไงต่อ...” ณดลถาม
อนามิกางง “ยังไงต่ออะไร”
“ก็นิทานคุณน่ะสิ แล้วยังไงต่อ”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“อ้าว..ได้ไง กำลังสนุกเลย แล้วตกลงเจ้าหญิงฟื้นมั้ย หรือว่าต้องเป็นเจ้าหญิงนิทราตลอดไป”
“ฉันไม่รู้ ก็เพิ่งคิดสดๆ คิดไปเล่าไป ยังไม่ทันได้คิดตอนจบเลย”
“ว้า...ไม่ได้เรื่องเลย เธอนี่ไม่มีความรับผิดชอบเลย หลอกให้ฉันฟังจนอยากรู้ตอนจบ แล้วก็ไม่เล่าต่อซะงั้น” ณดลว่า
“ใครว่าฉันเล่าให้คุณฟัง ฉันเล่าให้ไอ้จ๊อดฟัง คุณแหละแอบฟังไม่รู้จักขออนุญาตก่อน” อนามิกาเดินจะออกจากห้อง แล้วหันมาพูดกับณดล “ขอบคุณมากนะที่ให้จ๊อดนอนด้วย”
“ไม่ต้องขอบคุณ ฉันไม่ได้เต็มใจนักหรอก แค่จำใจน่ะ”
“บางครั้งการกระทำของคุณก็ดูเป็นคนมีน้ำใจนะ” อนามิกาบอก
ณดลยิ้มออกมา
“แต่ปากของคุณก็ทำให้รู้ว่า คุณก็คือคนใจหินคนเดิมน่ะแหละ” อนามิกาพูดต่อ
ณดลหุบยิ้ม อนามิกาเดินออกไป แล้วปิดประตู ณดลจะโวยไล่หลังแต่ก็โวยไม่ทัน เลยได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆ
“ปากของเธอก็ใช่ย่อย” ณดลหันไปมองที่จ๊อด “แต่เห็นตอนเล่านิทานแล้วก็ดูมีแววจะเป็นแม่ที่ดีกับเค้าได้เหมือนกันนะ”

ภายในห้องของณดลมีแสงสลัว ณดลนอนหลับอยู่บนเตียงเคียงข้างกับจ๊อด ซึ่งนอนดิ้นจนขาข้างหนึ่งมาก่ายขาของณดล ส่วนณดลกำลังนอนหลับอมยิ้มฝันหวานอยู่

ในฝันของณดล อนามิกาอยู่ในชุดเจ้าหญิงกำลังนอนหมดสติอยู่ในอ้อมกอดของณดลในชุดอัศวินที่นั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นหญ้าในสวนดอกไม้ อัศวินณดลเขย่าตัวของอนามิกาและเรียกร้องให้อนามิกาฟื้นคืนสติ
“เจ้าหญิง...เจ้าหญิง...”
ณดลฉุกคิดขึ้นมา เขานึกถึงคำพูดของแม่มดนลิณา
“...ถ้าเจ้าหญิงไม่ได้รับการจุมพิตจากชายผู้ที่หัวใจมีแต่ความรักแท้...เจ้าหญิงก็จะต้องกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราไปตลอดกาล...ฮ๊าๆๆ”
อัศวินณดลตื่นจากภวังค์ แล้วก้มมองหน้าเจ้าหญิงอนามิกา
“ให้อภัยข้าพเจ้าด้วย เพื่อช่วยให้เจ้าหญิงทรงฟื้นขึ้นมา ข้าพเจ้า...จำเป็นที่จะต้อง...”
ณดลค่อยๆ ก้มลงไปอย่างช้าๆ แล้วทาบริมฝีปากจุมพิตริมฝีปากของอนามิกาทันที

ณดลลืมตาโพลงเพราะตื่นขึ้นมาในความมืด เขาค่อยๆ กลอกตา จนเริ่มรู้สึกตัวว่าเหตุการณ์เมื่อครู่เป็นเพียงแค่ความฝัน
“นี่เราฝันบ้าอะไรวะ”
ณดลยกนิ้วแตะริมฝีปากแล้วพลันรู้สึกผิด จนต้องยกสองมือขึ้นปิดหน้าตัวเองไว้
“เราฝันถึงเมียน้องเราอย่างงี้ได้ยังไงกัน”
ณดลนอนลืมตาโพลงมองเพดานอย่างรู้สึกผิด เพราะเริ่มรู้สึกตัวว่าคิดกับอนามิกาเกินธรรมดาแล้ว

อ่านต่อหน้า 3




 แหม่มแก้มแดง  ตอนที่ 7 

เช้าวันใหม่ อนามิกาเดินมาที่หน้าห้องนอนของณดลแล้วเคาะประตู แต่ไม่มีเสียงตอบรับจากด้านใน เธอจึงเคาะถี่ๆ ซ้ำอีก
 
“คุณณดล...จ๊อด...” อนามิกาเคาะประตูซ้ำอีก “สายแล้วยังไม่ยอมตื่น”
อนามิกาลองบิดลูกบิดประตูจึงพบว่าประตูไม่ได้ล็อก อนามิกาจึงผลักประตูเข้าไป


อนามิกาเดินเข้ามาในห้องนอนพร้อมกับร้องเรียกณดลกับจ๊อด
“ตื่นกันหรือยัง...อ้าว!”
อนามิกามาหยุดยืนที่ข้างเตียง เธอเห็นผ้าห่มหลุดลุ่ยที่ยังไม่ได้พับ แต่ไม่มีใครนอนอยู่บนเตียงแล้ว
“ตื่นกันหมดแล้วเหรอ”
อนามิกาหันกลับมาอีกทาง ก็ถึงกับผงะเพราะเธอเห็นณดลนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเพราะเพิ่งอาบน้ำเสร็จออกมาจากห้องน้ำ ณดลเห็นอนามิกายืนอยู่ก็ตกใจเช่นกัน
“ว๊าย!”
ณดลเอาผ้าที่เสร็จศีรษะมาปิดตัวไว้ แล้วโวยใส่อนามิกา “เธอเข้ามาทำไม”
อนามิกาเบือนหน้าหนี “ฉันเข้ามาหาไอ้จ๊อดน่ะ”
“อ้าว! เด็กนั่นไม่ได้อยู่กับเธอเหรอ ฉันตื่นมาก็ไม่เจอแล้วนะ” ณดลบอก
อนามิกาหน้าตื่นแล้วหันมามองหน้าณดล “หา!?”

อนามิกาเดินหาจ๊อดอยู่ภายนอกตัวบ้าน เธอเดินก้มๆ เงยๆ มองหาจ๊อดในบริเวณที่คิดว่าจ๊อดอาจจะอยู่
อนามิกาเรียกด้วยน้ำเสียงใจดี “จ๊อด...” สักพักเธอเริ่มเครียด “จ๊อด...” จนกระทั่งเธอชักจะร้อนใจ “จ๊อด!”
ณดลเดินออกมาจากตัวบ้านแล้วเอ่ยถามด้วยท่าทางร้อนใจเช่นกัน
“เจอมั้ย หรือว่าแอบหนีออกไปเล่นข้างนอกโน่น”
อนามิกากับณดลใจหายวาบ ก่อนจะหันไปแล้วเดินไปที่รั้ว พลันได้ยินเสียงร้องกรี๊ดของศรีดังมาจากครัว “กรี๊ด!!”
อนามิกากับณดลหันมามองหน้ากัน แล้วหันกลับไปมองที่ตัวบ้านทันที

ควันโขมงเต็มครัวจนแทบมองอะไรไม่เห็น ได้ยินแต่เสียงไอค่อกแค่กของศรีและจ๊อดที่บริเวณทางเข้าครัว ณดลกับอนามิกาวิ่งมาเห็นแล้วจึงหยุดยืนหน้าตาตื่น
“ไฟไหม้!” อนามิการ้องเสียงดัง
ณดลรีบหันกลับไป “ไปเอาถังดับเพลิงก่อนนะ”
“จ๊อด...ศรี ออกมาทางนี้เร็ว” อนามิการ้องบอก
“พี่อะนา” จ๊อดร้องเรียก
จ๊อดกับศรีไอค่อกแค่กเพราะสูดควันเข้าไปมากเลยนั่งหมดแรงอยู่กับพื้น สักพักณดลก็ถือถังดับเพลิงย้อนกลับมาแล้วลุยเข้าไปกลุ่มควัน “หลบไป”
อนามิการีบหลีกทางให้ ณดลยืนจังก้าพร้อมกับฉีดพ่นสารดับเพลิงเข้าไป


ศรีกับจ๊อดขาวโพลนไปทั้งหน้าทั้งตัวเพราะถูกสารดับเพลิง ทั้งสองยืนก้มหน้าเหลือบตาจ๋อยๆ มองทุกคนที่อยู่ในห้องรับแขก มีทั้งกอบชัยกับพนารัตน์ที่นั่งอยู่ และณดล ณภัทร อนามิกาก็อยู่บริเวณนั้นด้วย
“นี่มันเกิดเรื่องอะไรกันแน่ หา?!” กอบชัยถาม
“ก็..ก็เด็กนี่สิคะ ไม่รู้ใส่อะไรลงในกระทะ ไฟงี้ลุกพรึ่บขึ้นมาเลยค่ะ” ศรีรีบบอก
“เพราะไอ้เด็กนี่เองเหรอ ศรี เธอรีบไปล้างหน้าล้างตา แล้วก็ไปทำความสะอาดครัวซะให้เรียบร้อย” พนารัตน์สั่ง
“ค่ะคุณรัตน์” สรีรับคำแล้วเดินออกไป
กอบชัยหันมาพูดกับพนารัตน์ “จะเอาไงกันดีเนี่ยคุณ”
“จะเอาไงล่ะ เด็กมันก่อปัญหา เราก็เอาตัวปัญหาออกไปสิ” พนารัตน์บอก
“แต่คุณแม่ครับ เด็กมันไม่ได้ตั้งใจ” ณภัทรช่วยพูด
“เงียบไปเลย ไม่ต้องมาเถียงแทน” พนารัตน์จ้องมองอนามิกา “ฉันไม่ไล่ไอ้คนที่เอาตัวปัญหาเข้ามาก็บุญแค่ไหนแล้ว”
จ๊อดรู้สึกผิด หน้าของเขาเริ่มเหยเกทำท่าเหมือนจะร้องไห้ อนามิกาเดินเข้าไปโอบปลอบ
“จ๊อด...รีบขอโทษ..เร็ว” อนามิกาบอก
จ๊อดค่อยๆ ยกมือไหว้กอบชัยกับพนารัตน์ “ขอโทษครับ”
พนารัตน์ทำเมิน แล้วพูดกับอนามิกา “เธอรีบพาไอ้เด็กนี่ออกไปจากบ้านฉัน เดี๋ยวนี้!”
“เอ่อ..ค่ะ คุณผู้หญิง” อนามิกาจูงจ๊อดกำลังจะพาออกไปแต่ณดลเรียก
“เดี๋ยว! เธอไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น”
อนามิกาชะงักแล้วหันไปมองณดลที่ลุกไปหาพนารัตน์แล้วกระซิบกับพนารัตน์เบาๆ
“คุณแม่ครับ เด็กนี่อยู่อีกแค่คืนเดียว เราให้เค้าอยู่ต่อเถอะนะครับ”
อนามิการู้สึกประหลาดใจเพราะไม่คิดว่าณดลจะออกตัวช่วยตน
“เอ๊ะ! ยังไงกันณดล แม่ว่าแม่พูดชัดเจนแล้วนะ” พนารัตน์ว่า
“แต่คุณแม่ครับ ผมขอร้อง เด็กนี่เพิ่งย้ายมาจากเมืองนอกยังไม่รู้จักใครที่นี่ถ้าไม่นอนบ้านเรา จะให้เค้าไปนอนที่ไหน” ณดลบอก
อนามิการีบมาพูดสมทบอีกคน “หรือคุณผู้หญิงอยากเห็นเด็กมันต้องไปนอนตามสะพานลอย ตามป้ายรถเมล์ ต้องนอนตากยุง ไหนจะพวกมิจฉาชีพอีก แล้วก็ยังมี...”
“พอๆๆ ฉันก็ไม่ได้ไร้มนุษยธรรมขนาดนั้น ถ้างั้น” พนารัตน์ชี้ที่อนามิกา “เธอ ต้องดูแลให้ใกล้ชิดทุกฝีก้าว แล้ว...” พนารัตน์ชี้ที่ณภัทร “แล้วภัทรก็ต้องช่วยดูด้วย”
ณภัทรยิ้มอย่างเต็มใจ “ได้เลยครับคุณแม่”
จู่ๆ พนารัตน์ก็เปลี่ยนใจ “ไม่เอาดีกว่า แกสองคนก็พวกเดียวกัน ฉันไม่ไว้ใจ” พนารัตน์หันมาที่ณดล “ฝากกับณดลสบายใจกว่า แม่ฝากด้วยนะ”
“ได้ครับคุณแม่ ผมจะคอยจ้องดูไม่ให้คลาดสายตาเลยหละครับ”
ณดลจ้องอนามิกากับจ๊อดด้วยสายตาจับผิด อนามิกามองตาขวางๆ ตอบโต้ ในขณะที่จ๊อดได้แต่ก้มหน้าจ๋อยเพราะรู้สึกผิด

นลิณากับเกตนิการ์เดินดูเสื้อผ้าในโครงการที่มีร้านเมธาวีตั้งอยู่ โดยมีแพรวาตามมาติดๆ
“นี่มันอะไรกันยัยเกด ไหนบอกจะพาฉันกับน้องแพรมาหานายภัทร แล้วไหงพามานี่ ฉันไม่มีกะใจจะมาช็อปปิ้งหรอกนะ”
“ก็ที่นี่แหละ เดินตามมาเหอะน่า” เกตนิการ์บอก
“แล้วทำไมพี่เกดถึงรู้ว่าคุณภัทรเค้าอยู่แถวนี้ล่ะคะ” แพรวาเอ่ยถาม
“ก็เพราะว่าฉันโทรคุยกับนายภัทรแล้วเค้าบอกน่ะ”
นลิณาหยุดเดินทันที แล้วฉุดแขนเกตนิการ์ไว้ “เดี๋ยวนะยัยเกด แล้วเธอมีธุระอะไรถึงต้องโทรหานายภัทรเค้าด้วยเนี่ย”
“ก็ฉัน...เอ่อ...ฉัน...” เกตนิการ์อึกอัก “ไม่มีอะไรหรอกน่า...มา...ตามฉันมา”
เกตนิการ์เดินนำไป นลิณาหยุดยืนมองตามอย่างไม่ไว้ใจ แพรวามองนลิณาอย่างงงๆ และอดสงสัยไม่ได้
“มีอะไรเหรอคะพี่นีน่า”
“ก็ไม่รู้สินะ แต่ฉันจะชักจะรู้สึกยังไงๆ กับเพื่อนคนนี้แล้วสิ ดูเหมือนเค้าจะสนใจนายภัทรของเธอมากเกินไปแล้ว”
เกตนิการ์หันขวับมา “เธอพูดถึงฉันรึเปล่านีน่า”
“เปล่าจ้ะ” นลิณาตอบ “แล้วนี่ตกลงนายภัทรเค้าจะมาทำอะไรแถวนี้”
“เค้าก็มาร้านยัยเมน่ะสิ” เกตนิการ์บอก
“เม?...ใครเหรอคะ” แพรวาสงสัย
“ก็เป็นพวกเดียวกับยัยอะนา ที่จ้องจะงาบนายภัทรน่ะสิ” เกตนิการ์บอก
นลิณาปรายตาประชดเกตนิการ์ “ก็คล้ายๆ กับพวกเดียวกันกับเรา แต่จ้องจะงาบนายภัทรเหมือนกันใช่มะ”
เกตนิการ์สะดุ้ง แต่รีบเก็บอาการ “เธอพูดอะไรของเธอนีน่า ฉันไม่เข้าใจเลย”
“เธอไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไรจ้ะ แค่จำไว้ว่า ฉันไม่โง่ เธอคิดจะทำอะไร ก็เกรงใจฉันหน่อยแล้วกัน”
เกตนิการ์สะดุ้งที่นลิณารู้ทันจึงได้แต่หลบตาแล้วเดินต่อไป


เกตนิการ์เดินนำนลิณากับแพรวามาหยุดยืนหน้าร้านเสื้อผ้าของเมธาวี
“นี่ไง...ร้านของยัยเม” เกตนิการ์บอก
นลิณายิ้มร้ายๆ แล้วเดินพุ่งเข้าไป ณภัทรกับเมธาวีเห็นนลิณาเดินเข้ามาก็ประหลาดใจ
“ว่าไงจ๊ะแม่ค้า” นลิณาทักแล้วพูดกับณภัทร “แล้วนี่ไม่ต้องดูแลเมียท้องป่องที่บ้านหรอกเหรอ”
“นีน่า...เกด อ้าว! คุณแพรก็มาด้วยเหรอ” ณภัทรเอ่ยทัก
“คุณแพร?” เมธาวีสงสัย
“น่าน...ทำงง ก็แพรวา คนที่ว่าจะหมั้นกับนายภัทร แล้วโดนยัยอะนาฉกไปนั่นแหละจ้ะ” นลิณาบอก
“นีน่า...ไม่เอาน่า” ณภัทรพูดกับแพรวา “คุณแพร รู้จักกับเมสิ”
แพรวายิ้มให้อย่างมีมารยาท “สวัสดีค่ะคุณเม เสื้อผ้าในร้านสวยดีนะคะ”
“ขอบคุณมากค่ะ ถ้าคุณแพรสนใจล่ะก็...จะลดให้เป็นพิเศษเลยหละค่ะ” เมธาวีบอก
แพรวาดีใจ “เหรอคะ”
แพรวารีบหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาเลือกดูอย่างดีใจ นลิณารีบคว้าแขนรั้งตัวน้องสาวไว้
“นี่! หยุดเลยยัยแพร เธอยังจะไปอุดหนุนพวกมันทำไม”
“แต่เสื้อเค้าก็สวยดี แล้วเค้าจะลดให้ด้วย” แพรวาบอก
นลิณาตวาดทันที “ต่อให้มันแจกฟรี ยังคิดดูก่อนเลย”
เกตนิการ์สะกิดแพรวาแล้วกระซิบ “ก็บอกแล้วไงว่ายัยเมเป็นพวกเดียวกับยัยอะนา มารหัวใจของเธอน่ะแพร”
นลิณาเดินหยิบเสื้อผ้าแบบชุ่ยๆ เพราะตั้งใจจะป่วนร้าน
“เนี่ยนะ..สวย เพิ่งกลับมาไม่กี่วัน เอาเวลาที่ไหนมาทำเสื้อผ้ายะ”
“ช่วงเริ่มต้นนี่ก็ซื้อมาขายก่อนน่ะ แต่ก็เริ่มทยอยออกแบบเองบ้างแล้วหละ” เมธาวีตอบ
นลิณาหยิบเสื้อผ้าตัวโน้นตัวนี้ออกจากราวแขวน แล้วโยนพาดคืนที่ราวแขวนแบบชุ่ยๆ “เสียแรงที่อุตส่าห์ไปเทคคอร์สที่ลอนดอน นี่เธอเลือกเสื้อผ้ามาขายยังไงยะ ทำไมมันเชยๆ บ้านๆ ไม่มีลูกเล่นเอาซะเลย”
“คือเสื้อผ้าแบบเรียบๆ ไม่หวือหวามันใส่ได้จริงๆ แล้วก็น่าจะขายง่ายกว่าน่ะ เอ่อ..ขอร้องหละนะ ดูแล้วเก็บคืนที่เดิมได้มั้ย” เมธาวีบอก
“ทำไม มีปัญหาเหรอยะ ฉันจะโยนไว้ตรงไหนก็เรื่องของฉัน ก็ได้..ฉันไม่โยนไว้ตรงนี้ก็ได้ งั้นฉันจะโยนใส่หน้าเธอนี่แหละ”
พูดจบนลิณาก็โยนเสื้อผ้าที่ถืออยู่ใส่หน้าของเมธาวี จนเสื้อคลุมปิดหน้าของเมธาวี
ณภัทรขยับเข้าหา “นีน่า ทำเกินไปแล้ว”
เกตนิการ์รีบมาขวางไว้ “ไม่มีอะไรหรอกน่าภัทร เพื่อนฝูงแค่หยอกกันเล่น”
เมธาวีเอาเสื้อที่ปิดหน้าออกแล้วมองนลิณาอย่างโกรธเคือง
“มองหน้าหาเรื่องเหรอ” นลิณาถาม
แพรวารีบมาขวางนลิณาไว้ “พี่นีน่า พอเถอะค่ะ เรากลับกันดีกว่า” แพรวาหันมาทางเมธาวี “ขอโทษนะคะคุณเม”
“ไปขอโทษมันทำไม เราไม่ได้ทำของมันเสียหายอะไรซักหน่อย แค่เลือกแค่รื้อดูหน่อยก็บ่น เป็นคนค้าขายประสาอะไร” นลิณาบ่น
“พี่นีน่า แพรขอร้องหละค่ะ เรากลับกันดีกว่า” แพรวาพูดกับเมธาวี “ไปก่อนนะคะ เดี๋ยววันหลังมาอุดหนุน”
แพรวาดึงแขนนลิณาออกไป นลิณาทำท่าฮึดฮัดแต่ก็จำใจปล่อยให้แพรวาดึงออกไป เกตนิการ์ก็ทำท่าจะเดินตามไป แต่ก่อนเดินออกไปเธอหันมากระซิบกับณภัทร
“แล้วเจอกันนะณภัทร” แล้วเกตนิการ์ก็เดินออกไป
ณภัทรกับเมธาวีมองตามไป
“คุณแพรดูเป็นคนดีจังเลยนะ ทำไมถึงไม่ชอบเค้าล่ะภัทร” เมธาวีถาม
“อะไรกัน ยัยอะนาก็ถามฉันแบบนี้ ตกลงทุกคนอยากให้ฉันแต่งงานกับคุณแพรใช่มั้ย”
“ก็เค้าดูเป็นคนดีจริงๆ นี่นา แถมหน้าตาน่ารักอีกต่างหาก” เมธาวีย้ำ
“ก็ใช่! แต่ฉันไม่ได้ชอบเค้าแบบนั้นนี่” ณภัทรบอก
“คนดีๆ น่ารักๆ กลับไม่ชอบ แล้วนายชอบแบบไหนเหรอภัทร” เมธาวีถาม
“ก็ไม่รู้เหมือนกันนะ จะว่าไป ฉันก็ยังไม่เจอใครที่ทำให้รู้สึกแบบนั้นได้เลยน่ะ”
เมธาวีสะอึกเพราะรู้สึกเศร้ากับคำพูดของณภัทร
เมธาวีตัดพ้อเบาๆ “นายยังไม่เจอคนๆ นั้นเลยใช่มั้ย”


ตกกลางคืน อนามิกาเดินลงบันไดบ้านณดลมา ในขณะที่ณดลกำลังเดินขึ้นไป ทั้งสองหยุดคุยกันตรงบันไดขั้นกลางๆ
ณดลกับอนามิกาถามขึ้นมาพร้อมกัน “จ๊อดล่ะ?”
ทั้งสองชะงักตกใจแล้วถามขึ้นมาพร้อมๆ กันอีกครั้ง
“ไม่ได้อยู่กับเธอเหรอ / ไม่ได้อยู่กับคุณเหรอ”
อนามิกาส่ายหน้า “เปล่า ไม่ได้อยู่กับฉัน”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” ณดลบอก
ทั้งสองมองหน้ากันแล้วรู้สึกใจหายวาบ


ณดลเปิดรั้วบ้านออกมา อนามิกาเดินตามออกมาด้วย
“เดี๋ยวก่อนคุณ แล้วไม่ต้องบอกใครก่อนเหรอ หรือไปตามคนมาช่วยหามั้ย” อนามิกาเสนอ
“เดี๋ยวเธอก็ได้โดนคุณแม่ฉันด่าเปิงอีกหรอก เพราะเธอแท้ๆเลย แทนที่จะดูแลเด็กให้ดีๆ” ณดลโวย
“อย่ามาโทษฉันนะ คุณก็เหมือนกันแหละน่ะ แหม..ทำเป็นคุยว่าจะไม่ให้คลาดสายตา ยังไม่ทันข้ามคืน ก็หายไปซะแล้ว”
“เอาเถอะ อยากพูดอะไรก็พูด ฉันจะไม่เถียงกับเธอให้เสียเวลา” ณดลบอก
ณดลรีบเดินออกไป อนามิกาก้าวมาตีคู่แล้วเดินอยู่ข้างๆ ทันใดนั้นก็เกิดแสงฟ้าแลบแปล๊บ ตามมาด้วยเสียงฟ้าผ่า
“ว๊าย” อนามิกาตกใจกระโดดกอดณดลแน่น พอรู้สึกตัวก็รีบผละออกมาแหงนมองฟ้า
“ฝนจะตกรึเปล่านี่” อนามิกายกมือขึ้นรอง “ลงเม็ดแล้วจริงๆ ด้วย”
“ก็รีบกลับไปเอาร่มมาสิ เร็วเข้า!” ณดลสั่ง
อนามิกาพยักหน้ารีบหันกลับแล้ววิ่งเข้ารั้วบ้านไป


ฝนตกลงมาหนาเม็ดมากขึ้น ณดลกับอนามิกาต่างก็จับก้านร่มแน่นแล้วเบียดตัวอยู่ใต้ร่มคันเดียวกัน
ณดลบ่นอย่างไม่สบอารมณ์ “แล้วดูซิ เอาร่มมาคันเดียวเนี่ยนะ”
“ก็ฉันเห็นมันวางอยู่คันเดียวนี่ หยุดบ่นทีเหอะน่ะ ร่มเนี่ยฉันเป็นคนหยิบมานะ เดี๋ยวก็ไม่แบ่งให้ซะเลย” อนามิกาฉุน
ทั้งสองขยับเดินไปด้วยกันอย่างทุลักทุเล
อนามิกาตะโกนอยู่ข้างหูณดล “จ๊อด...จ๊อด”
“โอ๊ย! มาตะโกนอะไรกรอกหูฉันเนี่ย ไม่ต้องตะโกนก็ได้ ตาน่ะมีมั้ย ก็มองหาเอา”
อนามิกาค้อนแล้วหันไปมองหา ณดลยังเหล่มองอนามิกาเพราะต้องหลบอยู่ในร่มคันเดียวกัน ณดลเลยต้องก้มหน้ามาจนใบหน้าอยู่ระดับเดียวกับอนามิกา
ทันใดนั้นฟ้าก็ผ่าเปรี้ยง! อนามิกาตกใจผวา จังหวะที่เธอหันหน้ากลับมา ริมฝีปากก็จุมพิตกับริมฝีปากของณดลเข้าพอดี ทั้งสองตาโตด้วยความตกใจ
ทั้งสองยังคงยืนปากชนกันนิ่งค้างอยู่กลางสายฝน ครู่หนึ่งทั้งสองจึงผละออกมา ต่างคนก็ต่างมีความรู้สึกดีๆ เกิดขึ้น แต่ก็ต้องรีบระงับความรู้สึกนั้นเอาไว้
“โทษที…แต่เธอหันมาเองนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ” ณดลรีบบอก
“ฉันก็ยังไม่ได้ว่าอะไรซักหน่อย” อนามิกาบอก
ทั้งสองเดินเบียดกันอยู่ใต้ร่มคันเดิมแล้วเดินต่อไป


ณดลกับอนามิกาผลักประตูร้านมินิมาร์ทแห่งหนึ่งเข้ามา แล้วหุบร่มที่เปียกฝนโดยมีร่องรอยฝนบนเสื้อผ้าขอแต่ละคนเล็กน้อย
“เอาไงดีล่ะคุณ หรือเราจะแจ้งตำรวจมั้ย” อนามิกาขอความเห็น
ทั้งสองเดินไปที่ตู้เครื่องดื่ม แล้วเลือกหยิบน้ำดื่มขึ้นมา
“ลองหากันก่อน เด็กตัวแค่นี้ เงินค่ารถก็คงไม่มี เค้าจะเดินไปไหนได้ไกล” ณดลบอก
“แต่เราเดินจนขาแทบหลุดแล้วยังไม่เห็นวี่แววเลย เฮ่อ...ป่านนี้จ๊อดจะเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่รู้ แล้วถ้าหายไปจริงๆ ฉันจะบอกแม่เค้าว่ายังไง”
“อย่าเพิ่งมองในแง่ร้ายสิ ใจเย็นๆ ค่อยๆ ช่วยกันหา เดี๋ยวก็เจอ เอางี้มะ..เราลองมาจินตนาการดู ว่าถ้าเราเป็นเด็กแล้วเจอฝนตกแบบนี้ เราจะไปหลบอยู่ที่ไหน” ณดลเสนอความเห็น
อนามิกาคิดตาม “ก็ต้องเป็นที่ที่มีหลังคาให้หลบฝน แล้วก็เป็นที่ที่เปิดให้เด็กเข้าได้ ยิ่งถ้าไฟสว่างๆ ก็ยิ่งดี เพราะเด็กก็คงจะกลัวความมืด กลัวผี แล้วถ้าที่นั่นมีขนมมีของกิน....แล้วก็ไม่ไกลจากบ้านเกินไป”
ณดลทวนคำอย่างครุ่นคิด พลางมองสำรวจรอบๆ “หลบฝนได้...ไฟสว่างๆ...มีขนม ของกิน...ไม่ไกลเกินไป มันก็ที่นี่เลยสินะ”
ณดลหันไปมุมหนึ่ง แล้วก็เพ่งมองอย่างไม่แน่ใจ อนามิกาหันไปมองตามก็เห็นเด็กคนหนึ่งยืนหันหลัง อ่านหนังสือการ์ตูนอยู่ที่แผงขายหนังสือในมินิมาร์ท
ณดลกับอนามิกาหันมามองหน้ากันอย่างประหลาดใจ สักพักอนามิกาก็หันไปเรียก
อนามิกาเรียกเบาๆ “จ๊อด”
เด็กที่ยืนหันหลังค่อยๆ หันมาทำให้เห็นว่าเป็นจ๊อด พอเห็นว่าอนามิกากับณดลมาตาม จ๊อดก็รีบวางหนังสือการ์ตูนแล้วทำท่าจะเผ่นหนี ณดลจึงรีบเข้าไปจับแขนไว้ได้
“เดี๋ยว...จ๊อด จะไปไหน” ณดลถาม
“กลับบ้านกันนะจ๊อด” อนามิกาชวน
“แต่เจ้าของบ้านเค้าไม่อยากให้จ๊อดอยู่นี่ครับ” จ๊อดพูดเสียงเศร้า
“ใครบอก...นี่ฉันก็เจ้าของบ้านคนนึงเหมือนกันนะ ฉันขอบอกว่าอยากให้จ๊อดกลับบ้าน...มากๆ” ณดลบอก
จ๊อดยังมีหน้าบึ้งและทำท่าอิดออด
“เอางี้ เมื่อขอร้องกันดีๆ ไม่ได้ ก็ต้องติดสินบนกัน ถ้าจ๊อดยอมกลับบ้านหละก็..ฉันจะเลี้ยงขนมในร้านเนี้ย ให้หยิบตามใจชอบเลย” ณดลเสนอ
จากหน้าบึ้งตึง จ๊อดหันมาถามอย่างกระตือรืนร้น “พูดจริงรึป่าวครับ”
ณดลพยักหน้าหงึกๆ อนามิกามองแล้วยิ้มอย่างเอ็นดู
“ขนมนี่...รวมไอติมด้วยมั้ยครับ” จ๊อดถาม
“รวมสิ” ณดลตอบ
“รวมของเล่นด้วยมั้ยครับ”
“ขนมมันต้องกินได้นะ ของเล่นก็ส่วนของเล่นสิ” ณดลบอก
จ๊อดกลับไปทำหน้าบึ้งอีก
“อะๆๆ ก็ได้” ณดลเดินไปหยิบตะกร้าใส่ของมา “ขนม ของเล่น ไอติม อะไรก็ได้” ณดลยื่นตะกร้าใส่ของให้ “ให้ตะกร้าเดียวนะ มีปัญญาหยิบของใส่แค่ไหนก็เชิญ”
จากที่หน้าบึ้ง จ๊อดก็เปลี่ยนเป็นฉีกยิ้มร่าเริง “โอเค”


จ๊อดถือตะกร้าช้อปปิ้งเดินเลือกขนมแล้วหยิบใส่ลงไป โดยมีณดลกับอนามิกาเดินตามพร้อมกับมองยิ้มๆ อย่างเอ็นดู
จ๊อดหยิบเครื่องดื่มประเภทนมรสสตรอเบอรี่และรสช็อกโกแลตที่ตู้เครื่องดื่ม แล้วจ๊อดก็ หยิบเครื่องดื่มชูกำลังด้วย แต่ณดลกับอนามิการีบหยิบคืนพร้อมกับยกมือปราม ทั้งคู่สอนจ๊อดว่าไม่ใช่ของที่เหมาะสำหรับเด็ก
จ๊อดปีนตู้ไอศกรีมแล้วเอาหัวมุดลงไปแทบจะครึ่งตัว ก่อนจะหยิบไอศกรีมมาหลากหลายชนิดจนเต็มตะกร้าช็อปปิ้ง สุดท้ายเพราะเอาหัวมุดลึกเกินจนจะปักลงไปทั้งตัว อนามิกากับณดลจึงต้องช่วยกันจับเอวจ๊อดแล้วดึงออกมา
จ๊อดใช้สองมือถือตะกร้าช็อปปิ้งด้วยหน้าตาเหยเกเพราะหนักมาก ณดลยิ้มอย่างใจดีแล้วมาช่วยถือให้ ที่ชั้นวางที่มีของเล่น ตุ๊กตุ่นตุ๊กตาวางอยู่ จ๊อดหยิบของเล่นเหล่านั้นมาวางจนพูนตะกร้า จนของล้นตกจากตะกร้าที่ณดลถือ จ๊อดจึงยอมหยุด อนามิกาหัวเราะขำ
จ๊อดเลือกการ์ตูนมาเสียบข้างๆ ด้านในของตะกร้าจนยัดลงไปจนได้ ณดลกับอนามิกายืนกอดอกมองแล้วส่ายหน้าด้วยความรู้สึกที่ทั้งระอาทั้งเอ็นดู
พนักงานแคชเชียร์ยืนอยู่ที่เคาเตอร์ สักพักก็มีตะกร้าช็อปปิ้งที่บรรจุของพูนจนล้นวางโครมลงมา พนักงานตาโตที่เห็นว่าซื้อของเยอะมาก
“โอ้โห..” พนักงานถามจ๊อด “ของน้องคนเดียวเลยหรือเปล่าคะเนี่ย”
จ๊อดโผล่หน้ามายิ้มจากขอบเคาน์เตอร์ ในขณะที่ณดลกับอนามิกายืนอยู่หลังจ๊อด
“ใช่คร้าบ” จ๊อดตอบอย่างภูมิใจ
“อย่างงี้ต้องขอบคุณ คุณพ่อกับคุณแม่นะคะ” พนักงานเงยหน้ามายิ้มให้ณดลกับอนามิกา
อนามิกากับณดลยิ้มแหยๆ แบบกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ขณะที่จ๊อดขำ
พนักงานพูดกับจ๊อด “น้องน่ะโชคดีมากเลยรู้มั้ย ที่มีคุณพ่อคุณแม่ใจดีขนาดนี้”
“เอ่อ...คืออันที่จริงเราสองคนไม่ใช่พ่อแม่เด็กนะคะ” อนามิกาทนไม่ไหวจึงพูดขึ้น
พนักงานจ้องจับผิด “คุณไม่ใช่พ่อแม่เด็ก แล้วจะพาเด็กไปไหนเนี่ย นี่คุณเอาขนมมาล่อ ให้เด็กไปกับคุณใช่มั้ย สองคนเป็นใครกันแน่” พนักงานยกโทรศัพท์ขึ้นมา “ฉันโทรแจ้งตำรวจจริงๆ นะ”
ณดลรีบแก้ปัญหา “เดี๋ยวๆๆ ใจเย็นๆ ก่อนครับ” ณดลหันไปแกล้งพูดกับอนามิกาแบบยิ้มๆ “คุณก็...ไปอำน้องเค้าทำไม” ณดลหันมาพูดกับพนักงาน “ใช่ครับ เราเป็นพ่อแม่ของเด็กคนนี้”
อนามิกาสะดุ้งเฮือก แต่รีบยิ้มรับมุก “คะ..ค่ะ ใช่ค่ะ”
“อ้อ! งั้นแล้วไป ขอโทษทีนะคะ สมัยนี้คนเราไม่น่าไว้ใจ กลัวว่าจะเป็นพวกลักพาตัวเด็กน่ะค่ะ ขอโทษจริงๆ นะคะ” พนักงานกล่าว
“ครับ..ไม่เป็นไร” ณดลรับคำ
ณดลเบือนหน้าไปยิ้มให้อนามิกา อนามิกามองค้อน แต่ก็รีบเปลี่ยนมายิ้มเพราะกลัวถูกจับได้

ณดล อนามิกา และจ๊อดเดินย้อนกลับมาในซอยบ้าน ทั้งสามเบียดกันอยู่ในร่มคันเล็กๆ อย่างทุลักทุเล
“คุณอย่าเบียดฉันสิ” อนามิกาโวย “จ๊อดมาอยู่ตรงกลาง เฮ่อ...นี่มันจะลำบากไปมั้ย โอ๊ย! ฉันบอกว่าอย่าเบียด”
“เบียดอะไรเล่า นี่ตัวฉันก็เปียกไปครึ่งตัวแล้วนะ” ณดลบอก
“คุณเปียกครึ่งตัว แต่ฉันน่ะเปียกทั้งตัวแล้ว เอาวะ!ไหนๆ เปียกแล้ว อยากได้ร่มนักก็เอาไปเลยแล้วกัน”
พูดจบอนามิกาก็ออกจากร่มไปเดินตากฝนอย่างสบายใจ
“เธอทำอะไรของเธอน่ะ” ณดลถาม
“ต้องถามด้วยเหรอ ก็เดินตากฝนน่ะสิ”
อนามิกาเงยหน้ากางแขนให้ใบหน้าปะทะเม็ดฝน
“พี่อะนา จ๊อดเล่นน้ำฝนด้วย” จ๊อดบอก
“ไม่เอา จ๊อด” ณดลปรามแล้วพยายามคว้าแขนจ๊อดไว้ จ๊อดสะบัดแขนออกแล้วออกมาวิ่งวนเล่นน้ำฝนรอบอนามิกา
“จ๊อด..เข้ามาในร่ม อย่าตากฝน เดี๋ยวไม่สบาย เข้ามานี่” ณดลเปลี่ยนเป็นเสียงดุ “จ๊อด อย่าดื้อสิ”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า เด็กเค้าเพิ่งมาจากเมืองนอก ก็ปล่อยให้เค้าเล่นน้ำฝนบ้าง” อนามิกาบอก
“รีบพาเด็กเข้ามา เธอนี่ยังไงนะ ทำตัวเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี”
“อย่าซีเรียสนักได้มั้ย ตอนเด็กๆ คุณไม่เคยอยากเล่นน้ำฝนบ้างรึไง มา..มานี่”
อนามิกาแย่งร่มจากมือณดล ณดลจะยื้อคืน อนามิกาจึงเบี่ยงตัวหนี
“ทำอะไรเนี่ย เธอจะบ้าเหรอ ข้าวของเปียกหมดแล้วเห็นมั้ย” ณดลโวยวาย
อนามิกาหุบร่ม “ไม่ต้องกางแล้ว ร่มเนี่ย มา...มาเล่นน้ำฝนกัน”
ณดลหน้าเครียด จ๊อดเดินมาฉุดมือณดลให้เดินต่อ
“ไปเล่นน้ำฝนกันดีกว่าครับ”
“หัดทำอะไรนอกกรอบซะบ้างคุณน่ะ อยู่ใต้ฟ้า จะไปกลัวอะไรกับฝน” อนามิกาบอก
ณดลค่อยๆ เงยหน้ารับสายฝน
“เห็นมั้ย เย็นสบายจะตาย” อนามิกาบอก

ณดลยิ้ม พอเห็นจ๊อดเดินเตะน้ำฝนเล่น เขาก็ทำตาม อนามิกายิ้มที่เห็นณดลเล่นกับจ๊อด แล้วทั้งสามก็เดินเรียงหน้ากระดานพร้อมกับเตะน้ำฝนมาด้วยกัน
 
อ่านต่อหน้า 4




 แหม่มแก้มแดง  ตอนที่ 7 

ณดล อนามิกา และจ๊อดเดินหัวเราะร่วนเข้ามาในบ้าน ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าของทั้งสามเปียกฝนจนชุ่มโชก อนามิกาหุบร่มแล้วเดินเข้ามา ณดลถือของที่ถุงเปียกไปหมดตามมา จ๊อดสะบัดศีรษะจนน้ำกระเด็นไปทั่ว ณดลกับอนามิกายืนใกล้ชิดกันแล้วหัวเราะร่วน

“ฮ่าๆ พอแล้ว จ๊อด” อนามิกาบอก
“เปียกไปหมดแล้ว ฮ่าๆ” ณดลหัวเราะ
อนามิกาจับไหล่ณดลแล้วมุดหน้าหลบหยดน้ำที่จ๊อดสะบัด ทำให้ดูเหมือนอนามิกากำลังกอดซบณดลอยู่ ขณะที่ทั้งสองกำลังหัวเราะอยู่นั้น ทั้งหมดก็ต้องชะงักเมื่อหันไปมองที่มุมหนึ่งของห้องรับแขกแล้วเห็นณภัทรยืนมองทั้งสองอย่างฉงนสงสัย
“ไปทำอะไรกันมาน่ะ” ณภัทรเอ่ยถาม
ณดลกับอนามิการีบผละออกจากกัน
“เอ่อ...คือ เราออกไปตามไอ้จ๊อดกันน่ะ” ณดลพูดแล้วหันมาบอกอนามิกา “เธอรีบพาจ๊อดไปอาบน้ำแล้วรีบเช็ดตัวให้แห้งก่อนดีกว่า เดี๋ยวจะไม่สบาย”
อนามิกาพยักหน้ารับก่อนจะจูงแขนจ๊อดเดินเข้าบ้านไป ณดลเดินเข้าบ้านผ่านหน้าณภัทรไป ณภัทรมองตามไปอย่างงงๆ


เวลาผ่านไป อนามิกานุ่งผ้าขนหนูกระโจมอกกำลังสวมชุดนอน ณภัทรยืนหันหลังให้อนามิกาอยู่ห่างออกไป
“ฉันหันไปได้รึยัง” ณภัทรถาม
อนามิการีบสวน “เดี๋ยว! อย่าเพิ่ง”
ณภัทรยิ้มเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เห็นณดลกับอนามิกาหัวเราะร่วน เขาก็หัวเราะขึ้นมา
“นายขำอะไรน่ะ...หา?” อนามิกาถาม
“ก็เมื่อกี้น่ะสิ นี่ครั้งแรกเลยนะ ที่ฉันเห็นเธอกับพี่ณดลหัวเราะด้วยกัน ปกติเห็นเจอกันทีไรก็เป็นคู่กัดกันตลอด มิน่า...ฝนฟ้าถึงตกใหญ่” ณภัทรแซว
อนามิกาสวมชุดเสร็จแล้วก็ตอกกลับ “นี่! กับพี่ชายจอมเฮี้ยบของนายน่ะ ยังไงฉันก็ไม่มีวันเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้หรอกย่ะ เคยหมั่นไส้ยังไง ก็ยังหมั่นไส้อย่างงั้น”
“ฮ่าๆๆ ฉันก็ว่างั้น แล้วนี่ฉันหันไปได้รึยัง” ณภัทรถาม
อนามิกาเดินมาโผล่หน้าตรงหน้าณภัทร “ได้แล้วย่ะ”
“แต่ไม่รู้ฉันคิดไปเองหรือเปล่านะ ฉันรู้สึกว่าพี่ณดลเดี๋ยวนี้ดีขึ้นเยอะนะอย่างเรื่องไอ้จ๊อดนี่ก็เหมือนกัน ฉันไม่คิดเลยนะว่าพี่ณดลจะยอมให้ไอ้จ๊อดนอนในห้อง แถมยังออกตัวขอร้องคุณแม่ให้อีกต่างหาก”
“ทำไม แต่ก่อนเค้าเกลียดเด็กมากเหรอ” อนามิกาถาม
“ก็เออสิ แต่ก่อนเจอเด็กซนหน่อย พี่ณดลก็ตาขวางใส่แล้ว บอกตรงๆนะ เกิดมาฉันยังไม่เคยเห็นพี่ณดลเล่นกับเด็กอย่างวันนี้เลย”
อนามิกาพยักหน้า “ใช่.. อย่างน้อยพี่ชายใจหินของนายก็ยังมีความอ่อนโยนหลงเหลืออยู่บ้างเหมือนกันหละนะ”
อนามิกายิ้มเพราะเริ่มรู้สึกดีกับณดล


จ๊อดกระโดดขึ้นบนเตียงนอนของณดล ณดลที่อยู่ในชุดพร้อมนอนนั่งข้างๆ จ๊อด สักพักจ๊อดก็อ้าปากหาวหวอด “หาว”
ณดลยิ้มอย่างเอ็นดู “คงไม่ต้องฟังนิทานแล้วนะคืนนี้ เล่นน้ำฝนมาเต็มที่จนง่วงแล้ว”
“ครับ” จ๊อดตอบ
ณดลห่มผ้าให้จ๊อด จังหวะที่หน้าของณดลเข้าไปใกล้กับหน้าของจ๊อด จ๊อดก็ผงกหน้าขึ้นมาจามใส่เต็มหน้าของณดล “ ฮัดชิ้ว!”
ณดลผงะออกมาแล้วทำหน้าแหย “เต็มหน้าเลย”
จ๊อดจ๋อย “ขอโทษครับ”
ณดลยิ้มปลอบ “ไม่เป็นไร ฉันโอเค” ณดลห่มผ้าให้เรียบร้อย “นอนหลับฝันดีนะ”
ณดลลุกขึ้นมาจะเดินไปปิดสวิตช์ไฟ จู่ๆ สายตาของเขาก็เหลือบไปมองที่กระเป๋ากล้องถ่ายรูปที่วางอยู่บนโต๊ะ
ณดลเดินมาหยิบกล้อง “ตั้งแต่กลับมายังไม่ได้เปิดดูเลยแฮะ”
ณดลนั่งลงเปิดดูรูปจากจอ LCD หลังกล้อง
เขาเปิดดูไปเรื่อยๆ จนเห็นภาพสแน๊ปอนามิกาที่กำลังเดินเผลอๆ อยู่ในสวนสาธารณะกรีนพาร์ค ณดลเห็นแล้วอดยิ้มไม่ได้ เขาเลื่อนดูภาพต่อไปที่อยู่ในกรีนพาร์ค ณดลอมยิ้มพร้อมกับหวนคิดถึงเวลาดีๆ กับอนามิกาที่ลอนดอน

ณดลนึกถึงตอนที่เขากำลังถ่ายรูปอนามิกาซึ่งเดินเผลอๆ อยู่ในสวนสาธารณะกรีนพาร์ค นึกถึงตอนที่เขากำลังถ่ายรูปอนามิกาที่จตุรัสทราฟัลการ์สแควร์ ตอนที่เขาถ่ายรูปอนามิกาที่กำลังเดินอยู่บนสะพานมิลเลนเนียม ณดลยกล้องขึ้นถ่ายอนามิกาซึ่งกำลังทำหน้าที่ไกด์พูดถึงสะพานมิลเลนเนียมให้เขาฟัง
ณดลนึกถึงตอนที่เขาถ่ายรูปอนามิกาที่ยืนให้ถ่ายกับวิวสวยๆ บนเนินเขาซึ่งเป็นจุดชมวิวของ สวนสาธารณะ Hampstead Health ณดลแอบถ่ายรูปอนามิกาแทบทุกอิริยาบถ ทั้งเดินเล่น ทั้งเหม่อมองชมวิว ทั้งจับใบไม้ ดอกไม้ และยังแอบถ่ายภาพใกล้ใบหน้าของอนามิกายามเผลออีกด้วย

ภาพจากจอหลังกล้องถ่ายรูปเป็นภาพอนามิกาในอิริยาบถต่างๆ ณดลกดปุ่มเลื่อนดูอีก 2-3 ภาพแล้วก็อมยิ้มอย่างมีความสุข ทันใดนั้นจ๊อดก็ยื่นหน้าเข้ามา
“ดูอะไรอยู่อ้ะ”
ณดลสะดุ้งโหยง “เฮ้ย!” เขาลนลานเอากล้องหลบทันที “เปล่า! ไม่ได้ดูอะไร”
จ๊อดยิ้มล้อเลียนณดล “นั่นแน่! รู้น๊า...ว่าดูรูปใครอยู่”
“ฉันก็แค่เปิดดูเล่นๆ ว่าจะโหลดรูปพวกนี้ลงคอมพิวเตอร์ของฉัน”
“อย่าๆๆ” จ๊อดจ้องอย่างจับผิด “คิดอะไรกับพี่อะนารึเปล่าเนี่ย”
ณดลสะดุ้งที่จ๊อดรู้ทัน แต่ก็รีบเก็บอาการ “นี่! จะแก่แดดไปนิดรึเปล่าไอ้จ๊อด รีบไปนอนเลยไป ตากฝนมาวันนี้ ขืนนอนดึกอีก เดี๋ยวจะไม่สบายนะ”
จ๊อดทำหน้าบึ้งอย่างขัดใจ ครู่หนึ่งจึงพูดขึ้น “ก็ได้”
จ๊อดเดินกลับไปนอนที่เตียง ณดลเห็นจ๊อดนอนห่มผ้าแล้วก็ยกกล้องถ่ายรูปขึ้นมาดูจอหลังกล้องอีก เขากดเปลี่ยนภาพจนกลายเป็นภาพตัวเองที่กำลังโอบประคองฝรั่งหญิงชราให้เดินไปตามทางอย่างสุภาพนุ่มนวล ซึ่งเป็นภาพที่อนามิกายกกล้องถ่ายไว้โดยที่ณดลไม่รู้ตัว
ณดลรู้สึกประหลาดใจจึงรำพึงออกมาเบาๆ “เอ๋!? มีรูปนี้ด้วยเหรอ”


ณดลนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสวนสาธารณะ Hampstead Health เขากับอนามิกาเดินมาด้วยกันตามทางเดินสวยๆ ใน Hampstead Health ณดลยังถือกล้องถ่ายรูปในมือ พอเห็นมุมที่สวยน่าสนใจ ก็ยกกล้องขึ้นถ่าย
ฝรั่งหญิงชราถือไม้เท้าค่อยๆ เดินสวนมาไกลๆ ณดลกับอนามิกาหันไปมอง เห็นฝรั่งหนุ่มที่แต่งชุดจ็อกกิ้งทะมัดทะแมงและสวมหูฟังวิ่งเฉี่ยวฝรั่งหญิงชราจนเซและล้มลง แล้ววิ่งเลยผ่านไป เพราะไม่ได้ยินเสียง
“ว๊าย!” อนามิการ้องออกมา
ณดลเอากล้องถ่ายรูปยัดใส่มืออนามิกา “ฝากแป๊บนะ”
อนามิกายังยืนขาแข็งเพราะตกใจ ส่วนณดลรีบปราดเข้าไปคุกเข่าลงประคองฝรั่งหญิงชราอย่างนุ่มนวล
“Are you alright? Let me help you.” ณดลค่อยๆ ประคองให้หญิงชราลุกขึ้น
“Yes, I’m alright. Thank you very much.” หญิงชราตอบ
อนามิกาขยับจะเข้าไปช่วย “จะให้ฉันช่วยอะไรมั้ย”
ณดลยกมือปราม “ไม่เป็นไรๆ ฉันดูแลเองดีกว่า”
อนามิกาหยุดเดินแล้วยืนมองณดลประคองฝรั่งหญิงชราด้วยสีหน้าชื่นชม ณดลโอบประคองฝรั่งหญิงชราให้เดินไปตามทางอย่างสุภาพนุ่มนวล อนามิกามองแล้วเผลอยิ้มออกมาไม่รู้ตัว ก่อนจะรีบหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมาถ่ายภาพนั้นไว้


ภาพจากจอด้านหลังกล้องที่ณดลถืออยู่ยังเป็นภาพของณดลที่กำลังประคองหญิงฝรั่งชรา ซึ่งอนามิกาเคยแอบถ่ายไว้ ณดลอมยิ้มอย่างมีความสุขแล้วเปรยกับตัวเองเบาๆ
“ร้ายจริงๆ แอบถ่ายเราตอนไหนไม่รู้ตัวเลยแฮะ”
ณดลเหลือบไปมองที่เตียงแล้วก็ต้องชะงักเพราะเขาเห็นจ๊อดที่นอนอยู่บนเตียงผงกหน้ามา มองพร้อมกับเอามือปิดปากกลั้นหัวเราะ
“นั่น! ดูรูปพี่อนามิกาอีกแล้ว”
ณดลรีบลนลานแก้ตัว “เปล่า! ไม่ใช่ ไม่ดูแล้วก็ได้ เนี่ย..ปิดแล้ว ทำเป็นรู้ทัน...ไอ้เด็กนี่”
ณดลกดปุ่มปิดจอภาพที่หลังกล้อง จ๊อดหัวเราะชอบใจแล้วก็ห่มผ้าหลับตานอน
ณดลนั่งมองกล้องถ่ายรูปแล้วนึกสะท้อนใจที่ตนเองเริ่มรู้สึกดีๆ กับอนามิกา
“เฮ่อ...นี่เราเป็นอะไรของเราวะ”


อนามิกานอนหลับสบายอยู่บนเตียงของณภัทร สักพักโทรศัพท์มือถือของเธอที่เปิดระบบสั่นไว้ก็เริ่มสั่น ณภัทรซึ่งนอนอยู่บนที่นอนบางๆ ลืมตาตื่นแล้วรีบลุกขึ้น
“ใครดันโทรมาดึกป่านนี้นะ” รภัทรพูดเสียงงัวเงีย
ณภัทรเดินงัวเงียไปเปิดไฟจนสว่าง แล้วไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางบนโต๊ะข้างเตียง ก่อนเดินมาที่อนามิกา
“อะนา...ตื่น” ณภัทรโน้มตัวไปพูดใกล้ๆ หน้าอนามิกา “อะนา...”
อนามิกาค่อยๆ ลืมตาตื่น แล้วก็ตาโตตกใจเพราะเห็นณภัทรหน้าตางัวเงียกำลังก้มหน้ามาใกล้ๆ
อารามตกใจ อนามิกากางมือยันเข้าหน้าของณภัทรเต็มๆ
“ภัทร นายจะทำบ้าอะไรน่ะ”
“เธอสิบ้า ฉันเนี่ยนะจะทำอะไรเธอ” ณภัทรโวยแล้วยื่นโทรศัพท์ให้ “มีคนโทรมาหาเธอน่ะ”
“อ้าว..เหรอ” อนามิการับมาพอดูหน้าจอแล้วเธอก็ประหลาดใจ “เบอร์ใครเนี่ย?”


พายัพเดินพูดโทรศัพท์มือถือด้วยน้ำเสียงเจ้าชู้อยู่หน้าคลับของเขาที่มีพนักงานต้อนรับสาวสวยยืนอยู่หน้าประตู
“ผมเอง พายัพ เจ้าของคลับที่พี่สาวคุณร้องเพลงอยู่ไง จำได้มั้ย”

อนามิกาลุกขึ้นมานั่งคุยด้วยใจที่รู้สึกไม่ชอบมาพากลที่พายัพโทรมา ณภัทรยืนมองอยู่ข้างๆ อย่างเป็นห่วง
“ค่ะ จำได้สิคะ คุณพายัพมีอะไรถึงโทรมาดึกๆ ดื่นๆ อย่างงี้เหรอคะ”
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอกจ้ะ” พายัพบอก
อนามิกาตัดบท “ถ้าไม่มีอะไรงั้นแค่นี้นะคะ”
“ดะ..เดี๋ยวๆๆ อย่าเพิ่งวาง แหม..ใจร้อนจัง นี่ธัญญาอยู่กับคุณหรือเปล่า”
ไเปล่านี่คะ มีอะไรเหรอ”
“เค้าไม่มาร้องเพลงน่ะ ผมโทรไปตาม เค้าก็ไม่รับ เลยโทรมารบกวนคุณ คิดว่าธัญญาเค้าจะอยู่กับคุณน่ะ”
อนามิการู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา “พี่ธัญญาไม่ได้อยู่กับฉันหรอกค่ะ แล้วพอจะมีใครทราบมั้ยคะว่าเค้าอยู่ไหน เป็นอะไรหรือเปล่า”
“ไม่มีใครติดต่อเค้าได้เลยน่ะสิ ผมก็เป็นห่วงอยู่ว่าเค้าหายไปไหน จู่ๆ ก็ทิ้งงานทิ้งการไปแบบนี้”
“งั้นฉันจะไปดูพี่ธัญญาให้เอง อ้อ! แล้วคุณน่ะ ถ้าไม่ได้รักพี่สาวฉันจริงๆ ก็ช่วยออกไปห่างๆ พี่สาวฉันดีกว่า” อนามิกาพูดอย่างใส่อารมณ์ “ฟังคุณพูดแค่นี้ฉันก็รู้แล้วว่าคุณไม่ได้รัก ไม่ได้ห่วงพี่ฉันจริงๆหรอก ขอบคุณที่บอกข่าว แค่นี้นะคะ”
อนามิกากดปุ่มวางหูดดยไม่รอให้พายัพได้พูดอะไรต่อ
“เฮ้! เดี๋ยวก่อนสิ..อะนา..เฮ่อ!เสียดายจริงๆ ดันเป็นน้องสะใภ้ณดลซะได้ แต่อย่าเผลอให้เห็นก็แล้วกัน”
อนามิกาลุกพรวดขึ้นจากที่นอน ณภัทรมองอย่างเป็นห่วง
“เธอโอเคใช่มั้ยอะนา มีเรื่องอะไรให้ช่วยหรือเปล่า บอกฉันได้นะ”
“ขอบใจ แต่ไม่เป็นไร ฉันจัดการเองได้” อนามิกาตอบด้วยสีหน้าเคร่งเครียด


เวลาผ่านไป อนามิกามายืนเคาะประตูห้องธัญญา แต่ไม่มีเสียงตอบ อนามิกาเคาะซ้ำอีก
“พี่...พี่ธัญญา...ทำอะไรของเค้าอยู่นะ”
อนามิการื้อกระเป๋าหากุญแจห้องแล้วจึงไขกุญแจเพื่อเปิดประตูเข้าไป

อนามิกาเดินเข้ามาในห้องและชักรู้สึกใจไม่ดี เพราะเห็นห้องรก รองเท้าถอดวางไว้อย่างชุ่ยๆ อนามิการีบก้าวไปที่เก้าอี้โซฟาก็เห็นธัญญานอนเมาหมดสภาพ ผมยุ่ง เสื้อผ้าหลุดลุ่ย ที่พื้นใกล้ๆ มีขวดเบียร์วางเกลื่อน
“พี่ธัญญา”
อนามิกาส่ายหน้าอย่างหนักใจแต่ก็ยังเป็นห่วงพี่สาวของตัวเอง อนามิกาถือชามอ่างใหญ่ๆ ใส่น้ำและถือผ้าเช็ดตัวผืนเล็กๆ มาวางใกล้ๆ ธัญญา ก่อนจะเอาผ้าชุบน้ำเช็ดที่คอและใบหน้าให้ธัญญา ธัญญาค่อยๆ ตื่นลืมตาขึ้น
“เธอเองเหรอ...” ธัญญาขยับลุกขึ้น “ไม่เป็นไร ไม่ต้องแล้ว”
อนามิกาวางผ้าลง “ทำไมต้องกินซะเมาเละขนาดนี้ พี่มีเรื่องอะไรไม่สบายใจรึเปล่า อย่าบอกนะว่าเพราะคุณพายัพอะไรนั่นอีก”
“โอ๊ย! แม่น้องบังเกิดเกล้า ฉันจะเมายังไงมันก็เรื่องของฉัน เธอไม่ต้องมายุ่งกับชีวิตฉันได้มั้ย”
“จะให้ฉันไม่ยุ่งคงไม่ได้หรอกพี่ เราก็มีกันแค่สองพี่น้อง เรื่องของพี่ มันก็เป็นเรื่องของฉันด้วย” อนามิกาบอก
“วุ้ย! รำคาญจริง ฉันยิ่งปวดหัวอยู่ นี่กี่โมงแล้วเนี่ย” ธัญญาถาม
“จะตีหนึ่งแล้ว” อนามิกาตอบ
“หา! เฮ่อ...หมดกัน ไปร้องเพลงไม่ทันแล้วคืนนี้”
“ฉันรู้ ก็ที่ฉันมานี่ก็เพราะคุณพายัพเค้าโทรตามหาพี่ บอกว่าพี่ไม่ไปทำงาน ฉันเป็นห่วงก็เลยมานี่แหละ ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอกลับก่อนหละนะ”
“เออ...จะไปไหนก็ไป” ธัญญากุมขมับ “โอย..มึนหัวชะมัด”
“สมน้ำหน้า ก็อยากกินซะเมาไม่รู้จักบันยะบันยัง”
“ก็คนมันกลุ้ม” ธัญญาบอก
“แล้วไงล่ะ ยิ่งเมาก็ยิ่งปวดหัวซ้ำเติมตัวเองไปใหญ่ แล้วมันหายกลุ้มมั้ย แทนที่มีอะไรจะมาคุยกับฉัน ดันไปคุยกับขวดเบียร์”
“เธอกลับไปดีกว่า เดี๋ยวฉันจะกินยาแก้ปวดหัวแล้วนอนแล้ว”
“ฉันไปแน่ แต่พี่บอกฉันก่อนได้มั้ยว่ากลุ้มเรื่องอะไร เพราะคุณพายัพใช่มั้ย”
“คุณพายัพเค้าไม่เกี่ยวหรอกน่า ไม่มีอะไรหรอก เธอไม่ต้องห่วง รีบๆ กลับไปเหอะ ฉันดูแลตัวเองได้”
“แน่ใจเหรอ เห็นนอนเมาไม่ได้สติ งานการก็ไม่เป็นอันทำเนี่ย”
ธัญญาตะคอกเสียงดัง “หยุดเดี๋ยวนี้นะ หยุดทำตัวเป็นแม่ฉันซะที เธอหมดธุระแล้วก็ออกไป ไป๊”
“ก็ได้...งั้นฉันไปหละนะ ขอโทษนะที่บ่นที่จู้จี้ แต่ฉันเป็นห่วงพี่จริงๆ นะ”
ธัญญาพยักหน้ารับรู้ด้วยความรำคาญ อนามิกาหยิบกระเป๋าสะพายแล้วเดินออกไป ทันทีที่ประตูปิดลงธัญญาก็ทอดถอนใจ
“เฮ่อ...ฉันจะบอกเธอได้ไงว่าฉันกลุ้มที่ดันไปเล่นไพ่จนเป็นหนี้ แล้วไหนจะเรื่องคุณพายัพที่ตีตัวออกห่างฉัน...ฉันมันเป็นพี่ที่ไม่เอาไหนจริงๆ”
ธัญญากลุ้มใจและรู้สึกผิดอยู่เต็มหัวใจ


พายัพเดินควงกุญแจรถเข้ามาในบ้าน เกตนิการ์อยู่ในชุดนอนเซ็กซี่นั่งอยู่ที่เก้าอี้รับแขก
“เกด..ยังไม่นอนเหรอ” พายัพถาม
“ก็รอพี่พายัพอยู่เนี่ยค่ะ” เกตนิการ์เข้ามาเกาะแขนออดอ้อน
พายัพลูบศีรษะอย่างเอ็นดู “ดูซิ น้องสาวพี่ ยิ่งโตเป็นสาวก็ยิ่งเซ็กซี่ อีกหน่อยพี่ต้องปวดหัวกับหนุ่มๆ ที่มาคอยเกาะแกะน้องสาวพี่หรือเปล่าเนี่ย”
“ถ้าจะมีหนุ่มๆ มาจีบจริงๆ เกดก็ไม่สนหรอกค่ะ พี่ก็รู้ว่าเกดชอบใครอยู่”
“แล้วที่เกดรอพี่ ก็เพราะจะให้ช่วยเรื่องนายภัทรคนนี้ใช่มั้ย” พายัพถามอย่างรู้ทัน
เกตนิการ์อ้อน “รู้ใจน้องเสมอเลยนะ พี่ชายที่แสนดีตัวจริงของเกด”
“รู้นะ ว่าประจบ”
เกตนิการ์ทำเป็นงอน “พี่พายัพอ้ะ”
“โถๆๆ พี่แค่ล้อเล่น แต่พูดก็พูดเถอะนายภัทรมีเมียแล้ว เมียก็ท้องแล้วอีกต่างหาก พี่ว่าตัดใจจากเค้าซะไม่ดีกว่าเหรอเกด”
“แต่เกดเป็นคนรักเดียวใจเดียวนะ พี่ก็รู้นิสัยเกดแล้วนี่ ถ้าไม่ใช่นายภัทร เกดก็ไม่อยากจะมีใครทั้งนั้น”
“แต่พี่จะมีปัญญาไปช่วยอะไรได้”
“ใครว่าคะ พี่นี่แหละ ช่วยได้แน่ๆ อย่าลืมสิคะ ว่าพี่สาวแท้ๆ ของยัยอะนาหลงรักพี่อยู่”
“ใช่...เค้าชื่อธัญญา” พายัพยังไม่เข้าใจ “แล้วไงเหรอเกด”
“ยัยอะนารักพี่สาวคนนี้มาก ถ้าพี่พายัพจะหาทางใช้แม่ธัญญา เป็นเครื่องมือบีบให้ยัยอะนาเลิกกับภัทรซะ พี่ว่าพี่พอจะช่วยได้มั้ยล่ะ”
พายัพทวนคำอย่างครุ่นคิด “ใช้ธัญญาบีบให้อะนาเลิกกับนายภัทร...อืม...ก็พอจะเป็นไปได้นะ ขอเวลาพี่ซักนิด รับรอง จะไม่ทำให้น้องสาวสุดที่รักของพี่ผิดหวังเลย”
เกตนิการ์สวมกอดอย่างดีใจ “ขอบคุณมากค่ะ เกดรักพี่พายัพที่สุดในโลกเลย”
สองพี่น้องกอดกันอย่างอบอุ่นโดยไม่ได้มีความรู้สึกผิดกับการกระทำเรื่องไม่ดีเลย


อนามิกาค่อยๆ เปิดประตูรั้วบ้านณภัทรเข้ามา เธอพยายามทำทุกอย่างให้เงียบเชียบ เพราะกลัวจะมีใครตื่นมาเห็นว่าตนกลับบ้านดึก อนามิกาปิดรั้วแล้วมองไปรอบๆ อย่างโล่งอกก่อนจะเดินเข้าบ้าน

อนามิกาก้าวเข้ามาในบ้านได้แค่สองก้าวก็ต้องชะงัก เมื่อเธอเห็นกอบชัยและพนารัตน์เดินลงบันไดมาด้วยสีหน้าบูดบึ้ง โดยมีศรีเดินสำรวมมายืนคอยรับใช้อยู่ไม่ห่าง
“เอ่อ...” อนามิกายกมือไหว้ทั้งสอง “สะ..สวัสดีค่ะ..ราตรีสวัสดิ์นะคะ”
อนามิกาก้มหน้าก้มตาจะเดินสวนเข้าบ้านไปแต่พอคล้อยหลัง ก็ได้ยินเสียงพนารัตน์ร้องทักไว้ “เดี๋ยวก่อน”
อนามิกาชะงักขาที่ก้าวอยู่แล้วหันมายืนจ๋อยๆ เพราะรู้ตัวว่าโดนด่าแน่ กอบชัยกับพนารัตน์เดินไปนั่งที่เก้าอี้รับแขก
“เพิ่งกลับมาเหรอ” กอบชัยถาม
“คะ..ค่ะ...คุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงยังไม่นอนอีกเหรอคะ”
“จริงๆ ก็นอนหลับไปนานแล้วหละ แต่ว่า...มีคนปลุกขึ้นมา” พนารัตน์ตอบ
อนามิกาหันไปมองหน้าศรีก็รู้ทันทีว่าศรีเป็นคนปลุกทั้งสองขึ้นมา ศรียิ้มเยาะใส่อนามิกา อย่างสะใจที่ได้ฟ้อง
“เพิ่งมาอยู่ใหม่ แทนที่จะสร้างความประทับใจให้พ่อแม่สามี ดันมาทำตัวแบบนี้” พนารัตน์เอ่ย
“ดิฉันแค่ไปหาพี่สาวน่ะค่ะ” อนามิกาบอก
“แล้วทำไมต้องดอดไปดึกๆ ดื่นๆ แล้วย่องกลับมาตีสองตีสามแบบนี้” พนารัตน์ถาม
“นั่นสินะ เวลาอื่นมีเยอะแยะทำไมไม่รู้จักไปหา” กอบชัยเสริม
อนามิกาก้มหน้าโดยไม่เถียงสักคำ
พนารัตน์พูดกับกอบชัย “คุณไม่รู้อะไร พี่สาวเค้าเป็นนักร้องกลางคืน กว่าจะร้องเพลงเสร็จ กว่าจะไปหัวหกก้นขวิดกับลูกค้า ก็ต้องดึกดื่นค่อนคืนแบบนี้”
“ขอโทษนะคะ พี่สาวดิฉันไม่ได้...” อนามิกาพยายามอธิบาย
พนารัตน์แทรกขึ้น “ไม่ต้องเถียง คนที่จะมาเป็นสะใภ้บ้านนี้ ก็ควรจะทำตัวให้คู่ควร ลูกชายฉันเป็นคนดี มีอนาคตไกล”
“ใช่..ผู้ชายดีๆ อย่างเจ้าภัทร ถ้าได้สะใภ้ห่วยๆ มา ฉันเกรงว่าจะรับไม่ได้น่ะ” กอบชัยเสริม
อนามิกาโกรธจัด แต่กัดฟันอดทนไว้ “เหรอคะ ถ้างั้นดิฉันควรทำตัวยังไงดี”
“เธอก็รู้ เราจับคู่เจ้าภัทรกับหนูแพรเอาไว้แล้ว ถ้าเธอเห็นแก่อนาคตของเจ้าภัทร เธอก็ควรจะออกไปจากชีวิตของเค้าซะ” พนารัตน์บอก
“ค่ะ...ดิฉันไปแน่ค่ะ” อนามิกาบอก “ถ้าคุณพ่อคุณแม่ของนายภัทรให้การต้อนรับดิฉันอย่างดีขนาดนี้ รับรองว่าวันนึงดิฉันต้องไปแน่ๆ ค่ะ”
พูดจบอนามิกาก็เดินปึงปังเข้าบ้านไป กอบชัยกับพนารัตน์หันมาคุยกัน
“เราพูดกับเค้าแรงไปหรือเปล่าคุณ” กอบชัยถาม
“โอ๊ย! ไม่ต้องแคร์มันหรอก ถ้าวันไหนมันไปจริงๆ ฉันก็มีแต่จะดีใจเท่านั้นแหละ” พนารัตน์บอก

เช้าวันใหม่ ณดลค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นแล้วค่อยๆ ลุกขึ้นมา เขาหันไปมองจ๊อดที่นอนหลับนิ่งอยู่ข้างๆ ณดลยิ้มอย่างเอ็นดูแล้วเอื้อมมือไปจับเส้นผมที่ปรกหน้าปรกตาของจ๊อดแล้วก็ต้องตกใจ เพราะเมื่อได้สัมผัสหน้าผากจ๊อดก็ทำให้รู้ว่าจ๊อดตัวร้อนเหมือนมีไข้สูง
“จ๊อด..ทำไมตัวร้อนอย่างงี้ล่ะ” ณดลเอามือแตะหน้าผากอีกที “ไม่สบายหรือเปล่าเนี่ย”
ณดลหน้าตื่นเพราะทั้งกังวลทั้งเป็นห่วงจ๊อด

จบตอนที่ 7

ติดตามตอนที่ 8 วันพรุ่งนี้



กำลังโหลดความคิดเห็น