xs
xsm
sm
md
lg

แหม่มแก้มแดง ตอนที่ 2

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 แหม่มแก้มแดง  ตอนที่ 2 

ณภัทรเดินนำณดลเข้ามาในบ้าน ณดลเดินอย่างเชื่องช้าเพราะมองสำรวจไปรอบๆ ด้วยสายตาจับผิด เขามองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นมีใครอยู่ในบ้าน ณดลหันไปที่หน้าบ้านก็เห็นอนามิกาลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของเขาเข้ามาอย่างทุลักทุเล

ณดลเสียงดังอย่างไม่พอใจ “นี่มันอะไรกัน ยัยอนามิกา”
อนามิกางง “อ้าว...ก็...ลากกระเป๋ามาให้พี่ณดลไงคะ”
ณดลทำเสียงดุ “เธอทำงี้ได้ไง”
อนามิกายิ่งงงหนัก “เอ๊า...ทำไมล่ะคะ ก็ฉันอุตส่าห์ช่วยลากกระเป๋ามาให้”
“เธอกำลังท้องกำลังไส้ ใครใช้ให้เธอต้องลากกระเป๋าไม่ทราบ ยุ่งไม่เข้าเรื่อง” ณดลตำหนิ
“ฉันก็แค่เห็นว่าพี่ณดลเพิ่งเดินทางมาเหนื่อยๆ” อนามิกาเสียงอ่อย
“เธอไม่ต้องมาวุ่นวายกับฉัน อ้อ! แล้วใครใช้ให้เธอเรียกฉันว่าพี่ ฉันยังไม่ได้ยอมรับเธอเป็นน้องสะใภ้ซักหน่อย ต่อไปนี้ เลิกเรียกฉันว่าพี่ได้แล้ว”
“ค่ะ..พี่..เอ๊ย! คุณณดล”
อนามิกาเหลือบมองณภัทร ณภัทรรีบแก้สถานการณ์
“พี่เพิ่งมาถึง นั่งพักก่อนมั้ย เอ่อ..” ณภัทรหันมาพูดกับอนามิกา “ช่วยไปเอาน้ำให้พี่ณดลหน่อยสิจ๊ะ...เมียจ๋า”
อนามิกาสะดุ้งกับคำว่า “เมีย” เธอมองณภัทรเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ แต่พอณดลหันมา มองก็รีบทำสีหน้าปกติแล้วขานรับ
“ได้ค่ะ...”
“นี่หายไปไหนกันหมด” ณดลถาม
อนามิกากับณภัทรขานรับพร้อมกัน “ว่าไงนะคะ / พี่ว่าไงนะ”
“ฉันถามว่าคนอื่นๆ ไปไหนกันหมด”
อนามิกากับณภัทรหันมามองหน้ากันอย่างงงๆ ว่าณดลรู้ได้ไง
“พะ..พี่รู้ได้ไงว่ามีเพื่อนผมมาที่นี่” ณภัทรถาม
“ฉันก็สังเกตเห็นจากตรงที่วางรองเท้าน่ะสิ มีรองเท้าวางอยู่ตั้งหลายคู่น่ะ” ณดลบอก
ณภัทรหันมองมาหน้าอนามิกาแล้วต่างก็ขนลุกเกรียวกับความช่างสังเกตของณดล
“โห...ยอมรับเลยพี่ ช่างจับผิด..เอ๊ย..ช่างสังเกตจริงๆ มีอีกสองคนน่ะ คงจะอยู่ในห้องกันหละมั้ง”

อัธวุธอยู่ในสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิงกำลังเอาหูแนบฟังกับบานประตู พอได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับสะดุ้ง
“ไอ๋หย๋าาา..ได้ยินแล้วอยากหมกตัวอยู่ในห้องนี้ ไม่อยากออกไปเลย” อัธวุธบอก
“ทำไมเหรอพี่อัธวุธ” เมธาวีถาม
“ก็อีตาพี่ณดลนี่สิ ท่าทางจะช่างจับผิดสุดๆ เฮ่อ..แต่เอาวะ สู้ๆ ยังไงเราก็ต้องออกไปสวัสดีพี่เค้ากันอยู่ดี”
“เดี๋ยวๆ เมธาวีดูเรียบร้อยดีรึยัง” เมธาวีถาม
“ก็โอนะ อ้อ..นี่นิดนึง” อัธวุธเอามือจัดทรงผมที่ปรกตาให้เมธาวี “แล้วฉันล่ะยะ”
ผมเผ้าอัธวุธยังยุ่งเหยิง เมธาวีช่วยจัดแต่งให้ดูเรียบร้อยขึ้น


ณดลนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร ณภัทรนั่งอยู่ใกล้ๆ อนามิกายกน้ำดื่มมารินให้ด้วยความพยายามทำให้สมกับบทบาทน้องสะใภ้
ณดลพูดเสียงแข็งโดยไม่มองหน้า “ขอบใจ”
อนามิกาจะวางแก้วแต่ยังไม่ทันปล่อยมือ เธอก็อ้าปากหาวหวอดกว้างจนเกือบถึงหู อนามิการีบเอามือที่เพิ่งวางแก้วมาปิดปาก แล้วขยับมานั่งข้างณภัทรโดยเว้นระยะห่างเล็กน้อย
ณดลเหล่มองอย่างจับผิด “ทำไมสายป่านนี้แล้วยังจะหาวอีก” ณดลหันมาถามณภัทร “เมื่อคืนนี่คงจะกินเหล้าเมาโต้รุ่งกันเลยสิใช่มั้ย”
“เปล่าครับพี่” ณภัทรรีบตอบ
“ไอ้ณภัทร แกกับเพื่อนเพิ่งเรียนจบ แล้วชวนกันมาปาร์ตี้ แกจะให้ฉันเชื่อว่าพวกแกกินน้ำเต้าหู้กันเรอะ”
“ก็...เอ่อ...แค่คนละจิบน่ะพี่” ณภัทรอ้ำอึ้ง
“ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่”
ณภัทรกับอนามิกาถอนใจอย่างโล่งอก แต่แล้วณดลก็ทักขึ้นมาอีก
“เอ๊ะ..นั่นอะไร”
ณดลลุกพรวดเดินไปที่โซฟาทันที ณภัทรกับอนามิกาหันมามองหน้ากันอย่างหวดผวา เพราะกลัวว่าจะโดนจับผิดอะไรอีก


ณดลเดินมาที่โซฟา อนามิกากับณภัทรเดินตามมาอย่างกลัวๆ ว่าณดลจะจับผิดอะไรอีก
“ตายแล้ว” อนามิกาสะกิดณภัทรแล้วชี้ไปที่ขวดแชมเปญที่ถูกซ่อนไว้ใต้โซฟาแต่ปากขวดโผล่มา
อนามิกากับณภัทรหน้าแหยแล้วนึกในใจว่าตายแน่ๆ ณดลหยิบขวดแชมเปญขึ้นมาดู “อืม...แค่คนละจิบเนี่ยนะ”
“แหม...เอ่อ...ก็แค่ขวดเดียวอ่ะ” ณภัทรหันไปพยักเพยิดกับอนามิกา
พูดไม่ทันขาดคำ อนามิกาก็เดินไปเตะโดนปากขวดแชมเปญอีกขวดที่ยื่นโผล่พ้นโต๊ะเล็กๆ หน้าโซฟาจนเกิดเสียงดัง ณดลหันมาจิกตามองจับผิด
อนามิกากับณภัทรเงยหน้ามายิ้มแหยๆ ให้ณดล ณดลหยิบขวดเปล่าทั้งสามขวดมาวางเรียงกันบนโต๊ะ อนามิกากับณภัทรนั่งเกร็งและมองณดลเหมือนผู้ต้องหาที่กำลังโดนสอบสวน อนามิกามีอาการพะอืดพะอมอย่างคนที่ยังแฮงค์โอเวอร์อยู่
“อยู่กันกี่คนน่ะ” ณดลถาม
อัธวุธกับเมธาวีเดินออกมาจากในห้อง “สวัสดีค่า / สวัสดีค่ะ”
อัธวุธเห็นณดลแล้วก็ตาวาว เขารีบกระซิบบอกเมธาวี
“เหย...อย่างหล่ออ้ะ น่ากินชะมัด”
เมธาวีทุบอัธวุธ แล้วกระซิบตอบ “พี่อัธวุธ ไม่ใช่ตอนนี้ อย่าเพิ่งทะลึ่ง”
อัธวุธกับเมธาวีเดินมายืนนอบน้อมอยู่ใกล้ๆ ณดล ณดลไม่พูดอะไรแต่จ้องทั้งสองด้วยหน้าดุ
ณดลชี้ที่คน “อยู่กันสี่” แล้วเขาก็ชี้ที่ขวด “แต่นี่สาม” ณดลหันมาจ้องอนามิกาทันที
อนามิกาสะอึก เธอมีท่าทีพะอืดพะอมรีบนั่งตัวตรงทันที
ณดลพูดกับอนามิกา “นี่อย่าบอกนะว่า...” ณดลหันไปดุณภัทร “นี่แกไม่ห้ามเมียแกเลยเหรอ”
ณภัทรงง “ห้ามอะไรเหรอพี่”
ณดลฉุน “ยังมีหน้ามาย้อนถามฉันอีก เมียแกกำลังท้องอ่อนๆ แล้วแกให้เมียกินเหล้าเนี่ยนะ” ณดลหันมาพูดกับอนามิกา “เธอก็เหมือนกัน กำลังท้องกำลังไส้ ไม่รู้หรือไงว่าเค้าห้ามกินเหล้า”
อนามิกายังคงพะอืดพะอมด้วยอาการแฮงค์โอเวอร์ “เอ่อ...คือ...ฉะ ฉันเปล่า”
ณดลลุกพรวดขึ้น แล้วเดินมาตะคอกใส่หน้าอย่างเดือดดาล
“เปล่าอะไรกัน ดูอาการก็รู้ ว่าเธอน่ะหนักกว่าเพื่อน รู้มั้ยว่ามีอีกชีวิตอยู่ในท้องของเธอ ทำอะไรก็รู้จักรับผิดชอบบ้าง รู้จักใช้สมองบ้าง”
ณดลยังพูดไม่จบ อนามิกาก็โผเข้าไปหาณดลพร้อมกับอาเจียนใส่เสื้อของณดลไปเต็มๆ เมธาวีกับอัธวุธเห็นก็ถึงกับผงะ
ณภัทรกุมศีรษะเหมือนโลกกำลังแตก อนามิกามองหน้าณดลแล้วทำหน้าแหยๆ อย่างรู้สึกผิด ณดลหน้าเหยเกด้วยความรังเกียจ


ณดลเข้ามาในห้องน้ำ เขาถอดเสื้อออกแล้วขยุ้มกองไว้บนอ่างน้ำหลังชักโครก ก่อนจะเปิดก๊อกน้ำที่อ่างล้างหน้า แล้วเอาสองมือวักน้ำล้างหน้า ณดลถูหน้าด้วยความขยะแขยงที่โดนอนามิกาอาเจียนใส่
ณดลเงยหน้ามองกระจกเหนืออ่างล้างหน้าแล้วบ่นอุบ
“ทุเรศที่สุด นี่น้องชายฉันมันไปคว้าเอาเมียคนนี้มาจากไหนเนี่ย”
ณดลก้มล้างหน้าอีกพอเงยหน้าขึ้นมามองกระจกอีกทีก็สะดุ้งตกใจจนร้องลั่น เพราะเขาเห็นอัธวุธยืนส่งยิ้มตาหวานเชื่อมอยู่ในกระจก
“เฮ้ย...” ณดลหันไปมองอัธวุธ
อัธวุธชูผ้าเช็ดตัว แล้วพูดเสียงออดอ้อน “ผ้าเช็ดตัวค่ะ...พี่ชาย”
ณดลหันไปมองอัธวุธแล้วดึงผ้าเช็ดตัวออกจากมืออัธวุธอย่างไม่สบอารมณ์ อัธวุธผวาจนต้องถอยออกมา


อนามิกานั่งหน้าซีดอยู่ที่โซฟา โดยมีเมธาวีคอยดูแล ส่วนอัธวุธก็รู้สึกเป็นห่วง
“ไหวมั้ยเนี่ย ไปอ๊อกอีกรอบนึงมั้ย” เมธาวีถาม
“ไม่แล้วแก...ฉันโอเคแล้ว” อนามิกาตอบ
ณภัทรถือชาร้อนเดินเข้ามา
“จิบชาร้อนๆ ก่อนอนามิกา จะได้หายแฮ๊งค์”
“อุ๊ยตาย! สามีดูแลภริยา...ช่างเป็นชีวิตคู่ที่อบอุ่น น่าร้าก” อัธวุธแซว แต่แล้วเขาก็ต้องชะงัก เพราะเห็นทุกคนหันมาจ้องแบบตำหนิที่ไม่รู้จักกาละเทศะ
อนามิกาจิบชา ทุกคนที่อยู่ใกล้ๆ หันไปเห็นณดลก็ต้องชะงัก เพราะณดลซึ่งเปลี่ยนเสื้อแล้วเดินมายืนมองด้วยหน้าเครียด
อัธวุธหาข้ออ้างชิ่งทันที “เอ่อ...ฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” อัธวุธรีบลุกหนี
“เมธาวีว่าจะไปล้างจานให้พอดี” เมธาวีรีบลุกตาม
อนามิกากับณภัทรมองอัธวุธกับเมธาวีที่เดินออกไป แล้วหันมามองหน้าณดลอย่างเกรงๆ
ณดลพูดเสียงเข้มใส่อนามิกา “ไหนอธิบายมาซิ เธอท้องอยู่ แต่ดันกินเหล้า นี่เธอมีจิตสำนึกของการเป็นแม่คนบ้างมั้ย”
“คือ...คือว่าฉัน...ฉันไม่ได้เมานะ” อนามิกาแก้ตัว
“ไม่ได้เมา...แล้วที่อ้วกเลอะเทอะเมื่อกี้ล่ะ”
“คือ..ฉะ ฉัน...ฉันแพ้ท้อง”
ณภัทรสะดุ้งแล้วหันเหล่มองไปที่อนามิกาทันที
“แพ้ท้อง?” ณดลทวนคำ
“จริงๆ ฉันแพ้ท้อง ช่วงแพ้ท้องฉันก็อาเจียนแบบนี้แหละ” อนามิกาหันไปพยักเพยิดกับณภัทร “เน๊อะ...ฉันก็เป็นแบบนี้บ่อยๆ”
“เอ่อ...ใช่ๆ” ณภัทรพูดกับพี่ชาย “อนามิกาเค้าก็แพ้ท้องอยู่บ่อยๆ น่ะพี่ณดล”
ณดลตวาดน้องชายทันที “แกอยู่เฉยๆ” แล้วเขาก็หันมาพูดกับอนามิกา “คิดว่าฉันโง่เหรอ เลิกกินเหล้าได้แล้ว ก่อนที่เด็กในท้องมันจะเป็นอะไรไป”
อนามิกาหน้าแหยอย่างคนที่ไปต่อไม่ได้
“สงสัยคืนที่เธอได้กันจนท้อง ก็คงเพราะเธอเมาเละแบบนี้น่ะสิ” ณดลกล่าว
อนามิกาได้ยินถึงกับฉุนกึก “ว่าไงนะ”
“เธอก็ได้ยินแล้วนี่ ถ้าทำตัวอย่างงี้ก็ไม่ต่างกับพวกสาวใจแตก” ณดลว่าต่อ
“ว่าไงนะ!” อนามิกาเริ่มฮึดฮัด “ไหนพูดอีกทีซิ ถ้าแน่จริงพูดอีกทีซิ”
ณภัทรเห็นท่าไม่ดีเพราะรู้ว่าอนามิกาไม่ยอมคนเลยรีบเข้ามาขวาง เขาจับต้นแขนอนามิกา เพื่อปรามเธอ
“ใจเย็นๆ ก่อนอนามิกา” ณภัทรหันมาพูดกับณดล “พี่ณดลเพิ่งมาเหนื่อยๆ พี่นอนพักก่อนมั้ย”
ณภัทรปล่อยมือที่จับอนามิกามาดึงแขนณดลให้เดินไปที่ห้อง
“นะพี่...เพิ่งมาถึง นอนซักตื่นก่อนดีกว่า พี่นอนห้องนี้นะ”
ณภัทรดึงณดลให้เดินไป แต่ณดลยังเหลียวมามองหน้าอนามิกาอย่างไม่ถูกชะตา อนามิกาก็มองหน้าณดลพร้อมกับพยายามระงับอารมณ์เพื่อไม่ให้ด่าสวนออกไป


ณภัทรทั้งลากทั้งจูงแขนณดลเข้ามาในห้องนอนอีกห้องหนึ่งแล้วรีบปิดประตูทันที
“นะพี่นะ เพิ่งบินมาไกลๆ นอนซักงีบก่อน แล้วพอตื่นมา ค่อยออกไปหาอะไรกินข้างนอกกัน” ณภัทรบอก
“ก็ได้ๆ นี่ฉันถามแกตรงๆ นะ แกไปคว้ายัยเมียของแกคนนี้มาจากที่ไหน แล้วรู้หัวนอนปลายเท้าของเค้ามั้ย” ณดลถาม
“พี่ณดล...ยังไงเค้าก็เป็นเมียผมนะครับ”
“เออ...ฉันรู้...แต่ดูการทำตัวของเค้าสิ เชื่อฉัน แกควรจะเลิกกับผู้หญิงคนนี้ซะ ยัยนี่ก็แค่สาวรักสนุก พอเหล้าเข้าปากก็ปล่อยตัวปล่อยใจกับแก จนท้องโตขึ้นมาแบบนี้”
“พี่ณดล! พี่หยุดด่าเมียผมซะทีได้มั้ยครับ”
“ทำไมฉันจะด่าไม่ได้”
“ก็...” ณภัทรพยายามหาข้ออ้าง “เอ่อ...อย่างน้อยเค้าก็เป็นแม่ของลูกผม”
ณดลได้ยินน้องชายพูดแบบนั้นก็ถึงกับหยุดพูดทันที
ณภัทรได้ทีก็รีบรุกต่อ “พี่ก็ลองคิดดูสิ ถ้ามีใครมาด่าแม่ของลูกพี่ พี่ก็ไม่ยอม ถูกมั้ย”
“แต่ว่า...ฉันอยากให้แกลองคิดดูดีๆ อนาคตแกยังอีกไกล น้องแพรน่ะดีกว่าเมียคนนี้ของแกเยอะ แล้วอีกอย่างนะ...ฉันสังเกตเห็นอะไรอย่างนึงว่ะ”
ณภัทรชักกลัวว่าณดลจะจับผิดอะไรได้ “อะไรเหรอพี่”
“ฉันสังเกตว่าแกกับยัยอนามิกาเมียแก ดูยังไงก็ไม่เหมือนคู่รักกันเลย ถามจริงๆ เหอะ นี่แกกับเมียรักกันจริงๆ หรือเปล่า...หา?”
ณภัทรเสียวสันหลังวาบ “กะ ก็ต้องจริงสิพี่ ทำไมพี่ถามอย่างงั้นล่ะ”
“ก็มันดูเหมือนกับว่า แกไม่อยากจะหมั้นกับน้องแพร ก็เลยหายัยอนามิกามาเป็นเมียบังหน้าซะ”
ณภัทรฝืนหัวเราะ ทั้งที่จะร้องไห้ “ฮะๆ ฮ่าๆๆๆ พี่เอาอะไรมาพูด อย่าลืมว่าเมียผมท้องอยู่นะพี่ เมียบังหน้าอะไรกัน ฮ่าๆๆ”
ณดลพยักหน้าคล้ายจะเชื่อคำพูดของณภัทร ณภัทรหลบหน้า เขาหน้าซีดเพราะกลัวจะโดนจับได้

นลิณากับเกตนิการ์นั่งจิบชากันอยู่ที่ร้านชาริมถนนในกรุงลอนดอน นลิณาพูดโทรศัพท์มือถืออย่างอารมณ์ดี
“นี่พี่นลิณาเองจ้ะน้องแพร ว่าไงจ๊ะว่าที่เจ้าสาว แหม...เล่นปาดหน้าพี่สาวกันอย่างงี้เลยน๊า...”

แพรวากึ่งนั่งกึ่งนอนคุยโทรศัพท์อยู่ที่โซฟาในบ้านของเธอที่เมืองไทย
“แหม..พี่นลิณาก็...แพรก็ไม่ได้อยากจะแซงนะคะ คุณพ่อตะหากที่จัดแจงทั้งหมด จะว่าไป...แพรเองก็ไม่ได้ถึงกับอยากจะรีบหมั้นรีบแต่งอะไรหรอกนะคะ”


นลิณาคุยโทรศัพท์มือถือกับน้องสาวไปเรื่อยๆ เกตนิการ์นั่งจิบชาแล้วก็เงี่ยหูฟังไปด้วย
“อย่าพูดอย่างงั้นสิแพร” นลิณาเอ่ยขึ้น “ณภัทรน่ะเค้าเป็นผู้ชายที่ดีมากๆ คนนึงเลยนะ ผู้ชายอย่างเงี้ย ขืนปล่อยไว้ ทำเป็นประมาท เดี๋ยวคนอื่นจะคาบไปกินซะ”
เกตนิการ์ถึงกับสะอึกกับคำพูดของนลิณา
“ยังไงพี่ก็ยินดีด้วยนะ อยู่ทางนี้ พี่จะคอยดูแลนายณภัทรให้”
“พี่นลิณาจะดูแลใครกันแน่คะ แพรรู้น๊า” แพรวาพูดอย่างรู้ทันพี่สาวตัวเอง
นลิณางง “รู้อะไร? น้องแพรพูดเรื่องอะไรเนี่ย พี่งงไปหมดแล้ว”
“ก็แพรรู้ว่าพี่ณดลเพิ่งไปลอนดอน อย่าบอกนะว่าพี่นลิณาไม่รู้”
นลิณาออกอาการดีใจอย่างคุมไม่อยู่ ทำเอาเกตนิการ์ที่กำลังยกชาขึ้นจิบแทบสำลัก
“ก็ไม่รู้น่ะซี่ นี่น้องแพรไม่ได้แกล้งอำพี่ใช่มั้ย” นลิณาเสียงดังด้วยความดีใจ
แพรวายิ้มอย่างรู้ทันพี่สาว “แหม...ไม่ค่อยเลยนะพี่ พอได้ยินชื่อพี่ณดลเข้าหน่อยหละ เสียงเปลี่ยนเป็นไปเลยนะ”
นลิณายิ้มจนปากฉีก “เปลี่ยนไปยังไงจ๊า”
“ก็เวลาคุยกับน้องสาวคนนี้ก็เนือยๆ แต่พอได้ยินชื่อพี่ณดล เสียงพี่นลิณาก็สดใสปิ๊งปั๊งขึ้นมา”
“แหม..ไม่ได้สิ ก็น้องสาวสุดที่รักของพี่จ่อคิวจะแต่งงานแล้ว จะให้พี่อยู่เฉยๆ ได้ยังไง แล้วที่สำคัญ ผู้ชายอย่างคุณณดล ถ้าพี่ปล่อยให้หลุดมือไป ก็ต้องถือว่าโง่เต็มที” นลิณาหันมาพูดกับเกตนิการ์ “เธอว่ามะเกตนิการ์”
“ใช่ๆ...ก็นายณภัทรน่ารักออกจะตาย” เกตนิการ์พูด
“นายณภัทรอะไรยะ ฉันพูดถึงคุณณดลตะหาก”
เกตนิการ์ตกใจที่เผลอหลุดปากออกไป “อุ้ย...เอ่อ...ใช่ๆ โทษที ฉันพูดผิดไป”
นลิณาสีหน้ายิ้มแย้มแล้วคุยโทรศัพท์ต่อ ส่วนเกตนิการ์มองนลิณาอย่างมีลับลมคมใน


อนามิกาเดินมึนๆ มาตามถนนในกรุงลอนดอน ณภัทรเดินประกบข้าง โดยมีเมธาวีกับอัธวุธหอบกระเป๋าเสื้อผ้าและถุงช็อปปิ้งใส่เสื้อผ้าเดินตามมา
“นังอัธวุธแหละตัวดี บังคับชนแก้วอยู่ได้” อนามิกาบ่น “เดี๋ยวชน...เดี๋ยวชน ไม่รู้อะไรนักหนา โอ๊ย...ฉันยังแฮ๊งค์ไม่หายเลยเนี่ย มึนชะมัด ขอตัวกลับก่อนได้มั้ย”
“ไม่ได้นะ พี่ณดลท่าทางไม่ค่อยเชื่อว่าเราเป็นแฟนกัน เราต้องสร้างหลักฐานหลอกๆ ให้สมจริงว่าเรารักกันมานานแล้ว” ณภัทรบอก
“ฟังแล้วงงแฮะ หลักฐานหลอกๆ แต่ดันให้สมจริง” เมธาวียังตามไม่ทัน
“ก็แบบนี้ไง ก็แค่ไปหาวิวสวยๆ ถ่ายรูปคู่หวานแหววแบบคนเป็นแฟนกัน ไปหลายๆ ที่ ถ่ายมุมโน้นที มุมนี้ที แล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าไปเรื่อยให้ เหมือนกับว่าถ่ายคนละวันไรงี้” อัธวุธอธิบาย
“เข้าใจแล้ว...ประมาณว่าพอเอารูปมาใส่อัลบั้มหรือใส่กรอบปั๊บ ก็จะดูเนียนเหมือนเป็นคู่รักที่รักกันมาน๊านนานใช่มั้ย อุ๊ย...นี่ไง...มุมนี้เลย ถ่ายกับป้ายนี่แหละ” เมธาวีเสนอ
ณภัทรกับอนามิกายืนถ่ายรูปคู่กันกับป้ายชื่อถนนที่บ่งบอกให้รู้ว่าเป็นลอนดอน อัธวุธช่วยจัดเสื้อผ้าให้ทั้งสองเหมือนเป็นสไตลิสต์ ส่วนเมธาวีเป็นคนถือกล้องถ่ายรูป
“เอาละนะ...หนึ่ง..สอง”
อัธวุธรีบแทรกขึ้น “เดี๋ยวๆๆๆ คู่รักอะไรยะยืนห่างกันเป็นศอก แล้วนี่ถ่ายรูปกับแฟนหรือถ่ายกับบรรพบุรุษยะ หน้าตาไร้อารมณ์สวีทมากๆ ยิ้มหน่อยสิ...ยิ้มให้มันสดชื่นหน่อย” อัธวุธจับมือณภัทรมาโอบที่เอวอนามิกา “มือน่ะโอบเอวไว้”
อนามิกากระโดดออกแล้วรีบโวยณภัทร “เฮ้ย...ไม่ต้องขนาดนี้ก็ได้มั้ง”
“อู๊ย...อย่าบ่นได้มั้ยยะ” อัธวุธบอก “จะมาทำรักนวลอะไรตอนนี้ ยิ่งในรูปเธอดูรักกันมากเท่าไหร่ พี่ณดลก็จะยิ่งเชื่อเรามากขึ้นเท่านั้น หรืออยากจะโดนจับได้”
“ไม่อ่ะ...งั้นก็ได้ มา..รีบๆ ถ่ายให้เสร็จไป” อนามิกาหันไปดุณภัทร “โอบเฉยๆ ห้ามแต๊ะอั๋งฉันเด็ดขาดนะ”
“จ้า” ณภัทรรับคำ แล้วเขาก็โอบเอวอนามิกามาแนบชิด อนามิกาสะดุ้งเล็กๆ ที่ณภัทรฉวยโอกาส เสียงชัตเตอร์ดังหนึ่งครั้ง แล้วรูปคู่ระหว่างทั้งสองก็ปรากฏขึ้น


ณดลยังคงนอนหลับอยู่บนเตียง สักพักเขาก็ค่อยๆ ลืมตาตื่น พอหันไปอีกด้านเขาก็ต้องร้องด้วยความตกใจเพราะเห็นคนนั่งบนเตียงกำลังโน้มศีรษะลงมา ณดลผลักไปตามสัญชาตญาณทันที “เฮ้ย!!”
เสียงร้อง “ว๊ายย!!” ดังขึ้น ร่างของผู้หญิงคนหนึ่งร่วงไปกองที่ข้างเตียง ส่วนณดลยังงงๆก่อนจะเพ่งสายตามองไป เขาเห็นนลิณาค่อยๆ โผล่หน้าขึ้นมาด้วยใบหน้าเหยเก
“นลิณา!” ณดลตกใจ
“ค่ะ...สวัสดีค่ะ คุณณดล” นลิณาทักทาย
ณดลขยับลุกขึ้น “นลิณามาได้ไงเนี่ย”
“นลิณามากับเกตนิการ์น่ะค่ะ ก็เดินเข้ามาตามปกติ ประตูบ้านไม่ได้ล็อกนี่คะ”
“ออกไปคุยกันข้างนอกดีกว่ามั้ย นี่มันห้องนอน” ณดลจะเดินออกไปแต่นลิณาเอามือยันอกณดลไว้ “นลิณาไม่ถือหรอกค่ะ คุณณดลทำไมจู่ๆ นึกจะมาก็มา ไม่บอกกันล่วงหน้าเลยล่ะคะ”
“ผมเองก็มาแบบปัจจุบันทันด่วน ไม่ทันได้บอกใครซักคนเหมือนกัน” ณดลบอก
“มีเรื่องอะไรด่วนขนาดนั้นเหรอคะ”
“ก็ไม่เชิงหรอกนะ ผมก็แค่อยากมาเยี่ยมเจ้าณภัทร กับเมียมันน่ะ”
นลิณางง “เมีย...เมียนายณภัทร หมายถึงน้องแพรของนลิณาน่ะเหรอคะ”
“เปล่า...อ้าว! นี่อย่าบอกนะว่านลิณาไม่รู้ว่าไอ้ณภัทรมีเมียอยู่ที่นี่” ณดลแปลกใจ
นลิณาตาเหลือกทันที “นายณภัทรมีเมียที่นี่”
“ก็ใช่น่ะสิ ที่ชื่ออนามิกาไง”
นลิณาได้ยินชื่อก็ถึงกับช็อกจนอ้าปากค้าง
“นลิณา...คุณเป็นอะไรไปน่ะ”

เกตนิการ์นั่งรอเพื่อนอยู่ที่โซฟาในบ้านณภัทร ทันใดนั้น นลิณาก็จูงข้อมือณดลเดินจ้ำมาหาเธอ
“ถามยัยเกตนิการ์ดูก็ได้ค่ะคุณณดล ว่ามันเป็นเรื่องจริงมั้ย”
เกตนิการ์งง “ถามอะไรเหรอ”
“คุณณดลน่ะสิ เค้าบอกว่านายณภัทรกับยัยอนามิกาเป็น...เป็นผัวเมียกัน”
“หา!...” เกตนิการ์ตกใจแล้วหันมองหน้าณดลนิ่ง ก่อนจะค่อยๆ ขำออกมา “ฮะๆๆ ฮ่าๆๆๆๆ นายณภัทรกับยัยอนามิกาเนี่ยนะ”
“ไม่ใช่แค่นั้นนะ พวกคุณไม่รู้จริงๆ เหรอว่ายัยอนามิกาท้องแล้ว” ณดลบอก
นลิณากับเกตนิการ์ตาโต “หา!!?”
“นี่คุณสองคนไม่รู้จริงๆ เหรอ เค้าท้องตั้งสองเดือนแล้วนะ” ณดลพูดต่อ
นลิณากับเกตนิการ์มองหน้ากันอย่างงงๆ
เกตนิการ์เริ่มใจเสีย “ปะ เป็นไปได้เหรอเนี่ย”
นลิณาหันมาพูดกับณดล “คุณณดลแน่ใจเหรอคะ ว่ายัยอนามิกาท้องจริงๆ”
“คนท้องก็คือคนท้องนะนลิณา มีท้องจริงๆ ท้องปลอมๆ ด้วยเหรอ” ณดลงง
“มีสิคะ คุณณดลอย่าเพิ่งแน่ใจ เราสองคนยืนยันได้ว่านายณภัทรกับยัยอนามิกาไม่ได้เป็นแฟนกัน แล้วก็ไม่น่าจะเคย...จะเคย...จึ๊กกึ๋ยกันแน่ๆ” นลิณาบอก
“แล้วไอ้ณภัทรมันจะต้องโกหกพี่ชายตัวเองทำไม” ณดลชักสงสัย
“ก็เป็นไปได้ว่านายณภัทรไม่อยากกลับไปหมั้นกับน้องแพร ก็เลยกุเรื่องขึ้น” นลิณาบอก
ณดลเริ่มคล้อยตาม “อืม...น่าคิดแฮะ”
“หรือไม่งั้น ยัยอนามิกาก็หวังจะจับนายณภัทร เพราะหวังสมบัติ” เกตนิการ์เดา
ณดลก็คล้อยตามอีก “อืม...ก็เป็นไปได้นะ”
“เกตนิการ์ว่ามันน่าจะมีลับลมคมในบางอย่างนะคะ”
“เชื่อนลิณาเถอะค่ะ คุณณดล งานนี้ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ๆ”
ณดลครุ่นคิดเพราะเริ่มเห็นคล้อยกับนลิณา


อนามิกา ณภัทร เมธาวี และอัธวุธเดินมาถึงบริเวณที่มีตู้โทรศัพท์สีแดงสไตล์ย้อนยุคในลอนดอน
“ตรงนี้มะ ตู้โทรศัพท์ก็สวยดีนะ” เมธาวีเสนอแล้วหันไปทางอัธวุธ “แต่เปลี่ยนเสื้อผ้าหน่อยดีกว่า จะได้ดูเหมือนว่าถ่ายคนละวันกับเมื่อตะกี้”
“ได๋ค่า” อัธวุธรีบรื้อเสื้อผ้าในถุง
“เดี๋ยวก่อนนะ ไอ้ฉันน่ะเป็นผู้ชาย จะถอดจะใส่ตรงไหนฉันไม่เกี่ยง แต่ว่าแล้วอนามิกาล่ะ” ณภัทรถาม
“ขอบใจนะที่ยังอุตส่าห์นึกถึงหัวจิตหัวใจฉันบ้าง” อนามิกาหันไปทางอัธวุธ “ไม่เหมือนใครบางคน”
อัธวุธยิ้มแหยๆ เขาเลือกเสื้อผ้ามาได้แล้วก็เดินเข้าไปหาอนามิกา
“ฉันก็ตั้งใจจะเซฟให้แกย่ะ อย่าเพิ่งด่า” อัธวุธจูงมืออนามิกาให้เดินเข้าตู้โทรศัพท์ “จะยากตรงไหนล่ะยะ ก็นี่แหละ ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า”
“เฮ้ย..เอาจริงดิ ในเนี้ยนะ ฉันไม่เอาด้วยหละย่ะ เดี๋ยวก็ได้เป็นตากุ้งยิงกันทั้งลอนดอนหรอก” อนามิกาปฏิเสธ
“ไม่หรอกน่า” อัธวุธพยักหน้าเรียกเมธาวีและณภัทร “มาพวกเรา ทำตามฉันนะ”
อัธวุธส่งชุดกระโปรงให้คนละชุด แล้วเขาก็เอาชุดในมือตัวเองขึ้นมากางปิดด้านหนึ่งของตู้โทรศัพท์ไว้ เมธาวีกับณภัทรพยักหน้าแล้วก็ยกชุดขึ้นมาปิดคนละฝั่ง ส่วนอีกฝั่งอัธวุธก็ใช้อีกมือถือชุดปิดไว้เช่นกัน
อนามิกาเห็นว่าผ้าล้อมรอบตู้โทรศัพท์ก็สบายใจขึ้น แต่ก็ยังกล้าๆ กลัวๆ
“เร็วสิยะ รีบๆ เข้า ฉันเมื่อย!” อัธวุธเร่ง
อนามิกาพยักหน้าหงึกๆ อย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่ก็เกรงใจเพราะไม่อยากเป็นตัวถ่วงเพื่อน
เวลาผ่านไป อนามิกาเปลี่ยนชุดมาถ่ายรูปคู่กับณภัทร โดยมีอัธวุธคอยจัดท่าทางให้ ส่วนเมธาวีก็เป็นตากล้อง อนามิกาไม่ค่อยอยากทำท่าหวานชื่นแบบคู่รัก อัธวุธจึงต้องจัดท่าทาง ทั้งผลักทั้งดันให้ทั้งคู่เบียดใกล้ชิดกัน ทั้งจับมุมปากให้ยิ้มและจับแขนทั้งสองให้โอบกัน
อัธวุธจับมือทั้งสองให้ชูเหนือศีรษะมาจรดกันเป็นรูปหัวใจ แต่อนามิกาไม่ยอมทำตาม เมธาวีโวยให้เร็วๆ อนามิกาเลยยอมทำแล้วฝืนยิ้ม เมธาวีกดชัทเตอร์ได้ภาพคู่รักที่หน้าอนามิกาดูเหมือนคนฝืนยิ้ม


นลิณาเดินควงณดลมาตามทางเดินในกรุงลอนดอน เธอพยายามเบียดตัวเข้าไปใกล้ชิดณดลให้มากที่สุด
“แหม...อุตส่าห์มาไกลจากกรุงเทพฯ จะมัวนอนอุดอู้อยู่บ้านทำไมล่ะคะ” นลิณาบอก
ณดลหยุดยกกล้องขึ้นถ่ายภาพวิวและสถาปัตยกรรมข้างทาง นลิณายังเดินพล่ามต่อไปคนเดียว
“...ลอนดอนมีอะไรดีๆ เยอะแยะ ยิ่งคนชอบถ่ายรูปอย่างคุณณดล รับรองว่าจะต้องหลงรักที่นี่เลยหละค่ะ คุณณดลว่าไหม...คะ...อ้าว!”
นลิณาหันไปแล้วก็ไม่เห็นว่าณดลเดินตามมา เธอหันกลับไปเห็นณดลหยุดยืนถ่ายรูปอยู่ นลิณาจึงเดินย้อนกลับไปออดอ้อน
“แหม...ถ่ายแต่สถานที่มันจะไปสวยอะไร นลิณาเป็นนางแบบให้ดีกว่านะคะ” นลิณาโพสต์ท่า “ถ่ายเลยสิคะ”
“เอ่อ..จริงๆ ผมชอบถ่ายภาพวิว ภาพสถานที่มากกว่าภาพคนน่ะ”
นลิณาทำหน้าบูดเหมือนงอน
“ก็ได้ๆ เดี๋ยวถ่ายให้ เอาหละนะ” ณดลยกกล้องขึ้นเตรียมถ่าย

จากหน้าบูดบึ้งนลิณาเปลี่ยนเป็นยิ้มโพสท่าสวยทันที

 อ่านต่อหน้า 2 





 แหม่มแก้มแดง  ตอนที่ 2 (ต่อ)  

อีกด้านหนึ่งเพื่อนทั้งสี่เดินไปตามถนนในลอนดอน พอเห็นป้ายอะไรสวยๆ ก็หยุดถ่าย ตั้งแต่ป้ายร้านไปจนถึงป้ายจราจร โดยอนามิกากับณภัทรมีการเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นระยะๆ

ในเวลาเดียวกันนั้น นลิณาดึงณดลให้มาถ่ายรูปตน ณดลก็ยอมมาถ่ายให้ นลิณาโพสท่าพิงตึกราวกับนางแบบ
ณภัทร อนามิกา เมธาวี และอัธวุธเดินออกไป ทางด้านของณดลกับนลิณาก็เดินมาอีกมุม ทำให้คลาดกันไปอย่างหวุดหวิด
อนามิกากับณภัทรนั่งทำเป็นป้อนอาหาร ป้อนน้ำอย่างคู่รักหวานแหววอยู่ที่ร้านขนมข้างทาง แต่ก็ต้องอาศัยการยุแกมบังคับของอัธวุธที่คอยจัดท่าทางให้ อนามิกาเริ่มยอมทำตามทุกอย่าง แต่พออัธวุธบอกให้นั่งตักหอมแก้มณภัทร อนามิกาก็รีบโบกมือปฏิเสธ
เมธาวียืนถ่ายรูปในร้าน อนามิกากับณภัทรหันหน้าเข้ากล้อง อัธวุธก็ยืนอยู่ใกล้ๆ โดยหันมาทางกล้อง เมธาวีเห็นณดลกับนลิณาเดินมาด้วยกันผ่านทางช่องมอง LCD ของกล้อง เมธาวีสะดุ้งเล็กน้อยแต่พอเงยหน้ามอง ณดลกับนลิณาก็เลี้ยวพ้นมุมตึกไปพอดี
อนามิกากับณภัทรเหลียวไปมองข้างหลังตามสายตาเมธาวีแล้วหันมาทำหน้าถามว่ามีอะไร เมธาวีสั่นหน้าแล้วถ่ายรูปต่อ
ณภัทรขอกล้องจากเมธาวีมาเป็นคนถ่ายตัวเองกับอนามิกาที่เอาหน้ามาแนบชิดกัน อนามิกาพยายามเว้นระยะห่าง เมธาวีกับอัธวุธเลยช่วยกันดันให้ทั้งคู่ชิดกันมากขึ้น ห่างออกไป คู่ของณดลกับนลิณาก็ทำเหมือนกันเพราะนลิณาขอร้องแกมบังคับให้ณดลถ่ายภาพคู่กับตัวเอง

อนามิกากับณภัทรถูกอัธวุธกับเมธาวีจูงให้มานั่งด้วยกันที่เก้าอี้ กลางสวนสาธารณะอันร่มรื่น อัธวุธมองหาพร็อพประกอบ เขามองซ้ายมองขวาแล้วก็ไปรื้อแก้วน้ำในถังขยะเอามาให้ทั้งสองถือพร้อมทำท่าเหมือนดูดน้ำ แต่อนามิกากับณภัทรแค่ถือไว้ข้างๆ ตัวเท่านั้น
อนามิกากับณภัทรถ่ายรูปคู่กันไปเรื่อยๆ จนอนามิกามานั่งกับพื้นหญ้าใต้ร่มไม้ใหญ่ โดยมีณภัทรนอนตักอนามิกาอยู่ อัธวุธมองซ้ายมองขวา เห็นฝรั่งชายวัยกลางคนกำลังอ่านหนังสือ ก็รีบไปยืมหนังสือมาให้อนามิกานั่งอ่าน
อัธวุธเดินมาดูภาพจากจอ LCD ในกล้องที่เมธาวีเป็นคนถ่าย แล้วเขาก็พูดกับเมธาวีเบาๆ
“อุ๊ย...รูปนี้ดูเหมือนคู่รักกันจริงๆ เลยนะแก จะว่าไปคู่นี้เค้าก็เหมาะสมกันดีเน๊อะ” อัธวุธหันมามองหน้าเมธาวีแล้วก็นึกขึ้นได้
เมธาวีเริ่มจ๋อยแล้วพูดเสียงอ่อยๆ “แต่ถ้าเป็นเมธาวีกับนายณภัทร คงไม่เรียกว่าเหมาะสมกันหรอกใช่มั้ย”
“เฮ้ย...ไม่นะ ฉันไม่ได้หมายความอย่างงั้น” อัธวุธรีบบอก
อนามิกาแตะตัวเพื่อปลอบเมธาวี “งั้นเอางี้สิ” อนามิกาดึงกล้องมาจากเมธาวี “เดี๋ยวฉันถ่ายให้”
เมธาวีงง “ถ่ายอะไรเหรอ”
“ก็แกกับนายณภัทรไง”
อนามิกาพยักหน้าไปที่ณภัทรที่ยังนั่งเอกเขนกกับพื้นหญ้า
“เอ่อ...จะดีเหรอ” เมธาวีลังเล
อนามิกาพูดกับอัธวุธ “ฝ่ายสไตลิสต์ จัดการซิ”
“ได้เลยฮ่า” อัธวุธรับคำแล้วลากเมธาวีที่ยังขัดๆ เขินๆ มานั่งข้างๆ ณภัทร
“ยัยเมธาวีมานี่” อัธวุธพูดกับณภัทร “มา...นายณภัทร มาถ่ายรูปคู่กันเป็นที่ระทึกหน่อย”
“โห..ที่ระทึกเลยเหรอ ที่ระลึกก็พอมั้ง” ณภัทรบอก
เมธาวีขยับลงมานั่งข้างๆ ณภัทร อนามิกาทำหน้าที่เป็นตากล้องให้ ส่วนเมธาวีกับณภัทรนั่งห่างกันพอสมควร
“เอาหละนะ...หนึ่ง...สอง...สาม”
เมธาวีกับณภัทรจะขยับออกห่างกัน อนามิการีบร้องห้ามทันที
“เดี๋ยวๆๆๆ ขออีกรูป” อนามิกาเข้าไปกระซิบข้างหูอัธวุธ “อัธวุธ ไปจัดให้ยัยเมธาวีใกล้ชิดกับนายณภัทรอีกหน่อย แหม..ทีตอนฉันหละจัดจัง ทีตอนนี้หละทำนิ่ง”
“ได้ๆๆ” อัธวุธรีบขยับไปจัดให้เมธาวีเบียดชิดติดกับณภัทร เมธาวีจะขยับหนี แต่อัธวุธดึงณภัทรให้เข้ามาใกล้จนแก้มแทบจะแนบแก้ม แล้วก็จับแขนมาให้โอบกัน
“มา...ขยับใกล้กันหน่อย แหม..เพื่อนๆ กัน คิดอะไรมาก โอบด้วย..โอบสิ” อัธวุธจัดแจง
“เอาหละ อย่างงั้นหละ นิ่งๆ นะ หนึ่ง..สอง...สาม”
ภาพคู่ของเมธาวีกับณภัทรที่ใกล้ชิดกันปรากฏขึ้น ณภัทรยิ้มแย้มเพราะไม่ได้คิดอะไร ในขณะที่เมธาวียิ้มเพราะเขินแต่เธอก็ทั้งปลื้มและมีความสุขที่ได้ถ่ายรูปคู่กับคนที่ตนรัก


อีกมุมหนึ่งของสวนสาธารณะ นลิณาเดินควงณดลเดินเข้ามาอย่างร่าเริง
“ที่นี่ก็ร่มรื่นดีนะคะ วันไหนคุณณดลว่างๆ เรามานั่งเล่นกันสองคนดีมั้ยคะ”
ณดลพยักเพยิดไปตามมารยาท ทั้งสองเดินผ่านไปโดยไม่เห็นกลุ่มของณภัทร เมธาวีกับอัธวุธเดินนำอนามิกากับณภัทรผ่านบริเวณต้นไม้ไป จู่ๆ เมธาวีก็หยุดเดินดื้อๆ ณภัทรเลยเดินชนหลังเธอเต็มๆ เมธาวีหันมายิ้มเขินๆ
“โทษทีเมธาวี ฉันไม่ได้ตั้งใจ” ณภัทรบอก
เมธาวีเขินจนแทบไม่กล้าสบตา “มะ ไม่เป็นไร”
“แล้วจู่ๆ จะหยุดเดินทำไมยะ” อัธวุธถาม
“ไม่มีอะไร เมแค่เห็นว่ามุมนี้ดูสวย แล้วก็โรแมนติกดี”
อนามิกาพูดด้วยน้ำเสียงเบื่อๆ “รูปสุดท้ายแล้วนะ ฉันไม่อยากถ่ายแล้ว”
ณภัทรกับอนามิกายืนเคียงข้างกัน ด้านหลังห่างออกไปนลิณาเข้ามาในกรอบภาพโดยมี
ณดลเดินถือกล้องถ่ายรูปตามมา ณดลมองมาแล้วก็พลันสะดุดกับภาพที่เห็น เขาเพ่งมองที่ณภัทรกับอนามิกา เมธาวีไม่สังเกตเห็นจึงเตรียมกดชัตเตอร์ถ่าย
“เอานะ...1...2....3” เมธาวีกดชัตเตอร์แล้วดูภาพหลังกล้อง “วู้...สวยอ้ะ มาดูกัน”
อัธวุธ อนามิกา และณภัทรเข้ามายืนมุงดูภาพจากจอหลังกล้อง ทันใดนั้นอนามิกาก็รู้สึกสะดุดกับอะไรบางอย่างในภาพ
“เหย...ดูนี่ดิ”
ในภาพจากจอหลังกล้องถ่ายรูป เห็นคู่ของอนามิกากับณภัทร แต่มีณดลยืนถือกล้องถ่ายรูปนลิณาอยู่ที่ด้านหลัง
“เฮ้ย...พี่ณดล” ณภัทรตกใจ
“หา! พี่โหดเหรอ พี่เค้ามาได้ไงน่ะ” อัธวุธก็ตกใจเช่นกัน
“ฉันว่าเรารีบเผ่นจากที่นี่ก่อนดีกว่ามะ” อนามิกาเสนอ
ทันใดนั้นทุกคนก็ได้ยินเสียงดังมาจากด้านหลัง “ดูอะไรกันอยู่เหรอ?”
ทุกคนผงะแล้วหันไปมองณดลที่เดินมายืนมุงดูภาพจากกล้องด้วย มีเพียงเมธาวีที่ยังไม่รู้ตัว เธอจึงตอบออกไปว่า
“ก็ดูรูปที่ณภัทรถ่ายคู่กับอนามิกา” เมธาวีหันไป “หา! พี่ณดล”
“พวกเธอมาทำอะไรกันที่นี่น่ะ” ณดลถาม
“ก็...เอ่อ..ไม่มีอะไรหรอกพี่” ณภัทรบ่ายเบี่ยง
“ฉันเห็นแกกับเมียแกถ่ายรูปคู่กัน” ณดลบอก
“ก็...เราสองคนถ่ายรูปคู่กันมันแปลกตรงไหนคะ เราเป็นสามีภรรยากันนะคะ” อนามิกาเน้นเสียงประชด “คุณณดล”
“แต่เธอสองคนอยู่ที่ลอนดอนมาเป็นปี ทำไมเพิ่งจะมาถ่ายรูปเอาวันนี้” ณดลข้องใจ
“โธ่...พี่ คิดมากไปรึเปล่า คือว่า...คือ...” ณภัทรหันไปหาอนามิกา “เรามาที่นี่กันทำไมนะอนามิกา”
“เอ๊า...โยนมาอีกแล้ว...เอ่อ.” อนามิกาหันมาพูดกับณดล “คือ...ณภัทรเค้าแค่อยากพาฉันมาเดินสูดอากาศบริสุทธิ์น่ะ คือเค้าบอกว่ามันดีกับเด็กในท้อง”
“อ้อ..อย่างงั้นเหรอ” ณดลลดท่าทีแข็งกร้าวลงทันที
“ว่าแต่คุณณดลล่ะ มาทำอะไรที่นี่เหรอคะ” อนามิกาถามกลับ
“ก็...เอ่อ...” ณดลอ้ำอึ้ง
นลิณารีบเสนอหน้าเข้ามา “คุณณดลกับฉันมาถ่ายรูปเล่นกันน่ะ” นลิณาคล้องแขนควงณดลทันที “ไปเถอะค่ะ เดี๋ยวนลิณาพาไปเดินทางโน้นดีกว่า มีมุมสวยๆ ให้ถ่ายรูปอีกเต็มเลยค่ะ”
ณดลไม่ค่อยเต็มใจนัก เขายังมองอนามิกากับณภัทรอย่างจับผิด แต่นลิณาก็ทั้งกอดทั้งรวบแขนดึงณดลไป ณดลเหลียวมามองอีกครั้ง
พอณดลเดินห่างออกไป อนามิกากับณภัทรก็หันมามองหน้ากันอย่างแหยงๆ
“เกือบไปแล้ว...” อนามิกาถอนหายใจ


อนามิกานั่งเก็บเสื้อผ้าข้าวของลงกระเป๋าอยู่ในห้องนอนของเธอที่บ้านอัธวุธเพื่อเตรียมตัวจะย้ายไปอยู่บ้านณภัทร โดยมีเมธาวีคอยช่วยอยู่ข้างๆ
“พอพี่ย้ายออกไป เมธาวีคงเหงาแย่ แต่ยังไงเมธาวีก็ขอบคุณพี่อนามิกามากๆ เลยนะ”
“ขอบคุณเรื่อง...?” อนามิกางง
“เมธาวีรู้นะว่าที่พี่ต้องยอมไปอยู่กับนายณภัทร” เมธาวีเริ่มสะอึกสะอื้น “ส่วนนึงก็เพราะพี่อยากจะช่วยเมธาวี ขอบคุณจริงๆ นะพี่” เมธาวีโผเข้าไปสวมกอด “ฮือ...”
“เฮ้ย...แก” อนามิกาแกะแขนของเมธาวีออก “ฉันไม่ได้ไปออกรบ หรือไปสงครามนะ ทำไมต้องร่ำลาอาลัยกันขนาดนั้น”
เมธาวีสะอื้น “ก็จริงนี่ ตอนมีเรื่องที่ร้านอาหาร พี่ก็คอยปกป้อง ออกรับแทนเมธาวีจนพี่โดนไล่ออกคนเดียว ฮือ..แล้วพอพี่รู้ว่าเมธาวีชอบนายณภัทร พี่ก็ยังเสียสละช่วยให้นายณภัทรไม่ต้องกลับไปหมั้นกับผู้หญิงคนอื่น” เมธาวีโผเข้าสวมกอดอีกครั้ง “ฮือ..เมธาวีรักพี่”
อนามิกาชักอึดอัดพอเห็นเพื่อนรุ่นน้องกอดตนอย่างซาบซึ้งจริงใจจึงกอดตอบแล้วพูด
“บอกตามตรงนะแก ฉันเองก็หวั่นๆ กับการเป็นเมียกำมะลอของอีตาณภัทรนี่อยู่เหมือนกัน...เฮ่อ...”


รูปคู่ระหว่างณภัทรกับอนามิกาที่เพิ่งถ่ายกันมาหลายต่อหลายใบวางเกลื่อนเตียงในห้องนอนของณภัทร ณภัทรกำลังจัดรูปเหล่านั้นใส่กรอบตั้งโต๊ะ อีกส่วนก็จัดใส่อัลบั้มที่เป็นเล่ม
ณภัทรหยิบรูปขึ้นมาสองใบ “รูปที่พาร์คไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวพี่ณดลจะสงสัย” ณภัทรโยนรูปทั้งสองทิ้งลงกอง
ณภัทรจัดรูปคู่ที่ดูหวานแหววเรียงใส่กรอบรูปที่มีสี่ช่องแล้วเอากรอบรูปตั้งพร้อมทั้งนั่งดูอย่างชื่นชม ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ณภัทรสะดุ้งโหยง
ณดลเคาะประตูแค่สองทีแล้วก็เปิดพรวดเข้ามาโดยไม่รอให้น้องชายอนุญาต ณภัทรหันซ้ายหันขวา เมื่อเห็นว่าจวนตัวเขาก็เลยขยุ้มผ้าห่มและหมอนมาคลุมปิดรูปไว้
“แกทำอะไรอยู่น่ะ” ณดลถาม
ณภัทรพยายามทำตัวเนียน “ปะ เปล่านี่พี่”
ณดลเดินเข้ามามองอย่างจ้องจับผิด แล้วเอื้อมมือมาหยิบกรอบรูปขึ้นมาดู ณภัทรมองตามอย่างกลัวโดนจับได้
“เฮ้ย...นี่แกก็ทำท่ากุ๊กกิ๊ก หวานแหววอย่างงี้เป็นด้วยเหรอไอ้ณภัทร” ณดลแปลกใจ
“โธ่พี่..” ณภัทรดึงกรอบรูปคืน “อย่าแซวดิ ผมก็เขินเป็นนะ”
“ก็ปกติ ถ้าเป็นเรื่องผู้หญิง แกออกจะเรียบร้อย แล้วก็ขี้อาย”
ณดลเปลี่ยนอารมณ์จากยิ้มมาเป็นเครียดขึ้ง เขาจับคางณภัทรให้หันมามองหน้าตน
“มะ มีอะไรเหรอพี่” ณภัทรเริ่มสยอง
ณดลจ้องณภัทรอย่างจับผิด “ฉันจะถามแกอีกครั้งเดียวนะ นี่แกกำลังแกล้งหลอกฉันอยู่ใช่มั้ย”
“หลอกอะไรพี่” ณภัทรทำซื่อ
“ก็หลอกว่ายัยอนามิกาเป็นเมียแก แล้วก็แกล้งหลอกว่ายัยอนามิกาท้องกับแก”
ณภัทรหลบตาแล้วตอบเสียงอ่อย “ผมปล่าวว”
ณดลตะคอก “มองตาฉัน แล้วตอบมาดังๆ แกหลอกฉันใช่มั้ย”
ณภัทรฝืนมองหน้าพี่ชายแล้วแกล้งโวยวายเสียงดัง “ผมบอกว่าผมเปล่า..ใครจะกล้าไปกล้าหลอกว่ามีเมีย ว่าเมียท้อง พี่เห็นผมเป็นคนยังไงเหรอครับ”
ณดลเห็นณภัทรขึ้นเสียงจึงค่อยๆ ลดความเดือดลง เขาปล่อยมือจากคางของณภัทร แต่ก็ยังพูดต่อ
“แต่ฉันได้ยินมาว่า แกกับยัยอนามิกาไม่เคยมีวี่แววว่าจะรักกันด้วยซ้ำ” ณดลจ้องตาณภัทรใกล้ๆ “ต่อไปนี้ ฉันจะคอยจับตามองแก ฉันจะคอยดูซิ ว่าแกจะเล่นละครตบตาฉันไปได้อีกซักกี่น้ำ”
ณภัทรจ้องตาสู้เพื่อให้พี่ชายของเขามั่นใจว่าเขาพูดความจริง พอณดลเดินออกไปจากห้อง ณภัทรที่เคยมีสีหน้ามั่นใจก็กลายเป็นหน้าแหยเหมือนจะร้องไห้ทันที


อัธวุธช่วยอนามิกาหอบหิ้วกระเป๋าเดินทางใบโตพร้อมถุงและกล่องเสื้อผ้าเดินมาหน้าบ้านณภัทร ส่วนอนามิกาเองก็หิ้วของเต็มสองมือ ณภัทรเดินออกมาช่วยอนามิกาถือของ
“หนักมั้ยอนามิกา มา..มา ฉันช่วย”
“อ้าว..เฮ้ย...ช่วยแต่เมียตัวเองเลยนะ แล้วฉันล่ะยะ?” อัธวุธเซ็ง
อนามิกาถามณภัทร “เป็นไง ในบ้านทางสะดวกรึยัง”
“สะดวกแล้ว พี่ณดลยังหลับอยู่ เร็ว! รีบขนของเข้าบ้านจังหวะนี้แหละ”
ณภัทรกับอนามิการีบเดินเข้าไปในบ้าน ทิ้งให้อัธวุธแบกของหนักแล้วค่อยๆ ก้าวตามไปช้าๆ
“ดี...เริ่ด...เหมือนฉันไม่มีตัวตนเลยนะยะ”


ณภัทรหิ้วของเดินนำเข้ามาในบ้าน อนามิกากับอัธวุธเดินตามเข้ามา อัธวุธทิ้งข้าวของโครมใหญ่แล้วทิ้งตัวนั่งพักที่โซฟา
ณภัทรจุ๊ปากให้เบาเสียงแล้วชี้ไปทางประตูห้องนอนอีกห้อง “ชู่วว..เบาสิ พี่ณดลนอนหลับอยู่ในห้อง”
“ไม่รู้ไม่ชี้ ฉันหนัก ฉันเหนื่อย หมดหน้าที่ฉันแล้วนะยะ” อัธวุธบ่น
อนามิกากับณภัทรส่ายหน้าอย่างหมั่นไส้ แล้วช่วยกันยกกระเป๋าข้าวของที่อัธวุธยกมา เดินไปทางห้องนอนของณภัทร
อัธวุธเอนหลังพอรู้สึกหายเหนื่อย เขาก็เหลือบมองไปที่ประตูห้องนอนของณดลและเห็นว่าประตูห้องแง้มเปิดอยู่ อัธวุธชักสงสัยว่าทำไมประตูถึงเปิดค้างไว้

อนามิกากับณภัทรวางข้าวของภายในห้องเรียบร้อย อนามิกาก็เอนหลังทิ้งตัวนอนแผ่บนเตียงทันที
“เฮ่อ...ตั้งแต่คืนที่เลี้ยงฉลองกัน ฉันยังไม่ได้นอนพักจริงๆ จังๆ เลย”
ณภัทรเดินมาที่เตียง “ฉันก็เหมือนกัน แต่งานเรายังไม่หมดแค่นี้ เพราะไงๆ พี่ณดลก็ยังไม่เชื่อว่าเราสองคนเป็นคู่รักกันจริงๆ”
ณภัทรทิ้งตัวนอนแผ่บนเตียงข้างๆ อนามิกาแบบไม่คิดอะไร แต่อนามิกาเด้งตัวขยับลุกออกห่างทันที
“เฮ้ย...ออกไปเลยนะ”
“เป็นอะไรอนามิกา”
“ฉันแกล้งเป็นเมียนายเพื่อช่วยให้นายไม่ต้องโดนบังคับให้หมั้น ไม่ได้หมายความว่า ฉันจะยอมให้นายใกล้ชิดฉันจริงๆ หรอกนะ”
“โธ่...อนามิกา ฉันก็ไม่เคยคิดอะไรแบบนั้นกับเธอซะหน่อย”
พูดจบณภัทรก็ขยับเข้าไปใกล้ อนามิการีบขยับหนีออกห่างอีก
“แต่ถึงยังไงฉันก็เป็นผู้หญิง นายเป็นผู้ชาย ฉันจะไว้ใจนายเต็มร้อยได้ยังไง”
“ไม่เอาน่า อะ..งั้นเธอว่ามา เธอมีกฏเหล็กอะไรบ้างก็ว่ามาให้หมด ฉันจะได้ทำตามเพื่อความสบายใจของเธอ”
“ได้!” อนามิกาลุกขึ้นยืนพูดอย่างจริงจัง “กฏเหล็กของการอยู่ร่วมกันระหว่างฉันกับนาย ข้อแรก” อนามิกาชี้ที่เตียง “เตียงนี้เป็นของฉัน ส่วนนาย” อนามิกาชี้ไปที่โซฟาในห้อง “นอนตรงนั้น”
ณภัทรตะเบ๊ะรับด้วยเสียงเข้ม “รับทราบ!”
อนามิกาหยิบม้วนกระดาษทิชชู่บนโต๊ะมาคลี่วางเป็นแถบเพื่อแบ่งครึ่งกลางระหว่างห้อง
ณภัทรงง “ทำอะไรน่ะ”
“ข้อสอง เมื่อถึงเวลาเข้านอน นี่เป็นเส้นเขตแดนพื้นที่ห้ามเข้า นายมีสิทธิ์อยู่เฉพาะฝั่งนั้น ห้ามล้ำเส้นก้าวเข้ามาในพื้นที่นี้โดยเด็ดขาด”
“โอ้โห! ทำยังกะแบ่งเขตแดนประเทศ เกินไปรึเปล่าอนามิกา นี่บ้านฉันนะ”
“ก็ถ้าไม่พอใจ นายก็ยกเลิกได้นี่ แล้วกลับเมืองไทยไปหมั้นกับผู้หญิงที่นายไม่ได้รักซะ”
“โถๆๆ โอเคๆๆ ฉันจะไม่ก้าวล้ำเส้นเขตแดนโดยเด็ดขาด โอเค๊?”
“ดีมาก! และข้อสาม ห้ามเปลี่ยนเสื้อผ้า หรือทำอะไรประเจิดประเจ้อในห้องนี้ อ้อ...แล้วก็ห้ามวางเสื้อผ้าไม่เป็นระเบียบด้วย”
“ได้คร้าบ...”
“และข้อสุดท้าย”
ณภัทรยิ้มออก “อืม...ดี สุดท้ายแล้วใช่มั้ย”
“อย่าเพิ่งดีใจไป เพราะกฎข้อสุดท้ายของฉันก็คือ...ฉันมีสิทธิ์เพิ่มกฎข้อใหม่ๆ ได้ไม่จำกัดจำนวน และไม่จำกัดเวลา” อนามิกาบอก
“เรียกว่านึกอะไรได้เมื่อไหร่เธอก็ตั้งเป็นข้อบังคับฉันได้ตลอดเวลาว่างั้น”
“ถูก...หรือถ้าไม่โอเค ก็ยังเปลี่ยนใจทันนะ เดินไปบอกพี่ชายนายกันเลยว่าจริงๆ แล้วเราไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“โอเคๆๆ...ยอมแล้วจ้า ว่าไงว่าตามกัน ฉันยอมหมดทุกอย่างจ้า”
อนามิกายิ้มอย่างพอใจที่ณภัทรยอมรับข้อเสนอทุกอย่างของเธอ


ณดลนอนหลับสบายอยู่บนเตียงแต่ผ้าห่มกระจัดกระจายเพราะว่านอนดิ้น ประตูที่แง้มอยู่ค่อยๆ เปิดเข้ามา อัธวุธเดินย่องเข้ามาในห้องแล้วเปรยเบาๆ
“ประตูก็ไม่ปิด ดูซิ เดี๋ยวก็ปล้ำซะนี่ ยิ่งหล่อๆ โหดๆ ตรงสเป็กอยู่ อุ๊ยตาย! แล้วก็ไม่รู้จักห่มผ้าให้เรียบร้อย”
อัธวุธโน้มตัวมาจับผ้าห่มขึ้นมาห่มให้ณดล แล้วโน้มตัวยื่นแขนไปจับผ้าห่มอีกด้านในท่าที่เหมือนจะคร่อมลำตัวของณดล
“..นี่ลอนดอนนะยะ ไม่ใช่เมืองไทย เดี๋ยวก็ปอดบวมตายกันพอดี” อัธวุธบ่น
จังหวะนั้น ณดลก็ลืมตาตื่นขึ้นมาพอดี เขาเห็นอัธวุธอยู่ในลักษณะที่กำลังจะคร่อมตัวเขาจึงร้องออกมาด้วยความตกใจ “เฮ้ย!”
ณดลใช้เท้ายันอัธวุธเต็มหน้าท้องจนหงายกลิ้งตกเตียง
“ว๊าย!!” อัธวุธร้องลั่น
ณดลลุกขึ้นมาดูที่พื้นปลายเตียง เขาเห็นอัธวุธนอนพังพาบอยู่กับพื้นในสภาพตูดบิด ขาปัด


อนามิกากับณภัทรนั่งหัวเราะกันจนท้องคัดท้องแข็ง
“ฮะๆๆ ฮ่าๆๆ”
อัธวุธนั่งจ๋อยอยู่บนโซฟา มือของเขากุมท้องที่ยังจุกเพราะเจอถีบอยู่
“สมน้ำหน้าแกแล้ว เล่นกะใครไม่เล่น ดันมาเล่นกับพี่ณดล” ณภัทรบอก
อัธวุธหน้ายังบูดเบี้ยว “ฉันก็หวังดีจะห่มผ้าให้นะยะ”
“อย่าเลยนังอาร์ท นี่ถ้าเค้าไม่ตื่นซะก่อนหละก็..” อนามิกาหันมาพูดกับณภัทร “นายได้นังอาร์ทเป็นพี่สะใภ้ไปแล้วหละ ฮ่าๆๆๆ”
อัธวุธจุกแต่ก็ยังฝืนหัวเราะร่าแล้วแกล้งพูด “ไหนสวัสดีพี่สะใภ้คนสวยคนนี้สิจ๊ะ น้องภัทร ฮ่าๆๆ”
อัธวุธกับอนามิกาหัวเราะร่วน ณภัทรส่ายหัวอย่างเซ็งๆ แต่ก็พลอยขำไปด้วย สักพักเขาก็เห็นณดลเดินมาจึงรีบสะกิดอนามิกากับอัธวุธให้หยุดหัวเราะ อัธวุธหยุดแล้ว แต่อนามิกายังหัวเราะร่วน จนณดลมายืนจังก้าข้างหน้าเธอ
“ฮ่าๆๆๆ..” อนามิกาเงยหน้าขึ้นมาเห็นณดล “เอิ๊กก...” อนามิการีบเม้มปากทันที
“ขำอะไรกันเหรอ” ณดลถาม
“เอ่อ..ป..เปล่า ไม่มีอะไร” อนามิกาอึกอัก
ณดลหันมาพูดกับอัธวุธ “ทีหลังจะเดินเข้าห้องใคร ก็รู้จักเคาะประตู ให้สุ้มให้เสียงกันบ้างแต่จะว่าไป ก็ไม่มีธุระอะไรต้องเข้าไปในห้องฉันนี่นา”
อัธวุธหน้าจ๋อย “เอ่อ..อัธวุธขอโทษฮะพี่ ที่อัธวุธโดนยัน...เอ๊ย..ที่อัธวุธถือวิสาสะเดินเข้าไป”
“แต่ไอ้อัธวุธมันแค่จะห่มผ้าให้พี่ณดล นะ ผมขอโทษแทนเพื่อน....” ณภัทรยังพูดไม่จบ ณดลก็รีบแทรกขึ้น
“ช่างเหอะ ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่จะมาบอกแกว่า ฉันเบื่ออยู่บ้าน ใจคอแกจะไม่พาฉันออกไปเปิดหูเปิดตาข้างนอกบ้างเลยเรอะ”
“ได้สิพี่ ผมก็ตั้งใจจะพาพี่ออกไปอยู่แล้ว”
“งั้นก็ชวนเมียแก แล้วก็เพื่อนแกไปด้วยกันสิ” ณดลบอก
ณภัทรหันมาถามอัธวุธ “ว่าไง”
“ขอตัวดีกว่า เผอิญนึกได้ว่ามีธุระน่ะ” อัธวุธลุกขึ้นแล้วพูดกับณดล “อัธวุธลานะฮะ”
อัธวุธเดินออกไปก่อนจะหันมาโบกมือลาณภัทรกับอนามิกาแบบพอเป็นพิธี
ณภัทรหันไปหาอนามิกา “ว่าไงอนามิกา ไปด้วยกันมั้ย”
“คือว่าฉันอยากจะพักผ่อนอยู่กับบ้าน” อนามิกาตอบ
ณดลสวนขึ้นทันที “ถ้าเธออยากจะมาเป็นน้องสะใภ้ฉัน เมื่อฉันออกปากชวน เธอไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธนะ”
อนามิกามองหน้าณดลอย่างหมั่นไส้ พอนึกได้เธอก็รีบเก็บอาการ
“งั้นฉันขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บนึงนะ” ณดลพูดจบก็เดินไปที่ห้องของเขาทันที
อนามิกายื่นหน้า ขยับปากแต่ไม่ออกเสียงพูดล้อเลียนณดลอย่างหมั่นไส้ “งั้นฉันขอตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บนึงนะ”
ทันใดนั้นณดลก็หันมา อนามิการีบทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ทันที


อนามิกากับณภัทรเดินออกมาหน้าบ้าน อนามิกาหันมาบ่นอุบกับณภัทร
“ขอโทษนะ นายทนอยู่กับพี่ชายนิสัยแบบนี้ได้ยังไง ทั้งเผด็จการ ทั้งน่าหมั่นไส้ แหม..พูดมาด้ายยย...เมื่อฉันออกปากชวน เธอไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธนะ...แหวะ คิดว่าตัวเองเป็นใคร ใหญ่โตมาจากไหน”
“พี่ณดลเค้าก็เป็นแบบนี้แหละ แต่ลึกๆ เค้าก็เป็นคนดีนะ” ณภัทรบอก
“ลึกๆ เป็นคนดีงั้นเหรอ สงสัยคงจะลึกมาก ลึงลงเหว ลึกลงไปถึงแกนโลกเลยหละมั้ง ถ้านิสัยอย่างพี่นายเรียกว่าคนดี โลกนี้ก็ไม่มีคนเลวแล้วหละ” อนามิกาบ่น
ทันใดนั้นทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงนลิณา พอหันไปก็เห็นนลิณาเดินเข้ามาอย่างเดือดดาล โดยมีเกตนิการ์เดินตามมาด้วย
“จะรีบไปไหนยะ...แหม..เหมือนรู้เลยนะ พอฉันจะมาเอาเรื่อง ก็เตรียมเผ่นหนีซะแล้ว” นลิณาโวยวาย
“หนีอะไร ทำไมฉันจะต้องเผ่นหนีเธอด้วยล่ะ” อนามิกาถาม
“อุ๊ยตาย” นลิณาหันไปมองหน้าเกตนิการ์ “ดูมันทำ ดูมันยังมีหน้ามาถาม”
“เธอสองคนมีเรื่องอะไรกันเหรอ” ณภัทรถาม
เกตนิการ์จับแขนณภัทรเอาไว้ “เราปล่อยให้เค้าสองคนเคลียร์กันแบบผู้หญิง-ผู้หญิง ดีกว่านะณภัทร” เกตนิการ์ดันณภัทรให้แยกออกมา
นลิณาเดินเข้าหาอนามิกาแล้วตบหน้าอนามิกาฉาดใหญ่จนหน้าหัน พออนามิกาหันกลับมาก็โวยใส่นลิณาทันที
“เธอตบหน้าฉันทำไม”
“ยังจะด้าน มาย้อนถามฉันอีก ฉันรู้จากคุณณดลแล้วว่า เธอแย่งว่าที่คู่หมั้นของน้องสาวฉันไป แล้วนี่เธอท้องกับนายณภัทรจริงๆ เหรอ เธอไปรักกัน ได้กัน ตั้งแต่เมื่อไหร่ยะ” นลิณาโกรธ
“ฉันไม่จำเป็นต้องตอบคำถามเธอ”
“แล้วเธอไม่คิดถึงหัวอกของน้องสาวฉันบ้างเหรอไง ในฐานะลูกผู้หญิงด้วยกัน ถ้ามีใครมาแย่งว่าที่คู่หมั้นเธอไป เธอจะรู้สึกยังไง”
อนามิกาสะอึกเพราะรู้สึกผิด “เอ่อ...ถ้าในแง่นั้น...ฉันก็ต้องฝากขอโทษน้องสาวเธอด้วย ฉันกับน้องสาวเธออยู่คนละทวีป ไม่เคยเจอกัน ไม่เคยบาดหมางกัน”
นลิณาสวนขึ้นทันที “แต่เธอกำลังทำให้น้องสาวฉันเจ็บ เธอรู้ตัวมั้ย”
“ฉันยอมรับว่าฉันลืมคิดในมุมนี้ไป ฉันก็รู้สึกผิดนะที่ทำให้น้องสาวเธอเสียใจ ฉันขอโทษจริงๆ” อนามิกาบอก
“ขอโทษงั้นเหรอ แค่ขอโทษมันจะไปพออะไร”
“ถ้างั้นเธอก็ว่ามา ว่าจะให้ฉันชดใช้ความผิดที่ทำกับน้องสาวเธอยังไง”
“ก็...ชดใช้ด้วยนี่ไง”
พูดจบนลิณาก็ตบหน้าอนามิกาอีกฉาดใหญ่ อนามิกาหันกลับมาแล้วตบสวนทันที ณภัทรขยับจะเข้าไปขวางแต่เกตนิการ์ก็จับทั้งสองแขนของเขาไว้
“นลิณา...อนามิกา...อย่า!” ณภัทรได้แต่ร้องห้าม
นลิณากับอนามิกาทั้งตบทั้งจิกผมและออกแรงยื้อกันพัลวัน ณภัทรพยายามจะเข้าไปขวาง แต่เกตนิการ์ได้ทีรีบกอดรวบณภัทรไว้ไม่ให้เข้าไปยุ่ง
นลิณาตบอนามิกาหนึ่งที แต่อนามิกาตบกลับมาสองที นลิณากระชากคอเสื้ออนามิกา แต่ก็โดนอนามิกาผลักจนหงายล้มไปกับพื้น อนามิกาอาศัยจังหวะได้เปรียบตามไปนั่งคร่อมนลิณาแล้วตบซ้ำอีก นลิณาพยายามยกมือปัดป้องและจับข้อมืออนามิกาไว้
อนามิกาเงื้อมือจะตบอีกแต่พอหางตาเห็นใครบางคนเธอก็ชะงัก เพราะเธอเหลือบเห็นณดลกำลังเดินออกมาจากบ้านโดยที่ยังไม่ได้มองมาทางนี้ อนามิกายิ้มแล้วแกล้งผงะออกมา เธอจับข้อมือทั้งสองข้างของนลิณาแล้วเอียงตัวจนล้มให้นลิณาขึ้นมาคร่อมตัวเอง
ณดลหันมาเห็นสองสาวก็ถึงกับตาเหลือก รีบพุ่งเข้าไปทันที
“หยุดนะ! มีเรื่องอะไรกัน”
อนามิกาแสร้งทำสำออยทันที “โอ๊ย..อย่านะ ช่วยด้วย!”
นลิณาจิกผมของอนามิกา อนามิกายื้อข้อมือไว้ นลิณาเลยตบไม่ได้แต่สะบัดจนหลุด มือหนึ่งของนลิณาจิกผมอนามิกาเอาไว้ ส่วนอีกมือเงื้อจะตบให้สาแต่ใจแต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร ก็โดนณดลจับแขนดึงตัวออกมา
“ผมบอกให้หยุด! นลิณา...คุณเป็นบ้าอะไรของคุณน่ะ”
“ก็มันแย่งนายณภัทรไปจากน้องแพร ถ้าคุณณดลเป็นนลิณา คุณจะยืนมองตาปริบๆ อยู่เฉยๆ เหรอคะ” นลิณาถามกลับ
“แต่ว่าอนามิกาเค้าท้องอยู่นะ คุณทำกับคนที่กำลังท้องกำลังไส้แบบนี้ได้ยังไง...หา?”
“แต่นังคนท้องคนไส้ของคุณมันก็ตบนลิณาไปหลายทีนะคะ นี่คุณเข้าข้างมันมากกว่านลิณาเหรอคะ”
“ผมไม่ได้เข้าข้างใครทั้งนั้น แต่ว่าในท้องของอนามิกามีลูกของเจ้าณภัทรอยู่ ถ้าใครทำร้ายอนามิกา ก็เท่ากับทำร้ายหลานในไส้ของผม” ณดลตะคอก “เข้าใจมั้ย”
นลิณาสะอึก ไม่กล้าต่อล้อต่อเถียงกับณดล เธอตัดสินใจถอยออกไป เกตนิการ์ขยับถอยตาม นลิณามองอนามิกาอย่างเคียดแค้น
“เธอมันยังโชคดี ที่มีคุณณดลมาห้ามไว้” นลิณาหันมาพูดกับเกตนิการ์ “เกตนิการ์..เรากลับกันดีกว่า”
นลิณากับเกตนิการ์ถอยออกไป ณดลขยับไปประคองอนามิกาอย่างเป็นห่วง
“เป็นอะไรหรือเปล่าอนามิกา” ณดลถาม
“ฉะ ฉันไม่เป็นไร” อนามิกาตอบ
“ไม่เป็นไรได้ไง โดนซะขนาดนี้” ณดลหันไปโวยณภัทร “ไอ้ภัทร แกเป็นผู้ชายประสาอะไร นี่แกจะไม่มาประคองเมียแกหน่อยเรอะ”
“คะ ครับๆ พี่” ณภัทรเข้ามาช่วยประคองอนามิกาทันที “เธอโอเคนะอนามิกา”

อนามิกามองณดลด้วยความรู้สึกที่ดีต่อเขามากขึ้นกว่าที่ผ่านมา

 อ่านต่อหน้า 3 





 แหม่มแก้มแดง  ตอนที่ 2 (ต่อ) 

ณดลใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ดรอยข่วนใกล้ๆ หูให้อนามิกาที่นั่งอยู่บนโซฟา อนามิการ้องออกมาเพราะแสบแผล

“โอ๊ย...อู๊ยย...แสบ”
ณดลบ่น “ทนหน่อยน่ะ อะไรนักหนากะอีแค่แผลรอยเล็บข่วนแค่นี้” ณดลชี้ไปที่ท้องอนามิกา “เดี๋ยวครบเก้าเดือนเมื่อไหร่เธอจะเจ็บยิ่งกว่านี้เยอะ”
“เอ่อ” อนามิกามองหน้าอย่างไม่พอใจแล้วบ่นออกมาเบาๆ “มันเทียบกันได้ด้วยเหรอ”
“แล้วอยู่กับไอ้ณภัทรก็ต้องทนนิดนะ มันทำอะไรไม่ค่อยเป็นหรอก ตามประสาน้องคนเล็กน่ะ เวลาไปวิ่งเล่นหกล้มอะไรมา ก็ได้ฉันนี่แหละที่คอยทำแผลให้”
ณดลตั้งอกตั้งใจทำแผลให้อนามิกา อนามิกามองณดลด้วยความรู้สึกที่ดีขึ้น
“ฟังดูเหมือนเป็นพี่ชายที่แสนดีจังเลยนะคะ” อนามิกาพูด
ณดลกดสำลีที่ชุบแอลกอฮอล์ที่แผล
“อุ๊ย..อู๊ย...เจ็บนะ!”
ด้วยความรู้สึกแสบแผล อนามิการีบเอามือจับมือของณดลที่กำลังกดแผลเธอเอาไว้แน่น ก่อนจะดึงมือณดลออกมาจากแผลของเธอตามสัญชาตญาณ ทั้งสองจับมือกันค้าง
ทั้งสองประสานสายตากันแล้วนิ่งงันอยู่ครู่ใหญ่ อนามิกาเหลือบมองมือตัวเองที่จับมือณดลอยู่ก่อนจะเริ่มรู้สึกตัว จึงค่อยๆ ปล่อยมือจากมือณดล ทั้งสองมองตากันอย่างขัดๆ เขินๆ หันรีหันขวางทำอะไรไม่ถูก
ณดลหันไปทำบ่นใส่ณภัทร “ไอ้ณภัทรมันมัวทำอะไรอยู่ ให้หาพลาสเตอร์ปิดแผล ก็หายหัว
ไปเลย” ณดลเข้ามามองแผลอนามิกาใกล้ๆ “แต่แผลแค่นี้ไม่ต้องปิดพลาสเตอร์ก็ได้ แต่ระวังเรื่องความสะอาดหน่อยแล้วกัน”
“ค่ะ...ขอบคุณมากนะคะที่ทำแผลให้ แล้วก็ขอบคุณเรื่องเมื่อกี้ด้วย”
“เรื่องอะไร...?” ณดลถาม
“ก็...ขอบคุณที่เมื่อกี้คุณอุตส่าห์ช่วยปกป้องฉันไว้จากยัยนลิณา”
ณดลเหล่มองแล้วพูดน้ำเสียงเรียบเฉย “ใครปกป้องเธอ”
“อ้าว...ก็คุณไง”
ณดลแค่นหัวเราะอย่างเหยียดๆ “หึๆๆ เธอคิดว่าฉันแคร์เหรอว่าเธอจะตบตีกับใคร ที่ฉันปกป้อง ที่ฉันแคร์ก็คือเด็กในท้องเธอนี่ต่างหาก”
“ไม่ได้แคร์ฉันเลยเหรอ?”
“เปล่า” ณดลชี้ที่ท้องอนามิกา “นี่ต่างหาก ก็หลานฉันทั้งคน”
ณดลพูดเสร็จก็เก็บสำลีกับขวดแอลกอฮอล์โดยไม่ได้หันมามองว่าอนามิกากำลังจ้องมองอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ อนามิกาขยับปากด่าณดลแบบไม่มีเสียงว่า “ไอ้บ้า!”


นลิณากับเกตนิการ์ยืนคุยกันหน้าเครียดอยู่ริมถนนในลอนดอน
“ยิ่งคิดฉันก็ยิ่งมึน เป็นไปได้ไง ยัยอนามิกาท้องกับนายณภัทรเนี่ยนะ แล้วนี่เธอโทรบอกน้องสาวเธอรึยัง” เกตนิการ์ถาม
“บอกว่าคู่หมั้นของน้องแพรไปทำยัยอนามิกาท้องน่ะเหรอ ฉันไม่กล้าโทรไปหรอกเธอ” นลิณาบอก
“อ้าว! ทำไมล่ะนลิณา น้องสาวเธอแท้ๆ ทั้งคนนะ เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ก็น่าจะโทรบอกเค้าหน่อยมั้ย”
“แต่เธอก็รู้ว่าน้องแพรของฉันนุ่มนิ่มอ่อนไหวยังกะผ้าแพรพับไว้ ขืนจู่ๆ บอกไป น้องมันจะรับไหวเหรอ แล้วอีกอย่าง...” นลิณาขมวดคิ้วพลางครุ่นคิด
“อะไรเหรอนลิณา”
“ฉันอยากจะพิสูจน์เรื่องนี้ก่อน เธอว่ามะ? นายณภัทรกับยัยอนามิกาจะไปรักกันตอนไหน ได้กันเมื่อไหร่ ฉันว่าเรื่องนี้ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ๆ”
“ฉันก็รู้สึกนะ แต่เราจะไปพิสูจน์ความจริงกันยังไงล่ะนลิณา”
“เราก็ต้องเค้นความจริงจากปากใครบางคนน่ะสิ”
“ใครบางคน” เกตนิการ์นิ่งคิดแต่ก็คิดไม่ออก “ใครเหรอ?”
-

ประตูบ้านอัธวุธเปิดออก เมธาวีเห็นคนที่มาหาก็แปลกใจ
“อ้าว...เกด นีน่า มีอะไรเหรอ”
“มีสิยะ ฉันมีอะไรอยากจะถามเธอหน่อย” นลิณาพูด
“ถามอะไรเหรอ”
“นี่จะไม่เชิญเราสองคนเข้าบ้านก่อนเหรอเมธาวี” เกตนิการ์ทัก
“เอ่อ...คือเมต้องถามพี่อาร์ทก่อน เพราะเค้าเป็นเจ้าของบ้าน เมแค่มาอาศัย”
นลิณารีบแทรกขึ้นพร้อมกับดึงคอเสื้อเมธาวี “เสียเวลาจริงๆ มานี่เลย”
นลิณาลากคอเสื้อเมธาวีเข้าบ้านไป เกตนิการ์ยิ้มอย่างสะใจแล้วจึงปิดประตู


นลิณาฉุดกระชากลากคอเสื้อเมธาวีเข้ามาแล้วกดตัวให้นั่งลงที่โต๊ะอาหาร เกตนิการ์เดินตามเข้ามา
“นี่มันเรื่องอะไรกัน เมไปทำอะไรให้พวกเธอเหรอ” เมธาวีตกใจ
นลิณาพูดเสียงเรียบ “เธอเปล่าทำ” แล้วนลิณาก็ขึ้นเสียง “แต่นังเพื่อนตัวดีของเธอสิยะ”
“นลิณา...ใจเย็นๆ สิ” เกตนิการ์ปลอบเมธาวี “ไม่ต้องกลัว เราสองคนไม่ทำอะไรเธอหรอกแค่อยากจะรบกวนถามอะไรบางอย่างแค่นั้น ฉันเห็นเธอเป็นคนดีนะเม หวังว่าเธอคงจะไม่โกหกฉัน”
นลิณาพลุ่งพล่านจึงถามแทรกขึ้นมาก่อน “บอกมาเดี๋ยวนี้นะ เรื่องที่ยัยอะนาท้องกับนายภัทรเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องโกหกกันแน่...หา!” นลิณาตะคอก “บอกมา”
“ก็...” เมธาวีก้มหลบตาแล้วตอบไม่ค่อยเต็มเสียง “จริงสิ”
นลิณาจับคางของเมธาวีให้หันมาจ้องตาของเธอ “มองตาฉัน แล้วตอบมาอีกที ยัยอะนาท้องกับนายภัทรจริงมั้ย”
“ก็จริงน่ะสิ...เอ๊ะ! จะมาคาดคั้นกับเมทำไม ก็ไปถามเจ้าตัวเค้าสิ เมไม่ใช่คนท้องนะ”
นลิณาผงะ “เดี๋ยวนี้เธอกล้าย้อนฉันเหรอ ฉันอุตส่าห์ถามดีๆ นะ”
“ถามดีๆ อะไรกัน พอเมเปิดประตู เธอก็ลากคอเมเข้ามานี่ แถมยังสอบสวนอย่างกับเมไปฆ่าใครมา”
“ปากดีนัก อยากลองดีกับฉันใช่มั้ย” นลิณาคว้าคอเสื้อเมธาวีดึงขึ้นมา เกตนิการ์รีบขวางไว้
“ใจเย็นก่อนสินลิณา...ทำรุนแรงไปมันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอกน่า” เกตนิการ์หันมากล่อมเมธาวีอย่างอ่อนโยน “คืองี้นะเม ถ้ามันเป็นเรื่องโกหกละก็...เธอจะต้องบาปกรรมมากๆ เพราะพวกเธอกำลังทำร้ายคนๆ นึงอย่างไม่รู้ตัว”
“คะ.ใครเหรอ” เมธาวีเริ่มกังวล
“ก็น้องแพร น้องสาวของนีน่าน่ะสิ เค้าไม่ได้รู้อีโหน่อีเหน่อะไรด้วยเลย แต่กลับต้องมารับกรรมเพราะพวกเธอ” เกตนิการ์บอก
เกตนิการ์เข้ามาจ้องหน้าเมธาวีใกล้ๆ เพื่อกล่อมเมธาวี
“...คิดดูนะเม ชีวิตของลูกผู้หญิงคนนึงที่กำลังจะเข้าพิธีหมั้น แต่กลับต้องถูกแย่งคู่หมั้นไป ลองคิดดูสิว่า ถ้าเป็นเธอ...เธอจะรู้สึกเจ็บ รู้สึกเสียใจขนาดไหน”
เมธาวีสีหน้าสลดเพราะเริ่มคล้อยตามคำหว่านล้อมของเกตนิการ์
“...เอาหละ...ทีนี้บอกฉันมาซิ ว่าเรื่องที่ยัยอะนาท้องกับนายภัทร มันจริงหรือไม่จริงกันแน่”
“เอ่อ..คือ..ก็...”
นลิณากับเกตนิการ์ แทบจะกลั้นหายใจรอคำตอบอย่างใจจดจ่อ
“...ก็จริงน่ะสิ” เมธาวีตอบ
“ฉันเหลืออดแล้ว ตอบชักช้าไม่ทันใจ งั้นตบซะให้มันคายความจริงดีกว่า”
พูดจบนลิณาก็ตบหน้าเมธาวีจนเอียงไป จังหวะเดียวกับที่อัธวุธเดินเข้าบ้านมาส่งเสียงแว้ดจนทุกคนต้องชะงัก
“หยู๊ดด...หยุดนะ”
อัธวุธเดินเข้ามา ทุกคนชะงักแล้วหันมามองอัธวุธเป็นตาเดียว


บริเวณหน้าพระราชวังบักกิ้งแฮม (Buckingham Palace) ณภัทรเดินนำณดลกับอนามิกามาหยุดแล้วรูปอนุสาวรีย์ก่อนจะหันมาพูดกับอนามิกา
“ที่ฉันชวนเธอออกมาก็เพราะฉันเคยได้ยินว่า ผู้หญิงท้องเนี่ย ควรจะได้เดินออกกำลังกายบ้าง ขืนอยู่แต่ในบ้านก็อุดอู้ เครียดตายเลย”
อนามิการับคำกับณดล “ค่ะ” แล้วเธอก็หันไปกระซิบกับณภัทร “ฉันว่ามากับพี่นายนี่แหละตัวเครียดเลย”
ณภัทรเอานิ้วจุ๊ปากปรามอนามิกา “ชู่ว...เบาๆ สิเธอ”
“ซุบซิบอะไรกัน?” ณดลถาม
อนามิการู้สึกขัดใจ เธอเหล่มองหน้าณดลครู่หนึ่งแล้วจึงย้อนขึ้น “เรื่องของสามีภรรยาค่ะ”
ณดลผงะไปเล็กน้อยแล้วกอดคอณภัทรดึงมาพูดข้างๆ หูน้องชาย “ว่างๆ ก็หัดอบรมเมียแกบ้างนะ ว่าอย่ามาย้อนฉันแบบนี้”
“ซุบซิบอะไรกันเหรอคะ” อนามิกาถาม
ณดลย้อน “เรื่องของพี่น้องเค้าคุยกัน ไม่รู้ซักเรื่องได้มะ”
อนามิกาสะอึก ณดลแอบอมยิ้มอย่างสะใจ สักครู่เขาจึงเอ่ยกับอนามิกาอีก
“เธอพาฉันมาที่นี่แล้ว ก็ช่วยเป็นไกด์แนะนำสถานที่ให้หน่อยได้มั้ย หรือว่าวันๆ มัวแต่ตามเฝ้าน้องชายฉัน จนไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร”
อนามิกาสวนทันทีด้วยความฉุน “รู้สิยะ” อนามิกานึกขึ้นได้ก็รีบเปลี่ยนเป็นเรียบร้อย “เอ่อ..รู้ค่ะ ตอนนี้เราอยู่บริเวณหน้าพระราชวังบักกิงแฮม” อนามิกาผายมือไปทางพระราชวัง
“นี่...ใครๆ เค้าก็รู้จัก ฉันหมายถึงอนุสาวรีย์ตรงนี้ต่างหาก” ณดลบอก
“อ้อ...ค่ะ นี่เป็นอนุสาวรีย์พระราชินีวิกตอเรีย ผู้ทรงประทับที่พระราชวังนี้เป็นพระองค์แรก หลังจากนั้น ที่นี่ก็กลายเป็นที่ประทับอย่างเป็นทางการของพระราชินีและกษัตริย์พระองค์ต่อๆ มา”
ณดลพยักหน้า แต่ก็ยังไม่วางใจเชื่อนัก จึงหันไปถามณภัทรเบาๆ “ที่เมียแกพูดมานี่ถูกต้องมั้ยณภัทร”
“ผมเองก็ไม่รู้หรอกพี่ ก็คงจะใช่อย่างที่อนามิกาเค้าบอกแหละ” ณภัทรตอบอย่างเซ็งๆ
ณดลยกกล้องถ่ายรูปอีกครั้งแล้วจึงพูดขึ้น “ไป...เราไปที่อื่นกันต่อดีกว่า”
ณดลขยับจะเดินแต่อนามิการ้องทักไว้
“เดี๋ยวสิ...ปัดโธ่...คือที่พามานี่ ก็เพราะจะให้มาดูพิธีเปลี่ยนเวรยามของทหารรักษาพระองค์นะคะ แล้วนี่เค้ายังไม่เริ่มเลย คุณณดลจะรีบไปไหนไม่ทราบ?”
“อ้าว...เหรอ” ณดลงง
อนามิกาดึงณภัทรเข้ามากระซิบ “พี่ชายนายนี่เค้ามาเที่ยวโดยที่ไม่เคยอ่านไกด์บุ้คหรือรู้อะไรเกี่ยวกับลอนดอนมาก่อนเลยใช่มั้ย ไม่ได้รู้เรื่องเล๊ย”
ณดลถามเสียงดุ “เธอว่าไงนะ”
“ปะ เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร”
ณดลหันไปยกกล้องถ่ายรูปขึ้นถ่าย อนามิกาก็หันมายิ้มเยาะๆ กับณภัทร ณภัทรยกมือปรามอนามิกา


ที่บ้านอัธวุธ อัธวุธพุ่งตรงเข้ามาดูแลเมธาวีที่กำลังนั่งลูบแก้มอยู่บนโซฟา
“ใครทำอะไรแก บอกฉัน” อัธวุธหันมาโวยใส่นลิณากับเกตนิการ์ทันที “นี่มันเรื่องอะไรกัน ออกไปเลย ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ”
“นี่แกกล้าไล่ฉันเหรอ นังอัธวุธ” นลิณาขึ้นเสียง
ฎเออสิ...มีอะไรมั้ย หรือว่าอยากจะลอง” อัธวุธเงื้อมือจะตบ
“ฉันจะไปสู้แรงแกได้ยังไง ฉันเป็นผู้หญิง แต่แกมันก็แค่ผู้หญิงเลียนแบบเกือบเหมือน” นลิณาว่า
“ก็เออสิยะ อยากโดนผู้หญิงเลียนแบบเกือบเหมือนตบมั้ยล่ะ” อัธวุธตะคอก
“ใจเย็นๆ ก่อนอัธวุธ” เกตนิการ์เจรจา “ฉันขอโทษแทนนลิณาด้วยแล้วกัน คือเราสองคนแค่อยากจะรู้ความจริงเรื่องยัยอนามิกากับนายณภัทร”
“ใช่...แกรู้มั้ย เค้ารักกันตอนไหน แล้วยัยอนามิกาท้องจริงๆ รึเปล่า” นลิณาถาม
อัธวุธสะอึกเล็กน้อยแต่ก็รีบเนียนโวยอย่างรำคาญ “โอ๊ย...ก็อย่างโบราณเค้าว่า ฟ้าจะผ่า หมาจะหอน คนจะท้อง ของแบบนี้ ใครมันจะไปห้ามได้ยะ”
“แกโกหกฉันเหรอเปล่านังอัธวุธ” นลิณาถาม
อัธวุธสะอึกอีกครั้งแต่รีบโวยกลับ “โกหกอะไร เห็นฉันเป็นคนตอแหลรึไง หา!?”
“งั้นถ้าจริง แกกล้าสาบานมะล่ะ” นลิณาท้า
อัธวุธสะอึก แต่ก็กล้ำกลืนฝืนตอบ “ก็...กล้าสิ...เอาซี้” อัธวุธเริ่มมีสีหน้าไม่ค่อยดี
“ถ้าแกโกหก ขอให้ไม่มีผู้ชายหน้าไหนชอบแกอีกเลย ตลอดชีวิต”
อัธวุธสะอึกพรวดออกมาแต่ก็รีบเก็บอาการ “เอ่อ..ฉันว่า คนมีการศึกษา มาเรียนถึงเมืองนอกเมืองนาอย่างพวกเรา ไม่ควรจะมาสาบานอะไรไร้สาระ”
“แกไม่กล้าสาบานละซี้” นลิณาดูถูก
อัธวุธสะอึกอีกแต่ก็เก็บอาการมิดชิด “ไม่ใช่ไม่กล้า แต่ว่าที่นี่ลอนดอนนะยะไม่ใช่ท้องทุ่งบางกะปิของไอ้ขวัญกับอีเรียม สาบงสาบานอะไร...เพ้อเจ้อ! หมดธุระพวกเธอแล้วก็รีบเยื้องย่างออกไป ก่อนจะโดนฉันไล่ตะเพิด”
นลิณาหันมาพูดกับเกตนิการ์ “งั้นเราไปเถอะเกตนิการ์ เธอก็คงจะเห็นเหมือนฉันนะ ว่าสองคนนี้ต้องพยายามปิดบังความจริงกับเราบางอย่างแน่ๆ”
เกตนิการ์พยักเพยิดเห็นด้วยกับนลิณาแล้วจึงพากันเดินออกไปจากบ้านอัธวุธ อัธวุธกับเมธาวีมองตามแล้วหันมามองหน้ากันอย่างกังวล
“นี่พวกเราจะปิดเรื่องนี้เป็นความลับได้อีกนานซักแค่ไหนกันนะ” เมธาวีเริ่มกังวล


ขบวนทหารรักษาพระองค์กำลังเดินแถวเปลี่ยนเวรยามในมุมต่างๆ ณดล อนามิกา และณภัทรยืนชะเง้อดูอยู่ท่ามกลางนักท่องเที่ยวที่มาหยุดยืนดู ณดลยืนดูสลับกับการยกกล้องขึ้นถ่ายรูปเป็นระยะๆ
ณดลอดไม่ได้ที่จะแอบสังเกตณภัทรกับอนามิกา เขาเห็นว่าทั้งสองยืนข้างๆ กัน แต่เว้นระยะห่างอย่างชัดเจนเหมือนคนเป็นเพื่อนมากกว่าจะเป็นแฟนกัน ณดลรู้สึกผิดสังเกตเป็นอย่างมาก ณภัทรเหลียวมาเห็นณดลยืนมองเขากับอนามิกาอยู่จึงถามขึ้น
“มีอะไรเหรอพี่”
ณดลดึงณภัทรมากระซิบด้วย อนามิกาเหล่มองอย่างไม่ไว้ใจ
“แกทะเลาะกันอยู่เหรอ” ณดลถาม
“หา...ว่าไงนะพี่” ณภัทรงง
“แกกับเมียแกทะเลาะกันอยู่หรือเปล่า ถึงได้ไม่แตะเนื้อต้องตัวกันเลย ฉันสังเกตมาตลอด แกเป็นผัวเมียกันประสาอะไร ยืนห่างกันเป็นวา”
“ปัดโถ...ไม่มีอะไรพี่ เราไม่ได้ทะเลาะกัน พี่ณดลก็คิดมาก”
พูดจบณภัทรก็ผละออกมาหาอนามิกา เขายกแขนโอบไหล่เพื่อนสาวแต่อนามิการีบปัดออกตามสัญชาตญาณ
“จะทำอะไรน่ะ” อนามิกาดุณภัทรเสียงเบา
ณภัทรพยายามพูดเบาแต่เน้นเสียง “อย่าเพิ่งทำพิรุธ พี่ณดลกำลังมองอยู่”
“อ้าว..เหรอ” อนามิกาเหลือบไปมองแล้วหันกลับมา
“เขยิบเข้ามาใกล้ฉันอีกนิดได้มั้ย แล้วมือเธอน่ะอนามิกา มือน่ะ”
“มือฉันทำไม”
“โอบตอบฉันมาสิ” ณภัทรบอก
“จะบ้าเหรอ!?”
“เร็ว...พี่ณดลมองอยู่”
อนามิกามีสีหน้าขัดใจ แต่ก็ต้องจำใจทำ “ก็ได้..ก็ได้”
ณดลมองทั้งคู่จากด้านหลัง เขาอมยิ้มเล็กน้อยที่เห็นทั้งสองยืนโอบกัน ณดลชอบใจถึงขนาดยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูป
“อืม..อย่างงี้ค่อยสมเป็นคู่รักกันหน่อย” ณดลพึมพำกับตัวเอง
อนามิกาโอบเอวณภัทรแต่ทำหน้าฝืนสุดๆ ณภัทรเหลือบมองอนามิกาแล้วยิ้มขำๆ แต่พอเจออนามิกากัดฟันเขม่นตาดุใส่ เขาก็หน้าเจื่อน พิธีเปลี่ยนเวรยามของทหารรักษาพระองค์จบลงพอดี


ณดล อนามิกา ณภัทร เดินเข้ามาใน Green Park สวนสาธารณะอันร่มรื่นใกล้พระราชวังบักกิ้งแฮม ณดลหยุดยกล้องขึ้นเก็บภาพ ทิ้งให้อนามิกากับณภัทรเดินนำไป ณดลหยุดยืนมองตามอย่างจับผิด เขาเห็นอนามิกากับณภัทรเดินรักษาระยะห่างอย่างคนเป็นเพื่อนเช่นเคย
ณดลเพ่งพิจารณา เขามองณภัทรกับอนามิกาที่เดินห่างออกไป
“ดูยังไงก็ไม่เหมือนคนรักกันเลยแฮะ” ณดลพูดกับตัวเอง
ทั้งสามเดินอยู่ด้วยกันในมุมอันสวยงามของกรีนพาร์ค สักพักณภัทรก็เอ่ยถามณดล
“หิวหรือยังพี่”
“ก็..นิดหน่อย” ณดลตอบ
“งั้นให้ผมกับอนามิกาพาไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันมั้ยพี่”
ณดลมองไปรอบๆ “ฉันเสียดายบรรยากาศที่กรีนพาร์คนี่น่ะ อยากจะนั่งเล่นอยู่นี่ต่ออีกซักหน่อย”
“ถ้างั้น” ณภัทรหันไปขอไอเดียจากอนามิกา “เอาไงดีล่ะ”
“ก็ไม่ยากนี่ งั้นเดี๋ยวเราสองคนไปเดินหาซื้ออะไรมานั่งกินกันที่นี่ แบบปิกนิกเล็กๆ กันไรงี้” อนามิกาหันไปถามณดล” ดีมั้ยคะ งั้นรออยู่ตรงนี้ก่อนนะ” อนามิกาขยับจะเดินไป
“เธออยู่นี่กับฉันดีกว่า” ณดลพูดขึ้น
อนามิกาชะงัก “หา?!”
“ไอ้ณภัทร แกไปจัดการซื้อมา” ณดลควักเงินให้ “ฉันกับอนามิกาจะรออยู่ตรงโน้นนะ” ณดลชี้ไปทางเก้าอี้ผ้าใบที่ตั้งอยู่มุมหนึ่ง
“แต่ฉันอยากไปด้วย” อนามิกาบอก
“ไม่ต้องไป! คนท้องคนไส้ จะเดินอะไรนักหนา อยู่กับฉันที่นี่แหละ” ณดลพูดกับณภัทร “เอ้า..รีบไปสิ แกจะรออะไรอยู่ล่ะ”
ณภัทรพยักหน้าหงึกๆ “ค..ครับพี่” ณภัทรมองอนามิกาอย่างเกรงใจ “เดี๋ยวจะรีบมานะ”
“เร็วๆ นะณภัทร” อนามิกาบอก
“ทำไม” ณภัทรยิ้มล้อเลียน “คิดถึงเหรอจ๊ะ”
อนามิกาตีหน้ายักษ์ดุณภัทรแต่พอณดลหันมามองก็รีบฉีกยิ้ม “จ้ะ”
ณภัทรเดินออกไป อนามิกาเหลือบมองณดลแล้วถอนใจด้วยความเซ็งที่ต้องอยู่กับณดลตามลำพัง


ฝรั่งหนุ่มสาวคู่หนึ่งนั่งคุยกันกระหนุงกระหนิงอยู่บนเก้าอี้ผ้าใบในกรีนพาร์ค ณดลเดินเข้ามาแล้วยกกล้องขึ้นกดชัตเตอร์ อนามิกาก็เดินอยู่ใกล้ๆ ณดลมองอนามิกาผ่านกล้องแล้ว shift focus ให้ภาพชัด ก่อนจะกดชัตเตอร์เก็บภาพของอนามิกา
ณดลลดกล้องลงแล้วมองภาพอนามิกาในจอหลังกล้องอย่างพินิจพิจารณา
“เวลานิ่งๆ เผลอๆ ก็ดูดีอยู่เหมือนกันนะ”
อนามิกาหันขวับ “พี่พูดกับฉันเหรอคะ”
“ปะ เปล่า ไม่มีอะไร” ณดลรีบวางมาด
อนามิกาเดินมานั่งเก้าอี้ผ้าใบอย่างผ่อนคลาย ณดลเปลี่ยนสายตาเป็นจับผิดแล้วลงมานั่งข้างๆ
“เธอมานั่งที่นี่บ่อยมั้ย” ณดลถาม
“ไม่เลยค่ะ ฉันไม่ค่อยมีเวลาว่างนักหรอก ไหนจะเรียน ไหนจะทำงานที่ร้านอาหาร”
“อ้อ..ทำงานร้านอาหารด้วย ฉันพอจะเข้าใจแล้ว”
อนามิกางง “เข้าใจอะไรคะ”
“เข้าใจว่า...เธอคงเดือดร้อนเรื่องเงินไม่ค่อยพอใช้สินะ ก็เลยต้อง....”
ณดลยังพูดไม่จบอนามิกาช่วยต่อประโยคให้ “ค่ะ ก็เลยต้องทำงานหาเงินไปด้วย”
“ก็เลยต้องมาจับน้องชายฉันต่างหาก” ณดลพูด
อนามิกาชักสีหน้าแล้วอยากจะด่ากลับ แต่ก็กัดฟันอดทน “เอ่อ...ไม่ใช่อย่างงั้นนะคะ คุณกำลังเข้าใจฉันผิด”
“เข้าใจผิดยังไง ถ้างั้นบอกฉันมาซิ ว่าเธอมาอยู่กับน้องชายฉันเพราะอะไร”
“ก็...เอ่อ...คือ...เพราะว่า..ฉันกับณภัทร เรา...เอ่อ...เรา...”
ณดลดุเสียงดัง “จะพูดติดๆ ขัดๆ อีกนานมั้ย”
อารามตกใจ อนามิกาจึงโพล่งออกไปไม่ทันยั้งคิด “เรารักกันค่ะ ที่ฉันมาอยู่กับณภัทรก็เพราะว่าฉันรักเค้า”
อนามิกาพูดจบก็เบือนหน้ามาทำหน้าเลี่ยนให้กับคำพูดของตัวเองทันที


จู่ๆ ณภัทรก็จามออกมาอย่างสุดกลั้น
“ฮัดชิ้ว!” ณภัทรหยิบทิชชู่มาเช็ดจมูก “ใครบ่นอะไรถึงเรารึเปล่าวะ”
แล้วณภัทรเดินไปซื้ออาหารและเครื่องดื่มที่ร้านข้างทาง

ณดลยังเพ่งสายตาเหล่มองอนามิกาอย่างจับผิดจนอนามิกาชักจะอึดอัด
“เธอแน่ใจใช่มั้ยว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับน้องชายฉันมันเป็นความรักจริงๆ ไม่ใช่เป็นแค่ความใคร่ หรือว่าความลุ่มหลง” ณดลถามอีก
อนามิการู้สึกไม่พอใจคำถาม แต่ก็เก็บอาการไว้ “เอ่อ...แน่ใจสิคะ เรารักกันค่ะ”
“แล้วเธอไปทำอีท่าไหนถึงได้ท้องน่ะ”
อนามิกาสุดจะทนจนต้องโวยกลับ “ เอ๊า...ถามมาได้ คนเราทำยังไงถึงได้ท้อง คุณณดลโตป่านนี้ยังต้องให้บอกอีกเรอะ”
ณดลรีบปฏิเสธ “มะ..ไม่ใช่ ฉันไม่ได้หมายความอย่างงั้น ที่ฉันหมายถึงคือทำไมเธอไม่รู้จักป้องกัน ไม่รู้จักคุมกำเนิด”
อนามิกาฉุน “คุณว่าไงนะ”
“เธอยังเรียนไม่จบ ยังไม่มีอาชีพเป็นหลักเป็นแหล่งด้วยซ้ำ ทำไมถึงปล่อยให้ตัวเองท้อง หรือว่าเธอจ้องจะจับไอ้ณภัทรมันอยู่แล้ว”
“นี่มันจะดูถูกกันมากเกินไปแล้วนะ”
“ดูถูก...ไม่ได้ดูผิดใช่มั้ย สำนึกรับผิดชอบน่ะมีบ้างมั้ย ริจะมีอะไรกัน แล้วทำไมเธอไม่รู้จักป้องกัน”
อนามิกาฉุนหนัก “แล้วมาด่าฉันฝ่ายเดียวได้ไง ทำไมไม่ด่าน้องชายคุณที่ไม่รู้จักป้องกันจนทำให้ฉันท้องบ้างล่ะ ไอ้พวกผู้ชายเฮงซวยอย่างคุณนี่ มันก็ดีแต่โยนบาปให้ผู้หญิง”
“นี่เธอว่าฉันเป็นผู้ชายเฮงซวยเหรอ”
“ฉันด่าฝรั่งคนโน้นหละมั้ง” อนามิกาชี้ไปที่ฝรั่งคนหนึ่งบริเวณนั้น Wก็ฉันพูดเป็นภาษาไทยอยู่เนี่ย คุณคิดว่าฉันพูดอยู่กับใครล่ะ”
“มันจะมากไปแล้ว! นี่ฉันเป็นพี่ของสามีเธอนะ”
“แล้วทีตอนพูดห่วยๆ ใส่ฉัน ไม่คิดบ้างล่ะว่าฉันก็เป็นภรรยาของน้องคุณเหมือนกัน”
“เธอนี่มันปากคอเราะร้ายจริงๆ”
“ฉันเป็นผู้หญิง ยังไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ คุณน่ะแหละ ปากคอจัดจ้านแบบนี้น่ะ เป็นผู้ชายเต็มตัวจริงรึเปล่า”
“นี่เธอว่าฉันไม่ใช่ผู้ชายเหรอ”
“ว่าฝรั่งคนโน้นมั้ง” อนามิกาชี้ไปที่ฝรั่งคนเดิม
“ฉันชักจะทนกับเธอไม่ไหวแล้วนะ”
“แล้วไง...ทนไม่ไหวแล้วไงคะคุณณดล คุณจะทำอะไรฉัน”
ฝรั่งหนุ่มสาวที่นั่งอยู่ใกล้ๆ รำคาญจนทนไม่ไหวจึงสะกิดกันเดินหนี สวนกับณภัทรที่กำลังหอบข้าวของเต็มสองมือเดินเข้ามา
“มาแล้วคร้าบ”
ณภัทรเห็นณดลกับอนามิกานิ่งจ้องหน้ากันอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อก็ถึงกับผงะจนหน้าเหวอไป

“ฉันนึกออกแล้ว” เกตนิการ์โพล่งเสียงดังจนนลิณาที่กำลังยกชาขึ้นจิบแทบสำลักออกมา
“นึกอะไรออกจ๊ะเกตนิการ์ เล่นเอาฉันแทบสำลัก” นลิณาบอก
“ก็เรื่องยัยอนามิกาน่ะสิ ถ้าเธออยากให้น้องสาวเธอได้นายณภัทรกลับคืนมา ก็ลองอย่างงี้มั้ยล่ะ”
นลิณเริ่มสนใจ “ยังไงเหรอเกตนิการ์”
“คือถ้ายัยอนามิกามันท้องได้...เราก็ทำให้มันแท้งได้นี่นา”
นลิณาแทบพ่นชาออกมา “เฮ้ย..” เธอหันมองไปรอบๆ “เบาๆ สิเกตนิการ์”
“ไม่มีใครฟังเราออกหรอกน่า...เธอคิดว่าไง”
“ฉันยอมรับนะ...ว่าในใจจริงๆ ฉันก็อยากให้มันแท้ง แต่...ที่นี่กฎหมายบ้านเมืองเค้าเคร่งนะแก”
“แต่ถ้าเธอทำให้มันพลั้งตกบันไดแบบเนียนๆ กฎหมายก็คงทำอะไรเธอไม่ได้หรอกน่า หรือเธอไม่กล้า”
“ทำไมฉันจะไม่กล้า แต่จะว่าไป เรายังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่ามันท้องจริงรึเปล่า”
“งั้นก็ดีเลย หลังจากเหตุการณ์นี้เราจะได้รู้กันไปเลยว่าเด็กจะแท้ง หรือว่าไม่มีเด็กอยู่ในท้องมันตั้งแต่แรก”
นลิณานิ่งคิดตามก่อนจะพยักหน้าแล้วยิ้มร้ายๆ “ขอบใจนะเกตนิการ์ ฉันรู้ว่าเธอเคยชอบนายณภัทร แต่เธอก็ยังอุตส่าห์มีน้ำใจ ช่วยแย่งนายณภัทรกลับมาหมั้นกับน้องสาวฉัน”
“นิดหน่อยน่า ก็เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอนลิณา”
นลิณาพยักหน้าอย่างซาบซึ้งแล้วโผเข้าสวมกอดเพื่อน “ขอบใจจริงๆ นะเพื่อน”

เกตนิการ์กอดนลิณาตอบ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มเปลี่ยนเป็นยิ้มร้ายเพราะเกตนิการ์หวังจะครอบครองณภัทรเอง

อ่านต่อหน้า 4 เวลา 17.00 น.





 แหม่มแก้มแดง  ตอนที่ 2 (ต่อ) 

ณภัทรกับอนามิกาช่วยกันตระเตรียมอาหารและเครื่องดื่มที่ณภัทรซื้อมาอยู่บนเสื่อที่ปูราบบนผืนหญ้า ณดลจ้องมองทั้งสองอย่างจับผิด

ณภัทรหันมาพูดกับณดล “รอนานมั้ยพี่” แล้วเขาก็หันมาถามอนามิกา “เมื่อกี้คุยอะไรกันเหรอ”
“ก็..ไม่มีอะไร๊” อนามิกาตอบเสียงสูงแล้วหันไปจิกตาประชดใส่ณดล “พี่นายเค้าก็แค่ถามเรื่องโน้นเรื่องนี้ไปตามประสาคนช่างซัก ช่างสงสัย...แบบอยากรู้ไปซะทุกเรื่องน่ะ”
ณภัทรถึงกับผงะกับคำตอบ ก่อนจะหันไปมองณดลที่ยืนหน้าตาบอกบุญไม่รับ
“อืม..ใช่...ฉันก็อยากรู้ไปทุกเรื่องจริงๆ” ณดลบอก “แต่ฉันก็ยังไม่รู้เลยว่าสองคนเนี่ย เจอกันได้ยังไง...หา? ฉันถามก็ตอบมาสิ ทั้งสองคนน่ะ”
อนามิกากับณภัทรตอบพร้อมกัน “ก็เรียนด้วยกันน่ะสิ / ก็ผมเรียนที่เดียวกับอะนาไงพี่”
“แล้วเป็นแฟนกันมากี่เดือนแล้ว” ณดลถามต่อ
อนามิกากับณภัทรตอบพร้อมกันแต่ไม่เหมือนกัน “สิบ / แปด”
“ยังไงแน่?”
“เอ่อ...คือ...” ณภัทรอ้ำอึ้ง
อนามิกานึกได้ก็รีบแทรกขึ้น “คือถ้านับจากวันที่เริ่มปิ๊งๆ กันก็สิบเดือน แต่ถ้านับจากวันที่ตกลงเป็นแฟนกันก็แปดเดือนค่ะ”
“จีบแค่สองเดือนก็หอบผ้าหอบผ่อนตามกันมาแล้วว่างั้น แล้วมันเริ่มต้นยังไง ใครจีบใครก่อน” ณดลซักต่อ
อนามิกากับณภัทรต่างฝ่ายต่างชี้ไปที่อีกคนแล้วพูดพร้อมกัน “เค้าจีบฉันก่อน / เค้าชอบผมก่อน”
“เอ๊ะ...ยังไงกันคู่นี้” ณดลหันมาถามณภัทร “นี่ยังจะให้ฉันเชื่ออยู่มั้ย ว่าพูดความจริงกันน่ะ”
“พูดจริงสิพี่ ผมรักอนามิกาจริงๆ ไม่งั้นผมจะขอคบแบบแฟนทำไม”
ณดลถามณภัทร “ไหนแกลองเล่าเหตุการณ์วันนั้นให้ฟังซิ”
ณภัทรสะอึก “หา?”
“วันที่แกขอคบเค้าเป็นแฟนน่ะ เกิดอะไรขึ้นบ้าง เล่าให้ฉันฟังซิ”
ณภัทรอึกอักเริ่มไปไม่เป็น “เอ่อ...คือ...วันนั้น...เอ่อ...”
อนามิกาเห็นท่าไม่ดีจึงรีบแทรกขึ้น “มา...ให้ฉันเล่าเองดีกว่า...คือว่าวันนั้น ฉันอยู่ในห้องสมุด...”
อนามิกาเริ่มต้นคิดจินตนาการเรื่องราวออกมาเป็นภาพทันที

ในห้องสมุดภายในมหาวิทยาลัยศิลปะที่ลอนดอน อนามิกากำลังคร่ำเคร่งกับการอ่านหนังสือภาษาอังกฤษเล่มโต นักศึกษาฝรั่งทั้งชายและหญิงที่นั่งอยู่ไม่ไกลต่างก็เคร่งเครียดกับการอ่านหนังสืออยู่เหมือนกัน
“...คือฉันกำลังอ่านหนังสืออยู่” เสียงอนามิกาเล่าเรื่องอย่างตะกุกตะกักเพราะเพิ่งแต่งสดๆ ร้อนๆ “แล้ว...พอเงยหน้าจากหนังสือ ฉันก็เห็นณภัทรยืนอยู่”
ณภัทรยืนเอามือไหล่หลังแล้วเดินช้าๆ ตรงมาที่อนามิกา
“เดี๋ยว! หยุดก่อน!” เสียงณดลเบรกดังลั่น
ณภัทรสะดุดกึก

ณดลพูดกับอนามิกา
“พอแล้ว เธอไม่ต้องเล่าแล้ว”
“อ้าว...ก็นึกว่าอยากฟัง”
“อยากฟังน่ะใช่ แต่ฉันอยากฟังจากปากไอ้ณภัทรมากกว่า ไหนแกเล่าต่อซิ”
ณภัทรสะดุ้งโหยง หันมองหน้าอนามิกาทันที
“ก็ถ้านี่เป็นเรื่องจริง แกก็ต้องจำได้สิ เล่ามาเดี๋ยวนี้” ณดลเร่ง
“อ้อ..ครับๆๆ” ณภัทรรับคำแล้วพยายามใช้สมองแต่งเรื่องต่อจากอนามิกา

ภาพในจินตนาการต่อจากที่อนามิกาเล่า ณภัทรก้าวเดินไปหยุดที่อนามิกา
“ผมก็เดินไปหาอนามิกา” เสียงณภัทรเล่าเรื่องอย่างตะกุกตะกัก “แล้วก็ถามว่า....”
ณภัทรเดินทื่อๆ แข็งๆ มาหยุดตรงหน้าอนามิกา แล้วพูดทื่อๆ แบบไร้อารมณ์ว่า
“อนามิกา ฉันขอคบเธอแบบแฟนได้มั้ย เราเป็นแฟนกันนะ”


ณดลโพล่งขึ้นอย่างทนไม่ไหว
“ทำไมมันทื่อมะลื่ออย่างงั้นล่ะ” ณดลหันไปที่อนามิกา “แล้วเธอตอบว่าไง”
“ฉันตอบว่าโอเค ก็ดีเหมือนกัน” อนามิกาบอก
“เฮ้ย!..ทำไมเธอถึงตอบรับกันง่ายๆ อย่างงั้นล่ะ แล้วไอ้ณภัทรมันไม่มีดอกไม้หรือของขวัญอะไรให้เธอบ้างเลยเหรอ”
“อ๋อ...มีสิ...มีๆๆ” อนามิกาตอบ
“ก็มีอะไรล่ะ” ณดลถามต่อ
อนามิกากับณภัทรตอบพร้อมกันแต่ไม่เหมือนกัน “ดอกไม้ / ตุ๊กตาหมี”
ณดลถึงกับงง “หา?”

ภาพในจินตนการของอนามิกากับณภัทรดำเนินต่อ ณภัทรเดินมาหยุดยืนข้างๆ อนามิกา โดยเอามือไพล่หลังก่อนจะยื่นช่อดอกไม้สวยๆ ให้อนามิกา
“เป็นแฟนกับฉันนะ” ณภัทรพูด
ทันใดนั้นเสียงณดลก็แทรกขึ้นมา “ตกลงดอกไม้หรือตุ๊กตาหมีกันแน่”
อีกมือของณภัทรที่ไพล่หลังอยู่ยื่นตุ๊กตาหมีตัวเล็กๆ พร้อมช่อดอกไม้ยื่นให้อนามิกา อนามิกายิ้มมองณภัทรสายตาหวานเชื่อม
“ได้สิ เราเป็นแฟนกันแล้วนะ” อนามิกาตอบรับ

ณดลเหล่มองซ้ายทีขวาที เขาพยายามจ้องจับผิดณภัทรกับอนามิกา
“สองอย่างเลยว่างั้น” ณดลถาม “ทั้งช่อดอกไม้ ทั้งตุ๊กตาหมี...สองคนนี่กำลังพยายามแต่งเรื่องหลอกฉันอยู่ใช่มั้ย”
อนามิกากับณภัทรมองหน้ากันแล้วกลืนน้ำลายเอื้อกก่อนจะแค่นหัวเราะใส่กัน แล้วหันมาหัวเราะแหะๆ ทำใจดีสู้เสือพูดกับณดล
“แหม...ใครจะบ้าไปแต่งเรื่องหลอกพี่ณดลล่ะครับ” ณภัทรบอก
“นั่นสิคะ คุณก็ออกจะช่างจับผิดซะขนาดนี้ ใครจะกล้า” อนามิกาเสริม
ณดลเพ่งมองอย่างจับผิด “งั้นตอบฉันมา ตอบพร้อมกันด้วยนะ ถ้าตอบช้า ฉันจะถือว่าแต่งเรื่องโกหกหลอกลวงฉัน พอฉันถามอะไร ก็ต้องรีบตอบมาทันที เข้าใจมั้ย?”
ณภัทรกับอนามิกาหน้าแหยๆ แล้วเหลือบมองตากันอย่างหนักใจ ก่อนจะหันมาพยักหน้าให้ณดลอย่างไม่มั่นใจ


ภาพในจินตนาการปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ณภัทรยืนเอามือไพล่หลังอยู่ข้างๆ โต๊ะที่อนามิกานั่งอ่านหนังสืออยู่
“ฉันจะถามหละนะ...ช่อดอกไม้วันนั้นน่ะ...สีอะไร” เสียงณดลถามขึ้น
ณภัทรเอาช่อดอกไม้ที่ไพล่หลังมายื่นให้เห็นด้านหน้าว่าเป็นช่อดอกสีแดงทันใดนั้นก็สลับ ปิ๊ง! กลายเป็นช่อสีขาวตามเสียงตอบของแต่ละคน
“สีแดง” เสียงอนามิกาพูดตอบ
เสียงณภัทรตอบตามหลังอนามิกามาติดๆ “สีขาว”
“แล้วนายณภัทรใส่เสื้อสีอะไร” เสียงณดลรุกถามต่อ
ณภัทรในจินตนาการเปลี่ยนสีเสื้อตามเสียงของอนามิกาเป็นสีดำ แล้วทันใดนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีขาวจากคำพูดของณภัทร

อนามิกาทำฟอร์มเป็นหันไปโวยณภัทร
“นี่!..จำผิดตลอดเลยนะนายน่ะ เอะอะอะไรก็สีขาว ช่อดอกไม้ก็ขาว เสื้อก็ขาว เชื่อฉันสิ ฉันจำแม่น วันนั้นนายใส่เสื้อสีดำ แล้วก็ถือช่อดอกไม้สีแดง”
“ก็..แหะๆ ใครจะไปจำได้ล่ะ” ณภัทรหันไปพูดกับณดล “ผู้หญิงเค้าจะจำเรื่องละเอียดอ่อนอะไรแบบนี้ได้ดีกว่าเราเน๊อะพี่”
ณดลมีสีหน้าไม่เชื่ออย่างรุนแรง ครู่หนึ่งเขาจึงพูดขึ้น
“ฉันไม่มีอะไรจะถามแล้วหละ”
“แปลว่าพี่เชื่อเราแล้ว” ณภัทรถาม
“เชื่อว่าแกกับยัยอะนาเตี๊ยมกันมาไม่เนียนน่ะสิ” ณดลบอก
ณภัทรกับอนามิกาสะดุ้งโหยงแล้วหันมองหน้ากัน แต่ก็รีบเก็บอาการ
ณดลพูดกับณภัทร “ฉันไม่ได้โง่นะไอ้ณภัทร ฉันรู้ว่าแกไม่อยากกลับไปหมั้นกับน้องแพร แกก็เลยต้องแต่งเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของแกมาหลอกฉัน”
“เอ่อ..มะ..ไม่ใช่อย่างงั้นนะพี่”
ณดลหันขวับมาจ้องอนามิกา ทำเอาอนามิกาสะดุ้งโหยง
“เธอก็สมรู้ร่วมคิดกัน” ณดลพูด “ฉันให้โอกาสเธอสารภาพความจริงออกมา แล้วฉันจะไม่โกรธ เธอกับไอ้ณภัทรไม่ได้เป็นแฟนกัน ไม่ได้รักกันเลยด้วยซ้ำใช่มั้ย”
“เอ่อ...อ่า...คือ...” อนามิกาอึกอักเพราะยังคิดหาทางออกไม่ได้ พอเธอนึกขึ้นได้ก็เริ่มบีบน้ำตาสะอึกสะอื้นทันที
“ฮึ...ฮือ...ค...คุณพูดกับฉันแบบนี้ได้ยังไง ฮือ...”
ณดลถึงกับผงะและเริ่มหน้าเสียที่เห็นอนามิการ้องไห้
อนามิกาเห็นว่าได้ผลก็ยิ่งสวมบทบาทเจ้าน้ำตามากขึ้น “แล้วที่ฉันท้องนี่ล่ะ มันโกหกกันได้ด้วยเหรอ ฮือ...คุณจะดูถูกฉันมากไปแล้ว ฮือ...คิดว่าฉันมันง่ายขนาดจะท้องกับคนที่ไม่ได้รักกันเลยอย่างงั้นเหรอ...โฮ!!”
“เอ่อ..คือ.” ณดลรู้สึกผิด “ฉันไม่ได้เจตนาจะดูถูกเธอนะ ฉันก็แค่อยากรู้ความจริง”
“ความจริงก็คือฉันท้องอยู่นี่ไง เลิกหาว่าฉันโกหก แล้วก็เลิกถามซะทีว่ารักกันจริงมั้ย ไม่รักฉันก็คงไม่ยอมให้มีอะไรจนท้องแบบนี้หรอก...ฮืออๆๆ” อนามิกาหันไปอ้อนณภัทร “ฮือ..นี่จะปล่อยให้พี่นายดูถูกแม่ของลูกนายแบบนี้เหรอ”
ณภัทรงงๆ และทำอะไรไม่ถูก อนามิกาต้องสะกิดแล้วขยิบตาพยักเพยิดไปทางณดลทำนองว่าให้ณภัทรแกล้งโกรธและโวยวายพี่ชายตัวเอง
ณภัทรงงอยู่สักพัก ก็หันไปโวยใส่ณดล “พี่ณดล พี่กำลังทำให้แม่ของลูกผมร้องไห้อยู่นะ ทำไมพี่ทำอย่างงี้ล่ะครับ”
ณดลรู้สึกผิดยิ่งขึ้น “เอ่อ...เฮ้ย...ฉันไม่ได้ตั้งใจอย่างงั้น”
อนามากดดันณดล โดยการอ้อนณภัทร “บอกให้พี่นายขอโทษฉันเดี๋ยวนี้นะ...ฮืออ..”
“ขอโทษเมียผมเดี๋ยวนี้เลยนะพี่”
“เอ่อ..อ่า...” ณดลเริ่มไปไม่เป็น
อนามิการ้องโฮดังขึ้นเพื่อกดดัน ณดลได้ยินเสียงโฮดังขึ้นก็รีบโพล่งสวนออกไป
“ขอโทษก็ได้ ฉันขอโทษ ฉันไม่น่าพูดจาแบบนี้กับผู้หญิงที่กำลังท้อง”
“ใช่...รู้ไว้ซะว่าเราสองคนรักกัน และฉัน” อนามิกาแกล้งลูบท้องตัวเองเพื่อสวมบทบาทให้เนียนที่สุด “ฉันกำลังมีเจ้าตัวน้อยของเราอยู่ในท้อง...ฮือ...”
“โอเค...โอเค” ณดลมองไปรอบด้วยความอาย “เธอหยุดร้องไห้ซะทีสิ...นะ...ฉันขอร้องหละ”
อนามิกาแอบยิ้มที่เอาชนะณดลได้ แล้วเธอก็แกล้งทำสะอึกสะอื้นอย่างคนกำลังจะหยุดร้องไห้ “ฮือ..ต่อไปนี้กรุณาอย่าทำร้ายจิตใจฉันด้วยการถามแบบนี้อีกเลย”
ณดลหน้าเสียเพราะรู้สึกผิดมาก “ก็ได้ๆ ฉันจะพยายามไม่ถามอีก”
อนามิกาลอบส่งสายตากับณภัทรแล้วอมยิ้ม พอณดลหันมามองก็สะอื้นต่อ


เมธาวีนั่งถักนิตติ้งเป็นผ้าพันคอสำหรับผู้ชายอยู่ในบ้านอัธวุธ อัธวุธเดินผ่านมาแล้วก็หยุดก่อนจะทักขึ้น
“นี่..ยัยเมธาวี ฉันเห็นแกถักมาร่วมเดือนแล้วเนี่ย” อัธวุธเดินมาจับดู “อืม...เริ่ดนะยะ ถ้ามีใครถักผ้าพันคอสวยๆ แบบนี้ให้ฉันหละก็...ฉันรักตายเลย”
เมธาวียิ้มปลื้มอย่างดีใจ “จริงเหรอพี่อัธวุธ รักตายเลยใช่มั้ย”
“ย่ะ” อัธวุธชะงักอย่างรู้ทัน “อ๊ะๆๆ...นี่อย่าบอกนะว่า...”
“อะไร?”
“แกจะถักผ้าพันคอให้นายณภัทรใช่มั้ย”
เมธาวียิ้มเขินๆ “ก็...” แล้วเธอก็พยักหน้า “อื้อฮึ”
“แล้วจะทันเหรอยะ จะกลับเมืองไทยกันอยู่แล้วเนี่ย”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ เมืองไทยก็มีหน้าหนาวนี่”
“ย่ะ...แหม..เดี๋ยวนี้ชักย้อนเก่งนะ อืม...แต่จะว่าไป” อัธวุธเชยคางเมธาวีมามองตา “แกนี่เห็นแบ๊วๆ ใสๆ แต่ก็ร้ายนะยะ”
เมธาวีงง “ร้ายยังไง”
“ก็เนี่ย...รู้ตัวว่าขี้อาย ไม่กล้าบอกรักนายณภัทร ก็เลยถักผ้าพันคอให้แทนใจซะ”
“บ้า...เมธาวีไม่ได้คิดไปไกลขนาดนั้น...เออ..แต่จะว่าไปก็ไม่เลวนะ พี่อัธวุธว่า ถ้าให้ผ้าพันคอ แล้วณภัทรเค้าจะรู้มั้ย ว่าเมธาวีแอบชอบเค้า”
“แกเคยเห็นนายณภัทรกินหญ้าแทนข้าวรึเปล่าล่ะ ก็ต้องรู้สิยะ ของแบบนี้”
“งั้นเมธาวีรีบถักให้เสร็จเร็วๆ ดีกว่า” เมธาวีมีกำลังใจขึ้น
“ไม่ต้องรีบหรอกย่ะ อย่าลืมสิว่าตอนนี้ นายณภัทรเค้าต้องสวมบทบาทสามีของยัยอนามิกาอยู่ ต่อให้เค้าคิดยังไงกับเธอ เค้าก็แสดงออกไม่ได้หรอก”
“อืม...ฉันรู้ แต่อีกเดี๋ยวทุกอย่างก็จะเรียบร้อย ใครบอกว่าเค้าสองคนจะต้องเป็นสามีภรรยากันไปตลอดล่ะ” เมธาวียิ้มอย่างมีความหวัง


บนเสื่อที่วางอยู่บนพื้นหญ้า ขนมปัง ฟิชแอนด์ชิพ อาหารเล็กๆ น้อยๆ พร้อมเครื่องดื่ม มีทั้งน้ำผลไม้ น้ำเปล่าและน้ำอัดลมถูกเตรียมไว้อย่างครบครัน ณภัทรเริ่มหยิบกินอย่างเอร็ดอร่อย
ณดลกำลังจะหยิบอาหารเข้าปากแล้วก็พลันชะงัก เมื่อเห็นอนามิกายังสะอื้นอยู่ เขาจึงเอาทิชชู่ให้เช็ดน้ำตา
“เธอโอเคหรือเปล่าอนามิกา หยุดร้องแล้วกินดีกว่า” ณดลเสียงอ่อยเพราะรู้สึกผิด
อนามิกาพยักหน้าหงึกๆ “ค่ะ”
อนามิกามองอาหารตรงหน้าแล้วกลืนน้ำลายเอื้อกเพราะมีแต่ของชอบ เธอเอื้อมมือจะหยิบขนมปังที่ชุ่มเนยขึ้นมากินให้สะใจ แต่ก็ต้องชะงักกับเสียงของณดล
“เดี๋ยวก่อน!”
อนามิกาอ้าปากค้างแล้วเหลือบตามองณดล “ขา?”
“ขนมปังอย่างงี้คนท้องไม่ควรกินนะ” ณดลบอก
“อ้าว...ทำไมล่ะคะ”
“ก็มีแต่แป้งขัดขาว มีแต่เนย แถมยังมีสารกันบูด”
ณดลดึงขนมปังจากมืออนามิกามาวางลงที่เดิม
อนามิกาหน้าแหย “คะ..ค่ะ งั้นกินอย่างอื่นก็ได้” เธอหันไปหยิบฟิชแอนด์ชิพขึ้นมาแล้วอ้าปากจะกิน
“อันนี้ยิ่งแล้วเลย” ณดลรีบปราม “พวกของทอด ของมันๆ นี่ไม่ดีกับเด็กในท้องนะ”
อนามิกาหน้าแหยแล้ววางลงอย่างไม่เต็มใจนัก “กะ ก็ได้ค่ะ”
อนามิกาหันไปหยิบน้ำอัดลมกำลังจะยกขึ้นมาดื่มให้สะใจ
“หยู๊ดดด!” เสียงณดลขัดขึ้นมาอีก
“อะไรอีกล่ะคะเนี่ย”
ณภัทรเริ่มหน้าเสียเพราะอึดอัดแทนอนามิกา
“คนท้องคนไส้ ใครเค้ากินน้ำอัดลม” ณดลบอก
“โอ๊ย...ไอ้โน่นก็ไม่ได้ ไอ้นี่ก็ไม่ได้ แล้วเหลืออะไรให้ฉันกินบ้างเนี่ย” อนามิกาเริ่มเซ็ง
“ก็นี่ไง...น้ำเปล่า” ณดลยื่นขวดน้ำเปล่าให้ “กะองุ่น”
ณภัทรเห็นใจอนามิกาที่กินอะไรไม่ได้ ส่วนอนามิกาทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แต่ก็จำใจรับน้ำเปล่ามาถือ อีกมือของเธอปลิดองุ่นลูกหนึ่งใส่ปากอย่างงอนๆ


อนามิกาเดินจ้ำเข้ามาในห้องนอนของณภัทรแล้วหันมาโวยใส่หน้าณภัทรที่เดินตามมา โดยที่ประตูยังแง้มไว้
“ฉันจะประสาทกินกับพี่นายอยู่แล้ว ทนไม่ไหวแล้ว นี่ฉันจะต้องแกล้งเป็นเมียนายไปอีกนานแค่ไหน”
“ชู่วว...เบาสิ ยังไม่ได้ปิดประตูเลย” ณภัทรขยับไปปิดล็อกประตู แล้วหันมาพูดกับอนามิกา “ก็บอกแล้วไงว่าขอแค่พ้นช่วงนี้ไปก่อน เดี๋ยวพอฉันกลับเมืองไทย เธอก็แกล้งหลบหน้า หายตัวไปซะ แค่นี้ก็เป็นอันจบภารกิจ”
“มันจะง่ายอย่างงั้นเลยเหรอ แล้วนายจะอ้างกับพี่ชายจอมจับผิดของนายว่าไง จู่ๆ เมียหายไปทั้งคนอย่างเงี้ยนะ”
“โอ๊ย...ถึงตอนนั้น ฉันจะอ้างอะไรก็ได้ทั้งนั้น จะบอกว่าเธอจมน้ำ หายสาปสูญ หรือว่าหนีตามฝรั่งไปก็ได้”
อนามิกาผงะ “แต่ละอย่างนี่ดีๆ ทั้งนั้นเลยนะ”
“แหม...ก็ต้องแรงนิดนึง ฉันจะได้อ้างว่าฉันเศร้ามากซะจนสภาพจิตใจไม่ปกติที่ต้องเสียทั้งเมีย ทั้งลูกในท้องไป ก็เลยไม่พร้อมที่จะหมั้นกับใคร”
“เห็นติ๋มๆ อย่างงี้ นายนี่มันก็ตอแหลปลิ้นปล้อนเหมือนกันนะ”
“อ้าว...ไม่งั้นจะเป็นสามีคุณอนามิกาได้เหรอคร้าบ” พูดจบณภัทรก็ถูกอนามิกาทุบเป็นพัลวัน “โอ๊ย!”
“ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าห้ามพูดเล่นแบบนี้ นี่แน่ะๆๆ”
“โอ๊ย...โอ๊ย..เบา...ฮ่าๆๆ”
อนามิกาตีณภัทรแล้วทั้งสองก็หัวเราะร่วนด้วยกัน

ณดลเดินผ่านประตูห้องณภัทรไป เขาได้ยินเสียงหยอกเย้าหัวเราะร่วนกันอย่างสนุกสนานดังอยู่ในห้องจึงหยุดเดินแล้วถอยมาเงี่ยหูฟังใกล้ๆ ประตู
“ข้าวใหม่ปลามันกันเหลือเกิ๊น เล่นอะไรกันห่วงลูกในท้องบ้างรึเปล่านี่” ณดลบ่น
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือของณดลก็ดังขึ้น ณดลสะดุ้งรีบขยับออกห่างออกจากหน้าประตูแล้วยกโทรศัพท์ขึ้นดู พอเห็นชื่อในจอมือถือเขาก็ตกใจ
“คุณแม่!”

พนารัตน์ที่อยู่ในชุดนอนกำลังถือหูโทรศัพท์พูดอยู่บนเก้าอี้รับแขก
“เป็นไงณดล นี่แม่เอง ที่โน่นหนาวมั้ยลูก อืม..แล้วน้องภัทรล่ะเป็นไงบ้าง”

ณดลถือโทรศัพท์เดินเข้ามาในห้องของตัวเองแล้วปิดประตู
ณดลรู้สึกอึดอัดเพราะต้องจำใจโกหกให้แม่สบายใจ “เอ่อ...เจ้าภัทรมันก็สบายดีครับคุณแม่”
พนารัตน์พูดโทรศัพท์กับณดล
“แล้วเรื่องที่จะกลับมาหมั้นกับหนูแพรวาล่ะ น้องเค้ารู้แล้วเค้าตื่นเต้น ดีใจบ้างมั้ย”
“เอ่อ...คืออันนี้ก็...” ณดลอึกอัก
พนารัตน์พูดแทรกขึ้นมา “แหม...แม่ก็ไม่น่าถามเลยเน๊าะ ได้หมั้นกับผู้หญิงที่ทั้งสวยทั้งเรียบร้อยน่ารักอย่างหนูแพร ใครไม่ดีใจก็บ้าแล้ว ว่ามั้ยจ๊ะ”
“อ่า...ค..ครับ ใครไม่ดีใจก็..” ณดลหันมองไปทางอื่นเหมือนจะด่าณภัทร “...บ้าแล้ว”
“แม่ก็ไม่ได้มีธุระสำคัญอะไรหรอกนะ ก็แค่โทรมากำชับณดลให้ดูแลน้องด้วย ยังไงเสร็จธุระเรื่องเรียนแล้ว ก็ให้รีบๆ กลับมา จะได้จัดการเรื่องงานหมั้นให้เป็นเรื่องเป็นราวไป”
“คะ..ครับคุณแม่”
“ยังไงก็ช่วยดูน้องให้ดีๆ อย่าทำให้แม่กับพ่อ แล้วก็คุณเสรีต้องผิดหวังล่ะ อ้อ! นี่ ณดลรู้มั้ย เมื่อคืนแม่ฝันว่าอะไร”
“อะไรเหรอครับคุณแม่”
“แม่ฝันว่าเจ้าณภัทรแข็งข้อ ไม่ยอมหมั้นกับหนูแพร แล้วแม่เป็นไงรู้มั้ย แม่ช็อก แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก แล้วก็ล้มลงหัวฟาดนิ่งไปเลย”
ณดลได้ยินแล้วถึงกับหน้าเสียกับเรื่องความฝันที่แม่เล่าให้ฟัง
“แหม..ในฝันนี่สมจริงมากเลยนะ” พนารัตน์เล่าต่อ “แม่ยิ่งมีโรคประจำตัวชอบวูบอยู่ด้วย...แต่มันก็แค่ความฝันแหละนะ ความจริงแม่รู้ดีว่า แม่ฝากอะไรกับณดล ณดลก็ไม่เคยทำให้แม่ผิดหวัง...ใช่มะ”
ณดลหน้าเสีย “ชะ...ใช่ครับคุณแม่”
“งั้นแม่ฝากความหวังไว้กับณดลนะ แค่นี้ก่อนดีกว่า..จ้ะ..แม่รักลูกนะ”
พนารัตน์วางหูแล้วยิ้มปลื้ม เธอนั่งพิงพนักเก้าอี้อย่างสบายใจ
ส่วนณดลค่อยๆ ลดมือลงก่อนจะกดปุ่มวางสายด้วยอาการหนักใจ
“แล้วเราจะทำยังไงให้ไอ้ณภัทรกับยัยอนามิกาเลิกกันได้ละเนี่ย” ณดลกุมขมับ “โอย...กลุ้มเว้ย!”


เช้าวันใหม่ ณดลนั่งจิบชาอยู่ที่โต๊ะอาหาร อนามิกายกจานอาหารเช้า ซึ่งประกอบไปด้วย ไข่ดาว เบคอน2 ชิ้น ไส้กรอก2 ชิ้น baked bean และเห็ดผัดเนยที่จัดเรียงอยู่ในจานเดียว มาเสิร์ฟให้บนโต๊ะ
“ไอ้ณภัทรล่ะ” ณดลเอ่ยถาม
“ไปทำธุระเรื่องเรียน เดี๋ยวก็กลับมาค่ะ” อนามิกาตอบ
“นี่อะไรน่ะ น่ากินดีนี่”
“อิงลิช เบรกฟาสต์ค่ะ”
“อ๋อเหรอ...คนอังกฤษเค้ากินอาหารเช้ากันแบบนี้เหรอ”
“ก็ประมาณนี้แหละค่ะ แปลกจากพวกอเมธาวีริกันตรงมีถั่วแบบ เบค บีนส์ กับเห็ดน่ะค่ะ”
ณดลตักอาหารเข้าปาก “อืม...อร่อยดีนี่...”
อนามิกายิ้มปลื้ม “ขอบคุณที่ชมค่ะ”
“แต่จะว่าไป...เธอก็เคยทำงานในร้านอาหารนี่นา ของง่ายๆ แค่นี้ ยังไงก็ต้องทำได้อยู่แล้วหละมั้ง”
“กระทั่งคำชมก็ยังจะเอาคืน...ว่างั้น?” อนามิกาถามเคืองๆ
อนามิกาเติมน้ำตาลแล้วคนแก้วกาแฟของตนก่อนจะยกขึ้นจรดปากเตรียมจะจิบ
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ! นั่นเธอกำลังจะทำอะไร” ณดลร้องห้าม
อนามิกางง “ก็...กินกาแฟน่ะสิคะ”
“คนท้องใครเค้ากินกาแฟกัน”
“แต่เช้าๆ อย่างงี้ ขอซักจิบสองจิบให้ตาสว่างหน่อยเถอะค่ะ”
“ฉันบอกว่าไม่ได้!”
“แต่ฉันติดว่าตอนเช้าต้องจิบกาแฟซักนิด ไม่งั้นมันจะง่วง”
อนามิกาพูดไม่ทันขาดคำ ณดลก็ดึงแก้วกาแฟมาจากมืออนามิกา แล้วเดินไปเทลงอ่างล้างจานที่อยู่ใกล้กับโต๊ะอาหารทันที
อนามิกาเหวอไปครู่หนึ่งแล้วจึงพูดขึ้น “มันไม่เกินไปหน่อยเหรอคะ”
“เธอไม่รู้หรือไงว่าคาเฟอีนไม่ดีกับเด็กในท้อง”
“โอเคๆ ไม่กินก็ไม่กิน” อนามิกาลุกขึ้นเดินหนีพร้อมกับบ่นอุบ “คำก็เด็กในท้อง สองคำก็เด็กในท้อง ห่วงแต่ตัวลูก ไม่เห็นจะห่วงตัวแม่มันมั่งเลย”
“เดี๋ยวก่อน!” ณดลทัก
อนามิกาชะงัก แล้วหันกลับมาถามด้วยน้ำเสียงเบื่อ “ขา...มีอะไรอีกเหรอคะคุณณดล”
“มานั่งตรงนี้ ฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยกับเธอ”
อนามิกาเดินมานั่งกระแทกก้นอย่างประชดประชัน
“จะถามอะไรอีกเหรอคะ”
“เปล่า...ฉันไม่ได้จะถามอะไรเธอ แต่ฉันมีข้อเสนอ”
“ข้อเสนอ?” อนามิกางง
“ใช่...ฉันพยายามจะหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับเธอ”
อนามิกายิ่งงงหนัก “ทางออกอะไรคะ”
“คือเธอคงจะรู้แล้วว่าคุณพ่อคุณแม่ฉัน ได้จัดเตรียมการหมั้นให้ไอ้ณภัทรกับผู้หญิงคนนึงไว้แล้ว ฉันก็ไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำ หรือขาดความรับผิดชอบอะไรนะ คือในเมื่อน้องชายฉันมันพลาดทำเธอท้องไปแล้ว ฉันก็จะออกค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูเด็กคนนี้ให้เธอทุกบาททุกสตางค์”
“คุณพูดอะไรของคุณเนี่ย ฉันงงไปหมดแล้ว”
“ถ้ายังงง งั้นก็ฟังฉันพูดให้จบก่อน...เธอลองไปคำนวณมานะ เด็กคนนึง...กว่าจะคลอด กว่าจะกินนมจนโต กว่าจะเรียนหนังสือจนจบปริญญา เธอคิดว่าจะต้องมีค่าใช้จ่ายทั้งหมดเป็นเงินเท่าไหร่”
“หมายความว่า...คุณณดลจะช่วยออกค่าใช้จ่าย ดูแลเด็กคนนี้จนเค้าเรียนจบงั้นเหรอคะ” อนามิกาลูบที่ท้องตนเอง “โห...ไม่อยากจะเชื่อ ทำไมคุณถึงใจดีกับเด็กคนนี้จัง”
“เปล่า...ฉันไม่ได้ใจดีอย่างที่เธอคิด เพราะข้อแม้ของฉันก็คือ...ฉันขอให้เธอเลิกกับนายณภัทรซะ” ณดลบอก
“หา?! ว่าไงนะคะ”
“ถ้าเธอปล่อยนายณภัทรให้กลับไปหมั้นกับแพรวา ฉันสัญญาว่าจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดของเด็กคนนี้ให้ หรือพูดอย่างชาวบ้านๆ ก็คือ...”
ณดลจ้องหน้าอนามิกาใกล้ๆ แล้วพูดเน้นเสียงเข้ม
“ถ้าฉันจะจ้างให้เธอเลิกกับไอ้ณภัทร แล้วหอบลูกเธอหนีไปซะ เธอจะคิดค่าจ้างเท่าไหร่”

ได้ยินเช่นนั้นอนามิกาถึงกับช็อคเพราะตั้งรับไม่ทัน

 อ่านต่อตอนที่ 3 พรุ่งนี้




กำลังโหลดความคิดเห็น