xs
xsm
sm
md
lg

แหม่มแก้มแดง ตอนที่ 6

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 แหม่มแก้มแดง  ตอนที่ 6 

อนามิกาแบกกระเป๋าเดินทางเข้ามาในบ้านอย่างทุลักทุเล เธอมองสำรวจไปรอบๆ พอหันมาอีกทีก็สะดุ้งโหยงเพราะศรีมายืนนิ่งด้วยหน้าตาไม่เป็นมิตรอยู่ใกล้ๆ

“ว๊าย” อนามิกายิ้ม “ตกใจหมดเลย สวัสดีจ้ะ เอ้า...นี่จะมาช่วยฉันยกกระเป๋าใช่มั้ย”
“ฉันแค่จะนำคุณไปที่ห้องคุณภัทรน่ะ” ศรีบอก
ณดลเดินเข้ามา “ศรีดูแลบ้านนี้มาเป็นสิบปี เค้าจะคอยดูแลเธอ ขาดเหลืออะไรก็ขอความช่วยเหลือจากศรีได้ แต่เค้าจะช่วยหรือเปล่า อันนั้นก็อีกเรื่องนะ”
อนามิกาชักสีหน้าเพราะเริ่มอึ้งกับคำพูดของณดล


ศรีเปิดประตูห้องณภัทรแล้วเดินนำเข้ามา อนามิกาเดินผละจากกระเป๋าเดินทางที่ตั้งไว้หน้าประตู แล้วเข้ามามองไปรอบๆ ห้อง
“นี่แหละค่ะห้องคุณภัทร งั้นฉันขอตัวไปดูแลรับใช้คุณณดลก่อนนะคะ”
“อ้าว! เดี๋ยวสิ ศรี”
ศรีชะงักแล้วหันมา “มีอะไรเหรอคุณ”
“ที่นี่มันบ้านคุณณดลอยู่แล้ว ศรีไม่ต้องไปดูแลเค้ามากหรอก แต่ฉันนี่สิ เพิ่งมาอยู่ใหม่ ศรีจะช่วยแนะนำเบื้องต้นให้ฉันหน่อยได้ไหม ว่าข้าวของห้องหับอะไร อยู่ตรงไหน แล้วอยู่บ้านนี้ ฉันจะต้องปฏิบัติตัวยังไงบ้าง”
“คุณก็แค่อยู่เงียบๆ ของคุณ อย่าทำตัวมีปัญหา ก็น่าจะพอแล้วมังคะ” ศรีบอก
“หา! ขอโทษนะ เมื่อกี้ศรีว่าไงนะคะ”
“ก็ว่าอย่างที่คุณได้ยินแหละค่ะ ฉันจะบอกให้ทราบนะคะ บ้านนี้เค้าอยู่กันมาสงบสุขดี ไม่เคยมีปัญหาอะไร จนกระทั่งมีคุณเข้ามานี่แหละ”
“ศรี! นี่ฉันไปทำอะไรให้เหรอ แล้วพูดจากับฉันแบบนี้ ไม่กลัวว่าฉันจะเอาไปฟ้องเจ้าของบ้านเอาเหรอ” อนามิกาถาม
“ก็ฟ้องเลยสิคะ ถ้าเจ้าของบ้านเค้าอยากจะไล่ใครออกไปซักคน ฉันว่าคนที่ถูกไล่คงเป็นคุณมากกว่า คิดว่าฉันไม่รู้เหรอว่า คุณได้เข้ามาอยู่ที่นี่ก็เพราะท้องนอกสมรสกับคุณณภัทร”
อนามิกาสวนขึ้นทันที “มากไปแล้วนะศรี ถ้ายังไม่หยุด ฉันจะฟ้องเจ้าของบ้านให้เล่นงานเธอจริงๆ นะ”
“ใครจะเล่นงานฉันไม่ทราบ ตรงกันข้าม ฉันได้รับมอบหมายจากเจ้าของบ้านให้คอยจับตาดูคุณไว้ ถ้ามีปัญหาอะไร ก็ให้ฉันจัดการไปตามความเหมาะสม เข้าใจนะคะ ขอตัวค่ะ”
พูดจบศรีก็เดินฉับๆ ออกไป ทิ้งให้อนามิกาอ้าปากหวออยู่ภายในห้อง
“นี่คนใช้หรือผู้คุมวะเนี่ย นี่ฉันจะต้องโดนรุมกลั่นแกล้งจากเจ้าของบ้านยันคนใช้เลยใช่มะ...นี่มันบ้านทรายทองชัดๆ” อนามิกาบ่นกับตัวเอง
อนามิกาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาด้วยท่าทางหนักใจ
“เฮ้อ...แล้วฉันจะอยู่ไหวมั้ยล่ะเนี่ย”
เสรี กอบชัย และพนารัตน์นั่งจิบชาคุยกันด้วยอารมณ์เคร่งเครียดอยู่ที่โต๊ะอาหาร
“นี่หนูแพรวายังไม่รู้ว่าตาณภัทรก่อเรื่องไว้ที่ลอนดอนหรอกเหรอคะ” พนารัตน์ถามขึ้น
“คุณเสรียังไม่ได้บอกลูกเหรอครับ” กอบชัยถามย้ำ
เสรีสั่นหน้า แล้วตอบกลับอย่างฉุนๆ “เป็นคุณ จะบอกยังไงล่ะ บอกว่าคู่หมั้นที่ผู้ใหญ่ตระเตรียมไว้ให้ มันไปทำผู้หญิงคนอื่นท้องแล้วอย่างงั้นเหรอ ผมใจไม่แข็งพอที่จะบอกกับลูกสาวผมแบบนั้น”
“แต่ถึงจะปิดยังไง ก็คงจะปิดได้ไม่นานอยู่ดี” กอบชัยบอก
“คุณเสรีอย่าเพิ่งถอดใจนะคะ ขอให้เชื่อมั่นว่าตาภัทรยังเป็นเด็กดีคนเดิม เพียงแต่ตาภัทรยังอ่อนต่อโลก ก็เลยเจอไก่แก่แม่ปลาช่อนจับเอา” พนารัตน์รีบบอก
“ใช่ๆ เราไม่ยอมให้ลูกชายเราต้องจบชีวิตกับผู้หญิงแบบนั้นแน่ๆ” กอบชัยย้ำ
“งั้นต่อไปนี้ ฉันจะคอยกีดกันนังผู้หญิงคนนั้น แล้วจะช่วยเปลี่ยนใจตาภัทรให้หยุดเห็นกงจักรเป็นดอกบัวให้ได้”
“ใช่ๆ” กอบชัยหันมาพูดกับเสรี “ถ้าเป็นอย่างนี้ จะพอทำให้คุณเสรีสบายใจขึ้นบ้างมั้ย”
เสรีถอนใจ “เฮ่อ..เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ผมจะพูดอะไรได้” เสรีจ้องหน้าทั้งสองอย่างกินเลือดกินเนื้อ “แต่จำเอาไว้ คนอย่างผม จะเอาอะไรต้องได้ และถ้าไม่ได้ด้วยเล่ห์ ผมก็จะเอาด้วยกล ถ้าไม่ได้ด้วยมนต์ ผมก็จะได้ด้วยลูกปืน!”
พนารัตน์กับกอบชัยถึงกับผงะเพราะรู้สึกเสียวสันหลังไปตามๆ กัน


แพรวากับณภัทรยืนอยู่ใกล้ๆ เตาอบที่อยู่ในห้องครัว
“นี่ก็นานมากแล้วนะที่เราไม่ได้เจอกัน” ณภัทรเอ่ย “บอกตรงๆ นะ เห็นพี่สาวคุณแล้วไม่น่าเชื่อว่าจะมีคุณจะเรียบร้อยเป็นแม่บ้านแม่เรือนอย่างนี้”
“แพรก็ไม่ได้ดีขนาดนั้นหรอกค่ะ แต่คุณพูดงี้ก็เหมือนว่าพี่นีน่าเค้าเลยนะ”
“เปล่าๆ ไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้น เพียงแต่บุคลิกของคุณสองคนมันช่าง...เอ่อ...แตกต่างกันเหลือเกินน่ะ”
แพรวาใช้ถุงมือจับของร้อนหยิบเค้กออกมาจากเตาอบ
“มา! ผมช่วย”
ณภัทรยื่นมือไปจับแล้วก็ร้องลั่นเพราะร้อน
“โอ๊ย!!! ร้อนๆๆ”
ณภัทรสะบัดมืออย่างปวดร้อน แพรวาตกใจและเป็นห่วงจึงรีบคว้ามือของณภัทรมาดู
“ไหน..เป็นอะไรรึเปล่าคะ”
ทั้งสองประสานสายตากันแล้วหยุดนิ่ง ทั้งณภัทรและแพรวาอยู่ใกล้ชิดกันในขณะที่แพรวายังใช้สองมือจับมือของณภัทรอยู่ พนารัตน์เดินเข้ามาตามทั้งสองให้ออกไปแต่พอเห็นภาพก็รีบ หลบเพราะกลัวจะขัดจังหวะ
“เอ่อ...” แพรวาเริ่มเขินแล้วค่อยๆ ปล่อยมือออกมาอย่างนุ่มนวล “คุณโอเคแล้วใช่มั้ย”
“คะ..ครับ ผมนี่ซุ่มซ่ามจริงๆ” ณภัทรอายตัวเอง “ไม่ได้เรื่องเลยผม นี่คุณคงเก็บไปจำว่าผมเป็นผู้ชายเฟอะฟะ ซุ่มซ่าม”
“อย่าว่าตัวเองแบบนั้นสิคะ เราพูดเราคิดอะไรก็จะได้แบบนั้นนะคะ พระท่านถึงสอนให้เราคิดดี พูดดี ทำดี”
ณภัทรยิ้มอย่างประทับใจ พนารัตน์ที่กำลังซุ่มมองอยู่ก็เผลอยิ้มปลื้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
“คุณแพรวานี่ช่างแตกต่างจากนลิณาจริงๆ เลยนะ” ณภัทรพูดจบก็หันไปเห็นพนารัตน์ “คุณแม่!”
พนารัตน์สะดุ้งเฮือกแล้วยิ้มเก้อๆ ที่ถูกจับได้ เธอรีบยิ้มกลบเกลื่อนแล้วทำตัวเนียนๆ เข้ามา “แม่แค่แวะมาดูน่ะ อื้อหือ...หอมนุ่มชุ่มเนย...หนูแพรนี่เก่งจริงๆ เลยนะ ใช่มะตาภัทร”
“เอ่อ...ครับ...ใช่ครับคุณแม่”
ณภัทรกับแพรวาวายิ้มให้กัน แพรวาหลบตาด้วยความเขิน พนารัตน์มองทั้งสองเขินอายกันแล้วก็ยิ้มอย่างชอบใจ


อนามิกาเพิ่งอาบน้ำสระผมเสร็จนุ่งผ้าเช็ดตัวกระโจมอกแล้วม้วนเป็นปมลวกๆ เดินออกมาจากห้องน้ำในห้องนอนของณภัทร เธอฮัมเพลงแล้วใช้ผ้าขนหนูเช็ดศีรษะอย่างสบายตัว พอเหลียวไปอีกทางเธอก็เห็นณดลยืนอยู่ อนามิกาตกใจกรีดร้องสุดเสียง “กรี๊ด!!..”
“เฮ้ย! นี่ฉันเอง!” ณดลบอก
ทันใดนั้น ผ้าเช็ดตัวก็หลุดจากตัวลงมากองที่ข้อเท้าของอนามิกา ณดลหลบสายตาลงต่ำแล้วก็ช็อคจนตาแทบถลนจากเบ้า
อนามิกาก้มมองตัวเอง แล้วเงยหน้ามองณดลก่อนจะร้องออกมา “กรี๊ดด!! อีตาบ้า”
อนามิกาก้มรวบผ้าเช็ดตัวที่กองที่ข้อเท้ามาปิดไว้ แล้วกระโดดเข้าไปในห้องน้ำทันที
อนามิกาโวยมาจากในห้องน้ำ “คนลามก โรคจิต จะเข้ามาทำไม๊”
“ก็บ้านฉัน แล้วนี่ก็ห้องน้องชายฉัน ทำไมฉันจะเข้ามาไม่ได้ ใครจะไปรู้ล่ะว่าเธอจะโป๊อยู่”
“ยังจะมาพูดอีก ออกไปเดี๋ยวนี้นะ ออกไป๊!”
“ฉันก็แค่จะมาดูว่าเธออยู่ได้มั้ย โอเคๆๆ ออกไปแล้วก็ได้”
ณดลถอยกรูดออกมา เขาเดินผ่านโต๊ะของที่มีกรอบรูปรูปใบหน้าของณภัทรตั้งอยู่ ณดลเดินผ่านแล้วหยุดกึกก่อนจะถอยมาพูดกับรูปของณภัทรอย่างรู้สึกผิด
“โทษทีนะไอ้ภัทร ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ” ณดลบ่นอุบ “เห็นเมียแกเต็มๆ ตาเล๊ย”
ณดลกะพริบตาถี่ๆ เหมือนจะลบภาพออกจากความทรงจำก่อนเดินออกไป


อนามิกาอยู่ในชุดเสื้อผ้าทะมัดทะแมงพร้อมกับสะพายกระเป๋าถือเดินจะออกจากบ้าน แต่ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงทักห้วนๆ จากณดล
“เธอจะไปไหนน่ะ”
“ทำไม ฉันจะออกไปไหนก็ต้องรายงานคุณด้วยเหรอคะ” อนามิกาถามกลับ
“เพิ่งมาถึงแล้วก็รีบร้อนออกไป ฉันแค่สงสัยก็เลยถาม ถ้าเธอไม่ได้ไปทำอะไรที่ไม่ถูกไม่ควรก็น่าจะบอกกันได้นี่”
“ฉันจะออกไปหาพี่สาวฉัน” อนามิกาบอก
“พี่สาวเธอที่เป็นนักร้องกลางคืนน่ะเหรอ”
อนามิกาฉุนกึ้กขึ้นมา “ใช่! คุณมีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“เปล๊า...ผมก็แค่ถามเฉยๆ อยากจะไปไหนของคุณก็เชิญ แต่ผมขอแนะนำให้คุณรีบไปรีบกลับจะดีกว่า”
“ทำไมฉันต้องรีบกลับด้วยล่ะ”
“ลูกสะใภ้เพิ่งเข้าบ้านวันแรก ก็ไม่ควรออกไปตะลอนๆ จนผู้หลักผู้ใหญ่ไม่ได้เห็นหน้าไม่ใช่หรือ”
“ฉันกับพี่สาวไม่ได้เจอกันมาตั้งสองปี ฉันขอตัวไปหาแค่นี้ ผู้หลักผู้ใหญ่ท่านคงเข้าใจน่ะ มีแต่คุณนั่นแหละ ที่ไม่เคยเข้าใจอะไรซักอย่าง”
พูดจบอนามิกาก็เดินออกไป ณดลพูดไล่หลังเธอ
“อ้าว...เดี๋ยวสิ ฮึ๊ย!! มาวันแรกก็เถียงคำไม่ตกฟากแล้ว...เหลือเกินจริงๆ”


อนามิกาเคาะประตูห้องธัญญาที่คอนโดมิเนียม แต่ไม่มีเสียงตอบรับ อนามิกาจึงเคาะประตูซ้ำอีกหลายครั้ง
“พี่ธัญญา...พี่ !!”
อนามิกาเคาะประตูแล้วลองบิดลูกบิดประตู ปรากฏว่าประตูไม่ได้ล็อก
อนามิกาบ่นเบาๆ “อยู่ยังไงนี่ ห้องหับก็ไม่ล็อกให้ดี”
อนามิกาผลักประตูแล้วเดินเข้าไป

อนามิกาเปิดประตูแล้วเดินเข้ามา เธอชะงักมองเมื่อเห็นสภาพห้องค่อนข้างรก รองเท้า กระเป๋าถือวางเกลื่อน อนามิกาชักรู้สึกผิดสังเกตจึงเดินเข้าไปจนถึงเก้าอี้โซฟาแล้วก็ต้องตะลึงเมื่อเห็นธัญญานอนคว่ำหน้านิ่งอยู่ที่โซฟา
อนามิการีบเข้าไปประคอง “พี่!! เป็นอะไรเหรอเปล่า” อนามิกาประคองให้หันมา “พี่ธัญญา”
ธัญญาค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาด้วยอาการเมา “อ้าว...อะนา”
อนามิกาทำจมูกฟุดฟิดเพราะได้กลิ่นเหล้า เธอหยิบขวดวิสกี้ที่ดื่มจนเหลือติดก้นขวดขึ้นมา “พี่เมาใช่มั้ยเนี่ย”
ธัญญาพยุงกายขึ้นนั่ง “แกกลับมาทำไมไม่บอกพี่ก่อน”
“คือ..มันมีเรื่องให้เคลียร์นิดหน่อย เลยต้องรีบกลับมาก่อนกำหนดน่ะพี่”
ธัญญามองไปรอบๆ “แล้ว...ไม่เห็นมีกระเป๋าข้าวของอะไรมาเลย”
“คืองี้พี่ ฉันได้งานมาจ็อบนึง คงต้องใช้เวลาซักสองสามเดือน ช่วงนี้ฉันต้องไปนอนที่อื่นก่อนน่ะ”
“อะไรกัน เพิ่งมาถึง ก็จะทิ้งพี่ไปอีกแล้ว” ธัญญาบ่น
“ทิ้งอะไร เดี๋ยวฉันแวะมาหาบ่อยๆ ไง ว่าแต่พี่เหอะ อุตส่าห์เลิกเหล้ามาได้ตั้งนาน พี่จะกลับมากินมันอีกทำไม”
“ก็...คนมันกำลังกลุ้ม จะให้ทำยังไง”
“มีเรื่องอะไรต้องกลุ้มเหรอ ใครทำอะไรพี่”
“แกไม่ต้องรู้หรอก ยังไงแกก็ช่วยพี่ไม่ได้”
“เอ๊า! ไหงพูดงั้นล่ะพี่ เราก็สายเลือดเดียวกัน คลานตามกันมา ถ้าแค่นี้ช่วยกันไม่ได้แล้วเราจะมีพี่น้องไปทำไม พี่เป็นอะไร รีบบอกฉันมาเลย”
“โอ๊ย...เซ้าซี้จริง นี่แกเป็นแม่ หรือแกเป็นน้องฉันกันแน่” ธัญญาค่อยๆ ฟุบลงนอนที่โซฟา “ฉันงีบก่อนนะ เดี๋ยวคืนนี้ไปร้องเพลงไม่ไหว วันหลังค่อยคุยกันใหม่แล้วกัน”
“อ้าว..พี่ เดี๋ยวสิ”
ธัญญาเดินไปทิ้งตัวนอนบนโซฟาอย่างไม่รับรู้อะไร อนามิกาจัดแข้งขาธัญญาให้นอนอย่างสบาย แล้วสายตาของเธอก็สะดุดกับโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะ อนามิกาหยิบขึ้นมากดปุ่มแล้วมองอย่างสงสัย
ภาพหน้าจอโทรศัพท์มือถือเป็นภาพคู่หน้าแนบหน้าระหว่างธัญญากับพายัพ
“ใครเนี่ย?” อนามิกาสงสัย
อนามิกาเริ่มเป็นห่วงและหนักใจจึงเปรยเบาๆ กับธัญญาที่หลับอยู่
“เค้าคนนี้ใช่มั้ย ที่ทำให้พี่เป็นแบบนี้ เราก็มีกันแค่สองพี่น้อง ฉันไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรพี่หรอกนะ”

พนารัตน์เดินหน้าบึ้งตึงเข้ามาในบ้านของตัวเอง ศรีเดินตามมาคอยรับใช้ กอบชัยกับณภัทรก็ทยอยตามเข้ามา
พนารัตน์มองไปรอบๆ ก่อนจะหันมาที่ศรี “ศรี ไปตามนังนั่นมาหาฉันหน่อยซิ”
“นังนั่น? ใครเหรอคะคุณรัตน์” ศรีงง
พนารัตน์ตวาดแว้ด “จะใครซะอีกล่ะ ก็นังอนามิกาน่ะสิ”
“นังอนามิกา” สรีหันไปเจอณภัทรตาเขียวใส่ “..เอ่อ...คุณอะนาออกไปข้างนอกค่ะ”
พนารัตน์หันไปพูดกับกอบชัย “คุณดูมันทำ เข้าบ้านวันแรก มันก็ไม่เห็นหัวเราแล้ว”
ณภัทรรีบแก้ให้ “คุณแม่ครับ อะนาเค้าไม่ได้กลับเมืองไทยเป็นปี ก็ต้องมีญาติพี่น้องที่ต้องไปหาบ้าง”
“แล้วเราไม่ใช่ญาติมันเหรอไง หา?” พนารัตน์ถาม
ทันใดนั้น พนารัตน์ก็หายใจขัดและรู้สึกแน่นหน้าอกขึ้นมา
กอบชัยเห็นก็รีบไปประคอง “เด็กมันก็ทำไม่ถูก จะมาเป็นสะใภ้ในบ้าน ก็ควรจะให้ความสำคัญกับพ่อแม่ของสามีเค้าหน่อยสิ แต่ผมว่าคุณใจเย็นๆ แล้วก็ห่วงสุขภาพตัวเองก่อนดีกว่า”
“นั่นสิครับคุณแม่ เดี๋ยวอาการทรุดลงไป ผมก็รู้สึกผิดแย่เลย” ณภัทรบอก
พนารัตน์ตวาดใส่ “แกจะมารู้สึกผิดอะไรป่านนี้ ทีตอนที่แกทำนังนั่นท้อง ทำไมไม่รู้สึกผิดตั้งแต่ตอนนั้น...หา? แกคอยดูนะ ยังไงฉันก็จะทำให้แกแต่งงานกับหนูแพรให้ได้”
พนารัตน์รู้สึกแน่นหน้าอกขึ้นมาอีก กอบชัยตรงเข้าไปประคอง ณภัทรจะเข้ามาประคองด้วยแต่กอบชัยพูดกับณภัทร “ไม่เป็นไร แกออกไปก่อน เดี๋ยวพ่อดูแลแม่แกเอง”
“เอ่อ...ครับ คุณพ่อ” ณภัทรรับคำ


ณภัทรยื่นมือมาถอดรูปใบหน้าของตัวเองออกจากกรอบรูปั้ตั้งอยู่ที่โต๊ะในห้อง เขาเอารูปออกจากซอง แล้วลองเลือกรูปหยิบรูปมาทาบกับกรอบดู โดยรูปที่หยิบทุกรูปเป็นรูปคู่ของตนกับอนามิกาที่ไปเซทถ่ายกันไว้ตอนที่อยู่ที่อังกฤษ
ณภัทรคิดถึงคำพูดของพนารัตน์แล้วก็ถึงกับเครียด
“แกคอยดูนะ ยังไงฉันก็จะทำให้แกแต่งงานกับหนูแพรให้ได้”
ณภัทรถอนใจเฮือกใหญ่อย่างกลุ้มๆ
“ต้องหลอกทุกคนให้เนียนยิ่งขึ้น ขืนความแตกเอาตอนนี้ มีหวังโดนบังคับแต่งกับคุณแพรแน่ๆ” ณภัทรกลุ้มใจ
ขณะที่ณภัทรเลือกรูปอยู่มีรูปใบหนึ่งตกลงมาจากปึกของรูปถ่าย เขาก้มลงไปหยิบขึ้นมาดู แล้วก็รู้สึกสะดุดจนต้องหยุดมองรูปนั้น
รูปใบนั้นเป็นรูปคู่ของณภัทรกับเมธาวีที่อนามิกากับอัธวุธพยายามจับคู่ถ่ายให้ที่ลอนดอน ณภัทรมองรูปถ่ายแล้วเผลออมยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ขณะที่กำลังยิ้มเพลินๆ ณดลก็ยื่นหน้าโผล่เข้ามาถาม “ทำอะไรอยู่น่ะ”
ณภัทรสะดุ้งโหยงรีบวางรูปแล้วเอามือปิดไว้ทันที
ณดลพูดพลางเดินห่างออกมา “กลับมาถึง ก็เอารูปเข้ากรอบเลยนะ แกนี่รักเมียจริงๆ แต่นึกๆ แล้วฉันก็อดเป็นห่วงแกไม่ได้ว่ะภัทร”
“ห่วงเรื่องอะไรเหรอพี่” ณภัทรถาม
“ก็ห่วงว่าแกกับเมียจะอยู่กันยังไงในเมื่อคุณพ่อคุณแม่ไม่ยอมรับ นี่ถ้าไม่มีเด็กในท้อง รับรองว่าคุณแม่ไม่ยอมให้เมียแกมาอยู่ร่วมชายคาแน่ๆ”
“ขนาดนั้นเลยเหรอพี่”
“ก็เออสิ! นี่! พูดถึงเรื่องท้อง แล้วฉันนึกขึ้นมาได้ ฉันว่าแกควรพาเมียไปฝากท้องที่โรงพยาบาล หรือพาไปตรวจครรภ์บ้างนะ”
“ทำไมเหรอพี่” ณภัทรถามซื่อๆ
“ก็ดูหน้าท้องเมียแกแบนแต๊ดแต๋ ฉันก็เลยห่วงว่าเด็กข้างในมันยังโอเคอยู่หรือเปล่า”
“แหม..ก็แค่สองเดือนจะให้ป่องให้กลมขนาดไหนล่ะพี่” ณภัทรฉุกคิดขึ้นมา “เฮ้ย! เดี๋ยวนะ แล้วพี่ไปเห็นหน้าท้องของเมียผมตอนไหน”
“ก็ตอนผ้าหลุด เอ๊ย!...เปล่า ไม่มีอะไร” ณดลแก้ตัวอย่างลนลาน “ก็แค่มองผ่านๆ แล้วมันสังเกตเห็นเอง ฉันขอตัวก่อนนะ แกเอารูปใส่กรอบต่อแล้วกัน”
ณดลหลบตาแล้วเดินงุดๆ ออกไป พอหันหลังให้น้องชาย ณดลก็ทำหน้าแหย เคืองตัวเองที่เกือบหลุดปากไป ณภัทรมองตามณดลอย่างสงสัยเพราะดูณดลลุกลี้ลุกลนแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก


อนามิกาเปิดรั้วบ้านของณภัทรเข้ามา พอปิดรั้วแล้วเธอก็หันมามองตัวบ้านอย่างหนักใจ
“เราจะต้องเจออะไรอีกบ้างล่ะเนี่ย” อนามิกาสูดลมหายใจเต็มปอดเพื่อปลุกใจตัวเอง “เอาน่ะ! ไม่ถึงตาย จะกลัวอะไร สู้ๆ!”
อนามิกาก้าวเข้าสู่ตัวบ้านอย่างมั่นใจ


อนามิกาเดินเข้ามาได้สองก้าวก็ต้องชะงักเมื่อมองไปที่เก้าอี้รับแขก เพราะเธอเห็นณดล กอบชัย และพนารัตน์นั่งอยู่ที่เก้าอี้รับแขกซึ่งทั้งสามต่างหันมามองเธอเป็นตาเดียว
อนามิกาเปรยเบาๆ อย่างแหยงๆ “อยู่กันครบเลยแฮะ”
“เธอว่าไงนะ” ณดลถามเสียงเข้ม
อนามิการีบยกมือไหว้ทุกคน “สวัสดีค่ะคุณพ่อ คุณแม่ คุณณดล”
พนารัตน์เชิดใส่ “ฉันไม่รับไหว้”
พอพนารัตน์เหล่ไปทางกอบชัย ก็เห็นกอบชัยพนมมือแต้รับไหว้ พนารัตน์ทำตาวาวใส่ กอบชัยจึงรีบลดมือลง
“แล้วฉันก็ไม่รับที่เธอเรียกฉันว่าคุณแม่ด้วย อ้อ! แล้วก็ไม่ต้องเรียกสามีฉันว่าคุณพ่อด้วย”
“ค่ะ...เอ่อ...ขอโทษค่ะ ขออนุญาตเรียนถามด้วยความเคารพนะคะ...คือถ้าไม่ให้เรียกว่าคุณพ่อคุณแม่ แล้วจะให้ดิฉันเรียกว่าอะไรดีล่ะคะ” อนามิกาถาม
พนารัตน์กับกอบชัยผงะเพราะไม่ได้คิดเอาไว้ล่วงหน้า ทั้งสองหันมามองหน้ากันเป็นเชิงปรึกษา
กอบชัยกระซิบเบาๆ “เอ่อ..นั่นสินะ เอาไงดีล่ะคุณ”
“เอ่อ...” พนารัตน์คิดไม่ออกจึงหันไปเหวี่ยงใส่อนามิกา “ลำบากนักก็ไม่ต้องเรียกฉันก็ได้”
“แต่ดิฉันมาอาศัยร่วมชายคา เวลาเจอหน้าเจอตา ก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเรียกน่ะค่ะ” อนามิกาบอก
กอบชัยกับพนารัตน์กลืนน้ำลายเอื้อก
กอบชัยกระซิบกับพนารัตน์ “นั่นสิคุณ ขืนไม่รู้จะเรียกอะไรก็คงอึดอัดแย่นะ”
พนารัตน์กับกอบชัยหันไปเหล่มองณดลเป็นเชิงถามว่าเอาไงดี
“งั้นเอางี้มั้ยล่ะครับ ผมเป็นคนกลาง ผมเสนอให้อนามิกาเรียกคุณพ่อคุณแม่ว่าคุณผู้ชาย กับคุณผู้หญิง” ณดลบอก
“จะดีเหรอคุณ ดูเหมือนคนใช้เรียกเจ้านายเลย” อนามิกาท้วง
พนารัตน์โพล่งขึ้น “เหมือนคนใช้ก็ดีสิ ฉันชอบ อยากจะเป็นสะใภ้บ้านนี้ การบ้านการเรือนต้องดูแลให้ละเอียดยิ่งกว่าเป็นคนใช้ด้วยซ้ำ”
“เอ่อ...” อนามิกาอยากเถียงแต่ก็ก้มหน้าเก็บอารมณ์ไว้
“ก็ดีนะครับคุณแม่ ให้ช่วยศรีทำงานบ้านไป” ณดลเห็นด้วย
อนามิกาค้อนขวับใส่ณดล แล้วหันมาออดอ้อนพนารัตน์กับกอบชัย
“แต่ว่า...คุณพ่อคุณแม่..เอ๊ย! คุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงขา ดิฉัน...” อนามิกาแสร้งทำน่าสงสารด้วยการเอามือลูบท้องตนเอง “เพิ่งท้องได้สองเดือนกว่า...โดยปกติแล้วหมอจะเตือนไม่ให้ทำงานหนักนะคะ”
“เอ้อ...จริงด้วยสินะ” กอบชัยหันมาพูดกับพนารัตน์ “คนกำลังท้องกำลังไส้นะคุณ”
“ฉันก็ไม่ได้ให้เธอแบกข้าวสาร หรือยกของหนักอะไรนี่ ก็แค่ช่วยศรีเก็บกวาดเช็ดถู มากสุดก็คงแค่ล้างส้วม” พนารัตน์บอก
“นี่เบาแล้วใช่มั้ยคุณ” กอบชัยป้องปากกระซิบ “ผมกลัวว่าคนจะเอาเราไปนินทาว่าโหดน่ะ”
“ฉันกลัวที่ไหนล่ะ ฉันจะโหดแบบนี้หละ มีอะไรมั้ย” พนารัตน์หันมาพูดกับอนามิกา “ถ้าอยู่ไม่ได้...ก็ย้ายออกไป!”
อนามิกาหน้าเสียเพราะรู้ตัวว่าต่อไปนี้คงต้องเจอศึกหนักแน่ๆ


ณดลนั่งกินน้ำส้มอยู่ในคลับของพายัพ สักพักพายัพก็เดินมานั่งด้วย
“กลับมาแล้วเหรอ” พายัพทัก “นี่พี่ไม่ได้ตาฝาดใช่มั้ย ณดลกินน้ำส้มเหรอ”
“ครับพี่ ตอนไปลอนดอนดื่มจนเมาเดี้ยงไปที ช่วงนี้เลยเข็ดขยาดเหล้าไปเลย” ณดลบอก
“อย่างงี้นี่เอง ฮ่าๆๆ” จู่ๆ ก็พายัพหยุดหัวเราะแล้วมองไปที่เวที เขาเห็นธัญญาซึ่งอยู่ในชุดนักร้องเดินจากหลังเวทีมายืนหน้าไมโครโฟน
“นักร้องคนนี้นี่ ที่พี่พายัพเล็งไว้น่ะ” ณดลพูดขึ้น
พายัพยิ้มด้วยสายตากรุ้มกริ่มก่อนตอบ “เรียบร้อยโรงเรียนพี่ไปแล้ว”
“เฮ้ย...พี่ จริงดิ?” ณดลตกใจ “ผมไปลอนดอนแค่ไม่กี่วัน มันไม่เร็วไปเหรอพี่”
“ของแบบนี้ มันต้องคิดเร็ว ทำเร็ว เคลมเร็ว ฮ่าๆๆๆ พี่เล่าให้ฟังมั้ยล่ะ”
ณดลอึดอัด “เอ่อ..ผมว่าไม่ต้องดีกว่ามังครับ”
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องเกรงใจ พี่เล่าให้ฟัง...”
พายัพเล่าเรื่องระหว่างเขากับธัญญาให้ณดลฟังด้วยความภูมิใจในความเป็นเสือผู้หญิงของตน

ภาพเหตุการณ์ที่พายัพเล่าย้อนกลับมา คืนนั้นพายัพกับธัญญาอยู่ในสภาพที่เมาทั้งคู่ ธัญญาเปิดประตูเดินเข้าห้องของตัวเองมาพร้อมกับพายัพ ทั้งคู่หยอกล้อกันถึงเนื้อถึงตัวเหมือนคู่รักข้าวใหม่ปลามัน
“ตั้งแต่พี่ช่วยธัญญาจากพวกขี้เมาที่จะมาลวนลาม พี่ก็ไปส่งเค้าถึงที่ห้องทุกคืน” พายัพเล่า “เอ่อ..อันที่จริง..ก็แค่สองสามคืนเท่านั้นแหละนะ”
พายัพกับธัญญาหัวร่อต่อกระซิกกันมาที่เก้าอี้โซฟา ธัญญาถูกดันให้เอนหลังลง แล้วพายัพจะโน้มตัวลงไปทับแต่ธัญญายังมีสติรีบเอามือยันไว้
“อย่าค่ะคุณพายัพ”
“อ้าว! ทำไมล่ะ เราสองคนก็โตๆ กันแล้ว ในเมื่อเราชอบกัน แล้วมันจะมีปัญหาอะไร” พายัพพยายามจะก้มลงไปจูบและซุกไซร้
ธัญญาพยายามยกมือปราม “แต่มันไม่เร็วไปเหรอคะ ถึงฉันจะรู้สึกดีๆ กับคุณ แต่ถ้าคุณไม่ได้รักฉัน ก็อย่ามีอะไรเกินเลยดีกว่า”
พายัพเริ่มหน้ามืด ซุกหน้าไซร้ไปทั่วพร้อมกับพูดไปชุ่ยๆ “ผมรักคุณนะธัญญา”
“ว่าไงนะคะ”
“ผมรักคุณ น่า..นะ...หรือคุณไม่ไว้ใจผม”
“เอ่อ..คือ...ค่ะ ไว้ใจสิคะ”
ธัญญายิ้มอย่างมีความสุขแล้วก็ปล่อยตัวให้พายัพจูบและซุกไซร้ได้ตามสบาย


พายัพยังคงโอ้อวดความเป็นเสือผู้หญิงของตนให้ณดลฟังอย่างต่อเนื่อง
“พอได้จูบแล้ว พี่ก็เลยจัดการถอดชุดเค้าออกซะ แล้วก็...”
ณดลมีท่าทางอึดอัดจนทนฟังไม่ไหวต้องรีบเบรกขึ้นมา “พอแล้วพี่ ไม่ต้องเล่าละเอียดก็ได้ครับ เอ่อ...แล้วพี่พายัพรักเค้าจริงๆ อย่างที่พูดเหรอครับ”
พายัพพูดกลั้วหัวเราะ “โอ๊ย! ไม่เอาน่า...พี่ก็แค่บอกรักไปชุ่ยๆ เพราะอยากได้เค้าตะหาก ผู้หญิงก็แค่เนี้ย พอโดนบอกรักเข้าหน่อย ก็อ่อนเป็นขี้ผึ้ง”
“เฮ่อ..แย่จังนะครับ”
“ณดลจะด่าพี่อีกสิ ใช่! พี่ยอมรับ พี่ก็เป็นแค่ผู้ชายคนนึง มีโอกาสพี่ก็รีบใส่เต็มๆ ไม่ได้เป็นสุภาพบุรุษแบบณดลนี่”
“โทษพี่คนเดียวไม่ได้หรอกครับ จะว่าไป ผู้หญิงคนนี้ก็ทำตัวง่ายเกิน ไม่รู้จักรักนวลสงวนตัวบ้าง”
พายัพสะกิดณดลเพื่อเตือนให้หยุด “ชู่ว...เดินมาทางนี้แล้ว”
ธัญญาเดินเข้ามาหาพายัพด้วยสีหน้าเศร้าๆ
ธัญญากระซิบกับพายัพ “คืนนี้ไปส่งฉันที่ห้องได้มั้ยคะ”
พายัพแกล้งพูดเสียงดังให้ณดลได้ยิน “คืนนี้ผมไม่ว่างน่ะ มีธุระต้องคุยกับคุณณดลต่อ”
ธัญญาหน้าจ๋อยด้วยความผิดหวัง “ค่ะ...ไม่เป็นไรค่ะ” แล้วธัญญาก็เดินออกไป
ณดลว่าพายัพเบาๆ “พี่! ไปโกหกเค้าแบบนั้นทำไม”
“ก็มันจำเป็นน่ะ ตามตื๊อพี่ทุกวัน คงคิดว่าพี่จะจริงจังด้วยหละมั้ง คนอย่างพี่ ไม่ชอบกินอะไรซ้ำๆ ณดลก็รู้ เอ้อ! ณดลรู้ใช่มั้ย ว่าธัญญาเป็นพี่สาวแท้ๆ ของอนามิกาน่ะ”
“หา พูดเป็นเล่นน่ะพี่” ณดลตกใจ
“จริงๆ ยัยเกดน้องสาวพี่ก็ยืนยัน ธัญญาเป็นพี่สาวของอนามิกา ผู้หญิงที่นายภัทร น้องของณดลไปพลาดทำเค้าท้องน่ะแหละ”
ณดลตกใจและแทบไม่เชื่อหูตัวเอง
พายัพพูดน้ำเสียงเยาะๆ “เรียกว่าแรงทั้งพี่ทั้งน้องเลยนะเนี่ย”
ณดลเริ่มคล้อยตามพายัพ เขายิ่งรู้สึกมีอคติกับธัญญาและอนามิกามากยิ่งขึ้น


อ่านต่อ หน้า 2




 แหม่มแก้มแดง  ตอนที่ 6 

อนามิกายกกระบอกน้ำยาฉีดกระจกในห้องน้ำ เธอฉีดหลายครั้งจนเริ่มมองไม่เห็นหน้าตัวเองก่อนจะยกผ้าขึ้นเช็ดกระจกให้ใสสะอาดอีกครั้ง อนามิกาปาดเหงื่อแล้วฉีดน้ำยาเช็ดกระจกอีกครั้ง จู่ๆ ณภัทรก็โผล่หน้ามาในกระจก อนามิกาตกใจจนสะดุ้งโหยง

“ว๊าย!”
“โทษทีๆ นี่ฉันเอง แล้วทำไมต้องมาทำความสะอาดห้องน้ำด้วยล่ะเนี่ย” ณภัทรถาม
“ก็คุณผู้หญิงสั่งน่ะสิ” อนามิกาตอบ
“คุณผู้หญิงนี่คนเดียวกับคุณแม่ฉันใช่มั้ย”
“ก็ใช่น่ะสิ! คุณแม่นายบังคับให้ฉันเรียกแบบนั้น” อนามิกาโยนอุปกรณ์ทำความสะอาดทิ้ง “นี่มันอยู่นอกเหนือจากที่เราตกลงกันไว้นะ ฉันรับจ้างปลอมตัวเป็นเมียนาย ไม่ได้ปลอมตัวเป็นคนใช้”
“โทษทีนะ เดี๋ยวฉันจะหาทางเจรจาไม่ให้เธอต้องทำงานบ้านอะไรแบบนี้”
“แต่ที่ฉันทำไปแล้วนี่ ฉันชาร์จค่าแรงเพิ่มอีกห้าร้อยนะ” อนามิกาบอก
“ห้าร้อยเลยเหรอ”
“นี่ถูกแล้วนะยะ ฉันมีดีกรีจบจากเมืองนอกนะ ราคานี้ไม่ได้บอกผ่าน”
“โอเค เอางั้นก็ได้ ไม่มีปัญหา”
พูดจบณภัทรก็จะเดินออกไป แต่อนามิกาจับแขนไว้
“เดี๋ยวก่อน..” อนามิกาพูดด้วยเสียงออดอ้อน “นายช่วยขับรถพาฉันออกไปซื้อของหน่อยสิ”
“ได้สิ พรุ่งนี้นะ”
“ไม่ได้ ต้องคืนนี้เลย”
“เธอจะไปซื้ออะไรของเธอ”
“เออน่ะ...พาฉันไปหน่อย...นะๆ”
“ก็ฉันยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าซื้ออะไร แล้วฉันจะพาเธอไปถูกมั้ย หือ?”
“ก็พาไปห้างใกล้ๆ บ้านก็ได้”
“ก็บอกมาก่อนสิว่าซื้ออะไร”
“ก็..ของใช้จำเป็นของผู้หญิงน่ะ นายจะรู้ไปทำไม”
“ก็บอกมาเถอะน่ะ มันจำเป็นอะไรนักหนา ถึงต้องออกไปซื้อตอนนี้ หา?”
อนามิกาโพล่งออกไปเพราะรำคาญ “โอ๊ย! บอกก็ได้ ฉันจะไปซื้อผ้าอนามัย ฉันเมนส์มา..ชัดมั้ย? มีประจำเดือนน่ะ รู้จักมั้ย?”
ณภัทรถึงกับอึ้ง อนามิกาเริ่มรู้สึกตัวว่าพลั้งปากพูดอะไรออกไปจึงเอามือปิดปากยิ้มเก้อๆ แก้เขินทันที

ที่ซูเปอร์สโตร์ในยามค่ำคืน ณภัทรดึงรถเข็นออกมาให้อนามิกา
“เอารถเข็นมาทำไม” อนามิกาถาม “ฉันแค่มาซื้อผ้าอนามัย”
“เออแฮะ...”
อนามิกาก้าวเดินไปแล้วชะงักเมื่อเห็นณภัทรไม่ตามมา “ไม่ไปด้วยกันเหรอ”
“เอ่อ...ของที่เธอจะซื้อเนี่ย...ฉันคงช่วยเลือก หรือช่วยออกความเห็นไม่ได้หรอกนะ ฉันว่าฉันรอตรงนี้ดีกว่า”
อนามิกายิ้มตอบแล้วคว้าตะกร้าเปล่าเดินตัวปลิวไป

ผ้าอนามัยหลากหลายยี่ห้อวางเป็นแนวยาว อนามิกาเดินถือตะกร้าเปล่ามาหยิบเลือกดู
“อะไรเนี่ย? ไม่อยู่เมืองไทยแค่สองปี เดี๋ยวนี้มียี่ห้อใหม่ๆ ให้เลือกเพิ่มขึ้นเยอะเลยแฮะ”
อนามิกาหยิบผ้าอนามัยมาพลิกดูที่แพคเกจและลองอ่านรายละเอียดบนแพคเกจ ก่อนจะวางคืนที่ แล้วเธอก็หยิบมาดูอีกสองแพค พอจะหยิบแพคต่อไปที่อยู่ด้านล่าง ก็ทำแพคที่อยู่บนๆ ร่วงกราวหล่นลงพื้น “ว๊าย!”
ผ้าอนามัยหลายแพคหล่นเกลื่อนพื้น อนามิกาก้มลงนั่งยองๆ เก็บ เธอหอบผ้าอนามัยเต็มแขน สักพักอนามิกาก็เห็นขาของผู้หญิงคนหนึ่งมาหยุดยืนแล้วก้มลงมาช่วยเก็บ เมื่อก้มลงมาอยู่ในระดับเดียวกันจึงเห็นว่าเป็นแพรวา
“ช่วยมั้ยคะ” แพรวาพูดพลางหยิบของขึ้นเก็บโดยไม่รอคำตอบ
“เอ่อ...ขอบคุณมากค่ะ” อนามิกาตอบ
ทั้งสองยืนเก็บผ้าอนามัยเรียงคืนที่ชั้นวาง ทั้งสองยิ้มแย้มทักทายกัน อนามิกาพยักหน้าอย่างขอบคุณ เหลือผ้าอนามัยในมือของแพรวาอยู่สองแพค อนามิกายื่นมือไปดึงมาแต่แพรวายื้อไว้
“ไม่เป็นไรค่ะ” อนามิกาบอก แต่แพรวายังยื้อไว้ อนามิกาดึงแรงขึ้น “ให้ฉันเก็บเองก็ได้ค่ะ”
“เอ่อ...โทษค่ะ คือจะซื้อน่ะค่ะ” แพรวาบอก
“อ้าว! อุ้ย!” อนามิกาพยักหน้าเขินๆ “โทษทีค่ะ”
แพรวายิ้มอย่างเป็นมิตร “ไม่เป็นไรค่ะ”
แพรวาเอาผ้าอนามัยสองแพคในมือใส่ในรถเข็นที่มีข้าวของอยู่ในนั้นแล้วจึงเข็นออกไป อนามิกามองตามไปแล้วบ่นกับตัวเอง
“ซุ่มซ่ามแล้วยังเซ่อซ่าได้อีกฉัน!”

ณภัทรยืนแกร่วรออนามิกาอยู่ เขาหันไปเห็นอนามิกากำลังเดินยิ้มมา อนามิกายกถุงใส่สินค้าอวดณภัทร
“เรียบร้อย” อนามิกาพูดยิ้มๆ
“ยังจะมาอวดอีก บอกก่อนนะ ของของเธอเนี่ย ต้องแอบซ่อนไว้ให้มิดชิดลับสุดยอดเลยหละ”
“รู้แล้วน่า ฉันต้องทำให้ทุกคนเข้าใจว่าฉันท้อง ขืนมีใครเห็นว่าฉันยังใช้ผ้าอนามัย ก็เสร็จสิ เอ่อ...ถ้างั้น...อะ!” อนามิกายื่นให้ “ฝากนายเก็บไว้ดีมั้ย”
ณภัทรรีบยกมือปฏิเสธ “เฮ้ย...ไม่เอาหละ เก็บเองดิ”
ทันใดนั้นทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงเรียกณภัทรด้วยน้ำเสียงดีใจ “คุณภัทร”
ณภัทรหันไปเห็นแพรวาเข็นรถตรงเข้ามาหา อนามิกาหันหน้ามามอง แพรวาเห็นก็ชะงัก
“คุณน่ะเอง”แพรวาทัก “อ้าว! นี่คุณรู้จักกับคุณภัทรด้วยเหรอคะ”
“ค่ะ ฉันเป็นภรรยาของภัทรเค้าน่ะค่ะ” อนามิกาบอก
แพรวาได้ยินก็ถึงกับช็อกไป อนามิกาประหลาดใจที่เห็นอาการช็อกของแพรวา อนามิกาหันไปมองณภัทร ณภัทรก็ยืนตัวแข็งทื่อ
แพรวาพยายามระงับอาการ แต่พูดด้วยเสียงสั่นเครือ “เอ่อ..ยินดีที่รู้จักนะคะ คุณ...”
“อนามิกาค่ะ เรียกฉันว่าอะนาก็ได้ ยินดีที่รู้จักเช่นกันนะคะ”
แพรวาหัวใจแทบสลาย เธอพยายามกลั้นน้ำตาที่เริ่มเอ่อออกมา
อนามิกามองแพรวาอย่างแปลกใจ “คุณแพรวา...คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“ปะ..เปล่าค่ะ งั้นขอตัวก่อนนะคะ” แพรวาหันมาพูดกับณภัทร “แพรขอตัวก่อนนะคะคุณภัทร”
“เอ่อ...คะ..ครับ แล้วเจอกันครับ”
แพรวาหันหลังกลับแล้วเข็นรถเข็นจากมา ในขณะที่น้ำตาของเธอก็ไหลพรั่งพรูออกมา ณภัทรยังยืนอึ้ง อนามิกามองตามอย่างสงสัย
“เป็นอะไรของเค้า ท่าทางแปลกๆ นะ” อนามิกาหันมาถามณภัทร “เค้าเป็นใครเหรอ?”
“ก็คุณแพรไง แพรวาน่ะ”
อนามิการู้สึกคุ้นๆ แต่ก็ยังนึกไม่ออก “แพรวา...” แล้วอนามิกาก็นึกขึ้นได้ “หา! อย่าบอกนะว่านี่คือแพรวา น้องสาวของนีน่าที่ว่าจะหมั้นกับนายน่ะ”
ณภัทรพยักหน้าอย่างกลุ้มๆ แทนคำตอบ

อนามิกาเดินคุยมากับณภัทร ในบริเวณทางเดินในซูเปอร์สโตร์
“นี่! บอกตรงๆนะ แต่ก่อนฉันเคยคิดว่าแพรวา น้องสาวยัยนีน่าจะต้องวีน ต้องแรง ต้องร้ายเหมือนพี่สาว แต่พอเจอตัวจริง เค้าก็ดูเรียบร้อย น่ารักดีนี่”
“แล้วไงเหรอ” ณภัทรถาม
“ก็...แล้วทำไมนายถึงไม่ชอบแพรวาเค้าล่ะ”
“แล้วทำไมต้องชอบล่ะ”
“ก็ผู้หญิงที่ทั้งรวย ทั้งสวย ทั้งดี สมัยนี้คิดว่าหากันได้ง่ายๆ ตามซูเปอร์สโตร์ทั่วไปเรอะ”
ณภัทรหยุดเดินแล้วหันมามองหน้าอนามิกาก่อนจะย้อน “งั้นฉันถามเธอนะ ตอนเธอเสิร์ฟอาหารที่ลอนดอน ก็เคยมีฝรั่งหล่อๆ รวยๆ มาจีบ ทำไมเธอไม่ชอบเค้าล่ะ”
“ก็...มันไม่ชอบอ่ะ แบบ...รู้สึกว่ามันไม่ใช่ เหมือนมันไม่มีเคมีกันเลยน่ะ” อนามิกาตอบ
“ฉันก็คิดกับแพรวาแบบที่เธอคิดนั่นแหละ”
“เออ! ดี ให้ฉันถามเองตอบเองเสร็จสรรพว่างั้น!? แต่ก็อดสงสารเค้าไม่ได้นะ คืนนี้คงนอนร้องไห้จนตาบวมหละมั้งฉันว่า..”
ณภัทรก็พยักหน้าเศร้าๆ เพราะอดรู้สึกผิดไม่ได้

แพรวาวาร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างน่าเวทนาอยู่ในห้องรับแขก เสรีกอดปลอบลูกสาวในขณะที่ตัวเองก็หัวใจแทบจะสลายตามไปด้วย
“แพรไม่เคยคิดเลยนะคะว่าคุณภัทรจะมีแฟนแล้ว ยิ่งมารู้จากคุณพ่อว่าแฟนเค้า...ท้อง” แพรวาสะอื้น
เสรีพยายามปลอบลูกสาว “แพรเชื่อพ่อสิ ผู้ชายก็งี้ ชีวิตนึงก็อาจจะมีพลั้งมีพลาดไปบ้าง พ่อว่านายภัทรคงแค่พลาดไปชั่วครั้งชั่วคราว ไม่ได้จริงจังอะไร แล้วพ่อก็มั่นใจด้วยว่าผู้หญิงคนนั้นต้องเป็นผู้หญิงที่ไม่ดี ไม่เอาไหน ไม่มีอะไรสู้ลูกแพรของพ่อได้เลย”
“แต่ที่แพรเห็น เค้าดูดีมากเลยนะคะ ทั้งสวย ทั้งน่ารัก ทั้งบุคลิกดี” แพรวาบอก
“เอ่อ...ก็...อาจจะแค่สวยแต่รูปจูบไม่หอมน่ะ คิดดูสิ ผู้หญิงดีๆ ใครเค้าจะปล่อยเนื้อปล่อยตัวจนท้องป่องกระทันหันแบบนี้”
“แต่คนที่ชื่ออนามิกาเค้าดูดีมากจริงๆ นะคะคุณพ่อ ขนาดท้องอยู่ก็ยังหุ่นดี” จู่ๆ แพรวาก็นึกขึ้นได้อย่างฉับพลัน “เออแฮะ...มันยังไงกันแน่เนี่ย”
“มีอะไรเหรอลูก”
“ก็คุณอนามิกาอะไรนั่นน่ะ ตอนที่แพรวาเจอเค้าครั้งแรก เค้ากำลังเลือกผ้าอนามัย”
“ก็ไม่แปลกนี่ ผู้หญิงทุกคนก็ต้องใช้”
เสรีนึกขึ้นได้ก็ตกตะลึงหันขวับไปมองหน้าลูกสาวทันที
“จริงด้วยแฮะ ก็ถ้าท้องแล้วจะต้องใช้ผ้าอนามัยอะไรอีกล่ะ แปลกๆ นะเนี่ย”
เสรีกับแพรวาวามองหน้ากัน ต่างคนต่างรู้สึกแคลงใจสงสัยขึ้นมา

อนามิกานอนห่มผ้าตะแคงไปทางณภัทรอยู่ในห้องนอนของณภัทร
“ฉันนอนไม่หลับเลยอ่ะภัทร” อนามิกาบอก
ณภัทรนอนห่มผ้าตะแคงมาทางอนามิกาเช่นกัน
“ทำไมล่ะ นอนไม่สบายเหรอ หรือฉันเปิดแอร์หนาวไปรึเปล่า” ณภัทรถาม
“ไม่หนาวไปหรอก ฉันก็มาจากลอนดอนพร้อมนายน่ะแหละ”
“งั้นเป็นอะไรเหรอ”
“ฉันเป็นห่วงพี่ธัญญาพี่สาวฉันน่ะ ไม่รู้มีเรื่องอะไร ตอนฉันไปหานี่เมาแอ๋คุยไม่รู้เรื่องเลย แล้วฉันก็บังเอิญเห็นรูปผู้ชายคนนึงในมือถือฉันด้วย”
“เธอรีบนอนแล้วพรุ่งนี้ค่อยไปหาพี่เค้าดีกว่ามั้ย กังวลไปก็นอนไม่หลับเปล่าๆ”
“อืม..ก็ได้...งั้นฉันหลับหละนะ”
“เอ่อ...อะนา ฉันขอขึ้นไปนอนบนเตียงไม่ได้เหรอ”
ทั้งคู่ยังคงนอนคะแคงหันหน้ามาหากัน แต่อนามิกานอนตะแคงอยู่บนเตียง ส่วนณภัทรนอนตะแคงอยู่กับพื้น
“พื้นมันแข็งน่ะ...นะ ฉันสัญญาจะนอนริมๆ เตียงไม่โดนเนื้อต้องตัวเธอเลย” ณภัทรบอก
“ไม่! นอนกับพื้นนั่นแหละนายน่ะ ไม่คุยแล้วนะ ฉันจะนอนแล้ว”
อนามิกาเอื้อมมือไปปิดโคมไฟหัวเตียงทำให้ห้องมืดสนิทไปทันที

หลังจากคลับของพายัพปิด ลูกค้าก็ทยอยเดินกลับบ้าน พนักงานสาวเดินมาไหว้ลาพายัพ โดยที่ณดลนั่งอยู่กับพายัพด้วย
“นั่งยาวเลยคืนนี้ งั้นผมกลับแล้วดีกว่า” ณดลเอ่ยลา
ณดลยกมือไหว้ พายัพรับไหว้ ณดลกำลังจะขยับลุกขึ้น ธัญญาก็ถลามาชนไหล่ณดลที่ลุกขึ้นยืนอยู่
ธัญญาพูดเสียงอ้อแอ้ด้วยความเมา “เพื่อนคุณพายัพจะกลับแล้วนี่คะ งั้นคุณไปส่งฉันที่ห้องนะ”
“ธัญญา อย่าเสียมารยาทสิ นี่คุณณดล เค้าเป็นเจ้าของพื้นที่ที่นี่ทั้งหมดนะ ขอโทษคุณณดลซะเดี๋ยวนี้” พายัพสั่ง
ธัญญายกมือไหว้แบบคนเมา “ขอโทษค่ะ”
ธัญญาเข้ามาเกาะแขนพายัพอย่างสนิทสนม พายัพรีบปลดแขนธัญญาออกเพราะไม่อยากให้ลูกน้องเห็น
“ธัญญา ปล่อย! คุณเมามากแล้วนะ”
“ก็รู้ว่าเมา แล้วคุณยังจะใจดำปล่อยฉันขึ้นแท็กซี่กลับบ้านเหรอ ก่อนนี้คุณไปส่งฉันทุกคืนได้ หรือว่าคุณพายัพไม่รักฉันแล้ว”
พายัพรีบปราม “ชู่วว...เบาสิ อายคนอื่นเค้ามั่ง”
พายัพหันไปมองณดลแล้วก็รีบประคองธัญญาออกไป
“ไป..ไปคุยกันข้างนอกดีกว่า” พายัพหันมาทางณดล “พี่ขอเคลียร์ทางนี้ก่อนนะ ขับรถกลับบ้านดีๆ ล่ะ” พายัพยกมือลา
ณดลพยักหน้ารับ “ครับพี่”
ณดลมองตามพายัพที่พยุงพาธัญญาออกไปอย่างทุลักทุเล แล้วเขาก็บ่นออกมาเบาๆ
“ทั้งพี่สาวทั้งน้องสาว ไม่รู้จักคำว่ารักนวลสงวนตัวเล๊ย...”
ณดลส่ายหน้าอย่างรับไม่ได้

เช้าตรู่ที่บ้านณดล ศรีกำลังต้มข้าวต้มกุ้งอยู่ในครัว ควันในหม้อลอยขึ้นมา อนามิกาเดินเข้ามาในครัวแล้วเอ่ยถาม
“ทำอะไรอยู่น่ะศรี ช่วยมะ ฉันทำกับข้าวเป็นนะ”
ศรีหันมามองหน้าอย่างไม่เป็นมิตร สักพักก็โพล่งขึ้น “ทำเป็นงั้นก็ทำไป ดี! ฉันจะได้ไปทำอย่างอื่น”
ศรีเดินออกไป ทิ้งให้อนามิกายืนมองอย่างงงๆ อยู่ในครัวคนเดียว
“อะไรเนี่ย มีงี้ด้วย” อนามิกาหันมาที่หน้าเตาอย่างไม่เต็มใจ “ก็ได้...ไม่หิวไม่ทำให้นะเนี่ย”
อนามิกาหยิบทัพพีคนแล้วชะเง้อมองในหม้อก่อนจะตักขึ้นมา
“ข้าวต้มกุ้ง...หน้าตาใช้ได้นะ แล้วรสชาติล่ะ”
อนามิกาใช้ช้อนตักแบ่งจากทัพพีมาเป่าแล้วลองชิม ทันทีที่รู้รสอนามิกาก็หน้าเหยเกจนแทบจะถุยทิ้ง
“นี่กะทำแค่พอให้สุกใช่มั้ยเนี่ย” อนามิกาชะเง้อดูในหม้อ “เครื่องปรุงมีครบทุกอย่าง ขาดอย่างเดียว คือความอร่อย”
อนามิกาสูดลมหายใจอย่างคนพร้อมลุย
“ได้! เดี๋ยวจัดให้”

ศรีกับอนามิกาช่วยกันยกชามข้าวต้มกุ้งที่ร้อนควันฉุยมาวางข้างหน้าทุกคนที่โต๊ะอาหาร “วันนี้แม่มีความสุขจังเลย” พนารัตน์พูด “นานมากแล้วนะ ที่เราไม่ได้นั่งพร้อมหน้าพร้อมตาครบทุกคนอย่างนี้”
อนามิกาขยับจะนั่งเก้าอี้ตัวที่ว่างอยู่ พนารัตน์รีบพูดขึ้น
“ขอเฉพาะครอบครัวฉันได้มั้ย ฉันไม่ได้เรียกให้เธอนั่ง”
“คุณแม่! อะนาเป็นภรรยาผมนะครับ” ณภัทรบอก
“แค่นอนกับแก ท้องกับแก ก็ไม่ได้แปลว่าเป็นครอบครัวเรานี่”
“คุณแม่ ให้เกียรติอะนาหน่อยสิครับ”
“เอาน่า...ภัทร อย่าทำเสียบรรยากาศสิ คุณแม่กำลังแฮปปี้ แกไม่เห็นเหรอ” ณดลเบรกแล้วพูดกับอนามิกา “เธอก็รอกินพร้อมกับศรีไปแล้วกัน”
อนามิกาสะอึก จ้องณดลด้วยความโกรธแล้วขยับปากจะตอบโต้ แต่ก็เก็บอารมณ์ไว้ “คะ..ค่ะ”
“เอาหละ...เริ่มทานกันดีกว่า ภัทร...ยิ้มแย้มหน่อยสิ” กอบชัยบอก
“คะ..ครับ คุณพ่อ” ณภัทรรับคำ
ณภัทรมองอนามิกาด้วยสายตาขอโทษ อนามิกาส่ายหน้าบอกว่าไม่เป็นไร แล้วยกนิ้วให้สัญญาณว่าตนโอเค
กอบชัยตักข้าวกินแล้วก็ทำตาโต “อื้ม...อร่อยมากเลยนะ”
พนารัตน์ตักกินด้วย “นั่นสิคุณ สงสัยเป็นเพราะบรรยากาศที่ลูกๆ อยู่พร้อมหน้า”
ณดลชิมแล้วพูด “ไม่ใช่แค่บรรยากาศนะครับ นี่อร่อยจริงๆ นะ ฝีมือใครเนี่ย”
อนามิกายืนข้างๆ ศรียกนิ้วชี้ตัวเองแล้วกำลังจะขยับปากพูด แต่ศรีก็ชิงตัดหน้า โพล่งขึ้นมา
“ฝีมือศรีเองค่ะคุณณดล”
“เหรอ..” ณดลหันไปพูดกับพนารัตน์ “อร่อยนะครับคุณแม่”
“อื้ม...สุดยอดเลย ถ้าบอกว่าไปซื้อเจ้าดังๆ มาก็เชื่อนะเนี่ย”
ศรียิ้มรับ อนามิกาเหล่มอง ศรีเหล่ตอบอย่างเยาะๆ อนามิกากัดฟันอดทนพยายามเก็บอารมณ์ที่เดือดอยู่ข้างใน

อนามิกาเก็บถ้วยชามมาวางที่อ่างล้างจาน โดยที่ศรีนั่งกินข้าวต้มกุ้งอยู่ในครัว อนามิกาเดินไปที่โต๊ะ กำลังจะนั่งลงกินด้วยแต่เธอเห็นข้าวต้มกุ้งในชามตัวเองมีอยู่ไม่ถึงครึ่งชาม
“โทษนะศรี...นี่แบ่งให้ฉันแค่นี้เองเหรอ” อนามิกาถามขึ้น
ศรีตอบอย่างยียวนโดยไม่มองหน้า “อื้อ...ช่วยไม่ได้ ก็เธอมาช้าเอง”
“นี่...ที่ฉันช้า ก็เพราะไปช่วยเธอเก็บถ้วยเก็บชาม แทนที่จะขอบคุณกัน กลับมาทำอย่างงี้เหรอ”
ศรีลุกพรวดขึ้นมา “เออ! ฉันจะทำแบบเนี้ย แล้วมีอะไรมั้ย”
“เธอพูดจาดีๆ ก็ได้นี่นา”
“ก็ฉันจะพูดแบบเนี้ย หรือเธอจะเอา”
“เธอคิดว่าฉันกลัวเธอเหรอ ถึงชอบพูดจาข่มขู่ กระโชกโฮกฮากขนาดนี้ พูดดีๆ เป็นมั้ย...หา”
“ฉันจะพูดแบบนี้หละ มีอะไรมั้ย” ศรียียวน
“แล้วถ้าฉันตอบว่ามีล่ะ” อนามิกาสวนกลับ
“ได้! อยากได้ข้าวต้มใช่มั้ย”
ศรียกชามข้าวต้มกุ้งของตนเงื้อขึ้นมาสาดใส่แต่อนามิกาเอียงตัวหลบทัน แล้วคว้าชามข้าวต้มตัวเองคว่ำลงบนหัวของศรีทันที
“กรี๊ด!!” ศรีร้องลั่น
อนามิกายิ้มเยาะ “ไง? ให้มันรู้มั่ง เล่นกะใครไม่เล่น”
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ” ณดลพูดดังลั่น
ณดลเดินเข้ามายืนหน้าเครียด ศรีรีบโผเข้าไปหา
“คุณณดลขา คุณอะนาเค้ารังแกศรี”
ทั้งหมดได้ยินเสียงของพนารัตน์ดังแว่วเข้ามา
“เสียงร้องแรกแหกกระเฌออะไร” พนารัตน์เดินเข้ามาเห็น “หา! ศรี ใครทำแกแบบนี้”
“จะมีใครอีกล่ะครับคุณแม่” ณดลพูดกับอนามิกา “เธอควรจะละอายใจบ้าง ศรีเค้าเป็นแค่แม่บ้าน แต่เธออุตส่าห์ไปเรียนถึงเมืองนอกเมืองนา แต่สิ่งที่เธอทำ มันต่ำเสียยิ่งกว่าอะไร”
“คุณว่าใครต่ำ มาถึงก็ด่าฉันเป็นชุด ใจคอจะไม่รับฟังกันบ้างรึไง” อนามิกาฉุน
พนารัตน์แผดเสียงสวนขึ้น “ฉันไม่ฟัง!”
อนามิกาสะดุ้งแล้วก็ต้องหงอ เพราะพนารัตน์กำลังอารมณ์ขึ้นอย่างรุนแรง
“ใครไม่อยากฟังเธอแก้ตัวอะไรทั้งนั้น” พนารัตน์หันมาพูดกับศรี “ศรี ไปล้างหน้าล้างตาซะ” แล้วเธอก็หันไปพูดกับอนามิกา “เธอ ตามฉันมานี่”
อนามิกาพยักหน้าอย่างหงอๆ “คะ..ค่ะ คุณผู้หญิง

อนามิกานั่งนิ่งที่เก้าอี้รับแขก พร้อมกับหลบตาทนฟังพนารัตน์ที่เดินใส่อารมณ์โวยเธออยู่ ส่วนณดลนั่งกอดอกรับรู้อยู่ใกล้ๆ
“รู้ไปถึงไหน ก็อายไปถึงนั่น เมียลูกชายฉันลดตัวไปตบตีกับคนใช้ในบ้าน นี่ขนาดกำลังท้องนะ ฉันอยากจะรู้หัวนอนปลายเท้าเธอจริงๆ พ่อแม่ผู้ปกครองเธออบรมกันมายังไง ถึงได้เป็นต่ำติดดินแบบนี้”
“ขอโทษนะคะ! กรุณาด่าดิฉันคนเดียว ได้โปรดอย่าลุกลามไปถึงคนอื่นในครอบครัวเลยค่ะ” อนามิกาบอก
“งั้นเธอช่วยเชิญพ่อแม่เธอมาคุยกับฉันหน่อยได้มั้ย ฉันอยากจะรู้ว่าเคยสั่งเคยสอนอะไรเธอบ้างหรือเปล่า ถึงได้ร้ายแบบนี้” พนารัตน์โวย
อนามิกากัดฟันระงับความโกรธ “คุณผู้หญิงอยากคุยกับพ่อแม่ดิฉันจริงๆ เหรอคะ”
“ก็จริงสิยะ ไม่จริงฉันจะพูดทำไม”
“คือพ่อแม่ดิฉันจากโลกนี้ไปนานแล้วน่ะค่ะ ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงยังอยากจะตามไปคุยด้วยอยู่หรือเปล่าคะ”
พนารัตน์ถึงกับสะอึกที่ได้ยินเช่นนั้น ณดลรีบลุกขึ้นโวย
“จะมากไปแล้ว นี่คุณแม่ฉันนะ รีบขอโทษเดี๋ยวนี้”
พนารัตน์สวนขึ้น “ไม่ต้อง! ถึงมันขอโทษ ฉันก็ไม่รับ” พนารัตน์หันมาที่อนามิกา “ฉันเห็นใจ พ่อแม่ตายไปนานแล้ว ก็เลยไม่มีใครสั่งสอน ก็น่าเห็นใจนะ ต้องอยู่หัวเดียวกระเทียมลีบแบบนี้”
อนามิกาก้มหน้ากัดฟันอดทนฟัง
ณดลพูดกับพนารัตน์ “อันที่จริง อะนาเค้าไม่ได้อยู่คนเดียวหรอกครับคุณแม่ เค้ายังมีพี่สาวอีกคน แต่ก็ทำตัวต่ำๆ พอกัน”
“นี่คุณด่าพี่สาวฉันเหรอ จะมากไปแล้วนะ คุณรู้จักพี่สาวฉันหรือไง ถึงได้ซี้ซั๊วพูดแบบนี้” อนามิกาโกรธ
“ฉันไม่ได้ซี้ซั๊ว ฉันได้เห็นพฤติกรรมของพี่สาวเธอแล้ว ที่ชื่อธัญญาน่ะ”
อนามิกาทั้งตกใจและประหลาดใจ
“ไม่อยากจะพูดมากหรอกนะ เอาเป็นว่า เธอลองไปถามกันเอาเอง ว่าเมื่อคืน ตอนที่พี่สาวเธอเมาแอ๋ แล้วฉุดกระชากลากถูไปกับผู้ชายน่ะ ตกลงไปจบกันที่ไหน ยังไง”
อนามิกาอึกอัก เธอพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ทั้งโกรธทั้งใจไม่ดีเพราะห่วงพี่สาว
“อุ๊ยตายแล้ว! มีเรื่องบัดสีบัดเถลิงแบบนี้ด้วยเหรอ แต่ฉันไม่แปลกใจหรอกนะ ก็ลำพังเธอยังแรงขนาดนี้ แล้วคนพี่จะแรงซะขนาดไหน” พนารัตน์พูด
อนามิการู้สึกโกรธจนอยากจะร้องไห้ “หยุดพาดพิงถึงพี่สาวฉันได้มั้ยคะ”
อนามิกากลั้นน้ำตาไม่ไหว น้ำตาของเธอจึงไหลออกมา เธอหันเดินหนีเข้าบ้านไป ณดลมองตามด้วยหน้าตาไม่สบายใจ ขณะที่พนารัตน์เต็มไปด้วยความสะใจ
ณดลพูดเบาๆ “นี่เราทำรุนแรงเกินไปหรือเปล่าครับคุณแม่”
“แรงอะไร เบาไปสิไม่ว่า ณดลอย่าไปใจอ่อนสงสารมันเชียวนะ มันก็แค่บีบน้ำตา เพราะเจอแฉจนเถียงไม่ออกแค่นั้นหละ”
ณดลเปรยเบาๆ “แต่อย่างน้อยในท้องเค้า ก็ยังมีลูกของเจ้าภัทรอยู่นะครับ”
ณดลไม่สบายใจและรู้สึกผิดอยู่ลึกๆ ที่พูดจารุนแรงกับอนามิกา

อนามิกานั่งเก็บข้าวของใส่กระเป๋าเสื้อผ้าด้วยน้ำตานองหน้าอยู่ในห้องของณภัทร ณภัทรเปิดประตูเข้ามาเห็นก็งงว่าเกิดอะไรขึ้น
“อะนา...เธอเป็นอะไร...นี่เธอร้องไห้เหรอ...แล้วเธอเก็บเสื้อผ้าจะไปไหน”
“ฉันทนกับคนที่นี่ไม่ไหวแล้ว ฉันจะไปอยู่กับพี่สาวฉัน” อนามิกาบอกทั้งน้ำตา
“เฮ้ยๆๆๆ เดี๋ยวสิ หมายความว่าไง เธอจะทิ้งให้ฉันต้องแต่งงานกับคุณแพรเนี่ยนะ”
“นายมันก็ห่วงแค่ตัวเอง ไม่เคยคิดจะดูแล ปกป้องฉัน ทั้งพี่นาย ทั้งแม่นาย กระทั่งคนใช้บ้านนาย ทุกคนที่นี่ไม่รู้จงเกลียดจงชังอะไรฉันนักหนา”
“ใจเย็นๆ ก่อนน่า...ก็บอกแล้วไง แค่สองสามเดือนเอง อดทนอีกหน่อยได้มั้ย”
“นายก็พูดได้ ก็นายไม่ได้มาโดนอย่างฉันนี่ ด่าฉันคนเดียวฉันไม่ว่า แต่นี่เล่นด่าลามไปถึงพ่อแม่ ถึงพี่สาวฉัน”
พูดจบอนามิกาก็รูดซิปกระเป๋าแล้วลุกพรวดเตรียมเดินออกไป ณภัทรรีบกระโดดไปขวางไว้
“แล้วนี่เธอจะทิ้งฉันไปอย่างเงี้ยเหรอ”
“ใช่! ฉันไม่อยู่แล้ว ข้าวของเสื้อผ้าที่เหลือ เอาไว้ฉันจะมาเก็บอีกที ตอนนี้ฉันขอหละ ยิ่งออกจากบ้านนี้เร็วเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งรู้สึกดีขึ้นเท่านั้น”
อนามิกาดันณภัทรที่ขวางทางอยู่ให้ออกไป เธอเดินออกนอกประตูแล้วปิดประตูเสียงดัง ณภัทรนิ่งอึ้งเพราะรู้สึกสับสนไปหมด ทั้งเป็นห่วงอนามิกา และห่วงอนาคตของตนเอง

อนามิกาสะพายกระเป๋าเสื้อผ้าเดินมาตามทางเดินหน้าห้องในคอนโดมิเนียมที่ธัญญาอาศัยอยู่ จนมาหยุดที่หน้าประตูห้องของธัญญาแล้วกำลังจะเคาะประตูห้อง แต่เธอก็ชะงักเมื่อได้ยินเสียงของณดลที่พูดเอาไว้ดังแว่วเข้ามาในความคิด
“...เธอลองไปถามกันเอาเอง ว่าเมื่อคืน ตอนที่พี่สาวเธอเมาแอ๋ แล้วฉุดกระชากลากถูไปกับผู้ชายน่ะ ตกลงไปจบกันที่ไหน ยังไง”
อนามิกาถอนใจกลุ้มๆ พร้อมกับรำพึงออกมาเบาๆ
“ไม่มีอะไรหรอกน่า”
อนามิกาเคาะประตูแต่ไม่มีเสียงตอบ เธอเงียบสักครู่แล้วก็เคาะย้ำๆ อีก ทันใดนั้นประตูก็เปิดออก อนามิกาถึงกับช็อกเมื่อเห็นว่าคนที่มาเปิดประตูให้คือพายัพ พายัพเองก็มองอนามิกาด้วยอารมณ์ของเสือผู้หญิงที่เห็นหญิงสาวสวยถูกใจ

อ่านต่อ หน้า 3




 แหม่มแก้มแดง  ตอนที่ 6 

ธัญญาแต่งตัวสบายๆ และค่อนข้างโป๊นอนเอกเขนกอยู่ที่โซฟา ได้ยินคนเคาะประตูก็เอ่ยถามพายัพที่เดินไปเปิดประตู
“ใครเหรอคะคุณ” พายัพเดินนำอนามิกาที่ถือกระเป๋าเสื้อผ้าเข้ามาในห้อง
“หา! อะนา” ธัญญาตกใจธัญญาลนลานรีบจัดเสื้อผ้าให้มิดชิดขึ้น 
“มาได้ไงเนี่ย ทำไมไม่โทรมาบอกก่อนล่ะ”
“ก็..เผอิญงานมีปัญหานิดหน่อย เลยว่าจะมาอยู่กับพี่ก่อน” อนามิกาบอก
พายัพมองอนามิกาด้วยความสนใจอย่างออกนอกหน้า แล้วหันไปพูดกับธัญญา
“จะไม่แนะนำให้ผมรู้จักหน่อยเหรอธัญญา”
“อ้อ...ค่ะ นี่อะนา น้องสาวแท้ๆ ของฉันเอง” ธัญญาหันมาพูดกับอนามิกา “ไหว้คุณพายัพสิ”
อนามิกายกมือไหว้พายัพแต่สายตามองอย่างไม่ไว้ใจ “สวัสดีค่ะ”
“คนนี้ใช่มั้ย ที่ว่าเพิ่งกลับจากลอนดอน” พายัพมองหัวจรดเท้า “สวยไม่แพ้พี่สาวเลยนะ” พายัพพูดกับอนามิกา “แล้วเสียงดีอย่างพี่สาวรึเปล่าเนี่ย อยากไปร้องเพลงที่ร้านสนุกๆ มั้ย”
ธัญญาพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “คุณพายัพ”
“อ้าว! ทำไมล่ะคุณ ก็ดีกว่าอยู่ว่างๆ นะ เพิ่งกลับมา คงยังไม่ติดงานอะไรมั้ง” พายัพบอก
“คุณพายัพ เมื่อกี้คุณบอกจะรีบกลับไม่ใช่เหรอ” ธัญญาขัดขึ้น
“เอ่อ..ใช่...ก็เนี่ย กำลังจะออกไปแล้ว” พายัพพูดกับอนามิกา “ว่างๆ ก็แวะไปนั่งเล่นที่ร้านได้นะ” พายัพหันไปหาธัญญา “ผมไปก่อนหละ แล้วคืนนี้เจอกัน”
พายัพเดินออกไป อนามิกามองตามแล้วหันมาถามธัญญา
“เค้าเป็นเจ้าของร้านเหรอ นี่พี่คบกับเจ้าของร้านที่พี่ร้องเพลงอยู่เหรอ”
ธัญญาไม่ตอบแต่เบือนหน้าหนี แล้วลุกขึ้นเดินเข้าห้องนอนก่อนจะพูดกับน้องสาว
“ขอนอนก่อนนะ มีอะไรค่อยว่ากัน”


ธัญญาจะล้มตัวลงนอนบนเตียง อนามิกาเดินตามมานั่งลงบนเตียงและพยายามพูดด้วย
“คุณพายัพคนนี้ใช่มั้ย ที่ทำให้พี่ร้องไห้วันก่อนน่ะ”
“ไม่ต้องถามได้มั้ย” ธัญญาหันหนี
อนามิกาตามไปคุยฝั่งที่ธัญญาตะแคงหน้าไป “อย่าหาว่ายุ่งเลยนะพี่ ฉันเห็นสายตานายคนนี้แล้วไม่ไว้ใจเลยอ่ะ ดูเสือผู้หญิงยังไงไม่รู้ แล้วพี่คิดดูสิ คนเป็นเจ้าของร้าน จะมาจริงจังอะไรกับนักร้องในร้าน”
ธัญญาพรวดขึ้นมานั่ง “แต่คุณพายัพเค้าจริงจังกับฉัน เราคบหาดูใจกันอยู่ แล้วที่สำคัญ เค้าเองก็ยังโสดด้วย”
“งั้นพี่ดูให้ดีแล้วกัน ฉันแค่ไม่อยากเห็นพี่ร้องไห้อีกน่ะ ผู้ชายแบบเนี้ย แค่ชอบก็คงได้ แต่อย่าเผลอไปหลงรักเชียว”
“แล้วจะให้ฉันรักผู้ชายแบบไหน หา? ฉันก็เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาที่อยากมีความรักเหมือนใครๆ เค้า ไม่เหมือนเธอนี่ อยู่มาจนป่านนี้ ยังไม่เคยมีแฟนซักคน”
อนามิกาสะอึกเพราะโดนย้อนเข้าเต็มๆ
“คนไม่เคยมีความรักอย่างเธอ จะเอาอะไรมาสอนฉัน เงียบไปเลยดีกว่า ฉันจะนอน” ธัญญาล้มตัวลงนอนแล้วเอาหมอนปิดหูเพราะไม่อยากได้ยินอะไร
“ใช่...ใครจะมารักฉัน ฉันมันก็แข็งๆ แบบนี้ ไม่ได้มีเสน่ห์แบบพี่นี่”
อนามิกาตัดพ้ออย่างเศร้าๆ นอกจากห่วงพี่สาวก็ยังรู้สึกสะท้อนใจตนเองอยู่เหมือนกัน


ณดลกระแทกปึกเอกสารและแฟ้มลงบนโต๊ะในออฟฟิศอย่างโมโห ก้อย เลขาสาวของณดลยืนหน้าจ๋อยและแทบจะร้องไห้ออกมา
“คุณเป็นเลขาประสาอะไร” ณดลโวยวาย “ผมไปเมืองนอกไม่กี่วัน คุณก็ปล่อยให้งานมันคั่งค้างเต็มไปหมดอย่างเนี้ยเหรอ”
ก้อยตอบอย่างกลัวๆ “เอ่อ..คือดิฉันจะรอให้คุณณดลกลับมาตรวจเอกสารก่อนน่ะค่ะ”
“จะรอทำไม ไอ้งานเล็กๆ น้อยๆ บางอย่าง คุณก็ควรจัดการตัดสินใจแทนผมได้บ้าง ไม่ใช่ว่าจะต้องรอผมไปซะทุกเรื่อง แล้วดูซิ งานทุกอย่างก็มาติดค้างตรงคอขวดเป็นกองตรงนี้”
“ตะ..แต่ปกติ คุณณดลก็ไม่เคยปล่อยให้ดิฉันตัดสินใจอะไรเองเลยนี่คะ”
“ยังจะมาเถียงอีก ผมจะมีเลขาไปทำไม ถ้าผมไม่อยู่ แล้วเลขาเอาแต่นั่งเล่นไปวันๆ ผมว่าคุณออกไปหางานทำที่อื่นดีกว่า คุณไม่เหมาะกับเป็นเลขาผมหรอก”
ก้อยช็อค “นะ..นี่คุณณดลไล่ดิฉันออกเลยเหรอคะ”
“ใช่! ผมจะให้ฝ่ายบุคคลจ่ายชดเชยให้คุณ เอาหละ ออกไปได้แล้ว”
ณดลพูดด้วยสีหน้าเครียด


ก้อยเปิดประตูห้องณดลออกมายืนหน้าประตูแล้วปล่อยโฮอย่างลืมอาย
“ฮือ...โฮ...”
พนักงานชายและหญิงทุกคนต่างเงยหน้าขึ้นจากงานพอเห็นก้อยยืนร้องไห้ก็พากันตกใจ บ้างก็ลุกขึ้นมาดูแล
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ” พนักงานหญิงคนหนึ่งถาม
ก้อยไม่ตอบแต่เดินมาเก็บข้าวของแล้วหยิบลังเทเอกสารออกเพื่อนำมาใส่ข้าวของ จังหวะนั้นณภัทรเดินเข้ามาในออฟฟิศพอเห็นพนักงานยืนรุมก้อยที่กำลังร้องไห้เก็บข้าวของอยู่ ณภัทรก็หยุดยืนดู
“คุณณดลทำอะไรคุณรึเปล่า” พนักงานชายอีกคนถามก้อย
“จะทำอะไรล่ะ ก็ไล่ฉันออกน่ะสิ” ก้อยตอบทั้งน้ำตา
ทุกคนพูดพร้อมกัน “หา! ไล่เลขาออกอีกแล้วเหรอ”
ณภัทรได้ยินแล้วถึงกับส่ายหน้าเพราะรู้ดีถึงฤทธิ์ของพี่ชายตน
“พี่ณดลนะพี่ณดล” ณภัทรพึมพำ


ณดลนั่งอยู่ที่เก้าอี้ของตนในห้องทำงานณภัทรเดินเข้ามาหา ณดลพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“ทำไม แกมีปัญหาอะไร ฉันจะไล่เลขาออกซักวันละคน มันก็ไม่ใช่ปัญหาของแก ห่วงตัวแกเองเหอะ กลับมาคราวนี้ พร้อมจะช่วยงานฉันรึยัง”
“ช่วยน่ะพอได้ แต่จะให้เป็นเลขาพี่ ผมไม่เอาเด็ดขาดนะ นี่ถามจริงๆ เหอะ ช่วงสองปีที่ผมไม่อยู่เมืองไทย พี่ไล่เลขาออกไปกี่คนแล้ว” ณภัทรถาม
“ก็...” ณดลเหลือบตานึก พลางนับนิ้ว “ก็...ประมาณๆ สี่ห้าคนละมั้ง”
“ถึงกับต้องประมาณกันเลยเหรอ”
“เออ! นี่ยังไม่นับพวกมาแค่วันสองวัน แล้วหายไปอีกนะ”
“ก็ไม่แปลกหรอกพี่ เป็นผมก็ทนพี่ได้ไม่เกินวันหรอก แล้วอย่างงี้ใครเค้าจะเป็นเลขาให้พี่ได้ล่ะครับ”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน งานตรงนี้มันไม่ได้ยากอะไร เพียงแต่เอกสารจุกจิกมันเยอะ ฉันเลยอยากได้คนที่ทำงานไวๆ แล้วก็ตัดสินใจแทนฉันได้บ้าง ไม่ใช่คอยแต่รับคำสั่ง คิดอะไรแทนฉันไม่ได้ซักอย่าง”
“คงหากันได้ง่ายๆ หรอกนะ เลขาพี่เนี่ย พี่รีบไปไล่เค้าออกซะ แล้วพี่จะหาใครมาช่วยงานกันล่ะครับ” ณภัทรนึกขึ้นได้ “เอ้อ! จริงสิ หรือว่า...?”
“หรือว่าอะไร?” ณดลสงสัย
“อะนาไงพี่” ณภัทรเสนอ
“เมียแกเนี่ยนะ”
“ใช่พี่! คนเค้ามีความรู้ความสามารถ แทนที่จะให้ล้างส้วมที่บ้าน ผมว่าให้เค้ามาช่วยงานพี่ณดลที่นี่ไม่ดีกว่าเหรอ”
ณดลครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงย้อนถาม “แกว่าเวิร์กเหรอ”
“เวิร์กสิพี่ แล้วผมจะคุยให้ แต่พี่ต้องให้เงินเดือนเค้าเยอะหน่อยนะ”
“ไอ้นี่...ดูแลผลประโยชน์เมียตัวเองเหลือเกินนะ”
ณภัทรยิ้มอย่างมั่นใจว่าทุกอย่างจะต้องไปได้สวย


ยามค่ำคืน ธัญญานั่งทาปากอยู่หน้ากระจกในห้องของเธอ ธัญญาแต่งตัวด้วยชุดกระโปรงรัดรูปสุดเซ็กซี่ อนามิกานั่งมองชุดของพี่สาวอยู่ข้างหลัง สักพักธัญญาก็ชะงักแล้วหันมามองหน้าอนามิกา
“มองอะไร?” ธัญญาถาม
“เอ่อ...ชุดมันโป๊ไปรึเปล่าพี่ พี่ต้องแต่งตัวอย่างงี้ทุกคืนเลยเหรอ” อนามิกาเป็นห่วง
“ก็ฉันไปทำงานนี่ยะ จะให้นุ่งขาวห่มขาวขึ้นไปร้องเพลงรึไง”
จู่ๆ เสียงเคาะประตูหน้าห้องก็ดังขึ้น
“ใครมาอีกล่ะเนี่ย” ธัญญาถามขึ้น
ธัญญาเดินไปเปิดประตูก็พบว่าเป็นผึ้ง สาวข้างห้อง ที่ร้องเพลงที่เดียวกับธัญญา ผึ้งแต่งตัวโป๊กว่าธัญญาและดูท่าทางกร้านโลกมากกว่า ผึ้งเดินพรวดเข้ามาอย่างคุ้นเคย เพราะเข้าออกห้องนี้เป็นประจำ
“ไงยะ นี่จะติดรถฉันออกไปมั้ย แล้วเงินที่ยืมฉันไปในวงป็อกเด้งน่ะ มีมาคืนฉันรึยัง” ผึ้งถาม
อนามิกาเหล่มองอย่างสะดุดหู
ธัญญาทำเสียงแข็งใส่ “อย่าเพิ่งทวงได้มั้ยยะนังผึ้ง ค่าเช่าห้องฉันยังไม่มีปัญญาจ่าย จะเอาที่ไหนมาใช้หนี้วงไพ่ล่ะ”
“เอ๊า! นังนี่ ตอนยืมหละเสียงอ่อนเสียงหวาน พอฉันทวงคืนหน่อยหละทำเหวี่ยงใส่ มีเท่าไหร่ก็เอามาก่อนได้มั้ย ซักสี่ห้าร้อยก็ได้ ฉันก็ไม่มีตังค์เติมน้ำมันแล้วนะยะ”
“เอ่อ...” ธัญญาหันรีหันขวางแล้วจึงหันไปที่อนามิกา “อะนา มีให้พี่ก่อนซักห้าร้อยมั้ย”
อนามิกาพยักหน้าหงึกๆ “เดี๋ยวไปหยิบให้”
ผึ้งกระซิบกับธัญญา “อ้าว! มีคนอยู่ด้วยเหรอ ฉันไม่ทันมอง ใครอ้ะ?”
“น้องสาวแท้ๆ ของฉันเอง” ธัญญาบอก
“สวยดีเน๊อะ นี่ถ้าไปร้องเพลงที่ร้าน สงสัยเราสองคนคงตกกระป๋องแหง” ผึ้งพูดพร้อมกับมองอนามิกาไม่วางตา

อนามิกาหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อผ้า เธอหยิบแบ๊งค์ห้าร้อยออกมาแล้วก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าดังขึ้น อนามิกาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูหน้าจอแล้วลังเล ก่อนจะกดรับอย่างไม่ค่อยเต็มใจ
“ว่าไงภัทร มีอะไร”
ณภัทรอยู่ในชุดเสื้อผ้าเตรียมจะเข้านอนกำลังพูดโทรศัพท์มือถือกับอนามิกาด้วยน้ำเสียงสดใส
“อะนา เธออย่าเพิ่งวางนะ ฉันมีข่าวดีจะบอก”


อนามิกาถือแบ๊งค์ห้าร้อยไว้ในมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกมือถือโทรศัพท์คุยกับณภัทรไปด้วย
“ฉันไม่ไว้ใจข่าวดีของนายเล๊ย มีเรื่องอะไรให้ฉันเดือดร้อนอีกล่ะ”
“อย่าพูดอย่างงั้นสิอะนา นี่ข่าวดีจริงๆ เธอกลับมาอยู่บ้านฉันเหอะ คราวนี้เธอไม่ต้องทำงานบ้านเป็นนังแจ๋วอีกแล้ว”
“ไม่อ่ะ ขืนอยู่บ้านเฉยๆ คุณแม่นายก็เล่นงานฉันตายสิ”
“ใครบอกจะให้เธออยู่บ้านเฉยๆ ล่ะ ฉันคุยกับพี่ณดลแล้ว ต่อไปนี้ เธอต้องไปทำงานเป็นเลขา คอยติดตามพี่ณดล”
อนามิกาโวยวายเสียงหลง “แล้วมันดีขึ้นตรงไหนเนี่ย อยู่ใกล้พี่ชายนายทั้งวัน ฉันได้กลั้นใจตายกันพอดี ฉันไม่เอาแล้ว เดี๋ยวฉันจะเข้าไปเก็บเสื้อผ้าที่บ้านนาย อ้อ! แล้วค่าจ้างของฉัน นายต้องเคลียร์ให้ด้วยนะ”
ณภัทรตอบเต็มเสียงอย่างหนักแน่น “ฉันไม่จ่าย!”
อนามิกาโวยลั่น “เฮ้ย! ได้ไงเนี่ย คิดจะเบี้ยวกันเหรอ”
“เธอนั่นแหละเบี้ยวฉัน”
“อะไรวะเนี่ย ฉันเบี้ยวนายยังไง”
“ก็เราตกลงกันแล้วว่า เธอจะแกล้งเป็นเมียฉัน เพื่อช่วยให้ฉันรอดจากการโดนจับคลุมถุงชน แต่ถ้าเธอทิ้งไปดื้อๆ อย่างงี้ ฉันก็โดนจับแต่งแหงๆ เห็นมะ เธอเบี้ยวสัญญาชัดๆ ยังไงฉันก็ไม่จ่าย”
“ไม่จ่ายไม่ได้นะ ฉันกระเป๋าแห้งแล้ว พี่สาวฉันก็ต้องการใช้เงินอีกต่างหาก”
ณภัทรสวนขึ้นทันที “งั้นก็ทำงานให้ฉันต่อสิ นะ..อีกแค่สองเดือนเอง นะๆๆๆ แล้วพอจบงานปั๊บฉันจะจ่ายเงินก้อนให้เธอเลย อ้อ! แล้วงานเลขาพี่ณดลเนี่ย มีเงินเดือนด้วยนะ ไม่ใช่ว่าทำกันฟรีๆ”
อนามิกาครุ่นคิดอย่างหนัก

ณภัทรยังคงพูดโทรศัพท์มือถือออดอ้อนขอร้องอนามิกา
“นะ...ถ้าเธอช่วยฉันละก็ เรื่องเงินไม่ต้องห่วงเลย ฉันช่วยเต็มที่ ไม่มีเม้ม”
ณภัทรหันไปเห็นณดลเปิดประตูเข้ามาในห้องของเขา เขาจึงรีบตัดบท
“แค่นี้ก่อนนะ” ณภัทรกดปุ่มวางหู แล้วบ่นใส่ณดล “โทษนะพี่ จะรบกวนกันมากไปหรือเปล่า ถ้าผมจะขอให้พี่เคาะประตูก่อนเข้ามาในห้องผมน่ะ”
“ทำไม? หรือแกมีความลับอะไรปิดบังฉัน” ณดลสวน
“ไม่ใช่อย่างงั้น แต่นี่ห้องผม ผมก็อยากมีความเป็นส่วนตัวบ้าง”
“อ๋อ...หรือว่าเมื่อกี้” ณดลจ้องณภัทรอย่างจับผิด “แกแอบโทรคุยกับผู้หญิง ใช่มั้ย? แกนี่มันเหลือเกินจริงๆ เมียเพิ่งท้องไม่กี่เดือน ก็ริจะมีกิ๊กซะแล้ว”
“โอ๊ย...ไปกันใหญ่แล้วพี่ ไม่มี๊”
“งั้นไหนให้ฉันดูโทรศัพท์หน่อยซิ ถ้าแกบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้โทรหาผู้หญิงน่ะ”
“เฮ้ย! พี่ โทรศัพท์มันเป็นของใช้ส่วนตัวนะ”
“นั่นไง ไอ้ภัทร ฉันสงสัยมานานแล้วว่าแกกับเมียดูเหมือนไม่รักกันเลย ที่แท้แกก็แอบนอกใจเมียใช่มั้ย แล้วนี่เมียแกไปไหน จะกลับมานอนรึป่าว”
“เค้าอยู่กับพี่สาว ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะกลับมั้ย”
“เห็นมั้ย เมียไม่อยู่ทั้งคน แกก็ไม่แคร์ แถมยังแอบโทรหาผู้หญิงอื่นซะงั้น”
“เอาเข้าไป...ไม่ไหวจะเคลียร์แล้ว พี่อยากคิดยังไงก็ตามใจพี่แล้วกัน แล้วตกลงพี่มีอะไรหรือเปล่า จู่ๆ คงไม่เดินเข้ามาในห้องผมเฉยๆ หรอกใช่มั้ย”
“เออ..ว่าจะชวนแกไปนั่งเล่นที่ร้านพี่พายัพน่ะ สนมะ”
ณภัทรส่ายหน้าอย่างเบื่อๆ
“โอเค งั้นฉันลงไปรอแกข้างล่างนะ รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเร็วๆ ล่ะ” ณดลมัดมือชก
ณดลก้าวออกไปจากห้อง ณภัทรพยายามเรียกไว้ แต่ณดลก็ไม่สน
“อ้าว เดี๋ยวสิพี่ ใครบอกว่าผมจะไป...” ณภัทรบ่นอย่างเซ็งๆ “เฮ้อ! ให้มันได้อย่างงี้สิ เผด็จการไปซะทุกเรื่องจริงๆ พี่เรา”


ธัญญาในชุดเซ็กซี่กำลังร้องเพลงอยู่บนเวทีในคลับของพายัพ โดยมีณดลกับณภัทรนั่งอยู่ที่โต๊ะมุมหนึ่ง
“พี่มานั่งนี่บ่อยเหรอครับ” ณภัทรถามขึ้น
“อื้อ...ไม่ได้ชอบดื่มนะ ฉันแค่ชอบแวะมานั่งคุยกับพี่พายัพน่ะ” ณดลบอก
ณภัทรมองไปรอบๆ “ร้านพี่เค้าก็น่านั่งดีนะ บรรยากาศใช้ได้ นักร้องก็โอเค”
ณดลพยักหน้าไปทางเวที “นักร้องคนเนี้ยนะ แกชมเค้าเพราะเกรงใจหละสิ”
ณภัทรงง “เกรงใจอะไร? ทำไมผมต้องเกรงใจ”
ณดลหันขวับมาจ้องตาณภัทรครู่หนึ่งจึงพูดขึ้น “เฮ้ย...นี่แกไม่รู้จริงๆ เหรอ นักร้องคนนี้ก็ธัญญาไง พี่สาวยัยอะนาเมียแกน่ะ”
“หา!!..พูดเป็นเล่นน่ะพี่” ณภัทรตกใจ
“แกนั่นแหละ พูดเป็นเล่น มีเมียจนเมียท้องแล้วยังไม่รู้จักพี่สะใภ้เนี่ยนะ”
ณภัทรช็อคจนได้แต่อ้าปากค้าง เขาหันไปมองธัญญาบนเวที ธัญญาร้องเพลงจบพอดี เสียงปรบมือดังขึ้น ธัญญาโค้งแล้วกล่าวขอบคุณ
“ขอบคุณมากค่า”
ณดลปรบมือให้ตามมารยาท แต่ณภัทรท่าทางอึดอัดเพราะกลัวว่าการเจอพี่สาวของอนามิกาอาจทำให้ความลับของเขาแตกได้


อนามิกาเดินชะเง้อมองหาป้ายชื่อร้าน จนมาสะดุดสายตาที่ป้ายไฟหน้าร้านซึ่งเขียนว่า Men’s Club
“อยู่ไหนนะ...อ้อ! นี่ไง เม็นส์คลับ”
อนามิกาจะเดินตรงเข้าไปในคลับ แต่พนักงานต้อนรับสาวสวยเข้ามาขวางไว้
“โทษค่ะ ที่นี่เป็นคลับสำหรับผู้ชายนะคะ มาสมัครงานเหรอ”
“เปล่าค่ะ พี่สาวฉันร้องเพลงอยู่ที่นี่ ว่าจะแวะมาหาน่ะค่ะ” อนามิกาตอบ
“งั้นรออยู่ข้างนอกดีกว่า” พนักงานแนะ
“แต่ฉันอยากเข้าไปฟังพี่สาวฉันร้องเพลงน่ะ”
“ไม่ได้นะคะ กฎของที่นี่ เราห้ามให้เพื่อนพนักงานมานั่งเกะกะ โต๊ะในร้านมีไว้ให้สำหรับลูกค้าเท่านั้น ว่าแต่..พี่สาวชื่ออะไรเหรอ”


ธัญญายืนอยู่ข้างๆ พายัพที่พาธัญญามาทักทายณดลกับณภัทรที่โต๊ะ
“ฉันชื่อธัญญาค่ะ” ธัญญายกมือไหว้ณภัทร “สวัสดีค่ะ”
“ไม่ต้องไหว้เจ้าภัทรมันก็ได้มังครับ” ณดลเอ่ยขึ้น
“ปกติ ฉันก็ไหว้ลูกค้าทุกคนที่นี่อยู่แล้ว” ธัญญาบอก
“ลูกค้าอะไรกัน นี่เค้าเป็นแฟนของน้องสาวคุณนะ” พายัพรีบพูด
ธัญญาตกใจ “หา! อะนามีแฟนแล้วเหรอ”
“มีแฟนหรือยังไม่รู้นะ รู้แต่ว่ามีสามีแล้ว” ณดลบอก
ทันทีที่ได้ยินณภัทรสะดุ้งโหยง เขารีบหาทางแก้สถานการณ์
“เอ่อ..ผมว่าเราอย่าเพิ่งคุยเลย ชนแก้วกันดีกว่ามั้ยครับ ชนแก้วๆ”
“เฮ้ย!ไอ้นี่ เจอพี่สะใภ้ยังไม่ไหว้ อย่าเสียมารยาทสิ” ณดลขัดขึ้น
ธัญญางง “อะไรกันคะเนี่ย ฉันงงไปหมดแล้ว”
ทันใดนั้นเสียงพนักงานสาวที่หน้าประตูก็ดังขึ้น “ไม่ได้นะคุณ บอกให้รอข้างนอก”
ณภัทร ณดล ธัญญา และพายัพ หันไปมองที่หน้าประตู พวกเขาเห็นอนามิกาเดินเข้ามาในคลับ ทั้งณดลและณภัทรก็ตกใจ “อะนา!”
อนามิกาเดินเข้ามา โดยมีพนักงานสาวสวยทั้งฉุดทั้งรั้งเอาไว้
พายัพรีบขยับไปบอกพนักงานสาว “ไม่เป็นไร แขกผมเอง”
พนักงานสาวสวยพยักหน้ารับทราบ แล้วเดินเลี่ยงออกไป
“อะนา...เธอมาได้ไงเนี่ย” ธัญญาถามขึ้น
“ก็อยากมาฟังพี่ร้องเพลงไง” อนามิกาบอก
อนามิกายังไม่ทันได้นั่ง ณภัทรก็รีบเข้ามาดึงแขนอนามิกา
“มานี่ก่อนอะนา” ดึงอนามิกาให้ห่างออกมาแล้วกระซิบข้างหู “นี่เธอบอกพี่สาวเธอรึยัง เรื่องแกล้งเป็นเมียฉันน่ะ”
อนามิกาหน้าตาตื่น “ยังเลย ตายหละสิทีนี้ ทำไงดีล่ะ”
ธัญญาเดินมาฉุดแขนอนามิกา ณภัทรกับอนามิการีบหุบปากสนิทแต่สีหน้าก็ยังหวั่นๆ ว่าจะแย่หรือเปล่า
“มา..มานี่เลยมา” ธัญญาฉุดแขนอนามิกามาที่โต๊ะ “มาเคลียร์ตรงนี้ก่อน”
“เคลียร์อะไรเหรอพี่” อนามิกาถาม
“ก็พวกนี้น่ะสิ เค้าเม้าธ์ว่าเธอมีสามีแล้ว เธอยืนยันกับเค้าหน่อยซิ ว่าเธอยังโสด ยังไม่มีสามีซะหน่อย”
“เอ่อ...คือ...” อนามิกาอึกอัก
“เอ้า...เป็นอะไรไปล่ะ” ธัญญาถาม
อนามิกากระซิบบอกธัญญา “ฉันปวดฉี่ พาฉันไปฉี่หน่อยสิ”
“อะไรของเธอล่ะเนี่ย”
“นะ..นะ...อั้นไม่ไหวแล้ว...เร็ว...” อนามิกาฉุดแขนธัญญาไปทางหนึ่ง
ธัญญาขืนตัวไปอีกทาง “ห้องน้ำอยู่ทางนี้”
อนามิกาจับแขนธัญญาฃแล้วดันให้ธัญญาเดินนำตนไป ณดล พายัพ และณภัทรนิ่งอึ้ง ด้วยความงงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วณดลจึงหันไปพูดกับณภัทร
“อะไรกันเนี่ย เป็นพี่สาวแท้ๆ แต่ดันไม่รู้ว่าน้องสาวตัวเองเป็นเมียแก แปลกๆ นะ”
ณภัทรหลบตาอย่างอึดอัดเพราะกลัวโดนจับได้


ธัญญากับอนามิกายืนอยู่หน้ากระจกในห้องน้ำหญิง หลังจากฟังเรื่องจากปากน้องสาวแล้วธัญญาก็โพล่งขึ้นมา
“เธอแกล้งหลอกว่าเป็นเมียเค้าเนี่ยนะ แล้วจะแกล้งหลอกไปเพื่ออะไร”
“ก็เค้ากำลังจะโดนทางบ้านจับคลุมถุงชนให้แต่งงานน่ะสิ” อนามิกาตอบ “ฉันก็เลยต้องช่วยตบตาทางบ้านเค้าว่าเราเป็นสามีภรรยากันน่ะ”
“เล่นอะไรบ้าๆ ต้องคอยโกหกทุกคนแบบนี้ ฉันไม่เอาด้วยหละนะ” ธัญญารีบปัด
“ไม่ได้นะพี่ ขืนความแตกออกไป นายภัทรก็ต้องแต่งงานกับคนที่เค้าไม่ได้รักน่ะสิ นะ...พี่ช่วยเนียนๆ ไปนะ อย่าให้อีตาณดล พี่ชายเค้าจับได้ล่ะ”
“จะดีเหรออนามิกา เธอคิดว่าเธอจะหลอกคนอื่นๆ เค้าไปได้ซักกี่น้ำ”
“อย่างน้อยก็ให้มันพ้นช่วงนี้ไปก่อนน่ะพี่ อ้อ! แล้วเค้ามีค่าจ้างให้ฉันด้วยนะ ไม่ได้ให้หลอกกันฟรีๆ”
“เหรอ? งั้นถ้าฉันช่วยเธอ เธอก็ต้องแบ่งตังค์ให้ฉันด้วยนะ” ธัญญารีบบอก
“ได้สิ เวลาฉันมีตังค์ ฉันก็ไม่เคยหวงกับพี่อยู่แล้ว นะ...เวลาเค้าคุยกัน พี่ก็แค่เนียนๆ เออๆ ออๆไป ตกลงตามนี้นะ”
ธัญญามีท่าทางหนักใจ “เฮ่อ..จะดีเหรอ ไอ้ฉันเองก็ไม่ชอบหลอกใครซะด้วย”


ธัญญากลับมาฟุ้งให้ทุกคนในกลุ่มฟังด้วยอารมณ์ตรงกันข้ามกับตอนก่อนไปห้องน้ำอย่างสิ้นเชิง
“ค่า...โอ๊ย...ฉันรู้มานานแล้ว น้องสาวฉันกับนายณภัทรเค้ารักกันจริงๆ ไม่ใช่ว่าใจแตก หรือชิงสุกก่อนห่ามนะ เค้าโตๆ กันแล้ว ฉันก็เลยไม่ห้ามอะไร เพราะเค้าทั้งคู่ก็มีความรับผิดชอบกันดี”
“มีความรับผิดชอบเนี่ยนะ แล้วทำไมไม่รู้จักป้องกัน” ณดลท้วงขึ้น
อนามิการีบพูดแทรก “ฉันว่าเรามาชนแก้วกันดีกว่า ดีมั้ยคะ”
ณภัทรรีบรับมุก “ดีๆ เรามาดื่มนี่นะ ไม่ได้มาคุย”
“ใช่ๆ ถ้าอยากจะคุย ก็โทรคุยกันก็ได้ มาที่นี่ทั้งทีต้องชน เอ้า...โชน” อนามิการีบตัดบท
อนามิกากับณภัทรชูแก้วขึ้นชนกัน พายัพกับธัญญาก็ชนด้วย ณดลยังมีท่าทางคาใจจึงยกแก้วชนอย่างขอไปที พอทุกคนลดแก้วลง ณดลก็พูดขึ้นอีก
“ถ้ามีความรับผิดชอบจริง ก็น่าจะแต่งงานกันก่อนที่จะ...”
อนามิกากับณภัทรรีบยกแก้วส่งเสียงเฮดังๆ เพื่อกลบเสียงณดล
“เอ้า! โชน...เฮ้! วู้ๆ”
พายัพเห็นณดลหน้าตาเซ็งๆ ก็เลยเป็นห่วง
“เอ้า! ชนแก้วหน่อย เฮฮาหน่อยสิณดล” พายัพบอก
“ครับพี่ ผมก็แค่ข้องใจว่า ทำไมพี่สาวเค้ากล้าพูดว่าน้องสาวมีความรับผิดชอบ ในเมื่อน้องเค้าปล่อยตัวจนท้องก่อนแต่งแบบนี้” ณดลบอก
อนามิกากับณภัทรตาโตและหุบปากสนิท
“หา! ว่าไงนะ” ธัญญาตกใจรีบหันมาถามอนามิกา “นี่เธอท้องเหรออะนา”
“เอ่อ...อ่า...คือ...” อนามิกาก้มหลบตา แล้วเหลือบมองณภัทรอย่างใจเสีย
ธัญญาหันมาคาดคั้นกับณภัทร “นี่นายทำน้องสาวฉันท้องเหรอ”
“เอ่อ...คือว่า...อ่า...” ณภัทรอึกอัก
ธัญญาเข้าใจได้ทันที เธอหันขวับไปตบหน้าอนามิกาฉาดใหญ่ ณดลซึ่งกำลังจิบเครื่องดื่ม อยู่ตกใจจนแทบจะสำลักพรวดออกมา เขารีบเข้ามาขวางธัญญาไว้
“คุณ...อย่า! ใจเย็นๆ ก่อน”
“ไม่ยงไม่เย็นมันแล้ว” ธัญญาหันมาโวยใส่อนามิกา “ทำไมถึงทำตัวแบบนี้ รู้มั้ย ถ้าแม่ยังอยู่ แม่จะเสียใจขนาดไหน ปากก็บอกไปเรียน แต่ที่แท้...”
พูดยังไม่ทันขาดคำ ธัญญาก็เข้าไปตบอนามิกาอีกฉาด ณดลกับพายัพช่วยกันขวางธัญญาไว้ อนามิกากุมหน้าป้อยๆ แล้วหันมามองณภัทร ณภัทรหน้าแหยเหมือนเจ็บแทน ทั้งคู่หน้าตาเหมือนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
พายัพพูดกับธัญญา “ผมว่าคุณกับน้องสาวออกไปก่อนดีกว่ามั้ย ลูกค้าในร้านแตกตื่นกันหมดแล้ว”
“ภัทร...แกรีบพาเมียกับพี่สะใภ้แกกลับไปก่อนดีกว่า” ณดลยื่นกุญแจรถให้ “เอารถฉันไป เดี๋ยวฉันกลับเอง”
“ครับๆ” ณภัทรรับคำ
ณภัทรจูงมือธัญญากับอนามิกาไว้คนละข้างแล้วพาเดินออกมา ธัญญาจะเข้าไปตบอีกที ณภัทรต้องรีบขวางเอาไว้

อ่านต่อหน้า 4




 แหม่มแก้มแดง  ตอนที่ 6 

อนามิกา ณภัทร และธัญญายืนเคลียร์กันอยู่ที่ลานจอดรถของโครงการ The City Avenue หลังจากฟังเรื่องราวจากน้องสาว ธัญญาก็มีอาการเซอร์ไพรส์สุดๆ

“ว่าไงนะ?! ที่ว่าท้องนี่เธอก็แกล้งหลอกเหมือนกันเรอะ”
อนามิกาพยักหน้าหงึกๆ พลางคลำที่แก้มซึ่งยังแดงอยู่
“อ้าว...แล้วก็ไม่บอก” ธัญญาหันไปถามณภัทร “ตกลงนายไม่ได้ทำน้องฉันท้องใช่มั้ย”
“อย่าว่าแต่ทำท้องเลยครับ ผมยังไม่เคยไปล่วงเกินอะไรเค้าเลยด้วยซ้ำ” ณภัทรตอบ
ธัญญาพยักหน้า “ฉันเข้าใจแล้ว...แต่ไหนๆ นายก็จ้างน้องสาวฉันเป็นเมียแล้ว ทำไมไม่ทำให้เป็นจริงไปซะเลยล่ะ มีน้องเขยรวยๆ อย่างนาย ฉันก็โอเคนะ”
“พี่ธัญญา! พูดอะไรออกมาน่ะ ฉันแค่รับจ้างแกล้งเป็นภรรยา ไม่ได้คิดจะจับผู้ชายรวยๆ เป็นสามีหรอกนะ” อนามิกาโวย
“เอาเถ๊อะ..เธอมันยังไม่รู้จักว่าชีวิตมันลำบากยังไง ไว้อายุมากกว่านี้ เธอก็จะรู้เอง ว่าเงินน่ะมันสำคัญขนาดไหน” ธัญญาบอก
“ฉันรู้ เงินน่ะสำคัญ ‘กับชีวิต’ แต่ก็ไม่ได้สำคัญ ‘เท่าชีวิต’ หรอกนะพี่”
“เอาเถอะๆ” ธัญญาหันมาพูดกับณภัทร “งั้นยังไงฉันฝากให้ดูแลน้องสาวฉันด้วยแล้วกัน หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัยกัน เอ๊ะ! นี่ฉันชักพูดเหมือนอวยพรคู่บ่าว-สาวยังไงไม่รู้นะ ฮะๆๆ”
อนามิกากับณภัทรหันมองหน้ากันเพราะไม่รู้สึกขำกับธัญญาด้วย

ณ สนามบินสุวรรณภูมิ นลิณาเดินเฉิดฉายมาที่อาคารผู้โดยสารขาเข้า ปล่อยให้เกตนิการ์เข็นรถเข็นซึ่งมีกระเป๋าเดินทางใบโตและสัมภาระมากมายของทั้งสองคน เกตนิการ์ชักสีหน้าบูดเบี้ยวอย่างไม่พอใจ
“นีน่า....นีน่า” เกตนิการ์ร้องเรียก
นลิณาเหลียวกลับมา “หา..มีอะไรเหรอเกด”
“นี่! ช่วยกันบ้าง ผลัดกันเข็นบ้าง ฉันก็เมื่อยเป็นนะ”
นลิณายิ้มแหยๆ แล้วจะเข้ามาช่วยเข็น พลันชะงักหันมองไปทางหนึ่ง เกตนิการ์หันมองตามไปก็เห็นเมธาวีกับอัธวุธต่างก็เข็นรถเข็นกระเป๋าเดินทางของตนมา
นลิณากับเกตนิการ์ผละจากรถเข็นกระเป๋าตน เดินมาขวางทางเมธาวีกับอัธวุธไว้
“ไงจ๊ะ แหม...ไม่ทักไม่ทายเลยนะ” นลิณาเอ่ย
“อ้าว! นีน่า เกด นี่เราบินกลับมาไฟลท์เดียวกันเลยเหรอ” เมธาวีประหลาดใจ
“นั่นสิ แปลกจัง ก็ขึ้นเครื่องมาด้วยกัน แต่ไม่ยักจะเห็นเธอสองคนเลยนะ” เกตนิการ์บอก
“จะแปลกอะไร” นลิณารีบพูด “ก็มันคนละชั้น คนละคลาสกัน เราสองคนนั่งบิสสิเนสคลาส ชั้นธุรกิจ แต่พวกเธอนั่งชั้นประหยัด”
“แล้วไงเหรอยะ ฉันก็มีตังค์ย่ะ” อัธวุธสวน “แต่ฉันแค่อยากนั่งชั้นประหยัดกับเพื่อนฉัน มีปัญหาอะไรมั้ย”
“ก็ไม่หรอกนะ ใครจะกล้ามีปัญหากับคนรวยๆ อย่างเธอ” เกตนิการ์บอก
“แต่ถ้ารวยจริง ก็หัดรู้จักเลือกคบเพื่อนบ้างนะ หัดคบคนให้มันสมฐานะหน่อย” นลิณาพูดกับเมธาวี “เธอนี่ก็ฉลาดนะ รู้จักคบคนรวยๆ ไว้พึ่งพา”
“ฉันคบเพื่อนไม่เคยคิดเรื่องแบบนั้น ถึงอัธวุธเค้าจะมีตังค์ แต่ฉันไม่เคยไปแบมือขอ หรือไปเบียดเบียนเค้า” เมธาวีบอก
“อ้าว! แล้วที่เธอกินอยู่กับบ้านยัยอาร์ทที่ลอนดอนมาเป็นปีนี่ ไม่เรียกว่าเบียดเบียนหรอกเหรอจ๊ะ” เกตนิการ์กระแหนะกระแหน
“หรือจะให้เรียกว่าเกาะกินเป็นปลิง” นลิณาเสริม
“นี่! พอทีเถอะย่ะ” อัธวุธเบรก “อย่าดูถูกกันนักเลย พวกเราทุกคนก็เพิ่งกลับมาเริ่มต้นชีวิตทำงาน นี่มันเพิ่งเป็นจุดสตาร์ท อย่าเพิ่งมาตัดสินกัน”
“อุ๊ยตาย! พูดเหมือนกับว่าอนาคตการงานของพวกเธอจะก้าวหน้ากว่าฉันอย่างงั้นแหละ ก็เอาสิยะ แล้วฉันจะคอยดู ว่าพวกเธอ กับพวกฉัน ใครมันจะรุ่ง ใครมันจะร่วง” นลิณาท้าทาย
นลิณากับเกตนิการ์ยิ้มเยาะเพราะสำคัญตนว่าเหนือกว่า เมธาวีกับอัธวุธวางตัวนิ่งแต่ก็มีแววตามุ่งมั่นไม่ยอมแพ้

อนามิกาอยู่ในชุดนอน เธอนั่งกอดเข่าซึมๆ อยู่คนเดียวบริเวณโต๊ะนั่งเล่นนอกบ้านณดล สักพักณภัทรก็เดินเข้ามาหา แต่อนามิกาไม่ได้หันไปมอง
“อะนา...เธอเป็นอะไรหรือเปล่า” ณภัทรเอ่ยถาม
“ฉันเบื่อน่ะ แล้วพรุ่งนี้ยังต้องไปทำงานกับพี่นายอีก ไม่รู้จะเป็นตายร้ายดียังไง” อนามิกาบอก
ทันใดนั้น เสียงอัธวุธก็ดังขึ้น “แล้วจะนั่งเบื่ออย่างงี้อีกนานมั้ย”
“เดี๋ยวฉันสบายใจแล้วจะขึ้นไปนอน” อนามิกาเอะใจ “เอ๊ะ!” อนามิกาหันขวับมาทันที
อนามิกาเห็นอัธวุธยืนถือถุงใส่ขนมใบใหญ่ยิ้มแฉ่งอยู่ข้างๆ เมธาวี โดยมีณภัทรยืนอยู่ข้างๆ
อนามิกาดีใจ “อาร์ท!! เม!!”
อนามิกาโผเข้าไปกอดเมธาวี อัธวุธก็เข้ามากอดด้วย ทั้งสามโอบแขนสวมกอดกันกลม
“ฉันคิดถึงพวกแกจะแย่ ทำไมกลับมาไม่บอก” อนามิกาดีใจ
“ก็เมกับภัทรอยากจะเซอร์ไพรส์พี่อะนาไง” เมธาวีบอก
“กลัวเธอจะเหงา ฉันก็เลยชวนเพื่อนๆ มาเซอร์ไพรส์กันน่ะ” ณภัทรพูด
“สองคนนี้ใช่มั้ย ที่รวมหัวเซอร์ไพรส์ฉัน งั้นมานี่เลย...มากอดกันก่อนเร็ว”
พูดจบอนามิกาก็ดึงเมธาวีมา ส่วนอัธวุธก็ดึงณภัทรมา ทั้งสี่คนกอดกันกลมโดยณภัทรกับเมธาวีได้กอดชิดใกล้กัน เมธาวีกับณภัทรยิ้มให้กันอย่างเขินๆ
อนามิกากับอัธวุธยิ้มให้กันอย่างเจ้าเล่ห์เพราะทั้งสองต่างก็ตั้งใจให้เมธาวีกับณภัทรใกล้ชิด

เวลาผ่านไป ถุงขนมบนโต๊ะพร่องไปจนเกือบหมด ส่วนกระป๋องน้ำอัดลมและกล่องน้ำผลไม้ที่ดื่มหมดแล้วก็ถูกบี้วางไว้บนโต๊ะนอกบ้านณภัทร แล้วทั้งสี่ก็ยกกระป๋องน้ำอัดลมกระป๋องใหม่ขึ้นชนกัน
“ยินดีต้อนรับกลับสู่กรุงเทพฯ แล้วก็กลับสู่ชีวิตการทำงานของพวกเรา” อนามิกาบอก
ทุกคนขานรับอย่างเฮฮา “เฮ้!!!”
ทุกคนยกดื่ม ครู่หนึ่งณภัทรจึงพูดขึ้น
“แล้วนี่พวกเราจะไปทำงานอะไรกันบ้างเนี่ย”
“ฉันจะเริ่มต้นทำร้านเสื้อผ้าของตัวเอง” อัธวุธชิงตอบ “ฉันจะทำให้ชื่อ อัทธวุธ ของฉันกลายเป็นแบรนด์ดังน้องๆ กุชชี่ อาร์มานี่ พราด้า”
“พอๆๆ ฝันอะไรก็เว่อร์ให้มันน้อยลงนิดนึง” ณภัทรหันมาถามเมธาวี “แล้วเมล่ะ”
“ก็ว่าจะหาร้านเล็กๆ ทำเสื้อผ้าขายเอง คงได้แค่แผงเล็กๆ หรือห้องเช่าเล็กๆ ไม่ได้ฟู่ฟ่าเป็นแบรนด์ดังระดับโลกอย่างยัยอาร์ทเค้าหรอกนะ” เมธาวีตอบ
“ก็ดีนะ เริ่มต้นแบบพอเพียง ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป” อนามิกาบอก
“เรื่องของเรื่องก็คือทุนน้อยน่ะพี่อะนา คงจะเริ่มต้นอะไรใหญ่โตไม่ได้” เมธาวีหันมาถามณภัทร “แล้วภัทรล่ะ นายคิดจะทำอะไร”
“แผนการในอนาคตของฉันน่ะเหรอ ก็นี่ไง” ณภัทรผายมือไปที่อนามิกา “มีเมีย มีลูก โอ๊ย!” ณภัทรโดนอนามิกาเอากระป๋องน้ำอัดลมโขกหัวเอาเบาๆ ทำให้ทุกคนขำออกมา
“เอาจริงๆ นะ ฉันเองก็ยังไม่ได้ตัดสินใจชัดเจน ว่าจะทำอะไรดี” ณภัทรบอก
“คนรวยๆ ก็งี้ อยู่ไปวันๆ ชิลๆ ไม่ต้องกลัวอดตาย ส่วนฉัน ถ้าย้ายออกไปจากบ้านนี้เมื่อไหร่ ก็คงจะ...ไปสมัครงานเป็นลูกน้องเธอสองคนไง” อนามิกาบอก
“โอ๊ย! ฉันจะจ้างชะนีมาทำไมให้เปลืองตังค์ยะ” อัธวุธรีบปัด
ทุกคนหัวเราะรับมุกกันเสียงดังเฮฮา ทันใดนั้นก็มีเสียงตวาดทำเอาทุกคนรีบปิดปากสนิท
“เบาๆ หน่อยได้มั้ย”
ณดลในชุดนอนเดินเข้ามายืนหน้าเครียด
“ไม่มีงานไม่มีการต้องทำกันรึไง ดึกป่านนี้แล้วยังไม่แยกย้ายกันกลับอีก” ณดลพูด
“พูดดีๆ ก็ได้ มีแขกมาบ้าน แทนที่จะพูดจาต้อนรับดีๆ” อนามิกาสวน
ณดลสวนกลับ “เธอไม่ต้องพูดเลย พรุ่งนี้ต้องไปทำงานกับฉันแต่เช้า ป่านนี้ยังไม่เตรียมตัวเข้านอนอีก ความรับผิดชอบน่ะ รู้จักบ้างมั้ย”
“ไม่ต้องห่วงน่ะ ฉันจะนอนดึกยังไง ฉันก็ตื่นไปทันทำงานแล้วกัน” อนามิกาบอก
เมธาวีเกรงใจ “ไม่เป็นไร เผอิญเมก็จะกลับแล้วพอดี”
“ใช่ๆๆ ฉันเองก็ง่วงนอนแล้ว” อัธวุธแกล้งอ้าปากหาว “ห๊าว...”
เมธาวีกับอัธวุธรีบขยับออกมา
“ไว้เจอกันใหม่นะ” อัธวุธรีบบอกลา
“ฉันเดินไปส่งหน้ารั้วเอง” ณภัทรอาสา
แล้วณภัทรก็เดินออกไปกับอัธวุธและเมธาวี ทิ้งให้ณดลกับอนามิกายืนจ้องหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร

เช้าวันใหม่ ณดลเดินนำอนามิกาเข้ามาในออฟฟิศของเขา ทั้งสองเดินผ่านโต๊ะทำงานของพนักงานชายหญิงที่กำลังนั่งทำงานกันอยู่ จนมาหยุดบริเวณกลางสำนักงาน
“เอาหละทุกคน ขอรบกวนเวลาทำงานนิดนึง ฉันจะแนะนำให้รู้จักเลขาฉัน เค้าชื่อ อนามิกามิกา หรือเรียกว่า คุณอะนาก็ได้”
“สวัสดีครับคุณอนามิกา / สวัสดีค่ะคุณอนามิกา” พนักงานชายและหญิงกล่าวทาย
อนามิกายิ้มอย่างเป็นมิตร “สวัสดีค่ะทุกคน ฝากตัวด้วยนะคะ”
“ต่อไปนี้ใครมีงานอะไร ก็เรียกใช้ได้เต็มที่ ไม่ต้องเกรงใจ อันที่จริงเค้าก็เป็นแค่เลขาขัดตาทัพ จะเรียกว่าเลขาชั่วคราวก็ได้” ณดลบอก
อนามิกาแทบสะอึกเพราะรู้สึกเหมือนณดลกำลังฉีกหน้าตนต่อหน้าพนักงานทุกคน
“และทันทีที่ฉันหาเลขาคนใหม่ที่เป็นตัวจริงเข้ามาได้ เลขาชั่วคราวคนนี้ก็จะหมดหน้าที่ทันที เอาหละ! แยกย้ายกันไปทำงานได้แล้ว” ณดลพูด
ทุกคนมองอนามิกาแล้วยิ้มเยาะๆ ต่างจากตอนแรกที่มองอย่างให้เกียรติ อนามิการู้สึกหน้าชาขึ้นมาทันที

ณดลกระแทกแฟ้มและเอกสารปึกใหญ่ลงบนโต๊ะทำงานของเลขาฯ หน้าห้องทำงานของเขา แฟ้มและเอกสารต่างๆ แทบจะสูงท่วมหัวอนามิกาที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้เลยทีเดียว
“ทั้งหมดเนี่ยนะคะ” อนามิกาถาม
“ใช่! มีปัญหาอะไรมั้ย” ณดลถามกลับ
“ไม่มีหรอกค่ะ บอสขา...” อนามิกาพูดล้อเลียน
“งั้นก็ดี ฉันต้องการให้เธอเคลียร์ทั้งหมดนี้ภายในเย็นนี้นะ” ณดลบอก
อนามิกาตาโต “หา?! เย็นเนี้ยเลยนะ”
“หรือถ้าเสร็จก่อนเที่ยงได้ก็ยิ่งดี”
“ฉันมีแค่สองมือ กะหัวกะโหลกเดียวนะคุณ”
“อ้อ! แล้วชงกาแฟให้ฉันด้วย กาแฟดำ ใส่น้ำตาลช้อนเดียว ครีมไม่ต้อง”
“เดี๋ยวๆๆ นี่ฉันต้องชงกาแฟให้คุณด้วยเหรอ ออฟฟิศคุณไม่มีแม่บ้านรึไง”
“มี! แต่ฉันจะใช้เธอ “ พูดขาดคำณดลก็หันเดินเข้าห้องทำงานตนไป
“แต่ว่าฉัน...เฮ้ย...เดี๋ยว...ว้า..”
อนามิกาขยับจะทักท้วงแต่ก็ไม่ทันแล้ว จึงได้แต่ฮึดฮัดขัดใจอยู่คนเดียว

อนามิกาตักกาแฟ น้ำตาล ครีมอย่างกระแทกกระทั้นอยู่ที่บริเวณมุมชงกาแฟในออฟฟิศ
อนามิกาบ่นเพื่อระบายอารมณ์ไปด้วย “กาแฟ น้ำตาลหนึ่งช้อน โธ่วุ้ย! นี่ฉันไม่ใช่คนใช้นะ”
อนามิกาคนแก้วเสียงดังใส่อารมณ์ แล้วยกแก้วกาแฟบนจานรองขึ้นมาถือกำลังจะเดินออกไป แต่แล้วเธอก็พลันชะงักเมื่อสะดุดสายตาที่ขวดกระปุกเกลือและพริกไทยที่วางอยู่ใกล้ๆ กัน อนามิกายิ้มเพราะปิ๊งไอเดียชั่วร้ายขึ้นมา

ในจินตนาการของอนามิกา เธอยกกาแฟในจานรองมาเสิร์ฟถึงโต๊ะณดลที่กำลังง่วนอยู่กับงานบนหน้าจอโน้ตบุ้คคอมพิวเตอร์
“กาแฟมาแล้วค่ะบอส”
ณดลยังคงจับจ้องอยู่กับงาน “ขอบใจ”
ณดลเอื้อมมือไปหยิบถ้วยกาแฟมาจิบโดยที่ไม่สายตาจากหน้าจอ อนามิกายืนลุ้นเตรียมฮาแตก ณดลจิบกาแฟเต็มคำแล้วก็ตาเหลือกก่อนจะพ่นกาแฟออกมาอย่างหมดสภาพผู้บริหาร

อนามิกายืนหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างพึงพอใจกับแผนการร้ายของตน เธอรีบวางแก้วลง แล้วหยิบขวดเกลือมาเขย่าก่อนเหยาะใส่แก้วอย่างเมามัน
“นี่แน่ะ...นี่ๆๆ ขืนชงอร่อยๆ ไปก็คงใช้ฉันอีก จัดแบบนี้ให้ดีกว่า นี่ๆๆ”
ทันใดนั้น แม่บ้านประจำออฟฟิศก็เดินเข้ามาหยุดยืนมองอย่างงงๆ อนามิกาหันไปเห็นป้าแม่บ้านประจำออฟฟิศยืนเหวออยู่ อนามิกาก็ชะงักโดยที่ขวดเกลือยังค้างในมือ
“คุณชอบกินแบบนี้จริงๆ เหรอคะ” แม่บ้านถามขึ้น
อนามิกายิ้มกลบเกลื่อนก่อนตอบ
“อยากลองเปลี่ยนรสชาติดูบ้างน่ะค่ะ”

อนามิกายกถ้วยกาแฟบนจานรองมาเสิร์ฟให้ถึงโต๊ะณดลที่กำลังง่วนกับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ้คบนโต๊ะ
อนามิกาอมยิ้มอย่างนึกสนุก “กาแฟมาแล้วค่ะบอส”
สายตาของณดลยังอยู่กับงานแต่เขาก็ตอบออกมาสั้นๆ “ขอบใจ”
อนามิกายืนรอขำ ลุ้นอยู่ว่าณดลจะจิบกาแฟใส่เกลือของตน
ณดลยกถ้วยกาแฟขึ้นมาจรดริมฝีปากและกำลังจะดื่ม แต่แล้วเขาก็ชะงักเหลือบมองอนามิกาที่กำลังยืนลุ้นกลั้นหัวเราะ พอเห็นว่าณดลจ้องมองอนามิกาก็รีบเก็บอาการ
ณดลเอะใจ มองกาแฟในแก้ว
“มีอะไรเหรอ”
“ปะ..เปล่าค่ะ”
ณดลยกถ้วยกาแฟขึ้นจะจิบแล้วก็เหลือบมองตาอนามิกา อนามิกาชะเง้อมองแล้วกลั้นหายใจอย่างลุ้นๆ พอณดลเหล่มาเธอก็รีบเก็บอาการอีก
ณดลเริ่มระแวง เขามองกาแฟในถ้วย แล้วมองตาอนามิกา “มีอะไรผิดปกติรึเปล่า”
“ไม่มีนี่คะ” อนามิการีบตอบ
“งั้น...เธอจิบให้ฉันดูหน่อยซิ”
“เอ่อ...จะดีเหรอคุณ ให้ฉันจิบ แล้วคุณกินต่อเนี่ยนะ ไม่รังเกียจฉันเหรอ”
“งั้นไปชงให้ฉันใหม่”
“อ้าว! ทำไมล่ะ”
“ฉันเห็นหน้าเธอก็รู้แล้วว่าเธอจงใจชงกาแฟรสชาติห่วยๆ มาให้ฉันกินใช่มั้ย”
“เฮ้ย! รู้ได้ไงอ่ะ เอ๊ย! ไม่ใช่นะ ฉันเปล่า”
“งั้นก็ลองจิบให้ฉันดูสิ” ณดลย้ำ
“เอ่อ...คือ..ไม่หละ ฉันไม่ชอบกินกาแฟ”
“ก็ได้...เธอไม่ต้องกินก็ได้...งั้นไปชงกาแฟให้ฉันใหม่อีกแก้ว”
“แต่ว่าฉันต้องทำงาน...”
ณดลสวนขึ้น “หรือเธอจะชิมแก้วนี้”
“ก็ได้...ฉันไปชงให้ใหม่ก็ได้” อนามิกาเก็บแก้วแล้วเดินออกไป
“เดี๋ยวก่อน” ณดลทักขึ้น
อนามิกาเหลียวกลับมา
“เอาแก้วเปล่ามาใบนึงด้วยนะ” ณดลสั่ง
อนามิกางง “เอามาทำไมเหรอคะ”
“ฉันจะแบ่งกาแฟจากถ้วยฉันให้เธอชิมก่อนน่ะสิ ก็ถ้าเธอชงกาแฟห่วยๆ มา เธอก็ต้องกินกับฉันด้วย”
อนามิกาหน้าแหย แล้วหันเดินออกมา พร้อมกับบ่นเบาๆ อย่างอารมณ์เสีย
“อะไรวะ ดักทางเราได้หมดเลย”
ณดลเงยหน้าจากงานขึ้นมาเหล่มองแล้วก็ยิ้มอย่างสะใจที่กำราบอนามิกาได้

นลิณากำลังนั่งคุยกับแพรวาและเสรีอยู่ที่ห้องรับแขกบ้านเสรี
“จริงเหรอน้องแพร เธอเห็นยัยอะนาซื้อผ้าอนามัยเนี่ยนะ” นลิณาตกใจ
“ค่ะพี่นีน่า แต่แพรว่าเค้าอาจจะซื้อให้คนอื่นใช้ก็ได้” แพรวาตอบ
“ซื้อให้ใครล่ะลูก ซื้อให้คุณพนารัตน์เรอะ” เสรีถาม
“คุณพ่อขา อายุขนาดคุณอารัตน์นี่ไม่ต้องใช้ผ้าอนามัยแล้วมังคะ รุ่นนั้นต้องใช้ผ้าอ้อมคนแก่แล้ว” นลิณาบอก
“อืม...งั้นก็เป็นไปได้นะว่าเค้าแกล้งท้อง” เสรีครุ่นคิด
“แล้วทำไมคุณอะนาเค้าแกล้งท้องด้วยล่ะคะ” แพรวาถามขึ้น
“โถ...ยัยแบ๊ว ก็เพราะอีตาภัทรมันจะหาเรื่องยกเลิกงานหมั้นกับเธอน่ะสิ ฉันก็ว่าแล้ว มีอย่างที่ไหน สองคนนี้เป็นเพื่อนกันอยู่ดีๆ ไม่มีวี่แววจะรักกันเล๊ย...แต่พอโดนทางบ้านจัดให้หมั้นกับน้องแพรเท่านั้นแหละ กลายเป็นท้องขึ้นมา เป็นสามีภรรยากันซะงั้น”
“ถ้างั้นเราจะพิสูจน์ความจริงเรื่องนี้กันยังไงดี” เสรีถาม
“ไม่ยากค่ะ เพราะคุณณดลเองก็ไม่ไว้ใจนังนี่เหมือนกัน เดี๋ยวนีน่าจะฟ้องคุณณดลให้เปิดโปงมัน คราวนี้มันไม่รอดแน่ๆ นังสิบแปดมงกุฏ”
นลิณากระเหี้ยนกระหือรือเพราะอยากแฉอนามิกาเต็มแก่

ศรีกำลังปัดกวาดทำความสะอาดบริเวณบันไดทางขึ้นชั้นบนของบ้านณภัทรอยู่ ณดลก้าวเท้าเข้ามาในบ้านอย่างรีบเร่ง
“อ้าว! คุณณดล ทำไมวันนี้เลิกงานเร็วจังล่ะคะ” ศรีทัก
“เอ่อ...เผอิญฉันผ่านมาแถวนี้ ก็เลยแวะกลับมาทำธุระนิดหน่อยน่ะ” ณดลตอบ
“ธุระอะไรเหรอคะคุณ”
ณดลไม่ตอบ แต่เดินลิ่วๆ ขึ้นบันไดบ้านไป
“ธุระอะไรของเค้า?”
ศรีมองตามณดลไปอย่างแปลกใจ

ณดลเปิดเข้ามาในห้องนอนของณภัทร แล้วเริ่มค้นหาตามตู้ ตามมุมต่างๆ โดยมีเสียงนลิณาที่โทรศัพท์มาหาเขาแว่วขึ้นมาในความคิด
“จริงๆ นะคะ ยัยแพรบอกว่าเจอยัยอะนากำลังซื้อผ้าอนามัยจริงๆ คุณก็รู้นี่ว่ายัยแพรโกหกเป็นกับเค้าที่ไหน หรือถ้ายังไม่เชื่ออีก คุณก็ลองไปรื้อค้นห้องยัยอะนาเอาเองแล้วกัน รับรองว่าจะต้องเจอหลักฐานชิ้นสำคัญแน่ๆ”
ณดลพยายามทั้งรื้อค้น ทั้งเปิดลิ้นชัก แต่ก็ยังไม่เจอผ้าอนามัย
“ปกติพวกผู้หญิงเค้าเก็บผ้าอนามัยไว้แถวไหนกันนะ หรือว่าเก็บไว้ใกล้ๆ ชุดชั้นใน”
ณดลเปิดลิ้นชักหนึ่งออกมาแล้วก็ถึงกับตาโตเพราะในลิ้นชักนั้น มีชุดชั้นใน ทั้งบราและอันเดอร์แวร์ของอนามิกาวางเรียงอย่างเป็นระเบียบ
“เอ่อ...ขอโทษนะ ไม่ได้ตั้งใจจะละลาบละล้วงอะไร” ณดลพูดกับตัวเอง
ณดลลงมือรื้อค้นลิ้นชักชุดชั้นในทันที

ศรียังคงทำความสะอาดบริเวณบันไดขึ้นชั้นบน สักพักอนามิกาก็เดินเข้ามา
“อ้าว...ทำไมกลับไวจัง โดดงานหนีคุณณดลมารึเปล่าเนี่ย” ศรีทัก
“เธอนี่พูดกับฉันสนิทสนม ไม่เหมือนกับว่าฉันเป็นเมียลูกชายเจ้าของบ้านนี้เลยนะ ทำไม? ถ้าฉันจะโดดงานแล้วมีปัญหามั้ย ทีเจ้านายยังไม่อยู่ แล้วฉันจะอยู่ทำไม” อนามิกาบอก
“แมวไม่อยู่ หนูร่าเริงว่างั้น”
“ใช่! แต่ฉันก็ทำงานจนตาลายแล้ว กลับก่อนเลิกงานแค่สองชั่วโมง คงไม่มีใครบาดเจ็บล้มตายหรอก ขอพักบ้างอะไรบ้าง” อนามิการีบก้าวขึ้นบันไดไป
ศรีมองตามแล้วยิ้มสะใจ “แมวไม่อยู่หนูร่าเริง ฮึ! แมวตัวเบ้อเร่ออยู่ข้างบนนั่นแหละอีหนูเอ๊ย”

อนามิกาเดินเข้ามาในห้องนอนของณภัทรด้วยท่าทางเพลียๆ เพราะอยากเอนหลังพักผ่อนเต็มที่แต่เธอก็พลันชะงักเพราะเห็นด้านหลังของณดลกำลังนั่งยองๆ กำลังรื้อค้นลิ้นชักเก็บชุดชั้นในของเธออยู่
อนามิกาตาโตตกใจ แล้วก็ขยับปากแต่ไม่มีเสียงว่า “ขโมย!” เธอหันซ้ายหันขวา แล้วคว้าเอาเก้าอี้ขึ้นมายกเงื้อง่าเตรียมทุ่มใส่เต็มแรง
“แก!”
ณดลหันมาเห็นก็ตาเหลือก “เฮ้ย!”
“หา! คุณเองเหรอ”
อนามิกายั้งไม่อยู่จึงทุ่มเก้าอี้ใส่ณดลเต็มแรง
ณดลยกท่อนแขนกันใบหน้าโดยอัตโนมัติ “โอ๊ย!!”
“อุ๊ย! โทษที ฉันยั้งไม่ทัน”
“จะบ้าเหรอไง จำฉันไม่ได้เรอะ”
“ก็ใครจะรู้ล่ะ ว่าคุณมามุดอยู่ตรงนี้ แล้วนี่คุณมาทำอะไรน่ะ” อนามิกาชะเง้อดู “เฮ้ย! นี่คุณเข้ามาขโมยชุดชั้นในของฉันเหรอ”
“เฮ้ย! จะบ้าเหรอ ใครจะไปทำแบบนั้น”
“แล้วในมือคุณล่ะ”
“ไหน...” ณดลยกมือขึ้น มียกทรงติดมือขึ้นมาหนึ่งตัว ณดลเห็นก็ตกใจ “เฮ้ยยย!”
ณดลรีบโยนยกทรงคืนลิ้นชักทันที
“อี๋...อีตาโรคจิต”
“ผมเปล่านะ ไม่ใช่อย่างงั้น” ณดลปฏิเสธ
“ไม่ใช่ยังไง ก็เห็นอยู่ตำตา ตะกี้หลักฐานก็อยู่คามือ”
“ก็ใช่! แต่ไม่ใช่ ฉันจะเอายกทรงเธอไปทำอะไรเล่า”
“งั้นเข้ามารื้อชุดชั้นในฉันทำไม”
“ก็...” ณดลมองไปที่ลิ้นชักอีกที เขาเห็นแพ็คของผ้าอนามัยหลบอยู่ใต้กองชุดชั้นใน
“นี่ไง” ณดลรีบคว้าแพ็คของผ้าอนามัยขึ้นมา “ฉันมาหาไอ้สิ่งนี้แหละ”
อนามิกาตกใจถึงกับเหวอพูดไม่ออก
ณดลพูดด้วยน้ำเสียงจับผิด “ว่าไง? ช่วยอธิบายหน่อยได้มั้ย? คนท้องเค้าต้องใช้ผ้าอนามัยกันด้วยเหรอ?”
“เอ่อ...คือ...” อนามิกาอ้ำอึ้ง
“จริงๆ แล้ว เธอไม่ได้ท้อง แต่สร้างเรื่องโกหกขึ้นมา เพื่อจับไอ้ภัทรมันใช่มั้ย”
อนามิกานึกหาข้อแก้ตัว “เอ่อ...คือว่า...” แล้วเธอก็นึกขึ้นได้ “ไม่ใช่นะ นี่ไม่ใช่ของฉัน”
“ไม่ใช่ของเธอ แล้วมาอยู่รวมกับชุดชั้นในของเธอได้ยังไง”
“คือ...ฉันซื้อมาฝากคนอื่นน่ะ”
“ฝากใคร” ณดลถาม
“ฝาก..เอ่อ...ฝากศรีไง ศรีน่ะ เค้าฝากซื้อ ฉันก็เลยซื้อมาฝาก”
ณดลแสร้งทำเป็นเชื่อ “งั้นเหรอ...อ๋อ..เข้าใจแล้ว ฝากศรีนี่เอง” ณดลพยักหน้ารับ
“ใช่ๆ” อนามิกายิ้มแล้วเป่าปากอย่างโล่งอก “ก็ออกไปข้างนอกอยู่แล้ว ก็เลยซื้อมาฝากเค้า”
ณดลยิ้มให้อนามิกา แล้วก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นดุทันที “คิดว่าฉันจะเชื่อเธอเรอะ”
ณดลจะเดินถือแพ๊คผ้าอนามัยออกไปนอกห้อง อนามิการีบมาขวางไว้
“คุณจะไปไหน” อนามิกาถาม
“ฉันจะลงไปถามศรีเดี๋ยวนี้ ว่าเคยฝากเธอซื้อไอ้นี่จริงหรือเปล่า”
ณดลเดินปึงปังออกไป
“เดี๋ยว..อย่าเพิ่ง...” อนามิกาหน้าแหย “ตายแน่ฉัน...หมดกันคราวนี้”
อนามิกาหน้าเสียเหมือนจะร้องไห้

จบตอนที่ 6

อ่านต่อตอนที่ 7 พรุ่งนี้



กำลังโหลดความคิดเห็น