แม่ยายที่รัก ตอนที่ 11
ทางด้านวริษราได้พาสมภพกับธงฉานมาในมุมสวนสวยที่ไม่มีคนเดินผ่านไปผ่านมา
“พี่รบเป็นญาติฉันและเราก็สนิทกันมาก” วริษราบอก
สมภพดูอาการของวริษราแล้วพอสรุปเรื่องราวได้ สมภพพูดเยาะเย้ย
“แต่ก็ไม่มากพอที่จะเปลี่ยนจากญาติเป็นคนรัก”
วริษราถึงกับอึ้งไปที่โดนพูดแทงใจดำ
“นังหน้าจืดมันแย่งพี่รบไป”
“ไม่จริง ไอ้หน้าจืดต่างหากที่แย่งน้องมัทไป” ธงฉานบอก
วริษรากำลังจะเถียงอีก แต่สมภพรีบขัดไว้ก่อน
“พอได้แล้ว ใครจะหน้าจืด ใครจะแย่งใครฉันไม่สน แต่ตอนนี้ฉันต้องการให้เธอแย่งวันรบกลับไปให้ได้ อย่าให้มีงานแต่งงานเกิดขึ้นเด็ดขาด”
วริษรานิ่งและเริ่มใช้ความคิด
“พวกคุณมีจ่ายให้ฉันเท่าไหร่”
“ทำไมต้องจ่าย ริซซี่ก็อยากได้ไอ้วันรบ ส่วนผมก็อยากได้น้องมัท” ธงฉานพูดขึ้น
“ค่าปิดปากไง ถ้าไม่อยากให้ฉันเอาแผนชั่วของพวกคุณไปบอกคนอื่น”
“แล้วเธอไม่กลัวฉันไปบอกคนอื่น.. เรื่องงานเสริมของเธอบ้างเหรอ” สมภพพูดเบรก
วริษราถึงกับอึ้งไปที่โดนสวนกลับ สมภพพูดกล่อมต่อ
“คิดดูดี ๆ ว่าจะร่วมมือกัน ต่างคนต่างได้ประโยชน์ หรืออยากจะให้ฉันแฉ”
วริษรามองสมภพกับธงฉานอย่างลังเลใจแล้วตัดสินใจ
“จะเอายังไงก็ว่ามา”
สมภพยิ้มร้าย
“หน้าอย่างอามีแผนเด็ดๆ กับเขาด้วยเหรอ” ธงฉานว่า
สมภพเบิ๊ดหัวธงฉาน
“ไปตามรุจีมา งานนี้ยิงนัดเดียวต้องกินรวบ”
ธงฉานกับวริษรามองสมภพด้วยความอยากรู้ว่าแผนของสมภพคืออะไร
ชานนท์กับวันรบเข้ามาในห้องพักที่ตกแต่งเรียบร้อยสวยงามในรีสอร์ตคุณแก้วในคืนนั้น เพื่อตรวจเช็กความเรียบร้อย
“พรุ่งนี้ห้องที่ตกแต่งก็เรียบร้อยทั้งหมด ก็คงส่งมอบแล้วก็ปิดจ็อบ”
“เสร็จเรื่องรบก็เหลือแต่เรื่องรักนะป๋า ที่ป๋ามาตื้อ ๆ แม่ยายผมนี่ ป๋าวางแผนไว้ว่ายังไง”
“ฉันเหรอ...ฉันก็อยากจะกลับมาอยู่กับครอบครัวฉัน ดูแลลูกเมียชดเชยกับที่ฉันทอดทิ้งเขาไป”
“แต่วันไหนถ้าแม่ยายความจำกลับมา เราจะตายหมู่นะป๋านะ”
“ฉันไม่กลัวหรอกว่ะ แกไม่เคยได้ยินเหรอ ความรักชนะทุกอย่าง”
“หืม..ไม่คิดนะว่าป๋าจะเลี่ยนขนาดนี้”
“รักเปลี่ยนคนได้เว้ย เมื่อกลางวันตอนที่คุณแก้วเจ็บท้องจะคลอด ฉันเห็นสามีคุณแก้วตื่นเต้นฉันยิ่งเสียดาย เมื่อวันที่มัทเกิด ฉันไม่ได้จับมือกระแต ไม่ได้อุ้มมัท ฉันทำให้ลูกต้องเสียใจ ขาดความอบอุ่น ทำให้เมียต้องลำบาก”
“เป็นผู้ชายที่แย่จริงๆ”
“ใช่..” รชานนท์รับคำแล้วนึกได้
“เฮ้ย ไอ้รบ ฉันพ่อตาแกนะ”
“ก็ล้อเล่น..แต่ป๋ายอมรับว่าเป็นพ่อตาผมแล้ว ยกมัทให้ผมแล้วใช่ไหม เย้ๆ”
“ฉันเชื่อใจแก แต่ฉันก็ห่วงลูก มัทเคยเสียใจเพราะฉันมาแล้ว ฉันไม่อยากให้ลูกต้องเสียใจเพราะแก มัทรักแกมากนะ”
“ป๋าก็รู้ว่าผมรักมัทมาก ผมจะไม่ทำให้มัทเสียใจแน่นอน ถ้างั้นเราก็ต้องสู้ต่อไปนะป๋าเพื่อผู้หญิงที่เรารัก”
วันรบยื่นมือ รชานนท์มองแล้วชกเบาๆ อย่างลูกผู้ชาย รชานนท์ยิ้ม
“แน่นอน”
พนักงานเคาะประตูแล้วเปิดเข้ามา
“คุณวันรบคะ มีคนมาขอพบค่ะ”
วันรบมองหน้ารชานนท์
วันรบเดินออกมาที่สวนสวย บริเวณนั้นไฟสลัว วันรบมองหาไม่เห็นใคร
“ไหนว่ามีคนมาพบ”
“พี่รบ”
วันรบหันไปยังไม่ทันตั้งตัว วริษราก็โผเข้ากอดวันรบทันที วันรบตกใจพยายามจะผลักวริษราออก แต่วริษราร้องไห้บีบน้ำตา วันรบถึงกับชะงัก
“ริษร้องไห้ทำไม”
“แม่รู้ว่าริษทำงานกับเจ๊กุ๊ก แม่โกรธริษมาก”
“ริษ...”
วริษรายังกอดวันรบแน่นแล้วร้องไห้หนักขึ้น
“ขอริษอยู่แบบนี้สักพักนะคะพี่รบ”
วันรบใจอ่อนโอบปลอบวริษราไว้หลวม ๆ แชะ แชะ แชะ ภาพถูกบันทึกไว้แล้ว
รชานนท์กำลังหันหลังให้ประตูตรวจความเรียบร้อยภายในห้องพักเดิม มีเสียงประตูเปิดเข้ามา รชานนท์พูดขึ้นขณะที่ยังไม่ได้หันหลังกลับไปมอง
“ใครมาหาแกล่ะ”
รชานนท์หันมาก็ชะงักที่เห็นเป็นรุจีในชุดไทยเซ็กซี่
“รุจี...คุณมาที่นี่ทำไม”
รุจีปิดประตูเดินเข้าหารชานนท์ รชานนท์ถอยทันที
“คุณนนท์เจ้า รุจี...”
“รุจี ออกไปดีกว่านะ”
รุจีตัดสินใจโผเข้าหารชานนท์แล้วดันให้ล้มไปบนเตียง
“คุณนนท์..รุจีฮักคุณนะเจ้า..ฮักมาก”
รชานนท์พยายามจะผลักรุจีออกไป แต่รุจีไม่ยอมกอดรชานนท์แน่น รชานนท์ดันพลิกตัวขึ้นมาคร่อมร่างรุจี รชานนท์ใช้สองมือยึดมือรุจีไว้ … แชะ แชะ แชะ ภาพนี้ถูกบันทึกไว้แล้ว
“เลิกทำบ้าๆซะที”
รชานนท์ลุกขึ้นไปเปิดประตูจะออกจากห้อง แต่รุจีรีบวิ่งเข้าไปกอดด้านหลังรชานนท์
“คุณนนท์”
บริเวณหน้าห้อง รชานนท์ปลดมือรุจีออกแล้วดันรุจีให้ออกห่าง
“ผมจะไม่ทรยศคนที่ผมรัก ผมไม่เคยรักคุณนะรุจี ผมรักกระแตคนเดียวเท่านั้น อย่าทำแบบนี้อีก ไม่งั้นระหว่างเราจะไม่เหลือแม้แต่ความเป็นเพื่อน”
รชานนท์พูดแล้วเดินไป
“คุณนนท์..คุณนนท์ รุจีขอโทษ”
รุจียืนร้องไห้น้ำตาไหลพรั่งพรูอย่างอึดอัด
เช่นเดียวกับวันรบที่พยายามดันวริษราออกไปให้ห่าง
“เรื่องคุณน้าไว้พี่จะคุยให้นะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ริษแค่กลุ้มใจอยากระบาย ตอนนี้ริษสบายใจแล้ว ขอบคุณนะคะพี่รบริษ..กลับก่อนนะคะ”
“แล้วมีเงินหรือเปล่า”
วริษราทำเป็นนิ่ง หน้าเสีย วันรบหยิบกระเป๋าเงินดึงเงินออกมาให้วริษรา
“ติดตัวไว้ใช้นะ”
“ขอบคุณค่ะ ริษไปนะคะ”
วริษราเดินออกไปขณะที่วันรบมองตามด้วยความหนักใจ
วันรบจะกลับไปที่ห้องพักก็เห็นรชานนท์เดินตามมาติดๆ
“อ้าว..ป๋า เช็คงานเรียบร้อยแล้วเหรอ”
“อืม...คิดถึงเมีย กลับบ้านดีกว่า”
“คิดถึง...ไม่ได้เกลียมัวใช่ไหม”
“ระดับป๋าไม่กลัวเมียเว้ย..แต่เกรงใจมาก”
วันรบกับรชานนท์หัวเราะแล้วเดินออกไปด้วยกัน
เสียงไก่ขันยามเช้าดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงโทรศัพท์มือถือของมัทรีและติรกาที่ดังขึ้นมาพร้อมกัน ติรกา รชานนท์ มัทรี วันรบ และเตือนใจ นั่งทานข้าวเช้ากันอยู่ พุทราหยิบมือถือมาส่งให้มัทรีกับติรกา
“ไม่โชว์เบอร์ทั้งสองเครื่องเลยค่ะ” พุทรารายงาน
ติรกากับมัทรีรับมือถือมาแล้วกดรับสาย
“สวัสดีค่ะ...”
“เช็กอีเมลซะจะได้ตาสว่างซะที” เสียงผู้หญิงดังขึ้นบอกกับติรกาและมัทรี
พูดแล้ว … ปลายสายวางหูทันที
ติรกากับมัทรียัง “ฮัลโหลๆ” อยู่ ก่อนจะหันหน้ามามองกันอย่างงงๆ
“มีอะไรเหรอกระแต” รชานนท์ถาม
“มัทใครโทรมาเหรอ” วันรบถาม
ติรกากับมัทรีไม่ตอบแล้วมองหน้ากันนิ่งๆแล้วลุกเดินออกไปเช็กอีเมลทันที
ติรกาและมัทรีเปิดอีเมล์จากโน้ตบุ๊คของตัวเอง รชานนท์กับวันรบแปลกใจกับท่าทีของคนรัก
“ตกลงมีอะไรกัน” รชานนท์พูดขึ้น
“เกี่ยวกับคนที่โทรมาเมื่อกี้ใช่มั้ย”
ติรกาและมัทรีหันมามองหน้ารชานนท์กับวันรบนิ่งๆแล้วไม่พูดอะไร
“นิ่งขนาดนี้ อย่าเพิ่งถามอะไรเลย” เตือนใจบอก
“เพื่อความปลอดภัยของทุกคนค่ะ” พุทราต่อข้อความให้สมบูรณ์
อีเมลเป็นไฟล์ภาพนิ่งถูกส่งมาจากบุคคลนิรนาม เมื่อเปิดเมล์โหลดไฟล์จนเสร็จ ทั้งติรกาและมัทรีคลิ๊กเปิดไฟล์ทันที ติรกาและมัทรีอึ้งช็อกไปเมื่อเห็นภาพ
รชานนท์ วันรบ เตือนใจและพุทราถึงกับอึ้งและช็อกไปเช่นกัน
รชานนท์และวันรบถึงกับร้อง “เฮ้ย”
ติรกาและมัทรีหันมามองรชานนท์กับวันรบทั้งโกรธทั้งตกใจกับสิ่งที่เห็น วันรบกอดกับผู้หญิงคนหนึ่ง ขณะที่รชานนท์คล่อมอยู่บนร่างของรุจี
รชานนท์ดึงตัวติรกามาคุยทันที
“กระแตผมอธิบายได้นะ”
“คุณนอกใจฉัน”
มัทรีเดินเข้าไปหาวันรบด้วยอารมณ์โกรธไม่แพ้ติรกา
“พี่รบ มัทไม่คิดเลยว่าพี่จะทำกับมัทแบบนี้”
“มัท ฟังผมก่อนนะ ผมกับผู้หญิงคนนี้ไม่ได้มีอะไรกัน”
“กอดกันขนาดนี้ยังจะโกหกมัทอีกเหรอ”
“พุทรา” ติรกาเรียกเสียงแข็ง พุทรารู้หน้าที่ส่งปืนให้ติรกาทันที
“วิ่ง” เตือนใจเสียงดังสวนทันที
รชานนท์กับวันรบใส่เกียร์ออกวิ่ง ติรกายิงปืนตามไป ปังๆๆ! รชานนท์กับวันรบหลบอยู่ที่หน้าบ้าน
“กระแต ฟังผมก่อนสิครับ”
“ภาพมันฟ้องขนาดนี้ยังจะให้ฟังอีกเหรอ ฉันให้โอกาสคุณ ยอมให้คุณเข้ามาอยู่ที่นี่เพราะคิดว่าคุณจะกลับตัวได้ แต่คุณมันเป็นจอมโกหก หลอกลวงไม่ต่างจากยี่สิบปีก่อน คนเลว”
วันรบได้ยินดังนั้นก็ชะงักทันที
“ป๋า คุณแม่ยายเขา”
“กระแต..นี่คุณจำเรื่องทุกอย่างได้หมดแล้วเหรอ” รชานนท์ถาม
“ใช่”
พุทรารีบเสนอหน้าทันที
“ตั้งแต่เมื่อไหร่คะคุณติ”
“นั่นสิ แม่จำได้ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
ติรกาอึ้งหันไปมองเตือนใจ เตือนใจเบือนหน้าหนีไม่ช่วยซะอย่างนั้น
ติรกาทำอะไรไม่ถูกได้แต่กลบเกลื่อนด้วยน้ำเสียงอันดัง
“ฉันจะจำได้ตอนไหนไม่ต้องสนใจ แต่ตอนนี้ฉันรู้เช่นเห็นชาติพวกคุณหมดแล้ว ออกไปให้พ้นจากชีวิตฉัน ไป”
ติรกายังคงยิงปืนใส่เป็นระยะแบบไม่ยั้ง
วันรบดึงรชานนท์ แต่รชานนท์จะไม่ยอมไป
“ไปหาที่ตั้งหลักก่อนเถอะป๋า”
“แต่...”
“เอาชีวิตรอดก่อนเถอะ”
ติรกาหระหน่ำยิงซ้ำอีก วันรบลากรชานนท์ออกไปจนได้
“พุทรา ต่อไปนี้อย่าให้สองคนนั้นเข้ามาในบ้านได้อีก”
ติรกาสั่งด้วยเสียงกร้าวแต่น้ำตาร่วงด้วยความเสียใจ
สองแม่ลูกกอดกันด้วยความผิดหวัง เตือนใจกับพุทรามองติรกากับมัทรีด้วยความสงสาร
ในห้องทำงานภายในรีสอร์ตของสมภพ เขาพับหน้าจอโน๊ตบุ๊คลงแล้วยิ้มสะใจ โดยมีธงฉานและวริษรานั่งอยู่ใกล้ๆ
“ป่านนี้คนบ้านนั้นคงดูภาพเรียบร้อยแล้ว”
“แน่ใจเหรออาว่าภาพพวกนั้นได้ผลชัวร์” ธงฉานถามขึ้น
“ภาพมันมัดตัวขนาดนี้ ไม่มีใครจับได้แน่”
“แล้วถ้าไอ้รบมันบอกว่าริซซี่เป็นใคร”
“ในรูปไม่เห็นหน้าฉันนี่ ฉันไม่รับไม่พูด พี่รบก็ทำอะไรไม่ได้” วริษราบอก
“งั้นอีกไม่นานพวกเราคงได้ข่าวดีจากโรงงานโอ่งแม่เตือนแน่ ๆ”
สมภพกับวริษรายิ้มร้ายมั่นใจในแผนการ
อ่านต่อหน้าที่ 2
แม่ยายที่รัก ตอนที่ 11 (ต่อ)
ภายในบ้าน ติรกาและมัทรีนั่งเศร้า ๆ มุมหนึ่ง เตือนใจยืนมองลูกหลานอย่างสงสารแล้วตบมือเรียกสติ
“เอาล่ะ..เศร้าสะเทือนใจกันพอแล้ว ถึงเวลาใช้สติแล้ว ยายถามหน่อย มัทเชื่อเหรอลูกว่าตารบจะทรยศมัทจริงๆมัทรี ภาพมันฟ้องนะคะคุณยาย”
“อ่ะ..พูดถึงภาพที่ไม่รู้ว่าส่งมาจากใคร ขนาดเจ้าของภาพยังไม่ยอมเปิดเผยตัวเอง แสดงว่าเรื่องนี้มันไม่ชอบมาพากลหรือเปล่า”
“คุณยายคะ”
“เพิ่งจบบทเรียนเรื่องกระถินไปหยก ๆ จำได้ไหมลูก”
มัทรีชะงักคิด
“แม่จะให้ยัยมัทใจอ่อนอีกเหรอคะ หนูไม่ยอมนะคะ”
“ยัยติ..ตลอดเวลาที่ตานนท์อยู่ที่นี่ กับสิ่งที่ตานนท์พยายามทำเพื่อลูกเพื่อยัยมัท มันยังพิสูจน์ตัวตานนท์ไม่ได้อีกเหรอ”
ติรกาอึ้งไป
“เอาล่ะ..เรื่องของคนสองคนแม่ไม่ชี้นำ แต่เรื่องที่ใครเป็นคนส่งมานี่มากกว่าที่น่าสนใจ เพราะส่งรูปแบบนี้มา”
“หมายความว่าจะตีเราให้บ้านแตกแน่ค่ะคุณติ” พุทราบอก
“ไม่ว่าลูกเขย หลานเขยฉันจะทรยศจริงหรือไม่จริง ฉันก็ต้องรู้ให้ได้ก่อนว่ารูปพวกนี้ฝีมือใคร”
เตือนใจบอกแล้วเดินไปนั่งที่หน้าโน้ตบุ๊กมองรูปอย่างพินิจ ติรกากับมัทรีมองหน้ากัน
“ก็จริงนะคะแม่ มัทก็อยากรู้เหมือนกันว่าใครส่งมา แล้วพี่รบทรยศมัทจริงหรือเปล่า”
ติรกาคิด ๆ แล้วเดินไปนั่งข้างๆเตือนใจ มัทรีรีบตามไป พุทราตามประกบ
“แม่พุทรา รู้ไหมว่าที่นี่มันที่ไหน” เตือนใจถาม
“ไม่คุ้นเลยค่ะคุณเตือน”
“นี่มันที่รีสอร์ทคุณแก้วนี่คะ” มัทรีบอก
เตือนใจลุกพรวดขึ้นทันที แล้วสั่ง
“แม่พุทรา เอารถออก”
“คุณแม่จะไปไหนคะ”
เตือนใจยิ้มแล้วบอก
“สืบจากสถานที่น่ะสิ”
ภายในบ้านของพชร รชานนท์กับวันรบยิ่งเครียดจัดเมื่อมองภาพในโน้ตบุ๊ค
“อันนี้ที่ผมโหลดจากเมล์ของมัทกับของคุณแม่ยาย” วันรบบอก
“คาหนังคาเขา พวกแกมันไม่ได้เรื่อง หลบแฟนหลบเมียยังไงทำให้จับได้” พชรพูดขึ้น
“ผมไม่ได้นอกใจมัทนะพี่ระ”
“ผมก็ไม่ได้ทำ” รชานนท์บอก
“ไม่ได้ทำแล้วมันจะมีหน้าพวกแกในรูปได้ยังไง”
วันรบหันมองรูปอีกทีแล้วชะงัก
“รูปนี้มันเพิ่งถ่ายเมื่อคืนนี่ ที่รีสอร์ทคุณแก้ว”
รชานนท์ชะงัก ตั้งสติมานั่งมองอย่างพินิจ
“ ใช่ รูปของฉันก็ในห้องเมื่อคืนที่รุจีมาหา”
วันรบหันขวับแล้วถามทันที
“รุจีมาหาป๋าเหรอ”
รชานนท์หันไปมองวันรบแล้วถามเช่นกัน
“แล้วคนที่มาหาแกล่ะ”
“ลูกพี่ลูกน้องผมที่มีปัญหากับผมอยู่”
“เอ..มันบังเอิญไปหรือเปล่า ผู้หญิงมาหาทั้งคู่ แล้วก็มีรูป” พชรตั้งข้อสังเกต
“มันต้องเป็นแผนของใครสักคนแน่ๆ ผมต้องไปอธิบายกับกระแต”
พชรรีบลากตัวรชานนท์ไว้
“เดี๋ยว เรารู้ว่าเป็นแผนแต่พวกผู้หญิงจะยอมฟังเหรอ ถ้าไม่มีพยาน หลักฐานยืนยันน่ะ”
รชานนท์ชะงักมองหน้าวันรบ ทั้งสองคนสีหน้ากลับมาเครียดเหมือนเดิม
“ถ้างั้นผมจะไปหารุจีว่าทำแบบนี้เพื่ออะไร”
“งั้นผมจะไปหาฝั่งของผมเหมือนกัน”
“ลุยเพื่อเมียเว้ย” พชรพูดส่งสัญญาณ
รชานนท์กับวันรบรีบออกไปทันที
รชานนท์กับวันรบเดินออกมาที่หน้าบ้านพักของพชร มีพชรวิ่งตามมาติดๆ
“ออกศึกมันต้องมีขุนศึกคู่กาย พี่ชายคนนี้จะพาไปลุยเองทั้งคู่เลย ไป” พชรบอก
“ก็ดีเหมือนกัน” รชานนท์ว่า
“อืม..ไม่เลวนะพี่ระ เกิดมีบีบน้ำตาผมจะได้ไม่ใจอ่อนง่ายๆ” วันรบบอก
พชรเปิดประตูรถแล้วถาม
“ว่าแต่จะไปหาของใครก่อน”
“ป๋าก่อนก็ได้ คุณรุจีอยู่ที่ไหนล่ะป๋า” วันรบถาม
รชานนท์คิดแล้วก็ชะงัก
“เออว่ะ..รุจีอยู่ที่ไหนเนี่ย”
“อ้าว” พชรร้องขึ้น
“ก็ผมไม่เคยไปหาเขาก็เลยไม่ได้ใส่ใจว่าเขาอยู่ที่ไหน”
“งั้นไปหาคนของไอ้รบก่อน” พชรสรุป
“ขึ้นรถเลยพี่”
บริเวณหน้าคอนโดของวริษรา วันรบขึ้นไปหาวริษรา รชานนท์ยังยืนรออยู่อย่างกระวนกระวาย เดินกลับไปกลับมาจนพชรทนไม่ได้
“ไอ้นนท์ อยู่เฉยๆ ได้ไหมวะพี่เวียนหัว”
“จะให้อยู่เฉยได้ยังไงพี่ ผมไม่รู้ว่ารุจีอยู่ที่ไหนแล้วจะตามมาอธิบายกับกระแตได้ยังไง ทุกอย่างกำลังจะดีแท้ๆ”
“คนจะดีมารมักผจญแบบนี้แหล่ะไอ้น้อง”
วันรบเดินหน้าหงิกออกมา
“ว่าไงไอ้รบ” รชานนท์ถาม
“ริษไม่อยู่”
“ก็โทรหาสิวะ” พชรแนะนำ
“ผมโทรแล้วแต่เขาไม่รับ”
“ไม่มีพยาน มีแต่หลักฐานหาต้นตอก็ไม่ได้ นี่เราจนมุมแล้วจริงๆ เหรอวะไอ้รบ” รชานนท์ว่า
“เพิ่งเคลียร์เรื่องกระถินได้มาเจอเรื่องนี้อีก มีแต่เรื่องขนาดนี้ เมื่อไหร่ผมกับมัทจะได้จู๋จี๋กันซะที”
รชานนท์ร้อง “เฮ้ย”
“ผมหมายถึงหวานใส่กัน ป๋า..ผมไม่พูดถึงคนที่ผมรักให้เสียหายแบบพี่ระหรอก”
“อ้าวไอ้รบ” พชรพูดขึ้น
“อย่าเพิ่งตีกันเลยพี่ ช่วยกันคิดก่อนเถอะว่าจะเคลียร์กับเมียผมยังไงดี” รชานนท์ว่า
“คู่หมั้นผมด้วย”
“ยากว่ะ ผู้หญิงน่ะนะ เชื่อภาพที่เห็นมากกว่าคำพูดอดีตเสืออย่างพวกแกอยู่แล้ว”
ได้ยินอย่างนั้น รชานนท์กับวันรบถึงกับเครียดขึ้นมาอีก
เตือนใจเดินนำติรกา มัทรี พุทราเข้ามาที่หน้าห้องเกิดเหตุ ภายในรีสอร์ตคุณแก้ว
“ห้องนี้ใช่ไหม” เตือนใจถามขึ้น
พุทราหยิบรูปที่ปริ๊นท์ออกมาเปรียบเทียบแล้วบอก
“ห้องนี้ไม่ผิดแน่ค่ะ เลขห้องตรงกันเด๊ะ”
“แม่คะ มาที่นี่มันจะสืบอะไรได้คะ” ติรกาถามเตือนใจ
เตือนใจกวาดสายตาไปทั่วห้องทั้งบนและล่าง
“จุ๊ ๆ ยัยติ ความมุ่งมั่นและละเอียดรอบคอบ จะทำให้เราเจอ..”
สายตาเตือนใจสแกนไปเรื่อย ๆ จนชะงักที่เห็นกล้องวงจรปิดติดอยู่แถวหน้าห้องอย่างเนียนโดยแฝงอยู่กับต้นไม้ เตือนใจชะงักเล็กน้อยแล้วยิ้ม
“หนทางแห่งความจริงเสมอ อยากรู้ความจริงไหมล่ะ” เตือนใจพูดต่อ
เตือนใจหันไปมองที่กล้อง ติรกากับมัทรีมองตาม
“พุทราจะจัดการให้ด่วนเลยค่ะ” พุทราบอก
“มัทไปช่วยคุยให้ค่ะ”
พุทรากับมัทรีรีบเดินออกไป
“แล้วถ้าความจริงมันเจ็บปวดล่ะคะแม่” ติรกาถาม
“ก็ให้มันรู้ไปว่าจริง ดีกว่ารู้ทีหลังว่าเสียโง่ให้กับเรื่องไม่จริง เจ็บกว่านี้ก็เคย..เสี่ยงไหมล่ะลูก”
ติรกาตัดสินใจ
“ค่ะ”
เตือนใจยิ้ม ฮัมเพลง “ขออีกที” ของ แจ้...ดนุพลอย่างอารมณ์ดี
“ยังเจ็บไม่พอจะขออีกสักที จะชั่วจะดีมันก็ต้องรอผล...”
ติรกามองที่กล้องด้วยสีหน้าเครียดเพราะกลัวจะรับไม่ได้กับความจริงที่เกิดขึ้น
ภายในห้องมอนิเตอร์ของกล้องวงจรปิด จอมอนิเตอร์เป็นภาพรุจีเข้ามาที่หน้าห้องแล้วเดินเข้าห้อง ติรกามองด้วยสีหน้าเครียด พุทรา เตือนใจ มัทรีมองติรกาอย่างหวั่นๆ
“หายใจลึกๆ นะลูก” เตือนใจบอกกับติรกา
“จะหายใจไม่ออกน่ะสิคะ เดินเข้าไปในห้องคาตาขนาดนี้” พุทราพูดแทรกขึ้น
เตือนใจหันมาขมึงตาดุใส่พุทรา สียงจากมอนิเตอร์ดัง
“คุณนนท์”
ทุกคนหันไปดูเป็นภาพรุจีรีบวิ่งเข้ามากอดด้านหลังรชานนท์ที่เปิดประตูออกมา รชานนท์ปลดมือรุจีออก แล้วดันรุจีออกห่าง
“ผมจะไม่ทรยศคนที่ผมรัก ผมไม่เคยรักคุณนะรุจี ผมรักกระแตคนเดียวเท่านั้น อย่าทำแบบนี้อีก ไม่งั้นระหว่างเราจะไม่เหลือแม้แต่ความเป็นเพื่อน”
รชานนท์เดินไป
“คุณนนท์..คุณนนท์! รุจีขอโทษ”
รุจียืนร้องไห้อย่างอึดอัด
ติรกาอึ้งไป มัทรี เตือนใจ พุทรามองติรกามองด้วยความอึ้งพอกัน
“ของยัยติ เคลียร์ ทีนี้ของยัยมัทบ้างนะ พุทรา”
“มุมนั้นมีกล้องวงจรปิดเหมือนกันค่ะ”
มอนิเตอร์เป็นภาพวันรบโดนวริษรากอด แต่ภาพในกล้องกลับเห็นแต่ด้านหลังและผมของวริษราเท่านั้น
“อึ๊ย..เต็มๆ” พุทราโพล่งขึ้น
ในมอนิเตอร์ วันรบดันวริษราออก
“เรื่องคุณน้าไว้พี่จะคุยให้นะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ริษแค่กลุ้มใจอยากระบาย ตอนนี้ริษสบายใจแล้ว ขอบคุณนะคะพี่รบ ริษ..กลับก่อนนะคะ”
“แล้วมีเงินหรือเปล่า”
วริษราทำเป็นนิ่งหน้า วันรบหยิบกระเป๋าเงินดึงเงินออกมาให้วริษรา
“ติดตัวไว้ใช้นะ”
“ขอบคุณค่ะ ริษไปนะคะ”
วริษราเดินออกไป วันรบมองตามอย่างหนักใจ
วันรบจะกลับไปที่ห้อง รชานนท์เดินเข้ามา
“อ้าว..ป๋า เช็คงานเรียบร้อยแล้วเหรอ”
“อืม...คิดถึงเมีย กลับบ้านดีกว่า”
“คิดถึง...ไม่ได้เกลียมัวใช่ไหม”
“ระดับป๋าไม่กลัวเมียเว้ย..แต่เกรงใจมาก”
วันรบกับรชานนท์หัวเราะแล้วเดินออกไป
พุทราตั้งข้อสังเกตขึ้นทันที
“คุณรบให้เงินผู้หญิงด้วย ต้องกิ๊กกันแน่ ๆ เลยค่ะ”
เตือนใจตบปากพุทราเบาๆ
“เงียบ! จะพูดอะไรคิดถึงใจหลานฉันมั่ง”
ติรกา เตือนใจ และพุทราหันมองมัทรี มัทรีอึ้งถึงกับน้ำตาร่วง
“ยัยมัท”
“แบบนี้หมายความว่ายังไงคะแม่ เขาเลี้ยงดูผู้หญิงคนอื่น”
“ตั้งสติก่อนลูก หายใจเข้าลึก ๆ เมื่อกี้ที่ยายได้ยิน ผู้หญิงมาขอความช่วยเหลือตารบนะลูก” เตือนใจบอก
ติรกาสงสารมัทรีพยายามจะช่วยปลอบใจ
“นั่นสิ แม่ว่ามัทให้ตารบอธิบายก่อนดีไหม แม่ดูท่าทีตารบแล้วไม่ได้สวีทหวานอะไรนะ”
พุทราหันไปพูดกับเตือนใจ
“ไม่น่าเชื่อ คุณติเข้าข้างว่าที่ลูกเขยล่ะค่าคุณเตือน”
“ฉันได้ยินนะ”
“อุ้ย”
“มัท..มัทรักวันรบไม่ใช่เหรอลูก ตอนกระถินก็ครั้งนึงแล้ว มัทเคยบอกวันรบว่าจะเชื่อใจก็ลองอีกสักตั้งไหมลูก...เพื่อความรัก..ยังเจ็บไม่พอจะขออีกสักที”
เตือนใจได้ทีร้องเพลงท่อนต่อที่ข้างๆ มัทรี
“จะชั่วจะดีมันก็ต้องรอผล”
พุทราแทรกร้องอย่างจริงจัง
ไม่แน่หรอกนะถ้าเจอะใครสักคน ไม่ต้องทนช้ำซ้ำซากอยู่กับเธอ”
ติรกา เตือนใจ มัทรีมองพุทราอย่างตำหนิที่ไม่รูกาละเทศะ พุทรารู้สึกตัวหน้าสลดลงทันที
รถเข้ามาจอดที่หน้าบ้านติรกา ในเวลาต่อมา มัทรี เตือนใจลงจากรถ ติรกาเดินลงจากรถไปตรงที่คนขับซึ่งพุทรานั่งอยู่
“พุทรา ลงมา”
พุทราลงมาอย่างตกใจ ติรกาจะขึ้นนั่งตรงที่คนขับแทน เตือนใจหันมาดึงติรกาและขวางรถไว้
“ยัยติ จะไปไหน”
“หนูจะไปตามนนท์กลับมา หนูต้องขอโทษเขา”
“แต่แกบอกเขาไปแล้วนะว่าแกจำเรื่องทุกอย่างได้หมดแล้ว ถ้าแกไปเขาก็รู้สิว่าแกแกล้งความจำเสื่อมมาเป็นเดือนแล้ว”
“หา” มัทรีกับพุทราร้องขึ้น
เตือนใจตกใจที่หลุดปากไปแล้ว
“แสดงว่าตั้งแต่คุณติกลับมาจากโรงพยาบาลก็จำเรื่องทุกอย่างได้หมดแล้วเหรอคะ” พุทราถาม
“เอ่อ..” ติรกาอ้ำอึ้งพูดไม่ออก
“แม่คะ...”
“แม่ขอโทษนะมัท ที่แม่ปิดลูกมาตลอด”
“แม่เขาอยากเห็นตัวตนที่แท้จริงของตานนท์กับตารบน่ะลูก แม่เขาห่วงมัท” เตือนใจบอก
“แล้วแม่ก็ยังรักป๋ามากใช่ไหมคะ แม่ถึงยอมให้เขาเข้ามาอยู่ในบ้านนี้” มัทรีถาม
มัทรีเงียบ นิ่งไป ทุกคนเริ่มใจไม่ดี ติรกาลงมาจากรถเดินเข้าหามัทรีอย่างรู้สึกผิด
“มัท...แม่ทำผิดต่อมัท..แม่ขอโทษ”
มัทรีหันเข้าหาติรกาจับมือของติรกายิ้มอย่างอ่อนโยน
“แม่ไม่ผิดหรอกค่ะที่อยากจะอยู่กับคนที่แม่รัก เพราะมัทก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน ถ้าแม่เต็มใจจะอยู่กับป๋า มัทจะไม่ห้ามแม่อีก มัทรู้ว่าแม่อยากให้เราสามคนพ่อแม่ลูกอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัว มัทอยากให้แม่มีความสุขค่ะ”
ติรกาดีใจกอดมัทรี
“มัท...ว่าแต่ลูกหายโกรธพ่อเขาแล้วใช่ไหม”
“ที่เกาะนั่นทำให้มัทรู้ว่ามัทมีพ่อที่รักมัทจนยอมเจ็บแทนมัทได้ ความน้อยใจ เจ็บปวดมันหายไปตั้งแต่วันนั้นแล้วค่ะ”
“แล้วทำไมมัทถึงขวางพ่อเราตลอดเลย” เตือนใจถามขึ้น
“ก็มัทอยากแน่ใจก่อนนี่คะว่าป๋ารักแม่ แล้วแม่ก็รักป๋าอย่างเต็มใจ”
“ตอนนี้ก็แน่ใจแล้วว่าตานนท์ดีจริง ก็รีบไปปรับความเข้าใจกับแฟนทั้งแม่ทั้งลูกดีไหม”
ติรกากับมัทรีจะไป พุทราดันพูดแทรกขึ้นมา
“คราวนี้คุณนายติรกาคงได้เสียฟอร์มกันจริงๆ ตามไปง้อแถมยังต้องสารภาพว่าแกล้งความจำเสื่อมด้วย เฮ้อ...”
ติรกาชะงัก จนมัทรีกับเตือนใจแปลกใจ
“เป็นอะไรล่ะยัยติ”
“ก็หนูพูดไปซะเยอะ ถ้าไปก็คงเสียฟอร์มแย่”
“นั่นไง” เตือนใจหันไปดึงปากพุทรา
“หล่อนจะพูดทำไมเนี่ย”
“แต่ถ้าเป็นคนที่เรารัก ง้อกี่ครั้งก็ไม่มีคำว่าเสียฟอร์มหรอกค่ะแม่”
“จริงสินะ”
ติรกากับมัทรีกำลังจะขึ้นรถ
“คุณติ”
เสียงกระถินดังขึ้น ทุกคนหันไปมอง กระถินเดินหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าเข้ามา อีกมือถือชะลอมผลไม้ มัดเปียสองข้างราวกับเป็นพจมาน สว่างวงศ์ แห่งบ้านทรายทอง... เสียงเพลง “ นี่คือสถาน แห่งบ้านทรายทอง...” ดังแทรกเข้ามา กระถินวางกระเป๋าและชะลอม โผเข้ามากอดติรกาพลางร้องไห้สะอึกสะอื้น
“คุณติรกา.. กระถินมาแล้วค่ะ ฮือ”
พุทรากับเตือนใจ มัทรีถึงกับอ้าปากค้าง ติรกาอึ้ง พูดไม่ออก
ภายในบ้านของติรกา กระถินร้องไห้ไป สั่งน้ำมูกไป โดยที่ติรกานั่งนิ่งฟังอยู่
“หลังจากกลับไปที่บ้าน แม่จ๋าก็ไล่กระถินให้กลับไปอยู่บ้านกับแม่แท้ๆ ของกระถิน แต่พอแม่แท้ๆ ของกระถินรู้ว่ากระถินหลอกทุกคนว่าท้อง แม่ก็...” กระถินปล่อยโฮ สะอื้นด้วยความเสียใจมาก พุทรานั่งฟังอยูถึงกับอินจัดต่อประโยคให้กระถินเสร็จสรรพ
“ ตบ ต่อย เข่า ศอก กระทืบ”
เตือนใจต้องเบรกพุทราแล้วถามกระถิน
“พอๆ แม่พุท เยอะไป ...แม่เค้าทำอะไร”
“แม่ก็ไม่พูดกับกระถินอีกเลย”
“แค่เนี้ย” พุทรา เตือนใจ ติรกาพูดขึ้นพร้อมกัน
“กระถินเสียใจจนต้องหอบเสื้อผ้าออกมาจากบ้าน แต่กระถินไม่รู้จะไปไหน ในใจของกระถินนึกได้ถึงผู้มีเมตตากับกระถินที่มีเพียงคนเดียวในตอนนี้คือคุณติรกา”
กระถินคลานเข่าเข้ากราบแทบตักติรกาด้วยความซาบซึ้ง ทุกคนหน้าเหวอไปทันที
“กระถินขอบคุณที่คุณติรกาเมตตาเลี้ยงดูกระถิน กระถินจะอยู่รับใช้คุณติรกากับคุณมัทอย่างถวายชีวิต”
“ไม่ได้” ทุกคนพูดขึ้น
“ถ้าทุกคนระแวงว่ากระถินจะแย่งพี่รบอีกล่ะก็ กระถินสาบานได้เลยค่ะว่า กระถินไม่คิดจะแย่งพี่รบไปจากคุณมัทอีกแล้ว จิตใจที่ดีของคุณติรกาทำให้กระถินยอม ยอมยกพี่รบให้คุณมัท”
“เป็นคนดีแล้วจะดีให้ตลอดไหมแม่ติ..”
“ม่ได้ ฉันให้หล่อนอยู่ที่นี่ไม่ได้” ติรกาว่า
“แล้วกระถินจะไปอยู่ไหนคะ กระถินไม่มีที่ไปแล้ว”
กระถินร้องโฮด้วยความเสียใจ ติรกาสีหน้าเด็ดขาดและรู้ว่าจะพากระถินไปที่ไหน
-จบภาพที่สีหน้าเด็ดขาดของติรกา รู้ว่าจะพากระถินไปที่ไหน
รชานนท์ขับรถอย่างเร่งรีบ ขณะที่วันรบนั่งข้างๆ คุยโทรศัพท์อยู่กับเตือนใจ โดยมีพชรนั่งลุ้นอยู่เบาะหลัง
“ผมคงถึงสุพรรณช้ากว่ามัทประมาณสิบนาที ขอบคุณคุณยายที่โทรมาบอกนะครับ”
“ไม่เป็นไร ปรับความเข้าใจกันให้ดีแล้วกันนะ” เตือนใจวางสายไปแล้วก็ยังยิ้มชอบอกชอบใจอยู่คนเดียว
“พวกตานนท์ไม่รู้ความจริง ให้ตามไปง้อยัยติซะ ยัยติก็ไม่เสียฟอร์ม แถมได้ลูกเขยกลับมาบ้านด้วย”
ภายในรถ พชรถามวันรบด้วยความสงสัย
“กระถินยอมให้แม่ยายแกส่งตัวกลับสุพรรณเหรอ”
“คาดว่าคงมีการใช้กำลัง แต่ไม่อยากคาดว่าถ้าแม่ผมเจอกับแม่ยาย เวอร์ชั่นบู๊ล้างผลาญ สภาพจะเป็นยังไง” วันรบบอก
พชรครุ่นคิด ก่อนตะโกนเสียงดัง
“นึกออกแล้ว”
รชานนท์ตกใจ เบรครถเอี๊ยดกะทันหันเข้าข้างทาง จนทั้งสามหัวทิ่ม หน้าคะมำ วันรบหันไปโวย
“ป๋า.. ขับรถดี ๆ ผมยังไม่ได้แต่งเมีย ผมยังไม่อยากตาย”
“ก็ไอ้พี่ระมันเสียงดังซะตกอกตกใจ” รชานนท์บอก
“ฉันมีแผนพิชิตแม่ยายที่รักของไอ้รบแล้วโว้ย” พชรบอก
วันรบกับรชานนท์หันขวับด้วยความตื่นเต้น พชรยิ้มกริ่มอย่าางเจ้าเล่ห์
กระถินก้มหน้าสะอึกสะอื้นเบาๆ ไม่กล้าสู้หน้าวันทนีย์กับกำนันเรือง
“กระถินไม่ใช่ลูกฟุตบอลนะคะ จะได้โดนเตะไปทางโน้นที ทางนี้ทีไม่มีใครต้องการ ฮือๆ”
“แล้วทำไมไม่รับมันไว้ล่ะคุณนาย” วันทนีย์ถามติรกา
ติรกาอ้ำอึ้งสบตากับพุทราและมัทรี มัทรีรีบออกตัวแทนติรกา
“กระถินไปหาคุณแม่มัทเพราะไม่มีที่ไป แต่บ้านมัทไม่ใช่บ้านของกระถิน คุณแม่เลี้ยงกระถินมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย มัทเชื่อว่ากระถินอยู่ที่นี่ในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของครอบครัว ที่นี่คือบ้านของกระถิน และกระถินอยากกลับบ้านมาอยู่ที่สุพรรรณมากว่าบ้านมัทแน่นอนค่ะ”
กระถินได้ฟังก็ยิ่งน้ำตาร่วงร้องไห้ปล่อยโฮ
กำนันเรืองมองกระถินที่ร้องไห้อย่างน่าสงสารก็นึกสมเพชเวทนา กำนันเรืองกระซิบกับวันทนีย์
“อภัยให้นังกระถินมันเถอะแม่จ๋า สมเพชมัน”
“นั่นสิจ๊ะแม่จ๋า ถือว่าสงสารลูกหมาซักตัวนะจ๊ะ” อาไทช่วยกำนันเรืองกล่อมวันทนีย์
กระถินหันขวับหาอาไท จนอาไทสะดุ้งเฮือก
“นี่อาช่วยพี่กระถินอยู่นะ”
วันทนีย์นิ่งเหมือนกำลังครุ่นคิดแล้วตัดสินใจ
“ฉันรู้สึกผิดอยู่เหมือนกัน ที่จู่ๆ จะผลักไสเด็กในบ้านให้ไปรบกวนคุณ”
วันทนีย์เมินกระถิน ยื่นมือไปแตะแขนติรกาเบาๆ อย่างผูกมิตร หลังจากที่ติรกาดีด้วยคราวก่อน ติรกาสะดุ้งเล็กน้อยอย่างถือตัว จนวันทนีย์ก็สะดุ้งไปด้วย
“ไม่เป็นไร” ติรกาพูดเสียงนิ่ง
“มาเหนื่อย ๆ พักดื่มน้ำ ทานข้าวที่บ้านฉันสักมื้อนะ”
วันทนีย์แตะแขนติรกาอีก ติรกาสะดุ้งอีกครั้ง
“ฉันไม่หิว”
“ฉันมาคิดๆ ดู สงสารนังกระถินมันอยู่เหมือนกัน ให้มันกลับมาอยู่ที่นี่อย่างเดิมก็ได้ ฉันขอบคุณก็แล้วกัน..ที่พาเด็กมาส่ง”
วันทนีย์แตะแขนติรกาอีก ติรกาก็สะดุ้งอีก อาไทที่อยู่ข้างๆ พลอยสะดุ้งไปด้วย
“ไม่เป็นไร”
กำนันเรืองเห็นวันทนีย์แตะติรกาจนสะดุ้งกันมาหลายหนก็ทนไม่ได้ เลยสะกิดวันทนีย์
“เลิกสะกิดเค้าสักทีได้มั้ย พ่อจ๋าสะดุ้งแทน”
“หมดธุระแล้วฉันขอตัวกลับ” ติรกาพูดตัดบท
ติรกาหันไปพยักหน้าสั่งมัทรีกับพุทราให้ลุกตามกันไป มัทรียกมือไหว้ลากำนันเรืองกับวันทนีย์อย่างล่ก ๆ จนกำนันเรืองกับวันทนีย์ได้แต่รับไหว้อย่างงง ๆ
ติรกาเดินฉับ ๆ มาที่รถซึ่งจอดอยู่หน้าบ้านวันรบโดยมีมัทรี พุทราตามมาติด ๆ
“รีบกลับราชบุรีให้เร็วที่สุด” ติรกาสั่ง
“ว้าย” พุทราร้องขึ้น
“พุทรา หล่อนตะโกนใส่หูฉันทำไม”
“รถยางแบนค่ะแม่” มัทรีบอก
ติรกาหันมองตามมือมัทรี ตกใจที่เห็นยางรถตัวเองแบน
“มียางอะไหล่ก็เปลี่ยนได้”
“แต่มันแบนทั้งสี่เส้นเลยนะคะ”
วันรบ รชานนท์ พชรเดินเข้าทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แบบกะล่อน
“รถยางแบนทั้งคันแบบนี้ จะมียางอะไหล่พอเหรอครับ” รชานนท์พูดขึ้น
ติรกากับมัทรีมองอย่างอึ้งๆ ติรกาดีใจทำท่าจะยิ้มแต่พุทรากระแอมดักคอซะก่อน ติรกาวางฟอร์มทำโกรธขึ้นมาทันที
“พวกคุณมาได้ยังไง”
วันรบมองติรกาอย่างหวั่น ๆ แต่รชานนท์สู้ตาย
“มาแบบเบลอๆ”
“เบลอว่ารักแถบ แบบว่ารักเธอ” วันรบบอก
“เลี่ยน คิดอย่างอื่นไม่เป็นแล้วหรือไง” ติรกาบอก
“ก็สมองผมมันมีไว้คิดถึงกระแต”
พชรร้อง “ฮิ้ว” รับเป็นลูกคู่ทันที
ติรกาจะหลุดยิ้ม แต่พุทราสะกิดไว้อีก พุทรากัดฟันบอก
“เขามาง้อเล่นตัวหน่อยสิคะ”
“เออ..จริง” ติรกานึกขึ้นได้
ติรกาพยายามสูดลมหายใจเพื่อสงบสติ แล้วทำเหวี่ยงทันที
“พวกคุณเจาะยางรถฉันใช่มั้ย”
พชรแอบทิ้งตะปูไปข้างหลัง ติรกาไม่ทันเห็น
“อ๊ะ ๆ ไม่มีหลักฐานกล่าวหากันไม่ได้นะครับ ศาลไม่รับฟ้อง แต่ถ้าน้องท้องพี่รับผิดชอบ”
ติรกาอึ้งกับท่าทีกวนประสาทของแก๊งค์รชานนท์
“มัทครับ”
พุทรากระแอมส่งสัญญาณอีก มัทรีทำเป็นไม่สนใจทันที
“จะมืดแล้วนะคะแม่ เราช่วยกันคิดดีกว่าว่าจะกลับราชบุรียังไง”
“ไม่ยากครับ” วันรบบอก
เย็นมากแล้ว เมื่อไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องยางรถได้ ทั้งหมดจึงกลับขึ้นมาที่บ้านของวันรบ มัทรีกับพุทรายกมือไหว้ขอบคุณกำนันเรืองกับวันทนีย์
“ขอบคุณนะคะ ที่ให้มัทกับแม่พักค้างคืนที่บ้าน”
“บ้านพ่อมีห้องหับเยอะแยะ ไม่ต้องเกรงใจ” กำนันเรืองบอก
ติรกาพูดอย่างเกรงใจ
“หาคนมาช่วยปะยางรถก็พอ ไม่เห็นต้องรบกวน”
“ป่านนี้ตาอ๊อดช่างปะยางคงเมาแอ๋ไปแล้วครับ พรุ่งนี้เช้าถึงจะสร่างตอกบัตรทำงาน”
“ให้ผมขับรถไปส่งก็ไม่เอา” รชานนท์พูดขึ้น
ติรกาเสียงอ่อนลง
“ที่จริง...”
“อะแฮ่ม ๆ” พุทราส่งสัญญาณอีก
ติรกาเปลี่ยนเป็นเสียงแข็งขึ้นมาทันที
“ฉันจะอดทนรอจนถึงพรุ่งนี้เช้า ดีกว่าไปกับคนอย่างคุณ”
ติรกาจ้องรชานนท์ด้วยความไม่พอใจ กำนันเรืองจึงพูดแทรกขึ้น
“นาน ๆ ทุกคนจะอยู่กันพร้อมหน้า วันนี้จะพาไปหม่ำของดีเมืองสุพรรณ”
“ลาภปากอีกแล้วครับ” พชรบอก
ติรกาเกรงใจรีบบอก
“ฉันขอตัวนะคะ”
“มัทก็...”
“ไปทานข้าวกับพ่อเถอะนะหนูมัท” กำนันเรืองพูดขึ้น
“ค่ะ” มัทรีไม่กล้าขัด
วันรบ รชานนท์ พชร สบตากันอย่างมีแผน
อ่านต่อหน้าที่ 3
แม่ยายที่รัก ตอนที่ 11 (ต่อ)
ในห้องพักติรกาในบ้านวันรบ ติรกาดึงพุทราเข้ามาในห้องแล้วถาม
“ทำไมเธอต้องให้ฉันเหวี่ยงใส่นนท์ด้วย”
“อ๊ะ..แล้วคุณติทำตามทำไมล่ะคะ”
“ก็...”
“ไม่อยากเสียฟอร์มเหมือนกันใช่ม๊า ผู้หญิงอย่างเราต้องเล่นตัวหน่อยนะคะจะได้ทดสอบความอดทนผู้ชาย ถ้ารักจริงต้องทนได้ เชื่อพุทราสิคะ”
“แสดงว่าเธอทดสอบความอดทนผู้ชายบ่อยล่ะสิ”
“แน่นอนค่ะ สวย ๆ อย่างพุทรา”
“มิน่า..ถึงขายไม่ออกสักที”
“อุ๊ก..เจ็บอ่ะค่ะ..คุณติ”
ติรกาไปยืนที่หน้าต่างแล้วยิ้มให้กับตัวเอง
“ดีใจใช่ไหมคะที่เห็นคุณนนท์มาง้อ”
“ฉันเพื่อนเล่นเธอเหรอ”
“ค่ะ” พุทราตอบด้วยความเคลิ้มจนลืมตัว
“สองพัน ฐานลามปาม”
“อ๊าย..คุณติขาอย่าตัดเงินเดือนพุทราเลยนะคะ คุณติ”
ติรกาเดินหนี แต่พุทราเดินตาม
ในร้านอาหารเรือนแพ เวลากลางคืน มัทรี วันรบ พชร วันทนีย์ กระถิน กำนันเรืองนั่งทานอาหารร่วมกัน วันรบตักอาหารใส่จานให้มัทรีอย่างเอาใจ มัทรียอมทาน แต่ยังวางฟอร์มอยู่ กระถินชำเลืองมองทั้งคู่แล้วถอนหายใจอย่างเจียมตัว
“อยากกินสั่งอะไรสั่งเต็มที่” กำนันเรืองพูดขึ้น
“พ่อจ๋าเลี้ยงไม่อั้น” อาไทพูดเสริม
“แม่จ๋าจ่ายต่างหาก ใช่มั้ยจ๊ะแม่จ๋า” กำนันเรืองบอก
กำนันเรืองมองวันทนีย์ตาปริบ ๆ วันทนีย์ค้อนขวับ พชรขำ วันทนีย์เห็นสีหน้าของมัทรีแล้วสองจิตสองใจก่อนทัก
“กับข้าวไม่อร่อยเหรอ”
วงอาหารหยุดชะงัก แปลกใจที่วันทนีย์ทักมัทรี
“ทำไม ข้าจะทักว่าที่ลูกสะใภ้ไม่ได้รึไง” วันทนีย์พูดขึ้น
“ไม่มีใครว่าอะไรเลยครับ เชิญว่าที่แม่สามีกับว่าที่ลูกสะใภ้ตามสบาย” วันรบบอก
วันทนีย์หันไปหามัทรี ทุกคนยื่นหน้าฟังกันหน้าสลอนด้วยความอยากรู้
“มัทเป็นห่วงแม่น่ะค่ะ”
“พ่อนนท์กับแม่พุทราเค้าก็อยู่ด้วย คงไม่มีอะไรหรอก” วันทนีย์บอก
“ทานให้สบายใจเถอะหลานมัท ราตรีนี้ยังอีกยาว” พชรพูดขึ้น
“ทำไมเหรอคะ”
วันรบเห็นมัทรีเริ่มสงสัยก็เปลี่ยนเรื่องทันที
“ทานปลาแม่น้ำสิครับมัท อร่อยนะ สดมาก”
“จริงครับ ต้มยำเห็ดก็กร๊อบๆ นะครับพี่นางฟ้า” อาไทพูดเสริม
“นั่นสิ กินเถอะ กินๆๆ” กำนันเรืองว่า
ทุกคนพากันเอาใจตักอาหารให้มัทรีอีก
พุทราเดินไปเดินมาอยู่ในห้อง ติรกานั่งมองด้วยความหงุดหงิด
“พุทราจะเดินสวนสนามอีกนานมั้ย ฉันเวียนหัว”
“พุทราจะออกไปนั่งข้างนอกคุณติก็ไม่ยอม”
ติรกาถอนหายใจแรงด้วยความรำคาญ เสียงเอะอะของรชานนท์ดังขึ้น ทันใดนั้น เสียงของรชานนท์ก็ดังขึ้น
“พวกแกกล้าปล้นบ้านกำนันเรืองเหรอ”
ติรกา พุทราได้ยินสียงต่อสู้ของคนหลายคนดังขึ้นนอกห้อง พุทรากับติรกาหันมองกันด้วยความตกใจ
“เสียงอะไรคะ” พุทราว่า
“โอ๊ย” เสียงรชานนท์ดังลั่นขึ้น
“นนท์” ติรการ้องขึ้นด้วยความตกใจ
ติรกาไม่รอช้า รีบเปิดประตูออกไปจากห้องทันที
ติรกา พุทราวิ่งออกมาจากห้องโถงบ้านวันรบ เห็นรชานนท์ถูกจับมัดเอาไว้ ติรกาตกใจร้องถาม
“เกิดอะไรขึ้น”
รชานนท์หันมาเห็นติรกาและสั่งทันที
“บ้านกำนันถูกปล้น กระแตรีบหนีไป”
โจรไอ้โม่งสามคนโผล่เข้ามาล็อกตัวติรกากับพุทราไว้
“ว้าย... โจร”
“เออ ก็โจรน่ะสิ เห็นเป็นโดมรึไง” โจรคนที่หนึ่งพูดขึ้น
“อย่าร้องอย่าดิ้น ไม่งั้นจะใช้ลิ้นเลียแผล่บ ๆ” โจรคนที่สามบอก
ติรกากับพุทราร้อง “อี๋” ขึ้นพร้อมกัน
คำขู่เล่นเอาติรกากับพุทราตัวแข็งทื่อ ไม่กล้ากระดุกกระดิก
“ค้นทั้งบ้านไม่เห็นเจอของมีค่าอะไร จับไอ้อีสามคนนี้ไปเรียกค่าไถ่ดีกว่า” โจรคนที่สองบอก
“อย่าทำอะไรคุณติรกา เจ้าของธุรกิจโอ่งแม่เตือนชื่อดังในจังหวัดราชบุรี แม่ยายคุณวันรบนะคะ”
“แกไม่บอกพวกมันไปล่ะ...เลยว่าแม่ฉันชื่ออะไร”
“ต้องบอกด้วยเหรอคะ”
“รู้จักคำว่าประชดมั้ย”
“เออ.. รวยดี เอาตัวนังหน้าสวยนี่ไปเลย ...เอ็งสองคนบอกไอ้วันรบเตรียมเงินไถ่ตัวแม่ยายด้วย” โจรคนที่หนึ่งบอก
“เฮ้ย อย่าเอาเมียฉันไป” รนชานนท์บอก
“ใครเป็นเมียคุณ” ติรกาถาม
รชานนท์ส่งซิกทางสายตาให้ติรการับ ๆ ไปก่อน
โจรคนที่หนึ่งถามพุทรา
“สองคนนี้เป็นผัวเมียกันเหรอ”
“มีลูกโตเป็นคน ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงค่ะ”
“นังพุท”
พุทรายิ้มแหย แหะๆ
“เอาไปทั้งพ่อตาแม่ยายนี่แหละ จะได้เรียกเงินเยอะๆ” โจรคนที่สามบอก
“อยู่คนเดียวมันเหงา เอาพุทราไปด้วยสิ”
“ไม่เอาเมียน้อย ผู้หญิงไม่ดี จับไปก็หมดราศีโจร” โจรคนที่สองพูดขึ้น
ติรกาเห็นว่าไม่รอดแน่ จึงตัดสินใจร้องขอความช่วยเหลือ
“ช่วยด้วย โจรปล้นบ้าน ช่วยด้วยค่ะ”
โจรคนที่หนึ่งออกคำสั่งทันที
“จัดการมันเร็ว”
โจรคนที่สามเอาผ้าผืนหนึ่งโปะลงบริเวณจมูกติรกา ติรกาตาปิดลง ทุกอย่างดับวูบมืดสนิท
เมื่อมัทรี วันรบ พชร วัทนีย์ กำนันเรือง พุทรา กระถินกลับมาบ้าน ทุกคนกวาดสายตามองทั่วบ้านด้วยความตกใจที่เห็นภายในบ้านถูกรื้อค้นกระจัดกระจาย
“ใครมาทำอะไรในบ้านข้า” วันทนีย์พูดเสียงดังขึ้น
เสียงดิ้นกุกกักดังมาจากข้างตู้ พุทราถูกมัดมือ เท้า ปาก คลานกระดึ๊บเป็นหนอนออกมา
“พุทรา”
วันรบ พชร รีบช่วยแก้มัดให้พุทรา
วันทนีย์ มัทรี กระถิน รุมเข้าไปถามพุทราด้วยความตื่นตระหนก
“เกิดอะไรขึ้น” วันทนีย์ถาม
“แม่มัทหายไปไหนคะ”
“ตายแล้ว... หรือว่าโจรขึ้นบ้านลุงกำนันแล้วจับตัวสองคนนั้นไป” กระถินพูดขึ้น
พุทราได้แต่ร้องไห้ฮือ ๆ อ้าปากค้าง พูดอะไรไม่ออก
“จริงเหรอพี่พุทรา”
“อย่าอ้ำอึ้งได้มั้ย พูดออกมา พูดๆๆ” วันทนีย์เสียงคาดคั้น
พุทราร้อง “ อ๊าย” อย่างสุดกลั้น
“วอลุ่มเสียงขนาดนี้ ต้องมีเหตุการณ์น่ากลัวม๊าก” กระถินบอก
พุทราชี้ให้ดูเท้าตัวเอง
“เจ็บม๊าก.... ต่างหากล่ะค๊า”
วันทนีย์กับกระถินร้อง “ว๊าย”
วันทนีย์ กระถินก้มลงเห็นว่า เท้าทั้งคู่เหยียบเท้าพุทราอยู่ จึงรีบยกเท้าหลบอย่างรู้สึกผิด พุทราลูบเท้าด้วยความเจ็บ
“เหยียบซะตาปลาเกือบแตก อูย...”
“แหะ... ก็ว่าทำไมพื้นเป็นคลื่นๆ” กระถินว่า
“ตกลงแม่อยู่ที่ไหนคะ” มัทรีเสียงจริงจัง
เมื่อติรการู้สึกตัวตื่นก็พบว่า ตัวเองนอนอยู่บนที่นอนในบ้านชนบทแคบ ๆ โดยมีรชานนท์งัวเงียตื่นขึ้นข้างกาย
“พวกโจรมันเอาเรามาขังที่ไหน”
“ผมโดนพวกมันโปะยาสลบมาพร้อมกับคุณ”
เสียงไขกุญแจดังขึ้น สักพักโจรไอ้โม่งสองคนก็ผลักประตูเดินกร่างเข้ามาหาติรกากับรชานนท์ ติรกาตวาดขู่ด้วยความกลัว
“หยุดนะ”
โจรทั้งสองหยุดพร้อมกัน โจรคนที่หนึ่งหันไปว่าเพื่อนโจร
“พวกเราเป็นโจร กลัวมันทำไมวะ”
“เออ ใช่ เสียงดังใส่พวกข้า อยากโดนลงแขกเหรอ” โจรคนที่สองขู่เสียงดัง
“กรี๊ด...... ไอ้โจรบ้า ไอ้โจรห้าร้อย ไอ้พวกเหลือบไรสังคมรังแกผู้หญิงเพศแม่ที่ไม่มีทางสู้ ไอ้...”
โจรทั้งสองคนพร้อมใจกันพูดตวาด
“เฮ้ย! หยุด”
ติรกาชะงัก รชานนท์สะกิดเตือน
“พวกมันยังไม่ได้ทำอะไรคุณเลย”
ติรกากล้าๆ กลัวๆบอก
“ไม่รู้ล่ะ ร้องให้มันตายด้านไปก่อน”
โจรคนหนึ่งพูดต่อ
“เสียงดีขนาดนี้ น่าพาไปฟิชเชอริ่งกับลูกพี่สองต่อสองว่ะ”
ติรกากลืนน้ำลายฝืดคอ ขยับตัวเข้าไปชิดรชานนนท์ด้วยความกลัว
“อย่ายุ่งกับเมียผม” รชานนท์พูดปกป้องติรกา
ติรกาพอใจในคำพูดของรชานนท์ แต่ยังต้องรักษาฟอร์มอยู่
“ฉันไม่ใช่เมียคุณ”
รชานนท์ขยิบตาส่งซิก
“ใช่”
“ไม่ใช่”
“ถ้านังหน้าสวยไม่ใช่เมียไอ้หน้าอ่อน ข้าจะเอาไปให้ลูกพี่ทำเมีย” โจรคนที่หนี่งบอก
ติรกาได้ยินอย่างนั้นก็เปลี่ยนคำพูดทันที
“ใช่ ๆ ๆ ฉันเป็นเมียไอ้หน้าอ่อนไม่มีความรับผิดชอบคนนี้”
ติรการีบตอบทันทีด้วยความกลัว รชานนท์ถึงกับอึ้งมองหน้าติรกาที่ตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว
“ดีนะ ที่ลูกพี่ข้าไม่ชอบยุ่งกับเมียชาวบ้าน” โจรคนที่หนึ่งบอก
“ผัวเมียอะไรไม่เคยเห็นกอดกัน” โจรคนที่สองพูดขึ้น
รชานนท์กระซิบ
“ถ้าโจรมันรู้ว่าเราโกหก มันต้องเอาคุณไปสังเวยลูกพี่โจรแน่”
“จริงเหรอ”
ติรกาหันไปพูดกับโจร
“เปลี่ยนจากกอดเป็นตบกบาลได้มั้ย”
รชานนท์กระซิบอีก
“ใครที่ไหนสวีทกันด้วยวิธีตบกบาล”
ติรกาโวยลั่น
“ก็ฉันนี่ไง... ฉันชอบแสดงความรักด้วยกำลัง”
โจรคนที่หนึ่งบอก
“ฉันว่ามันชักจะไงๆ นังนี่ไม่ใช่เมียไอ้หน้าอ่อนแหงๆ”
“ใครว่า.. ฉันเป็นเมีย เป็นเมียจริงๆ นะ”
ติรกาหน้าตื่น ผวาเข้าไปนั่งตักและกอดรชานนท์อย่างไม่รอช้า
“นี่ไง.. กอดแล้ว กอดแล้วเห็นมั้ย “
“อ้อนผัวเก่งอย่างนี้ ลองจูบผัวโชว์สักทีสิวะ” โจรคนที่หนึ่งบอก
“เฮ้ย.. เยอะไปเปล่า”
“ไม่เยอะ เป็นผัวเมียกันจริง ก็ต้องจุ๊บกันได้สิ” โจรคนเดิมบอก
โจรคนที่สองขู่อีก
“ รักจริงไม่จุ๊บจริง เดี๋ยวพี่วิ่งไปจุ๊บน้องเอง มามะจุ๊บๆ”
“ว้าย... อย่านะ จุ๊บแล้ว จุ๊บๆๆ”
ติรกาหลับตาปี๋ ระดมจูบรชานนท์แบบไม่ยั้ง เพราะกลัวจะถูกโจรลวนลาม รชานนท์หลับตาพริ้ม ครางในลำคอด้วยความเคลิ้ม ติรกาลืมตาอีกที เห็นพวกโจรออกไปแล้ว จึงผลักรชานนท์ออกห่างจากตัว
“ไอ้คนฉวยโอกาส พวกมันไปแล้วก็ไม่บอก”
“ใครจะพลาดจุ๊บฟรีไม่มีชาร์จ”
ติรกาอยากจะหยิกรชานนท์ด้วยความหมั่นไส้ รชานนท์รีบขู่ พูดเสียงเบา
“อ๊ะ อยากให้พวกมันรู้เหรอว่าคุณไม่ใช่เมียผม”
ติรกาหมั่นไส้ที่ทำอะไรไม่ได้ รชานนท์อมยิ้ม ขำติรกา
ภายในบ้านของวันรบ มัทรีบอกทุกคนด้วยความร้อนรน
“มัทจะไปแจ้งความ”
วันรบ พชร ตาลีตาเหลือก รีบลุกขึ้นห้ามทันที
“ใจเย็นก่อนหลานมัท เราต้องคิดให้รอบคอบ ถ้าเราไปแจ้งความแล้ว” พชรบอก
“แล้วมันเกิดโกรธพวกเราล่ะครับ” อาไทถามขึ้น
วันรบรีบรับลูกทันที
“ใช่ ถ้าพวกโจรมันโกรธที่เราแจ้งความ จนทำร้ายพ่อแม่มัทล่ะครับ”
“แม่มัทถูกจับตัวไป รบจะให้มัทอยู่เฉยๆ เหรอคะ”
“พวกโจรคงกบดานอยู่ในสุพรรณนี่แหละ ให้กำนันเอาลูกน้องไปสืบหาที่ซ่อนตัวมันก็ได้” พชรบอก
“ไม่ได้” เสียงกำนันเรืองดังขึ้น
ทุกคนหันมองหน้ากำนันเรืองพร้อมกัน
“ฝีมือเยี่ยม ไร้ตำหนิ ปล่อยให้คนอื่นเช่าไม่ได้”
กำนันเรืองมัวแต่ส่องพระเครื่องที่ห้อยคอ พชรรีบสะกิดเตือน จนกำนันเรืองเงยหน้าขึ้นมาเจอทุกคน
“เออ ๆ เดี๋ยวข้าไปสั่งลูกน้องตามด่วนเลย”
“ผมกับพี่ระขอตามไปช่วยอีกแรงครับ”
“เจอตัวไอ้พวกโจรต้องตื้บให้หนัก โทษฐานที่กล้าลูบคมกำนันแหนบทอง” วันทนีย์บอก
“โอ๊ย” พชรร้องลั่นจนทุกคนตกใจ
“เป็นอะไรคะ” กระถินถามขึ้น
“คมแขนกำนันบาด”
“เวลาหน้าเป็นสิว” พุทราว่า
“หน้าสิ่วหน้าขวาน” พชรพูดขึ้น
“นั่นแหละค่ะ เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานยังจะเล่นอยู่ได้”
“คุณพุทราก็ปล่อยมุกดาวกระจาย.... เต็มหน้าผมเหมือนกัน”
วันทนีย์มองพุทรากับพชรอย่างอ่อนใจ
“หวังว่าสองคนนั้นคงปลอดภัยนะ”
มัทรีสีหน้าเครียดแววตากังวล วันรบกุมมือมัทรีอย่างปลอบใจ
ในบ้านกลางสวน ติรกาปรึกษารชานนท์ด้วยความไม่สบายใจ
“พวกโจรมันจะทำอะไรกับเรา”
“เลี้ยงไว้ดูเล่นมั้ง”
ติรกาหันมาถลึงตาเข้าใส่รชานนท์ รชานนท์แพ้ทาง.. ทำท่าจ๋อยสนิท
“นี่มันความเป็นความตายนะ คุณเลิกเล่นซะทีได้ไหม”
“แหม.. ก็ต้องเรียกค่าไถ่สิครับกระแต”
“อยากเห็นหน้าไอ้ลูกพี่โจรนัก” ติรกาพูดด้วยความเจ็บใจ
“เฮ้ย! สองคนนั้นเป็นไงวะ” เสียงกำนันเรืองดังขึ้น
ติรกา รชานนท์รีบไปแอบฟังเสียงตรงประตูด้วยความอยากรู้
กำนันเรือง วันรบ พชร ใช้ที่หนีบผ้าหนีบจมูกเพื่อดัดเสียงพูด กำนันเรืองทนไม่ไหวดึงที่หนีบผ้าออกคนแรกแล้วบ่นเบา ๆ
“ไม่ไหวว่ะ เล่นจริงเจ็บจริงเกินไป”
วันรบดึงไม้หนีบผ้าออกและบ่นเบาๆ
“ความคิดพี่ระ”
พชรดึงไม้หนีบตามอีกคน
“คิดก็ว่า ไม่คิดก็ด่า”
โจรคนที่หนึ่งเปิดหมวกไหมพรมไอ้โม่งออก ทำมือจุ๊ปากให้ทั้งสามเบาเสียงก่อนพูดเสียงดุ
“เมื่อกี้มันกอดจูบกันครับ”
“เบสิก ! คนไม่รู้จักกันก็ทำได้” พชรว่า
“เฝ้าไว้เลย ถ้าไม่แน่ใจว่ามันเป็นผัวเมียกันเมื่อไหร่ จับตัวนังนั่นมาให้ลูกพี่ทำเมีย” วันรบบอก
วันรบถองศอกสะกิดว่าถึงคิวกำนันเรืองพูดได้แล้ว กำนันเรืองเอ๋อๆอยู่สักพัก ก่อนลูบหัว คำรามเสียงดังเหมือนผู้ร้ายหนังไทยสมัยก่อน
“ฮ่าๆๆ ข้าจะยัดเยียดความเป็นผัวให้กับมัน”
เสียงหัวเราะของวันรบ พชร กำนันเรือง และโจรปลอมทั้งสามดังน่ากลัว ติรกาถึงกับเครียดกับเรื่องที่ได้ยิน รชานนท์รีบพูดเสริมยิ้มๆ เชิงยั่วเย้า
“ผมยอมเสียสละตัวเอง เพื่อไม่ให้กระแตเป็นเมียโจร”
ติรกายิ้มแต่ต้องทำเป็นผลักรชานนท์
“แต่ฉันไม่ยอมเป็นเมียคุณ”
เสียงวันรบดังจากด้านนอก
“ฉลองต้อนรับเมียใหม่ลูกพี่เว้ย”
โจรทั้งสามพร้อมใจกัน “เฮ...”
“ไปดูสองคนนั่นสิว่ามันเป็นผัวเมียกันจริงรึเปล่า อย่าให้มันแอบหนีไปได้นะ” พชรว่า
ติรกาตกใจ เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าพวกโจรเดินใกล้เข้ามา และเสียงก๊อกแก๊กเหมือนจะเปิดประตูเข้ามา ติรกาจึงตัดสินใจเป่าไฟตะเกียงพายุดับวูบทันที
“ดับไฟทำไม” รชานนท์ถามเบาๆ
“เราต้องทำให้พวกมันเชื่อว่าเราเป็นอะไรกันเร็วๆ”
“มายความว่า...”
ติรกาทำเสียงดุแบบเบาๆ
“เงียบก่อนได้ไหม”
“ครับ”
ติรกาดึงตัวรชานนท์เข้ามากอด รชานนท์ชะงักไปทันที
ติรกากระซิบบอกรชานนท์
“แค่กอดอย่างเดียวนะ... ห้ามทำอะไรเกินเลยไปกว่านี้เด็ดขาด”
รชานนท์ยิ้มๆ ยอมกอดติรกาเพียงอย่างเดียวตามต้องการ
ประตูเปิดออก กำนันเรืองในมาดโจรเห็นทั้งคู่กอดกันกลม ก็รีบปิดไปทันที
“ชะอุ๊ย.. ปิดๆๆ เดี๋ยวตาเป็นกุ้งยิง”
กำนันเรืองรีบปิดประตูไปทันที
บริเวณด้านนอก วันรบ พชร เบียดกันฟังเสียงจากภายในห้องอย่างลุ้นระทึกไปด้วย
“โอว... ถ่านไฟเก่ามันร้อนรอวันรื้อฟื้นจริงๆ”
กำนันเรืองเริ่มไม่สบายใจ
“อำกันขนาดนี้ ข้าจะเสียผู้ใหญ่รึเปล่าวะ”
“กาเมมรณังทุกขังโลเก กามตายด้านเป็นทุกข์ในโลก ...ช่วยให้ไอ้นนท์หมดทุกข์ ถือเป็นบุญยิ่งใหญ่”
“จะอยู่ฟังเค้าติ๊ดชึ่งกันทั้งคืนรึไง เดี๋ยวแม่กับมัทก็สงสัยหรอก” วันรบบอก
วันรบกับกำนันเรืองหันหลังเดินออกไป แต่พชรยังเงี่ยหูฟังไม่เลิกจนวันรบต้องเดินกลับมาดึงตัวตัวพชรไปด้วยกัน
ภายในห้อง ติรกาเคลิ้มๆ แต่พอเงยหน้าเห็นสายตารชานนท์ก็รู้สึกตัวทำเหวี่ยงผลักรชานนท์ออก
“พอได้แล้ว.. โจรมันไปแล้ว”
“ขอต่อโปรโมชั่นหน่อยไม่ได้เหรอ”
“อย่ามาฉวยโอกาสกับฉันนะ... เดี๋ยวเถอะ”
“ผมไม่มีวันฝืนใจคุณได้หรอกกระแต คุณเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ผมรัก.. มาก เกินกว่าจะทำร้ายคุณได้”
ติรกาถึงกับชะงักเมื่อได้ยินคำพูดและได้เห็นสายตาจริงใจของรชานนท์
ติรกาทำเป็นบ่นมองไปรอบ ๆ แต่ความจริงไม่กล้าสบตารชานนท์
“นี่ฉันต้องอยู่กับคุณแบบนี้ทั้งคืนเหรอเนี่ย เฮ้อ...”
รชานนท์มองติรกาอย่างรู้ทัน ยิ้มๆแล้วค่อยๆแกล้งขยับออกไป
“คุณนอนไปเถอะ ไม่ต้องกลัวหรอก .. ผมจะนอนขวางประตูไว้เอง”
ติรกามองรชานนท์อย่างไม่ค่อยไว้ใจ
“นอนไปเถอะน่า.. เชื่อใจผมบ้างสิ”
ในที่สุดติรกาก็ยอมทิ้งตัวลงนอน รชานนท์มองอย่างเอ็นดู
ทางด้านมัทรียืนรอวันรบกลับมาด้วยความไม่สบายใจ และเป็นห่วงติรกา วันทนีย์เดินผ่านมาเห็น ครุ่นคิด ก่อนเดินเข้าไปหามัทรี
“นอนไม่หลับเหรอ”
มัทรีหันไปเห็นวันทนีย์ยิ้มเศร้า ๆ
“พ่อกำนันพาคนไปสืบแล้ว อีกไม่นานต้องเจอแม่กับพ่อเราแน่”
“มัทกลัวแม่จะเป็นอันตราย”
“สันดานโจรบ้านนอก มันไม่ฆ่าใครสุ่มสี่สุ่มห้าหรอก ...ได้เงินเดี๋ยวก็ปล่อยเอ็งเข้าไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้จะได้มีแรงคิดหาทางช่วยพ่อแม่”
“ค่ะ” มัทรีรับคำด้วยน้ำเสียงเศร้า
มัทรีกำลังจะเดินไปก็หันกลับมาหาไหว้วันทนีย์
“ขอบคุณที่ช่วยพูดให้มัทสบายใจขึ้นนะคะ”
มัทรียิ้มให้วันทนีย์ด้วยความดีใจ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ที่เริ่มดีขึ้น วันทนีย์ยิ้มเก้อเขินไม่รู้จะวางตัวกับมัทรีอย่างไร
ติรกาลืมตาตื่นขึ้นมา เห็นตัวเองนอนซุกอยู่ในอ้อมแขนของรชานนท์ ก็ยิ้มละมุน ซึมซาบ..ปลาบปลื้ม.. ติรกายิ้มๆ เงยหน้าเจอรชานนท์ที่ลืมตามองอยู่ รู้สึกตัวรีบทำเป็นขยับตัวออก แต่รชานนท์ตื่นขึ้นมากอดรัดตัวติรกาไว้
“อรุณสวัสดิ์ครับเมียรัก”
“ฉันไม่ใช่เมียคุณ ปล่อยฉันนะ”
“ผมไม่ได้ทำอะไรคุณสักหน่อย”
“ไม่ได้ทำอะไรแล้วจู่ ๆ มากอดฉันได้ยังไง”
“เมื่อคืนตอนดึก จู่ๆ คุณก็ถลามากอดผมเอง”
ติรกาอ่อนลง พยายามคิดลำดับเหตุการณ์
รชานนท์ยิ้มๆอย่างเอ็นดู
“เป็นโรคติดหมอนข้างมาตั้งแต่สาวน้อย.. จนสาวมากก็ยังไม่เลิกเลยนะ”
ติรกาเขินแล้วทำไก๋
“ฉัน..ฉันก็แค่อยากให้มันเนียน โจรจะได้จับไม่ได้ต่างหาก”
ติรกาพยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมแขนรชานนท์ แต่รชานนท์ไม่ยอมปล่อย
“อยู่ใกล้ๆ กันแบบนี้ ทำให้ผมนึกถึงวันงานเลี้ยงชมรม คืนที่เรา...”
ติรกาชะงัก นึกถึงเรื่องราวในวันนั้น ก่อนผลักตัวรชานนท์สุดแรง ด้วยความโกรธ
“เพราะความใจง่ายของฉัน ทำให้ต้องเจ็บปวดมาถึงทุกวันนี้”
“คุณพูดเหมือนตัวเองไม่ผิดที่ทิ้งผมไปหาพี่หมอนพ”
“พี่หมอมีบุญคุณกับฉันและลูก เพราะคุณทิ้งเรา ฉันไปหาคุณที่บ้าน..พ่อของคุณบอกว่าจะให้คุณติดต่อมา แต่คุณก็ไม่เคยติดต่อกลับมาสักครั้ง”
รชานนท์จับมือติรกาด้วยความเสียใจ
“ผมไม่รู้จริงๆว่าคุณมาหาผม ผมไม่รู้ว่าคุณท้อง หลังจากเรียนจบพ่อให้ผมไปเรียนต่อ แต่ผมขอเวลาเพราะอยากจะหาเงินสักก้อนเพื่อพาคุณไปด้วย”
ติรกามองรชานนท์อย่างไม่อยากเชื่อ
“ผมคิดอย่างนั้นจริงๆ แต่จู่ๆ พ่อกับแม่ก็เอาตั๋วเครื่องบินมาให้ผม”
อ่านต่อหน้าที่ 4
แม่ยายที่รัก ตอนที่ 11 (ต่อ)
ความหลังในวันนั้น ... รชานนท์ถามพ่อด้วยความแปลกใจ
“ทำไมพ่อรีบเปลี่ยนตั๋วเครื่องบินให้ผมเดินทางพรุ่งนี้”
“ไปถึงเร็ว จะได้ปรับตัวเร็วขึ้น”
“แต่ผมยังไม่ได้บอกกระแตเรื่องเปลี่ยนไฟล์เดินทาง ผมจะพากระแตไปด้วย”
“แกต้องเดินทางไปก่อน ส่วนเรื่องกระแตฉันจะส่งเขาตามไปหาแกเอง”
“จริงเหรอครับพ่อ”
“ถ้าแกสัญญาว่าจะเรียนให้จบ”
“ครับ ผมจะเรียนให้จบตามเวลาที่พ่อต้องการ ให้ผมกับกระแตไปพร้อมกันได้ไหมครับ”
“ถ้าแกไม่รีบไปรายงานตัว แกอาจจะเสียโอกาสที่จะได้เรียนในมหาวิทยาลัยที่ดี แกเดินทางไปก่อน พ่อสัญญาว่าจะให้กระแตตามแกไป”
“แต่...”
พ่อยื่นตั๋วเครื่องบินอีกใบให้รชานนท์
“ตั๋วของกระแตเดินทางอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า เห็นไหมว่าระบุชื่อแฟนแกไว้”
รชานนท์มองแล้วยิ้มอย่างยินดี
“ขอบคุณครับพ่อ”
รชานนท์ยอมไปเก็บของ
แม่ของรชานนท์ไม่สบายใจ
“คุณจะไม่บอกเรื่องหนูกระแตท้องเหรอคะ”
“แน่ใจได้ยังไงว่าเด็กในท้องเป็นลูกตานนท์ ยังไงฉันก็ไม่ยอมให้ลูกชายทิ้งอนาคตเพื่อผู้หญิงที่เราไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้า”
พ่อรชานนท์ตัดสินใจไม่บอกเรื่องติรกาท้องให้รชานนท์รู้
รชานนท์ยืนยันกับติรกา
“พอถึงอเมริกา... ผมเตรียมทุกอย่างทั้งที่พักที่เรียนคอร์สสั้น ๆ สำหรับคุณ แต่คุณก็ไม่มา ผมพยายามส่งจดหมายมาหาคุณ แต่คุณย้ายที่อยู่ผมเลยฝากจดหมายให้คุณพ่อเอามาให้คุณ ผมเขียนหาจดหมายหาคุณเยอะมาก...แต่คุณไม่เคยตอบ จนพ่อผมบอกผมว่าคุณแต่งงานและมีลูกไปแล้ว ผมเสียใจมากที่รู้ว่าคุณไม่รักผมแล้ว”
“ฉันไม่เคยได้รับจดหมายของคุณ ! พ่อคุณบอกว่า คุณอยากมีอนาคตที่ดีและเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่อเมริกา”
รชานนท์อึ้งไป
“ไม่จริง... ผมไม่เคยพูดแบบนั้น”
สีหน้าของรชานนท์ครุ่นคิด ก่อนนึกขึ้นได้
“เราเข้าใจผิดกันมาตลอด เพราะพ่อผมเป็นต้นเหตุทั้งหมด”
ติรกาเสียใจ และรู้สึกผิดต่อรชานนท์
“ฉันเจ็บแค้นคุณมาตลอดยี่สิบปี..เพราะความเข้าใจผิด ฉันทำอะไรลงไป”
“ยี่สิบปี.. มันทำให้ผมรู้ว่าคุณรักผมมากแค่ไหน”
“หมายความว่า.. ที่คุณอยู่เป็นโสดไม่แต่งงานมาตลอดยี่สิบปีเป็นเพราะ”
รชานนท์ตอบทันที
“ผมไม่เคยลืมคุณเลยกระแต เคยรักยังไง..ก็ยังคงรักอยู่อย่างนั้นผมยังนึกโกรธคุณด้วยซ้ำ.. ที่แต่งงานกับหมอนพ”
“พี่นพเป็นคนดี.. เค้ารักฉันอย่างจริงใจ ยอมรับมัทรีเป็นลูก แม้จะไม่เคยล่วงเกินฉันแม้แต่ปลายเล็บ หลังจากแต่งงานไม่นานพี่หมอก็เสียชีวิตเพราะโรคประจำตัว”
“ผมขอโทษแทนคุณพ่อสำหรับเรื่องราวทั้งหมด เรากลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนตอนที่คุณความจำเสื่อมเถอะนะ”
รชานนท์ดึงตัวติรกาเข้ามากอดด้วยความรัก
“แต่ว่า...”
“ไม่มีคำว่าแต่.. บอกผมสิว่าพอรู้ความจริงทั้งหมดแล้ว คุณจะยังคงโกรธ ยังเกลียดผมอยู่”
ติรกาอ้ำอึ้ง รชานนท์จับหน้าติรกามาจ้องตรงเข้าไปยังดวงตาของเธอ
“บอกผมสิว่าคุณลืมว่าผู้ชายคนนี้ได้.. ทั้งๆ ที่เค้ายังรักคุณอยู่เต็มหัวใจ”
ติรกามองหน้ารชานนท์ตัดสินใจ
“ถ้าเรารอดชีวิตออกไปได้ ฉันจะเป็นภรรยาที่ดีของคุณค่ะนนท์”
“เราต้องรอดชีวิตสิ.. ผมไม่มีวันให้ใครทำร้ายคุณเป็นอันขาด”
รชานนท์และติรกากอดกันด้วยความรักและความเข้าใจกัน
วันรบกำลังขะมักเขม้นกับการเล่นเกม Angry bird ในมือถือไอโฟน โดยมีพชรกับอาไทนั่งลุ้นและอินไปด้วย
“ฟิ้ว..... นัดเดียว เรียบ” วันรบพูดขึ้น
“นั่นชนเข้าไป ตู้มๆๆ” อาไทบรรยายอย่างเมามันส์
“ไอ้นกตัวนี้มันเคยอารมณ์ดีมั่งมั้ยวะ ฮ่าๆๆ” พชรว่า
“หน้าบูดเป็นตูดเหมือนลุงระเลย ฮ่าๆๆ” อาไทเปรียบเปรย
พชรเขกหัวอาไท
“หน้าบูดไม่เท่าไหร่ แต่เรียกลุงยอมไม่ได้”
อาไทเงยหน้ามองพชรแล้วชะงัก
“อะไร ตะลึงความหล่อฉันล่ะสิ”
อาไทพยักหน้าให้หันไปมองข้างหลัง
“อะไร...เอิ๊ก”
มัทรียืนจ้องวันรบที่ยังก้มหน้าก้มตาเล่นเกมอย่างเมามัน พชรกับอาไทพร้อมใจกันสะกิดวันรบ วันรบสะบัดทันที
“อย่าดิ จะชนะแล้ว”
พชรกับอาไทสะกิดหนักขึ้น
“กวนอยู่ได้เห็นไหมว่าเล่นเกมส์”
วันรบเงยหน้ามาเห็นมัทรีก็ชะงักในทันที
“Angry มัทรี” พชรพูดขึ้น
“น่ากลัวกว่า Angry bird หลายเท่า” อาไทบอก
วันรบยิ้มเจื่อน เห็นสีหน้าขุ่นของมัทรี จึงรีบแก้สถานการณ์เฉพาะหน้าทันที
“สายตรงถึงพ่อกำนันด่วนจ้ะ” วันรบรีบเอามือโทรหากำนันเรือง
“ได้เรื่องมั้ยพ่อ”
กำนันเรืองเดินคุยโทรศัพท์มือถือเข้ามาอย่างเร่งรีบ
“รู้ที่ซ่อนตัวคุณนายติรกาแล้ว ข้ากำลังจะออกไป”
วันรบกับกำนันหันหน้ามาเจอกัน ต่างคนต่างชะงัก
“อ้าว อยู่บ้านก็ไม่บอก”
“ก็เอ็งไม่ถาม”
“เมื่อกี้กำนันบอกว่ารู้ที่ซ่อนแม่ยายไอ้รบแล้ว” พชรบอก
“ขอมัทตามไปช่วยแม่ด้วยนะคะ”
“โอ๊ย... นั่นเป็นหน้าที่ของลูกเขยที่แสนดีอย่างผม มัทอยู่บ้านทำใจนิ่ง ๆ รอแม่ดีกว่านะครับ” วันรบบอก
พชร กำนันเรืองพยักหน้าหงึก ๆ เห็นด้วยกันวันรบ มัทรีถอนใจยอมทำตาม
“ก็ได้ค่ะ”
วันรบ พชร กำนันเรืองยิ้มเข้าแผน
มุมซุ่มตัวนอกบ้านในบ้านกลางสวน วันรบ พชร กำนันเรืองกำลังมองโจรปลอมที่ขนเอาปะทัด และหม้อ ตะหลิว ครกสาก มาเป็นอุปกรณ์เสริม ทั้งหมดพยักหน้าส่งสัญญาณนัดแนะกัน กำนันเรืองจึงตะโกนลั่น
“ไอ้เสือบุก”
พชรรีบท้วง
“ผิดซีนครับ”
กำนันเรืองตะโกนใหม่
“เออ ๆ หยุดนะ ! นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ยอมให้ปล้ำ”
วันรบกับพชรตกใจแล้วพูดพร้อมกัน “จับ”
“เออ ยอมให้จับปล้ำ เอ๊ย จับเฉยๆ ซะดีๆ”
โจรทั้งสามรีบจุดปะทัดและเอาตะหลิวมาคนหม้อ เอาสากตำครกโปก ๆ เป็นซาวด์เสียงต่อสู้ ให้ดูวุ่นวายเข้าไว้
ภายในบ้าน ติรกาผวาเข้าไปหารชานนท์ทันทีเมื่อได้ยินเสียงดังข้างนอก
“เสียงปืน”
รชานนท์แกล้งพูดให้ติรกากลัว
“เกิดการยิงปะทะกันแน่ ๆ”
หลังเสียงปะทะข้างนอกเงียบไปไม่นาน ประตูดังขึ้นก๊อกแก๊กเหมือนกำลังถูกเปิด ติรกาตกใจรีบปรี่เข้าไปดันประตูไว้
“อย่าเข้ามานะ”
“เปิดประตู” วันรบพูดขึ้น
วันรบพยายามดันประตูเข้ามา แต่ติรกาหลับหูหลับตาดันประตูไม่ยอมให้เปิด
“ไม่เปิด”
“ถ้าไม่เปิดแล้วผมจะเข้าไปยังไง”
“ไม่ให้เข้า”
“ตกลงคุณแม่ยายจะอยู่ที่นี่ ไม่กลับบ้านใช่มั้ยครับ” วันรบถาม
ติรกาชะงัก เงยหน้ามองอีกที จึงเห็นวันรบยื่นเสนอหน้ามา
“ผมกำลังจะบอกว่าเป็นไอ้รบ แต่กระแตไม่ฟัง”
ติรกาได้แต่ยิ้มแหยๆ
ติรกาเดินตามวันรบและรชานนท์ออกมาหน้าบ้าน ใจเสียเมื่อเห็นคราบเลือดเป็นรอยตามพื้น พชรรีบพูดเสียงดังเพื่อเบนความสนใจ
“พวกโจรมันถูกตำรวจยิงตายหมดแล้ว”
ติรกาพูดกับกำนันเรือง
“ไม่เห็นตำรวจสักคน”
กำนันเรืองพูดขึ้นอย่างลืมตัว
“จะเห็นได้ไง ก็มันไม่มี”
วันรบรีบแก้ตัวแทนทันที
“มีหน่วยสวาทจู่โจมและเก็บหลักฐานไปอย่างรวดเร็วครับ”
“ทำไมคราบเลือดมันแปลกๆ”
ทุกคนหันมองคราบเลือดที่เป็นรูปหัวใจสองดวงบนพื้น ทุกคนเหวอไป
“เอ่อ... กระแตจ๋า รีบกลับไปหาลูกมัทดีกว่า ป่านนี้หิวนมแย่แล้ว”
“บ้า ลูกโตเป็นสาวแล้วนะ”
วันรบยิ้มกลบเกลื่อนในขณะที่ติรกายังคงจ้องเขม็งไม่ยิ้มตอบ พชร กำนันเรืองอมยิ้ม อดขำทั้งสามไม่ได้
ภายในบ้านของวันรบ ในเวลาต่อมา มัทรีกอดติรกาด้วยความดีใจ
“มัทดีใจที่แม่ปลอดภัย”
“ต้องขอบคุณกำนันที่พาคนไปช่วยฉันกับสามีออกมา”
พุทรางงเป็นไก่ตาแตก ย้ำคำของติรกาอย่างไม่ค่อยแน่ใจ “สามี”
ติรกาคล้องแขนรชานนท์ประกาศกับทุกคน
“ฉันกับคุณนนท์ปรับความเข้าใจกันแล้ว”
วันทนีย์หันไปถามวันรบ
“ผัวเมียคู่นี้เค้าไม่ถูกกันตั้งแต่เมื่อไหร่”
พุทราหันไปเล่า
“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว... โอ๊ย”
ติรกาหยิกพุทราจนร้องลั่น แล้วตัดบท
“มีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อยค่ะ”
รชานนท์แอบยิ้มให้วันรบ พชร กำนันเรืองที่แผนสำเร็จ
“เข้าใจกันแล้ว” มัทรีพูดขึ้นลอยๆ
“พ่อไม่ได้ทิ้งเราไปนะลูก มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด”
มัทรี,วันรบ,พุทรา,พชรพูดขึ้นพร้อมกัน
“เข้าใจผิด”
“อาจมีคนนึงที่รู้ข้อมูลในอดีต” รชานนท์พูดขึ้น
ติรกามองรชานนท์ด้วยความสงสัย
นลินีมาที่บ้านพักของพชรในรีสอร์ตคุณแก้ว แล้ววางกล่องไม้เก่าใบหนึ่งไว้บนโต๊ะต่อหน้าทุกคน
“พ่อฝากกล่องของใช้ส่วนตัวไว้กับพี่ก่อนตาย แต่พี่ไม่ได้สนใจเปิดดูว่าในนี้มันมีอะไร”
“อายุเยอะก็ต้องหลงลืมเป็นธรรมดา” พชรว่า
นลินีค้อนควับ พชรรีบพูดต่อ
“แต่เวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ เมียจ๋าก็ยังสวยใสเสมอ”
นลินียื่นกุญแจให้ รชานนท์รับไปไขกล่องปริศนาออกดู กล่องไม้เก่าถูกเปิดออก รชานนท์ถึงกับตกใจที่เห็นจดหมายมากมายของเขาถูกเก็บไว้ในกล่องไม้นั้น
“จดหมายที่ผมฝากพ่อส่งให้กระแต อยู่ครบทุกฉบับ”
ทุกคนตกใจทำหน้าเลิกลั่ก ติรกาหยิบจดหมายฉบับหนึ่งขึ้นมาอ่าน
“กระแตยอดรัก... อากาศหนาวของที่นี่ ไม่ได้ทำให้ร่างกายผมเหน็บหนาว เท่าหัวใจที่อ้างว้างเมื่อไม่มีคุณ ผมคิดถึงแม่กระแตแต้แว๊ดของผมเหลือเกิน
พุทราปล่อยโฮ
ติรกาหันไปถามพุทรา
“จดหมายรัก ร้องไห้ทำไมยะ”
“ก็มันอินนี่คะ”
นลินียื่นทิชชู่ส่งให้ พุทรารับไปสั่งน้ำมูกปื๊ดๆ จนทุกคนสะดุ้งเป็นทีๆไปฝ
“พ่อไม่เคยส่งจดหมายให้กระแตเลยสักฉบับ แต่กลับส่งข่าวไปบอกผมว่ากระแตแต่งงานกับคนอื่นไปแล้ว”
“แสดงว่าพ่อเป็นต้นเหตุให้นนท์กับติรกาเข้าใจผิดกัน” นลินีพูดขึ้น
“รักแท้ แพ้พ่อผัว ฮือ...” ติรกาปล่อยโฮแล้วสั่งน้ำมูกปื๊ดๆ
ติรกาเบือนหน้าหนีอย่างเอือมระอา รชานนท์กอดติรกา ให้กำลังใจ
“อดีตที่เจ็บปวด จะทำให้เรารักกันมากกว่าเดิมในปัจจุบัน”
มัทรีรู้สึกผิดที่เคยอคติกับรชานนท์ เครียดจนลุกต้องลุกออกไป
“ยายมัท”
รชานนท์เดินตามหามัทรี จนมาเจอมัทรียืนเครียดอยู่มุมหนึ่ง มัทรีหันไปเห็นรชานนท์เดินเข้ามา สับสนจนทำตัวไม่ถูก
“มัท”
“ป๋า”
ทั้งสองพูดพร้อมกัน และชะงักพร้อมกัน ทั้งสองคนจะพูดพร้อมกันอีกครั้ง ...เอ่อ...
รชานนท์กับมัทรีเครียดและกดดันคล้ายกัน จนเอานิ้วโป้งคลึงกลางหว่างคิ้วพร้อมกัน ทั้งสองเห็นท่าทางของอีกฝ่าย ก็ชะงักอีกรอบ ก่อนหลุดหัวเราะเบา ๆ
“ขอโทษค่ะ”
“ความเหมือนช่วยย้ำเตือนความสัมพันธ์ทางสายเลือด มัทไม่ต้องขอโทษหรอกจ้ะ”
“มัทเคยล่วงเกินป๋าหลายครั้ง แต่ป๋าก็ไม่เคยโกรธ มัทไม่รู้จะพูดอะไรที่ดีกว่าคำว่าขอโทษ”
“ไม่ต้องขอโทษ.. เพราะผู้ชายคนนี้ไม่เคยโกรธหนูเลย ตรงกันข้ามกลับรู้สึกผิดด้วยซ้ำ...ที่ปล่อยให้หนูลำบากอยู่กับแม่คนเดียวตั้งแต่เล็ก ผู้ชายคนนี้ไม่เคยได้มีโอกาสทำหน้าที่สำคัญที่สุด.. เพื่อลูก”
มัทรีนิ่ง ราวกับกำลังตัดสินใจ
“พ่อ...” มัทรีเรียกรชานนท์เบาๆ
มัทรีปรี่เข้าไปกราบแทบอกรชานนท์
“ยกโทษให้กับมัทเถอะนะคะพ่อ”
“พ่อบอกแล้วไงว่าไม่โกรธ แค่ได้ยินมัทเรียกว่า “พ่อ” พ่อก็ชื่นใจแล้ว”
รชานนท์ลูบหัวมัทรีอย่างอ่อนโยน ยิ้มอย่างอบอุ่น มัทรียิ้มรับด้วยความดีใจและซาบซึ้ง มัทรีกอดรชานนท์ด้วยความตื้นตัน
“พ่อขา..มัทฝันมาตลอดว่าวันนึงมัทจะได้กอดพ่อ พ่อของมัท”
“มัท..ลูกพ่อ”
มัทรีมองไปด้านหลังเห็นติรกายืนมองและยิ้มอยู่
“แม่”
รชานนท์หันไปยื่นมือให้ติรกา ติรกามองมือรชานนท์ที่ยื่นมา มองมัทรีที่อยู่ในอ้อมกอดรชานนท์ ติรกาน้ำตาคลอวางมือบนมือรชานนท์ รชานนท์ดึงติรกาเข้ามากอด
“ผมดีใจนะที่ผมได้กอดคนที่ผมรัก ขอบคุณนะกระแต ขอบคุณ”
“ฉันก็ดีใจค่ะที่พวกเราอยู่พร้อมหน้ากันเป็นครอบครัว”
สามคนพ่อแม่ลูกกอดกันด้วยความรัก
รชานนท์ ติรกาเดินจูงมือมัทรีมาด้วยกันสามคนพ่อแม่ลูกอยู่ที่บริเวณหน้าบ้านพชร มัทรีพูดขึ้น
“คุณยายต้องดีใจแน่ๆ ที่แม่ง้อ...”
ติรกาขึงตาใส่เป็นเชิงปราม มัทรีเปลี่ยนรูปประโยคสนทนาทันที
“เอ๊ย..พ่อง้อแม่สำเร็จ อย่างนี้มันต้องปาร์ตี้”
“โนแอลกอฮอลล์นะ” ติรกาว่า
มัทรีมองหน้าติรกา
“ไม่มีอยู่แล้วค่ะ.. แม่คะ มัทอยากทานฝีมือแม่จังเลย”
“ถ้ามัทคิดว่ากินไข่เจียวปนเปลือกไข่ฝีมือแม่ได้ก็ลองดู”
“ต่อให้ผัดผักบุ้งใส่น้ำปลาหมดขวด ให้เป็นฝีมือแม่ มัทยอมตาย”
“เดี๋ยวนะสาว ๆ ฟังจากรายการอาหารแล้ว ผมแสดงฝีมือเองดีกว่า ผมไม่อยากไตพังก่อนวัยอันควรน่ะ” รชานนท์แซวติรกา
“แต่มัทก็ไม่อยากจู๊ด ๆ นะ”
รชานนท์ขยี้หัวมัทรีอย่างหมั่นเขี้ยว
“อ่ะ...อ่ะ คุณผู้หญิง..ผมเนี่ยอดีตสุดยอดเชฟเลยนะ”
“ให้จริงเถอะค่า..มัทจะกินให้พุงแตกเลย”
สามคนพ่อแม่ลูกหัวเราะเสียงใส มัทรีหันมาแล้วชะงัก วันรบเดินเข้ามาพอดี
“มัท..”
ติรกากับรชานนท์มองหน้ากัน
“เดี๋ยวแม่ไปคุยกับคุณป้านีก่อนนะ ไปเถอะค่ะนนท์”
รชานนท์รู้งานรีบจูงมือติรกาเดินไปปล่อยให้วันรบกับมัทรียืนมองหน้ากัน
ทรงสุดาเดินมาที่หลังบ้านของสมภพ เห็นรุจีนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้น
“ฮือๆๆ คุณนนท์ รุจีขอโทษ”
ทรงสุดาเข้ามาแตะที่ไหล่รุจี
“รุจี...”
รุจีสะดุ้งหันมาเห็นเป็นทรงสุดา
“ปี้ดา โฮ..” รุจีกอดทรงสุดาแน่น
“ใจ๋เย็นๆ ตั๋วเป็นหยังอู้มาเต๊อะ”
“เปิ้น..เปิ้นยะฮื้อคุณนนท์ต้องเสียใจ๋ เปิ้น...”
“อ้ายสมภพใช่ก่อ อ้ายหื้อน้องยะอันหยัง อู้มาเต๊อะ”
รุจีมองทรงสุดอย่างไม่ค่อยมั่นใจว่าจะเล่าให้ฟังดีไหม
ในเวลาเดียวกัน บริเวณสวนสวยในรีสอร์ตคุณแก้ว วันรบขยับเข้ามาหามัทรี
“มัท...เรื่องภาพนั่น”
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครคะ”
“เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของผม เขาเดือดร้อน..ผมก็เลยต้องช่วย”
“บอกมัทได้ไหมคะว่าเขาเดือดร้อนเรื่องอะไร”
วันรบคิดหนักว่าจะเล่าดีไหมแล้วตัดสินใจเล่าเพียงบางส่วน
เขาเดือดร้อนเรื่องเงิน ที่บ้านเขาค่อนข้างลำบากก็เลยไปทำอาชีพ...บริการ ตอนนี้ที่บ้านเขารู้ เขากลุ้มใจก็เลยมาขอให้ผมช่วย จริง ๆ นะมัท”
“พี่รบไม่ได้โกหกมัทใช่ไหมคะ”
“พี่ไม่ได้โกหกมัทแม้แต่คำเดียว”
“มัทเชื่อค่ะ”
วันรบดีใจจนออกนอกหน้า
“จริงเหรอ มัทเชื่อผมจริงๆ นะ”
“มัทเคยบอกว่ามัทจะเชื่อใจพี่รบ มัทจำคำสัญญานั้นได้ค่ะ”
วันรบจับมือมัทรีอย่างดีใจ
“ขอบคุณมัท..ขอบคุณ”
วันรบกอดมัทรีอย่างตื้นตัน
รชานนท์กับติรกาที่แอบดูอยู่ ติรกายิ้มๆ แต่รชานนท์ออกอาการหวงลูกสาว กระแอมเสียงดังมากหลายครั้ง
“ฮะแฮ่ม.. แอ่มมม...เกรงใจหน่อย”
วันรบรู้สึกตัวเมื่อได้ยินเสียงรชานนท์รีบผละจากมัทรีทันที วันรบยิ้มดีใจ
“คุณพ่อ..คุณแม่ครับ ผมขอใช้สิทธิ์จับมือคู่หมั้นนะครับ”
รชานนท์มองด้วยสายตาเหล่ๆ แล้วพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้ วันรบคว้ามือมัทรีมาจูงไว้
“คืนนี้เลี้ยงใหญ่ดีมั้ยครับ ผมเป็นเจ้ามือเอง”
“จะโชว์ป๋าเหรอวะ ถ้าเงินไม่ถึง ฉันให้ลูกฉันทิ้งแกแน่” รชานนท์บอก
“อย่าเอาเรื่องนี้มาขู่สิคะ เพราะถ้านนท์ทำแบบนั้น ลูกเราร้องไห้ตาบวมปูดแน่” ติรกาบอก
วันรบ เข้าไปไหว้ติรกาใกล้ๆ รชานนท์เข้ากันติรกาทันที
“ขอบคุณมากครับคุณแม่ยายที่เข้าข้างผม”
“เฮ้ยๆ นี่เมียฉัน ห้ามเข้าใกล้เกินสองเมตร”
“ป๋า..หวงคุณแม่ยายอย่างกับเป็นกรมศิลปากรเลย”
“ทำไมกรมศิลปากรต้องหวงคุณแม่มัทด้วยคะพี่รบ”
“ก็กระแตเป็นวัตถุโบราณ” รชานนท์ปากไวพูดไม่ทันคิด
วันรบถึงกับตกใจร้องเรียกรชานนท์
“ป๋า”
“อุ๊บ” รชานนท์ปิดปากทันทีเมื่อนึกได้
วันรบกับรชานนท์หันไปมองติรกา ติรกาหน้านิ่งจนวันรบกับรชานนท์สะดุ้ง
“ผมล้อเล่นนะครับคุณแม่”
ติรกายิ้มแล้วบอก
“เล่นกันแรงขนาดนี้ฉันก็สบายใจ เวลาเล่นกลับจะได้ไม่ต้องเกรงใจกัน”
ติรกาแกล้งทำหน้าเหี้ยมใส่ วันรบสยองขึ้นมาทันที
“อุ้ย ผมขอโทษครับคุณแม่”
“ปากไม่ดีไม่เป็นไร แต่ไม่รักไม่ให้เกียรติลูกสาวฉัน ตาย”
“ผมให้เกียรติมัทเสมอ ไม่เคยทำอะไรให้มัทต้องเสื่อมเสียแม้แต่นิดเดียว”
รชานนท์พูดประชดขึ้นทันควัน
“อ๋อ..ที่แกอยู่กับลูกฉันที่คอนโดนั่น ลูกฉันไม่เสื่อมเสียเลย นั่นไม่ได้เรียกว่าให้เกียรติกัน.....แกยังไม่ได้เคลียร์กับฉันเลยนะเว้ย...”
รชานนท์แกล้งทำท่าจะต่อย
“ขอสักทีเถอะวะ”
“พ่อคะ แม่คะ มัทมีความจริงจะสารภาพ”
ทุกคนชะงักหันมามองว่า มัทรีจะพูดอะไร มัทรีตัดสินใจจะพูดทุกอย่าง
ทุกคนพร้อมหน้ากันกลับมาที่บ้านของติรกา วันรบมองมัทรีว่าจะพูดเรื่องอะไร
“ที่มัทบอกว่ามัทกับพี่รบเป็นสามีภรรยากันแล้ว ไม่เป็นความจริงค่ะ ถึงจะอยู่คอนโดเดียวกันก็จริง แต่พี่รบไม่เคยล่วงเกินมัทเลยค่ะ”
มัทรีกราบแทบตักติรกาด้วยความรู้สึกผิด
“มัทกราบขอโทษที่โกหกค่ะ แต่ตอนนั้นมันเป็นทางเดียวที่จะทำให้มัทกับพี่รบได้คบกัน”
“ปฏิภาณดีเหมือนพ่อ” รชานนท์บอก
ติรกาทำตาเขียวใส่รชานนท์ รชานนท์สลดไปทันที
เตือนใจกับพุทราแบบขำๆ
“หลานเขยฉันอยู่ในโอวาทดีซะด้วย”
“พี่รบไม่เคยรังแกมัทจริง ๆ ค่ะ”
วันรบคลานเข้าไปกราบขอโทษติรกาอีกคน
“ผมต้องขอโทษที่ไม่ได้บอกความจริง และล่วงเกินคุณแม่มาตลอด”
“ไม่ต้อง” ติรกาน้ำเสียงเด็ดขาด
“แม่คะ” มัทรีเรียกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือด้วยความเสียใจ
“วันรบไม่ได้ทำผิดอะไร ไม่จำเป็นต้องขอโทษ”
ติรกาพูดกับวันรบ ด้วยสายตาและความรู้สึกที่ดีขึ้น
“ฉันต้องเป็นฝ่ายขอบคุณเธอมากกว่าที่ช่วยปกป้องศักดิ์ศรีของยายมัท”
“แม่ไม่โกรธพี่รบแล้ว”
วันรบกับมัทรียิ้มและกุมมือกันและกันด้วยความดีใจ ติรกาหันไปทางรชานนท์
“ฉันแค้นที่คุณทิ้งฉันก็เลยตาบอด หูดับ ไม่ยอมให้โอกาสวันรบ ไม่ฟังลูก ฉันเอาตัวเองเป็นที่ตั้งจนเกือบต้องเสียลูกกับนนท์ไป ฉันจะไม่แก้ตัวแต่ฉันจะใช้เวลาที่เหลือทั้งหมดแก้ไขทั้งกับนนท์กับมัท”
“โอว.... มาย นิว บอส”
พุทราพูดแล้วปรี่เข้าไปจะโอบกอดติรกาด้วยความดีใจจนออกนอกหน้า ติรกาจ้องพุทราด้วยสายตาดุและนิ่งมาก พุทรายิ้มเจื่อนๆแล้วก้มลงมองพื้นเหมือนเดิม
“แหะๆ มันอดอินไม่ได้”
ติรกามองค้อนพุทราอย่างเอือมระอา ทุกคนหัวเราะขำในท่าทางพุทรา และยิ้มให้กันอย่างมีความสุข รชานนท์มองติรกาด้วยความรักเต็มเปี่ยม
ทางด้านทรงสุดาถึงกับตกใจที่ได้รู้ความจริงจากรุจี
“อ้ายสมภพหื้อน้องไปหลอกคุณนนท์”
“ตอนนี้คุณนนท์ เปิ้นคงฮู้แล้ว ว่าน้องทำให้เปิ้นต้องเดือดฮ้อน น้องบ่ฮู้ว่าจะยะจะใด น้องฮักคุณนนท์แต่น้องจะไม่เห็นแก่ตัวแย่งคุณนนท์มา น้องอยากหื้อคนที่น้องฮักมีความสุข”
“ต่อไป น้องบ่ต้องยะตามที่อ้ายสมภพสั่งอีก”
“แต่อ้ายสมภพขู่ว่าถ้าน้องบ่ยะตามที่เขาสั่ง เขาจะทำร้ายปี้ น้องยอมบ่ได้ ปี้ดา..ไปจากตี้นี่เต๊อะ น้องจะยะการยะงานเลี้ยงดูปี้กับหลานเอง นะปี้นะ”
ทรงสุดาได้แต่น้ำตาริน พูดไม่ออก
“น้องจะไม่ยอมให้เปิ้นทำร้ายปี้ตลอดไป สักวันน้องต้องพาปี้ออกไปจากตี้นี่ให้ได้”
รุจีพูดด้วยสายตามุ่งมั่น
เช้าวันใหม่ รชานนท์ยืนหันหลังอยู่ในบ้านพักของพชร วันรบ มัทรี พุทราเข้าบ้านมาด้วยท่าทางแตกตื่น
“มีเรื่องอะไรครับป๋า” วันรบถาม
“นั่นสิคะ ทำไมต้องเรียกมัทกับพี่รบมาคุยที่นี่ด้วย”
“ว่าแต่พุทราเกี่ยวอะไรด้วยเหรอค้า” พุทราถามด้วยความอยากรู้
“ผมมีเรื่องอยากให้ทุกคนช่วย”
ทุกคนมองสีหน้าเครียดของรชานนท์อย่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
ค่ำคืนนั้น... ในวันเดียวกัน ภายในบ้านของติรกา ติรกาออกมายืนกอดอกที่ระเบียงริมน้ำมองพระจันทร์ รชานนท์ขยับเข้าโอบติรกาจากด้านหลัง ติรกาพิงตัวไปกับรชานนท์อย่างผ่อนคลาย
“ผมเคยรอ..รอจนเลิกหวังที่จะได้คุณกลับมา ผมอยากอยู่กับคุณตลอดไป คุณล่ะกระแต”
ติรกาวางมือทับบนมือรชานนท์แล้วบอก
“ฉันไม่เคยกล้าคิดว่าเราจะมีวันนี้ด้วยกัน”
“วันนี้ท้องฟ้ามืดจังนะ”
“ฉันเคยเกลียดกลางคืนมากเพราะมันมืด..จนฉันกลัวว่าจะไม่มีวันที่สว่างสำหรับฉันอีกต่อไป คืนนี้ท้องฟ้าก็มืดอีก” ติรกาพูดแล้วก็จับมือรชานนท์แน่น
“แต่ในความมืดก็ยังมีแสงดาวแม้ว่ามันจะริบหรี่ก็ตาม” รชานนท์กระซิบบอกติรกา
ติรกามองหาไม่เห็นดาวสักดวง
“ดาวที่ไหนค่ะ ไม่เห็นมีเลย”
รชานนท์กระซิบข้างหูติรกาเบาๆ
“มีสิครับ ดูดีๆ สิ”
ติรกามองออกไปที่บริเวณฝั่งตรงข้ามของบ่อน้ำมีประกายไฟถูกจุดขึ้น และไฟก็วิ่งอย่างรวดเร็วเป็นคำว่าMarry me... ติรกาถึงกับอึ้งหันมามองรชานนท์
รชานนท์จับมือติรกาแล้วบอก
“ตั้งแต่ยี่สิบปีก่อน นี่คือสิ่งที่ผมอยากทำมาตลอด”
รชานนท์คุกเข่าตรงหน้าติรกาแล้วหยิบกล่องแหวนออกมาเปิดตรงหน้าติรกา
“แต่งงานกับผมนะครับ...กระแต”
ติรกายังคงยืนมองรชานนท์อย่างอึ้งๆและคิดไม่ถึง
“ผมจะไม่ปล่อยคุณไปจากชีวิตผมอีก แต่งงานกับผมนะ”
“ค่ะ” ติรกายิ้มทั้งน้ำตา
รชานนท์ยิ้มสวมแหวนให้ติรกา เสียงไชโยดังลั่นมาจากฝั่งตรงข้าม ติรกาหันไปมองเห็นมัทรี วันรบ เตือนใจ พุทราตบมือดีใจ
“นี่ร่วมมือกันหมดเลยเหรอคะ” ติรกาถาม
“ก็มีมัทกับวันรบ แล้วก็คุณแม่ยายอยากให้เราสองคนมีความสุขนี่ครับ”
ติรกากับรชานนท์ต่างกอดกันด้วยความรัก รชานนท์ยกนิ้วให้ทุกคนที่มองอยู่
“แบบนี้ต้องส่งท้าย” พุทราพูดขึ้นแล้วจุดพลุจนสว่างไสวไปทั่วท้องฟ้าที่ราชบุรี
จบตอนที่ 11
ติดตามอ่านแม่ยายที่รัก ตอนที่ 12 พรุ่งนี้