แม่ยายที่รัก ตอนที่ 8
วันทนีย์กับกระถินถึงกับเต้นเป็นเจ้าเข้าและกรีดร้องลั่นบ้านเมื่อรู้เรื่องของวันรบกับมัทนี
“ไม่จริง ! ไม่จริง !” วันทนีย์ร้องลั่น
“กรี๊ด” กระถินกรีดร้อง
กำนันเรืองกับอาไทปรี่เข้ามาถามทั้งคู่ด้วยอาการที่ตกใจไปด้วย
“มีอะไร เมียจ๋าถูกหวยเหรอ”
“แม่จ๋ารู้ว่าพ่อกำนันมีเมียน้อยเหรอจ๊ะ” อาไทถามแกมหยอก
กำนันเรืองกับวันทนีย์เขกหัวอาไท “อาไท”
“อาหยอกเล่นเฉยๆ” อาไทลูบหัวตัวเอง
“พ่อกำนัน พี่รบจะหมั้นกับยายมัทรี กระถินไม่ยอมค่ะ ไม่ยอม !” กระถินรีบฟ้อง
แล้ววันทนีย์กับกระถินก็กรี๊ดออกมาพร้อมกันจนอาไทต้องอุดหู กำนันเรืองตวาดด้วยเสียงที่ดังกว่า
“เฮ้ย ! Shut up!”
วันทนีย์กับกระถินหุบปากเงียบกริบทันที
“แค่ไอ้หมาจะหมั้น ร้องอย่างกับหมูโดนเชือด” กำนันเรืองว่า
กระถินรีบยุวันทนีย์ “พ่อกำนันกล้าตวาดแม่”
อาไทช่วยเสริม “แบบนี้คิดปฏิวัติแม่จ๋าชัด ๆ”
วันทนีย์นึกขึ้นได้จึงถลึงตามองกำนันเรือง กำนันเรืองหน้าจ๋อยแล้วพูดเสียงอ่อนลง
“เปล่าจ้ะ พ่อจ๋ากลัวเสียงดังจะทำให้วัวควายชาวบ้านแตกตื่น”
“ข้าไม่ยอมให้ไอ้หมาหมั้นกับผู้หญิงที่ข้าไม่ชอบ” วันทนีย์บอก
“กระถินก็เสียงดังเพราะยังไม่ได้พี่รบเป็นผัว” กระถินเห็นทุกคนมองมาก็รีบแก้ตัว “เอ่อ ... กระถินเสียใจที่ต้องเป็นหม้ายขันหมากนี่จ๊ะ”
พูดจบกระถินก็บีบน้ำตาร้องไห้กระซิก ๆ วันทนีย์รีบปลอบ
“โถ... อย่าร้องไห้ลูกกระถิน”
“เราไปทำลายงานหมั้นพี่รบมั้ยคะ” กระถินเสนอ “จ้างคนไปเผา ! ปล้น ! จี้ ! ฆ่า ข่มขืนยายมัทรี ! ให้มันอับอายขายหน้าคนทั้งราชบุรีไปเลย” กระถินหัวเราะเหมือนผู้ร้ายในหนัง “ฮะฮ่า ๆ “
อาไทสะกิดกระถิน “ตั้งสติหน่อยพี่กระถิน นี่มันนางร้ายชัด ๆ”
กระถินชะงักแล้วรีบทำหน้าเศร้าเสียงสลด เมื่อมองเห็นวันทนีย์กับกำนันเรืองอึ้งกับท่าทางของตัวเอง
“มันเป็นอารมณ์ชั่ววูบของผู้หญิงที่สูญเสียว่าที่สามีในอนาคต ไม่มีใครรู้ว่ากระถินปวดร้าวและชอกช้ำยังไง”
“แม่เข้าใจ... แต่มันน่าสงสัยว่าใครให้เจ้ารบยืมเงินค่าสินสอดจนครบ..ตั้งสิบล้าน”
กำนันเรืองได้ยินก็สะดุ้งเฮือก อาไทหันมองพ่อัวเอง กำนันเรืองถลึงตาใส่อาไททันที
“นั่นสิจ๊ะแม่ คนที่ให้ยืมต้องเป็น...” อาไททำท่าจะบอก
กำนันเรืองซึ่งยืนอยู่ด้านหลังวันทนีย์กับกระถินพยายามทำมือส่งสัญญาณห้ามลูกชายคนเล็กของตัวเอง
“..เพื่อนพี่รบที่รวยมากแน่ๆ จ๊ะ” อาไทพูดออกมา
กำนันเรืองถอนใจอย่างโล่งอก
“อย่าให้รู้ตัวนะ แม่จะด่าเล่นระนาดโหมโรงให้น่วมเลยคอยดู” วันทนีย์โมโห
กำนันเรืองกลืนน้ำลายลงคอเพราะกลัวจะถูกจับได้
ในวงสนทนาของสามหนุ่มที่บ้านพักของพชร วันรบตื่นเต้นดีใจเมื่อรู้ว่าจะได้หมั้นกับมัทรี
“ในที่สุด ฟ้าเมตตาในความรักของผมกับมัท” วันรบดีใจ
“ว่าที่แม่ยายแกต่างหากที่เมตตายกลูกสาวให้” พชรบอก
“แค่หมั้น ยังไม่ได้ยกให้เว้ย” รชานนท์รีบบอก
“อ๊ะ ๆ คุณพ่อป้ายแดงออกอาการหวงลูกสาว” พชรแซว
รชานนท์ไม่สนใจคำแซวของพชร เขาหันไปถามวันรบทันที
“แกไปอ้อนกระแตยังไง เค้าถึงยอมให้แกหมั้นกับมัทรี”
“ตรง ๆ แมน ๆ ไม่อ้อมค้อม” วันรบตอบ
รชานนท์จ้องวันรบด้วยสายตาที่ไม่ค่อยเชื่อ
“ก็หยอดดราม่าน่าสงสารไปนิ๊ดหน่อยเอ๊ง...” วันรบสารภาพ
“มุกนี้แหละ ได้ใจน้องไหน้ำตาลนางฟ้าไปเต็ม ๆ” พชรสรุป
“ป๋าช่วยผมเลือกสูทวันหมั้นหน่อยสิ”
“ใส่ ๆ ไปเถอะ ตัวไหนก็เหมือนกันนั่นแหละ” รชานนท์เซ็ง
วันรบงง “ป๋าเป็นไร ?”
“ก็เพิ่งได้เป็นพ่อ ลูกสาวยังไม่ทันญาติดีด้วย แล้วต้องมายกให้แก มันก็เลยเป็นพ่อตาอารมณ์สับสน หวงลูกสาวจนทนไม่ได้น่ะสิ ฮ่า ๆ ๆ ๆ” พชรหัวเราะร่วน
วันรบมองรชานนท์ แต่รชานนท์ทำเป็นเมินไปทางอื่นเหมือนไม่ยอมรับ
ทันใดนั้นเสียงมือถือของรชานนท์ก็ดังขึ้น รชานนท์มองโทรศัพท์แล้วยิ้มหน้าบานก่อนจะกดรับ
“จ๋า..ผมกำลังจะกลับแล้วจ๊ะ รอแป๊บนะผมจะกลับไปทานข้าวด้วยนะครับ ครับ” รชานนท์วางสาย “พี่ระผมไปก่อนนะ
“โว้ว ๆ ๆ พ่อปลาไหลกลัวเมียเว้ย โทรปุ๊บกลับปั๊บ” พชรแซว
“พี่ระ ผมไม่ได้กลัว ไม่ได้เกรงใจ แต่ผมเต็มใจเพราะรักครับพี่” รชานนท์บอก
“อ้วก” พชรทำเสียงอ้วก
รชานนท์ขำแล้วจะรีบออกไป แต่วันรบพูดขึ้น
“ป๋า..ผมไปทำคะแนนกับแม่ยายด้วย”
“ไม่ให้ไปเว้ย” รชานนท์ปฏิเสธ
วันรบไม่สนใจรีบวิ่งไปขึ้นรถของรชานนท์แล้วยิ้มลอยหน้าลอยตา
พชรขำ “เขยซ่าส์ พ่อตาแสบ แม่ยายโหด โอ้ย..เข้ากั๊น เข้ากันว่ะ ฮะๆ ๆ”
รชานนท์เซ็งแต่ก็รีบเดินไปขึ้นรถแล้วขับออกไป พชรยืนหัวเราะเพราะขำรชานนท์
รถของรชานนท์แล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้านติรกา ติรกาเดินออกมากอดรชานนท์ที่เพิ่งลงมาจากรถแล้วก็หอมแก้มซ้ายขวา มัทรีหน้าตึงตามออกมา วันรบรีบลงจากรถตรงเข้าไปหามัทรี
“มัท” วันรบหันไปไหว้ติรกา “วันนี้ผมขอทานมื้อเย็นด้วยคนนะครับ”
“ได้สิจ๊ะ ยังไงเราก็จะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนี่” ติรกายิ้มรับ
วันรบยิ้ม “ครับ”
เตือนใจกับพุทราแอบมองทั้งสี่จากมุมหนึ่ง พุทราหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตา
“ร้องไห้ทำไมแม่พุทรา” เตือนใจถาม
“ก็พุทราไม่คิดว่าจะได้มีโอกาสเห็นภาพครอบครัวสุขสันต์ ยิ้มกันพร้อมหน้าอย่างนี้จริง ๆ”
เตือนใจหมั่นไส้หยิบแก้มพุทราเต็มแรง
“โอ้ย คุณเตือนหยิกพุทราทำไมคะ”
“หล่อนจะได้มั่นใจไงว่าไม่ได้ฝัน หรือยังไม่แน่ใจ” เตือนใจทำท่าจะหยิกอีก
“โอ้ยๆ ๆ แน่ใจแล้วค่ะ ทั้งชัดทั้งชัวร์เลย” พุทราเจ็บแก้ม
ติรกายื่นมือมาจับมือรชานนท์
“ทำงานมาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำแล้วมาทานข้าวดีไหมคะ”
“ก็ดีเหมือนกัน ไปด้วยกันนะ” รชานนท์บอก
มัทรีหันขวับทันที วันรบมองท่าทีของมัทรีอย่างจับสังเกต
“กระแตก็ทำงานมาทั้งวันจะได้สดชื่นไง” รชานนท์บอก
“ค่ะ” ติรกาตอบรับเสียงอ่อนหวาน
แล้วรชานนท์ก็พาติรกาเดินเข้าบ้านไป
วันรบมองมัทรีที่ยืนนิ่งอย่างแปลกใจ “มัท..ไม่โกรธป๋าแล้วเหรอ”
มัทรีไม่ตอบแต่ยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วรีบเดินตามรชานนท์ไป
วันรบ เตือนใจ และพุทรามองมัทรีอย่างสงสัยว่าจะเกิดเรื่องจึงรีบเดินตามกันไป
รชานนท์จูงมือติรกามาที่หน้าห้องอย่างอารมณ์ดี แต่พอมองไปที่ประตู รชานนท์กับติรกาก็ต้องอึ้งไป เพราะทั้งสองเห็นแม่กุญแจคล้องล็อกประตูห้องของติรกาอย่างแน่นหนา
“ใครเอามาติดเนี่ย เมื่อเช้ายังไม่มีเลย” ติรกาตกใจ
“มัทกลัวว่าจะมีคนแอบเข้าห้องคุณแม่ เลยให้ลุงแจ่มเอามาติดเมื่อเช้า” มัทรีบอก
รชานนท์กับติรกาหันไปมองก็เห็นมัทรีชูลูกกุญแจให้ดู
วันรบกับรชานนท์มองเตือนใจกับพุทรา ทั้งสองรีบส่ายหน้าเป็นเชิงบอกว่าตัวเองไม่เกี่ยว
“แม่เคยบอกมัทว่าห้องนอนไว้สำหรับนอน ไม่ใช่สำหรับพัก ถ้าเหนื่อยก็ให้ไปนั่งพักในสวนค่ะ”
ติรกางงเพราะจำไม่ได้
มัทรียิ้มกวน “ไว้ถึงเวลาที่แม่จะนอน มัทค่อยมาเปิดประตูให้นะคะ”
มัทรีพูดจบก็เดินไปทันที
“งั้นเราไปเดินเล่นในสวนกันก็ได้ค่ะนนท์” ติรกาบอก
รชานนท์เซ็งที่ไม่ได้อยู่ตามลำพังกับติรกา
วันรบใช้ผ้าเช็ดแก้วน้ำที่ล้างเสร็จจนแห้งแล้วส่งให้มัทรี มัทรีรับแก้วมาแล้วเก็บใส่ตู้ในครัว
“ทำไมมัทขัดความสุขผู้ใหญ่แบบนั้น” วันรบถาม
“มัทไม่ชอบคนฉวยโอกาส” มัทรีตอบทันที
“แต่แม่มัทมีความสุขที่ได้อยู่กับป๋า”
“ถ้าแม่จำเรื่องราวทุกอย่างได้แล้วไม่โกรธ มัทถึงจะโอเค แต่ตอนนี้แม่ยังจำอะไรไม่ได้ มัทไม่ยอมให้แม่โดนเอาเปรียบเด็ดขาด”
วันรบเห็นท่าไม่ดีก็รีบเปลี่ยนเรื่องคุย
“เวลาของเรา เราอย่าเอาเรื่องคนอื่นมากวนใจดีกว่านะครับ”
วันรบวางผ้าเช็ดแก้วลงบนโต๊ะแล้วใช้นิ้วโป้งคลึงที่หว่างคิ้วของมัทรี
“ไม่เครียดนะนางฟ้าของผม”
วันรบเชยคางมัทรีขึ้นมามองแล้วยิ้มให้
“จากวันนี้ไปเราจะมีแต่รอยยิ้มกับความสุข เพราะอีกไม่นานเราก็จะได้แต่งงานกันอย่างที่ฝันไว้” วันรบบอก
“มัทกลัวจะมีเรื่องไม่ดี ทำให้เราต้องแยกกันอีก” มัทรีกังวล
วันรบกุมมือมัทรีไว้แล้วยิ้มให้
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมจะอยู่ตรงนี้ อยู่กับมัท ไม่ทิ้งมัทไปไหน... ผมสัญญา” วันรบยืนยัน
วันรบยกมือมัทรีขึ้นมาจูบ มัทรียิ้มชื่นใจแล้วโผกอดวันรบ
“ขอบคุณนะคะที่อยู่ข้างมัทมาตลอด”
ทั้งสองกอดกันอย่างมีความสุข
วันรบเหลือบมองไปที่พวงกุญแจบ้าน เขาเห็นกุญแจที่ล็อคประตูห้องนอนติรกา
เตือนใจกับพุทราแอบมองมัทรีกับวันรบอยู่ที่ประตูห้องครัว เตือนใจพยายามโบกมือเรียกมัทรีที่หันหน้ามาทางตน
“ยายมัท! ยายมัท” เตือนใจพูดเสียงเบา
มัทรีเห็นเตือนใจกับพุทราทำมือเป็นสัญญาณว่า “โอเค” มัทรีแอบพยักหน้าน้อยๆให้เตือนใจกับพุทราแล้วยิ้มอย่างมีแผน
ทรงสุดานั่งคุยโทรศัพท์อยู่ในห้องรับแขกด้วยท่าทางกลัวๆ โดยมีสมภพกับธงฉานนั่งอยู่ใกล้ๆ สักพักทรงสุดาก็วางสายแล้วหันมาบอกสมภพ
“รุจี เปิ้นปิดเครื่องเจ้า”
สมภพโมโห “น้องเธอไม่คิดจะติดต่อสื่อสารคนอื่นเลยหรือไง”
“ติดต่อไม่ได้แบบนี้... ก็แสดงว่าแผนสองล่มตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลย” ธงฉานเซ็ง
สมภพง้างมือจะฟาดธงฉาน แต่ธงฉานกลัวจึงรีบวิ่งไปหลบหลังทรงสุดาทันที
“พี่ดาช่วยผมด้วย”
สมภพเห็นท่าทางของธงฉานแล้วส่ายหน้าอย่างเอือมๆ ก่อนจะลดมือลง ธงฉานเห็นว่าสมภพไม่ฟาดก็โล่งใจเดินเบี่ยงออกมาจากหลังทรงสุดา สมภพได้จังหวะรีบเขกหัวธงฉานทันที
“คิดว่ารอดเหรอ! โทษฐานที่แกจัดการมัทรีไม่ได้ ไปพาตัวยายรุจีกลับมา”
“แต่เปิ้นปฏิบัติธรรมนะเจ้า” ทรงสุดาแย้ง “ถ้าเฮายะจะอั้นจะเป็นบาปนะเจ้า จะอี้รอเปิ้นปิ๊กมาก่อนได้ก่อ”
“โอ้ยถ้ารอจะอี้แล้วเมื่อไหร่ฉันจะจัดการพวกจะอั้น” สมภพฉุน
ธงฉานเคลิ้ม “จะอี้แล้วพวกเฮาจะยะจะได โว้ย จะอั้นจะอี้ จะอู้กันถึงชาติไหนเนี่ยอา ปวดหัว”
สมภพหันมาตวาดทรงสุดาทันที
“เฮาบ่สน ...เอ๊ย ฉันบ่สน” สมภพเริ่มงง “เว้ย! ฉันไม่สน! ฉันต้องการให้น้องสาวเธอมาจัดการกับรชานนท์ ทำยังไงก็ได้ให้ติรกาผิดใจกับไอ้หมอนั่น รุจีต้องเข้าไปเป็นอุปสรรคในความรักระหว่างรชานนท์กับติรกา”
“เจ้า” ทรงสุดารับคำ
มัทรีและพุทราช่วยเตือนใจเตรียมอาหารมื้อเย็นอยู่ในครัว มัทรีมองซ้ายมองขวาไม่เห็นรชานนท์กับวันรบก็โล่งใจ
“จัดการครบนะคะ” มัทรีถาม
“เรียบร้อยค่ะคุณมัท... พี่ใส่ไว้ทุกที่ในบ้านเลยค่ะ” พุทราบอก
“แล้วจะปลอดภัยมั้ย?” เตือนใจถาม
พุทราส่งขวดน้ำแร่ขนาดพกพาให้เตือนใจกับมัทรีคนละขวด
“เราไม่ดื่มน้ำจากขวดที่ใส่ยาไว้ก็ปลอดภัยค่ะ” มัทรีพูด
“ยายหมายถึงคุณรชานนท์ ยามันไม่เป็นอันตรายใช่มั้ย”
“ไม่อันตรายค่ะยาย แต่หลับสนิท… ปลุกไม่ตื่นยันเช้า คุณแม่ปลอดภัย ไม่โดนรังแกแน่ ๆ ค่ะ” มัทรีมั่นใจ
วันรบกับรชานนท์แอบฟังทั้งสามคุยกันอยู่ที่หน้าต่างห้องครัว
เหยือกน้ำเย็นใบหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะอาหาร ทุกคนนั่งอยู่พร้อมหน้ากันที่โต๊ะอาหารของบ้านเตือนใจ รชานนท์กับติรกานั่งอยู่ฝั่งเดียวกัน โดยมีมัทรีกับวันรบนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ส่วนเตือนใจนั่งหัวโต๊ะ
มัทรีจ้องหน้ารชานนท์ไม่วางตาพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ รชานนท์กับวันรบสบตากันแล้วแกล้งทำเป็นไม่รู้แผนของมัทรี
“วันนี้มีแต่ของโปรดของผมทั้งนั้นเลย” รชานนท์บอก
มัทรีลุกไปตักข้าวให้ทุกคน พุทราเดินมายกเหยือกน้ำแล้วเทใส่แก้วรชานนท์เป็นแก้วแรก
“ไม่เป็นไรพุทรา ผมไม่หิวน้ำ” รชานนท์บอก
“ทานข้าวแล้วไม่ดื่มน้ำได้ยังไงล่ะ” เตือนใจแย้ง
“นนท์ไม่ชอบให้คนเซ้าซี้” ติรการีบบอก
พุทราเหลือบมองมัทรีว่าจะเอายังไงต่อ
“ช่างเค้าเถอะค่ะ เดี๋ยวหิวก็คงอยากดื่มเอง” มัทรีพูด
รชานนท์กับวันรบแอบสบตากันแล้วยิ้มน้อย ๆ ที่แผนของมัทรีไม่สำเร็จ มัทรีเห็นอาการของวันรบกับรชานนท์ก็แค้นใจแต่ก็พยายามเก็บอาการไว้
พุทราจะเอาเหยือกน้ำไปวางแต่ติรการั้งไว้ก่อนจะส่งแก้วน้ำของตัวเองให้พุทรา
“ไม่ให้ฉันดื่มน้ำเหรอพุทรา”
“เอ่อ... คือว่า...” พุทราอึกอัก
พุทราหันไปมองมัทรีกับติรกาด้วยสีหน้าเหวอ มัทรีรีบเดินมาหยิบขวดน้ำแร่ส่งให้ติรกาทันที
“ดื่มน้ำแร่ดีกว่าค่ะ”
“แม่ก็อยากดื่มน้ำแร่”
เตือนใจพูดแล้วยกขวดน้ำของตัวเองขึ้นมาทันที
“ของพี่รบก็น้ำแร่นะคะ”
มัทรียกขวดน้ำแร่อีกขวดส่งให้วันรบ รชานนท์ยิ้มแล้วหยิบขวดน้ำผลไม้ขึ้นมาวางบนโต๊ะ
“ของผมน้ำผลไม้” รชานนท์บอก
มัทรี เตือนใจและพุทราเห็นว่ารชานนท์เตรียมน้ำผลไม้มาเองก็ถึงกับอึ้งไป
รชานนท์ยักคิ้วแล้วยิ้มกวน ๆ ให้มัทรีกับเตือนใจ
“พุทรา... เราลืมกับข้าวไว้ในครัวอย่างนึงนะคะ” มัทรีบอก
พูดจบมัทรีก็รีบลุกเดินไปที่ครัวทันที โดยที่พุทรารีบเดินตามไป
มัทรีรีบดึงตัวพุทรามาคุยในครัว
“แผนยานอนหลับจะไม่สำเร็จ เอาไงต่อคะ” พุทราถาม
“ใส่ในน้ำไม่ได้ ก็ใส่ในกับข้าว” มัทรีบอก
“แต่ยานอนหลับไม่เหลือแล้วนะคะ”
“มันต้องมีเหลือซักเม็ดแหละค่ะ ไปหามา แล้วใส่ในจานผลไม้แทน” มัทรีสั่ง
“เดี๋ยวพุทไปดูในตู้ยาให้ค่ะ”
พุทรารีบวิ่งออกไปทันที
เตือนใจเห็นรชานนท์ชะเง้อมองไปในครัวก็กลัวจะเสียแผนจึงรีบตักกับข้าวให้รชานนท์ทันที
“ทานกันก่อนเถอะจ้ะ เดี๋ยวกับข้าวเย็นหมด”
รชานนท์กำลังตักกับข้าวเข้าปากโดยไม่รู้ว่ามีพริกขี้หนูสีเขียวเม็ดใหญ่อยู่ในช้อน เขาเคี้ยวข้าวคำแรกแล้วก็อึ้งไป หน้าของรชานนท์แดงก่ำ เขารีบคว้าน้ำผลไม้มาดื่มแก้เผ็ดทันที
“เผ็ดขนาดนั้นเลยเหรอคะนนท์” ติรกาถาม
ติรกาเอื้อมไปตักกับข้าวจานเดียวกับของรชานนท์มาจะเอาเข้าปาก
“เดี๋ยวลูก” เตือนใจทักขึ้นแต่ไม่ทัน ติรกาตักข้าวเข้าปากแล้วเคี้ยวทันที
ติรกานิ่งไป สักพักหน้าติรกาก็แดงก่ำ เธอคว้ากระดาษทิชชู่มาแล้วคายข้าวในปากทิ้งทันที
“น้ำ! น้ำ!”
ติรการ้องหาแล้วคว้าขวดน้ำมาเปิดแต่เปิดไม่ออก
“แม่เปิดให้” เตือนใจบอก
ติรกาทนไม่ไหวลุกไปหยิบเหยือกน้ำจะมาเทดื่ม มัทรีเดินออกมาจากครัวเห็นเข้าก็ตกใจ
“แม่ดื่มน้ำจากเหยือกนี้ไม่ได้นะคะ”
มัทรีแย่งเหยือกน้ำจากติรกา แต่ติรกาไม่ยอมแย่งเหยือกน้ำกลับ
“พี่รบเปิดน้ำขวดอื่นให้แม่ทีคะ” มัทรีขอ
วันรบกำลังจะหยิบน้ำแร่อีกขวดบนโต๊ะ แต่ก็ไม่ทันเพราะรชานนท์แย่งไปเปิดดื่มก่อน
พุทราวิ่งออกมาจากในครัวแล้วแอบเทผงยาที่บดไว้ลงในจานผลไม้ เตือนใจเห็นก็รีบคว้าจานผลไม้มาจากมือพุทราทันที “ฉันจัดการเอง”
รชานนท์หันมาหาเตือนใจ
“กินซะ จะได้หายเผ็ด”
พูดจบเตือนใจก็เอาผลไม้ยัดปากรชานนท์ทันที รชานนท์เคี้ยวผลไม้ตุ้ยๆแล้วกลืน
“กินอีกจ้ะ!” เตือนใจจะป้อนอีก
“เดี๋ยวผมทานเอง” รชานนท์บอก
รชานนท์หยิบผลไม้ขึ้นมากินอีก พุทราหันไปหามัทรีแล้วตะโกนลั่น
“สำเร็จแล้วค่ะคุณมัท”
มัทรีหันไปเห็นรชานนท์กินผลไม้ในจานที่พุทราถือมาแล้วก็ดีใจ
“เยส!”
รชานนท์มองหน้าพุทราแล้วก็อึ้งๆ ก่อนจะหันไปมองมัทรีแล้วเอ่ยถาม
“ผลไม้ใส่ยานอนหลับ?”
“ใช่ค่ะ” มัทรีตอบ
รชานนท์เหวอแล้วทรุดลงนั่งบนเก้าอี้
“ขอโทษนะป๋า ผมไม่รู้ว่าจะมีแผนสอง” วันรบบอก
ติรกาฉวยจังหวะที่มัทรีเผลอแย่งเหยือกน้ำมาดื่มทันที
“ว้าย!! แม่คะ” มัทรีตกใจ
ติรกาดื่มน้ำในเหยือกไปหลายอึก ทุกคนได้แต่มองตาค้างเพราะห้ามติรกาไม่ทัน
“อย่างน้อยก็หลับยันเช้าทั้งคู่” เตือนใจบอก
ติรกาได้ยินคำพูดของแม่ก็อึ้งไปแล้วรีบวางเหยือกน้ำลง
“แม่ว่าอะไรนะ? มียานอนหลับในน้ำเหรอ?” ติรกาถามซ้ำ
“หมดกันคืนอันแสนหวานของฉัน” รชานนท์เซ็ง
“อย่าโกรธลูกเลยนะคะนนท์ แกยังเด็ก” ติรกาบอก
พูดยังไม่ทันจบประโยคติรกาก็เริ่มหาว
วันรบกระซิบกับมัทรี “ยาออกฤทธิ์เร็วขนาดนี้เลยเหรอ?”
ติรกากำลังจะพูดต่อแต่ก็ง่วงจนเซล้มไปทับรชานนท์แล้วหลับไป
“กระแต... กระแต” รชานนท์เขย่าตัวให้ติรกาตื่นแต่ก็ไม่สำเร็จ
วันรบนึกได้ “มัท ทำไมแม่ถึงหลับไปก่อนป๋าล่ะ”
ทุกคนหันไปมองรชานนท์อย่างแปลกใจ รชานนท์นิ่งสังเกตอาการตัวเองแล้วก็ยิ้มออกมา
“สงสัยยานอนหลับของผมจะหมดอายุ เพราะไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิด”
มัทรีกับเตือนใจหันไปหาพุทราทันที
“พุทรา!” สองยายหลานประสานเสียง
พุทรายิ้มเจื่อนๆแล้วเดินถอยออกมา มัทรีกับเตือนใจเดินเข้าไปหาพุทรา
“อย่าเอาเรื่องพุทเลยนะคะ พุทเห็นยาเม็ดมันคล้าย ๆ กันคิดว่าน่าจะเป็นยานอนหลับเหมือนกัน” พุทราหน้าจ๋อย
“งั้นคุณนนท์กินยาอะไรเข้าไปล่ะ!” เตือนใจสงสัย
ทั้งสามคนหันกลับไปที่รชานนท์พร้อมกัน ก็เห็นแต่วันรบนั่งยิ้มแฉ่งอยู่คนเดียวอยู่ที่โต๊ะ
ประตูห้องนอนติรกาถูกปิดดังปัง ตามมาด้วยเสียงล็อคประตูจากด้านใน มัทรีกับเตือนใจรีบวิ่งตามมา
“คุณนนท์ไขกุญแจเข้าไปได้ยังไง” เตือนใจสงสัย
มัทรีนึกได้ “รบแอบเอากุญแจมัทไปแน่ ๆ”
“กุญแจบ้านก็หายไปด้วย” เตือนใจบอก
มัทรีโมโหวันรบแต่ร้อนใจเรื่องติรกามากกว่า เธอทุบประตูห้องนอนติรการัวไม่ยั้ง
รชานนท์อุ้มติรกามาวางลงบนเตียงในห้อง เสียงมัทรีทุบประตูห้องยังดังต่อเนื่อง
“คุณรชานนท์...คุณทำแบบนี้ไม่ได้นะ!! เปิดประตูเดี๋ยวนี้” เสียงมัทรีดังเข้ามาข้างใน
มัทรียังคงทุบประตูห้องไม่หยุด “เปิดประตูสิ! เปิด!”
“คุณนนท์ เปิดประตูเถอะ ยาที่คุณทานเข้าไปมันเป็นยาอะไรก็ไม่รู้” เตือนใจตะโกนเข้ามา
รชานนท์ยักไหล่ทำไม่สนใจแล้วเดินไปเปิดวิทยุ เขาเร่งเสียงให้ดังกลบเสียงทุบประตูของมัทรี รชานนท์เดินกลับมาที่เตียงแล้วย่อตัวจะนั่งลงบนเตียง ทันใดนั้นรชานนท์ก็ปวดท้องเหมือนท้องเสียขึ้นมา
“เฮ้ย” รชานนท์บิดตัวไปมาตามจังหวะการปวดท้อง แล้วเสียงผายลมก็ดังตามมา
“ไม่ไหวแล้ว!” รชานนท์รีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ในห้องนอนติรกาทันที
เวลาผ่านไป รชานนท์เดินออกมาจากห้องน้ำอย่างหมดแรง เขาเดินไปได้แค่สองก้าวก็ปวดท้องขึ้นมาอีก
“โอ๊ย ยังไม่หมดอีกเหรอ”
รชานนท์บิดตัวไปมาตามอาการปวดท้องแล้วรีบวิ่งกลับเข้าไปในห้องน้ำทันที
รชานนท์เดินช้าๆ ออกมาจากห้องน้ำแล้วกลับเข้าห้องน้ำไปใหม่อีก 2รอบ เขาออกมาจากห้องน้ำอีกรอบอย่างอิดโรยในสภาพเหงื่อท่วมตัว
รชานนท์เหลือบไปเห็นขวดน้ำตั้งอยู่ที่โต๊ะหัวเตียง เขาค่อย ๆ เดินไปที่โต๊ะหัวเตียงอย่างอ่อนแรงก่อนจะยกเหยือกน้ำขึ้นดื่มอย่างกระหาย แต่ดื่มได้ไม่กี่อึกก็ปวดท้องขึ้นมาอีก
“ยังมีอีกเหรอเนี่ย!”
รชานนท์วางเหยือกน้ำลงแล้วรีบเดินกลับไปที่ห้องน้ำ แต่อยู่ๆ ก็รู้สึกง่วงขึ้นมา
“มาง่วงอะไรตอนนี้วะ”
รชานนท์สะบัดหน้าให้หายง่วงแล้วค่อย ๆ คลานไปที่ห้องน้ำ ประตูห้องน้ำปิดดังปัง!
เวลาผ่านล่วงไปตั้งแต่มืดจนเช้า แสงยามเช้าส่องเข้ามาจับที่ใบหน้าของติรกที่นอนอยู่บนเตียง
ติรการู้สึกตัว เธอลืมตาตื่นมองไปข้าง ๆ ก็เห็นแต่ความว่างเปล่า “นนท์ นนท์” ติรกามองหา “นนท์คะ”
ติรกาลุกจากเตียงแล้วเดินไปที่ห้องน้ำ
“นนท์คะ..นนท์” ติรกาเคาะประตูห้องน้ำ
สักพัก เสียงรชานนท์งัวเงียและอ่อนแรงก็ดังออกมา “ครับ”
“นนท์ นนท์เป็นอะไรเหรอเปล่า”
ไม่มีเสียงตอบจากในห้องน้ำ ติรกาขยับลูกบิดก็พบว่าเปิดได้
ติรกาเปิดเข้าไป “นนท์”
ติรกาตกใจกับภาพที่เห็น “นนท์!”
ติรกาประคองรชานนท์ที่ท่าทางอ่อนแรงเข้ามาในห้องนั่งเล่น สักพัก วันรบ มัทรีและเตือนใจเดินมาที่ห้องนั่งเล่น ทั้งสามเห็นอาการของรชานนท์ก็อึ้งไป
มัทรีชี้หน้าวันรบ “เพราะคุณคนเดียว.. ผู้ชายคนนี้ถึงมีโอกาสล่วงเกินแม่ฉัน”
“ผมไปเกี่ยวอะไร” วันรบงง
“ก็คุณเอากุญแจห้องให้เค้า ทำให้เค้าได้อยู่กับแม่มัทสองต่อสอง”
วันรบเดินเข้าไปหารชานนท์ “ป๋า... ทำไมหมดแรงขนาดนั้นล่ะ”
ติรกาค่อยๆประคองรชานนท์ให้ลงนั่งที่โซฟา
รชานนท์ตอบเสียงแผ่ว “ทั้งคืนเลย”
“อะไรนะป๋า” วันรบตกใจ
ติรกาจะช่วยพูดแทนรชานนท์แต่ก็อ้ำอึ้งเพราะกลัวรชานนท์จะอายที่ท้องเสียทั้งคืน
“นนท์เค้า” ติรกาอึกอัก “ทั้งคืนเลยน่ะจ้ะ”
มัทรี เตือนใจและวันรบได้ยินก็ตกใจ
“ทั้งคืน” ทั้งสามคนพูดพร้อมกัน
มัทรีนิ่งอึ้งไปด้วยความโกรธ
“มัท ใจเย็นๆนะ บางทีมันอาจจะ... “ วันรบเบรค
มัทรีปัดมือวันรบออกด้วยความโกรธ
“ไม่ต้องแก้ตัวแทน! เค้าพูดออกมาเอง รบไม่ได้ยินเหรอ!”
“โธ่ลูกแม่” เตือนใจร้องไห้แล้วโผเข้ากอดติรกา
มัทรีมองรชานนท์ด้วยความโกรธ “มัทไม่มีวันยกโทษให้คุณเรื่องนี้เด็ดขาด คนฉวยโอกาส”
ติรกางง “ฉวยโอกาส?”
“ก็ใช่น่ะสิลูก... แม่ไม่คิดเลยว่าลูกแม่อายุเท่านี้จะโดนคนรักฉวยโอกาส ทำมิดีมิร้ายกับลูก ทั้งๆที่ลูกไม่รู้สึกตัว” เตือนใจร้องไห้
“อ๋อ” ติรกาพยักหน้าเออออแล้วนึกขึ้นได้ว่าทุกคนเข้าใจผิด
“ว๊าย!! คิดกันไปเรื่องนั้นได้ยังไง”
“ก็คุณแม่บอกเองว่าทั้งคืน” วันรบพูด
“ที่บอกว่าทั้งคืน คือนนท์วิ่งเข้าวิ่งออกห้องน้ำทั้งคืนต่างหาก” ติรกาบอก
วันรบ มัทรีและเตือนใจหน้าเหวอ “อ้าว!”
เตือนใจหยุดร้องไห้แล้วผละออกจากติรกาอย่างแปลกใจ
“ตกลงไม่ได้ทำอะไรกันเหรอ?”
“ท้องเสียเหมือนกินยาถ่ายเข้าไปร้อยเม็ด เข้าห้องน้ำไม่รู้กี่สิบรอบ ออกมาก็ดันไปดื่มน้ำที่ใส่ยานอนหลับเข้าไปอีก ผมเลยหลับสนิทคาโถส้วมทั้งคืน” รชานนท์พูดเสียงอ่อย
วันรบ มัทรีและเตือนใจอึ้งไป
“ไม่ใช่แค่นั้น ตื่นเช้ามา...นนท์ยังเข้าห้องน้ำต่ออีกหลายรอบเลยนะ” ติรกาเล่า
วันรบ มัทรีและเตือนใจเห็นอาการของรชานนท์ที่อ่อนแรงแล้วก็มองหน้ากันก่อนจะหัวเราะลั่น
พชรรู้เรื่องของรชานนท์แล้วก็หัวเราะอย่างเมามันส์ เขายืนมองรชานนท์ที่นั่งหมดแรงอยู่ที่โซฟา ส่วนวันรบมองอย่างเห็นใจ
“ไม่คิดเลยว่าผมจะได้เห็นป๋าเสี่ยเหลี่ยม” วันรบพูด
“แบบนี้เขาเรียกว่าหมดสภาพ แพ้ทางเมีย เสียรู้ลูก จะมีใครเกลียมัวกลัวลูกเท่าแกไหมไอ้นนท์ ฮะ ๆ ๆ”
“ได้ทีใส่ไม่ยั้งเลยนะพี่ระ รอให้ตัวเองมีลูกก่อนเถอะ ผมนี่ล่ะจะเสี้ยมหลานให้จับผิดพ่อมันซะให้เข็ด” รชานนท์ขู่
“ย๊ากส์...อย่างฉันน่ะมันชั้นเทพ ไม่ใช่ชั้นภาคพื้นดินอย่างแก รู้ทุกอย่างรอดทุกมุม ขนาดเมียยังจับไม่ได้ ถ้ามีลูก..ลูกฉันจะไล่ทันได้ยังไง”
นลินีถือแก้วน้ำเกลือแร่เข้ามาให้รชานนท์พอดีก็ถามขึ้น
“ไล่ทันอะไรคะ”
“พี่ระบอกว่าพี่นีไล่พี่ระไม่ทันครับ” วันรบรีบบอก
นลินีหันขวับ พชรสะดุ้งโหยง
“พูดถึงเรื่อง..ผู้หญิง ใช่ไหม” นลินีเสียงเข้ม
“เปล่านะจ๊ะ เมียจ๋า ผมหมายถึงเมียจ๋าไล่ผมทีไรก็ไม่ทันหนีจากอ้อมกอดผมสักที” พชรแถ
นลินีเขิน “บ้า”
พชรหันมายักคิ้วโชว์ วันรบกับรชานนท์แอบยกนิ้วให้เพราะยอมรับว่ากระล่อนจริง ๆ
“ดื่มน้ำเกลือแร่หน่อยสินนท์” นลินีบอก “ทั้งคืนเลยนี่ พี่ว่าหลานมัททำเกินไปนะ เจอหน้าต้องต่อว่าสักหน่อย”
“อย่านะครับพี่นี ตอนนี้ลูกยังไม่ยอมรับผม ถ้าพี่ไปว่าแกจะยิ่งต่อต้านผมหนักขึ้นไปอีก คราวนี้ไม่ใช่แค่ยาถ่ายแน่ครับพี่”
“ตอนนี้มัทยังแรงอยู่ ต้องใช้เวลาครับพี่นี ผมไม่อยากให้มัทโกรธป๋า” วันรบบอก
“แกห่วงฉันเหรอเนี่ย” รชานนท์ถาม
“ครับ ถ้ามัทโกรธป๋า เดี๋ยวงานหมั้นผมจะเป็นหมัน” วันรบพูด
“ไม่ได้ห่วงพ่อตา แต่ห่วงว่าจะไม่ได้เคลมลูกสาวแกเว้ยไอ้นนท์” พชรเสริม
“ฮึ..ลูกฉันกินไม่ได้ง่ายๆ หรอกเว้ย” รชานนท์บอก
“ฮึ ๆ ป๋าลืมแล้วเหรอครับว่าแบ็คอัพผมน่ะเมียป๋า แม่ยายสุดที่รักของผมเลยนะครับ”
วันรบยิ้มอย่างเป็นต่อ รชานนท์มองอย่างเซ็งๆ เพราะสู้ไม่ได้
สมภพซึ่งอยู่ในรีสอร์ตกับธงฉานโมโหจนกำลังจะเหวี่ยงโทรศัพท์มือถือทิ้งลงพื้น
“โธ่เว้ย !”
“อย่าครับอา มือถือผ๊ม !” ธงฉานร้องแล้วรีบถลาเข้าไปห้าม สมภพชะงักก่อนจะเอามือถือคืนให้ธงฉานอย่างเจ็บใจ
“ไอ้วันรบมันทำยังไง ติรกาถึงยอมให้มันหมั้นกับมัทรี” สมภพฉุน
“ต้องถามว่าคุณติรกาเป็นอะไร ถึงได้เปลี่ยนจากหลังแหวนเป็นหน้ามือ” ธงฉานสวน
สมภพนิ่งแล้วคิดตาม
“หรือคุณติรกาถูกผีเข้า !” ธงฉานเดา
“เลิกคิดบ้า ๆ สักทีได้มั้ย !” สมภพดุ
“เอ้า อาไม่สงสัยเหรอ วันก่อนแทนที่จะไล่ยิงไอ้รชานนท์ไอ้วันรบ หันมายิงเราเฉยเลย พอวันนี้ยอมให้น้องมัทหมั้น หน้ามือเป็นหลังมือแบบนี้ผมว่าไอ้รชานนท์เจ๊าะๆ แจ๊ะ ๆ คุณติรกาไปแล้วแหงเลย ทั้งอาทั้งผมวืดหมด!”
“ไม่มีทาง ! ฉันไม่ยอมให้ใครแย่งโอ่งข้าวโอ่งน้ำฉันไปเด็ดขาด” สมภพยืนกราน
“เค้าจะหมั้นกันมะรืนนี้แล้ว เราจะทำไงได้”
สมภพมีสีหน้าเจ้าเล่ห์ขึ้นมา
อ่านต่อหน้าที่ 2
แม่ยายที่รัก ตอนที่ 8 (ต่อ)
มัทรียืนคิดหนักอยู่ที่ระเบียงหน้าบ้าน ติรกาเดินมาจากในบ้านพอเห็นมัทรีเครียดก็เข้าไปหาด้วยความเป็นห่วง
“มัท..พรุ่งนี้เป็นวันดีนะจ๊ะ ทำไมทำหน้าเครียดแบบนี้ล่ะลูก” ติรกาถาม
“แม่ขา...มัทกลัวค่ะ..กลัวว่าวันนึงแม่จะไม่เห็นด้วย..แล้วแม่จะเสียใจที่มัทหมั้นกับพี่รบ” มัทรีบอก
“ทำไมมัทคิดแบบนั้นล่ะลูก”
“มัทแค่กลัวน่ะค่ะ..มัทไม่อยากให้แม่เสียใจ”
ติรกายิ้มแล้วดึงมัทรีเข้ามากอด “แม่มีลูกน่ารักขนาดนี้ แม่ไม่มีวันเสียใจหรอกจ๊ะ แล้วอีกอย่าง..แม่รักลูกมาก ลูกเป็นดวงใจของแม่เลยนะ เพราะฉะนั้นถ้าลูกของแม่รักใคร แม่ก็จะรักเขาด้วย”
“แต่..เมื่อก่อน” มัทรีอึดอัดเพราะอยากจะเล่าอดีตให้ติรกาฟัง
“เมื่อก่อนก็คืออดีต แต่ตอนนี้..คือปัจจุบัน มันคนละเรื่องกันใช่ไหม..แม่ไม่รู้ว่าเมื่อก่อนเป็นยังไง แต่ตอนนี้ขอให้แม่เห็นรอยยิ้มมัท เห็นมัทมีความสุข นั่นคือความสุขของแม่นะ”
“แม่คะ..วันนี้มัทมีความสุขที่สุดเลยค่ะ” มัทรียิ้มแล้วกอดติรกา “มัทรักแม่นะคะ”
ติรกายิ้มแล้วกอดตอบ
เตือนใจกับพุทราแอบฟังสองแม่ลูกคุยกันอยู่ที่มุมหนึ่ง เตือนใจยิ้มอย่างมีความสุขก่อนจะได้ยินเสียงสูดน้ำมูกดังมาจากข้าง ๆ พอเธอหันไปก็เห็นพุทราสะอึกสะอื้นอยู่
“แม่พุทรานี่เธอเป็นเลขาหรือแม่ยัยติกันแน่ฮะ” เตือนใจถาม
“แม่ค่ะ” พุทราตอบ
“หะ!” เตือนใจงง
“พุทราหมายถึงพุทราตื้นตันใจแทนแม่คุณติ คือคุณเตือนน่ะค่ะ” พุทรารีบเปลี่ยนเรื่อง “คุณเตือนคะ แล้วถ้าหมั้นไปแล้วเกิดคุณติจำได้ไม่แย่เหรอคะ”
“คนเป็นแม่รักลูกมากกว่าตัวเองนะ ยัยติก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน” เตือนใจบอก
ติรกาที่ยืนดอกลูกสาวอยู่ขมวดคิ้วขึ้นเพราะรู้สึกปวดหัวนิด ๆ
ภาพตอนที่มัทรีทกอดติรกาหลังจากรู้ความจริงเรื่องรชานนท์แวบกลับขึ้นมาในหัวของรติกา แล้วต่อด้วยภาพมัทรีมาบอกทุกคนว่าตรวจดีเอ็นเอ จนรู้แล้วว่าเธอเป็นลูกรชานนท์
“โอ้ย!” ติรการ้องออกมา
มัทรีตกใจ “แม่..แม่เป็นอะไรคะ”
“แม่ปวดหัว”
“งั้นขึ้นไปพักก่อนนะคะแม่”
พูดจบมัทรีก็ประคองติรกาเข้าไปในบ้าน
มัทรีพาติรกาเข้ามาในห้อง เธอเห็นภายในห้องว่างเปล่าก็รู้สึกแปลกใจ
“แล้วเขา” มัทรีเห็นติรกามองอย่างสงสัยก็รับเปลี่ยนคำ “พ่อ..ไปไหนล่ะคะ”
“บอกว่าคืนนี้จะไปช่วยวันรบเตรียมงานจ๊ะ แต่แม่ว่าพ่อเขาแปลก ๆ นะ”
“ทำไมคะ”
“ตั้งแต่กลับจากโรงพยาบาล เวลาแม่เข้าใกล้พ่อ พ่อเขาจะตัวแข็งๆ เกร็ง ๆ เขินๆ ใส่แม่ เหมือนไม่ชินยังไงไม่รู้” ติรกาหันมาหามัทรี “ก่อนที่แม่จะตกบันได แม่กับพ่อทะเลาะกันเรื่องลูกกับวันรบใช่ไหม เราทะเลาะกันแรงมากจนพ่อทำตัวไม่ถูกกับแม่เลยเหรอลูก”
มัทรีมองหน้าติรกาแล้วอยากจะเล่าเรื่องจริงแต่เห็นสีหน้าติรกาเป็นกังวลมากจึงจำใจต้องปกปิด
“ไม่ค่ะ...ไม่ได้งอนอะไรนี่คะ เขาคงห่วงแม่มากมั้งคะ”
“คงใช่...สมัยเรียนแม่งอนทีไร พ่อเขาจะต้องมาเล่นกีต้าร์ง้อแม่ทุกที พ่อเขาร้องเพลงเพราะมากจนแม่ต้องหายงอนทุกที คิดถึงแล้วยังขำเลย น่ารักมากด้วย”
“ค่ะ..น่ารัก” มทัรีรับคำอย่างไม่เต็มปากนัก
พชรขำอย่างสะใจ ในขณะที่เขา รชานนท์ และวันรบกำลังนั่งดื่มกันอยู่ที่บ้านพัก
“น่าถีบนะแกนี่...พูดมาได้ว่าไม่กล้า ติรกาน่ะเมียแกนะ” พชรเซ็ง
“แต่ตอนนี้กระแตเขายังจำเรื่องในอดีตไม่ได้ เขายังไม่ได้อภัยให้ผม ผมไม่อยากเอาเปรียบคนที่ผมรัก”
“น้ำเน่าว่ะ เป็นฉันน่ะ..ฮึ่ย ๆ ๆ” พชรทำเสียงยั่ว
“ป๋าเขาไม่เหมือนพี่ระนี่ ตัณหาอยู่ที่ไหนความพยายามอยู่ที่นั่น” วันรบว่า
“และถ้าหน้ามืดแล้วถึงไหนถึงกัน” พชรเสริม
จู่ๆ นลินีก็ถือน้ำแข็งเดินเข้ามา
“ใครหน้ามืดคะ” นลินีถาม
“พี่ระครับ” วันรบตอบ
นลินีหันไปถามอย่างห่วงใย “เป็นอะไร เอายาดมไหม”
“ใช้ยาดมไม่ได้หรอกพี่นี่ พี่ระไม่ได้หน้ามืดเพราะปวดหัว แต่หน้ามืดเพราะตัณ..” วันรบพูดยังไม่จบพชรก็รีบแทรกขึ้นมา
“ก็มันตันจริงๆ นี่หว่า” พชรหันมาหานลินี “เมียจ๋า ไอ้รบมันให้คิดหาทางช่วยพาแม่มันมาที่นี่ที แต่ผมคิดไม่ออกมันตัน ๆ ๆ ! จนจะหน้ามืดอยู่แล้ว”
“โถ..ใจเย็น ๆ นะคะคุณ เดี๋ยวนีช่วยคิดนะคะ”
วันรบกับรชานนท์มองนลินีที่โอบพชรอย่างปลอบโยน สองหนุ่มเห็นพชรยักคิ้วให้
วันรบพูดเบาๆ กับรชานนท์ “ผมว่าผมพริ้วแล้วนะ แต่พี่ระนี่ปลาไหลตัวพ่อของแท้”
“พี่ระเป็นได้ แต่แกอย่าเป็นก็แล้วกัน” รชานนท์ขู่
“ผมเลิกตั้งนานแล้วพี่ก็รู้ ไม่เอาน่าลูกสาวไม่รักอย่าพาลลูกเขยสิพี่”
“แล้วรบโทรบอกแม่รบเรื่องพรุ่งนี้แล้วใช่ไหม” นลินีถาม
“บอกแล้วครับ แต่เขาก็เงียบ ๆ คงจะไม่ยอมมาจริง ๆ”
ทันใดนั้นก็มีเสียงแตรรถที่หน้าบ้าน
“ใครมา?” พชรถาม
พชรเดินออกไปดู โดยที่คนอื่นๆ เดินตามไป
พชรเดินออกมาที่หน้าบ้าน โดยมีวันรบ รชานนท์ และนลินีเดินตามออกมา วันรบชะงักที่เห็นว่าคนในรถที่ก้าวลงมาคือกำนันเรือง วันทนีย์ อาไท และกระถิน
“พ่อ!แม่!” วันรบรีบเข้าไปกอดวันทนีย์ด้วยความดีใจ
“ผมคิดว่าแม่จะไม่มาซะแล้ว”
วันทนีย์ไม่พูดอะไรแถมยังทำหน้ามึนตึง กำนันเรืองจึงต้องตอบแทน
“ลูกชายจะขอหมั้นทั้งที พ่อแม่จะไม่มาได้ยังไง จริงไหมจ๊ะแม่จ๋า”
วันทนีย์ไม่ตอบอะไร เธอทำเมินไปทางอื่น
“วันสำคัญของพี่รบ กระถินต้องมาถึงแม้จะต้องปวดใจเจียนตาย..กระถินก็ยอมค่ะ” กระถินพูด
พชร รชานนท์ และนลินีมองกระถินแบบหน่ายๆ
“งานสำคัญของพี่รบทั้งที แม่จ๋าเขาไม่พลาดหรอกพี่ เรียกอากับพ่อกำนันให้รีบออกมาตั้งแต่เที่ยงแล้ว” อาไทบอก
วันทนีย์รู้สึกเสียฟอร์ม “อาไท!” เธอรีบเปลี่ยนเรื่องทันที “ง่วงแล้วพ่อจ๋า ไปโรงแรมซะที”
“พรุ่งนี้เริ่มตั้งขบวนเจ็ดโมงเช้านะครับ” รชานนท์บอก
“ตื่นเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแหล่ะ” วันทนีย์ยังวางฟอร์มใส่
วันทนีย์เชิดใส่แล้วเดินขึ้นรถไป กระถินยังยืนอาลัยอาวรณ์วันรบ
“กระถิน..ขึ้นรถ” วันทนีย์ตะโกนออกมา
“พ่อครับ..” วันรบเริ่มกังวลกับอาการของแม่ตัวเอง
“เอาน่าเขาตื่นเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแหล่ะ”
พูดจบกำนันเรืองก็ขึ้นรถแล้วขับออกไป
เช้ามืดของวันรุ่งขึ้น เสียงแตรรถดังลั่นอยู่ที่หน้าบ้านพชร รชานนท์ วันรบ และพชรที่อยู่ในบ้านเหลือบมองนาฬิกา
“หกโมงเช้า” รชานนท์พูด
“ไอ้บ้าที่ไหนว่ะมาเสียงดังตั้งแต่เช้า ต้องโวยให้เจ็บ” พชรหงุดหงิด
“ใจเย็นนะคุณระ” นลินีเตือนสติ
“เมียจ๋ารอในนี้ เดี๋ยวสามีเคลียร์เอง”
พูดจบพชรก็รีบออกไป รชานนท์กับวันรบเดินตามออกไป นลินีมองตามด้วยความเป็นห่วง
รชานนท์กับวันรบวิ่งออกมาจากบ้านแล้วก็ต้องยืนอึ้ง เมื่อพวกเขาเห็นกำนันเรืองและวันทนีย์อยู่ในชุดไทยเต็มยศยืนรออยู่ใกล้ๆ รถ ส่วนกระถินกับอาไทยืนหลับพิงกันอยู่
“ที่ว่าตื่นเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น....” พชรเปรย
“ตั้งแต่ตีสาม” กำนันเรืองบอก
กระถินรู้สึกตัวจึงเด้งตัวขึ้นมา “ถึงจะเช้าแค่ไหน แต่เพื่อพี่รบ กระถินยอม.....” กระถินเอนตัวลงไปยืนพิงหลับต่อ “ค่ะ”
วันรบเข้าไปกอดวันทนีย์ “ขอบคุณครับแม่”
วันทนีย์ทำเป็นสะบัดแล้วเดินขึ้นไปนั่งบนรถ
“ทำฟอร์มไปงั้นแหล่ะพี่รบ ตื่นมาแต่งหน้าตั้งแต่ตีสองแน่ะ” อาไทบอก
กำนันเรืองเข้าไปจับไหล่วันรบ “ฤกษ์ดีขนาดนี้ ไปแต่งตัวสิว่าที่เจ้าบ่าว”
วันรบไหว้กำนันเรือง “ขอบคุณครับพ่อ”
วันรบหันมาหาพชรกับรชานนท์
“ไปแต่งตัวกันพี่ระ พ่อตา!”
รชานนท์รีบโวยวาย “เฮ้ยๆ ยังไม่อนุญาตอย่าข้ามสเต็ปเว้ย” รชานนท์หันมาพูดกับพชร “แบบนี้ต้องแสดงอิทธิฤทธิ์พ่อตาซะแล้ว เจอกันที่งานนะพี่ระ”
รชานนท์รีบไปขึ้นรถตัวเอง วันรบไม่ฟังเสียงใครรีบวิ่งเข้าไปในบ้าน พชรรีบตามไป
วันทนีย์มองตามลูกชายไปแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ กำนันเรืองก้าวมายืนข้างๆ แล้วมองภรรยาก่อนจะแซว
“เห็นลูกมีความสุขนี่มันสุขใจจริง ๆนะแม่จ๋า”
วันทนีย์ยิ้มเคลิ้มพร้อมกับพยักหน้าแล้วก็นึกขึ้นได้ “เฉยๆ ไม่สน”
กำนันเรืองมองทิฐิของวันทนีย์แบบขำ ๆ
ผู้คนกลุ่มใหญ่จัดเตรียมขบวนขันหมากเพื่อไปสู่ขอมัทรี แก้วและสามีก็มาร่วมขบวนด้วย นลินีและแก้วช่วยกันจัดขบวนขันหมากอย่างไม่ค่อยชำนาญเท่าไร
“มันต้องมีพานอะไรมั่งนะคะ” นลินีถามแก้ว
แก้วงง “นั่นสิ ต้นกล้วย ต้นอ้อย จะเอาเยอะมั้ย”
“ไม่มีเซียนจัดขันหมาก แล้วจะเคลื่อนขบวนทันเวลาเหรอเนี่ย โอย ๆ ๆ ไอ้หนูไอ้รบจะได้ขันมั้ย” พชรเซ็ง
วันทนีย์กับกระถินยืนเชิดนิ่งอยู่โดยไม่สนใจช่วยอะไรจนกำนันเรืองต้องออกปาก
“แม่จ๋าเป็นแม่งานจัดขันหมากให้ลูกหลานทั่วสุพรรณ น่าจะช่วยไอ้หมาลูกเราบ้าง”
“ข้ายอมมาร่วมงานด้วยก็บุญแล้ว ทำไมต้องช่วยไอ้ลูกไม่รักดี เห็นผู้หญิงอื่นดีกว่าแม่”
“ใจดำ” อาไทเปรยขึ้น
วันทนีย์หันขวับ อาไทสะดุ้งรีบเปลี่ยนฝ่ายทันที
“พี่รบเนี่ย ใจดำทำแม่จ๋าเสียใจได้ไง”
“อ้าว..ไอ้นี่” คนอื่นๆ งงกับอาไท
“แม่ครับ” วันรบในชุดสูทสีขาวเดินเข้ามาทัก วันทนีย์ทำเป็นเมินหน้าหนีเหมือนไม่พอใจ
วันรบก้มลงกราบวันทนีย์ท่ามกลางสายตาของทุกคน วันรบเงยหน้าขึ้นพูดกับวันทนีย์ด้วยน้ำตาซึม
“ผมขอโทษที่ทำให้แม่เสียใจ แต่ผมไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนสำคัญกว่าแม่ ส่วนเรื่องความรัก ผมบังคับหัวใจตัวเองไม่ได้จริง ๆ”
“วันนี้เป็นวันมงคลของลูก อย่าทำให้ลูกไม่สบายใจเลยแม่จ๋า” กำนันเรืองบอก
“ถ้าพี่รบแต่งกับกระถินก็ไม่มีปัญหาแล้ว” กระถินพูด
“หนุ่มสาวเค้ารักกันจนหมั้นหมาย จะให้ล้มเลิกงานได้ยังไง” กำนันเรืองบอก
กระถินตอบทันที “ได้สิคะ”
ทุกคนพูดขึ้นมาพร้อมกัน “ไม่ได้ !”
กระถินสะดุ้ง เธอรีบแถไปหลบอยู่หลังวันทนีย์ด้วยความกลัว
วันทนีย์มองหน้าเศร้า ๆ ของวันรบที่ยังมีคราบน้ำตาอยู่ วันรบลุกขึ้นยืนตรงหน้า วันทนีย์เริ่มมีท่าทีอ่อนลงก่อนจะหันไปบอกนลินีกับแก้วด้วยน้ำเสียงกระแทกกระทั้น
“จัดพานธูปเทียนแพ ขันหมากเอกใส่เครื่องมงคล ขันหมากโทใส่อาหารคาวหวานมงคลเรียบร้อยรึยัง ต้นกล้วยต้นอ้อยให้เอามาเป็นคู่นะ”
นลินีกับแก้วรีบหันไปสั่งเด็กแถวนั้นอย่างเร่งด่วน
กระถินหงุดหงิดที่เห็นวันทนีย์เปลี่ยนใจมาช่วยวันรบ ส่วนวันรบแอบส่งขวดน้ำตาเทียมคืนให้พชร กำนันเรืองยื่นมือมาคว้าขวดน้ำตาเทียมไป วันรบและพชรตกใจที่ถูกจับได้
กำนันเรืองพูดกับทั้งสองคนเบาๆ “น้ำตาเทียมเรียกน้ำตาจระเข้จริง ๆ”
วันรบ พชร และกำนันเรืองยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างรู้กัน
ประตูห้องของมัทรีถูกเปิดออก ติรกากับรชานนท์เดินเข้ามาหามัทรีด้วยความตื่นเต้น
“ลูกมัทพร้อมรึยังจ๊ะ” ติรกาถาม
มัทรีค่อย ๆ หันมา เธออยู่ในชุดไทยประยุกต์ที่สวยงาม เตือนใจ พุทรา และช่างแต่งหน้ายืนขนาบข้างมัทรีอย่างภาคภูมิใจในผลงาน
ติรกากับรชานนท์ตกตะลึงในความงดงามของลูกสาว
“ลูกสาวแม่สวยมาก” ติรกาชม
“สวยเหมือนแม่ งดงามเหมือนเทพธิดา” รชานนท์พูด
มัทรียิ้มรับคำชมของติรกา แต่เมินใส่คำพูดของรชานนท์
“ก็มัทเป็นลูกแม่นี่คะ” มัทรีบอก
ติรกากอดมัทรีด้วยความรู้สึกตื้นตัน
“วันนี้จะเป็นวันที่ลูกมีความสุขที่สุด เหมือนตอนที่แม่หมั้นกับพ่อ” ติรกาหันไปหารชานนท์ “ใช่มั้ยคะนนท์”
“เอ่อ ครับ สุขล้นทะลักจนกระอักกระอ่วนไปหมดแล้ว” รชานนท์ตอบรับอย่างเสียมิได้
“ว่าไงนะคะ” ติรกาถาม
“ปะ เปล่าครับ เรารักกันมากก็ต้องมีความสุขมากเป็นธรรมดา”
รชานนท์ตอบอย่างอึกอัก มัทรีนิ่งมองรชานนท์อย่างไม่ค่อยพอใจ ส่วนเตือนใจกับพุทราสบตากันเพราะรู้สึกได้ถึงบรรยากาศมาคุของสองพ่อลูก
ขบวนขันหมากของวันรบเดินทางมาถึงหน้าบ้านของติรกา พชรร้องโห่เอาฤกษ์เอาชัยสามครั้ง ทุกคนในขบวนขานรับ เสียงกลองยาวและเสียงเครื่องดนตรีอื่น ๆ ดังขึ้นเป็นจังหวะครึกครื้น
พชร นลินี กำนันเรือง แก้วและสามีรำแต้ไปพร้อมกับคนอื่น ๆ ในขบวนอย่างสนุกสนาน กระถินเอาผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาแล้วร้องไห้กระซิก ๆ แก้วหันมาถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ดีใจที่พี่ชายจะหมั้นเหรอคะ”
กระถินได้ยินยิ่งร้องไห้โฮแข่งกับเสียงขบวนขันหมาก แต่ก็ไม่มีใครสนใจ
วันรบถือพานธูปเทียนแพนำขบวนมา เขาหันไปยิ้มให้ผู้ร่วมขบวนอย่างมีความสุข วันทนีย์ถือพานแหวนหมั้นเดินเข้ามายืนประกบวันรบ
“เอ็งยังไม่บอกว่าใครให้ยืมสินสอดจนครบสิบล้าน” วันทนีย์ถาม
กำนันเรืองได้ยินก็ตกใจจนเดินสะดุดขาตัวเองเกือบจะหกล้ม แต่พชรเข้ามาประคองไว้ได้ทัน
“ระวังครับพ่อกำนัน” พชรเตือน
“ซุ่มซ่ามจริง” วันทนีย์หันไปว่า
“ตื่นเต้นไอ้หมาจะหมั้นน่ะจ้ะแม่จ๋า” กำนันเรืองรีบแก้ตัว
วันทนีย์นิ่งมองท่าทางของกำนันเรืองด้วยความแปลกใจ
เสียงโห่และเสียงดนตรีครึกครื้นจากขบวนขันหมากของวันรบดังมาถึงในบ้านของติรกา มัทรีเฝ้ารอขบวนขันหมากด้วยความตื่นเต้นและดีใจ
ติรกา เตือนใจ และพุทรายืนเบียดและชะเง้อมองขบวนขันหมากหน้าบ้านอย่างตื่นเต้น
“ขันหมากพ่อวันรบมาแล้ว” ติรกาบอก
“คุณติรกาตื่นเต้นยิ่งกว่าคุณมัทอีกนะคะ” พุทราแซว
“งานหมั้นของลูกสาวสุดที่รัก เป็นใครไม่ดีใจ” ติรกาพูดยิ้มๆ
พุทราหันไปกระซิบกับเตือนใจ
“ถ้าเป็นตอนปรกติ คงเปลี่ยนจากดีใจเป็นไล่ยิงกระเจิงแน่เลยค่ะ”
“อย่ารื้อฟื้นให้ของขึ้นได้มั้ย ฉันหวาดเสียว” เตือนใจปราม
“มีใครไปกั้นประตูเงินประตูทองรึยังคะ” มัทรีถาม
“ไม่ต้องห่วง ... ถ้าวันนี้ไอ้รบป๊อด ได้จอดขบวนขันหมากไว้หน้าบ้านแน่” รชานนท์มั่นใจ
“คุณแกล้งอะไรพี่รบ” มัทรีหันมาถาม
รชานนท์ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้และไม่ยอมตอบอะไร
ขบวนขันหมากเคลื่อนมาถึงหน้าประตูบ้านของติรกา วันรบและทุกคนตกใจที่เห็นคนงานของ
ติรกายืนกั้นประตูเงินประตูทองเป็ยจำนวนสิบกว่าแถว
“นี่มากั้นประตูเงินประตูทอง หรือด่าน 18 อรหันต์” กำนันเรืองตกใจ
“ฝีมือยายติรกาตัวแสบแน่ ยังไม่ทันเข้าบ้านก็แผลงฤทธิ์ขนาดนี้ ถ้าไอ้หมาเป็นเขยเต็มยศก็คงจะหาเรื่องแกล้งไม่เว้นวัน” วันทนีย์สรุป
“แม่ยายพี่รบไม่ต้อนรับ ก็รีเทิร์นมาหากระถินเถอะ กระถินยอม !” กระถินเอ่ยขึ้น
“แต่ฉันไม่ยอม !” นลินีท้วง
“อ้าว เมียจ๋าไปเกี่ยวไรกับเค้า” พชรงง
“ฉันไม่ยอมให้รบเป็นหม้ายขันหมาก” นลินีพูดกับวันรบ “เป็นไงเป็นกันรบ วันนี้พี่ช่วยลุย”
“ช่างเป็นรักที่มุ่งมั่นเพื่อรัก แก้ววี้ดบึ้มเชียร์ค่ะ” แก้วบอก
กระถินชักสีหน้าไม่พอใจใส่นลินี นลินีทำท่าขึงขังไม่ยอมแพ้กลับ บรรยากาศเริ่มตึงเครียด ทันใดนั้นรปภ.แจ่มก็กระแซะเข้ามาบอกทุกคน
“นี่เป็นคำสั่งคุณรชานนท์ครับ”
“ป๋าเนี่ยนะ” วันรบตกใจ
“โดนพ่อตาซี้รักหักเหลี่ยมโหดแล้วเว้ย งานนี้มีลุ้นว่าใครเป็นไม้ซีกไม้ซุง” พชรแซว
“หนักกว่าป๋าก็ฝ่ามาแล้ว แค่นี้ผมไม่ยอมถอยหรอก”
พูดจบวันรบก็ควักซองที่เตรียมมาไล่แจกคนงานที่กั้นประตูเงินประตูทองจนเปิดทีละด่าน ท่ามกลางเสียงเชียร์ของขบวนขันหมากราวกับเชียร์มวย
เตือนใจกับพุทรายืนลุ้นอยู่ริมหน้าต่าง
“ใจป้ำอย่างนี้ เดี๋ยวก็ได้ปล้ำสมใจ” พุทราทำท่าตีเข่า “เอส! เอส!”
เตือนใจกระแอมเตือนพุทรา หลังจากเห็นสีหน้าหวงลูกสาวของรชานนท์
“เราสองคนมูฟไปกั้นประตูใหญ่รับซองผ้าป่า เอ๊ย ซองกระถิน เย้ย...ซองขาว” เตือนใจชวนพุทรา
“สองซองแรกยังมงคล แต่ซองขาวพุทรารับไม่ได้จริง ๆ ค่ะ” พุทราเสียงอ่อย
“งั้นไปกั้นซองพ่อรบ ฮิ้ว” เตือนใจบอก
พุทรากับเตือนใจรีบไปกั้นประตูด้วยความครึกครื้น
“พี่รบพิสูจน์ตัวเองว่าเค้าทำทุกอย่างเพื่อความรักที่มีต่อมัท ไม่เหมือนคนฉวยโอกาสบางคน” มัทรีพูดพร้อมกับปรายตามองรชานนท์
ติรกามองคู่พ่อลูกอย่างไม่เข้าใจว่ามีเรื่องอะไรกัน
อ่านต่อหน้าที่ 3
แม่ยายที่รัก ตอนที่ 8 (ต่อ)
พิธีหมั้นของวันรบและมัทรียังดำเนินต่อไป ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าเพื่อรอฤกษ์ วันทนีย์เชิดใส่ติรกา แต่ติรกายิ้มหวานให้ วันทนีย์สะบัดหน้าไปอีกทาง ติรกาก็ยังยิ้มให้อีก
วัทนีย์ถลึงตาแยกเขี้ยวขู่ ติรกากระพริบตาปริบ ๆ พร้อมกับฉีกยิ้มหวานเยิ้มจนวันทนีย์งง
กระถินสะกิดวันทนีย์ “ยายคุณนายโอ่งท่าทางแปลก ๆ เล่นหูเล่นตากับคุณแม่ตลอด”
“ยิ้มเยาะเย้ยที่ได้สินสอดไปนอนกอดตั้งสิบล้านน่ะสิ” วันทนีย์บอก
“หนอย... ยายคุณนายน้ำปลาทะเล เค็มยิ่งกว่ามหาสมุทรแปฟิสิกส์” กระถินฉุน
พุทรายื่นหน้ามาพูดแก้ “ มหาสมุทรแปซิฟิกค่ะ”
“เออ นั่นแหละ” กระถินหันมาเจอพุทรา “เอ๊ะ ! แล้วมายุ่งอะไรด้วยยะ”
“เอกภาษาไทย ได้ยินภาษาวิบัติแล้วอดไม่ได้ อิอิ” พุทราแซว
ติรกาขยับแขนขึ้นกำลังจะยกมือไหว้ แต่วันทนีย์กับกระถินตกใจรีบยกแขนขึ้นมาตั้งการ์ดเตรียมพร้อม ติรกาไหว้วันทนีย์และกำนันเรืองอย่างอ่อนช้อย วันทนีย์และกระถินถึงกับเหวอ
“ยินดีที่ได้รู้จักคุณพี่ทั้งสองอย่างเป็นทางการนะคะ” ติรกาพูด
กำนันเรืองเห็นท่าทางของติรกาก็ถึงกับหันมองหน้าวันทนีย์
กำนันเรืองพูดเบาๆ กับวันทนีย์ “ไม่เห็นจะจิตแตกอย่างที่แม่เล่าเลย ดูเป็นมิตรกับแม่ด้วยซ้ำนะ”
วันทนีย์หลบหลังกำนันเรือง “แต่คราวก่อนมันไม่ใช่แบบนี้จริงๆ นะพ่อจ๋า”
วันรบ พชร และรชานนท์แอบสบตากันที่เห็นวันทนีย์งง ทันใดนั้น สมภพกับธงฉานก็หอบกล่องของขวัญเดินเข้ามาในงานหมั้น
“ขอโทษที่มาช้าครับ” สมภพพูดเสียงดัง
รชานนท์สวน “เราเชิญคุณด้วยเหรอ”
“ไม่ต้องจุดธูปเขาก็มาประจำล่ะค่ะ” พุทราว่า
“ชอบเร่ร่อนขอส่วนบุญว่างั้น” รชานนท์รับมุก
“ก็โหยหวนหลังวัดประจำล่ะครับ” ธงฉานตอบ
“พุทราจัดอาหารใส่กระทงให้เขาด้วย” รชานนท์หันไปสั่ง
“สองที่...เย้ย...คนนะไม่ใช่ผี!” สมภพเคลิ้อมตามก่อนจะทำฟอร์มหันไปคุยกับติรกา “ผมมาร่วมยินดีกับหนูมัทรีครับ”
ติรกาลุกเดินตรงไปหาสมภพกับธงฉาน สมภพและธงฉานผวาเล็กน้อยก่อนจะขยับมาเบียดกันเพราะกลัวติรกา
สมภพพูดกับธงฉานเบาๆ “ซ่อนปืนไว้ข้างหลังรึเปล่าวะ”
“ผมบอกอาแล้วว่าอย่าเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่” ธงฉานกระซิบ
ติรกาหยุดยืนประจันหน้ากับสมภพ สมภพกลืนน้ำลายแต่ก็ทำใจดีสู้เสือ จู่ ๆ ติรกาก็ยกมือไหว้ต้อนรับสมภพด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ขอบคุณที่ให้เกียรติมาร่วมงานหมั้นลูกมัทนะคะ เรื่องวันก่อนต้องขอโทษด้วย พุทราเพิ่งบอกว่าคุณสมภพติดต่อธุรกิจร่วมกับฉัน”
สมภพงง ๆ กับท่าทางของติรกา “ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ถือ”
“อ่ะ ไม่ถือก็วาง” เตือนใจบอก
ธงฉานวางกล่องของขวัญอย่างว่าง่าย
“ไหน... ขอมือหน่อย” เตือนใจสั่ง
ธงฉานคลานเข้าไปหาเตือนใจแล้วยกมือทั้งสองข้างให้พร้อมกับอ้าปากแหะ ๆ เหมือนสุนัข
เตือนใจลูบหัวธงฉาน “เชื่องเหมือนกันนะเรา”
ทุกคนในงานพากันขำ สมภพอายจนต้องปรี่เข้ามาเบิ๊ดกะโหลกธงฉานหนึ่งที
“อย่าให้ฉันหมดความอดทนกับแกนะ” สมภพขู่
ธงฉานยิ้มแหยๆ
วันทนีย์แอบมาคุยกับกระถินด้วยความสงสัยที่มุมหนึ่งในบ้าน
“ท่าทางยายติรกาน่าสงสัย” วันทนีย์พูด
“เป็นแผนให้ตายใจ เพื่อเล่นงานเราทีหลังรึเปล่าคะ” กระถินข้องใจ
“ยายนี่มันเจ้าเล่ห์ ร้ายลึก โอ๊ย... ยิ่งคิดยิ่งไม่อยากเกี่ยวดองด้วย”
“เราต้องหาทางล้มงานหมั้นเงียบ ๆ พี่รบจะได้ไม่ต้องหมั้นกับยายมัทรีและไม่ต้องเสียสินสอดสิบล้านให้ยายคุณนายโอ่งน้ำปลา”
วันทนีย์แสดงสีหน้าเห็นด้วยกับกระถิน
วันรบเลื่อนหีบสมบัติสินสอดให้เตือนใจและติรการับเป็นพิธี
“ค่าสินสอดสิบล้านที่ผมเอามาหมั้นมัทรีครับ”
เตือนใจและติรกากำลังจะดึงหีบสมบัติไป แต่วันทนีย์กับกระถินรีบยื่นมือมาดึงหีบไว้ ติรกายิ้มแล้วจะดึงไปแต่วันทนีย์ดึงแน่นไม่ยอมปล่อย
“แม่ครับ...ปล่อยเถอะครับ” วันรบบอก
“ไม่” วันทนีย์ยืนกราน
“แม่จ๋า...ไม่เห็นแก่ลูกก็เห็นแก่หน้าพ่อบ้างนะ” กำนันเรืองขอ
วันทนีย์หันไปเห็นทุกคนมองมาที่ตน
รชานนท์ตัดสินใจจับมือวันทนีย์ “คุณแม่ครับ”
“มีอะ” วันทนีย์หันกลับมาเจอรชานนท์ยิ้มใส่ วันทนีย์รู้สึกเหมือนโดนฮุคใส่หน้าจึงเคลิ้ม “ไรจ๊ะ”
“ปล่อยเถอะครับ” รชานนท์บอก
วันทนีย์เคลิ้มจนปล่อยมือจากหีบ “ได้จ๊ะ”
“ขอบคุณครับ” รชานนท์กล่าว
กระถินพยายามเขย่าและเรียกวันทนีย์ “คุณแม่” กระถินเห็นวันทนีย์ยังเคลิ้มอยู่ก็เลยหยิก “แม่!”
วันทนีย์รู้สึกตัวสะดุ้งทันที
“หยิกข้าทำไมนังกระถิน!”
“โน่น” กระถินชี้ไป วันทนีย์หันไปเห็นเตือนใจกำลังดึงหีบสินสอดไปก่อนที่วันทนีย์จะคว้าไว้ได้ทัน
“ก็เป็นอันว่ามอบสินสอดเรียบร้อยแล้วนะจ๊ะ” เตือนใจบอก
มัทรีหันไปสบตากับรชานนท์ เธอรู้สึกขอบคุณที่รชานนท์เข้ามาช่วยแต่ยังวางฟอร์ม รชานนท์ยิ้มให้ มัทรียิ้มฝืน ๆ ตอบแล้วทำเป็นมองไปทางอื่น รชานนท์จ๋อยเล็กน้อยแต่หันไปเจอติรกามองมา เขาจึงยิ้มกลบเกลื่อนให้ติรกาสบายใจ
ธงฉานเห็นสถานการณ์แล้วจึงสะกิดลากสมภพออกไปคุยด้านนอก
ธงฉานลากสมภพออกมาที่ระเบียงด้านนอก
“เอาไงดีล่ะอา” ธงฉานถาม
“หรือคุณติจะโดนผีเข้าจริง ๆ ถึงได้ยิ้มแย้มยอมให้สวมแหวนหมั้นกันขนาดนี้ ต้องล้มงานนี้ให้ได้” สมภพยืนยัน
“แล้วจะล้มยังไงล่ะอา ถ้าผีคุณติรกาไม่ออก”
สมภพเกิดไอเดีย “ก็ถ้าผีไม่ออก ก็ผีเข้าแทนสิวะ”
สมภพหันมายิ้มให้ธงฉานเป็นการส่งซิก ธงฉานมองสมภพอย่างเข้าใจ
ธงฉานกับสมภพกลับเข้ามานั่งแทรกคนในงาน โดยที่ธงฉานไปนั่งทางหลังมัทรี ส่วนสมภพนั่งด้านหลังวันรบ พุทราขยับพานแหวนหมั้นเข้ามาระหว่างวันรบกับมัทรี
วันทนีย์พูดกับนลินี “เจ้ารบมันซื้อกี่กะรัตน่ะนั่น”
“สามกะรัตค่ะ” นลินีตอบ “น้องรบทุ่มสุดตัวเลยนะคะ”
“มันของกระถินชัด ๆ” กระถินพูด
“อะไรนะจ๊ะ” นลินีถาม
“กระถินว่าอยากเห็นชัด ๆจังเลย เพชรสามกะรัตไม่เคยเห็นน่ะค่ะ” กระถินแถ
“เอาล่ะ สวมแหวนได้แล้ว” ติรกาบอก
วันรบกำลังจะหยิบแหวน ทันใดนั้นธงฉานก็ร้องเสียงดังขึ้นมา “อ๊า!”
วันรบชะงัก ทุกคนก็หันไปมองเห็นธงฉานตัวสั่นอย่างรุนแรง ทุกคนตกใจผงะถอยออกห่างทันที
“นี่เป็นบ้าอะไรเนี่ย” รชานนท์ถาม
ธงฉานลุกขึ้นยืนชี้หน้ารชานนท์แล้วพูดด้วยเสียงดังและแหลม “สามหาว!”
“หาวเดียวก็หลับแล้ว ไม่ต้องถึงสามหรอก” พุทราขัด
“นังลูกกรอก หุบปาก!” ธงฉานหันมาตวาดด้วยเสียงแหลม
สมภพรีบพนมมือนำก่อนใคร “เอ่อ...ท่านเป็นใครครับ ทำไม”
“ข้าเป็นเจ้ากรรมนายเวรของไอ้หนุ่มนี่” ธงฉานชี้ไปที่วันรบ “ข้ามาเตือน ว่าถ้านังผู้หญิงคนนี้แต่งงานกับมัน ชีวิตนังผู้หญิงคนนี้จะต้องวอดวาย”
กำนันเรืองพูดกับวันทนีย์ “อ้าว แบบนี้มันด่าลูกเราเป็นตัวซวยนี่หว่า”
“ไม่จริง! ไอ้มั่ว !”วันทนีย์โวยวาย
วันรบโมโห “ธงฉาน! คุณอย่ามาลูกเล่นดีกว่า ผมไม่เชื่อหรอก”
“นนท์คะ” ติรกาพยักหน้าให้รชานนท์มองไปทางมัทรีที่กำลังนั่งหน้าเสีย
“ใช่! ถ้าไม่อยากโดนกระทืบม้ามแตกที่นี่ก็หยุดเดี๋ยวนี้ ก่อนที่..” รชานนท์หักนิ้วดังกร๊อบแกร๊บ
ธงฉานเริ่มเลิ่กลั่กส่งสายตาไปขอความช่วยเหลือจากสมภพ สมภพเห็นไม่ได้การจึงเอาบ้าง
“บรื๋อออ...! เจี๊ยก คร่อก ๆ ๆ”
ทุกคนหันมองสมภพอย่างงงๆ สมภพกระโดด เกาหัว เกาคอ
“ใครอีกล่ะเนี่ย” เตือนใจถาม
สมภพพูดเสียงแหลมยิ่งกว่าธงฉาน “ฉันเป็นนายเวรของนังหนูนี่ นังนี่มันเป็นผู้หญิงกินผัว มันเคยแย่งผัวฉันไปกิน ฉันจะมากินผัวมันเอาคืน”
สมภพพุ่งเข้าไปนัวเนียวันรบทั้งกอดทั้งรัดอย่างแน่นหนา
“ผัวๆ ๆ ๆ” สมภพร้อง
วันทนีย์ตกใจ “ไม่ได้นะ จะมายุ่งกับลูกฉันไม่ได้! เลิก ๆ ไปเลยไม่ต้องหมั้นเมิ้นอะไรกันแล้ว”
“แม่” วันรบตกใจ
มัทรีมองนาฬิกาเห็นว่าเป็นเวลา 09.50 น.
พุทราพูดเบาๆ กับเตือนใจ “ฤกษ์อภิมหามงคลครอบจักรวาล ต้องสิบโมงสิบนาที พ้นฤกษ์นี้ต้องรออีกหลายปีเลยนะคะ”
เตือนใจกระซิบกับพุทรา “ไอ้สองอาหลานนี่ มันหน้าด้านสุดขั้วจริงๆ เลย”
ติรกาโผล่หน้ามาระหว่างเตือนใจกับพุทรา
“ใครหน้าด้านเหรอคะ”
“ก็ไอ้คนทรงผีเก๊น่ะสิคะ” พุทราพูดแล้วหันมาเจอติรกา “เย้ย..คุณติ ตกใจหมด”
“สองคนนั้น” ติรกาสงสัย
“จงใจป่วนให้งานหมั้นล่มน่ะสิ มันน่าเบิ๊ดกะโหลกจริงๆ” เตือนใจฉุน
ติรกามองสมภพกับธงฉานแล้วคิดจะจัดการอะไรบางอย่าง วันรบดันสมภพออกไปแล้วทำท่าจะต่อย แต่สมภพรู้ทันจึงหลบไปมาทำให้วันรบต่อยวืด
“เจี๊ยก คร่อก ๆ ๆ ๆ เอาผัวฉันมา” สมภพยังเล่นละครไม่หยุด
“ถ้าแต่งมันจะต้องวอดวาย หายยะ” ธงฉานพูดเสียงแหลม
เปรี้ยง กระสุนปืนพุ่งไปเจาะที่ผนังข้างตัวธงฉาน
“นะ...เย้ย!” ธงฉานตกใจ
ทุกคนหันไปมองเห็นติรกายืนถือปืนลูกซองด้วยใบหน้าโหดอยู่
“คุณติ” พุทราตกใจ
สมภพตกใจแต่ยังทำใจดีสู้เสือเล่นละครต่อ “เจี๊ยก คร่อก ๆ ๆ”
ติรกาหันมายิงเข้าที่ข้างตัวสมภพสองนัดซ้อนทั้งซ้ายและขวา จนสมภพสะดุ้งโหยง!
“เจ้า!” สมภพชักกลัว
ติรกายิงอีกหลายนัด
“เจี๊ยก” สมภพถอยไปรวมกับธงฉาน ติรกาหันไปเล็งที่ทั้งคู่
“อย่าทำเค้า” ธงฉานร้องขอ
“จะออกไหม”ติรกาถาม
“ผัว ๆ ๆ” สมภพยังไม่ยอมหยุด
“ถ้าไม่ออกก็ตายซ้ำ เลือกเอา!”
สมภพกับธงฉานเริ่มเลิ่กลั่ก
“หนึ่ง! สอง!” ติรกานับ
สมภพสั่นเป็นเจ้าเข้าแล้วฟุบสลบไปทันที
“ทิ้งกันเลย เฮ้ย!” ธงฉานตกใจ
ติรกาหันมาทางธงฉาน “ไม่ออกใช่ไหม”
“ออกแล้วจ้า..ออกแล้ว!”
ธงฉานรู้ตัวจึงสั่นแล้วโผไปทางมัทรี รชานนท์กับวันรบพร้อมใจกันยกเท้าถีบคู่เข้ากลางลำตัวธงฉานดังพลั่ก ธงฉานกระเด็นไปนอนหงายหมดสภาพ รชานนท์กับวันรบเท้าค้างกลางอากาศ
“พุทรา! ให้คนมาพาตัวออกไป!” ติรกาเสียงดัง
พุทรารีบวิ่งไปแล้วกลับมาพร้อมกับคนงาน และแจ่มช่วยกันลากธงฉานออกไป ทันใดนั้นสมภพทำเป็นรู้สึกตัวฟื้นขึ้นมา
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับเนี่ย” สมภพทำเนียน
รชานนท์หันไปทางสมภพ “หลานคุณโดนหิ้วปีกออกไปแล้ว”
“ผมขอตัวไปดูอาการธงฉานหน่อยนะครับ”
พูดจบสมภพก็รีบออกไป
สมภพเดินออกมาขึ้นรถ เขาเห็นธงฉานโดนแบกมาไว้หลังกระบะ
“ธงฉาน” สมภพเข้าไปตบหน้า “ไอ้ธงฉาน!”
ธงฉานตกใจลุกพรวดขึ้นมานั่ง
“ออกแล้ว..ผีออกแล้วคร๊าบ”
“เลิกบ้าได้แล้วเว้ย เขาโยนเราออกมาทั้งคู่แล้ว” สมภพดุ
“แล้วเอาไงล่ะอา โอ่งทองหลุดลอยไปแล้ว”
“แกพลาดแต่ฉันยัง..”
“ไอ้หน้าหล่อมันนั่งหัวโด่อยู่อย่างนั้น หน้าแพะอย่างอาจะไปสู้อะไรมันได้”
“แกกลับไปก่อน ทางนี้ฉันจะดูเอง ฉันต้องหาวิธีให้ได้ มันต้องมีวิธีสิวะ”
สมภพทำสีหน้าเชื่อมั่นไม่ยอมแพ้
สมภพเดินกลับเข้ามา ทุกคนหันไปมองว่าจะมีอะไรอีกไหม
“พุทรา!” เตือนใจเรียก
“ค่ะ!” พุทรารับคำอย่างเข้าใจ ก่อนจะหยิบไม้หน้าสามมาวางข้างตัวเตือนใจ
“เอาไม้มาทำไมครับ คุณยาย” พชรถาม
“ตีผี! เผื่อมีผีที่ไหนมาอีก อยากตายซ้ำซ้อนก็มา” เตือนใจขู่
สมภพสะดุ้งปาดเหงื่อแล้วขยับเข้าไปนั่งห่าง ๆ พยายามทำตัวสงบเสงี่ยม
ติรกาวางปืนแล้วมานั่งที่เดิม “เอาล่ะหมดเรื่องแล้ว สวมแหวนเถอะนะ”
“พร้อมทั้งคนและสินสอดแล้ว หวังว่าคงได้หมั้นสักทีนะ” เตือนใจบอก
พุทราสะกิดเตือนใจ
“ขอขัดจังหวะนิดนึงนะคะ”
“อะไรอีก” เตือนใจถาม
“แหวนหมั้นของคุณมัทหายค่ะ”
พูดจบพุทราก็โชว์กล่องแหวนที่ว่างเปล่าให้ทุกคนดู
ทุกคนพูดพร้อมกันด้วยความตกใจ “แหวนหมั้นหาย”
“หายไปได้ยังไง?” มัทรีงง
กระถินนั่งนิ่งพยายามเก็บอาการ ในมือของเธอกำแหวนเพชรไว้โดยไม่ยอมให้ใครเห็น
“บุญมีแต่กรรมบัง พยายามแค่ไหนก็คงไม่ได้หมั้น” วันทนีย์เปรยขึ้น
“จะเลยฤกษ์หมั้นอยู่แล้วนะคะ” นลินีบอก
“มัททำอะไรผิด ถึงได้เกิดเรื่องวุ่นวายไม่หยุดในงานหมั้น” มัทรีกลุ้มใจ
“อุปสรรคแค่นี้ ไม่ได้ทำให้ผมรักมัทน้อยลงนะครับ แต่มันทำให้เราหนักแน่นที่จะรักกันมากขึ้นทุกวัน ...อย่าเพิ่งท้อนะครับที่รัก” วันรบกุมมือมัทรีไว้แน่น เสมือนยืนยันในความรักที่มีต่อมัทรี
“ต้องให้ได้อย่างนี้สิวะไอ้หลานเขย ... ได้ใจลุงเขยไปเต็ม ๆ” พชรชื่นชม
ติรกายื่นมือมากุมมือมัทรีกับวันรบอีกที
“ไม่มีใครทำลายงานหมั้นของลูกสองคนได้หรอก”
ติรกาเอากล่องแหวนที่พกติดตัวออกมา เธอเปิดกล่องหยิบแหวนทองเกลี้ยงข้างในออกมา
“นี่เป็นแหวนที่พ่อเคยหมั้นแม่เงียบ ๆ ก่อนที่จะมีมัท แม่คิดว่าวันนี้จะมอบอนุสรณ์ความรักนี้ให้กับลูก”
แหวนเกลี้ยงมรมือของติรกาด้านหนึ่งแกะสลับอักษร K&N รชานนท์เห็นก็นึกถึงเหตุการณ์ในอดีต
วันนั้น รชานนท์ถือแหวนเกลี้ยงที่สลักตัวอักษร K&N เดินมาหาติรกาที่สวนแห่งหนึ่ง
“แหวนวงนี้แทนสัญญารักที่ผมมีต่อกระแตตลอดไป ...ผมรักคุณ”
รชานนท์บรรจงสวมแหวนให้ติรกาด้วยความรัก ติรกายิ้มรับด้วยความตื้นตันใจ
“ขอบคุณค่ะนนท์ ...ฉันก็รักคุณ”
ติรกากอดรชานนท์อย่างมีความสุข
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต รชานนท์ก็ถึงกับอึ้งเพราะไม่คาดคิดมาก่อน
“คุณเก็บแหวนวงนี้ไว้ตลอดเวลาหรือกระแต”
“แหวนวงนี้เป็นเหมือนสัญญารักของเรา ฉันต้องรักษามันไว้อย่างดีที่สุด” ติรกาบอก
รชานนท์ยิ้มปลาบปลื้มและดีใจ
พุทราแอบพูดเบาๆ กับมัทรี “แสดงว่าคุณติไม่เคยลืมคุณนนท์เลยนะคะ”
มัทรีมองติรกาอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของพุทราแต่ก็ไม่ตอบอะไร
“แหวนพร้อม ก็รีบสวม ๆ เลยได้เสร็จพิธีสักที” เตือนใจบอก
“ไม่กล่าวอะไรที่ลึกซึ้งกินใจหน่อยเหรอคะ” พุทราถาม
“เห็นลูกหลานรักกันดี ฉันก็มีความสุขแล้ว เอ้า...สวมแหวนได้วัยชราใจร้อน” เตือนใจเร่ง
บรรยากาศงานหมั้นกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง กระถินเจ็บใจ ที่ไม่สามารถหยุดยั้งงานหมั้นได้
วันทนีย์ก็ไม่พอใจเช่นกัน
วันรบรับแหวนเกลี้ยงที่ติรกามอบให้แล้วกำลังจะสวมที่นิ้วนางข้างซ้ายให้มัทรี กระถินกระแอมออกมา
วันรบจะสวมอีก กระถินไอเสียงดัง “แค่ก ๆ ๆ”
มัทรีตัดสินใจจับมือวันรบสวมแหวนให้ตัวเอง
“คุณมัทสวมแหวนหมั้นแล้ว !” พุทราดีใจ
ทุกคนร้องเฮด้วยความดีใจ กระถินกับวันทนีย์หงุดหงิดมาก
กระถินร้องไห้อ้อนวันทนีย์ “คุณแม่”
แก้วหันมาพูดกับกระถิน “น่ายินดีกับพี่ชายด้วยนะคะ”
กระถินยิ่งร้องโฮแล้วลงไปซบวันทนีย์ ติรกาหันไปอวยพรให้มัทรีกับวันรบ
“ขอให้ลูกทั้งสองรักและดูแลกันตลอดไป เหมือนที่พ่อนนท์รักและไม่เคยทอดทิ้งแม่เลยสักครั้ง”
มัทรีชำเลืองมองรชานนท์ด้วยความรู้สึกเจ็บช้ำแทนติรกา รชานนท์นิ่งเครียดเพราะรู้อยู่เต็มอกว่าไม่เคยดูแลติรกามาก่อน
รชานนท์หลบมายืนที่ระเบียงนอกบ้าน เขาถอนใจแรงด้วยความเครียดและกำลังจะหันหลังกลับเข้าบ้าน แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเจอมัทรียืนอยู่
“มัท”
“คุณรู้อยู่แก่ใจว่าไม่เคยทำอะไรเพื่อแม่” มัทรีบอก
“ไม่มีใครแก้ไขอดีตที่ผ่านไปแล้วได้หรอก” รชานนท์พูด
“ฉันขอบคุณนะที่คุณช่วยฉันกับพี่รบ ฉันจะให้โอกาสคุณรักษาบาดแผลในใจแม่ให้หาย ก่อนที่ความทรงจำปรกติของแม่จะกลับคืนมา”
สมภพเดินผ่านมาได้ยินที่มัทรีคุยกับรชานนท์พอดี
“คุณต้องพิสูจน์ให้ฉันเห็น ว่าคุณรักแม่จริง ๆ ทำให้ติรกาคนที่ความจำเสื่อมกับติรกาคนเก่ายอมรับความรักและให้อภัยคุณด้วยตัวเอง”
มัทรีพูดจบก็รีบเดินจากไปโดยไม่รอฟังคำตอบจากรชานนท์ รชานนท์นิ่งคิด สมภพทำสีหน้าตื่นเต้นที่ได้รู้เรื่องติรกาความจำเสื่อม
นลินีจับมือมัทรีแล้วยิ้มอย่างมีความสุข
“ในที่สุดก็มีวันนี้ซักทีนะจ้ะน้องมัท”
“ขอบคุณค่ะพี่นี”
วันรบกับพชรยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ
“มัทต้องเรียกป้านีถึงจะถูก” วันรบบอก
นลินีชะงักแล้วหันมายิ้มขู่วันรบ
“วันนี้วันดีจะใช้ปากให้ชะตาขาดทำไมจ๊ะวันรบ”
“เมียจ๋า... เราไม่พูดเรื่องตายนะจ้ะ” พชรพูดกับมัทรี “พี่ดีใจด้วยนะครับน้องมัท... ตอนนี้ได้หมั้นแล้ว ตอนหน้าได้แต่งชัวร์!”
“ชั่วต่างหาก!” เสียงกระถินดังเข้ามา
ทุกคนชะงักแล้วหันไปมองก็เห็นกระถินยืนอยู่ที่ประตูบ้านติรกา
กระถินสะอื้น “ทำไมฟ้าดินถึงชั่วร้ายกับกระถินแบบนี้ กระถินทำใจไม่ด้าย!!”
พูดจบกระถินก็ร้องไห้โฮ พุทรากับเตือนใจโผล่หน้ามาแล้วส่งกระดาษทิชชู่ให้กระถิน
“ทำใจไม่ได้ก็กลับไปเถอะจ้ะหนู อย่าอยู่ต่อให้ใจช้ำไปกว่านี้เลย” เตือนใจบอก
“งั้นกลับเลยนะคะ เดี๋ยวพุทราไปส่งขึ้นรถ” พุทราทำเป็นอาสา
กระถินกรี๊ดลั่นเพราะเจ็บใจที่โดนไล่
ติดตามอ่านแม่ยายที่รัก ตอนที่ 8 (ต่อ) เวลา 17.00 น.
แม่ยายที่รัก ตอนที่ 8 (ต่อ)
วันทนีย์เดินนำไปที่รถ กระถินเดินตาม กำนันเรืองเดินตามกระถินมาก่อนจะทักขึ้น
“กระถิน”
“จ๋า พ่อกำนัน” กระถินรับ
กำนันเรืองแบมือ “แหวน”
กระถินทำเป็นซื่อ “แหวนอะไรจ๊ะ”
“จะคืนให้ข้าหรือจะให้ข้าฟ้องแม่จ๋า”
กระถินหน้าจ๋อย ส่งแหวนคืนให้กำนันเรืองแต่โดยดี “อย่าบอกแม่จ๋ากับพี่รบนะจ๊ะพ่อว่ากระถิน”
“เออน่ะ ไปขึ้นรถไป”
กระถินเดินไปขึ้นรถ กำนันเรืองมองแหวนในมือ
“เสียไปสามล้าน ได้คืนมาแค่นี้...ก็ยังดีวะ” กำนันเรืองเก็บแหวนใส่กระเป๋าเสื้อ
กำนันเรืองขึ้นรถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว
ติรกากับรชานนท์ยืนส่งทุกคนอยู่ที่หน้าบ้าน ติรกาแปลกใจในท่าทางของพวกวันทนีย์
“ทำไมคุณวันทนีย์รีบกลับจัง ว่าจะชวนไปขอฤกษ์แต่งกับหลวงพ่อซะหน่อย”
กลุ่มคนงานเดินเข้ามายกมือไหว้ลาติรกา
“ขอบใจมากนะจ้ะที่มางานลูกสาวฉัน” ติรกาพูด
กลุ่มคนงานเห็นติรกาสวีทกับรชานนท์ก็รู้สึกแปลกใจ
“คุณติไม่เกลียดผู้ชายคนนี้แล้วเหรอ” คนงานคนหนึ่งถามขึ้น
“ฉันจะเกลียดสามีฉันทำไมล่ะจ้ะ” ติรกาตอบ
“สามี?”
คนงานมองหน้ากันอย่างอึ้งๆงงๆ
ภาพเหตุการณ์ตอนที่ใบประกาศติดอยู่รอบโรงงานแวบขึ้นในหัวของรชานนท์ ข้อความในใบประกาศเขียนว่า “บุคคลอันตราย ถ้าเจอ...จัดหนัก! อย่าให้รอด!” พร้อมทั้งมีรูปถ่ายของรชานนท์อยู่ในใบประกาศ
รชานนท์จำเหตุการณ์วันนั้นได้ก็รีบอธิบาย
“คราวนั้นเข้าใจผิดกันนิดหน่อย อย่าสนใจเลย”
“แล้วต่อไปเรียกฉันว่าคุณแตนะจ้ะ เรียกคุณติแล้วไม่คุ้นหูเลย” ติรการีบบอก
คนงานทั้งอึ้งทั้งเหวอแต่ก็เดินออกไป
ติรกาหันมาเห็นพชรและนลินีเดินออกมาพอดี
“จะกลับกันแล้วเหรอพี่” รชานท์ถามขึ้น
“ก็คู่แก คู่ไอ้รบลงตัวกันแล้ว... ถึงเวลาคู่ฉันไปลงตัวบ้าง” พชรบอก
นลินียิ้มเขิน ๆ แต่แล้วเธอก็นึกบางอย่างได้
“ตานนท์ วันนี้วันของลูกสาวกับลูกเขย ปล่อยให้เค้าได้อยู่กันลำพังบ้างนะ”
รชานนท์ได้ยินคำว่า”ลำพัง”ก็นึกขึ้นได้แล้วยิ้มเจ้าเล่ห์
“ได้ครับพี่นี... ปล่อยให้อยู่กันลำพัง เพื่อจะได้อยู่ลำพัง”
ทุกคนมองรชานนท์อย่างไม่ค่อยเข้าใจ
วันรบกับแจ่มช่วยกันยกโต๊ะและเก้าอี้เก็บให้เป็นระเบียบ เตือนใจ มัทรีและพุทราช่วยกันเก็บของอื่นๆ รชานนท์พาติรกาเดินเข้ามา จู่ๆ ติรกาก็เอามือจับที่ขมับ
“เอ.. ทำไมจู่ ๆ ปวดหัวขึ้นมาจี๊ด ๆ ก็ไม่รู้”
“คงเหนื่อยมั้งครับ” รชานนท์บอก
“แต่ธรรมดาไม่เคยเป็นนะคะ ปวดเหมือนร้าวไปทั้งสมอง”
“เป็นไงบ้าง” รชานนท์ถามด้วยความเป็นห่วง
“ค่อยยังชั่วแล้วค่ะ เออ.. จู่ ๆ ก็หาย แปลกดีจัง”
รชานนท์ยิ้มให้ติรกาแล้วพาเดินเข้ามาในบ้านก่อนจะแกล้งพูดเสียงดังให้มัทรีได้ยิน
“กระแต ผมว่าคุณพักก่อนเถอะจ้ะ คุณท่าทางเหนื่อยมาก”
มัทรีได้ยินก็ชะงักแล้วหันมามองติรกาอย่างเป็นห่วง รชานนท์พูดจบก็แอบเหลือบมองมัทรีกับวันรบ
“ฉันไม่เหนื่อยเลยค่ะ” ติรกาบอก
“อย่าปากแข็งสิ คุณตื่นมาเตรียมข้าวของทุกอย่างตั้งแต่เช้ามืด จนป่านนี้ยังไม่ได้พักเลย จะไม่เหนื่อยได้ยังไง”
มัทรีเดินเข้ามาหาติรกาแล้วพูด
“แม่ไปพักก่อนเถอะค่ะ ที่เหลือมัทกับรบจัดการเอง”
“งั้นให้ป๋าพาว่าที่แม่ยายผมไปพักแล้วกัน” วันรบเสนอ
ติรกาได้ยินคำว่า “แม่ยาย” แล้วมีอาการ จู่ ๆ ตาของเธอก็ลุกวาวแข็งกร้าวอย่างเอาเรื่อง ติรกาเผลอตัวฟาดวันรบไปเต็มแรงแล้วพูดออกมาอย่างโกรธ ๆ
“เรียกฉันแบบนี้ได้ยังไง ! อยากลองของรึไงไอ้วันรบ !”
ทุกคนอึ้งเหวอที่อยู่ ๆ ติรกาคนเดินก็กลับมา ติรกาก็งงตัวเองที่อยู่ๆเผลอตวาดใส่วันรบอย่างนั้น
“อุ้ย ขอโทษจ้ะ... แม่แค่จะบอกว่าไม่ต้องเรียกว่าที่แม่ยาย เรียกแม่ยายได้เลยจ้ะ แต่ไม่รู้ทำไมอยู่ ๆ ก็โกรธขนาดนั้น”
ทุกคนยังอึ้งและงงกับอาการของติรกาอยู่
“คุณคงเหนื่อยมาก งั้นเรารีบไปพักกันเถอะจ้ะ” รชานนท์บอก
พูดจบรชานนท์ก็รีบคว้ามือติรกาเดินขึ้นบ้านไปทันที
รชานนท์จูงติรกาเข้ามาในห้อง จู่ๆ ติรกาก็ปวดหัวขึ้นมาอีก “โอย..”
รชานนท์เห็นอาการก็เป็นห่วง “กระแต คุณเป็นอะไร”
“ปวดหัวนิดหน่อยค่ะ นั่งพักก็หาย” ติรกาบอก
รชานนท์พาติรกาไปนั่งที่เตียง ส่วนตัวเขานั่งที่ขอบเตียง
“เดี๋ยวผมไปหยิบยาให้นะ”
รชานนท์จะลุกไปแต่ติรกาจับมือรชานนท์ไว้
“พาราไม่เอานะคะ...ฉันอยากได้อย่างอื่นมากกกว่า”
รชานนท์ได้ยินก็ถึงกับตาโต “อย่างอื่น...เอ่อ...”
ติรกาขยับตัวเข้าหาเหมือนจะกอดรชานนท์
“กระแต..ผมว่า..เอ่อ...”
ติรกาขยับเข้าไปใกล้รชานนท์มากขึ้นเรื่อยๆ จนปากแทบจะประกบกัน รชานนท์หลับตาปี๋เหมือนรอการจูบจากติรกา แต่เขาก็รู้สึกว่านานเหลือเกิน
“นี่ค่ะ”
รชานนท์ค่อยๆ ลืมตาขึ้นเห็นว่าในมือติรกาเป็นกีต้าร์ไม้เก่าๆ
“พารา...” รชานนท์โพล่งขึ้นมา
“ค่ะ..” ติรกามองกีต้าร์ “พาราของเรา รักษาให้กระแตหน่อยนะคะ” ติรกายิ้มให้
รชานนท์รับกีต้าร์มาแล้วลองสาย “เหมือนเดิมไม่มีผิดเลย”
“ทุกสิ่งที่เป็นความทรงจำของเราฉันไม่เคยลืม ไม่เคยทิ้งมัน เอ..คุณพูดเหมือนไม่ได้เห็นมันมานานเลย ฉันก็เก็บมันไว้ในห้องนี้ตลอดนะคะ”
“อ๋อ..ที่ว่าเหมือนเดิมคือ ไม่ว่ากี่ปีผ่านไปคุณก็ยังสวยไม่เปลี่ยนเลย” รชานนท์หยอด
ติรกายิ้มเขิน
“มีดวงใจหนึ่งดวง จะมอบให้เธอไว้ครอง” รชานนท์ครวญเพลง “เมื่อยามสองเรา ต้องจากไกล พาดวงใจเลื่อนลอย ฝากบทเพลง บรรเลงให้ไว้ เธอโปรดเก็บใจ เอาไว้เพื่อรอ ฝากคำว่าคิดถึง ให้เธออยู่เสมอ แม้ไม่ได้เจอฉันก็สุขใจ หากชีวิตไม่สิ้น ฉันจะกลับเอารักมาให้ เธอโปรดจำไว้วันที่ฉันรอ”
ติรกามองรชานนท์ยิ้มๆ แล้วคิดถึงอดีต
ในอดีต รชานนท์นั่งพิงต้นไม้เล่นกีต้าร์ให้ติรกาฟัง
“แม้อยู่ห่าง ไกลส่งใจ ถึงกันบ้าง อย่าให้อ้างว้างอยู่เดียวดาย ฉันจะเฝ้ารอ รอเพื่อพบกันใหม่ วันที่ดวงใจฉันมีเธอ ดวงใจฉันคิดถึงเธออยู่ เธอโปรดจงรู้ดวงใจว่า ยังปรารถนาจะกลับมาเพื่อพบเธอ สุดที่รัก เธอโปรดส่งใจคิดถึงหน่อย อย่าให้ฉันคอยใจหงอยเศร้า จงสร้างรักเราให้มีพลัง เพื่อรอการกลับมา”
ติรกานั่งฟังแล้วค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้ ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ จนแทบจะจูบกัน
ติรกาในปัจจุบันขยับเข้าไปใกล้รชานนท์ที่กำลังร้องเพลงอยู่
“แม้ห่างเพียงกาย ก็ไม่ห่างใจ เหมือนรักประสาน ไว้ตลอดเวลา ฉันจะรอวัน วันแห่งรักหวนมา วันที่เราสัญญา”
รชานนท์หันมาเห็นติรกามองอยู่ ติรกาขยับเข้ามาจูบเบาๆ ที่แก้มรชานนท์แล้วขยับออก
“....ต่อกัน..” รชานนท์ร้องต่อ
รชานนท์นิ่งอึ้งแล้วจ้องตากับติรกา เขาเริ่มจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ รชานนท์เป็นฝ่ายเข้าหาติรกาบ้าง เขาขยับเข้าไปใกล้หน้าติรกา
“ผมรักคุณ”
เสียงรชานนท์ดังก้องอยู่ในหัวของติรกา
ภาพรชานนท์กับติรกาในอดีตที่ส่งยิ้มให้กัน ภาพตอนที่ทั้งสองอยู่บนเตียง ภาพตอนที่สองคนตื่นมากอดกัน ภาพตอนที่ติรกาไปตรวจ ตอนที่ติรกาไปหาพ่อรชานนท์ ตอนที่ติรกาอุ้มท้องร้องไห้ ภาพทั้งหมดย้อนกลับมาในหัวของติรกา
ติรกาปวดหัวอย่างหนักจนทนไม่ไหวคล้ายจะอาเจียน “อุ๊บ!”
ติรกาวิ่งเข้าไปในห้องน้ำแล้วปิดประตู รชานนท์ตกใจรีบตามไปที่หน้าห้องน้ำอย่างเป็นห่วง
“กระแต คุณเป็นอะไร..กระแต!”
ติรกายังอยู่ในห้องน้ำ เธออ้วกไม่ยั้ง ก่อนจะเงยขึ้นมองตัวเองในกระจก ภาพติรกากับมัทรีตอนเด็ก ภาพมัทรีวิ่งเล่น ติรกาไล่ตาม ภาพมัทรีกับวันรบ ภาพวันรบกับรชานนท์ โดนติรกาไล่ยิง แวบขึ้นมาในหัวของเธอ
ติรกาปวดหัวจนคล้ายหัวจะระเบิด “โอ้ย!”
รชานนท์ที่หน้าห้องน้ำได้ยินเสียงก็ยิ่งเป็นห่วง
“กระแต เปิดประตูหน่อย กระแต!”
ภาพตอนที่หนีวันรบกับรชานนท์จนรถของติรกาพุ่งลงข้างทาง ภาพมัทรีร้องไห้บอกว่ารชานนท์เป็นพ่อ ภาพที่วันรบสวมแหวนหมั้นให้มัทรีแวบขึ้นมาในหัวของติรกา
ติรกาที่ร้องลั่น “ไม่!”
ติรกาสะบัดหน้าพรึ่บด้วยสายตาแข็งกร้าวเหมือนติรกาคนเดิม
“รชานนท์! วันรบ!”
วันรบในชุดผ้ากันเปื้อนอยู่ในห้องครัวบ้านตริกา โดยมีมัทรีเป็นลูกมือ เตือนใจกับพุทราเดินเข้ามาเมียงมอง
“เอาจริงเหรอ” เตือนใจถามวันรบ
“วันดีๆ แบบนี้ต้องฉลองให้เต็มที่ครับ ผมอยากแสดงฝีมือเอาใจคุณแม่ยายครับ”
วันรบจะหั่นมะเขือเทศ อยู่ดีๆ คิ้วขวาก็กระตุกขึ้นมา
“โอ๊ะ” วันรบร้องขึ้น มัทรีตกใจ
“เป็นอะไรคะพี่รบ มีดบาดเหรอคะ”
วันรบเอามือแตะที่คิ้ว
“เปล่าครับ..คิ้วผมกันกระตุก ถี่มากด้วย”
“เขาว่าขวาร้าย..ซ้ายดี อย่าบอกนะคะว่าคุณติจะจำได้แล้ว เมื่อกี้ก่อนขึ้นไปอาการก็ดูโหดๆ แปลกๆ เหมือนขาโหดจะคืนร่างนะคะ” พุทราบอก
รชานนท์เข้ามาแล้วถาม
“ใครจำอะไรได้ครับ”
“ป๋า..แม่ยายผมเขาเป็นยังไงบ้าง” วันรบถาม
“กระแตเขาปวดหัว นี่ฉันจะมาเอาน้ำไปให้เขาทานยาสักหน่อย”
“แม่ปวดหัวมากเหรอคะ” มัทรีถาม
“ก็ดูมากอยู่ แต่เดี๋ยวพ่อจะเอายาไปให้แม่เขานะ” รชานนท์พูด
มัทรีกระแอมเหมือนอะไรติดคอและพูดเน้น
“ค่ะ ป๋า”
รชานนท์ถึงกับหน้าเสียเล็กน้อย เตือนใจส่งแก้วน้ำให้รชานนทื
“ รีบขึ้นไปดูยัยติเถอะไป”
“ครับ”
รชานนท์เดินออกไป
“มัท...” วันรบเอ่ยขึ้น
“รีบทำกับข้าวเถอะค่ะพี่รบ มัทกลัวคุณแม่จะหิว” มัทรีบอก
วันรบสบตากับเตือนใจและพุทรา
“หวงจนหูดับไปแล้วค่ะ พูดไปเหนื่อยเปล่า” พุทราบอก
มัทรีดื้อดึงที่จะไม่ฟัง ยกตะกร้าผักไปล้างแล้วสะบัดผักที่ล้างอย่างโครมคราม
ภายในบ้านสมภพ ธงฉานสีหน้าตกใจมาก ธงฉานพูดขึ้น
“ไม่จริง คุณอาตินะเหรอครับ ความจำเสื่อม”
“ฉันว่าพวกมันต้องใส่ข้อมูลให้ติรกาคิดว่าไอ้รชานนท์เป็นสามีแน่ๆ” สมภพบอก
“ว่าแต่ผมไม่ได้เรื่อง อาก็เอาตัวไม่รอดเหมือนกัน ไม่ได้ผู้หญิงบ้านนั้น อากับผมหมดตัวแน่”
“ไม่มีทาง ฉันไม่ยอมเสียตัวเงินตัวทองเด็ดขาด”
ทรงสุดาถือถาดเครื่องดื่มเข้ามา จังหวะการเดินคลอราวกับรำออกมาเลยทีเดียว
“ต่อนยอน..ตะ..ต่อนยอน..ตะตอนยอน..ตอนหยอน..ต๊อนหยอน” ธงฉานร้องเพลงประกอบจังหวะ
สมภพกับธงฉานหยุดมอง แต่ทรงสุดาก็ยังเดินมาไม่ถึงสักที ธงฉานมองนาฬิกาที่ข้อมือ
“จะอีกนานไหม...ไอ้ชาถ้วยนั้นฉันจะได้กินไหมอา”
สมภพตบโต๊ะปัง!ตวาด
“จะอีกนานไหม”
ทรงสุดาสะดุ้งรีบเอามาเสิร์ฟทันที
“ชาเจ้า”
“แล้วนี่เอาจะเอายังไงต่อ” ธงฉานถามสมภพ
“ถ้าพวกมันจะใส่ข้อมูลว่าเป็นสามีติรกา ฉันก็จะใส่ข้อมูลเหมือนกัน”
“อาครับ ผมว่าเจียมตัวซะบ้างเถอะครับ หน้าอย่างอาปกติก็ขี้เหร่ไม่มีทางชนะอยู่แล้ว ต่อให้อาหลอกว่าเคยได้กัน อย่างคุณอาติเขาไม่โง่เชื่อหรอกครับ”
“ไอ้บ้า ข้อมูลที่ฉันจะใส่คือ ทำให้ติรการะแวงไอ้รชานนท์มีเมียน้อยต่างหาก ถ้าติรการักมันจริงๆ ฉันนี่แหล่ะจะแย่งให้พวกมันทะเลาะกันจนบ้านแตก”
“ฮ่าๆๆ เลวได้โล่ห์จริงๆ” ธงฉานบอก
สมภพกำลังหัวเราะร่า ถึงกับเอิ้กและเงื้อมือจะตบกระโหลกธงฉาน ธงฉานรีบจับมือสมภพไว้แล้วเปลี่ยนเรื่อง
“แล้วอาจะไปหาผู้หญิงที่ไหนมาเป็นเมียน้อยไอ้หน้าหล่อล่ะอา”
“ก็คนแถวนี้แหล่ะ” สมภพบอก
“นี่อาจะให้อาสะใภ้ไปเป็นเมียน้อยไอ้หน้าหล่อเหรอครับ อาเลวมาก นี่เมียอาจะยกให้ผู้ชายคนอื่นปู้ยี่ปู้ยำได้ยังไง” ธงฉานด่าในระยะประชิดจนสมภพต้องเอนตัวหนีแต่ธงฉานก็ยังตาม
“นี่แม่ของลูกอานะ เอาอะไรคิด”
สมภพได้จังหวะจิ้มหน้าธงฉานให้ห่างออกทันที
“ไอ้โง่ โง่แล้วยังอวดรู้ ฉันไม่ได้หมายถึงทรงสุดาเว้ย แต่ฉันหมายถึงรุจีต่างหาก”
ทรงสุดาตกใจ
“น้องรุจีเหรอเจ้า”
“ใช่ เรียกรุจีมาพบฉันเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นเธอตายแน่”
ภสยในห้องนอน ติรกานั่งอยู่บนเตียงข้างหนึ่ง มือข้างหนึ่งจับปืนไว้แน่น
“ตาย...ผู้ชายเลว ฉวยโอกาส มันต้องตายทั้งคู่” ติรกาพูดกับตัวเอง
เสียงประตูเปิด ติรกายังหันหลังให้มือจับปืนแน่น คิดแต่จะจัดการกับผู้ชายเลวๆ
“กระแตครับ” รชานนท์เรียก
ติรกาหันกลับตั้งใจว่า จะยกปืนขึ้น แต่พอกันมาเจอมือของรชานนท์ที่จับแก้มของติรกาอย่างอ่อนโยนก็ลืมเรื่องที่จะเอาเรื่องไปชั่วขณะ รชานนท์ยิ้ม
“หายปวดหัวแล้วเหรอครับ”
“ฉัน...เอ่อ”
รชานนท์ใช้นิ้วโป้งทั้งสองนิ้ว คลึงไล้แก้มติรกาเบาๆ
“ว่าไงครับ ยังปวดหัวอยู่ไหม”
“ฉัน..ยังปวดหัวอยู่ค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้น ทานยานะครับ คนดี...” รชานนท์ยิ้ม
รชานนท์หันหลังไปจะหยิบยากับแก้วน้ำให้ ติรกามองหลังรชานนท์ มือของติรกาที่ยังจับปลายปืนแน่น รชานนท์หันกลับมาส่งยากับแก้วน้ำให้
“ผมป้อนให้นะ..”
รชานนท์ยื่นเม็ดยาเข้ามาใกล้ติรกามากขึ้นทุกที ระหว่างนั้นเป็นช่วงเวลาที่ติรกาเริ่มสับสน มือที่จับปืนอย่างเกร็งแน่นเหมือนลังเล
“ค่ะ”
รชานนท์ยื่นยามาประชิดริมฝีปาก ติรกาอ้าปากรับยาจากรชานนท์ รชานนท์ป้อนน้ำให้ ติรกายอมดื่มแต่โดยดี มือของติรกาค่อยๆปล่อยปืนทิ้งลงพื้น เสียงดัง “ตึก”! รชานนท์ชะงักเล็กน้อย
“กระแต ได้ยินเสียงอะไรไหม”
ติรกาทำหน้าเหรอหรากลบเกลื่อน
“เสียงอะไรคะ ฉันไม่ได้ยินนี่คะ”
รชานนท์ไม่แน่ใจ
“สงสัยหูผมจะแว่ว งั้นนอนพักนะครับ”
รชานนท์กึ่งนั่งกึ่งนอนโอบให้ติรกานอนทับแขนตัวเอง รชานนท์ฮัมเพลงรอวันฉันรักเธอเบาๆ เหมือนกล่อมเด็ก แววตาของติรกายังสับสน แต่พอรชานนท์ใช้มือดันศีรษะติรกาเข้ามาชิดที่คอ ติรกาจึงค่อยๆหลับตาอย่างโอนอ่อนผ่อนตามอย่างไม่มีข้อแม้ รชานนท์มองติรกายิ้มๆ และฮัมเพลงเบาๆต่อไป
ในเวลาดียวกัน ทรงสุดานั่งโทรศัพท์อยู่ที่ห้องรับแขกภายในบ้านของสมภพด้วยท่าทางเกรงกลัวสมภพกับธงฉานซึ่งนั่งอยู่ใกล้ๆ หลังทรงสุดาวางสายไปแล้วหันมาหาสมภพ
“น้องรุจี เปิ้นปิดเครื่องเจ้า”
สมภพโมโหขึ้นทันที
“น้องเธอไม่คิดจะติดต่อสื่อสารคนอื่นเลยหรือไง”
“ติดต่อไม่ได้แบบนี้... ก็แสดงว่าแผนสองล่มตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลย” ธงฉานโพล่งขึ้น
สมภพง้างมือจะฟาดธงฉาน ธงฉานตกใจกลัวรีบวิ่งไปหลบหลังทรงสุดาทันที
“พี่ดาช่วยผมด้วย”
สมภพลดมือลงแล้วมองท่าทางของธงฉานพลางส่ายหน้าอย่างเอือมๆ ธงฉานเห็นว่าสมภพไม่ฟาดตัวเองก็โล่งใจเดินเบี่ยงออกมาจากหลังทรงสุดา สมภพได้จังหวะเขกหัวธงฉานทันที
“คิดว่ารอดเหรอ! โทษฐานที่แกจัดการมัทรีไม่ได้ ไปพาตัวยายรุจีกลับมา”
“แต่น้องเปิ้นไปนั่งสมาธินะเจ้า ไปพาปิ๊กมา มันเป็นบาปนะเจ้า”
สมภพหันมาตวาดทรงสุดาทันที
“ฉันไม่สน! ฉันต้องการให้น้องสาวเธอมาจัดการกับรชานนท์ ทำยังไงก็ได้ให้ติรกาผิดใจกับไอ้หมอนั่น รุจีต้องเข้าไปเป็นอุปสรรคในความรักระหว่างรชานนท์กับติรกา”
บนโต๊ะอาหารหลังพระอาทิตย์ตกดินที่บ้านติรกา อาหารถูกจัดเต็มอย่างสวยงามราวกับฝีมือของโรงแรมก็ไม่ปาน มัทรีขยับจัดจานอย่างภาคภูมิใจ
“โอ้โห นี่ฝีมือคุณรบเหรอคะเนี่ยอย่างกับอาหารโรงแรม” พุทราถามแล้วจะแอบหยิบชิม
เตือนใจเดินเข้ามาดึงหูพุทรา
“แม่พุทรา ใครสั่งให้หล่อนแอบชิมฝีมือหลานเขยฉันก่อนหะ”
“ก็มันน่ากินนี่คะคุณเตือน”
วันรบยกอาหารมาวางอีกจาน
“ถ้าอยากทาน คุณพุทราก็ไปเชิญแม่ยายผมลงมาเปิดงานสิครับ”
“ได้เลยค่ะ”
มัทรียกมือห้ามพุทรา
“ไม่ต้องค่ะ มัทไปเอง”
“จะไปสืบพฤติกรรมพ่อเราล่ะสิ” เตือนใจพูดขึ้น
มัทรีไม่ตอบแต่เดินงอนออกไป
“คุณมัทนี่หัวดื้อเหมือน..” พุทราพูดขึ้นและหันมาเจอกับเตือนใจที่จ้องหน้ารอคำตอบ
“...เหมือนใครน้า”
เตือนใจมองพุทราอย่างคาดโทษ
“ค่ะ .... ค่ะ ไปล่ะค่ะ”
พุทรารีบวิ่งเข้าครัวไปทันที
“คุณยายว่าคุณแม่ยายจะชอบอาหารฝีมือผมไหมครับ”
“เขามีแต่ฝีมือปลายจวัก ผัวรักจนตาย”
“ผมกะจะใช้ปลายจวัก ให้แม่ยายรักมากมายน่ะครับ”
เตือนใจมองวันรบที่ตั้งหน้าตั้งตาจัดโต๊ะอย่างกระตือรือล้น
“ถ้ายัยติจะเห็นเหมือนที่แม่เห็นก็คงจะดี” เตือนใจพึมพำ
เสียงเคาะประตูดัง แต่รชานนท์กับติรกาต่างยังหลับสนิทไม่รับรู้ พุทราค่อยๆแง้มประตูเข้ามาแล้วยืนมองตะลึงที่เห็นติรกาหลับซุกในอ้อมแขนรชานนท์ พุทราถึงกับอมยิ้ม
“อ๊าย...น่ารักอ่ะ” พุทราทำบิดเขินจนมือไปโดนรูปที่ตั้งอยู่หล่น ปัง!)
“อุ้ย!”
ติรกาสะดุ้งตื่นเห็นพุทรายืนตรงหน้า
“มีอะไรพุทรา” ติรกาเสียงแข็ง
พุทราสะดุ้งเพราะคุ้นๆกับเสียงของติรกาคนเดิม
“เอ่อ คุณเตือนให้มาตามคุณติกับคุณนนท์ไปทานข้าวค่ะ”
ติรกาหันไปมองรชานนท์ที่ยังหลับสนิทอย่างเคลิบเคลิ้ม พุทรามองอย่างสังเกตจนติรกานึกได้ว่าพุทรายังอยู่ ติรกาหันไปเจอพุทราที่กำลังชะเง้อมองอยู่
“เดี๋ยวฉันตามลงไป”
“ค่ะ” พุทรารับคำแต่ยังยืนเสนอหน้าอยู่
ติรกาหน้าตึงใส่
“อยากโดนห้าร้อยหรือไง”
“ไม่อยากค่า..ไม่อยาก” พุทรารีบเดินออกไป
รชานนท์ลืมตาตื่นมองติรกาแล้วแกล้งหลับเหมือนเดิม ติรกาขยับมองเข้าไปใกล้หน้ารชานนท์มากขึ้นเรื่อยๆราวกับจะหอมแก้มรชานนท์อยู่แล้ว รชานนท์ที่แกล้งหลับอยู่รออยู่เต็มที่จนใบหน้าเกร็งไปหมด จู่ๆติรกาก็หยุดซะอย่างนั้น และมองหน้ารชานนท์ที่หน้ากระตุกอยู่ ติรกาเรียกเบาๆอย่างห่วงใย
“นนท์...”
รชานนท์ตัดสินใจขยับแก้มเข้าหาติรกาให้ติรกาหอมซะเลยแล้วแกล้งสะดุ้งตื่น
“อุ้ย..กระแตแอบหอมแก้มผมเหรอเนี่ย”
“ฉัน..เปล่านะ”
“ก็เมื่อกี้คุณเพิ่งทำหยก ๆ”
รชานนท์เอาหน้าเข้าหาให้ติรกาหอมอีก แล้วทำเป็นตกใจ
“นั่นไง กระแตแต๊ะอั๋งผมอีกแล้ว อดใจไม่ไหวใช่ม๊า”
ติรกาทั้งเขินทั้งขำ
“บ้า”
รชานนท์หอมแก้มติรกา
“แต่ผมอยู่ใกล้คุณ ผมอดใจไม่ไหวทุกทีเลยนะ”
ติรกาเอามือกุมแก้มแล้วนิ่งไป รชานนท์ยื่นมือมาตรงหน้าติรกา ติรกาตัดสินใจวางมือบนมือรชานนท์
“ไปทานข้าวกันนะ”
ติรกามองหน้า รชานนท์กระชับมือติรกาแล้วพาติรกาออกจากห้อง
พุทราสีหน้าครุ่นคิดเดินมาที่โต๊ะอาหาร
“คุณแม่ละคะพี่พุทรา” มัทรีถามขึ้น
“กำลังลงมาค่ะ” พุทราบอกแต่แววตาและสีหน้ายังครุ่นคิดต่อ
เตือนใจมองพุทราอย่างสงสัยแล้วเดินเข้ามาสะกิด
“แม่พุทราเชื่อม ทำหน้างุนงงสงสัยอะไรของหล่อน”
พุทรา มองซ้ายมองขวาอย่างระวังและบอก
“คือ... คุณเตือนมากับพุทราทางนี้ดีกว่าค่ะ”
พุทราดึงเตือนใจออกไปที่ระเบียงบ้านริมน้ำ เตือนใจถึงกับตกใจที่ได้ยินคำบอกเล่าจากพุทรา
“ยัยติความจำกลับคืนมาแล้วเหรอ”
“เหมือนจะเป็นอย่างนั้นน่ะค่ะคุณเตือน”
“ถ้ากลับมาจริง ป่านนี้ชักปืนลูกซองยิงตารบกระจายแล้ว”
“มันก็จริงค่ะ แต่พุทราอยู่กับคุณติมานาน พุทราพอจะแยกออกว่าอันไหนคุณติขาโหด อันไหนคุณติแม่พระ แต่คนที่จะแยกออกได้มากที่สุดก็ต้องเป็นคุณเตือนแล้วล่ะค่ะ”
เตือนใจคิดตามคำพูดของพุทรา
จบตอนที่ 8
ติดตามอ่านแม่ยายที่รัก ตอนต่อไปพรุ่งนี้