xs
xsm
sm
md
lg

แม่ยายที่รัก ตอนที่ 3

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แม่ยายที่รัก  ตอนที่ 3

เวลานั้น รชานนท์นั่งน้ำตาซึมดูรูปเก่าๆของตัวเองกับติรกาสมัยเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ในห้องนอน

“คุณทำแบบนี้กับผมได้ยังไงกระแต”
รชานนท์ขยำรูปคู่ของตัวเองกับติรกาแล้วขว้างทิ้งอย่างแค้นใจและเสียใจ
“ต่อไปนี้...คุณจะไม่อยู่ในความทรงจำของผมอีกแล้ว”
รชานนท์โมโหขว้างอัลบั้ม แต่อัลบั้มไปโดนชั้นวางของในห้อง ข้าวของบนชั้นตกกระจายไปทั่ว อัลบั้มรูปตกลงกับพื้นเปิดไปที่หน้ารูปถ่ายของรชานนท์กับติรกาและพี่หมอนพที่ไปค่ายอาสาด้วยกัน รชานนท์ชะงัก ลุกขึ้นไปเก็บอัลบั้มรูปขึ้นมาดู
“ไอ้หมอไม่มีจรรยาบรรณ ทำแฟนคนอื่นท้อง”
รชานนท์แค้นใจมากถึงขนาดโยนอัลบั้มรูปลงถังขยะทันทีและเตะถังขยะกระเด็นไปอีก ถังขยะล้ม อัลบั้มรูปกระเด็นออกมาอีก
“โธ่เว้ย! ยังจะมาให้เห็นหน้าอีก”
รชานนท์เดินไปหยิบอัลบั้มแล้วหยิบรูปมาจะขยำทิ้งทีละใบ รูปแรกเป็นรูปพี่หมอนพ ทายาคารามายให้รชานนท์ที่เป็นผื่นแพ้ทั้งตัว
“มาทำดีทายาให้เรา ที่แท้ก็หวังทำคะแนนกับกระแต”
รชานนท์ขยำรูปทิ้งไปแล้วหยิบรูปอีกใบขึ้นมาดู ติรกาดื่มกาแฟกระป๋อง ส่วนพี่หมอนพดื่มนมกล่อง
“สร้างภาพว่ากินแต่นมเลยสุขภาพดี... ถ้าดีจริงแล้วทำไมตายเร็ววะ”
รชานนท์พูดจบก็ขยำรูปทิ้งไปทันที รชานนท์กำลังจะหยิบรูปอีกใบก็ชะงักไป เสียงของมัทรีดังเข้ามาในความคิดของรชานนท์
“แม่บอกว่ามัทแพ้นมวัวเหมือนพ่อค่ะ”
รชานนท์รีบหยิบรูปที่ขยำไปขึ้นมาคลี่ดู
“พี่หมอไม่ได้แพ้นมวัวนี่หว่า”
รชานนท์นิ่งไปและเริ่มนึกไล่เรียงถึงเหตุการณ์เมื่อตอนกลางวัน ที่หลายๆอย่างของรชานนท์เหมือนและคล้ายกับมัทรี ไม่ว่าจะเป็นการปรุงก๋วยเตี๋ยว , กินจนเหลือแต่เส้นอืดอยู่ในชาม หรือแม้แต่ประโยคที่รชานนท์พูดเหมือนกับมัทรี
“ไม่ชอบกินน้ำซุป แต่ก็ไม่ชอบกินแห้ง”
รวมถึงรชานนท์กับมัทรีใช้นิ้วโป้งคลึงที่หว่างคิ้วของตัวเองเวลาเครียด
“แบบนี้เหรอ”
รชานนท์ทบทวนเหตุการณ์หลายๆอย่างก็อึ้งไป
“เป็นไปไม่ได้”

วันรบคุยเฟสไทม์กับมัทรีอยู่ใน ห้องนั่งเล่น บ้านพชร ขณะที่มัทรีคุยเฟสไทม์กับวันรบอยู่บนเตียงในห้องนอน
“มัทขอนะคะ ถ้ายังเคลียร์เรื่องนี้ไม่ได้ อย่าเพิ่งให้ป๋ามาที่บ้านมัท”
“ครับ ผมขอโทษแทนป๋าด้วยนะ ไม่รู้ทำไมป๋าโกรธแม่คุณซะขนาดนั้น”
มัทรีถอนใจแล้วเผลอขมวดคิ้วเครียดๆ
“นางฟ้าของผม... คิ้วผูกกันจะเป็นโบว์แล้ว”
วันรบใช้นิ้วโป้งของตัวเองทำท่าคลึงที่หว่างคิ้วของมัทรี
“ไม่เครียดนะครับ ไม่เครียดๆ”
มัทรียังคิ้วขมวดอยู่
“ครียดมาก ๆ หน้าแก่เท่ายายไม่รู้นะ”
“ปากเสีย ว่ายายแก่เหรอ! เดี๋ยวจะฟ้องยาย”
“ไอ้รบ! ไอ้รบ” เสียงรชานนท์ร้องเรียกเข้ามา
“แค่นี้ก่อนนะมัท ผมไปหาป๋าก่อน”
วันรบวางสายเฟสไทม์จากมัทรีไปแล้วหันไปหารชานนท์ที่เข้ามาหาวันรบอย่างร้อนใจ
“พรุ่งนี้ฉันจะไปที่บ้านกระแต แกจะไปด้วยรึเปล่า”
วันรบอึ้งจนพูดอะไรไม่ถูก
“ป๋าจะบ้าเหรอ ไปหาคุณติรกา จะไปให้เค้าตบหน้าเอาปืนยิงไล่อีกเรอะ”
“ฉันไม่ได้จะไปหากระแต ฉันจะไปหามัทรี”
วันรบได้ยินถึงกับเหวอไปทันที

เตือนใจกับมัทรีใส่แว่นดำเดินออกมาที่หน้าบ้านตั้งแต่เช้ามืด เตือนใจกับมัทรีมองซ้ายมองขวาแล้วหันมาหัวโขกกัน โป๊ก!
“โอ้ย”
“ยัยมัท ทำไมหัวแข็งแบบนี้ล่ะลูก ไอ้แว่นนี่ก็มื๊ด..มืด..มองแทบไม่เห็นเลย”
“มัทบอกแล้วว่าไม่ต้องใส่แว่นดำก็ไม่เชื่อ เลยกะระยะกันไม่ถูก เจ็บตัวเลย”
“เอ้า..ก็ยายกลัวมีพิรุธ เลยใส่แว่นกันไว้ไงลูก เห็นในหนังเขาทำกัน”
“ถ้าแม่ตื่นมาเห็น มัทว่าพิรุธเต็ม ๆ เลยค่ะ”
“เอาน่า...แล้วพ่อรบอยู่ไหนล่ะ”
มัทรีชี้ไปทางด้านหลัง เตือนใจเดินไปอีกทาง
“ทางนี้เหรอ”
“ไม่ใช่ค่ะ คุณยาย..มัทว่าถอดแว่นเถอะค่ะ จะได้เห็นชัดๆ”
เตือนใจยอมถอดแว่น มัทรีพาเตือนใจมาที่รถของวันรบที่จอดอยู่

เตือนใจกับมัทรีขึ้นมานั่งด้านหลังรถ ที่นั่งด้านหน้าวันรบนั่งตรงตำแหน่งคนขับ ส่วนรชานนท์นั่งข้างที่นั่งคนขับ
“สวัสดีครับคุณเตือน / สวัสดีครับคุณยาย”
“ยัยมัทบอกว่าคุณนนท์มีเรื่องจะถามฉันกับยัยมัทเหรอจ๊ะ” เตือนใจพูดขึ้น
“ผมอยากรู้เรื่องพ่อของมัทรีครับ” รชานนท์บอก
มัทรีหน้าตึงทันที
“ป๋าจะว่าอะไรแม่มัทอีก ถึงมัทจะเคารพป๋า แต่ว่าแม่ที่เคารพมัทก็คบไม่ได้เหมือนกันนะคะ”
“ไม่ใช่... คือป๋าคิดว่าอาจจะเข้าใจผิดเรื่องพี่หมอ เลยมาถามคุณเตือนกับมัทอีกที”
มัทรีมองรชานนท์อย่างชั่งใจ
“แล้วถ้าป๋าเข้าใจผิดล่ะค่ะ”
“ป๋าจะได้ขอโทษแม่ของมัท...ที่พูดแรงเกินไป”
เตือนใจมองรชานนท์เริ่มสังหรณ์ใจว่ารชานนท์จะเริ่มสงสัยในเรื่องลูก
“ก็ได้ค่ะ” มัทรีบอก
รชานนท์หยิบขวดน้ำมาดื่มระงับความตื่นเต้น แล้วกลั้นใจถาม
“นอกจากแพ้นมวัว แม่บอกมั้ยว่ามัทเหมือนพ่อเรื่องไหนอีก”
มัทรีนิ่งคิด เตือนใจมองมัทรีแล้วเกิดอาการลังเลนิด ๆ พลางพูดกับตัวเองก่อนจะเริ่มต้นเปิดประเด็นเสียเอง
“คงถึงเวลาแล้ว...พ่อยัยมัทชอบดื่มน้ำส้มคั้น”
“แม่เคยเล่าว่า..พ่อชอบให้แม่คั้นน้ำส้มใส่ถุงไปให้ดื่มที่มหาวิทยาลัยทุกเช้า” มัทรีพูดต่อ
รชานนท์ดื่มน้ำอยู่ก็ตกใจสำลักขึ้นมาทันที วันรบรีบลูบหลังรชานนท์เบาๆ
“ไหวมั้ยป๋า”
รชานนท์ไม่ตอบวันรบแต่ถามมัทรีต่อ
“กระแตบอกแบบนั้นเหรอ”
“ใช่ค่ะ แม่บอกว่าพ่อชอบน้ำส้มคั้นสด ๆ มากกว่าน้ำส้มแบบกล่อง”
รชานนท์นิ่งอึ้งไป เตือนใจแอบสังเกตอาการของรชานนท์แต่ก็ไม่พูดอะไร
“เป็นอะไรไปล่ะป๋า... อึ้งนิ่งเงียบขนาดนี้ เข้าใจว่าที่แม่ยายผมผิดล่ะสิ” วันรบแซวขึ้น
รชานนท์วางขวดน้ำแล้วลงจากรถวิ่งเข้าไปในบ้านติรกาทันที
“ป๋า”
“ถึงเวลาจริงๆ ด้วย รีบตามไปเร็ว” เตือนใจรำพึงกับตัวเอง
ทั้งสามคนรีบลงจากรถวิ่งตามรชานนท์เข้าไปในบ้านทันที

พุทรากำลังคุมเด็กรับใช้จัดอาหารเช้าที่โต๊ะอยู่ในบ้านของติรกา
“จะเจ็ดโมงแล้ว เดี๋ยวคุณติลงมาไม่เรียบร้อยล่ะโดนว๊ากแน่ เร็วๆ เข้า”
รชานนท์วิ่งเข้ามา พุทราหันไปเห็นรชานนท์ไม่ทันคิดอะไรก็พูดต้อนรับอย่างเป็นมิตร
“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณนนท์ มาแต่เช้าเชียว”
เมื่อพุทรานึกขึ้นได้
“เฮ้ย คุณนนท์มาทำไมคะเนี่ย”
รชานนท์ไม่ตอบจะวิ่งขึ้นไปข้างบน พุทรารีบวิ่งเข้าไปเอาตัวดันไว้
“ขึ้นไปไม่ได้นะคะ”
“หลีกไป”
“ไม่ได้ค่ะ คุณติไม่อยากพบคุณ”
“อย่าบังคับให้ผมต้องทำนะ”
“ไม่ได้ค่ะ ยังไงก็ไม่ได้”
รชานนท์ตัดสินใจหันหน้ากลับไปจะใช้ไม้ตายรอยยิ้มพิฆาต รชานนท์หันกลับมาสาดยิ้มใส่ แต่พุทราหยิบแว่นกันแดดขึ้นมาใส่ รอยยิ้มออร่าของรชานนท์จึงใช้การไม่ได้
“เสียใจด้วยค่ะ รอยยิ้มคุณทำอะไรพุทราไม่ได้อีกแล้ว”
รชานนท์หงุดหงิด ไม่ยอมแพ้จะขึ้นไปให้ได้ เกิดการยื้อยุดกันขึ้น พุทราโถมตัวเข้ากอดรชานนท์เพื่อยับยั้ง
“ปล่อยผม”
“ไม่ค่ะ พุทรายอมให้คุณขึ้นไปไม่ได้”
พุทราถือโอกาสกระโดดเข้าสะเอวรชานนท์ด้วยสีหน้าหื่นสุดๆ
“พุทรายอมไม่ได้จริงๆค่ะ”
พุทรากอดรชานนท์แน่นแถมแอบลูบไล้อีกต่างหาก จนรชานนท์ขนลุกเกรียว เตือนใจ วันรบ มัทรีวิ่งเข้ามาเห็นพอดี จนเตือนใจต้องร้องเตือน
“พุทราปล่อยคุณนนท์ก่อน”
พุทราลืมตัวโกรธที่มีคนมาขัดจังหวะเข้าด้ายเข้าเข็มพอดี
“ไม่ปล่อยค่ะ”
“หือ” เตือนใจ วันรบ มัทรีร้องขึ้นพร้อมกัน
พุทราเห็นทุกคนจ้องมองไม่อย่างไม่วางสายตาก็นึกได้
“พุทราปล่อยให้คุณนนท์ไปเจอคุณติ พุทราก็ตายสิคะ พุทราไม่ปล่อย”
ว่าแล้วพุทราก็ถือโอกาสกอดรชานนท์แน่นกว่าเดิม รชานนท์พยายามแกะพุทราแต่ไม่สามารถทำได้เลยตัดสินใจตะโกนเรียกติรกาลั่นบ้าน
“กระแต ตื่นออกมาคุยกับผมเดี๋ยวนี้ กระแต”

ติรกาใส่เสื้อคลุมทับชุดนอน เปิดประตูห้องออกมา สีหน้าเอาเรื่องเหี้ยมมาก
“กระแต กระแต”
ติรกาเดินออกจากห้องนอนมาตามทางเดิน พุทรายังกอดขารชานนท์ที่เริ่มจะก้าวขึ้นบันไดไว้แน่น มัทรีกับวันรบรีบเข้าไปดึงตัวรชานนท์ลงมาจากบันได
“ป๋าขึ้นไปหาแม่ไม่ได้นะคะ”
“นี่มันบ้านเค้านะป๋า เค้าแจ้งตำรวจมาจับจะว่ายังไง”
“ฉันแจ้งไปแล้ว” ติรกาโพล่งขึ้นพร้อมกับก้าวเท้าลงบันไดจากชั้นบนมายังด้านล่าง ทุกคนเงยหน้าขึ้นไปมอง
“อยากเข้าคุกก็เอา อาละวาดให้บ้านฉันพังไปเลย จะได้แจ้งข้อหาบุกรุก ทำลายข้าวของและทำร้ายคนในบ้านฉัน”
รชานนท์จะเดินขึ้นไปหาติรกาแต่ทุกคนรั้งตัวไว้
“ผมไม่ได้จะมาอาละวาด แต่ผมมีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณ”
พุทราส่ายหน้าอย่างหวั่นๆ แล้วพูดขึ้นลอยๆ
“สำคัญทีไร เฉียดตายทุกที”
เตือนใจ มัทรีและวันรบหันมามองพุทราอย่างดุๆที่ปากเสีย
“เค้าพูดความจริง ผิดเหรอ”
รชานนท์พูดกับติรกาต่อ
“เรื่องนี้สำคัญมากนะแต คุณกับผมต้องคุยกันให้รู้เรื่อง”
“ฉันไม่คุย อยากตะโกนโหวกเหวกให้คอพังก็เชิญ”
ติรกาหันไปบอกกับพุทรา)
“ถ้าปล่อยให้ขึ้นมาบนห้องฉันได้ เธอตาย”
ติรกาสะบัดหน้าหนีรชานนท์ไปจะเดินกลับเข้าห้อง รชานนท์ตัดสินใจกวนโมโหติรกาเพื่อให้ติรกากลับมาคุยด้วย
“ถ้าไม่คุย ผมจะบอกเรื่องของเราให้ทุกคนรู้”
วันรบ มัทรี เตือนใจและพุทราอึ้งไป
ติรกากำลังจะเปิดประตูเข้าห้องได้ยินรชานนท์พูดอย่างนั้นก็ชะงัก
“ผมจะเล่าทุกอย่าง...ตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน เล่าในทุก ๆ เรื่อง”
ติรกาทนไม่ไหวรีบวิ่งกลับลงไปทันที ชี้หน้ารชานนท์ด้วยอาการโกรธจัด
“หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ ฉันไม่เคยมีอดีตอะไรร่วมกับคุณ”
“ยิ่งคุณลืมอดีตของเราแบบนี้ ผมยิ่งต้องทบทวน... เริ่มจากไหนดี เริ่มจากคืนนั้นที่คุณใส่ชุดเดรสสีชมพูลายจุดดีมั้ย”
“ฉันบอกให้หยุด”
“เดรสสีชมพูลายจุด” มัทรีพูดพึมพำ
“ชุดโปรดของยัยติตั้งแต่สมัยเรียนน่ะ” เตือนใจบอก
วันรบมองติรกาอย่างไม่อยากเชื่อ
“คุณป้าเนี่ยนะครับ ใส่เดรสสีชมพูลายจุด”
“หรือว่าที่มาของชื่อกระแตที่ผมตั้งให้คุณดีล่ะ”
พุทราเสนอหน้าทันทีถาม
“มันยังไงเหรอคะ”
ติรกากลัวรชานนท์จะพูดมากกว่านี้และทุกคนจะรู้เรื่อง
“จะคุยก็ได้ ! แต่ไม่ใช่ที่นี่”
รชานนท์แกล้งจะอ้าปากพูด ติรการีบเอามือปิดปากรชานนท์แล้วลากรชานนท์ออกไปทันที

ติรกาลากตัวรชานนท์มาที่ห้องทำงาน วันรบกับมัทรียืนประจันหน้ากัน
“ถ้าจะมาพูดให้ฉันยกยายมัทให้ไอ้วันรบล่ะก็ กลับไปได้เลย ฉันไม่มีทางยอมให้ ยายมัทจบอนาคตตัวเองกับผู้ชายแบบนั้น”
รชานนท์พูดแทรกขึ้นมา
“มัทรีเป็นลูกของผม”
ติรกาชะงักแล้วมองหน้ารชานนท์นิ่ง
“คุณพูดบ้าอะไร ยายมัทเป็นลูกของฉันกับพี่นพ”
รชานนท์เดินไปดึงตัวติรกามาคุยอีก
“พี่หมอไม่ได้แพ้นมวัว”
“ใคร ๆ ก็แพ้ได้ ไม่ต้องเป็นกรรมพันธุ์ก็ได้”
“แต่คุณบอกมัทรีว่าเธอแพ้นมวัวเหมือนพ่อ ไหนจะเรื่องน้ำส้มคั้นอีกล่ะ คุณไม่เคยคั้นน้ำส้มให้พี่หมอ คุณคั้นให้ผม”
ติรกาอึ้งที่รชานนท์รู้ความจริงทั้งหมด รชานนท์คาดคั้นติรกาให้ตอบ
“ตอบผมมาสิ มัทรีเป็นลูกผมใช่มั้ย เค้าเป็นลูกของเราใช่มั้ย”
ติรกายิ่งเครียดไม่ตอบอะไรเพราะกลัวความลับทั้งหมดจะเปิดเผยและยังไม่สามารถให้อภัยและยอมรับรชานนท์ได้
“ถ้าคุณไม่พูด ผมจะตามแม่คุณกับยายมัทมาคุยให้รู้เรื่อง”
รชานนท์เดินไปจะเปิดประตูห้อง ติรกาตกใจรีบตามไปปิดประตูห้องไว้ไม่ให้รชานนท์ออกไป
“คุณไม่มีสิทธิ์เข้าใกล้ยายมัท”
“ถ้ามัทไม่ใช่ลูกผม ทำไมคุณต้องห้ามด้วย.. ผมนับย้อนจากวันเกิดของมัทรีแล้ว ตอนที่คุณเริ่มท้อง มันใกล้ ๆ กับวันที่เรา... เราเมาจากงานเลี้ยงของชมรมทั้งคู่”
ติรกาที่มีสีหน้ากระอักกระอ่วนใจไม่อยากนึกถึงเรื่องในอดีต
“แล้วคืนนั้นเราก็...”
ติรกาทนฟังไม่ไหว น้ำตาไหลพราก และพูดทั้งน้ำตา
“คืนนั้น...มันเป็นความผิดพลาดที่สุดในชีวิตฉัน”
“แสดงว่าคืนนั้นคุณท้องกับผมจริงๆ”
“ไม่ใช่! ยายมัทไม่ใช่ลูกของคุณ”
รชานนท์กำลังจะพูดต่อ ติรการีบตัดบท
“จะเชื่อหรือไม่เชื่อมันก็เป็นสิทธิ์ของคุณ แต่จากนี้ไป...ฉันขอสั่งห้ามไม่ให้คุณเข้าใกล้มัทรีเด็ดขาด”
“ยังไงมัทรีก็ต้องทำงานกับผม”
“ฉันจะฉีกสัญญา ต้องขึ้นศาลเสียเงินเท่าไหร่ฉันก็ยอม แต่ฉันจะไม่ยอมให้คุณเข้าใกล้ลูกสาวของฉันอีกเป็นอันขาด”
รชานนท์เห็นท่าทีที่ติรกาไม่อยากให้มัทรีอยู่ใกล้ก็ยิ่งมั่นใจ
“เอาเลย ฟ้องเลย ผมจะได้ขอหมายศาลตรวจ DNA”
ติรกาชะงักไปไม่คิดว่ารชานนท์จะใช้แผนนี้
“ถ้ามัทรีเป็นลูกของผมจริง ๆ ผมจะได้ประกาศให้ทุกคนรู้พร้อมกัน”
รชานนท์เปิดประตูห้องทำงานติรกาออกไปทันที ติรกาได้แค่อึ้งนิ่งไปทำอะไรไม่ถูก

รชานนท์เดินมาถึงสวนสวยบริเวณบ้านเตือนใจ ด้วยความสับสน มึนงง
"มัทรีเป็นลูกสาวเรา เรามีลูกโตขนาดนี้เลยหรือ"
รชานนท์ยังคงทำตัวไม่ถูก ไม่คาดคิดเรื่องลูก จังหวะนั้น รชานนท์ได้ยินเสียงร้องแผ่ว ๆ ของมัทรี และเสียงหวานออดอ้อนของวันรบ ดังแว่วออกมาจากพุ่มไม้หนาทึบ
"อย่าค่ะรบ"
"น่า...ขอนิดเดียว“
"ไม่เอา... เดี๋ยวใครมาเห็น"
"ใครจะเห็น แถวนี้...หมายังไม่เดินผ่านเล้ย"
รชานนท์หันขวับ หูผึ่งทันทีที่ได้ยินเสียงของทั้งคู่
รชานนท์พูดเบา ๆ คนเดียว
"เฮ้ย ! มันว่าใครเป็นหมาวะ"
"นะครับมัท ผมอยากเห็น"
"อยากเห็นอะไร" รชานนท์สงสัยอยากรู้
"ไม่ค่ะ มัทอาย"
"เราเป็นแฟนกันแล้ว ไม่ต้องอายครับ"
"อายอะไร” รชานนท์พึมพำอีก
"อย่าค่ะ ... มัทขนลุก"
เสียงวันรบออดอ้อน
"ครั้งเดียวเอง นะครับ นะ นะ"
"ไม่เอาค่ะรบ อย่า.... อ๊าย"
"เฮ้ย ๆ ไอ้รบ หยุด”
เสียงร้องของมัทรี กระตุ้นอาการหวงลูกสาวของรชานนท์ขึ้นมาทันที ทำให้รชานนท์กระโจนแหวกพุ่มไม้เข้าไปห้าม เห็นวันรบขยับเข้าใกล้มัทรี วันรบไม่ทันตั้งตัวรชานนท์ยื่นขาถีบทันที
"อย่าทำอะไรมัทรีนะเว้ย"
“เหวอ”
วันรบถลาลงไปนั่งกับพื้น มัทรียืนมองรชานนท์ที่ดูหอบ ๆ โกรธ ๆ อย่างงงๆ

ในบ้านเตือนใจ วันรบนั่งโอดโอย เตือนใจหัวเราะขำ เมื่อรู้เรื่องรชานนท์เข้าใจผิด มัทรีเอาของว่างเข้ามาเสิร์ฟ ขณะที่รชานนท์ทำเงียบกลบเกลื่อนอาการหน้าแตก
"โธ่ป๋า กลางวันโล่งโจ้งแบบนั้น ผมไม่ทำอะไรมัทหรอก"
"ถ้ามืด ๆ ไม่โล่งโจ้ง จะทำอะไรเหรอคะ อุ๊ย"
เตือนใจหยิกมัทรี ก่อนปรามหลาน
"เป็นสาวเป็นนาง พูดแบบนี้กับผู้ชายได้ไงยายมัท"
มัทรีได้แต่ยิ้มแหยๆ นั่งลงข้างวันรบ ก่อนช่วยอธิบายให้รชานนท์ฟัง
"รบเค้าอยากให้มัทลองเอาดอกแคทัดหูน่ะค่ะ แต่มัทอาย ก็เลย"
"เลยเข้าใจผิด ชนิดหมอไม่รับเย็บเต็มๆ" รชานนท์บอก
"เอาน่าป๋า ถือว่าฟาดเคราะห์ทางความคิด มาหม่ำขนมเปียกปูนหน้าเชอรี่กันดีกว่า ฝีมือยายเตือนอร่อยเหาะไม่ง้อคนกิน" วันรบว่า
"ไม่ง้อ แล้วใครจะกินล่ะพ่อรบ"
"หลานเขยคนโปรดคนนี้ไงค้าบ"
เตือนใจยิ้มเอ็นดูวันรบ วันรบจิ้มเชอรี่บนขนมเปียกปูน ยิ้มหวานสวีทจะป้อนให้มัทรี จู่ ๆ รชานนท์ก็ปรี่เข้าไปอ้าปากกินแทนมัทรีโดยอัตโนมัติ
"อ้าวป๋า ทำไมเสียมารยาทอย่างนี้"
"นี่ของโปรดฉัน" รชานนท์บอกเนียนๆ
"เหรอคะ มัทก็ชอบทานเชอรี่เหมือนกัน ใคร ๆ บอกว่ารสชาติมันเหมือนยาแก้ไอเด็ก แต่มัทคิดว่ามันอร่อยแปลก ๆ ดี"
"พ่อ เอ่อ... ผม เอ๊ย... พี่ เฮ้ยไม่ใช่ ป๋าก็คิดเหมือนลูก เอ๊ย ป๋าก็คิดเหมือนน้องมัทครับ"
รชานนท์แอบหอบเพราะต้องรักษาอาการไม่ให้ใครจับผิด แต่หันไปเห็นวันรบนั่งจ้องอยู่ด้วยความสงสัย จึงรีบตัดบทเอาดื้อ ๆ
"ได้เวลากลับแล้ว เป็นผู้ชายพายเรือมาขลุกอยู่ที่บ้านผู้หญิงทั้งวันยันค่ำมันดูไม่ดี"
"ตอนอยู่ที่คอนโดก็อยู่กันสองคน"
รชานนท์เสียงดัง
“ก็ตอนนั้นฉันยังไม่รู้นี่หว่า"
มัทรีเริ่มสงสัยในคำพูดและอาการแปลกไปของรชานนท์
“รู้อะไรเหรอคะ"
"รู้ว่าพรุ่งนี้มีนัดส่งงานลูกค้า รีบไปได้แล้วไอ้รบ"
รชานนท์หันไปไหว้เตือนใจ
"ลาละครับคุณแม่ เอ๊ย คุณยาย"
เตือนใจมองรชานนท์ด้วยรอยยิ้มรู้ทัน
“มือใหม่ ปรับตัวไม่ทันล่ะสิ”
รชานนท์มองเตือนใจ
“คุณแม่..รู้เหรอครับ”
เตือนใจยิ้มๆ ไม่ตอบ เปลี่ยนพูดเรื่องอื่นแทน
“จะรีบกลับไม่ใช่เหรอ ไปสิ”
รชานนท์อยากจะถามเตือนใจ แต่เตือนใจตัดบท
“ไปสิจ๊ะ”
รชานนท์มองเตือนใจรู้ว่าคงไม่ยอมบอกแน่ รชานนท์จะหันไปลามัทรีก็ชะงัก ตัดสินใจไม่พูดแล้วดึงตัววันรบออกไปทันที
"เฮ้ยป๋า เดี๋ยวก่อน ฉันยังไม่ได้ร่ำลาแฟนจ๋าเลย"

มัทรี ได้แต่มองตามรชานนท์ไปด้วยความงุนงง ไม่เข้าใจ เตือนใจมองตามอย่างยิ้มๆ

อ่านต่อหน้า 2




แม่ยายที่รัก  ตอนที่ 3 (ต่อ)

ภายในรถของวันรบ รชานนท์นั่งนิ่ง หน้าเครียดคิดไม่ตก จนวันรบหันไปถามด้วยความสงสัย

"ท่าทางป๋าแปลก ๆ มีเรื่องอะไรไม่สบายใจรึเปล่า"
รชานนท์หันมาจ้องวันรบ
“ไอ้รบ สำหรับมัทรี แกเป็นแฟน..หรือว่า..สามี”
คำถามของรชานนท์เล่นเอาวันรบกระแอมสำลักน้ำลาย
“เฮ้ย..ป๋า อยากรู้อะไรเนี่ย”
“ก็แกอยู่คอนโดเดียวกัน ทำงานด้วยกัน”
“และรักกัน...”
“เออ...นั่นแหล่ะ ฉันก็เลยสงสัย”
“ป๋าจะอยากรู้ไปทำไม”
รชานนท์หงุดหงิดกระชากคอเสื้อวันรบ
“ฉันถามก็ตอบเถอะน่า”
วันรบตกใจ
“มะ..ไม่เคยอ่ะ..ผมเคยบอกป๋าแล้วไงว่าผมให้เกียรติมัท จนกว่าเราจะแต่งงานกัน”
“เหรอ..ก็ดี”
รชานนท์เหมือนจะนิ่งแล้วหันกลับมาถามวันรบอีก
“แล้วแกแน่ใจมะว่าจะทนได้จนถึงวันแต่งงานน่ะ”
“ไม่อ่ะ”
รชานนท์ง้างหมัด
“ไอ้รบ”
“ ไม่ปฏิเสธเลยว่าทนได้แน่”
รชานนท์นึกขึ้นได้จึงถามอีก
“แล้วไอ้พวกเด็ก ๆ ที่แกเต๊าะน่ะ เลิกหมดแล้วแน่นะ”
“แน่สิป๋า..ผมน่ะรักเดียวใจเดียว.. เฮ้ย ป๋า อยู่ มาสอบสวนเรื่องผมกับมัททำไมเนี่ย นี่ถ้าไม่รู้จักกันผมต้องคิดว่าป๋าเป็นพ่อมัทแน่ๆ ซักผมซะสะอาดเชียว”
“ก็ฝึกไว้น่ะ” รชานนท์รำพึงกับตัวเอง
“หะ”
“ไป ๆ กลับบ้าน ฉันอยากทำงานแล้ว” รชานนท์พูดตัดบท
วันรบมองรชานนท์อย่างแปลกใจ สงสัยในความเปลี่ยนไปแบบฉับพลัน
“วัยทองเปล่าวะเนี่ย”
รชานนท์เขกกระโหลกวันรบ
“ออกรถเร็ว”
“โห..น้องหรือคนใช้เนี่ย”

ติรกายืนมองตามรถวันรบที่แล่นออกไปอยู่ที่ระเบียงในเย็นวันนั้น ถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความเครียด
"ฉันจะทำยังไง ให้สองคนนี้ออกไปจากครอบครัวฉัน"
เสียงของพุทราดังขึ้น
"คุณติรกาขา"
เสียงพุทราเรียกติรกามาแต่ไกล พร้อมเสียงข้าวของหล่นเพล้ง ๆ กระจัดกระจาย พุทราวิ่งเข้ามาหยุดหอบแฮ่กตรงหน้าติรกา
"ซุ่มซ่ามจนชนข้าวของพังหมด ฉันจะหักเงินเดือนเธอ”
"แต่ต้องให้โบนัสพิเศษฉันนะคะ"
"ทำไมฉันต้องให้ คราวที่แล้วยัยแพรวนั่นก็พลาดจนมันน่าตัดเงินซ้ำ”
“แต่คราวนี้ตัวจริงค่ะ รับรองคนๆ นี้ทำให้ทั้งคู่เลิกแน่”
"จริงเหรอ"
"ฝีมือระดับพุทรา ไม่มีพลาดรอบสองค่ะ"
"ดี... รีบพาตัวคน ๆ นั้นมาพบฉันให้เร็วที่สุด"
ติรกาเปลี่ยนความเครียดเป็นยิ้มอย่างมีหวัง

พุทรายืนหน้าเชิดอยู่ในห้องทำงานของติรกาของเช้าวันใหม่ ด้านหลังของจุดที่พุทรายืนอยู่เป็นภาพสไลด์ที่กำลังขึ้นรูปของวันรบอยู่ นำเสียงของพุทราที่กำลังพูดนำเสนอด้วยเสียงเร้าใจมาก
“และนับต่อจากนี้ ท่านจะได้พบกับข้อมูลเบื้องลึกของนายวันรบ แคล้วคลาดภัย สถาปนิกหนุ่มสุดหล่อคนรักของคุณมัทรี”
ติรกาแทรกขึ้นมาอย่างหนักแน่น
“ตัดห้าร้อย ฐานพูดว่ามันเป็นคนรัก”
พุทราโอดโอยขึ้นทันที
“คุณติ..พุทราแค่เกริ่นเฉยๆ”
“ถ้ายังสาธยายแต่น้ำไม่มีเนื้อ ตัดอีกห้าร้อย” ติรกาขู่อีก
พุทราสะดุ้งเฮือก
“เข้าเรื่องเลยค่ะ คุณวันรบเป็นลูกชายคนเดียวของกำนันเรืองและคุณนายวันทนีย์ ผู้มีชื่อเสียงของจังหวัดสุพรรณบุรี”

เสียงเพลง “อะเมซิ่งสุพรรณ” ของเสรี รุ่งสว่าง ดังเจื้อยแจ้วมาจากวิทยุ - - ไปไหมแจ่มจันทร์ ไปเที่ยวสุพรรณบ้านพี่ เมืองสุพรรณบุรี มีของดี มานาน...
กำนันเรืองนอนร้องเพลงตามเพลงจากวิทยุที่เปิดอยู่ เคาะนิ้วตามจังหวะเพลงอย่างอารมณ์ดี อยู่ตรงระเบียงบ้านเห็นทุ่งนาเขียวขจีที่ดูไกลสุดลูกหูลูกตา
กำนันเรืองพ่อของวันรบ เป็นกำนันประจำตำบลหนึ่งในสุพรรณบุรี ตลก ๆ อารมณ์ดี ขี้เกรงใจและอยู่ในโอวาทภรรยา เหมือนจะนิ่งแต่แอบกะล่อนเจ้าชู้เมื่อมีโอกาส
จู่ ๆ วิทยุก็เปลี่ยนจากเพลงเป็นเสียงโฆษกผู้ประกาศรายการ
“ต่อไปเป็นการถ่ายทอดสด ประกาศผลสลากกินแบ่งรัฐบาล ประจำวันที่...”
“เลขเด็ดจะออกแล้ว”
วันทนีย์พูดพลางวิ่งถลาเข้ามาแทรกกำนันเรือง ยึดวิทยุไปฟังด้วยความตื่นเต้น
วันทนีย์แม่ของวันรบ เลือดสุพรรณเต็มตัว เป็นคนตรง ๆ โผงผาง พูดจาขวานผ่าซาก เป็นชาวบ้านหัวโบราณ เชื่อฝังหัวว่า ภรรยาที่ดีต้องเป็นแม่บ้านดูแลสามี ไม่ชอบมัทรีเพราะเห็นว่าเป็นผู้หญิงสมัยใหม่เกินไป แต่อยากได้กระถินเด็กในบ้านเป็นลูกสะใภ้มากกว่า
“เพิ่งไปรับน้ำมนต์มงคลชีวิตมา ถูกหวย... ถูกหวย... วันนี้รวย เพี้ยง”
กำนันเรืองเหลือบมองแล้วขึ้นเพลงฉ่อยร้องเสียงดังหวังกระทบให้วันทนีย์ได้ยิน
“เอิง เอิงเอย คนเดี๋ยวนี้ชักจะบ้าไปยกใหญ่ บางคนบ้าโน่นบ้านี่ บางคนบ้าดี และบางคนบ้าร้าย บ้างบ้าเสี่ยงโชคให้พระช่วย...”
วันทนีย์คันปากอดไม่ได้จึงร้องตอบ
“ก็ส่วนมากอยากรวยเป็นส่วนใหญ่”
“อยากรวยล่ะเป็นส่วนใหญ่ ไปถามเลขสวยขอหวยพระ พระที่ไหนเล่าจ๊ะจะมีเลขให้ ถ้ารู้ว่าเลขไหนออกพระคงไม่เอะอะ ถ้าพระเห็นเลขจะจะ พระก็รวยตาย” กำนันเรืองร้องรับ
“แต่ถ้าพระไม่ให้ ฉันต้องเสาะหา” วันทนีย์ร้องตอบ
“แบบนี้เรียกว่าบ้าแบบงมงาย ถ้างมปูงมปลายังหาได้กิน ถ้างมงายล่ะหมดสิ้นไม่ได้กินอะไร หวยเนี่ยสะกดด้วยหอ..วอ..ยอ หวย ความหมายมันก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ตัวหอแปลว่าหายนะ ตัว วอ ล่ะวะ วอ วอดวาย ตัวยอ ก็ย่ำแย่ ย่อยยับ คิดดูเถอะครับว่ามันดีตรงไหน ตัวเดียวล่ะยังแย่ขนาดนั้น สามตัวรวมกันมันจะแย่แค่ไหน จะหมดเนื้อหมดตุ้งหมดตังค์ ถ้าหากว่ายังงมงาย”
วันทนีย์ยังเคลิ้ม
“เฮ่ชา..เฮชา..ชา..ช่า..ช่า หนอยแน่..เอย” พอร้องจบก็รู้สึกตัว หันไปส่งตาดุเสียงเย็นใส่กำนันเรือง
“พี่กำนัน”
“จ๋าจ้า”
กำนันเรืองเสียงอ่อนลงทันที ด้วยความเกรงบารมีศรีภรรยา กำนันเรืองหันไปอ่านป้ายกระดานที่เขียน “กฎของบ้าน” ติดตรงข้างฝาอย่างชัดเจน
“กฎข้อหนึ่ง... เมียต้องถูกเสมอ ข้อสอง... เมื่อไหร่ที่คิดว่าเมียผิด ให้ย้อนกลับไปดูข้อหนึ่ง”
กำนันเรืองพูดจบ ก็รีบเข้ามาบีบนวดเอาอกเอาใจวันทนีย์
“แหะ ๆ พ่อก็ไม่ได้ว่าอะไร... ถ้ามันเป็นความสุขของแม่ก็เล่นไปเถอะจ้ะ”
วันทนีย์มองกำนันแบบเข้าใจถูกต้องแล้ว

ภาพของวันทนีย์ขึ้นคู่กับกำนันเรืองบนจอสไลด์
“บ้าหวยเหรอ..แล้วมันจะช่วยแยกไอ้รบกับยัยมัทยังไง” ติรกาสงสัย
“อันนี้แค่น้ำจิ้มค่ะ ของเด็ดมันอยู่ต่อจากนี้ค่า” พุทราบอก
พุทรากดที่เครื่อง ภาพสไลด์เปลี่ยนเป็นหน้ากระถิน ที่โพสท์ท่าเซ็กซี่ที่สวนทางกับใบหน้ามาก
“ใคร”
“เด็กคนนี้ชื่อ กระถินค่ะ เป็นคู่หมั้นของนายวันรบ”
“คู่หมั้น”

ภายในบ้านกำนันเรือง วันทนีย์ยังนั่งอยู่กับกำนันเรือง วันทนีย์ส่งเสียงเรียกกระถิน
“กระถิน..เอาน้ำให้แม่สักแก้วสิลูก”
“ค่า...”
กระถินห่มผ้าแถบนุ่งโจงกระเบนถือแก้วน้ำคลานเข่าเข้ามาหาวันทนีย์ ความที่กระถินคลานเข่าไม่ค่อยถนัดนักจึงสะดุดจะล้มตรงหน้ากำนันเรือง กำนันเรืองตกใจยกมือรับ สายตากำนันเรืองแอบเห็นความขาวของเนินเนื้อหน้าอกกระถินนิด ๆ เล่นเอากำนันเรืองเคลิ้มในความขาว
วันทนีย์เห็นสายตากำนัน จึงเรียกเสียงเข้ม
“พี่กำนัน”
กำนันเรืองสะดุ้ง
“จ๋า”
“เป็นอะไร”
“เปล๊า นังกระถิน เดินยังไงของเอ็งเนี่ยหะ แล้วเอ็งเพี้ยนหรือเปล่าแต่งตัวอย่างกับนางทาส” กำนันเรืองทำเป็นดุใส่กระถิน
กระถินบีบน้ำตา
“ก็คุณป้าสอนให้กระถินรักความเป็นไทย..ถึงมันจะเดินเหินอยากเย็นแต่เพื่อให้คุณป้าชื่นใจ กระถินยอม”
วันทนีย์ยิ้มอย่างเอ็นดู
“ก็ใช่...แต่ขนาดนี้มันก็เกินไป แค่กระถินงามมารยาทอย่างไทย เป็นกุลสตรีไทยก็พอ ไปเปลี่ยนไป”
“ค่ะคุณป้า”
กระถินจะคลานเข่าออกไป กำนันเรืองมองตามจังหวะบั้นท้ายกระถินแสดงความกรุ้มกริ่มนิด ๆ
“กระถิน” วันทนีย์เรียก
ทั้งกำนันเรืองทั้งกระถินสะดุ้ง กระถินหันมา กำนันเรืองแอบเหลือบมองวันทนีย์หวั่นๆ
“บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกว่าคุณแม่ ไม่ใช่คุณป้า”
“แต่กระถินไม่กล้า”
“แม่สั่ง”
กระถินยิ้ม
“งั้นกระถินก็ยอมค่ะคุณแม่”
วันทนีย์ยิ้มพอใจ กระถินคลานออกไป
“แม่จ๋า..เจ้ารบมันไม่ได้ชอบพอกับเด็กกระถินนี่ ลูกเราก็มีแฟนแล้ว แม่เล่นมัดมือชกขนาดนี้ ถ้าเจ้ารบมันไม่ยอม..”
“ต้องยอม..สมัยนี้จะหาผู้หญิงหัวอ่อนว่านอนสอนง่ายอย่างแม่กระถินนี่มีที่ไหน ฉันอบรมมาแต่อ้อนแต่ออกถ้าตารบคิดจะหาลูกสะใภ้ให้ฉันก็ต้องเป็นกระถินคนเดียว”
กำนันเรืองมองวันทนีย์อย่างหนักใจ

พุทรายิ้มพลางร่ายประวัติกระถินอย่างละเอียดยิบให้ติรกาฟัง
“เด็กกระถิน ถูกส่งมาขัดดอกที่บ้านคุณวันทนีย์ตั้งแต่สิบขวบ คุณวันทนีย์อบรมสั่งสอนเรื่องงานบ้านงานเรือนชนิดไม่ขาดตกบกพร่อง ไม่ว่าจะทำกับข้าว ทำความสะอาดบ้าน เย็บปักถักร้อย”
“นี่มันตรงข้ามกับยัยมัททุกอย่างเลยนี่” ติรกาว่า
“ถูกต้องค่ะ คุณมัททำกับข้าวสุนัขเบือนหน้า เรื่องทำความสะอาดบ้านไม่เคยมีในหัว เย็บปักถักร้อยเรียกว่าเอาเข็มทิ่มผ้าแบบส่ง ๆ สรุปคือไม่มีความเป็นกุลสตรีสักนิด”
“ห้าร้อย! ฐานหลอกด่าลูกฉัน” ติรกาบอก พุทรารีบแก้ตัวพัลวัน
“เย่ย! พุทราแค่เปรียบเทียบให้ฟังน่ะค่ะ ว่าอย่างคุณมัทไม่เข้าข่ายเป็นสะใภ้แม่คุณรบเลย”
ติรกาสีหน้าเจ้าเล่ห์ปิ๊งไอเดียขึ้นมาทันที พุทรามองติรกายิ้มอย่างเข้าใจ
“งั้นเธอก็รู้ใช่ไหมว่าฉันคิดอะไรอยู่”
“รู้สิคะว่าคุณติต้องคิดเรื่องชั่วร้ายแน่ๆ”
“ห้าร้อย”
“พุทรารู้หน้าที่ว่าต้องทำอะไร หักแค่สองร้อยได้ไหมคะ”
“ได้”
ติรกาเห็นพุทราทำหน้าตกใจเลยพูดต่อ
“ก็ครั้งนี้ฉันพอใจ หึๆ ฮึๆ”
พุทราหัวเราะดังขึ้นมาทันที
“ฮ่าๆๆ วะ..ฮ่ๆๆ”
“โอ้ย..จะหัวเราะทำไม”
พุทราเงียบลงทันทีที่รู้สึกตัว
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่ได้อารมณ์ดี”
“ก็จริง..คราวนี้ล่ะเจ้ารบ เสร็จแน่ ฮึๆๆฮ่าๆๆ”
พุทรามองติรกาหัวเราะอย่างตัวร้ายในหนังไทยแล้วพึมพำกับตัวเองเบาๆ
“ไปซะแล้ว เจ้านายฉัน”

บริเวณบ้านกำนันเรือง วันทนีย์กับกำนันเรืองนั่งที่ชานบ้านด้วยท่าทางและอาการหิวข้าว กระถินผลัดโจมเป็นเสื้อผ้าปกติยกสำรับกับข้าวเข้ามาจัดวางราวกับชาววัง
“วันนี้มีมัสมั่นแกงแก้วตาหอมยี่หร่ารสร้อนแรง” กระถินว่า
“งั้นจานนี่ก็ยำใหญ่ใส่สารพัด วางจานจัดหลายเหลือตรา” วันทนีย์ต่อ
กระถินตักข้าวใส่จานให้กำนันเรืองกับวันทนีย์
“ข้าวหุงหอมมะลิธรรมดา แต่รสชาติล้ำอย่างไทยจ๊ะ”
“ข้าวไทยนี่ช่างหอมอร่อยที่หนึ่งในโลกจริงๆ กระถินนี่ตารบโทรกลับมาบ้างหรือเปล่า” วันทนีย์ถาม
กระถินหน้าเศร้าทันทีพลางบอก
“ไม่มีเลยค่ะคุณแม่ กระถินคงไม่สำคัญมากพอจะให้พี่รบคิดถึง”
“คงยุ่งกับงานอยู่ล่ะมั้ง แต่ปกติตารบต้องโทรมาหาแม่นะ”
กำนันเรืองรับข้าวมาจากกระถิน และตั้งท่าจะตักกิน วันทนีย์ดึงช้อนในมือกำนันเรืองไม่ให้กินให้ตอบก่อน
“ลูกโทรหาพ่อบ้างไหม”
“ไม่นี่”
วันทนีย์ยังดึงช้อนในมือกำนันเรืองอยู่ กระถินพูดแทรกขึ้น
“สักนิดก็ไม่มีหรือจ๊ะ”
กำนันเรืองจำต้องลดช้อนลงแล้วบอก
“ไม่มีสักกริ๊ง”
กระถินทำท่าจะเบ้หน้า
“คุณแม่ขา”
“โอ๋..อย่าเศร้านะลูก ตารบคงยุ่งเดี๋ยวก็โทรมา พี่กำนัน”
กำนันเรืองชะงักมือถือช้อนค้างอยู่ที่ปาก
“ห็นแก่กินอยู่นั่นล่ะ ไม่เห็นเหรอว่ากระถินมันเศร้า”
กำนันเรืองมองช้อนข้าวอย่างเสียดาย แต่ก็จำต้องตามใจวันทนีย์
“อย่าน้อยใจไปเลย เดี๋ยวเจ้ารบมันก็โทรมา”
เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้นมาพอดี
“นั่นไง มันโทรมาแล้ว” กำนันเรืองอาศัยจังหวะที่พูดจบจ้วงกินใหญ่ด้วยความหิว
กระถินลุกพรวดขึ้นจนวันทนีย์ตกใจ กระถินนึกได้จึงค่อยๆ ลงคลานเข่าแต่เพิ่มความเร็วมากจนไปถึงโทรศัพท์และยกรับทันที กระถินรู้ว่าวันทนีย์มองอยู่ จึงตั้งสติยิ้มพูดเสียงหวาน
“บ้านกำนันเรืองยินดีรับใช้ประชาชนค่ะ”

ภายในบ้านติรกา พุทราดัดเสียงพูดผ่านโทรศัพท์เลียนเสียงซาร่า จากรายการทีวีไดเร็ค โดยมีติรกาเงียบฟังอยู่ใกล้ ๆ
“สวัสดีค่ะ ดิฉันซาราร่าจากรายการไทยเที่ยวไทยไปราชบุรีค่ะ
พุทราหันมองติรกาอย่างขอความเห็น ติรกาพยักหน้า และชูนิ้วโอเคว่าใช้ได้

กระถินสีหน้าผิดหวังส่งสายตามองวันทนีย์
“ไม่ใช่พี่รบค่ะ ใครก็ไม่รู้”
วันทนีย์เดินมารับโทรศัพท์จากกระถินไปคุยเอง
“ฮัลโหล”
พุทราเสียงยิ่งเริงร่ากว่าเดิม
“รายการของเราขอมอบรางวัลแด่ผู้โชคดีทางบ้าน ข้อมูลบอกว่าคุณวันรบ แคล้วคลาดภัย เป็นผู้ส่งชิงรางวัล
แต่ขอยกรางวัลให้คุณวันทนีย์ แคล้วคลาดภัย”
“ตารบเหรอ ว้าย ๆ ใช่คะ ฉันวันทนีย์แม่ของวันรบเองค่ะ”
“โอ้ว ว้าว... คุณคือผู้โชคดี ได้รับรางวัลห้องพักรีสอร์ทหรู ระดับวีไอพี ที่ราชบุรี พร้อมผู้ติดตามหนึ่งคน”
วันทนีย์หันไปทางกำนันเรือง
“ที่พักฟรี! พี่กำนัน เราได้ที่พักฟรีไปฮันนีมูนรอบสองจ๊ะพี่”
ติรกากับพุทราตกใจร้อง “เฮ้ย” ขึ้นพร้อมกัน
ติรกาพูดเบาๆ กับพุทรา
“ไม่ได้ ไม่เอากำนัน”
“เมื่อกี้คุณว่าไงนะ” วันทนีย์ถาม
“อ่อ ฉันบอกว่าต้องเอาผู้ติดตามผู้หญิงเท่านั้นค่ะ”
“ผู้ติดตามผู้หญิงเท่านั้นเหรอ” วันทนีย์พึมพำ
“บ้านนี้มีกระถินคนเดียว กระถินก็ได้ไปด้วยสิคะ กรี๊ด”
กระถินเผลอตื่นเต้นดีใจ
“ทำไมต้อง..” วันทนีย์ถาม
ติรกาขยิบสายตา เร่งจนพุทราต้องพูดรัว เร็ว ราวกับเสนอขายสินค้าในรายการทีวีไดเร็ค
“เรามีเวลาให้คุณตัดสินใจสิบนาทีนับจากนี้ เริ่มนับถอยหลังตั้งแต่ตอนนี้”
พุทราวางสายทันที
“เอ้า..เดี๋ยวก่อนสิ ตัดสินใจอะไร ฮัลโหล! อะไรกันเนี่ย”

ขณะนั้นเอง เสียงรถเก๋งคันหนึ่งแล่นมาจอดหน้าบ้าน เอี้ยด....
“ใครมา” กำนันเรืองพูดขึ้น
ทุกคนหันมองกันด้วยความสงสัย

วันทนีย์ กระถิน กำนันเรือง เดินออกมาหน้าบ้าน เห็นรถเก๋งคันหรูจอดรออยู่ รปภ.แจ่มในชุดสูทสีดำ แว่นตาดำ หิ้วกระเป๋าหนังสีดำ ก้าวลงจากรถ มาดขรึม อย่างเท่มาก รปภ.แจ่มเอากระเป๋าวางกระโปรงหน้ารถ ปึง! และปิดกระเป๋าเอานาฬิกาเรือนโตออกมาวาง ทั้งสามสะดุ้งโหยง ตื่นตระหนก วิ่งวุ่นด้วยความตกใจ
“ระเบิด” กระถินร้องขึ้น
“ไม่ใช่ระเบิด นาฬิกาจับเวลา” รปภ.แจ่มบอก
วันทนีย์ กระถิน กำนันเรืองชะงัก
“ผมมารับคุณวันทนีย์กับผู้ติดตามผู้หญิงเท่านั้น ไปรับรางวัลพักผ่อนเที่ยวฟรีกินฟรีที่ราชบุรี”
กำนันเรืองไม่ค่อยไว้ใจ
“เที่ยวฟรีกินฟรี ของฟรีมันมีในโลกด้วยเหรอวะ พ่อว่าโทรไปถามตารบให้แน่ใจก่อนดีกว่า”
วันทนีย์กับกระถินมองตามเหมือนเชื่อฟังกำนันเรือง รปภ.แจ่มมองสถานการณ์อย่างคิดหนัก

ทางด้านพุทราค่อนข้างกระวนกระวายใจ
“ตามข้อมูลกำนันเรืองค่อนข้างระมัดระวังตัวนะคะคุณติ พุทรากลัวว่าแผนจะแตก”
“พุทรา เธอเป็นคนหาข้อมูล ไม่เห็นหรือไงว่ามันมีไม้ตายอยู่” ติรกาบอก
พุทรามองกระดาษข้อมูลอย่างสงสัย
“ไม้ตาย”

ฝ่ายรปภ.แจ่มพูดเสียงดังเร้าใจมาก
“พิเศษสุด ถ้ารีบตัดสินใจตอนนี้ คุณจะได้รับเลขเด็ดสำนักอาจารย์ดัง ฟันแม่นเป๊ะจากอยุธยา และตำรากลยุทธ์ขูดเลข ฟรีทันที”
วันทนีย์ตื่นเต้นมากกว่า
“ได้เลขเด็ดอาจารย์ดังด้วยเหรอ”
รปภ.แจ่มจึงกดนาฬิกาจับเวลา เสียงดังติ๊กต่อก ติ๊กต่อก
“ถ้าคุณไม่ตัดสินใจภายในสิบวินาที เราจะตัดสิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้ ) สิบ... เก้า... แปด เจ็ด หก ห้า สี่ สาม สอง”
“ว้าย... เดี๋ยวก่อน ตกลงค่ะ ฉันจะไปรับรางวัล”
“โอ้ว... เจ้าอาวาสจอร์จ มันยอดม๊าก พวกคุณมีเวลาเก็บกระเป๋าห้านาทีครับ”
รปภ.แจ่มกดนาฬิกาอีกครั้ง นาฬิกาเริ่มเดินเสียงดังเร้าใจมาก
วันทนีย์ท่องซ้ำไปมาเหมือนโดนสะกดจิต
“เลขเด็ดอาจารย์ดัง เลขเด็ด..เลขเด็ด”
กำนันเรืองเห็นอาการวันทนีย์แล้วใจไม่ดี
“แม่จ๋า..พ่อว่า...”
รปภ.แจ่มมองนาฬิกาแล้วกดดัน
“ตอนนี้เหลือเวลา สี่นาที ห้าสิบวินาที”
วันทนีย์สติขาดสั่ง
“กระถิน เก็บกระเป๋า”
“จ้า”
วันทนีย์กับกระถินวิ่งอย่างเร็วไปเก็บข้าวเก็บของไป ๆ มา ๆ แล้ววิ่งเข้ามาที่รถโดยที่กำนันเรืองหันไปหันมามองพลางเกาหัวไปมา เมื่อสองขึ้นกระโดดขึ้นรถ รปภ.แจ่มขับออกไปอย่างรวดเร็ว กำนันเรืองเหนื่อยใจ มองตามอย่างไม่ค่อยไว้ใจ กำนันเรืองหยิบมือถือขึ้นมากดหาวันรบทันที

ขณะนั้น วันรบจะออกจากบ้านพชร รชานนท์เดินมาคว้าคอเสื้อวันรบไว้
“เจ้ารบ แกจะไปไหน จะไปหามัทรีหรือไง”
“ผมจะไปไซส์งานกับป๋าไง ลืมแล้วเหรอ”
“เออ จริงว่ะ”
“ป๋าเป็นอะไรมากป่ะเนี่ย จับผมให้ค้างที่นี่ คุมอย่างกับผมจะหนีไปทำความผิดอะไรงั้นแหล่ะ”
พชรกับนลินีตามออกมา
“นั่นสิ นนท์..แกเป็นอะไรแง่ง ๆ ใส่เจ้ารบตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” พชรถาม
รชานนท์อึกอักตอบไม่ถูก
เสียงมือถือดังขึ้น วันรบมองหน้าจอแล้วกดรับทันที
“สวัสดีครับ คุณพุทรา คุณแม่จะนัดเจอผมเหรอครับ”
รชานนท์ พชร และนลินีหูผึ่งทันที
“ที่ไหนครับ..รีสอร์ทนายสมภพ”
รชานนท์สีหน้าไม่พอใจ
“ได้ครับ..ครับ..สวัสดีครับ”
วันรบกดวางสายโทรศัพท์ พชรกำลังจะถาม แต่ถูกรชานนท์แทรกขึ้น
“กระแตนัดเจอทำไม”
“ป๋าจะสนทำไม ก็ป๋าพูดเองที่บ้านว่าที่แม่ยายผม จำได้ไหม ไม่ต้อง! แกอยากพิสูจน์ตัวกับคนบ้านนี้ก็ตามใจ
แต่ฉันจะไม่มาเหยียบที่นี่ และฉันจะไม่ทนเห็นหน้าผู้หญิงคนนี้อีกเด็ดขาด”
วันรบหันมาทำหน้าทะเล้นใส่รชานนท์แล้วถาม
“เป๊ะทุกคำไหมป๋า”
รชานนท์มะเหงกเข้ากลางหน้าผากวันรบ และแสร้งเปลี่ยนเรื่องทันที
“เรื่องนัดเจอไอ้รบไม่เท่าไหร่ แต่ทำไมต้องนัดที่รีสอร์ทของนายสมภพ”
“นัดแถวนั้นก็ดีนะครับป๋า ใกล้ไซส์งานที่เราต้องไปคุมงานพอดี ผมอยากให้พี่ระกับพี่นีช่วยไปเป็นผู้ใหญ่ฝ่าย ผมด้วยนะครับ”
พชรกำลังจะรับคำ แต่รชานนท์แทรกขึ้นอีก
“ก็ต้องไปกันหมดนี่แหละ ถ้าวันรบกับมัทรีจะแต่งงานกัน ผมต้องมีส่วนตัดสินใจในเรื่องนี้”
“พ่อก็ไม่ใช่ ไปเกี่ยวอะไรกับเค้า” พชรบอก
รชานนท์เบี่ยงเบนประเด็นทันที
“ยังไงผมกับพี่ระก็ต้องไปตรวจงานที่ราชบุรีทุกวัน เราน่าจะพักอยู่ที่บ้านพักในไซส์งานซะเลย จะได้ไม่เสียเวลาเดินทางไปกลับ”
“แล้วว่าที่แม่ยายโอ่งน้ำปลา เค้านัดเจอรบเมื่อไหร่” นลินีถามขึ้น

รชานนท์หันไปมองวันรบเหมือนอยากรู้เช่นกัน

อ่านต่อหน้า 3 เวลา 12.00 น.




แม่ยายที่รัก  ตอนที่ 3 (ต่อ)

บ่ายวันนั้น พุทรากำลังเล่นJENGA กับเตือนใจอยู่ที่บ้านติรกา ทั้งคู่ผลัดกันวางไม้อย่างระมัดระวัง ติรกาหันไปบ่นกับพุทรา เมื่อต้องรอมัทรีนานเกินไป

“ป่านนี้ยายมัทยังแต่งตัวไม่เสร็จอีกเหรอ”
มัทรีกำลังเดินมาในชุดเสื้อแขนกุด กระโปรงสั้น จนเตือนใจต้องเตือน
“ตายแล้ว ยัยมัท ทำไมมันเว้าบน สั้นล่างขนาดนี้ล่ะลูก ยายว่าไปเปลี่ยน”
“แต่งแบบนี้แหล่ะดีแล้ว” ติรกาพูดแล้วยิ้มอย่างพอใจ
“ไปรีสอร์ทคุณสมภพทำไมต้องแต่งแบบนี้ด้วยล่ะแม่ มัทว่ามันดูไม่เหมาะสม”
“นั่นสิ..แม่ว่า” เตือนใจว่า ติรกาไม่ฟังเสียงทัดทานของใครบอกพุทราทันที
“ไปกันได้แล้ว พุทรา”
พุทรายกกระเป๋าเสื้อผ้าสองกระเป๋า
“พร้อมค่า....”
“แม่คะ แค่คุยธุรกิจทำไมเราต้องค้างที่นั่นด้วย”
ติรกาขยิบตาสั่งให้พุทราตอบแทน
“คุณสมภพเพิ่งปรับปรุงรีสอร์ตใหม่ ก็เลยอยากให้เราลองไปใช้บริการเผื่อมีอะไรต้องปรับปรุงแก้ไข จะได้แนะนำกัน”
“มัทไม่อยากเจอสองคนนั่น”
“ทีผู้ชายเลว ๆ อย่างไอ้วันรบยังอยากเจอตลอดเวลา”
มัทรีไม่ยอมแพ้
“รบเป็นคนดี และเราสองคนรักกัน”
ติรกาได้ฟังแล้วหงุดหงิดขึ้นมาทันที
“พอทีฉันไม่อยากฟัง รีบไปกันได้แล้ว”
มัทรีถอนใจอย่างอึดอัด จำใจเดินตามพุทราออกไปที่รถ เตือนใจวางไม้บนชั้นไม้ที่วางสูงขึ้นมากจนใกล้จะล้มแล้ว
“ติไปก่อนนะคะแม่”
“ยัยติ..มานี่สิ”
“อะไรเหรอแม่”
เตือนใจหยิบแท่งไม้ขึ้นมา
“ติเห็นไหมว่าแม่กับพุทราต่อไม้กันได้หลายชั้นแล้วนะ ติวางให้แม่หน่อยสิ”
ติรกาวางไม้ลงที่ตำแหน่งแต่ปรากฎว่าศูนย์ถ่วงไม่ดี ไม้ล้มมาทั้งชั้นร่วงกราวเต็มพื้น เตือนใจจงใจกล่าวขึ้น
“น่าเสียดายนะ อุตส่าห์สร้างกันมาอย่างดี ถ้าติรู้จักวางอย่างใจเย็นสักนิด มันก็จะได้สมดุลย์ ไม่พังลงมาแบบนี้”
ติรกานิ่งงัน
“กี่ปีที่ติเลี้ยงยัยมัทมา ไม่รู้เหรอว่าเราเลี้ยงเขาได้แต่ตัว แต่บังคับหัวใจเขาไม่ได้ ลูกน่าจะรู้ดี แม่ก็ไม่เคยบังคับติได้เหมือนกัน”
ติรกาเจ็บปวดขึ้นมาทันที
“เพราะหนูรู้ไงคะว่ามันเลวร้ายแค่ไหน ที่ไปหลงเชื่อผู้ชายเลว ๆ จน...หนูจะไม่ยอมให้ยัยมัทต้องเจ็บเหมือนที่หนูเจ็บ”
“ติ”
“แม่คะ..หนูรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ มันอาจไม่ถูกใจแม่..แต่หนูทำเพื่อลูก”
ติรกาเดินผละไป เตือนใจมองตามอย่างเหนื่อยใจ

หน้ารีสอร์ตสมภพยามบ่าย รปภ.แจ่มขับรถเข้ามาจอด เทียบทางเข้าที่พัก วันทนีย์ กระถินก้าวลงจากรถ อย่างกล้าๆ กลัวๆ
“โอ้โห รีสอร์ตหรูจริง ๆ ด้วย” วันทนีย์พูดขึ้น
สมภพ ธงฉาน พนักงานรีสอร์ท ตรงเข้ามาต้อนรับทั้งสอง
“สวนผึ้งวิลเลจ ยินดีต้อนรับครับ”
“พวกเรามา...” กระถินยังพูดไม่ทันจบ
“ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ต้อนรับสุภาพสตรีทั้งสอง ขอให้มีความสุข และสนุกกับการพักผ่อนในรีสอร์ทของเรานะครับ”
“แล้วลูกชายฉัน” วันทนีย์จะพูดต่อ แต่ธงฉานบอก
“พนักงานจะพาท่านไปรับประทานของว่าง และเวลคัมดริ๊งก์ ก่อนพาแขกวีไอพีทั้งสองท่านไปยังห้องพักครับ”
วันทนีย์ยังไม่ทันถามอะไรให้รู้เรื่องก็ถูกพนักงานรุมเข้ามาช่วยถือกระเป๋า และพาเข้าไปในรีสอร์ทอย่างนอบน้อม เอาใจมาก จนวันทนีย์กับกระถินได้แต่เดินตามไปอย่างอึ้ง ๆ
“สองคนนี้เป็นใคร คุณอาติรกาไม่บอกอาเหรอ”
“ะสนใจทำไม หน้าที่เราคือเอาใจติรกากับมัทรีให้อยู่ในกำมือเราก็พอ”
สายตาร้ายลึกเจ้าเล่ห์ของสมภพฉายแววขึ้นอย่างชัดเจน

เวลาต่อมา วันรบ รชานนท์ พชร นลินีมาถึงรีสอร์ต รชานนท์ท่าทางอึดอัด หงุดหงิดใจจนพชรสะกิดแซว
“มาเหยียบถิ่นกิ๊กใหม่ของแฟนเก่า ถึงกับกร่อยเลยเหรอวะ”
“ผมไม่เห็นจะรู้สึกอะไร”
“ดีแล้วที่ไม่รู้สึก ผู้หญิงที่ทิ้งแฟนไปแต่งงานกับคนอื่นไม่ควรจะสนใจด้วยซ้ำ” นลินีบอก
“เมียจ๋า อย่าเพิ่งไปฟันธงขนาดนั้นเลย เขาอาจมีเหตุจำเป็นก็ได้”
“จำเป็นมาก พอผัวตายแทนที่จะคิดกลับมาหาเจ้านนท์ กลับหาแฟนใหม่ซะงั้น แค่นี้ก็รู้แล้ว
ว่ายัยไหน้ำปลาปีศาจไม่ได้รักน้องนีเลย” นลินีว่า
รชานนท์ฟังด้วยความเจ็บปวด หันไปหงุดหงิดใส่วันรบ
“ไอ้รบ มาถึงแล้วก็โทรหาเขาสิ”
“ครับป๋า”
พชรบาๆ กับนลินี
“เมียจ๋าไปสะกิดแผลเก่าเจ้านนท์ทำไม มันเริ่มเหวี่ยงแล้วนะนั่น”
“นนท์ยังรักยัยไหน้ำปลาปีศาจนั่นจริงๆ เหรอเนี่ย”
นลินีมองอาการรชานนท์อย่างไม่สบายใจนัก

สักพักหนึ่งสมภพ ธงฉาน เดินห้อมล้อมต้อนรับติรกากับมัทรีอย่างเอาอกเอาใจ ธงฉานมองการแต่งตัวของมัทรีด้วยสายตาหื่น โดยมีพุทราเดินตามด้วยความรำคาญคู่อาหลาน
“น้องมัทวันนี้เซ็กซี่มากนะครับ” ธงฉานว่า
มัทรีมองอย่างรำคาญ พุทรารู้หน้าที่เอาตัวเข้าแทรกกลางตลอดเวลา
“ขอบคุณคุณสมภพมากนะคะ ที่ช่วยต้อนรับแขกของฉันเป็นอย่างดี” ติรกาบอก
“แขกคุณติรกาก็เหมือนแขกของผม ผมยินดีและเต็มใจครับ”
มัทรีแกล้งตั้งใจกระแอมเสียงดังขัดจังหวะสมภพ
“น้องมัทเป็นอะไร ไม่สบาย เป็นไข้ ปวดหัวตัวร้อนตรงไหน ให้พี่ธงฉานตรวจอุณหภูมิความร้อนให้ร่างกายหน่อยนะครับ” ธงฉานบอก
ธงฉานหลับหูหลับตายื่นมือออกไป หวังแตะหน้าผากมัทรี พุทราเป่านกหวีด ปรี๊ดถลาเอาหน้าเข้ามารับแทน ธงฉานชะงัก ชักมือกลับอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ย”
“พุทราไม่สบายนิดหน่อยน่ะค่ะ ปวดหัวตัวร้อน”
“ผมส่งห้องดับจิตให้ไหมครับ วัดก็อยู่ไม่ไกลนะครับ” ธงฉานว่า
พุทราหมั่นไส้
“แรงนะไอ้อ้วน”
ทุกคนหันมามองที่พุทรา
“แอร์แร๊งแรงนะคะ คงใช้ยี่ห้อดีม๊ากมากน่ะค่ะ”
ธงฉานยังจะหันมาหามัทรี
“น้องมัทครับ พี่ฉาน..”
มัทรีฮัดเช้ยใส่เต็มหน้าธงฉานเต็มๆ
“ขอโทษค่ะ”
พนักงานรีสอร์ทกำลังใช้ผ้าเช็ดผนัง มัทรีทำเนียนตกใจคว้าผ้าจากพนักงานมาเช็ดที่หน้าธงฉานและขยี้ลงอย่างหนัก
“มัทไม่ได้ตั้งใจ มัทแพ้อากาศน่ะค่ะ มัทขอโทษนะคะ”
“ถ้ารู้สึกผิดจริงก็เอาผ้าขี้ริ้วออกจากหน้าพี่ธงฉานเถอะครับน้องมัท พี่ซึ้งแล้วว่าน้องมัทรู้สึกผิดจริงๆ”
มัทรีแอ๊บตกใจทันทีแล้วรีบคืนผ้าให้พนักงาน
“อุ๊ย มัทขอโทษนะคะ”
ติรกาจิกสายตาดุมัทรี แต่มัทรีไม่สนใจ
พุทรารับสายโทรศัพท์ก่อนหันมากระซิบบอกติรกา
“มากันแล้วค่ะ”
“จัดการตามนั้น”
พุทรารับคำ แล้วกดสายโทรหาใครบางคน

ภายในห้องพักของวันทนีย์ในรีสอร์ต กระถินนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงด้วยความตื่นเต้น วันทนีย์ยังคงนั่งปลื้มใจอยู่
“เพราะลูกกตัญญูอย่างตารบแท้ ๆ ทำให้เราได้มาพักผ่อนนอนสบายแบบนี้”
“กระถินยังไม่ได้โทรบอกพี่รบว่าเรามาราชบุรีเลยค่ะ”
กระถินนึกขึ้นได้ จึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาวันรบ แต่ยังไม่ทันได้โทร. เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น กระถินจึงละความสนใจจากมือถือ ลุกไปเปิดประตูห้อง เจอพนักงานยิ้มแย้มรออยู่
“มีแขกมารอคุณสองคนอยู่ที่ล็อบบี้ค่ะ”
วันทนีย์แทรกเข้ามาถาม
“ชื่อวันรบรึเปล่า”
กระถินยิ้มระรื่น ตื่นเต้นที่จะได้เจอวันรบ

พวกวันรบนั่งอยู่ตรงล็อบบี้ที่ไม่ไกลจากบริเวณที่พวกมัทรีกำลังเดินมา ทั้งติรกา มัทรี พุทราเดินโดยมีสมภพกับธงฉานตามไม่ห่าง พุทราเห็นวันรบและรชานนท์ นั่งเก้าอี้ยาวด้วยกัน พชร นลินีนั่งที่โซฟาชุดใหญ่รออยู่แล้ว
พุทราพูดกับติรกา
“มากันแล้วค่ะ คุณติพร้อมไหมคะ”
ติรกามองวันรบด้วยสายตาร้ายกาจ
“พร้อม”
ติรกาหันไปบอกกับมัทรี
“แม่อยากหาอะไรดื่มสักหน่อย”
“เชิญทางนี้ครับ” สมภพเชื้อเชิญเดินนำทุกคนไปทางที่วันรบนั่งรออยู่ ซี่งเป็นหน้าโซนร้านอาหาร มัทรีเห็นวันรบนั่งอยู่ก็ดีใจจะเรียก
“วันรบ มาแล้วเหรอ” ติรกาพูดจาน้ำเสียงเป็นมิตร จนทุกคนคิดไม่ถึง
“แม่ เรียกรบมาเหรอคะ” มัทรีถาม
ติรกายิ้ม และนั่งลงที่เก้าอี้เดี่ยว
“ใช่ ...นั่งสิมัท”
ติรกาดึงมัทรีลงนั่งเบียดกับวันรบที่นั่งคู่กับรชานนท์อยู่แล้ว ทำให้มัทรีดูนั่งเบียดกับวันรบมาก ๆ
พชรกระซิบกับนลินี
“สงสัยผีจะเข้า พูดกับไอ้รบดีเชียว”
วันรบกับรชานนท์มองติรกาอย่างระแวง
“แม่นัดรบมาที่นี่ทำไมคะ”
“พี่รบขา....”
กระถินวิ่งถลาเข้ามากลางวงก็ชะงักที่เห็นมัทรีนั่งเบียดอยู่กับวันรบ กระถินพยายามจะดึงมัทรีให้ลุกออกไป
“เธอเป็นใครมานั่งเบียดแฟนฉันทำไม”
รชานนท์ พชรและนลินี อึ้งไปตามๆกัน พชรพูดพลางชี้ไปหาคู่กรณีทีละคน
“อ้าวเฮ้ย เธอกับเขาและเราสามคน...คงต้องมีใครเป็นฝ่ายซวยละสิ”
วันรบจับมัทรีไว้ไม่ให้ลุกไป
“กระถิน อย่าเสียมารยามกับแฟนพี่”
กระถินหน้าเบ้หันไปฟ้องวันทนีย์ทันที
“คุณแม่ขา..”
วันทนีย์ปรี่เข้ามาทันที
“ตารบ”
“แม่! แม่มาที่นี่ได้ยังไง”
วันทนีย์มองมัทรีที่แต่งตัวไม่สุภาพ
“ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร แต่งตัวอย่างกับพวกผู้หญิงราคาถูก”
“นี่มัทรี แฟนผมครับ”
มัทรีจะยกมือไหว้แต่..
“งั้นเธอควรจะรู้จักผู้หญิงคนนี้เอาไว้”
วันทนีย์ดึงกระถินเข้ามา
“๒กระถิน คู่หมั้นของวันรบ” วันทนีย์น้ำเสียงจริงจัง
พชร นลินี ตกใจอย่างนึกไม่ถึงและพูดขึ้นพร้อมกัน
“คู่หมั้น “
รชานนท์โกรธแทนมัทรีทันที
“หมายความว่ายังไงไอ้รบ”
ติรกาได้โอกาสเข้ามารุมยำวันรบทันที
“ก็หมายความว่าน้องชายสายพันธุ์ชั่วของคุณ แอบคบผู้หญิงสองคนพร้อมกันมาตลอดน่ะสิ”
“ไม่ใช่นะครับ” วันรบบอก
“ใช่ค่ะ คุณแม่พี่รบอยากได้กระถินเป็นสะใภ้ กระถินยอมค่ะ” กระถินเสียงอ่อนระทดระทวยที่คำขวัญประจำตัว
“ถ้างั้นน้องมัทของผมก็ต้องเป็นหม้ายขันหมากสิครับ” ธงฉานแทรกเข้ามาอย่างได้ที
ธงฉานยิ้มระรื่น อย่างดีใจ ทุกคนหันขวับมองธงฉานเป็นตาเดียว ธงฉานชะงัก ค่อย ๆ หุบยิ้ม มัทรีทนเห็นกระถินกอดวันรบไม่ได้ จึงเดินหนีไป
“มัทครับ เดี๋ยวก่อน”
วันรบดันตัวกระถินออกแล้วรีบตามมัทรีไปทันที พชรกับนลินีหันมองกันไม่รู้จะช่วยยังไง ติรกาหันไปสบตาพุทราแล้วยิ้มกริ่ม รชานนท์นิ่งมองติรกา

อีกมุมหนึ่งของล็อบบี้ ติรกาแอบมาชื่นชมพุทราด้วยความดีใจ
“ทำงานดีมาก คราวนี้ยายมัทกับไอ้วันรบต้องเลิกกันแน่”
“คุณติดีใจก็ดีค่ะ แต่อีกคนคงไม่ดีด้วย”
พุทรายิ้มเจื่อนเมื่อเห็นรชานนท์ยืนถมึงทึงอยู่ข้างหลังติรกา ติรกาหันกลับไป ตกใจแต่ยังคงปั้นหน้านิ่ง ไม่ให้รชานนท์จับพิรุธได้ นกรู้อย่างพุทรารีบเดินเลี่ยงไปก่อนงานเข้า
“คุณเป็นคนวางแผนให้ไอ้รบกับแม่มาที่นี่”
“ธุระอะไรของคุณ”
“สิทธิ์ในความเป็นพ่อ”
ติรกาอึ้ง ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนโวยวายไม่ยอมรับ และรีบเปลี่ยนเรื่อง
“เลิกเพ้อเจ้อคิดอะไรไปเองสักที ถ้าฉันไม่ทำแบบนี้ เมื่อไหร่ลูกฉันจะตาสว่างจากผู้ชายชั่ว ๆ อย่างพวกคุณ”
“แต่คุณทำเกินไปนะกระแต”
“ติรกา... กรุณาเรียกฉันอย่างเป็นทางการ คนเป็นแม่อย่างฉันต้องทำทุกอย่างเพื่อปกป้องลูกหนักกว่านี้ฉันก็ทำได้”
ติรกาเดินสะบัดหนีรชานนท์ออกไป รชานนท์มองตามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

วันรบตามมาเจอมัทรีนั่งอยู่มุมหนึ่ง วัยรบรีบคว้าแขนมัทรีไว้
“ฟังผมอธิบายก่อนสิมัท”
“ปล่อยค่ะ มัทไม่อยากฟัง”
“ผมเคยเล่าให้มัทฟังแล้ว เรื่องที่แม่อยากให้ผมแต่งงานกับกระถิน แต่ผมเห็นกระถินเป็นน้องสาวคนนึงเท่านั้น”
“มัทไม่ได้สนใจเรื่องนี้”
“อ้าว แล้วมัทโกรธผมเรื่องอะไร”
“รบเคยบอกว่ากระถินเป็นเด็กอ้วน เตี้ย ตัวดำ ผมหยิกกรัง ไม่สวย ไม่เหมือนกับกระถินสาวสะพรั่งคนที่มัทเห็นวันนี้”
“ผมไม่ได้โกหกนะมัท เมื่อก่อนกระถินตัวอ้วนขนาดนี้”
วันรบทำมือเป็นทรงหน้าอกขนาดใหญ่ มัทรีมองตามด้วยสายตาเคือง วันรบเห็นว่าตัวเองทำขนาดมือผิด รีบขยายมือให้กว้างออกและยิ้มแหย
“เอ่อ อ้วนขนาดนี้ต่างหาก แหะ ๆ อ้วนจนต้องใส่เสื้อตัวใหญ่กับกางเกงเตะบอลจนโดนเด็กผู้ชายในหมู่บ้านแซวทุกวัน ผมก็ไม่รู้ว่ากระถินอ้วนดำคนนั้น กลายเป็นกระถินอวบอึ๋มคนนี้ได้ยังไง”
“เด็กสาวก็สวยตามวัยมั้งคะ”
มัทรีเมินหน้าหนีเพราะยังงอนอยู่ วันรบเข้าไปอ้อนเอาใจ ใช้นิ้วโป้งคลึงหว่างคิ้วให้มัทรี
“อย่างอนเลยนะครับมัท เดี๋ยวคุณกาก็พากันมาเปิดเฟสบ้านใหม่บนหน้าคุณหรอก”
“ว่าแต่..ทำไมแม่ของรบกับกระถินถึงมาที่นี่ได้ล่ะคะ”
“นั่นสิ มาชุมนุมกันพร้อมหน้าจนผมก็มึนเหมือนกัน”
“แม่เรียกรบมา แล้วคุณแม่ของรบก็มา มัทว่ามันชักจะยังไงแล้วนะคะ” มัทรีเริ่มกังวล
“ไม่ต้องกังวลนะครับ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขอแค่มีคุณ ผมจะต้องผ่านมันไปได้แน่นอน”
มัทรีจับมือวันรบยกขึ้นมาประสานกันไว้
“ไม่ใช่แค่คุณนะคะ แต่เป็น “เรา”ที่จะผ่านมันไปด้วยกัน”
วันรบกุมมือมัทรีจูบที่มือมัทรีเบาๆ
“ผมสัญญา...ว่าผมจะรักมัทรีคนนี้ไปชั่วชีวิต You are my just one ครับที่รัก”
มัทรียิ้ม สบตาวันรบ
“Just one for us ค่ะ”
ทั้งวันรบกับมัทรียิ้มเข้าใจซึ่งกันและกัน

หลังจากที่ทำความเข้าใจกันแล้ว วันรบกับมัทรีเดินจูงมือกันกลับเข้ามายังรีสอร์ต วันทนีย์กับกระถินตามหาวันรบไปจนทั่ว และที่สุดก็เดินตามมาจนเจอทั้งคู่
วันทีย์เห็นมือที่มัทรีกุมวันรบอยู่ก็รับปัดออก
“ตารบทำไมอยู่ ๆ วิ่งหนีแม่ออกมาอย่างนี้ ปล่อยๆ”
ติรกากับพุทราเข้ามาพอดี ติรกาชักสีหน้าขึ้นทันที
“แม่ไอ้รบนี่ชักจะระรานยัยมัทมากไปแล้ว”
พุทราเห็นอาการติรกาแล้วชักใจไม่ดี
“เย็นไว้ค่ะคุณติ เดี๋ยวเสียแผนนะคะ”

วันรบเข้าขวางวันทนีย์ไม่ให้ยุ่งกับมัทรี
“แม่ครับ มัทรีเป็นแฟนผมนะครับ”
“ผู้หญิงง่าย ๆ แบบนี้แกไปคว้ามาได้ยังไง”
“แม่!”
“แอบมาคุยกับผู้ชายสองต่อสอง ไม่เป็นกุลสตรี”
ติรกาสุดทนก้าวเข้าไปฉะกับวันทนีย์ทันที
“แล้วลูกชายชั่วที่วางยาปล้ำลูกสาวฉัน มันเป็นสุภาพบุรุษมากนักเหรอ ฉันไม่เอาไอ้วันรบเข้าตะราง ก็บุญแค่ไหนแล้ว”
“ไม่จริง ลูกชายฉันไม่มีวันทำเรื่องแบบนั้น”
“อ้างว่าพี่รบทำ ที่จริงเป็นแผนผู้หญิงจะจับผู้ชายหรือเปล่าคะ” กระถินพูดแทรกขึ้น
“อย่ามาว่าลูกสาวฉันนะ”
วันทนีย์พูดแทรกทันที
“ทำไมจะว่าไม่ได้ ขนาดยอมให้ผู้ชายจับมือถือแขนง่าย ๆ เรื่องอื่นก็คง”
“คงอะไร พูดให้มันดีๆ นะ”
“พอเถอะครับคุณแม่ทั้งสอง อย่าทะเลาะกันเลยครับ”
วันรบรีบเข้ามาห้ามก่อนจะเกิดเรื่อง ติรกากับวันทนีย์หันไปตวาดใส่วันรบ
“ฉันไม่ใช่แม่แก” ติรกาว่า
“แกห้ามเรียกยัยคนนี้ว่าแม่”
“ไม่เรียกแม่ไม่ได้ครับ เพราะผมจะแต่งงานกับมัทรี ในเมื่อคุณแม่สองคนเจอกันแล้ว”
วันรบหันไปพูดกับวันทนีย์
“ผมขอเบิกมรดกล่วงหน้าเป็นค่าสินสอดให้มัทรีด้วยครับ”
“ถ้าพี่รบแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ แล้วกระถินจะทำยังไง”
กระถินพูดแล้วปล่อยโฮ วันทนีย์เข้ากอดปลอบกระถินทันที
“โอ๋ ๆ ไม่ต้องกลัวลูก แม่ไม่มีวันรับคนอื่นเป็นสะใภ้ นอกจากกระถินคนเดียว”
มัทรีอึ้งรู้ว่าวันทนีย์ไม่ชอบตนเอง วันรบสบตาเป็นห่วงไปยังมัทรี

สมภพ ธงฉาน แอบดูเหตุการณ์อยู่มุมหนึ่ง เริ่มเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด
“คุณนายติรกาวางแผนเล่นงานไอ้วันรบ” ธงฉานว่า
“ดี ... ปล่อยให้คนพวกนี้ตีกันไป เราแค่อยู่นิ่ง ๆ รอโอกาสเรียกคะแนนจากติรกาก็พอ”
“เรื่องความคิดชั่วนี่ต้องยกนิ้วให้อาจริงๆ”
ธงฉานหันไปชูนิ้วโป้งให้สมภพ สมภพจ้องเขม็งทำหน้าดุใส่ธงฉาน

ติรกาหันไปคว้าข้อมือมัทรี จะดึงออกไป
“ได้ยินแล้วใช่มั้ยว่าแม่ผู้ชายเค้าไม่ต้อนรับ ทีนี้แกก็เลิกยุ่งกับคนที่มีเจ้าของสักที”
“ใครเป็นคนพาแม่มาที่นี่ครับ”
“ก็พี่รบได้รางวัล และให้คนไปรับกระถินกับคุณแม่มาพักรีสอร์ทนี้นี่คะ” กระถินบอก
“รางวัลอะไร”
พุทรามีทำท่าสะดุ้ง กลัวถูกจับได้ มัทรีเห็นใบหน้าพุทราก็รู้ได้ในทันที
“แม่หลอกแม่ของรบมาที่นี่ เพราะอยากให้หนูเลิกกับรบใช่มั้ยคะ” มัทรีถามตริกา
“ทั้งหมดเป็นแผนของยายคุณนายจิตแตกนี่เหรอ” วันทนีย์ถาม
“ว่าใครจิตแตก ฉันก็แค่ไม่อยากให้ลูกฉันไปเกลือกกลั้วกับผู้ชายชั่วๆ”
“หนอย... คำก็ชั่ว สองคำก็ชั่ว ดูสารรูปลูกสาวตัวเองสิ ดูวิเศษนักรึไง”
“พอเถอะครับแม่”
วันรบหันไปพูดกับติรกา
“เรื่องหมั้นหมายกระถิน เป็นความต้องการของแม่ผมคนเดียว ไม่เกี่ยวกับผม”
กระถินร้องอ้อนวันทนีย์
“คุณแม่”
“ตารบ”
“ฉันไม่สนว่าเป็นความต้องการของใคร ถ้าแกหาเงินค่าสินสอดสิบล้านมาให้ฉันภายในสิบวันไม่ได้ ก็จะไม่มีงานแต่งงานระหว่างแกกับมัทรี”
ติรกาคว้าแขนมัทรีเดินหนีไป พุทรารีบวิ่งตาม วันรบมองตามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

วันรบนั่งอยู่ที่ล็อบบี้ปรึกษารชานนท์ พชร นลินีด้วยความเครียด
“เบิกมรดกแม่มาก่อนก็ไม่ได้ เหลือเวลาอีกไม่กี่วัน ผมคงหาสินสอดครบสิบล้านไม่ทัน”
“งั้นก็กลับบ้านพัก ไปตั้งหลักก่อน” พชรบอก
“กลับไม่ได้” รชานนท์พูดขึ้น
รชานนท์พูดเร็วกว่าวันรบ ทั้งวันรบ พชร นลินี มองหน้ารชานนท์อย่างงงๆ
“อะไรของป๋า เมื่อเช้าเร่งให้กลับยิก ๆ ตอนนี้อยากให้อยู่อีกแล้ววัยรุ่นมึนนะเนี่ย”
“อาการวัยทองของคนหมดใจรึเปล่าวะ” พชรพูดติดตลก
“ปล่อยให้แม่เจ้ารบกับหนูมัทอยู่ในถิ่นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์อย่างนายสมภพกับธงฉานตามลำพัง มันอันตรายเกินไป” รชานนท์ว่า
นลินีรู้ทัน
“ที่พูดเนี่ย รวมถึงน้องกระแตแต้แว๊ดนั่นด้วยรึเปล่า”
“ตกลงป๋าจะอยู่เป็นเพื่อนน้องเลิฟใช่มั้ย”
รชานนท์หันมองวันรบหน้านิ่ง วันรบยิ้มรอคำตอบ จู่ๆ รชานนท์ก็กระชากคอวันรบมาถาม ท่ามกลางความตกใจของพชร นลินี
“เด็กกระถินเป็นคู่หมั้นแกรึเปล่า”
“อ้าวป๋า เปลี่ยนโหมดซะงั้น”
รชานนท์พูดเสียงแรงขึ้น
“ตอบฉันเดี๋ยวนี้”
“กระถินเป็นเด็กที่พ่อแม่ส่งมาทำงานใช้หนี้ที่บ้าน แม่ผมเอ็นดู ก็เลยอยากได้เป็นสะใภ้ แต่ผมเห็นกระถินเหมือนน้องสาวเท่านั้นป๋าจะปล่อยได้รึยัง ผมจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว”
“จำไว้นะ ถ้าวันไหนแกทำให้มัทรีเสียใจ ฉันเล่นงานแกแน่”

รชานนท์ผลักวันรบออก แล้วลุกเดินหนีไปดื้อๆ ทั้งสามมองตาม แปลกใจกับท่าทีของรชานนท์

อ่านต่อหน้า 4 เวลา 17.00 น




แม่ยายที่รัก  ตอนที่ 3 (ต่อ)


ในสวนสวยของรีสอร์ต รชานนท์เดินมาด้วยหน้าตาว้าวุ่นใจมาก รชานนท์นึกถึงคำพูดของติรกา

“คืนนั้น...มันเป็นความผิดพลาดที่สุดในชีวิตฉัน”
“แสดงว่าคืนนั้นคุณท้องกับผมจริงๆ”
“ไม่ใช่ ยายมัทไม่ใช่ลูกของคุณ”
รชานนท์ยังคงสับสนและไม่เข้าใจในสิ่งที่ติรกาทำ
“กระแต... ทำไมคุณไม่ยอมรับความจริงกับผม ทำไม”
รชานนท์ถอนหายใจ

ภายในห้องพักของติรกาในรีสอร์ต ติรกากำลังเคาะประตูห้องน้ำ เรียกให้มัทรีเปิดประตู
“ยายมัท ออกมาคุยกับแม่ให้รู้เรื่อง”
“แม่หลอกแม่รบมาถึงที่นี่ มัทก็ไม่รู้จะขอโทษรบยังไง เราไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้วค่ะ”
“ฉันอยากให้แกตาสว่างสักที ไม่เห็นเหรอว่ามันมีคู่หมั้นแล้ว เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะยายมัท แม่บอกให้เปิดประตู!”
มัทรีเงียบไม่ตอบ ไม่เปิดประตู ติรกาหงุดหงิดที่ลูกไม่ได้ดั่งใจ พุทรารีบเข้าห้องมา กำลังจะบอก แต่ติรกาขัดขึ้น
“ออกไปคุยข้างนอก”
พุทราพยักหน้ารับรู้ แล้วตามติรกาออกไป มัทรีแง้มประตู ออกมาจากห้องน้ำ เมื่อแน่ใจว่าติรกาออกไปจากห้องแล้ว

พุทรารายงานติรกาที่ยังหน้าเคร่งเครียด อารมณ์เสียกับมัทรี
“คุณสมภพฝากเตือนคุณติรกาว่าอย่าลืมนัดดินเนอร์ค่ำนี้ค่ะ”
ติรกาพยักหน้ารับแบบขอไปที
“ฉันจำได้”
“นัดเดทสองต่อสองนะคะ”
ติรกามีท่าทางอึดอัด ไม่อยากไป อย่างเห็นได้ชัด พุทรารู้ใจเจ้านายจึงบอกว่า
“เดี๋ยวพุทราแคนเซิ่ลด่วนให้ค่ะ”
“ไม่ต้อง”
“อ้าว ก็คุณติรกาไม่อยากไปนี่คะ”
“คุณสมภพอยากคุยเรื่องผลักดันโอ่งแม่เตือนไปจัดแสดงในงานโอท็อปแห่งชาติ ฉันต้องพึ่งเขาเพราะเหตุผลทางธุรกิจ”
“แต่เค้าจะเอาธุรกิจมาบังหน้าหวังจะเคลมคุณน่ะสิคะ”
ติรกาถอนใจปลงอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ฉันจะระวังตัวแล้วกัน”
ติรกานึกขึ้นได้
“ครอบครัวไอ้วันรบกลับสุพรรณรึยัง”
“ยังค่ะ เค้าแจ้งพนักงานไว้ว่าจะอยู่พักที่นี่ไปเรื่อย ๆ ให้คุณติรการับผิดชอบค่าใช้จ่ายและค่าเสียเวลาทั้งหมดค่ะ”
“หนอย... เจ้าเล่ห์เหมือนไอ้ตัวลูกไม่มีผิด”
“เราไปทำเค้าก่อน เค้าเอาคืนแบบนี้ก็สมควรแล้วนะคะ”
ติรกาจ้องพุทราเขม็ง พุทรายิ้มแหย เพิ่งรู้ตัวว่าออกความเห็นมากไป
“แต่มาคิดดูอีกที ให้สองคนนั้นอยู่ตำตาตำใจยายมัทต่อไปก็ดี เผื่อลูกฉันจะคิดได้”
ติรกายิ้มกริ่ม เจ้าเล่ห์อีกแล้ว

วันทนีย์ กับกระถิน กำลังเดินตามหาวันรบในรีสอร์ทก่อนหยุดคุยกันอย่างหงุดหงิด
“หาจนทั่วไม่เห็นเงาตารบเลย”
“หรือว่าพี่รบจะถูกยัยคุณมัทล่อลวงไปปู้ยี่ปู้ยำ”
กระถินทำตาแดงๆ จะร้องไห้อีก วันทนีย์ยิ่งไม่สบอารมณ์
“ผู้หญิงไม่มียางอาย เราต้องหาทางทำให้ตารบกับยายมัทรีเลิกกันสักที”
กระถินเสนอความคิดอย่างรวดเร็ว
“จับพี่รบปล้ำมั่งเลยค่ะ”
วันทนีย์มองกระถินอย่างไม่อยากเชื่อหู กระถินรีบแก้ตัว สร้างภาพนางเอกดราม่าทันที
“เอ่อ หนามยอกก็เอาหนามบ่งไงคะ ยายคุณมัทปล้ำพี่รบได้ กระถินก็ต้องทำเพื่อดึงใจพี่รบกลับมา ทั้ง ๆ ที่กระถินไม่อยากท้ำไม่อยากทำ เพราะไม่อยากให้ยายคุณมัทดูถูก”
“แม่อนุญาตให้กระถินปล้ำตารบเอง ใครจะคิดยังไงก็ช่างมัน”
กระถินกรี๊ดอย่างลืมตัวแล้วก็ชะงักแสแสร้งแกล้งสลดลง
“จะดีเหรอคะคุณแม่”
“แม่ไม่ยอมดองกับนังติรกาแน่ ตำแหน่งสะใภ้กำนันแหนบทองต้องเป็นของกระถินคนเดียว”
“ถ้าคุณแม่เรียกร้อง กระถินก็ยอมค่ะ”
กระถินแอบยิ้มอย่างดีใจ บังเอิญธงฉาน สมภพ ได้ยินที่วันทนีย์กับกระถินคุยกันอยู่อีกมุมหนึ่งพอดี
“สองคนนี้จะช่วยทำให้งานเราง่ายขึ้น แกต้องรีบหาวิธีรวบรัดมัทรีตอนที่มีโอกาส”
สมภพ ธงฉานสบตากันด้วยเล่ห์ยิ้มร้าย

ภายในห้องพักวันรบกับรชานนท์ที่รีสอร์ตช่วงเวลากลางคืนวันรบเปิดผ้าม่านหน้าต่างห้องพัก และมองเหม่อออกไปอย่างหงุดหงิด
"ไม่น่าได้ห้องพักแฝดติดกับห้องไอ้ธงฉานเลย"
"เหลือห้องสวีทห้องเดียวก็ให้พี่ระกับพี่นีไปเถอะ ยังดีที่อาหลานคู่นั้นไม่แกล้งบอกเราว่าห้องพักเต็มหมด" รชานนท์บอก
"เค้าคงไม่กล้าออกตัวแรงกับเราต่อหน้าว่าที่แม่ยายผมหรอก"
"กระแตนั่นแหละจะคอยให้ท้าย เพราะไม่อยากให้ใครอยู่ขวางหูขวางตาแฟนใหม่"
วันรบสังเกตท่าทางรชานนท์แล้วจึงแกล้งสำทับ
"คนรักกันชอบกัน เค้าก็อยากอยู่ด้วยกันเป็นธรรมดา"
"อายุปูนนี้แล้ว ไม่รู้จักอายลูก"
"ป๋าหึงเหรอ"
รชานนท์หลุดแล้วคิดได้
"ก็หึงสิวะ เฮ้ย ! ไม่ได้หึงโว้ย"
"งั้นก็หวง"
"เออ หวง เอ๊ย ไม่ๆๆ ฉันแค่ห่วงมัทรี"
"แฟนผม ผมห่วงเองได้ ทำไมป๋าต้องมาช่วยห่วง"
วันรบจ้องรชานนท์อย่างจับผิด รชานนท์อึกอักแล้วทำเนียนจับไหล่ของวันรบ
“รบเป็นน้อง ถ้าพี่ไม่ห่วงน้องแล้วจะให้พี่ห่วง..หมา ที่ไหนล่ะน้อง หรือแกคิดว่าฉันจะตีท้ายครัวแก”
“เปลี่ยนสัญชาติผมจากคนลงคลานสี่เท้าเลยนะป๋า..ผมไม่ได้คิดว่าป๋าจะตีท้ายครัวผมหรอก แต่ท่าทางป๋าแปลกๆ แบบที่ผมหาคำตอบเองไม่ได้ว่าทำไมป๋าถึงห่วงมัทมากราวกับญาติผู้ใหญ่หวงลูกหวงหลานน่ะ”
รชานนท์อึกอักแล้วรีบแถ
“ฉัน..รู้นิสัยกระแตดีน่ะสิ ว่าถ้าแกไม่ให้เกียรติลูกเขา ต่อให้แกหาสินสอดมาได้ กระแตก็จะไม่มีวันยกมัทรีให้แกแน่นอน ดังนั้นแกไม่ควรทำให้กระแตเกลียดหน้าแกไปมากกว่านี้ เพราะแค่เรื่องแม่แกไม่ยอมรับมัทรีแกก็แย่แล้ว”
วันรบมองนาฬิกาแล้วว่า
“จริงด้วย...ยังพอมีเวลา”
วันรบทำท่าจะลุกไป
“จะไปไหนวะ”
วันรบยิ้มแล้วบอก
“จัดมีตติ้งกระชับสัมพันธ์คนรักกับแม่บังเกิดเกล้าสิครับ”
วันรบพูดจบก็ออกไปทันที รชานนท์คิดถึงคำพูดของนลินีขึ้นมา
“พอผัวตายแทนที่จะคิดกลับมาหาเจ้านนท์ กลับหาแฟนใหม่ซะงั้น แค่นี้ก็รู้แล้วว่ายัยไหน้ำปลาปีศาจไม่ได้รักน้องนีเลย"
รชานนท์คิดแล้วก็เดินออกไปจากห้องไป

ภายในห้องพักของมัทรีในรีสอร์ตในช่วงเวลาเดียวกัน พุทราพยายามเกลี้ยกล่อมมัทรีที่กำลังแต่งตัวเตรียมจะออกจากห้อง
"คุณมัทอย่าไปเลยนะคะ ถ้าคุณติรการู้พุทราหัวหลุดจากบ่าแน่"
มัทรีไม่สนใจ
"พี่พุทราเป็นกระสือเหรอคะ"
"ก็ดีค่ะ พุทราจะได้ถอดหัวกับไส้หนีคุณติรกาเวลาโดนเหวี่ยง เย่ย...ไม่ใช่กระสือค่ะ แต่เป็นผีหัวขาดแน่ ถ้าเจ้านายรู้ว่าพุทราปล่อยให้ลูกสาวสุดหวง ไปทานข้าวกับหนุ่มที่แม่ไม่โปรด"
"มัทไม่ได้ไปกันสองคน ถ้าพี่พุทราไม่บอกแม่ก็ไม่รู้"
"แต่...”
มัทรีดึงแบงก์พันใบหนึ่งออกมาหมุน ๆ ตรงหน้าพุทรา พุทราชะงักกึกนิ่งงันเหมือนโดนสะกดจิต
"จงเงียบ... จงเงียบ... จงเงียบ" มัทรีพูดช้าๆ
พุทรารีบรับเงินมาเก็บอย่างเร็ว
"คุณมัทเนี่ย ชอบทำให้พี่ลำบากใจอยู่เรื่อย เฮ้อ...”
มัทรียิ้มกริ่มดีใจที่ปิดปากพุทราได้

ภายในห้องอาหารของรีสอร์ต วันทนีย์วางแผนอยู่กับกระถิน
"ได้จังหวะอยู่กันสองต่อสองเมื่อไหร่ รีบจัดการทันที"
"กระถินยอมค่ะ" กระถินพูดเสียงหวาน
วันรบ มัทรี พชร นลินี กำลังเดินเข้ามานั่งร่วมโต๊ะ ทุกคนยกเว้นวันรบยกมือไหว้วันทนีย์อย่างนอบน้อม วันทนีย์รับไหว้แค่พชร นลินี ก่อนเมินสายตาไปถามวันรบ โปร่งใสใส่มัทรีเหมือนไม่มีตัวตน
"มากันแค่สามคนเหรอ แล้วอีกคนล่ะ" วัทนีย์ถามขึ้น
"ออกไปเดินเล่นครับ ปล่อยป๋าไปเถอะ"
"สามขาไม่ครบคน สี่คนก็ครบขาแล้วไงครับคุณแม่ วงนี้ผมเป็นเจ้ามือเอง" พชรพูดอย่างอารมณ์ดี
"มา ๆ แจกรอบวง" วันทนีย์บอก
"ไม่ใช่วงไพ่คร้าบ" วันรบว่า
"อุ๊ยลืมตัว ปกติขูดเลขเป็นงานหลัก พักคำนวณเลขเป็นงานอดิเรกจ๊ะ”
"รบเป็นคนอารมณ์ดีเหมือนคุณแม่นี่เอง" นลินีว่า
"แม่หนูนีก็ยังสวยยังสาว ไม่เหมือนคนมีลูกแล้วสักนิด อย่างนี้มีอีกสักโหลก็ยังไหว"
"โอย... มีลูกเป็นโหล ก็กินแกลบแทนข้าวสิครับ" พชรบอก
"ผัวเมียอารมณ์ดี ชีวิตคู่ก็อยู่รอด มองพี่สองคนเค้าเป็นตัวอย่างนะกระถิน แต่งงานกับตารบเมื่อไหร่จะได้ไม่มีปัญหา"
มัทรีอึ้ง รู้สึกถึงการไม่ยอมรับจากวันทนีย์ วันรบเห็นสีหน้าของมัทรี จึงหันไปปรามวันทนีย์
"แม่ครับ"
วันทนีย์ลอยหน้าไม่สนใจหันไปคุยจุ๊กจิ๊กกับกระถินกันสองคน พชรกับนลินีสบตาให้รู้กันว่า บรรยากาศไม่ค่อยแจ่มใสนักสำหรับอาหารมื้อนี้
"อากาศอึมครึมวันละสามฤดูเลยเนอะ ผมว่าเราสั่งอาหารเลยดีกว่า" พชรว่า
"จัดมาด่วนเลยค่ะสามี"
วันรบแอบจับมือมัทรีใต้โต๊ะอย่างให้กำลังใจ มัทรีหันไปสบตาวันรบรู้สึกดีที่ได้กำลังใจจากคนรัก

พนักงานรีสอร์ตเดินนำรชานนท์เข้ามาที่หน้าห้องพักติรกา
“คุณติรกาพักห้องนี้ค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
พนักงานเดินออกไปแล้ว รชานนท์ยืนมองประตูห้องติรกาอย่างลังเล

ในเวลาเดียวกันกับที่รชานนท์ยืนอยู่หน้าห้องพักของติรกา ทว่าติรกากลับนั่งอยู่ตรงโต๊ะอาหารใต้แสงเทียนตามคำเชื้อเชิญของสมภพ ห้องอาหารส่วนตัวที่จัดไว้สุดหรู โรแมนติก ใกล้ริมสระน้ำของรีสอร์ต สมภพเลื่อนเก้าอี้ให้ติรกาอย่างสุภาพบุรุษ ติรกานั่งลงและแปลกใจกับดินเนอร์มื้อพิเศษนี้
"แค่ทานอาหารและคุยงานธรรมดา ไม่เห็นต้องสิ้นเปลืองจัดสวยหรูขนาดนี้"
"สำหรับคุณติรกา ไม่มีคำว่าธรรมดาครับ"
สมภพโบกมือเรียกพนักงาน พนักงานนำแชมเปญเข้ามาเสิร์ฟให้สมภพและติรกา
"ผมอยากให้ดินเนอร์มื้อนี้ เป็นมื้อพิเศษสุดสำหรับเราสองคน เลยสั่งปิดโซนนี้ชั่วคราวสำหรับคุณกับผมเท่านั้น"
ติรกายิ้มรับตามมารยาท แต่เริ่มรู้สึกอึดอัดกับสายตาหวาน และคำพูดเจาะจงของสมภพที่ว่า ติรกาเป็นคนพิเศษ ที่ไม่ใช่แค่เพื่อนคุยทางธุรกิจ เด็กเสิร์ฟเอาอาหารหรู หลากเมนูเข้ามาเสิร์ฟ ติรกาเริ่มเกรงใจ
"เยอะขนาดนี้ ทานสองคนจะหมดเหรอคะ"
"อาหารไม่สำคัญเท่ากับผมได้อยู่คุณติรกาตามลำพัง"
ติรกาแสร้งเปลี่ยนเรื่องทันที
“ เรื่องงานจัดแสดงโอ่งแม่เตือน"
สมภพ ตักอาหารใส่จานให้ติรกา
"ผมไม่ค่อยคุยงานเวลาหิว ทานเยอะๆ ผมเตรียมเมนูโปรดไว้ให้คุณติรกาโดยเฉพาะ"
"ขอบคุณค่ะ"
ติรกาพยายามสงวนท่าที พอสมภพหันไปคุยกับเด็กเสิร์ฟ จึงแอบเอามือถือมาส่งข้อความหาพุทราทันที

สัญญาณเตือนดังขึ้นที่มือถือของพุทรา พุทราเปิดอ่านข้อความ หน้าถอดสีด้วยความตกใจมาก
“911 รหัสฉุกเฉิน ! คุณติรกากำลังต้องการความช่วยเหลือ คุณมัท...คุณมัทอยู่ที่ไหน"
พุทราผลุนผลันเปิดประตูออกไปจนเกือบชนกับรชานนท์ที่ยืนลับๆ ล่อๆ อยู่หน้าห้อง ต่างคนต่างชะงักงันด้วยความตกใจ
"คุณมาทำอะไรแถวนี้"
"แล้วเธอเป็นอะไร ทำหน้าอย่างกับผีหลอก"
"เจ้านายฉันกำลังจะโดนหลอกน่ะสิคะ"
"ใครหลอกกระแต”
รชานนท์ถามด้วยความเป็นห่วง พุทราอึกอัก ลังเลใจที่จะบอกกับรชานนท์

รชานนท์กับพุทราเดินมาที่ริมสระน้ำ และซุ่มหลบอยู่มุมหนึ่งเพื่อดูสถานการณ์ รชานนท์เห็นติรกานั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารกับสมภพ สีหน้าติรกาดูอึดอัด สมภพยกชูแก้วไวน์ขึ้น
“ดื่มสักหน่อยสิครับ”
“ฉันไม่ดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างคุยงาน”
“ผมว่าถ้าคุณติดื่มสักนิด มันจะทำให้งานของเราลื่นขึ้นนะครับ”
“แต่ฉัน...”
“ผมไปคุยกับทางจังหวัดเรื่องโอ่งแม่เตือนมาแล้ว ถ้ามีผมรับรองทางจังหวัดก็ยินดีผลักดันให้โอ่งแม่เตือนก้าวสู่ระดับอินเตอร์..ดื่มเป็นเพื่อนผมหน่อยนะครับ”
ติรการู้สึกหนักใจ มือจับที่แก้วไวน์ทรงสูงอย่างเสียไม่ได้
“โว้วๆ ๆ ดูดีจังนะครับ”
เสียงรชานนท์ดังเข้ามา พร้อมๆกับลากเก้าอี้ลงนั่งที่โต๊ะเดียวกับติรกาและสมภพหน้าตาเฉย
“ดินเนอร์ริมสระน้ำ ผมชอบจริงๆ”
รชานนท์จับส้อมติรกาจ้วงกินอาหารกินอย่างเอร็ดอร่อย
“รสชาติใช้ได้นะครับ กำลังหิวเลย”
นอกจากกินอาหารมื้อที่ไม่ได้รับเชิญแล้ว รชานน์ยัง ดึงไวน์มาจากมือติรกามากลั้วก่อนดื่ม
“ไวน์อะไรครับเนี่ย อืม..หอมดีนะครับ ผมชอบ”
รชานนท์ซดจนหมดแก้วแล้วหยิบขวดไวน์ข้างๆมาเทดื่มต่ออย่างมันส์มือ
“นี่ๆๆคุณ นี่เป็นโต๊ะส่วนตัวของผมกับคุณติรกา เชิญคุณออกไปด้านนอกเลย” สมภพว่า
รชานนท์ชี้ไปหาสมภพ
“ผมเป็นแขกแล้วคุณเป็นใคร”
“เจ้าของรีสอร์ต”
“นั่นไง เป็นเจ้าของมันต้องดูแลต้อนรับแขกสิครับ ถ้าแขกอยากทานอาหาร”
“วันนี้ บริเวณนี้เราปิดไม่รับแขก เชิญออกไปเดี๋ยวนี้เลยครับ”
“ไม่รับแขก..ทานอะไรไม่ได้งั้นสิ”
“ใช่ เชิญลุกออกไปเลย”
“ผมมาเป็นเพื่อนคุณติเขา”
“ฉันไม่รู้จักคุณ อย่ามาทำสนิท” ติรกาบอก
รชานนท์มองไปสมภพก่อนพูดกับติรกาต่อ
“คุณอยากอยู่กับ..งั้นเหรอ”
ติรกาไม่ยอมเสียฟอร์ม
“มันเรื่องของฉัน”
รชานนท์หน้าตึงที่ติรกาเข้าข้างสมภพ สมภพยิ้มเยาะ
“ได้ยินแล้วใช่ไหมครับ ถ้าคุณอยากทานอาหารผมจะสั่งเด็กให้จัดไปให้ที่ห้อง”
“ทานที่นี่ไม่ได้” รชานนท์ถาม
“ครับ”
รชานนท์ลุกขึ้นหน้ามึนๆใส่แล้วเดินไป สมภพหันมายิ้มให้ติรกา สมภพดีดนิ้ว พนักงานเอาแก้วใบใหม่มาเทไวน์ให้ติรกาอีก
“แด่อนาคตของเราครับ”
ติรกาไม่อยากดื่มแต่จำใจต้องยกแก้วไวน์ขึ้นจะชน
ตูม!
ติรกากับสมภพหันตามเสียง เห็นรชานนท์ลงไปอยู่ในสระทั้งที่ยังใส่เสื้อผ้าอยู่
สมภพโมโห
“นี่!คุณลงไปทำไมวะ”
“ ก็ผมอยากเล่นน้ำ ผมก็โดดลงมาน่ะสิ น้ำเย็นดีนะคุณ มาเล่นด้วยกันสิ”
รชานนท์พูดไปก็วักน้ำสาดใส่จนสมภพเปียกปอนไปทั้งตัว
“เฮ้ยๆๆ นี่ เล่นบ้าอะไรวะ”
รชานนท์ยังคงวักน้ำเข้าใส่สมภพอย่างสนุกสนาน สมภพพยายบามจะกระโดดหลบอย่างไรก็ไม่พ้น
"เฮ้ย... หยุดนะ ฉันบอกให้หยุด"
“หยุดก็ได้ครับ คุณสมภพ”
รชานนท์กระดิกนิ้วเรียกสมภพเหมือนมีเรื่องพูด
“อะไร..”
รชานนท์กระดิกนิ้วเรียกให้เข้ามาใกล้อีก
“ตรงนี้ครับ”
สมภพเดินเข้าไปใกล้รชานนท์และก้มลงไปใกล้เพื่อฟัง
“ผมจะบอกว่า..”
มือรชานนท์จับคอเสื้อสมภพแล้วกระตุกจนสมภพหน้าทิ่มลงสระทันที เสียงดัง ตูม!
สมภพโผล่หัวขึ้นมาจากน้ำได้
“แก”
“เล่นน้ำแล้วชื่นใจนะครับ”
รชานนท์ซัดน้ำใส่สมภพไม่จนสมภพจนน้ำเข้าปากไม่มีจังหวะพูด
“เฮ้ย..อุ๊บ”

พุทราซุ่มดูสถานการณ์อยู่มุมหนึ่ง หัวเราะคิกด้วยความชอบใจ
"แผนคุณรชานนท์ได้ผลแฮะ"

ติรกาเห็นแล้วถึงกับทนไม่ไหว ลุกเข้าไปช่วยห้าม
"หยุดเดี๋ยวนี้นะรชานนท์ เลิกเล่นเป็นเด็ก ๆ สักที"
รชานนท์หยุดสาดน้ำใส่สมภพ แต่สีหน้ามองติรกาอย่างไม่แคร์ ไม่สนใจ สมภพได้โอกาสกำหมัดจะชก แต่รชานนท์อาศัยความเร็วสวนเข้าที่หน้าสมภพ พลั่ก!
“เฮ้ย! ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย” สมภพโวยวาย
“คุณง้างหมัดก่อนนะ ผมต้องป้องกันตัว”
สมภพแค้นจะง้างหมัดอีก รชานนท์จึงกำหมัดชูขึ้นตรงหน้า สมภพชะงักยังไม่กล้าลดมือลงเพราะกลัวรชานนท์จะสวนเข้ามาอีก
“ขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าสิคุณสมภพ จะแช่น้ำทั้งคืนหรือไงคะ”
สมภพจำเป็นต้องขึ้นจากน้ำ และพูดกับติรกา
“ผมไปเปลี่ยนเสื้อก่อนนะครับ เดี๋ยวมา"
สมภพรีบเดินไปเปลี่ยนเสื้อ ติรกาตรงเข้าไปจะต่อว่ารชานนท์ด้วยความโกรธ
"คุณจงใจแกล้งคุณสมภพ คุณมัน”
ขณะที่ติรกาเข้าไปใกล้สระน้ำเพื่อต่อว่ารชานนท์ ปรากฏว่าติรกาลื่น เสียหลัก และถลาไปยังสระน้ำ
"ว้าย...”
"กระแต"
รชานนท์พุ่งเข้าไปรับติรกาที่ไถลตกลงสระน้ำ ตูม!

พุทราที่แอบดูอยู่ถึงกับปิดตาทนดูไม่ได้ทันที
"ตัวใครตัวมันนะคะคุณนนท์"
พุทรารีบชิ่งหลบไปทันที

ในสระน้ำ รชานนท์กับติรกาโผล่ขึ้นมาจากน้ำพร้อมกัน โดยที่รชานนท์กอดติรกาไว้ ทั้งสองประจันหน้ากันในระยะที่ใกล้มาก และชะงักกันไปชั่วครู่ราวกับตกอยู่ในภวังค์ รชานนท์มองติรกาด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยรักไม่เสื่อมคลาย ติรกามองรชานนท์จนเกือบจะเคลิ้มใจอ่อน เมื่อรู้สึกตัวจึงผลักรชานนท์ออกไป
"คนฉวยโอกาส"
"ถ้าอย่างผมเรียกฉวยโอกาส นายสมภพก็คงตั้งใจเต็มๆ"
ติรกาเงียบไปเพราะเถียงไม่ออก
"ลูกรู้รึเปล่าว่าคุณแอบมาจู๋จี๋กับว่าที่พ่อใหม่"
"ฉันกับคุณสมภพเป็นแค่เพื่อนทางธุรกิจ และคุณไม่มีสิทธิ์เรียกมัทรีว่าลูก"
"ผมมีสิทธิ์ของความเป็นพ่อ"
"หยุดนะ คุณไม่มีสิทธิ์พูดคำๆ นี้ ไม่มีสิทธิ์" ติรกาตวาดเสียงดัง
“ผมจะทำให้คุณยอมรับให้ได้ว่ามัทรีเป็นลูกผม ลูกที่เกิดจากความรักของคุณกับผม”
ติรกาพลั้งมือตบรชานนท์สุดแรงจนหน้าหัน รชานนท์หันมองติรกาด้วยความเจ็บ แต่ก็ยังอยากรู้ความจริง
“ไม่มีวัน” ติรกาพูดอย่างเจ็บปวด
"ทำไมคุณไม่ยอมพูดความจริง"
"ความจริงมันตายไปตั้งแต่วันที่ยายมัทเกิด มัทรีลูกสาวฉันมีพ่อคนเดียวคือพี่นพเท่านั้น"
ติรกาผละจากรชานนท์ขึ้นจากสระเดินหนีไป รชานนท์ยืนนิ่ง มองเงาตัวเองสะท้อนในน้ำด้วยความรวดร้าวใจ

ห้องอาหารในรีสอร์ต วันรบตักอาหารใส่จานให้มัทรีอย่างเอาใจ วันทนีย์จึงส่งซิกทางสายตาให้กระถินทำตามแผน จู่ๆ กระถินก็ปล่อยช้อน ทำเหมือนคนเวียนหัว
"กระถิน... เป็นอะไรลูก"
"หน้ามืดจะปล้ำคน เอ๊ย หน้ามืดจะเป็นลมค่ะแม่"
"ตายแล้ว สงสัยกระถินเมารถเมื่อกลางวัน"
"มันดีเลย์มากเลยนะครับ" พชรว่า
นลินีเตือนพชร
"ใครก็เป็นกันได้นะคุณ"
"มัทมียาดมค่ะ"
มัทรีกำลังจะหยิบยาดมในกระเป๋าให้ แต่วันทนีย์ร้องห้าม
"ไม่ต้อง"
"รบพากระถินไปนอนพักที่ห้องหน่อยสิลูก เผื่อน้องจะดีขึ้น" วันทนีย์บอกกับวันรบ
"หนักขนาดนั้นเลยเหรอครับ" วันรบถาม
"ไม่เป็นไรค่ะคุณแม่ กระถินยังไหว”
วันทนีย์หันมองไปยังกระถินขยิบตาให้ กระถินหยิบแก้วลุกขึ้นไปจะเทน้ำ
“กระถินเทน้ำให้นะคะคุณแม่”
กระถินเดินถือเหยือกน้ำกลับมาแล้วหน้ามืดทำเหยือกจะหลุดจากมือน้ำในเหยือกเทลงบนตัววันทนีย์เต็มๆ
“ว้าย”
กระถินทำเป็นตกใจ
“ตายล่ะ”
กระถินทำอ่อนระโหยจะล้มลงไป วันรบเข้าไปรับกระถินไว้
“เฮ้ย”
“ขอโทษค่ะ คุณแม่..กระถินไม่ได้ตั้งใจ”
วันทนีย์เห็นมัทรีกำลังมองมาที่กระถินพอดี
“ไม่เป็นไร ...นี่กระถินคงไม่สบายจริงๆ”
มัทรีมองท่าทีกระถินอย่างสงสัยแล้วเอามือไปแตะหน้าผากกระถิน
“ขอโทษนะคะ ตัวก็ไม่ร้อน หน้าก็ไม่ซีดดูไม่เหมือนคนป่วยเลยนะคะ”
กระถินลืมตัวแหวขึ้นทันที
“ฉันปวดหัวอยู่ข้างในเนี่ยะ อย่ามาทำอวดรู้”
ทุกคนมองท่าทีกระถินที่โวยวายอย่างอึ้งๆ
“กระถิน” วันทนีย์ส่งเสียงเตือนขึ้น
กระถินมองรอบๆเห็นสายตาที่มองอยู่ จึงกลับไปเล่นบทคนป่วยต่อทันที
“โอย..เสียงดังแล้วยิ่งหน้ามืด”
“แปลกดีนะคะ หน้ามืดเป็นช่วงๆ ซะด้วย” มัทรีบอก
กระถินเห็นทุกคนเริ่มมองสงสัยกลัวจะถูกจึงทำเป็นเซไปซบวันรบ
“พี่รบคะ กระถินปวดหัว ไม่ไหวแล้ว”
วันรบมองกระถินอย่างไม่ค่อยเชื่อนัก วันทนีย์รีบสำทับ
“ตารบพาน้องกลับไปที่ห้องทีลูก”
“มัทพาไปดีกว่านะคะ”
“ฉันสั่งให้ตารบพาไป เรื่องในครอบครัวฉัน อย่ามาก้าวก่าย”
วันรบห้ามทัพทันที
“ มัทครับ เดี๋ยวผมไปเอง แป๊บเดียวเดี๋ยวผมมานะ"
วันรบหันไปบอกมัทรี แล้วประคองตัวกระถินที่ดูไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงออกไป วันทนีย์กับกระถินแอบยิ้มให้กัน สายตามีแผน

มัทรีทันได้เห็นสายตานั้นเข้าพอดี และรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล

 อ่านต่อตอนที่ 4 



กำลังโหลดความคิดเห็น