แม่ยายที่รัก ตอนที่ 9
ดำจังมึงเดินกลับออกมาหารชานนท์ พชร วันรบ มัทรี กระถิน วันทนีย์ กำนันเรือง และอาไท
“เรียบร้อย รู้ผลไม่เกินเช้าพรุ่งนี้” ดำจังมึงบอก
“งั้นโผมขอตัวก่อนนะครับ” รชานนท์บอก
“เดี๋ยวสิ ไอ้ที่ว่ามีของน่ะ ของที่ว่ามันคืออะไร” วันทนีย์ถามขึ้น
พชรอึกอักแล้วบอก
“เอ่อ...ต้องรอให้ผมเช็คให้แน่ใจก่อนครับ”
“บอกมาก่อนเถอะ ล่อให้อยากแล้วจากไปมันไม่ดีนะลุง” อาไทพูดขึ้น
“พี่ไม่ใช่ลุง” รชานนท์,พชรพูดขึ้นพร้อมกัน
อาไทสะดุ้งทันที
“พี่ก็พี่...พี่สุดหล่อบอกน้องหน่อยเถอะน่าว่าของที่ว่าน่ะมันอะไร”
“นั่นสิ ข้าก็อยากรู้” กำนันเรืองพูดขึ้น
รชานนท์กับพชรโดนต้อนจนเริ่มมองหน้ากันแล้วหันไปทางวันรบให้ช่วยที
“พ่อ แม่ เขาบอกว่าตอนเช้าค่อยรู้ก็ตอนเช้าเถอะน่า”
“ไม่” กำนันเรืองยืนยัน
อาไทแทรกเสียงดัง
“ไม่ได้ แถวนี้ถิ่นใครให้มันรู้ซะมั่ง ใช่ไหมพ่อกำนัน ไม่กล้าบอกแบบนี้ต้องเป็นเรื่องไม่ดีแน่ จริงไหมจ๊ะพ่อกำนัน” อาไทว่า
ดำจังมึงทนไม่ไหวพูดขึ้น
“อยากรู้มากใช่ไหม”
“ใช่” อาไทยืนยัน
ดำจังมึงดีดนิ้ว บอดี้การ์ดนักกล้ามสองคนเดินมาขนาบข้าง เปิดเสื้อสูท เบ่งกล้าม
“นึกว่าฉันจะกลัวเหรอ ก็แค่ล่ำ กล้ามใหญ่”
ดำจังมึงส่งไม้หน้าสาม ให้ บอดี้การ์ดหักไม้หน้าสามแถมคำรามจนอาไทสะดุ้ง
“กลัวล่ะสิ ไอ้อ้วน” ดำจังมึงถาม
“ระดับอาไทไม่มีกลัวอยู่แล้ว แค่ตัวใหญ่จะสู้ปืนลูกซองได้ยังไง จริงไหมพ่อกำนัน”
“ปืนลูกซอง..จะลองกับปืนสั้น”
ดำจังมึงพูดขึ้น บอดี้การ์ดที่เหลือชักปืนออกมาอาไทกับกลุ่มกำนันถึงกับสะดุ้ง อาไทรีบปิดตาชี้ไปที่กำนันเรืองกับวันทนีย์ทันที
“น้องไม่ได้อยากรู้ค๊าบ คนอยากรู้อยู่โน่น”
ดำจังมึงหันปืนไปกำนันเรือง
“ไอ้อาไท” กำนันเรืองกับวันทนีย์ร้องขึ้นพร้อมกัน
“รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี พ่อกำนันบอกฉันเองนะจ๊ะ” อาไทบอก
“พี่รบ..มัทว่าจะไปกันใหญ่แล้วนะคะ” มัทรีพูดขึ้น
“เอ่อ..ใจเย็นๆ นะครับ” วันรบบอก
ดำจังมึงเสริมทันที
“พวกกำนันใช่มะ”
พชรกับวันรบหันไปทางดำจังมึง
“แกนั่นแหล่ะ”
ดำจังมึงโวยวาย
“อ้าว..นี่ฉันช่วยนะเนี่ย ไม่งั้นก็ถามอยู่นั่นแหล่ะ เดี๋ยวแผนก็..อุ๊บ”
รชานนท์กระโดดปิดปากดำจังมึง
“เมื่อกี้ตาหนำเลี๊ยบมันพูดแผน ๆ อะไรนะพ่อ” อาไทถามขึ้น
วันทนีย์เห็นทุกคนอึ้งไป
“ว่าไงล่ะ พวกคุณมีแผนอะไรกัน”
รชานนท์ พชร วันรบแอบสบตากัน มัทรีลุ้นๆ ขณะที่กำนันเรือง วันทนีย์ กระถิน อาไทมองอย่างสงสัย
ภายในบ้านของเตือนใจ ติรกาเดินเข้ามา โดยพุทราถือหม้อแกงส้มตามเข้ามา ขณะนั้นเตือนใจกำลังร้องคาราโอเกะเพลงเทพธิดาดอยอย่างเมามันส์คนเดียว
“..มวลเถาวัลย์ป่าใบเขียว คดลดเลี้ยวพันเกี่ยวคบไม้ใหญ่ ฝูงมัจฉาว่ายแหวกน้ำใส เวียนวนไปภายในสายวารี"
พุทราอดรนทนไม่ได้รีบวางหม้อเข้าไปร่วมแจมทันที
“มวลบุปผชาติ ดาษเนินเขางาม แลสะพรั่งแทรกตาม หินทุกก้อนมี สาวแม้วแฉล้ม แก้มสดสีกายใจพลีให้ชายเชื้อชาติไทย"
ติรกามองหามัทรี
“แม่คะ ยัยมัทล่ะค่ะ”
เตือนใจได้ยินติรกาถามก็ร้อนตัวร้องเพลงเสียงดังขึ้นทำเป็นไม่ได้ยิน
“แม่คะ ทานข้าวพร้อมหน้ากันนะคะ” ติรกาเสียงดังขึ้น
เตือนใจพยายามจะทำเป็นไม่ได้ยินอีก ติรกาทนไม่ไหวลุกขึ้นไปหยิบรีโมทกด pause
“โหย...คุณติกดหยุดทำไมอ่ะคะ กำลังมันส์เลย” พุทราบอก
ติรกามองมาที่ติรกาด้วยสายตาพิฆาต พุทรารีบปิดปากตัวเอง
“อุ้ย”
“ยัยติ..แม่กำลังสนุกอยู่นะ เอารีโมทมานี่” เตือนใจพูดแล้วจะดึงรีโมทจากติรกา
“หนูเอาแกงส้มของโปรดยัยมัทมา จะได้ทานข้าวเย็นด้วยกัน ยัยมัทอยู่ไหนคะ”
เตือนใจทำเนียนบอก
“ก็อยู่บนห้องนะสิ”
“งั้นพุทราจะไปตามนะคะ”
“ไม่ต้อง,ไม่ต้อง” ติรกากับเตือนใจพูดขึ้นพร้อมกัน
ทั้งติรกากับพุทราต่างชะงักมองหน้ากัน
“คือ..ไม่ต้องไปตามหรอก เดี๋ยวหิวก็ลงมาเอง” เตือนใจบอก
“พุทราจัดโต๊ะ..” ติรกาสั่ง เตือนใจโล่งใจ
“เดี๋ยวฉันไปตามยัยมัทเอง”
เตือนใจรีบคว้ามือติรกาไว้
“ ไม่ได้นะ”
“ทำไมล่ะแม่”
“ก็..ยัยมัทเครียดเรื่องตาวันรบอยู่ อย่าไปกวนลูกเลย”
ติรกามองเตือนใจอย่างวิเคราะห์
“แม่...ปิดบังอะไรอยู่หรือเปล่า”
“เปล๊า....ติอย่าเพิ่งไปกวนหลานเลยนะเชื่อแม่” เตือนใจพูดด้วยเสียงสูงมาก
ติรกาจ้องเตือนใจอย่างคาดคั้นจนเตือนใจเหงื่อแตก แล้วติรกาก็ … ยิ้ม
“ก็ได้ค่ะแม่ งั้นเดี๋ยวหนูจัดโต๊ะแล้วเราทานข้าวกันนะ”
“จ๊ะ ๆ” เตือนใจกดรีโมทร้องคาราโอเกะกลบเกลื่อนต่อ
ติรกาเดินไปที่โต๊ะอาหารซึ่งพุทราจัดโต๊ะอยู่ แล้วมองไปทางเตือนใจอย่างสงสัย เตือนใจร้องเพลงแต่เมื่อหันมาเจอกับสายตาติรกาก็เบือนหน้าไปร้องทางอื่น ติรกานั่งมองเตือนใจด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
“พุทรา”
พุทราเห็นสายตาเจ้าเล่ห์ที่ติรกามองเตือนใจ
“ขา... ถ้าพุทราเดาไม่ผิด คุณติมีแผนร้ายให้พุทราทำใช่ไหมคะ”
“หึๆๆ”
ในเวลาเดียวกัน บ้านวันรบที่สุพรรณบุรี รชานนท์ พชร วันรบยังสบตากันไปมา
“พูดมาสิว่าแผนอะไร” กำนันเรืองเริ่มจับปืนสองมือเตรียมพร้อม
“ตายแน่ไอ้นนท์ ฝั่งเราน่ะปืนปลอมแต่ทางโน้นลูกซองของจริงนะเว้ย ศพไม่สวยแน่” พชรพูดกับรชานนท์
วันรบเห็นท่าไม่ดีพยายามแก้สถาการณ์ทันที
“แผน! แผนสำรวจที่ดินพรุ่งนี้ใช่ไหมครับ” วันรบพยักเพยิดกับรชานนท์ให้รับมุกสุดฤทธิ์
“ใช่ เราต้องรีบกลับไปปรึกษาวางแผนอย่างละเอียดใช่ไหมดำจังมึง” รชานนท์รับลูกจากวันรบทันที
พชรศอกใส่ลำตัวจนดำจังมึงตัวงอ
“ช่าย ๆ เรารีบกลับกันเถอะ” พชรบอก
รชานนท์ลากดำจังมึงไปที่รถ พชรจะตาม วันทนีย์หันมาหาวันรบ
“งั้น..ตารบคืนนี้ค้างที่บ้านนะลูก”
รชานนท์ได้ยินตกใจรีบหันมา พชรทำเป็นพูดเสียงดังกับดำจังมึงแต่สายตามองไปที่วันรบ
“ไม่ได้! เราต้องรีบไปวางแผนงานกัน เถลไถลไม่ได้คุณเข้าใจไหม”
“รีบกลับไปเจอกันที่โรงแรม ไป”
พวกรชานนนท์รีบขึ้นรถตู้และขับออกไป
“ขึ้นบ้านกันเถอะตารบ” วันทนีย์บอก
“แม่ครับ คืนนี้ผมต้องไปพักที่โรงแรม”
“ปกติกลับมาก็นอนบ้าน ทำไมต้องไปพักโรงแรมด้วย”
“เอ่อ...”
มัทรีรีบช่วยแก้สถานการณ์ทันที
“คือมัทไม่ได้เตรียมตัวมาต้องไปหาซื้อของใช้ด้วยค่ะ เข้าเมืองแล้วพักโรงแรม พี่รบจะได้ไม่ต้องขับรถไปๆ มาๆ ไงคะ”
“ใช่ครับ! พรุ่งนี้ผมค่อยมานะครับแม่”
วันทนีย์ไม่พอใจขึ้นทันที
“นี่ขนาดไม่แต่งยังจูงจมูกขนาดนี้”
“แม่บอกว่าพี่รบเป็นกระต่ายเหรอคะ”
“ควายต่างหาก” อาไทแทรกขึ้นทันที
กำนันเรือง,วันทนีย์,วันรบ มองหน้าอาไท
“อยู่ดี ๆ ก็ง่วง อาไปนอนก่อนนะ”
อาไทหาวใส่แล้วทำเนียนเดินออกไป
“งั้นเราไปเถอะครับมัท”
วันรบรีบพามัทรีไปขึ้นรถทันที
“ตารบ..เดี๋ยวก่อนไ วันทนีย์เรียกขึ้น
“พี่รบ” กระถินเรียกสำทับ
วันรบรีบขับรถออกไปทันที กระถินกับวันทนีย์มองหน้ากันอย่างหงุดหงิด กำนันเรืองส่ายหน้าระอา
ทุกคนกลับมาพักกันที่โรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดสุพรรณบุรี มัทรียืนเครียด วันรบเข้ามาทางด้านหลังมัทรี
“มัท..ผมขอโทษนะที่ทำให้แม่เข้าใจมัทผิด”
“ก็มันจำเป็นนี่คะ อย่าคิดมากเลยค่ะพี่รบ คุณแม่ไม่ชอบมัทอยู่แล้ว เข้าใจผิดเพิ่มนิดหน่อย มัทไม่เป็นไร เพื่อพี่รบ มัทจะต้านจนสุดแรง เพื่อความรักมัทจะสู้จนตัวตาย”
“เอ่อ..มัทจ๊ะ แม่ผมไม่ใช่ทัพข้าศึกประชิดเมือง ไม่ต้องฮึกเหิมขนาดนั้นก็ได้”
มัทรียิ้มขำ
“มัทอุตส่าห์ปลุกใจ พี่รบขัดคอซะนี่ มัทไม่เป็นไรหรอกค่ะไม่ต้องห่วงนะ”
วันรบใช้นิ้วโป้งคลึงหัวคิ้วมัทรี
“ถ้าไม่เป็นไรจริงๆ ก็อย่าทำคิ้วย่นสิครับ ผมไม่อยากเห็นมัทเครียดอยากให้มัทยิ้มแบบนี้”
วันรบใช้มือดึงแก้มมัทรีให้ยิ้ม
“โอ้ย! พี่รบแกล้งมัทนี่” มัทรีตีวันรบแบบหยอกๆ
รชานนท์เข้ามาเห็นวันรบกำลังรวบมือมัทรีพอดี
“เฮ้ยๆๆ ไอ้รบ! จับมือถือแขนน้องมัทได้ไงวะ”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะป๋า ก็ผมกับมัทเป็นแฟนกัน จริงไหมจ๊ะ” วันรบโอบโชว์รชานนท์
รชานนท์ไม่พอใจตะหงิด ๆ เดินเข้าไปล็อคคอวันรบออกมา
“เฮ้ย..อะไรวะป๋า”
“พี่ระให้มาตามไปประชุม ไป”
รชานนท์ไม่ฟังคำตอบลากวันรบไปทันที มัทรีมองตามอย่างงง ๆ แล้วรีบเดินตามไป
ภายในห้องพักของพชร รชานนท์ลากวันรบเข้ามา มัทรีตามเข้ามา พชรกับดำจังมึงสีหน้าจริงจังมาก
“มากันครบทุกคนแล้วนะ ตอนนี้แผนปั่นพ่อหลอกแม่ของเราก็สำเร็จไปขั้นหนึ่งแล้ว” พชรพูดขึ้น
"ทุกอย่างผ่านได้ด้วยดี นับว่าเป็นฤกษ์งามยามดีจริงๆ” รชานนท์บอก
วันรบนับเงินส่งให้ดำจังมึง
“คิวงานหกชั่วโมงสามพันนะ ของนายกับเพื่อน ๆ นี่ค่าเหนื่อยของวันนี้”
ดำจังมึงรับเงินมา
“พูดตรงๆ นะ แผนนี้สุดยอดมากๆ ช่างเป็นแผนที่แย่ โฉด ชั่วได้ใจจริงๆ”
วันรบสะดุ้งเป็นระยะที่โดนกระแทกเสียงใส่
“สร้างเรื่องหลอกกระทั่งพ่อแม่ตัวเองได้ เลวที่สุด”
“เอ่อ..ด่าคนคิดแผนใช่ไหม” วันรบถาม
“ด่ามึงเนี่ยแหล่ะ”
วันรบทำท่าจะดึงเงินกลับจากมือดำจังมึง
“งั้นอย่าเอาเลยเงินน่ะ”
ดำจังมึงได้สติแสดงท่าทางนบนอบทันที
“แต่พี่คงทำเพราะความจำเป็นใช่ไหม ผมเข้าใจได้ คนไทยด้วยกันเห็นใจกันอยู่แล้ว พี่ไม่ต้องพูด ผมเห็นใจพี่จริงๆ”
วันรบมองดำจังมึงแบบนึกว่าจะแน่ !! พชรพูดขึ้นกับรชานนท์
“แล้วไอ้ของที่แกบอกว่าเรามาตามหานี่อะไรวะ ฉันเกือบรับมุขไม่ทันเลยนะ”
รชานนท์ยิ้มอย่างมีแผนทุกคนมองอย่างรอฟังรชานนท์ลงนั่ง
หลังมื้ออาหารเย็น เตือนใจนั่งกึ่งนั่งกึ่งนอนบนเก้าอี้พักผ่อน พุทราจับเตือนใจให้เอนตัวลงนอน
“มาส์กหน้าสักหน่อยนะคะ พุทรารับรองค่ะว่าเต่งตึงแน่นอน” พุทราว่า
พุทรามองไปทางมุมหนึ่งเห็นติรกายื่นหน้ามาอย่างรอจังหวะ พุทราจะวางแผ่นมาส์กบนหน้าเตือนใจ ติรกากำลังจะก้าว เตือนใจขืนตัวจะลุกขึ้น
“ฉันว่าไม่ดีกว่า”
ติรกาที่ถอยหลังแทบไม่ทัน
“ฉันแก่แล้วจะมาเสริมสวยอะไรกันตอนนี้ ฉันว่า..”
พุทราจับเตือนใจเอาไว้ พุทรากำลังจะวางแผ่นมาสก์ที่ใบหน้าของเตือนใจและ รีบขยิบตาให้ติรกา“ทำเถอะค่า คุณเตือนจะได้สดชื่นไงคะ”
ติรการีบย่องอย่างรวดเร็วจะขึ้นบันได
“แต่ฉันว่า” เตือนใจจะลุกขึ้นอีก
ติรกาหลบไม่ทันหยิบแจกันดอกไม้มาบังหน้า หลับตาปี๋ มาส์กจะหลุดจากใบหน้าของเตือนใจ พุทราคว้าตัวเตือนใจ ให้ลงนอนอย่างเฉียดฉิว
“แม่พุทรา ทำอะไรเนี่ย”
พุทราจับแผ่นมาส์กหน้าให้เข้าที่ เอาแตงกวามาวางอย่างรวดเร็ว
“พุทราทำเพื่อคุณเตือนนะคะ นอนนิ่งๆ นะคะคุณเตือน ขยับตอนนี้หน้าจะแก่เป็นร้อยเท่า”
“แม่พุทรา”
“ยิ่งพูดเยอะปากจะยิ่งยับย่นนะคะคุณเตือน”
พุทรารีบโบกมือให้ติรการีบๆขึ้นไป ติรกาวางแจกันลงแต่มือดันปัดแจกันตกแตก เตือนใจทำท่าจะลุก
“เสียงอะไร”
“เอ่อ..แจกันมันหล่นน่ะค่ะไ
“มันหล่นได้ยังไง” เตือนใจพูดพลางจะหยิบแตงกวาออก พุทรากับเตือนใจมองหน้ากันเลิ่กลั่ก แล้วติรกาก็...
“เมี้ยว....”
“แมวนี่เอง” เตือนใจชะงัก
“ค่ะ แมวมันซนน่ะค่ะ” พุทราว่า
พุทราส่งซิกให้ติรกาขึ้นไปเร็ว ๆ ติรการีบก้าวขึ้นไปตามบันได
เตือนใจนึกได้ทันที
“เอ๊ะ..บ้านฉันไม่มีแมวนี่”
เตือนใจพูดแล้วหยิบมาส์กหน้าออก เห็นหลังติรกาเลี้ยวหายไปตรงบันไดพอดี
“ยัยติ” เตือนใจเรียกติรกาและส่งสายตามามองพุทราอย่างอาฆาต
“พุทรา”
“อุ้ย! ...หนูโดนบังคับน่ะค่ะ”
เตือนใจรีบวิ่งตามติรกาขึ้นบันไดไป พุทรารีบตาม
“ยัยติ”
ติรกาวิ่งมาที่หน้าห้องมัทรี เตือนใจวิ่งตามมาติด ๆ
“ยัยติ อย่า”
เตือนใจจะเข้ามาคว้าแขนติรกา แต่ติรกาไวกว่ารีบคว้าลูกบิดเปิดประตูเข้าไปในห้องทันที ภายในห้อง ติรกายืนมองเห็นแต่ห้องว่างเปล่า
“ยัยมัท”
เตือนใจเข้ามาในห้อง ติรกาหันมามองเตือนใจอย่างคาดคั้น
“ยัยมัทไปไหนคะแม่”
เตือนใจสะดุ้งแล้วทำตกใจยิ่งกว่า
ยัยมัทหายเหรอ อ้าว เมื่อเย็นยังเห็นอยู่เลย ไปไหนเนี่ย”
เตือนใจทำเป็นเดินไปดูที่ห้องน้ำ
“ยัยมัท..ยัยมัท ไปไหนเนี่ย..”
“แม่ไม่รู้เหรอคะว่ายัยมัทไปไหน”
“ไม่รู้...มืดค่ำป่านนี้ไปไหนนะ หลานคนนี้น่าตีจริงๆ”
เตือนใจทำบ่น ๆ แล้วเดินเนียนออกไป ติรกามองตามอย่างมั่นใจว่าเตือนใจต้องรู้แน่
“คุณติขา...พุทราว่าคุณเตือน...”
“พุทรา”
“ขา”
“ตาวิเศษยังทำงานอยู่ไหม”
“ตลอดเวลาค่ะ”
“ไปเอามาให้ฉันดูซิ”
“จัดให้ด่วนเลยค่ะ ตาวิเศษ..ตาวิเศษ เห็นนะ อ๊ะๆ สอดรู้งานหลัก” พุทราหันมาชี้ไปที่ติรกา
“เพื่อนเล่นเหรอ”
พุทราหันนิ้ววกมาชี้ตัวเอง
“ตาวิเศษเห็นนะ คิดลามปามให้ดูที่ดูทาง”
พุทรารีบลั้นลาออกไป
“ไอ้รบต้องมีแผนอะไรแน่” ติรกา
ภายในห้องพักของโรงแรมที่สุพรรณบุรี พชรลุกขึ้นอย่างตกใจแล้วพูดขึ้น
“หลอกว่าที่ดินของไอ้รบเนี่ยนะมีบ่อน้ำมัน”
รชานนท์ใช่ ตอนนี้แม่ไอ้รบเข้าใจว่าเราซื้อที่ดินมาแล้ว เราต้องสร้างมูลค่าที่ดินล่อให้แม่ไอ้รบซื้อที่
คืนไป
พชรบ่อน้ำมันเนี่ยนะ ทำไมตอนแกวางแผนแกไม่บอกให้หมดก่อนวะ
วันรบ มาบอกตอนนี้จะไปสรรหาบ่อน้ำมันที่ไหนมาโชว์ให้แม่ผมดูได้ล่ะเนี่ย
รชานนท์ไม่ต้องมีบ่อน้ำมันหรอก แต่เราต้องมีคนยืนยันว่าบ่อน้ำมันมีจริง และคนนั้นคือ ...
รชานนท์หันมองไปที่ดำจังมึง ทุกคนค่อยๆมองไปทางดำจังมึงเป็นตาเดียว
เช้าวันใหม่ เตือนใจกำลังเช็ดถูสกายแล็ป ติรกาเดินหน้าตึงเข้ามา
“แม่บอกหนูมานะว่ายายมัทหายไปไหน”
“ไม่รู้ แม่ไม่ได้นั่งเฝ้ายัยมัทไว้นี่”
“หนูไม่เชื่อ”
ติรกาเดินมาจ้องหน้าเตือนใจนิ่ง
“ยายมัทไปไหน”
เตือนใจเปลี่ยนด้านเช็ดเบาะรถหันหลังให้กับติรกา
“แกจะมาคาดคั้นแม่ทำไม มีหลักฐานมั้ยว่าแม่รู้ว่ายายมัทไปไหน”
“พุทรา” ติรการ้องเรียก พุทราวิ่งเข้ามาจากห้องนอนพร้อมไอแพดแล้วเปิดคลิปวีดีโอให้เตือนใจดู
“เดี๋ยว ถอยไป”
พุทราถอยออกไป
“ไปอีก”
พุทราถอยออกไปจนห่างมาก
อีก..หยุด..ไหน ให้แม่ดูอะไร”
กล้องวงจรปิด เห็นมัทรีปีนหน้าต่างห้องนอนเตือนใจลงมา เตือนใจชะโงกหน้ามาโบกมือบ๊ายบายกับมัทรี
“ตั้งแต่เกิดเรื่องวุ่น ๆ คุณติรกาให้พุทราตั้งกล้องวงจรปิดรอบโรงงาน อันนี้ถ่ายไว้ได้ตอนกลางวันเมื่อวานค่ะ”
เตือนใจนิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออก
“จะบอกได้รึยังคะว่ายายมัทหนีไปไหน”
สีหน้าของเตือนใจดื้อดึงไม่แพ้กัน
“แม่บอกว่า แม่ไม่รู้ก็คือไม่รู้”
เตือนใจเดินหนีเข้าไปในบ้าน
“แม่”
“ถ้ามาแนวนี้ คงจะไม่ยอมบอกง่าย ๆ แน่ค่ะ” พุทราบอก
ติรกาเดือดขึ้นทันที
“ฉันจะต้องรู้ให้ได้ว่ายัยมัทหายไปไหน”
วันทนีย์ กำนันเรือง อาไทนั่งรออยู่ กระถินยกหม้อข้าวต้มหมูออกมาวาง วันรบพามัทรีขึ้นมาบนบ้านพอดี
“คุณพ่อคุณแม่สวัสดีค่ะ”
กำนันเรืองจะรับไหว้แต่วันทนีย์ดึงมือไว้
“ฉันมีลูกแค่คนเดียวคือตารบ”
มัทรีชะงักเห็นกระถินยักคิ้วยิ้มเย้ยอย่างสะใจ มัทรีหน้าตึงแต่เก็บอาการสุดชีวิต
“คุณแม่มีลูกสองคนนะคะ ก็ลูกชายกับลูกสะใภ้อีกคน คนนั้นก็คือ...”
“พี่มัทรีขอบคุณน้องกระถินนะคะที่สนับสนุนให้พี่เป็นลูกของคุณแม่อีกคน”
“อย่ามาขี้ตู่ ฉันจะบอกว่าลูกสะใภ้คนนั้นคือ..”
มัทรีโผเข้ากอดกระถิน
“ขอบคุณนะจ๊ะ ขอบคุณ พี่ซาบซึ้งจริง ๆ”
พูดจบมัทรีก็ผละออกแล้วกุลีกุจอตักข้าวต้มให้ทุกคน
“ข้าวต้มค่ะ คุณแม่ คุณพ่อ นี่ของน้องกระถินกับอาไทนะคะ”
อาไทรับชามข้าวต้ม มือรวบมือมัทรีที่จับชามข้าวต้มอยู่แล้วบอก
“ต้องเป็นข้าวต้มที่อร่อยที่สุดในโลกเลยครับ”
“เฮ้ย” วันรบกระแอมกัดฟันพูดตบไหล่อาไทลงน้ำหนักอย่างแรง
“อาไท ปล่อย”
อาไทรีบปล่อยมือ แต่เอามือขึ้นมาดมชื่นใจ วันรบแอบมะเหงกเขกหัวอาไท
“ตารบ แล้วนี่รู้หรือยังว่าพวกกิมจิมันหาอะไรกันอยู่”
“โอเค” วันรบเสียงดัง
“เฮ้ย! โอเคอะไรไอ้หมา ตกใจหมด” กำนันเรืองพูดขึ้น
“โอเคว่าเราลองไปถามเขาดีไหมว่าเขาหาอะไรน่ะพ่อ” วันรบเสียงยิ่งดังใหญ่
“ดี งั้นเอ็งไปกับข้า”
“แม่ไปด้วย”
“ไม่ต้อง” วันรบกับกำนันเรืองพูดขึ้นพร้อมกัน
วันรบหันไปมองกำนันเรืองอย่างแปลกใจ
วันทนีย์ชะงักแล้วถามขึ้น
“ทำไมล่ะพ่อจ๋า”
“เรื่องสืบกับเจรจาให้พ่อจ๋ากับไอ้หมาก็พอ แม่รอฟังข่าวที่นี่เถอะ มากคนก็มากความนะ”
“แม่กับกระถินอยู่นี่เถอะครับ ให้ผมกับพ่อไปสืบดีกว่า”
วันรบหันไปสบตากับมัทรี มัทรีเห็นสายตาวันทนีย์มองมพอดี
“ไปเถอะค่ะพี่รบ มัทจะอยู่ทานข้าวเป็นเพื่อนคุณแม่กับน้องกระถินค่ะ ไปเถอะค่ะ”
“ไปสิ ไอ้หมา”
กำนันเรืองลุกเดินนำไป วันรบชักตะหงิด ๆ กับท่าทีของกำนันเรืองจึงรีบเดินตามไป วันทนีย์เห็นอาไทยังนั่งอยู่ จึงพูดขึ้น
“ไม่ตามไปล่ะ ตัวติดพ่อจ๋าตลอดไม่ใช่เหรอแก”
“อยากไปจ๊ะแม่ แต่..หัวใจมันสั่งว่าให้นั่งอยู่ตรงนี้”
มัทรียิ้มกับอาไทแต่หันมาเจอวันทนีย์กับกระถินมองมาเหมือนมีแผนร้าย มัทรียิ้มสู้
อ่านต่อหน้า 2
แม่ยายที่รัก ตอนที่ 9 (ต่อ)
วันรบดึงกำนันเรืองลงมาบริเวณหน้าบ้าน รชานนท์กับพชรทำเป็นสุมหัวดูไอแพด ด้านหลังมีบอดี้การ์ดจำนวนหนึ่งยืนคุ้มกันอยู่ด้วย วันรบเดินตามกำนันเรืองลงมาจากบนบ้าน
“เฮลโล่” วันรบทักทายอาคันตุกะชาวเกาหลี
รชานนท์,พชรหันมาแล้วพูดขึ้น
“อันยองฮาเซโย”
กำนันเรืองยิ้ม
“ สวัสดี เจอของที่คุณหากันหรือยัง”
“ใกล้แล้ว จากการคำนวนเวลาของเรา ไม่น่าจะเกินภายในครึ่งชั่วโมงนี้” รชานนท์บอก
“เอๆ ดีๆ ว่าแต่เป็นสถาปนิกมันไม่พอกินเหรอ ถึงผันตัวเองเป็นนักธุรกิจ สัญชาติเกาหลีซะด้วย”
รชานนท์ พชร วันรบชะงักหันมองหน้ากันอัตโนมัติ
วันรบรีบทำเนียน
“สถาปนิกอะไรกัน พ่อรู้จักคุณคันจึงเกากับเบนยางเอือมด้วยเหรอ”
“นั่นสิ ฮ่าๆ ๆ ” รชานนท์,พชรหัวเราะกลบเกลื่อน
“ก็ชื่อไทยเขาน่ะ ชื่อ...รชานนท์กับพชรใช่ไหมล่ะ”
รชานนท์,พชรเผลอรับทันที
“ครับ”
“เฮ้ย” วันรบ,รชานนท์,พชรร้องขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้
“พ่อ” วันรบตกใจ
ดำจังมึงวิ่งเข้ามา
“เฮ้ บอส วี ฟาวด์ ออย"
ทุกคนหันไปเห็นดำจังมึงวิ่งตัวเปียกมาเชียว ดำจังมึงวิ่งมาถึงเห็นทุกคนยืนอึ้งอยู่
“เฮ้! บอสวี ฟาวด์ ออย บอส เฮ้ย! เจอน้ำมันแล้วไง ยืนงงอะไรกันเนี่ย”
“สองคนนี้รุ่นพี่ แล้วไอ้หนำเลี๊ยบนี่เป็นใคร เพื่อนที่ทำงานแกด้วยเหรอไงไอ้หมา” กำนันเรืองถามขึ้น
“พูดแบบนี้ อึ้งแบบนี้ แสดงว่า”
ดำจังมึงรีบทำแต๋วใส่แล้วพูด
“สวยแล้ว”
“ซวย” รชานนท์กับพชรพูดขึ้นพร้อมกัน
"ว่าไงไอ้หมา จะบอกพ่อดีๆ หรือจะบอกทั้งน้ำตา”
ทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่กเอาไงวะ แล้วหันมามองวันรบที่ต้องตัดสินใจ กำนันเรืองมองอย่างกดดันเพื่อรอคำตอบ
“พวกเราเล่นไม่เนียนเหรอครับคุณพ่อ” พชรบอก
“เนียน... ข้าไม่ได้ตำแหน่งกำนันมาเพราะจับสลากนะเว้ย ความเก่งล้วนๆ คนเป็นพ่อถ้าดูลูกไม่ออกก็ไม่ต้องเรียกข้าว่าพ่อแล้ว”
“แล้วคุณพ่อบอกคุณแม่หรือเปล่าครับ” รชานนท์ถาม
“เปล่า ข้าอยากรู้ว่าเอ็งจะโกหกแม่เอ็งนานแค่ไหน”
วันรบรู้สึกผิด ตัดสินใจไหว้กำนันเรือง
“ผมขอโทษครับพ่อ แต่ผมจำเป็นจริงๆ ผมต้องหาสินสอดไปขอมัทพ่อพูดกับแม่ให้ช่วยผมเรื่องสินสอดได้ไหม”
“โอ้ย..แม่เอ็งน่ะ เสียทองเท่าหัวเสียผัวดีกว่า แล้วยิ่งค้านเรื่องหนูมัทหัวชนฝา ไม่มีทางยอมให้หรอก เงินทุกบาทแม่ไอ้หมามันเก็บหมด ข้าไม่เคยได้เห็นหรอก”
“พ่อ..”
กำนันเรืองมองแบ้วตัดสินใจ
“แผนแกเป็นยังไงว่ามาสิ”
วันรบมองกำนันเรืองอย่างมีความหวัง
มัทรีนั่งทานข้าวต้มเงียบ ๆ อยู่บนบ้านวันรบ วันทนีย์กับกระถินซึ่งนั่งอยู่ไม่ไกลไม่ตักข้าวกินแต่กลับมองมัทรีด้วยสายตาเหมือนจะเตรียมเชือด อาไทมองท่าทีของแม่ตัวเองกับกระถิน และเหลือบมองมัทรี จู่ๆ วันทนีย์ก็วางช้อนอย่างแรง
“นี่เธอ..” วันทนีย์เรียก
มัทรีเงยหน้าขึ้นยิ้มสู้ “มัทรีค่ะ เรียกมัทก็ได้ค่ะคุณแม่”
“ฉันไม่ได้อยากรู้จักสนิทสนมกับเธอ ฉันจะบอกเธอว่าเลิกกับตารบซะ”
มัทรีพยายามยิ้ม “ไม่เลิกค่ะ”
“เอ๊ะ! นี่คิดจะท้าทายฉันเหรอ” วันทนีย์ฉุนกึก
“คิดว่าพี่รบรักมากเลยไม่เห็นหัวแม่จ๋าล่ะสิ” กระถินเสริม
“มัทไม่ได้คิดจะท้าทายคุณแม่ค่ะ มัทขอถามคุณแม่ว่าถ้ามีคนสั่งให้คุณแม่เลิกกับคุณพ่อ คุณแม่จะเลิกไหมคะ”
“ไม่!” วันทนีย์ตอบเด็ดขาด
“ทำไมล่ะคะ” มัทรีถามต่อ
“ก็ฉันรักของฉัน !” วันทนีย์บอก
“มัทถึงบอกว่าไม่เลิกไงคะ เพราะมัทรักพี่รบมาก มัทอยากใช้ชีวิตอยู่กับพี่รบตลอดไป”
“นั่นไง สวยแล้วยังมั่นคง นางฟ้าของอาไท” อาไทพูดยิ้มๆ
“แต่เธอไม่เหมาะสมกับตารบ กระถินของฉันเหมาะสมกับตารบมากกว่าเธอ” วันทนีย์บอก
“มัทจบปริญญาตรี เป็นนักออกแบบตกแต่งภายใน เงินเดือนสองหมื่นขึ้น ที่บ้านมีโรงงานโอ่ง ที่บ้านหนึ่งหลัง ที่ดินอีกสิบไร่” มัทรีร่ายยาว
“พี่กระถินสู้เลย” อาไทยุ
กระถินเหลือบเห็นวันทนีย์ส่งสายตาให้เธอสู้ “กระถินไม่จบอะไร ทำงานบ้านขัดดอกให้คุณแม่ คุณแม่ให้เงินเดือน ๆ ละห้าพัน บ้านไม่มีโรงงาน แต่ถ้าหนี้ล่ะบานเลย”
วันทนีย์อึ้งเพราะสาวที่เธอเชียร์ต่างจากสาวคนรักของลูกชายอย่างเทียบไม่ได้
“พี่สาวคนสวยชนะขาด” อาไทสรุป
กระถินขอความเห็นใจ “คุณแม่”
“คนที่เหมาะกับตารบไม่จำเป็นต้องร่ำรวยแต่ต้องดูแลตารบได้ไม่ขาดตกบกพร่อง” วันทนีย์บอก
กระถินได้ฟังก็ยืดทันที “ทำงานบ้านสะอาดเอี่ยมตั้งแต่หัวบันไดยันหลังคา ทำกับข้าวชนะการประกวดระดับอำเภอ” กระถินหันไปทางมัทรีคล้ายจะท้าให้สู้กับเธอ
“ทำงานบ้านได้บ้างค่ะ” มัทรีบอก “ทำกับข้าวเรื่องสารพัดไข่มัทไม่เป็นรองใครค่ะ”
“นั่นไง คุณสมบัติแม่บ้านแม่เรือนไม่มีสักนิด เป็นผู้หญิงแต่ไม่มีเสน่ห์ปลายจวัก ก็อย่าคิดจะมีสามีกับใครเขาเลย” วันทนีย์ตัดบท
“โหย..แรงอ่ะแม่ พี่คนสวยต้องทำงานนอกบ้าน จะมีเวลาทำงานบ้านตอนไหน” อาไทช่วยพูด
“ตารบก็ทำงาน ผัวทำงาน เมียทำงานแล้วใครจะดูแลบ้าน ดูพ่อจ๋าสิแสนจะสบายไปทำงานกลับมาก็บ้านสะอาด ข้าวปลาสมบูรณ์ เพราะมีเมียดี” วันทนีย์พูดเข้าตัว
“แต่ที่อาเห็นน่ะ แม่ใช้พี่กระถินทำนะ” อาไทแย้ง
“อาไท!” วันทนีย์ดุ อาไทรีบปิดปากตัวเองทันที “รู้ตัวว่าไม่เหมาะสมก็ถอยไปซะ ฉันจะไม่ยอมรับสะใภ้หยิบโหย่งอย่างเธอหรอก”
มัทรีรู้สึกหนักใจ อาไทมองมัทรีอย่างเห็นใจ
“แม่จ๋า! แม่จ๋า!” เสียงกำนันเรืองดังเข้ามา
“เสียงพ่อจ๋านี่”
พูดจบวันทนีย์ก็รีบเดินออกไป โดยมีกระถิน อาไท มัทรีเดินตามไปด้วย
ดำจังมึงยืนอยู่กลางวงล้อมของคนที่บ้านวันรบ โดยมีบอดี้การ์ดยืนอยู่รอบนอก รชานนท์กับพชรตีมือกันด้วยท่าทางดีใจ สักพักวันทนีย์ กระถิน อาไท และมัทรีก็เข้ามาสมทบ
“แม่จ๋าพวกนี้ขุดเจอน้ำมัน” กำนันเรืองบอก
“หลังบ้านเราเนี่ยนะมีน้ำมัน! รู้ได้ไง” วันทนีย์ข้องใจ
“มิสเตอร์ดำจังมึงเป็นผู้เชี่ยวชาญในการขุดหาน้ำมัน หลักฐานคือน้ำมันบนตัวเขา” วันรบบอก
กระถินเข้ามาดม “มันคือน้ำมันจริงเหรอแม่”
วันทนีย์ดมบ้าง “กลิ่นเหมือนที่ได้กลิ่นตามปั๊มเลยนะพ่อจ๋า”
“อยากรู้ว่าใช่หรือเปล่าก็ไม่ยากนี่พ่อกำนัน”
อาไทพูดจบก็ล้วงไฟแช็กออกจากกระเป๋ากำนันเรืองแล้วเดินมาที่ดำจังมึงก่อนจะจุดไฟแช็กพรึ่บ!
ดำจังมึง รชานนท์และพชรร้องด้วยความตกใจ “เฮ้ย!”
บอดี้การ์ดที่อยู่ไม่ไกลคว้าถังน้ำสาดใส่ดำจังมึงทันทีก่อนจะหยิบผ้ามาฟาดใส่หลายครั้งแล้วก็กระทืบเพื่อดับไฟ
ดำจังมึงถีบพวกบอดี้การ์ดออกไป “เว้ย ! ไฟมันดับตั้งนานแล้ว” ดำจังมึงค่อยๆ ลุกขึ้น “เชื่อแล้วใช่ไหมว่าเป็นน้ำมัน”
กระถินจิ้มแขนดำจังมึง “นี่มันถ่านหรือคนเนี่ย”
“พี่กระถินอย่าเข้าไปใกล้เดี๋ยวสีตกใส่” อาไทแซว
ดำจังมึงเริ่มหมั่นไส้ “ตบเด็ก เตะหญิงสักทีท่าจะดี”
รชานนท์กับพชรกระโดดล็อคคอดำจังมึงแล้วดึงออกมาทันที
“ช่างเถอะ เราเจอน้ำมันก็โอเคแล้วนะ ต่อไปนี้เราจะรวยเป็นร้อยล้าน” รชานนท์พูดกับดำจังมึง
“หมื่นล้านต่างหาก” พชรรีบแย้ง
“ข้าอยากเห็นกับตาว่าเรามีบ่อน้ำมันจริง ๆ ไปพ่อจ๋าไปดูกัน”
พูดจบวันทนีย์ก็จะลากกำนันเรืองไป แต่กำนันเรืองรีบขยิบตาให้รชานนท์
รชานนท์ร้องบอกทันที “เข้าไม่ได้!”
พวกบอดี้การ์ดเข้ามายืนขวางทันที ดำจังมึงกระเผลกมาขวางพร้อมกับเอามือจับปืนปลอมที่อยู่ตรงเอว
“ตอนนี้ที่เป็นของเราแล้วห้ามใครบุกรุก ไม่งั้น..” พชรขู่
แล้วทุกคนก็ชักปืนออกมา กำนันเรือง วันทนีย์ อาไท และกระถินลากวันรบถอยกรูดออกมาทันที
“ถ้าเป็นผมกับพ่อเข้าไปได้ไหม” วันรบถาม
พชรมองรชานนท์ รชานนท์เห็นสายตาของพี่เขยก็พูดออกมา
“โอเค คุณเข้าไปได้ มิสเตอร์ดำจังมึงนำไปที”
ดำจังมึงเดินนำวันรบกับกำนันเรืองเข้าไป
วันรบกับกำนันเรืองเดินมาที่หลังต้นไม้ใหญ่ พอเห็นว่าพ้นสายตาวันทนีย์แล้วทั้งสองก็ตีมือกัน
“สุดยอดเลยพ่อ แม่ดูจะเชื่อสนิทเลย” วันรบดีใจ
“เอ้า ๆ นี่กำนันเรือง ตำแหน่งสุดยอดกำนันแหนบทองแห่งสุพรรณ” กำนันเรืองคุย
“ไม่อยากจะขัดจังหวะ แต่ผมอยากรู้ว่า” ดำจังมึงแทรกแล้วพูดเน้น “พ่อ..ลูกจะชื่นชมกันอีกนานไหมครับ”
“อื้อหือ..เต็มๆ” กำนันเรืองจ๋อย
“โอเค งั้นแผนต่อไปมาเลย” วันรบบอก
ดำจังมึงรีบหยิบถังแกลลอนใส่น้ำมันส่งให้วันรบทันที
รชานนท์กับพชรยืนคุยอยู่ใกล้ๆ กับวันทนีย์ที่ยืนอยู่หน้าบ้าน
“เรามีบ่อที่เมืองไทย บ่อที่คูเวต” รชานนท์บิ๊วท์ “จากรวยร้อยล้านจะรวยเป็นพันล้าน!”
“หมื่นล้านต่างหาก!” พชรแย้ง
แล้วทั้งสองก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน “ฮะ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ฮ่า ๆ ๆ ๆ”
วันทนีย์มองอย่างไม่สบอารมณ์ สักพักวันรบกับกำนันเรืองก็เดินกลับมาพร้อมแกลลอนน้ำมัน ทุกคนเข้าไปรุมล้อมด้วยความอยากรู้
วันรบยกแกลลอนน้ำมันให้ทุกคนดู “น้ำมันจริงๆ ครับ พวกนี้สูบออกมาหลายถังแล้วแม่”
“พ่อเห็นกับตา” กำนันเรืองเสริม
“ตารบ,พ่อจ๋า ประชุมด่วน!” วันทนีย์เรียก
พูดจบวันทนีย์ก็เดินฉีกออกไป กำนันเรือง กระถิน และอาไทรีบเดินตามไป วันรบหันมาขยิบตาให้รชานนท์กับพชรว่าเป็นไปตามแผน
มัทรียืนมองด้วยความไม่สบายใจ ก่อนจะค่อยๆ ขยับมากระซิบถามรชานนท์
“ป๋าคะ มันจะได้ผลเหรอคะ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกลูก” รชานนท์เห็นมัทรียังมองด้วยความสงสัย “เอ่อ...คือไอ้รบมันเป็นลูกย่อมรู้ว่าพ่อแม่นิสัยยังไง มันจัดการได้ น้องมัทไม่ต้องห่วงนะ”
วันทนีย์ กระถิน อาไทและกำนันเรืองกำลังประชุมอย่างเคร่งเครียดอยู่กับวันรบ
“ที่จริงนี่มันที่ดินของลูกเรา จะให้คนอื่นมาชุบมือเปิบไปได้ยังไง” วันทนีย์ไม่ยอม
“แต่ผมเซ็นสัญญาซื้อขายไปแล้วนี่ครับ” วันรบบอก
“แต่มันยังไม่โอนเงินให้เรา ก็ถือเป็นโมฆะ” กำนันเรืองพูด
“โอนแล้วครับ ผมไปเช็คมาแล้วเมื่อเช้านี้” วันรบรีบบอก
กำนันเรืองเห็นวันทนีย์เริ่มร้อนใจจึงรีบแย้ง “ขายได้เราก็ซื้อคืนได้นี่”
“เออ จริง แต่ไอ้สองคนนั้นจะขายเหรอพ่อ?” วันทนีย์ถามกลับ
วันรบแอบส่งซิกบอกทุกคนที่ยืนมองอยู่ไกลๆ ว่าโอเค
รชานนท์เห็นสัญญาณจากวันรบก็รีบหยิบมือถือขึ้นมาคุย
“ขาย ! ถึงยังไงโผมก็ต้องกลับเกาหลี อยู่ประจำที่เมืองไทยไม่ได้หรอก ทางคุณจะให้ราคาเท่าไหร่” รชานนท์ทำเป็นนิ่งฟัง “โน ๆ ๆราคานั้นผมรับไม่ได้จริงๆ อย่าต่อเลย แค่นี้ก็ไม่เหลืออะไรแล้ว”
“มันพูดเหมือนพ่อค้าที่แม่ไปซื้อหมูที่ตลาดนัดเลยนะเนี่ย แต่ถ้ามันคิดจะขาย” วันทนีย์ได้ยินก็โพล่งออกมา
วันทนีย์รีบเดินมาพูดกับพชรและรชานนท์ทันที
“ขายให้ข้าก็ได้ ข้ายินดีซื้อที่เอ็งสองคน”
รชานนท์แกล้งพูดไม่ชัดใส่ “เวรี่กู้ด... แต่เราขายราคาเดิมไม่ได้ ขุดเจอน้ำมันแบบนี้ ที่แพงขึ้น”
วันทนีย์ชะงักด้วยความไม่พอใจ
“แหมๆๆ ได้ทีขึ้นราคาเลยนะไอ้หน้ากิมจิ ว่ามาจะขายเท่าไหร่” วันทนีย์ฉุน
“ร้อยล้าน!” รชานนท์กับพชรตอบพร้อมกัน
ทุกคนอึ้งเมื่อได้ยินราคาจากปากรชานนท์
วันทนีย์ตกใจ “จะบ้าเหรอ!! ร้อยล้านใครจะไปซื้อ”
รชานนท์แกล้งพูดไม่ชัดต่อ “ลงทุนร้อยล้าน แต่ยูจะได้กำไรเป็นพันล้านหมื่นล้าน”
กำนันเรืองกับวันรบรีบดึงตัววันทนีย์ออกไปคุย
“ซื้อเถอะแม่!” สองพ่อลูกเจรจา
“ซื้อ..แต่ลดราคาให้อีกหน่อยได้มะ” วันทนีย์หันมาถาม
“ได้” พชรตอบสั้นๆ
“เฮ้ย!” กำนันเรืองกับวันรบร้องอย่างตกใจ
วันรบเดินเข้าไปใกล้พชร “เล่นตัวหน่อยสิพี่ ลดเร็วแบบนี้เดี๋ยวแม่สงสัย”
“อ้อ” พชรเริ่มเข้าใจ “งั้นเราขอเวลาไปคิดสักหนึ่งคืนว่าจะลดให้เท่าไหร่ดี” พชรพูดเบาๆ กับวันรบ “แบบนี้โอเคมะ”
“โอเค” วันรบตอบ
วันทนีย์พยักหน้าว่าเข้าใจ สักพักวันทนีย์ก็นึกอะไรบางอย่างได้
“ถ้าคุยต่อพรุ่งนี้ คืนนี้เอ็งก็ต้องค้างที่นี่” วันทนีย์บอก
วันรบมองมัทรีแล้วตัดสินใจ “ครับ”
กระถินเฮลั่นด้วยความดีใจที่วันรบกลับมานอนบ้าน “ดีจังเลยกระถินจะได้ดูแลพี่รบ”
“นี่บ้านพี่ ไม่ต้องดูแลพี่หรอก กระถินดูแลมัทรีดีกว่า” วันรบบอก
กระถินและวันทนีย์ชะงักไปเพราะนึกขึ้นได้ว่ามัทรีอยู่ที่นี่ด้วย วันรบเดินไปหามัทรี มัทรียิ้มให้วันทนีย์กับกระถินแล้วพูด
“รบกวนด้วยนะคะ”
อาไทเห็นมัทรีก็เขินในความสวยของเธอ “ได้ครับพี่สาวคนสวย”
“อาไท!” วันทนีย์กับกระถินเสียงดังขึ้นพร้อมกัน
วันทนีย์กับกระถินรู้สึกขัดใจจนอยากจะกรี๊ดออกมา
วันทนีย์มองมัทนีอย่างมีแผนทันที “จะค้างที่นี่ จะมานั่งกินนอนกินคงไม่ได้หรอกนะ”
วันรบมองมัทรีด้วยความรู้สึกอยากจะเปลี่ยนใจ แต่มัทรีชิงพูดขึ้นมาก่อน
“คุณแม่อยากให้มัททำอะไรมัทก็ยินดีค่ะ”
วันทนีย์หันมายิ้มร้ายให้กระถิน กระถินมองออกจึงยิ้มรับอย่างพอใจ
เวลาผ่านไป ดำจังมึงเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้วจึงเดินเข้ามาทวงเงินพวกพชรเมื่อทั้งหมดกลับมาอยู่ที่ห้องพักของพชรแล้ว
“ค่าจ้างวันนี้ล่ะ” ดำจังมึงแบมือ
“นี่” รชานนท์ส่งซองเงินให้ “ขอบใจมาก”
ดำจังมึงรับไปนับ “จะได้กลับรัชซะที”
“โอ้โห นี่จะกลับสหรัฐเลยเหรอ” พชรถาม
“รัชดาเนี่ยแหล่ะ รับงานวันล่ะไม่กี่พัน จะเอาที่ไหนไปสหรัฐ ถามโง่ ๆ นะเนี่ย” ดำจังมึงสวน
รชานนท์กับพชรยกหมัดขึ้นพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย “ว่ายังไงนะ!”
ดำจังมึงเห็นทั้งคู่เงื้อหมัดก็สะดุ้ง “ผมก็แค่ล้อเล่นน่ะพี่ เสร็จงานแล้ว ผมกลับก่อนนะพี่ สวัสดีคร๊าบ”
ดำจังมึงรีบเดินออกไปทันที รชานนท์กับพชรมองตามอย่างหน่ายๆ
“วันหลังจะจ้างใครเอาที่มันกวนรองเท้าน้อยกว่านี้หน่อยนะ” พชรบอก
“มันก็ไม่เลวหรอกพี่ แผนก็สำเร็จเกินครึ่งแล้ว” รชานนท์พูด
“แล้วทำไมแกหน้าเครียดนักวะ” พชรถาม
“ผมห่วงน้องมัทน่ะ ไปค้างบ้านไอ้รบจะเจอฤทธิ์แม่ไอ้รบขนาดไหนก็ไม่รู้”
“จริง..ดงเสือหวงลูกชัดๆ” พชรเห็นด้วย
รชานนท์สีหน้าไม่สบายใจ
มัทรีพยายามเป่าลมเพื่อจุดไฟที่เตาถ่านอยู่ในครัวบ้านวันรบ
“ทำไมจุดยากแบบนี้เนี่ย !”
มัทรีถอนหายใจด้วยความเครียด
“ไม่ได้มัทรี ท้อไม่ได้ !”
วันทนีย์กับกระถินแอบมองมัทรีอย่างหงุดหงิดก่อนจะกระซิบกระซาบกันอยู่สองคน
“อีกเดี๋ยวต้องร้องไห้ขี้มูกโป่งแน่แม่จ๋า” กระถินพูดอย่างมั่นใจ
“ข้าจะเล่นให้มันเข็ดวิ่งหนีกลับราชบุรีไม่ทันเลย”
สักพักวันรบก็เดินเข้ามาทางด้านหลังของวันทนีย์กับกระถิน
“แอบดูอะไรกันครับ”
“ก็รอดูยัยมัทรีร้องไห้ขี้มูกโป่งเพราะทำกับข้าวไม่ได้ ใช่ไหมจ๊ะแม่จ๋า” กระถินตอบ
“ใช่จ๊ะ” วันทนีย์ตอบแล้วก็นึกได้จึงหันไป “ตารบ!”
มัทรีหันไปตามเสียงของวันทนีย์ เธอเห็นวันทนีย์กับกระถินยืนอึ้งๆ อยู่กับวันรบที่หันมายิ้มให้ แล้ววันรบก็เดินเข้ามาในครัว
“ผู้ช่วยมาแล้วครับมัท ผมช่วยนะ”
“ไม่ได้นะตารบ นี่เป็นหน้าที่ของแฟนแก” วันทนีย์รีบห้าม
“คุณแม่ เรียกมัทรีว่าแฟน กระถินเสียใจ” กระถินซับน้ำตา
“คุณแม่ยอมรับว่ามัทเป็นแฟนผม ผมก็ช่วยแฟนผมได้ใช่ไหมครับ” วันรบหันไปพูดกับมัทรี “ผมติดเตาให้นะ”
มัทรีไม่ยอม “ไม่เป็นไรค่ะ มัททำได้ มัทอยากทำกับข้าวให้คุณแม่ทานค่ะ” มัทรีหันมายิ้ม “มัทจะพยายามนะคะคุณแม่”
วันทนีย์เห็นมัทรียิ้มให้ก็อึ้งไป “ให้มันได้เรื่องจริงเหอะ จะคอยดู”
มัทรียิ้ม “ค่ะ คุณแม่”
“ไม่คิดจะเถียงหรือสลดสักหน่อยหรือไง” วันทนีย์ถาม
“พี่รบรักคุณแม่ มัทก็รักคุณแม่ด้วยเหมือนกัน เราไม่ทำไม่ดีกับคนที่เรารักหรอกค่ะ ที่มัทไม่สลด เพราะมัทรู้ว่าคุณแม่ห่วงพี่รบอยากให้มัทดูแลพี่รบได้ถึงคอยบอกให้มัทรู้ข้อบกพร่องของตัวเอง คุณแม่เอ็นดูมัทขนาดนี้ มัทต้องยินดีจริงไหมคะ” มัทรีพูดพร้อมกับยิ้มให้
วันทนีย์ได้ยินก็ยิ่งอึ้ง
“ในครัวมันร้อนจริง ๆ ไปรอข้างนอกดีกว่า” วันทนีย์พูดจบก็เดินออกไปทันที
“คุณแม่...รอกระถินด้วย” กระถินวิ่งตามไป
วันรบบีบจมูกมัทรีเบาๆ “อ้อนเก่งเหมือนกันนะ”
“มัทไม่ได้อ้อนนะคะ มัทพูดความจริง” มัทรีมองตาแป๋ว
วันรบขยับจะเข้าไปหอมแก้มแต่แล้วก็นึกได้จึงรีบผละออกห่าง “ผมว่าทำกับข้าวเถอะเนอะไหนมัทจะทำอะไรบ้าง”
“ก็ไข่เจียวชะอม ผัดผักแล้วก็น้ำพริกกะปิ ปลาทูทอดค่ะ แต่พี่รบเป็นลูกมือมัทก็พอนะคะ เพราะมัทอยากให้คุณพ่อคุณแม่ได้ชิมฝีมือของมัท”
วันรบตะเบ๊ะ “ครับผม!”
วันรบกับมัทรีช่วยกันทำกับข้าวอยู่ในครัว มัทรีพยายามเป่าให้ประกายไฟจากเศษไม้ติดอีกครั้ง แต่เธอเป่าแรงเกินไปจนขี้เถ้ากระจายใส่หน้า มัทรีไอค่อกแค่ก วันรบหันมาเห็นหน้ามัทรีมีขี้เถ้าตืดอยู่เต็ม มัทรีพยายามปัดออกแต่มือที่เปื้อนถ่านของเธอกลับป้ายหน้าตัวเองจนเป็นรอยดำเต็มหน้า วันรบเห็นก็ยิ้มขำ
วันรบเด็ดพริก มัทรีปอกกระเทียมอย่างตั้งใจ วันรบลืมตัวเอามือไปคลึงที่คิ้วของแฟนสาว มัทรีแสบตาจึงร้องลั่น วันรบรีบเอาน้ำมาให้มัทรีล้างตาทันที
วันทนีย์เดินมาแอบดูแล้วมองอย่างสนใจ เธอเห็นมัทรีตำน้ำพริกกะปิ วันรบหันมาทำมือบอกรักใส่มัทรี มัทรียิ้มชอบใจยิ่งตำเร็วขึ้น วันรบหยิบถ้วยกับช้อนมาจะตักน้ำพริกจากครกแต่เขากลับเห็นว่าในครกไม่มีน้ำพริกเลย เพราะน้ำพริกกระจายออกนอกครกและเลอะบริเวณพื้นเต็มไปหมด มัทรีมองวันรบหน้าเสีย วันรบยิ้มให้
วันทนีย์แอบมองอยู่แล้วก็รู้สึกเอ็นดูอย่างไม่รู้ตัว เธอเห็นน้ำมันในกะทะร้อนจนควันขึ้น มัทรีตีไข่ที่อยู่ในชาม เธอหันมามองวันรบ วันรบพยักหน้าให้ มัทรีจึงเทไข่ลงในกระทะ
จานไข่เจียวชะอมทั้งไหม้ทั้งแข็งถูกวางลงตรงหน้าวันทนีย์ โดยที่กระถิน กำนันเรือง อาไท และวันรบนั่งล้อมวงอยู่
“ไอ้ก้อนดำ ๆ นี่มันอะไรเนี่ย” วันทนีย์ถามด้วยสีหน้ารังเกียจ
“อาว่าสเต็กหมูแน่ๆ แต่แบบเกรียมๆหน่อยใช่ไหม” อาไทเดา
“ไข่เจียวชะอมค่ะ” มัทรีตอบ
ทุกคนตกใจ “ไข่เจียว!”
“ไข่เจียว..อาว่า” อาไทลองเอาช้อนเคาะจนเกิดเสียงดังปึ้กๆ
“มันอาจจะแก่ไฟไปหน่อย” วันรบพูดแล้วตักมาใส่ปากเคี้ยวดังกรึบ ๆ “แต่อร่อยนะครับ”
มัทรีตักให้วันทนีย์ กำนันเรือง และอาไท “ลองชิมดูสิคะ”
วันทนีย์ อาไท และกำนันเรืองสบตากันแล้วก็ตัดสินใจกิน
“เป็นไงค่ะคุณพ่อ” มัทรีถาม
“กรอบดีจ๊ะ” กำนันเรืองตอบ
วันทนีย์กับอาไทเคี้ยวไข่เจียวเสียงดังด้วยสีหน้ากล้ำกลืนมาก กระถินมองอย่างสยอง
“งั้นลองอันนี้ไหมคะ น้ำพริกกะปิค่ะ” มัทรีเสนอแล้วใช้ช้อนกลางตักใส่ช้อนวันทนีย์ กระถิน และกำนันเรือง
วันทนีย์ กระถิน และกำนันเรืองชิมแล้วก็รู้สึกว่าเผ็ดมาก
“เผ็ด ๆ ๆ” วันทนีย์ซี๊ดปาก
“น้ำ ๆ ๆ” กระถินร้องหาน้ำ
วันรบกับอาไทรีบส่งน้ำให้วันทนีย์กับกระถิน กำนันเรืองยื่นมือมาแย่งน้ำไปดื่ม
“โอ้ย น้ำพริกอะไรไม่มีรสอื่นเลยนอกจากรสเผ็ด” วันทนีย์บ่น
“ก็พี่รบบอกว่าคุณแม่ชอบทานรสจัด มัทก็เลยใส่พริกไปทั้งถุงเลยค่ะ” มัทรีบอก
“ตอนทำไม่ได้ชิมเหรอ” วันทนีย์ถาม
“มัทไม่ทานเผ็ดน่ะค่ะ เลยไม่ได้ชิม”
“ตาย ๆ ๆ ทำกับข้าวไม่รู้จักชั่งวัดตวงให้รสชาติมันพอดีหรือไง เนี่ยนะจะมาเป็นลูกสะใภ้ฉันไม่ได้เรื่อง!”
“วันนี้มัททำได้เท่านี้จริง ๆค่ะ แต่มัทจะพยายามนะคะคุณแม่ ขอให้คุณแม่ให้โอกาสมัท สอนมัท มัทจะตั้งใจเรียนรู้เพื่อเป็นคนที่เหมาะสมกับพี่รบให้ได้ค่ะ” มัทรีพูดอย่างหนักแน่น
วันทนีย์อึ้งที่เห็นสายตามุ่งมั่นของมัทรี
อาไทหันมาพูดกับกำนันเรือง “โดน...แม่จ๋ายิ่งแพ้ทางคนขยันด้วย ถ้าพี่สาวคนสวยตั้งใจนะชนะโลด”
“ทานข้าวต่อเถอะครับ ผมหิว” วันรบตัดบท
วันรบรีบตักกับข้าวกินต่อทันที
ทุกคนจำใจกินกับข้าวฝีมือมัทรีไปอย่างหงุดหงิด กระถินพยายามบิ๊วท์วันทนีย์ด้วยการกระซิบบอก
“อย่าเพิ่งท้อค่ะแม่ ยังเหลือด่านสุดท้าย ทนไม่ได้แน่ๆค่ะ”
กำนันเรืองได้ยินก็รีบขัดขึ้น “นึกว่าตัวอิจฉามีแต่ในละครซะอีก”
“จริงด้วยจ๊ะพ่อกำนัน” อาไทเห็นด้วย “วัน ๆ คิดแต่จะแยกคนรักกัน ไร้สาระจริงๆ “ อาไทหันมาทางกระถินกับวันทนีย์ “เนอะ..เอิ้ก”
“พ่อจ๋า” วันทนีย์เสียงเข้ม “อาไท” กระถินเสียงเข้มด้วย
กำนันเรืองกับอาไทรีบก้มหน้าก้มตากินต่อ
มัทรีมองวันรบ วันรบยิ้มให้กำลังใจแฟนสาว มัทรีมองเลยไปเห็นกระถินมองมาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ มัทรีจึงยักคิ้วให้ กระถินมองอย่างแค้นๆ แล้วตักข้าวเคี้ยวอย่างเจ็บใจ
สบู่ก้อนกับแปรงสีฟันอยู่ในขันสังกะสีเก่าๆใบหนึ่งที่วันทนีย์ยื่นส่งให้มัทรี
“ของสำหรับอาบน้ำ”
กระถินส่งผ้าถุงผืนหนึ่งให้มัทรี
“ส่วนนี้ผ้าผลัดอาบน้ำ”
มัทรีมองของในมืออย่างอึ้งๆ แล้วก็จะเดินไปห้องน้ำ
“เอ็งจะไปไหน” วันทนีย์เอ่ยถาม
“ไปห้องน้ำค่ะ” มัทรีตอบ
“ห้ามใช้ห้องน้ำบนบ้าน! ของเอ็งต้องไปอาบรวมกันคนงานข้างหลังโน่น!” วันทนีย์พูดแล้วสะบัดหน้าเดินออกไปทันที
กระถินจ้องหน้ามัทรีอย่างท้าทาย “พี่รบเป็นของฉัน..เธอไม่มีสิทธิ์”
“อย่าใช้น้ำเสียงจิกกันแบบนั้นสิคะ เพราะถ้าพี่จิกบ้าง” มัทรีกำมือตรงหน้ากระถิน “พี่อาจไม่ใช้แค่เสียงนะจ๊ะ” มัทรียิ้มร้ายใส่
“แก!” กระถินแค้น
มัทรีกำหมัดแน่นแล้วพูดนิ่มๆ “หรือจะลอง”
กระถินเสียงอ่อนลงทันที “ถ้าพี่ไม่มีอะไรแล้ว กระถินขอตัวนะจ๊ะ”
พูดจบกระถินก็รีบเผ่นอ้าวไปทันที มัทรีมองของในมืออย่างเหนื่อยใจ
อ่านต่อหน้า 3
แม่ยายที่รัก ตอนที่ 9 (ต่อ)
โอ่งใบใหญ่สำหรับใส่น้ำอาบใบนั้น ตั้งตระหง่านอยู่นอกชานอาบน้ำที่เปิดโล่ง มัทรียืนมองภาพตรงหน้าอย่างอึ้งๆ ก่อนจะลองตักน้ำขึ้นมาราดมือตัวเอง
“โอย เย็น..” มัทรีสั่น
มัทรีลังเลอยู่พักหนึ่งว่าจะอาบไม่อาบ แล้วเธอก็ฮึดขึ้นมา “สู้ๆ น่ามัทรี”
มัทรีวางขันลงแล้วมองซ้ายมองขวาก่อนจะเริ่มผลัดผ้า เธอพยายามผลัดผ้าถุงอย่างแก้ๆกังๆ เพราะไม่รู้จะเริ่มถอดจากเสื้อหรือกางเกงก่อน ทันใดนั้นก็มีมือผู้ชายยื่นผ้าถุงอีกผืนให้เธอ
“ผืนนี้มียางยืด ใช้ง่ายกว่า” เสียงผู้ชายที่มัทรีคุ้นเคยพูดกับเธอ
มัทรีรับมาดูแล้วเห็นว่าเป็นผ้าถุงที่เย็บยางยืดไว้แล้ว
“ขอบคุณค่ะพี่รบ”
มัทรีตอบโดยอัตโนมัติก่อนจะหันไปหาวันรบแล้วก็เหวอ เพราะเธอเห็นวันรบอยู่ในผ้าถุงกระโจมอกและมีผ้าเช็ดตัวโพกหัวอยู่
มัทรีถามไปขำไป “พี่รบทำอะไร?”
วันรบดัดเสียงเป็นผู้หญิง “กลัวแม่จับได้ว่ามาช่วยมัท เลยทำเนียนเป็นผู้หญิงมาอาบน้ำด้วย”
กระถินแอบดูมัทรี พอเห็นมัทรียืนคุยอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งก็ตกใจ
“แม่ นั่นใครมาอาบน้ำกับยัยนั่น?”
วันทนีย์มองไปแต่ก็เห็นว่าเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง
“คนงานมาอาบน้ำล่ะมั้ง? ดีๆ มันจะได้อายคนอื่นที่แม่ไม่ยอมรับมัน”
วันทนีย์กับกระถินหัวเราะอย่างสะใจแล้วเดินออกไปพร้อมกัน
มัทรียังขำสภาพของวันรบอยู่
“นุ่งผ้าเช็ดตัวคิตตี้.. ยังไม่น่ารักเท่านุ่งผ้าถุงเลย” มัทรีขำ
“ไม่ต้องมาแซวเลยมัท ไปเปลี่ยนผ้าถุงได้แล้ว หรือจะให้ผมเปลี่ยนให้”
มัทรียื่นมือไปหยิกแก้มวันรบ
“ปากดี มัทบอกให้เปลี่ยนให้ก็ไม่กล้าหรอก”
มัทรีเดินยิ้ม ๆ เลี่ยงไปที่มุมหนึ่งแล้วหันมามองวันรบ เธอเห็นวันรบวิ่งไปหยิบถังน้ำกับกาต้มน้ำร้อนใบใหญ่มา
วันรบเทน้ำร้อนลงในถังแล้วตักน้ำจากโอ่งมาผสมให้ มัทรีมองภาพตรงหน้าอย่างอบอุ่นใจที่วันรบคอยช่วยเหลือเธอเสมอ
เวลาผ่านไป มัทรีอาบน้ำสระผมเสร็จแล้วเปลี่ยนมาใส่เสื้อยืดกางเกงเล เธอนั่งเช็ดผมอยู่ที่แคร่ในบ้าน วันรบเข้ามานั่งข้างๆ
“ผมเช็ดให้นะ” วันรบบอก
“ไม่เป็นไรค่ะ... วันนี้พี่รบทำให้มัทมาทั้งวันแล้ว ช่วยมัททำกับข้าว แอบช่วยมัทล้างจาน แล้วยังผสมน้ำร้อนให้อาบอีก”
วันรบมองหน้ามัทรีแล้วยิ้ม
“เพื่อมัท แค่นี้เล็กน้อย”
วันรบหยิบผ้าเช็ดตัวมาเช็ดผมให้มัทรี
“แม่พี่รบคงไม่ชอบมัทจริงๆ” มัทรถอนใจ
“แม่ผมทำเกินไป... อย่างอาบน้ำ อาบในบ้านก็ได้ นี่จงใจแกล้งให้มัทมาอาบตรงนี้”
วันรบเช็ดผมให้มัทรีพร้อมกับคุยไปด้วย
“แล้วเรื่องเงินล่ะคะ? พี่รบจะหลอกแม่แบบนี้จริงๆเหรอ?” มัทรีถาม
“ถ้าผมไม่ทำแบบนี้ ผมจะเอาเงินที่ไหนเป็นค่าสินสอดล่ะ... ที่จริงมันก็เป็นเงินมรดกที่ผมต้องได้อยู่แล้ว ผมก็แค่เบิกมาใช้ล่วงหน้า”
มัทรีนิ่งไปเพราะหวั่นใจว่าเรื่องจะวุ่นวายมากไปกว่านี้ วันรบเห็นท่าทีของแฟนสาวก็รีบพูดให้คลายกังวล
“มัทอย่าคิดมากเลยนะ... ผมทำเพื่อเราสองคน”
“ค่ะ... เพื่อเราสองคน”
มัทรียิ้มรับ วันรบเช็ดผมให้มัทรีต่อ
มัทรีมองบรรยากาศรอบๆแล้วเงยหน้ามองท้องฟ้าก่อนจะยิ้มออกมา
“ได้มาอยู่กลางธรรมชาติแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”
“งั้น... ย้ายมาอยู่ที่นี่กับผมมั้ย?” วันรบชวน
“ที่ไหนที่มีพี่รบ มัทก็อยู่ได้ทั้งนั้น”
มัทรีพูดจบก็ยิ้มหวานให้วันรบ วันรบยิ้มแล้วโอบกอดมัทรีไว้ด้วยความรัก มัทรีนั่งยิ้มอยู่ในอ้อมกอดของวันรบ
เช้าวันใหม่ เตือนใจเอามือปิดหูแล้วส่ายหน้าทำไม่รู้ไม่ชี้
“แม่ไม่ได้ยิน แม่ไม่รู้ แม่ไม่พูด”
ติรกา พุทราและธงฉานยืนล้อมเตือนใจที่นั่งอยู่กลางวง
“เลิกโกหกหนูได้แล้ว ยายมัทหายไปไหน” ติรกาถามเสียงเข้ม
“บอกแล้วไงว่าไม่รู้... ยายมัทอาจจะไปทำงานก็ได้” เตือนใจบอก
“คุณมัทไม่ได้ไปทำงานหรอกค่ะ” พุทราแย้ง
“รู้ได้ยังไง หลานฉันเป็นคนขยันนะ”
ธงฉานรีบยื่นหน้ามาพูดอย่างภูมิใจ
“ผมไปเช็คที่ทำงานน้องมัทมาแล้ว น้องมัทไม่ได้เข้าออฟฟิศตั้งแต่เมื่อวาน แถมพวกของนายวันรบหน้าจืดก็หายไปกันหมด”
เตือนใจอ้าปากค้างเพราะพูดไม่ออก
ติรกาคาดคั้น “ยายมัทไปไหนคะแม่!”
“แม่ไม่รู้”
“ถ้าแม่ไม่พูด หนูก็ต้องใช้วิธีรุนแรง พุทรา! เอาแหวนมา”
พุทราเลิ่กลั่กมองมือตัวเองก็เห็นว่าไม่มีแหวน เธอหันไปมองมือธงฉานเห็นมีแหวนจึงจับมือธงฉานมารูดแหวนออกแล้วส่งให้ติรกา “นี่ค่ะ”
ติรกาแบมือรับ “ดี” ติรกาเห็นแหวนในมือก็ตกใจ “เย้ย...ไม่ใช่แหวนใส่นิ้ว แหวนที่ใช้ถอดน็อตน่ะ แล้วเอาประแจเลื่อนมาด้วย”
“เอามาทำไมคะ” พุทราถาม
“สามร้อย !ให้ไปหยิบไม่ได้ให้ถาม”
“ค่า!” พุทรารีบวิ่งออกไปทันที
สักพักพุทราก็กลับมาพร้อมกับส่งประแจเลื่อนและแหวนให้ติรกา ติรกาถือประแจเลื่อนกับแหวนสองมือด้วยใบหน้าเหี้ยมโหด เตือนใจมองลูกสาวอย่างหวั่นใจแล้วร้องลั่น
“อย่า!”
พชรกับรชานนท์หัวเราะลั่นกลางบ้านของวันรบ วันรบยืนคุยอยู่กับทั้งสองก็หัวเราะไปด้วย
“ไอ้นนท์ ต้องหัวเราะอีกนานไหม เหนื่อยแล้วนะเว้ย” พชรถาม
“หัวเราะไปเรื่อย ๆ พี่ให้ดูอารมณ์ดีเข้าไว้” รชานนท์บอก
วันทนีย์ กระถิน กำนันเรืองและมัทรียืนมองทั้งสามคนอยู่
“ไอ้ลูกหมามันไปพูดอะไร ถึงได้ขำกันขนาดนั้น” วันทนีย์งง
กำนันเรืองรีบเนียน “มันคุยกันถูกคอขนาดนี้ ท่าจะสำเร็จ”
“ถูกคอหรือเมายาจ๊ะพ่อกำนัน” อาไทงง “หัวเราะไม่มีเบรกขนาดนั้น ดูติงต๊องนะพ่อ”
รชานนท์กับพชรที่หัวเราะอยู่ได้ยินก็หยุดกึก รชานนท์โบกมือให้วันรบจัดการสักที วันรบจึงเดินมาหาพวกวันทนีย์
“ตกลงไอ้นักร้องกิมจิมันว่ายังไงบ้าง ยอมยกที่ให้เรามั้ย?”วันทนีย์ถาม
“โหแม่ ที่ราคาร้อยล้านแบบนั้นใครจะยกให้ฟรีๆ” วันรบบอก
“ถ้าเค้าไม่ยกที่ดินให้ แล้วเอ็งขำอะไรกันวะ?” กำนันเรืองข้องใจ
“คุณคันจึงเกากับคุณเบนยางเอือมเค้าตกลงลดราคาที่ดินให้เราจากร้อยล้าน เหลือสิบล้านครับ!” วันรบบอก
“สิบล้าน!?” ทุกคนตกใจ
“ใช่ครับ เหลือแค่สิบล้าน แม่ว่ายังไงครับ”
วันทนีย์ตื่นเต้น “เหลือสิบล้านก็ต้องซื้อสิวะ”
วันทนีย์ กระถินและอาไทเฮลั่นที่รู้ว่าราคาที่ดินถูกลง
“แต่ว่า..”วันรบพูดต่อ
ทุกคนได้ยินก็ชะงักแล้วหันมามองวันรบอย่างลุ้นๆ
“เค้าต้องขึ้นเครื่องกลับเกาหลีตอนเย็น เลยขอให้จ่ายเป็นเงินสดภายวันนี้” วันรบบอก
“เงินสดภายในวันนี้” วันทนีย์ตกใจ “จะบ้าเหรอตารบ ใครจะไปจัดการทัน!”
วันทนีย์มองหน้ากำนันเรืองด้วยความกลุ้มใจ
เงินสดจำนวนสิบล้านบาทอยู่ในกระเป๋า วันทนีย์ยืนกอดอกมองเงินเหล่านั้นด้วยความภาคภูมิใจ
“ถ้าข้าไม่มีบุญคุณกับผู้จัดการแบงค์ ไม่มีทางที่จะถอนเงินสดสิบล้านมาได้ง่ายๆแบบนี้” วันทนีย์คุย
กระถินกับกำนันเรืองนั่งมองเงินสดตรงหน้าอย่างอึ้งๆ
“เกิดมาเพิ่งจะเคยเห็นเงินสิบล้าน” กระถินอึ้ง
กำนันเรืองขยับไปกระซิบกับวันรบ
“เอ็งใช้สามล้าน อย่าลืมนะที่เหลือของพ่อ”
“ตามสบายเลยครับพ่อ”
กำนันเรืองหัวเราะคึกคัก “เสียสิบล้าน ได้คืนเป็นพันล้าน”
พชรแกล้งพูดไม่ชัด “โนๆ หมื่นล้านต่างหาก”
พชร รชานนท์ และกำนันเรืองหัวเราะลั่นที่แผนการใกล้สำเร็จเข้าไปทุกที
มัทรีแอบกระซิบกับวันรบ
“ทำไมมัทรู้สึกแปลกๆ รู้สึกไม่ค่อยดีเลยที่หลอกเอาเงินแม่แบบนี้”
วันรบกระซิบกลับ “ท่องไว้มัท เงินมรดกล่วงหน้าของผม”
แต่มัทรีก็ยังรู้สึกไม่ดีอยู่
พชรเข้ามาจับมือกับวันรบ “ดีใจมากที่ได้เงินสิบล้านจากแม่คุณ ดีใจจริงๆ ฮ่าๆ”
วันรบหันไปหาวันทนีย์ วันทนีย์มองหน้าลูกชายแล้วถามขึ้น
“สัญญาซื้อขายล่ะ? จะเอาเงินไปก็เอาสัญญาคืนมาสิ”
พชร รชานนท์และวันรบชะงักไป
พชรพูดกับรชานนท์เบาๆ “ขืนให้เห็นก็รู้สิว่ามันเป็นสัญญาเก๊น่ะ”
รชานนท์แกล้งพูดไม่ชัด “ผมลืมหนังสือสัญญาไว้ที่โรงแรม... เดี๋ยวให้คุณวันรบตามไปเอาที่โรงแรมแล้วกัน”
วันทนีย์เริ่มเอะใจ รีบเอากระเป๋าเงินกลับมาถือไว้ทันที
“เฮ้ย เอ็งสองคนไม่ได้จะโกงข้านะ”
“เดี๋ยวผมตามพวกเค้าไปเอง ถ้าเค้าโกงผมก็ไม่ให้เงินเค้า... นะแม่” วันรบต่อรอง
วันทนีย์ยังลังเลใจ กำนันเรืองช่วยพูดทันที
“ให้ไอ้หมามันจัดการเถอะแม่ ลูกเราฉลาดไม่โดนหลอกง่ายๆ หรอกน่า”
วันทนีย์ตัดสินใจยอมส่งกระเป๋าเงินให้วันรบ วันรบกำลังจะรับกระเป๋าเงินมา แต่อยู่ๆก็มีมือมาแย่งกระเป๋าไป ทุกคนหันไปเห็นติรกาถือกระเป๋าเงินอยู่ก็ถึงกับอึ้ง
“แม่ แม่มาทำอะไร” มัทรีตกใจ
“มาแฉความเลวของนายวันรบ” ติรกาบอก
“เฮ้ย ๆ เอ็งอยู่ในถิ่นข้านะเว้ย พูดให้มันดีๆหน่อย” วันทนีย์ฉุนที่ลูกชายถูกว่า
“ทำไมต้องพูดดี ในเมื่อลูกชายคุณมันหลอกคุณ เพื่อจะเอาเงินมาเป็นค่าสินสอด”
ติรกาหันมาหาวันรบแล้วมองอย่างดูถูก
“หาเงินจากไหนไม่ได้แล้วใช่มั้ย ถึงต้องมาหลอกเอาเงินแม่ตัวเอง”
“ไม่จริง พี่รบไม่มีทางทำแบบนั้น” กระถินไม่เชื่อ
“พุทรา! ธงฉาน!” ติรกาเรียกเสียงดัง
พุทรากับธงฉานวิ่งเข้ามาล็อคตัวพชรกับรชานนท์เอาไว้แล้วดึงหมวก ดึงหนวด ดึงแว่นออก
ติรกาล้วงไปหยิบปืนพกออกมาจากกระเป๋า ทุกคนเห็นปืนก็ตกใจรีบผงะถอยออกมา ติรกาเล็งปืนไปที่รชานนท์กับวันรบแล้วทำท่าจะยิง
รชานนท์ตกใจจึงพูดไทยคล่องปร๋อออกมา “กระแต คุณจะทำอะไร!”
พชรก็ตกใจจึงหลุดพูดไทยชัดออกมาเช่นกัน “อย่ายิงผมกับไอ้นนท์เลยนะคุณติ!! ผมกลัวแล้ว”
ติรกาฉีดสายน้ำที่พุ่งออกมาจากปากกระบอกปืนใส่ทั้งสามคน
วันทนีย์หันไปจ้องหน้าวันรบแล้วพูดอย่างฉุนๆ
“หมายความว่าไงไอ้รบ เอ็งให้สองคนนี้ปลอมตัวมาหลอกข้าเหรอ ?”
วันรบหน้าเสียและพูดอะไรไม่ออก วันทนีย์พูดต่อ
“บอกมาว่าเอ็งไม่ได้ทำ บอกมาว่าเอ็งไม่ได้หลอกแม่! เรื่องน้ำมันเอ็งก็หลอกแม่ใช่ไหม” วันทนีย์หันมาหากำนันเรือง “พ่อก็เข้าไปดูด้วยไม่ใช่เหรอ หรือว่าพ่อก็หลอกแม่”
กำนันเรืองสะดุ้ง “เฮ้ย พ่อไม่รู้เรื่อง ไอ้หมาเอ็งหลอกแม่กับพ่อได้ยังไงวะ ทำแบบนี้พ่อเสียใจ”
รชานนท์ พชร และวันรบมองกำนันเรืองที่เอาตัวรอดด้วยสีหน้าเหวอ
พชรหันมาพูดกับรชานนท์ “ทิ้งกันซะงั้น ไม่มีสัจจะในหมู่คนกลัวเมียจริงๆ”
“เป็นพี่ ๆ ไม่ทำ” รชานนท์ถามกลับ
“ก็ทำแบบนี้แหล่ะ” พชรตอบ
รชานนท์เซ็ง
วันรบนิ่งอย่างรู้สึกผิดแล้วจึงเหลือบมองมัทรี มัทรีพยักหน้าให้วันรบพูดความจริง วันรบมองหน้าแม่ของตัวเองแล้วยกมือขึ้นไหว้ก่อนจะสารภาพ
“ผมขอโทษครับแม่”
วันทนีย์อึ้งเพราะไม่คิดว่าวันรบจะตั้งใจหลอกจริงๆ
“ผมไม่ได้อยากทำแบบนี้ แต่ผม...”
วันทนีย์ไม่ฟังต่อ เธอตบหน้าวันรบดังฉาดทันที ทุกคนอึ้ง
“ตั้งแต่เล็กจนโตเอ็งไม่เคยโกหกแม่ !! แต่เพื่อผู้หญิงคนนั้นเอ็งกลับหลอกแม่ได้ลงคอ! นี่เหรอผู้หญิงที่เอ็งบอกว่าดี ผู้หญิงที่ควรจะมาเป็นแม่ของหลานข้า”
วันทนีย์หันไปชี้หน้ามัทรี
“คนที่คิดจะเป็นแม่คน เค้าไม่สอนให้ลูกโกหกแม่ตัวเองแบบนี้!”
“มัทไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้นะครับ” วันรบแก้ต่าง
วันทนีย์ไม่สนใจลูกชาย เธอเดินไปหาติรกาทันที
“เอาเงินข้าคืนมา แล้วเอาตัวลูกสาวเอ็งไป”
ติรกาส่งเงินให้วันทนีย์แต่โดยดี
ติรกาหันมาพูดกับวันรบ “เสียใจด้วยนะวันรบ.. ในที่สุดเธอก็หาเงินสินสอดไม่ได้”
“ไม่ใช่แค่ชวดเงินสินสอดนะครับคุณน้า แต่ชวดเจ้าสาวด้วย” ธงฉายเยาะเย้ย “เพราะพรุ่งนี้ครบกำหนด ห้าวันสิบล้าน แล้ว”
มัทรีกับวันรบหน้าเสีย
“ไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอกระแต เด็กเค้ารักกัน” รชานนท์ถาม
“คุณไม่เกี่ยว!” ติรกาตะคอกกลับ
“ทำไมจะไม่เกี่ยว ในเมื่อมัทเป็น..” รชานนท์จะพูดแต่ติรการีบพูดแทรก
“คนนอกไม่เกี่ยว”
รชานนท์ชะงักไป
“ลูกฉัน ฉันเลี้ยงมาคนเดียว ไม่ใช่เรื่องที่คนอื่นต้องออกความเห็น” ติรกาบอก
รชานนท์ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกสะเทือนใจ
ติรกาไม่สนใจรชานนท์ เธอเข้ามาคว้ามือลากมัทรีออกไปทันที
“กลับบ้านกับแม่”
ธงฉานรีบเดินตามออกไป
“คุณรบมีเวลาถึงพรุ่งนี้ตอนเที่ยงคืน ถ้าอยากแต่งจริง ๆ หาเงินมาให้ได้นะคะคุณรบ” พุทราบอก
“พี่รบ! มัทไม่ไป..พี่รบ” มัทรีขัดขืน
“มัท!” วันรบร้องเรียกด้วยความเสียใจ
ติรกานั่งคุยกับมัทรีในรถของเธอ
“เงินแค่นี้ยังหามาไม่ได้ แล้วต่อไปจะเลี้ยงดูลูกยังไง” ติรกาถาม
“เงินสิบล้านนะคะแม่ ให้เวลาแค่ห้าวัน เป็นใครก็ทำไม่ได้หรอกค่ะ” มัทรีบอก
พุทราได้ยินก็รีบเสริมอย่างลืมตัว “ใช่”
“ถึงเราจะรู้ว่าข้อแม้ของแม่ทำเพื่อขัดขวางเรา แต่พี่รบก็พยายามจะพิสูจน์ให้แม่เห็นว่าพี่รบจริงใจกับมัทแค่ไหน” มัทรีย้ำ
“พระเอกคนดีจริงๆ เอ..อย่างนี้คุณติก็เป็นแม่ยายตัวร้ายอยู่น่ะสิคะ” พุทรารีบเสริม
ติรกาพูดนิ่งๆ “ห้าร้อย!”
พุทรารีบเปลี่ยนข้างทันที “แต่ที่คุณติพูดก็จริงนะคะ แค่นี้ทำไม่ได้อนาคตคุณมัทต้องลำบากแน่”
มัทรีหันมาหาพุทรา “พี่พุทรามีหลายคดีที่คุณแม่ไม่รู้นะคะ มัทไม่อยาก..หลุดปาก”
พุทรารีบเอามือปิดปากตัวเองทันที ธงฉานที่กำลังขับรถหันหน้ามาคุยด้วย
“คนที่โกหกพ่อแม่เป็นคนใช้ไม่ได้นะครับน้องมัท ทำตัวแบบนั้นแย่มาก”
“ถ้างั้น..” มัทรีพูด ธงฉานได้ยินก็แอบหวังว่ามัทรีจะเห็นด้วยแต่มัทรีพูดต่อ “มัทก็แย่ไม่ต่างจากพี่รบหรอกค่ะ เพราะมัทโกหกแม่บ่อยกว่าพี่รบ”
ธงฉานถึงกับเซ็ง “อ้าว..”
พุทราเป่านกหวีดใส่หูธงฉานดังปรี๊ดแล้วเธอก็กระซิบ “ใครใช้ให้พูด... ขับรถไปเลย”
ติรกายังไม่ยอมแพ้
“แม่ให้เวลา..ให้โอกาสวันรบหาเงินแล้ว... ถ้าคว้าไว้ไม่ได้ก็ไม่ใช่ความผิดของแม่ !”
“แล้วแม่รู้ได้ยังไงว่ามัทมาที่สุพรรณ” มัทรีถาม
ติรกาอึกอักแล้วรีบพูดตัดบท “พุทราบอกแม่”
มัทรีหันไปมองพุทรา แต่พุทราหลบตา “ไม่จริง เรื่องนี้มีแค่คุณยายกับมัทรู้กันสองคน” มัทรีพูดแล้วก็นึกได้ “หรือว่าแม่...”
ติรกาไม่ตอบทำเป็นมองไปทางอื่น มัทรีหันไปหาพุทรา พุทราเห็นสายตาของมัทรีก็ทิ้งตัวพิงเบาะแล้วทำเป็นหลับเพื่อเอาตัวรอดทันที มัทรีเริ่มรู้สึกร้อนใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเตือนใจ
วันทนีย์นั่งแสร้งทำเป็นร้องไห้อยู่ที่บันไดบ้านของตัวเอง “ฮือ ๆ ๆ ”
วันรบ รชานนท์ และพชรได้แต่ยืนมองอยู่ห่าง ๆ ที่ด้านล่าง
“ไอ้รบ แม่แกนั่งร้องไห้มาสามชั่วโมงแล้วนะเว้ย เอาไงดีวะ” พชรถาม
วันรบถึงกับหน้าเครียด
สักพักกระถินถือถาดข้าวกับแก้วน้ำเปล่ามาให้วันทนีย์
“แม่จ๋า ทานข้าวหน่อยนะจ๊ะ”
เสียงท้องของวันทนีย์ร้องขึ้น วันทนีย์มองกับข้าวแล้วพูดเบาๆ กับกระถิน “ตารบล่ะ”
กระถินตอบเสียงเบา “ยืนมองอยู่จ๊ะแม่”
วันทนีย์พยักหน้าแล้วแอ็คติ้งค่อทันที “โฮๆ ๆ ข้าไม่กิน”
“ตั้งแต่เมื่อกลางวันแม่ยังไม่ได้ทานอะไรเลย เดี๋ยวจะเป็นอะไรไปนะจ๊ะ” กระถินบอก
“ก็ให้มันตายไปเลย ลูกชายตัวเองยังเห็นคนอื่นดีกว่า อยู่ไปก็ไม่มีความหมายลูกมันก็ไม่รัก!”
วันรบได้ยินถึงกับสะดุ้ง
“เจอข้อหาอกตัญญูแล้วไอ้รบ” รชานนท์ว่า
วันรบมองแม่ตัวเองอย่างลังเลแล้วเขาก็ตัดสินใจจะเดินเข้าไปหา กระถินเห็นก็ตื่นเต้นรีบกระซิบวันทนีย์ “แม่จ๋า...พี่รบมาแล้ว”
วันทนีย์รู้ก็แกล้งร้องไห้หนักขึ้นแล้วโผเข้ากอดกระถิน
“มีแค่กระถินคนเดียวที่รักแม่ กตัญญูกับแม่”
วันทนีย์พูดไปมือก็จิ้มน้ำในแก้วขึ้นมาป้ายหน้าป้ายตาให้เปียกไปด้วย
วันรบเดินมาถึงแล้วนั่งลงที่บันไดขั้นที่ต่ำกว่า เขายกมือไหว้วันทนีย์
“แม่จ๋า..ผมขอโทษ ที่ทำให้แม่เสียใจ ผมสำนึกผิดแล้ว แม่ยกโทษให้ผมนะ” วันรบกล่าว
วันทนีย์สบตากับกระถินแล้วแอบยิ้มให้กัน “ถ้าเอ็งสำนึกผิดจริง ก็ต้องแต่งงานกับนังกระถิน”
“แม่..” วันรบตกใจ
“แม่จะไม่ยอมรับผู้หญิงที่เสี้ยมสอนให้ลูกโกหกแม่!” วันทนีย์บอก
“แม่จ๋า...เรื่องนี้มัทไม่เกี่ยวเลย เป็นความผิดของผมคนเดียว”
“ก็ถ้าเอ็งไม่คิดแต่งงานกับมัน เอ็งก็คงไม่โกหกแม่”
“แม่จ๋า..ถ้าแม่ยอมช่วยผม ผมก็ไม่ต้องโกหกแม่เหมือนกันนะ”
ได้ยินวันรบตอบกลับมาวันทนีย์ก็ยิ่งทำเป็นร้องไห้โฮ
“เห็นไหม กระถิน ลูกข้ามันเถียงข้าเพราะผู้หญิง มันทำร้ายจิตใจแม่!”
วันรบหันไปทางรชานนท์กับพชรอย่างไม่รู้จะทำยังไง วันทนีย์อาศัยจังหวะรีบเอานิ้วจุ่มลงในแก้วน้ำขึ้นมาแปะหน้า ส่วนกระถินก็ช่วยบิ้วท์เต็มที่ “แม่จ๋า อย่าร้องไห้เลยจ๊ะ น้ำตาหนึ่งหยดของแม่จะทำให้พี่รบต้องตกนรกนะจ๊ะ”
วันรบมองวันทนีย์อย่างรู้สึกผิด แล้วก็ก้มหน้าเพราะพูดอะไรไม่ออก วันทนีย์รีบเอานิ้วจุ่มน้ำแล้วเอามาแปะหน้าอีก
“ไม่คิดเลยว่าต้องมาเสียใจเพราะลูกตัวเองแบบนี้ ฮือ ๆ ๆ ๆ”
วันรบเห็นท่าทางของแม่ก็ยิ่งรู้สึกกดดัน
“แม่จ๋า...” วันรบเรียก
ระหว่างนั้นอาไทเดินลงมานั่งบนบันไดขั้นที่อยู่สูงกว่าวันทนีย์ เขามองวันทนีย์เอามือจุ่มแก้วน้ำแล้วมาทาหน้าตัวเองก็งงๆ เลยถามขึ้น
“แม่จ๋า จะล้างหน้าทำไมไม่ไปล้างในห้องน้ำล่ะจ๊ะ”
“อาไท พูดบ้าอะไรของเอ็ง” กระถินท้วง
“ก็อาเห็นแม่จ๋าเอามือจุ่มแก้วน้ำมาล้างหน้าอยู่เนี่ย”
พูดจบอาไทก็ยกแก้วน้ำที่วันทนีย์ยังจุ่มนิ้วคาอยู่ขึ้นมาให้ดู
“ดูสิ แม่จ๋าหน้าเปียกไปหมดแล้ว” อาทไบอก
“เงียบไปเลยอาไท!” กระถินดุ
“กระถินต่างหากที่ต้องเงียบ” วันรบพูด
กระถินอึ้งที่ถูกวันรบตำหนิ
“ไม่ว่ายังไงแม่ก็จะไม่ยอมรับมัทใช่ไหมครับ” วันรบถาม
“ใช่! แล้วอย่าพามันมาเหยียบที่บ้านนี้อีก” วันทนีย์ย้ำ
กระถินเข้าไปจับมือวันรบแล้วพูดด้วยเสียงเศร้า “ฉันรู้ว่าพี่ไม่รักฉัน แต่ฉันไม่อยากเห็นพี่กับแม่ทะเลาะกันเลย... ฉันแต่งงานกับพี่ได้นะจ้ะ... ฉันยอม”
วันรบดึงมือกระถินออก
“พี่ขอโทษนะกระถิน แต่ยังไงพี่ก็จะแต่งงานกับผู้หญิงที่พี่รัก”
“เอ็งจะทิ้งครอบครัวเพื่อผู้หญิงก็ลองดู” วันทนีย์ขู่
“แล้วแม่จะตัดแม่ตัดลูกกับพี่รบ เพราะพี่รบอยากอยู่กับคนที่เขารักเหรอจ๊ะ ร้ายเหมือนแม่ผัวในละครเปี๊ยบ เอาแต่ใจ ไม่มีเหตุผล” อาไทใส่เป็นชุด
“ไอ้อาไท!” วันทนีย์ดุแล้วกันไปพูดกับวันรบ “ยังไม่ทันแต่งมันก็เสี้ยมสอนให้เอ็งหลอกเอาเงินข้า ผู้หญิงเจ้าเล่ห์แบบนั้นข้าไม่เอามาเป็นสะใภ้ให้เสียสกุลหรอกเว้ย”
พูดจบวันทนีย์ก็ลากกระถินออกไปทันที วันรบมองตามด้วยความกลุ้มใจ
“พี่ทำให้แม่เข้าใจมัทผิดไปใหญ่แล้ว” วันรบปรับทุกข์กับน้องชาย
อาไทตบไหล่ปลอบใจ “รู้ว่าไม่ดีวันหลังก็อย่าทำ”
วันรบหันมามอง อาไทยังไม่รู้ตัวยังคงจับไหล่วันรบอยู่ วันรบจึงกระแอม
“ไม่ต้องคิดมากนะพี่รบ” อาไทปลอบ
วันรบกระแอม “มากไป มากไป!”
อาไทรู้สึกตัวจึงรีบปล่อยมือแล้วยิ้มประจบ
มัทรีเดินเข้ามาในบ้านเตือนใจ เธอเห็นเตือนใจนั่งอยู่กับชิ้นส่วนของหมอนทองก็ตกใจ
“คุณยาย! ทำไมเจ้าหมอนทองถึงโดนถอดเป็นชิ้นๆ แบบนี้”
เตือนใจกอดมัทรีด้วยน้ำตาคลอ
“ยัยมัท ยายขอโทษนะลูก ยายพยายามจะไม่บอกแม่เค้าแล้ว แต่ยาย..”
อ่านต่อหน้า 4
แม่ยายที่รัก ตอนที่ 9 (ต่อ)
เหตุการณ์ในอดีตย้อนกลับมาในหัวของเตือนใจ ตอนนั้นติรกาถอดชิ้นส่วนของมอเตอร์ไซค์ออกทีละชิ้น ทีละชิ้นแล้ววางไว้ที่พื้น เตือนใจเห็นก็ร้องห้าม
“อย่านะติ อย่าทำหมอนทอง”
ติรกาถอดน็อตมือจับที่ชิ้นส่วนเตรียมยกออกแล้วหันมาถาม “ยัยมัทอยู่ไหน”
“แม่..แม่ไม่รู้”
ติรกายกชิ้นส่วนแล้วถอดออก
“ไม่! หมอนทองของแม่!” เตือนใจตกใจ
พุทรารู้สึกสงสารจึงเรียกติรกา “คุณติคะ”
“ถอดอีกเลยครับ ถอด ถอด!” ธงฉานเชียร์
พุทราหมั่นไส้กระทืบเท้าธงฉานเต็มแรง “โอ๊ก”
ติรกาเริ่มขันน็อตอีก
“อย่านะยัยติ เดี๋ยวประกอบคืนไม่ได้” เตือนใจเตือน
ติรกาถามด้วยเสียงโหด “ยัยมัทอยู่ไหน” เธอบิดน็อตไปเรื่อยๆ จนน็อตหลุด
เตือนใจรู้สึกเจ็บจนต้องยอมบอก “อย่า แม่บอกแล้ว..แม่ยอมแล้ว!”
มัทรีทราบเรื่องจากเตือนใจก็ผละออกจากยายของตัวเองก่อนจะเหลือบมองชิ้นส่วนสกายแล็ป มัทรีเห็นดังนั้นก็รู้สึกสงสารเตือนใจขึ้นมา
“ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะยาย เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของยาย”
ทันใดนั้นติรกาก็เดินเข้ามา
“ใช่ ความผิดทั้งหมดมันเป็นของวันรบต่างหาก” ติรกาโพล่งขึ้น “วันรบทำให้แม่ตัวเองเสียใจ วันรบทำลายตัวเอง!”
“ที่รบต้องทำแบบนี้ก็เพราะว่าแม่ แม่แกล้งพวกเรา แล้วแม่ยังทำร้ายจิตใจคุณยายอีก” มัทรีว่า
“ที่แม่ทำ...ก็เพื่อความสุขของลูกเหมือนกัน” ติรกาบอก
“ถ้าแม่ทำเพื่อความสุขของมัทจริง ๆ เราคงไม่ต้องทะเลาะกันแบบนี้หรอกค่ะ”
“มัท..แม่กำลังเลือกทางที่ดีที่สุดให้ลูกนะ”
“ทำไมชีวิตของมัท มัทถึงไม่ได้เลือกเอง! แม่ไม่ใช่มัท แม่จะรู้ได้ยังไงว่าแบบไหนมัทถึงจะมีความสุข”
พูดจบมัทรีก็วิ่งขึ้นบ้านไป
“มีความสุขไหม ที่ทำให้ลูกร้องไห้ได้ทุกครั้งที่เจอกัน” เตือนใจถามลูกสาว
“แม่..” ติรกาพูดไม่ออก เธอนั่งลงร้องไห้ด้วยความกลุ้มใจ เตือนใจลูบหัวติรกาเพื่อปลอบใจ
“หนูกลัว..หนูไม่อยากให้ลูกเจ็บเหมือนหนู” ติรกาคร่ำครวญ
“ลูกเคยเจ็บ ไม่ได้หมายความว่าหลานจะเจ็บเหมือนกัน ติเอาอดีตมาทำร้ายตัวเองแม่ไม่ว่าแต่อย่าเอาอดีตของติมาทำร้ายยัยมัท” เตือนใจสอน
ติรกากอดเตือนใจแล้วร้องไห้ด้วยความอัดอั้นใจ
มัทรียืนอยู่ในห้องนอนของเตือนใจ สักพักเธอก็ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงของเตือนใจอย่างเซ็ง ๆ เตือนใจเดินเข้ามา มัทรีเห็นเตือนใจก็รีบเอามือปิดหูตัวเองทันที
“ถ้ายายจะเข้าข้างแม่ มัทไม่คุยด้วยนะคะ” มัทรีบอก
“ยายไม่เข้าข้างใครทั้งนั้น แต่ยายเข้าข้างความถูกต้อง”
มัทรียังเอามือปิดหูอยู่ เตือนใจแกล้งเอามือปิดหูตัวเองบ้าง
“นี่มันท่าคุยกันของวัยรุ่นสมัยนี้เหรอ?” เตือนใจแซว
มัทรีทำหน้างอนแต่ยังไม่ยอมปล่อยมือออกจากหู
“อ้อเข้าใจแล้ว ทำแบบนี้ก็จะได้ยินแต่เสียงตัวเอง... มิน่าล่ะ วัยรุ่นสมัยนี้ถึงได้ไม่ฟังเสียงของคนอื่นเลย” เตือนใจพูด
มัทรีได้ยินคำสอนทางอ้อมของยายก็เอามือออกจากหูทันที
“ยายว่ามัทเหรอคะ” มัทรีถาม
เตือนใจปล่อยมือจากหูตัวเองแล้วยิ้มให้หลานสาว
“มัทว่าอะไรนะ ยายไม่ได้ยิน” เตือนใจพูดยิ้มๆ
“ยายอ่ะ ไม่เข้าข้างมัทแล้วยังจะแกล้งมัทอีก”
มัทรีลุกหนีไปนั่งอีกมุม เตือนใจเดินตามไป
“ยายบอกแล้วว่า ยายเข้าข้างความถูกต้อง... วันรบผิดที่ไปหลอกเอาเงินแม่ตัวเอง... แม่เราก็ผิดที่ใจแคบและทิฐิเกินไป... ส่วนมัทก็ผิดที่คิดไม่ดีกับแม่เค้าแบบนั้น” เตือนใจบอก
“แต่มัทกับรบรักกันนะคะยาย... การที่เรารักกันอย่างบริสุทธ์ใจ มันไม่มีความหมายอะไรเลยเหรอคะ”
เตือนใจลูบหัวมัทรีด้วยความสงสาร
“ยายรู้...ความรักของหนูมันบริสุทธ์... แต่มัทอย่าลืมว่าหนูเป็นคนเอาสีไปปรุงแต่งความรักเพื่อหลอกให้คนอื่นเข้าใจว่าหนูกับวันรบมีอะไรกันแล้ว”
มัทรีรู้สึกเศร้าเมื่อนึกถึงเรื่องที่วางแผนให้ทุกคนเข้าใจว่าเธอมีอะไรกับวันรบแล้ว
“เรื่องนั้นมัท...” มัทรีเริ่มพูดไม่ออก
มัทรีน้ำตาคลอเพราะเสียใจที่เรื่องทุกอย่างดูเหมือนไม่มีทางดีขึ้น
เตือนใจเห็นหลานเสียใจก็เข้าไปกอดให้กำลังใจ
“ถ้าหนูกับวันรบเป็นคู่กันจริง ๆ ยายเชื่อว่าวันรบจะต้องหาเงิน 10 ล้านมาได้ก่อนเที่ยงคืนวันพรุ่งนี้ มันต้องมีปาฏิหาริย์ เชื่อยายสิ”
พชรพูดกับก๊วนที่อยู่ในห้องครัวด้วยท่าทีจริงจัง
“ไม่มีหรอกเว้ยปาฏิหาริย์!”
รชานนท์รีบยื่นหน้าเข้ามาสมทบ
“ใช่! โดยเฉพาะกับชายชั่วอย่างพวกเรา คนบนฟ้าไม่มีทางเมตตา”
วันรบยื่นหน้าเข้ามาอีกคน
“คนเคยชั่วครับป๋า... ผมเลิกชั่วมาหลายปีแล้ว”
วันรบ รชานนท์และพชรพูดจบก็นั่งล้างจานกองพะเนินกันต่อ สักพักรชานนท์ก็พูดขึ้นมาอีก
“จะเลิกไม่เลิกก็เหมือนกัน แกมารอปาฏิหาริย์แบบนี้ไม่ได้”
“รอได้ แต่ได้แต่งกับคนอื่น” พชรเสริม
“อ้าวพี่ระ ทำไมพูดงี้ล่ะครับ” วันรบเซ็ง
“อ้าว ถ้าแกหาเงินสิบล้านได้ไม่ทันพรุ่งนี้ รับรองว่าน้องธงฉานน่าสงสารคนนั้นหอบเงินสินสอดมาขอมัทรีแน่นอน” พชรบอก
“แต่ฉันไม่ยอมให้ลูก..เอ่อ..ลูกน้องฉันแต่งงานกับผู้ชายหน้าจืดแต่ใจหื่นอย่างนั้นหรอก” รชานนท์ว่า
“น้องครับ ให้แม่น้องมัทเลิกส่องปืนใส่แกก่อนแล้วค่อยอวดเก่งดีกว่ามั้ย” พชรพูด
รชานนท์เซ็งที่โดนขัดคอเลยยกฟองน้ำล้างจานขึ้นแล้วยื่นไปทางพชร
“ผมล้างปากให้มั้ยพี่ระ”
“ป๋ากับพี่ระอย่าเพิ่งแตกคอกันครับ ช่วยผมก่อน” วันรบอ้อนวอน
“อยากช่วยนะไอ้คุณน้องรบ แต่พี่ไม่มีเงินจะให้ยืมจริงๆ” พชรบอกปัด
“พี่ก็โดนพี่นีคุมเงินจนหมด” รชานนท์บอก
“ทีหลังรู้จักซ่อนเงินเก็บไว้ยากฉุกเฉินเหมือนพี่สิวะไอ้น้อง” พชรคุย
“ซ่อนเงิน...” วันรบงง
แล้ววันรบก็ฉุกคิดกับคำว่า “ซ่อนเงิน”
“พ่อ!!” วันรบปิ๊งไอเดียขึ้นมาทันที
เช้าวันใหม่ที่บ้านวันทนีย์ คนงานหญิงก้มๆเงยๆเก็บอุปกรณ์ทำสวนอยู่ กำนันเรืองก้มๆเงยๆ มองตามด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ทันใดนั้นวันรบก็โผล่มาที่ด้านหลัง
“ก้ม ๆ เงย ๆ ดูอะไรอยู่พ่อ” วันรบทัก
“ก็ดูสาว ๆ ไง...” กำนันเรืองตอบ
กำนันเรืองหันมาเห็นวันรบก็ตกใจแล้วก็รู้ตัวว่าหลุดปากไป
“เอ้อ... พ่อดูสาวๆมันเก็บของน่ะ กลัวมันเก็บไม่ครบ” กำนันเรืองรีบเปลี่ยนเรื่อง “เอ็งมาหาข้ามีอะไร?”
“ผมจะถามพ่อ...”
“ว่า..”
“พ่อคิดเหมือนแม่รึเปล่า ที่ไม่อยากได้มัทรีเป็นลูกสะใภ้” วันรบถาม
“เอ็งก็รู้ว่าข้าเห็นความสุขของคนในครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญที่สุด”
กำนันเรืองพูดจบแล้วก็มองไปทางคนงานหญิงคนเดิมก่อนจะทำหน้าเหวออ้าปากค้าง วันรบหันมองตาม เขาเห็นคนงานหญิงกำลังนั่งรวบผ้าถุงขึ้นเหนือเข่าแล้วลงนั่งยองๆกับพื้นเพื่อดื่มน้ำ
กำนันเรืองตาลุกวาวมองคนงานอย่างเคลิบเคลิ้ม วันรบเห็นอาการของพ่อก็ได้ทีจึงรีบฉวยโอกาสถาม
“แสดงว่าพ่อโอเคที่ผมจะแต่งงานกับมัท”
“ฮื่อ” กำนันเรืองตอบส่งๆ
“ถ้าผมหาเงินค่าสินสอดได้ พ่อจะไปสู่ขอมัทให้ผม”
“ฮื่อ” กำนันเรืองตอบส่งๆ
“งั้น... ผมขอยืมเงินพ่อ ไปเป็นค่าสินสอดได้มั้ยครับ”
“ฮื่อ...” กำนันเรืองตอบส่งๆ อีกเพราะยังคงมองคนงานหญิงไม่วางตา
วันรบดีใจ “เยส!”
กำนันเรืองเริ่มรู้สึกตัวจึงรีบปฏิเสธ
“เฮ้ย ๆ ไม่ได้เว้ย ไม่ได้”
“ลูกผู้ชายพูดแล้วคืนคำไม่ได้นะพ่อ แล้วมันก็เป็นความสุขของผมซึ่งเป็นคนในครอบครัวพ่อเหมือนกัน” วันรบบอก
“รู้ว่าความสุขเอ็ง แต่ที่ไม่ได้เพราะข้าไม่มีเงิน ! เอ็งก็รู้แม่เอ็งให้เงินข้าใช้วันละร้อย เงินเก็บก็เข้าบัญชีร่วมหมด จะเอาเงินที่ไหนให้เอ็งยืมวะ”
“เงินที่พ่อเคยเม้มแม่ไว้ไง”
กำนันเรืองเห็นลูกชายรู้ทันก็ถึงกับอึ้งก่อนจะรีบปฏิเสธ
“ไม่มี”
“มี!!” วันรบยืนยัน
“ไม่มี”
“มี!!... ตอนนั้นผม 7 ขวบ” วันรบบอกแล้วเหตุการณ์ในอดีตก็แวบขึ้นมาทันที
วันรบในวัย7ขวบเห็นวันทนีย์กำลังด่ากำนันเรืองอยู่ในบ้าน
“ออกไปตั้งแต่สี่โมงเช้ากลับมาสี่ทุ่มเนี่ยนะ เอาเงินเข้าธนาคาร โกหกแบบนี้อยากตายใช่ไหม” วันทนีย์กระชากไหล่สามี “หันมาคุยกับฉันนี่”
กำนันเรืองหันมาพร้อมกับรอยฟกช้ำบนใบหน้าและสภาพที่สะบักสะบอม
“ว้าย! พ่อจ๋า หน้าไปโดนอะไรมา” วันทนีย์ตกใจ
“เย็นไว้แม่ เรื่องราวนั้นใหญ่หลวง เมื่อเช้าพ่อโดนโจรสองคนดักชิงกระเป๋า” กำนันเรืองบอก
“ต๊าย จับได้ไหมพ่อ”
“ตามถึงดึกได้คืนแค่กระเป๋า”
“สามหมื่นที่เอาไป”
“ไม่เหลือเลยจ๊ะ พ่อขอโทษนะแม่ พ่อไม่กล้ากลับมากลัวแม่โกรธ พ่อสู้กับมันสุดตัว พวกมันรุมต่อย ๆ ๆ จนพ่อเจ็บไปทั้งตัว” กำนันเรืองทำหน้าเศร้า
“ตายแล้ว ไม่เป็นไรหรอกพ่อ ถือว่าฟาดเคราะห์ไป หิวหรือเปล่า แม่จะทำต้มจืดให้ทาน”
“ดีสิจ๊ะ”
“อดใจอีกไม่นาน”
พูดจบวันทนีย์ก็เดินออกไปที่ครัว
กำนันเรืองมองตามพอภรรยาเดินลับไปเขาก็ยิ้มออกมา “รอดตัวไปที..ฮะ ๆ ๆ”
กำนันเรืองมองซ้ายมองขวาอย่างระมัดระวังแล้วเขาก็หยิบซองเงินออกมาจากตัวก่อนจะขยับเงินออกมากรีดนิด ๆ อย่างพอใจ แล้วก็หันไปที่เขาควายที่แขวนอยู่ที่ผนัง กำนันเรืองรีบปีนขึ้นไปยัดซองเงินในกะโหลกเขาควายที่แขวนไว้ทันที วันรบในวัย 7 ขวบยืนแอบดูเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่เงียบๆ
กำนันเรืองอึ้งที่รู้ว่าลูกชายรู้เรื่องทั้งหมด แต่เขาก็ยังปฏิเสธเสียงแข็ง
“เอ็งมั่วแล้ว ข้าไม่เคยเม้มเงินแม่เอ็ง”
“หลังจากนั้น พ่อยังบอกแม่ว่าโดนปล้นอีกหลายครั้งครั้งละไม่ต่ำกว่าหมื่น จนแม่ตัดสินใจไปฝากเงินที่ธนาคารเอง” วันรบเล่าฉะฉาน
“ถ้าข้าซ่อนเงินจริง แม่เอ็งต้องเจอแล้ว” กำนันเรืองบอก
“ก็พ่อหลอกผมกับแม่ไม่ให้ไปยุ่ง เพราะมีวิญญาณควายสิงอยู่!”
กำนันเรืองแถ “ข้าโกหกส่ง ๆ ไป ไม่ให้แม่เอ็งเอากะโหลกควายของข้าไปทิ้งต่างหาก ... ข้ายืนยันว่าไม่เคยเม้มเงินแม่เอ็ง”
“งั้นเรื่องที่พ่อแอบเอาเงินไปปล่อยกู้กินดอก แม่จะรู้ไหมน้า” วันรบเริ่มพูดขู่ แล้วเหตุการณ์ในอดีตอีกช่วงก็ผุดขึ้นมาอีก
วันรบในวัยเด็กเห็นกำนันเรืองกำลังรับเงินจากลูกหนี้ที่หน้าบ้าน
“ผมรู้ว่าพ่อปล่อยกู้ไปหลายแสน” วันรบในปัจจุบันพูด
เหตุการณ์ในอดีต วันรับยังเห็นกำนันเรืองเอาเงินขึ้นไปซ่อนไว้ที่หลังเขาควายอีกหลายครั้ง
“แล้วเก็บดอกเบี้ยซ่อนไว้ในบ้านไม่ให้แม่รู้” วันรบในปัจจุบันพูดต่อ “ผ่านไปเป็นสิบปีพ่อก็ต้องมี..” วันรบมองพ่ออย่างจับไต๋ได้ “หลายล้านแน่!”
พูดจบวันรบก็มองพ่อด้วยหน้าเจ้าเล่ห์ กำนันเรืองอ้าปากค้างที่รู้ว่าลูกชายรู้เรื่องปล่อยเงินกู้ของตัวเอง
กำนันเรืองเหงื่อแตกพลั่ก จนต้องหยิบผ้าขาวม้าขึ้นมาเช็ดแล้วบิดจนน้ำไหลจ็อก “เอ็งมั่วแล้วไอ้รบ”
“ถ้าพ่อยังไม่ยอมรับ ผมจะบอกเรื่องทั้งหมดกับแม่” วันรบขู่
กำนันเรืองหน้าเหวอเพราะกลัวจะถูกวันทนีย์เอาเรื่องแต่เขาก็ยังพยายามทำใจดีสู้เสือ
“เอาเลย! ข้าไม่กลัวหรอก อย่างมากข้าก็แค่โดนแม่เอ็งด่า แต่ถ้าแม่เอ็งยึดเงินไป เอ็งจะไม่ได้เงินซักแดง!”
วันรบเห็นท่าทีของพ่อก็ถึงกับหน้าเสีย ส่วนกำนันเรืองยิ้มดีใจที่สามารถข่มลูกชายได้
กระถินหอบของมีค่าเดินมาที่รถซึ่งจอดอยู่ที่หน้าบ้านวันทนีย์ วันทนีย์ถือซองโฉนดที่ดินทั้งหมดที่มี โดยมีกำนันเรืองและอาไทเดินตามมา
“แม่จ๋า เราไปเป็นเพื่อนพ่อจ๋าประชุมกับจังหวัดข้าง ๆ ต้องเอาโฉนดที่ดินไปด้วยเหรอจ๊ะ” กระถินถาม
“ตอนนี้ข้าทิ้งอะไรไว้ไม่ได้หรอก ขโมยมันชุม!” วันทนีย์บอก
วันทนีย์เหลือบมองไปด้วยความโกรธ
“เจ้ารบ” วันทนีย์แบมือมาตรงหน้า
วันรบยืนอยู่หน้าวันทนีย์ เขาค่อยๆ ควักซองโฉนดออกมาส่งให้แม่ของตัวเอง “แต่แม่ให้ผมแล้วนะ”
“ให้ได้ก็ยึดคืนได้ มีอะไรไหม!” วันทนีย์เสียงแข็ง
“ไม่มีครับ”
วันรบตอบเสียงอ่อยแล้วเดินไปรวมกลุ่มกับรชานนท์และพชรที่นั่งจ๋อยอยู่ที่มุมหนึ่งบริเวณหน้าบ้าน
“ไปได้แล้วพ่อจ๋า สายแล้วจะร้อน อาไท ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากล โทรบอกแม่ทันที” วันทนีย์สั่ง
“ครับผม!” อาไทรับปาก
วันทนีย์กับกระถินขึ้นรถ กำนันเรืองขึ้นไปนั่งประจำที่แล้วก็ขับรถออกไป
วันรบ พชร และรชานนท์ซึ่งกำลังนั่งหงอยเปลี่ยนท่าทีเป็นครึกครื้นขึ้นมาทันที
“ทางสะดวก” วันรบลิงโลด
“ลงมือ!!” รชานนท์กับพชรประสานเสียง
“หยุดก่อน! พวกพี่จะทำอะไรกัน” อาไทเข้ามาถาม
วันรบมองพชรกับรชานนท์แล้วส่งสายตาว่าเดี๋ยวจัดการเอง “ทำอะไรไม่สำคัญ แต่” วันรบควักแบงค์พันออกมาโบกล่อตรงหน้าอาไท อาไทมองตาไม่กระพริบ “สำคัญที่อาไทจะร่วมมือกับพี่ไหม”
“อาจะไม่เห็นแก่เงินทรยศแม่จ๋าเด็ดขาด” อาไทพูด
“แน่ใจ!” วันรบถามย้ำ
“แน่ใจ แล้วถ้าพี่ฝืนคำสั่งแม่อาจะฟ้องแม่จ๋า” อาไทบอก
วันรบมองอย่างเจ้าเล่ห์ “แน่ใจ”
“ชัวร์!” อาไทตอบ
วันรบหันมายิ้มกับรชานนท์และพชรอย่างรู้กัน
เวลาผ่านไป อาไทถูกมัดมือและถูกผ้าเทปปิดปากก่อนจะโดนพชรกับรชานนท์ลากเข้ามาในบ้าน
รชานนท์ชี้ไปที่เสาต้นหนึ่งแล้วถาม “ผูกกับต้นโน้นเลยพี่”
“ป๋า..ต้นนั้นไม่ได้ เห็นผ้าที่ผูกไว้ไหม นั่นน่ะเสาตกน้ำมัน” วันรบบอก
“งั้นเสาโน้นก็ได้” พชรชี้ไป
“พี่ระ เสาโน้นก็ไม่ได้ บนนั้นที่มีหิ้งน่ะ มีโกศของปู่ผม” วันรบบอก
อาไทพยายามจะดิ้นให้หลุด
“แรงอย่างกับช้าง จะเอาไงกับมันดีไอ้รบ” พชรถาม
วันรบมองน้องชายอย่างเซ็ง ๆ แล้วเดินไปนั่งตรงหน้าอาไท “อาไท และถ้าแกให้ความร่วมมือกับพี่ ตั๋วสวนสนุกเล่นแบบไม่จำกัดพร้อมบุฟเฟ่ต์โรงแรมห้าดาวจะเป็นของอาทันที”
อาไทได้ยินก็มีสีหน้าคิดหนัก
“ไม่เอาก็ตามใจ” วันรบตัดบท
“อื้อ..อื้อ..อื้อ..” อาไทส่งเสียง
“มันพูดอะไรนะ” พชรถาม
“ก็เปิดปากสิ” รชานนท์ดึงผ้าเทปออกครึ่งนึง
“โอ้ย ลุงมันเจ็บนะ” อาไทโวย
รชานนท์เคือง จึงออกแรงดึงจนสุดทันที
“โอ้ย นี่!” อาไทร้อง
“ถ้าเรียกลุงอีกคำ ฉันจะจับแกปิ้งเป็นหมูหันเลย” รชานนท์ขู่
“เบาๆ ครับพี่ น้องเจ็บ...” อาไทพูดเสียงนุ่มขึ้น
“ตกลงว่ายังไง” วันรบถาม
อาไททำเป็นคิดหนักก่อนพูด “บุฟเฟ่ต์ห้าดาวขอเพิ่มเป็นสองมื้อได้ไหมพี่”
“ถ้างานพี่สำเร็จ พี่แถมให้เป็นสามมื้อเลย” รชานนท์บอก
อาไทมีท่าทางกระตือรือร้นขึ้นทันที “งั้นจะให้ช่วยอะไรรีบบอกเลยพี่ ชักช้าเสียเวลา”
พชรพูดกับวันรบ “บ้านแกแต่ละคนดีๆ ทั้งนั้น”
วันรบขำ “ รีบเถอะน่าพี่ เดี๋ยวแม่กลับมาจะยุ่ง!”
ทั้งสี่แยกย้ายกันปีนแกะเทปกาวที่ปิดไว้ตามกำแพงบ้านเพื่อหาสร้อยทองแต่ก็ไม่มีใครเจอ
เวลาผ่านไป ทั้งสี่มานั่งเหนื่อยหอบอยู่กลางบ้าน
“ไหนแกว่าพ่อแกซ่อนเงินกับสร้อยทองไว้ในบ้านไง ทำไมหาไม่เจอวะ” พชรถามพร้อมกับหอบไปด้วย
“พ่อเก็บกดมากเพราะแม่คุมทุกบาททุกบัญชี” วันรบบอก “แล้วอยู่ด้วยกันตลอดแบบนี้ พ่อไม่เอาเงินออกมาใช้ให้แม่สงสัยแน่”
“ถ้าไม่เอาออกมาใช้..ก็ต้องเปลี่ยนที่ซ่อน” รชานนท์บอก
“เป็นไปได้..เมื่อปีก่อนแม่จ๋าให้พี่กระถินขึ้นไปปัดฝุ่นเขาควายแล้วไอ้เขาควายเนี่ยมันตกลงมา มีเงินอยู่ในเขาควายตั้งหลายพัน พ่อกำนันบอกว่าเป็นเงินพี่รบ แม่จ๋าก็เลยยึดไปหมดเลย” อาไทบอก
“ที่ๆ ปลอดภัยที่สุดกลายเป็นที่ ๆ อันตรายที่สุดซะแล้ว พี่ระ..ถ้าเป็นพี่ พี่จะซ่อนที่ไหน” วันรบถาม
พชรนิ่งคิด “ก็ต้องซ่อนที่ๆ เมียจะไม่ไปยุ่ง มุมส่วนตัว หรือ...”
วันรบกับรชานนท์นึกได้พร้อมกัน “เสาตกน้ำมัน!”
ทั้งสี่มายืนล้อมเสาตกน้ำมันที่มีหยดน้ำมันติดแน่นเหมือนมีน้ำมันซึมออกมาจากเสาจริงๆ
อาไทมองอย่างกลัวๆ “พี่รบ..แล้วถ้ามันเป็นเสาตกน้ำมันจริงๆ ล่ะ มืดแล้วด้วย..ฉันกลัว”
รชานนท์มองรอบๆ เสา “ไอ้รบ น้ำมันที่มันผุดขึ้นมานี่ มีมดไต่อยู่เต็มเลยว่ะ”
“น้ำมันอะไรวะ หวานจนมดขึ้น” พชรสงสัย
วันรบตัดสินใจยกมือไหว้ “ขอพิสูจน์หน่อยนะครับ” เขาปาดน้ำมันที่อยู่ที่เสามาดม “ผมว่ากลิ่นมันเหมือนกาแฟนะพี่”
รชานนท์รับคราบที่วันรบปาดมาดมแล้วตัดสินใจส่งให้พชร “พี่ระ ต้องชิมแล้วล่ะ”
“เฮ้ย! ถ้ามันเป็นของจริงฉันไม่ตายเหรอ” พชรไม่เล่นด้วย
“พี่ระไม่ชิมก็ได้ ถ้าอยากให้รายชื่ออดีตกิ๊กพี่ทั้งในและนอกบริษัทถึงมือพี่นี” วันรบขู่
“ไอ้รบ ไอ้น้องทรพี!” พชรด่าแล้วรับมาชิม “เฮ้ย! มันเป็นกาแฟว่ะ แต่เหนียว ๆ เหมือนทำให้ข้น”
วันรบกับรชานนท์มองหน้ากัน แล้วรีบลูบคลำที่เสาอย่างตั้งอกตั้งใจ วันรบลูบไปเรื่อยๆ จนสะดุดอะไรบางอย่างที่โคนเสา “ป๋า..ตรงนี้มันไม่เรียบ”
รชานนท์คลำโคนเสาแล้วมองหน้าทุกคนก่อนจะพูดขึ้น
“เราเจอขุมทรัพย์แล้ว”
รชานนท์ใช้ไขควงปากแบนค่อยๆ งัดขอบไม้ออกมา ด้านในของเสาโดนตัดกลวงจนเป็นช่องโดยมีแผ่นไม้ปิดไว้จนแทบดูไม่ออก
วันรบดึงฝาไม้ออกทำให้ทุกคนเห็นว่าข้างในมีแบงค์ร้อย แบงค์ห้าร้อย และแบงค์พันม้วนอัดเรียงกันอยู่ในเสา วันรบดึงออกมา พชรกับอาไทรับไปกางเพื่อนับ
วันรบหยิบแบงค์ร้อยออกมาแล้วบอกทุกคน “สุดท้ายแล้ว”
“เป็นการซ่อนแบบภูมิปัญญาจริงๆ หลอกด้วยสิ่งลี้ลับ ไม่มีใครกล้ามายุ่งแน่นอน” พชรชม
วันรบหันมาหาอาไท “มีตรงไหนในบ้านที่มีวิญญาณสิงอีกไหม”
อาไทคิดก่อนตอบ “รังตุ๊กแกผี บนโน้น” อาไทชี้ไปที่มุมหนึ่งบนเพดานบ้าน ที่มีตุ๊กแกหนึ่งตัวเกาะอยู่ วันรบ พชร รชานนท์เงยหน้ามองตาม
เวลาผ่านไป วันรบปีนบันไดขึ้นไปมามองแล้วหยิบตุ๊กแกโยนลงมา พชร อาไท และรชานนท์กระโดดหลบกันไปคนละทาง
วันรบขำแล้วบอก “ของปลอม!”
วันรบคลำบริเวณมุมที่ตุ๊กแกเกาะอยู่ก่อนจะเจอเชือกเล็ก ๆ ที่ถูกเจาะร้อยไว้กับผนัง วันรบลองเกี่ยวแล้วดึงออกมาก็พบว่าเป็นลิ้นชักเล็ก ๆ ที่ข้างในมีสร้อยทอง เลททองวางเรียงเป็นเส้นยาว
ต่อมา อาไทก็ชี้ไปที่อีกมุมในบ้าน “รักยม คะนองเดช”
รชานนท์อยู่ที่ด้านหลังรักยมซึ่งมีแผ่นไม้ขนาดใหญ่ติดไว้ในลักษณะเหมือนประตู เขาออกแรงเปิดออกจึงพบว่าด้านหลังมีทองกับเงินแปะติดไว้เรียงรายเหลืองอร่าม
ต่อมา อาไทก็พยายามครุ่นคิดถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่อไปของบ้าน “เฮี้ยนสุด ๆ ดงตานี!” อาไทตอบเสียงดัง
รชานนท์กับพชรมองมาที่วันรบ วันรบบอกทุกคน “ดงกล้วยหลังบ้าน”
ทุกคนมองหน้ากันแล้วพยักหน้าเป็นสัญญาณให้ไปค้นทันที
วันรบ รชานนท์ และพชรช่วยกันขุดดินในสวนข้างบ้าน ทั้งสามออกแรงขุดไปรอบๆ แต่ก็ไม่เจออะไร
“ขุดจนทั่วแล้วไม่เห็นเจออะไรเลย” พชรบอก
“มันต้องขุดลึกๆสิพี่ ขุดต่อๆ” วันรบสั่ง
ทั้งสามคนออกแรงขุดต่อ
สักพักรชานนท์ก็ขุดไปกระแทกอะไรบางอย่างเข้า
“ไอ้รบ! ฉันเจออะไรก็ไม่รู้ว่ะ”
วันรบกับพชรรีบวิ่งมาหารชานนท์แล้วช่วยกันขุดดินบริเวณนั้นทันที
เวลาผ่านไป หีบไม้ใบใหญ่ซึ่งอยู่ที่กลางหลุมขนาดย่อมเริ่มเผยโฉม วันรบ รชานนท์ และพชรตื่นเต้นที่ขุดจนเจอหีบขนาดใหญ่
“เฮ้ยไอ้รบ พ่อแกขโมยเงินเยอะจนต้องใส่หีบใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอวะ” พชรตื่นเต้น
“อย่ามัวแต่นิ่งไอ้รบ เปิดดูเลย” รชานนท์สั่ง
วันรบพยักหน้าแล้วค่อย ๆ เปิดหีบออก
เมื่อหีบเปิดออก ทั้งสามคนก็ตาโตและอ้าปากค้าง “เฮ้ย!!”
ภายในหีบมีหนังสือวาบหวิวในอดีตและโปสเตอร์วาบหวิบยุคก่อนอยู่เต็ม วันรบยังคงอึ้ง ส่วนรชานนท์กับพชรหัวเราะลั่น
“เนี่ยเหรอของมีค่าที่พ่อแกเอามาซ่อน หนังสือโป๊เก่า ๆ เนี่ยะ” รชานนท์ขำ
“เฮ้ย เก่าแต่คลาสสิค” พชรพูดพร้อมกับหัวเราะ
วันรบกลุ้มใจที่ไม่ได้เงินค่าสินสอด พชรกับรชานนท์รีบหยิบหนังสือวาบหวิวขึ้นมาเปิดดู ทันใดนั้นก็มีของบางอย่างร่วงลงมาจากหนังสือ
วันรบมองตามไปที่พื้นก็เห็นเป็นลูกกุญแจดอกเล็กๆ ตกอยู่ เขารีบก้มไปหยิบขึ้นมา รชานนท์กับพชรเห็นลูกกุญแจก็นิ่งไป
สักพักรชานนท์นึกได้ “นี่มันกุญแจตัวล็อค... แสดงว่าต้องมีของให้ล็อค”
“กล่องสมบัติ !” พชรพูดอย่างตื่นเต้น
ทั้งสามคนมองหน้ากันแล้วลุกไปขุดดินต่อทันที
มัทรีเดินไปเดินมาอย่างกระวนกระวายอยู่ภายในห้อง แล้วเธอก็ไปนั่งที่เตียงก่อนจะหยิบนาฬิกาขึ้นมาดูเห็นว่าเป็นเวลา 20.00 น. แล้ว
“เป็นยังไงบ้างนะ รบ ทำไมเงียบไปแบบนี้” มัทรีพึมพำ
มัทรีมองมือถือที่วางอยู่ เธอหยิบขึ้นมาจะกดโทรออก
“เฮ้!” เสียงธงฉานดังขึ้นมา
มัทรีชะงักมองไปทางหน้าต่างด้วยความสงสัย แล้วก็ตัดสินใจเดินออกจากห้องไป
อ่านต่อตอนที่ 6