xs
xsm
sm
md
lg

แม่ยายที่รัก ตอนที่ 9

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แม่ยายที่รัก ตอนที่ 9
เตือนใจกับพุทราเดินกลับเข้ามาที่โต๊ะอาหารที่วันรบกับมัทรีจัดทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว รชานนท์จูงมือของติรกาจากชั้นบนลงมาที่โต๊ะอาหาร
“โอ้โห...วันนี้สั่งอาหารจากโรงแรมมาเหรอครับคุณแม่” รชานนท์ว่า
“วันนี้หลานเขยแม่ลงมือทำเองทุกอย่างเลย เขาจะเอาใจว่าที่แม่ยายน่ะ” เตือนใจพูดแล้วมองไปที่ติรกาอย่างสังเกต
ติรกาหน้าตึงขึ้นทันที
“ใครเป็นแม่ยายแก!”
ทุกคนบนโต๊ะอาหารชะงักและหันไปมองหน้าติรกาเป็นสายตาเดียว ติรกาเห็นสายตาทุกคนที่มองมาก็นึกได้ว่าตัวเองยังความจำเสื่อมอยู่นี่นา
“เอ่อ..ติพูดอะไรไปคะเนี่ย มันวูบๆ มาน่ะค่ะ” ติรการีบพูดกลบเกลื่อน วันรบถึงกับโล่งใจทันที
“อ๋อ..งั้นเชิญคุณแม่ยายนั่งเลยครับ วันนี้ผมโชว์ฝีมือเต็มที่”
รชานนท์ขยับเก้าอี้จะให้ติรกานั่งข้างตัวเอง ขณะที่ฝั่งตรงข้ามวันรบกำลังขยับเก้าอี้ให้มัทรีลงนั่ง ติรกาเดินข้ามไปจับที่เก้าอี้ซึ่งวันรบจะขยับนั่งข้างซ้ายของมัทรี วันรบมองติรกา เห็นสีหน้าติรกาขมึงตึงก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มแล้วบอก
“ฉันขอนั่งตรงนี้นะ “
“ได้ครับ” วันรบจะขยับไปนั่งเก้าอี้ตัวด้านขวามัทรี ติรกามองแล้วขยับไปตัวจับเก้าอี้ตัวที่วันรบจะนั่งชิดมัทรี ติรกายิ้มใส่วันรบอีกแล้วหันไปเรียกเตือนใจ
“คุณแม่มานั่งข้างยัยมัทสิคะ”
วันรบมองหน้าติรกาแบบอึ้งๆ
“มาสิคะคุณแม่”
เตือนใจเดินมานั่งตามที่ติรกาบอก วันรบต้องระเห็จไปนั่งข้างรชานนท์ที่ฝั่งตรงข้าม ทุกคนมองอย่างงงๆ ติรการู้สึกว่าทุกคนมองอยู่
“ฉันใจหายน่ะค่ะที่ลูกเพิ่งหมั้นไปวันนี้ อีกไม่นานมัทก็ต้องห่างแม่ ลืมแม่”
มัทรีจับมือติรกาแล้วกอดติรกา
“มัทไม่มีทางลืมแม่หรอกค่ะเพราะมัทรักแม่ที่สุดเลย”
ติรกากอดมัทรีด้วยความรักที่ไม่ต่างกัน วันรบไม่สงสัย รชานนท์มองภาพมัทรีกอดติรกาอย่างประทับใจ
“แม่ก็รักมัทนะลูก แม่จะไม่ให้ใครทำร้ายดวงใจของแม่แน่นอน”
เตือนใจสะกิดใจเงยหน้ามองติรกา ติรกาสบตากับเตือนใจเห็นสายตาที่จ้องจับผิดจึงหลบสายตาไปทางอื่นไม่ยอมสบตาด้วย
“ทานข้าวเถอะมัท นี่ฝีมือวันรบคนเดียวเลยเหรอ” ติรกาถาม
“มัทก็ช่วยด้วยนะคะแม่ ตอนอยู่คอนโด มัทเป็นลูกมือช่วยพี่รบบ่อยๆ”
สีหน้าติรกาสะเทือนใจทันที แล้วพึมพำเบาๆ
“คอนโด”
ภาพของวันที่ติรกาและทุกคนไปที่คอนโดฯของวันรบฉายภาพและเสียงเข้ามาหาติรกา คำพูดของมัทรีที่บอกว่า

“พี่รบกับมัทเราเป็นสามีภรรยากันมานานแล้วและมัทก็เต็มใจ”
“โกหก”
“มัทไม่ได้โกหก ทุกคนรับทราบไว้เลยนะคะว่าคอนโดที่ทุกคนยืนอยู่เป็นคอนโดที่มัทกับพี่รบซื้อร่วมกัน”

บนโต๊ะอาหาร ติรกากำแก้วแน่นจนแก้วร้าว...เปรี๊ยะ! ทุกคนตกใจ พุทราสะดุ้งหนักกว่าเพื่อน
ติรการู้สึกตัวพลางว่า
“อุ้ย..แก้วมันบางแบบนี้ อันตรายนะคะ”
พุทรายกแก้วตัวเองขึ้นดู แก้วไม่ได้บางอย่างที่ติรกาบอกแต่อย่างไร
“บาง..ตรงไหน?”
รชานนท์รีบจับมือติรกาขึ้นมาดู
“มือคุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ กระแต”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันเอาแก้วไปทิ้งก่อนนะคะ” ติรกาบอก
“เดี๋ยวผมจัดการให้”
“ไม่เป็นไรค่ะ ให้ฉันจัดการเองนะคะ..นะคะ”
รชานนท์ยอมปล่อยมือ ติรการีบเก็บแก้วแล้วเดินไปที่ครัว
พุทรารีบขยับมากระซิบเตือนใจ
“คุณเตือนว่ายังไงคะ”
เตือนใจไม่ตอบแต่ลุกตามติรกาไปในห้องครัว
“คุณยายจะไปไหนคะ” มัทรีถามขึ้น
“ยายจะไปดูแม่เราหน่อย”
พุทราจะลุกตาม แต่เตือนใจขึงตาใส่ว่าไม่ต้อง พุทราจำต้องนั่งตามเดิม เตือนใจเดินไปที่ครัวทันที

ภายในห้องครัว ติรกาทิ้งแก้วร้าวลงในถังขยะ
“เกือบไปแล้ว” ติรกาพูดขึ้น
เตือนใจย่องเข้ามาด้านหลังเบาๆ
“เกือบโดนจับได้ว่าความจำกลับคืนมาแล้วน่ะเหรอ”
ติรกาไม่ทันระวังตัวตอบ
“ก็ใช่น่ะสิคะ”
ติรกาหันกลับมาเจอกับเตือนใจถึงกับตกใจตั้งตัวไม่ทัน
“คุณแม่”
“แกจำทุกอย่างได้แล้วใช่ไหม ยัยติ”
ติรกายังพยายามจะทำเนียนๆใส่เตือนใจ
“คุณแม่พูดเรื่องอะไรคะ”
“เรียกฉันว่าแม่ ก็รู้ใช่ไหมว่าแม่น่ะรู้จักลูกดียิ่งกว่าตัวลูกเองอีก”
ติรกามองเตือนใจแล้วก็ยอมรับด้วยการนิ่งเงียบไป
“แกจำได้แต่ไม่อาละวาด แกคิดจะทำอะไรบอกแม่ได้ไหม”
“หนู..หนูก็ไม่รู้ว่าทำไมหนูถึงไม่อาละวาด”
เตือนใจขยับเข้าไปใกล้ติรกาเพื่อมองค้นหาในแววตาลึกคู่นั้น
“เพราะติยังรักรชานนท์ไงลูก”
ติรการู้สึกและ เถียงไม่ออก
“หนู...หนูอยากรู้ว่าทำไมเขาถึงทิ้งหนูไป หนูอยากรู้ว่าเขากลับมาเพื่ออะไร หนูอยากรู้ว่าเขาเข้ามาใกล้ลูกเพราะอะไร ในหัวหนูมันมีแต่คำถาม”
“ถ้าติต้องการคำตอบ แม่จะจัดให้ แต่ตอนนี้ ติเนียนๆไปก่อน อย่าให้ใครรู้แม้แต่ยัยพุทราว่าติจำได้แล้ว บางทีติอาจจะได้คำตอบกับความจริงบางอย่างที่ติไม่เคยรู้ก็ได้นะ”
ติรกามองเตือนใจพยายามค้นหาความหมายในคำพูดนั้น เตือนใจได้แต่ยิ้ม

รชานนท์นั่งอยู่กับติรกา วันรบเอาผลไม้มาวางตรงโต๊ะรับแขก มัทรียกน้ำส้มมาให้ติรกา พุทรานั่งอยู่กับเตือนใจอีกมุมสังเกตการณ์ พุทราพูดเบาๆ กับเตือนใจ
“ตกลงคุณติจำได้หรือยังคะ”
“ยังนี่ หล่อนคิดมากไปเอง”
พุทรายังไม่หายสงสัย
“เหรอคะ อืม...”
วันรบเลื่อนจานสาลี่ให้ติรกา
“ผลไม้ครับคุณแม่ มัทบอกว่าคุณแม่ชอบทานสาลี่ ผมก็เลยจัดมาให้”
“แล้วก็น้ำส้มอีกแก้วนะคะคุณแม่”
“เอาใจกันขนาดนี้ ถ้ายัยติหุ่นพังจะทำยังไงเนี่ย” เตือนใจพูดขึ้น
“กระแตจะเป็นยังไงผมก็รักครับ” รชานนท์พูดแล้วมองกรุ้มกริ่ม
ติรกาพยายามแอบเก็บยิ้มที่รชานนท์หวานใส่
“พูดจริงเหรอคะ”
“จริงสิครับ ต่อให้นางสาวไทยมายืนตรงหน้ายังสู้กระแตไม่ได้เลย”
รชานนท์ทำท่าจะโอบ มัทรีกระแอมใส่ รชานนท์ชะงักรีบเก็บมือกลับมาเหมือนเดิมทันที รชานนท์ จิ้มสาลี่จะป้อน“ทานผลไม้นะครับ”
ติรกาอึกอักด้วยไม่คุ้นเคย เตือนใจกระแอมเตือน ติรกามองเตือนใจแล้วอ้าปากรับผลไม้และพยายามเก็บอาการกระดากไว้
“แหม..คุณยายกับคุณหลานอะไรติดคอเหรอคะ” พุทราแซวขึ้น
เตือนใจยกมะเหงกให้พุทรา
“ชัดเลย...ไม่น่าปากไวเลย พุทราเอ๊ย”
มัทรีจิ้มสาลี่จะป้อนให้วันรบ
“พี่รบทานผลไม้สิคะ เหนื่อยทั้งทำอาหารทั้งล้างจาน”
ติรกากระแอม ...อีกคน
“ให้รบมันกินเองก็ได้ มือไม่เป็นอะไรสักหน่อย” รชานนท์พูดแทรกขึ้น
“มัทเป็นคู่หมั้นรบ จะป้อนกันก็ไม่เห็นจะเป็นไร”
วันรบมองรชานนท์และติรกา
วันรบจับไม้จิ้มมากินเอง
“แบบนี้ดีกว่านะ”
วันรบเหลือบมองติรกา
“เกรงใจคุณแม่จ๊ะ”
“ดึกแล้ว ไม่กลับบ้านเหรอไอ้รบ” รชานนท์ถาม
“อย่าเพิ่งกลับเลยค่ะรบ”
วันรบรู้ว่ากำลังกลายเป็นเครื่องมือให้พ่อลูกใช้ทะเลาะกัน
“ผมเพลียๆ น่ะมัท ผมกลับดีกว่า สวัสดีครับคุณแม่”
วันรบหันไปทางรชานนท์แล้วเรียก
“คุณพ่อ”

ถ้าไม่เกรงใจ รชานนท์อยากจะเดินถีบวันรบสักที
“พี่รบไม่ควรเรียกป๋าแบบนั้นนะคะ เพราะเขาไม่ใช่...” มัทรียังพูดไม่ทันจบ เตือนใจก็ขัดจังหวะขึ้นทันที
“ยัยมัท”
ติรกามองรชานนท์ที่กำลังหน้าเสียที่มัทรีไม่ยอมรับ
“มัทไปส่งผมที่รถหน่อยสิครับ” วันรบบอก
มัทรีลุกขึ้นและเดินตามวันรบออกไป ติรกาลุกขึ้นพร้อมกับมัทรีทันที
“กระแตจะไปไหนครับ” รชานนท์ถาม
“ห้องน้ำน่ะค่ะ” ติรกายิ้มแล้วเดินไป
“แต่ห้องน้ำไม่ใช่ทางนั้นนะครับ” รชานนท์บอกแล้วทำท่าจะลุกตามไป พุทราทำท่าจะตามไปอีกคน
“พุทราขอน้ำขิงให้ฉันถ้วยสิ ตานนท์ทานผลไม้ให้หมดก่อนสิ เสียดายนะ” เตือนใจบอก
รชานนท์นั่งลงกับที่อย่างเดิม
“ครับ”
เตือนใจมองตามติรกาไป อยากรู้ว่า ติรกาจะทำอย่างไร

วันรบเดินนำมัทรีมาที่รถซึ่งจอดอยู่ภายในบ้านของติรกา
“พี่รบมีอะไรจะคุยกับมัทใช่ไหมคะ” มัทรีถามขึ้น
ติรกาเดินเข้าหามุมแอบฟังทันที
“ผมขอมัทได้ไหม ถึงมัทจะไม่ยอมรับป๋าก็อย่าถึงขนาดทำร้ายจิตใจป๋าเลยนะครับ”
“พี่รบคะ ผู้ชายคนนั้นทำร้ายแม่ ทอดทิ้งมัท มัทลืมไม่ได้หรอกค่ะ”
“แต่มัทอภัยให้เขาได้ไม่ใช่เหรอครับ ถ้ามัทอภัย มัทก็จะไม่ทุกข์นะ ผมรู้นะว่าที่มัททำแบบนี้มัทก็ไม่มีความสุขหรอก เพราะมัทรู้เต็มอกว่าป๋าคือพ่อของมัท”
มัทรียังดื้อดึง
“ไม่พูดเรื่องนี้ได้ไหมคะ”
“มัท..ถือว่าผมขอร้องได้ไหม”
“มัทไม่รับปากได้ไหมคะ”
“งั้นถึอว่าแลกกันได้ไหมครับ แลกกับที่มัทให้ผมโกหกป๋ากับทุกคนว่าเราเป็นสามีภรรยากัน ทั้งที่ความจริงเราไม่เคยทำผิดแบบนั้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว”
ติรกาตะลึงที่ได้รู้ความจริง
“แต่นั่นมันจำเป็นนะคะไม่งั้นแม่จะแยกเราจากกัน”
“นี่ก็จำเป็นเหมือนกันครับ เพราะป๋าก็เจ็บใจคิดว่า ผมทรยศป๋าทำลายมัทที่เป็นลูกเขา ถ้ามัทยังมึนตึงใส่ป๋าก็อาจจะไม่ยอมรับผมอีกคน มัทคิดว่าผมจะมีความสุขไหมถ้าต้องอยู่ในครอบครัวที่ไม่มีใครยอมรับผมเลย”
คำพูดของวันรบทำให้มัทรีถึงกับอึ้งไป วันรบจับมือมัทรี
“มัทครับ เราจะสร้างครอบครัวด้วยกันก็ต้องรับฟังเหตุผลของกันและกันนะครับ ป๋าไม่ใช่คนเลว ผมเชื่อว่ามันจะต้องมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้ป๋าต้องทิ้งมัทกับคุณแม่มัทไปด้วยความไม่ตั้งใจ ให้โอกาสป๋าได้ไหมครับมัท เปิดใจแล้วค้นหาความจริง คำตอบมันอาจจะทำให้ทุกคนมีความสุขในตอนท้ายก็ได้นะ”
มัทรีมองวันรบอย่างลำบากใจ
“มัทจะพยายามแล้วกันค่ะ”
วันรบบีบจมูกมัทรีเบา ๆ
“มัทน่ารักแบบนี้ ผมถึงเลิกรักไม่ได้สักที”
“ถ้าเลิกนะ..มัทเอาตายแน่”
วันรบตะเบ๊ะรับ
“ครับผม..ครับแม่” วันรบล้อเล่นกับมัทรี
มัทรีกับวันรบยิ้มให้กันอย่างเข้าใจ ติรกามองวันรบกับมัทและคิดตามคำพูดที่วันรบพูดกับมัทรี

ติรกานั่งครุ่นคิดถึงคำพูดของวันรบอยู่ที่ระเบียงบ้าน คำพูดของวันรบก้องอยู่ในสองหูของติรกา
“ป๋าไม่ใช่คนเลว ผมเชื่อว่ามันจะต้องมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้ป๋าต้องทิ้งมัทกับคุณแม่มัทไปด้วยความไม่ตั้งใจ ให้โอกาสป๋าได้ไหมครับมัท เปิดใจแล้วค้นหาความจริง คำตอบมันอาจจะทำให้ทุกคนมีความสุขในตอนท้ายก็ได้นะ”
ติรกาถอนใจเบาๆ ขณะที่เตือนใจโผล่หน้ามาข้างๆติรกาอย่างใกล้มากจนติรกาตกใจ
“คิดเรื่องอะไรเหรอยัยติ”
“ว้าย คุณแม่มาเงียบๆ ใจหายหมด”
“ใจหายไปอยู่ที่ใครล่ะ สามีหรือเปล่า”
“อดีตสามีค่ะคุณแม่”
“แล้วปัจจุบันล่ะ” เตือนใจถามขึ้นด้วยความอยากรู้
“ลองมาแตะหนูสิคะ จะยิงเป้ากระจุยเลย”
“ยัยมัทกลัวมากเลยนะ กลัวแกจะเสียท่า เอ..นี่ตานนท์เขาไม่เคยแตะแกเลยเหรอ”
“ไม่นี่คะ เท่าที่จำได้ไม่มีนะคะแม่”
“แปลกจัง อยู่ในห้องนอนสองต่อสองไม่น่าจะรอดนะ อืม...ไม่รู้ว่าเป็นสุภาพบุรุษหรือว่าลูกแม่ไม่เร้าใจ”
ติรกาอารมณ์ขึ้นทันที
“คุณแม่ หนูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
“ก็แกบอกแม่เองว่าผู้ชายอย่างตานนท์ เจ้าชู้ ไว้ใจไม่ได้ พูดตรงๆ นะถึงจะนานเป็นชาติแล้วก็เถอะ ผู้หญิงผู้ชายอยู่ใกล้กันมันต้องสป๊าคกันบ้างสิ นี่ไม่อึ๊ไม่แอะเลย มันน่าสงสัยนะ แต่แม่ก็เข้าใจนะ แกปล่อยตัวมากไปรึเปล่า พูดแล้วก็ไปมากส์หน้าก่อนนอนดีกว่า กลัวเหมือนแก”
เตือนใจทิ้งระเบิดไว้แล้วเดินลั้นลาออกไป ติรกามองตามแล้วหันมองตัวเองในกระจก ติรกาใช้มือแตะที่หน้ามองซ้ายมองขวาอย่างพินิจคิดหนัก ต้องพิสูจน์อะไรบางอย่างซะแล้ว

มัทรีกำลังหอบหมอนของตัวเองจะออกจากห้องนอนตัวเอง ทันทีที่เปิดประตูห้องก็ต้องชะงักที่เห็นเตือนใจยืนกอดหมอนอยู่หน้าห้อง
“ยายนอนไม่ค่อยหลับ ขอยายนอนด้วยคนนะ”
“แต่มัทกำลังจะไปนอนกับคุณแม่นะคะ”
“แม่เขาไม่เป็นไรหรอก แต่ยายจะ...”
เตือนใจใช้แผนทำตัวอ่อนเทันที
“...จะเป็นลม...”
มัทรีเข้าไปประคองเตือนใจแล้วร้องเรียก
“คุณยายคะ..คุณยาย”
มัทรีจำต้องพาเตือนใจเข้าห้อง เตือนใจแอบยิ้มชอบใจ

คืนนั้นเมื่อรชานนท์เดินเข้ามาในห้องนอนของติรกาก็ต้องยืนตะลึง เพราติรกาสวมชุดนอนสีขาวดูเซ็กซี่แปลกกว่าทุกครั้ง ติรกายิ้มต้อนรับก่อนจะเดินเข้าไปช่วยแกะกระดุมเสื้อ
“มาแล้วเหรอคะนนท์ อาบน้ำก่อนนะคะ”
รชานนท์ขนลุกซู่ทันที
“เอ่อ...กระแต ทำไม”
“ทำไมคะ”
ติรกาเงยหน้า คางแตะอยู่ที่อกรชานนท์ทำเซ็กซี่ใส่สุดฤทธิ์
“ไม่ชอบเหรอ”
รชานนท์ขนลุกอีกเป็นรอบที่สอง
“ชอบจ๊ะ...อุ๊ย”
ติรกาค่อยๆแกะกระดุมทีละเม็ด จนรชานนท์สะดุ้งทุกทีที่กระดุมแต่ละเม็ดถูกปลด รชานนท์เงยหน้าขึ้นสูดลมหายใจเข้าออกพึมพำ พุท..โธ...พุท..โธ
ติรการุกอีกด้วยการใช้นิ้วจิ้มไปที่แผงอกรชานนท์เบาๆ รชานนท์กับตัวเองเบาๆ “ไม่ไหวแล้ว” รชานนท์ดันตัวติรกาออกและพูดตัดบท
“กระแตครับ..ผมขออาบน้ำก่อนนะครับ ผมร้อน”
รชานนท์ไม่รอให้ติรกาตอบแต่รีบเข้าไปในห้องน้ำทันที
ติรกามองตามรชานนท์อย่างไม่พอใจแล้วเดินไปส่องกระจกทันที
“นี่ทำเป็นคนดีหรือฉันโทรมกันแน่เนี่ยะ”

ภายในห้องน้ำในห้องนอนของติรกา รชานนท์อยู่ใต้ฝักบัว น้ำจากฝักไหลหลั่งลงรดตัวรชานนท์ที่กำลังตั้งสมาธิอย่างเต็มที่
“ยุบหนอ..ไม่พองหนอ...ยุบหนอ..ยุบสิโว้ย...โอ้ย กระแตเป็นอะไรของเขานะ จะไม่ไหวแล้วนะเนี่ย”
สีหน้ารชานนท์เริ่มคิดหนัก
เมื่อรชานนท์อาบน้ำเรียบร้อยออกมาจากห้องน้ำก็ต้องยิ่งตะลึงมากขึ้นเมื่อเห็นติรกานอนอยู่บนเตียงยิ้มหวานใส่
“ดึกแล้ว นอนเถอะค่ะนนท์”
“นอน..นอนครับ” รชานนท์น้ำเสียงตะกุกตะกัก
รชานนท์ขยับขึ้นเตียง ติรกาขยับตัวไปนอนชิดแล้ววางมือบนแขนรชานนท์ พร้อมกับทำปูไต่ไล้ไปตามแขน รชานนท์ขนลุกซู่จนต้องจับมือติรกาไว้ แล้วนอนกอดติรกาไว้ ติรกายิ้มพอใจแล้วใช้มือขวาขยับไปจับปลายปืนที่วางพิงรอไว้โดยที่รชานนท์ไม่ทันสังเกต ติรกาค่อยๆจับปลายปืนแน่นกะฟาดเต็ทที่
“นี่ไง...ใครบอกฉันไม่มีเสน่ห์ แต่...ถ้าคิดจะฟันฉัน ฉันทุบหัวแบะแน่” ติรกาคิดครุ่น
แล้วจู่ๆ รชานนท์ก็พลิกตัวนอนหงายปล่อยมือจากติรกา รชานนท์หายใจเข้าออกลึก ๆเหมือนสงบใจได้ ติรกางงว่าเกิดอะไรขึ้นอีก รชานนท์หันตะแคงมามองหน้าติรกา
“นอนเถอะครับ ดึกแล้วนะ”
ติรกาเหมือนจะสูญเสียความมั่นใจไปอีก สีหน้าของติรกาทำให้รชานนท์แปลกใจ
“กระแต..คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”
ติรกาผิดหวังและน้อยใจ จนพูดไม่ออก ติรกาพลิกตัว หันหลังให้รชานนท์
“ฉันไม่มีเสน่ห์เลยใช่ไหม คุณถึงได้...”
“ไม่ใช่นะกระแต มันไม่ใช่แบบนั้นนะ กระแต”
รชานนท์พลิกตัวติรกากลับมา
“ไม่ใช่ว่าคุณไม่มีเสน่ห์ คุณยังสวย สวยมากก...แต่..ตอนนี้คุณยังไม่สบายอยู่ ผมไม่อยากเอาเปรียบคุณ”
ติรกามองรชานนท์อึ้งไปกับความคิดรชานนท์
“ผมไม่อยากทำให้คุณเสียใจอีก ถ้าคุณหายดีเมื่อไหร่..เมื่อนั้นผมถึงจะกล้า...รักคุณ”
“นนท์คะ...คุณเคยมีคนอื่นนอกจากฉันไหม” ติรกาถามด้วยความอยากรู้
“ผมจะไม่โกหกนะมีหลายคนพยายามจะแทนที่คุณ แต่ผมก็รู้ตัวเองดีว่าหัวใจผมไม่เคยมีใคร นอกจากคุณคนเดียว”
“แต่ฉันอายุเยอะแล้วนะ สู้เด็กๆ สาวๆ ไม่ได้หรอก”
รชานนท์ยิ้มแล้วใช้นิ้วแตะที่จมูกติรกาเบาๆ
“แม้ว่าเธอจะแก่กว่านี้ จะเหี่ยวกว่านี้จะหง่อมกว่านี้ซักเท่าไร ผมเธอจะหงอกจะขาว เคี้ยวข้าวแทบไม่ไหวยังไง ก็รักเธอยัยแก่”
ติรกางอนตั้งท่าพลิกตัวหนีที่โดนแหยบว่าแก่ รชานนท์จับตัวติรกาพลิกกลับมา
“บอกเอาไว้วันนั้นฉันก็..แก่”
รชานทท์เอาจมูกแตะจมูกติรกาเบาๆ
“เชื่อผมนะ”
ติรกาไม่ตอบแต่ทำเป็นเบือนหน้าไปทางอื่นอย่างงอน ๆ
“น้า...”
ติรกาทำหน้าเหมือนเสียไม่ได้ พยักหน้าเหมือนไม่ค่อยเต็มใจ รชานนท์ยิ้มกอดติรกาไว้ในอ้อมแขน ติรกาสีหน้าอ่อนโยนลงยอมให้รชานนท์กอดอย่างเต็มใจ ทว่าความรู้สึกก็ยังสับสนลังเลอยู่นั่นเอง

ในช่วงเวลาเดียวกัน ที่บ้านสมภพ สมภพกำลังสนทนาอยู่กับธงฉาน
“จัดการเรื่องรุจีเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย”
“ไม่มีปัญหาครับ”
“รู้แล้วใช่มั้ย.. ว่าพรุ่งนี้รุจีควรจะอยู่ที่ไหน”
“ที่ ๆ จะเป็นอุปสรรคมหาศาล ต่อความรักระหว่างคุณอาติรกากับนายรชานนท์ครับ”
ทั้งธงฉานและสมภพยิ้มพอใจเป็นอย่างมาก

วันรุ่งขึ้น ตอนกลางวัน รชานนท์กับพชรเดินมาที่ห้องอาหารในรีสอร์ต รชานนท์ท่าทางเซ็ง ๆ จนพชรรู้สึกได้
“ทำหน้าเซ็งเรื่องอะไรวะ เซ็งที่ลูกสาวกับลูกเขยนัดกันไปกินข้าวเหรอ ไอ้หมาหวงลูก”
“เซ็งพี่นี่แหละ พูดมากเกินทน ทำไมต้องพากันออกไปกินข้าวข้างนอก..ลีลามาก เรื่องเยอะ...ไม่เข้าใจเลย”
รชานนท์พูดแล้วก็หันไปเจอกับรุจี ที่อยู่ในชุดไทยภาคเหนือจัดเต็มทั้งหน้าผม รุจียิ้มหวานให้รชานนท์
รชานนท์กับพชรถึงกับอึ้งมองอย่างงง ๆ
“สวัสดีเจ้าคุณนนท์ คุณพชร”
“คุณมาได้ยังไง แล้วมาทำอะไรที่นี่” รชานนท์ถาม
รุจีเดินเข้ามาหารชานนท์ แต่รชานนท์ถอยหนี รุจีไม่ยอมเลยคล้องแขนรชานนท์ไว้แน่น
“เฮายะข้าวกลางวันมาฮื้อคุณนนท์ทานอย่างเคยไงเจ้า”
“อย่างเคย” พชรพูดขึ้น
เจ้า... อย่างเคย คุณนนท์จำตอนที่เรายะการยะงานที่เชียงใหม่ต้วยกันได้ก่อ”
รชานนท์อึ้งเหวอไปทันทีเพราะจำไม่ได้
“ตอนนู้นที่แกไปรับจ็อบให้กรมที่ดินที่เชียงใหม่ไง ตอนนั้นรุจีเป็นเลขาของใครสักคน”
รชานนท์นึกได้
“อ๋อ...แล้วทำไมพี่จำได้ล่ะ”
“ฉันรู้ว่าแกจะจำไม่ได้ไง ฉันเลยจำแทน” พชรว่า
รุจีหุบยิ้มทันทีแล้วหันไปทำหน้าเบ้ใส่พชรที่ยุ่งไม่เข้าเรื่องแล้วหันกลับมายิ้มหวานให้รชานนท์ต่อ
“จำบ่อได้บ่อใช่ปัญหาเจ้า... เพราะรุจีมั่นใจว่าอาหารมื้อนี้จะยะฮื้อคุณนนท์จำเรื่องของเฮาได้”
รุจีพารชานนท์มานั่งที่โต๊ะทานข้าวที่มีขันโตกจัดไว้เรียบร้อย พชรเดินตามมาจะลงนั่งด้วย แต่รุจีดึงเก้าอี้ออก พชรพลาดล้มก้นจ้ำเบ้ากับพื้น
“โอ๊ย!”
“โต๊ะนี้สำหรับสองที่เจ้า”
รุจีสะบัดหน้าใส่พชรแล้วหันมายิ้มหวานให้รชานนท์ต่อ รุจีหยิบข้าวเหนียวมาพอดีคำแล้วจิ้มกับน้ำพริกหนุ่มมาจะป้อนรชานนท์
“น้ำพริกหนุ่มของโปรดคุณนนท์เจ้า”
รุจีจะป้อนแต่รชานนท์จับมือรุจีไว้
“ผมทานเอง”
“แต่รุจีอยากป้อน”
“แต่ผมไม่อยากทาน”
รุจีพยายามจะป้อนรชานนท์ให้ได้ แต่รชานนท์ไม่ยอมใช้สองมือจับมือรุจีไว้
“นนท์คะ!”
เสียงติรกาดังขึ้น อึ้งไปกับภาพของรชานนท์กับรุจีตรงหน้า โดยมีสมภพกับธงฉานยืนยิ้มสะใจอยู่ใกล้ๆ
“ดูสิครับคุณติ จับมือถือแขนผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้” สมภพบอก
“ใช่ครับๆ” ธงฉานบอก
รชานนท์หันมามองหน้ารุจี รุจีแกล้งเปลี่ยนท่าทีเป็นเป็นเขินอายที่รชานนท์กุมมือตัวเองไว้
“เฮ้ย!” รชานนท์ร้องขึ้น
รชานนท์รีบปล่อยมือจากรุจีแล้วลุกถอยหนีออกมาทันที ติรกายังยืนอึ้งอยู่
“กระแต... มันไม่ใช่อย่างที่เห็น ผมไม่ได้คิดอะไรกับรุจีเลยนะ”
สมภพกระซิบที่ข้างหูติรกา
“อย่าไปหลงกลนะครับคุณติ เห็นอยู่จะๆ ว่าอะไรเป็นอะไร”
ธงฉานกระซิบที่ข้างหูติรกาอีกข้าง
“ใช่ครับๆ”
พชรมองอาการของสมภพกับธงฉานแล้วหมั่นไส้
“ได้ที...เป่าหูกันใหญ่เลยนะ”
“ใช่ครับ” ธงฉานพูดขึ้นอย่างลืมตัว
ธงฉานรู้ตัวว่าหลุดปากก็หยุดพูดทันที
“กระแต.. เชื่อผมนะ ผมไม่ได้นอกใจคุณ รุจีเอาข้าวกลางวันมาให้แต่ผมไม่อยากทาน ผมเลยห้ามเธอ”
รุจีพูดกับติรกา
“แต่คุณนนท์จับมือรุจีเจ้า จับสองมือด้วย...คุณก็เห็นบ่ใช่ก๊า”
ติรกายังคงนิ่งไม่พูดอะไรแล้วหันไปมองหน้ารชานนท์ที่พูดกับรุจี
“ผมขอโทษที่ล่วงเกินคุณ แต่ที่ผมทำเพราะไม่ต้องการให้คุณมารำลึกความหลัง เพราะคุณกับผมไม่เคยมีอดีตร่วมกัน”
รุจีอึ้งน้ำตาคลอช็อกที่โดนรชานนท์ปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย
“คุณนนท์พูดแบบนี้กับรุจีได้ยังเจ้า”
“ผมพูดตามความรู้สึก ผมไม่อยากให้กระแตเข้าใจผิด”
รุจีวิ่งร้องไห้โฮออกไปทันที
ธงฉานส่งปืนลูกซองให้ติรกา ติรการับมาอย่างเคยชิน
“คุณติจัดการเลยครับ... เค้าทำให้ผู้หญิงคนนี้เสียใจ” สมภพบอก
“ยัง”
“ยังไม่ยอมรับอีกใช่ไหมครับ คุณนนท์เป็นผู้ชายที่ใช้ไม่ได้จริง ๆ” ธงฉานยังคงเป่าหูติรกาเต็มที่
“ยังไม่หยุดเป่าอีก ฉันรำคาญ”
ติรกากระชากขึ้นลำแล้วหันกระบอกปืนมาทางสมภพกับธงฉาน แล้วลั่นกระสุนทันที.. ปัง ! กระสุนเฉียดตัวสมภพกับธงฉานไปนิดเดียว ธงฉานกับสมภพยืนอึ้งช็อกทันที
“คุณอายิงผมทำไม” ธงฉานพูดเสียงสั่น
“ฉันมีตาเห็น ตัดสินเองเป็น ไม่ต้องแยง”
ติรกาขึ้นลำปืนแล้วยิงใส่สมภพกับธงฉานอีกทันที ปัง! สมภพกับธงฉานสะดุ้งเฮือก ติรกาขึ้นลำปืนอีกครั้ง สมภพกับธงฉานไม่รอช้าวิ่งหนีออกไปทันที สมภพกับธงฉานวิ่งหนีกระสุนจากปืนลูกซองของติรกาไปทั่วรีสอร์ท รชานนท์กับพชรวิ่งตามไปห้ามติรกาแต่ไม่ทัน สมภพกับธงฉานวิ่งหนีมาถึงที่รถแล้วขับรถออกไปทันที ติรกายังยิงปืนไล่ตามไปอีกสองนัด ปัง! ปัง!


มุมหนึ่งในรีสอร์ต ติรกาวางปืนลูกซองลงบนโต๊ะเสียงดัง โครม! รชานนท์สะดุ้งเฮือกเพราะปลายกระบอกปืนหันมาทางตัวเอง รชานนท์ค่อยๆใช้นิ้วดันปลายกระบอกปืนให้หันออกไปทางอื่น ติรกาถึงกับขำรชานนท์
“กลัวเหรอคะ”
“ไม่รู้ว่ากลัวหรือเปล่า แต่เห็นแล้วเสียว..กระแต ผมขอบคุณมาก ที่คุณไม่เชื่อสองคนนั้น”
ติรกายิ้มให้รชานนท์
“ก็คุณบอกให้ฉันเชื่อคุณ ฉันก็จะลองเชื่อไงคะ”
“ขอบคุณนะครับ...ที่รักของผม”
รชานนท์กับติรกากอดกันอย่างมีความสุข
“ฉันจะเชื่อคุณ แต่ถ้าวันไหนคุณโกหกฉัน ฉันจะยิงทิ้งให้ไส้แตกเลย”
รชานนท์สะดุ้งเล็กน้อยกับคำขู่
“ไหนๆ คุณก็ออกมาแล้ว เราไปหาอะไรทานกันสองต่อสองดีไหม”
ติรกายิ้มนิด ๆ
“ก็..ถ้าคุณว่าง”
“สำหรับกระแต ผมว่างเสมอ”
รชานนท์ยื่นมือให้ติรกา ติรกาวางมือลงบนมือรชานนท์ รชานนท์จูงมือติรกาออกไป

ในช่วงเวลาเดียวกัน วันรบกับมัทรีกำลังจะเดินเข้าไปในร้านอาหารเก๋ๆแห่งหนึ่ง เสียงมือถือวันรบดังขึ้น วันรบหยิบมากดรับทันที
“สวัสดีครับ”

วริษรายิ้มร้ายคุยกับวันรบผ่านมือถือ
“พี่รบคะ ริษมีเรื่องอยากคุยกับพี่รบน่ะค่ะ”
“แต่ตอนนี้ผมกำลังจะทานข้าวน่ะครับ”
“แป๊บเดียวเองค่ะ แล้วริษก็อยู่หน้าร้านที่พี่รบอยู่แล้วด้วย”
วันรบชะงักส่ายสายตามองหาจนเห็นวริษรายืนคุยมือถืออยู่มุมหนึ่ง วริษราโบกมือให้วันรบ
“มัทจ๊ะ..มัทเข้าไปในร้านก่อนนะ เดี๋ยวผมขอคุยงานแป๊บนึง”
“งานไหนคะ” มัทรีถาม
“ฝิ่นน่ะจ๊ะ ไม่ใช่งานออฟฟิศ ผมหางบฮันนีมูนอยู่น่ะจ๊ะ”
“อ้อ..งั้นมัทไปรอข้างในนะคะ”
มัทรีเดินเข้าร้านไป วันรบรีบเดินไปหาวริษราทันที
“มาที่นี่ได้ยังไง... พี่เคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่ามีอะไรแมสเสจทิ้งไว้ แล้วพี่จะโทรกลับ”
วริษราก้มหน้าจ๋อยๆ อย่างรู้สึกผิด
“ขอโทษค่ะ ริษไม่อยากมากวนพี่ แต่ริษทะเลาะกับแฟน แล้วเค้าก็...”
วริษราสะอื้นร้องไห้พูดอะไรไม่ออก วันรบตกใจและเป็นห่วง
“เกิดอะไรขึ้น... แฟนเราทำอะไร”
“เค้า...”
วริษรากลัวจนพูดไม่ออกแล้วค่อยๆถอดแว่นตากันแดดออก บริเวณตาของวริษรามีรอยช้ำ วริษรารวบผมทัดหูเปิดให้ดู วันรบเห็นรอยช้ำที่แก้มและที่มุมปาก แก้มและบริเวณดวงตา
“พี่จะไปแจ้งความ”
“อย่านะคะพี่รบ... ริษไม่อยากให้เป็นเรื่องเป็นราว ริษหนีมาที่นี่เค้าคงตามมาไม่ถูก”
“พี่ว่าเราควรจะกลับบ้านนะ”
“แต่ริษกลับบ้านสภาพนี้ไม่ได้ ริษอยากไปหาหมอรักษาตัวให้หายก่อน แต่แฟนริษเอาเงินไปหมด ริษไม่รู้จะพึ่งใครแล้วค่ะพี่รบ”
วันรบหยิบเงินจากกระเป๋าตังค์จำนวนหนึ่งให้วริษรา
“ไปหาหมอแล้วกลับบ้านซะ”
“ถ้าหางานได้ ริษจะคืนให้นะคะ”
“ไม่ต้อง... รับปากพี่ก็พอว่าจะไม่กลับไปคบกับแฟนคนนี้อีก เค้ามาง้อยังไงก็ห้ามใจอ่อนรู้มั้ย”
“ค่ะพี่รบ... ริษจะพยายาม” วริษราพูดพลางสะอื้น
วริษราพยักหน้าเศร้า ๆ วันรบเห็นท่าทางของวริษราแล้วสงสารเลยลูบหัวปลอบใจ
“จำไว้นะ... แฟนที่ดี เค้าต้องรักดูแลและทะนุถนอมเรา ทั้งร่างกายและจิตใจ ถ้าไม่ใช่มันก็แค่ผู้ชายห่วยๆ”
วริษรายิ้มชื่นชมวันรบทั้งน้ำตา
อ่านต่อหน้าที่ 2




แม่ยายที่รัก ตอนที่ 9 (ต่อ)
ในช่วงเวลาเดียวกัน ภายในบ้าน สมภพกำลังโมโหมากอาละวาดใส่ทรงสุดา
“ห่วยที่สุด! น้องเธอมันไม่ได้เรื่อง แค่จับไอ้รชานนท์ยังทำไม่ได้ โง่!”
“จริง..ไม่ได้เรื่อง” ธงฉานพูดสนับสนุน
“ถ้าเฮาโง่เปิ้นก็กระบือล่ะ เป่าหูแม่หญิงผู้เดียวยังบ่มีปัญญา” รุจีบอก
“มีเหตุผล”
ธงฉานพูดแล้วหันไปทางสมภพ
“กระบือ!”
สมภพย้อนธงฉานทันที
“แล้วแกทำไมไม่ช่วยฉัน”
“ก็ผม...” ธงฉานอึ้งพูดไม่ออก
“โง่!” สมภพกับรุจีพูดประสานเสียงกัน
ธงฉานร้อง “เฮ้ย!” ขึ้นทันที
ธงฉานทำท่าจะหือ แต่สมภพกับรุจีที่กำลังโกรธยืดตัวมองด้วยสายตาเหยียดกด
“ยอมรับก็ได้... แล้วคุณอาคนเก่งจะเอายังไงต่อ”
“ก็ยังต้องใช้แผนนี้ น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อน” สมภพบอก
ทรงสุดาซึ่งร่วมวงอยู่ด้วยถึงกับเคลิ้มไปชั่วขณะ
“แต่หัวใจอ่อนๆ ของเปิ้นยะด้วยจะได”
“ช่างบ่สะทกสะท้านเหมือนหัวใจบ่หวั่นไหวว่าไผที่ฮักที่รอ...” ทรงสุดากับรุจีเสริมเพลงต่อ
“ สิ้นลม...ลมหายใจของ..” ธงฉานกับทรงสุดารุจีประสานเสียงอีกประโยค จนสมภพทนไม่ได้ต้องเสียงดังขึ้น
“เว้ย...มันใช่เวลาไหมเนี่ย รุจี งานนี้เธอต้องจัดหนักซะแล้ว”
“จะยะจะใดก็อู้มา เวยๆ เวยๆ สิ อู้มา” รุจีบอก
สมภพยิ้มร้ายเก๊กหล่อจนรุจีต้องสะกิดเตือนอีก
“ให้อู้บ่ใช่ให้ยิ้ม เวยๆ สิเว้ย”
“เออ...รู้แล้ว”
ทุกคนรอฟังอย่างตั้งใจ

เย็นวันนั้น ติรกากับรชานนท์เดินเข้ามาในบ้าน เตือนใจกับพุทรารีบวิ่งออกมาดักที่หน้าบ้าน
“คุณติขาอย่าเพิ่งเข้าบ้านเลยนะคะ” พุทราบอก
“ทำไม”
“คือ..” พุทราอ้ำอึ้ง
“บ้านเรามีแขกน่ะสิ ดูท่าทางไม่เต็มด้วย” เตือนใจบอก
“ใครครับ” รชานนท์ถามขึ้น
“ต่อนยอน..ต๊ะ..ตอนย้อน..ต๊ะ..ตอนยอน..ต๊อนยอน..ต๊อนยอน”
รุจีก้าวออกมาตามจังหวะ
“คุณนนท์เจ้า...”
รชานนท์ตกใจเพราะคิดไม่ถึง
“รุจี คุณมาที่นี่ทำไม”
“เมื่อตอนกลางวัน เฮายะบ่เหมาะบ่ควร เฮาก็เลยปิ๊กมาขอโทษคุณนนท์เจ้า”
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ถือ”
รชานนท์โอบติรกาแล้วบอก
“ภรรยาของผมก็คงไม่ถือเหมือนกัน”
รุจีมองติรกาอย่างสะเทือนใจ
“แม่หญิงของคุณนนท์ งามแต๊ๆ นะเจ้า งามขนาดนักเจ้า คุณนนท์เปิ้นเป็นป้อจายที่ดีนักๆเจ้า คุณโชคดีแต๊ๆ นะเจ้าที่มีเปิ้นเป็นคู่ชีวิต”
“ค่ะ” ติรการับคำอย่างงงๆ
“รุจีไม่มีวาสนาจะได้เป็นเนื้อคู่ ได้ดูแลคุณนนท์ให้สมกับความฮักที่เฮามีต่อเปิ้น”
พุทรากระซิบเตือนใจ
“อื้อหือ..มาบอกเมียว่ารักผัวเขา กล้ามากก”
“แต่รุจีบ่กึ้ดแย่งของผู้ใด แม่หญิงที่คุณนนท์ฮัก เฮาก็จะฮักด้วย ขอให้เฮาได้ดูแลคุณกับแม่หญิงของคุณนนท์นะเจ้า”
“ดูแล” ทุกคนร้องขึ้นพร้อมกัน

บนโต๊ะอาหารมื้อค่ำภายในบ้านของติรกา รุจีจัดเต็มด้วยอาหารจากภาคเหนือทั้งหมด อันได้แก่น้ำพริกอ่อง แกงโฮะ ไส้อั่ว รชานนท์ ติรกา เตือนใจ พุทรานั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร มัทรีกลับเข้ามาพอดี
“โอ้โห วันนี้ยกครัวทางเหนือมาเหรอคะ จัดเต็มเชียว”
ทุกคนในโต๊ะเงียบไม่มีใครตอบ
“เป็นอะไรกันคะ เงียบเชียว แล้วกับข้าวทั้งหมดนี่ฝีมือใครเหรอคะ”
บรรยากาศแห่งล้านนาล่องลอยมาตลบอบอวล เสียงรุจีดังขึ้น
“ข้าเจ้า เป็นสาวเชียงใหม่ แหมบ่ เต้าใด ก็จะเป็นสาวแล้ว”
มัทรีหันไปถามเตือนใจ
“ใครคะคุณยาย”
“อดีตกิ๊กคุณนนท์ค่ะ” พุทราสาระแนพูดขึ้นทันที
มัทรีหันขวับมองรชานนท์ทันที
“พ่อไม่เคยยุ่งกับเขาเลย” รชานนท์บอก
“แล้วทำไมเราไม่ไล่ไปล่ะคะคุณเตือน” พุทราเอ่ยถามขึ้น
เตือนใจถึงกับเซ็ง
“มาแนวขอความเห็นใจก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออกกันน่ะสิ”
“ดูหน้าคุณติสิคะ จะระเบิดแล้วนะคะนั่น” พุทราบอก
บนโต๊ะอาหาร ติรกาหน้าตึงมาก ในขณะที่รุจีเข้าไปบริการตักโน่นนี่ให้กับติรกา
“คุณติเจ้าลองชิมน้ำพริกอ่องเจ้า เมนูนี้คุณนนท์ชอบนักๆ ไส้อั่ว คุณนนท์ก็บอกว่าฝีมือรุจีล้ำนักทานสิเจ้า”
ติรการำคาญจนสุดทน วางช้อส้อมดัง เคร้ง! ทุกคนชะงักทันทีเมื่อติรกาลุกขึ้น
“ติอิ่มแล้วค่ะ อยากพัก”
ติรกาไม่รอคำตอบเดินขึ้นห้องทันที
รุจียิ้มตีหน้าซื่อ
“ภรรยาคุณนนท์เปิ้นเป็นอันหยังเจ้า”
“ยังจะถาม” พุทราพูดขึ้น
รชานนท์รีบลุกตามติรกาขึ้นไปทันที รุจีหันมาหาเตือนใจ
“งั้นคุณยายชิมน้ำพริกหนุ่มนะเจ้า”
เตือนใจเหวี่ยงหน้าไปทางรุจี
“ขอโทษนะหนู แต่ฉันแพ้อาหารเหนือเวลากินแล้วมือไม้มันจะ … กระตุกน่ะจ๊ะ”
เตือนใจลุกไปอีกคน
พุทราหันขวับทางรุจีแล้วบอก
“ไม่มีคนกินก็ปิ๊กบ้านดีไหมจ๊ะ หรือจะให้ฉันช่วยปิ๊ก!” พุทราพูดพลางยกขาขึ้นบนเก้าอี้ขู่รุจี
“แต่ข้าเจ้า...”
ปรี๊ดด!! พุทราเป่านกหวีดใส่หน้ารุจี
“ไปแล้วเจ้า..ไปแล้ว”
รุจีรีบเดินออกไป พุทราเหลือบสายตามองไปทางชั้นบนแล้วพึมพำคนเดียว
“ระเบิดลงแน่”

รชานนท์ยืนเคาะประตูอยู่ที่หน้าห้องนอนของติรกา
“กระแต..เปิดประตูเถอะครับ กระแต...ผมไม่รู้เรื่องจริงๆ นะ ผมรักคุณคนเดียวนะกระแต ไหนคุณว่าจะเชื่อใจผมไง”
มัทรีเดินเข้ามาหารชานนท์
“คุณพาผู้หญิงคนนั้นเข้าบ้าน...ทำให้แม่เสียใจ”
“มัท..พ่อเปล่านะ รุจีเข้ามาเอง กระแตก็รู้ว่าพ่อเปล่า”
“ถ้าไม่ใช่แล้วแม่จะโกรธคุณแบบนี้ได้ยังไง”
“มัท..พ่อไม่เคยมีอะไรกับรุจีจริงๆนะ มัท..พ่อสาบานได้เลยนะ ว่าพ่อไม่เคยคบใครจริงจัง นอกจากกระแตคนเดียว” รชานนท์หันไปตะโกนใส่ประตู
“จริงนะกระแต เชื่อผมนะ”
ติรกาเปิดประตูออกมา
“กระแต..คุณ..”
รชานนท์พูดยังไม่ทันจบ ติรกาส่งผ้าห่มกับหมอนให้ รชานนท์ถึงกับหน้าเสียทันที
“กระแต คุณไม่เชื่อผมเหรอ”
“เชื่อค่ะ แต่ฉันหงุดหงิด ไม่อยากเห็นหน้าคุณตอนนี้”
ติรกาพูดจบแล้วปิดประตูใส่รชานนท์ทันที
“กระแต!”
รชานนท์หันมามัทรีที่เมินหน้าใส่แล้วเดินเข้าห้องตัวเอง รชานนท์มองหมอนกับผ้าห่มอย่างเครียด

ภายในเลานจ์แห่งหนึ่งใกล้กับตัวจังหวัดราชบุรีช่วงเวลากลางคืน พชรหัวเราะอย่างเมามันส์กับชีวิตรักของรชานนท์
“ฮะๆ โดนเมียไล่ออกนอกห้อง นี่ยังไม่ทันถึงเดือนเลยโดนซะแล้ว ฮะๆๆ ต่อไปก็โดนเจี๋ยนแน่”
“ฮะๆ แต่ผมว่าผมจะโดนเจี๋ยนเพราะพี่มากกว่า เมียผมงอนอยู่นะลากผมมาที่นี่ กะให้ผมตายแน่ใช่ไหมเนี่ย” รชานนท์พูดประชด
บรรยากาศภายในเลานจ์ สาวๆเซ็กซี่คอยเสิร์ฟเครื่องดื่มและนั่งดริ้งค์ดูแลลูกค้าในร้านอย่างเอาอกเอาใจ
“เอาน่า...พี่มาเซอร์เวย์หนนึงแล้ว เตรียมทีเด็ดไว้ให้แกสองคนด้วยนะ”
“ผมไม่เอา” วันรบกับรชานนท์บอก
พชรยิ้มแล้วบอก
“ไม่ทันแล้วว่ะ”
“สวัสดีค่ะคุณระ”
พชรหันไปมองทางต้นเสียง เจ๊กุ๊ก ชายอ้วนใจหญิง นายหน้าหาสาวไซด์ไลน์ให้ลูกค้าเดินถือกระเป๋าเฮอร์เมสเข้ามา หาพชร
“ลูกไก่ของกุ๊กกำลังมาค่ะ คัดพิเศษอย่างที่คุณระขอไว้”
พชรยิ้มแล้วหันไปหาวันรบกับรชานนท์
“ไอ้รบ..ของแกก่อนเลยนะ” พชรบอก
“ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่เอา” วันรบบอก
เจ๊กุ๊กหันไปมองทางหนึ่งแล้วกวักมือเรียก
“ริษซี่”
วริษราเดินใส่เดรสสั้นรัดรูปเซ็กซี่นิดๆเข้ามา วริษราแต่งหน้าจัดโปรยยิ้มใส่ทุกคน ทันทีที่วริษราเห็นวันรบก็อึ้งไป วันรบก็อึ้งเช่นกัน
“พี่ระ..ผมขอคนนี้” วันรบบอก
“ไอ้รบ..แกคิดจะนอกใจลูกฉันเหรอไงวะ”
“ไม่ใช่อย่างงั้นป๋า เด็กคนนี้ญาติผม”
พชรกับรชานนท์มองวริษราแล้วอึ้งไปทันที

ภายในห้องพักของโรงแรมชั่วคราวแห่งหนึ่ง วันรบยืนกอดอกมองวริษราที่นั่งน้ำตาคลออยู่บนเตียง
“พี่รบเชื่อริษนะคะ... ริษไม่อยากทำจริงๆ”
“แสดงว่าเจ๊คนเมื่อกี้มันหลอกเราใช่มั้ย พี่จะได้ไปจัดการมัน”
วันรบจะเดินออกไปแต่วริษรารีบรั้งตัวไว้
“ไม่ได้นะคะพี่รบ อย่าเอาเรื่องเจ๊กุ๊กนะคะ”
“ทำไม อย่าบอกนะว่าเราเต็มใจ”
วริษราอึกอักพูดไม่ออก ได้แต่สะอื้น
“ไม่ใช่นะคะ ริษไม่อยากทำ แต่ริษไม่มีทางเลือก พี่กุ๊กให้ริษยืมเงินค่าเทอมมาหลายครั้ง ริษไม่รู้จะหาเงินจากไหนมาคืนแล้วถ้าริษไม่มีเงิน ริษก็ต้องออกจากมหาลัย ริษก็เลย...”
วริษราร้องไห้หนักขึ้น
“ริษขอโทษนะคะพี่รบ... ริษขอโทษ”
วันรบเห็นท่าทางของวริษราแล้วส่ายหน้าอย่างเห็นใจ
“ไม่ต้องขอโทษพี่ คนที่เราควรขอโทษคือพ่อกับแม่ต่างหาก”
วริษราตื่นกลัวขึ้นมาทันที
“พี่รบอย่าบอกพ่อกับแม่นะคะ... ริษขอร้อง”
“พี่จะไม่บอกป้าแป้นกับลุงทิน แต่ริษต้องเลิกทำงานนี้”
วริษราสะอื้นไห้พลางส่ายหน้า
“แล้วเงินเจ๊กุ๊ก แล้วไหนจะค่าเทอมอีก”
วันรบหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมา หยิบเงินออกมาหมดกระเป๋า
“เอาเงินไปให้เจ๊ บอกว่าพี่เหมาทั้งคืน ส่วนค่าเทอมถ้ายังหาไม่ได้จริง ๆ พี่จะออกให้เอง”
“จริงเหรอคะพี่รบ”
“จริง... แต่เราต้องสัญญากับพี่ว่าจะไม่ทำงานนี้อีก”
วริษรายิ้มทันที
“ ริษสัญญาค่ะ”
วันรบพยักหน้าให้ วริษรายิ้มทั้งน้ำตาแล้วโผเข้ากอดวันรบทันที
“ขอบคุณนะคะพี่รบ”
วันรบลูบหัววริษราอย่างเอ็นดู

เช้าวันใหม่ วริษรานั่งดูรูปถ่ายของตัวเองกับวันรบสมัยวัยเด็ก ภาพนั้น...วริษราใส่ชุดเจ้าหญิง วันรบใส่ชุดเจ้าชาย รวมถึงภาพถ่ายร่วมกันขณะที่วันรบเป็นนักศึกษาแล้ว วันรบกับวริษราอายุห่างกันเจ็ดปี
“พี่รบคือเจ้าชายของริษ... ริษไม่ยอมให้ใครมาเป็นเจ้าหญิงของพี่เด็ดขาด”
วริษราพูดขึ้นด้วยสีหน้าดูมุ่งมั่นมาก ๆ

ในช่วงเวลาที่บรรดาหนุ่มๆพากันออกตระเวนราตรี เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ติรกาเดินลงมาข้างล่างเพื่อดื่มน้ำ ติรกา มองไปที่โซฟาไม่มีร่องรอยของรชานนท์นอนอยู่แต่อย่างใด
“ไปไหนของเขานะ” ติรกาพูดกับตัวเอง
ขณะนั้น พุทรากับเตือนใจเดินถือเครื่องดื่มออกมาจากห้องครัว
“คุณติมองหาใครเหรอคะ” พุทราถามขึ้น
“เปล่านี่..ฉันแค่ลงมาหาอะไรดื่มนิดหน่อย”
เตือนใจยิ้มอย่างรู้ทันแล้วพูดว่า
“ไล่เขา..แล้วก็มาตามหา..คงไม่ใช่หึงหรือหวงใช่ไหม”
“หมายถึงคุณนนท์ใช่ไหมคะ ออกไปหาคุณรบตั้งนานแล้วค่ะ” พุทรารายงานทันที
“โดนเมียไล่ออกนอกห้องก็เลยไปนอกลู่นอกทางซะเลยน่ะสิ” เตือนใจพูด
ติรกาหงุดหงิดทันที
“ก็จะได้รู้ไว้”
ติรกาเดินงอน เสียงดังปึงปังขึ้นไปข้างบนตามเดิม เตือนใจอดขำไม่ได้
“ไม่ทันไรก็หึงซะแล้ว”

คืนนั้น … รชานนท์กับวันรบช่วยกันประคองพชรที่เมากรึ่มกลับเข้ามาที่บ้านพักในรีสอร์ต
“ไอ้นนท์ ไอ้บ๊าเอ๊ย เมียฉันกลับกรุงเทพฯทั้งที แกจะรีบกลับทำไมวะเนี่ย ยังไม่หายมันส์เลย”
“รีบกลับก็ดีแล้วพี่ ผมง่วง” วันรบบอก
“ไอ้รบ ต่อหน้าพ่อตาทำเป็นคนดี โธ่เอ๊ย ใจแกไม่อยากกลับหรอก” พชรว่า
“พี่ระ ผมง่วงจริงๆ ผมละ..เลิกแล้วทุกอย่างเพื่อมัท”
“เสียสโลแกนกลุ่มหมด” พชรว่า
“สโลแกนว่าอะไรคะ” เสียงนลินีดังเข้ามา
“ตัณหาอยู่ที่ไหนความพยายามอยู่ที่นั่นไง” พชรพูดขึ้น นึกได้ว่า วันรบก็รชานนท์ที่ร่วมก๊วนเดียวกันน่าจะรู้นี่นา
“เอ๊ะ พวกแกก็รู้แล้วถามทำไมวะ”
“ผมไม่ได้ถาม” รชานนท์กับวันรบพูดขึ้นพร้อมกัน
“แล้วใคร...ถาม”
พชร หันมาทางต้นเสียง ทันทีที่เห็นนลินีก็ตกใจจนแทบจะหายเมา
“เมียจ๋า ไหนว่ากลับกรุงเทพฯไง”
“ถ้าฉันกลับกรุงเทพฯ แล้วฉันจะได้เห็นเหรอว่าคุณน่ะ หนีเที่ยว มานี่เลย” นลินีบิดหูพชรทันทีแล้วหันไปพูดกับรชานนท์และวันรบ
“จำไว้นะ โทษของการหนีเที่ยวจะต้องเป็นแบบนี้”
นลินีดึงหูพชรเข้าไปในบ้าน พชรร้องเสียงหลงขอความเมตตาดังแว่วออกมา
“อย่าทำผมเลย เมียจ๋า...”
“แกอย่าทำแบบนี้นะไอ้รบ อย่าให้มัทต้องนั่งรอแกกลับด้วยความเป็นห่วงและเสียใจที่รู้ว่าแกไปอยู่กับคนอื่น”
“ครับ...พ่อ” วันรบหน้าเป็นเข้ามาใกล้รชานนท์รับคำด้วยรอยยิ้ม
รชานนท์ผลักหัววันรบออกไปห่างๆ แล้วลุกขึ้น
“ป๋าจะไม่ค้างที่นี่เหรอ”
“ไม่ล่ะ...เดี๋ยวเมียฉันเป็นห่วง”
“ปลาไหลเกยตื้น หน้าตาเป็นแบบนี้นี่เอง”
“แต่ถ้าแกยังไหลอยู่ ฉันจับทำปลาไหลเจี๋ยนแน่”
วันรบยิ้มขำ รชานนท์เดินออกไป

ติรกานอนมองนาฬิกาที่บอกเวลาสี่ทุ่ม ติรกานอนกระสับกระส่าย ลุกเดินไปดูที่หน้าต่างกระวนกระวายจนนั่งไม่ลง ติรกา ถอนใจหงุดหงิด
“หายไปไหนเนี่ย”
เสียงรถของรชานนท์แล่นเข้ามาในบ้าน ติรการีบเดินไปดูที่หน้าต่างเห็นรชานนท์ลงจากรถเดินเข้าบ้าน ติรกานั่งที่เตียงแล้วนึกได้รีบวิ่งไปที่ประตูปลดล็อค แล้วปิดไฟ ติรกากระโดดขึ้นไปนอนบนเตียงอย่างรอคอย
รชานนท์เปิดประตูเข้ามาในห้อง ติรการีบหลับตาทำเป็นนอนหลับ รชานนท์เดินมานั่งลงที่พื้นมองติรกาที่นอนหลับอยู่ รชานนท์บ่นเบาๆกับตัวเอง
“ไอ้เราก็กลัวว่าจะเป็นห่วง รีบกลับมา..หลับไม่รอซะงั้น” รชานนท์เขี่ยจมูกติรกาเบาๆ รชานนท์พูดเบาๆกับติรกา
“ผมรักคุณคนเดียวนะกระแต อย่างอนผมเลยนะ”
รชานนท์หอมหน้าผากติรกาเบาๆ
“ฝันดีนะครับ”
รชานนท์ขยับเอื้อมไปหยิบหมอนลงมานอนที่พื้น รชานนท์นอนมองหน้าติรกา หลับตา และหลับไปในที่สุด ติรกาลืมตามองรชานนท์ยิ้มปลื้มกับคำพูดของรชานนท์

เช้าวันใหม่ รชานนท์ยังนอนหลับอยู่ที่เดิม ติรกาเข้ามาสะกิดจมูกรชานนท์
“นนท์..นนท์คะ”
รชานนท์ปัดอย่างรำคาญ
“อือ..พี่นี วันนี้ผมเข้างานสายพี่”
“ถ้านนท์ไม่ตื่น กระแตจะลงไปทานข้าวคนเดียวแล้วนะ” ติรกาบอก
“อือ...กระแต..กระแต” ..” รชานนท์พึมพำพลางนึกได้จึงรีบลืมตาขึ้นทันที
“กระแต”
ชานนท์เห็นติรกานั่งยิ้มอยู่
“ตื่นเถอะค่ะ กระแตหิวแล้ว”
รชานนท์เด้งตัวขึ้นมานั่งทันทีอย่างดีใจ
“กระแต หายงอนแล้วใช่ไหม”
“กระแตงอนนนท์ตอนไหนหรือคะ ไม่เห็นจำได้เลย แต่ถ้า..นนท์ลุกช้ากว่านี้ กระแตจะโมโหหิวแล้วนะ”
รชานนท์รีบลุกทันที
“ห้านาที อดใจรอห้านาทีนะ” รชานนท์พูดแล้วรีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำและวิ่งกลับออกมา ติรกางง
“อะไรเหรอคะ”
รชานนท์ตรงเข้าหอมแก้มติรกาฟอดใหญ่แล้ววิ่งกลับเข้าห้องน้ำอีกที
“ลืมชื่นใจตอนเช้าจ๊ะ มีความสุขจริงโว้ย”
รชานนท์ปิดประตูห้องน้ำ ฮัมเพลง ติรกามองตามอย่างยิ้มๆ

เวลาต่อมา รชานนท์จูงมือติรกาเดินเข้ามาที่โต๊ะอาหาร เตือนใจนั่งหน้าหงิกอยู่ที่โต๊ะอาหาร
“เป็นอะไรคะแม่ ดูอารมณ์ไม่ดี” ติรกาถามขึ้น
เตือนใจมองชามขนมจีนน้ำเงี้ยว รชานนท์มองตามอย่างสังหรณ์ใจ
“น้ำเงี้ยว...คุณแม่อย่าบอกนะครับว่า” รชานนท์พูดยังไม่ทันจบประโยค รุจีก็เข้ามา...
“ต่อนยอน..ต๊ะ..ตอนย้อน..ต๊ะ..ตอนยอน..ต๊อนยอน..ต๊อนยอน”
รชานนท์กับติรกาหันไปเห็นรุจีกำลังเดินยิ้มร่าออกมาจากครัว
“อรุณสวัสดิ์เจ้า”
“เพิ่งสุขแหม๊บๆ ทุกข์มาเยือนอีกละ รุจี คุณจะมาทำไมเนี่” รชานนท์ถามขึ้น
“ข้าเจ้ามาดูแลคุณนนท์เจ้า” รุจีตอบหน้าซื่อ ยิ้มหวาน
“ฉันคอยดูแลนนท์อยู่แล้ว คงไม่ต้องรบกวนคุณหรอกค่ะ”
เตือนใจตบเข่าฉาด
“มันต้องอย่างนี้ ลูกแม่”
“โถ ถ้าอย่างนั้นคุณติคงลำบากขนาด ถ้าอย่างนั้นข้าเจ้าจะดูแลคุณติเองนะเจ้า คุณติจะได้มีแฮงดูแลคุณนนท์ต่ออีกทอดนึง”
“อื้อหือ..แม่คนใจบุญ ระวังบุญจะทับตั๋วตายเน้อ” เตือนใจพูดขึ้น
“ไม่จำเป็นหรอกครับ เพราะผมกับภรรยาดูแลกันและกันด้วยความรัก เราไม่เหนื่อยและไม่ต้องการมือที่สาม”
รุจีเจอคำพูดของรชานนท์เข้าเต็มๆถึงกับสะอึกสะอื้นคร่ำครวญ
“ข้าเจ้าบ่อได้กึ้ดจะเป็นมือที่สาม ข้าเจ้าแค่อยากดูแลคนที่ข้าเจ้าฮัก ข้าเจ้าเสียใจ๋” รุจีร้องไห้เสียงดังขึ้นทุกที
ติรกาทนไม่ได้
“อย่าร้องเลยค่ะ คุณอยากทำก็ทำไปเถอะ”
รชานนท์กับเตือนใจตกใจร้องขึ้น
“กระแต,ยัยติ”
“ ทำไมพูดแบบนั้นล่ะลูก” เตือนใจถาม
“ฉันเข้าใจนะคะว่าการต้องสูญเสียคนที่ตัวเองรักมันเจ็บปวดแค่ไหน ถ้าการที่คุณจะมาดูแลนนท์แล้วทำให้คุณทุกข์น้อยลง ฉันก็ยินดี” ติรกาบอก
รุจีสะเทือนใจ
“ขอบคุณเจ้า ที่คุณติเข้าใจข้าเจ้า คุณติช่างเป็นคนดีมีน้ำใจนักๆ ถ้างั้น ทานน้ำเงี้ยวนะเจ้า ข้าเจ้าเตรียมมาให้ตั้งแต่เช้า ลำขนาดเจ้า”
รุจีจัดเตรียมให้ขนมจีนให้ติรกากับรชานนท์ เตือนใจมองติรกาที่กินขนมจีนด้วยสีหน้าตึงเครียดก็เป็นห่วง

สมภพตบมือพอใจในผลงานของรุจี
“ดีมาก ที่ทำให้เข้านอกออกในบ้านนั้นได้อย่างสบาย” สมภพพูดขึ้น
“มันจะได้ผลเหรอครับอา คุณอาติก็ยอมซะขนาดนั้น แล้วจะทำให้แตกหักกับไอ้หน้าหล่อยังไง เผลอๆ กลายเป็นคนรุจีไปรับใช้ไอ้หน้าหล่อฟรีๆ ล่ะมั้ง” ธงฉานบอก
“แกนี่มันรอยหยักน้อยจริงๆ ผู้หญิงต่อให้มันใจกว้างยังไง ถ้ามีผู้หญิงอื่นมาเดินไปเดินมาตำตาในบ้านทุกวัน สักวันมันก็ต้องหมดความอดทน แล้วก็..บ้านบึ้ม! ถึงตอนนั้นรุจีก็จะแย่งไอ้หน้าหล่อไปจากติรกาได้แล้วติรกาก็จะ ฮึๆ ฮ่าๆๆ”
“ลากลูกซองยิงอาไส้กระจาย ฮึๆ ๆ ฮ่าๆๆ”
“ช่าย...เว้ย ไอ้บ้า! ติรกาต้องเป็นของฉันต่างหาก”
“แล้วปี้สาวข้าเจ้าล่ะ” รุจีถามขึ้น
“ถ้าไม่งี่เง่า ฉันก็จะเลี้ยงดูให้สบายไปชั่วชีวิต แต่ถ้าเรื่องมาก ฉันจะไสหัวออกจากบ้านไปทั้งแม่ทั้งลูก” สมภพว่า
“งั้นข้าเจ้าจะเลิก ข้าเจ้าบ่ยอมให้ปี้ดาเสียใจ๋” รุจีบอก
“งั้นก็เตรียมรับพี่สาวกับหลานแกไปเดี๋ยวนี้ได้แลย เลือกเอา” สมภพบอก
“อ้ายอย่าใจร้ายกับข้าเจ้านัก ข้าเจ้าภักดีกับอ้ายตลอดมาและจะเป็นอย่างนั้นตลอดไป” ทรงสุดาพูดขึ้น
สมภพถึงกับสะอึกและรู้สึกผิดนิดๆ ธงฉานปรบมือ
“ซาบซึ้งมาก คนดีอย่างพี่ดาไม่น่าได้ผัวเลวๆ แบบนี้เลย”
สมภพจิกกระชากหัวธงฉาน
“ให้มันน้อย ๆ หน่อยปากแกน่ะ ทำตามแผนฉันแล้วพี่สาวเธอจะสบาย”
รุจีมองสมภพอย่างเจ็บใจที่ต้องทำตามเพื่อช่วยทรงสุดา

วันรบคุยโทรศัพท์มือถืออยู่กับมัทรีที่บ้านของพชร
“ผมกำลังรีบไปครับ มัทเลือกดูของแบบการ์ดไปพลางๆ ระหว่างรอนะครับ ผมจะรีบเหยียบไปอย่างเร็วที่สุด” วันรบบอก
วันรบรีบเดินไป ระหว่างที่กำลังจะเปิดประตูรถ วริษราก้าวเข้ามา วันรบเงยหน้ามองแล้วถามขึ้น
“ริษ...มาหาพี่มีอะไรหรือเปล่า”
วริษราโผเข้ากอดวันรบ วันรบตกใจ
“ริษ...ริษเป็นอะไร”
วันรบรีบจับตัววริษราให้ห่างออกไป
“ริษ..ริษร้องไห้ทำไม”
“พี่รบ..พี่รบไม่แต่งงานได้ไหมคะ ริษรักพี่รบนะคะ”
วันรบถึงกับตะลึงทันที
“ริษ..เราเป็นญาติกันนะ”
“ก็แค่ญาติห่าง ๆ สายเลือดเราไม่ได้ใกล้กันเลย พี่รบ...ริษรักพี่รบมาตลอด รักมาตั้งแต่เด็ก ริษทนไม่ได้ที่พี่รบจะแต่งงานกับคนอื่น ริษทนไม่ได้”
วริษราตรงเข้ากอด วันรบถึงกับหน้าเครียดทันที

วันรบรีบเดินตรงเข้ามาหามัทรีที่กำลังดูการ์ดตัวอย่าง
“พี่รบคะ มัทคัดไว้สองแบบ ให้พี่รบช่วยตัดสินใจว่าแบบไหนดี แบบที่หนึ่งจะเป็นแบบทางการหน่อยก็ใช้กระดาษสาสีชมพูซ้อนกับกระดาษแข็ง แบบนี้ผู้ใหญ่คงชอบ แต่มัทชอบอีกแบบมากกว่าเป็นป๊อบอัพกางแล้วเป็นรูปถ่ายของเราสองคน แล้วก็เขียนชื่อที่ฐานป๊อบ-อัพ”
วันรบรับการ์ดมาดูอย่างเหม่อลอย พลางนึกถึงเรื่องราวเมื่อครู่

… วันรบรีบแกะมือของวริษราออก
“พี่ขอโทษนะริษ”
“เพราะว่าเราเป็นญาติกันใช่ไหม พี่รบติดแค่ตรงนั้นใช่ไหม”
“ม่ใช่...แต่ที่ติดคือ พี่ไม่ได้รักริษ พี่รักแฟนพี่ พี่ถึงแต่งงานกับเขา พี่ให้ริษได้แค่ความเป็นพี่น้อง พี่ขอว่าอย่าทำแบบนี้อี”
วริษราบีบน้ำตาทันที
“พี่รบรับรู้ไว้นะคะ ว่าริษรักพี่รบ และจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง”

อ่านต่อหน้าที่ 3
 




แม่ยายที่รัก ตอนที่ 9 (ต่อ)
วันรบรับการ์ดมาแล้วนิ่ง เครียดอยู่จนมัทรีต้องเขย่าแขนวันรบเรียกความรู้สึก
“พี่รบคะ...พี่รบ”
วันรบรู้สึกตัว
“ครับ ว่าไงครับมัท”
“พี่รบชอบการ์ดแบบไหนคะ”
“เอ่อ..แบบป๊อบอัพก็ดีครับ ผมชอบ”
“พี่รบ..เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ดูใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว มีอะไรบอกมัทได้นะ”
“ผมกังวลเรื่องงานน่ะก็เลยเครียดๆ นิดหน่อย”
วริษราเดินเข้ามาทางด้านหลังวันรบ แล้วส่งเสียง
“อยากจะขอดูตัวอย่างการ์ดน่ะค่ะ”
วันรบได้ยินเสียงคุ้นๆ พอหันไปเห็นหน้าวริษรายิ้มให้ วันรบถึงกับตกใจ
“เฮ้ย!”
“มีอะไรเหรอคะพี่รบ!” มัทรีถามแล้วมองหน้าวริษรา
“ รู้จักกันเหรอคะ”
“เอ่อ..”
“ไม่ค่ะ แต่..ฉันคุ้นหน้าคุณจัง เราเคยเจอกันที่ไหนหรือเปล่าคะ” วริษราชิงตอบ
มัทรีหันขวับไปมองหน้าวันรบทันที วันรบรีบส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่ครับ... คุณคงจำคนผิด...ไปกันเถอะครับ”
วันรบรีบจูงมือมัทรีออกไปจากร้านทันที วริษรามองตามวันรบแล้วยิ้มร้าย

วันรบกับมัทรีเดินออกจากร้านการ์ดมาที่ลานจอดรถ มัทรีเริ่มสังเกตเห็นท่าทางของวันรบดูแปลกๆก็เอะใจ
“รบไม่รู้จักผู้หญิงคนนั้นจริง ๆ เหรอคะ”
วันรบชะงัก ก่อนจะมองมัทรีอย่างชั่งใจ
“ไม่รู้จักจริง ๆ มัทไม่เชื่อผมเหรอ”
“แหม... ทักแค่นี้ต้องทำเครียดเลยเหรอ”
วันรบยังคงนิ่งอยู่เพราะกลัวมัทรีไม่เชื่อ แต่มัทรีเห็นท่าทางวันรบกลับคิดว่าวันรบน้อยใจ
“มัทขอโทษค่ะ... ถ้ารบบอกว่าไม่รู้จักก็ไม่รู้จัก มัทเชื่อใจรบค่ะ”
มัทรียิ้มให้วันรบอย่างเชื่อใจ วันรบยิ้มน้อยๆแต่ในใจรู้สึกผิดที่โกหกมัทรี
ฝ่ายวริษราเดินออกมาจากร้านและยืนมองวันรบกับมัทรีอยู่
“ท่าทางงานนี้จะง่ายกว่าที่คิด”
วริษรายิ้มเยาะและคิดแผนการบางอย่างได้

ในเวลาใกล้เคียงกัน พุทราเดินนำติรกา เตือนใจกับนลินีไปที่บ้านหมอดูแห่งหนึ่ง
“คุณเตือนคะ ทำไมเราถึงไม่ไปขอฤกษ์จากพระล่ะคะ” นลินีถามขึ้น
เตือนใจกำลังจะตอบ แต่พุทราก็เสนอหน้ามาตอบแทนทันที
“เราใช้บริการหมอดูท่านนี้ประจำค่ะ ตั้งแต่รุ่นยาย รุ่นลูกจนถึงรุ่นหลานเลยค่ะ”
นลินีพูดกับเตือนใจอีก
“ที่นี่แม่นมากเหรอคะ คุณเตือน”
พุทราแทรกตอบแทนเตือนใจอีกตามเคย
“มาก ๆ ค่ะ คุณเตือนมาดูทุกฤกษ์ ขึ้นบ้านใหม่ วันเกิด”
เตือนใจได้โอกาสแทรกพุทราขึ้นทันที
“รวมทั้งฤกษ์มรณะด้วยค่ะ”
พุทรายังไม่รู้ตัว
“คุณเตือนดูให้ใครเหรอคะ” พุทราถามขึ้น
“ก็หล่อนน่ะสิ ฉันคุยกับคุณนีเขาอยู่จะแทรกทำไม”
“ก็พุทรากลัวคุณเตือนเหนื่อยนี่คะ”
ติรกาขยับเข้ามาดึงชายเสื้อของเตือนใจเพื่อให้เดินชะลอตามหลังนลินีกับพุทรา
“แม่คะ ทำไมเราต้องมาขอฤกษ์ขอยามเรื่องงานแต่งยัยมัทด้วย”
“อ๊ะ ก็คุณนี เขาเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงฝ่ายเจ้าบ่าวนี่ ก่อนแกจะจำได้เขานัดกับแกเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะมาดูฤกษ์ยามกันวันนี้ จะปฏิเสธได้ยังไงล่ะ ถ้าแกปฏิเสธเขาก็ต้องสงสัยสิว่า แกน่ะความจำกลับมาแล้วจะให้ความแตกตอนนี้ไหมล่ะ”
พุทราเข้ามาเสนอหน้าอีก
“ความอะไรแตกคะ”
ติรกากับเตือนใจถึงกับ “เหวอ” ไป
“พุทราโผล่มาเงียบๆ ตกใจหมด” ติรกาพูดขึ้น
“พุทราเรียกคุณๆตั้งนานแล้ว แต่คุณๆ ไม่ได้ยินกันเองค่ะ คุณนีเป็นพยานได้”
เตือนใจกับติรกาหันไปยิ้มกลบเกลื่อนเมื่อเห็นนลินีกำลังมองมา
“ว่าแต่เมื่อกี้คุณเตือนว่าความอะไรจะแตกตอนนี้เหรอคะ” พุทราเสียงดังทะลุขึ้นกลางป้อง
เตือนใจกับติรกามองหน้ากันเลิ่กลั่ก เพราะนลินีกำลังมองอย่างรอคำตอบ ติรกาเฉไฉพูดขึ้น“ความ...ความไก่ไม่ทันหายความควายจะมาแทรก เอ๊ย ความลาไม่ทันหาย เอ๊ย ความวัวไม่ทัน
หาย เอ๊ย”
“ถูกแล้ว” เตือนใจ,พุทราและนลินีพูดขึ้นพร้อมกัน
“ยัยติไม่สบายหรือเปล่าเนี่ย ถึงได้พูดเผียดพูดถาก” เตือนใจเล่นมุกกลบเกลื่อนตามติรกา
พุทรากับนลินีร้อง “เอ๊ย”
“พูดผากพูดเถียก” เตือนใจแกล้งทำเป็นพูดผิดอีกครั้ง
“เอ๊ย”
“พูดผิดพูดถูก”
พุทรากับนลินีร้อง “เอ๊ย” อีกอย่างลืมตัว
“ถูกแล้ว! เราจะตลกกันพอหรือยังคะ จะเลยที่นัดเวลาที่นัดหมอดูแล้วนะคะ”
พุทราข้องใจยังไม่เลิก
“แล้วที่ว่าแตก”
“ถ้ายังไม่หยุดถาม ก็หัวเธอนี่แหล่ะ” ติรกาว่า
“งั้นไม่อยากรู้แล้วค่ะ เชิญทางนี้เลยค่ะ”
พุทรารีบเดินนำไป ติรกาสบตากับเตือนใจอย่างหงุดหงิดไม่ค่อยสบายใจ เตือนใจจับมือปราม

นลินีกลับมารายงานให้ทุกคนรู้ถึงฤกษ์แต่งงาน พชรถึงกับตกใจกับฤกษ์กระทันหัน
“ปลายเดือนหน้า! เร็วไปไหมเนี่ย”
นลินี วันรบและมัทรีต่างยิ้มแย้มดีใจ วันรบจับมือมัทรี
“ช้าไปด้วยซ้ำพี่ระ ผมรอมานานแล้ว ไม่อยากรอนานอีกแม้แต่นาทีเดียว”
“ก่อนแต่งพูดแบบนี้ทุกคน พอหลังแต่งนะ” พชรพูดขึ้น
“ทำไมคะ...หลังแต่งมันทำไม” นลินีถาม
“จะรู้ว่าความสุขที่แท้จริง มันเป็นยังไง”
พชรเข้ากอดนลินีแล้วทำหน้าเบ้ใส่วันรบกับมัทรี
“แล้วไป เกือบศพไม่สวยแล้วนะคุณน่ะ”
พชรถึงกับโล่งใจที่รอดตัว
“ผมกับมัทจะได้แต่งงานกัน ป๋ากับคุณแม่ยายก็คืนดีกัน ชีวิตมีความสุขจริงๆ”
“พี่ว่ามันไม่น่าจะลงตัวง่ายขนาดนั้นนะ” นลินีว่า
มัทรีกับวันรบมองนลินีอย่างสงสัย
“มีอะไรเหรอครับพี่นี”
“ก็ก่อนที่คุณพุทราจะมาส่งพี่ที่บ้าน เขาไปส่งคุณเตือนใจแม่ยายรบที่บ้านแล้วพี่ก็เห็น”
“เห็นอะไรจ๊ะเมียจ๋า” พชรถามขึ้นด้วยความอยากรู้
มัทรีกับวันรบรอฟังอย่างตั้งใจ

เย็นวันนั้น วันรบกับมัทรีเข้ามาที่บ้านของติรกา ก็ได้แต่ยืนอึ้งที่เห็นรุจีกำลังจัดอาหารบนโต๊ะ โดยมีรชานนท์ ติรกา เตือนใจ พุทรานั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร รุจียิ้มทักทาย
“สวัสดีเจ้า เชิญนั่งเจ้า วันนี้ข้าเจ้ายะข้าวกั๊นจิ้น (หมายถึง ข้าวผสมเลือดหมูนึ่งสุก)มาหื้อทุกคนเจ้า”
“นี่มาทุกมื้อเลยเหรอป๋า” วันรบพูดกับรชานนท์
รชานนท์กุมขมับแล้วบอก
“ตั้งแต่กระแตอนุญาตก็สามเวลาเลยล่ะ”
ติรกาลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร
“ฉันขอตัวนะคะ”
“คุณติเจ้า ข้าเจ้ายะอันหยังผิด คุณติถึง...”
ติรกาพยายามข่มความหงุดหงิดที่คุกครุ่นอยู่
“ฉันปวดหัว”
“กระแต...” รชานนท์จับมือติรกา
“ให้ฉันไปพักเถอะค่ะ”
ติรกากำลังจะไป สมภพกับธงฉานก็เข้ามาในบ้านพอดี
“สวัสดีครับทุกคน” สมภพเอ่ยทักทาย
ธงฉานเข้าไปใกล้มัทรี และเสียงหล่อเก๊ก
“สวัสดีครับน้องมัท พี่ธงฉานมาด้วยความคิดถึง อ่าฮ้า”
วันรบผลักหน้าธงฉานออกห่างแล้วเข้ามาขวาง
“แต่คู่หมั้นผมไม่ได้อยากเห็นหน้าคุณเลย อ่าฮ้า”
“นี่บ้านฉันมันกลายเป็นสวนสาธารณะแล้วเหรอเนี่ย ถึงเข้ามาเดินยั้วเยี้ยเต็มบ้านไปหมด อ่าฮ้า” เตือนใจอ่าฮ้ากับเขาด้วย
“คุณยายครับ ธงฉานมาเพราะว่า”
“อยากกินไก่สดใช่ไหม” เตือนใจโพล่งขึ้น
“สองตัวครับ แผล่บๆ เย่ย..คนนะครับไม่ใช่”
สมภพแทรกขึ้น
“ผมมาเยี่ยมคุณติน่ะครับ แล้วก็เอารายละเอียดเรื่องงานมาให้คุณติน่ะครับ”
สมภพมองไปที่รุจี
“เอ๊ะ คุณคนนี้ใครเหรอครับ ผมไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลย”
“ข้าเจ้าเป็นทาสฮักของคุณนนท์เจ้า”
เตือนใจกับพุทราร้อง “เฮ้ย”
อ้าว..คุณรชานนท์เป็นสามีคุณอาติ แล้วมีทาสรักก็แสดงว่าเป็นเมียน้อยสิครับ แล้วมาอยู่ในบ้านเดียวกันแบบนี้ คุณอาติช่างใจกว้าง” ธงฉานว่า
ติรกายิ่งเครียด
“ฉันขอตัวนะคะ “
ติรกาเดินจากไปทันที
“กระแต” รชานนท์ร้องเรียก
รุจีดึงรชานนท์ไว้
“คุณนนท์เจ้า กิ๋นข้าวก่อนนะเจ้า ข้าเจ้าตั้งใจทำมาเพื่อคุณนะเจ้า”
ติรกาหันกลุบมาหยุดมองแล้วสะบัดหน้างอนเดินขึ้นชั้นบนไป เตือนใจรีบตามติรกาขึ้นไป สมภพสบตากับธงฉานด้วยรอยยิ้มกริ่ม รชานนท์จะตามไปบ้างแต่รุจียึดตัวไว้แน่น มัทรีโมโหแทนติรกา
“นี่คุณ”
“น้องมัทครับ พี่ว่าเราทานข้าวพร้อมกับเขาเลยดีไหมครับ” ธงฉานว่า
วันรบกำลังจะเข้าไปห้าม แต่เสียงข้อความมือถือของวันรบก็เข้ามาพอดี วันรบกดดูข้อความจากวริษรา “ริษคงตัดใจจากพี่รบไม่ได้ สักวันแฟนพี่รบต้องเข้าใจในความรักที่ริษมีต่อพี่รบ ให้ริษได้คุยกับแฟนพี่รบนะคะ”
วันรบถึงกับตกใจสีหน้ากลัดกลุ้มขึ้นทันที พุทรามองสภาพความวุ่นวายตรงหน้าอย่างปวดหัว

ติรกาสีหน้าเครียดเดินเข้ามานั่งที่เตียงในห้องนอน ติรกาหยิบหมอนขึ้นมาแล้วขยำขยี้เพื่อระบายอารมณ์ เตือนใจเดินเข้ามายืนมองติรกา
“ยัยติ”
ติรกาเห็นเตือนใจมองหมอนในมือ
“หนูหงุดหงิดน่ะค่ะแม่ รู้ว่านนท์ไม่ได้สนใจรุจีแต่เห็นแล้วมันก็”
“ขัดหูขัดตา”
ติรกากอดเตือนใจ
“ติปวดหัวจังเลยค่ะแม่”
เตือนใจกอดติรกาด้วยความสงสารลูก

ภายในห้องรับแขก รชานนท์โวยยอย่างสุดทน
“นี่มันอะไรกันเนี่ย”
“ทั้งแม่รุจี,นายสมภพ,ธงฉานยกขบวนพาเหรดเข้ามาในบ้านป่วนจนยุ่งไปหมดแล้ว” พุทราพูดแทรกขึ้น
“ผมสงสารกระแตมากเลยครับ รุจีมาทีก็หงุดหงิดที พอง้อได้แป๊บเดียวจะดีๆ กัน รุจีก็มาอีกแล้ว คุณแม่ครับช่วยกันรุจีไม่ให้เข้ามาในบ้านได้ไหมครับ”
“ยากค่ะคุณนนท์ พอแม่ต๊อนยอนมาคร่ำครวญ บีบน้ำตาก็พูดไม่ออกแล้วล่ะค่า มื้อเย็นผ่านไป มื้อเช้าก็มาใหม่ พุทราเห็นแล้วอยากจะเป่านกหวีด กรี๊ดใส่หน้าจริงๆ”
“ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ แม่กลัวยัยติจะเครียดจนประสาทแตกซะก่อนน่ะสิ”
เสียงข้อความมือถือของวันรบดัง วันรบกดอ่าน “พรุ่งนี้ริษจะไปหานะคะ ฝันดีนะคะพี่รบ” วันรบสีหน้าเครียด
“คุณติยังไม่หายดี ก็ต้องมาเจอกับเรื่องวุ่น ๆ ไม่ได้พักซะที พุทราอยากจะพาคุณติหนีไปให้ไกลสักร้อยโยชน์”
วันรบปิ๊งไอเดียจากคำพูดของพุทราทันที
“หนี... งั้นเราก็หนีสิครับ”
“หนี” ทุกคนทวนคำพร้อมกัน
วันรบยิ้มรับกับไอเดียสุดแจ่มของตัวเอง

รถตู้แล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้านพักที่บ้านพักริมทะเล เมื่อประตูรถตู้เปิดออก รชานนท์เดินนำลงมาตามด้วยติรกา เตือนใจ พุทรา วันรบลงมาจากที่นั่งด้านคนขับ มัทรีลงมาจากที่นั่งข้างคนขับ ติรกาโวยขึ้นอย่างหงุดหงิด
“ทำไมเราต้องหนีออกจากบ้านตัวเองด้วย”
“เราไม่ได้หนีนะครับ ผมไม่อยากให้คุณเครียด” รชานนท์บอก
“เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง แล้วคุณยายก็อยากไปพักผ่อนใช่ไหมครับคุณยาย”
“ใช่จ๊ะ”
“คุณติทำงานมาตลอดไม่เคยออกไปเที่ยวกับใครเขาบ้างเลย คร่ำเคร่งกับงานมาก ๆ น่ะหน้าเหี่ยวไวนะคะ” พุทราบอก
“ห้าร้อย เดือนนี้เหลือแค่เก้าพันแปดแล้วนะเธอน่ะ”
“คุณติใจร้าย” พุทราพูดแล้วก็นึกบางอย่างได้
“เอ๊ะ คุณติจำได้ด้วยเหรอคะว่าหักเงินพุทราเท่าไหร่แล้ว ไอ้ยอดที่หักเนี่ยมันตั้งแต่เดือนที่แล้วก่อนคุณติจะตกบันไดนะคะ”
ติรกาชะงัก หันไปสบตากับเตือนใจเพื่อขอความช่วยเหลือ
“ก็ฉันนี่แหล่ะที่บอกยัยติไว้ เพราะเธอน่ะมันชอบลามปาม ฉันก็เลยสอนยัยติให้หักเงินเธอเป็นการสั่งสอนไงจ๊ะ”
“อ๋อ...แล้วถ้าพุทราทำดี ขึ้นเงินเดือนเป็นการชมเชยด้วยหรือเปล่าคะ”
“ขึ้นแน่ แต่ต้องรอให้เธอโดนหักจนไม่มีเงินเดือนเหลือก่อนนะ”
“แบบนั้นเขาไม่เรียกขึ้นเงินเดือนนะคะคุณเตือน พุทราจะรายงานกรมแรงงาน” พุทราเริ่มงอน
“กรมแรงงานเขารับดูแลเรื่องของคนทำงาน แต่ถ้าพุทราไม่มีงานทำ กรมแรงงานจะมาดูแลมั้ยน้า” ติรกาว่า
“อุ้ย...แรงจังค่า”
ทุกคนขำที่พุทราโดนทั้งขึ้นทั้งล่อง รชานนท์มองติรกาที่ยังหงุดหงิดด้วยสีหน้าเครียด

พุทราวางข้าวต้มชามสุดท้ายบนโต๊ะตรงบริเวณระเบียงบ้านพักริมทะเล รชานนท์จูงมือติรกามาที่โต๊ะ เตือนใจ วันรบ มัทรี ทยอยมานั่งที่โต๊ะ
“กระแต...ยังไม่หายหงุดหงิดอีกเหรอครับ”
“ฉันห่วงที่โรงงานน่ะค่ะ เล่นออกมากันหมดแบบนี้”
“ผมให้พุทราจัดการเรื่องงานที่โรงงานเรียบร้อยแล้ว งานที่ลูกค้าสั่งก็จัดการส่งไปหมดแล้ว ล็อตใหม่ก็ยังมีเวลาอีกสักพัก พักเรื่องงานไว้ก่อนเถอะนะให้ผมทำตามความฝันของผมได้ไหม”
“ความฝันอะไรคะ”
รชานนท์จับมือติรกา
“ก็ความฝันที่ผมจะพาเมียกับลูกไปเที่ยวด้วยกันครั้งแรกในชีวิตไง”
ติรกาอึ้ง
“นะครับกระแต”
ติรกาพยักหน้า
“ถ้างั้น ผมขออีกอย่าง กระแตยิ้มให้ผมชื่นใจหน่อยได้ไหม ไม่งั้นเดี๋ยวลูกจะงอนผมว่าทำให้กระแตหน้าบูดนะ”
มัทรีได้ยินถึงกับร้อนตัวรีบแก้ตัวทันที
“ฉันไม่เคยงอนคุณสักหน่อย”
รชานนท์แปลกใจแล้วก็ปลื้มที่มัทรีลืมตัว
“ครับ..ลูก”
มัทรีอึ้งที่โดนรชานนท์ถือโอกาสมัดมือชก มัทรีอ้าปากหวอจะเถียงแล้วก็หุบปากทันที มัทรีทำเป็นตักข้าวต้มไม่หือไม่อืออีก รชานนท์ยิ้มชอบใจ ติรกามองแล้วก็ยิ้มนิด ๆ ที่พ่อลูกงอนใส่กัน ติรกายิ้มแล้วหันมาเห็นเตือนใจยิ้มล้อเลียน ติรกากระแอมทำเป็นเมินมองไปทางอื่นก็เจอรชานนท์ใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้ดันมุมปากตัวเองเป็นเชิงบอกให้ติรกายิ้ม พลางส่งสายตาอ้อนวอนเต็มที่ ติรกายอมยิ้ม รชานนท์หอมแก้มติรกา
“กระแตน่ารักที่สุดเลย”
ทุกคนหันมามองอย่างงงๆ ติรกาตีรชานนท์เบาๆ
“นนท์ คนเยอะนะคะ”
“ไม่เห็นเป็นไรเลย ผมจะหอมเมียตัวเองกี่ที ก็ไม่ผิดนี่ครับ” รชานนท์หอมติรกาอีกหลายฟอด
มัทรีไม่พอใจเผลอวางแก้วกระแทกดัง ปัง ! ทุกคนตกใจแล้วอึ้งกันไป พุทรามองซ้ายมองขวาเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง
“ไม่ผิดหรอกค่ะ แต่เห็นใจสาวโสดกับคนชราไม่มีคู่ได้ไหมคะ เห็นแล้วมันอิจฉา”
“อิจฉาก็หาคู่สิจ๊ะ อย่ามาขัดลูกหลานฉันจะมีความสุข ไม่งั้นโบนัสปลายปี ฉันจะเป็นคนพิจารณาให้เองดีไหม” เตือนใจว่าพลางยิ้มเหี้ยมใส่พุทรา
“เชิญสวีทกันให้เต็มที่เลยค่ะ พุทราทนด้ายย”
ติรกาสบตากับรชานนท์แล้วยิ้ม รชานนท์จับมือติรกาอย่างมีความสุข
“ทานข้าวต้มนะครับ”
ติรกายอมทานข้าวต้มอย่างไม่อิดเอื้อน เตือนใจมองดีใจที่เห็นติรกามีคนดูแล มัทรีหน้าตึงมองหน้ารชานนท์อย่างไม่พอใจ วันรบเหลือบมองมัทรี เห็นมัทรีทำหน้าเครียด เล่นเอาวันรบคิดหนัก
“ว่าแต่..เราปิดบ้านหนีกันมาขนาดนี้แล้ว พวกมารจะตามมาผจญเราที่นี่อีกไหมคะ” พุทราพูดขึ้น

ในวันเดียวกัน สมภพมาที่บ้านของติรกาแต่ไม่พบใครเลย จึงเดินเข้าไปสอบถามกับ รปภ.แจ่ม พร้อมกับส่งเงินให้สองพันบาท
“ผมไม่ทราบจริง ๆ ครับ”
สมภพจับแบงค์พันทั้งสองใบโบกตรงหน้ารปภ.แจ่ม
“ไม่รู้..จริง ๆ เหรอ”
“จริงครับ ผมเห็นทุกคนเก็บเสื้อผ้าขึ้นรถไป แต่เขาไม่ได้บอกผมว่าจะไปที่ไหนกันน่ะสิครับ”
ทันใดนั้นก็มีเสียงสะอึกสะอื้นดังมาจากด้านข้าง ธงฉานกับสมภพหันไปเห็นรุจีที่เอาผมบังหน้าทั้งคู่ถึงกับตกใจร้อง “เฮ้ย”
ธงฉานเอามือไปแหวกผมจนเห็นหน้ารุจี
“รุจี โผล่มาคร่ำครวญอะไรตรงนี้เนี่ย ตกใจหมด”
“ฮึก..ฮือ...คุณนนท์หนีข้าเจ้าไป คุณนนท์บ่หันใจข้าเจ้าเลย คุณนนท์..ฮือ ๆๆ”
“หายตัวกันไปหมดแบบนี้ แผนก็ล่มสิครับอา”
สมภพมองรปภ.แจ่มตัดใจควักอีกหนึ่งพันเป็นสามพันบาท
“รู้อะไรบ้างหรือยัง”
รปภ.แจ่มมองเงินด้วยสีหน้านิ่ง
“ไม่รู้เลยครับ ต้องขอโทษจริง ๆครับ”
“งั้นก็กลับ” สมภพบอก
สมภพเดินออกนำไป ธงฉานเดินตาม โดยมีรุจีก็ต๊อนยอนตามไป รปภ.แจ่มมองตามแล้วยกซองน้ำตาลขึ้นมาดึงเงินออกมา ภายในซองใบนั้นมีแบงค์ใบละพันถึงหกใบ
“คุณรบนี่ใจป้ำ สามพันกับหกพัน..จำนวนมันสู้กันไม่ได้จริงๆ”

อ่านต่อหน้าที่ 4




แม่ยายที่รัก ตอนที่ 9 (ต่อ)
ที่แท้... วันรบเป็นคนวางแผนการเดินทางด้วยรอยยิ้มกริ่ม
“ไม่มีใครให้ข้อมูล ไม่มีทางตามมาได้หรอกครับ ขอให้ทุกคนปิดมือถืออย่าได้แพร่งพรายบอกใครแม้แต่นิดเดียว”
“แล้วแม่นีกับพ่อระจะไม่โดนตามไปเค้นถามหาที่อยู่เราเหรอ” เตือนใจถามวันรบ
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงครับ ผมให้พี่ระกับพี่นีกลับกรุงเทพฯไปแล้ว ใครก็ตามไม่ได้แน่”

วริษรายืนอยู่ที่หน้าบ้านของพชร เห็นป้ายกระดาษที่ติดอยู่มีข้อความว่า
“ไม่มีใครอยู่สี่วัน ไม่ต้องถามว่าอยู่ไหน เพราะไม่บอก ไม่ต้องโทรตามเพราะปิดเครื่อง”
วริษรากดมือถือหาวันรบ ได้ยินแต่ให้ฝากข้อความ วริษรากดทิ้งอย่างหัวเสีย
“อยากหนีก็หนีไปยังไงก็ต้องกลับมาอยู่ดี พี่รบไม่พ้นมือริษหรอก”

บริเวณบ้านพักริมทะเล ติรกานอนเอนหลังอย่างสบายๆอยู่ที่มุมเตียงหันหน้าไปทางทะเล เห็นมัทรีกับวันรบจูงมือกันเดินเล่นอยู่ที่ริมทะเล รชานนท์ถือแก้วน้ำส้มมาวางข้างๆ ติรกา
“น้ำสำหรับนางเอกของผม”
“ขอบคุณค่ะ”
“กระแตต้องดื่มให้หมดนะ เพราะผมคั้นสุดฝีมือเลย”
“ไหนว่ามาพักผ่อนไงคะ กระแตเห็นนนท์ทำโน่นทำนี่ไม่หยุดเลย”
“ก็ผมอยากบริการภรรยาผม ไม่ได้เหรอครับ”
“ได้สิคะ รู้ไหมว่านนท์น่ารักมากเลย”
รชานนท์ขยับลงนั่งที่เก้าอี้ตัวเดียวกับติรกา รชานนท์จับมือติรกาขึ้นมามอง
“มือคุณเล็กแค่นี้ แต่คุณก็เลี้ยงลูกสาวของเราจนโตมาขนาดนี้”
รชานนท์กอดติรกา
“คุณคงเหนื่อยมากใช่ไหม กระแต”
ติรกาอึ้งๆ เหลือบมองรชานนท์กลัวว่ารชานนท์จะจับได้ว่าตัวเองความจำกลับมาแล้ว
“ทำไมนนท์พูดเหมือนนนท์ไม่ได้อยู่กับกระแตล่ะคะ”
“ผมมีความจริงอยากจะบอกคุณนะกระแต ความจริงแล้วเราสองคน”
ติรกามองอย่างลุ้นๆ ว่ารชานนท์จะพูดอะไร รชานนท์ยังสองจิตสองใจอยู่
“แต่ผมกลัวว่าถ้าผมพูดไปแล้ว ทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม คุณจะไม่รักผมเหมือนตอนนี้”
ติรกามองดูก็รู้ว่า รชานนท์อยากจะบอกความจริงแต่ไม่กล้า
“ถ้าพูดแล้วมันจะทำให้เราไม่เหมือนเดิมก็อย่าพูดเลยนะคะ”
“ตอนนี้คุณมีความสุขไหมครับ”
“กระแตมีความสุขที่สุดเลยค่ะ เหมือนความฝัน...ฝันดีจนกระแตไม่อยากจะตื่นเลย”
รชานนท์กอดติรกาอย่างรู้สึกผิด
“ผมขอโทษนะกระแต คุณเลี้ยงลูกมัทมา คุณคงเหนื่อยมาก”
“ลูกเป็นหัวใจของฉัน”
รชานนท์มองมัทรีด้วยความรัก
“ไม่ใช่หัวใจของคุณคนเดียว แต่ลูกเป็นหัวใจของเรา”


ที่ริมทะเล มัทรีหยุดเดินแล้วมองทางติรกากับรชานนท์ วันรบพลอยชะงักมองตามสายตาของมัทรี
“มัท..คุณแม่เขาก็มีความสุขดีไม่ใช่เหรอ”
“ถ้าแม่จำเรื่องได้ทุกอย่าง เขาก็คงเอาเปรียบแม่แบบนี้ไม่ได้ จริงสิ ถ้าแม่รู้ความจริง”
วันรบมองมัทรีอย่างสังหรณ์ใจ
“มัท ที่มัทคิดมันไม่ถูกต้องนะ”
“แต่มันเป็นทางเดียวที่แม่จะพ้นจากผู้ชายหลอกลวงคนนั้น”
มัทรีจะเดินเข้าไปหาติรกา วันรบเข้าไปขวางไว้
“ไม่ได้นะมัท...เรากำลังจะแต่งงานกันแล้ว ถ้ามัทพูดเรื่องก็เขาก็จะพังไปด้วย”
“มัทจะเห็นแก่ความสุขตัวเอง แล้วปล่อยให้แม่ต้องโดนทำร้ายไม่ได้หรอกค่ะ”
“ทุกอย่างมันกำลังเป็นไปด้วยดี เชื่อผมนะมัท...อย่าพูด”
มัทรีสายตามุ่งมั่น ดื้อดึงจะไป
“มัทต้องทำเพื่อแม่ของมัท”
วันรบขวางไม่ยอมให้ไป
“ถอยไปนะคะพี่รบ”
วันรบมองตอบด้วยสายตามุ่งมั่นไม่แพ้กัน
“ผมก็ต้องทำเพื่อความรักของเรา”
“พี่รบ”
มัทรีกับวันรบต่างคนต่างมองจ้องตากันอย่างที่ไม่มีใครยอมใคร

ติรกานั่งอยู่ที่ระเบียงคนเดียว มัทรีเหลียวซ้ายมองขวาเห็นว่า ปลอดคนก็เข้าไปหาติรกาทันที
“คุณแม่คะ...มัท”
วันรบเข้ามาประกบอีกข้างทันที
“คุณแม่ยายครับ วันนี้ผมมีดีวีดีหนังเรื่องใหม่ล่าสุดมานำเสนอ ดูหนังไหมครับ เดี๋ยวผมเปิดให้”
“พี่รบ”
“ผมมีทั้งแบบคอมมิดี้ ดราม่าสะเทือนใจก็มีนะครับ”
มัทรีมองวันรบที่ตั้งท่าจะขัดขวางให้ได้
“มืดแล้ว มัทว่าคุณแม่ไปอาบน้ำดีไหมคะ มัทมีครีมทาผิวนำเสนอ หอมมากด้วย”
“ก็ดีจ๊ะ” ติรกาบอก
มัทรีดึงให้ติรกาลุก วันรบจะตาม
“คุณแม่จะไปอาบน้ำนะคะพี่รบ”
วันรบชะงัก มัทรียักคิ้วอย่างเหนือกว่าแล้วพาติรกาเดินออกไป วันรบมองตามคิดๆ จะทำยังไงดี รชานนท์เดินถือแก้วน้ำส้มเข้ามาพอดี วันรบเห็นเตือนใจเดินถือแก้วน้ำส้มเข้ามาด้วย วันรบปิ๊งไอเดียทันที

มัทรีดึงให้ติรกาเข้ามาในห้องพัก มัทรีมองๆจนแน่ใจ
“แล้วเขาไปไหนล่ะคะแม่”
“เขา”
“ผู้ชายคนนั้นน่ะค่ะแม่”
“มัท...คนที่มัทพูดถึงเป็นพ่อของมัทนะ แม่ว่า”
“แม่คะ มัทมีความจริงจะบอกกับแม่ค่ะ”
“ความจริงอะไรเหรอ”
“ก็ผู้ชายคนนั้นความจริงเขาไม่ได้อยู่กับแม่มาตลอดนะคะ”
ติรกาทำสีหน้าแปลกใจแต่ยังทำเป็นเนียนๆ
“มัทพูดอะไรแม่ไม่เข้าใจ”
“การที่แม่ตกบันได ทำให้แม่...”
มัทรีพูดยังไม่ทันจบประโยค วันรบก็เปิดประตูห้องเข้ามาพร้อมภูมิใจนำเสนอ
“น้ำส้มมาแล้วครับ”
มัทรีหัวเสียขึ้นมาทันทีที่วันรบเข้ามาขัดจังหวะ
“พี่รบ! นี่ห้องคุณแม่นะคะ พี่เข้ามาทำไม”
“พี่ไม่ได้เข้ามาเองนะครับ พี่เข้ามาตามคำสั่งของคุณยาย”
“คุณยาย”
เตือนใจเดินเข้ามา
“ยายให้พ่อรบช่วยยกน้ำส้มมาให้ ทำไมเหรอยัยมัท”
“มัท”
มัทรีมองวันรบ วันรบขยิบตาให้ มัทรีอารมณ์ขึ้นมาทันที
“เสร็จแล้วก็ออกไปสิคะพี่รบ”
“จริงสิ ผมมีเรื่องจะคุยกับมัท ออกไปคุยกับผมหน่อยนะ”
มัทรียังดื้อ
“แต่มัทจะคุยกับคุณแม่”
“มันเป็นเรื่องงานคือ..คุณแก้วโทรมาอยากจะเปลี่ยนแบบห้องพักนิดหน่อยน่ะจ๊ะ”
มัทรีเชื่อทันที แล้วถามวันรบต่อ
“คุณแก้วจะเปลี่ยนตรงไหนเหรอคะ”
“ผมต้องไปเปิดดูแบบก่อน มัทไปดูกับผมหน่อยสิ”
“ค่ะ”
มัทรียอมเดินตามวันรบออกไปอย่างง่ายดาย
เตือนใจหันมาหาติรกา
“ยัยมัทพูดอะไรกับลูก”
“หนูว่า ลูกพยายามจะบอกหนูเรื่องหนูความจำเสื่อมค่ะ”
“มิน่า...ตารบถึงมาขอให้แม่ช่วยพาเข้ามาในห้อง คงคิดจะขวาง”
“ถ้าขวางก็แสดงว่าวันรบไม่อยากให้หนูจำได้สิคะแม่”
“ก็แหงสิ คิดถึงความเป็นจริง ถ้าติจำได้ ติก็คงไม่ให้ตารบแต่งงานกับยัยมัท ถูกไหม”
“ตกลงวันรบนี่เป็นคนดีหรือเปล่าคะแม่”
“ก็ลองคุยกับเขาดูบ้างสิ ปิดหูปิดตามันก็ไม่เห็นไม่ได้ยินหรอกนะ”
“แล้วนี่นนท์เขาไปไหนคะแม่ ไม่เห็นตั้งแต่เย็นแล้ว”
“ลากแม่พุทราออกไปไหนไม่รู้ เห็นว่าจะไปซื้อของในเมืองน่ะ ซื้อของกินมาตุนละมั้ง”
ติรกาพยักหน้ารับรู้

วันรบเดินนำมัทรีมานั่งที่ระเบียง
“คุณแก้วจะเปลี่ยนตรงไหนคะ”
วันรบเปิดไอแพดให้มัทรีดู แต่เป็นภาพมัทรีที่วันรบแอบถ่ายไว้อิริยาบถต่างๆ
“พี่รบคะ เปิดแบบที่จะให้แก้ให้มัทดูสิคะ”
“พี่ไม่รู้จะเปิดแบบไหนให้มัทดู เพราะงานของมัทสมบูรณ์แบบมาก”
มัทรีรู้ทันทีว่าโดนหลอก
“พี่รบหลอกมัท”
“พี่แค่ปกป้องความรักของเรา”
“มัทจะไปคุยกับแม่”
มัทรีลุกและกำลังจะเดินไป วันรบลุกตาม เป็นจังหวะเดียวกับที่รชานนท์ก้าวเข้ามาพอดี
“ป๋ากลับมาพอดีเลย คุณแม่ยายถามหาแน่ะครับ”
“พี่รบ”
“มีอะไรกันหรือเปล่า...”
วันรบกระซิบกับมัทรี
“พูดเลย ผมจะได้มีป๋ามาช่วยขวางมัทอีกคน”
มัทรีมองวันรบด้วยความโกรธ
“มัทไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอก”
มัทรีเดินไปอีกทาง
“แกกับมัทมีเรื่องอะไรกัน”
“เด็กดื้อน่ะป๋า ป๋ารีบไปหาแม่ยายผมเถอะ ประกบติดอย่าให้มัทมาแทรกได้ก็พอ”
“อะไรของแกวะ”
วันรบทำเป็นหาวใส่
“ผมง่วงแล้ว กู๊ดไนท์ป๋า”
วันรบเดินไป รชานนท์พยายามจะเดาว่าเกิดอะไรขึ้น

มัทรีขับเรือเข้ามาจอดที่หน้าเกาะ รชานนท์ค่อยๆขยับตัวตื่น แต่ยังไม่เอาผ้าขนหนูออก มัทรีมองไปที่ทะเล ไม่เห็นใครตามมาก็สบายใจ ยิ้มกริ่มแล้วปีนลงไปที่ชายหาด ก่อนจะหันมาตะโกนเรียกติรกาด้วยสีหน้าร่าเริง
“ถึงแล้วค่ะคุณแม่”
รชานนท์เหยียดกายลุกขึ้นนั่งแล้วเปิดผ้าออก ดึงหูฟังออก พลางบิดขี้เกียจแล้วมองไปรอบๆ มัทรีตะลึงที่เห็นรชานนท์
“คุณ”
“มาถึงเกาะแล้วเหรอ”
“คุณมาอยู่บนเรือได้ยังไง แล้วคุณแม่ล่ะ คุณแม่ไปไหน” มัทรีถามรัว
รชานนท์หยิบอูคูเลเล่ขึ้นมาสะพาย
“ก็แม่เขาบอกว่าจะไปตามคุณยายให้พ่อมาที่เรือก่อน พ่อเห็นว่านานก็เลยนอนรอแล้วก็หลับไปเลย แล้วนี่แม่กับคุณยายลงไปที่เกาะแล้วเหรอ”
“โอ้ย มัทอยากจะบ้าตาย คุณร่วมมือกับพี่รบใช่ไหม ตั้งใจขัดขวางไม่ให้มัทบอกความจริงกับแม่”
“ความจริง..ความจริงเรื่องอะไร”
มัทรีขัดใจเดินหนีขึ้นฝั่ง รชานนท์กระโดดลงจากเรือตามมัทรีทันที

เตือนใจตกใจมากที่ได้ยินความจริงจากปากวันรบ
“ยัยมัทจะบอกแม่ติเรื่องความจำเสื่อมเหรอ”
ติรกาขยับเข้ามายืนฟังอยู่มุมหนึ่งทางด้านหลังของวันรบ
“ครับ..มัทเขามองว่า การที่ป๋าใกล้ชิดคุณแม่ยายมันเป็นการฉวยโอกาสจากการที่คุณแม่ยายป่วยน่ะครับ”
เตือนใจมองวันรบแล้วถาม
“แล้วตานนท์ฉวยโอกาสจริงๆ เหรอเปล่าล่ะ”
“ไม่ครับ..ป๋าไม่ได้ฉวยโอกาส แต่ป๋ากำลังสร้างโอกาสเพื่อไถ่โทษจากคนที่ป๋ารัก ทั้งคุณแม่ยาย ทั้งมัท ผมไม่เคยเห็นป๋าห่วงและเอาใจใส่ใครเท่ากับคุณแม่ยาย ผมเชื่อว่าป๋าทำเพราะรักครับ”
เตือนใจมองผ่านวันรบไปสบตากับติรกาที่ยืนอยู่ ติรกาหลบตาเดินออกไปอีกทาง เตือนใจเดินตามไป วันรบมองตาม
“แล้วไปด้วยกันแบบนั้น จะเป็นเรื่องไหมเนี่ย” วันรบพูดขึ้น

ด้านมัทรีกำลังเดินหน้างอลุยน้ำขึ้นมาบนเกาะ รชานนท์ลุยน้ำตามขึ้นมา
“มัท..ฟังพ่อก่อนซิลูก”
มัทรีไม่ฟังเอาแต่เดินหนี
“มัทไม่ฟัง คุณไม่ต้องแก้ตัว”
“มัท..พ่อไม่เคยเอาเปรียบแม่นะ” รชานนท์ยืนยัน
“มัทไม่เชื่อ คุณเป็นคนแบบไหน มัทรู้มัทเห็นมาตลอด ผู้ชายเจ้าชู้อย่างคุณคิดจะหลอกให้แม่ใจอ่อน แล้วคุณก็จะทิ้งให้แม่เสียใจเหมือนที่คุณเคยทำ”
รชานนท์พยายามอธิบาย
“มัท ถ้ามัทไม่ฟังพ่อแล้วมัทจะรู้ได้ยังไงว่าพ่อทำแบบนั้นจริงๆ”
“อ๋อ..นี่คุณจะบอกว่าตัวเองไม่ผิดใช่ไหม เห็นแก่ตัว คอยดูนะ มัทจะบอกความจริงกับแม่ คุณจะต้องชดใช้ความผิดที่คุณหลอกแม่”
“มัท..ลูก”
“อย่าคิดห้ามมัทซะให้ยากเลยค่ะ”
“พ่อไม่ได้คิดจะห้าม แต่ถ้ามัทอยากบอกความจริงกับแม่ มัวแต่เดินหนีแบบนี้มันเสียเวลา พ่อว่าขึ้นเรือแล้วกลับเข้าฝั่งไหม”
มัทรีชะงักคิด แม้จะเห็นด้วยกับที่รชานนท์พูดแต่หันหลังกลับมามองรชานนท์อย่างงอนๆ รชานนท์จะลุยทะเลกลับไปที่เรือ ทันใดนั้น มัทรีเห็นเรือยางที่โดนคลื่นพัดออกไปไกล
“เรือ เรืออย่าไป”
มัทรีรีบวิ่งลงไปในทะเล รชานนท์ตกใจรีบตามมัทรีลงทะเล และร้องเรียกชื่อเพื่อเตือนสติ
“มัท”
มัทรีกับรชานนท์วิ่งไปจนน้ำเริ่มลึก แต่เรือยิ่งไกลออกไปทุกที
“เรือ” มัทรีร้องเรียก
มัทรียังคงวิ่งตามเรือไป รชานนท์ตามมาคว้าตัวมัทรีไว้
“มัท อย่าไปลูก”
“จะดึงมัทไว้ทำไม เพราะคุณคนเดียวเลย คุณทำทุกอย่างพังหมด เห็นไหมว่าเรือมันลอยไปแล้ว”
“แล้วทำไมมัทไม่ทิ้งสมอไว้ล่ะลูก มัทไม่ทิ้งสมอเรือมันก็ลอยสิ” รชานนท์บอก
“มัทจะรู้ไหมว่าต้องทิ้งสมอเรือด้วย ทำไมมัทต้องมาติดเกาะ ทำไมๆๆ มัทเกลียดคุณ” มัทรีร้องโวยวาย
“มัท พ่อไม่ได้เป็นคนทำให้เรามาติดเกาะแบบนี้นะ”
“คุณจะโทษว่าเป็นความผิดมัทใช่ไหม” มัทรีพาลไปหมด
“มัท พ่อไม่ได้ว่ามัท มัทไม่ฟังเอาแต่โวยวายแล้วจะรู้เรื่องไหม”
มัทรียิ่งใส่อารมณ์กับรชานนท์หนักขึ้น
“ใช่สิ มัทไม่ฟังใคร มัทโวยวาย ส่วนเกินชีวิตทำอะไรมันก็ผิดหมด ผิดตั้งแต่เกิดมาเป็นลูกคุณแล้ว”
รชานนท์ได้ยินแล้วสะเทือนใจ มัทรีเดินหัวเสียขึ้นไปบนฝั่ง รชานนท์รีบตามไป

มัทรีเดินจ้ำๆกลับขึ้นมาบนฝั่งอย่างหัวเสีย รชานนท์เดินตามมาติดๆ
“มัท ฟังพ่อก่อนสิลูก พ่อไม่ได้ว่ามัทผิดเลยนะ”
มัทรีหันกลับมาหารชานนท์
“ถ้ามัทไม่ผิด แล้วทำไมคุณต้องทำร้ายมัทด้วย คุณไม่ผิด มัทไม่ผิด..แล้วใครผิด แม่งั้นเหรอ แม่ผิดด้วยเหรอที่อยากให้มัทเกิดมา ผิดมากจนคุณต้องทิ้งเราสองคน ผิดมากใช่ไหม”
“มัท นี่มันคนละเรื่องแล้วนะ มัทฟังพ่อ”
“มัทไม่ฟัง”
รชานนท์หัวเสียกับมัทรีจนลืมตัวและพูดเสียงดัง
“พ่อบอกให้ฟัง”
มัทรีชะงักทันที อึ้งที่โดนรชานนท์ตะคอก รชานนท์เห็นสีหน้ามัทรีก็รู้สึกตัวว่าใช้อารมณ์เกินไป
“มัท พ่อ..ไม่ได้ตั้งใจ”
“ไม่ได้ตั้งใจ คุณจะบอกว่าที่คุณทิ้งแม่ก็ไม่ได้ตั้งใจ ที่มัทเกิดคุณก็ไม่ได้ตั้งใจด้วยใช่ไหม”
รชานนท์อึ้งไปที่เห็นมัทรีน้ำตาคลอ
“พ่อ..พ่อไม่...”
มัทรีเสียงดังแทรกขึ้น
“มัทเกลียดคุณ คุณทำลายชีวิตของมัท”
รชานนท์สะเทือนใจที่ได้ยินเช่นนั้น
“มัท..พ่อ”
“คุณไม่ใช่พ่อของมัท” มัทรีพูดแล้วเดินหนีรชานนท์อีก
“ฟังพ่อก่อนมัท”
ยิ่งรชานนท์เดินตาม มัทรียิ่งเดินหนี มัทรีเดินไปทางโขดหินเตี้ยๆ ไม่สูงนัก รชานนท์ห่วงมัทรีเพราะเห็นว่าตรงข้างหน้าโขดหินค่อนข้างห่าง
“มัท..ตรงนั้นมัน” รชานนท์พยายามจะเตือนมัทรี มัทรีก้าวไปตามโขดหินแต่ไม่วายหันมาเสียงดังใส่
“ไม่ฟัง”
“มัท ตรงนั้นมัน...”
“มัทไม่ฟัง”
หลังมัทรีหันกลับมาใส่อารมณ์กับรชานนท์แล้วหันกลับไปเดินต่อ โดยไม่ได้สังเกตว่า ก้าวต่อไปไม่มีก้อนหินแล้ว มัทรีหน้าทิ่ม รชานนท์ตกใจ รีบวิ่งคว้าตัวมัทรีไว้
“ระวัง”
รชานนท์คว้าตัวมัทรี แต่ตัวเองเสียหลัก หงายหลังจนหน้าผากสะบัดไปชนกับหิน มัทรีตั้งตัวได้เงยหน้าขึ้นมาก็รู้ตัวว่ารชานนท์กอดอยู่ด้วยสีหน้าห่วงใย รชานนท์ห่วงมัทรีจนลืมความเจ็บของตัวเอง
“มัทเป็นยังไงบ้างลูก เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
มัทรีรีบผละออกจากรชานนท์ขึ้นมานั่ง
“ไม่เป็นไร”
มัทรีลุกขึ้นจะจ้ำหนีอีก รชานนท์จะลุกตาม แต่พอลุกแล้วเกิดอาการมึน รชานนท์เซไปเล็กน้อย มัทรีที่จ้ำไปล่วงหน้า รู้สึกว่ารชานนท์ไม่ตามมา ก็หันกลับไปมองเห็นรชานนท์เซพอดี
“คุณ คุณเป็นอะไร”
รชานนท์ยังคงฝืน ฟ้าครึ้มด้วยเมฆฝนที่ตั้งเค้ามาทะมึน รชานนท์บอก
“พ่อไม่เป็นไร แต่ฟ้ามันครึ้ม ๆ นะ พ่อว่าเราต้องหาที่สำหรับหลบฝน”
มัทรีแม้จะมีสีหน้าเคืองรชานนท์ แต่ก็เห็นจริงกับรชานนท์
“บนโน้นมีช่องหิน คงหลบได้”
มัทรีพูดจบก็เดินไปโดยไม่รอรชานนท์ รชานนท์เดินตามด้วยสีหน้ากลัดกลุ้ม

ฝนบนฝั่งเริ่มตกหนัก วันรบกับติรกาเดินสวนกันไปมาที่ระเบียงบ้านพัก เตือนใจกับพุทรายืนกระวนกระวายไม่แพ้กัน
“นี่มันมืดแล้วนะทำไมสองคนนั้นยังไม่กลับมาอีก เกาะนั้นมันไกลมากเหรอวันรบ” ติรกาถาม
“ไม่ครับ ออกจากฝั่งไปไม่ถึงยี่สิบนาที”
“แล้วทำไมป่านนี้ถึงยังไม่กลับ ถ้ามัทเจอรู้ว่าในเรือไม่ใช่ฉันก็น่าจะกลับมาแล้วสิ”
“หรือว่าคุณนนท์กับคุณมัทมีเรื่องกันจน” พุทราพูดขึ้น
วันรบกับติรกาชะงักถึงกับหน้าเสียในทันที
“แม่พุทรา ถ้าหล่อนปิดปากไม่เป็น ฉันจะจัดการให้ เอาไหม” เตือนใจบอก
พุทรารีบยกมือไหว้อย่างสำนึกผิด
“พุทราขอโทษค่ะ พุทราคิดไปตามเหตุการณ์”
ชาวบ้านวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาที่บ้านพักริมทะเล
“คุณคะ คุณ”
พุทรารู้หน้าที่รีบวิ่งเข้าไปหาชาวบ้านทันที สักครู่เดียว... พุทราก็วิ่งกลับมาด้วยสีหน้าตกใจ ติรกา วันรบ และเตือนใจรู้ทันทีว่าเกิดเรื่องขึ้นแล้ว พุทรารายงานทันที
“คุณติ ชาวบ้านเขาเจอเรือสปีดโบ๊ทที่คุณมัทขับออกไปค่ะ”
“แล้วยัยมัทล่ะ” ติรกาถามขึ้น
วันรบกับเตือนใจมองอย่างรอคอยคำตอบ
“เขาบอกว่าบนเรือไม่มีคนค่ะ”
วันรบรีบวิ่งไปถามรายละเอียดกับชาวบ้านทันที
“เรืออยู่ไหน พาผมไปที”
ชาวบ้านรีบพาวันรบไป ติรกา เตือนใจ พุทรารีบตามวันรบไป

ฝนยังตกอยู่ ... วันรบวิ่งมาที่ท่าเรือ เห็นเรือยางที่จอดอยู่ วันรบรีบลงไปในเรือ พุทราแวะถามชาวบ้านอีก ติรกา เตือนใจรีบตามวันรบลงไปในเรือด้วย
“กระเป๋ากับกล่องแซนวิชก็ยังอยู่ เรือมันดูปกติไม่มีร่องรอยเสียหาย แล้วมัทกับป๋าหายไปไหน”
พุทรารีบวิ่งมารายงานข่าวคืบหน้าอีก
“คนเรือเขาบอกว่า เขาออกเรือไปแล้วจำได้ว่าเป็นเรือของเรา เขาเห็นลอยอยู่กลางทะเลไม่มีคนขับก็เลยลากเข้ามาค่ะ”
“แล้วยัยมัทหายไปไหน” ติรกาพูดขึ้นด้วยเสียงสั่นเทา
ติรกากับเตือนใจหน้าเสีย ความคิดร้ายๆที่ถูกปรุงแต่งวิ่งเข้ามาเต็มหัวไปหมด
“แม่คะ จะทำยังไงดี มันเกิดอะไรขึ้น ลูกหนูจะเป็นอะไรหรือเปล่า” ติรกาของความเห็นจากเตือนใจ
พุทราปิดปากตัวเองไม่กล้าพูด
ฝนเริ่มตกแรงขึ้น วันรบคิดๆแล้วตัดสินใจและพูดขึ้น
“พุทรา พาคุณแม่ยายกับคุณยายขึ้นไปบนฝั่งก่อน”
วันรบเสียงดังด้วยอารมณ์ร้อนรนจนพุทรางง
“เร็วสิ”
“นายจะทำอะไร” ติรกาถามขึ้น
“ผมจะไปตามหามัทกับป๋า”
“พุทรา พาคุณแม่กลับไปก่อน” ติรกาสั่ง วันรบหันกลับไปมองที่ติรกา
“ฉันจะไปตามหายัยมัทกับนนท์เหมือนกัน”
“อย่าดีกว่าครับ ผมไปเองดีกว่า”
“ฉันจะไปด้วย”
“ไม่ได้ครับ ฝนตกแบบนี้มันอันตราย ผมไปคนเดียวดีกว่า”
“ฉันจะไปด้วย ฉันจะไปหาลูกฉัน” ติรกาดึงดัน
“ผมให้คุณแม่ไปไม่ได้ พุทราพาคุณแม่กลับไป”
“นายไม่มีสิทธิ์มาห้ามฉัน เรื่องวุ่นวายทั้งหมดเป็นเพราะฉัน ถ้าฉันบอกมัท...มัทก็คงไม่ทำแบบนี้”
“คุณแม่ครับ ผมขอร้องกลับไปเถอะครับ ผมไม่อยากเสียเวลา ผมจะไปตามหามัท”
“ถ้าเธอไปได้ ฉันก็ไปได้”
“คุณแม่ยายครับผมขอร้อง ขึ้นไปรอบนฝั่ง”
“ฉันจะไปตามหาลูกฉัน”
“ไม่ได้ครับ มันอันตราย ถ้าคุณแม่ยายเป็นอะไรไป ผมจะตอบมัทกับป๋าว่ายังไง ไม่ได้ครับ”
ติรกาไม่ยอมวันรบรีบวิ่งไปจะสตาร์ทเรือ แต่วันรบเข้าไปแย่งไม่ยอมให้สตาร์ทจนยื้อยุดฉุดแย่งกันไปมา เตือนใจทนไม่ไหวรีบคว้านกหวีดจากคอของพุทราวิ่งเข้าไปเป่าใส่วันรบกับติรกา ปรี๊ด! วันรบกับติรกาชะงักทันที
“ไม่ต้องไปทั้งสองคน กลับขึ้นฝั่ง”
ติรกากับวันรบร้องขึ้น
“คุณแม่ / คุณยาย”
“ ฉันรู้นะว่าเธอสองคนรักและห่วงยัยมัทมาก แต่ช่วยมีสติกันหน่อยได้ไหม”
“คุณยายครับ..ผม”
เตือนใจพูดกับวันรบ
“ฝนตกแบบนี้ ถ้าเธอออกไปแล้วเจอพายุเป็นอะไรไปแล้วจะช่วยยัยมัทได้ยังไง”
จากนั้นเตือนใจหันไปพูดกับติรกา
“อย่าเพิ่งแตกตื่น มันอาจไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดก็ได้ รอให้ฝนหยุดแล้วเราค่อยออกตามหา ฉันขอสั่งนะ ห้ามทุกคนออกไปตอนนี้ ขึ้นฝั่งทุกคน”
น้ำเสียงเตือนใจเด็ดขาด วันรบกับติรกายังนิ่งเฉยอยู่
“ถ้าเธอสองคนไม่ฟังฉันก็ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าแม่ ว่ายายอีก เราขาดกัน พุทรา ขึ้นฝั่ง”
“ค่ะ ค่ะ”
พุทรารีบมาประคองเตือนใจลงจากเรือพาขึ้นฝั่ง วันรบหัวเสียทำอะไรไม่ได้ได้แต่ตะโกนไปในทะเล
“โธ่โว้ย มัท มัทรี”
ติรกาเริ่มเห็นความเป็นห่วงที่วันรบมีต่อมัทรี
จบตอนที่ 9
ติดตามอ่านแม่ยายที่รัก ตอนต่อไป พรุ่งนี้



กำลังโหลดความคิดเห็น