ทองประกายแสด ตอนที่ 15 อวสาน
เช้าวันใหม่...พี่แมวนั่งรอทองดีอยู่ที่โต๊ะรับแขก มองรอบๆตัวอย่างตื่นเต้น พอทองดีเดินลงมาจากข้างบน พี่แมวลุกขึ้นต้อนรับแบบเกร็งๆ
“พี่แมว ทำไมต้องทำท่าแบบนั้นด้วย คนกันเองแท้ๆ”
“ไม่ได้หรอก เดี๋ยวนี้เธอไม่เหมือนเดิมแล้ว โอ๊ย...กว่าจะเข้าถึงตัวได้ ต้องผ่านตั้งหลายด่านแน่ะ”
ทองดียิ้มขำ
“อ๋อ...ท่านเป็นห่วงความปลอดภัยน่ะค่ะ ดีใจจังเลยที่พี่แมวมา ฉันเหง๊า...เหงา”
“เห็นเธอหายเงียบไปเลย ข่าวก็ลงไปต่างๆนานา นี่พี่เอาหนังสือมาให้เธอดูด้วย พี่อ่านแล้วโกรธจัง เขียนกันไม่รู้เรื่องรู้ราว หาว่าทองทำตัวไม่ดีเลยต้องหายเข้ากลีบเมฆไปอีกครั้งเพราะงานหด”
พี่แมวหยิบหนังสือ ซุบซิบขึ้นมาหลายเล่ม ทองดีหยิบขึ้นมาดูๆแล้วก็วางลง
“ชั่งเถอะ ใครจะว่ายังไงก็ว่าไป เราไม่ได้เป็นซะอย่างประเดี๋ยวก็คงเงียบไปเอง”
“เธอดูเปลี่ยนไปนะ ดูมีสง่าราศี แล้วก็เป็นผู้ใหญ่ขึ้นด้วย”
“งั้นหรือคะ คงเพราะผ่านอะไรมาเยอะมั้ง เลยทำให้แก่ก่อนวัย”
“ไม่ใช่อย่างงั้น...สวยขึ้นต่างหาก เอาล่ะ ทุกอย่างเริ่มดีขึ้นแล้วล่ะ...เออ...ไทล่ะเป็นยังไงบ้าง ท่านเอ็นดูมั้ย”
“ค่ะ ท่านดีกับเราสองคนมาก”
น้อมพาไทมาส่งให้ทองดี พี่แมวเห็นไทเข้าก็ยิ้ม
“ไหนมาให้ป้ากอดหน่อยซิ วาสนาดีนะเรา แหม...พี่อดคิดไม่ได้ ขนาดท่านไม่ใช่พ่อแท้ๆยังเมตตารักใครขนาดนี้ แล้วนี่พ่อแท้ๆเขาจะเป็นยังไงบ้างนะ”
ทองดีหน้าตาจริงจังมาก
“พี่แมว ขอร้องเถอะ ฉันไม่อยากฟัง ถ้าพี่ขืนพูดแบบนี้อีก ฉันจะยอมตัดขาดพี่นะ บอกไว้ก่อน”
พี่แมวชะงัก เอามือปิดปากตัวเองหน้าเจื่อนไป
เช้าวันใหม่...ทองดีเดินลงมาจากข้างบน หันไปสั่งแม่บ้าน
“น้อม เตรียมอาหารเช้าไว้ด้วยนะจ๊ะ วันนี้ท่านจะมาทานอาหารเช้าด้วย”
“ท่านให้เลขาโทรมาบอกแล้วค่ะว่า เช้านี้มีประชุมด่วน คงมาไม่ได้ จะแวะเข้ามาตอนเย็นค่ะ”
ทองดีผิดหวังเล็กๆ
“อ้าว...งั้นหรือ”
“คุณจะรับอาหารเช้าเลยมั้ยคะ”
“งั้นยังก่อนจ๊ะ ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
ทองดีลุกออกไปเดินเล่น
บ่ายวันนั้น ทองดีอยู่ในห้องครัว เธอยืนยิ้มอย่างภูมิใจ เมื่อมองภาพในโทรทัศน์ ประจักษ์กำลังยืนให้สัมภาษณ์นักข่าว ทองดีชี้มือให้ ไทที่กำลังทานข้าวดู
“เห็นมั้ย พ่อของหนูกำลังให้สัมภาษณ์ พ่อหนูเป็นรัฐมนตรีเชียวนะ ไท”
ทองดียิ้มอย่างปลาบปลื้ม
ค่ำนั้น ทองดีนอนหลับอยู่ ประจักษ์ยืนมองก่อนจะก้มลงหอมแก้ม ทองดีรู้สึกตัว
“ท่านมาเหรอคะ”
“ขอโทษที่ปลุกนะ นอนต่อเถอะ” ประจักษ์ลงนั่งข้างๆ “แค่จะแวะเอาของขวัญมาให้เธอ”
ทองดีงงๆ
“ของขวัญ”
“เห็นสวยดี น่าจะเหมาะกับเธอ”
ทองดีเปิดกล่องของขวัญออก เป็นสร้อยเพชรสวยหรู เธอหยิบมันขึ้นมา
“สวยจังเลยค่ะ”
“ลองใส่มั้ย ฉันจะใส่ให้นะ ความจริงฉันตั้งใจจะมาให้เร็วกว่านี้ แต่ประชุมเสร็จก็ดึกมาก และต้องกลับไปดูคุณหญิงที่บ้านก่อน”
ทองดีเดินไปที่หน้ากระจก มองสร้อยเพชรในคออย่างมีความสุข
“ถูกใจมั้ย”
ทองดีหันมากอดประจักษ์ ทั้งสองล้มลงไปบนเตียงนอน ประจักษ์โอบกอดตอบ
เช้าวันใหม่...ทองดีพลิกตัวตื่นขึ้นมา ไม่เห็นประจักษ์ เธองงๆ
“อ้าว...ท่านไปไหนแล้วหรือว่าเราฝันไปเนี่ย”
ทองดีนิ่งคิดแล้วคลำคอตัวเองยังสวมสร้อยเพชรอยู่
“ไม่ได้ฝันนี่นา”
ทองดีหันไปเห็นบนหัวเตียง มีกระดาษโน้ตทิ้งไว้เธอหยิบมาอ่าน
“มีงานแต่เช้า เห็นเธอหลับสบาย เลยไม่อยากปลุก”
ทองดียิ้มกับจดหมาย แล้วจับสร้อยคออีกครั้ง
“ฝันที่เป็นจริงต่างหากล่ะ ทองประกาย”
ทองดีใส่สร้อยเส้นใหม่เดินเข้าร้านของดารามา
“อุ๊ย...คุณน้องมาหาคุณพี่ถึงที่ มีอะไรให้รับใช้คะ ต๊าย...สร้อยสวยจังนะคะ”
ทองดียิ้ม
“ท่านให้ค่ะ...พี่ดาราไม่ต้องเรียกคุณน้องหรอกค่ะ พูดปกติกับฉันก็ได้ค่ะ”
“ได้ยังไงล่ะคะ ทำแบบนั้น มันจะเป็นการไม่ให้เกียรติท่าน”
“อยู่บ้านเบื่อน่ะค่ะ เลยจะมาให้พี่ดาราตัดเสื้อให้ใส่”
“เอาเลยค่ะ เดี๋ยวพี่จะเอา คอลเลคชั่นใหม่ให้ดูนะคะ ถ้าคุณน้องเหงา อยากไปไหนรึเปล่าคะ ถ้าคุณน้องสนใจพวกเพชรพลอยพี่จะพาไปดู พี่มีพักพวกเปิดร้านเพชรดีๆเยอะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เบื่อๆ แล้วฉันจะแวะมาหาพี่แล้วกันเรียกช่างมาวัดตัวเลยมั๊ยคะ”
“ได้ค่ะคุณน้อง”
ดาราหันไปเรียกเด็กแล้วเบ้หน้าหมั่นไส้ทองดี ที่ออกคำสั่งใส่หล่อน
ค่ำนั้น ทองดีนั่งดูทีวีอยู่ในชุดนอนอย่างเบื่อๆ เดินขึ้นข้างบน ไม่นานนักเธอก็แต่งตัวสวย เดินลงมาจากบันไดออกจากบ้าน มองบ้านอย่างเบื่อๆเดินจะไปขึ้นรถที่คนรถรออยู่แล้ว
“คุณจะไปไหนครับ”
“ไปหาผับฟังเพลงแถวนี้แล้วกัน พาฉันไปหน่อย”
ทองดีออกไปได้ไม่นาน ประจักษ์เดินเข้าบ้าน ไม่เห็นรถ คนใช้เข้ามารายงาน ว่าคุณผู้หญิงออกไปข้างนอก ประจักพยักหน้ารับแล้วลงนั่งที่โซฟาหน้าเคร่งเครียด
“ไปนอนเถอะ”
คนใช้มองซักพัก กลัวๆ แล้วเดินออกไป
ดึกคืนนั้น ทองดีกลับเข้ามาในบ้าน เห็นประจักษ์นั่งอยู่ ก็ตกใจเข้าไปหา
“ท่านมานานรึยังคะ ดิฉันเบื่อ ก็เลยออกไปหาเพลงฟัง ใกล้ๆแถวนี้เอง”
ประจักษ์เงียบไม่พูดว่าอะไร ทองดีหน้าเสีย
“ท่านอย่าโกรธนะคะ ดิฉันไม่ได้ไปเที่ยวกับใคร”
“เธอดื่มมา”
ทองดีเห็นอาการของเขาเหมือนคนเสียใจ
“ค่ะ นิดหน่อย ดิฉันทำให้ท่านผิดหวัง ดิฉันขอโทษ”
“ฉันไม่ได้โกรธเธอทองประกาย ฉัน...คุณหญิงเสียแล้ว คุณหญิงไปจากฉันแล้ว”
น้ำตาของประจักษ์ซึมออกมา จนทองดีรู้สึกสงสาร และตกใจ ไม่รู้จะปลอบยังไงดีจนเขาดึงเธอเข้าไปกอด ทองดีอึ้ง ไม่รู้ว่าตัวเองตกใจ หรือดีใจลึกๆ
วันใหม่...ดาราเข้ามาบ้านอย่างร่าเริง มีความสุข
“คุณน้องขา” ดาราจูบซ้าย ขวา “พี่เข้ามาแสดงความยินดีกับคุณน้องด้วย พี่พึ่งกลับมาจากฝรั่งเศษ ทราบข่าวว่าคุณหญิงสิ้นไปแล้วแบบนี้ อนาคตคุณน้อง คงต้องเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาเป็นคุณหญิงบุญพาวาสนาส่งจริงๆนะคะ ได้ดีแล้วอย่าลืมพี่ดารานะคะ”
“พี่ดาราอย่าพูดอย่างงั้น คุณหญิงพึ่งจะเสียไป ฉันไม่กล้าขึ้นไปแทนที่คุณหญิงหรอกค่ะ ตอนนี้ฉันก็มีความสุขดีอยู่แล้ว”
“มีความสุข แล้วทำไมหน้าตากังวลล่ะคะ”
“ท่านว่าต่อไป จะให้ฉันย้ายไปอยู่บ้านใหญ่เป็นเพื่อนท่าน”
ดาราตื่นเต้น
“ต๊าย ต๊าย ต๊าย เห็นมั้ย พี่เดาแล้วไม่ผิด ตายแล้วคุณน้อง รู้ตัวมั๊ยคะ ว่าคุณน้องต้องดังระเบิดเถิดเทิงในวงสังคมอย่างแน่นอน ถ้าท่านเปิดตัว”
“ที่ตรงนั้นมันอาจจะไม่เหมาะกับฉันก็ได้”
“อย่ากลัวไปก่อนนะคะ เชื่อพี่ เดี๋ยวพี่เป็นกุนซือให้แล้วท่านจะให้คุณน้องย้ายไปเมื่อไหร่ล่ะคะ”
“หลังจากครบร้อยวันคุณหญิงสิ้นค่ะ” ทองดีรู้สึกกลัวกับอนาคตอย่างบอกไม่ถูก
หลายเดือนต่อมา...เมื่อรถยนต์หรูวิ่งมาจอด ประจักษ์ลงมาเปิดประตูให้ ทองดีตะลึงกับความใหญ่โตโอฬารของบ้าน ประจักษ์ยิ้มแย้มพาเธอเดินเข้าบ้าน ทองดีจับมือเขาเดินตามเข้าไปภายใน
ประจักษ์พาทองดีเดินชมบ้าน และอธิบายมุมต่างๆของบ้าน ทองดีและหันมอง เขาพาเธอชมบ้านไปเรื่อยๆ ผ่านบริวารในบ้าน เขาก็แนะนำให้รู้จักกันอย่างเป็นกันเอง เด็กในบ้านทุกคน ยกมือไหว้เรียบร้อย และสนใจมอง ทองดียิ้มแย้มให้ เขาอธิบายถึงห้องต่างๆ ว่าเธอจะใช้งานอย่างไร
ช่างตัดเสื้อ 4-5 คนกำลังวุ่นวาย ขนแคทตาล็อค และชุดบางส่วนมาตรงหน้าทองดี ช่างรุมเข้าไปวัดตัวโดยมีบริวาร ยืนรอดูอยู่ใกล้ๆ ทองดียืนกางแขนยิ้มคุยกับช่าง ไท ที่ยืนกางแขน กางขาให้ช่างวัดตัวเช่นเดียวกัน ช่างตัดเสื้อถามไท
“รู้มั้ยครับ เรามาตัดชุดกันทำไม”
“ตัดชุดงานแต่งงานคุณแม่ครับ”
ทองดีกับช่างหัวเราะเอ็นดูไท ทองดีหันไปหาเจียม
“พี่เจียมดูคุณไทด้วยนะ”
เสร็จเรียบร้อยแล้ว ทองดีเดินจากชั้นบน ไปตามทางเดินที่กว้างใหญ่ในบ้าน เพื่อไปหาประจักษ์ที่ห้องทำงาน เขายืนขึ้นต้อนรับและให้เธอลงนั่งบนเก้าอี้ทำงาน ทองดียิ้มแย้มอายๆ
“ฉันเกือบหลงทางในบ้าน ที่เดินหาห้องทำงานท่าน”
ประจักษ์หัวเราะเอ็นดู
“ก่อนที่เธอจะเข้ามาอยู่ ฉันอยากทำให้มันเรียบร้อย ฉันให้คนทำเรื่องย้ายไทมาเรียนโรงเรียนดีๆแถวนี้แล้ว อาทิตย์หน้าเริ่มเรียน พอดีกับวันที่เธอ จะมาเป็นคุณผู้หญิงของบ้านนี้ ฉันจะจดทะเบียนสมรสกับเธออย่างถูกต้องและจะรับไทเป็นบุตรบุญธรรม”
ทองดีซาบซึ้งน้ำตาคลอ
“ขอบคุณที่ท่านเมตตาไท”
“ร้องไห้ทำไม ผู้หญิงนี่ดีใจ เสียใจก็ร้องไห้ ฉันไม่เข้าใจจริงๆ...อยากให้ฉันจัดงานเลี้ยงให้เธอแบบไหนล่ะ”
“ฉันไม่อยากให้ท่านจัดงาน เพราะท่านเป็นคนมีชื่อเสียง แต่...ประวัติฉัน...ฉันกลัวจะเสียมาถึงท่าน”
ประจักษ์ยิ้ม
“ถ้าเธอสบายใจอย่างนั้นก็ตามใจเธอ แต่จำไว้ ใช่ว่าเธอจะเลือกเกิดได้ จงภูมิใจในความเป็นตัวเธอ...ตัวเธอที่ฉันรัก”
ทองดีอึ้งกับประโยคบอกรักครั้งแรกที่เขาพูด
ทองดียิ้มแย้มกลับมาบ้าน เจียมยิ้มแย้มรายงาน
“คุณทองคะ วันนี้คุณนิคโทรหาเจียมค่ะ ไม่ทราบว่าได้เบอร์เจียมมาได้ยังไงคุณนิคบอกว่า เดือนหน้าจะมาเมืองไท จะกลับมาหาคุณไทค่ะ”
ทองดีตกใจมาก แล้วคิดได้
“แล้วเจียมบอกรึเปล่าว่าบ้านเราอยู่ที่ไหน”
“คุณนิคบอกว่า ถึงเมืองไทยแล้วจะโทรหาเจียมอีกทีค่ะ เพราะติดต่อคุณทองไม่ได้ค่ะ”
“โทรศัพท์เจียมอยู่ไหน ขอฉันดูหน่อย”
เจียมล้วงส่งให้ ทองประกายรับมาแล้ว เดินไปหลังบ้าน ปาโทรศัพท์ทิ้ง แตกกระจาย เจียมตกใจ
“คุณทอง”
“ห้ามพกโทรศัพท์หรือใช้โทรศัพท์มือถืออีก ไม่งั้นเราก็อยู่ด้วยกันไม่ได้”
ทองดีสั่งเฉียบขาด
เจียมมาปรับทุกข์กับน้อมที่หลังบ้าน
“คุณทองรักคุณไทมาก แต่คุณทองทำแบบนี้ไม่ถูก”
“ก็คุณผู้หญิงเธอเลี้ยงของเธอมา แล้วพ่อเด็กก็หายไปตั้งหลายปี”
“คุณนิคไปทำงานที่ประเทศอะไรฉันก็จำชื่อไม่ได้ เขาบอกว่า บริษัทมีปัญหาและเขาโดนคดีที่เขาเป็นฝ่ายถูก ศาลพึ่งตัดสินให้เขาชนะความ”
“เออ...ฟังดูก็น่าสงสารนะ ติดคุกทั้งที่ไม่ผิด เมียก็ตาย เหลือแต่ลูกแล้วเล่าให้คุณผู้หญิงฟังรึเปล่าล่ะ”
“พูดยังไงคุณทองเธอก็ไม่ฟังหรอก เฮ้ย...สงสารคุณนิคจริงๆ ฉันเลี้ยงคุณไท มาตั้งแต่ก็ยังไม่ออกจากท้องแม่ คุณนิคเป็นคนจ้างฉันเอง คุณนิคน่ะเป็นคนดีจะตายไป คุณทองไม่น่าทำแบบนี้เล๊ย”
“แล้วจะทำยังไงล่ะ”
“อย่างน้อยก็ต้องให้พ่อลูกเขาได้เจอกันบ้างนะ”
“แต่โทรศัพท์เธอพังไปแล้วนี่”
เจียมหันซ้ายหันขวา พลางกระซิบ
“ฉันไปตามเก็บซิมฉันมาแล้ว”
ค่ำนั้น ทองดีนอนเฝ้าลูกชายอยู่ในห้อง
“อีกไม่กี่วัน ไทก็จะปลอดภัยแล้ว ขอให้มันผ่านไปได้ด้วยเถอะ”
ทองดีลงนอนกอดลูกไว้ ไทรู้สึกตัวหันมากอดตอบแล้วหลับต่อ
วันใหม่...ประจักษ์เซ็นต์ชื่อลงในทะเบียนสมรส เจ้าหน้าที่เขตตรวจเอกสารแล้วหยิบทะเบียนสมรสส่งให้ เขารับมาและส่งให้ทองดี
“เสร็จเรียบร้อยแล้วครับท่าน ขอให้ท่านและคุณทองประกายมีความสุขนะครับ”
“ขอบคุณมาก”
“ผมคงต้องขอตัวก่อนนะครับ”
เจ้าหน้าที่เดินออกไป ประจักษ์หันกลับมาเห็นทองดียืนมองทะเบียนสมรสในมือ เขาเดินมาโอบเธอไว้
“ไปแต่งตัวสิ แล้วออกไปฉลองข้างนอกกัน”
ทองดีมองประจักษ์ยิ้มหวาน
ทองดีเปิดประตูเข้าห้องนอน ในคฤหาสน์ มีเสื้อผ้าชุดสวยวางรออยู่บนเตียงนอน รองเท้าส้นสูงวางอยู่ปลายที่นอน เธอเดินมาที่หน้ากระจก มีโน้ตแปะอยู่บนของขวัญ
“ของขวัญวันแต่งงานของเรา”
ทองดียิ้มปลื้มใจ
“ท่านเซอร์ไพรส์ ฉันได้ทุกวันจริงๆ”
ทองดีเปิดออกดูเป็นเครื่องเพชรสวยหรูต่างหู และสร้อยเข้าชุด เธอยิ้มหวานแล้ว เดินเข้าห้องน้ำไป
ไม่นานนัก...ทองดีในชุดสวย เดินออกมาอย่างสวยสง่า
ทองดีสวยงามเพริศพริ้งด้วยชุดเซ็กซี่ ยืนอยู่ตรงราวบันได ด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะงุนงงง เมื่อมองลงมา แล้วเธอก็ต้องตะลึงเมื่อมีแขกยืนรออยู่เต็มบ้าน มีทั้ง ดารา โฬม พี่แมว รวมทั้งบริวารในบ้านที่มารอรับเธอ เสียงเปียโนเริ่มบรรเลง ทองดีประหม่า แต่เห็นรอยยิ้มของประจักษ์ยืนอยู่กลางงานก็คลายความตื่นเต้นขึ้นมาบ้าง
ไทรับช่อดอกไม้จากมือประจักษ์ ค่อยๆเดินขึ้นบันไดไปหา ทุกคนลุ้นดูเด็กขึ้นบันได
ทองดีมองด้วยความเอ็นดู ไทส่งช่อดอกไม้ให้ ทองดีรับมาอย่างปลื้มใจก่อนจะจูงมือลูกชายเดินลงมาเบื้องล่าง
ประจักษ์บรรจงนำแหวนเพชรเม็ดเดี่ยวเม็ดใหญ่ใส่ลงบนนิ้วทองดี แขกยิ้มแย้มปรบมือให้ และต่างก็เข้ามาแสดงความยินดี ประจักษ์แนะนำทองดีให้รู้จักกับเพื่อนๆ และชาวต่างชาติ ทองดีมีความสุขมาก คู่เต้นรำออกมานำเต้นอยู่สองคู่ ทองดีเริ่มเต้นรำกับประจักษ์อย่างมีความสุข แขกต่างๆทยอยเต้นตาม
ประจักษ์ถ่ายรูปคู่กับทองดี เขาอุ้มไทขึ้นมาถ่ายรูปคู่ครอบครัว แขกที่อยู่ในงานมองชื่นชมยินดี
พี่แมวมองอย่างปลื้มใจ
“ในที่สุด ทองประกายก็ได้พบความสุขซะที ดีใจด้วยจริงๆ”
ดาราเหยียดปากประชด
“วุ้ย...ใช่สิ ว่าที่คุณหญิงทองประกาย”
โฬมยิ้ม
“คุณหญิงทองประกาย”
พี่แมวแอบค้อนกระซิบดารา
“ยังไม่ได้เป็นคุณหญิงค่ะ”
“ซ้อมเรียกให้คุ้นปาก เธอก็เหมือนกัน รีบซ้อมไว้ซะนะ”
ดาราแกมเยาะเย้ยอิจฉา โฬม มีความคิดอยู่ในใจจ้องมองทองดีนิ่งๆ
ค่ำนั้น...มุมสวยๆของบ้านถูกจัดแต่งเป็นซุ้มติดไฟระยิบระยับ ประจักษ์ยืนคุยกับทองดีกลางสวน เขาพูดขึ้นลอยๆ
“ฉันอยากเห็นคนที่ฉันรัก มีความสุขเมื่ออยู่กับฉัน”
“ชีวิตคนเรามีทั้งสุขและทุกข์ ฉันผ่านมันมาหมดแล้วค่ะท่าน”
ทองดีพูดด้วยหน้าตาที่ยิ้มแย้ม รู้สึกดีที่ชีวิตต่อไปนี้จะมีแต่ความสุข ประจักษ์ยิ้ม
“ความสุข มันอยู่กับเราไม่คงที่ แต่ความประทับใจในชีวิตจะอยู่กับเราตลอดไป” ประจักษ์หันมองทองดี “ฉันถึงอยากทำให้เธอประทับใจทุกวัน”
“ฉันขอแค่มีท่านอยู่ด้วยตลอดไปนั่นล่ะค่ะ มันคือความสุขของฉัน” เธอมองหน้าเขา “ฉันรักท่านค่ะ”
ประจักษ์หันมองทองดีด้วยความรู้สึกรัก ที่เธอวางใจรักตอบเขา
เช้าวันใหม่...ทองดีนอนหลับอยู่คนเดียว โดยมีกระดาษโน้ตบนหมอนอีกใบ “พักผ่อนให้สบายนะ” ทองดีรู้สึกตัวตื่น หันหาแล้วหยิบกระดาษโน้ตขึ้นมาดูก่อนจะยิ้มหวาน
“ท่านตื่นไปตอนไหนเนี่ย”
ทองดีลุกจากที่นอน หยิบเสื้อคลุม สวยหรูใส่แล้วรีบเดินออกจากห้อง วิ่งลงบันไดมาเจอเด็กรับใช้
“ท่านออกไปนานรึยัง”
“นานแล้วค่ะ ท่านไปแต่เช้ามืดค่ะ”
ทองดีถอนหายใจ
“แล้วคุณไท ตื่นรึยัง”
“ตื่นแล้วค่ะ อยู่กับคุณเจียมกับคุณน้อมที่ห้องนั่งเล่นค่ะ”
ทองดีเดินไปดูลูก
“ไทครับ ตื่นแต่เช้าเลย เมื่อคืนหลับสบายมั๊ยลูก”
ไทยิ้มแย้ม
“หลับสบายครับ ฝันถึงคุณแม่ด้วย”
“คนดีของแม่ วันนี้วันหยุด อยากทำอะไรดีครับ”
"วันนี้คุณไทมีเรียนเปียโนตอนกลางวันค่ะ ท่านให้ครูมาสอนที่บ้าน” น้อมบอก
ไทยิ้มดีใจ
“ไทอยากเล่นเปียโน”
ทองดียิ้มปลื้มใจ
“ดูท่านรัฐมนตรี จะสร้างความประทับใจให้กับทุกคน เก่งจริงๆเลยนะเนี่ย”
น้อมยิ้มแย้มให้
“ท่านเป็นคนแบบนี้แหล่ะค่ะ แต่ไหนแต่ไรมาแล้ว เป็นกับพวกดิฉันทุกคนในบ้านด้วย ท่านน่ารักกับทุกคนเลย คุณผู้หญิงโชคดีจริงๆนะคะ”
ทองดียิ้มรับกับคำพูดตรงๆของน้อม
“ฉันก็คิดอย่างนั้นจ๊ะ” ทองดีหันไปหาไท “เดี๋ยวแม่ขึ้นไปอาบน้ำแล้วลงมาอยู่ด้วยนะ”
ทองดีลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป
ดารานั่งคอยทองดีอยู่ในโถงรับแขกเล็ก เธอเดินชมโน่นนี่ไปเรื่อง สักครู่ทองดีเดินเข้ามาทัก
“พี่ดารามาหาฉันถึงที่บ้าน มีอะไรด่วนรึเปล่าคะ”
“คุณน้อง เอ๊ย...คุณหญิง มีความสุขแล้วสวยวันสวยคืนเลยนะคะ ตั้งแต่จดทะเบียนกับท่านแล้ว ไม่มีเวลาแวะไปหาพี่บ้างเลยนะคะ”
“ยังปรับตัวกับที่อยู่ใหม่น่ะค่ะ เลยยังไม่มีโอกาสได้ไป พี่ดาราอย่าเรียกฉันคุณหญิงเลยค่ะ เพราะฉันไม่ได้เป็นคุณหญิง ใครได้ยินมันจะไม่ดี”
“ไม่เรียกก็ได้ค่ะ คือท่านสั่งตัดชุดไว้ให้คุณน้องใส่ พี่เลยมานำส่งเองค่ะ อีกเรื่อง วันนี้มีคนเอาที่มาเสนอให้พี่ดู อยู่ไม่ไกลกรุงเทพ...น้ำไม่ท่วมนะคะคุณน้องสนใจมั๊ยคะ ที่ริมน้ำ น่าจะขอท่านเก็บสะสมที่ไว้บ้างนะคะเพราะอนาคตน่ะไม่แน่ไม่นอน เก็บสะสมเอาไว้เยอะๆ ปลอดภัยกว่านะ”
ทองดีหัวเราะ
“เดี๋ยวนี้พี่ดาราขายที่ด้วยเหรอคะ”
ดาราสะดุ้ง
“บ้า คุณน้องก็พูด พี่น่ะอยากซื้อเอง แต่แปลงมันใหญ่ พี่ซื้อไม่ไหวเห็นที่มันสวย อยากให้คุณน้องเก็บไว้ จังหวัดชัยนาท...ใกล้แค่นี้เอง”
ทองดีชะงัก...หยิบแผนที่ขึ้นมาดู ดาราตื่นเต้น
“สนใจใช่มั้ยคะ งั้นเรานัดไปดูกันเลยมั๊ยคะ คุณน้องว่างวันไหน”
“ฉันต้องขออนุญาตท่านก่อน”
“แล้วท่านอยู่มั้ยคะ”
“กลางวันท่านไม่ค่อยอยู่หรอกค่ะ ท่านงานยุ่งมาก”
“งั้นพนันกันเลยว่าท่าน โอเค นัดวันมาค่ะ พี่จะมารับที่บ้าน”
ดารารวบรัดทันที
ค่ำนั้น...ทองดีกำลังใช้แปรงหวีผมอยู่หน้ากระจก ก่อนจะเปรยๆขึ้น
“วันนี้พี่ดารามาหาที่บ้านค่ะ อยากชวนทองไปดูที่ดินที่ต่างจังหวัด เอ่อ...จังหวัดที่ทองโตมาค่ะ”
ประจักษ์เดินลงนั่งที่เตียงนอน
“อยากได้เก็บไว้บ้างมั๊ยล่ะ ลองไปดูสิ ถ้าชอบก็ซื้อเก็บไว้หรืออยากจะปลูกบ้านสวน อีกหน่อยฉันทำงานไม่ไหวจะได้ให้เธอเข็นรถดูต้นไม้ให้”
ทองดีขำในคำพูดของเขาแล้วเดินลงไปนั่งใกล้ๆ
“ท่านยังไม่แก่ซะหน่อย”
ประจักษ์ยิ้มแล้วดึงทองดีเข้ามากอด ก่อนดันเธอล้มตัวลงนอน...
เช้าวันใหม่...ดาราเดินชมบ้านอย่างละเอียด
“แหม...อีนี่มันวาสนาดีจริง...จริ๊ง...ขึ้นต้นเป็นโคโยตี้ในบาร์ มาจบลงที่คุณหญิงในคฤหาสน์หลังใหญ่”
โฬมเดินตามมาหน้างอ
“นั่นสิ...วาสนาดีกว่าผมอีก”
ดาราหันมาค้อน
“ปากดีนักนะเรา”
โฬมทำหน้ารำคาญ หันไปมองอีกทางแล้วอึ้งในความสวยของทองดีที่เดินลงมาจากข้างบน
“ทองประกาย...”
ดาราหันมองตามโฬม
“อุ๊ยตาย...คุณน้องขา แหม...ราศรีจับจริง...จริ๊ง...สวยขึ้นทุกวัน ทุกวัน”
“พี่ดารา...คุณโฬม มาแต่เช้าเลยนะคะ”
“แหม...ท่านโทรมาอนุญาตกับพี่ด้วยตัวเอง พี่ก็รีบเคลียร์งานทุกสิ่งอย่างเลย บ้านช่องใหญ่โตนะคะ พี่มาสองครั้งแล้วยังดูไม่หมดเลย นี่นางแบบดังๆไปเป็นเมียน้อยเศรษฐีคนอื่น ยังไม่ได้ขนาดนี้เลยนะคะ ถึงว่า แข่งบุญแข่งวาสนานี่มันแข่งยาก”
ทองดีมองดาราเซ็งๆ หยิบแว่นตาดำขึ้นมาสวมแล้วยิ้ม
“เราไปกันดีกว่าค่ะ จะได้ไม่เสียเวลา”
ทองดีเดินนำทั้งคู่ออกจากบ้านไป ดาราเบ้ปากแล้วรีบตามออกไป
“ทำเป็นเชิด”
โฬมยิ้มมีแผน
รถเบนซ์คันหรูของทองดีจอดอยู่ตรงหน้าบ้าน
“ผมขับให้นะครับ เชิญครับ”
โฬมเดินไปเปิดประตูด้านหน้าให้ทองดีนั่ง ดารารีบปาดทันที
“เชิญคุณน้องนั่งด้านหลังดีกว่าค่ะ แดดจะได้ไม่ส่อง เดี๋ยวพี่นั่งหน้าช่วยโฬมดูทางดีกว่า”
ทองดีเดินเข้าไปนั่งข้างหลังอย่างสง่า ดารามองหน้าโฬม
“อย่าคิดว่าฉันรู้ไม่ทันเธอนะ”
ดาราเชิดขึ้นไปนั่งในรถ โฬมมองตามอย่างแค้นๆ รำพึงในใจ
‘แสนรู้นักนะ อีแก่’
รถกำลังจะถึงหน้าบ้านทองดี เธอตื่นเต้นมาก ดารามองแผนที่ ทองดีรีบบอกโฬม
“แวะหาน้ำทานก่อนดีกว่า ฉันคอแห้ง”
โฬมหยุดรถตรงร้านแม่ของทองดีพอดี ดาราแปลกใจ
“อุ๊ยคุณน้อง รู้ได้ยังไงคะว่ามีร้านกาแฟตรงนี้”
ทองดีอึกอัก
“ไม่ทราบหรอกค่ะ แวะร้านนี้แล้วกัน”
ทองดีเปิดประตูรถลงไปทันที ดาราหันไปมองหน้าโฬมอย่างแปลกใจ แล้วรีบตามลงไป
ทองดีเดินลงมา ยืนมองความเปลี่ยนแปลงรอบๆตัว ไปหยุดที่หน้าบ้านของตัว ดาราลงมาสมทบทำหน้ารังเกียจ
“พี่ว่า เราไปร้านอื่นดีมั้ย ร้านนี้มันดูสกปรกซอมซ่อ ไม่สมเกียรติคุณน้องหรอกนะคะ”
“ไม่เป็นไร ฉันหิวน้ำ อย่ามัวเรื่องมากอยู่เลย”
ทองดีไม่ฟังเสียงเดินเข้าไปในร้านทันที ดาราบ่นเบาๆ
“คิดอะไรของเขาเนี่ย”
ดารากับโฬมเดินตามเข้าไปอย่างไม่เต็มใจ...ทองดีเดินเข้าใปในร้าน ชะโงกหน้าไปมองตรงที่ล้างจาน เห็นเด็กในร้านกำลังนั่งล้างจานอยู่ เธอ นึกถึงภาพในอดีตของเธอทันที ตอนนั้นเธอกำลังล้างแก้วลวกๆ แกว่งๆในน้ำผงซักฟอก แล้ววางแก้วลงในถัง...เธอหิ้วถังสองใบใส่แก้วกับจาน ออกมาจากหลังร้าน ทันใดนั้นทองดีก็ สะดุ้งเมื่อ เด็กในร้านถามขึ้น
“จะรับอะไรดีป้า”
ดาราทำท่ารังเกียจ
“คุณน้องคะ พี่ว่าเราไปร้านอื่นดีมั้ย”
“ไม่ต้องหรอก” ทองดีหันไปสั่งเด็ก “ขอกาแฟเย็นแก้วนึง แล้วเจ้าของร้านล่ะ อยู่ไหน”
“ไม่รู้ ถ้าอยู่ก็เห็นน่ะสิ...ตกลงกาแฟแก้วเดียวใช่มั้ย”
ดาราไม่พอใจ
“นี่หล่อน พูดจาให้มันสุภาพหน่อยสิ” ดาราหันไปหาทองดี “พี่เหม็นสาบเหม็นสางยังไงไม่รู้ อี๊ย...สกปรก”
ทองดีไม่ชอบใจที่ดารารังเกียจคนจน
“เขาก็คนเหมือนเรานั่นแหละ”
เด็กเดินไปชงกาแฟแบบกระแทกกระทั้น กวงเดินเข้ามาในร้านแล้วสั่งเสียงดัง
“โอเลี้ยงถุงนึง ยกล้อด้วยนะ”
กวงหันมาเห็นทองดีก็ยิ้มกว้าง ทองดียืนตัวแข็ง
“มาทานกาแฟหรือครับ เดี๋ยวฉันเรียกเจ้าของร้านให้” กวงตะโกน “ป้าลูกค้ามาแน่นร้านแล้ว จะขายหรือเปล่า”
กวงยืนมองทองดีอย่างสงสัย แต่ไม่มีท่าทีว่าจะจำได้
“ป้า...ป้า...มีลูกค้ามา จะขายหรือเปล่า หรือว่ารวยแล้ว...” กวงหันมายอกทองดี “รอแป๊บนึง”
เด็กในร้านยื่นโอเลี้ยงส่งให้กวง
“15 บาท จ่ายมาด้วย”
กวงส่งเงินให้ ล้วงมือหยิบขนมในโหลใส่ปาก ทองดีแอบถอนหายใจโล่งอก ทันใดนั้นเสียงแม่ของทองดีก็ดังขึ้น
“มาแล้ว...จ้า”
ทองดีหันขวับไปตามเสียง แล้วตะลึง มองแม่ที่เดินออกมาจากด้านหลัง เข้ามาต้อนรับ
“จะรับอะไรดีคะ คุณนาย กาแฟเย็นโอเลี้ยง อาหารตามสั่งก็มีนะคะ”
ทองดียืนอึ้งตะลึง แม่จ้องหน้าเธอ แต่ไม่มีท่าทางจะจำได้ ดาราหงุดหงิดมาก
“สั่งไปตั้งนานแล้ว กินวันนี้นะยะ”
“งั้นรอแป๊บนะคะ แม่หันไปตะโกน “นังตาล ของที่สั่งน่ะได้หรือยัง”
ตาลเดินหน้าหงิกงอ วางแก้วกาแฟตรงหน้าทองดีอย่างแรง ดาราสะดุ้ง
“อยากได้ไวก็ไปชงเองสิ ใช้ยังกะทาส”
แม่ทองดีฉุนกึก
“แหม...อีนี่ เถียงคำไม่ตกฟาก อีดอกกระทือ เอ๊ย...”
ดาราทำท่ารังเกียจหันไปมองหน้าทองดีที่ยืนนิ่งเฉย สักครู่เธอก็เอ่ยขึ้น
“แม่...เอ่อ...ป้าจ๊ะ ร้านขายดีไหม...แล้วป้าอยู่กับใครเนี่ย”
“ขายดี แต่เหนื่อย เพราะอยู่คนเดียว ลูกสาวฉันไปกรุงเทพฯ”
กวงที่ยืนมองๆอยู่พูดแทรกขึ้น
“ป้าแกป้ำๆเป๋อๆ แกหกล้มน่ะครับ ลูกสาวแกหนีตามผู้ชายไปหลายปีแล้ว คุณอย่าไปถือสาแกเลย”
แม่หันไปด่ากวง
“ไอ้บ้า...มึงจะไปรู้อะไร ลูกกูไปเรียนหนังสือที่กรุงเทพ...”
กวงส่ายหน้า
“โธ่เอ๊ย...อีทองดีมันหนีตามผู้ชายไป ก็ฉันเห็นกะตาหน้าตามันสวย รูปร่างคล้ายๆกับคุณนายนี่แหละ”
ดาราไม่พอใจหันไปด่า
“ไอ้บ้า...นี่คุณหญิง เป็นลูกผู้ดีมีสกุล ไม่ใช่ลูกชาวบ้านร้านตลาดแบบนี้หรอก อย่าเอามาเปรียบเทียบกัน ลูกสาวสวยหรือเปล่าไม่รู้ แต่ว่าตัวยายแม่น่ะบ้านแน่นอน เราไปกันเถอะค่ะคุณน้อง”
“ฉันไม่บ้านะ นี่ไง ฉันเก็บทองไว้ให้ลูกสาวด้วยเรียนจบกลับมาเมื่อไหร่จะยกให้มัน สวยไหม”
แม่ทองดีควักสร้อยทองออกจากอกเสื้อแกว่งให้ทุกคนดู กวงส่ายหน้า
“บ้าแล้วป้า...ทองปลอมทั้งนั้น...”
ทองดีนิ่งอึ้ง ลุกขึ้นหยิบเงินวางไว้แล้วรีบเดินออกจากร้านไปทันที ดารากับโฬมมองตามงงๆ
“โธ่ป้า...เห็นไหม ลูกค้าโกรธแล้ว” กวงมองเงินบนโต๊ะ “โหยท่าทางจะรวยแฮะ กาแฟแก้วเดียวให้แบงค์พันเลยด้วย คราวนี้รวยจริงแล้วป้า”
แม่ทองดีรีบคว้าเงินมาเก็บไว้ทันที มองตามทุกคนไปตาลอย
ในรถทองดีนั่งเหม่อ ดาราชี้ชวนให้ดูที่ตรงโน้นตรงนี้
“แปลงนี้ก็สวยนะคะ สงบกว่าทางโน้นหรือว่าจะเลือกติดโค้งด้านโน้นก็สวยไปอีกแบบ เวลาพระอาทิตย์ตกดินคงโรแมนติคหน้าดู”
ทองดีนิ่งไม่ตอบจนดาราเริ่มเหนื่อย
“คุณน้องคะ ตกลงคุณน้องสนใจแปลงไหนคะเนี่ย”
“หยุดรถเดี๋ยวนี้” ทองดีสั่งเสียงเข้ม
โฬมเบรกกึกทันที ทองดีรีบเดินลงจากรถไป ดารามองงงๆ
“เป็นอะไรของเขาเนี่ย ของขึ้นหรือไง”
โฬมกับดารมองตามอย่างสงสัยแล้วรีบวิ่งตามไป
อ่านต่อหน้า 2
ทองประกายแสด ตอนที่ 15 อวสาน (ต่อ)
ทองดีลงจากรถมาหยุดยืน นึกถึงตอนที่เธอกับพิสุทธิ์พลอดรักกัน เธอรำพึงเบาๆ
“พิสุทธิ์”
ดารามองหน้างงๆ
“ว่าไงนะคะ”
ทองดีสะดุ้ง
“พี่ว่าอะไรนะคะ”
ดาราหงุดหงิดมาก
“ฉันถามว่า คุณน้องจะไปรึยังคะ ที่ๆพี่จะพามาดู ไม่ใช่ตรงนี้นะคะ”
“แต่ฉันเปลี่ยนใจ อยากจะซื้อที่แถวนี้แทน”
“อ้าว คุณน้อง แบบนี้พี่ก็มาเสียเที่ยวสิคะ”
ทองดีมองหน้า
“อดได้ค่าคอมฯใช่มั๊ยคะ”
ดาราเงียบไป
“พี่ก็เป็นธุระติดต่อคนแถวนี้ให้ฉันสิ ว่าฉันอยากได้ที่บริเวณนี้ใครขาย ฉันซื้อ ราคาถูกกว่าที่พี่จะพาฉันไปดูเยอะด้วยมั๊ง”
ดาราค้อนตาเหลือกตาปลิ้น
เย็นนั้น ทองดีนั่งนิ่งในรถ ดารานั่งกดเครื่องคิดเลข คำนวณราคาที่ดิน
“จากที่สอบถามราคามา ตัวเลขกลมๆ คงไม่เกิน 5 ล้านคุณน้องจะซื้อไปทำไมคะ”
“แล้วพี่ดาราจะซื้อสักกี่ไร่ดีครับ อย่าให้แพ้คุณทองประกายนะครับ”
โฬมยิ้มปรายตาวาววับไปทางทองดีจนดาราแอบค้อนหมั่นไส้
“หึ...ที่สวยก็ไม่สวย เห็นเราสนใจก็โก่งราคา ฉันไม่ใช่เศรษฐีหน้าโง่แบบนั้นหรอก”
ดาราพูดแล้วก็จ้องโฬมตาเขียว โฬมต้องหลบตาขับรถไป ทองดีนิ่งคิดก่อนจะบอก
“แวะดื่มกาแฟหน่อยดีกว่า เอาร้านเดิมนั่นแหละ”
ดาราหน้าเหวอรีบห้าม
“อย่าดีกว่าค่ะ ทนหน่อยไปหาร้านในเมืองทานดีกว่า ร้านนั้นสกปรก อึ๊ย...คิดแล้วยังขยะแขยงไม่หาย”
รถวิ่งผ่านหน้าร้านของแม่ ทองดีเห็นแม่กำลังยืนเท้าเอวด่าตาลวุ่นวายใหญ่โต ทองดีหันไปมองด้านหลังจนลับตาหันกลับมาก็เจอดารามองอยู่
“ดูคุณน้องจะสนใจบ้านนั้นมากนะ มีอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ เห็นแล้วคิดถึงบ้านที่ต่างจังหวัดน่ะ บ้านมันคล้ายๆกัน”
ดาราจ๋อยไป
“อุ๊ย...ตายแล้ว...พี่ขอโทษนะคะที่ว่าสกปรก คือ...คือตัวบ้านน่ะน่ารัก แต่ยัยเจ้าของไม่รักษาเลยดูไม่ดี แต่ของน้องทองประกายคงดูดีกว่านี้ใช่ไหม”
ทองดียิ้มรับเจื่อนๆ
โฬมขับรถมาติดที่สี่แยก เขาแอบมองทองดีกระจกหลัง เห็นเธอนั่งนิ่ง โฬมแกล้งเลี้ยวรถผิดทาง สักพักดาราเริ่มสังเกตเห็น
“เอ๊ะนี่มันที่ไหนเนี่ย ทำไม่ไม่คุ้นเลย”
“อ้าว...ผมก็ขับมาทางเก่านี่นา”
โฬมจอดรถข้างทาง หยิบแผนที่ออกมากางดู ทองดีมองๆแล้วพูดขึ้น
“สงสัย จะเลี้ยวผิดนะ ต้องเลี้ยวอีกทางนึง”
“แต่เมื่อกี้เรามา...”
ทองดีสวนทันทีเรียบๆนิ่งๆ
“เรามาอีกทาง เลยไปเป็นตลาด แล้วก็ท่ารถสองแถว”
“คุณทองประกายรู้ได้ยังไงเนี่ย เคยมาหรือครับ” โฬมแกล้งถาม
ทองดีอึ้ง
“เปล่า ฉันจำได้มันสะดุดตา”
ดารากับโฬมมองหน้ากัน โฬมกลับรถขับออกไปสักพักก็เจอทางออกเลี้ยวไป โฬมมองแอบอมยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วขับช้าลง
“แหม...คุณทองประกายนี่เก่งจังนะฮะ...รายละเอียดเป๊ะ ถูกทุกอย่าง ตลาด ท่ารถ”
ดาราเซ็งๆ
“อย่ามัวพูดมากเลย ขับช้าเป็นเต่าแบบนี้เมื่อไหร่จะถึงกรุงเทพกันล่ะ ฉันไม่อยากกินข้าวลิงแถวนี่นะ ดูฟ้าสิ สงสัยฝนจะตกใหญ่”
โฬมแอบทำปากเบ้แกล้งทำรถกระตุกๆ แล้วจู่ๆ ก็เบรกรถกะทันหัน ดาราร้องกรี๊ด
“รถเป็นอะไรเนี่ย”
“ไม่รู้สิ” โฬมลองสตาร์ท แต่ไม่ติด “ผมขอไปดูก่อน”
โฬมรีบลงจากรถไปทันที ดารามองตามอย่างไม่ไว้ใจ ทองประกายยังนิ่งอยู่ โฬมวิ่งลงจากรถมาเปิดกระโปรงหน้ารถแล้วรีบดึงสายไฟต่อกล่องควบคุมด้านหน้ารถออกทันที ดาราวิ่งลงมาดู โฬมทำหน้าเครียด
“ก็ไม่มีอะไรนี่นา เดี๋ยวผมของลองสตาร์ทอีกที”
โฬมวิ่งไปสตาร์ทรถแต่ไม่ติด
“สงสัยแบตจะหมด สตาร์ทไม่ติด...เป็นระบบไฟซะด้วย คงต้องตามช่างแล้วละครับ”
“บ้านนอกคอกนาแบบนี้จะมีช่างที่ซ่อมรถหรูๆแบบนี้เป็นเหรอ พูดคิดซะมั่ง”
โฬมเริ่มฉุน
“รู้ครับ ช่างแถวนี้คงซ่อมเป็นแต่รถอีแต๋น”
ดาราหงุดหงิด
“อ้าว...แล้วจะทำยังไงล่ะ”
“ก็เรียกช่างจากกรุงเทพฯ”
“จะบ้าเหรอ นี่มันจะเย็นแล้ว กว่าช่างจะมามิปาไปสองสามทุ่มเหรอ”
โฬมยิ้ม
“คงต้องหาโรงแรมแถวนี้นอนก่อน ผมจะโทรติดต่อช่างให้เอง”
ดาราหันไปมองหน้าทองดีเป็นเชิงหารือ ท้องฟ้าเริ่มมืดมีเค้าเมฆฝน
“เอาไงดีคะคุณน้องหรือจะโทรให้ท่านส่งคนมารับด่วน ฝนมาแล้วด้วย เฮ้อ...วุ่นวายอะไรขนาดนี้ รู้งี้เอารถพี่มาดีกว่า”
ทองดีครุ่นคิด
“วันนี้มีประชุมที่กระทรวงทั้งวัน อย่าไปกวนท่านเลย เอาเป็นว่าพักโรงแรมก่อนก็ได้ค่ะ พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน เดี๋ยวฉันจะโทรบอกท่านเอง”
“เอางั้นก็ได้ ตามใจคุณหญิงแล้วกัน”
โฬมแอบยิ้มสมใจ
ค่ำนั้น ทั้งสามติดต่อห้องพักของโรงแรม โฬมเดินผิวปากเข้ามาในห้องดาราเดินตามเข้ามาหน้าตาไม่ไว้ใจ
“นี่เป็นแผนของเธอหรือเปล่า”
โฬม ทำหน้าซื่อ
“แผนอะไร พี่พูดเรื่องอะไรเนี่ย”
“ก็แผนทำรถเสีย ทำให้ต้องค้างคืนที่นี่ไง”
“โธ่...พี่ดารา พี่ก็รู้อยู่ รถรุ่นนี้ขับยาก ระบบไฟก็ซับซ้อน พี่จะให้ผมซ่อมเองหรือไง เอางี้ ถ้าพี่ไม่ไว้ใจผม พี่ลองขับกลับกรุงเทพฯเองก็ได้”
โฬมทำเป็นไม่พอใจเดินปึงๆไปนั่งอีกทาง ดาราเริ่มไม่แน่ใจ เข้าไปง้อ
“ถ้าไม่ได้ทำก็ไม่ได้ทำสิ จะงอนทำไมล่ะ”
“ก็พี่กล่าวหาผมนี่นา ผมรู้หรอก ว่า อะไรเป็นอะไร ตอนนี้ทองประกายเขาไม่เหมือนเดิมแล้ว”
“อ๋อ...ถ้าเขายังเหมือนเดิม เธอก็สนใจใช่ไหม”
“ไม่เอาน่า พี่ดารา ผมบอกกี่ครั้งแล้ว ยังไงผมก็รักพี่คนเดียวเท่านั้นแหละ ให้ผมพิสูจน์ไหมล่ะ”
โฬมซุกไซร้ ดาราเริ่มอ่อนระทวย ดาราเอาเล็บกรีดซอกคอโฬมเป็นรอยแดง แล้วดึงเข้ามาจูบ โฬมสะดุ้ง
“ได้เลย…ชอบแบบนี้ใช่ไหม”
โฬมผลักดาราลงบนเตียงอย่างแรง แล้วถอดเสื้อเหวี่ยงไปก่อนจะโถมลงไปหา ดาราหัวเราะคิกคัก
ทองดียืนเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเหงาๆ เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น เธอเดินกลับไปเปิดอย่างเซ็งๆ โฬมยืนอยู่หน้าประตู ทองดียืนขวางไม่ยอมให้โฬมเข้ามา
“มีธุระอะไร พี่ดาราล่ะ”
โฬมตื่นเต้น
“พี่ดาราไม่สบายมากเลย คุณช่วยมาดูหน่อยได้ไหม”
ทองดีตกใจ
“พี่ดาราเป็นอะไร”
“ผมก็ไม่รู้นั่งอยู่เฉยๆเธอก็เป็นลมไป เรียกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมตื่น ช่วยไปดูหน่อยสิ”
ทองดีรีบปิดประตูถอดโซ่ออก โฬมดันประตูสวนเข้ามาทันที
“นี่จะทำอะไร ออกไปเดี๋ยวนี้นะ ไม่อยากนั้นฉันจะตะโกนให้ลั่นเลย”
โฬมพุ่งเข้าปิดปากทองดีไว้
“จะเล่นตัวไปทำไม ไม่เห็นจะแตกต่างกันตรงไหน ผมก็แมงดา คุณก็กะหรี่ มันก็ไอ้เหมือนกันและวะ”
โฬมเอามือถือที่กำอยู่ในมือวางที่มุมล่างส่องมาทางเตียง ทองดีไม่ทันเห็น ทองดีทั้งดิ้นทั้งถีบ โฬมไม่ฟังเสียงลากเธอไปโยนไว้ที่เตียง ทองดีตะลึง
“ออกไปเดี๋ยวนี้นะ”
โฬมเดินเข้ามาใกล้ โน้มตัวหาแล้วคว้ามือมา ทองดีจะดึงมือแต่โฬมแข็งแรงกว่า
“เป็นยังไง ผมแข็งแรง หนุ่มแน่นกว่า ไอ้ผัวแก่ของคุณใช่ไหม...รับรอง คุณจะติดใจผม ไม่มีวันลืม”
โฬมกอดฟัด ทองดีดิ้นซักพักแล้วหยุดลงเคลิ้มตาม โฬมยิ้ม ยกตัวขึ้นนั่ง ค่อยๆถอดเสื้อออก จ้องหน้าเธอยิ้มเจ้าชู้ ทองดีหายใจแรงมองเขาแล้วลุกผลักเต็มแรง โฬมกระเด็นออก ทองดีวิ่งหนีออกนอกห้องไป โฬมหัวเสีย
“โธ่เว้ย...พลาดอีกแล้วเหรอวะ”
โฬมนึกได้ หยิบโทรศัพท์ที่อัดไว้ขึ้นมาดู แล้วรีบออกจากห้องไป ทองดียืนแอบหน้าห้อง
ถอนใจ เดินกลับเข้าห้องปิดประตู
โฬมค่อยๆย่องเข้ามาในห้อง ปิดประตูอย่างเงียบเชียบ พอหันกลับมาที่เตียงก็อารมณ์เสียทันที เมื่อเห็นดารานอนหลับสบายส่งเสียงกรนอย่างมีความสุข
เช้าวันใหม่...โฬมยืนรออยู่ที่รถ ทองดีกับดารา เดินมาที่รถ
“อรุณสวัสดิ์ครับ คุณทองประกาย”
ทองดีไม่ทักตอบเดินขึ้นรถไปทันที โฬมหน้าเจื่อน ดารามองอย่างสะใจ
ในรถ...โฬมปรับกระจกมองหลัง แอบมองทองดีอยู่บ่อยๆ จนดาราสังเกตเห็น
“ตั้งใจขับรถหน่อยสิ อย่ามัวแต่ว่อกแวก ฉันไม่อยากนอนห่มผ้าดิบข้างทางหรอกนะ”
โฬมมองดาราอย่างไม่พอใจ แต่ไม่พูดอะไร ทองดีสวมแว่นดำหน้าตาเฉยเมย
ประจักษ์นั่งเซ็นต์เช็คแล้วยื่นส่งให้ทองดี ดารากับโฬมยืนมองอย่างอิจฉา
“ค่าที่ดิน...ฝากดาราเป็นธุระให้ทองทีนะ”
ดาราตาโตชะเง้อมอง
“ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะท่าน ดาราจะจัดการให้เรียบร้อยค่ะ”
ประจักษ์หันไปหาทองดี
“พอไหม ถ้าไม่พอบอกนะ ฉันจะเพิ่มให้อีก”
“เกินพอด้วยซ้ำค่ะ”
“ฉันมีอะไรจะให้เธอดู”
ประจักษ์เดินไปที่รูปที่จัดตั้งไว้อย่าดี มีผ้าคลุมแวววาวปิดอยู่ เขาสบัดผ้าออก เปิดมาภายในเป็นรูปวาดของทองดีบานใหญ่
“ฝีมือจากศิลปินดังเชียวนะ”
ทองดีตาลุกวาว
“สวยจังเลยค่ะท่าน”
เธอมองตัวเองในรูปแล้วยิ้มปลื้ม นึกไปถึงที่พิสุทธิ์เคยให้รูปกับเธอ ซักพักเธอก็หน้าเสียลง ประจักษ์มองอย่างสงสัย
“เป็นอะไรรึเปล่าทองประกาย”
ดาราแอบบ่น
“ท่าจะบ้า”
“เอ่อ...มันมีแค่ทองคนเดียว” ทองดีนึกได้ “คราวหน้าขอเป็นรูปคู่ท่านกับไทได้มั้ยคะ”
ดาราเบ้ปากหมั่นไส้พึพำเบาๆ
“ช่างประจบ มิน่า”
ประจักษ์หัวเราะออกมา
“ได้สิ...นึกว่าเธอเป็นอะไร บางทีการเซอร์ไพรส์ผู้หญิงก็เดายากนะ”
ดาราหมั่นไส้สุดๆ พึมพำเบาๆ
“มันดัดจริต”
ประจักษ์หันมายิ้มให้สองสาว
“เชิญสาวๆตามสบายนะ ขอตัวออกไปทำงานก่อน”
ประจักษ์หันไปกอดทองดี ดาราหันมองค้อนหมั่นไส้
เย็นนั้น ดารากับโฬมเดินเข้ามาในบ้าน ดาราหัวเสียไม่สบอารมณ์มาก
“แหม...อีนี่มันร้ายใช่ย่อย ท่านก็รักก็หลงมันซะเหลือเกิน ประเคนให้มัน ทีละไม่รู้กี่ล้าน จะทิปให้ฉันบ้างก็ไม่มี ค่านายหน้าก็ได้มานิดเดียว ไม่คุ้มค่าเหนื่อยเอาซะเลย”
“อ้าว...ก็เขาช่วยพี่เรื่องบูธแฟชั่นโชว์ที่ยุโรปตั้งหลายประเทศแล้วไม่ใช่หรือครับ”
“โอ๊ย...แค่นั้นมันเรื่องจิ๊บจ๊อยทำงานแทบตายได้ไม่ถึงสิบล้าน แต่ดูนังทองประกายสิ ได้ไปวันนี้ก็เท่ากับพี่ไปสามประเทศแล้ว น่าหมั่นไส้จริงๆ”
“ไม่เอาน่าพี่ดารา เรื่องของเขา ไม่เห็นจะเกี่ยวกับเราเลย”
“โฬม พี่ว่าพี่จะให้ศิลปินมาวาดรูปพี่ติดบ้านมั่งดีมั้ย”
“ตามใจพี่สิครับ”
ดารายิ้มปลื้มแล้วนึกได้
“เธอไปทำอะไรให้นังทองประกายมันไม่พอใจ”
โฬมตกใจ
“เอ่อ...มีอะไรเหรอครับพี่”
“วันนี้ก่อนไปคฤหาสน์ท่านรัฐมนตรี มันโทรมาบอกพี่ว่าไม่ต้องพาเธอไป”
โฬมถอนใจโล่งอก
“โธ่พี่...อย่างกับผมอยากไปนักนี่”
“ถึงมันไม่ห้าม ฉันก็ไม่อยากให้เธอไปเหมือนกัน อย่าได้คิดอะไรกับมันเชียวนะ เพราะถ้าคิดจะไปจากฉันละก็ ต้องตายจากกันสถานเดียว จำไว้”
โฬมอึ้งๆกับสีหน้าดุๆนั้น
ค่ำนั้น ประจักษ์เดินเข้ามาในบ้านท่าทางเหนื่อยอ่อน ก่อนจะเดินไปที่ห้องไท มองเด็กน้อยที่นอนหลับอยู่บนเตียงแล้วเขี่ยแก้มอย่างเอ็นดู
“หลับปุ๋ยเชียวนะลูก ไม่เคยเจอหนูตอนตื่นเลย”
ทองดียืนมองภาพตรงหน้าอย่างตื้นตันใจ ประจักษ์หันกลับมาเห็น
“ยังไม่นอนอีกเหรอทองประกาย”
“ดิฉันรอท่านอยู่”
ทองดีเดินมาซบลงข้างๆท่าน
“มีอะไรหรือ”
“ไม่ค่ะ ทองแค่อยากอยู่ใกล้ๆท่านกับไท แค่นี้ก็มีความสุขแล้วค่ะ”
ประจักษ์ยิ้ม ประคองทองดีมานั่งเคียงข้างโอบเธอไว้ ทั้งคู่นั่งมองไทที่นอนหลับอย่างมีความสุข
วันใหม่ ประจักษ์อุ้มไทชูขึ้น ไทหัวเราะคิกคัก ทองดีเดินลงมาจากข้างบน
“วันนี้ท่านว่างหรือคะ”
ประจักษ์ส่งไทให้พี่เลี้ยง
“ความจริงก็ไม่ว่างหรอก แต่ไม่อยากไป อยากอยู่กับเธอกับลูกมากกว่า”
ขณะเดียวกันนั้น เลขาหอบเอกสารเข้ามา
“นั่นไง ขอเวลาเซ็นต์เอกสารแป๊บนึงนะ”
ทองดียิ้ม
“ดิฉันจะเตรียมอาหารให้ท่านนะคะ”
ประจักษ์ยิ้มรับก่อนจะเดินออกไป เลขาเดินตาม
หลายวันต่อมา...ไทนอนหนุนตัก ประจักษ์อ่านเอกสารไปด้วยเอาเอกสารให้ไทดู ชวนคุย...ประจักษ์อุ้มไทแบกขึ้นบ่าวิ่งไปรอบๆห้อง ทองดีคอยเดินตาม เสียงหัวเราะของครอบครัวดังตลอดเวลา ขณะเดียวกันนั้นโทรศัพท์เจียมสั่นขึ้น เธอรีบเลี่ยงออกไปแอบคุยโทรศัพท์ข้างนอก
ทองดีได้รู้จากเจียมว่านิคจะมารับไทไป เธอจึงของให้ประจักษ์ช่วย ประจักษ์โทรคุยกับทนาย ทองดีถามทันทีที่วางสาย...
“ทนายว่าไงคะ ไปทำเรื่องวันนี้เลยได้ไหมคะ”
ประจักษ์ส่ายหน้าเครียด
“มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะต้องติดขั้นตอนกระบวนการพิสูจน์อีกหลายอย่าง”
“หมายความว่ายังไงคะ”
“ทนายแนะนำว่า ให้ตามตัวพ่อของไทให้พบ แล้วให้เจรจากันจะดีกว่า เธอรู้หรือเปล่าว่าพ่อของไทอยู่ที่ไหน”
ทองดีอึ้งไป
“ไม่ทราบหรอกค่ะ”
ทองดีนั่งมองไทที่นอนหลับอยู่บนเตียง
“แม่ต้องทำยังไง หนูถึงจะเป็นลูกของแม่คนเดียวโดยไม่ต้องมีใครมาแย่งหนูไปได้นะ ไท”
ทองดีขยับผ้าห่มคลุมให้ไทอย่างเบามือ
“ถึงยังไง พ่อของหนูต้องช่วยแม่แน่นอน ตราบใดที่ท่านยังอยู่ หนูก็จะปลอดภัยนะจ๊ะ ไทลูกแม่”
ทองประกายก้มลงจูบแก้มไทอย่างทะนุถนอม
ไทกำลังนั่งอ่านหนังสือนิทานเด็ก ออกเสียงอยู่ในห้องนอน ทองดีเดินเข้ามาหา น้อมที่นั่งอยู่กับเจียมหันไปบอก
“วันนี้คุณหนูตัวอุ่นๆค่ะคุณ”
ทองดีรีบลงไปจับหน้าผากลูก
”อ้าว แล้วจะออกไปทานกลางวันกับท่านได้มั้ยเนี่ย”
เจียมรีบบอก
“เจียมว่าอย่าพาคุณไทไปเลยค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวฉันจะโทรไปยกเลิกท่าน”
“คุณไปเถอะค่ะ เดี๋ยวน้อมกับเจียมดูคุณหนูเอง ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ” นอมบอก
เจียมรีบพยักหน้าเห็นด้วย
“คุณไทไม่น่าจะเป็นอะไรมากหรอกค่ะ”
“คุณแม่ไปเถอะครับ ผมอยู่ได้ ไม่ต้องห่วงผม”
ไทเห็นทองดีลังเลจึงช่วยพูด
“เก่งจังเลย ลูกแม่ งั้นแม่จะรีบไปรีบกลับนะ”
ทองดีหอมแก้มลูก ยิ้มให้ แล้วลุกออก
นิคซึ่งพักอยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่ง ฟังเจียมรายงานแล้วบอก
“ขอบใจมากนะเจียม”
นิคแล้วกดวางโทรศัพท์มือถือ เขาหยิบกระเป๋าเดินทางขึ้นมาวาง แล้วหยิบเสื้อผ้าที่พับรอไว้แล้ว รวมทั้งข้าวของทั้งหมดใส่กระเป๋า แล้วหยิบพาสปอร์ต ตั๋วเครื่องบิน เอกสารอีก 3-4 แผ่น ซึ่งเป็นใบเกิดของไท ใบรับรองจากสถานทูต ใส่ลงในกระเป๋าเดินทาง แล้วออกจากโรงแรมไป
ที่ร้านอาหารในโรงแรมหรู ประจักษ์กับทองดี ทานอาหารกลางวันด้วยกัน ทองดีนั่งกังวล
“เป็นห่วงไทใช่ไหม”
“ค่ะ ไม่รู้เป็นไง คิดถึงแต่ไทค่ะ”
“ไม่ต้องห่วงหรอก มีคนดูแลตั้งมากมาย”
ทองดียิ้ม
“แต่ก็อดห่วงไม่ได้ค่ะ”
“ฉันคงตกกระป๋องแล้วสิ ชักอิจฉาไทซะแล้ว”
“ท่านก็...มันไม่เหมือนกันค่ะ”
ประจักษ์ ดึงทองดีหันกลับมามองหน้า
“ไม่เหมือนกันยังไง”
“ก็...รักลูกก็แบบนึง รักท่านก็แบบนึง”
“แล้วความรักที่เธอมีต่อฉัน มันมากขนาดไหนกันนะ”
ทองดียิ้มอายๆ ประจักษ์ยิ้มชอบใจ
เจียมพาไทมายืนนอกรั้วบ้าน ไทหันไปถาม
“เราจะไปไหนกันครับ ป้าเจียม”
“รอคุณพ่อคุณหนูค่ะ แล้วเจียมจะเล่าให้คุณหนูฟังนะคะ”
“ครับ” ไทพยักหน้ารับ
ครู่หนึ่งรถแล่นเข้ามาจอด นิคก้าวลงจากรถ ลงไปนั่งมองลูกนิ่งอยู่นาน นิคน้ำตาคลอ ดึงลูกมากอด เจียมซักน้ำตาตัวเอง เจียมหันมองในบ้าน
“รีบขึ้นรถกันเถอะค่ะ”
ทั้งสามคนขึ้นรถ แท็กซี่แล่นออกไป
ประจักษ์ กับทองดีทานอาหารเสร็จก็พากันลุกขึ้น
“อยากรีบกลับบ้านแล้วสิ” ประจักษ์ถามยิ้มๆ
ทองดีขำ
“ท่านอำดิฉันอีกแล้ว”
ทองดียิ้มอย่างมีความสุข เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เธอกดรับ...
“...อะไรนะน้อม...ไม่จริง ไม่จริ๊ง!”
ทองดีร้องอย่างตกใจ
“เกิดอะไรขึ้นทองประกาย”
ทองดีช็อก หันมองหน้าประจักษ์
“ไท...ไทไม่อยู่แล้ว...ไปแล้ว”
ประจักษ์งง
“อะไร มันเกิดอะไรขึ้น ใจเย็นๆก่อนทองประกาย”
ทองดีแทบพูดไม่ออก
“พ่อไทมาเอาตัวไทไปแล้ว...ท่านต้องช่วยฉันนะคะ...พาไทกลับมา”
ทองดีร้องไห้อย่างหนัก ประจักษ์อึ้งไป
ประจักษ์ประคองทองดีที่ร้องไห้เข้ามาในบ้าน เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น
“ทางสถานทูตโทรกลับมาแล้ว”
ประจักษ์เดินเลี่ยงไปมุมนึง ทองดีหันไปถามน้อม
“น้อม ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทำไมปล่อยให้คนเข้ามาเอาไทไป”
“พี่เจียม เป็นคนพาคุณหนูออกไปขึ้นรถข้างนอกค่ะ”
“นี่เธอรู้เรื่องทุกอย่างเลยเหรอ”
“เอ่อ... พี่เจียมบอกว่า จะพาคุณหนูไปเจอกับคุณพ่อเค้า ไม่นานค่ะ แต่...”
“นังโง่...แกรู้ทุกอย่าง แต่แกไม่บอกฉัน แล้วแกก็ปล่อยให้ไปเหรอ...”
ทองดีฟิวส์ขาด เข้าตบตีน้อมจนน่าสงสาร เด็กรับใช้กลัวหัวหด ไม่กล้าห้าม ประจักษ์วิ่งกลับเข้ามาลากทองดีไปกอดไว้
“หยุด ทองประกาย อย่าทำแบบนี้ ใจเย็นๆ ฟังนะ ฉันเช็คกับทางสถานทูตแล้ว พ่อเค้ากลับมา และทำเรื่องรับตัวลูกไปจริง ที่สำคัญเค้าติดตามหาตัวไทมานานแล้ว เธอรู้เรื่องนี้รึเปล่า”
ทองดีมองหน้าประจักษ์ แล้วได้แต่ส่ายหน้าสะอึกสะอื้นไม่ยอมบอกความจริง
ประจักษ์พาทองดีไปที่ห้องทำงาน ทองดีนั่งรอฟังเขาคุยโทรศัพท์อยู่ด้วยคราบน้ำตา แล้วถามทันทีที่วางสาย
“เป็นยังไงบ้างคะ ท่านต้องตามตัวไทกลับมาให้ได้นะคะ ป่านนี้ไทจะเป็นยังไงก็ไม่รู้”
“ทาง ตม. แจ้งว่าเค้าพาไทขึ้นเครื่องไป ตั้งแต่ 2 ชั่วโมงก่อนแล้ว”
“ไม่จริง ไทลูกแม่”
ประจักษ์ได้แต่โอบกอดทองประกายไว้ด้วยความสงสาร”
วันต่อมา...ประจักษ์ยืนคุยโทรศัพท์หน้าเครียดก่อนจะวางหู น้อมเดินเข้ามา
“คุณทองประกาย เป็นยังไงบ้าง”
“ดิฉันยังเข้าหน้าไม่ติดเลยค่ะ แต่เด็กบอกว่า ทานยา แล้วหลับไปแล้วค่ะ เอ่อ พอจะมีทางตามตัวคุณไทกลับมามั้ยคะ ท่าน”
“คงจะยาก แล้วเธอล่ะ เป็นยังไงบ้าง”
“ดิฉันไม่เป็นไรค่ะ สงสารแต่คุณผู้หญิง ดิฉันเข้าใจค่ะท่าน”
ประจักษ์พยักหน้าให้
“ขอบใจนะ”
ประจักษ์ถอนใจ รู้สึกสงสารทองดีจับใจ
วันใหม่...ทองดีนอนลืมตานิ่งซึมอยู่บนเตียง ประจักษ์เดินเข้ามาในห้อง
“เป็นยังไงบ้าง ทองประกาย”
“ค่ะ ดีขึ้นแล้ว” ทองดีลุกขึ้นนั่งคุย “ท่านยังไม่ออกไปทำงานเหรอคะ”
“ฉันยกเลิกหมดแล้ว อยากอยู่ดูแลเธอมากกว่า”
“ฉันทำให้ท่านเสียงาน ท่านไม่ต้องห่วงฉันหรอกค่ะ ฉันไม่เป็นอะไร”
“ไม่ต้องคิดมาก ฉันยังไม่อยากทิ้งเธอไว้คนเดียว ฉันเป็นห่วงเธอมากรู้มั้ย”
ทองดีน้ำตาไหลอีกครั้ง ซบลงที่อกประจักษ์ที่กอดตอบจนทองดีรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาบ้าง
ดารา กับพี่แมวคุยอยู่ด้วยกันที่ห้องเสื้อ
“รู้ข่าวแล้วตกใจนะคะ กำลังจะดีอยู่แท้ๆ” พี่แมวบอก
ดาราเบ้ปาก
“สมน้ำหน้า ดีแล้วล่ะ พักหลังๆมันทำเชิดใช่ฉันนัก มันลืมตัวไปว่ามันมีวันนี้ได้ก็เพราะฉัน โดนซะบ้างก็ดี”
พี่แมวมองไม่พอใจ
“อ้าว ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะคะ คุณดารา แหม คนกำลังทุกข์กำลังโศก”
ดาราค้อน
“ทำไม คิดจะเปลี่ยนสีเข้าข้างมันเลยนะหล่อน ไม่ต้องห่วงหรอกย่ะ เดี๋ยวฉันจะโทรไปซอรี่กับนางหน่อย”
“ตกลงคุณดาราอารมณ์ไหนกันแน่คะเนี่ย”
“ในสังคมก็แบบนี้แหละ แม่ทองประกายน่ะ เปรียบไปก็เหมือนกับเสื้อผ้า ตราบใดที่คนยังนิยม ก็ขายได้ มันก็เป็นของดีมีราคา ถ้ามัน out เมื่อไหร่ก็ต้องถอดออกจากหุ่นลงมาเป็นผ้าขี้ริ้วนั่นแหล่ะ วันนี้มันยังอยู่ในหุ่น ก็ต้องถนอมเอาใจกันไป”
“ตอนแรกนึกว่าคุณดาราเป็นดีไซน์เนอร์ที่ทำธุรกิจเป็น แต่วันนี้รู้แล้วค่ะว่าคุณน่ะเป็นนักธุรกิจ ที่ออกแบบเสื้อผ้าได้ คิดถึงแต่ผลประโยชน์ดีจังนะคะ”
“นี่ชมหรือด่าเนี่ย”
ดาราโมโหจะหาอะไรเขวี้ยงใส่ พี่แมวเลยแหยลง โฬมแอบฟังอยู่มุมหนึ่ง...
“ลูกหาย ผัวงานยุ่ง จังหวะเหมาะแล้วสิ ได้ทั้งตัว ได้ทั้งเงินก็คราวนี้”
โฬมหยิบรูปปึกหนึ่งขึ้นมาดู เป็นภาพนิ่งที่โฬมกำลังกอดฟัดทองดี และเขาถ่ายไว้ด้วยกล้องจากโทรศัพท์มือถือ
อ่านต่อหน้า 3 พรุ่งนี้
ทองประกายแสด ตอนที่ 15 อวสาน (ต่อ)
ประจักษ์กำลังจะออกไปทำงาน มีเลขา และการ์ดยืนรอ ทองดีเดินมาส่ง
“อยู่คนเดียวได้แน่นะ”
ทองดียิ้ม
“ได้ค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงฉันนะคะ ท่านไปทำงานเถอะค่ะ สายมากแล้ว”
“เดี๋ยวกลางวันนี้เจอกันนะ”
“ค่ะท่าน”
ประจักษ์ขึ้นรถไปพร้อมกับทีมงาน ทองดีถอนหายใจกลับหลังหัน เดินกลับเข้าในบ้าน โทรศัพท์ดัง ทองดีเห็นเบอร์โฬมรีบรับสาย
“โฬม จะโทรหาฉันทำไม อยากให้ท่านรู้เรื่องใช่มั้ย”
“อย่าเพื่งโกรธสิครับ ผมแค่จะโทรมาแสดงความเสียใจ”
ทองดีอ่อนลง
“ไม่เป็นไร ฉันสบายดี ทีหลังอย่าโทรมาอีก”
“เดี๋ยวก่อนสิครับ อย่าพึ่งว่า ผมอยากจะเลี้ยงข้าวขอโทษคุณ เรื่องคราวนั้น”
“ยังจะกล้าอีกเหรอ”
“อย่างน้อยก็เพื่อมิตรภาพของเรา ในอนาคต และผมอยากจะให้คุณดูรูปอะไรบางอย่าง”
ทองดีไม่พอใจ
“จะต้องให้ฉันโทรไปรายงานท่านเดี๋ยวนี้เลยมั้ย ถ้านายไม่หยุดก่อนกวน”
ทองดีกระแทกหูวางใส่
“โทรไปรายงานท่าน แสดงว่าท่านไม่อยู่ คงต้องไปรับถึงที่”
โฬมยิ้ม แล้วส่งรูปจากมือถือไป แล้วคว้ารูปใส่ซองเดินออกจากบ้านไป ทางด้านทองดีกดรับแมสเสจ ดูรูปแล้วอึ้งไป เธอนั่งเครียด
“ถ้าท่านรู้ ท่านจะฟังเรามั้ยนะ”
ทองดีตัดสินใจโทรศัพท์หาประจักษ์ทันที
ดาราเดินลงมาจากชั้นบน มองหา ไม่เจอโฬม หันไปถามเด็กรับใช้
“คุณโฬมอยู่ไหน”
“ออกไปข้างนอกค่ะ หนูถามแล้วค่ะ แกด่าหนู...เสือก”
ดารากดโทรเข้ามือถือ มือถือดังจากในห้อง
“สงสัยแกลืมไว้ค่ะ”
“มันแกล้งลืมไม่ให้ฉันติดต่อมันน่ะสิ ไปหยิบมาซิ”
ดารารอรับโทรศัพท์มือถือจากเด็กแล้วดู แล้วอึ้งเมื่อเห็นเบอร์ทองดี
“รีบจนลืมลบเบอร์เลยนะแก...นังทองประกาย”
ดาราโมโหมาก ตะโกนใส่เด็ก
“ไปหยิบรองเท้ามาสิ”
เด็กรีบไปหยิบมาให้ ดารารีบใส่แล้วรีบวิ่งออกจากบ้านไป
ที่คฤหาสน์ประจักษ์ น้อมต้อนรับโฬมอย่างงงๆว่ามาทำไม
“คุณทองประกายกับท่านไม่อยู่ค่ะ”
“เขาไม่ได้ไปด้วยกันไม่ใช่เหรอ”
“ก็คงงั้นค่ะ ท่านออกไปก่อน แล้วคุณทองประกายก็ออกไปทีหลัง คงไม่ได้ไปด้วยกัน”
โฬมยิ้มดีใจ
“ไม่เป็นไร คุณทองประกายนัดผมไว้ บอกให้ผมนั่งรอในบ้าน”
น้อมลังเล
“...แต่คุณหญิงไม่ได้สั่งอะไรไว้”
“โธ่ ทำยังกะไม่เคยเห็นหน้าผม ผมมาที่นี่สองครั้งแล้วนะ กับพี่ดาราไง”
น้อมเลี่ยงออกไปอย่างจำใจต้องต้อนรับ
ทองดีนั่งรถกลับมากับประจักษ์
“ท่านคะ ความจริงท่านให้ทองกลับคนเดียวก็ได้” ทองดีบอกอย่างเกรงใจ
“ไม่ได้หรอก หน้าซีดขนาดนี้ ไม่ไหวก็ไม่น่าออกมาเลยไหน มีเรื่องอะไรอยากจะพูดกับฉัน”
ทองดีพูดไม่ออก ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี
“ยังไม่ต้องพูดก็ได้ ช่วงนี้อย่าพึ่งไปคิดอะไรมาก พักผ่อนให้เยอะๆนะ”
ประจักษ์ดึงทองเข้ามากอดอย่างรักใคร่ เป็นห่วง
โฬมเดินไปเดินมาในบ้าน สลับกับมองหน้าบ้านอย่างเบื่อหน่าย อีกด้าน เด็กรับใช้นั่งมองโฬมอย่างไม่ละสายตา
“จะจ้องฉันทำไมเนี่ย จะไปไหนก็ไปเลยไป...ไปสิ”
เด็กรับใช้ลุกเดินออกไป
“ไปไหนของเขาเนี่ย”
เสียงรถวิ่งเข้ามาในบ้าน โฬมชะงัก ยิ้มร้ายทันทีรีบจัดเสื้อจัดทรงผม แล้วลุกเดินไปรับที่ประตู ดาราเดินหน้าตึงเข้ามา พอเห็นดาราเดินเข้ามาในบ้าน โฬมชะงัก
“พี่ดารา”
ดาราโวยเสียงดัง
“ฉันว่าแล้ว หน้าอย่างแกนี่มันเลี้ยงไม่เชื่องจริงๆ แอบมาหานังทองประกาย คิดว่าฉันโง่นักเหรอ”
ดาราตรงเข้าไปทั้งทุบทั้งหยิกตีโฬมพัลวัน โฬมผลักดารากระเด็นไปกองที่พื้น น้อมกับเด็กรับใช้ตกใจรีบเดินมาดู ดาราหันขวับมาจ้อง ตวาดลั่น
“ใสหัวไป ไม่ใช่เรื่องของพวกแก”
น้อมกับเด็กรับใช้รีบหลบไปทันที ดาราเห็นโฬมจะเดินหนีรีบลุกไปลากแล้วทุบตี จนรูปหล่น โฬมผลักดาราลงไปที่พื้นหน้ากระแทกโต๊ะ คิ้วแตกเลือดออก โฬมยืนมองนิ่ง ดาราจับเลือดมาดูแล้วจ้องด้วยความแค้น
“พอได้แล้ว...เกลียดชะมัด ไอ้พวกชอบความรุนแรง รู้ตัวไว้ด้วย ฉันเบื่อแกแทบกระอัก”
ดาราค่อยๆพยุงร่างตัวเองลุกขึ้นมาจ้องหน้าโฬม
“เนรคุณ ถ้าไม่ได้ฉันชุบเลี้ยงแกมา ป่านนี้แกเป็นผู้ชายขายน้ำให้อีแก่ไฮโซทั้งเมืองแล้ว แกยังกล้าหักหลังฉันเหรอ”
“แล้วแกต่างอะไรกับพวกนั้น ต่อไปนี้ แกกับฉันเลิกกัน ฉันทนผู้หญิงซาดิสม์อย่างแกไม่ไหวแล้ว อีแก่ซาดิสม์”
ดาราชะงักน้ำตาเริ่มไหล หันไปเห็นรูป ช็อก หยิบขึ้นมา
“..นี่น่ะเหรอที่มึงบอกรักกู แล้วมึงไปเอากับมันเหรอ”
“เออ รู้ไว้ด้วย ที่พูดน่ะใจกูขยะแขยงแทบตาย กูรักทองประกายต่างหาก รักตั้งแต่เห็นหน้า รักมากจนอยากเลิกกับมึง”
ดาราอึ้งร้องไห้กำมือด้วยความเจ็บใจพูดแทบไม่ออก
“ไอ้โฬม ไอ้สารเลว”
“เออ...กูเลว งั้นมึงก็เลิกกับกูไปสิ เลิกยุ่งกับกู ปล่อยกูไปซะที”
ดาราชะงัก ค่อยๆล้วงมือหยิบปืนออกมาเล็งใส่โฬม
“มึงอยากเลิกกับกูมากใช่ไหม อยากให้กูปล่อยมึงไปใช่มั้ย”
โฬมหน้าซีดตัวสั่น
“เฮ้ย...จะทำอะไร พี่ดารา เล่นปืนมันอันตรายนะ”
“ก็เคยบอกแล้วใช่ไหม ถ้าคิดจะไปจากกู มึงก็ต้องตายสถานเดียว”
โฬมกระโดดเข้าแย่งปืนกับดารา ทั้งสองชุลมุนกัน
ที่หน้าคฤหาสน์ ทองดีกับประจักษ์กำลังลงจากรถ
“อ๊ะ...นั่นรถดารานี่ เธอนัดเขามาเหรอ”
“เปล่าค่ะ ฉันไม่ได้นัด หรือว่า...”
เสียงปืนดังขึ้นสองครั้ง ทองดีกับประจักษ์ชะงักหันไปมองหน้ากันด้วยความตกใจ ทั้งคู่รีบวิ่งเข้าไปในบ้านทันที คนขับรถรีบวิ่งตามเข้าไปด้วย แล้วชะงักค้างเช่นเดียวกับน้อมกับเด็กรับ เมื่อเห็นดารายืนถือปืนตัวสั่น โฬมนอนจมกองเลือดอยู่ใกล้ๆ
“พี่ดารา...โฬม”
ดาราเห็นทองดีแค้นมาก
“...อีทองประกาย มึงเป็นต้นเหตุ มึงแย่งผัวกู มึงทำให้ผัวกูตาย อีกากี กูจะฆ่ามึง”
ประจักษ์ร้องห้าม
“อย่าดารา พูดกันดีๆก็ได้ ...วางปืนลงก่อน ใจเย็นๆนะ”
“ผัวกูมันรักมึงใช่มั้ย กูจะส่งมึงไปอยู่กับมัน อีทองประกาย”
ทองดีตะลึง ดารากรี๊ดอย่างบ้าคลั่ง เหนี่ยวไกยิงทองดีสามนัด ประจักษ์ดึงตัวทองดีเข้ามาในอ้อมแขนแล้วเบี่ยงตัวบังกระสุนไว้ พอสิ้นเสียงปืนประจักษ์ชะงัก เลือดค่อยๆซึมออกจากอกเสื้อ ค่อยๆล้มลงที่พื้น ทองดีร้องไม่ออก น้อมกับเด็กรับใช้ก็ตกใจกรี๊ดลั่น คนขับรถ น้อม เด็กรับใช้ รีบวิ่งมาช่วยดูประจักษ์
ดาราตกใจมาก
“ไม่...ไม่ใช่...ฉันไม่ได้ทำ...”
ดาราวิ่งกรี๊ดประสาทแตกออกจากห้องไป ทองดีประคองประจักษ์ ตกใจทำอะไรไม่ถูก
“ท่าน ท่านคะ ไปโรงพยาบาลนะคะ....โทรแจ้งโรงพยาบาลแล้วไปเตรียมของกันเร็ว” ทองดีตวาดดังบอกคนรถ “เอารถมารับสิ”
เด็กรับใช้ทุกคนได้สติ วิ่งกันชุลมุน ทองดีร้องไห้
“ท่านอย่าเป็นอะไรนะคะ ท่านทำใจดีๆไว้นะคะ”
ประจักษ์มองทองดีแล้วยิ้ม
“ท่านทำใจดีๆนะคะ”
“ฉันทำตามที่สัญญา กับเธอแล้วนะ ทองประกาย”
“ไม่ค่ะ อย่าเพิ่งพูด ...ท่านอย่าเพิ่งพูดอะไรนะคะ”
“ฉัน...จะอยู่กับเธอ...จนลมหายใจสุดท้าย...ทองประกาย”
ทองดีร้องไห้
“ไม่ค่ะ ท่านต้องไม่เป็นอะไร ท่านต้องอยู่กับทองต่อไป ท่านสัญญาว่าจะไม่ทิ้งทองไงคะ... เราจะอยู่ด้วยกัน เราไปหาหมอด้วยกันนะคะ”
ประจักษ์หลับตาสิ้นลมในอ้อมกอด ทองดีเห็นเขาเงียบไปซักพัก แล้วอึ้ง
“ไม่...ไม่ !...ท่านต้องไม่ตาย ท่านต้องไม่ตาย...อย่าทิ้งฉัน...อย่าทิ้งฉันไป”
ทองดีเงยหน้าร้องไห้ ก่อนจะค่อยๆฟุบหน้าลงร้องไห้ฟูมฟายอยู่ข้างศพประจักษ์
คนขับรถ น้อม เด็กรับใช้ ทยอยเดินเข้ามา และต่างทรุดลงห่างออกไป ทองดีร้องไห้ตัวโยนกอดท่าน มีโฬมนอนตายไม่ห่างกัน
ดาราขับรถหน้าตื่นมือไม้สั่น
“ไม่จริง ไม่จริง ฉันไม่ได้ฆ่าใคร นังทองประกายต่างหากที่เป็นคนทำ”
ดาราก้มลงมองมือตัวเองเห็นเลือดเปรอะเต็มไปหมด ดาราพยายามเช็ดเลือดออกและปัดตามตัววุ่นวาย ขณะเดียวกันที่ด้านนอกรถคันหนึ่ง กำลังจะออกจากซอยด้านข้าง ดาราเงยหน้าขึ้นเห็นรถตัดหน้าระยะกระชั้นชิด เธอตกใจสุดขีด
“กรี๊ด!”
รถดาราชนเสาไฟฟ้าข้างทางพังยับเยิน ที่ร่างดารา เอนพิงกระจกข้างเลือดอาบ นอนตายอย่างตาไม่หลับ
หลายวันต่อมา
หลังจากเผาศพประจักษ์ ทองดีใส่แว่นดำ เดินออกมาพร้อมพี่แมว เหล่าบริวารเดินถือรูปและกระถางธูป
การ์ดเดินตามหลังมาหลายคน นักข่าว 2-3 คนยืนรออยู่ที่ลานจอดรถ เข้ามาขอสัมภาษณ์ทองดี
“คุณทองยังไม่พร้อมจะให้สัมภาษณ์ค่ะ ขอโทษนะคะ ขอตัวก่อน”
พี่แมวกันตัวทองดีจากนักข่าวพาไปขึ้นรถ การ์ดเดินเข้ามามากันๆ นักข่าวออกไป
แก้วกับเพื่อนไฮโซที่มาร่วมงาน ยืนชะเง้อมอง นักข่าวจำได้เลยเข้าไปหา
“พี่คะ พอจะมีข่าวให้หนูไปลงบ้างมั้ยคะ ไม่งั้น บ.ก.เล่นงานหนูตายเลย ได้ไปแต่รูป”
แก้วหันซ้ายหันขวา ไม่เห็นคนอื่นรีบบอก
“มาจากแหล่งข่าวนะคะ ห้ามลงชื่อพี่ ตั้งแต่คุณหญิงเสีย ครบสามเดือน ท่านก็แต่งงานใหม่กับทองประกาย จัดงานภายใน ได้ข่าวว่าจดทะเบียนสมรสกันแล้ว แล้วแบบนี้สมบัติมหาศาลของท่านจะไปไหนล่ะคะ ส่วนประวัติคุณทองประกายพวกน้องคงรู้กันอยู่แล้ว เห็นว่าชายชู้ ที่เป็นเด็กของคุณดาราเจ้าของห้องเสื้อดัง ก็นอนตายอยู่ข้างๆ”
เพื่อนอีกคนบอก
“ส่วนประวัติคุณทองประกาย พี่ก็รู้ละเอียด ถ้าน้องไม่รู้ตรงไหน โทรหาพี่ได้ อ้อ...อย่าไปเผลอหลุดกับใครว่ามาจากพี่นะคะ ไม่งั้นพี่อยู่ไม่ได้นะ”
นักข่าวรีบบอก
“คอนเฟิร์มค่ะพี่ จรรยาบรรณไม่เปิดเผยแหล่งข่าวค่ะ ขอบคุณค่ะ”
หลายวันต่อมา...ทองดียืนอ่านหนังสือพิมพ์ ไม่พูดไม่จากับใคร ขยำหนังสือพิมพ์ทิ้ง ระหว่างนั้นเด็กรับใช้อีกคนเดินเข้ามา ยืนเงียบๆ ทองดีเสียงแข็ง
“มีอะไรก็พูดไปสิ”
“ทนายความมาแล้วค่ะ”
ทองเดินออกไป สาวใช้จับกลุ่มนินทากัน
“ตั้งแต่ท่านเสีย คุณผู้หญิงเปลี่ยนไปเป็นคนล่ะคนเลย”
อีกคนพยักหน้าเห็นด้วย
“คงจะเศร้าน่ะ แกอ่านข่าวในหนังสือมั้ยล่ะ เห็นว่าผัวคนก่อนๆก็ตายจาก”
“นักข่าวนี่ก็ช่างขุดคุ้ยเนอะ สงสารคุณผู้หญิง”
“แต่ฉันน่ะ ไม่อยากจะสงสาร คุณผู้หญิงนั่นแหล่ะ เป็นคนทำให้ท่านตาย คุณผู้หญิงน่ะมีชู้ แกเห็นรูปที่ตกเกลื่อนพื้นมั้ยล่ะ”
น้อมเข้ามาได้ยินตวาด
“หยุดกันเดี๋ยวนี้เลยนะ ทั้งสองคน”
เด็กทั้งสองคนแตกฮือกันออกไปอย่างกลัวๆ น้อมมองตาม และหันไปทางทองดีแล้วส่ายหน้า
ทนายความเลื่อนส่งเอกสารให้ทองดี พร้อมกับกุญแจเซฟ ทองดีมองดูของตรงหน้าอย่างนิ่งเฉย
“นี่เป็นพินัยกรรมบางส่วนของท่านที่ใส่ชื่อคุณไว้แล้ว และกุญแจเซฟของธนาคาร ที่เก็บเครื่องเพชรทั้งหมดของคุณหญิง ท่านก็ได้แจ้งเปลี่ยน เป็นชื่อคุณไว้แล้วเช่นกัน ตามกฏหมาย คุณเป็นภรรยาที่ถูกต้อง ผมจะทำเรื่องแต่งตั้งคุณเป็นผู้จัดการมรดก สมบัติทั้งหมด ถ้าไม่มีใครมาแย้ง ทุกอย่างก็จะตกเป็นของคุณ”
“ท่านมีญาติที่ไหนอีกรึเปล่า”
“เท่าที่ผมทราบ ไม่มีครับ คุณจะฟังรายการทรัพย์สินทั้งหมดของท่านมั้ยครับ แต่คงต้องใช้เวลาหน่อย”
“ไม่เป็นไร วันหลังก็ได้”
“งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ เอกสารนี้ผมทิ้งไว้ให้คุณอ่านทำความเข้าใจ มีข้อสงสัยตรงไหน โทรหาผมได้นะครับ”
ทนายความแก่กว่ายกมือไหว้ แล้วค้อมตัวเดินออกไป ทองดีหยิบเอกสารขึ้นมาดูด้วยสีหน้าเรียบเฉย แม่จะรู้ว่าจากนี้ไปชีวิตของเธอไม่ต้องดิ้นรนอะไรอีกแล้ว....
ทองดีเดินเข้ามาหยุดในห้องทำงานประจักษ์ เดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะทำงาน และนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นนาน น้อมเดินเข้ามาหา
“คุณผู้หญิงทานข้าวซักหน่อยมั้ยคะ ดิฉันตั้งโต๊ะไว้แล้ว”
ทองดียังโกรธน้อมเรื่องไทอยู่ ตวาดไล่
“อย่ามายุ่งกับฉัน”
ทองดีหยิบหนังสือปาใส่
“ออกไป!”
น้อมตกใจลนลานออกไป
ทองดีแต่งชุดดำสวย เดินลงมาจากบันไดชั้นสอง เด็กรับใช้มาถาม
“คุณผู้หญิงจะออกไปข้างนอกเหรอคะ”
ทองดีมองหน้าไม่ตอบ เด็กเดินเลี่ยงไปหยิบรองเท้าวางให้เงียบๆแล้วออกไป เธอใส่ส้นสูงแล้วเดินออกจากบ้านไป
ทองดีไปที่บาร์แห่งหนึ่ง เธอนั่งดื่มนิ่งๆ รายล้อมไปด้วยนักเที่ยว มีผู้ชายเข้ามาทักทาย ชวนคุย ทองดีไม่ตอบโต้ด้วย ผู้ชายตอแยด้วย เธอจึงเอาเหล้าสาดใส่ ผู้ชายโมโห เพื่อนดึงห้ามไว้ ทองดีมองเฉย แล้วลุกเดินออกไปนิ่งๆ
ค่ำคืนต่อมา...ทองดีนั่งอยู่ในบาร์ที่มีผู้คนมากมาย ทุกคนสนุกสนาน ยกเว้นเธอที่นั่งดื่มเงียบๆอยู่คนเดียว มีผู้ชายหันมองแต่ไม่กล้าเข้ามาคุยด้วย
ทองดีเดินมา คนขับเปิดประตู เธอขึ้นนั่ง
“กลับบ้านเลยนะครับ”
“ขับไปเรื่อยๆ”
“แต่มันใกล้สว่างแล้วนะครับ ไม่มีที่ไหนเปิดแล้ว”
“...ไปจังหวัดชัยนาท”
พูดจบทองดีก็หลับตาลง คนขับอึ้งๆว่าไปทำไม แต่ก็ขับรถออกไป
เช้าวันใหม่...รถคันหรูของทองดีขับเข้ามาจอดที่หน้าร้านแม่ ทองดีลงจากรถ เธอรู้สึกแสบตา หยิบแว่นขึ้นมาสวมใส่ แล้วเดินเข้าไปในร้าน
แม่กำลังเช็ดตู้ไป ด่าเด็กไป
“อีเด็กมือห่างตีนห่าง ขี้เกียจตัวเป็นขน ใช้ไปซื้อของก็อมเงินตลอด แต่เวลาเรียกกินนี่ไวเชียวนะมึง อีเด็กเวรเอ๊ย...”
แม่หันมาเห็นทองดี
“...อ้าว...คุณนาย จะรับอะไรดีคะ เชิญเข้ามาก่อนค่ะ”
ทองดียืนมองแม่ ไม่พูด จนแม่งงๆ
“จะเอาอะไรก็บอกมาสิคะ จะกินกาแฟ หรือว่าข้าวผัด”
ทองดีตัดสินใจพูด
“แม่...”
แม่สะดุดกึก จ้องหน้า ทองดีตัดสินใจถอดแว่นออก
“แม่...นี่ฉันเอง ทองดีไงแม่”
“อีทองดี อุ๊ย...” แม่เอามือปิดปาก “ขอโทษคะ ทองดีไหนคะ คุณ...”
“แม่จำฉันไม่ได้หรือ”
แม่อาการเอ๋อใส่ งงๆ ประสาทอ่อนๆ มองตาม
“จำไม่ได้หรอกค่ะ คุณนาย นี่คุณจะกินอะไรหรือเปล่า ถ้าไม่กินก็ไปให้พ้นๆเหอะ” แม่ผลักทองดีออกไป “อย่ามาวุ่นวาย คนจะทำมาค้าขาย เสียเวลาจริงๆ”
“โธ่แม่...” ทองดีเข้าไปเกาะกอด “ฉันทองดีลูกแม่จริงๆนะ ฉันจะมารับแม่ไปอยู่ด้วย ตอนนี้ฉันรวยแล้วนะแม่ ฉันมีบ้านหลังใหญ่เบ้อเริ่ม รับรองแม่ต้องชอบแน่”
ทองดีพยายามเข้ากอด แม่พยายามแกะออก แล้วผลักออกอย่างแรง
“บ้านใหญ่แล้วยังไง กูไม่สนใจหรอก นี่อย่ามายุ่งกับกูเลย กูไม่เคยมีลูกถึงมีก็ไม่ดอกทองเหมือนมึง”
ทองดีตกใจ ผงะ
“...แม่ อย่าด่าฉันอีกเลย...ไปอยู่ด้วยกันเถอะนะ เอาน้องไปอยู่ด้วยก็ได้ แม่อยากจะพาใครไปก็ได้ พาไปเลย ตอนนี้ฉันรวยแล้วนะแม่”
แม่เหมือนจำได้เป็นพักๆก็โมโห
“ขืนเอาไปอยู่กับมึง คงไม่แคล้วดอกทองเหมือนมึง”
ทองดีอึ้งจ้องหน้ากับแม่ๆหลบตา
“แม่จำฉันได้ใช่ไหม”
“คุณนายกลับไปเถอะ ฉันจะขายของ มายืนทะเลาะกันนานคนไม่เข้าร้าน ฉันจะซวย ขายของไม่ได้ทั้งวัน”
ทองดีจ้องหน้าแม่ สงสัยว่าแม่จำได้หรือเปล่า
“ฉันไม่มีลูก กูไม่เคยมีลูก” แม่ทำประสาทใส่ทองดี “กูไม่เคยมีลูก โอ๊ย กูไม่เคยมีลูก”
ทองดีเสียใจค่อยๆหันหลังเดินออกจากร้านไป เธอเดินร้องไห้ไปขึ้นรถ พอรถทองดีไป แม่ก็หยุดไม่มองตาม นั่งนิ่งน้ำตาไหลออกมา
ทองดีขึ้นนั่งบนรถ หยุดร้องไห้ และรู้สึกโกรธเคืองแม่ เธอเงยหน้า หยิบแว่นขึ้นมาสวมใส่ ไม่หันกลับไปมองแม่เช่นเดียวกัน
รถวิ่งออกจากร้านมา
เมื่อกลับมาที่คฤหาสน์หรู ทองดีนึกถึงเรื่องราวต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิต นึกถึงสิ่งที่เธอดิ้นรนมาตลอด กระทั่งถึงวันที่เธอมีทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ไม่มีใครอยู่ข้างตัวเลย...
“แล้วสิ่งที่ฉันไขว่คว้ามาตลอดชีวิต จะมีประโยชน์อะไรล่ะ ถ้าต้องอยู่คนเดียวแบบนี้”
ทองดียืนโดดเดี่ยว ตามลำพังในบ้านหลังใหญ่...
จบบริบูรณ์