แม่ยายที่รัก ตอนที่ 1
ภายในห้องจัดเลี้ยงของสวนผึ้งรีสอร์ท VTRในจอสไลด์กำลังขึ้นภาพกราฟฟิคแผนที่ประเทศไทยพร้อมๆ กับเสียงบรรยาย
“ด้วยคุณภาพของดินชั้นดี ลวดลายที่ละเอียดอ่อน ภายในระยะเวลาแค่ห้าปี สินค้าของเราเป็นที่รู้จักมากขึ้นในตลาดต่างชาติ”
VTR ภาพประเทศไทยค่อยๆ ซูมออกจนกลายเป็นภาพทวีปเอเชีย ลูกศรโยงจากประเทศไทยไป ญี่ปุ่น จีน อินเดียและหลายๆ ประเทศทั่วเอเชีย พร้อมเสียงบรรยายต่อ
“ทั้งใน เกาหลี ญี่ปุ่น จีน อินเดีย และอีกหลายประเทศทั่วเอเชีย”
แขกที่มาร่วมงานเลี้ยงต่างสนใจกับภาพVTR นั้น เตือนใจ แม่ของติรกา ซึ่งอยู่ในชุดสบาย ๆ ตามวัย แต่งหน้าอ่อน ๆ ใส ๆ มองไปที่ภาพ VTR อย่างตื่นเต้นและภูมิใจ
ภาพ VTR ยังคงฉายต่อไป จอภาพที่เคยเป็นทวีปเอเชียถูกซูมออกจนเห็นทุกทวีปในแผนที่โลก มีลูกศรกราฟิกโยงจากประเทศไทยไปในหลายๆ ประเทศทั่วโลก
“หนึ่งในสินค้าภูมิปัญญาไทยก้าวไกลสู่การยอมรับจากทุกทวีปทั่วโลก ทั้ง ยุโรป อเมริกา และแอฟริกา”
ภาพ VTR แผนที่โลกค่อยๆกลายเป็นภาพลูกโลกแล้วหมุนรอบตัว แล้วลูกโลกนั้นก็หมุนกลายเป็นรูปโลโก้ทีมฟุตบอลไทย
“เรา...ผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ ฟุตบอลทีมชาติไทย”
แขกที่มาร่วมงานต่างก็ตื่นเต้นดีใจกับข่าวที่ได้ยิน
“จากนี้ไป ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนบนโลกใบนี้ คุณจะได้เห็นภาคภูมิใจของพวกเรา”
VTR จากแผนที่โลกกลายเป็นภาพ โอ่งมังกรใบใหญ่ พร้อมโลโก้
“โอ่งแม่เตือน”
สอดรับกับบริเวณเวที ซึ่งพลุกระดาษปะทุขึ้นจากด้านข้างของเวที เสียงดังปัง ปัง! เศษพลุกระดาษปลิวว่อนตกกระจายไปทั่วเวที และที่กลางเวทีมีโลโก้โอ่งแม่เตือนติดอยู่ แขกที่มาร่วมงานตื่นเต้นไปกับเสียงพลุกระดาษ
บรรยากาศภายในห้องจัดเลี้ยงวันนี้ถูกตกแต่งไปด้วยโอ่งมังกรขนาดต่างๆ และแขกที่มาร่วมงานนี้ ทางเจ้าของงานได้แจกโอ่งมังกรไซส์เล็กเป็นของชำร่วย
พุทรา เลขาคนเก่งของติรกามองนาฬิกาข้อมือของตัวเองแล้วสั่งการบางอย่างผ่านทางสายหูฟังของวอล์คกี้ทอล์คกี้อยู่ข้างเวที
“ได้เวลาปล่อยอินทรีขึ้นฟ้าแล้ว”
เสียงทุ้มของชายหนุ่มยังคงบรรยายต่อไป
“แขกผู้มีเกียรติครับ... โอ่งแม่เตือนภูมิใจนำเสนอผลงานล่าสุด ภายใต้คอนเซ็ปท์ โอ่งแม่ เตือน..กว้างไกล เก็บน้ำ..ทั่วโลก”
ทันทีที่เสียงบรรยายจบลง ดนตรีประกอบก็ดังกระหึ่มขึ้น พร้อมๆกับดรายไอซ์ที่ปล่อยมาเต็มเวที เสียงปรบมือจากแขกในงานดังเกรียวกราว ไฟสปอตท์ไลท์จับไปที่กลางเวที ขณะที่โอ่งมังกรต้นแบบใบใหญ่ค่อยๆเลือนออกมาที่กลางเวที โดยมีโอ่งไซส์เล็กที่ถูกจัดวางประกอบเพิ่มลูกเล่นทางด้านหน้าเพื่อประดับให้โอ่งมังกรดูโดดเด่นยิ่งขึ้น โอ่งมังกรค่อยๆหมุนรอบตัวเองเพื่อให้เห็นลวดลายของโอ่งมังกรทั้งใบ
โอ่งมังกรต้นแบบใบใหญ่นั้นมีลวดลายสมัยใหม่ พื้นลายเป็นรูปแผนที่โลก โดยมีตัวมังกรห้าเล็บโอบล้อมรอบทับแผนที่โลก ที่มุมหนึ่งมีโลโก้โอ่งแม่เตือนอยู่ด้วย
“และขอเสียงปรบมือต้อนรับคนสำคัญที่ทำให้โอ่งแม่เตือนเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก...คุณติรกา
หาญการไกล” สคริ๊ปคำบรรยายเปิดงานเมื่อดำเนินมาถึงตรงนี้ โอ่งหยุดหมุน ดราย์ไอซ์ยิงเข้ามาที่กลางเวทีอีกครั้ง โอ่งมังกรต้นแบบค่อยๆเปิดออก โดยเห็นติรกายืนโพสท่าสวยเชิดกับโอ่งมังกรของจริงขนาดมาตรฐาน นักข่าวต่างกรูเข้าไปรุมถ่ายรูปติรการาวกับเป็นนางงาม
พุทรายืนมองตริกาอย่างปลาบปลื้ม รปภ.แจ่มที่พุทราพามาด้วยเดินเข้ามายืนด้านหลังพูดวิทยุสื่อสารว๊อกกี้ - ท็อกกี้
“กะลาเรียกหมา..กะลาเรียกหมา”
พุทรามือแตะที่หูฟัง แล้ววอ.ตอบ
“หมาทราบแล้วเปลี่ยน...เฮ้ย”
พุทรานึกได้หันมาเจอรปภ.แจ่มแล้วทำหน้าเหวี่ยงใส่ทันที
“ไอ้แจ่ม! ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่ารหัสฉันคือญาญ่าไม่ใช่หมา” พุทราบอก
“ก็คุณพุทราเหมือนหมามากกว่าญาญ่านี่ครับ”
พุทราบิดหูรปภ.แจ่มทันที
“ไอ้แจ่ม!ฉันให้แกเฝ้าหน้างานเข้ามากวนฉันทำไมหะ”
“สายที่ถนนหลวงแจ้งว่าแกะดำกำลังมาครับ” รปภ.แจ่มรายงาน
พุทราตกใจเวอร์ทันที พร้อมกับใช้วิทยุสื่อสารสั่งการ
“แย่แล้ว! รปภ.ทุกคนมารวมที่หน้าทางเข้าด่วน”
พุทรามองติรกาอย่างหวั่น ๆ แล้ววิ่งออกไปทันที
เตือนใจยิ้มภาคภูมิใจในตัวลูกสาวอยู่ที่ข้างเวทีแล้วหยิบไอโฟน 4 ซึ่งถ่ายรูปได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เตือนใจนึกลังเลกับระบบของไอโฟน 4 อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถ่ายรูปติรกา
“กดปุ่มนี้”
เสียงดังแชะ! เตือนใจมองภาพที่จอแต่กลายเป็นภาพเตือนใจซะเอง
“อ้าว”
เตือนใจกดถ่ายอีกครั้งก็ดันถ่ายตัวเองอีก
“นี่ ฉันจะถ่ายรูปลูกฉัน ไม่ใช่ถ่ายตัวเอง” เตือนใจพูดกับไอโฟนตรงหน้า เตือนใจกดอีกสองสามครั้งยังคงเป็นรูปตัวเองจนโมโหและเริ่มทะเลาะกับไอโฟนเครื่องใหม่
พูดไม่รู้เรื่องหรือไง..ฉันจะถ่ายรูปลูกฉัน”
“หนูช่วยถ่ายรูปให้มั้ยคะ” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นทางด้านหลัง
เตือนใจหันไปทางต้นเสียง มัทรียืนยิ้มหวานให้เตือนใจอยู่ เตือนใจดีใจที่เห็นหลานสาว ลูกสาวของติรกา
“ยายมัท”
มัทรีรับไอโฟนจากเตือนใจมากดๆ ดู แล้วกดถ่ายรูปติรกาแล้วส่งให้เตือนใจ เตือนใจเห็นภาพติรกาแล้วก็หันไปทะเลาะกับไอโฟนต่อทันที
“ทีกับยัยมัทล่ะเชื่อฟังจังนะ”
มัทรียิ้มขำๆ
“คุณยายไปตั้งค่าไว้ใช้กล้องด้านหน้าโทรศัพท์น่ะค่ะ ก็เลยถ่ายคุณแม่ไม่ได้”
“เฮ้อ..ใช้ยากใช้เย็นปวดหัว.. ว่าแต่มาทันเห็นแม่เราออกจากโอ่งไหม”
“ทันจ๊ะ โอ่งยักษ์สวยดีนะจ๊ะยาย”
“ลองพูดว่าไม่สวยสิ คนออกแบบมันจะได้งอนให้เราง้อตายเลย” เตือนใจยิ้มแซว
“ยายอ่ะ”
จู่ๆมัทรีก็รู้สึกขนลุก พลางมองซ้ายมองขวาอย่างระแวง จนเตือนใจผิดสังเกตและถามขึ้น
“มองหาอะไรยัยมัท”
“จู่ ๆมัทก็ขนลุก คิ้วกระตุกด้วยจ๊ะยาย” มัทรีเอานิ้วแตะที่คิ้วขวา
เตือนใจตกใจแล้วพูดขึ้น
“ลางร้ายรุมหลานยายขนาดนี้ แสดงว่า...”
ยังไม่ทันที่เตือนใจพูดจบประโยค เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“น้องมัท”
มัทรีกับเตือนใจหันไปตามเสียง
ธงฉานใส่สูทผูกเนคไทกำลังสไลด์ตัวเข้ามาคุกเข่าเงยหน้ามองมัทรี
“ว้าว ว้าว ว้าว สวย...กระแทกใจพี่” ธงฉานเอามือขึ้นแตะอก อกกระตุกขึ้นลงราวกับจะเป็น “บี้เดอะสตาร์” เลยทีเดียว
มัทรีกับเตือนใจถอยกรูดทันทีเมื่อเห็นทุกคนจ้องมองกันมาเป็นทางเดียว มัทรีอาย แต่ธงฉานกลับไม่สะทกสะท้านกลับยกมือขึ้นมาปาดผมให้เข้าทรงด้วยคิดว่าหล่อแล้วตรงเข้าไปดึงตัวมัทรี
“น้องมัท..ไปครับ ไปหาเครื่องดื่มกัน”
มัทรีขืนตัวทันที
“นี่ ๆ หลานฉันไม่ใช่ไก่สดนะ เอะอะลากลงน้ำ” เตือนใจโพล่งขึ้น
“ธงฉานไม่ใช่กระต่ายนะครับคุณยาย”
“กระต่ายที่ไหนกินไก่ ไอ้ที่กินน่ะมัน..หะ”
มัทรีรีบยกมือห้ามเตือนใจทันที เตือนใจทำหน้าเซ็งจนมัทรีต้องยิ้มปลอบ
“หยุดแค่นั้นค่ะคุณยาย เด็กชมเยอะนะคะ”
“พี่ธงฉานขอยืนด้วยคนนะครับ ถ้าน้องมัทไม่รังเกียจ”
“รังเกียจ” มัทรีวางหน้าตาเฉยแล้วบอกน้ำเสียงนิ่ง
ธงฉานผงะนิดหนึ่งแล้วป้อต่อ
“ไม่เป็นไรครับ แรก ๆ ก็รังเกียจ เดี๋ยวก็รักเองครับ”
เตือนใจถลึงตามอง แล้วโพล่งขึ้น
“สุดๆ จริงๆ”
“หล่อใช่ไหมครับ”
“หน้าด้านน่ะ” เตือนใจว่า
ธงฉานไม่สะดุ้งสะเทือนกับคำเปรียบเปรยของเตือนใจแม้สักนิดกลับทำหน้าระรื่นพูดต่อ
“ขอบคุณครับที่ชม”
เตือนใจกับมัทรีมองธงฉานที่ยืนกระดี๊กระด๊าอย่างเซ็งๆ เตือนใจหันไปพูดเบา ๆ กับมัทรี
“ยัยมัท..แล้วเด็กเราจะมาหรือเปล่า”
“มัทขอไม่ให้มาน่ะค่ะ..กลัวโอ่งแตก” มัทรีบอก
มัทรีพูดแล้วยิ้มอย่างปลง ๆ พลางมองไปทางติรกา เตือนใจมองมัทรีอย่างเข้าใจ
ติรกามองจากบนเวทีเห็นมัทรีเข้ามาที่งานเลี้ยงพอดี จึงรีบคว้าไมค์แล้วประกาศทันที
“เมื่อสักครู่ทุกท่านได้เห็นลวดลายโอ่งแบบใหม่ล่าสุดไปแล้ว คนที่ออกแบบลวดลายนี้ก็ไม่ใช่ใคร ลูกสาวคนเดียวของดิฉันเองค่ะ”
ด้านล่างทั้งมัทรีกับเตือนใจต่างก็ทำหน้าเหวอ ไม่คาดคิดว่าติรกาจะจู่โจมแบบที่ทุกคนคาดคิดไม่ถึง
“น้องมัทครับ คุณแม่ให้น้องมัทขึ้นไปบนเวทีน่ะครับ” ธงฉานบอก
“คุณยาย ไหนตกลงกันแล้วไงว่าจะไม่พูดเรื่องคนออกแบบ” มัทรีพูดกับเตือนใจ
“แม่เขาคงอยากให้แขกในงานเห็นความสามารถของมัทน่ะลูก” เตือนใจพูดอย่างเสียไม่ได้ทั้งที่รู้เรื่องนี้อยู่แก่ใจ
“แต่มัทไม่ได้...”
มัทรียังไม่ทันได้พูดอะไร จู่ๆก็โดนธงฉานลากตัวไปแล้ว
ภายในรถของวันรบดูสะอาดสะอ้าน รถกำลังวิ่งอยู่บนถนนด้วยความเร็ว วันรบวางนิ้วแตะที่พวงมาลัยเคาะตามจังหวะเพลงสนุก ที่มุมปากระบายยิ้มอย่างอารมณ์ดี วันรบมองไปที่ช่อดอกไม้สองช่อที่วางอยู่ข้างเบาะ แล้วเท้ารีบเหยียบคันเร่ง รถพุ่งตัวไปอย่างรวดเร็วบนท้องถนนยามกลางวัน
ลานถนนด้านหน้าของสวนผึ้งรีสอร์ต พุทรากับ รปภ.แจ่มวิ่งออกมา รปภ.คนอื่นๆวิ่งมาจากมุมต่าง ๆ มายืนตั้งแถวเรียงหน้ากระดานเตรียมพร้อม รถของวันรบเข้ามาจอดเทียบ วันรบก้าวลงมาจากรถด้วยรองเท้าเท่ห์กริ๊บ ทันทีที่พุทราเห็นวันรบยิ่งตกใจหนักกว่าเดิม ถึงกับหยิบนกหวีดที่ซ่อนอยู่ในกระเป๋าเสื้อ โดยมีสายคล้องคออยู่เป่าปรี๊ด
“เตรียมตั้งค่าย!” พุทราออกคำสั่ง
รปภ.มองหน้ากันเลิ่กลั่ก ไม่เข้าใจว่า ตั้งค่ายอะไรและทำไม !? รปภ.แจ่มหันไปพูดกับพุทรา
“ตั้งไม่ได้หรอกครับ ไม่ได้พกเต๊นท์มา”
“เหรอ” พุทรานึกได้จึงหันมาโวยกับกลุ่มรปภ.
“เว้ย ไอ้บ้า ไม่ใช่ค่ายพักแรม ฉันหมายถึงกั้นอย่าให้นายแกะดำนั่นเข้ามาเร็ว”
“ไม่ทันแล้วล่ะครับ”
“ทำไม”
พุทราหันไปเจอวันรบในระยะประชิดกำลังจะเดินเข้า พุทราตกใจรีบดึงชายเสื้อวันรบ
“ไม่ได้นะ”
วันรบหันกลับมา พุทราชะงัก เมื่อวันรบใช้นิ้วแตะที่ริมฝีปากของพุทรา พุทราอึ้ง วันรบดึงนิ้วกลับมาแตะที่ปากตัวเองให้พุทราเงียบ พุทราถึงกับเคลิ้มไปทันที วันรบยิ้มแล้วเดินเข้าไปในบริเวณห้องจัดงานทันที
พุทรายังอยู่ในอาการเคลิ้มราวต้องมนตร์ เชิดหน้าห่อปากปากจุ๊บ พริ้มสายตา รปภ.แจ่มมองพุทราอย่างเซ็ง ๆ
ติรกาบนเวทียังประกาศกับแขกในงานต่อ
“ขอเสียงปรบมือให้กับบัณฑิตป้ายแดง เกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากคณะสถาปัตยกรรม สาขาออกแบบผลิตภัณฑ์... มัทรี หาญการไกล”
แขกในงานปรบมือกันเกรียวกราว มัทรีจำใจเดินขึ้นมาบนเวทีแล้วพนมมือไหว้แขกในงานอย่างนอบน้อม
“ลูกสาวฉันเองค่ะ” ติรกาบอกกับแขกอีกครั้ง
ติรกาเดินเข้าไปยืนข้าง ๆ มัทรีเพื่อให้ช่างภาพถ่ายรูป มัทรีได้จังหวะกระซิบกับติรกา
“ตกลงกันแล้วนี่คะว่าจะไม่พูดเรื่องการออกแบบ”
ติรกายังยิ้มหวานให้ช่างภาพถ่ายรูปอยู่ แต่ก็แอบกระซิบคุยกับมัทรีไปด้วย
“ก็แม่อยากให้ทุกคนเห็นว่าแกเก่ง”
“แม่ไม่รักษาสัญญา”
“ไม่ใช่เวลาที่แกจะมาดื้อกับแม่นะยายมัท”
ติรกาเห็นมัทรีกำลังจะเถียงจึงรีบประกาศกับแขกในงานต่อ
“พูดถึงผลงานการออกแบบชิ้นนี้ของลูกหน่อยสิจ้ะมัทรี”
ติรกาจ้องหน้ามัทรีนิ่ง ถึงติรกาจะยิ้มให้มัทรี แต่แววตาที่จ้องไปยังมัทรีหมายจะสั่งให้มัทรีทำตาม มัทรีจำใจรีบไมโครโฟนมาจากมือติรกา
“สำหรับผลงานชิ้นนี้... มัทคงพูดอะไรไม่ได้ค่ะ เพราะมัทไม่ได้เป็นคนออกแบบ”
ทุกคนในงานได้ยินถึงกับอึ้งไป
“อะไรของแกยายมัท!! แกพูดอะไร แกจะไม่ใช่คนออกแบบได้ยังไง”
“มัทพูดความจริงค่ะแม่ มัทไม่ได้เป็นคนออกแบบ คนที่ออกแบบโอ่งใบนี้คือ...”
“ผมเองครับ” เสียงของวันรบดังขึ้น
ทั้งติรกากับมัทรีถึงกับชะงัก ทุกคนหันไปมองต้นตอของเสียง
วันรบยืนอยู่ในชุดสุดเท่ห์ที่ประตูทางเข้าห้องจัดเลี้ยงพร้อมช่อดอกไม้ 2 ช่อใหญ่ วันรบเดินเข้าผ่านแขกในงานเพื่อเข้าไปหามัทรี ในช่วงที่วันรบเดินผ่านแขกในงาน ทุกคนถึงกับอ้าปากค้างอึ้งทึ่งหลงใหลในความหล่อของวันรบ วันรบเดินเข้ามาหยุดตรงหน้ามัทรี
“ช่อนี้สำหรับนางฟ้าของผมครับ”
มัทรียิ้มเขินแล้วรับช่อดอกไม้มาจากวันรบ
“ขอบคุณค่ะวันรบ”
แขกในงานกรี๊ดกร๊าดกับวันรบกับมัทรีจนมัทรีเขินมากขึ้น ติรกามองนิ่งตาขวาง พูดพลางกระซิบกับติรกา
“ส่วนช่อนี้.. แขกมองอยู่นะครับ รับนะครับ..คุณแม่”
“ใครเป็นแม่แก”
ธงฉานเดินไปหาวันรบและร้องเรียกรปภ.
“รปภ...มาเอาตัวไอ้คนนี้โยนออกไปเดี๋ยวนี้เลย”
“ใครก็โยนผมออกไปไม่ได้หรอกครับ เพราะผมมาแสดงความยินดีกับผู้หญิงที่ผมรัก”
คนในงานมองกันอย่างฮือฮา
ธงฉานหันไปพูดกับติรกา
“นี่แฟนน้องมัทเหรอครับ”
“ไม่ใช่ ...พุทรา โยนมันออกไป” ติรกาสั่ง
พุทราวิ่งเข้ามาประจำที่รับคำสั่ง เป่านกหวีดพลางชี้ไปที่วันรบ รปภ.จะเข้ามาหาวันรบ แต่มัทรีเข้าขวางไว้
“ห้ามยุ่งกับรบนะคะ เพราะรบเป็นแฟนมัท”
“ยัยมัท” ติรการ้องเสียงหลง
วันรบ มองที่โอ่งแล้วบอกกับติรกา
“คุณแม่ครับ..ผลงานชิ้นนี้ ผมทำสุดฝีมือเพื่อคุณแม่เลยนะครับ”
ติรกาจ้องมองวันรบด้วยแววตาโกรธเกลียดเคียดแค้น
“แกออกแบบโอ่งใบนี้ใช่มั้ย”
“ใช่ครับ”
วันรบหันไปพูดกับแขกในงาน
“ผม วันรบ แคล้วคลาดภัย เป็นคนออกแบบโอ่งยักษ์ใบนี้เองครับ”
ทุกคนปรบมือให้วันรบ ยกเว้นธงฉานที่ส่ายหน้าไม่ชอบใจ
“แกตาย”
ติรกาคว้าโอ่งเล็กที่อยู่ข้างมือขว้างใส่วันรบทันที วันรบรับไว้อย่างแม่นยำแล้ววางข้างตัวราวกับแสดงโชว์ ติรกาไม่ยอมแพ้หยิบโอ่งเล็กที่ใกล้มือทั้งหมดเขวี้ยง ๆ ๆ ๆ วันรบก็รับ ๆ ๆ ๆ แถมวางเรียงไว้ข้างตัวอย่างสวยงาม
คนในงานตบมือกันอย่างทึ่งๆ วันรบโค้งรับเสียงตบมือหันมาหาติรกา ติรกาแค้นมากมือจับที่ปากโอ่ง
“อ๊ะ คุณแม่..มันหนักนะครับ คุณแม่ยกไม่ไหวหรอก”
ติรการาวกับมีพลังมหาศาลยกโอ่งขึ้น
“เหวอ” วันรบตกใจร้องลั่นพร้อมกับรีบหลบให้พ้นทางโอ่ง
โอ่งมังกรถูกติรกาเหวี่ยงเฉียดร่างวันรบกระแทกพื้นแตกเพล้ง!จนแขกในงานตกใจกรี๊ดลั่น
ทุกคนในงานเลี้ยงวิ่งหนีตายกันออกมาด้านนอก พุทรากับรปภ.แจ่ม วิ่งตามเก็บโอ่งเล็กด้วยความเสียดาย พุทราเป่านกหวีดปรี๊ดๆแล้วบอก
“อย่าเหยียบโอ่งค่า แจ่มแกเก็บเร็วๆ สิ ไม่งั้นคุณติหักตังค์หมดตัวแน่แก”
วันรบวิ่งหนีออกมาจากงานด้วย โอ่งไซส์เล็ก ไซส์กลางกลิ้งไล่ตามหลังมา ธงฉานวิ่งตามมาเกาะวันรบออกมาด้วย ขณะเดียวกันเสียงคึ่ก ๆ ๆก็ดังไล่มาจากด้านหลัง วันรบกับธงฉานหันกลับไปมองมองเห็นโอ่งยักษ์กำลังกลิ้งเข้ามา
“เหวอ” วันรบและธงฉานร้องขึ้นพร้อมกัน
วันรบหันกลับและวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต ธงฉานจะวิ่งตามแต่สะดุดขาตัวเองล้มไปนอนกับพื้น ธงฉานเงยหน้าขึ้นมองเห็นโอ่งกลิ้งเข้ามาด้วยความเร็ว
“ม่าย” ธงฉานร้องเสียงดัง
โอ่งกลิ้งผ่านตัวธงฉานไป ธงฉานนอนแบนเป็นอึ่งอ่างโดนรถเหยียบนอนแนบไปกับพื้น ขณะที่คนในงานต่างวิ่งกันวุ่นวายอลหม่านไปทั้งงาน
คุณแก้วที่กำลังท้องและสามีนั่งอยูในห้องประชุมของบริษัทพชรอาคิเทค ภายในห้องเต็มไปด้วยบรรยากาศของการพรีเซ้นต์งานสถาปัตย์ มีโมเดลของรีสอร์ทวางอยู่ด้านข้าง พชรเดินออกมาด้วยสีหน้ายิ้มต้อนรับแก้วกับสามี
“พชรอาคิเทค.. ภูมิใจนำเสนอสุดยอดโครงการออกแบบประจำปีนี้ครับ” พชรกล่าวนำ
พชรผายมือแล้วเดินออกไป ไฟในห้องแสงหรี่ลงเล็กน้อย แสงฟอลโล่ขนาดเล็กส่องไปยังโมเดลขนาดเล็กของรีสอร์ทด้านหน้า เสียงเพลงดนตรีอินโทรใส ๆ เย็น ๆ สบาย ๆ เสียงรชานนท์ดังขึ้น
“วันนี้ผมขอเสนอรีสอร์ทพักตากอากาศสำหรับคนรุ่นใหม่ เพียง 3 ห้องในโฮมรีสอร์ทส่วนตัว .. Happy Home Pool Villa เพียบพร้อม.. หลากหลาย..สมบูรณ์ เติมเต็มความสุข.. อย่างที่คุณฝันไว้”
จอวิดีโอมอนิเตอร์สว่างขึ้น ภาพคอมพิวเตอร์กราฟฟิคตัวอย่างห้องพักPool Villa ขนาด 3 ห้องนอนสวยงามและทันสมัย เสียงเพลงดนตรีอินโทรหยุดลง รชานนท์เดินเข้ามาที่ข้างจอ ยิ้มที่มุมปากอย่างมีเสน่ห์.. คุณแก้วยิ้มรับ ถึงกับหลงไปกับรอยยิ้มนี้ของรชานนท์ รชานนท์ผายมือออกด้านข้าง พชรส่งกีต้าร์อูคูเลเลให้
รชานนท์เริ่มเล่นอูคูเลเล่เพลง Home ของ ธีร์ ไชยเดช พร้อมกับเดินเข้าไปหาเจ้าของโครงการทั้งสองคน รชานนท์ร้องเพลง ...ดอกไม้ ประตู แจกัน ดินทรายต้นไม้ใหญ่ ...
ภาพสไลด์เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ตามเพลงที่รชานนท์ร้องเพื่อให้เห็นทุกๆส่วนในห้องPool Villa รชานนท์นั่งบนโต๊ะประชุมและร้องเพลงไปด้วย
...แก้วน้ำ จานชาม บันได โคมไฟที่สวยงาม...
...ขอบรั้วและริมทางเดิน ต้นหญ้าอยู่ในสนาม...
ภาพสไลด์เปลี่ยนไปเป็นภาพสวนส่วนตัวของห้องพัก
...บ้านนี้จะมีความงามได้ มีเธอ... ก็เพราะว่าใจของเธอคือบ้าน... ของฉัน
รชานนท์เห็นอาการของทั้งสองคนก็ยิ้ม
“เราเซ็นสัญญาจ้างงานกันวันไหนดีครับ” รชานนท์ถามขึ้น
“วันนี้!!” คุณแก้วและสามีพูดขึ้นพร้อมกัน
พชรซึ่งยืนอยู่มุหนึ่งกำหมัดอย่างดีใจ
“เยส!”
พชรชูนิ้วโป้งให้รชานนท์ ดีใจที่ขายงานได้สำเร็จ รชานนท์ยิ้มภูมิใจในความเก่งกาจของตัวเอง
เวลาเย็นต่อมา ภายในมุมหนึ่งของบริษัทพชรอาคิเทค พชรเดินกอดคอรชานนท์ด้วยความชอบใจที่ชนะใจลูกค้าได้
“สุดยอดจริง ๆ ฉันยอมรับในตัวแกจริง ๆ รชานนท์”
“ถ้ารชานนท์ตั้งใจซะอย่าง ไม่มีคำว่าพลาด โปรเจ็คท์นี้ผมขอพิเศษค่าพรีเซ้นต์ด้วยนะพี่”
“ฝันไปเถอะ”
“งั้นผมเข้าไปบอกคุณแก้วว่างานนี้ผมบายดีกว่า”
“ไอ้นนท์” พชรร้องเรียก รชนานนท์ยังไม่หยุดเดิน
“เออ..ก็ได้”
แต่รชานนท์ยังไม่หยุดเดิน
“แถมโบนัสอีก”
“สิบเปอร์เซ็นต์ด้วย..พอใจยัง” พชรบอก
รชานนท์หันกลับมายิ้มและกลับมาหาพชร
“ค่อยน่าฟังหน่อย แล้วจู่ ๆ วันนี้ไอ้รบตัวแสบไปไหนล่ะครับ”
“ทำไมมันเบี้ยวไม่มาพรีเซ้นต์ซะอย่างนั้น”
“มันลาไปทำภารกิจของหัวใจ พยายามเอาใจว่าที่แม่ยายในอนาคต” พชรบอก
“ฮ่า ๆ อย่างไอ้รบ.. ไม่เห็นจำเป็นต้องเอาใจเลย บอกตามตรงนะครับ ผมยังไม่เคยเห็นผู้หญิงที่ไหนไม่ชอบมันสักคน สาวเอ๊าะ สาวแก่ เห็นหน้ามันทีไร หลงใหลในเสน่ห์ไอ้รบทุกราย” รชานนท์พูด
เย็นวันเดียวกัน ติรกากับมัทรีหันหน้าเข้าหากันด้วยความฉุนเฉียวและระเบิดอารมณ์ใส่กันทันทีภายในห้องนั่งเล่นของบ้านติรกา โดยมีเตือนใจนั่งอยู่กับพุทรา ส่วนวันรบยืนอยู่อีกด้านหนึ่ง ติรกามองวันรบอย่างเหม็นขี้หน้า มัทรีเข้าขวางปกป้องไว้ ติรกาชี้หน้าวันรบและพูดขึ้น
“มันทำให้งานวันนี้พัง”
“ผมแค่ไปแสดงความยินดี ไม่คิดว่าคุณแม่จะวัยทองนี่ครับ” วันรบเอ่ยขึ้นอย่างหน้าระรื่น
“ไอ้รบ”
“คร้าบ...คุณแม่”
ติรกาโกรธจัดจนอยากจะร้องกรี๊ดเสียงดัง
“ยัยมัท แกต้องเลิกกับไอ้บ้านี่ ไม่งั้นแม่ไม่ยอม”
“แม่คะ..รบเขาทำอะไรแม่ถึงได้เกลียดเขานักหนา” มัทรีถามติรกา
“นั่นสิครับคุณแม่...ผมก็สงสัย”
ติรกาจ้องมองวันรบ วันรบมองกลับทำหน้าซื่อ
“มหาวิทยาลัยปีสอง เทอมหนึ่ง แกคบกับยัยมัทแล้วแกยังคบกับลีดเดอร์วิทยาลัยทีเดียวสองคนใช่ไหม”
วันรบอ้าปากจะตอบแต่มัทรีชิงตอบแทนเสียก่อน
“สองคนนั้นมาตามตื้อรบต่างหาก มัทเป็นคนไปเคลียร์กับผู้หญิงสองคนนั้นเอง”
“ปีสองเทอมสอง อาจารย์สาวย้ายมาใหม่แกก็ไปกิ๊กเขา เอาดอกไม้ไปให้”
“ดอกไม้นั่นรบซื้อให้มัท อาจารย์เขาเข้าใจผิดคิดว่ารบให้เขา รบไม่อยากให้อาจารย์เสียหน้า มัทก็เลยให้เลยตามเลย”
ติรกาท่าทางฮึดฮัดแต่ไม่ยอมแพ้
“เด็ก..ใช่...ปีสามเทอมสอง เด็กม.4 แกก็ไม่เว้น หลอกจนเด็กมาหาแกทุกวัน”
“น้องเขามาเรียนพิเศษต่างหาก”
“แต่มันอยู่กันสองต่อสอง”
“สามค่ะ เพราะมัทอยู่ด้วยทุกครั้ง ไม่มีเรื่องชู้สาวแน่นอน”
ติรกาอึ้งกับการแก้ต่างของมัทรี
“ตีตกทุกข้อกล่าวหา..ท่าเราจะแพ้นะคะคุณ”
ติรกาหันขวับ พุทราก้มหน้างุดทันที วันรบพูดเบา ๆ กับเตือนใจ
“ผมพ้นทุกข้อกล่าวหานะครับคุณยาย”
ติรกาหันขวับมองไปที่วันรบ วันรบปัด แขนเสื้อตัวเองแล้วยิ้ม
“เอ่อ..ขาวสะอาดจริง ๆ”
ติรกาตั้งท่าจะจับหนังสือใกล้มือ เตือนใจรีบตัดบททันที
“พ่อรบ..กลับไปก่อนไป”
“แต่...มัท”
“มัทกลับเองได้ค่ะ” มัทรีบอก
วันรบอึกอัก แต่เตือนใจส่งสายตาขอร้องแกมบังคับ
“งั้น..สวัสดีครับคุณยาย คุณแม่”
วันรบยังไม่ทันลดมือลงจากการไหว้ก็ต้องวิ่งหนีไปโดยมีหนังสือปลิวตามหลังไป ติรกาหันมาทางมัทรี สองคนมองกันอย่างไม่มีใครยอมใคร เตือนใจมองด้วยความเป็นห่วง ขณะที่พุทรารู้สึกหวั่นๆกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
วันรบเดินออกมาหยุดที่หน้าบ้านของติรกาแล้วหันไปมองห่วง ๆ มัทรี จังหวะนั้นเสียงมือถือวันรบดัง วันรบหยิบมาดู
“ว่าไงครับป๋านนท์...ฉลอง?”
ภายในบ้าน มัทรีพยายามจะเจรจากับติรกาเกี่ยวกับวันรบ
“ตั้งแต่มัทคบกับรบ รบไม่เคยมีเรื่องผู้หญิงให้มัทเสียใจ”
“มันเป็นพวกกะล่อน ถ้าแกไว้ใจมันแกจะต้องเสียใจ”
“เขาอาจจะเคยเจ้าชู้ แต่ตอนนี้เค้ามีมัทคนเดียว”
“แม่ไม่มีวันเชื่อใจผู้ชายอย่างไอ้รบ”
“มัทสงสัยมานานแล้ว ทำไมแม่ถึงเกลียดผู้ชายเจ้าชู้นัก แม่บอกมัทได้ไหมคะว่าทำไม”
ติรกาถึงกับอึ้งและเงียบไปในทันที มัทรีพูดต่อ
“ถ้าแม่มีเหตุผลเพียงพอ มัทจะฟังแม่ แต่แม่ต้องอธิบายให้มัทเข้าใจว่าเหตุผลคืออะไร บอกมัทสิคะแม่...แม่คะ”
ติรกาได้แต่น้ำตาคลอ อึดอัดไม่สามารถบอกเหตุผลกับมัทรีได้ว่าเพราะอะไร เตือนใจเห็นอาการติรกาก็ให้เกิดความรู้สึกสงสารจับใจ เพราะรู้ว่าติรกากำลังเจ็บปวดกับอดีต
“แม่คะ...”
“ไม่มีเหตุผล แม่ไม่ชอบไอ้รบ มัทต้องเลิกกับมัน”
“งั้นมัทก็ไม่มีเหตุผลเหมือนกัน รบคือคนที่มัทรักค่ะแม่”
“แต่แม่ไม่อนุญาต แม่จะขัดขวางแกให้ถึงที่สุด”
“แม่ไม่คิดถึงใจมัทบ้างเลย แม่ไม่อยากให้มัทมีความสุขเหรอคะ”
ติรการู้สึกสะเทือนใจขึ้นมาทันที
“ยัยมัท แกเตรียมตัวย้ายกลับราชบุรี แกเรียนจบแล้วต้องกลับมาทำงานที่บ้าน แม่ไม่ยอมให้แกอยู่กรุงเทพฯ ได้ใกล้ชิดกับไอ้กะล่อนวันรบอีกเด็ดขาด”
มัทรีถึงกับน้ำตาคลอเมื่อได้ยินคำสั่งเด็ดขาดของแม้ ติรกาถึงกับอึ้งที่เห็นความผูกพันของมัทที่มีต่อวันรบ
“มัทกลับก่อนนะคะ...สวัสดีค่ะยาย..สวัสดีค่ะแม่”
มัทรีก้าวเดินออกไป ติรกาเดินออกไปอีกทาง เตือนใจสั่งพุทรา
“พุทรา ตามไปส่งคุณมัทด้วย”
พุทรารับคำสั่งแล้วรีบเดินออกไป เตือนใจมองตามติรกาด้วยความเห็นใจทั้งคู่
อ่านต่อหน้า 2
แม่ยายที่รัก ตอนที่ 1 (ต่อ)
ตะวันคล้อยต่ำ บอกเวลาเย็นย่ำแล้ว ภายในมุมหนึ่งของบ้าน ติรกากำลังทอดสายตาเหม่อล่องลอยออกไปนอกบ้าน คิดถึงคำพูดของมัทรี
“แม่ไม่คิดถึงใจมัทบ้างเลย แม่ไม่อยากให้มัทมีความสุขเหรอคะ”
สีหน้าของติรกาเครียดขึ้นมาทันที และเมื่อหวนคิดถึงเรื่องของตัวเองที่เคยเกิดขึ้นในอดีต สีหน้านั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นความเศร้าขึ้นมาทันที
ภาพแห่งความหลังเมื่อ 20 ปีก่อนเข้ามาก่อกวนความรู้สึกของติรกาอีกครั้ง วันนั้น ติรกาไปฟังผลการตรวจครรภ์ที่โรงพยาบาล ติรกานั่งอยู่หน้าหมอหนุ่มที่ยิ้มแย้มด้วยความยินดีกับคนไข้
“หมอขอแสดงความยินดีด้วย…คุณกำลังจะมีลูก”
ติรกาสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ
“อะไรนะคะ”
“คุณตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้วครับ”
ติรกาหน้าเสียขึ้นมาทันทีเพราะ เธอยังไม่พร้อมจะมีท้องในเวลานี้ หมอเห็นอาการของติรกาแล้วก็อดนึกสงสัย
“มีปัญหาอะไรรึเปล่าครับ”
“ปละ..เปล่าค่ะ”
“ต่อไปนี้คุณต้องดูแลตัวเองให้ดี ทานยากับวิตามินตามที่หมอสั่งและจะให้ดี.. พาแฟนมาหาหมอด้วย หมอจะได้แนะนำเค้าว่าควรจะดูแลคุณยังไง”
“เอ้อ..ค่ะๆ”
สีหน้าติรกาเต็มไปด้วยความกังวล ไม่สบายใจที่ท้องก่อนวัยอันควร
สายตาของติรกายังคงเหม่อลอย และรำพึงเสียงเบาๆว่า
“มัทรีต้องไม่พลาดเหมือน...แม่”
มัทรีออกรถจากราชบุรีเข้ากรุงเทพฯโดยมีพุทรานั่งรถตามมาด้วย ห้องพักของมัทรีเป็นคอนโดมิเนียมห้องชุดขนาดใหญ่ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ พื้นที่ตรงกลางเป็นส่วนของห้องนั่งเล่น โดยมีห้องครัวแยกเป็นสัดส่วนอยู่อีกด้านหนึ่ง
มัทรีเปิดประตูเข้ามาเปิดสวิทช์ไฟและเดินไปยังห้องรับแขก โดยมีพุทราตามเข้ามาติดๆ
“ขอบคุณนะคะพี่พุทราที่ตามมาส่ง”
“น้องมัทหายโกรธคุณแม่หรือยังคะ”
“มัทไม่โกรธคุณแม่ค่ะ มัทแค่ไม่เข้าใจ จริงๆ เมื่อกี้มัทก็รู้ว่าพูดแรงไป แต่แม่ไม่เคยฟังมัทเลย”
“คุณติรักน้องมัทมาก ไม่อยากให้น้องมัทเสียใจ”
“พี่พุทราคิดว่ารบจะทำให้มัทเสียใจเหรอคะ”
“พี่ก็ไม่รู้หรอกค่ะ อยู่มาจะสามสิบปีแล้ว ยังไม่เคยมีผู้ชายตกถึงท้องเลยค่ะ แต่พี่เชื่อว่า พวกผู้ชายไว้ใจไม่ได้หรอกค่ะ ตอนโปรโมชั่นก็เห็นเราเป็นนางฟ้า หมดโปรกลายเป็นนางมารซะงั้น คุณติพูดให้พี่ฟังน่ะค่ะ”
“แต่รบไม่ใช่คนแบบนั้นแน่นอนค่ะ”
“อะไรทำให้น้องมัทมั่นใจขนาดนั้นคะ”
มัทรีถึงกับอึกอักเมื่อเจอคำถามนี้จากพุทรา
“เอ่อ...มัดเชื่อใจคนที่มัทรักค่ะ”
พุทราพยักหน้ารับอย่างไม่ติดใจอะไร พุทรามองไปที่ประตูห้องเห็นลูกบิดมีผ้าหุ้มเป็นลายคิตตี้ หน้าประตูติดป้ายห้ามรบกวนแต่หวานแหววน่ารักมาก
“ว่าแต่...รูมเมทน้องมัทยังไม่กลับเหรอคะ เขาทำงานอะไรคะ...ทำไมมาทีไรพี่ไม่เคยเจอสักที”
“เขาก็ทำงานออกแบบเหมือนมัทนี่แหล่ะค่ะ แต่ช่วงนี้เขาไปดูงานที่ภูเก็ต”
“อ๋อ..”
“มัทว่าพี่พุทรารีบกลับเถอะค่ะ กว่าจะถึงราชบุรีจะดึกเกิน”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
“ไปเถอะค่ะ...ไปเถอะ”
พุทราจำต้องออกไปอย่างเสียไม่ได้ หลังจากที่มัทรีปิดประตูแล้วก็เดินไปนั่งเครียดที่โซฟา มัทรีใช้นิ้วโป้งคลึงที่หว่างคิ้วตัวเอง
รชานนท์ใช้นิ้วโป้งคลึงที่หว่างคิ้วตัวเอง ด้วยท่าทางเดียวกันกับมัทรีไม่มีผิดเพี้ยน ! ที่ศาลาริมสระว่ายน้ำในบ้านของพชร ในช่วงเย็นวันเดียวกันแล้วพูดกับตัวเอง
“อย่าเครียด ๆ ไอ้นนท์ อย่าเครียด”
รชานนท์ วันรบและพชรนั่งดื่มเหล้ากันอยู่ที่ศาลาริมสระว่ายน้ำ วันรบมองท่าทางของรชานนท์อย่างแปลกใจ
“ป๋าจะเครียดทำไม ผมสิต้องเครียด” วันรบเอ่ยขึ้น
รชานท์มองวันรบแล้วส่ายหน้า
“ฉันว่ายากแบบนี้ เปลี่ยนแฟนง่ายกว่า” รชานนท์บอก
“ป๋านนท์พูดแบบนี้ได้ไง คนนี้ผมรักจริงนะ”
“รักจริงก็เอาไว้บนหิ้ง หาแบบกุ๊งกิ๊งงุ๊งงิ๊งไว้ขำ ๆ ก็ได้” พชรบอก
“ใช่เลยพี่ระ หาวันไปกันมั้ย เดี๋ยวป๋าจัดเต็ม ฮ่าๆๆ” รชานนท์เห็นด้วย
วันรบส่ายหน้าไม่ไป
“ไม่เอาพี่ ผมเลิกเที่ยวแล้วจริงๆ”
“อะไรวะไอ้รบ ตั้งแต่คบแฟนคนนี้มาทำไมแกเปลี่ยนไปขนาดนี้วะ” รชานนท์ถาม
“ผมอธิบายยังไงป๋าก็ไม่เข้าใจหรอก ถ้าป๋ายังไม่เจอคน ๆ นั้น” วันรบบอก
“คนไหนวะไอ้รบ?” พชรถาม
“ก็คนที่ใช่ไงพี่... อย่างพี่ก็พี่นี ของผมคือมัท” วันรบตอบ
วันรบหันไปพูดกับรชานน์อย่างจริงจัง
“จริง ๆ นะป๋านนท์... วันนึงถ้าป๋าเจอคนที่ใช่ ป๋าจะเข้าใจผม”
“คนที่ใช่...อยากเจอจริงๆ” รชานนท์บอก
ฟ้ามืดแล้ว ติรกาลงมาจากชั้นบนพร้อมกับเอกสารเพื่อจะมานั่งทำงานในห้องรับแขก จังหวะที่กำลังจะนั่งนั้น บังเอิญมือไปปัดโดนกรอบรูปที่ตั้งอยู่บนโต๊ะตกลงที่พื้น ติรกาก้มลงหยิบขึ้นมาดู ภาพของมัทรีวัยเด็กที่กำลังกอดคอและหอมแก้มติรกา สองแม่ลูกยิ้มร่าให้กันอย่างมีความสุข
ติรกาหยิบกรอบรูปบานนั้นวางไว้ที่เดิมแล้วมองไปรอบ ๆ ห้อง ที่รายล้อมไปด้วยถ่ายคู่ระหว่างเธอกับมัทรีในวัยต่าง ๆ ตั้งแต่ทารกแรกเกิด, เด็กเล็ก, วัยมัธยมฯ จนเข้ามหาวิทยาลัย ทุกภาพมีแต่สองแม่ลูกและเตือนใจที่ยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดี
เตือนใจยื่นมือวางแก้วน้ำส้มตรงหน้าติรกา ติรกาเงยหน้าขึ้นมองเตือนใจ
“น้ำส้มหน่อยไหมจะได้สดชื่น” เตือนใจพูดพลางยิ้มกับติรกา
ติรกาไม่รับน้ำส้มแก้วนั้นขึ้นดื่ม กลับเสียงแข็งขึ้นทันที
“ถ้าแม่จะมาเจรจาแทนยัยมัท ติบอกเลยว่าไม่ได้ผลหรอกแม่”
เตือนใจร้องเพลงขึ้นมาซะอย่างนั้น
“เจ็บแค้นเคืองโกรธโทษฉันไย ฉันทำอะไรให้เธอเคืองขุ่น...หะ ยัยติ มาเหวี่ยงใส่แม่ทำไมเนี่ย”
“หนูปวดหัวจังแม่ ทำไมลูกไม่ฟังหนูเลย”
“เป็นไงล่ะ ทำกับแม่ไว้เยอะ..ผ่านมาเยอะ เจ็บมาเยอะ คิดซะว่าชดใช้ให้แม่ดีไหม”
“แม่..ซ้ำเติมหนูเหรอ”
“แค่เตือน แกก็เคยมีความรักมาก่อน น้ำเชี่ยวเอาเรือขวางได้ที่ไหน ติแรงใส่ยัยมัท ยัยมัทก็แรงกลับแบบนี้แหล่ะ”
“แม่ไม่ได้ยินที่ยัยมัทพูดเหรอ ยัยมัทหาว่าหนูไม่อยากให้แกมีความสุข หนูฟังแล้ว..” ติรกายังพูดไม่ทันจบ
“แม่ทุกคนอยากเห็นลูกตัวเองมีความสุขทั้งนั้น แม่รู้ว่าติห่วงลูก แต่ติน่าจะลองเชื่อสายตายัยมัท ให้โอกาสวันรบบ้าง เฮ้อ..”
เตือนใจหยิบน้ำส้มแก้วนั้นมาดื่มเอง ติรกามองเตือนใจตาปริบๆ
“แม่ นั่นน้ำส้มหนูไม่ใช่เหรอ”
เตือนใจมองแก้ว น้ำส้มหมดแล้ว
“เออ...ลืม ก็ติให้แม่พูดยาว แม่ก็คอแห้งน่ะสิ”
ติรกาขำ
“ซะงั้น...แม่..วันรบเหมือนเขา เหมือนมาก..ถ้ายายมัทยังขืนคบกับผู้ชายแบบนั้นต่อไปจะต้องโดนมันทำร้ายจิตใจจนต้องเจ็บปวดไปตลอดชีวิตแน่ ๆ”
“ติกับมัท..มันคนละคนกันนะลูก ชีวิตใครก็ปล่อยให้เขาจัดการเองเถอะ”
“ยัยมัทเป็นแก้วตาดวงใจของหนูจะให้หนูปล่อยให้ลูกเดินทางผิด หนูทำไม่ได้หรอกแม่”
“อนาคตมันยังมาไม่ถึงไม่มีใครรู้ปลายทางหรอก ยัยมัทอาจจะเดินทางถูก แต่เป็นติที่เดินทางผิดก็ได้ จริงไหม”
“หนูเหนื่อย...หนูไปนอนก่อนนะแม่”
ติรกากอดเตือนใจ เตือนใจกอดตอบ
“ฝันดีนะลูก”
“แม่ด้วยนะ”
ติรกาหอมแก้มเตือนใจแล้วเดินขึ้นห้องไป
“เมื่อไหร่จะลืมซะทีนะลูกเอ้ย”
รชานนท์นั่งดื่มเหม่อ ๆ อยู่ที่เดิมคนเดียวจนพชรเข้ามาตบบ่าไหล่ รชานนท์เงยหน้ามองทันที
“ไอ้รบล่ะ”
“กลับไปตั้งนานแล้ว เห็นแกเงียบคิดว่าหลับมันก็เลยไม่กวน แล้วแกเป็นอะไรเงียบเชียว” พชรถาม
“แค่..คิดอะไรเรื่อยเปื่อย”
พชรมองอาการรชานนท์อย่างมีข้อสงสัยในใจ
“คุยอะไรกันอยู่คะ” เสียงของนลินีดังขึ้น
ทั้งสองคนหันไปทางต้นตอเสียง เห็นนลินีกำลังเดินมาพอดี
“ผมกำลังสงสัยจ๊ะเมียจ๋า ว่านนท์มันกำลังคิดถึงใครอยู่” พชรเอ่ยขึ้น
“ต้องถามว่าคนไหนมากกว่า นนท์น่าจะหาแฟนตัวจริงได้แล้วนะ อายุก็ไม่น้อยแล้ว” นลินีบอก
“พี่นีครับ น้องพี่ยังหน้าอ่อนขนาดนี้ยังลั้นลาได้อีกนานน่ะพี่” รชานนท์เฉไฉเกลื่อนเรื่องในใจ
นลินีมองอย่างรู้ทัน
“ยังคิดถึงแม่กระแตอะไรนั่นอยู่ล่ะสิ”
รชานนท์ถึงกับชะงักไปทันที
“เมียจ๋า” พชรเรียกนลินี
“พี่ล่ะอยากเห็นหน้าจริงๆ ผู้หญิงที่หักอกน้องพี่จนเสียศูนย์ หน้าตาเป็นยังไง ถ้าเจอนะฮึ่ม” นลินีว่า
พชรเห็นรชานนท์สะเทือนใจจึงสะกิดนลินีและเรียกอีกครั้ง
“เมียจ๋า”
“นนท์ต้องทำตัวเป็นเพลย์บอยไม่กล้ามีใครเพราะกลัวจะเจ็บอีกใช่ไหมล่ะ ถ้าไม่ใช่แบบนั้น น้องนีคงแต่งงานไปตั้งนานแล้ว” นลินีพูด
“ผมไม่ได้กลัวที่จะเจ็บ..แต่ไม่มีใครมาแทนที่กระแตได้” รชานนท์ว่า
พชรกับนลินีมองหน้ากันด้วยความเห็นใจรชานนท์ที่ลืมรักแรกไม่ได้สักที
รชานนท์ทอดสายตาเหม่อลอยคิดถึงความหลัง
รชานนท์นั่งอ่านกระดาษโน้ตที่อยู่ในมือ “เจอกันที่เดิม เวลาเดิมนะคะ” ขณะที่นั่งอยู่ที่ม้านั่งในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง รชานนท์มองนาฬิกาข้อมือของตัวเองแล้วมองซ้ายมองขวาแต่ยังไม่เห็นใคร !? ติรกาแอบมองรชานนท์จากมุมหนึ่งทางด้านหลัง จากนั้นจึงค่อยๆเดินไปหยุดอยู่ด้านหลังรชานนท์แล้วปิดตารชานนท์ไว้
“แฮปปี้เบิร์ทเดย์ค่ะนนท์”
รชานนท์รู้ได้ทันทีว่า มือคู่ที่ปิดตาอยู่คือมือของติรกาจึงยิ้มดีใจ
“วันเกิดปีนี้ ขอให้นนท์มีแฟนที่น่ารักแบบแตไปตลอดชีวิตนะ”
รชานนท์ค่อยๆแกะมือของอีกฝ่ายแล้วหันมามองหน้าติรกา
“ขอบคุณครับที่รัก”
รชานนท์ยิ้มให้ติรกา
รชานนท์แววตาเศร้าสีหน้าอมทุกข์ ทอดถอนใจกับเรื่องในอดีตอยู่ภายในห้องนอนส่วนตัวพลางบอกกับตัวเองว่า
“เลิกคิดถึงเรื่องเก่า ๆ ได้แล้วไอ้นนท์ ผู้หญิงคนนั้นออกไปจากชีวิตแกนานเกินกว่าจะคิดถึงแล้ว...”
ว่าแล้วรชานนท์ก็ทิ้งตัวลงบนเตียงนอน นอนหลับตาโดยพยายามไม่นึกถึงเรื่องในอดีต
ภายในคอนโดของมัทรีในช่วงเวลาเดียวกัน มัทรีกำลังหอบผ้าที่ใส่แล้วมากองไว้ที่มุมหนึ่งของห้องนั่งเล่น จากนั้นจึงเดินไปเปิดประตูห้องนอนอีกห้องหนึ่ง ภายในห้องมีแต่ตุ๊กตาคิตตี้ ตุ๊กตาหมีน่ารักๆและข้าวของเครื่องใช้เป็นสีชมพู มัทรีมองข้าวของภายในห้องแล้วยิ้ม ๆ มัทรีหยิบเสื้อผ้าในตะกร้าที่จะซักออกมาจากห้องเอามากองรวมกันไว้ มัทรีลงนั่งที่โซฟา เห็นกองผ้าที่พับแล้ววางอยู่ 2กอง กองหนึ่งเป็นของมัทรี ส่วนอีกกองหนึ่งมีผ้าเช็ดตัวลายคิตตี้ เสื้อยืดลายการ์ตูน2-3ตัว และกางเกงชาวเลสีชมพู
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น มัทรีมองไปทางประตูห้องแล้วแปลกใจ
“ปกติก็มีกุญแจห้องนี่... หรือว่าเป็นคนอื่น”
มัทรีรีบเอาผ้ากองรวมกันไว้แล้วรีบเดินไปที่ประตูห้อง
เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีก
“ใครคะ?”
“ผมเอง”
มัทรีจำได้ว่าเป็นเสียงวันรบก็รีบเปิดประตูให้
วันรบถือถุงกับข้าวอาหารสดเข้ามาด้วย
“นึกว่าจะคุยกับป๋านนท์จนเช้าซะแล้ว”
“ผมจะปล่อยให้นางฟ้าอยู่คนเดียวได้ยังไง แล้วคุณทานอะไรหรือยัง”
“ทานนมแล้วค่ะ”
“ทานแค่นั้นไม่พอหรอก เดี๋ยวผมทำข้าวต้มให้ทานนะ”
วันรบจะเดินเข้าไปที่ครัวแต่มัทรีห้ามไว้
“รบ เดี๋ยวมัททำเองดีกว่า รบกลับมาเหนื่อยๆ”
“แต่ผมไม่อยากให้ทำ บอกแล้วไงว่าผมจะดูแลเทคแคร์มัทเอง”
วันรบเหลือบไปเห็นกองผ้าที่มัทรีพับค้างไว้
“มัท บอกแล้วไงว่าไม่ต้องพับผ้าให้ผม เดี๋ยวผมจัดการเอง”
วันรบรีบหยิบกองผ้าที่มีลายคิตตี้ขึ้นมาถือไว้ แล้วหยิบผ้าเช็ดตัวลายคิตตี้พาดบ่าตัวเอง มัทรีมองวันรบที่รวบรวมหยิบเสื้อผ้าของตัวเองแล้วอดขำไม่ได้
“บอกตามตรงนะรบ มัทไม่ชินจริง ๆ ที่เห็นคุณใช้ของพวกนี้”
“แล้วกัน... ถ้าผมไม่ใช้ของแบบนี้ แม่คุณก็จับได้สิว่าเราอยู่ห้องเดียวกัน”
วันรบเดินไปเปิดประตูห้องแล้วเอาของเข้าไปเก็บในห้องตัวเอง มัทรีเดินตามวันรบเข้าไปในห้องนอนวันรบ แต่วันรบหันมาเบรกไว้โดยใช้มือตีที่หน้าผากมัทรีเบา ๆ
“ห้องผู้ชาย... ผู้หญิงห้ามเข้าครับ (คำพูดติดปาก) เรารักกันด้วยใจ...ไม่ล่วงเกินทางกาย ชิงสุกก่อนห่าม”
มัทรียิ้มๆ แล้วก้าวถอยหลังออกมาจากห้องวันรบ
“ความจริงมัทอยากให้แม่รู้เหมือนกันนะ บางทีแม่อาจจะเลิกวุ่นวายกับมัทไปเลยก็ได้”
“ไม่มีทางหรอกมัท... ถ้าแม่คุณรู้ว่าเราอยู่ด้วยกัน ท่านลากคุณกลับไปราชบุรีแน่นอน ผมคงไม่มีโอกาสได้พิสูจน์ตัวเองแน่ๆ”
วันรบยิ้มแย้มเดินออกมาจากห้องตัวเองแล้วเดินหลบเข้าไปทางห้องครัว มัทรีมองตามด้วยสายตาเต็มไปด้วยความรักผู้ชายคนนี้
จังหวะนั้น เสียงโทรศัพท์มือถือมัทรีที่วางอยู่มุมหนึ่งของห้องดัง มัทรีเดินไปหยิบขึ้นมามองเห็นชื่อตริกาจึงรีบรับทันที
“คะคุณแม่...มีอะไรเหรอคะ”
“มัทอยู่ไหน...ทำไมโทรไปแล้วไม่รับสาย”
มัทรีเดินอยู่ในห้องนั่งเล่น พยายามทำเสียงเป็นปกติเหมือนไม่ได้ทะเลาะกับแม่มาเมื่อตอนเย็นที่ผ่านมา
“อยู่คอนโดฯ นี่แหละค่ะ หนูขึ้นไปนั่งเล่นบนดาดฟ้าแต่ไม่ได้เอามือถือขึ้นไปค่ะ โธ่...หนูจะโกหกคุณแม่ทำไมคะ”
มัทรีเดินต่อไปได้ยินเสียงสับหมูในห้องครัว เพราะวันรบกำลังทำกับข้าวให้
ติรกาไม่เชื่อยังจับผิดมัทรีต่อไป
“ขึ้นไปบนดาดฟ้าทำไมตั้งชั่วโมงกว่า ออกไปหาไอ้วันรบใช่มั้ย
มัทรีสะดุ้งนิดหนึ่ง แล้วรีบบอกเนียนๆ
“ปละ...เปล่าค่ะ หนูจะออกไปทำไมหารบทำไมคะแม่ แหม..เพิ่งเจอกันในงานเมื่อตอนกลางวันนี้เอง”
มัทรีเดินไปจนลับเหลี่ยมมุมห้อง เมื่อมองเข้าไปในห้องครัวแล้วสะดุ้งตกใจร้อง ลืมไปว่าคุยโทรศัพท์กับติรกาอยู่
“ว้าย”
วันรบแกล้งยืนโพสท่าเป็นเทพีสันติภาพ แต่ถือทัพพีแทนคบเพลิง และถือกระทะแทนแผ่นจารึกคำประกาศอิสรภาพ สวมผ้ากันเปื้อนลายการ์ตูนคิตตี้ และมีหมวกกุ๊กใบเล็ก ๆ ใส่อยู่บนหัว
“ยายมัทเป็นอะไรลูก” ติรการ้องถาม
วันรบแกล้งหรี่ตาทำหน้าตาเซ็กซี่แกล้งมัทรี มัทรีจากที่อึ้งเหวออยู่ถึงกับหลุดหัวเราะออกมาทันที
“มีอะไรยายมัท”
มัทรีพยายามกลั้นหัวเราะไว้
มัทรีหันกลับมาคุยกับโทรศัพท์ต่อไป
“ไม่มีอะไรค่ะ เอาอย่างนี้... เพื่อเป็นการยืนยันว่ามัทอยู่ที่ห้องจริง ๆ มัทจะเอาโทรศัพท์คอนโดโทรไปหาแม่ รอแป๊บนะคะ”
ทันทีที่มัทรีวางสาย ทั้งมัทรีและวันรบก็หัวเราะกันลั่น
“รบอ่ะ เล่นอะไรบ้า ๆ ก็ไม่รู้ เดี๋ยวมัทต้องโดนคุณแม่ซักแน่ ๆ ว่าขำอะไร”
“ผมไม่อยากให้มัททำหน้างอเวลาคุยกับแม่”
“ก็มัทเบื่อ ไม่รู้แม่จะโทรมาเช็คอะไรกันนักกันหนา”
มัทรีทำหน้ามุ่ยไม่พอใจกับการกระทำของแม่
“ไม่เอา... ไม่เครียดนะ”
วันรบใช้นิ้วโป้งคลึงที่หว่างคิ้วของมัทรี
“ไม่เครียดๆ”
มัทรีเริ่มยิ้มออก
“คนสวยของผมยิ้มออกแล้ว...งั้นไปโทรหาว่าที่แม่ยายผมได้แล้ว ท่านจะได้ไม่ห่วง”
มัทรีหนีบโทรศัพท์คอนโดฯ ไว้ที่คอเพื่อคุยกับติรกา ขณะที่มือกำลังจัดโต๊ะอาหาร ในมือมัทรีถือทั้งผ้ารอง จานและช้อนส้อม
“ถ้าดึก ๆ มัทหลับไปแล้ว ก็ต้องตื่นมารับสายแม่อีกเหรอคะ”
มัทรีเอาของทั้งหมดวางลงบนโต๊ะ วันรบรีบเข้ามาหามัทรี ทำท่าให้รู้เป็นทำนองว่าจะจัดโต๊ะให้เอง มัทรีทำท่าจะไม่ยอมแต่วันรบดันตัวมัทรีให้พ้นไปจากโต๊ะอาหาร
วันรบจัดโต๊ะอาหารเสร็จก็รีบเข้าครัวเขเไปทำอาหารต่อ มัทรีมองวันรบยิ้มๆ แล้วก็เปลี่ยนสีหน้าด้วยความเซ็งพูดโทรศัพท์กับติรกาต่อ
“มัทไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะคะ ที่จะโกหกแม่เพื่อแอบหนีไปเที่ยว”
เสียงมือถือมัทรีดังขึ้น มัทรีหยิบมือถือมากดดู เห็นว่าธงฉานส่งข้อความมาหา
“นี่แม่ใช้คุณธงฉานส่งข้อความมาหามัทเหรอ”
วันรบได้ยินชื่อธงฉานก็หันมามองมัทรีทันที มัทรียื่นมือถือให้วันรบดู ธงฉานส่งมาว่า
“คืนนี้อากาศดี ไปหาที่นั่งชิล ๆ มั้ย พี่ธงจะไปรับ”
วันรบเห็นข้อความก็ทำหน้าทำตาไม่พอใจขึ้นมาทันที
“ถ้าแม่ไม่ได้ใช้คุณธงฉานก็ไม่เป็นไรค่ะ...มัทขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ วันนี้มัทเหนื่อยมาก อยากพักแล้วค่ะ บ๊ายบายค่ะ”
มัทรีกดวางสายพร้อมกับถอนใจเฮือกใหญ่
“เฮ้อ... มัทมีแม่หรือผู้คุมกันแน่”
“แม่คุณไม่เท่าไหร่หรอก แต่ไอ้คุณธงฉานเนี่ยสิ เมื่อไหร่จะเลิกยุ่งกับมัทซะที”
วันรบขมวดคิ้วทำหน้ามุ่ยไม่ชอบใจที่ธงฉานมาตามติดมัทรี มัทรียิ้มดีใจที่เห็นว่าวันรบหวงตัวเอง
“ไม่เอาไม่เครียดนะคะรบ” มัทรีพูดเลียนแบบวันรบบ้าง
มัทรีใช้นิ้วโป้งคลึงที่หว่างคิ้วของวันรบ แต่วันรบยังยิ้มไม่ออก
“คุณยายมัทเคยบอกน๊า เวลาทำกับข้าวถ้าพ่อครัวอารมณ์เสีย กับข้าวจะไม่อร่อย”
“ตกลงห่วงผมหรือห่วงกับข้าว”
“ทั้งสองอย่างค่ะ แต่อย่างหลังห่วงมากกว่านิดนึง... วันนี้ให้มัทช่วยทำกับข้าวนะคะ”
ทั้งสองคนต่างยิ้มแย้มให้กันอย่างมีความสุขแล้วเดินเข้าครัวไปทำกับข้าวด้วยกัน
มัทรีสะดุ้งสะบัดมือทันทีเมื่อจับหูหม้อที่กำลังร้อน วันรบจับมือมัทรีมาจับที่หูตัวเอง ทั้งสองคนมองหน้ากันอย่างหวานๆ วันรบตักข้าวต้มใส่ชาม มัทรีเอาพริกไทยโรย วันรบเจอละอองพริกไทยจะจาม
“ฮะ...ฮะ..ฮะ...ฮัด..อุ๊บ”
มัทรีเอามือปิดปากวันรบ วันรบมองชะงักแล้วทำปากจูบกลางมือมัทรี มัทรีเอามือปาดปากวันรบซะเลย
“เค็มอ่ะ มัท”
“สม อยากฉวยโอกาสนัก”
วันรบกับมัทรีนั่งทานอาหารกันยิ้มมีความสุข
หลังทานอาหาร วันรบล้างจานทำความสะอาดที่ครัวจนเสร็จเรียบร้อย วันรบหันมาที่ห้องนั่งเล่น เห็นมัทรีนอนหลับอยู่ที่โซฟา
“มัท... มัท...เข้าไปนอนในห้องมั้ย”
มัทรียังหลับสนิทอยู่ วันรบมองมัทรียิ้ม ๆ ก่อนจะอุ้มมัทรีขึ้นแล้วพาไปที่ห้องนอนมัทรี
“วันนี้ขอผิดกฎ “ห้องผู้หญิงผู้ชายห้ามเข้า” หนึ่งวันนะครับ”
วันรบค่อย ๆ วางมัทรีลงบนเตียง มัทรียังหลับอยู่ไม่ยอมตื่น วันรับมองมัทรีที่หลับสนิทอย่างมีความสุขเพราะรู้สึกโชคดีที่ได้ดูแลมัทรี วันรบจัดการห่มผ้าให้มัทรีแล้วลงนั่งที่ข้างเตียง วันรบลูบแก้มมัทรีอย่างแผ่วเบาแล้วค่อย ๆ โน้มตัวไปจะจูบมัทรี มัทรีเอามือขึ้นมากันหน้าวันรบไว้ วันรบจะจูบกลางมืออีก แต่มัทรีรู้ทันเอามือบีบปากวันรบไว้แน่น
“อื้อ...อื้อ...อัท..มัทอ่ะ”
“เรารักกันด้วยใจ...ไม่ล่วงเกินทางกาย ชิงสุกก่อนห่าม” มัทรีบอกยิ้มๆและดันตัวเองให้ลุกขึ้น
“ขอบคุณนะคะที่มาส่งมัท ไปนอนเถอะค่ะ”
“มัท...คือ...แค่จุ๊บได้ไหม”
“ไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวเลยเถิด”
“มัท..คือมัทน่ารักผมก็ไม่ไหวเหมือนกันนะ”
มัทรีส่งตาอ้อน
“รักมัทไหม”
“รักสิ”
“มัทไว้ใจคุณ อย่าให้มัทผิดหวังเลยนะคะ กลับไปนอนนะคนดี...”
“ครับ” วันรบแพ้ทาง
วันรบหยิบตุ๊กตาหมีที่อยู่ข้าง ๆ มัทรีมาจุ๊บแรงๆ มัทรีมองงง
“ผมไม่ได้ผิดกติกานะ นี่ๆๆ น่ารักดีนัก”
มัทรียืนมองวันรบขำ ๆ
วันรบจูบตุ๊กตาหมีจนสาแก่ใจจึงวางหมีไว้ที่เดิม หันมาหามัทรี
“ฝันดีนะครับคนสวย”
“ฝันดีค่ะ สุดหล่อ”
วันรบเดินออกไปนอกห้องปิดประตูให้ มัทรีหยิบหมีมาจุ๊บแบบไม่ยั้ง
“น่ารักนักเหรอเราน่ะ นี่ๆๆ”
จู่ๆ มีเสียงปึง! ดังมาจากข้างห้อง มัทรีเดินไปแนบหูฟังกำแพงด้านตัวเอง กำแพงอีกด้านในห้องนอนของวันรบกำลังตะกายกำแพงด้วยความอัดอั้น มือวันรบแทบจะขูดกำแพงแล้วพูดเบาๆ
“จะน่ารักไปถึงหนาย” ว่าแล้ววันรบก็ตะกายกำแพงใหญ่
มัทรีได้ยินยิ้มขำแล้วเดินกลับไปล้มตัวคว่ำลงบนเตียงนอนยิ้มมีความสุข
“อดทนนะคะคนดี...มัทไว้ใจคุณนะ”
อีกด้านวันรบทิ้งตัวลงบนหงายบนเตียง
“ทรมานชะมัด..ขืนเป็นแบบนี้ไปนานๆ เราตายแน่”
เช้าวันใหม่ที่ห้องทำงานพชร พชรเลื่อนข้อมูลรีสอร์ทให้กับรชานนท์กับวันรบ
“งานตกแต่งรีสอร์ท”
สองมือของวันรบตบโต๊ะดังปัง! พชรกับรชานนท์ถึงกับชะงัก
“ผมไม่ไหวแล้วครับพี่”
“ไม่ไหวก็ไปห้องน้ำสิวะ” รชานนท์บอก วันรบทำท่าจะลุกแต่นึกได้
“ครับพี่ ไม่ใช่ปวดท้อง ที่ว่าไม่ไหวคือรักผมมันจะจุกอกตายแล้วพี่ ผมอยากแต่งงานกับมัท”
“อยากฟันอย่างเป็นทางการว่างั้น” พชรว่า
วันรบหน้าตึงขึ้นทันที
“พี่ระ...แฟนผมน่ะอยู่บนหิ้ง”
“ขอโทษ ๆ ลืมไปว่าแกกราบไหว้สามเวลา ทุกวันนี้แกก็อยู่ด้วยกันอยู่แล้วนี่”
“สิ้นลายแล้วเหรอไอ้รบ ถึงกับคร่ำครวญจะแต่งงานเนี่ย” รชานนท์ถาม
“ผมยอมสิ้นลายถ้าไม่สิ้นรัก”
“ไอ้เน่า” พชรกับรชานนท์พูดขึ้นพร้อมกัน
“แหยว่ะไอ้รบ ผู้หญิงคนเดียวต้องคุมให้ได้สิวะ บอกว่าจะแต่งก็ต้องแต่ง เป็นแฟนต้องหงิม ๆ ถึงจะน่ารัก” รชานนท์บอก
“ไอ้นนท์ เป็นแกไม่ยอมทิ้งเขี้ยวเล็บล่ะสิเป็นแกไม่ยอม” พชรว่า
“แน่นอนพี่” รชานนท์บอก
“ไม่มีผู้หญิงคนไหนยอมหรอกพี่ สมัยนี้จะอยู่ด้วยกันมันต้องครึ่งๆ ขืนพี่ห้าว โดนทิ้งแน่” วันรบบอก
“ไม่สนหรอกเว้ย ระดับรชานนท์มีแต่ทิ้งหญิงไม่เคยหญิงทิ้ง”
“เหรอ” พชรหยอก
“ทำเสียงตุ๊ดไปป่ะพี่ระ ไม่เชื่อก็คอยดู” รชานนท์บอก
“เลิกนอกเรื่องเถอะพี่ ผมอยากได้รับการยอมรับ อยากแต่งงานได้ใช้ชีวิตคู่กับมัทจริงๆ”
“เออ!..เข้าใจแล้วบอกพวกฉันทำไม” รชานนท์ถาม
“พวกพี่ช่วยผมหน่อยสิ ช่วยให้แม่ยายผมยอมรับผมน่ะ พี่นีมีวิธีเอาใจว่าที่แม่ยายบ้างมั้ย ผมจนปัญญาแล้วจริงๆ”
“เข้าทางแม่ยายไม่ได้...ก็เข้าทางพ่อตาสิ” รชานนท์แนะ
“พ่อตาผมชิ่งไปเฝ้าเทวดาตั้งแต่มัทยังอยู่ในท้องแม่แล้วครับ”
พชรทำท่าคิดนิดหนึ่งแล้วดีดนิ้วคิดออก
“อ๋อ...ฉันรู้แล้ว อาการหวงลูกสาวเกินกว่าเหตุ มันมาจากชีวิตที่ขาดสีสัน ขาดสิ่งเร้าให้เกิดความกระชุ่มกระชวย แม่อินเลิฟ แกก็โลด” พชรออกความเห็น
“จริงด้วยพี่ระ... อาการแบบนี้ต้องจัดบุรุษไปจีบ” รชานนท์คุยสำทับทันที
สีหน้าวันรบเหมือนเจอทางสว่างแต่ก็กลับมาหน้าเหี่ยว
“พูดง่ายนะป๋านนท์ ใครจะกล้าจีบปีศาจโอ่งน้ำปลา ทั้งดุ ทั้งโหด ทั้งเขี้ยว”
ทั้งรชานนท์ พชรและวันรบต่างก็นึกไม่ออกว่าจะให้ใครไปจีบติรกา พชรเริ่มยิ้มอย่างมีพิรุธ
“มีคนนึง.. โสด... หน้าตาดี... มาเร็ว.. เคลมเร็ว.. รวบรัดเข้ากันง่าย” พชรบอก
“ใครพี่?”
พชรพยักเพยิดไปทางรชานนท์ รชานนท์สะดุ้งโหยง ปฏิเสธเสียงหลง โวยลั่น
“เฮ้ย !!! จะบ้าเหรอพี่ ผมไม่เอา”
“แกก็โสดอยู่นี่ ขำๆ ถือว่าช่วยน้องมัน”
“ไม่เอา...ไม่เด็ดขาด” รชานนท์ยืนยัน
“อนาคตผมนะพี่”
“ไม่มีทาง” รชานนท์ยืนยันอย่างหนักแน่น
วันรบมองรชานนท์ ตัดสินใจแล้วว่าต้องเป็นรชานนท์เท่านั้นที่จะจัดใส่พานไปให้ติรกา
อ่านต่อหน้า 3
แม่ยายที่รัก ตอนที่ 1 (ต่อ)
เช้าวันใหม่ภายในห้องทำงานของติรกา พุทรากำลังวุ่นวายกับการรื้อตู้เก็บของเพื่อหาเอกสารที่ติรกาต้องการ เสียงนาฬิกาจับเวลาดังตลอดเวลา
“เอกสารสั่งซื้อจากกรุงเทพฯ อยู่ไหนว้า” พุทราบ่นพลางค้นหาอย่างร้อนรน
บนมือของติรกามีนาฬิกาจับเวลาที่กำลังนับถอยหลังจะหมดเวลา
“เจ็ด...หก..ห้า..สี่” ติรกาเริ่มนับ
พุทรายิ่งร้อนรน รีบค้นหาอย่างหน้าตาตื่น
“ใกล้แล้วค่ะ ใกล้แล้ว”
“สาม..สอง..หมดเวลา” ติรกากดหยุดนาฬิกาจับเวลา
พุทราเป่านกหวีดปรี๊ด!แล้วบอก
“เจอแล้วค่ะ”
พุทราส่งเอกสารให้ ติรการับมาแล้วมองหน้าพุทรา
“ช้าไปหนึ่งวินาที ตัดสองร้อย”
พุทราตาโต เป่านกหวีดปรี๊ดๆๆ
“ขอค้านค่ะ พุทราหาเจอทันเวลา”
ติรกาพูดหน้านิ่ง
“ช้าไปหนึ่งวินาที”
พุทราโอดครวญทันที
“คุณติคะ เดือนนี้พุทราโดนไปเกือบพันแล้วนะคะ”
“สามพันต่างหาก เงินเดือนหมื่นแปด บวกโอทีสองพัน แต่เธอทำงานช้า พลาด จากนี้จนถึงสิ้นเดือนก็คงจะพลาดอีกสัก สามพันสิ้นเดือนนี้ก็คงจะเหลือหมื่นสี่ หักภาษีห้าเปอร์เซ็นต์ ก็เหลือหนึ่งหมื่นสามพันสามร้อยบาทถ้วน”
พุทราเป่านกหวีดถี่ยิบประท้วงด้วยความตกใจ ติรกายกมือขึ้นชี้เตือน
“สองร้อย! และถ้ายังไม่หยุดเป่าจะโดนอีกปรี๊ดละร้อย”
พุทราหน้าจ๋อยลงทันที แต่ไม่วายลืมตัวตอบรับด้วยนกหวีด ปรี๊ด!!
“อีกหนึ่งร้อย จัดการเก็บเอกสารที่เธอรื้อออกมาให้เรียบร้อย”
พุทราจะรับคำด้วยการเป่านกหวีดอีกตามความเคยชิน ติรกาชี้ ส่งสายตาเตือน พุทรารีบเอานกหวีดออกจากปาก แล้วหันไปเก็บเอกสาร พุทราชะงักเมื่อเห็นอัลบั้มรูปเก่าๆ ที่กองอยู่บนพื้น พุทราเผลอหยิบขึ้นมาเปิดดูอย่างไม่ตั้งใจ
"ว้าว ... อัลบั้มรูปงานแต่งของคุณติรกานี่คะ"
“แล้วไง" ติรกาถามเสียงเฉย ไม่บ่งบอกความรู้สึกใดๆ
"คุณติรกาใส่ชุดไทยสวยมากค่ะ แต่หน้าเจ้าสาวเศร้าไปหน่อยนะคะ"
พุทราโชว์รูปคู่ของติรกากับเจ้าบ่าวขณะรอรดน้ำสังข์ให้ติรกาดู ติรกามองรูปนั้น ราวกับตกอยู่ในภวังค์ เหตุการณ์ในอดีตย้อนกลับเข้ามาในความคิดอีกครั้ง
บรรยากาศงานแต่งงานแบบไทย ๆ เรียบง่ายจัดขึ้นภายในบ้าน มีแขกเหรื่อมาร่วมงานพอสมควร พ่อแม่ของหมอนพ รดน้ำสังข์และอวยพรให้ติรกากับหมอนพผู้เป็นเจ้าบ่าว
"ขอให้ลูกทั้งสองครองรักกันตลอดไป" พ่อหมอนพกล่าวอวยพร
"ขอบคุณครับพ่อ"
หมอนพก้มกราบขอบคุณด้วยใบหน้ายิ้มแย้มสุดๆแสนจะชื่นมื่น ติรกาก้มกราบพ่อแม่สามี แอบสะอื้นน้ำตาคลอ เหมือนชอกช้ำจำใจต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก และแค้นรชานนท์ที่ทอดทิ้งเธอกับลูกในท้อง หมอนพเอื้อมมือมากุมติรกา ยิ้มด้วยความเข้าใจและให้กำลังใจ
"ผมอยู่เคียงข้างคุณเสมอนะ... ติรกา"
ติรกามองตอบหมอนพด้วยสายตาเศร้าและรู้สึกผิด
ติรกาหลบมาร้องไห้อยู่มุมหนึ่งซึ่งลับสายตาแขกในงาน เพราะไม่สามารถฝืนความรู้สึกอัดอั้นไว้ได้อีกต่อไป
"ทำไมต้องเป็นแบบนี้...ทำไม"
เตือนใจเดินเข้ามาเห็นพอดี จึงปลอบใจลูกสาวด้วยการร้องเพลงและวางท่วงท่าลีลาศเต้นไปรอบ ๆ โจ๊ะ ๆ
"สุขกันเถอะเรา เศร้าไปทำไม อย่ามัวอาลัย คิดร้อนใจไปเปล่า...เกิดมาเป็นคน อดทนเถอะเรา อย่ามัวซมเซา ทุกคนเราทนมัน"
ขณะเตือนใจร้องเพลง เตือนใจจ้องติรกาตลอดเวลา เตือนใจต้องการทำทุกอย่างให้ติรกาลุกจากความทุกข์ ทำใจกับเรื่องราวต่างๆให้ได้ เตือนใจหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าจะเข้าไปซับน้ำตาให้ลูก ติรกาดึงผ้าเช็ดหน้าไปจากมือแม่ ด้วยความไม่พอใจ
"ไม่ใช่เวลาตลกนะแม่"
“มันก็ไม่ใช่เวลาร้องไห้ในงานมงคลเหมือนกัน"
"หนูสงสารพี่หมอ หนูไม่สมควรแต่งงานกับเค้า"
เตือนใจพูดเสียงจริงจัง
“อดีตมันจบไปแล้ว วันนี้มีชีวิตใหม่อยู่ในตัวลูก ทำให้ดีที่สุดเพื่อเค้าสิ"
เตือนใจพูดพลางชำเลืองสายตาไปที่ท้องติรกา ติรกาได้แต่ลูบท้องตัวเอง เศร้า และเจ็บปวดใจมาก
ติรกาปาดน้ำตาที่ไหลซึมออกมาขณะมองรูปในงานแต่งงานของตัวเองโดยไม่รู้ตัว พุทราร้องไห้กระซิก ๆ และสั่งน้ำมูกใส่ผ้าเช็ดหน้าดังปื้ด
“แง๊!!” พุทราแหกปากร้องลั่น
ติรกาหันขวับไปถาม
“ร้องไห้ทำไม"
"เห็นคุณติร้อง พุทราก็อดร้องด้วยไม่ได้"
"รู้เหรอว่าเรื่องอะไร"
"ดราม่าไว้ก่อน แม่สอนไว้ค่ะ"
พุทราสั่งน้ำมูกอีกหลายปื้ดใหญ่ จนติรกาเอือมระอา
“อะไรดลใจนะ”
“ดลใจให้คุณติแต่งงานเหรอคะ”
“ดลใจให้รับเธอเข้าทำงานต่างหาก ปวดหัว!”
ทันใดนั้น เสียงสตาร์ทรถตามด้วยเสียงปัง! ดังขึ้นพอดี ติรกากับพุทราตกใจและรีบวิ่งออกไปทันที
บริเวณหน้าบ้านติรกา เตือนใจพยายามขับรถเต่าคันเก่ามากออกไปหน้าประตูบ้าน แต่รถกลับกระตุกอยู่ตลอดเวลาและมีเสียงปังๆๆ ราวกับรถจะพัง เตือนใจยังเหยียบคันเร่งจะตรงไปที่ประตู แต่พอรถกระตุก เตือนใจก็ตกใจหักพวงมาลัย ทั้งที่ยังเหยียบคันเร่ง รถเต่าคันแก่กำลังจะพุ่งเข้าหาเสาประตูรั้ว
ติรกากับพุทราออกมาเห็นพอดี พุทราคว้านกหวีดขึ้นเป่าหวังให้หยุด เสียงดังปิ๊ด ปิ๊ด ปรี๊ดด!!
ติรกาตกใจตะโกน
“เหยียบเบรก แม่! เบรก!”
เตือนใจเหยียบเบรกสุดตัว รถเบรกเอี๊ยดหยุดห่างจากเสาประตูรั้วไม่เกินสองนิ้ว ติรกากับพุทรารีบวิ่งไปหาเตือนใจทันที ติรกาพยายามเปิดประตูรถ แต่ติดล็อค
“แม่ เป็นอะไรหรือเปล่า แม่!”
เตือนใจเปิดประตูลงมาท่าทางยังตกใจแต่ยังยิ้มร้องเพลงซะอย่างนั้น
“ไม่เป็นไร..บอกเลยไม่เป็นไร”
ติรกาจ้องเตือนใจเขม็ง
“ติไม่ขำด้วยนะคะแม่”
เตือนใจถึงกับหน้าจ๋อยทันที
“คือ..แม่ว่าจะไปตลาดจะไปซื้อขิงมาทำน้ำขิงให้ติน่ะ”
“ก็ให้คนขับรถพาไปสิคะ ทำไมแม่ต้องขับไอ้เศษเหล็กนี่ออกไปเอง”
“แม่ยังแข็งแรงอยู่นะติ”
เผื่อคุณท่านจะลืม ล่าสุดความดันร้อยแปดสิบ เบาหวานน้ำตาลขึ้นเกือบสองร้อยนะคะ”
พุทราเตือนติดตลก
“แม่พุทรา!”
เตือนใจทำตาเขียวใส่พุทราที่สะดุ้งหลบหลังติรกา
“แม่อายุเยอะแล้วนะคะ เกิดเป็นลมไปไม่มีใครช่วยทันจะทำยังไง” ติรกาบอก
“แม่อยากทำน้ำขิงให้แก”
“ขิงมันยังไม่สูญพันธุ์หรอกค่ะแม่ จะหาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่แม่น่ะมีคนเดียวในโลก ติหาไม่ได้อีกแล้วนะคะ แม่คิดถึงใจติบ้างไหม ว่าติจะอยู่ยังไงถ้าไม่มีแม่”
“ติ..แม่ขอโทษ”
“พุทรา..เอาไอ้เศษเหล็กนี่ไปขายซะ”
“ไม่นะติ..นี่มันรถที่แม่เก็บเงินซื้อเองคันแรกในชีวิตแม่นะ”
“แต่ถ้าเอามันไว้แม่ก็ต้องแอบขับอีกอยู่ดี”
ติรกาพูดยังไม่ทันจบ เห็นเตือนใจหน้าเศร้าก็ใจอ่อนบอก
“ก็ได้ค่ะ แม่อยากจะขับอยากจะทำอะไรเองก็ได้ แต่ถ้าแม่จะขับต้องมีคนไปด้วยตลอด ติถึงจะยอม ตกลงไหมคะ”
“ยอม..ฉันยอมเจ็บปวด ยอม..ร้าวรวดอุรา” เตือนใจฮัมเพลงอีก
“แม่คะ ติ..”
เตือนใจรู้ทันชิงบอก
“ติไม่ขำ....ก็ได้ ๆ แม่จะไม่ไปไหนมาไหนคนเดียว พอใจหรือยังจ๊ะลูกสาวบังเกิดเกล้า”
ติรกาเห็นเตือนใจเริ่มงอนจึงยิ้มเข้ากอด
“แม่ติน่ารักที่สุดในโลกเลย”
“แต่ติเป็นลูกสาวเผด็จการที่สุดในโลกเลย”
“เพื่อแม่...ติยอม”
“ยอมแม่ได้ ยอมหลานบ้างดีไหม”
“เพื่อลูกนี่ล่ะคะ ติถึงไม่ยอม”
เตือนใจกับพุทรามองติรกาด้วยความหนักใจว่า ศึกระหว่างแม่ลูกคู่นี้คงไม่สงบลงง่าย ๆ เป็นแน่
รชานนท์ลุกขึ้นโวยใส่วันรบในห้องทำงาน
“ไม่ๆๆ ฉันไม่ยอมตกไหน้ำปลาปีศาจแน่ ๆ” รชานนท์บอก
“ป๋าก็เห็นตัวจริงว่าที่แม่ยายผมแล้วป๋าจะตะลึง” วันรบบอก
“เหี่ยวจนตะลึง ย้วย หย่อน ยาน บรื๋อออ ฉันไม่ยอมไปจีบแม่ยายแกเด็ดขาด เกิดจับแล้วเนื้อหลุดติดมือมา โอ้ย ไม่เอา ไม่เอา!”
“ป๋า เราเป็นพี่น้องร่วมสาบานกันนะ ป๋าต้องช่วยน้องสิ”
“งั้นฉันเจี๋ยนแกทิ้งจากชีวิตฉันตั้งแต่ตอนนี้เลย”
“ป๋า...”
“หยุดเลย ออกไปได้แล้ว ฉันจะทำงาน” รชานนท์พูดโวยตัดบท
จังหวะนั้น เสียงพชรดังเข้ามาพอดี
“เฮฮาอะไรกัน เสียงดังไปทั้งบริษัทเลยวะ”
พชรเดินจิบกาแฟเข้ามาพร้อมกับกาแฟอีกแก้ววางตรงหน้ารชานนท์
“ไอ้รบมันกวนใจผมน่ะพี่ระ แล้วแม่บ้านไปไหน ทำไมพี่ระต้องบริการผมเองขนาดนี้” รชานนท์มองแก้วกาแฟที่พชรยื่นให้
“ล้างส้วมอยู่ แต่ถ้าอยากกินฝีมือแม่บ้านพี่จะไปตามให้”
“งั้นก็ไม่ต้องหรอกครับพี่ ผมยอมกินกาแฟของพี่ระดีกว่า”
รชานนท์ยกกาแฟขึ้นดื่ม วันรบสบตากับพชร พชรยิ้ม วันรบมองสงสัยว่ายิ้มอะไร รชานนท์ดิ่มกาแฟจนหมดแก้ว
“พี่ระ ผมออกแบบโปรเจ็คท์ของคุณ...เอ๊ะ!”
รชานนท์จะลุกขึ้นแต่แค่ก้าวเดียวก็มึนเห็นบรรยากาศรอบๆเบลอไปหมด รชานนท์ทิ้งตัวลงกับเก้าอี้ตัวเดิมหลับผลอยไปเลย
“ป๋า” วันรบร้องเรียก
พชรมองนาฬิกาแล้วพูดขึ้น
“หลับตามเวลาเป๊ะ”
“พี่ระ..ทำไม”
พชรยิ้มใส่วันรบ
“ตอนนี้ถึงมันไม่อยากไปมันก็ปฏิเสธไม่ได้แล้ว”
วันรบยิ้มเข้าใจทันที
“ขอบคุณมากครับพี่ระ”
จับคู่เสร็จแล้วแกก็เลิกบ้า รีบกลับมาจัดการโปรเจ็กท์คุณแก้วให้เรียบร้อยด้วย ก่อนฉันจะเจ๊ง” พชรบอก
“นึกว่าทำเพื่อน้องที่แท้ก็ห่วงงาน” วันรบบอก
พชรเหล่วันรบแล้วเขย่ารชานนท์
“ไอ้นนท์ ตื่น”
อย่าครับพี่ รบมันปากเสีย รบผิดไปแล้ว อย่าปลุกป๋านะพี่ระ” วันรบบอก
วันรบรีบเข้าไปประคองรชานนท์ก่อนที่พชรจะเปลี่ยนใจ
“ไอ้รบ..เพื่อความปลอดภัย”
พชรยิ้มเจ้าเล่ห์ ชูเชือกขึ้นตรงหน้า วันรบยิ้มรับอย่างเข้าใจ
มัทรีคุยโทรศัพท์กับวันรบผ่านสมอล์ทอล์ค ขณะที่กำลังจะขับรถแล่นเข้ามาบนถนนที่จะเข้าบ้าน
"มัทใกล้ถึงแล้วค่ะ รบแน่ใจหรือว่าจะพาป๋านนท์มาเจอมัทกับแม่ที่นี่"
"แน่ยิ่งกว่าแช่ไวน์ในไหน้ำปลาของว่าที่แม่ยายอีกครับ"
วันรบขับรถอีกคันหนึ่ง โดยมีรชานนท์นอนหลับอยู่
“อีกสักห้านาทีผมก็ถึงหน้าบ้านแล้วจ๊ะ”
รชานนท์เริ่มขยับรู้สึกตัว แต่เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นป้ายบนทางหลวง “ขอต้อนรับสู่จังหวัดราชบุร” ครั้นรชานนท์จะขยับตัวกลับพบว่า ตัวเองถูกมัดเอามือไพล่หลัง ทั้งถูกมัดปากอยู่ด้วย รชานนท์หันไปทางคนขับเห็นว่า วันรบกำลังขับรถ รชานนท์ดิ้นขยับ
“ตื่นแล้วเหรอป๋า แป๊บเดียวก็จะได้เจอเนื้อคู่แล้ว...รับรองป๋าเห็นแม่ยายผมแล้วจะต้องจู้ฮุกกรู้!”
รชานนท์ยิ่งดิ้นขลุกขลักจะยกเท้ามายันวันรบ วันรบต้องจับรชานนท์ไปด้วย มือก็ขับรถไปด้วย วุ่นวายมากเพราะรชานนท์ดิ้นไม่หยุด มัทรีที่ยังไม่ได้วางสายไป ฟังเสียงที่ลอดผ่านเข้ามาทางสายอย่างสงสัย
“รบคะ”
วันรบตวาดราชนนท์
"อยู่เฉย ๆ"
“มัทยังไม่ได้ขยับตัวเลยค่ะ" มัทรีพูดอย่างงงๆ
"เอ่อ ผมไม่ได้หมายถึงมัท" วันรบบอกมัทรีและตวาดรชานนท์อีก
"อย่าดิ้น!”
"อะไรกันคะรบ มัทงงไปหมดแล้ว"
"เอาเป็นว่า อีกครึ่งชั่วโมงเจอกันครับทูนหัว" วันรบด่วนสรุปและวางสายไปดื้อๆ
"เดี๋ยวสิคะรบ"
มัทรีขับรถมาจอดหน้าบ้าน และเริ่มวิตกกังวล
-รชานนท์ยังคงดิ้นและพยายามจะพูดผ่านผ้ามัดปาก
“อ่อย...ไอ้อ๊บ” รชานนท์ดิ้นรุนแรงหนักขึ้น
วันรบจำใจดึงผ้าที่ปิดปากรชานนท์ลง ยังไม่ทันถามอะไร รชานนท์ก็โวยวายทันที
"ไอ้น้องตัวแสบ แกมัดมือชกฉันเลยเหรอวะ”
“เอาน่า เดี๋ยวจะพาไปดูนมสาวดีมะ”
"ไม่เอา! ฉันไม่อยากดูนมสาวเหลือน้อยของว่าที่แม่ยายแก"
รชานนท์ดิ้นรนขัดขืน ทั้งศอก ทั้งเตะประตูรถ จนวันรบเริ่มไม่มีสมาธิขับรถ
"อยู่นิ่ง ๆ สิป๋า"
"ฉัน - จะ - กลับ - บ้าน" รชานนท์ย้ำ
รชานนท์เตะประตูรถตึงๆๆ สุดป่วนจนวันรบตัดสินใจหักพวงมาลัยเข้าไปจอดรถข้างทาง เบรคจนหัวทิ่มไปทั้งคู่
"หยุดนะ! ไม่งั้นผมเอานมอัดหน้าพี่แน่”
"นมเหี่ยวๆ แม่ยายแกฉันไม่กลัวหรอกเว้ย”
“ผมหมายถึงนมนี่ต่างหาก”
วันรบคว้าแกลลอนใส่นมสดขึ้นมาขู่รชานนท์ รชานนท์ชะงัก ตาเหลือกไปทันที
"อย่าเล่นบ้า ๆ นะไอ้รบ แกก็รู้ว่าฉันแพ้นมวัว ถึงตายนะเว้ย”
"ถ้าป๋าไม่นิ่ง ผมเอาจริงแน่"
รชานนท์เริ่มหวาดหวั่น เมื่อเห็นท่าทางเอาจริงของวันรบ
ภายในบ้าน มัทรีลงนั่งโซฟาโดยมีเตือนใจนั่งอยู่ด้วย เตือนใจหันไปสั่งเด็กรับใช้
“จัน...เอาช็อกโกแลตเย็นมาให้คุณมัทเร็วยายมัท ทำไมกลับมาบ้านไม่โทรบอกยายก่อน”
เด็กรับใช้วิ่งเอาช็อคโกแลตเย็นมาวางให้
มัทรีหยิบมาดื่ม
“วันนี้อารมณ์แม่เป็นไงบ้างจ๊ะยาย"
"ก็จุกจิกตามประสาเค้านั่นแหละ"
มัทรีถอนหายใจเฮือก เริ่มวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด
"มีอะไรหรือยายมัท ท่าทางล่อกแล่กชอบกล"
มัทรีเริ่มคันตามเนื้อตัว เกาทั้งคอ ทั้งแขน
“ก็... ทำไมมันคันนะ”
เตือนใจมองมัทรีที่เริ่มมีผื่นแดงแล้วตกใจ เตือนใจตะโกนเรียกเด็กรับใช้
“จัน! ยัยจัน”
จันวิ่งเข้ามาอย่างลนลาน
“ขา คุณท่าน”
“ช็อคโกแลตนี่แกใส่นมหรือเปล่า”
“ใส่สิคะ ก็..” จันบอก
“นังบ้า คุณมัทเขาแพ้นม”
“ตายแล้ว จันลืมค่ะ”
มัทรียิ่งเกาคัน
“ยาแก้แพ้ล่ะยัยมัท ยาอยู่ไหน”
“ในกระเป๋าค่ะ”
เตือนใจโวยคนรับใช้ด้วยความห่วงหลาน
“ไปเอาน้ำมาให้คุณมัทเร็วสิ!”
จันลนลานวิ่งออกไป เตือนใจหยิบกระเป๋ามาให้มัทรีหยิบยา
วันรบเอาขวดพลาสติกใส่ใหญ่ ตัดกลางเป็นแก้วใส่นมไว้เกือบเต็ม แล้วเจาะรูห้อยเชือกโยงมาจากที่จับด้านบนข้างในประตูรถ ปากแก้วมีเชือกมัดเป็นห่วงคล้องไว้แล้วโยงมาที่ตัวของรชานนท์ รชานนท์มองแก้วนมที่ห้อยอยู่อย่างสยอง ๆ วันรบจะออกไป
"แกจะทิ้งฉันไว้อย่างนี้น่ะเหรอไอ้รบ"
"รอแป๊บเดียว เดี๋ยวผมมารับ"
"แก้มัดฉันก่อนสิวะ"
“ผมไม่ปล่อยให้ว่าที่พ่อตาผมลอยนวลหรอกป๋า..เลิกหวังได้เลย”
"โธ่... ไอ้" รชานนท์ทำท่าจะลุก
“อ๊ะ ๆ ถ้าป๋าขยับ มันเทโครมลงมา ผมไม่รู้ด้วยนะ เนี่ยนมจากเต้านมโคสดแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์” วันรบขู่
รชานนท์ถึงกับชะงัก แค้นวันรบเต็มที่
"ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้ตัวแสบ"
"ฝากได้ แต่ไม่ให้เอาคืน เตรียมเป็นพ่อตาผมได้เลย..ป๋า..ฮ่ๆๆ”
วันรบหัวเราะเยาะเย้ย แล้วรีบผละไป
"เดี๋ยวไอ้รบ กลับมาก่อน ! โธ่เว้ย!” รชานนท์ร้องตาม
รชานนท์หัวเสีย ขณะกวาดสายตามองรอบตัวอย่างไม่ยอมแพ้
"ฉันยอมตาย แต่ไม่ยอมเอาแม่ยายแกเป็นเมียแน่"
รชานนท์พยายามจะแก้มัดข้อมือตัวเองอย่างระมัดระวังที่สุดแต่ก็เผลอกระชากสุดแรง จนเชือกที่คล้องปากแก้วนมเอียงแล้วเทลงหน้ารชานนท์
“เฮ้ยๆๆ” รชานนท์ร้องขึ้น
รชานนท์กัดกรามแน่นด้วยความแค้น
“ไอ้รบ! แกเละแน่!”
ติรกาโยนดินเหลวลงกับพื้นของโรงงานโอ่งติรกาด้วยความโมโห พุทรายืนอยู่ข้าง ๆ
"ผสมดินเละเป็นโจ๊กแบบนี้ โอ่งแม่เตือนก็ไม่ได้มาตรฐาน เอาดินชุดนี้ไปเข้าเครื่องนวดผสมใหม่ทั้งหมด"
พุทราเป่านกหวีดชี้สั่งการ คนงานสองคน กุลีกุจอทำตามคำสั่งทันที
ติรกาหันไปมองบรรยากาศภายในโรงงานโอ่งที่กว้างขวางและใหญ่โต แบ่งเป็นโซนใหญ่ในการทำงานปั้นโอ่ง ที่เก็บและพักดินสำหรับการปั้น แผนกลงสี และแผนกเตาเผางาน ก่อนย้ำคนงานทุกคน
"ขอให้ทุกคนรักษาคุณภาพงานทุกชิ้นให้ดีที่สุด โอ่งของเราจะต้องแข็งแรง ทนทานใช้ได้นานหลายชั่วอายุคน ภายใต้คอนเซ็ปท์...”
"โอ่งแม่เตือน...กว้างไกล เก็บน้ำ..ทั่วโลก" พุทราต่อประโยคของติรกาด้วยเสียงดังฟังชัด
พุทราเป่านกหวีดรับกและนำตบมือ คนงานต่างปรบมือภาคภูมิใจในสโลแกนของโอ่งแม่เตือน
รชานนท์เดินหลงเข้ามาในโรงงานโอ่ง ใบหน้ารชานนท์เต็มไปด้วยผื่นแดง และเกายุกยิกด้วยความคัน
"ฮึ่ม... ไอ้น้องบังเกิดเกล้าตัวแสบ แค้นนี้ต้องเอาคืน"
รชานนท์สังเกตเห็นโอ่งขนาดน้อยใหญ่หลากหลายรูปแบบ รู้สึกชื่นชม และเดินดูเพลินไปเรื่อย ๆ
ติรกาปรี่เข้าไปบ่นคนงานปั้นโอ่งขนาดเล็กบนแป้นหมุน ตรงโซนปั้นทันที
"กดดินบนแป้นให้บานออก หนาประมาณข้อนิ้วก็พอ ประคองดินด้านข้างให้ขึ้นสูงอีกหน่อย แล้วค่อยแต่งให้เรียบ"
คนงานคนหนึ่งปั้นโอ่งอย่างเงอะงะเหมือนยังไม่คล่อง ติรกาจึงแทรกตัวเข้าไปปั้นดินบนแป้นหมุนให้ดู ด้วยความคล่องแคล่ว ชำนาญมาก
"กดดินเส้นให้บรรจบกับผนังโอ่งแบบนี้ เห็นมั้ย... แล้วค่อย ๆ รีดด้วยสันมือ กับผ้าชุบน้ำ"
พุทราเห็นแล้วทึ่งในตัวติรกาทันที
“คุณติรกาเก่งสมเป็นเจ้าแม่วงการโอ่งไทยจริง ๆ"
คนงานพยายามปั้นตาม แต่ไม่สำเร็จ สายตาของติรกาเริ่มฉุนเฉียวขึ้น พุทรารู้สึกได้ถึงสายตาอำมหิตของเจ้านาย รีบหันไปเป่านกหวีดเรียกคนงานอย่างรู้งานทันที
“เธอเป็นคนงานใหม่ใช่มั้ย ไปฝึกปั้นดินอีกรอบดีกว่า ตามฉันมาทางนี้"
พุทรากวักมือกระซิบบอกคนงานคนอื่นด้วย พุทราขยิบตาส่งสัญญาณอันตราย คนงานคนอื่นๆ รีบเลี่ยงตามพุทราไปทันที ติรกาพยายามสงบอารมณ์สักพัก แล้วค่อยๆนั่งลงบรรจงปั้นโอ่งบนแป้นหมุนอย่างมีสมาธิ รชานนท์เดินเข้ามาในบริเวณด้านข้างติรกา ทันทีที่เห็นหน้าติรกาได้อย่างชัดเจนถึงกับอึ้งไปในทันที
“พุทราเอาฟองน้ำเปียกมาสิ"
ติรกาออกปากสั่งโดยไม่หันมามอง คิดว่ารชานนท์คือพุทรา รชานนท์เดินเข้าไปหยิบฟองน้ำเปียกส่งให้ติรกา เหมือนคนเพ้อ ๆ ที่ตกอยู่ในภวังค์ที่ได้เห็นหน้าคนรักเก่าอีกครั้งอย่างไม่คาดคิด อารมณ์ของรชานนท์ตอนนี้เหมือนกับคนที่เพิ่งจะเจอรักแรกพบ ติรการับฟองน้ำไปรีดดินปั้น โดยไม่หันไปใส่ใจรชานนท์
วันรบรีบเข้ามาบอกมัทรีและเตือนใจที่หน้าโรงงานด้วยความแปลกใจ
"ป๋านนท์ไม่ได้อยู่ที่รถ หรือจะหนีกลับไปแล้ว"
"ก็ดีค่ะ จะได้ไม่มีปัญหา"
"โธ่มัท ผมอุตส่าห์หลอกล่อป๋ามาถึงราชบุรี ถ้าปล่อยให้กลับไปง่าย ๆ ก็ผิดแผนหมดสิ"
"แผนจีบว่าที่แม่ยายให้พี่ชายคนละฝาของคุณ อาจทำให้แม่ฉันสติแตกมากกว่าเดิมนะคะ...รบ"
“แต่ผมเชื่อมั่นนะ...สายตาปิ๊งรักของป๋านนท์ ต้องหักเหลี่ยมแม่ยายผมได้”
"ท่าทางป๋านนท์คงจะมีอะไรดีบ้างล่ะ พ่อรบถึงได้สนับสนุนเต็มที่ขนาดนี้" เตือนใจบอก
"มีดี...สมสโลแกน รักนิรันดร์ฟันแล้วทิ้ง!”
เตือนใจกับมัทรีหันขวับมามองวันรบ วันรบสะดุ้งรู้ว่าตัวเองหลุดไปจึงรีบแก้ตัว
“แหะๆๆ ไม่ใช่ ผมพูดผิด รักนิรันดร์ ฟันเรียงกันสวย" วันรบยิ้มกว้างโชว์ฟัน
มัทรีค้อนตามองวันรบ รู้ทัน แต่ไม่อยากชวนทะเลาะ
“ป๋านนท์คนนี้ชื่อเต็ม ๆ ชื่ออะไรนะ” เตือนใจถาม
“รชานนท์ครับ”
“รชานนท์...ชื่อคุ้นๆ นะ”
พุทราเดินผ่านมา หันรีหันขวางเหมือนมองหาใครบางคน
"มองหาใครหรือแม่พุทราเชื่อม" เตือนใจถาม
"มีคนงานเห็นผู้ชายคนนึงเดินเข้ามาในโรงงานเราค่ะ แต่ไม่รู้หายไปไหนแล้ว" พุทราบอก
มัทรีกับวันรบหันขวับมองกัน และพูดพร้อมกัน
"ป๋านนท์ ”
พุทรายืนด้วยอาการงง อย่างไม่เข้าใจ
รชานนท์ยังคงเฝ้ามองติรกานั่งปั้นโอ่ง ด้วยใบหน้าเปี่ยมความสุข รชานนท์มองติรกาใช้เหล็กแหลม กรีดลวดลายบนผนังโอ่ง อย่างอ่อนช้อย งดงาม จนยิ้มเพ้อและเริ่มจินตนาการกับภาพที่เห็นตรงหน้า
...ติรกานั่งปั้นโอ่งอยู่เริ่มรู้สึกว่ามีคนมานั่งซ้อน ติรกาหันมายิ้มให้รชานนท์ รชานนท์เลื่อนมือไปตามแขนติรกาช่วยกันปั้นโอ่ง นัวเนียสอดนิ้วกันสุดชีวิต...
รชานนท์กำลังยืนยิ้มเคลิ้มคนเดียว
"ลายบนหน้าใช้เหล็กกรีดไม่ได้ ต้องใช้หวีหัก" ติรกาพึมพำกับตัวเอง
ติรกาหันมาบอกพุทราเพื่อขออุปกรณ์ แต่กลับเจอรชานนท์ ติรกาตะลึง เธอตกใจจนหยุดแป้นหมุนกะทันหัน ทำให้โอ่งปั้นกลิ้งตกลงพื้น ดังตุ้บ !
ติรกาลุกขึ้นมามองอย่างอึ้งคิดไม่ถึง
“คุณ...”
"สวัสดีครับ...”
“คุณ..” ติรกาเหมือนเคลิ้มในความหล่อของรชานนท์
สองคนต่างเหมือนมีแรงดึงดูดเข้าหากัน ติรกาวิ่งเข้าไปหารชานนท์ รชานนท์อ้าแขนเตรียมกอด ติรกาโผเข้าเหวี่ยงหมัดชกเข้าหน้ารชานนท์ผัวะ! รชานนท์ผงะไปและรีบตั้งสติแล้วพูดออกไป
“กระแต คุณจำผมไม่ได้เหรอ”
“ผู้ชายสารเลวอย่างคุณ ฉันจำไม่มีวันลืม”
รชานนท์แสดงความดีใจเข้าไปจับมือ “กระแต”
ติรกาสะบัดมือแล้วเดินหนีไป
“กระแต เดี๋ยวสิครับ กระแต!”
อ่านต่อหน้า 4
แม่ยายที่รัก ตอนที่ 1 (ต่อ)
รชานนท์วิ่งตามติรกาออกมาเจอวันรบ มัทรี พุทรา และเตือนใจเข้าพอดี
"ป๋าไปไหนมา ผมตามหาตั้งนาน" วันรบถาม
รชานนท์หันไปไหว้เตือนใจ พร้อมกับยิ้มให้มัทรี แล้วหันขวับมาถามวันรบอย่างร้อนรน
"เห็นกระแตมั้ย"
"กระแตไหน?” วันรบถามอย่างงงๆ
"เอากระรอกแทนได้มั้ย สวนแถวนี้มีเยอะ" เตือนใจบอก
"ผมหมายถึงกระแตจริง ๆ ครับ"
ทันใดนั้น เสียงปืนก็ดังขึ้นนัดหนึ่ง วันรบ มัทรี รชานนท์ เตือนใจ พุทราต่างผวาด้วยความตกใจ
"ว้าย... เกิดอะไรขึ้นคะ" มัทรีร้องขึ้น
"ใครจุดประทัดเช็งเม้งรึเปล่า" พุทราถาม
เตือนใจพูดประชดทันที
"พลุลอยกระทงมั้ง"
ขณะที่ทุกคนมองกันเลิ่กลั่กเพื่อหาที่มาของเสียงปืน ติรกาก็ก้าวออกมาพร้อมปืนยาวในมือ
"ตายเสียเถอะ ไอ้สารเลว!”
ทุกคนหันมองมามองหน้ากัน เพราะไม่รู้ว่า คนที่ติรกาด่าเป็นใครกันแน่ ติรกาจ่อปืนเล็งไปที่รชานนท์ เตรียมเหนี่ยวไก
"เฮ้ย...!!” รชานนท์ร้องขึ้น
มัทรีตกใจ
"อย่าค่ะแม่!”
ช้าไปแล้ว ติรกายิงปืนเปรี้ยง! รชานนท์กระโดดหนีไปหาวันรบ ติรกายิงอีกเปรี้ยง! วันรบโผล้มไปอีกทาง รชานนท์ตามมาทับ
“โอ้ย ป๋าโดดตามมาทำไมเนี่ย แล้วนี่มันเรื่องอะไรกัน”
“แกทำฉันซวยแล้วไอ้รบ พาฉันมาโดนยิงด้วย”
เปรี้ยง! เสียงปืนดังขึ้นอีก วันรบกับรชานนท์กระโดดแยกกันออกไป ติรกายกเล็งไปทางรชานนท์ วันรบมองตาม
“แม่เขาจะยิงป๋าไม่ใช่ผม!”
เปรี้ยง! รชานนท์เห็นว่าตัวเองเป็นเป้าแน่ก็ออกวิ่งทันที
“ไอ้รบ จับตัวมันไว้!” ติรกาสั่ง
วันรบบ้าจี้วิ่งตาม รีบตะครุบตัวรชานนท์ทันควัน
"ไอ้รบปล่อย!” รชานนท์บอก
วันรบปล่อยตามคำสั่งรชานนท์
"ฉันบอกให้จับ"
"ป๋าบอกให้ปล่อย"
"จับมัน!” ติรกายืนยัน
"ปล่อยฉัน!” รชานนท์บอก
วันรบหมดความอดทนและเริ่มโวย
"โว้ย... จะเอายังไงกันครับ"
ติรกากับรชานนท์ ยังคงยืนยันในคำพูดของตัวเอง ทั้งจับและปล่อย
มัทรีตะโกนขึ้นทันที
“รีบหนีทั้งคู่เลยค่ะ เดี๋ยวแม่ก็ยิงม้ามทะลุหรอก"
ติรกาเหนี่ยวไกปืนยิงอีกเปรี้ยง... คราวนี้กระสุนพุ่งผ่านตัวรชานนท์ไปอย่างเฉียดฉิว รชานนท์กับวันรบวิ่งกระเจิงหนีไปด้วยกัน
วันรบ รชานนท์วิ่งหนีมาทางข้างบ้านที่มีโอ่งใบใหญ่ตั้งเรียงรายเต็มไปหมด ทั้งสองวิ่งหาทางรอดให้ควั่ก ติรกาวิ่งตามมา จ่อปืนตามยิงรชานนท์
รชานนท์กับวันรบกระโดดหนีลงโอ่งใบใหญ่ไปด้วยกัน ติรกาตามเอาปืนไปจ่อในโอ่งไปที่รชานนท์กับวันรบกระโดดลงไป ชะงัก เมื่อไม่เจอใคร
วันรบกับรชานนท์โผล่หัวขึ้นมาจากโอ่งคนละใบ ข้าง ๆ กัน ยิ้มเย้ย...หุหุ ติรกาตามไปยิงก็ไม่เจออีก
วันรบกับรชานนท์ผลุบ ๆ โผล่ ๆ จากโอ่งใบใหญ่บริเวณใกล้เคียง ติรกาวิ่งตามจนเวียนหัว ก่อนเปลี่ยนมานั่งเฉย ๆ ปล่อยให้วันรบกับรชานนท์ผลุบโผล่กันเองสองคน โดยไม่รู้ตัวว่าติรกาเข้ามาข้างโอ่งที่วันรบโผล่ขึ้นมา ติรกายกปืนขู่วันรบชะงัก
“มัน อยู่ไหน!” ติรกาถาม
วันรบเหลือบมองโอ่งข้างๆ เห็นรชานนท์กำลังจะโผล่แล้วก็ชะงัก รชานนท์ส่งซิกให้วันรบว่าอย่าบอก อย่าบอก!
“ไอ้วันรบ”
วันรบจนหนทางเอามือหนึ่งขึ้นปิดตาแล้วชี้ไปที่โอ่งรชานนท์
“ไอ้น้องทรยศ!”
รชานนท์ลุกขึ้นจะปีนออกแต่ไม่ทัน ติรกาหันมายกปืนขู่รชานนท์
วันรบ มัทรี เตือนใจ พุทรามองเหตุการณ์ลุ้นระทึก
“กระแตจ๋า..นนท์ว่าเราค่อยพูดค่อยจา”
ติรกายังจ้องอยู่ รชานนท์ค่อยๆก้าวยืนขึ้นจากโอ่งกลืนน้ำลายมองติรกา รชานนท์หลับตาแล้วลืมตายิ้ม ปิ๊ง!
“มาแล้ว..ยิ้มพิฆาตของป๋า”
ติรกาเหมือนโดนออร่าเข้าตาไปชั่วขณะ สะบัดหน้าพยายามองรชานนท์ รชานนท์ยิ้มอ้อนน่าดู
“กระแตคุณไม่ยิงผมหรอก...ใช่ไหม ส่งปืนให้ผมนะ”
รชานนท์ยื่นมือมาจะรับปืน พุทรากับเตือนใจดูจะเคลิ้มในรอยยิ้มพิฆาตของรชานนท์ยิ่งกว่า
“ยิ้มเค้าแน่จริง ๆ” วันรบพูดเบาๆกับตัวเอง
“ส่งปืนให้ผมนะ...คนดี” รชานนท์กล่อม
ติรกาทำท่าเคลิ้มเหมือนจะส่งปืนให้
“ได้สิ...แต่เป็นลูกปืนนะที่ส่งให้”
ติรกาเตรียมขึ้นลำกล้องดัง ครึ่กๆ รชานนท์ตัดสินใจชั่วเสี้ยววินาทีพุ่งออกจากโอ่ง เสียงเปรี้ยง! ดังสนั่น รชานนท์กลิ้งตัวไปตั้งหลัก วันรบรีบเข้ามาดึงรชานนท์ให้ลุก
"นิมนต์หลวงพ่อโกย วัดหน้าตั้งเลยป๋า" วันรบบอก
“รบ ระวัง!” มัทรีร้องเตือน
รชานนท์กับวันรบหันไปเห็นติรกากำลังยกปืนเล็ง
“พวกแกตาย!”
"เหวอ...” วันรบกับรชานนท์ร้องขึ้นพร้อมกัน
ติรกายิงเปรี้ยงๆๆ วันรบและรชานนท์วิ่งแจ้นเตลิดเปิดเปิง ล้มลุกคลุกคลาน จนต้องฉุดกันหนีออกไป
มัทรี เตือนใจ พุทรามองตาม ลุ้นระทึก
ติรกายังคงวิ่งไล่ยิงวันรบกับรชานนท์ ทั้งวันรบและรชานนท์วิ่งหนีออกมาด้วยความโกลาหล รชานนท์วิ่งไปขึ้นด้านคนขับ วันรบขึ้นด้านที่นั่งข้างคนขับแล้วนึกได้
“ขึ้นผิดข้างเว้ย!” รชานนท์บอก
วันรบกับรชานนท์ลงจากรถสลับกันมาขึ้นที่นั่งตัวเอง วันรบรีบสตาร์ทเครื่องออกไปทันที ติรกายังไล่ยิงตามหลังมาด้วยสีหน้าเคียดแค้นรชานนท์เป็นอย่างยิ่ง
ภายในบ้านพชร รชานนท์เดินดุ่มๆ เข้าบ้าน แล้วตรงไปยังห้องของตัวเองอย่างรวดเร็ว วันรบเดินตามไปถามรชานนท์อย่างไม่ยอมแพ้
"ป๋ายังไม่บอกผมว่ารู้จักแม่ของมัทได้ยังไง"
รชานนท์น้ำเสียงนิ่ง เครียด
"ฉันเหนื่อย อยากพัก"
"อ้าปากก็เห็นลิ้นจระเข้ อย่ามาเฉเปลี่ยนเรื่อง"วันรบบอก
รชานนท์ไม่ตอบ รีบเดินไปห้องอย่างรวดเร็ว แต่สวนกับพชรเข้าพอดี จึงเดินตามทั้งสองไปด้วยความอยากรู้
"เป็นไง แผนกิ๊กว่าที่แม่ยายราบรื่นดีมั้ย"พชรถาม
"วิ่งป่าราบน่ะสิพี่ระ อาราธนาหลวงพ่อโกยกันแทบไม่ทัน"
"ห๊า ว่าที่แม่ยายไอ้รบขี้เหร่เนะจนทนไม่ได้เลยหรือวะไอ้นนท์"
วันรบพูดย้ำกับพชร
"มัทสวยเหมือนแม่ บอกแล้วไม่เคยจำ"
"ถ้างั้นคงเจอสวยสยองทุกสองนาทีเข้าละสิ ฮ่าๆๆ ขำว่ะ"
"แทนที่จะห่วงน้อง" วันรบพูดด้วยความเซ็ง
"กะล่อนท่อนฮุกอย่างพวกแกเอาตัวรอดสบายมาก แม่ยายโอ่งน้ำปลาน่าห่วงกว่า สมควรจัดบุรุษไปหยอด เรื่อย ๆ ฟันเฟืองจะได้ไม่ฝืด" พชรบอก
วันรบกับพชรหัวเราะกันอย่างสนุกปาก
"และบุรุษโสด ฟ้อ หล่อ เฟี้ยว เพียงหนึ่งเดียวคนนั้นคือไอ้นนท์"
“ไหน้ำปลาปีศาจกับปลาไหลตัวพ่อ...อื้อหือ..คงไม่จืด”
รชานนท์ฉุนกึกขึ้นมาทันที เหมือนมีอะไรบางอย่างเสียดแทงหัวใจ ทำให้ต้องหันไประเบิดอารมณ์ใส่ทั้งคู่
"สนุกกันพอรึยัง!”
ทั้งวันรบ พชร ชะงัก อ้าปากค้างไปตามกันเพราะไม่เคยเห็นอารมณ์ของขึ้นของรชานนท์มาก่อน
"เอ่อ ... ก็"
"ฉันอยากอยู่คนเดียว ขอตัว!”
รชานนท์รีบเข้าห้อง ก่อนปิดประตูใส่หน้าวันรบกับพชรที่ยังยืนงงเป็นไก่ตาแตกอยู่หน้าห้อง
"มันไปกินนมบูดที่ไหนมาวะ" พชรถาม
วันรบส่ายหน้า ไม่รู้ว่ารชานนท์เป็นอะไรกันแน่
ภายในห้องนอน ชานนท์ทิ้งตัวนอนบนเตียงด้วยความเครียด พยายามข่มตาหลับ สุดท้ายก็ต้องพลิกตัวขึ้นมาครุ่นคิดด้วยความสับสน
"กระแต ... กระแตเป็นแม่แฟนไอ้รบ ฟ้ากำลังเล่นตลกอะไรกับฉัน"
รชานนท์ทอดถอนใจ คิดถึงเรื่องในอดีต
สวนสาธารณะในวันนั้น รชานนท์ยิ้มให้ติรกา เช่นเดียวกับที่ติรกายิ้มตอบรชานนท์ ใบหน้าทั้งสองคนเต็มไปด้วยความรักที่มีต่อกัน
"กระแต"
รชานนท์ดึงตัวติรกามาจุมพิตที่หน้าผาก ติรกาหลับตาพริ้ม มีความสุข
"คุณเป็นแฟนที่น่ารักของผมเสมอ"
"คุณก็เป็นคนที่ฉันรักที่สุดค่ะนนท์"
รชานนท์โอบประคองติรกาเข้ามาสวมกอดด้วยความรัก ติรกาซบหน้าลงบนอกอุ่นของรชานนท์ และเลื่อนมือไปกุมมือชายหนุ่มไว้ความเสน่หา
ติรกากระแทกปืนลงกับพื้นภายในบ้านเสียงดัง ปึง ! ด้วยความเจ็บใจ
"ฉันอยากจะฆ่ามัน!”
ติรกาหันไปหามัทรี สองแม่ลูกจะอ้าปากพูดพร้อมกัน แต่ติรกาไวกว่าชิงพูดก่อน
"แกต้องเลิกคบกับไอ้วันรบ"
"รบเคยทำอะไรให้แม่เกลียดนักหนา ถึงได้ไล่ยิงเค้าแบบนั้น"
"มันคบคนเลวเป็นเพื่อน นิสัยมันก็ต้องเลวเหมือนกัน"
"แม่รู้จักป๋านนท์มาก่อนหรือคะ"
"ไม่อยากรู้จัก และแกก็ห้ามเจอพวกมันอีก"
"มัทโตพอที่จะมีชีวิตเป็นของตัวเองแล้วนะคะ"
"ชีวิตที่เดินหลงผิด รักคนผิด เพราะไม่เชื่อฟังแม่"
พุทราสะกิดเตือนใจให้เข้าไปห้ามทัพรบของคู่แม่ลูก ทว่าเตือนใจยังนิ่งดูท่าที
"มัทกับรบรักกัน เราสองคนจะแต่งงานกันค่ะแม่"
"ไม่มีทาง! ตราบใดที่ฉันยังเป็นแม่ แกจะไม่มีวันได้แต่งงานกับไอ้รบ ฉันจะให้แกย้ายกลับมาอยู่ที่ราชบุรีนี่ จะได้อยู่ในสายตาฉันทุกฝีก้าว"
มัทรีทำท่าจะค้าน แต่ติรกาชิงพูดตัดหน้าขึ้นอีก
"พรุ่งนี้ฉันจะพาไปเก็บของออกจากคอนโด และถ้าแกยึกยักไม่ยอมกลับฉันจะจับแกแต่งงานกับธงฉาน"
"อะไรนะคะ"
เตือนใจกับพุทราสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ ไม่คาดคิดว่าติรกาจะให้มัทรีแต่งงานกับธงฉาน ติรกาจ้องมัทรี ด้วยสีหน้าเอาจริง มัทรีโกรธ ผลุนผลันออกจากห้องไปทันที
"ยายมัท" เตือนใจร้องเรียก
"คุณติรกาไม่ชอบให้ผู้ชายคนไหนยุ่งกับคุณมัท แล้วทำไมยอมให้คุณมัทแต่งงานกับนายธงฉานคะ" พุทราถามติรกา
"ขู่ไปอย่างนั้นแหละ ถ้าไม่ใช้วิธีนี้มันจะยอมเลิกกันเหรอ"
เตือนใจมองติรกาด้วยความหนักใจ
คืนนั้นมัทรีนอนค้างที่บ้านราชบุรีและโทรศัพท์ไปคุยกับวันรบที่คอนโดฯ วันรบพูดปลอบมัทรีทางโทรศัพท์ไอโฟนผ่านเฟซไทม์
"แม่คุณพูดแบบนั้น คงเป็นเพราะกำลังโกรธ ใจเย็น ๆ ก่อนนะครับมัท"
มัทรีปาดน้ำตาเสียใจที่ถูกแม่บังคับ
"แม่เผด็จการ คิดว่าตัวเองมีสิทธิ์บังคับชีวิตใครก็ได้"
วันรบพยายามอธิบายให้มัทรีเข้าใจแม่
"อย่าว่าแม่แบบนี้สิครับทูนหัว แม่คุณทำเพราะรักและเป็นห่วงคุณมากเท่านั้น"
"แม่ทำเพราะรัก แต่ไม่เคยถามมัทสักคำว่าต้องการรักแบบนี้มั้ย"
วันรบนิ่งครุ่นคิด ก่อนออกความเห็น
"ผมคิดว่ามัทควรจะย้ายกลับไปอยู่บ้านอย่างที่แม่ต้องการ ทำให้ท่านสบายใจแล้วเราค่อยหาทางออกกันอีกที"
มัทรีไม่พอใจ เริ่มหาเรื่องวันรบ
"อยู่ใกล้กันยังทำอะไรไม่ได้ แล้วไกลกันขนาดนี้จะมีวิธีเอาชนะใจแม่ได้ยังไงรบไม่เข้าใจ"
“อยากผลักไสให้มัทแต่งงานกับคนอื่น รบเบื่อที่จะต่อสู้เพื่อความรักของเราแล้วใช่มั้ย"
"ไม่ใช่นะมัท คิดมากไปใหญ่แล้ว"
"ใช่ค่ะมัทคิดมาก เรื่องมาก ไม่มีอะไรดีสักอย่าง งั้นแค่นี้นะคะ"
มัทรีงอนและวางสายไปดื้อๆ ทันที
"อ้าว งอนไปซะแล้ว"
วันรบถอนหายใจ คิดไม่ตกกับเรื่องของเขากับมัทรีเช่นกัน
ภายในบ้าน เตือนใจนั่งดูโทรทัศน์และลุ้นและส่งเสียงเชียร์อย่างใส่อารมณ์ ราวกับกำลังดูมวยคู่สำคัญ
"รุกเข้าไป! เอส... อย่างนั้น เข้าไปอีก! อีกนิดเดียว...เยส !! มันต้องอย่างนี้สิวะ"
ที่แท้หาใช่มวยคู่เอก ทว่าเตือนใจกำลังดูละครเกาหลีในฉากที่พระเอกนางเอกกำลังจูบกัน เตือนใจจ้องฉากเลิฟซีนตาค้าง ขณะเอื้อมมือไปหยิบข้าวเกรียบเข้าปากเคี้ยวกร๊วบ ๆ
"รักจริงต้องจูบจริง ไม่ใช้สลิงและตัวแสดงแทนเว้ย"
มัทรีเดินหน้างอเข้ามาหาเตือนใจ ก่อนนั่งลงข้าง ๆ ด้วยท่าทางหงุดหงิด เตือนใจชำเลืองมองสีหน้ามัทรีก็พอเดาออกว่าเรื่องอะไร
"งอนพ่อรบมาอีกละสิไ
"ก็เค้าหาเรื่องมัทก่อน"
"ยามศึกเราช่วยกันรบ ยามสงบทำไมรบกันเองล่ะลูก มาดูซีรี่ส์เกาหลีกับยายให้สบายใจดีกว่า กำลังถึงฉากพระเอกจะวางยานางเอกแล้ว"
มัทรีจำใจหันไปดูละครเกาหลีที่ยายแนะนำอย่างเสียไม่ได้
“วางยา”
บนจอโทรทัศน์ พระเอกในละครแอบใส่ยานอนหลับในแก้วน้ำของนางเอก ก่อนเอาแก้วน้ำนั้นมาให้นางเอกดื่ม ฉากนั้น พระเอกพูดว่า”Bon sro lahn oon --บอง สรัล โอล" ซึ่งแปลว่า ผมรักคุณ
"มันเป็นละครเกาหลีจริงเหรอยาย ภาษาคุ้น ๆ เหมือนคนบ้านใกล้เรือนเคียง" มัทรีถาม เพราะมัทรีเห็นว่าละครพูดภาษาเขมีและมีซับไตเติ้งภาษาไทยอยู่ข้างล่าง
"เทปผีซีดีเถื่อนยังมีเกลื่อนเมือง ละครเกาหลีเค้าก็ก๊อปกันได้"
เตือนใจพูดทั้งที่ตายังจดจ้องอยู่กับฉากสำคัญในละคร
"น่าเห็นใจพระเอกนางเอกคู่นี้ ถูกพ่อตากีดกันไม่ให้แต่งงาน พระเอกเลยวางยาปล้ำนางเอก เพื่อให้พ่อตายอมรับ"
มัทรีเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ แล้วเริ่มเก็บรายละเอียดจากทุกช็อตอย่างตั้งใจ
ภายในบ้านของติรกาวันรุ่งขึ้น ติรกาไม่พอใจเมื่อรู้เรื่องจากพุทราว่า มัทรีกลับกรุงเทพฯไปตั้แต่เมื่อเช้ามืด
"ฉันบอกไว้แล้วว่าธงฉานจะมารับไปขนของที่คอนโด แล้วยายมัทจะรีบเข้ากรุงเทพไปก่อนทำไม"
"คงรีบไปเก็บของรอ ไม่ให้แกเสียเวลามั้ง" เตือนใจแกล้งพูดประชดแบบขำๆ
"มีคนมาให้ใช้จะไปเองทำไมให้เหนื่อย"
ติรกาหันมาเจอธงฉานที่ยืนยิ้มโง่ ๆ อยู่
"ผมยินดีทำทุกอย่าง...เพื่อน้องมัทสุดที่รักของพี่ธงฉาน"
ติรกาตาขวางทันที
“ของใคร”
ธงฉานชะงักไปทันที เมื่อเห็นสายตาดุของติรกาจึงรีบแก้ตัวพัลวัน
“เอ่อ หมายถึงน้องมัทสุดที่รักของคุณน้าติรกาน่ะครับ ใกล้ไกลแค่ไหนธงฉานพร้อมรับใช้เสมอ"
"รู้เค้าหลอก แต่เต็มใจให้หลอกเนอะ" พุทราพึมพำธงฉานได้ยินแว่ว ๆ หันกลับไปมองมองพุทราที่ทำหน้าเป็น ไม่รู้ไม่ชี้ ติรกาหงุดหงิดเล็กน้อยที่ถูกมัทรีขัดใจ
ภายในโถงคอนโดในเวลาต่อมา มัทรีกับวันรบนั่งทานอาหารเลี้ยงอำลาร่วมกันที่โต๊ะอาหาร ทั้งสองนั่งนิ่ง เขี่ยอาหารในจาน ต่างคนต่างทานไม่ลง วันรบและมัทรีถอนใจยาวพร้อมกัน ทั้งสองชะงักมองกัน เหมือนมีเรื่องในใจจะพูด
มัทรีกับวันรบพร้อมกัน
"ฉัน / ผม"
มัทรีและวันรบต่างชะงักอีกครั้ง วันรบเอ่ยปากก่อน
"ผมขอโทษ.. ที่ทำให้มัทไม่พอใจเมื่อวาน"
"ไม่ต้องขอโทษค่ะ มัทผิดเองที่คิดเล็กคิดน้อย ทำให้เราไม่เข้าใจกัน ฉันรักคุณมากค่ะรบ รักจนทนไม่ได้ถ้าแม่บังคับให้ฉันแต่งงานกับธงฉาน"
"ผมไม่มีวันยอมให้คุณแต่งงานกับคนอื่นหรอกมัท แต่ตอนนี้คุณต้องกลับไปทำหน้าที่ของลูกกตัญญู ทำให้แม่คุณสบายใจก่อน แล้วผมจะหาทางพิสูจน์ตัวเองให้แม่คุณยอมรับผมให้ได้"
"ขอบคุณนะคะรบ ขอบคุณที่เป็นแฟนที่แสนดีของฉันเสมอ"
"สำหรับนางฟ้าคนเดียวของผม มากกว่านี้ผมก็ทำให้ได้ครับ"
มัทรียิ้มเศร้า วันรบใช้นิ้วโป้งคลึงที่หว่างคิ้วของมัทรีอย่างเอาใจ
"ไม่เครียดนะครับนางฟ้า เดี๋ยวคุณกาบินมาประทับตรานะ”
"ถ้าฉันแก่ คุณยังจะรักฉันมั้ย"
"ผมไม่ได้รักคุณแค่หน้าตานะมัท แต่ผมรักคุณที่ตรงนี้"
วันรบจับมือมัทรีมาแตะหน้าอกด้านซ้ายของตัวเอง
"ผมรักคุณด้วยหัวใจ ... เราจะได้แต่งงานกัน และแก่เฒ่าไปด้วยกันครับ"
มัทรีซาบซึ้งในตัววันรบ
"ฉันเลือกรักคนไม่ผิดจริงๆ"
ทั้งสองยิ้มให้กันด้วยความรัก
ทางด้านตริกาก็ให้ธงฉานขับรถพาเธฮและพุทรามาที่คอนโดฯของมัทรี ระหว่างทางรถแวะที่ปั๊มน้ำมัน ติรกาบ่นกับธงฉานที่ข้างรถด้วยอารมณ์แสนจะหงุดหงิด
"อีกนิดเดียวก็จะถึงคอนโดยายมัทแล้ว เรื่องมากจริง ๆ เลยยายคนนี้"
"ใจร่ม ๆ ครับคุณน้า เรื่องปวดชิ้งฉ่องมันอั้นกันไม่ได้"
พุทราแอบมองติรกาจากในห้องน้ำ แล้วรีบกดโทรศัพท์หามัทรีทันที แต่โทรไม่ติดเพราะไม่มีสัญญาณ
"เอ๊า...แกไร้สัญญาณตอนนี้เดี๋ยวฉันก็ไร้ชีวิตกันพอดี มาสิคลื่นเอ๋ยจงมา” พุทราบ่นอุบ
พุทรารีบเอามือถือโบกไปมา เพื่อหาสัญญาณอย่างเร่งรีบ ก่อนสะดุ้งตกใจ เมื่อหันมาเจอติรกายืนจ้องเขม็งอยู่ข้างหลัง พุทราจึงทำทีเป็นตบยุงกลบเกลื่อน
"ห้องน้ำในปั๊มเนี่ย ยุงเยอะนะคะ"
"ฉันให้มาเข้าห้องน้ำ ไม่ได้ให้มาไล่ตบยุงในนี้" ติรกาพูดพลางยกเครื่องจับเวลาขึ้นมากดต่อหน้าพุทรา
“อย่าเพิ่งจับเวลาสิคะ คุณติ...คุณติ๊!”
ติรกาเดินสะบัดไปอย่างหงุดหงิด
“ถ้าแกไม่รีบมีสัญญาณ ฉันปลดระวางแกแน่”
เสียงมือถือดังขึ้น เตือนว่าโทรศัพท์มีสัญญาณแล้ว พุทราดีใจจนออกนอกหน้า
“ให้มันได้อย่างนี้ลูกแม่..”
พุทรารีบกดโทรหามัทรีทันที
ภายในคอนโดฯ มัทรีกำลังชนแก้วน้ำหวานกับวันรบ ขณะที่ทั้งสองกำลังจะยกแก้วขึ้นดื่ม มือถือของมัทรีสั่นจนมัทรีสะดุ้ง ชำเลืองมองโทรศัพท์ที่วางข้างตัว วันรบเงยหน้ามองท่าทางมัทรีด้วยความแปลกใจ มัทรีรีบออกตัวก่อนวันรบจะทันถาม
"มัทเพิ่งนึกได้ว่าลืมปิดเครื่องทำน้ำอุ่น รบเข้าไปปิดให้มัททีสิคะ"
"โก๊ะขี้ลืมเหมือนเดิมนะคุณ"
วันรบลุกจากเก้าอี้เดินหายเข้าไปในห้องน้ำ มัทรีรีบกดรับสายพุทราทันที
"ว่าไงคะพี่พุทรา ใกล้ถึงแล้วเหรอคะ ค่ะ ๆ ขอบคุณที่โทรมาบอก"
"ใครโทรมาครับ"
มัทรีตกใจ
"อุ๊ย... รบออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ"
"ก็ตั้งแต่ทักคุณนั่นแหละ"
วันรบกำลังจะถามเรื่องโทรศัพท์เมื่อกี้ต่อ แต่มัทรีชิงตัดบท
"เดี๋ยวคุณแม่จะมารับแล้ว รีบดื่มให้กับวันอำลาของเราเถอะค่ะ"
มัทรียกแก้วน้ำส่งให้วันรบรับไป ทั้งสองชูแก้วให้กัน ต่างคนต่างจิบน้ำหวานในแก้วตัวเอง
"น้ำหวานแก้วนี้ยังหวานไม่ได้ครึ่งความรักของเรา เอ๊ะ!” วันรบบอก
วันรบวางแก้วน้ำหวานสักพัก ก็เริ่มมีอาการมึน งง
"เป็นอะไรคะ"
"แปลก... จู่ ๆ ก็มึนหัว"
"เครียดเพราะจะไม่ค่อยได้เจอมัทรึเปล่า"
"สงสัยจะใช่"
ร่างวันรบเริ่มโอนเอน จู่ ๆ วันรบก็หน้าวูบฟุบสลบคาโต๊ะอาหาร มัทรียกแก้วน้ำหวานของวันรบมาดู ยิ้มเข้าแผน
"ยานอนหลับรุ่นนี้ออกฤทธิ์เร็วดีแฮะ ขออนุญาต จัดฉากหลอกคุณแม่.. เพื่อความรักของเราหน่อยนะคะรบ”
มัทรีพยายามดึงตัววันรบออกจากโต๊ะอาหาร แต่ไม่สำเร็จ จึงออกแรงกระชากตัววันรบสุดแรงจนจาน ชามบนโต๊ะ ถูกมือวันรบปัดตรงลงมากระจัดกระจาย ราดบนตัววันรบที่นอนสลบไม่สติอยู่กับพื้น มัทรีเห็นสภาพวันรบ ยิ้มเจื่อนอย่างไม่ได้ตั้งใจ
ติรกานั่งอยู่เบาะหลังดูนาฬิกาจับเวลา พุทราเดินมาขึ้นที่นั่งข้างคนขับจำเป็นอย่างธงฉาน
"สาม..สอง..หมดเวลา..ช้าไปหนึ่งวิหักสองร้อย เงินเดือนเหลือหนึ่งหมื่นสามพันแปดร้อย หักภาษีเหลือหนึ่งหมื่นสามพันหนึ่งร้อยสิบบาท”
“คุณติ”
“นี่เมตตาแล้วนะ ถ้าเป็นนัดลูกค้านะสองพัน ฐานทำให้กิจการฉันเสียชื่อ"
"ขอโทษค่ะ ไปเก็บโอทีจากคุณมัทก็ได้” พุทราบ่นเบาๆ
“พี่พุทราเห่า...เอ้ย..บ่นอะไรน้องมัทครับ” ธงฉานถาม
“พี่..พี่คิดถึงน้องมัทน่ะค่ะ คุณธงฉานขับให้มันเร็วๆ นะคะ” พุทราเฉไฉทันที
“ผมก็คิดถึงน้องมัทของผมเหมือนกัน”
ธงฉานหันไปปรับกระจกก่อนออกรถ ไม่ทันขาดคำ มีมีดพกปลิวมาเสียบที่ขอบกระจกมองหลัง ฉึก! เฉียดนิ้วธงฉานไปนิดเดียว ธงฉานหันขวับไปด้านหลัง ติรกามองตาขวางอยู่
“น้องมัทของใครนะ”
“น้องมัทของคุณน้าไงครับ ของคุณน้า”
“ออกรถได้แล้ว” ติรกาสั่ง
พุทราแอบเหล่มองติรกาแล้วแอบกดมือถือส่งข้อความไปหามัทรี
ห้องข้างๆของมัทรีที่ได้ยินเสียงดังโครมครามข้าวของตก จานแตก ดังมาจากในห้องก็เปิดประตูออกมามองไปยังห้องมัทรีด้วยความสงสัย ภายในห้อง มัทรีพยายามลากตัววันรบไปตามพื้นอย่างทุลักทุเล เห็นข้าวของกระจัดกระจายเต็มพื้นทั่วห้อง
"ตัวหนักชะมัด ว้าย...”มัทรีบ่นอุบ
มือถือของมัทรีสั่นอีกครั้ง จนมัทรีสะดุ้ง ปล่อยมือจากวันรบจนหัวโขกกับพื้นดังโป๊ก! วันรบก็ยังคงสลบไม่รู้เรื่อง
"เอ่อ... รบ มัทขอโทษ"
มัทรีหันมาอ่านข้อความมือถือก็ตกใจอีกครั้ง
"แม่มาถึงแล้ว แย่แล้ว!”
มัทรีเลิ่กลั่กลากตัววันรบไปที่ห้องรูมเมทสีชมพู โดยไม่เวลาสนใจว่าตัววันรบจะถูไถ กวาดข้าวของบนพื้นจนเสียงดังโครมครามยังไง
ติรกา ธงฉาน พุทราเดินมาหยุดหน้าลิฟต์ ใต้ตึกคอนโดฯ ธงฉานทำจมูกฟุดฟิดเหมือนได้กลิ่นหอมบางอย่าง หันขวับ เมื่อเห็นสองสาวสวยเดินมารอลิฟต์ด้วยกัน
"หอมกลิ่นสาว ว้าว... สเป๊ก!”
ทั้งติรกาและพุทราและสองสาวหันขวับมองธงฉานพร้อมกัน ธงฉานสะดุ้งเพิ่งรู้สึกตัวว่าพูดดังไป รีบแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการถลาไปเกาะเสาต้นหนึ่งในคอนโด ลูบไล้ด้วยความชื่นชม
"ช่างเป็นเสาที่ได้มาตรฐาน ตรงตามสเปคของวิศวกรมืออาชีพอย่างผม เห็นแล้วอดชื่นชมไม่ได้จริงๆ"
ธงฉานกอดเสา เอาแก้มลูบไล้เสาอย่างหลงใหล
"ยังอยากได้ตานี่เป็นว่าที่ลูกเขยมั้ยคะ"
พุทราถามขึ้น ติรกาเมินหน้าหนีไม่ใส่ใจ เพราะร้อนใจอยากขึ้นไปเจอมัทรีมากกว่า
ภายในห้อง มัทรีพยายามลากตัววันรบมาถึงบนเตียง แขนวันรบปัดไปโดนไม้ช็อตยุง ร่างวันรบกระตุกสั่นเหมือนถูกไฟช็อต จนทำให้มัทรีสั่นไปด้วย
"อ๊าย...”
มัทรีสะบัดแขนหลุดจากวันรบ มีอาการกระตุกค้างสักพัก ไม่นานนัก ร่างวันรบก็กระเด้งตัวฟื้นขึ้นมาด้วยความงุนงง
"ผมมานอนอยู่ในห้องได้ยังไงครับ"
"ว้าย ฟื้นขึ้นมาทำไม"
มัทรีตกใจ คว้าโคมไฟคิตตี้ฟาดหัววันรบ จนวันรบสลบไปอีก
"ขอโทษนะรบ มัทจำเป็นต้องทำ"
มัทรีรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าให้วันรบอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำคิตตี้สีชมพู คว้าเสื้อเชิ้ตมาใส่แทน แล้วยืนหยุดหอบแฮ่กด้วยความเหน็ดเหนื่อย
"โอย... อ่อนเพลียไม่อยากจะเซ้ด"
มัทรีเริ่มรู้สึกคอแห้ง จึงวิ่งออกไปจากห้อง แล้วกลับเข้ามานั่งข้างวันรบที่ยังคงสลบอยู่บนเตียง ในมือมัทรีถือแก้วน้ำหวานติดมาด้วย
"หวังว่าแม่จะเข้าใจความรักของเรานะคะรบ"
มัทรีดื่มน้ำหวานจนหมดแก้ว แล้วชะงัก ยกแก้วที่ว่างเปล่ามาดูอีกครั้ง
"เฮ้ย... นี่มันแก้วน้ำของรบ"
ไม่ทันขาดคำ มัทรีก็หน้าคว่ำทับไปบนตัววันรบ สลบไปด้วยกัน
อ่านต่อตอนที่ 2 เวลา 17.00 น.