xs
xsm
sm
md
lg

นางฟ้ากับมาเฟีย ตอนที่ 21

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นางฟ้ากับมาเฟีย ตอนที่ 21

รถตำรวจขับเข้ามาที่ ลานจอดรถบนห้างสรรพสินค้าชั้นบน รามคุยโทรศัพท์กับยงยุทธจบ หันมาหาก้องภพซึ่งมองหารถตาล

“ดาบยุทธตรวจสอบสัญญาณมือถือของคุณตาล บอกว่าอยู่ชั้นนี้แน่นอน”
ก้องภพจอดรถ
“แยกย้ายกันหาให้พบ”
รามลงจากรถ ทั้งคู่แยกกันเดินหา ก้องภพร้อนรนใจไม่ดี
“ทางนี้ครับท่าน”
ก้องภพรีบวิ่งไปทางราม เห็นรถตาลจอดอยู่ ข้าวของที่ซื้อมาหล่นกระจาย เสียงมือถือตาลดังขึ้น ก้องภพสะดุ้ง
“เสียงมือถือของตาล”
ก้องภพกับรามก้มๆมองหามือถือ รามเจอมือถืออยู่ใต้ล้อรถ รีบส่งให้ก้องภพ
“ท่านครับ”
ก้องภพรับไป ใจคอไม่ดี แนบหูฟัง
“ฮัลโหล”
เหลียงยืนเด่นอยู่บนดาดฟ้าตึก 3 ชั้น มองลงไปเบื้องล่าง
“ไม่อยากจะเชื่อว่าวันนี้จะได้คุยกับมือปราบยาเสพติดที่ ทลายแก๊งค้ายามาทั่วทุกสารทิศ”
“พวกแกจะเป็นรายต่อไป บอกมาเมียฉันอยู่ไหน”
“เห็นพิกัด GPS ที่ฉันจะส่งไปทางมือถือ ก็จะรู้เอง”
เหลียงตัดสายไป ก้องภพอึ้ง
“เป็นพวกเฮียจางเหรอครับ”
“มันต้องการพบฉัน”
เสียงเตือนมีข้อความเข้ามา ก้องภพรีบกดดูแล้วจะเดินกลับไปที่รถ รามดึงไว้
“อย่าไปนะครับ เป้าหมายมันคือท่าน”
“ฉันจะปล่อยให้ตาลเป็นอะไรไปไม่ได้ ถึงรู้ว่ามันขุดหลุมฝังศพรอไว้ ฉันก็ต้องไป”
“ผมก็ปล่อยให้ท่านเป็นอะไรไปไม่ได้เหมือนกัน”
รามไปที่ประตูคนขับ
“ผมจะขับให้ท่านเอง”
ก้องภพต้องยอมความดื้อของราม

ก้องภพกับราม ไปที่ตึกร้าง 3 ชั้น เดินเข้าไปอย่างระแวดระวัง ชักปืนเตรียมพร้อม
“ระวังตัวด้วย เราไม่รู้ว่ากำลังของมันมีเท่าไหร่”
“มันโผล่มาเมื่อไหร่ ผมจะยิงเจาะรายตัว ท่านรีบช่วยคุณตาล แล้วพาออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ไม่ต้องห่วงผม ผมจะสกัดมันไว้เอง อย่าลืมนะครับ ไม่ต้องห่วงผม”
ก้องภพมองหน้าราม ด้วยความรักเหมือนพ่อมองลูก ทันใดเสียงปืนดัง
“เปรี้ยง!”
ลูกปืนแหวกอากาศเฉี่ยวข้างตัวรามไป รามไวมากยิงสวนไปยังทิศทางที่ปืนยิงมา คนชุดดำหลบเข้าที่กำบัง แล้วยิงตอบ ก้องภพยิงใส่อีกนัดแต่ไม่โดน คนชุดดำวิ่งหลอกล่อขึ้นชั้นบน
“ตามไป”
รามกับก้องภพวิ่งขึ้นไป ไม่เห็นใครเลย รามเล็งปืนไปตามจุดต่างๆ เสียงมือถือตาลดังขึ้น ก้องภพรีบรับสาย รามยังเล็งปืนระวังหลังให้
เหลียงนั่งอยู่ในรถ คุยมือถือกับก้องภพ
“มองลงมาข้างล่าง แกจะได้เห็นคนที่แกอยากเจอ”
ก้องภพรีบไปที่ริมดาดฟ้า ก้มมองลงไปเบื้องล่าง เห็นรถเหลียงจอดอยู่ ลูกน้องเหลียงจับตาลออกมาหน้าตึก ตาลพยายามดิ้น
“จับตาดูเมียแกให้ดี มันจะรอดหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความไวของแก”
ตาลไม่รู้ว่าก้องภพอยู่บนดาดฟ้า
“ไอ้พวกรกโลก อย่าคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงแล้วจะกลัวแก”
ตาลห้าวใส่จะพุ่งไปหาเหลียงที่รถ หลียงยิ้มเหี้ยม เบิ้ลเครื่องรถยนต์เตรียมพุ่งชน ตาลชะงักรีบถอยหนี เหลียงเหยียบคันเร่งสุดท้าย รถพุ่งเข้าหา ตาลรู้ชะตากรรมว่ามันชนแน่ รีบหันกลับวิ่งหนี เหลียงขับรถไล่เหยียบตาล
ก้องภพรีบวิ่งไปที่บันได
“อย่าไปครับ มันเป็นกับดัก”
ก้องภพไม่สนใจฟังแล้ว วิ่งลงไปทันที รามจะวิ่งตาม เสียงปืนยิงดักหน้า กระสุนเฉี่ยว รามกลิ้งหลบ ลูกน้องเหลียงในชุดดำสองคน กระโดดข้ามดาดฟ้ามาจากตึกข้างๆ ยิงใส่รามเพื่อดัก ไม่ให้รามตามก้องภพไป รามหลบแล้วยิงตอบกลับไปอย่างแม่นยำเจาะขาเสร็จไปหนึ่ง เหลืออีกหนึ่ง
เหลียงขับรถไล่ชน ตาลวิ่งหนีอย่างน่าสงสาร ก้องภพวิ่งไล่รถเหลียงพยายามยิงใส่ล้อรถ แต่ยิงไม่โดน เหลียงยิ้มน่ากลัวมองไปที่ตาล เร่งเครื่องเข้าหา ตาลหันกลับมามอง รถพุ่งชนตาลตัวลอยกระเด็นขึ้นฝากระโปรง แล้วกลิ้งตกลงถนน ก้องภพตกตะลึงตะโกนก้อง
“ตาล”
เหลียงขับรถหนี ก้องภพแค้นยิงใส่ล้อรถ รถพุ่งชนผนังตึก จอดสนิทวิ่งต่อไปไม่ได้ เหลียงอกกระแทกกับพวงมาลัย ฟุบคาพวงมาลัย
ก้องภพวิ่งไปกอด ตาลพยายามยิ้ม
“คุณต้องปลอดภัย อดทนไว้นะ ผมจะพาคุณไปโรงพยาบาล”
ตาลห้ามไว้
“ฉันกำลังจะไปหาลูก จะบอกลูกว่า พ่อของเค้าเป็นนายตำรวจที่เก่งที่สุด”
ตาลลูบหน้าก้องภพ แล้วมือตกสิ้นใจตาย ก้องภพปล่อยโฮ
“ไม่จริง ผมไม่ให้คุณไป ผมเสียลูกไปคนหนึ่งแล้ว อย่าให้ผมต้องเสียคุณไปอีกคนเลย ตาล อย่าไปนะ อย่าไป”
ก้องภพเขย่าร่างตาล

เหลียงที่ได้สติ เปิดประตูรถออกไป มองก้องภพสีหน้าเย็นชา ยกปืนขึ้นเล็งไปที่ด้านหลังก้องภพ ขณะเหลียงจะลั่นไก รามกระโดดเข้ามาเตะปืนกระเด็นจากมือ เหลียงวิ่งเข้าใส่ราม ต่อสู้กันผลัดกันรุกรับ เหลียงปล่อยอาวุธลับสะบัดมีดสั้นใส่ มีดเฉียดรามไปไม่โดน
เสียงรถหวอตำรวจของภาคภูมิดังมาแต่ไกล เหลียงเป่าปากให้สัญญาณ มอเตอร์ไซด์พุ่งเข้ามาเฉี่ยวรามจนเขาต้องกระโดดหลบกลิ้งไป
เหลียงกระโดดเกาะรถมอเตอร์ไซด์หนีรอดไปได้ รามหยิบปืนไล่ยิงแต่ไล่ตามไม่ทัน รามวิ่งกลับไปดู เห็นก้องภพกอดร่างตาลไว้ในอก ร้องไห้แทบคลั่ง ภาคภูมิเข้ามายืนสมทบกับราม
“ผมมาช้าไป”
รามตาแดงกล่ำกำมือแน่นแค้น
“ไอ้เหลียง”

เช้าวันใหม่...เมขลาเอาป้าย OPEN มาแขวนที่ประตูหน้าร้าน เทวัญเช็ดถ้วยกาแฟอยู่ด้สนใน ครู่หนึ่งเมขลาวิ่งหน้าตื่นเข้ามาอย่างตื่นเต้นเอามากๆ
“คุณเทวัญ เร็วเข้าเถอะค่ะ”
เทวัญตกใจ
“มีอะไรเหรอครับ หรือว่าไอ้พวกนักเลงหัวไม้ มันมาก่อกวนอีก”
“ไม่ใช่ค่ะ”
เมขลาชูใบออเดอร์
“เรามีลูกค้าเข้ามาแล้ว”
เทวัญพลอยตื่นเต้นดีใจ
“จริงเหรอครับ”

โต๊ะระเบียงร้านกาแฟ มีลูกค้านั่งอยู่ 3 โต๊ะ เมขลาเสิร์ฟกาแฟ ขอบคุณแล้วขอบคุณอีก
“ขอบคุณนะคะ ขอบคุณมากๆที่มาใช้บริการ มีอะไรไม่ถูกใจ ติชมกันได้นะคะ”
ลูกค้ายิ้มแย้ม เมขลาเสิร์ฟขนมปังรูปหัวใจที่ประกบกันสองอัน
“เปิดร้านวันแรก เราแถมให้ฟรีค่ะ”
ลูกค้าหญิงหยิบขึ้นมาดู
“ขนมปังนี่ชื่ออะไรเหรอคะ คราวหน้าจะได้มาสั่งถูก”
“อ๋อ คือฉันลองทำดูเล่นๆ ยังไม่ได้ตั้งชื่อเลยค่ะ”
เมื่อกลับเข้าไปในร้าน เมขลานั่งหยิบขนมปังรูปหัวใจที่ทำเองขึ้นมาดู
“จะตั้งชื่ออะไรดีนะ ขนมปัง...มันน่าจะมีชื่อเราด้วย”
เมแยกหัวใจที่ประกบกันออก ปากพาไป
“อันนี้เมขลา อันนี้รามสูร”
เมขลาตกอยู่ในภวังค์มองขนมปังรูปหัวใจ คิดถึงรามขึ้นมา

เมขลานึกถึงอดีต...ก่อนถึงวันงานสโมสรตำรวจคราวนั้น รามแต่งชุดตำรวจเดินลงมา นั่งที่โต๊ะอาหาร แต่เห็นโต๊ะว่างเปล่า หยิบนสพ.ปากก็ร้องเรียกเสียงดัง
“แม่แจ่ม...อาหารเช้าผมล่ะ ผมต้องรีบไปรายงานตัววันแรกนะ”
ทันใดนั้น มีอาหารเป็นขนมปังรูปหัวใจ กับกาแฟมาเสิร์ฟบนโต๊ะตรงหน้า รามเงยหน้ามองเห็น เมขลายืนหน้าตาเรียบเฉย
“แม่แจ่มไปวัดกับคุณแม่ค่ะ ให้ฉันเสิร์ฟขนมปังให้คุณ”
รามอยากคุยดีๆด้วยแต่ก็เขินๆ
“เออ ไม่นั่งกินด้วยกันเหรอ”
เมขลาพูดออกมาอย่างเป็นทางการ
“ฉันอิ่มมาจากในครัวแล้ว เชิญคุณเถอะค่ะ”
เมขลาลุ้นๆอยากให้เขากิน แต่รามกลับปากเสีย
“ชอบอยู่ก้นครัวว่างั้นเหอะ”
เมขลาไม่สบอารมณ์อยู่แล้ว พาลโมโห
“ก็มันอร่อยกว่า นั่งกินโต๊ะเดียวกับคนปากไม่ดี”
รามโมโหตัวเองพึมพำเบาๆ
“มันน่าจับเย็บปากนัก”
เมขลาขึงตาใส่
“คุณว่าอะไรนะ จะเย็บปากใคร”
“เปล่า...ผมหมายถึงเย็บปากผมเอง” รามพูดเสียงสูง ก่อนจะหยิบขนมปังเข้าปากแล้วคายออกแทบไม่ทัน “โอ๊ย นี่มันก้อนอิฐหรือขนมปังกันเนี่ย ฟันแทบหัก”
เมขลาตกใจ
“มันแข็งเหรอคะ ฉันก็อบตามเวลาที่คุณแม่สอนนะคะ”
รามมองๆ
“คุณทำเองเหรอ อย่าเที่ยวไปทำให้ใครกินเชียวนะ”
เมขลาโมโหกระชากจานขนมปังคืน
“ฉันก็ไม่คิดอยากทำให้คุณกินเหมือนกัน เพราะมันเสียของเสียเวลา เสียความรู้สึก”
เมขลาเดินหนี แต่ยังได้ยินเสียงรามโวยวาย
“คุณเอาไปแล้วผมจะกินอะไรล่ะ ที่พูดไปเนี่ยติเพื่อก่อนะ”


เมขลานึกถึงรามแล้วหมั่นใส้ หยิบขนมปังขึ้นมาเข่นเขี้ยวพูด
“เชอะ ปากนายเคยพูดดีๆ กับฉันบ้างมั้ย ดีแต่ว่าตลอด”
เทวัญตบโต๊ะเบาๆ
“คุณเม นั่งบ่นอะไรคนเดียว”
เมขลาสะดุ้งโหยง แล้วรีบกลบเกลื่อน
“คือๆ ฉัน...ฉันกำลังคิดชื่อขนมปังอยู่ค่ะ ถ้าชื่อเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ก็เป็นจุดขายได้นะคะ”
“งั้นก็ความคิดตรงกัน ผมเองก็อยากแต่งร้านให้ดูดีกว่านี้ แต่ก็ยังคิดไม่ออกว่าร้านเรายังขาดอะไรอยู่”
“ถ้ารุจอยู่ด้วยคงดี รุจเค้าถนัดเรื่องการตกแต่งด้วยนะคะ”
“คุณเมก็เรียกเค้ามาที่นี่สิครับ”
เมขลาเห็นดีด้วยทันที

วันใหม่... รุจขับรถมาจอดหน้าร้านเทวัญ เมขลาวิ่งออกมาจากร้านโบกมือเรียก ก่อนจะวิ่งไปหา
“ทางนี้รุจ...ดีใจเป็นบ้าเลยที่แกยอมมา”
รุจโมโหมากใส่ไม่ยั้ง
“ไม่ต้องมาทำเป็นระริกระรี้ใส่ฉันเลย ทีฉันโทรหาแกไม่เคยติดต่อได้เลยสักครั้ง ทีเวลาแกต้องการเรียกใช้ฉัน แหมโทรจิก โทรจิก”
“ฉันเปลี่ยนเบอร์ใหม่ ไม่ทันได้บอกแก” เมขลาพูดเสียงอ่อย “ขอโทษด้วยนะ แต่นี่ฉันก็โทรหาแกแล้วไง”
รุจโผเข้ากอดเมขลา ร้องไห้ใหญ่
“นังรั่ว ฉันคิดถึงแกมากรู้มั้ย คิดว่าชาตินี้จะไม่ได้เจอแกอีกแล้ว”
เมขลาหน้าตาเหรอหรารับอารมณ์รุจไม่ทัน...

เมขลานั่งคุยกับรุจอยู่ที่โต๊ะกาแฟริมระเบียง รุจวางแก้วกาแฟลง
“ที่แท้แกก็อยู่ใกล้กรุงเทพฯแค่นี้เอง รู้มั้ยว่าพ่อรามสูรสุดหล่อเขาวิ่งตามหาแกแทบพลิกแผ่นดินขวานไทย น่าสงซ้านสงสาร แต่แกอยู่นี่ก็ดีแล้ว อยู่ต่อไปเหอะ ฉันจะได้ขออยู่ด้วย”
เทวัญเดินมาถึงโต๊ะ
“สวัสดีครับคุณรุจ ขอบคุณจริงๆที่อุตส่าห์มาช่วยเรา”
รุจรีบลุกยืนยื่นมือให้เขาจับ เทวัญจับด้วยแต่รุจรีบเอาอีกมือกุมมือเทวัญไว้
“ยินดีอย่างยิ่งครับ คุณเทวัญจะให้รุจวิ่งเสิร์ฟกาแฟ หรือล้างถ้วยถังกะละมังหม้อ รุจก็ยอมพลีกายถวายหัวใจ”
เทวัญเหรอหรา เมขลารีบช่วยแกะมือหลุดออกจากมือเทวัญ รุจติดหนึบไม่ยอมปล่อย เมขลาต้องขึงตาใส่ เลยปล่อยมืออย่างแสนเสียดาย
“ฉันจะบอกให้เองว่าแกต้องช่วยอะไรบ้าง”
รุจส่งสายตาเยิ้มให้เทวัญ
“เริ่มจากปูเตียงห้องคุณเทวัญก่อนเลยดีมั้ย”
เทวัญยิ้มเจื่อนๆทำหน้าไม่ถูก เมจลายิ้มแหยๆ

รุจเดินชี้ๆตามมุมต่างๆของร้าน
“อันนี้เฉิ่มเอาออกไป"
รุจหยิบของตกแต่งให้ เมขลาคอยรับ
“อันนี้ก็เชยระเบิด ชู้ดออกนอกโลกไปซะ”
รุจส่งให้ เมขลารับไป รุจมองรูปบนผนังเป็นรูปดอกไม้สีหม่นๆ
“ต๊าย...นี่ก็ดูอับเฉาเหมือนชีวิตแกไม่มีผิด ไม่ได้ๆ มันต้องแบบนี้”
รุจเปลี่ยนเอารูปผู้ชายเปลือยอกโชว์กล้าม มาติดแทนแล้วหันไปหาเมขลา
“เป็นไง ดูโลกสว่างไสวขึ้นในพริบตา”
เมขลามองรูปดอกไม้หม่นๆหน้าสลดลง


รุจอยู่ที่ระเบียงร้าน แอบมองเทวัญที่กำลังชงกาแฟง่วนอยู่ในเคาน์เตอร์
“นังเมมันทำบุญด้วยอะไรนะ ถึงได้โชคดีสอยผู้ชายมาได้แต่ละคน หล่อกระแทกใจทั้งนั้น ขนาดชงกาแฟยังเท่ห์”
เมขลายื่นหน้าเข้ามาแอบดูด้วย
“เลิกคิดไปเลย คุณเทวัญเขาไม่นิยมไม้ป่าเดียวกัน”
รุจตกใจ
“ว้าย ใจหายหมด ทำไมยะ แกคิดจะหนีบไว้ทั้งสองคนเลยหรือไง คนหนึ่งก็สามี คนนี้ก็ชู้ทางใจ”
“บ้า พูดอะไรน่าเกลียด ฉันกับคุณเทวัญเป็นแค่เพื่อนกัน เราต่างก็เป็นคนที่บาดเจ็บเหมือนกัน ก็เลยพูดจาภาษาเดียวกัน”
รุจโล่งใจ
“ได้ยินแกยืนยันอย่างนี้ฉันก็เบาใจ ฉันจะได้รอเสียบ เอ้ย...รอซบ แต่ถ้าแกเปลี่ยนใจ ฉันจะไปฟ้องตารามสูร”
“แกรับปากฉันแล้วนะว่า จะไม่บอกว่าฉันอยู่ที่นี่”
“โอ๊ยเขาเลิกสนใจแกไปหมดแล้ว เพราะทุกคนกำลังวุ่นวายกับงานศพของเมียท่านก้องภพ”
เมขลาชะงักอึ้งไป
“แกว่าใครตายนะ คุณตาลเหรอ”
“อะไรกันแกไม่เคยอัพเดตข่าวบ้างเหรอ เมียท่านก้องภพน่ะโดนแก๊งยาเสพติดฆ่าตาย แล้วยังมีคุณเรืองฤทธิ์อาของคุณรามอีกคน ข่าวว่าเป็นการฆ่าตัดตอนเรื่องคดีพ่อเลี้ยง”
เมขลาตะลึงพูดไม่ออก เทวัญกำลังถือกาแฟออกมาได้ยินพอดี ก็ชะงักพลอยตกใจไปด้วยเมื่อรู้ว่าเป็นการฆ่าตัดตอนคดีพ่อ

ค่ำคืนนั้น...เทวัญนอนไม่หลับ ผุดลุกผุดนั่งนึกถึงคำพูดของรุจ ที่บอกกับเมขลา
‘ฉันได้ยินในงานศพคุยกันว่า คนที่ฆ่าเป็นแก๊งยาเสพติดของเฮียจาง มาเฟียจากฮ่องกง เพราะการตายของพ่อเลี้ยงทำให้เฮียจางสูญเงินไปอื้อซ่า แล้วยังโดนตำรวจตามกวาดร้างจนหากินลำบาก มันเลยมาเมืองไทยเพื่อคิดบัญชี’
เทวัญกังวลหนัก เพราะรู้ว่าภัยกำลังมาถึงตัว...เมขลาอยู่ที่ระเบียงด้านนอกคุกเข่า จุดธูปบอกวิญญาณ
“คุณตาลคะเมขอส่งคุณตาลตรงนี้นะคะ เมขอให้วิญญาณของคุณตาลไปสู่สุคติ”


เช้าวันใหม่...ก้องภพนั่งนิ่งเก้าอี้นั่งหน้าอาคาร เหม่อลอยมองเด็กวิ่งเล่น ในมือคลำนาฬิกาที่ซื้อให้ตาลตลอดเวลา รามยืนมองอยู่กับทรงวาดและละมุนอยู่ห่างๆ
“ท่านไม่ปริปากพูดกับใครเลยตั้งแต่มาพักอยู่ที่นี่” ละมุนพูดขึ้น
ทรงวาดหันไปถามอย่างสงสัย
“ภรรยาท่านมาที่นี่บ่อยเหรอคะ”
“มาเกือบทุกวันเลยค่ะ คุณตาลรักเด็กมากบอกว่าหลังท่านเกษียณจะชวนให้มาช่วยกันดูแลเด็กๆ”
ทรงวาดมอง ก้องภพที่กำลังมองเด็กๆที่วิ่งเล่น
“มิน่าท่านถึงหลบมาอยู่ที่นี่”
รามมองก้องภพอย่างเป็นห่วง
“ผมฝากน้าละมุนด้วยนะครับ”
ละมุนพยักหน้ารับ
“น้ายินดีจ๊ะ แต่ที่น้าเป็นห่วงคือหนูเม ไม่รู้ตอนนี้ไปอยู่ที่ไหน”
ทรงวาดเป็นห่วงเมขลาเช่นกัน
“คนพวกนั้นจะทำร้ายหนูเมหรือเปล่า”
รามหน้าเครียดโกหกไป
“เมไม่ใช่เป้าหมายของมัน มันต้องการเล่นงานตำรวจเท่านั้น”
ทรงวาดจับมือราม
“แม่รู้รามคงไม่ยอมลาออกจากอาชีพนี้ แม่ทำได้แค่บอกกับตัวเองทุกวัน เหมือนแม่ของตำรวจทุกคนว่า ลูกต้องไม่เป็นอะไร”
รามกุมมือแม่
“แม่ก็รู้นี่ผมดวงแข็งแค่ไหน ยมบาลไม่ต้องการผมหรอกครับ”
สองแม่ลูกมองกันแววตาเข้มแข็งทั้งคู่


ที่ฮ่องกง...เฮียจางนั่งอ่านตำราจีนอยู่ในมุมมืด ลูกน้องเข้ามาหา
“อาเหลียงส่งข่าวมา กำลังไล่เก็บเหยื่อรายต่อไป”
เฮียจางยังนั่งนิ่งไม่ขยับพูดเป็นสุภาษิตจีน
“พรุ่งนี้ไม่มืด มะรืนก็ไม่สว่าง”
เฮียจางยิ้มนิดๆอย่างน่ากลัว

ดึกคืนนั้น...ด้านนอกร้านเงียบสนิท เหลียงเดินเข้ามาที่ระเบียงอย่างเงียบกริบ เทวัญนอนหลับอยู่ในห้อง ลูกบิดประตูถูกหมุนแล้วประตูเปิดออกช้าๆ เหลียงก้าวเข้ามาเดินตรงไปที่เตียง เหลียงยิ้มมุมปาก ยกปืนเล็งไปที่หัวเทวัญ ลั่นไกยิงออกไป
“เปรี้ยง !”
เทวัญสะดุ้งเฮือกลุกนั่ง
“อย่า !”
เทวัญเหงื่อแตกเต็มหน้า รู้ตัวว่าฝันไป พยายามตั้งสติกลืนน้ำลาย คอแห้งผากลุกจากเตียง เดินลงมาหาน้ำดื่ม ขณะกำลังรินน้ำลงแก้ว ก็ได้ยินเสียงคนเดินอยู่ข้างบน

เทวัญเงยหน้าขึ้นมอง เห็นท่าไม่ดีจึงดึงลิ้นชักที่เคาน์เตอร์กาแฟ  หยิบมีดทำอาหารออกมา ย่องขึ้นข้างบนไป

อ่านต่อหน้า 2




นางฟ้ากับมาเฟีย ตอนที่ 21 (ต่อ)

เมขลานอนไม่หลับ เธอจึงนั่งพับกระดาษทิชชู่ให้เป็นรูปร่างสวยงามเพื่อใช้ในร้าน เธอได้ยินเสียงลูกบิดประตูบิดไปบิดมาเหมือนกำลังถูกไข ก็เอะใจนึกว่าขโมย

“ขโมยเหรอ”
เมขลารีบคว้าแจกันดอกไม้
ขณะเดียวกัน เหลียงไขกุญแจสำเร็จ ดันประตูเข้าไปช้าๆ ตรงไปที่เตียงนอนเมขลา เหลียงกระชากผ้าห่มบนเตียงออกเห็นแต่หมอนข้าง เมขลาโผล่มาข้างหลังเงื้อแจกันดอกไม้ฟาดเปรี้ยงไปที่หัวเหลียง แจกันแตกกระจาย เหลียงหัวแตกแต่ไม่สะทกสะท้านสักนิด หันกลับมาจ้องเมขลา ตาลุกวาวด้วยความโกรธแล้วยกปืนเล็งใส่ เมขลาถอยหลัง ตกตะลึงตายแน่ เธอเห็นเลือดที่หัวเหลียงกำลังไหลลงจากหน้าผากมาถึงคิ้ว พร้อมกับนิ้วที่กำลังจะลั่นไก
เทวัญถือมีดเดินย่องมองหาคนร้าย ทันใดนั้นเสียงปืนดังเปรี้ยง เทวัญสะดุ้งสุดตัว
“คุณเม!”
เหลียงเอามือเช็ดเลือดที่ไหลเข้าตา แสบตามาก เป็นสาเหตุที่ทำให้ยิงเมขลาพลาดไป
“โธ่เว้ย...ไอ้เลือดบ้า”
เมขลารีบเผ่นวิ่งออกจากห้อง เหลียงยิงใส่เมขลาอีก แต่ไม่โดน เมขลาวิ่งออกมาเจอกับเทวัญที่วิ่งมาที่หน้าห้องพอดี
“ขโมยขึ้นบ้านเราค่ะ มันจะฆ่าฉันด้วย”
เหลียงวิ่งออกมา เทวัญจำเหลียงได้
“หนีเร็ว”
เทวัญขว้างมีดใส่เหลียง จับข้อมือเมขลาพาวิ่ง เหลียงไวมากหลบจากมีดได้ แล้วเอี้ยวตัวกลับมายิงใส่ แต่ทั้งสองคนที่วิ่งลงบันไดไปแล้ว
เทวัญพาเมขลาจะหนีออกจากร้าน เหลียงกระโดดจากหน้าต่างชั้นบน ม้วนตัวลงมาดักหน้าได้พอดี เทวัญดึงเมขลาถอยหลัง
“ปล่อยเราไป เราจะไปซ่อนตัวให้ไกลที่สุด จะไม่ปริปากเรื่ององค์กรกับตำรวจหรือกับใครทั้งสิ้น” เทวัญขอร้อง
“ฉันไม่มีหน้าที่ต่อรองกับใคร งานของฉันคือ...” เหลียงยกปืนเล็ง “เก็บกวาดให้เรียบ”
เหลียงจะยิง เมขลาตะโกนไปข้างหลัง
“ผู้กอง! ยิงมันเลย”
เหลียงตกใจหันไปข้างหลังยิง สวนกลับไปเปรี้ยงๆเพราะคิดว่าตำรวจอยู่ข้างหลัง แต่ไม่มีใครเลย เมขลากับเทวัญวิ่งหลบเข้าไปในร้าน เพราะเหลียงยืนในจุดที่บังทางออกอยู่ เหลียงตามเข้าไปในร้าน มองหาว่าสองคนหลบอยู่ตรงไหน...เทวัญพาเมขลามาหลบที่หลังเคาน์เตอร์ เขากุมมือเธอไม่ให้กลัว
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ” เมขลาพูดเสียงเบาๆ
“ผมจะออกไปล่อเป้ามันเอง กระสุนมันคงยิงได้อีกไม่กี่นัด พอมันหันมาไล่ยิงผม คุณต้องวิ่งออกจากร้านให้เร็วที่สุด”
“ไม่ค่ะ ฉันไม่เคยทิ้งเพื่อน ถ้าตายก็ต้องตายด้วยกัน”
เมขลาจ้องเทวัญด้วยสายตาไม่หวาดหวั่น เทวัญจ้องตอบด้วยความรักและคิดไม่ผิดที่รักผู้หญิงคนนี้ ทันใดนั้นเสียงปืนดังขึ้น
“เปรี้ยง”
ลูกปืนยิงเจาะเคาน์เตอร์เข้ามาแต่ไม่โดน ทั้งสองสะดุ้งเฮือก เหลียงมองไปที่เคาน์เตอร์ยิ้มมุมปากมั่นใจว่ามันหลบอยู่ในนั้นแน่ เหลียงตั้งท่าให้มั่น กะยิงทะลุเข้าไป
“ทองแท่งที่ 3 และแท่งที่ 4 เพื่อรัก”
เหลียงจะยิง แต่เทวัญโผล่ขึ้นมาพร้อมกับเครื่องดับเพลิง ฉีดใส่ ความแรงและน้ำยาที่พ่นออกมาทำให้เหลียง ยิงไม่ได้ และมองใครไม่เห็น
“วิ่ง”
เมขลาวิ่งออกไป เทวัญยังฉีดใส่ปกป้องเธอให้วิ่งหลุดไปได้ เทวัญทุ่มเครื่องดับเพลิงใส่เหลียงล้มไปแล้ววิ่งหนี
เมขลาสตาร์ทรถกระบะของเทวัญรออยู่ เทวัญรีบขึ้นรถ
“ไปเลย”
เมขลาพุ่งรถออกไปทันที
“คุณปลอดภัยใช่มั้ยคะ บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
“ไม่ครับ แต่หัวใจเกือบหยุดเต้น”
เมขลาหันมามองเทวัญ
“ฉันสิคะกลัวแทบตาย นึกว่าจะไม่รอดซะแล้ว”
เทวัญมองไปข้างหน้าแล้ว ร้องลั่น
“ระวัง !”
เมขลามองไปเห็นเหลียงวิ่งออกมาอีกทางของร้านกระโดดดักหน้ารถ จะยิง เมขลาตัดสินใจเหยียบคันเล่งมิด พุ่งใส่ เหลียงกระโดดหลบกลิ้งไปหลายตลบ รถวิ่งไปไกล เหลียงเจ็บใจ
เมขลาขับรถหนีไปได้ เทวัญหันมาดุ
“คุณทำบ้าบิ่นเกินไปแล้วนะ เมื่อกี้ถ้ามันยิงใส่เข้ามา คุณอาจตายได้นะ”
“ฉันจำเป็นต้องเสี่ยงดวงเอา ทำไมมันพยายามจะฆ่าเราให้ได้...คุณคุยกับมัน เหมือนรู้จักกันมานาน”
“มันชื่ออาเหลียง”

เทวัญนึกถึง อดีตที่เขาพบกับเฮียจางและเหลียง เฮียจางส่งหัวเชื้อให้ เทวัญส่งกระเป๋าเงินให้ ทั้งคู่ตรวจของแล้วจับมือกัน เทวัญส่งหัวเชื้อให้ลูกน้องถือ แต่จู่ๆเหลียงสะบัดมีดปักคาอกลูกน้องล้มลง เทวัญกับลูกน้องอีกคนรีบชักปืนเล็งใส่เหลียง เฮียจางพยักหน้าให้ เหลียงค้นตัวลูกน้องเทวัญที่ตาย หยิบเครื่องดักฟังส่งให้ เฮียจางรับมามองแล้วหันไปบอก เทวัญ
“มันเป็นสายตำรวจ”
เทวัญไม่อยากจะเชื่อ เฮียจางตบบ่า
“หลานชายจะอยู่วงการนี้ให้รอดต้องรอบคอบ ถ้ามันไม่ตายเราก็ตาย”

เทวัญหันมาหาเมขลา
“ในวงการไม่มีใครโหดเหี้ยมเท่าเฮียจาง ทุกคนที่มีส่วนทำลายธุรกิจของมัน ก็ต้องโดนตามเก็บหมด”
“แต่คุณเป็นลูกพ่อเลี้ยงไม่น่าเกี่ยวด้วย”
เทวัญถอนใจอย่างหนักใจ
“องค์กรนี้เข้าได้แต่ออกไม่ได้ ถ้าวางมือเมื่อไหร่ก็คือตาย”
“แต่ทำไมพวกมันถึงรู้ว่าเราอยู่ที่นี่”
“เครือข่ายของเฮียจางมีอยู่ทุกซอกทุกมุม”
เมขลาตกใจ
“แล้วเราจะหนีไปไหนได้”


เช้าวันใหม่...รามขับรถเข้ามาจอดอย่างเร่งรีบ ธิดาวิ่งหน้าตื่นออกมาจากคอนโดเข้ารถไป
“โทรเรียกฉันด่วนเรื่องอะไร”
“มีข่าวไม่ค่อยดี ระหว่างทางผมจะเล่ารายละเอียดให้ฟัง”
ธิดาตกใจคิดว่าต้องเกี่ยวกับเทวัญแน่ๆ รามขับออกไปอย่างรวดเร็ว


รามเข้ามาในร้านกาแฟ มองรูกระสุนที่เคาน์เตอร์อย่างอึ้งๆ ธิดาหน้าตาตื่นจะร้องไห้
“แล้วตอนนี้พี่เทพอยู่ที่ไหนอ่ะ เป็นอะไรหรือเปล่า”
รามเครียดไม่แพ้กัน
“ไม่มีใครรู้ เราต้องรวบรวมหลักฐานให้มากที่สุดก่อน รามเดินเข้าครัว เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม”


รามมองสำรวจในครัว สะดุดตาที่ถาด มีขนมปังรูปหัวใจที่อบเสร็จแล้ววางเรียง มีพลาสติกคลุมไว้อย่างดี รามหยิบขึ้นมาดู แล้วนึกถึงตอนที่ เมขลาเคยทำขนมปังให้เขากิน แต่เขากวนโทสะจนเธอโมโหกระชากจานขนมปังคืน
“ฉันก็ไม่คิดอยากทำให้คุณกินเหมือนกัน เพราะมันเสียของเสียเวลา เสียความรู้สึก”
เมขลาเดินหนีแต่ยังได้ยินเสียงรามโวยวาย
“คุณเอาไปแล้วผมจะกินอะไรล่ะ ที่พูดไปเนี่ยติเพื่อก่อนะ”
รามถอนหายใจ
“ความจริงถ้าเป็นฝีมือคุณผมก็กินได้หมด แค่ผมไม่ได้พูดออกไปเท่านั้น คุณต้องรอผมก่อนนะเม”
รามบิขนมปังแล้วหยิบเข้าปาก

รามเดินออกมาจาก ร้านกาแฟ ตำรวจเข้ามารายงาน
“ผมเก็บปลอกกระสุนไว้หมดแล้วครับ”
“รีบส่งปลอกกระสุนให้ตรวจสอบว่า เป็นของเหลียงหรือเปล่า”
ตำรวจอีกคนวิ่งเข้ามา
“พบรอยล้อรถวิ่งออกจากร้านไปทางถนนใหญ่ครับ ผมแจ้งทางหลวงให้ตรวจสอบในรัศมีใกล้ๆให้อยู่”
รามหันไปหาธิดา
“กลับกันก่อน”
ธิดาโวยวาย
“ทำไมไม่รีบออกไปตามหาเลยล่ะ จะรออะไรอีก”
“คุณเองก็ตกอยู่ในอันตรายเหมือนกัน ผมต้องพาคุณไปอยู่ ในที่ปลอดภัยก่อน”
ธิดางงๆ
“ฉันด้วยเหรอ ฉันไปทำอะไรให้พวกมันอ่ะ”
“ใครที่เกี่ยวข้องกับพ่อคุณ อยู่ในบัญชีดำทั้งหมด รวมทั้งเมด้วย”
ธิดาอึ้งทันที

รามพาธิดามาที่ คอนโดภาคภูมิ ธิดามองสำรวจรอบห้อง ภาคภูมิมองกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของธิดาวางเรียงเป็นตับก็ลากรามออกมานอกห้อง
“ผมมีเรื่องอยากคุยด้วย”
สองคนออกมายืนคุยกันหน้าห้อง
“ผู้กองจะเอามาฝากผมได้ยังไง คุณธิดาเป็นผู้หญิง ส่วนผมเป็นผู้ชาย”
“อย่าไปเรียกชื่อนี้ต่อหน้าเขาเด็ดขาด ต้องเรียกเขาว่าเทเรซ่า”
ภาคภูมิเซ็งๆ
“จะชื่ออะไรผมก็ไม่สนหรอก ผู้กองพาไปบ้านผู้กองเถอะ”
รามหน้าตื่น
“เฮ้ยได้ที่ไหนกัน ขืนพาไปก็เป็นข่าวใหญ่สิ คนยิ่งมองว่าผมแอบนอกใจเมียไปคบกับเขาอยู่ แล้วแม่ผมก็คงไม่ยอมแน่”
“ผมก็ไม่ยอมเหมือนกัน”
ภาคภูมิจะไป รามดึงไว้
“ผู้กองเป็นตำรวจนะ ต้องรับใช้ประชาชนที่กำลังตกอยู่ในอันตรายสิ นี่มันเป็นงานนะครับ ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวของผม”
ภาคภูมิอึ้งเถียงไม่ออก
“เป็นอันว่าผู้กองตกลงแล้วนะ ผมต้องรีบไปหาดาบยุทธก่อน”
รามชิ่งไปเลย ภาคภูมิโวยลั่น
“ผมไปตกลงกับผู้กองเมื่อไหร่ ยังไม่ทันพูดเลย...ผู้กอง”
ภาคภูมิเข้ามาในห้องเปิดห้องนอนให้ดู ธิดามองเห็นข้าวของวางเต็มไปหมดเหมือนห้องเก็บของไม่มีผิด
“นี่เหรอห้องนอนฉัน”
ภาคภูมิหน้าบึ้ง
“ถ้าไม่อยากนอนห้องนี้ก็ไปนอนห้องรับแขก”
“งั้นนายต้องย้ายของออกไปให้หมด ฉันจะได้นอนได้”
ภาคภูมิเดินไปหยิบมือถือจากกระเป๋าธิดา กดเบอร์ ก้มหน้าก้มตาพูด
“คุณต้องทำเอง”
“แต่ฉันทำไม่เป็น”
“งั้นก็นอนไปทั้งอย่างนั้น”
ธิดาโกรธ
“นาย!”
ภาคภูมิยังก้มหน้ากดเบอร์ต่อไม่สน
“ชั้นล่างมีร้านอาหารโทรสั่งให้เขาขึ้นมาส่งได้ จำไว้ห้ามออกไปไหนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผม”
ธิดาจะคว้ามือถือคืน ภาคภูมิหลบ
“นี่เอามือถือฉันคืนมา”
“ที่สำคัญ อย่าแตะหรือเคลื่อนย้ายของทุกชิ้นในห้องนี้เด็ดขาด”
ภาคภูมิส่งมือถือคืน
“นี่เบอร์โทรผม โทรหาได้เฉพาะที่จำเป็นจริงๆเท่านั้น”
ภาคภูมิคืนโทรศัพท์มือถือ แล้วเดินออกจากห้องไปแล้วปิดประตู ธิดาทุบประตู
“นี่นายจะขังฉันไว้เหรอ ฉันไม่ใช่นักโทษนะ”
ธิดาเขย่าลูกบิด แต่ได้ยินเสียงขู่ฝ่อๆ ธิดาชะงัก เดินเข้าไปในห้องที่ตัวเองจะต้องนอน เห็นตู้กระจกใบเล็กมีผ้าสีดำคลุมไว้ ธิดาสงสัยเดินเข้าไปเปิดดู เห็นงูนอนขดอยู่ในตู้กระจก ธิดาตาเหลือกร้องลั่น
“กรี๊ดดดดด”

รามเดินเข้ามาในห้องทำงานที่ ปปส. ยงยุทธที่รออยู่รีบยื่นแฟ้มรายงานให้ รามเปิดดูกวาดตาอย่างรวดเร็ว
“รถเป้าหมายที่เรากำลังตามเป็นรถกระบะจากเต้นท์รถมือสอง ผู้ซื้อคือ เทวัญ” ยงยุทธรายงาน
“ถ้างั้นก็รู้ทะเบียนแล้วสิ”
ขณะเดียวกันนั้น เจ้าหน้าที่เข้ามาบอกยงยุทธ
“ดาบครับ มีคนพบรถตามทะเบียนนี้แล้วครับ”
รามรีบถามทันที
“ที่ไหน”
“อู่ซ่อมรถ เขาบอกว่ามีผู้หญิงกับผู้ชายเอารถมาทิ้งไว้ แล้วก็หายไปเลย”
เสียงมือถือดังรามดังขึ้น เขารีบรับสาย เสียงรุจดังมาจากปลายสาย
“ผู้กองเร็วครับ ช่วยเมมันด้วย เมมัน...เมมัน…”
“คุณรุจเจอเมแล้วเหรอครับ”
รุจบอกอย่างร้อนใจมาก

รุจรออยู่ที่ร้านกาแฟอย่างกระวนกระวาย มองสภาพร้านแล้วยิ่งห่วงเมขลา รามเข้ามาหน้าเหี่ยวๆเพราะตอนแรกนึกว่ารุจเจอเมขลา รุจพุ่งเข้าไปใส่ฉอดๆ
“มันเกิดอะไรขึ้นกับเมครับผู้กอง ทำไมร้านมันพังวินาศสันตโลแบบนี้ ผู้กองมัวไปทำอะไรอยู่ หรือมัวแต่ไปอี๋อ๋อกับยัยทะเลทราย จนไม่มีเวลามาสนใจเมียตัวเอง”
รามโมโหขึ้นมาที่รุจปิดบัง ขยุ้มคอเสื้อรุจ
“ถ้าคุณบอกผมตั้งแต่แรกว่าเมอยู่นี่ มันก็คงไม่เป็นอย่างที่เห็น”
รุจจ๋อยตกใจที่รามโกรธ
“ก็แม่นางฟ้าตัวดีมันจะแช่งให้ผมเป็นโสดไปตลอดชีวิต ถ้าผมขืนปากโป้งบอกผู้กองนี่นา ผู้กองใจเย็นๆก่อนนะครับทำหน้ายักษ์แบบนี้มันหยอง”
รามปล่อยมือจากคอรุจ ลดความโมโหลง
“ผมขอโทษ”
“ก็เพราะผู้กองขาดความนุ่มนวลอย่างนี้นี่เล่า เมมันถึงได้หนีมาหาคุณเทวัญ...ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้ช่างอ่อนโยนน่ารักแบบนี้แหละ คือผู้ชายในฝันของผู้หญิงและตุ๊ดเกย์ทั้งโลก”
รามโมโหขึ้นมาอีก
“ผู้ชายดีๆเขาไม่พาเมียชาวบ้านหนีไปหรอกครับ”
รามเดินหนีไป รุจด่าเบาๆตามหลัง
“แล้วเคยมองตัวเองว่าบกพร่องตรงไหนบ้างมั้ย อีตารามสูร เป็นฉันก็หนีเหมือนกัน”
รุจค้อนขวับ

รามเดินมาที่หน้าร้านของโรส มีป้ายประกาศว่าปิดร้าน 1 วัน เขากำลังจะไปแต่ได้ยินเสียงเฮดังมาจากข้างใน รามชะงักเปิดประตูกระจกเข้าไป มองหาไม่เห็นใคร รามเดินเข้าไปหลังร้าน เจอโรสกับป้าๆ ในอพาร์ทเมนท์นั่งล้อมวงเล่นไพ่
“ขอโทษครับ”
โรสพูดโดยไม่หันมากำลังเก็บเงิน
“ไม่เห็นหรือไงว่าปิดร้าน 1 วันไปซื้อที่อื่นก่อน”
รามชูบัตรบอกป้าที่เงยหน้ามองราม
“นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ผมขอจับคุณทั้งหมดในข้อหาเล่นการพนัน”
ป้าๆตกใจตาเหลือก
“อ๊าย ตำรวจ”
ทั้งหมดหนีกันกระเจิงคนละทิศละทาง รามวิ่งไล่โรสที่หนีไปหน้าร้าน

เย็นกำลังเดินคุยกับป้าอีกคนมาตามทางเดินหน้าร้าน
“เล่นที่นี่รับรองตำรวจไม่จับ เพราะผมซี้ปึ้กกับตำรวจชั้น ผู้ใหญ่ตั้งแต่ระดับผู้กองไปจนถึงระดับผู้การ”
ทันใดนั้นโรสกับป้าๆวิ่งฮือกันออกมาชนเย็น
“หนีเร็วพี่เย็น”
รามวิ่งออกมา ตะโกนขู่
“เรื่องเก่ายังไม่เคลียร์ เจอคดีนี้อีกคดี ติดคุกหัวโตแน่”
โรสกับเย็นโดนขู่ไม่กล้าไป
รามยืนด่า โรสกับเย็นที่ยืนคู่กันก้มหน้าจ๋อยๆ
“แม่ผมให้เงินมาเปิดร้าน เพื่ออยากให้พี่กลับเนื้อกลับตัวมาทำอาชีพสุจริต แต่พี่เล่นเอาร้านมาเปิดบ่อน มันถูกเหรอ”
“ข้าผิดไปแล้ว ที่ข้าทำเพราะมันขายของไม่ได้ ขืนไม่ทำก็อดตายกันพอดี” เย็นพูดสียงอ่อย
“ใช่ คนไม่เคยจนไม่มีวันรู้หรอก” โรสรีบเสริม
“แล้วทำไมผมเห็นคนจนตั้งมากมาย เขาทำมาหากินอย่างสุจริตได้ ไม่เห็นต้องไปปล้น ไปเดินยา หรือเปิดบ่อนเถื่อน”
“พูดเหมือนยัยเมไม่มีผิด” โรสเถียง
รามคว้าข้อมือโรสบีบ
“เมติดต่อคุณมาแล้วใช่มั้ย บอกผมเมอยู่ไหน”
“ฉันไม่รู้จริงๆ ฉันไปตามหามันทั้งสวนสัตว์ดุสิต ท้องฟ้าจำลอง ที่มันเคยอยากไปเที่ยวตอนเด็กๆ ก็หาไม่เจอ”
รามฉุนหันมาบอกเย็น
“บอกเมียพี่ด้วยผมไม่มีเวลามาตลกด้วยนะ รู้ไว้ด้วยว่าเมกำลังโดนตามฆ่า”
ก้องภพตามเข้ามา
“ตอนนี้เราประสานไปที่ตำรวจท้องที่ทุกสน.แล้ว มันลงมือไม่ได้ง่ายๆแน่”
รามแปลกใจ
“ท่านรู้ได้ไงว่าผมอยู่นี่”
“ผู้กองภาคภูมิบอกผม เราคงต้องวางแผนรุกโต้ตอบมันบ้างตั้งรับอย่างเดียวมีแต่เสียเปรียบ”
“แต่ท่านยังอยู่ในช่วงลาพักนะครับ”
“นายคิดว่าฉันจะยอมให้ลูกน้องเสี่ยงภัยอยู่คนเดียวได้เหรอเฮียจางมันท้าทายตำรวจไทย ฉันจะจับมันด้วยมือของฉันเอง”

ก้องภพสายตาแน่วแน่

อ่านต่อหน้า 3-4 เวลา 18.00 เสาร์ที่ 31 ธ.ค. 54




นางฟ้ากับมาเฟีย ตอนที่ 21 (ต่อ)

เมขลาพาเทวัญมาที่บ้านสวนของรุจ ที่เธอเคยพารามมาเลิกยา ทั้งคู่เดินไปที่ตัวบ้าน เมขลาชะเง้อมองเห็นเงียบๆ

“ที่นี่แน่หรือคุณเม ทำไมเหมือนไม่มีคนอยู่เลย”
“แต่ฉันโทรบอกรุจแล้วนะคะว่าจะขอมาอยู่ที่นี่ชั่วคราว รุจยังบอกจะโทรบอกป้าที่เฝ้าสวนให้เลย”
“ป...”เมโดนปิดปากจากด้านหลัง
เมขลาตกใจ หันไปมอง เทวัญพยักหน้าไปทางด้านหลัง
“มีคนตามเรามา”
เมขลาอึ้ง เหลือบมองไปทางด้านหลัง เห็นรถมอเตอร์ไซด์จอดอยู่ห่างๆ
“เอายังไงดีคะ”
เทวัญคิดๆ รีบดึงเมขลาเร่งฝีเท้าไป ลูกน้องเหลียงรีบถอยมอเตอร์ไซด์จะตาม แต่ล้อเกือบตกท้องร่องต้องรีบดึงไว้ พอเข็นขึ้นมาได้ มองไปไม่เจอเทวัญแล้ว

เมขลากับเทวัญฉุดมือกันวิ่งลัดเลาะเข้าไปในสวน ในที่สุดเมขลาวิ่งไม่ไหวสะดุดจะล้มเทวัญรีบรับ
“คุณเม เป็นอะไรหรือเปล่า”
เมขลาหอบ ส่ายหน้า มองไปด้านหลัง
“คุณว่ามันยังจะตามพวกเรามาไหมคะ”
“คงไม่แล้วล่ะ ถึงตามก็คงตามไม่ถูก เราวิ่งหนีเข้ามาจนลึกหาร่องรอยไม่เจอแบบนี้”
เมขลามองไปรอบ ทันใดเสียงเจ๊ง้อ เจ้าของฟาร์มกล้วยไม้สุดสวย ดังขึ้นขัด
“นั่นใครน่ะ เข้ามาในฟาร์มของฉันทำไม”
เมขลากับเทวัญหันไปเห็นเจ๊ง้อ ยืนมองมาหน้าตาดุดัน ถือจอบอยู่ดูโหดๆ เทวัญทำท่าจะพูด เมขลาจิกแขนเทวัญไว้
“พวกเราตั้งใจจะมาสมัครเป็นคนสวนแถวนี้น่ะจ้ะ เจ๊พอจะรู้จักใครที่อยากได้คนงานบ้างไหม”
เทวัญมองหน้าเมขลาแปลกใจ เธอพูดด้วยเบาๆ
“ฉันว่าเราน่าจะหลบอยู่ที่นี่สักพัก พวกมันจะได้หาตัวไม่เจอ”
เทวัญคิดๆ เมขลาหันไปหาเจ๊ง้อ
“ว่าไงคะเจ๊ เจ๊พอจะรู้จักใครบ้างไหม”
“รู้จัก แต่แน่ใจนะว่าอยากทำงานที่นี่”
เทวัญลังเล แต่เมขลาพยักหน้าหนักแน่น

เจ๊ง้อพาเทวัญ กับเมขลามาที่หน้าบ้าน หยิบที่ฉีดปุ๋ยยัดใส่มือ
“ถ้าอยากทำงาน ทำที่นี่ก็ได้ หน้าที่แกคือรดน้ำ ฉีดปุ๋ย ฉีดยาฆ่าเชื้อรากล้วยไม้ทั้งหมดนี่ แล้วตอนเช้ามืดให้รีบตื่นมาช่วยฉันตัดกล้วยไม้ส่งเข้ากรุงเทพ ส่วนเธอ”
เจ๊ง้อหันมาเมขลา แล้วหยิบไม้กวาดส่งให้
“ไปกวาดบ้านถูบ้านซะ แล้วเอาเสื้อผ้าอาหมวย ลูกสาวฉันไปซักด้วย รีบทำทั้งหมดนี่ให้เสร็จก่อนห้าโมงล่ะ เพราะหกโมงพวกฉันกินข้าวเย็นแล้ว ส่วนค่าแรงฉันจะจ่ายพวกแกเป็นรายวัน วันละห้าสิบบาท”
เมขลาอ้าปากค้าง
“ห้าสิบบาท!”
“ใช่ห้าสิบบาท แต่ให้ที่พักที่กินฟรี ไม่อยากทำก็ตามใจ”
เทวัญส่ายหน้าสะกิดเมขลาบอกให้รู้ว่าอย่าอยู่เลย แต่เมขลาตัดสินใจบอกเจ๊ง้อ
“ทำก็ได้ค่ะ”
“งั้นก็รีบๆ เข้าสิยะ” เจ๊ง้อจะไป นึกได้ “อ้อ แต่วันนี้กว่าพวกแกจะมาก็เกือบเย็นแล้ว ฉันไม่จ่ายค่าแรงก็แล้วกันนะ หักเป็นค่าที่อยู่ที่กินไป”
เมขลา กับเทวัญอึ้ง พูดไม่ออกกับความงกของเจ๊ง้อ

เมื่อรุจเดินออกมาจากบ้านสวน รามรีบเข้าไปหา
“ว่าไงคุณ เมมาที่นี่ไหม”
รุจส่ายหน้า
“ป้าแกบอกว่าไม่เห็นใครมาเลย”
“หรือว่าเมเปลี่ยนใจ”
“เป็นไปไม่ได้ เมไม่มีที่จะไปแล้ว จะเปลี่ยนใจไปไหน”
รามคิดๆ รุจกังวล
“เว้นเสียแต่ว่าจะมาไม่ถึง เจอไอ้พวกนั้นเสียก่อน โธ่ เม ฮือ จะถูกเชือดเป็นชิ้นๆมั้ยเนี่ย”
รามหน้าซีด
“พูดอะไร เมต้องปลอดภัย คุณไปดูทางโน้น ผมไปดูด้านนั้นเอง”
รุจพยักหน้า เดินหายกันไปคนละทาง

ค่ำคืนนั้น...เมขลาเอาขยะออกมาทิ้งข้าง แล้วกลับเข้าไปในบริเวณฟาร์ม รามเดินมาถึงบริเวณนั้น คลาดกันนิดเดียว
ขณะเดียวกันรุจวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหา
“ ว้ายๆ ช่วยด้วยๆ”
รุจกอดรามแน่น
“มีอะไร เจอไอ้เหลียงเหรอ”
“ไม่ใช่อ่ะ งูอ่ะ มันเลื้อยผ่านหน้าผมไป โอ๊ยน่าเกลียด น่ากลัวมากกก”
รุจกอดเคลิ้ม รามเห็นท่าไม่ดี
“แต่ผมว่าคนน่ากลัวกว่างูนะ”
รามแกะมือ
“ไปกันเถอะ ผมว่า บางทีเมอาจไปที่อื่นแล้ว”
รุจเซ็ง
“หือ ทำหวงเนื้อหวงตัว มันน่านัก” รุจวิ่งตาม

เทวัญเหนื่อยโทรมเปิดประตูเข้ามาในห้องพักคนงาน แล้วชะงักเมื่อเห็นเมขลา
“เจ๊จัดให้เราอยู่ห้องเดียวกันค่ะ”
“เจ๊ต้องเข้าใจอะไรผิดแน่ งั้นผมจะไปถามเจ๊ดูอีกที”
“ป่วยการค่ะ ฉันบอกไปแล้ว เจ๊บอกพวกเราเป็นเอ่อ...ผัวเมียกันทำไมจะอยู่ห้องเดียวกันไม่ได้ และถ้าเราไม่อยากอยู่ ก็ต้องมีคนหนึ่งออกไปนอนตากยุงอยู่ข้างนอกโน่น”
เทวัญไม่สบายใจมองไป เห็นฟูกมีอันเดียว
“งั้นเดี๋ยวผมนอนพื้นเอง คุณเมไม่ต้องห่วง แต่คุณเมต้องสละผ้าปูที่นอนกับผ้าห่มให้ผมนะ”
“คุณเทวัญจะเอาไปทำอะไรคะ”
เทวัญยิ้มไม่ตอบ ดึงผ้าปูที่นอนกับผ้าห่มออกมาขึงกั้น ทำฉากที่กลางห้องให้เมขลาสบายใจ
เมขลาซาบซึ้งพูดไม่ออก แล้วเธอก็นึกไปถึงราม ตอนที่นอนอยู่ที่ห้องเดียวกันในบ้านทรงวาด แต่รามแสดงความเถื่อนแกล้งเมต่างๆ ตรงข้ามกับเทวัญ
“พอใช้ได้ไหมครับ คับแคบไปหน่อย แต่เป็นส่วนตัวขึ้น”
เทวัญถาม เมขลาพยักหน้ารับ พยายามลืมอดีต

ในคอนโด...ธิดาที่กำลังกินน้ำอยู่ แล้วชะงักเห็นภาคภูมิคีบชุดนอนเอ็กซ์ๆมายื่นตรงหน้า
“นี่อะไร”
ธิดาเขิน กระชากชุดนอนมา
“ถามได้ ก็ชุดนอนน่ะสิ”
“เรื่องนั้นผมรู้แล้ว แต่ชุดนอนคุณไปอยู่ในห้องนอนผมได้ยังไง”
“นั่นมันห้องนอนฉันต่างหาก”
“อะไรนะ”
“หูคุณไม่ได้ฝาดหรอก เพราะฉันไม่มีวันไปอยู่กับสัตว์เลื้อยคลานบ้าๆ พวกนั้นหรอก ถ้าคุณไม่ยอมเอาพวกมันออกไปจากคอนโดนี่ คุณก็ไปนอนกับพวกเองก็แล้วกัน”
“นี่! ฟังนะคุณธิดา”
ธิดากรี๊ด
“ฉันชื่อเทเรซ่า”
“ผมไม่สนหรอกนะว่าคุณชื่ออะไร ผมรู้แต่ที่นี่บ้านผม คนที่ออกคำสั่งในบ้านนี้ได้ มีแค่ผมคนเดียว ไม่งั้น คุณก็ย้ายข้าวของออกไปนอนริมถนนได้เลย”
“คุณพูดแบบนี้ได้ยังไง คุณเป็นตำรวจของประชาชนนะ”
“แต่ผมจะไม่ทนกับประชาชนงี่เง่า ว่าไงห้องนั้นหรือริมถนน”
ธิดาคิดๆ
“ไม่ ฉันไม่มีวันออกไปนอนริมถนนเด็ดขาด แล้วก็ไม่นอนในห้องนั้นด้วย ฉัน...ฉันนอนที่โซฟานี่ก็ได้”
ธิดาทิ้งตัวนอนหลับตาปี๋ที่โซฟา ภาคภูมิพูดไม่ออก

เช้าวันใหม่...เมขลาปัดกวาดบ้านมาถึงหน้าห้องหมวย ลูกสาวเจ๊ง้อจึงเคาะประตูเรียก
“คุณหมวยคะ...ขอฉันเข้าไปหน่อยนะคะ...คุณหมวยคะ”
เมขลาเคาะแรง เห็นไม่ตอบ บิดลูกบิดประตูเข้าไป
“คุณหมวย!”
เมขลาพุ่งเข้าไปแย่งคัทเตอร์จากหมวย ปลดมือหมวยจนคัทเตอร์หลุดลงพื้นสำเร็จ หมวยทุบเมขลาอย่างโมโห และแค้น
“หยุดนะ อย่ายุ่งกับฉัน เธอมาห้ามฉันทำไมฮึ”
เมขลาจับมือหมวยไว้
“เพราะความตาย ไม่ใช่ทางออกของปัญหาน่ะสิคะ”
“เธอจะรู้อะไร เธอไม่ใช่ฉัน เธอไม่ต้องโดนแม่บังคับให้แต่งงานเหมือนฉัน”
“ถ้าคุณไม่อยากแต่งงาน ก็น่าจะบอกเจ๊ดีๆ ชีวิตมีค่านะคะ อย่ามาทำร้ายตัวเองแบบนี้”
หมวยนึกขึ้นได้มองหน้าเมขลา
“แล้วเธอเป็นใคร เข้ามาอยู่ในบ้านนี้ได้ยังไง”

แก้วน้ำถูกยื่นไปให้เทวัญ ที่กำลังปาดเหงื่อ เพราะเหนื่อยกับการขุดดินในฟาร์ม
“คุณเม”
เมยกนิ้วจุ๊ปาก
“อย่าเรียกฉันแบบนั้นสิคะ จำไม่ได้หรือคะว่า เราสองคนเป็นแค่คนเร่ร่อนรับจ้างไปทั่ว”
เทวัญพยักหน้า
“ขอโทษ ผมลืมไป แล้วนี่งานคุณเสร็จแล้วหรือ”
“เหลือแต่ทำกับข้าวค่ะ...” เมขลาเห็นเทวัญดื่มน้ำหมด “เดี๋ยวฉันรินน้ำเพิ่มให้นะคะ”
เทวัญพยักหน้า เมขลาเห็นแก้วเปื้อนคราบดินจากมือเทวัญ จึงหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดให้สะอาด ก่อนรินน้ำลงไป ส่งเห็นหน้าเทวัญเปื้อนคราบดิน
“หน้าคุณเปื้อนนี่ อยู่นิ่งๆ นะคะ”
เมขลาเอาผ้าเช็ดหน้าที่เปื้อน เช็ดหน้าให้เทวัญแบบลืมตัว กลายเป็นหน้ายิ่งเปื้อนไปกันใหญ่ เมขลาชะงัก
“ตายแล้ว ทำไมฉันโก๊ะอย่างนี้เนี่ย แทนที่จะช่วยคุณกลับทำให้แย่ลง”
เทวัญงง เมขลาหยิบกระจกเล็กๆในกระเป๋ากางเกง ให้เทวัญดูเงาที่สังกะสี เทวัญอดหัวเราะไม่ได้
“ไม่เป็นไรครับ เปื้อนแค่นี้ เดี๋ยวผมเช็ดเอง”
เทวัญยกแขนเสื้อเช็ด เมขลาถอนหายใจ
“ฉันนี่แย่จัง แทนที่จะช่วยกลับเป็นตัวถ่วงทำให้คุณลำบากอยู่เรื่อยเลย”
เทวัญกุมมือเมขลา
“ใครบอกว่าคุณทำให้ผมลำบาก คุณทำให้ผมมีความสุขต่างหาก เห็นไหมวันนี้คุณยังทำให้ผมหัวเราะออกมาได้เลย”
เมขลาเขินๆ ดึงมือออก ขณะที่หมวยยืนมองอยู่อย่างรู้สึกอิจฉาผัวเมียคู่นี้

อีกมุมฟาร์มกล้วยไม้...เจ๊ง้อเดินคุยโทรกับว่าที่ลูกเขย ซึ่งก็คือเหลียง
“น้องหมวยบ่นคิดถึงคุณบุญเลี้ยงทุกวันเลยค่ะ ว่าเมื่อไหร่จะ มาขออีแต่งงานเสียที เอ่ออีไม่ได้เร่งหรอกนะคะ...อีแค่อยากรู้ว่าคุณบุญเลี้ยงจะให้สินสอดอีเท่าไหร่...อะไรนะคะ” เจ๊ง้อตาโต “อุ๊ย จริงหรือคะ แหม...คุณบุญเลี้ยงนี่น่ารักจัง เดี๋ยวนะคะ น้องหมวยมาโน่นแล้ว คุณคุยกับอีเองก็แล้วกัน”
เจ๊ง้อเห็นหมวยเดินมา รีบเรียก
“หมวย อาหมวย มานี่เร็ว”
“อะไรอาม้า”
“ลื้อสวัสดีคุณบุญเลี้ยงเขาหน่อยสิ เขาอุตส่าห์โทรข้ามทวีปมาจากแคนาดา”
หมวยรับโทรศัพท์ไปแล้วพูด
“สวัสดีค่ะ อ่ะม้า เสร็จแล้ว”
หมวยส่งมือถือคืนให้เจ๊ง้อแล้วเดินหนีไป
“อาหมวยๆ เดี๋ยวกลับมาก่อน...เอ่อ พอดีหมวยมันปวดฟัน เลยคุยไม่ได้ ไว้คุยกันวันหลังแล้วกันนะคะ”
เจ๊ง้อปิดมือถือตามหมวยไป อย่างเดือดสุดๆ เมื่อเดินตามมาทัน กระชากแขนไว้
“ลื้อทำบ้าอะไรของลื้อฮึ ทำไมพูดกับคุณบุญเลี้ยงเขาแค่นั้น”
“ก็อาม้าให้หมวยสวัสดี หมวยก็สวัสดีแล้วนี่”
เจ๊ง้ออยากจะบ้า ไม่ได้ดังใจ
“นี่ลื้อแกล้งม้าใช่มั้ย ลื้ออยากให้ม้าอกแตกตายใช่มั้ย โอ๊ย ทำไมมีลูกทั้งที มันไม่ได้ดังใจเล้ย”
หมวยนึกถึงที่เมขลาพูดว่าให้บอกเจ๊ง้อดีๆ จึงตัดสินใจพูด
“หมวยไม่ได้แกล้งอาม้า แต่หมวยไม่ได้รักเขา หมวยไม่อยากแต่งงานกับเขา”
“ถ้าลื้อไม่แต่งกับคุณบุญเลี้ยง ลื้อจะแต่งกับใครฮึ”
“หมวยอยากแต่งงานกับคนที่หมวยรักเท่านั้น เหมือนคนงานใหม่ที่ม๊าจ้างมาไง”
“ไปเอาอย่างพวกมันได้ยังไง มันมีทางเลือกเหมือนลื้อที่ไหนฮึ ลื้ออรู้ไหม ว่าลื้อโชคดีแค่ไหน ที่มีคนอย่างคุณบุญเลี้ยงมาสนใจ เขาทำงานในบริษัทฝรั่งเงินเดือนเยอะแยะเลยนะ แถมเขายังให้ค่าสินสอดอั๊วตั้ง 3 ล้าน แหวนเพชรอีกวง กับบ้านอีกหลัง ลื้อไม่เอาก็โง่ตายชัก”
หมวยพูดไม่ออก เมขลาเดินมาได้ยินพอดีจึงนิ่งฟังอย่างสงสารหมวย

เช้าวันใหม่...ธิดาตื่นนอน ลุกขึ้น สะดุดกับกล่องโฟมสำหรับแช่เย็นอาหารงู ธิดางงๆ
“อะไรเนี่ย”
ธิดาเห็นบนฝากล่องแปะกระดาษ มีลายมือภาคภูมิเขียนเอาไว้ ธิดาหยิบขึ้น
“วันนี้ช่วยเอาอาหารให้เด็กๆ ของผมด้วย”
ธิดายี้
“เด็กๆ เนี่ยนะ น่ารักตายล่ะ แหวะ” ธิดาจะไปแล้วนึกได้ “อาหารอะไรของเขานะ”
ธิดาเปิดฝา แล้วร้องกรี๊ด โยนฝากล่องโฟมทิ้งแทบไม่ทัน ถอยไปอยู่ชิดผนังห้อง ปิดหน้าร้องกรี๊ดๆ
“คนบ้าๆๆ บ้าที่สุด เลี้ยงงูยังไม่พอ นี่ยังมีทั้งหนอนแช่แข็ง กับหนูตายทิ้งไว้ให้ฉันอีก ฮื่อๆ”

เย็นวันนั้น...ภาคภูมิกลับมาจากทำงาน เคาะประตูห้องนอนธิดา แต่ไม่มีใครตอบ จึงเปิดเข้าไป
“ ขอผมเข้าไปหน่อยนะ” ภาคภูมิบอกลอยๆ แม้จะไม่เห็นใคร
ภาคภูมิเดินยิ้มกริ่มไปที่ตู้เลี้ยงงู
“วันนี้กินอิ่มหรือยังล...” ภาคภูมิอึ้ง
ในตู้ว่างเปล่า มีแต่กิ่งไม้ ไม่มีงู
“เฮ้ย...”
ภาคภูมิหันไปที่ตู้อิกัวน่า แล้วอึ้งอีก
“หน่อมแน้ม...หน่อมแน้มหายไปไหน...คุณธิดา!” ภาคภูมิปรี๊ดสุดๆ ตะโกน


ธิดาที่ออกไปรับลมที่ระเบียง ก้าวเข้ามาในห้อง เจอภาคภูมิกำลังเดือดสุดๆ
“บอกมานะ ว่าคุณเอาลูกของผมไปไว้ไหน”
“ลูก” ธิดาอึ้ง ก่อนนึกออก เชิดใส่ “ก็ไปอยู่ในที่ที่ควรอยู่น่ะสิ”
ภาคภูมิเข้าไปบีบต้นแขนธิดาแรง
“ที่ไหน”
“สวนสัตว์ ฉันให้คนของสวนสัตว์มาจับไปแล้ว”
ภาคภูมิอ้าปากค้าง
“ลูกของคุณน่ะ ควรไปอยู่กับเพื่อนของพวกมัน ในสวนสัตว์มากกว่าอยู่ร่วมกับคนอย่างพวกเราๆนะ”
“เงียบนะ ใครสั่งให้คุณออกความเห็นไม่ทราบ” ภาคภูมิตะคอก
“ก็ใครใช้ให้คุณ เลี้ยงสัตว์ประหลาดพวกนั้นในบ้านนี้ล่ะ”
“แต่นี่มันบ้านผม บ้านที่ผมหาซื้อมาด้วยหยาดเหงื่อแรงงาน ไม่ใช่คฤหาสน์ที่พ่อคุณสร้างขึ้นจากเงินค้ายานรกพวกนั้น คุณถึงจะได้เที่ยวทำอะไรตามใจชอบแบบนี้”
ธิดาหน้าซีด กระชากแขนออก
“ใช่ พ่อฉันเป็นพ่อค้ายานรก และคุณก็เป็นนายตำรวจมือสะอาด คงรู้สึกแย่มากสินะ ที่ต้องทนอยู่กับลูกสาวพ่อค้ายาอย่างฉัน ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจ เป็นฉันก็ทนไม่ได้เหมือนกัน”
ธิดาออกไปจากห้องทันที ภาคภูมิยืนแง แล้วมองไปที่ระเบียง เห็นว่าค่ำแล้ว....

ภาคภูมิตัดสินใจ วิ่งตามธิดาออกมาหน้าคอนโด
“ยายตัวแสบ เจอเมื่อไหร่ล่ะน่าดู”
เสียงธิดาดังขึ้น
“ว้าย ช่วยด้วย”
ภาคภูมิหันไปเห็นธิดาโดนจิ๊กโก๋สองคนลวนลาม ในซอยข้างๆ
“เฮ้ย! อะไรกันน่ะ”
ภาคภูมิพร้อมลุย จิ๊กโก๋หันไปท่าทางจะเอาเรื่อง เห็นภาคภูมิในชุดตำรวจ หยิบกุญแจมือออกจากกางเกง
“พวกแกอยากกินข้าวแดงในคุกนักก็เข้ามา”
จิ๊กโก๋รีบวิ่งแจ้นหนีไป
ภาคภูมิหันหาธิดา จ้องกันอยู่ครู่หนึ่ง ธิดาสะบัดหน้าเดินไปอีกทางที่มืดๆ เขาส่ายหน้าอย่างเซ็งๆ เข้าไปคว้าข้อมือธิดา
“ปล่อยฉันนะ” ธิดาสะบัดแต่ไม่หลุด “ไม่งั้นฉันจะร้องให้ลั่นเลยว่า ตำรวจรังแกประชาชน”
“คิดหรือว่าคนจะเชื่อ ผมอยู่แถวนี้มานานกว่าคุณนะ”

ธิดาเงียบ เถียงไม่ออก

อ่านต่อหน้า 4




*โปรดติดตามอ่าน อวสาน พรุ่งนี้ 1 มกราคม 2555 (จบตอน)*
นางฟ้ากับมาเฟีย ตอนที่ 21 (ต่อ)

เช้าวันต่อมา เจ๊ง้อ เดินคุยโทรศัพท์มือถือหน้าเครียดอยู่หน้าบ้าน เพราะหมวยหายไป เมขลากับเทวัญวิ่งเข้ามา เจ๊ง้อหันไปถาม

“เจอมั้ย”
เมขลากับเทวัญหอบเหนื่อย
“ไม่ค่ะ แต่ฉันว่าเราน่าจะลองไปดูที่สะพานทางด้านโน้นด้วย” เมขลาส่ายหน้า
เจ๊ง้อแปลกใจ
“อาหมวยอีจะไปทำไมที่สะพาน”
“ฉันกลัวหมวยจะไปฆ่าตัวตาย”
เจ๊ง้อตกใจ
“ไอ๊หยา ลื้อปากเสียนะเนี่ย ไปเอาที่ไหนมาพูด”
“ก็เมื่อวานฉันเห็นหมวยจะฆ่าตัวตาย”
เจ๊ง้อชักโมโห
“แล้วทำไมลื้อไม่บอกอั๊วฮึ”
“ถ้าบอกไป เจ๊จะเลิกบังคับหมวย ไม่ให้แต่งงานกับคนที่เขาไม่รักหรือเปล่าล่ะ”
“นี่มันเรื่องในบ้านอั๊ว ลื้อเป็นแค่คนใช้ มายุ่งอะไรด้วย”
“เพราะฉันสงสารหมวยน่ะสิ ไม่อยากเห็นเขาต้องทรมานใจไปตลอดชีวิต”
“ลูกอั๊วได้ผัวรวย ไม่เห็นทรมานที่ตรงไหน ลื้ออิจฉาลูกอั๊วล่ะสิ หรือว่าเป็นลื้อ ที่ยุให้อาหมวยหนีออกจากบ้าน”
เมขลาจะเถียง เทวัญจับมือห้าม
“ผมว่าเราอย่าเพิ่งมาทะเลาะกันเลย รีบไปหาหมวยกันดีกว่า ขืนสายไปจะไม่ทันการ”
เมขลาพยักหน้า วิ่งไปกับเทวัญ เจ๊ง้อมองแค้นๆ
“นังปากเฉ่าฉุ่ย คอยดูนะกลับมาอั๊วจะตัดเงินให้เหลือวันละยี่จั๊บ” เจ๊ง้อเดินรอบบ้าน “หมวย ๆ นังหมวย ลื้ออยู่ไหน”

หมวยยืนอยู่บนสะพานข้ามคลอง วางจดหมายที่เขียนถึงแม่ลงข้างๆ ตัว รามขับรถเข้ามา เบาะข้างๆ รามมีรูปเมขลาวางไว้ รามอ้าปากค้างเมื่อเห็นหมวย กำลังจะปีนสะพานโดดน้ำฆ่าตัวตาย
“เฮ้ย!”
รามรีบจอดรถ
“อย่านะคุณ อย่าโดดนะ”
หมวยหันมาตกใจ เกือบพลัดตกราวสะพาน
“กรี๊ด”
รามพุ่งเข้าไปกอดรอบเอวหมวยไว้แบบเฉียดฉิว รามโล่งอก
“คุณเป็นยังไงบ้าง”
หมวยเป็นลมไป
“คุณๆแล้วแบบนี้จะเอาไปส่งบ้านได้ไงเนี่ย”
รามคิดๆก่อนชะงัก เห็นจดหมายลาตายของหมวยหยิบมา
“กรุณาส่ง เจ๊ง้อ เจ้าของฟาร์มกล้วยไม้สุดสวย”
รามมองไปรอบๆ หาฟาร์มกล้วยไม้

เจ๊ง๊อ กระวนกระวายใจ ชะเง้อมอง
“หรืออาหมวยมันจะไปโดดน้ำตายจริงๆ”
เจ๊ง้อขึ้นคล่อมรถมอร์เตอร์ไซค์ขี่ออกไปแล้วเบรคแทบไม่ทัน เกือบชนกับรถรามที่ขับเข้ามาอย่างรีบที่หน้าฟาร์ม
“ลื้อขับรถยังไงฮึ ไม่ดูตาม้าตาเรือ”
“คุณรู้จักเจ๊ง้อมั้ยครับ”
เจ๊ง้อชะงัก
“อั๊วเอง มีอะไร”
รามเบี่ยงตัวหลบ พยักหน้าไปที่หมวย เจ๊ง้อเห็นหมวยนอนพับบนที่นั่งข้างคนขับ

รามวางหมวยลงบนเก้าอี้โซฟาในบ้าน เจ๊ง้อเข้าไปบีบๆนวดๆลูก แล้วเรียก
“อาหมวยๆ ตื่นสิ อาหมวย”
รามมองๆ
“เจ๊ครับคือ...”
หมวยรู้สึกตัวแล้ว แต่แกล้งหลับต่อ ยังคิดไม่ตก ไม่อยากเผชิญหน้าแม่
“อะไร...อ๋อ” เจ๊ง้อนึกได้หยิบเงินให้ห้าสิบบาท “อ่ะเอาไปค่าตอบแทน ที่ช่วยพาลูกสาวอั๊วมาส่งบ้าน”
“เอ่อ ไม่ใช่ครับ ผมไม่ได้อยากได้เงิน”
เจ๊ง้อรีบตะครุบคืน
“ถ้าลื้อไม่อยากได้เงินแล้วอยากได้อะไร ทำไมไม่ไปซักที”
รามอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าจะเจอคนตรงขนาดนี้
“คือผมอยากบอกเจ๊ว่า เมื่อกี้น้องเขากำลังจะฆ่าตัวตาย ถ้ายังไงเจ๊ก็ค่อยๆ คุยกับน้องเขาก็แล้วกัน เผื่อจะแก้ไขได้...”
เจ๊ง้อจ้องหน้าเอาเรื่อง
“ลื้อเป็นใคร ทำไมอั๊วต้องเชื่อลื้อด้วย”
รามพูดไม่ออก ทันใดนั้นหมวยลืมตาจับแขนเจ๊ง้อเขย่า
“ม้าต้องเชื่อเขา...เขาเป็นสามีของหมวยเอง”
เจ๊ง้อสะดุ้งตกใจ
“ไอ๊หย๋า ผู้ชายคนนี้เป็นผัวลื้อ”
รามชะงักอึ้ง ตกใจพูดไม่ออก หมวยผวาเข้าบีบมือรามมองอ้อนวอน
“เฮีย นี่ม้าของหมวยเอง เฮียบอกม้าไปสิ ว่าเราเป็นอะไรกัน ถ้าเฮียไม่บอก ม้าก็จะจับให้หมวยไปแต่งงานกับคุณบุญเลี้ยงนะ แล้วถ้าเป็นแบบนั้นหมวยยอมฆ่าตัวตายเสียดีกว่า”
รามช็อคไป ตั้งตัวไม่ทัน
“เดี๋ยวคุณนี่คุณพูดเรื่องอะไร”
เจ๊ง้อทนไม่ได้ ตบฉาดเข้าให้ที่หน้าราม
“ไม่เดี๋ยวแล้ว ลื้อทำแบบนี้ได้ยังไง รู้ไหมว่าอั๊วหาผัวไว้ให้นังหมวยแล้ว สินสอดก็ตกลงกันแล้ว แล้วแบบนี้อั๊วจะไปบอกเค้าได้ยังไง”
รามสุดทน
“นั่นเป็นเรื่องของพวกคุณแม่ลูกแล้วล่ะ ไม่เกี่ยวกับผม...ผมไม่ใช่สามีลูกสาวเจ๊ บ้ากันไปใหญ่แล้ว บ้าชัดๆ”
รามเดินออกไปอย่างโมโห เจ๊ง้อหันไปมองหมวย
“นังลูกไม่รักดี บอกม้ามานะ ว่าลื้อโกหกใช่มั้ย”
หมวยกลัวโดนแม่จับได้ รีบวิ่งตามรามไป
“เฮียๆ จ๋า รอหมวยด้วย เฮีย”
หมวยวิ่งตามมาหน้าบ้านจับแขนรามไว้
“เฮียคะ หนูไหว้ล่ะ เฮียอย่าเพิ่งไปได้ไหมคะ ขืนเฮียไป แม่ให้หมวยแต่งงานกับคุณบุญเลี้ยงแน่”
“นั่นมันปัญหาของคุณ ไม่ใช่ของผม แล้วผมก็...”
รามจะบอกว่ามีเมียแล้ว อึ้งพูดไม่ออก ขณะเดียวกันเมขลาเท้าแพลงเทวัญประคองเดินมา รามเห็นก็อึ้งไป
“เม...”
เมขลาตะลึงเมื่อเห็นเขา
“คุณ”
เจ๊ง้อวิ่งมา
“อาหมวย”
หมวยเห็นแม่เลยกอดรามแน่น
“หมวยกับเฮียเป็นคนคนเดียวกันแล้ว หมวยจะไม่แต่งงานกับใครเป็นอันขาด”
เมขลากับเทวัญอึ้ง เจ๊ง้อหันไปสั่งเทวัญกับเมขลา
“ลื้อสองคนผัวเมีย ลากตัวอาหมวยออกมาเดี๋ยวนี้”
รามงงๆ
“ผัว เมีย”
หมวยกอดรามไว้แน่น
“ไม่...เธอควรจะเห็นใจความรักของเราสองคนนะ เธอรักผัวเธอ ฉันก็รักผัวฉันเหมือนกัน”
“มานี่เดี๋ยวนี้”
เจ๊ง้อดึงหมวย แต่หมวยไม่ยอม เจ็ง้อ เป็นลมไปหมวยตกใจ
“ม้า...ม้า”
เทวัญเข้าไปประคองเจ๊ง้อ
“พาไปที่ห้องก่อนค่ะ” เมขลาบอก
เทวัญอุ้มเจ๊ง้อไป เมขลาตามไป รามมองอึ้ง
“สองคนนั่นเป็นใคร...มาอยู่ที่นี่ได้ไง”
“เขามาสมัครเป็นคนงานของม้า ยิ่งเห็นเค้าผัวเมียรักมาก หมวยก็ยิ่งไม่อยากแต่งงานกับคนที่หมวยไม่รัก เฮีย...เฮียช่วยหมวย”
ราม ยิ่งแค้น ขบฟันแน่นพยักหน้า
“ได้...แต่ผมมีข้อแม้นะ”
หมวยแปลกใจ
“ข้อแม้อะไรคะ”

เจ๊ง้อเด้งขึ้นมาจากโซฟา รามกับหมวยนั่งข้างๆ
“ลื้อจะเข้ามาอยู่บ้านนี้”
“ก็ผมเป็นแฟนหมวย ไม่อยู่ที่นี่แล้วจะให้อยู่ที่ไหน”
รามจูงหมวยจะขึ้นบันได เจ๊ง้อรีบไปขวาง
“ไม่ได้ ลื้อยังไม่ได้แต่งงานกับอาหมวย แล้วอั๊วก็ไม่ให้แต่งด้วย ลื้อจะอยู่ได้ยังไง”
“งั้นผมจะพาหมวยไปอยู่ข้างนอกเอง ถึงผมจะจนแต่ก็เลี้ยงดูหมวยได้สบายอยู่แล้ว ไปหมวย เฮียจะพาหมวยไปขายเต้าฮวยนะจ๊ะ”
เจ๊ง้อแทบเป็นลม
“เต้าฮวย! จะไปขายเต้าฮวยได้ยังไง แล้วใครจะช่วยอั๊วดูแลฟาร์มกล้วยไม้”
“นั่นมันเรื่องของเจ๊ ไม่ใช่ของผมกับหมวย” รามหันไปหาหมวย “ไปจ้ะ”
“เดี๋ยว...”
รามชะงัก เจ๊ง้อมองอย่างเจ็บใจ
“ลื้ออยู่ก็ได้แต่ลื้อต้องทำงานแลกค่าที่พัก จะมากินฟรีอยู่ฟรีไม่ได้ และอั๊วไม่มีวันยอมรับลื้อเป็นลูกเขยเด็ดขาด ลื้อต้องลงไปนอนรวมกับคนงานที่ข้างล่างโน่น”
รามดีใจ เพราะเป็นไปตามแผน

เมขลาเดินลิ่วๆแล้วก็เซเกาะเสา เทวัญมองอย่างเป็นห่วง
“ข้อเท้าคุณยังแพลงอยู่ ไปทายาดีกว่า”
“ฉันไม่เป็นไร”
เทวัญมองหน้า
“บางที คุณอาจไม่ได้เจ็บที่เท้า...แต่เจ็บที่ใจมากกว่า”
เมขลาอึ้งอายที่เทวัญรู้ทัน
“ฉันยอมรับว่าเจ็บใจ แต่ไม่ได้เจ็บที่เห็นเขากับหมวย ฉันเจ็บใจตัวเองที่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฉันไปเสียเวลาคิดถึงคนเจ้าชู้แบบนั้นอยู่ได้ยังไง”
“คุณหึงหรือ”
“ฉันจะไปหึงผู้ชายกะล่อนอย่างเขาทำไมคะ ขนาดหมวยอยู่แต่ในสวนแบบนี้ ยังไม่รอดพ้นมือเขา ทุเรศที่สุด”
“แต่ผมว่าไม่น่าใช่ มันบังเอิญเกินไปที่เราเจอรามที่นี่ แถมเขายังเป็นแฟนหมวยเสียอีก”
“คุณคิดว่า เขาจะรู้เรื่องที่มีคนตามล่าเราสองคนไหมคะ”
เทวัญนิ่งคิดอย่างประเมินสถานการณ์

ค่ำคืนนั้น...เมขลานอน นอนไม่หลับ พลิกไปมา คิดเรื่องที่คุยกับเทวัญไปด้วย
‘ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ถ้าเรื่องนี้เกี่ยวกับพ่อของผมเราก็ควรบอกเขา’
เมขลาตัดสินใจย่องออกไปจากห้อง ขณะที่เทวัญหลับอยู่ ขณะเดียวกัน รามเดินคิดเครียดงุ่นง่านเรื่องเมขลากับเทวัญ ในที่สุดก็มาหยุดที่หน้าห้องแนบหูฟังกับประตู คิดไปร้อยแปดว่าเขาทำอะไรกัน ในที่สุดทนไม่ไหวกลั้นใจกะจะเข้าไปลุย เมขลาเปิดประตูออกมาพอดีต่างคนต่างชะงัก เมขลาเห็นรามแล้วจี๊ดทนไม่ได้ ไม่อยากพูด จะปิดประตูห้องใส่หน้า รามไวกว่าดึงมือเมขลาไป
“จะทำอะไรน่ะ ปล่อยฉันนะ”
“ไม่...เราต้องคุยกัน”
“ได้ฉันก็อยากคุยกับคุณเหมือนกัน”
สองคนเดินออกไป ขณะเดียวกัน เทวัญเปิดประตูมาแง้มมองอย่างเครียดๆ

รามดึงเมขลามามุมหนึ่งในสวยกล้วยไม้
“คุณหนีผมมาทำไม”
เมขลาพูดไม่ออก
“เพราะคุณเทวัญหรือ รู้มั้ย ทำแบบนี้ทั้งๆ ที่คุณยังเป็นเมียผม อยู่โบราณเขาเรียกว่าสวมเขาให้ผัว”
เมขลาที่ตั้งใจจะบอกความจริงราม พอได้ยินคำนี้เลือดขึ้นหน้าเปลี่ยนใจไม่บอก
“แล้วที่คุณทำล่ะเรียกว่าอะไร แอบมามีหมวยเก็บเอาไว้อีกคน คุณทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง แล้วยังคุณธิดาอีก”
“ผมอธิบายเรื่องของผมกับหมวยได้ คุณล่ะอธิบายเรื่องของคุณกับคุณเทวัญได้หรือเปล่า”
“ฉันไม่มีอะไรจะอธิบายทั้งนั้น”
รามเจ็บปวดใจ
“หมายความว่า คุณอยากอยู่กับเทวัญมากกว่าผม ถึงขนาดลงทุนหนีมาเป็นคนงานที่นี่”
“ใช่...”
รามใจสลาย
“แล้วคุณรู้หรือเปล่าว่ามันเสี่ยงแค่ไหน เทวัญกำลังถูกตามล่า คุณจะพลอยติดร่างแหไปด้วย”
เมขลาไม่แคร์
“เรื่องเสี่ยงๆกว่านี้ฉันก็เคยเจอมาแล้ว ถูกคนอุ้มไปฆ่าก็ยัง รอดมาได้...ฉันไม่กลัว”
“แต่ผมกลัว...”
เมขลาอึ้ง รามจ้องหน้าเธออย่างจริงใจ เมขลาจะถาม แต่เสียงมือถือรามดังก่อน เธอ
เลยเดินหนีไป
“เม เดี๋ยว”
รามกดสายทิ้ง จะตาม แต่มือถือดังขึ้นอีก รามชะงักมองมือถือลังเล

เมขลาเดินหนีรามมา ทันใดนั้นเธอถูกคว้าแขนไว้ เมขลาชะงักนึกว่าราม สะบัดออกอย่างแรง
“ปล่อยนะ ฉันบอกแล้วไงว่าไม่มีอะไรจะพูดกับคุณอีก”
“ทำไมคุณถึงไม่พูด ไม่บอกความจริงทั้งหมดกับราม”
เมขลาอึ้ง หันไปเห็นเทวัญยืนอยู่
“คุณเทวัญ”
“ทำไมคุณไม่พูดไป ทำแบบนี้มีแต่จะเข้าใจกันผิดเปล่าๆ”
“ทีเขายังไม่อธิบายอะไร แล้วทำไมฉันต้องทำ ถ้าเขารู้จักฉัน มั่นใจในตัวฉัน เขาก็ต้องรู้ว่าฉันไม่มีวันมีอะไรกับคุณได้”
เทวัญนิ่งอึ้ง เจ็บจี๊ดที่ใจ เมขลาสลดลง
“คือ...”
“ถ้าเรารักใครมากๆ เราก็จะยิ่งขาดความมั่นใจในตัวเอง...คุณว่าจริงมั้ย”
“ไม่รู้...ฉันไม่รู้”
เมขลาลงนั่งกอดเข่า เศร้าๆเทวัญไม่รู้จะพูดยังไง ได้แต่กอดปลอบใจ

รามคุยมือถือกับก้องภพอยู่มุมหนึ่ง
“ตอนนี้ผมพบเมกับเทวัญแล้ว แต่กลัวว่าถ้าพาออกไปพวกเฮียจางจะไหวตัว เลยน่าจะอยู่ที่ฟาร์มกล้วยไม้นี่ไปก่อน”
“งั้นนายระวังตัวด้วยก็แล้วกัน พวกฉันจะสืบหารังลับของไอ้จางให้เร็วที่สุด”
“ผมคิดว่าท่านจะจัดการลูกน้องมันก่อนเสียอีก”
“สงครามจะจบถ้าได้ศพแม่ทัพ นายก็รู้นี่” ก้องภพกดตัดสายหันไปหายงยุทธ “เป็นไงดาบ ข้อมูลที่ได้จากแฟ้มตรวจคนเข้าเมือง บอกไหมว่าไอ้จางหรือคนของมันเดินทางเข้าประเทศเราเมื่อไหร่”
“อีกสักครู่นะครับท่าน”
ยงยุทธหาข้อมูลจากคอวพิวเตอร์อย่างขะมักเขม้น

เช้าวันใหม่...เจ๊ง้อกำลังตัดดอกกล้วยไม้ไปด้วยโทร.มือถือไปด้วย ถึงกับทำกรรไกรตัดดอกกล้วยไม้ร่วงหลุดมือ
“ฮะ! คุณจะกลับเมืองไทยอาทิตย์หน้า ไอหยา ซี้เลี้ยวหว่า...เอ่อ เปล่าฮ่ะ พอดีเจ๊เดินสะดุดก้อนหินเข้า เลยเผลออุทานไป แค่นี้ก่อนนะคุณบุญเลี้ยง”
เจ๊ง๊อรีบปิดมือถือ
“แล้วอั๊วจะทำยังไง กับผัวนังหมวยมันดีวะเนี่ย”
เจ๊ง้อคิดๆ อย่างกลุ้มๆ แต่แล้วก็ชะงัก เมื่อเห็นเทวัญเดินถือจอบผ่านไปพอดี เจ๊นึกออกก็ยิ้มอย่างดีใจ

รามรับเสียมไปจากเจ๊ง้อหน้าตางงๆ
“ก็ลื้อต้องทำงานแลกกับที่นอนที่กิน ลื้อจำไม่ได้แล้วหรือ”
“ห้องเท่ารูหนู กับข้าวต้มเปล่าโรยเกลือนี่นะ” รามย้อนถาม
“ถ้าลื้อไม่อยากทำก็ไปซะสิ จะอยู่ให้มันเกะกะไปทำไม”
“โอเค เจ๊จะให้ผมทำอะไรว่ามา”
รามไม่มีทางเลี่ยงจำต้องเดินตามเจ๊ง้อไป แล้วเขาถูกสั่งให้ทำงานสารพัดทั้งดายหญ้าในสวน ลอกท้องร่อง ตอกเรือนแขวนกระถางต้นกล้วยไม้ รามเหนื่อยเหงื่อไหลเข้าตา ตอกผิด ค้อนตีมือ ไม้กระเด็น
“โอ๊ย”
รามปาดเหงื่อ วางค้อน หันไปหยิบไม้ แล้วชะงักเมื่อเห็นเทวัญหยิบไม้ที่กระเด็นขึ้น ช่วยตอกทำเรือนไม้ด้วย รามมองเซ็งๆ แกมหมั่นไส้
“คุณมาช่วยผมทำไม ทำไมไม่ไปช่วยเมียคุณ”
“พูดแบบนี้แปลว่า นายยอมปล่อยมือจากคุณเมแล้วใช่ไหม”
รามอึ้ง เทวัญรู้ทัน ถอนใจ
“ถ้านายทำไม่ได้ก็ไม่ควรพูดแบบนั้น”
“ถ้าคุณไม่ได้เป็นอะไรกับเม แล้วทำไมต้องมาหลบอยู่ที่นี่ แล้วโกหกใครๆ ว่าเป็นผัวเมียกัน”
“แล้วนายกับหมวยล่ะ”
ทั้งสองเกือบจะเคลียร์กันได้ แต่ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเหยียบไม้ดังมา สองคนมองเห็นเห็นเจ๊ง้อลับๆล่อๆอย่างอยากรู้ว่าสองคนแอบซุบซิบอะไรกัน
“เอาไว้คืนนี้ค่อยคุยกัน”
เทวัญออกไป รามก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ เจ๊ง้อคิดๆมองทั้งคู่ไม่ไว้ใจ

“มันซุบซิบอะไรกันวะ”

อ่านต่อ “ตอนอวสาน” พรุ่งนี้



กำลังโหลดความคิดเห็น