ทองประกายแสด ตอนที่ 7
ค่ำนั้น...มิตรขับรถมาจอดที่หน้าคลับเฮียบุ๋น แล้วลงมาเปิดประตูให้ ทองดีเดินลงมาหน้านิ่งๆ มิตรสังเกตเห็นเธอหน้าตาไม่สบายใจก็ถามขึ้น
“ทองเป็นอะไรหรือเปล่า เมื่อกี้ผมเห็นทองไม่ทานอะไรเลย”
“เปล่าค่ะ ทองไม่ค่อยหิว”
“ไม่หิวกับไม่ยอมยิ้มนี่มันไม่เหมือนกันนะ”
มิตรยิ้มให้ ทองดียิ้มรับเศร้าๆ
“ทองคิดเรื่อง...เรื่องจูนค่ะ”
“เรื่องจูน”
มิตรมองหน้าทองดีไม่เข้าใจ
“ทองสงสารจูนค่ะ เป็นเพราะทองหรือเปล่า ถึงทำให้จูนเป็นแบบนี้ ปุบปับลาออกแบบนี้ไม่รู้ว่าจูนจะไปทำงานที่ไหน”
มิตรยิ้ม
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับทองหรอก จูนเขาตัดสินใจเลือกทางของเขาเองนี่นา ชีวิตของใครคนนั้นกำหนดเอง”
“แต่ต้นเหตุก็มาจากทอง”
“ไม่เอาน่าเลิกคิดมากได้แล้ว...ยิ้มหน่อยนะ คนสวยของผม”
ทองดีฝืนยิ้ม
“เอ่อ...คุณมิตรคะ คุณมิตรชอบจูนบ้างหรือเปล่า”
มิตรสบตาทองดีแล้วยิ้ม
“ไม่เลย ผมชอบทองมากกว่า”
มิตรจับมือทองดีมากุมไว้ ทั้งคู่สบตากัน เขาโน้มตัวเข้ามาจูบเธอ
วันใหม่... ในห้องนอนของทองดี มิตรนอนหลับอยู่บนเตียงเคียงคู่กับทองดี เธอพลิกตัวหันไปมองเขาอย่างปลาบปลื้มเขี่ยหน้าอกเล่น มิตรรู้สึกตัวตื่นขึ้น
“นี่กี่โมงแล้วนี่”
“เพิ่งจะ 10 โมงเอง นอนต่ออีกหน่อยก็ได้ค่ะ”
มิตรลุกขึ้นนั่ง ทองดีขยับตัวเข้าไปกอดเขาทางด้านหลัง
“จะไปแล้วหรือคะ นอนต่ออีกหน่อยนะ ทองยังอยากอยู่กับคุณ”
“ไม่ได้หรอก วันนี้ผมมีนัดทานข้าวกับแม่ ไว้คืนนี้ผมมาหานะ”
มิตรหอมหน้าผาก
“งั้นทองไปกับคุณด้วยได้มั๊ยคะ ทองอยากเห็นบ้านคุณมิตรจังเลย ให้ทองไปทำกับข้าวให้แม่คุณทานก็ได้ ทองทำกับข้าวเก่งนะคะ”
“อย่าลำบากเลย บ้านผมมีแม่ครัว”
“ถึงมีแม่ครัว แต่อีกหน่อยพอเราแต่งงานกัน ทองก็ต้องทำอาหารอยู่ดี เดี๋ยวครอบครัวคุณมิตรจะหาว่าทองไม่เป็นแม่ศรีเรือน”
“แม่ศรีเรือนเหรอ” มิตรหัวเราะ “ทองล้อผมเล่นหรือเปล่า ไม่เอาแล้ว ผมไปอาบน้ำก่อนนะ”
มิตรเดินเข้าห้องน้ำไป ทองดียังเพ้อไม่เลิก
“ไม่เชื่อว่าเราเป็นแม่ศรีเรือนละสิ...ทองรักคุณมิตรจังเลย คุณมิตรขา”
ทองดียิ้มอย่างมีความสุข ก่อนจะลุกขึ้นตามเขาไปที่ห้องน้ำ หยิบผ้าเช็ดตัวไปส่งให้
“คุณมิตรลืมผ้าเช็ดตัวค่ะ”
เธอส่งผ้าเช็ดตัวให้เขาโดยไม่มอง มิตรยิ้ม
“ดีเลย...งั้น ทองเข้ามาช่วยถูหลังให้ผมด้วยแล้วกันนะ”
ทองดีทำเขิน
“คุณมิตรก็...ทองอายนะคะ”
มิตรกระชากตัวเข้าไปในห้องน้ำ ทองดีกรี๊ดกร๊าด เสียงหัวเราะกันคิกคัก
ทองดีช่วยมิตรแต่งตัวจนเสร็จเรียบร้อย เธอหน้าเบิกบานมีความสุขมาก มิตรหยิบเงินในกระเป๋าส่งให้ปึกหนึ่ง ทองดีมองเห็นเงินก็ตาโต
“คุณให้ทองเหรอคะ คุณมิตรใจดีจัง ทองรักคุณนะคะ”
มิตรมองทองประกายงงๆ
“ผมก็ต้องให้ทองสิ เพราะทองต้องมีค่าตัว”
ทองดีชะงักทันที มองเขาอย่างไม่เข้าใจ
“ค่าตัว...คุณมิตรหมายความว่า...”
“อ้าว...ผมนอนกับทอง...ก็ต้องจ่ายค่าตัวสิ”
ทองดีจ้องมองหน้าเขากำเงินแน่น ด้วยความเจ็บใจแต่มิตรยังไม่เข้าใจ
“เป็นอะไรหรือทอง” มิตรนึกได้ “จริงสิ ทองเป็นดาราแล้ว งั้นเอาเพิ่มไปอีกหมื่นนึงนะ”
มิตรหยิบเงินเพิ่มส่งให้ ทองดีแค้นสุดขีด
“นี่คุณ...ฉันไม่ใช่ผู้หญิงขายตัวนะ คุณ...คุณดูถูกทอง”
มิตรพูดซื่อๆ
“ดูถูก...ผมไม่ได้ดูถูกทองนะ แต่ที่ทองมาทำงานนี้ก็เพื่อเงินไม่ใช่เหรอ”
“คุณมิตร!...คุณเลวมาก”
ทองดีตบหน้าเขาอย่างแรงจนหน้าหัน มิตรหันกลับมามองหน้าเฉยชา
“ผมไม่รู้ว่าทองคิดอะไรนะ แต่ผมจะถือว่าทองเข้าใจผิดแล้วกัน”
มิตรวางเงินลงบนเตียง แล้วเดินออกจากห้องไป
“คุณมิตร...กลับมาก่อน คุณมิตร”
ทองดีมองเงินในมือแล้วขว้างไป รวมกับเงินที่วางบนเตียงแล้วรีบวิ่งตามไป มิตรเดินมาถึงรถที่จอดไว้ ทองดีวิ่งตามมาทันกระชากตัวเขาให้หันกลับมา
“คุณยังไปไม่ได้ ต้องพูดกันให้รู้เรื่องก่อน”
“พูดเรื่องอะไรอีก”
“ก็เรื่องฉันกับคุณไง ไหนคุณบอกว่าคุณชอบฉัน”
“ผมก็ชอบทองจริงๆ”
“แล้วทำไมคุณถึงคิดว่าฉันขายตัว ฉันชอบคุณจริงๆนะคะ ฉันอยากแต่งงานกับคุณ ฉันอยากเป็นเมียคุณคอยดูแลคุณ”
ทองดีจ้องหน้ามิตรนิ่ง
“ผมไม่ได้คิดไปไกลขนาดนั้น”
ทองดีหน้าเหวอ
“นี่...นี่คุณพูดจริงเหรอ”
“เชื่อผมเถอะทอง เราอยู่กันแบบนี้ดีแล้ว พอใจก็มาหากัน อย่าผูกมัดกันเลย ผมไม่ชอบ...ทองยังอยากให้มิตรภาพของเราเดินต่อไป ก็รับข้อเสนอผมเถอะนะ แล้วเราจะมีความสุขทั้งคู่”
เขาลูบไหล่เธอเป็นการปลอบ แล้วเดินขึ้นรถขับออกไปทันที ทองดีตะลึงถอยไปยืนพิงกำแพงน้ำตาไหล
ทุกคนกำลังซ้อมเต้นอยู่ในห้องซ้อมเต้น ทองดีเดินเข้ามาในห้องหน้าเศร้าหมอง ทรุดตัวลงนั่ง กอดเข่าซึม วันดีรีบสะกิดเมย์ ทุกคนหันมามองทองเป็นตาเดียว พี่ป๊อบหันไปเห็น
“อ้าว...แม่ดาวประกาย...มาสายแล้วยังเฉยอีก มาซ้อมเต้นสิยะ จะขึ้นเพลงใหม่”
วันดีรีบไปฉุดลากทองดีขึ้นมายืนในแถว
“พร้อมแล้วค่ะ...น่านะ...ซ้อมไม่นานหรอก เดี๋ยวก็พักแล้ว น้องทองประกายจ๋า”
พี่ป๊อบเริ่มนับ
“เอ้า...พร้อม...5...4...3...2...1”
ทุกคนเริ่มซ้อมเต้น แต่ทองดีเต้นแบบไร้อารมณ์มาก จนพี่ป๊อบทนไม่ไหว สั่งหยุด
“นี่...แม่ทองประกาย...วิญญาณหล่อนยังไม่เข้าร่างหรือไงยะ...ไปทำอะไรมา อารมณ์หล่อนถึงได้เหือดแห้งยังกะ แม่วันดีเข้าวัยทองแบบนั้น”
“อ้าว...ว่าแบบนี้ ปล่อยหมาทั้งฝูงกัดฉันซะดีกว่า...ฮึ” วันดีหันไปหาทองดี “เป็นอะไรไปล่ะคะ คุณน้อง ถึงได้หงอยเป็นไก่ป่วยแบบนี้”
“ฉันไม่มีอารมณ์จะเต้น วันนี้ขอหยุดวันนึงได้มั๊ย”
ทุกคนหันไปมองหน้ากันอย่างแปลกใจ พี่ป๊อบไม่พอใจ
“นี่แม่ทองประกาย พอเริ่มดังก็คิดจะแผงฤทธิ์หรือไง”
“ฉันไม่ไหวจริงๆ...ขอพักวันนึงเถอะ...”
ทองดีท่าทางทองหมดอารมณ์จริงๆ วันดีหันไปมองหน้าพี่ป๊อบเป็นเชิงขอร้อง พี่ป๊อบชักฉุน
“เออ...เจริญเถอะ...ไม่อยากเรียน ฉันก็ไม่อยากสอนเหมือนกัน ยังไงก็ได้ค่าตัวครบอยู่แล้วนี่ เลิก...เลิก หมดอารมณ์โว๊ย...”
ทองดีเดินออกจากห้องไปทันที เมย์กับวันดีหันไปมองหน้ากัน
“เดี๋ยวฉันไปดูให้เอง”
เมย์รีบเดินตามออกไป วันดีถอนใจ
“ยังไมทันไร ก็ออกลายซะแล้ว แม่ทองประกายเอ๊ย...”
ทองดีนั่งกอดหมอนน้ำตาไหลอยู่ในห้องนอน เมย์นั่งมองอย่างเห็นใจ
“ฉันคิดว่าเขาชอบฉันรักฉัน แต่เขาเห็นฉันเป็นผู้หญิงขายตัว”
“เฮ้อ...ก็ฉันเตือนเธอแล้วนี่นา อย่าไปคิดจริงจังกับคุณมิตรเลย เขาก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งเท่านั้นแหละ”
“แต่ฉันรักเขานะ รักเขามากด้วย ฉันคิดว่าเราจะได้อยู่ด้วยกันเป็นผัวเมียกัน ไม่ใช่แบบนี้”
“อะไรที่ทำให้เธอคิดไปได้ไกลขนาดนั้น”
“เขาดีกับฉัน เขาซื้อของให้ฉัน เขาให้พี่ป๊อบสอนฉัน เวลาฉันมีเรื่องไม่สบายใจเขาก็ปลอบฉัน”
“ก็น่าเห็นใจนะ คุณมิตรเขาก็ดีอย่างที่เธอว่า เพียงแต่...”
ทองดีแปลกใจ
“เพียงแต่อะไร”
“ทอง...ถ้าเธอจะรักคุณมิตรน่ะมันก็ไม่ผิดหรอก แต่เธอต้องท่องไว้อย่างนะ ถ้าเธอไม่หวังอะไรจากคุณมิตรเธอก็จะไม่ผิดหวัง”
“หมายความว่ายังไง”
“เอาเป็นว่า เธอตั้งใจทำงานเก็บเงินไว้เลี้ยงตัวตอนแก่ดีกว่า อย่าคิดเอาชีวิตไปฝากไว้กับใคร เพราะไม่มีใครที่มันจะรักเราเท่ากับตัวเรา ทำอย่างที่ฉันพูดให้ได้แล้วเธอจะมีความสุข”
ทองดีนั่งนิ่งหันหน้าหนีเมย์
“ทอง”
ทองดีสวนขึ้น
“ฉันทำไม่ได้หรอก ฉันรักเขา ฉันอยากอยู่กับเขา ฉันจะไม่ปล่อยให้ผู้ชายที่ดีที่สุดคนนี้ไปจากฉัน”
เมย์จับไหล่ปลอบ
“ขอให้เธอโชคดีสมหวังในสิ่งที่เธอต้องการนะ”
เมย์ลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป ทองดีมองตามไปอย่างเศร้าใจ ก่อนจะฟุบหน้าลงกับหมอนร้องไห้
เย็นนั้น ทองดียืนชะเง้อรอมิตรอย่างกระวนกระวาย พอเขาลงจากรถก็ยิ้มให้เฉยๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“อ้าวทอง ทำไมไม่ไปแต่งตัวอีก”
“ทองอยากคุยกับคุณ”
“มีธุระอะไรหรือ”
“เอ่อ...ทอง...ทองจะขอโทษที่ตบคุณมิตรเมื่อเช้า”
“ช่างมันเถอะ...ผมลืมไปแล้ว”
ทองดีดีใจ
“คุณมิตรไม่โกรธทองนะคะ”
มิตรยิ้มไม่พูดอะไร ทองดีคิดว่าเขาไม่ถือโทษแล้ว เธอเกาะแขนแล้วซบหน้าลงกับไหล่เขา
“งั้นเรามาเริ่มกันใหม่นะคะ ทองสัญญาว่าจะทำตัวให้ดีคุณมิตรจะได้รักทองมากๆ”
“เธอน่าจะไปเตรียมตัวทำงานได้แล้วนะ”
“คุณมิตรไปส่งทองที่ห้องแต่งตัวนะคะ”
มิตรยิ้มอีก ทองดีดีใจมากเดินเกาะแขนเข้าไปด้านในด้วยกัน
ทองดีเดินเกาะแขนเขามาในห้องแต่งตัว วันดี เมย์ ที่ช่วยแต่งตัวกันอยู่มองมาที่สองคน พี่ป๊อบรีบวิ่งมาหาทันที
“อุ๊ย...คุณมิตรมาเร็วแบบนี้ก็ดีเลยนะคะ”
“มีอะไรเหรอ”
วันดีเข้าไปบอก
“วันนี้มีคนมารอสมัครโคโยตี้ใหม่แทนจูน แต่กว่าเฮียบุ๋นจะกลับจากฮ่องกงก็อีกหลายวัน คุณมิตรจะไปดูแทนหรือเปล่าคะ”
“ได้...เดี๋ยวผมไปดูให้ ผมว่าให้เต้นจริงบนเวทีเลยแล้วกัน”
ทองดีชักไม่พอใจ
“คุณมิตรจะไปดูทำไม ให้เขารอเฮียบุ๋นมาสิ”
มิตรสวนขึ้นทันที
“ทอง...เพิ่งให้สัญญาอะไรกับผมไว้จำได้ใช่ไหม”
“จำได้...ทองจะทำตัวดี แต่คุณไม่ต้องไปดูนังพวกนั้นไม่ได้เหรอ”
มิตรปลดแขนทองดีแล้วพยักหน้ากับวันดีแล้วเดินตามกันไป ทองดีจะวิ่งตามไปแต่เมย์มาดึงแขนไว้
“ไปแต่งตัวกันเถอะ...ถ้าขึ้นเต้นช้าคุณมิตรจะไม่พอใจนะ”
ทองดีจะไม่ไปแต่เมย์ดึงแขนไว้แล้วกระซิบบอก
“คุณมิตรน่ะยิ่งตามเหมือนยิ่งหนีนะ เห็นจูนเป็นตัวอย่างมาแล้วนี่”
ทองดีคิดนิดหนึ่งแล้วเชิดหน้า
“ไม่...ฉันจะไม่แพ้เหมือนอย่างจูน”
ทองดีพูดจบก็เดินตามมิตรกับวันดีไป เมย์มองตามแล้วส่ายหน้าระอาใจ
เหล่าเด็กโคโยตี้ เต้นกันอยู่ 3-4 คน บนเวที มิตร วันดี พี่ป๊อบ ยืนดูแล้วปรึกษากัน ทองดีแอบดูอยู่ห่างๆ เมย์ที่เปลี่ยนชุดแต่งหน้าเสร็จแล้วเดินมาหา
“เป็นไงมั่ง”
“ก็ไม่มีอะไร”
“เห็นไหม เรื่องงานก็เป็นงานแหละ ไปแต่งตัวแต่งหน้าเถอะ”
ทองดีพยักหน้าจะตามเมย์ไปแต่หันไปที่เวทีอีกครั้ง เพลงจบเหล่าโคโยตี้เดินลงมาที่ มิตร วันดี พี่ป๊อบ ทองดีชะงักหยุดเมย์หยุดตาม เพราะมีคนหนึ่งยิ้มหวานให้มิตร ทองดีไม่พอใจ
“หมั่นไส้นักเชียว อีนังเสื้อแดง มันกล้าอ่อยคุณมิตร”
เมย์ถอนใจ
“แล้วเธอจะทำยังไง”
“ฉันจะไปตบมัน”
ทองดีจะเดินไป เมย์รีบยุส่ง
“ไปสิ...ตบมันเลย แต่ฉันอยากรู้ว่าหลังจากตบนังนั่นแล้ว คุณมิตรจะกลับมาหาเธอเหรอ”
ทองดีชะงักหยุดเดิน
“ฉันจะไม่เตือนเธออีกแล้วนะ ถ้าเธอจะทำอะไรก็ทำเลย แต่คืนนี้ไม่มีสมาธิเต้น ลูกค้าไม่ชอบต่อไปเฮียบุ๋นกับคุณมิตรก็คงไม่เอาเธอไว้ ถึงตอนนั้นอนาคตเธอก็จะดับวูบ คราวนี้ได้ไปขายตัวกันจริงๆล่ะ”
ทองดีรู้สึกเหนื่อยอ่อนใจมาก เมย์มองทองดีแล้วสงสารถอนใจเครียดตาม
“ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดเถอะ อย่างน้อยความเป็นดาวของเธอก็จะทำให้เฮียบุ๋นกับคุณมิตรเกรงใจ”
“ก็ได้ ฉันจะตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด เพื่อคุณมิตร”
เมย์ส่ายหน้า
“ก็ยังดีกว่าเดิมหน่อย”
สองสาวเดินไปแต่ทองดีไม่วายหันมามองมิตรกับสาวโคโยตี้ที่ยิ้มให้กัน
ค่ำนั้น...บนเวที ทองดี เมย์ และเหล่าโคโยตี้ทั้งหลายกำลังเต้นโชว์ ทองดีเต้นอย่างเต็มที่ แต่หน้าตาไม่ยิ้มแย้ม แขกแย่งกันให้ทิปจนทองดีรับแทบไม่หวาดไม่ไหว จนกระทั่งโชว์จบ
นรินทร์นั่งมองทองดีเต้นโชว์อย่างตั้งใจจนโชว์จบ เขาปรบมืออย่างพอใจ วันดีเดินผ่านเข้ามาด้านข้าง นรินทร์รีบเรียกไว้
“นี่หนูๆๆ”
วันดีหันมายิ้มหวานชื่นใจ
“อุ๊ยว่าไงคะคุณพี่ขา”
นรินทร์สะดุ้ง
“รุ่นป้าเลยเหรอ”
วันดีค้อน
“ช่วยตามคุณทองประกาย มานั่งคุยกับผมหน่อยได้มั๊ย”
“อุ๊ย...คุณขา น้องทองประกายน่ะเขาไม่นั่งดริ๊งค์ค่ะ ขอเป็นน้องคนอื่นได้ไหมคะ”
“ผมต้องซื้อดริ๊งค์เท่าไหร่”
วันดียิ้มๆ
“แฮ่ะๆ ช่วงนี้ราคาทองขึ้นเอ้าขึ้นเอา เปิดตลาดวันนี้อยู่ที่ 200 ดริ๊งค์ค่ะ”
“ตกลง” นรินทร์หยิบแบงค์พันส่งให้วันดี “ช่วยเร่งเวลาด้วยนะ ผมไม่ชอบคอยนาน”
วันดีตาโต ตีมือนรินท์เบาๆ
“แหม...ใจร้อนจริง...จริ๊ง จะไปตามให้เดี๋ยวนี้แหละค่ะ”
วันดีรีบเดินไปทันที
ทองดีกับเมย์ และเหล่าโคโยตี้เดินเข้ามา ทองดีรีบหยิบเสื้อผ้าและรื้อผมออก เมย์ยิ้มล้อๆ
“แหม...รีบจังเลยนะ”
“ไม่ได้สิ ฉันไม่อยากให้คุณมิตรรอนาน”
วันดีเดินเข้ามายิ้มหวาน
“คุณทองประกายคะ...มีแขกเชิญคุณไปพบค่ะ”
“วันนี้ฉันไม่อยากคุยกับใครทั้งนั้นแหละ ไว้วันหน้าแล้วกันนะ”
วันดีโวยวาย
“อ๊าย...ไม่ได้นะยะหล่อน เขาจ่าย 200 ดริ้งค์ แบบไม่มีเงื่อนไข น่านะ ทองประกายของเจ๊ ทำเพื่อองค์กรของเราสักหน่อยนะ”
ทองดีค้อน
“ทำเพื่อองค์กรหรือเพื่อส่วนแบ่งของเจ๊”
วันดีง้องอนสุดๆ ทองดียังนิ่งทำท่าเบื่อๆ วันดีทำมารยา
“เสร็จแน่ละฉัน มีหวังต้องโดนไล่ออก ตกงานตอนวัยทองแน่ๆถ้าทองไม่ยอมออกไป แขกต้องไปฟ้องเฮีย...คราวนี้ เจ๊ต้องออกไปขุดดินกินหญ้าตามนังจูนอีกคน...กระซิก...กระซิก”
วันดีทำท่าเศร้าอย่างเว่อร์ๆ หันไปขยิบหูขยิบตาให้เมย์ เมย์ถอนหายใจอย่างหนักใจ
“ทอง...ถือว่าช่วยเจ๊แกหน่อยเถอะ...ออกไปก็ได้เงินนะ มีเงินไว้น่ะ ดีกว่าไม่มีนะทอง”
ทองดีลุกขึ้นแต่ยังหน้างอๆอยู่ วันดีน้ำตาแห้งทันที รีบประคองหน้าประคองหลังออกไปทันที เมย์มองตามถอนหายใจยาว อย่างอึดอัด
ทองดียกมือไหว้อย่างมีมารยาท นรินทร์เห็นก็ยิ้มรับไหว้อย่างพอใจ
“มารยาทดีสมกับเป็นดาวของที่นี่”
“คุณจะดื่มอะไรดีคะ เดี๋ยวดิฉันสั่งให้”
“ไม่หรอกครับ ผมอยากคุยกับคุณมากกว่า”
นรินทร์จ้องจนทองดีอึดอัดแต่พยายามฝืนยิ้ม แล้วหันไปเห็นมิตรที่ยืนคุยกับลูกค้าก็มองนิ่ง
“คุณทองประกายครับ...”
ทองดียังนิ่ง นรินทร์เลยเรียกเสียงดังขึ้น
“คุณทองประกายครับ”
ทองดีสะดุ้ง
“อะไรนะคะ ขอโทษค่ะ คุณว่าอะไรนะคะ”
นรินทร์ยื่นนามบัตรให้
“ผมชื่อนรินทร์ เป็นหุ้นส่วนใหญ่ของผับที่จะเปิดใหม่น่าจะไปได้ดีกว่าที่นี่ ผมอยากได้คุณไปร่วมงานด้วย ถ้าคุณสนใจ”
“ขอบคุณมากนะคะ...ฉันคงไม่ไปหรอกค่ะ”
ทองดีรับนามบัตรไว้แล้วก็หันไปมองทางมิตร นรินทร์มองตามก็รู้ทันที
“คุณคงไม่ใช่แฟนของน้องชายเฮียบุ๋นนะครับ”
ทองดียิ้ม
“เผอิญใช่ค่ะ...ต้องขอโทษด้วยนะคะ”
ทองดีส่งนามบัตรคืน นรินทร์ไม่ยอมรับคืน
“ถ้าคุณไป...ผมจ่ายมากกว่าที่นี่ 2 เท่าทุกอย่าง”
ทองดีนิ่งอึ้ง นรินทร์ลุกขึ้นหันไปมองทางมิตร แล้วยิ้ม
“ถ้าคุณสนใจ ก็เชิญนะครับ ผมยินดีต้อนรับเสมอ แล้วอีกอย่าง ความรักกินไม่ได้หรอกครับ”
นรินทร์ยิ้มแล้วเดินออกไป ทองดีมองนามบัตรอย่างครุ่นคิดแล้วหันกลับไปมองมิตร
ทองดีเดินกลับเข้ามาในห้องแต่งตัวพร้อมนามบัตรในมือแล้วลงนั่งครุ่นคิด วันดีเดินหน้าตื่นเข้ามา พอเห็นวันดีทองดีรีบซ่อนนามบัตรไว้ด้านหลัง
“นี่...ทำไมมันเร็วอย่างนี้ล่ะ แล้วแขกไปไหน Oh…No! เธอคงไม่ไล่แขกฉันไปนะ ตายแล้วฉันจะได้ส่วนแบ่งไหมเนี่ย”
“เป็นไรมากป่ะเนี่ย ไม่ต้องห่วงหรอก เขาจ่ายเงินครบ”
วันดีงง
“จริงเหรอ...อะไรวะ ทำไมถึงได้มาไว เคลมไวแบบนี้ล่ะ”
“ไม่ได้เงินก็บ่น ได้เงินก็สงสัย เยอะไปไหมเนี่ยเจ๊”
วันดีเข้ามาลูบเนื้อตัวทองดีด้วยความเอ็นดู
“แหม...ก็แค่สงสัยน่า”
“แล้วเห็นพี่เมย์หรือเปล่า ฉันมีเรื่องจะปรึกษา”
“เห็นแว๊บๆ เมื่อกี้ยังคุยโทรศัพท์อยู่นี่ มีเรื่องอะไร ปรึกษาเจ๊ก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไรดีกว่า แล้วเอ่อ...เจ๊เห็นคุณมิตรหรือเปล่า”
“ไม่เห็น...เหมือนกัน”
“ไม่ใช่กลับไปแล้วล่ะ”
ทองดีรีบหยิบโทรศัพท์แล้ววิ่งออกไป วันดีมองตามแล้วงง
“อะไรของหล่อนยะ แม่ตัวเงินตัวทอง”
ทองดีรีบวิ่งมาที่จอดรถ เห็นรถมิตรจอดอยู่
“รถยังอยู่...”
ทองดีหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหา เสียงโทรศัพท์บอกว่าไม่สามารถติดต่อได้ เธอปิดโทรศัพท์อย่างหงุดหงิด
“ปิดโทรศัพท์ทำไมเนี่ย”
ทองดีเดินตามหามิตรในส่วนต่างๆทั้ง ในห้องทำงาน ในส่วนของคลับก็ไม่มีแต่พอเดินกลับมาที่ลานจอดรถ รถหายไปหมดเหลือแต่รถมิตรคันเดียว ทองดีเดินวนไปวนมา โทรศัพท์อีกแต่เขาก็ไม่เปิดเครื่องเหมือนเดิน ทองชักหงุดหงิด
“คุณมิตร...คุณอยู่ที่ไหนเนี่ย”
ทองดีเดินหน้าเศร้าลากเท้ามาที่หน้าห้องตัวเองจะไขประตูแล้วเปลี่ยนใจ เดินไปหาเมย์ที่หน้าห้อง แล้วเคาะประตู
“พี่เมย์...พี่เมย์ เปิดประตูหน่อย นี่ฉันเอง”
ทองดียืนเรียก สักครู่เมย์เปิดประตูแล้วยื่นหน้าออกมา
“ดึกดื่นป่านนี้มีอะไร ไปนอนได้แล้ว”
“พี่จะนอนแล้วเหรอ”
“พี่ไม่ค่อยสบายน่ะ”
“ฉันนอนไม่หลับน่ะ แล้วก็มีเรื่องจะปรึกษาพี่ด้วย ให้ฉันเข้าไปในห้องได้มั๊ย”
เมย์อึดอัดใจมาก
“ไม่ได้หรอก...ฉัน...ไม่สะดวก”
เมย์หันไปมองในห้อง ทองดีนึกว่าเฮียบุ๋นอยู่ข้างในห้องก็หน้าจ๋อยๆไป
“ไม่เป็นไรพี่ ขอโทษนะ ฉันไปละ”
เมย์ปิดประตูห้องทันที ทองดีมองหน้าประตูอย่างเศร้าๆ
“เฮียบุ๋นนะเฮียบุ๋น เวลางานละไม่มา ดันต้องมาหาพี่เมย์ตอนนี้ด้วย”
ทองดีถอยหลังออกมา 2-3 ก้าว แล้วทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้นั่งเล่นใกล้ๆดูวิวคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
เมย์หันหลังพิงประตูเหมือนรู้สึกผิดเล็กน้อยแต่แล้วก็กลับเป็นปกติ เดินกลับมาที่เตียง ซึ่งมิตรนอนหันหลังให้อยู่ มิตรพลิกตัวกลับมาหา
“ไปแล้วหรือ”
“ค่ะ...คงกลับไปนอนแล้ว”
เมย์ขึ้นไปบนเตียง มิตรดึงเข้าไปกอด
“น่าสงสารทองนะ...นี่คุณมิตรคิดจะจริงจังกับทองบ้างมั๊ยคะ”
มิตรยักไหล่
“เมย์พูดเหมือนไม่รู้จักผม...หรือว่า เมย์ไม่รักผมแล้ว”
“อย่าถามเมย์แบบนั้นเลย คุณมิตรน่ะ รักใครเป็นบ้าง”
มิตรหัวเราะ
“ถึงผมจะยังไม่รักใคร แต่บอกได้เลยว่าอยู่กับเมย์เนี่ยผมสบายใจที่สุด”
“แต่ทองชอบคุณมากนะ คุณน่าจะชอบเขา”
“เขาก็น่ารักดีนะ แต่ผมไม่คิดอะไรและคงจะไม่คิดด้วย”
“แต่ทองเขาคิดว่า...”
มิตรกลบเกลื่อน
“ว๊า...คุยเรื่องนี้ไม่สนุกเลย ผมชักหิวแล้วสิ เมื่อกี้ออกแรงเยอะ ไปหาอะไรกินกันหน่อยดีกว่า”
เมย์เขิน มิตรดึงมากอด
“ดึกป่านนี้ไม่กินแล้วค่ะ เดี๋ยวอ้วนเป็นหมู”
“ไม่เป็นไร ไม่กินก็ไปนั่งเป็นเพื่อนผมหน่อยนะ”
อ่านต่อหน้า 2
ทองประกายแสด ตอนที่ 7 (ต่อ)
ทองดีนั่งอยู่ที่เก้าอี้ใกล้ห้องเมย์ เธอนั่งกดโทรศัพท์เล่นด้วยความเซ็งแล้วเริ่มหาวนอน ลุกขึ้นจะเดินเข้าห้อง แล้วได้ยินเสียงประตูห้องเมย์เปิดออกมา ทองดีหันหลังกลับไปทันทีเธอจะเดินไปแต่จังหวะเดียวกันนั้น มิตรเดินกอดคอเมย์ออกมา ทั้งสามเจอกันก็ชะงักทันที ทองดีตวาดลั่น
“นี่มันอะไรกันเนี่ย”
“ทอง”
เมย์หน้าเจื่อนทันที มิตรหน้าเฉยเมย ทองดีโกรธจัดเดินไปกระชากเมย์มาตบ
“อีเพื่อนสารเลว เสียแรงกูไว้ใจมึง...มึงกลับมาแย่งผัวกู”
“ทอง...ฉันขอโทษ”
ทองดีไม่ฟังตบซ้ำ เมย์ไม่สู้ได้แต่ร้อง ทองดีร้องกรี๊ดไปตบไป มิตรช่วยลากดึงพัลวัน วันดีที่พอกหน้าไม่เสร็จกับเหล่าโคโยตี้ในชุดนอนก็วิ่งกรูกันออกมาดู
“ซวยแล้วไหมล่ะ รถไฟฟ้าชนกัน”
ทองดียังดึงจะเข้าตบเมย์จนมิตรคว้ามือไว้
“ทอง...หยุดก่อน”
“ไม่หยุด วันนี้กูจะตบอีเพื่อนตอแหลให้มันตายคามือ”
ทองดีดิ้นจะตบโวยวายทั้งทุบทั้งตีมิตร
“คุณก็เหมือนกัน...คุณมิตร...คุณมิตรทำอย่างนี้กับทองได้ยังไง ฉันเป็นเมียคุณนะ ทำไมคุณไปเอามัน”
มิตรจับมือทองดีแล้วกอดไว้แน่น ทองดีร้องไห้ เมย์ก็ร้องไห้ ทองดีเอาแต่ร้องกรี๊ดๆๆ
“ทอง...ฟังนะ ไม่มีใครเป็นเมียฉันทั้งนั้น เราทุกคนเป็นเพื่อนกัน”
ทองดีชะงักหยุดดิ้น
“อะไรนะ เพื่อนเหรอ”
“ฉันไม่ชอบผูกมัดกับใคร ความสัมพันธ์แบบนี้มันก็ดีอยู่ ถ้าเธอไม่คิดว่าจะเป็นเจ้าของฉัน เราสามคนก็จะมีความสุข ฉันรู้สึกดีกับเธอนะทองประกาย แต่ฉันไม่อยากเป็นมากกว่าเพื่อนกับใครทั้งนั้น”
“ไม่...ฉันรับไม่ได้ ฉันรักคุณฉันจะเป็นเมียคุณคนเดียว”
“ฉันอยากให้เธอเข้าใจฉันนะ เพราะถ้าเธอไม่เข้าใจเราก็คงต้องยุติความสัมพันธ์”
มิตรปล่อย ทองดีร้องไห้ แต่มิตรเดินไปพยุงเมย์ ทองดีโกรธจัด
“มึง...อีเพื่อนทรยศ”
มิตรกับเมย์พากันเดินไป ทองดีตามไปดึงแขนมิตร
“คุณมิตร...อย่าทิ้งฉัน”
“ทอง...เราเป็นได้แค่เพื่อนร่วมกัน เธอกับฉันไปด้วยไม่ได้หรอก ฉันเสียใจ”
ทองดีทรุดตัวร้องไห้ วันดีสงสารลงนั่งลูบหัวเห็นใจ มิตรจะพาเมย์ไปแต่เมย์ชะงักไม่อยากไป
“ไปก่อนเถอะ ไว้อารมณ์ดีๆค่อยมาคุยกัน”
มิตรกับเมย์จะไปแต่ทองดีประกาศก้องขึ้นมา
“ฉันขอลาออก”
ทองดีจ้องหน้ามิตรกับเมย์ด้วยความแค้นใจ มิตร เมย์ วันดีตกใจกับสิ่งที่ทองดีประกาศ
ทองดีนั่งนิ่งร้องไห้ด้วยความแค้น มิตรเคาะประตูเข้ามา ทองดีชะงักมอง
“จะไปจริงๆเหรอ”
“ฉันไม่ชอบใช้ผัวร่วมกับใคร”
“เธอน่าจะคิดดูให้ดีนะ ที่นี่มีทั้งเงินและโอกาสให้เธอมากมาย ถ้าเธออยากได้อะไรเพิ่มฉันจะบอกเฮียให้เอาไหม”
“ฉันอยากเป็นเมียคุณคนเดียว คุณทำให้ฉันได้ไหม”
มิตรอึ้ง
“ทอง...เรากำลังคุยเรื่องธุรกิจนะ”
“ใช่...ฉันรู้แล้วว่าคนอย่างคุณมันไม่รักใคร เพราะคุณกับพี่คุณมันก็ไอ้หน้าเงิน”
“ฉันยอมรับ แล้วเธอล่ะทำไมไม่ยอมรับบ้างว่าก็ต้องการเงิน ฉันว่าเธออย่าทำอะไรให้มันยุ่งยากไปกว่านี้เลยนะ”
“ไม่หรอกคุณมิตร คุณไม่ต้องกลัว เชิญคุณเสวยสุขกับผู้หญิงของคุณเถอะ ฉันขอไม่เจอคุณอีก”
“ทอง...เธอแน่ใจเหรอที่พูดออกมา”
“แน่สิ เพราะให้ฉันอยู่กับผู้ชายหมาๆอย่างคุณ ฉันขอไปตายดีกว่า”
มิตรมองทองประกายแล้วถอนใจเครียด
“ถ้างั้นฉันก็ขอให้เธอโชคดีนะ”
มิตรเดินออกไป ทองประกายมองตามแล้วทรุดตัวนั่งร้องไห้
วันใหม่...ทองดีเดินถือกระเป๋าเสื้อผ้าเดินออกมาที่หน้าผับ คนงานกำลังปลดป้ายรูปของทองดีลงมาวางที่พื้น คนงานเดินย่ำไปมาเป็นลอยเลอะเทอะ ทองดีชะงัก
“เออ...กูจะจำไว้...พวกมึงทำเหมือนกูเป็นสิ่งของ ทำเหมือนกูไม่ใช่คน ฝากไว้ก่อนเถอะ”
ทองดีเชิดหน้าเดินออกไปอย่างเจ็บช้ำ เมย์ยืนมองอย่างเศร้าใจ
“ขอโทษนะทอง โลกมันก็โหดร้ายแบบนี้แหละ”
นรินทร์นั่งคุยกับทองดีในห้องทำงาน
“รู้ไหม ผมทั้งดีใจและเป็นเกียรติมากนะ ที่ได้คุณทองประกายมาร่วมงานกับเรา...รับรองผมจะปั้นให้คุณดังกว่าที่เก่าอีก”
“แต่ฉันอยากร้องเพลงมากกว่า ฉันขอเป็นนักร้องได้ไหมคะ”
“ทำไมล่ะแขกเขาอยากดูคุณเต้นมากกว่าร้องเพลง จะไปร้องทำไม”
“ฉันอยากได้เงินเยอะๆค่ะ”
“ทำไมล่ะ เงินเดือนกับค่ารอบที่ผมให้มันก็มากกว่าที่เก่าทั้งสองเท่านะ”
“ฉันขอสามเท่า คุณนรินทร์ดูใจดีคงให้ฉันนะคะ นะๆๆๆ”
นรินทร์นิ่งคิดแล้วยิ้ม
“ได้...ถ้าคุณทำให้ที่นี่ดัง ผมอาจจะให้คุณมากกว่าที่ขอ”
ทองดียิ้มพอใจ
ทองดีเดินเข้ามาในห้องพักสุดหรู นรินทร์เดินตามเข้ามา ทองดีตื่นเต้นเพราหรูกว่าที่เคยพักมาตลอดชีวิต เธอเดินไปนั่งที่ชุดรับแขกแล้วยิ้ม นรินทร์ทรุดตัวลงนั่งตาม แล้วเอามือโอบไหล่ของเธอ
“นี่เป็นห้องพักส่วนตัวของผม เวลาที่ผมไม่กลับบ้าน คุณจะพักที่ห้องนี้ก็ได้ แต่มีเงื่อนไขเล็กน้อย”
ทองดีชะงัก เริ่มรู้ว่านรินทร์ต้องการอะไร
“บอกไว้ก่อนนะ ฉันไม่ขายตัว และไม่เป็นเมียน้อยของใครทั้งนั้น”
“แหม...ตีค่าตัวเองน้อยไปหรือเปล่า สวยๆอย่างคุณน่ะมีค่ามากกว่านั้น”
นรินทร์จะโน้มตัวมาหอมแต่ทองดีผลักหน้าออกอย่างไม่เกรงใจ
“นี่คุณนรินทร์ อย่าเห็นว่าฉันพูดเพราะกับคุณแล้วฉันจะง่ายนะ ฉันมาทำงานอย่างเดียวเท่านั้น”
นรินทร์ชะงัก อารมณ์เสียดึงมือกลับทันที
“งั้นก็พักที่นี่ไม่ได้ ต้องไปพักหอรวม เลือกเอาแล้วกัน”
นรินทร์กับทองดีจ้องตากัน
นรินทร์เดินนำหน้าทองดีมาอย่างหงุดหงิด ไปถึงห้องๆหนึ่ง นรินทร์เคาะประตูอย่างแรง วิไลเยี่ยมหน้าออกมาหน้าโทรมๆ
“วิไล...อ้อยเก็บของไปหรือยัง”
“ไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วค่ะ คุณนรินทร์”
“ดีแล้ว” นรินทร์หันไปบอกทองดี
“งั้นเธออยู่ห้องนี้ นี่วิไล เด็กนั่งดริ้งค์ นี่ทองประกายโคโยตี้คนใหม่ รู้จักกันซะ”
ทองดีไม่พอใจ
“ไม่เอานะ ฉันไม่อยู่กับพวกนั่งดริ้งค์ ไม่เอา”
“ถ้าไม่อยู่ที่นี่ ก็ต้องไปหาห้องเช่าเอาเอง”
นรินทร์พูดจบก็เดินออกไป ทิ้งให้ทองดีมองหน้าวิไลอย่างไม่แน่ใจ
วิไลเดินพาทองดีเข้ามาในห้อง ทองดีเข้ามามองรอบๆตัวอย่างไม่ค่อยพอใจ สภาพแย่กว่าห้องที่เคยอยู่ไม่มีแอร์
“ตามสบายเลยนะ โน่นเตียงของเธอ คงต้องหาผ้าปูที่นอนมาเปลี่ยนใหม่เอง ของเก่าฉันเก็บใส่ถุง ทิ้งขยะไปหมดแล้ว”
ทองดีแปลกใจ
“อ้าว...ทิ้งทำไมล่ะ เจ้าของเก่าเขาไม่เอาไปด้วยหรือ”
“อ้อยน่ะหรือ คงไม่ได้ใช้หรอก มันไปพระบาทน้ำพุ ของพวกนี้คงใช้ไม่ได้หรอก”
ทองดีงงๆ
“ไปทำไม พระบาทน้ำพุ”
วิไลมองทองดีอย่างแปลกใจ
“เธอไม่รู้หรอกหรือ อ้อยมันโดนไล่ออก เพราะเป็นเอดส์ เลยไปรักษาตัวที่นั่น”
ทองดีอึ้ง มองรอบตัวอย่างรังเกียจ
“อะไรนะ เป็นเอดส์หรือ ว๊าย ไม่ไหวมั๊งเนี่ย จะติดฉันมั้ยเนี่ย”
วิไลงง
“ไม่ติดหรอก เอดส์มันติดต่อกันเพราะเรื่องอย่างว่า ไม่ต้องกลัวหรอก” วิไลมองทองดีอย่างชื่นชม “แหม...เธอสวยจริงๆนะ หุ่นก็ดี...ดี้ เออ...เป็นโคโยตี้ สนุกมั้ย”
ทองดีเชิด
“ก็ดี...นี่เธอ แน่ใจนะว่าทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว”
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกจ๊ะ...ฉันเช็คตั้งหลายรอบแล้ว เออ...เอากระเป๋ามาสิ ฉันจะช่วยจัดเสื้อผ้าให้”
ทองดีรีบกอดกระเป๋าไว้แนบตัว มองรอบๆตัวอย่างรังเกียจ
“ไม่ต้อง ฉันทำเองได้”
วิไลหน้าเจื่อนไป
“ถ้าจะให้ช่วยอะไรก็บอกนะ ตามสบายเลย”
วิไลมองทองดีอย่างไม่เข้าใจ เลี่ยงไปอีกทาง นั่งลงมองทองดีอย่างสนใจ
เย็นนั้น...วิไลเดินพาทองดี ไปตรงที่เด็กนั่งดริ้งค์ทั้งหลายนั่งตั้งวงกินส้มตำกันอยู่ วิไลแนะนำทองดีอย่างภูมิใจมาก
“พวกเรา นี่โคโยตี้คนใหม่ ทองประกาย” วิไลหันมาหาทองดี “นั่น แก้ว...อี๊ด...คำหล้า...”
ทุกคนยิ้มต้อนรับ แต่ทองดีทำท่าเชิดๆ ทุกคนเลยเบ้ปาก แก้วหมั่นไส้
“แหม...นังวิไล ท่าทางเพื่อนแกจะหยิ่งไม่ใช่เล่นนะ นังวิไล”
วิไลรีบแย้ง
“เฮ้ย...ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก เขามาใหม่ คงยังเขินอยู่”
ทองดีเบ้ปาก
“แถวนี้ไม่มีอย่างอื่นกินหรือ ฉันไม่อยากกินส้มตำเลย เหม็นปลาร้าติดปาก”
วิไลหน้าเสีย เหล่าเด็กนั่งดริ้งค์เริ่มไม่พอใจ อี๊ดส่งเสียงแดกดัน
“กลัวเหม็นปลาร้า แหม...ผู้ดีตีนแดงจริงนะมึง ก็ไม่พ้น กระหรี่เหมือนกันละว๊า ทำเป็นอัพเกรด หมั่นไส้”
ทองดีโกรธ
“นี่แกว่าใคร”
แก้วลอยหน้าลอยตาพูด
“ใครอยากได้ก็รับไป”
ทองดีปรี่เข้าไปหาแก้ว จะเอาเรื่อง วิไลรีบห้าม
“อย่ามีเรื่องกันเลยน่า ทองเขาไม่ได้หมายความแบบนั้นหรอก ขอร้องนะ...งั้นฉันพาเธอไปกินข้าวแกงแล้วกัน”
วิไลรีบดึงมือทองดีออกไป เหล่าเด็กดริ้งค์มองตามไปอย่างหมั่นไส้
วิไลพาทองเดินแยกออกมา พอพ้น ทองดีสะบัดมือวิไลอย่างรำคาญ วิไลงง
“ไม่ต้องมาทำดีกับฉันเลย เธอหวังอะไรจากฉันกันแน่”
“เธอพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง”
“ไม่รู้ล่ะ ไอ้ที่เธอพยายามทำดีกับฉัน อย่ามาตอแหลซะให้ยากเลย ฉันรู้นะ เธอต้องหวังอะไรจากฉันแน่นอน”
วิไลจ้องหน้านิ่งแล้วส่ายหน้าอย่างน้อยใจ
“ไม่อยากเชื่อเลย เธอจะคิดแบบนั้น ฉันแค่อยากเป็นเพื่อนกับเธอ ถามหน่อยเถอะ ชีวิตผู้หญิงกลางคืนอย่างเรานี่ ยังเลวร้ายไม่พออีกหรือ ทำไมฉันจะต้องมาใส่ร้าย ตอแหลกับเธออีก...แค่นี้ ฉันก็รู้สึกแย่พอแล้ว”
ทองดีได้คิดเสียงอ่อนลง
“เอ่อ...เธอ อยากเป็นเพื่อนกับฉันจริงๆน่ะหรือ”
“แล้วแต่เธอจะคิดแล้วกัน ถ้าเชื่อเมื่อไหร่ ค่อยมาคุยกันก็ได้”
วิไลหันหน้าเดินหนีทองอย่างเซ็งๆ ทองดีมองตามวิไลไปอย่างรู้สึกผิด
“ใครจะไปรู้...ไม่รู้ละ ฉันต้องระวังไว้ก่อน จะไม่ยอมเจ็บซ้ำซากอีกแล้ว”
ทันใดนั้นเสียงจูนก็ดังขึ้น
“เช๊อะ...เจ็บเป็นกับเขาเหรออีหน้าด้าน”
ทองดีกับวิไลหันไปตามเสียง ทองดีตกใจที่เห็นจูนยืนจ้องหน้าเอาเรื่องอยู่
“จูน ทำไมไปว่าทองเขาล่ะ ยังไม่รู้จักกันสักหน่อย”
ทองดีหันไปบอกวิไล
“เรารู้จักกันแล้ว” ทองดีหันมาหาจูน “จะคุยกันไหม”
จูนกับทองดีมองหน้ากัน
ทองดีกับจูนนั่งคุยกันอยู่ที่มุมหนึ่งในผับนรินทร์
“ฟังเรื่องแกแล้วก็อยากจะสมน้ำหน้านะ แต่ด่าแกก็เหมือนด่าฉัน”
“ฉันไม่คิดว่าเลยว่าอีเมย์มันจะหักหลังได้”
“โทษคนอื่นไม่ได้หรอก ต้องโทษตัวพวกเรากันเอง”
ทองดีแปลกใจ
“อะไร นี่เธอไม่แค้นมันเหรอ มันแย่งผัวพวกเรานะ”
“ตอนที่ฉันออกจากที่นั่น ฉันก็โกรธแก ส่วนเมย์น่ะฉันโกรธตั้งแต่แรกที่รู้แล้ว แต่ก็ถือว่ามันมาก่อนเลยยอมให้ แต่คุณมิตรก็ไม่หยุด ยังมามีแกอีก ลองคิดดูดีๆสิว่าควรโกรธใคร”
ทองดีนั่งนิ่งคิด
“คุณมิตรเป็นเหมือนชายในฝันของฉันเลย”
จูนทำหน้าเซ็งๆ
“โอ๊ย...เขาก็ไม่ได้เลวเกวนะ แต่พวกเราไปหวังกับเขามากเองต่างหาก”
“พูดแบบนี้ก็คือพวกเราควรจะโกรธตัวเองน่ะสิ”
จูนหัวเราะ
“จำไว้นะนังทองประกายคนสวย หัวใจมันก็เหมือนกับเงินในกระเป๋าของเรา ถ้าเราไม่ให้ใครมันก็มาเอาไปไม่ได้ แล้วเงินถ้าไม่ให้เขาเราก็ไม่จน หัวใจถ้าไม่ให้เขาเราก็ไม่เจ็บ”
ทองดีมองจูนอย่างสำรวจจนจูนงง สักพักทองดีก็หัวเราะขำ
“นี่...ฟังฉันเทศน์เสร็จแกบ้าไปแล้วเหรอ”
“เปล่าฉันแค่นึกว่า เราสองคนต้องขอบคุณ ไอ้คุณมิตรมันไหม ที่ทำให้เราได้เป็นเพื่อนกัน”
“แหม...พูดก่อนเลยนะ ฉันเคยแอบคิดเหมือนกันว่าจริงๆก็อยากเป็นเพื่อนกับคนสวยๆอย่างแก”
“ตอนนี้ชักคิดถึงอีพี่เมย์แล้วสิ”
“ถ้าไม่ตายคงได้เจอกันละวะ”
สองสาวหัวเราะสนุกกัน
ค่ำนั้น...บนเวที ทองดีกับจูน เต้นโชว์อย่างสวยงามจนจบเพลง แขกเรียกทองดีเดินไปรับทิปวุ่นวาย ทองดีปลื้มหันไปยิ้มกับเพื่อน จูนแอบยกนิ้วให้ นรินทร์ยืนรอทองดีอยู่หลังเวที พอเธอกลับเข้ามา เขารีบเดินเข้าไปหา
“เห็นหรือเปล่า แขกตามเธอมาจากร้านโน้นเพียบเลย”
ทองดีงง
“เขารู้ได้ยังไงล่ะ ฉันเพิ่งลาออกเมื่อวานนี้เอง ไม่ได้บอกใครซักคน”
นรินทร์หัวเราะขำ
“ฉันสั่งให้พีอาร์ โปรโมทข่าวเธอในเฟซบุค พวกนั้นก็ตามมาดู เพราะอยากรู้ว่า ทองประกายตัวจริงน่ะสวยแค่ไหน”
“อย่างนี้ คุณต้องทิปฉันเป็นพิเศษแล้วล่ะ”
“แหม...ทั้งสวยทั้งเขี้ยวเชียวนะเรา เอาไว้ให้ครบเดือนก่อน ฉันมีรางวัลให้แน่นอน”
ทองดียิ้มอย่างพอใจ พอนึกถึงมิตรก็แค้นๆรำพึงออกมาเบาๆ
“คอยดู ฉันจะทำให้คุณมิตร เสียดายฉันให้ได้”
ทองดีมุ่งมั่นมาก
วิไลกำลังจัดที่นอนให้จนเรียบร้อย ทองดีเดินออกมาจากห้องน้ำ วิไลเลี่ยงไปหยิบเสื้อผ้าของตัวเองเดินเข้าห้องน้ำไป ทองดีมองที่นอนตัวเองแล้วรู้สึกผิดเล็กน้อยที่ไม่กล้าเรียกวิไล ได้แต่เดินไปนั่งที่ตัวเองค่อยๆหยิบเงินทิปที่ได้รับวันนี้ออกมานับเงียบๆ
“เฮ้อ...ค่อยคุ้มค่าเหนื่อยหน่อย เห็นเงินแล้วมันชื่นใจแบบนี้เอง”
ทองดีลุกขึ้นหาที่เก็บ แล้วตัดสินใจยัดไว้ในกระเป๋าใต้ตู้ของตัวเอง
“เอาไว้อย่างนี้ก่อนแล้วกัน มีโอกาสต้องเอาไปฝากธนาคาร”
ทองดีล้มตัวลงนอนเงียบๆ วิไลเดินออกจากห้องน้ำ แต่งตัวจนเรียบร้อย ก็ปิดไฟนอน ทองดี นอนกระสับกระส่ายเพราะอากาศร้อน
“โอ๊ย...ร้อนจริงโว๊ย...จะนอนได้ยังไงเนี่ย”
วิไลถอนหายใจนิดนึง แล้วลุกขึ้นมาหันพัดลมของตัวเองที่ส่ายไปทั่วห้องไปพัดให้ทองดีคนเดียว ส่วนตัวเองก็ล้มตัวลงนอนต่อ ทองดีมองเพื่อนร่วมห้องอย่างนึกเกรงใจ แต่ไม่ยอมเอ่ยปากขอบใจ
“ไว้ฉันหาที่พักได้ดีกว่านี้ ฉันจะไม่รบกวนเธอหรอกนะ”
วิไลเงียบไม่มีคำตอบ ทองดีนอนกระสับกระส่ายอีกพักก็หลับไป
ในคลับเฮียบุ๋นมีลูกค้านั่งอยู่บางตา มิตรยืนมองอย่างเครียดๆ
“ลูกค้ามันหายไปไหนกันหมดวะ...”
วันดีเดินเข้ามาหา
“คุณมิตรคะ...เฮียบุ๋นโทรมาจากฮ่องกง แกรู้แล้วว่าทองประกายออกไป”
“เจ๊บอกเหรอ”
“เปล่าค่ะ เฮียบอกรู้จากเพื่อนเฮีย จะโทรหาคุณมิตรก็ปิดเครื่อง”
“ไว้ฉันจะโทรกลับไปเอง”
“ไม่ต้องค่ะ เฮียบอกว่าถ้ากลับมายังไม่เห็นทองประกาย คุณมิตรไม่ต้องมาให้เห็นหน้าอีก แล้วถอนหุ้นไปเลย เฮียยังบอกอีกว่า กูทำของกูดีๆไอ้เวรนี่มาทำฉิบหายหมด คอยดูนะกูกลับไป...”
วันดียังพูดไม่จบมิตรตวาดลั่น
“พอแล้ว...ไม่ต้องละเอียดมากก็ได้ เรื่องนี้ฉันจัดการเอง”
มิตรลำบากใจ
วันใหม่...มิตรขับรถเข้ามาจอดหน้าคลับของนรินทร์ เขาลงจากรถมายืนตามด้วย วันดีและเมย์ วันดีรีบบอก
“คุณมิตร เข้าไปง้อแม่ทองเลยนะคะ พูดกับเธอดีๆหน่อยนะ”
มิตรรำคาญ
“ทำไมต้องฉันด้วย เพราะเจ๊นั่นแหละ เป็นคนพาทองไปหาไอ้ นรินทร์ เลยโดนคาบไปซะ”
“อ้าว...อย่ามาโทษอย่างนั้นสิคะ ตั้ง 200 ดริ้งค์นะ ถ้าปฎิเสธ รายได้ไม่เข้าก็จะมาว่าวันดีอีก แล้วอีกอย่าง ทองคงไม่ได้โกรธเจ๊ซักเท่าไหร่หรอก เรื่องบาดตาบาดใจมากกว่ามั๊ง...”
วันดีพูดจบก็ปรายตามองมิตรกับเมย์ มิตรโมโห
“พูดเรื่องนั้นทำไม ไม่เห็นเข้าเรื่องเลย”
มิตรกับวันดีทำท่าจะเถียงกัน เมย์รีบห้าม
“เอาน่า...อย่ามัวแต่ทะเลาะกันเลย คุณมิตร โทรหาทองหน่อยดีกว่านะคะจะได้คุยกันให้รู้เรื่อง”
มิตรทำฮึดฮัดแต่ก็กดโทรศัพท์หาทองดี แต่โดยดีแต่พอมีสัญญาณก็ถูดกดตัดสาย มิตรหงุดหงิด
“ตัดสายอีกแล้ว”
ทองดีนั่งอยู่บนรถแท็กซี่มองโทรศัพท์ในมือแล้วกดปิดเครื่องไปเลย
“ท่องเอาไว้ หัวใจก็เหมือนเงิน ถ้าไม่ให้ใครก็เอาไปไม่ได้”
แท็กซี่วิ่งมาถึงหน้าคลับของนรินทร์พอดี
“จอดตรงนี้เลยจ๊ะ”
มิตรมองโทรศัพท์อย่างหงุดหงิด เมย์ถอนใจ
“ยังไงเราก็ต้องรอจนกว่าจะเจอตัวเขา ไม่งั้นเฮียบุ๋นเอาตาย”
มิตรฮึดฮัดแต่ไม่พูดอะไร ทุกคนยืนรออย่างเบื่อหน่าย รถแท็กซี่วิ่งเข้ามาจอด ทองดีเดินลงจากรถมาพอเห็นทั้งสามคนก็ชะงักไป
“มาทำไม...”
สายตาของทุกคนเห็นทองดีดูสวยสง่ากว่าเดิม วันดีตาลุกโชน
“ต๊าย...ตายแล้ว คุณทองประกาย ประกายเจิดมาก”
เมย์เข้าไปหา
“ทอง...ฉันมาตามเธอ กลับไปอยู่ด้วยกัน เฮียบุ๋นเขาอยากให้เธอกลับไปอยู่ด้วย”
ทองดียืนนิ่ง เมย์กับวันดีสะกิดมิตร
“ทอง...คือฉันขอโทษกับเรื่องทั้งหมด”
“ฉันขอคุยกับพี่เมย์คนเดียว”
มิตร วันดี เมย์ ยิ้มอย่างมีความหวัง
เมย์กับทองดีเดินห่างออกไปคุยกันสองคน มิตรกับวันดีคอยอย่างกระวนกระวายใจ
“เมย์จะคุยสำเร็จไหมอ่ะ”
“จะรู้ไหมคะยืนอยู่ด้วยกัน”
ทองดีกับเมย์ยืนคุยกันตามลำพัง...
“ฉันขอโทษจริงๆนะทอง ฉันไม่ได้อยากทำร้ายเธอ”
ทองดีถอนใจ
“ช่างมันเถอะ จูนสอนอะไรๆฉันหลายอย่าง”
เมย์แปลกใจ
“จูนเหรอ”
“จูนก็อยู่ที่นี่ เราสองคนคุยกันแล้ว คนที่ผิดน่ะคือตัวฉันเอง...อย่างที่พี่พูดนั่นแหละ ถ้าฉันไม่หวังฉันก็คงไม่ผิดหวัง ตอนนั้นฉันฟังพี่นะ แต่ฉันไม่ได้ยินแค่นั้นเอง”
เมย์ยิ้ม
“ไม่โกรธพี่แล้วเหรอ”
“ฉันก็อยากมีเพื่อนนะ”
ทองดีกับเมย์ยิ้มแล้วกอดกัน
“แล้วเรื่องกลับไปทำงานล่ะ”
ทองดีส่ายหน้า
“ถ้าไม่ติดว่านึกถึงบุญคุณเฮียบุ๋นนะ ฉันจะชวนพี่มาอยู่ที่นี่ด้วยซ้ำ จะได้ไม่ต้องรองรับอารมณ์คุณมิตร”
เมย์นิ่ง ทองดีรู้ทันที
“ที่แท้สอนได้แต่คนอื่น แต่ตัวเองก็รักเขาใช่ไหม”
“พี่ขอโทษนะทอง”
“ไม่เป็นไรหรอก พี่รู้อยู่แล้วนี่ว่าจะอยู่ให้มีความสุขกับนายนั่นยังไง โชคดีนะ ว่างๆฉันจะโทรไปชวนพี่กับพี่วันเคยดีมากินส้มตำกับจูนนะ”
สองสาวยิ้มให้กัน
ทองดีเดินกลับเข้ามาในห้อง ทิ้งข้าวของแล้วนั่งลงบนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน สักครู่เธอกระเด้งตัวขึ้นมอง รอบๆ เห็นข้าวของในห้องถูกจัดอย่างเป็นระเบียบ
“เฮ้ย...ใครมาจัดข้าวของเนี่ย หรือว่า” ทองดีนิ่งไปแป๊บนึง “เงินของฉัน”
ทองดีรีบวิ่งไปค้นดูเงินที่ซ่อนไว้พบว่ายังอยู่ดีก็ถอนหายใจโล่งอก วิไลเดินออกมาจากห้องน้ำยืนมองหน้าเฉยเมย ทองดีหันไปมองเห็นวิไลก็หน้าเจื่อนไป
“อยู่ครบหรือเปล่าล่ะ”
“ครบจ๊ะ...เอ่อ...ฉันไม่ได้กลัวเธอขโมยนะ”
วิไลโวยใส่
“ถึงฉันจะเป็นผู้หญิงนั่งดริ้งค์ แต่ฉันไม่จำเป็นต้องทำตัวเป็นโจรหรอกนะ และฉันไม่อยากใช้ชีวิตที่เหลือในคุกหรอก”
พูดจบวิไลก็เดินไปเก็บเสื้อผ้า ทองดีรู้สึกผิด
“ฉันขอโทษ...บอกตรงๆนะ ฉันเจออะไรมาเยอะ”
“ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจเธอ ไม่โกรธหรอก ใครดี ใครเลว ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์เถอะนะ”
ทองดีจับมือวิไล ทั้งคู่ยิ้มให้กันอย่างเข้าใจกันมากขึ้น
“จะว่าไปฉันก็ชักชอบที่ได้ย้ายมาทำงานที่นี่ซะแล้วสิ”
“แหม...แล้วจะเริ่มชอบปลาร้าได้หรือยัง”
วิไลหัวเราะ
อ่านต่อหน้า 3
ทองประกายแสด ตอนที่ 7 (ต่อ)
เย็นนั้น...ทุกคน อยู่ในห้องแต่งตัวนั่งฟังนรินทร์อธิบาย
“วันนี้คงต้องเต้นหลายรอบหน่อย”
“ทำไมล่ะคะปกติเราก็เต้น 2 รอบอยู่แล้ว” จูนถามอย่างสงสัย
“ใช่...วันนี้เราไม่มีวงเล่น”
พนักงาน หันไปซุบซิบกัน ท่าทางวิตก
“วงดนตรีเราถูกซื้อตัวไปเล่นที่คลับเฮียบุ๋นแล้ว เขาคงโกรธที่ทองประกายกับจูนมาอยู่กับเรา”
ทองดีเป็นเดือดเป็นแค้น
“ไอ้เฮียบุ๋น...นี่มันเลวได้โล่ห์จริงๆ...ฉันจะโทรไปด่ามันเอง”
นรินทร์ห้ามไว้
“ช่างมันเถอะ ธุรกิจก็แบบนี้ ใครดีใครได้”
“แบบนี้แขกเราก็ต้องตกลงน่ะสิคะ”
นรินทร์ยิ้ม
“ไม่หรอก เพราะผมได้เรียกวงใหม่มาคุยคืนนี้แล้ว ถ้าเขารับเล่นรับรองแขกต้องเยอะแน่ เพราะวงใหม่นี่สดกว่าดังกว่า” นรินทร์ถอนใจ “แต่ก็แพงกว่า”
วิไลเหล่มอง
“แหม...เฮีย...เดี๋ยวพวกหนูถอนทุนให้เอง”
ทุกคนหัวเราะมีความสุข
ค่ำนั้น...ทองดี จูน และโคโยตี้เต้นสนุกสนาน วิไลและผองเพื่อนต้อนรับแขกอย่างดี เมื่อเต้นเสร็จ ทองดี วิไล จูน มานั่งคุยกันในห้องแต่งตัว จูนยิ้มพอใจ
“ได้เงินค่าทิปค่อยคุ้มเหนื่อยหน่อย”
ทองดีพยักหน้าเห็นด้วย
“ทำงานแบบนี้เงินมันหาง่ายเนอะ”
วิไลถอนใจก่อนจะเอ่ยเตื่อนเพื่อน
“ใช่...มันหาง่าย แต่ก็ใช้ง่ายเหมือนกันแหละ ต้องรู้จักเก็บ รู้จักรักษาตัวด้วย ไม่อย่างนั้นคงจะต้องลงเอยเหมือนนังอ้อยมัน”
“ไปกลับเถอะ อยากอาบน้ำแล้ว” จูนชวน
ทองดีลุกขึ้นแล้วจะถอดตุ้มหูแต่ข้างหนึ่งหายไป
“ตายแล้ว ตุ้มหูฉันหายอ่ะ”
“หล่นบนเวทีแหงๆ” จูนออกความเห็น
“เพิ่งซื้อมาด้วย ไม่น่าเอาของตัวเองมาใช้เลย เสียดายอ่ะ”
“จะไปหาป่ะ เดี๋ยวฉันไปด้วย ตอนนี้พวกทำความสะอาดคงยังไม่เสร็จหรอก ลองไปถามดูเผื่อเจอ” วิไลชวน
“ไม่เป็นไร เธอสองคนกลับไปก่อน เดี๋ยวฉันเดินไปดูเอง”
สาวๆพากันเดินออกไปจากห้องแต่งตัวแล้วปิดไฟ
ทองดีเดินมาหาพวกทำความสะอาดที่กำลังเก็บเครื่องมือ
“พี่ๆใครทำเวทีอ่ะ เห็นตุ้มหูหนูไหม”
เหล่าพนักงานมองหน้ากันแล้วส่ายหน้า
“ขอบใจจ้ะ”
ทองดีเดินไปหาแถวเวที พนักงานทำความสะอาดเดินออกไป ทองดีเดินดูแถวๆที่เต้นแล้วเอามือควานใต้เวที แล้วก็เจอเธอดีใจมาก
“แหม...นึกว่าจะไม่เจอแล้ว”
ทองดีจะเดินกลับไปแล้วมองไปที่เวทีตรงเครื่องดนตรีก็ชะงัก ก่อนจะเดินไปดูให้แน่ใจว่าไม่มีใครเธอจึงเดินไปจับไมค์แล้วยิ้มเขิน
“สวัสดีค่ะทองประกาย พบกันทุกวันศุกร์ห้าทุ่มถึงห้าทุ่มสี่สิบห้านะคะ ตอนนี้เรามาฟังเพลงกัน รับรองเพลงนี้ต้องถูกใจทุกท่านแน่ค่ะ”
ทองดีเก๊กเหมือนนักร้อง แล้วเริ่มต้นร้องเพลง โดยไม่มีดนตรีและผู้ชม ทองดีร้องอย่างอินมาก ออกลีลาอย่างเต็มที่ มนตราเดินเข้ามาจากมุมหนึ่งแล้วมาหยุดยืนฟังเธอร้องเพลงจนจบ ก่อนจะปรบมือให้ ทองดีชะงักหันขวับไปมอง
ทองประกายแสด ตอนที่ 11.1
มนตราที่เดินเข้ามาใกล้ๆ ทองดีอายมาก
“เอ่อ...ขอโทษนะคะ ตอนนี้คลับปิดแล้วนะคะ”
“ครับผมทราบ แต่พอดีเดินผ่านมาได้ยินเสียงเพราะๆก็เลยต้องเข้ามาฟัง”
“คุณมาแอบฟังฉันร้องเพลงเหรอ”
“ผมไม่ได้แอบ คุณไม่เห็นผมเองต่างหาก คุณนี่เต้นเก่งนะ ร้องเพลงก็เพราะพอใช้ได้”
“ฉันเหรอ ร้องเพลงเพราะ”
มนตราพยักหน้ารับ
“เป็นนักร้องที่นี่เหรอ”
ทองดีถอนใจเฮือก
“ถ้าใช่ฉันจะมาร้องให้โต๊ะเก้าอี้ฟังเหรอ เอ๊ะ...ถ้าคุณเป็นแขกที่นี่ทำไมไม่รู้ล่ะว่าฉันไม่ใช่นักร้อง คนทำความสะอาดก็กลับไปหมดแล้ว หรือว่าคุณเป็นโจร”
มนตราหัวเราะ
“ถ้าใช่ผมจะรับไหมล่ะ ผมนัดคุณนรินทร์ไว้”
ทองดีนึกได้
“หรือว่า ...คุณ..เป็น..วงดนตรีที่นัดมา”
“ใช่ผมเป็นหัวหน้าวงดนตรี”
“...ไม่จริงมั้ง....วงดนตรีอะไรมีแค่คนเดียว”
“ผมเป็นหัวหน้าวง เวลารับงาน ก็มาแค่คนเดียวแบบนี้แหละ จะให้ขนมาทั้งวงกันเลยหรือไง”
“เหรอ”
วิไลเดินตามเข้ามา
“ทอง เจอต่างหูไม๊ หานานจัง อ้าว..ใครล่ะเนี่ย หล่อเชียว”
“หัวหน้าวงดนตรีใหม่ มาหาคุณนรินทร์น่ะ”
วิไลหันไปยิ้มให้มนตรา
“เอ่อ...เชิญทางนี้ค่ะ ฉันจะพาคุณไปหาคุณนรินทร์เอง”
นรินทร์เดินตามวิไลไป ทองดีมองตามอย่างครุ่นคิด อยากเป็นนักร้องขึ้นมา
วิไลนำมนตราเข้ามาหน้าห้อง นรินทร์ออกมาพอดี
“อ้าว.. คุณมนตรามาแล้ว เชิญข้างในเลยครับ ขอบใจมากวิไล”
นรินทร์เดินนำเข้าไป วิไลรีบถาม
“มีแฟนรึยังคะ”
มนตราหันมายิ้มให้ แล้วเดินตามนรินทร์เข้าห้องไป
“แหม ถ้าได้แบบนี้สักคนนะ ฉันจะเลิกอาชีพนี้เลย”
วิไลมองตามมนตราตาเป็นมัน
คืนวันต่อมา มนตราเล่นดนตรีด้วยมาดเท่ สาวๆพากันสนใจ หลังจากเล่นดนตรีเสร็จ มนตราเดินป่านพนักงานสาวๆ ก็ถูกแซวทันที
“โอ๊ย คนอะไรไม่รู้ เงียบๆเรียบร้อย น่ารักซะไม่มี”
“ใช่ ชวนคุยก็ยิ้มลูกเดียว ไม่ค่อยจะพูดเลย”
วิไลรำคาญ
“วี๊ดว๊ายกันอยู่ได้ นังพวกนี้ หนวกหูจริง”
“เจ๊ไม่ชอบ เจ๊ก็ไม่สนน่ะสิ”
“ใครว่ากูไม่ชอบ น่ารักซะ”
ทุกคนครื้นเครงขำขันกันรวมทั้งวิไล
หลายคืนต่อมา...ทองดีรอขึ้นเวที มานั่งดูมนตราเล่นดนตรี และเมื่อเธอขึ้นเวที มนตรามองอย่างสนใจ จนเพื่อนๆแซว
“สวยเซ็กซี่นะ ทองประกายเนี่ย เต้นเก่งด้วย”
อีกคนว่า...
“เฮ้ย มนตรา สนใจเหรอ ปกติไม่เคยเห็นสนใจใครเลย”
มนตราหันหาเพื่อน ยิ้มๆ
“แต่ผู้หญิงทำงานอย่างเงี้ย น่ากลัวว่ะ เด็กเสี่ยรึเปล่าก็ไม่รู้”
มนตราหันมองทองดีจนเต้นจบ เห็นเธอเดินทักทายแขกอย่างร่าเริง
คืนต่อมา...มนตราเล่นดนตรี โดยมีทองนั่งมองอยู่ตลอด เล่นเสร็จเพื่อนๆแซวอีก
“สงสัยแม่สาวทองประกายจะปลื้มคุณมนตราซะแล้ว นั่งมองตาไม่กระพริบเชียว”
อีกคนเสริม
“จริงด้วยว่ะ นายก็สนใจอยู่ไม่ใช่เหรอ ไม่ลองจีบดูล่ะ”
มนตราส่ายหน้า
“กลัวเขามีแฟนแล้วน่ะสิ”
“เฮ้ย สนจริงเหรอวะ อะไรวะ แล้วจะจีบเป็นมั้ยเนี่ย ปกติเห็นแต่ถูกหญิงจีบ เอางี๊ เดี๋ยวจัดให้”
อีกคนร้องบอก
“เฮ้ยๆ ไม่ต้องจัดแล้วว่ะ มาโน่นแล้ว”
ทองดีเดินเข้ามายืนมองมนตราใกล้ๆ มนตรางงๆ เขินๆ เพื่อนแซวหัวเราะกัน มนตราเลยเดินลงเวทีไปหา
“ไปคุยกันตรงนั้นหน่อยได้มั้ย” ทองดีเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน
มนตรามอง งงๆ ขำๆว่าเธอจะมาจีบรึไง ทองดีเดินนำมนตราออกไปที่มุมหนึ่ง แล้วหันมาพูดอย่างลังเล...
“นี่คุณ ช่วยฉันหน่อยได้มั๊ยคะ”
“พูดเพราะเชียวนะ จะให้ช่วยอะไรครับคุณผู้หญิง”
“เอ่อ...ช่วยบอกคุณนรินทร์ทีสิ ฉันอยากเป็นนักร้อง”
มนตรามองหน้าทองดีแล้วยิ้มไม่พูดอะไร ทองดีอ้อนวอน
“น่านะ...ให้ฉันเป็นนักร้องในวงคุณก็ได้ ตอนเจอกันครั้งแรกคุณยังบอกเลยว่า ฉันร้องเพลงเพราะ เสียงก็ดี แถมยังสวยด้วย นะ...นะ ช่วยฉันหน่อย”
“ผมชมคุณสวยด้วยเหรอ” มนตรางงว่าชมตอนไหน
“ฮื่อ” ทองดีพยักหน้ามั่วนิ่ม
“เป็นนักร้องในวงผมเหรอ เรายังไม่รู้จักกันดีเลยนะ”
“ฉันชื่อ ทองประกาย”
“ผมทราบ”
“แล้ว เอ่อ...คุณ…”
มนตราหัวเราะ
“ผมชื่อ มนตรา”
“นั่นไง คุณมนตรา ทีนี้เราก็รู้จักกันแล้ว คุณจะช่วยฉันได้หรือยัง”
“ยัง”
ทองดีหน้าหงิก มนตรายิ้มแล้วส่ายหน้าขำในความใจร้อนของเธอ ทองดีค้อน
“แค่นี้เอง ช่วยหน่อยก็ไม่ได้...คนใจจืด”
ทองดีโกรธ มนตราขำๆ เดินกลับไป
“โห...ใจดำได้ถ้วยจริงๆ คนไม่มีน้ำใจ” ทองดีเซ็งสุดๆ
มนตราเดินกลับไปที่วง เพื่อนถามเขากระซิบบอกเพื่อนขำกร๊าก มนตราขำตามหน้าแตก นึกว่าสาวมาจีบ เขายิ้มเอ็นดูทองดี
ทองดีเดินหน้างอมาถึงห้องแต่งตัว เริ่มแกะเครื่องประดับแล้วหันกลับไปมอง
“ไอ้คนใจจืด นิดหน่อยก็ไม่ยอมช่วย”
ทองดีมองตัวเองในกระจกพิจารณาตัวเองแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์
“แต่...ถ้าเราลองง้ออีกหน่อย เพราะนายนั่นก็น่าจะสนใจเรานะ พรุ่งนี้ก่อนนะ”
ทองดีบอกตัวเองอย่างมาดมั่น
ค่ำนั้นก่อนเริ่มงาน ทองดีมาแอบรอเมื่อเห็นมนตรามากับเพื่อน เธอมองตามก่อนจะเดินตามไป แล้วหยุดคิด ดึงไหล่เสื้อให้กว้างออกมา จัดผมให้สวยแล้วตามต่อ...มนตรากระซิบเพื่อนแล้วเดินแยกไปที่ห้องนรินทร์ ทองดีมองตามงงๆ แล้วเรียกไม่ทัน เลยไปแอบรอหน้าห้อง
มนตรานั่งคุยกับนรินทร์ในห้องทำงาน นรินทร์ดีใจมาก
“ขอบคุณมากคุณมนตรา ผมดีใจจริงๆที่เราจะได้ร่วมงานกัน”
“เช่นกันครับ แต่...ผมมีเงื่อนไขข้อหนึ่ง ไม่ทราบว่าคุณนรินทร์ พอจะช่วยผมได้หรือเปล่า”
นรินทร์ปาดเหงื่อ
“คุณมนตราต้องการอะไร ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง ผมยินดีครับ เอ่อ...หวังว่า คงไม่ใช่ค่าเหนื่อย 3 เท่าหรอกนะครับ”
มนตรายิ้มขำ
“ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกครับ”
นรินทร์ยิ้มกว้างทันที...ทองดีอยากรู้มากเลยแอบแง้มประตูว่าเขาคุยอะไรกัน
“ถ้าไม่ใช่เรื่องเงินละก็ คุณมนตราต้องการอะไรว่ามาเลย”
“ผมอยากได้...ทองประกาย มาเป็นเป็นนักร้องในวงผม”
ทองดีตาโตไม่เชื่อหูตัวเองเอามือแยงหู
“ฉันได้เป็นนักร้อง”
ทองดีเผลอกรี๊ดออกมา แต่พอนึกได้รีบอุดปากตัวเอง ฟังต่อ นรินทร์กับมนตราสะดุ้งหันไปมองหน้าห้อง นรินทร์ลังเล
“คุณแน่ใจหรือ ว่าทองประกายจะทำได้”
“ก็ต้องลองดูครับ”
ทองดียืนแอบฟังที่หน้าประตู นรินทร์กับมนตราเปิดประตูออกมา เธอไม่ได้ตั้งตัวก็ลุกพรวดจะหนี แล้วไปผิดทาง ต้องหันกลับมา เลยจ๊ะเอ๋กันพอดี ทองดีเลยทำเนียนๆ
“ฉันจะไปห้องน้ำ”
นรินทร์มองหน้า
“นี่มันทางมาห้องผม ไม่ใช่ห้องน้ำ”
ทองดียิ้มแหยๆ นรินทร์ถอนหายใจเฮือกหันไปมองหน้ามนตราแล้วส่ายหน้า มนตรายิ้ม
“แบบนี้คงไม่ต้องเสียเวลาทาบทามแล้วล่ะครับ”
ทองดีหลบตาพูดเสียงอ่อย
“ฉันไม่ได้จะมาแอบฟังนะ แค่...ตามมาเฉยๆ”
มนตราอมยิ้มขำ นรินทร์มองทองดีด้วยสายตาเป็นกังวล
“จะไหวแน่เหรอครับ”
ทองดีงงๆ
“อ้าว...นี่ฉันยังไม่เป็นนักร้องอีกเหรอ”
มนตราจ้องหน้าขำๆ
“ไหนว่าไม่ได้แอบฟังไง”
ทองดีหน้าเสียเจื่อนไป มนตรายิ้ม
“คุณนรินทร์เขาอยากดูว่าเธอจะร้องเพลงได้ดีจริงหรือเปล่า”
ทองดีหน้าเหวอมองมนตรากับนรินทร์งงๆว่าจะต้องทำไง
ทองดียืนอยู่บนเวที กำลังร้องเพลง โดยมีมนตรากำลังเล่นกีต้าร์อยู่ด้านข้าง นรินทร์นั่งฟังอยู่หน้าเวที สองคนร้องเพลงเข้าขากันมานรินทร์นั่งฟังอย่างชื่นชม จบเพลงนรินทร์ลุกขึ้นปรบมือให้ทองดี
“ผมขอโทษนะ ทองประกาย ผมมองข้ามไปได้ยังไง”
ทองดีกรี๊ดอย่างยินดี โผเข้าไปกอดมนตราจากด้านหลังอย่างดีใจสุดขีด
“ฉันได้เป็นนักร้องแล้ว ได้เป็นนักร้องแล้ว เย้...”
ทองดีกระโดดโลดเต้น พอนึกได้ รีบปล่อยมือจากมนตราอย่างเขินๆ
“ขอโทษนะคะ ฉันดีใจเกินไปหน่อย”
“ใครบอกว่าได้เป็นแล้ว ถ้าจะเป็นนักร้อง คุณต้องฝึกอีกเยอะ ผมจะยอมเสียเวลาฝึกให้คุณเองก็ได้ เฮ้ย...ว่าแต่ตอนนี้ ตอนนี้ผมช่วยคุณแล้ว จะไม่เลี้ยงข้าวตอบแทนผมหน่อยเหรอ”
ทองดีค้อน
“ได้สิ...จะไปไหนล่ะ”
“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่า ไปชุดนี้คงไม่ดี”
นรินทร์มองมนตราและทองดี อย่างหวงก้างรีบขึ้นเวทีมาแทรกกลาง
“ผมไปด้วยคนสิ ตั้งใจว่าจะพาทองประกายเขาไปฉลองพอดี...คุณมนตรากับผมนี่ใจตรงกันเลย”
ปากพูดดีแต่ตาชักไม่ค่อยพอใจ มนตรารู้แกว
“ผมว่าไม่ค่อยสะดวกหรอกครับ เพราะรถผมเล็กนั่งได้แค่สองคนเท่านั้น ไว้โอกาสหน้าแล้วกันนะครับ”
นรินทร์หน้าแตกโดนมนตรากีดกันซึ่งหน้า ทองดีตัดบท
“งั้นคุณไปรอฉันที่ลานจอดรถนะ”
มนตราพยักหน้ารับ หันมายิ้มให้นรินทร์ก่อนจะแยกย้ายกับทองดีไปคนละทาง นรินทร์มองตามมนตราด้วยความเซ็ง
“ไอ้นี่ทั้งหล่อทั้งไวเลยเว้ย เฮ้ย...ไอ้เราก็ช้าตลอด ขี้อายอีกกู เปลี่ยนอาชีพดีมั้ยเนี่ย”
นรินทร์หงุดหงิดเตะโต๊ะด้วยความเจ็บใจแล้วต้องร้องจ๊าก ยกขาเซไปมาโต๊ะล้มระเนระนาด
“โอ๊ย...ซวยมันเข้าไป”
รถมินิคูเปอร์ของมนตราจอดอยู่ เขาเดินรอไปมาอยู่ที่รถ สักครู่ทองดีเดินออกมาพอเห็นรถของมนตราก็หน้าเบ้ทันที
“เฮ้อ...นี่แสดงว่าคุณต้องรวยละสิ แล้วยังจะมาให้ฉันเลี้ยงคุณอีก”
“ทำไมคิดงั้นล่ะ”
“ดูรถคุณก็รู้ คันเล็กกระจิ๋วแค่เนี๊ยะ ฉันไม่เข้าใจ คนรวยทำไมชอบทำ อะไรแปลกๆ มีเงินเยอะแยะจะซื้อรถคนใหญ่ๆก็ไม่ได้ มาทนใช้รถคันเล็กจะปีนเข้าออกก็ลำบากลำบน”
มนตราหัวเราะ
“เธอนี้ขำจริงๆ จะไปมั๊ยเนี่ย...”
“ก็จริงไม่ล่ะ”
“เอาเป็นว่ารวยหรือจนไม่รู้ รู้แต่ว่าชีวิตฉันมีความสุขก็โอเค”
มนตราเดินไปเปิดประตู้ให้ทองดีขึ้น พอปิดประตูก็แอบอมยิ้มก่อนเดินไปขึ้นรถแล้วขับออกไป
ทองดีกับมนตรานั่งกินก๋วยเตี๋ยวข้างทาง เธอมองรอบๆตัวอย่างไม่เข้าใจ
“ตกลงนี่คุณรวย หรือจนกันแน่ฉันชักสับสนแล้วนะเนี่ย”
“ทำไมจนหรือรวย มันสำคัญอะไรนักหนา”
“ฉัน...ก็แค่สงสัยเท่านั้นน่ะ”
“พามาหาที่กินแบบนี้ รวยหรือจนล่ะ”
“ไม่รู้สิ รวยมั้ง...แล้วตกลง คุณจะจีบฉันหรือเปล่าเนี่ยถ้าจะจีบคุณก็จ่ายนะ ไม่ใช่ให้ฉันมาเลี้ยงคุณ”
มนตราชะงักหยุดกินทันที ทองดียิ้มหวานให้
“เฮ้ย...ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ เห็นฉันเป็นคนแบบไหน”
“ก็ผู้ชายส่วนใหญ่เวลาเจอฉันเขาก็จะจีบ แล้วก็ชวนไปกินอาหารแพงน่ะสิ”
“งั้น...ฉันคงเป็นแบบไม่ปกติ”
มนตราทำเป็นก้มหน้าก้มตากินไม่สนใจ ทองดีหยักไหล่ไม่แคร์
“ดีแล้วแหละ ถ้าคุณไม่จีบฉันเราจะได้ทำงานด้วยกันสะดวก เพราะฉันเบื่อแล้วล่ะ ไอ้พวกร่วมงานกัน แล้วอยากจะร่วมเตียงกันกับฉันอ่ะ”
มนตราสำลักก๋วยเตี๋ยวหยุดกินทันที ทองดีรีบส่งน้ำให้
“เธอนี่พูดตรงดีนะ แต่เป็นผู้หญิงน่ะไม่ต้องตรงมากก็ได้”
มนตรามองหน้าแล้วหัวเราะอย่างเอ็นดู ทองดีงง ไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรผิด
วันใหม่...ในห้องวิไล ส้มตำและอาหารอื่นๆวางเต็มพื้นห้อง ทองดี จูน วิไล นั่งชนแก้วน้ำอัดลมกัน วิไลยิ้มให้เพื่อน
“ยินดีด้วยนะ ทอง ที่จะได้เป็นนักร้อง เธอนี่โชคดีจริงๆ”
“ฉันละอิจฉาแกจริงๆเลยทอง...” จูนถอนใจ “เฮ้อ...ไม่รู้เมื่อไหร่ จะถึงตาฉันมั่ง”
ทองดีมองหน้าเพื่อน
“แล้วเธอฝันอะไรล่ะจูน”
จูนนึกๆ
“ไม่รู้สิ...ตอนแรกก็อยากได้คุณมิตรเป็นผัว...ตอนนี้ก็นึกไม่ออกแฮะ...อยู่ไปวันๆ”
วิไลมองเพื่อนเซ็งๆ
“เจริญละแก...แล้วจะไปทางไหนล่ะเนี่ย”
ทุกคนมองหน้ากัน แล้วหัวเราะขำ ทองดีหันไปถามวิไล
“แล้วพี่วิไลล่ะ ทำไมมาทำอาชีพนี้ล่ะ”
“พี่น่ะเหรอ ก็มันเริ่มจากไม่มีจะกินไง นี่พี่ก็เก็บเงินอยู่ พี่จะทำงานเก็บเงินอีกซักพัก ไปซื้อที่ซื้อทางแถวบ้านไว้แล้ว อีกซัก สี่ห้าปี พี่ก็ว่าจะกลับไปปลูกบ้านที่ต่างจังหวัด ไปค้าขาย พี่อยากค้าขาย”
ทองดีหน้าสลดลง
“ชีวิตคนเราก็แปลกนะ เหมือนมีใครคอยขีดเส้นไว้แล้วว่าเราจะต้องเดินไปทางไหน ต้องเจอกับอะไร ตอนที่เสียคุณมิตรไป ฉันรู้สึกเหมือนว่า โลกนี้คงพังทลาย แต่แล้ว ฉันก็เจอเพื่อนดีๆ เจอสิ่งดีๆ นี่ตกลงฉันควรจะขอบคุณคุณมิตรใช่ไหม”
จูนมองหน้า
“ควรขอบคุณตัวเองต่างหาก ที่ผ่านมันมาได้”
วิไลเห็นด้วย
“ใช่...เพราะมันคือประสบการณ์ชีวิตให้เราเข้มแข็งขึ้น”
จูนยิ้มกว้าง
“จริงจ๊ะ...เพราะแกน่ะ...สวยเลือกได้”
ทุกคนหัวเราะขำ ยกแก้วชนกัน วิไลนึกขึ้นได้
“แล้วนี่ อีตาหัวหน้าวงที่รับเธอน่ะ ไม่ใช่รับเพราะอยากฟันนะ”
ทองดีชะงักนิดนึง
“คงไม่หรอก ดูท่าทางเขาไม่ใช่คนแบบนั้น”
“เอาแล้ว เข้าโหมดซื่ออีกแล้ว...คนเราน่ะ ดูแต่หน้าไม่ได้หรอก” จูนเตือน
วิไลคิดๆ
“เอ๊ะ...หรือว่าไอ้คุณมนตรานี่มันจะหล่อ เพื่อนเราเลยซื่อซะงั้น”
ทุกคนหันไปกิ๊วก้าวหัวเราะเบิกบานกัน ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น วิไลรีบวิ่งไปเปิดคุยกันแป๊บนึงก็วิ่งกลับเข้ามาอมยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ทองประกาย
“หวานมันบอกว่ามีคนมาหาเธออ่ะ”
“ใครอ่ะ”
“ชื่อมนตรา”
จูนสำลัก
“ไหนแกว่า เขาไม่จีบแกไง นี่มาหาแต่เช้าเลยโว้ย มันชักยังไงยังไงซะแล้ว”
ทองดีเขิน
“บ้า...เขาคงมีธุระมากกว่า”
ทองดีรีบเดินออกไปจากห้อง
มนตรายืนรออยู่ที่รถ สักครู่ทองดีเดินมาหาหน้าตางงๆ จูนกับวิไลแอบมาดูอยู่มุมตึก
“แหม...ไหนบอกว่าไม่จีบฉันไง มาแต่เช้าเลย”
มนตราส่ายหน้าขำๆ
“ขอโทษนะ ฉันมาตามเธอไปซ้อมร้องเพลง เป็นนักร้องจะไม่ซ้อมร้องหน่อยเหรอ”
แป่ว...ทองดีหน้าเจื่อนไปเลย
“งั้น...ฉันขอเวลา แต่ตัวแป๊บนึง คือฉันยังไม่ได้อาบน้ำเลย”
มนตราทำเสียงเข้ม
“อย่านาน...ฉันชอบทำงานกับคนตรงเวลา...ไปสิ”
“ไปเดี๋ยวนี้แหล่ะ ดุชิบเลย”
ทองดีจะวิ่งไปแล้วนึกได้
“แล้วเราจะซ้อมร้องที่ไหนล่ะ”
“ไปเจอที่เวที”
ทองดีรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งกลับเข้าไป มนตรามองตามยิ้มเอ็นดู
ทองดีใส่ชุดใหม่ออกมาจากห้องน้ำ แต่งตัวอย่างรีบร้อน จูนกับวิไลยืนมองงงๆสงสัย
“ยังไงฉันก็ว่าเขาจีบเธอชัวร์” วิไลบอกอย่างมั่นใจ
“ชัวร์อะไร ก็บอกแล้วไง คนอะไรยังไม่เริ่มงานเลย ดุแล้ว”
จูนคิดๆ
“ฉันว่านายนี่แกล้งว่ะ ไม่เคยพบเคยเห็น หัวหน้าวงอะไร ต้องมารับนักร้องไปซ้อมเพลง”
วิไลมองยิ้มๆ
“เอ...มันคงไม่ซ้อมเพลงเฉยๆละม๊าง...ซ้อมไปซ้อมมา ระวังกลายเป็นชวนซ้อมอย่างอื่นด้วยล่ะสิ”
จูนกับวิไลหัวเราะชอบใจ
“โอ๊ย...ไม่มีเวลาคุยไร้สาระแล้ว ไปล่ะ”
ทองดีรีบวิ่งออกไป
มนตราสอน ทองดีร้องเพลงอยู่บนเวทีจนจบเพลง โดยมีนรินทร์ ยืนมองอยู่ด้านล่างเวที
“ผมว่าสอนคุณที่นี่ไม่ค่อยสะดวกแล้วล่ะ คงต้องหาที่ซ้อมใหม่แล้ว”
ทองดีมองเหล่มนตราแบบ จะมาหลอกฉันไปขึ้นเตียงรึไง
“หาที่ซ้อมใหม่เหรอ”
“เฮ้ย...ทำไมมองแบบนั้นล่ะ คิดเยอะไปรึเปล่าคร๊าบ...คืนนี้ลองดูนะ เริ่มต้นยังไม่ต้องร้องจริง ลิปซิ้งค์ให้ได้ก่อน เพราะคุณยังต้องฝึกอีกเยอะ”
มนตราขำๆ
จบตอนที่ 7