xs
xsm
sm
md
lg

ต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 20

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 20


แสงหล้ามองลูกสาวอีกครั้งแล้วค่อยๆ เดินเช็ดน้ำตาเข้าไปในสวนป่าจะกลับไปเก็บของที่ร้าน แต่ขณะที่เดินไปนั้นเธอรู้สึกเหมือนมีคนเดินตามมาจึงหันไปมองเบื้องหลังไม่เห็นใคร แสงหล้าเดินเรื่อยเข้าไปในสวนจะออกถนนใหญ่

ทันใดนั้นเธอได้ยินเสียงฝีเท้าคนอีกครั้ง เธอหันไปเห็นชายฉกรรจ์เดินตามมาสองคนอยู่ไกลๆ เธอรีบเดินอย่างเร็ว แต่พอเดินมาถึงจุดหนึ่งก็ชะงักไป เพราะร่างของคำรณโผล่ออกมาจากต้นไม้ใหญ่
“แกจะรีบไปไหนเหรอนังแสง”
“ไอ้คำ”
“เก่งมากนะที่มากบดานอยู่บ้านไอ้ทูน จนข้ามองข้ามเอ็งไปได้”
แสงจะกลับหลัง ชายฉกรรจ์สองคนเดินเข้ามาใกล้ ยิ้มน่ากลัว
“แกต้องการอะไร”
“ข้าเตือนแล้วว่าอย่ามายุ่งกับนังรุ้ง เอ็งไม่เชื่อ ยังเสนอหน้ามาใกล้ลูกอีกต่างหาก”
“จะฆ่าข้าก็ได้ แต่อย่าทำอะไรลูกข้า ข้าขอละ”
“คราวนี้ข้าไม่ฆ่าเอ็งหรอก เพราะชีวิตเอ็งยังมีค่า ใช้ประโยชน์ได้อีกเยอะ” คำรณหันไปสั่งลูกน้อง “เฮ้ย ไอ้โจ้ ไอ้เบิร์ดจัดการให้มันอยู่ในโอวาท”
สองชายฉกรรจ์เดินเข้าหา แสงหล้าถอยกรูด
“อย่านะ อย่าเข้ามา”
แสงหล้าคว้าท่อนไม้ได้ท่อนนึงบังเอิญวางอยู่พอดีเอามาเป็นอาวุธ โจ้กับเบิร์ดหัวเราะร่า เบิร์ดเดินเข้ามาแสงหล้าฟาดไม้ลงกลางแสกหน้าไม้หักแต่หน้าเบิร์ดไม่เป็นไรก่อนจะตบหน้าแสงหล้าด้วยหลังมือจนเซไป โจ้เข้ามาตบซ้ำ แสงหล้าล้มไปกับพื้น เลือดกลบปาก มองไปที่คำรณ ที่ยิ้มแสยะ ก่อนที่ภาพทั้งหมดจะวูบเลือนไป

ค่ำคืนนั้น อิทธิและฟ้าใสนอนเปลือยเปล่าด้วยกันบนเตียง หญิงสาวซบกับอกของเขา
“ยังไม่ให้คำตอบฟ้าเลยว่าจะให้ฟ้าเข้าสังกัดคุณเมื่อไหร่”
“ใจเย็นๆซี”
“ถ้ารู้กำหนด ฟ้าจะได้ลาออกจากไอ้เสี่ยเลยไงคะ แล้วก็”
“อะไรเหรอ”
“ฟ้าเข้าสังกัดคุณ ฟ้าจะมาแทนนังรุ้ง รับรองฟ้าจะไปชุบตัวให้สาวสวยกว่าเดิมแล้วคุณเอาเพลงเด็ด ๆ ของนังรุ้งมาให้ฟ้าร้อง รับรองฟ้าจะทำให้คนลืมนังรุ้งไปเลย”
“รุ้งยังอยู่ในสังกัดของผมนะ อีกหนึ่งปีเต็ม”
“มันหนีไปอย่างนี้ แสดงว่ามันไม่ต้องการทำงานให้คุณแล้ว ตัดหางมันไปเถอะค่ะจะไปสนมันทำไม ในเมื่อมีฟ้ามาแทนที่แล้วทั้งคน”
“ให้ผมจัดการเรื่องรุ้งก่อนนะ แล้วผมจะทำตัวเป็นป๋าดันให้คุณเต็มๆเลย”
“จริงนะคะป๋า”
ทั้งสองหัวเราะให้กัน อิทธิเบือนหน้าหลบสายตาฟ้าใสแอบทำหน้าเอือมๆ เพราะไม่นึกอยากได้ฟ้าใสสักนิด ทันใดนั้นมือถืออิทธิดังขึ้น เขาลุกมารับสาย
“ว่าไง”
อิทธิเหลือบมองฟ้าใส ที่มองมาแล้วรีบแยกออกมาจากห้องนอนลดเสียงลง
“ว่าไงวะ เจอนังแม่แล้วเหรอ”
คำรณคุยโทรศัพท์อยู่เซฟเฮาส์กลางสวนป่า โดยมีร่างของแสงหล้านอนหมดสติอยู่ ผมกระเซิง เสื้อผ้าฉีกขาดเพราะโดนซ้อมมาอย่างหนัก โจ้และเบิร์ดเฝ้าอยู่
“ครับนาย ตอนนี้มันอยู่ที่เซฟเฮาส์ของผม”
“ไปจับมาได้ยังไงวะ”
“มันมาทำงานเป็นแม่ครัวที่ร้านไอ้ทูนนั่นแหละครับ”
“เข้าใจหาที่ซ่อนตัว อยู่ใต้จมูกเรานี่เอง”
“มีข่าวดีอีกเรื่องครับ”
“อะไร”
“คุณรุ้งอยู่กับเจ้าทูนด้วยครับ นายมาตามตัวกลับได้เลย”
“ดีมาก เฮ้ย แกส่งภาพมาให้ฉันดูหน่อย ฉันอยากเห็นหน้านังแม่มัน”
“ไม่น่าดูนักนะครับ เพราะผมสั่งสอนมันไปรอบนึงแล้ว”
“เฮ้ย อย่าทำอะไรเกินเหตุนะ เราต้องใช้งานมันอีกหลายเรื่อง”
“ทราบครับนาย”
คำรณเลิกสาย แล้วเดินมาหาแสงหล้า พร้อมกับหันไปสั่งสมุน
“จับหน้ามันเงยขึ้นมา”
โจ้จับร่างแสงหล้านอนหงาย คำรณถ่ายภาพด้วยมือถือ อิทธิรอสายอยู่ สัญญาณเข้ามาเขากดมองภาพในมือถืออย่างพึงใจ หน้าของแสงหล้าฟกช้ำไปทั้งหน้าเลือดยังกรังที่หน้าผากและริมฝีปาก อิทธิยิ้มสะใจ

แขกในร้านมีประปราย รุ้งระวีและทูนอินทร์นั่งอยู่ด้วยกันที่มุมสงบของร้าน เธอยังคงติดใจเรื่องเสียงของแม่เมื่อกลางวัน หนานเข้ามาบอก
“วันนี้ป้าแสงไม่มาร้านครับ”
คูนตามหนานเข้ามาบอกอีกคน
“ที่บ้านก็ไม่อยู่หรือครับ”
ทูนอินทร์แปลกใจ
“เห็นป้าแป๋วบอกว่ากลับมาที่ร้านแล้วนี่ ส้มล่ะ มันรู้ไหมว่าป้าอยู่ที่ไหน”
“ต้องไปถามในครัวน่ะครับ” หนานบอก
ส้มป่อยกำลังช่วยงานครัวอยู่ ทูนอินทร์ หนาน คูน รอฟังคำตอบอยู่
“ไม่เห็นเลยค่ะตั้งแต่บ่ายแล้ว เอ๊ะ หรือว่าป้าแกหนีไปแล้ว”
หนานส่ายหน้าเป็นไปไม่ได้
“เฮ่ย จะหนีไปไหน”
“ไม่รู้นี่คะ เห็นแกรวยแล้วตอนนี้ เงินก็มีใช้ มือถือก็มี”
ทูนอินทร์ชักสงสัย
“ไปดูที่ห้องซิ”
ทั้งหมดตรงไปที่ห้องพักของแสงหล้า เปิดประตูเข้าไป หนานเปิดไฟ เห็นข้าวของของแสงหล้ายังวางอยู่ครบถ้วน คูนชี้มือไปที่ของ
“นี่ไง ข้าวของของป้าแกยังอยู่ครบ ไม่ได้หนีไปไหนสักหน่อย”
ทูนอินทร์เข้ามาสำรวจรอบๆห้อง ส้มป่อยเห็นมือถือวางอยู่หัวเตียง
“อุ๊ย มือถือก็ยังอยู่นะคะนาย”
ทูนอินทร์แปลกใจมาก
“แกไปไหนของแก”
หนานคิดๆ
“หรือว่าไปที่ตลาดครับ เพราะคืนนี้มีลิเกเล่นที่ตลาดด้วย”
ทูนอินทร์หันไปสั่งสามคน
“คอยดูไว้นะ แกกลับมาเมื่อไหร่ก็ให้ไปพบที่ร้าน เพราะว่ารุ้งเขาอยากเจอป้าแสงมาก”
ส้มป่อยนึกได้รีบบอก
“แต่ป้าเขาไม่อยากเจอพี่รุ้งหรอกค่ะ”
ทูนอินทร์แปลกใจ
“ทำไมล่ะ”
“ไม่รู้ค่ะ หนูจะให้ป้าไปเจอพี่รุ้งหลายหนแล้ว แกไม่ยอมสักที ไม่รู้...ทำไม”
ทูนอินทร์คิดตามที่ส้มป่อยบอกยิ่งสงสัยหนัก

วันรู่งขึ้น ทูนอินทร์และรุ้งระวีนั่งกินอาหารเช้ากันอยู่ ป้าแป๋วที่คอยดูแลเข้ามาบอก
“ไม่กลับมาเลยค่ะ หายไปทั้งคืน ที่ร้านก็ไม่ได้กลับไปนอน”
ทูนอินทร์ครุ่นคิดอย่างสงสัย
“เอ มันชักยังไงๆแล้วนะ”
รุ้งระวีนิ่งคิดก่อนจะถามป้าแป๋ว
“รุ้งอยากเห็นรูปแกน่ะค่ะ พอมีรูปถ่ายบ้างไหม”
“ไม่มีเลยค่ะ เขาเป็นคนไม่ชอบถ่ายรูป ดูลึกลับยังไงพิกล ป้าว่าคงหนีไปแล้วละค่ะ คงมีคดีติดตัวอะไรสักอย่าง”
รุ้งระวีชักกังวลหันไปถามทูนอินทร์
“แจ้งความดีไหมคะ”
“รออีกสักวันดีกว่า ถ้าแกยังไม่กลับมาจริงๆ ค่อยแจ้งความ”
รุ้งระวียังคิดถึงเสียงร้องของแสงหล้าที่ได้ยิน ทูนอินทร์พยายามพูดให้สบายใจ
“อย่าเพิ่งกังวลเลยครับ วันนี้เรามาดูงานเพลงของเราดีกว่า ผมจะให้รุ้งระวีร้องเพลงใหม่ของผมอีกเพลง ยังแต่งไม่เสร็จดี แต่อยากฟังเสียงเพราะๆของรุ้ง”
รุ้งระวียิ้มรับ
“ได้ค่ะ”
ทั้งสองกินอาหารเช้ากันต่อ

รถตู้ของอิทธิแล่นมาจอดหน้าบ้าน อิทธิก้าวลงมาพร้อม คม เดช คำรณ โจ้ เบิร์ด ทั้งหมดอาวุธครบมือ มองหน้ากันแล้วบุกเข้าบ้านทันที โจ้กับเบิร์ด ถีบประตูเข้ามาอย่างแรง ป้าแป๋วกรีดร้อง ทูนอินทร์และรุ้งระวีลุกพรวด อิทธิเข้ามาพร้อมสมุนทั้งหมด จ่อปืนมาที่ทูนอินทร์
“เป็นยังไงรุ้งของผม แอบมาเสวยสุขอยู่กับไอ้ทูนที่นี่ ไม่คิดจะกลับบ้านเราเลยรึไง”
“ที่นี่คือบ้านฉัน ฉันไม่มีบ้านหลังอื่นอีกแล้ว” รุ้งระวีพูดน้ำเสียงหนักแน่น
“แต่เธอต้องกลับไปกับฉันเดี๋ยวนี้ เพราะเธอยังต้องทำงานให้บริษัทฉันให้ครบตามสัญญา”
รุ้งระวีจ้องหน้าอิทธิอย่างเกลียดชัง
“ฟ้องร้องเอาก็แล้วกัน ฉันจะได้เปิดโปงกลโกงของนาย ที่หลอกฉันทุกเรื่อง ตั้งแต่เรื่องแม่ จนถึงหลอกให้ฉันร้องเพลงที่นายขโมยคุณทูนมาด้วย”
อิทธิยิ้มหยัน
“มีหลักฐานไหม”
ทูนอินทร์ไม่พอใจ
“แกออกไปจากบ้านฉันดีกว่า ก่อนที่จะแกเดือดร้อนมากกว่านี้”
“ยังมีหน้ามาขู่ ฉันไปแน่ แต่ฉันต้องพารุ้งไปด้วย”
ทูนอินทร์โมโหไม่ยอมให้ไปง่ายๆ
“งั้นก็ข้ามศพฉันไปก่อน”
อิทธิยิ้มเหยียด
“จัดให้เดี๋ยวนี้เลย”
โจ้กับเบิร์ดตรงเข้าจับทูนอินทร์ล็อคไว้ คมเข้ายึดตัวรุ้งระวี เดชยึดร่างป้าแป๋ว
“ปล่อยนะ”
อิทธิเข้ามาหาทูนอินทร์
“ขอคืนจากคราวที่แล้วเถอะนะ ไอ้ทูน”
อิทธิฟาดด้ามปืนเข้าเต็มหน้าทูนอินทร์เลือดกลบปาก รุ้งระวีกับป้าแป๋วกรีดร้อง
“กรี๊ด อย่าทำอะไรคุณทูนนะ”
อิทธิชกเข้าที่ท้องและพุ่งหมัดเข้าเต็มหน้า ทูนอินทร์ล้มฟาดไปกับพื้น จุกตัวงอ
“งานนี้ขอส่วนแบ่งผมบ้างครับนาย”
คำรณเข้าเตะไม่เลี้ยงจนทูนอินทร์หมดสภาพ รุ้งระวีร้องไห้ตะโกนห้าม
“พอแล้ว อย่าทำอะไรเขา”
“พอก่อนโว้ย”
คำรณหยุดเตะ อิทธิมองหน้ารุ้งระวี
“เธอต้องกลับไปกับฉัน เดี๋ยวนี้ ไม่งั้น ไอ้ทูนไม่ตายก็พิการ”
“ฉันไม่กลับ”
อิทธิพยักหน้า คำรณตะทูนอินทร์ที่ปลายคางเซกลิ้งไปอีกทางเลือดเต็มหน้า รุ้งระวีสะบัดหลุดจากคม เข้ากอดจับมือเขาไว้แน่น
“คุณทูน”
ทูนอินทร์พยายามพูดออกมาอย่างลำบาก
“รุ้ง รุ้งต้องอยู่กับผม”
“คุณทูน พวกมันจะฆ่าคุณ”
“ผมไม่สน ผมยอมตาย”
“ไม่ได้ ฉันยอมให้พวกมันทำร้ายคุณอีกไม่ได้”
รุ้งระวีมองหน้า อิทธิ
“ฉันจะกลับ แต่ห้ามแตะต้องคุณทูนอีก”
อิทธิเจ็บปวดใจ
“รักมันมากใช่ไหม”
“ใช่ รักมาก มากที่สุด”
“งั้นบอกลามันได้แล้ว”
“ไม่จำเป็น เพราะยังไงฉันก็ต้องกลับมาหาเขาอยู่ดี”
“อย่าคิดในแง่ดีให้มากเกิน เพราะฉันแน่ใจว่าเธอกลับไปคราวนี้ เธอจะไม่ได้กลับมาอีก”
อิทธิทรุดลงนั่งยองๆ แล้วเชยคางรุ้งระวี
“เพราะเธอ จะต้องเป็นของฉันคนเดียว”
“อย่าคิดในแง่ดีให้มากเกินไปเหมือนกัน นายมีอะไรที่จะบังคับฉันได้งั้นเหรอ”
“มีแน่นอน เดี๋ยวกลับไปถึงกรุงเทพ เธอจะรู้เอง จับตัวไปขึ้นรถ”
คมกับเดชลากตัวไป รุ้งระวีดิ้นรน
“ปล่อยฉัน ปล่อย”
รุ้งระวีถูกลากออกไป อิทธิกับคำรณ มองทูนที่พยายามยันร่างขึ้น แต่ลุกไม่ขึ้น
“เดี๋ยวแกจะรู้เองว่ารุ้งจะเลือกใคร ระหว่างฉันกับแก”
อิทธิหัวเราะออกไป คำรณเตะอีกครั้ง ทูนอินทร์กลิ้งไปอย่างหมดท่า คำรณ โจ้ เบิร์ด ตามออกไป
“รุ้ง รุ้ง”
ทูนอินทร์ยันร่างขึ้น ป้าแป๋วเข้าดูอาการ
“นายขา อย่าตามไปค่ะ อย่าตามไป”
ทูนอินทร์กระเสือกกระสนเซซังตามไปจนได้
รุ้งระวีถูกผลักเข้ารถทั้งกลุ่มขึ้นรถ ทูนอินทร์เซออกมาที่หน้าบ้าน ป้าแป๋วตามมา
“รุ้ง”
อิทธิกำลังจะก้าวขึ้นรถมองไปที่ทูนอินทร์ยกปืนขึ้นจ่อ รุ้งระวีตกใจตะโกนห้าม
“อย่ายิงนะ”
อิทธิยิงทันที ทูนอินทร์ล้มลงที่สนาม ป้าแป๋วกรีดร้องฟุบลง อิทธิหัวเราะร่าก้าวขึ้นรถ รถแล่นออกไป ทูนอินทร์ยันร่างลุกตาม
“รุ้ง รุ้ง”
ทูนอินทร์ร้องไห้ฟุบลงที่พื้นสนามอีกครั้ง
ดำรงและเฉลาทานกลางวันกันอยู่ ดำรงรวบช้อนทันทีเมื่อรู้เรื่องเกี่ยวกับฟ้าใส
“ไปเอาข่าวมาจากไหน”
“เอาเป็นว่าคนใกล้ตัวนี่แหละ”
“เชื่อถือได้เหรอ บอกมาดีกว่าว่าใคร”
“เฮียรู้แล้วก็อย่าเพิ่งไปคาดคั้นอะไรมัน เพราะเด็กมันก็กลัวนังฟ้าใสเล่นงาน”
“คือใคร”
“ยายจ๊ะจ๋า”
ดำรงนิ่งไป
“มันบอกว่าเห็นกับตามัน นังฟ้าใสนอนกกกันอยู่กับนายอิทธิ เอาตัวเข้าแลกเพื่อหวังจะย้ายค่าย ฉันเตือนเฮียแล้วนะ เรื่องนังนี่มันไว้ใจไม่ได้ สัญชาติงูเห่าแล้วตอนนี้มันก็คิดทรยศเฮียแล้วด้วย”
“เฮียจะพูดกับยายจ๋าเอง แล้วค่อยว่ากัน”
“ได้ ทางที่ดีเรียกยายจ๋ามาพบดีกว่า เพราะนายอินทร น้องชายนายทูน เขาอยากมาพบเฮียด้วย”
ดำรงแปลกใจ
“นายคนนี้มาเกี่ยวอะไรด้วย”
“เฮียฟังข้อเสนอเขาเองก็แล้วกัน”
ดำรงครุ่นคิด เฉลาเริ่มเล่าเรื่องที่อินทรจะขอตัวจ๊ะจ๋า ดำรงพยักหน้ารับรู้

เมธ อินทร ดูแลอาการของทูนอินทร์ที่นอนแบบอยู่บนเตียง ใบหน้ามีผ้าพันแผลเอาไว้ อินทรป้อนยาให้ ทูนอินทร์กินยาอย่างลำบาก
“มันคงเอาคืนจากวันนั้นที่พวกเราเล่นงานมัน ไม่ได้แล้ว ต่อไปนี้ต้องจัดคนงานมาเฝ้าที่นี่แล้ว เอาอาวุธให้ครบมือเลย” เมธหน้าเครียด
ทูนอินทร์สายตาวิตกกังวลเป็นห่วงรุ้งระวีมาก
“มันไม่มายุ่งที่นี่แล้วละครับพี่เมธ เพราะมันได้ตัวรุ้งไปแล้ว ผมเป็นห่วงแต่รุ้งเท่านั้น”
“ตอนนี้ห่วงตัวเองก่อนเถอะครับพี่” อินทรเตือน
“ฉันไม่เป็นไรหรอก แกเตรียมรถไว้ ฉันจะเข้ากรุงเทพ”
“พี่ทูน พี่เดินยังไม่ค่อยไหวเลย จะไปได้ยังไง”
“แกขับรถให้ฉัน ยังไงฉันก็ต้องไปตามรุ้ง”
ทูนอินทร์พยายามยันร่างจะลุก อินทรประคองไว้ แต่เขาก็เจ็บแผลจนต้องทรุดลงนั่งใหม่ เมธส่ายหน้า
“ไม่มีประโยชน์หรอกว่ะ ถ้าร่างกายแกไม่พร้อม แกพักสักวันก่อนดีกว่า”
“ไม่ ผมจะไปหารุ้ง”
ทูนอินทร์ลุกพรวดขึ้น แต่แล้วก็ทรุดฮวบลงอีกครั้ง อินทรประคองให้ลงนอน
“แกเอายาอะไรให้ฉันกินวะทร”
“ยาระงับน่ะครับ พี่จะได้หลับสบายไง”
ทูนอินทร์พึมพำด้วยฤทธิ์ยา ก่อนจะหลับสนิทไป

รุ้งระวีถูกพาตัวเข้ามาในโถงบ้าน อิทธิตามเข้ามาพร้อมด้วยคำรณ คมและเดช
“พาฉันมาที่นี่ทำไม”
“นี่คือบ้านของเธอ”
รุ้งระวีแค่นหัวเราะ
“บอกแล้วไงว่าฉันมีบ้านหลังเดียว คือบ้านอินสรวง นายคิดว่าฉัน จะยอมอยู่ที่นี่งั้นเหรอ”
“เธอต้องอยู่ที่นี่ ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”
“จะขังฉันไว้รึไง”
“ถูกต้อง แล้วก็ห้ามติดต่อใครทั้งนั้น จนกว่าเราจะไปแถลงข่าวที่ออฟฟิศอีกสองสามวันข้างหน้า”
“แถลงข่าวอะไร”
“ก็แถลงข่าวว่าเธอกลับมาแล้ว กลับมาอย่างใสสะอาดไม่มีมลทินใดๆ จะได้แก้ข่าวลือบ้าๆ ที่ว่าเธอไปทำแท้งนั่นด้วย”
“เอางั้นเหรอ นอกจากฉันจะไม่แก้ข่าวแล้ว ฉันจะให้มันลือหนักไปกว่าเดิมอีกว่าฉันหนีไปอยู่กินกับคุณทูน แล้วตอนนี้ฉันกำลังท้องได้สองเดือนตามข่าวจริงๆ”
“นึกว่าชาวบ้านเขาจะเชื่อเหรอ”
“งั้นก็ดูนี่” รุ้งระวีชูนิ้วที่สวมแหวนให้ดู “คุณทูนหมั้นฉันไว้แล้ว เราจะแต่งงานกัน ฉันจะประกาศ ความจริงทุกอย่าง”
อิทธิดูแหวนแล้วหัวเราะขำ
“อย่านึกว่าทุกอย่างมันจะง่ายขนาดนั้น เธอต้องทำตามที่ฉันบอกทุกอย่าง”
“นายคิดว่านายมีอำนาจอะไรที่จะบังคับฉันได้”
“มีแน่ คำ ถึงเวลาที่แกจะเปิดตัวแล้วว่ะ”
รุ้งระวีมองคำรณอย่างงง ๆ
“ได้ครับนาย ผมรอเวลานี้มานานแล้ว”
คำรณยิ้มร้ายกาจมองรุ้งระวีอย่างชิงชัง
“จำผมได้บ้างไหมครับคุณรุ้ง เรารู้จักกันมาตั้งแต่คุณรุ้งยังเด็กๆ”
“นาย นายคือ...”
“ผม ลุงคำรณ พ่อเลี้ยงของคุณรุ้งไงครับ”
รุ้งระวีตะลึงนิ่ง ที่เคยสันนิษฐานไว้เป็นความจริง

จี่หอยรับสายอินทร มะปรางฟังอยู่ด้วย
“คุณอิทพารุ้งกลับมาแล้วเหรอคะ หา คุณทูนโดยซ้อม”
มะปรางตกใจ
“ครับ แต่อาการดีขึ้นแล้วครับ ตอนนี้พี่รุ้งกลับไปที่บ้านแล้วรึยัง”
“ยังไม่กลับค่ะ นี่ก็เย็นแล้วนะ”
“สืบให้หน่อยซีครับว่านายอิทธิพารุ้งไปอยู่ที่ไหน”
“ถ้าไม่พากลับบ้านที่นี่ ก็ต้องบ้านคุณอิทนั่นแหละค่ะ ค่ะ แล้วหอยจะสืบให้”
จี่หอยกดวางสาย มะปรางถามทันที
“เป็นไงคะพี่”
“เรื่องใหญ่แล้ว ลองโทรไปเช็คที่บ้านคุณอิทซิ ว่ารุ้งอยู่ที่นั่นรึเปล่า”
มะปรางจะโทร จี่หอยร้องกรี๊ด มะปรางตกใจ
“อะไรคะพี่”
“อย่าโทรหาคุณอิท เดี๋ยวจะเป็นเรื่อง โทรไปหาไอ้ยามหน้าบ้านดีกว่า”
“ปรางไม่มีเบอร์”
“พี่มี เพราะพี่เคยเป็นเมียเก็บมันอยู่พักนึง” จี่หอยหยิบมือถือขึ้นมา “นี่ เบอร์นี้”
จี่หอยส่งให้ปรางโทรทันที

รุ้งระวีมองคำรณอย่างหวาดหวั่น
“อย่ามาแกล้งหลอกกันนะ นายคำ”
“ถ้าไม่เชื่อ ผมมีหลักฐานให้ดู”
คำรณหยิบรูปถ่ายของตนและแสงหล้ามาวางบนโต๊ะสามสี่รูป รุ้งระวีหยิบขึ้นดูหายใจไม่ทั่วท้อง
“ไงครับ เชื่อแล้วรึยัง”
“นายคำรณ ถ้าอย่างนั้นที่นายเข้ามาทำงานที่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ“
คำรณยิ้มหยัน
“แน่นอน พอผมรู้ว่าคุณคือเด็กแหม่มจ๋า ผมก็สมัครเข้ามาทันที หวังว่าจะได้ผลประโยชน์เล็กๆ น้อยๆจากอดีตของคุณบ้าง”
“เพราะอย่างนี้นายถึงมีข้าวของของแม่เอามาหลอกจนฉันเชื่อ ทั้งถ้วยรางวัลของยายผกากับจดหมายของแม่ที่วัดคำสิงห์”
“ใช่ บางชิ้นผมเก็บไว้เอง แต่บางชิ้นผมก็ได้มาจากนังแสง แม่คุณนั่นแหละ”
รุ้งระวีหน้าตื่น
“แกเจอแม่ฉันเหรอ”
“ไม่ได้แค่เจอ เกือบฆ่าปิดปากไปแล้วด้วยซ้ำ”
รุ้งระวีทรุดนั่งหมดแรง อิทธิมองหยัน
“แม่เธอนี่เก่งมากนะ ขนาดถูกแทงปางตายยังรอดไปได้ แล้วแอบช่วยเธอลับหลังอยู่ตลอด แผนฉันต้องล้มหลายครั้งเพราะแม่เธอนี่แหละ”
รุ้งระวีแปลกใจ
“แม่ช่วยฉัน”
“ใช่ครับ แล้วที่ฉลาดสุดๆ คือเข้าใจหาที่ซ่อนอย่างที่เรานึกไม่ถึง”
“แม่ฉันอยู่ที่ไหน”
อิทธิ คำรณ เดช หัวเราะกันลั่น คมยิ้มเยาะ
“นึกดีๆ ซีครับคุณรุ้ง แม่คุณอยู่ใกล้ๆคุณนั่นแหละ”
รุ้งระวีมองอย่างสงสัย
“ที่ไหน”
“ก็อยู่ร่วมบ้านกับคุณไงละครับ บ้านนายทูนนั่นแหละ”
ทั้งสี่หัวเราะ รุ้งระวีนึกถึงป้าแสงทันที
“ป้าแสง ป้าแสง คือแม่แสงหล้า”
“เห็นไหม แม้แต่เธอเองยังนึกไม่ถึง แม่เธอไปสมัครเป็นคนครัวร้านต้มแซ่บของไอ้ทูน แล้วมาเป็นแม่บ้านให้ด้วย คอยสอดส่องดูแลเธออยู่ตลอดเวลา โดยไม่ให้เธอเห็นหน้า สมเป็นแม่ตัวอย่างจริงๆ”
ทั้งสี่หัวเราะอีก รุ้งระวีนิ่งงันไปนึกขึ้นได้ว่าแม่หายไปจากบ้าน
“แล้วตอนนี้แม่แสงหล้าอยู่ที่ไหน แม่หายไปจากบ้านตั้งแต่เมื่อวาน”
อิทธิยิ้มกว้าง
“แม่เธออยู่กับเราแล้ว”
“แม่อยู่ไหน พาฉันไปหาแม่เดี๋ยวนี้”
อิทธิยิ้มอย่างเป็นต่อ
“เดี๋ยวนี้ไม่ได้ เพราะเธอต้องทำตามที่ฉันสั่งทุกอย่างในวันแถลงข่าว แล้วฉันถึงจะพาเธอไปเจอแม่”
“อ้อ นี่จะใช้แม่มาบังคับฉัน ได้ แต่อย่าให้ฉันมีโอกาส ฉันจะเปิดโปงนายทั้งหมด ฉันจะเรียกตำรวจมาลากตัวนายเข้าคุกด้วย ฐานลักพาตัวทั้งฉัน ทั้งแม่มากักขังไว้”
“เธอไม่กล้าทำหรอกรุ้ง”
“ทำไม”
อิทธิพยักหน้าให้คำรณ
“ถ้าคุณทำอย่างนั้นจริง ผมไม่รับประกันชีวิตของแม่แสงหล้านะครับ”
รุ้งระวีเริ่มกลัว
“อย่ามาขู่กันให้ยาก มีอะไรยืนยันว่าแม่อยู่กับพวกนาย”
เดชไปที่โต๊ะ เปิดคอมทันที รุ้งระวีมองตาม
 
อ่านต่อหน้า 2





ต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 20 (ต่อ) 
 
ในเซฟเฮ้าส์ แสงหล้ายังนอนซมอยู่ที่โซฟาเก่าๆ มีผ้าห่มขาดๆคลุมร่างอยู่ ข้างตัวมีถุงน้ำแข็ง ระบุชื่อร้านอาน้ำอ้อย อำเภอวัดโบสถ์ ปราจีนพร้อมเบอร์โทร. แสงหล้าใช้ผ้าใส่น้ำแข็งประคบแผลที่ใบหน้า โจ้กำลังคุยโทรศัพท์มือถือ
 
“ครับพี่ ออนเครื่องเดี๋ยวนี้ละครับ”
โจ้เดินมาที่โน้ตบุ้ค แล้วกดเปิดเครื่องหันจอไปทางแสงหล้า
“เฮ้ย ลุกขึ้นมา”
โจ้กระชากร่างแสงหล้าขึ้นมา ผมเผ้าปิดหน้ามีคราบเลือดยังติดที่ใบหน้า
“แกจะทำอะไรฉัน”
“จะให้แกได้คุยกับลูกไง ไม่ชอบเหรอ”
“ลูก รุ้งมาที่นี่เหรอ”
“โธ่ นังโง่ จะให้แกคุยกับลูกทางจอคอมโว้ย"
แสงหล้าหันไปที่จอภาพ
“ไม่นะ อย่าให้รุ้งเห็นฉันในสภาพแบบนี้”

รุ้งระวีเดินมาที่จอคอมพิวเตอร์ที่เดชกำลังเข้าโปรแกรมอยู่ เสียงแสงหล้าดังแว่วมา
“ฉันไม่อยากให้ลูกเห็นฉันแบบนี้”
รุ้งระวีเดินมามองภาพแสงหล้าในจอ ถูกโจ้กับเบิร์ดจับอยู่
“แม่”
รุ้งระวีปิดปากตัวเองที่เห็นสภาพแม่ และเป็นครั้งแรกที่เห็นหน้าแม่แม้ว่าจะยังเห็นไม่ชัด เธอน้ำตาเอ่อท่วม แสงหล้าเบือนหน้าหนีผมรกใบหน้า
“แม่ แม่แสงหล้าของหนู”
แสงหล้าพยายามเบือนหน้าหลบ
“ปิดภาพซะ”
เบิร์ดตวาด
“ไม่ปิด เป็นอะไรวะ ไม่อยากให้ลูกเห็นหน้ารึไง”
แสงหล้ายกมือจะปิดหน้าตัวเอง เบิร์ดปัดมือออกอย่างแรง
“แกอย่าทำอะไรแม่ฉันนะ แม่คะ ขอหนูได้เห็นหน้าแม่เต็มๆ ตาเถอะค่ะ”
แสงหล้าค่อยๆ เบือนหน้ากลับมาน้ำตานองหน้า รุ้งระวีเห็นหน้าแม่เต็มตาใบหน้าแม่ฟกช้ำจากที่ถูกทำร้าย
“แม่แสงหล้าของหนูจริงๆ” รุ้งระวีพนมมือไหว้แสง “นี่คือครั้งแรกที่หนูเห็นหน้าแม่ แม่ขา หนูกราบแม่”
รุ้งระวีกราบหน้าจอคอมพิวเตอร์
“รุ้ง”
แสงหล้าสะอื้นเอื้อมมือมา เหมือนจะจับมือลูกสาวไว้ แต่ก็เป็นเพียงจอภาพ รุ้งระวีเงยหน้าขึ้น
“ดีใจเหลือเกินที่ได้เห็นหน้าแม่ ถึงแม้จะเป็นแค่ภาพก็ตาม ตอนที่อยู่บ้านอินสรวง ทำไมแม่ไม่แสดงตัวให้รุ้งทราบ”
“แม่ไม่กล้าลูก ถ้าเจ้าคำรณมันรู้เข้า แม่กลัวว่าภัยจะมาถึงตัวลูก”
“ต่อไปนี้อย่ากลัวอีกเลยนะคะ แม่คอยดูแลปกป้องรุ้งอยู่ตลอด แม้แต่ต้องเอาตัวเข้าแลก ต่อไปนี้รุ้งจะดูแลแม่เอง แม่ไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้ว”
อิทธิยิ้มเมื่อได้ยิน รุ้งระวีเช็ดน้ำตาหันมาทางอิทธิ
“พาแม่มาอยู่ที่นี่กับฉันได้ไหม”
“ไม่ได้ เพราะฉันต้องเก็บแม่เธอไว้เป็นตัวประกัน จนกว่าเธอจะยอมทำตามเงื่อนไขทั้งหมด”
“นายต้องการให้ฉันทำอะไร บอกมา”
“ค่อยพูดง่ายหน่อย อย่างน้อยเธอก็ต้องทำงานให้ฉันจนคุ้มกับที่ฉันลงทุนไป สัญญาหนึ่งปีอาจจะต้องเพิ่มเป็นห้าหรือสิบ”
รุ้งระวีนิ่งงันไป แสงหล้าได้ยินทั้งหมด
“อย่าไปยอมนะลูก มันกำลังให้ลูกเป็นทาสมันไปทั้งชีวิต”
อิทธิโมโห
“เฮ้ย จัดการ”
“หยุดพูด”
โจ้เข้ามาตบหน้าฉาดใหญ่ แสงหล้ากรีดร้อง รุ้งระวีร้องลั่น
“อย่าทำอะไรแม่ฉัน”
โจ้และเบิร์ดเข้ามา จิกผมแสงหล้าแล้วตบดีไม่เลี้ยง รุ้งระวีร้องไม่หยุดวิ่งเข้ามาตบตีอิทธิ
“หยุด ฉันบอกให้หยุด อย่าทำร้ายแม่อีกเลย”
อิทธิยึดแขนไว้ รุ้งระวีร้องโฮออกมา อิทธิรวบร่างมากอดไว้ ยิ้มสะใจ
“เฮ้ย พอแล้ว”
โจ้กับเบิร์ดหยุดทันที แสงหล้าทรุดฮวบลงกับพื้น รุ้งระวีดันร่าง อิทธิออกรีบกลับไปที่จอภาพ
“โธ่ แม่ แกต้องการอะไรบอกมา ฉันทำให้ทุกอย่าง ขออย่างเดียว อย่าทำร้ายแม่ฉันอีก”
รุ้งระวีมองภาพแม่ที่ค่อยๆ ลุกขึ้นมานั่งอย่างเจ็บปวด อิทธิพยักหน้า คำรณสั่งออกคำสั่ง
“เฮ้ย ไอ้โจ้ ไอ้เบิร์ด ต่อไปนี้แกจะต้องปรนนิบัติแม่แสงหล้าอย่างดี อย่าใช้กำลังอีก เข้าใจไหม”
“ครับพี่ เราจะดูแลอย่างดีเลยครับ”
โจ้ประคองแสงหล้าลงนั่งที่เก้าอี้ยาวแล้วเชยคางขึ้นมาให้มองกล้อง
“มองหน้าลูกหน่อยนะคุณแม่แสง เพราะเดี๋ยวจะต้องลากันแล้ว”
โจ้และเบิร์ดหัวเราะร่า แสงหล้ามองมาที่จอภาพส่ายหน้ากับรุ้งระวี พยายามจะพูดว่าอย่ายอม อิทธิ แต่เสียงแหบแห้งเต็มทีเธอหยิบผ้าใส่ก้อนน้ำแข็งมาประคบหน้า แล้ววางถุงน้ำแข็งมาทางจอภาพเห็นชื่อร้านน้ำแข็งชัดเจน รุ้งระวีมองไปที่ถุงน้ำแข็งเป็นของร้านอาน้ำอ้อย อำเภอวัดโบสถ์ ปราจีน พร้อมเบอร์โทรศัพท์ ซึ่งขณะนั้น อิทธิ คม เดช คุยกันไม่ได้เอะใจ แสงหล้าพยักหน้าให้ รุ้งระวีพยักหน้าตอบพยายามจำเบอร์โทรไว้ อิทธิหันมาสั่ง
“เฮ้ย ร่ำลากันพอแล้ว ปิดเครื่อง”
เบิร์ดเข้ามากดปิดเครื่องภาพดับวูบลง รุ้งระวีมองหน้าอิทธิ
“เมื่อไหร่จะปล่อยแม่ฉัน”
“เมื่อฉันพอใจ เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับวันแถลงข่าว เธอจะต้องสวยที่สุดอ้อ แล้วก็ลืมไอ้ทูนมันไปได้เลยนะ มันไม่มีวันแย่งตัวเธอไปจากฉันได้หรอก”
อิทธิแยกไป คม เดช ตาม รุ้งระวีมองมาที่คำรณที่ยังยืนอยู่
“แกจะตามล้างตามผลาญฉันกับแม่ไปถึงไหนไอ้คำ”
“ถ้ายังจำได้ ผมขาดทุนไปเยอะสมัยที่เป็นผัวแม่คุณ อย่าลืมซีว่าสมัยนั้นผมขายคุณให้ฝรั่งพัทยาไม่ได้ โดนไอ้เสี่ยมันซ้อมแทบปางตาย แถมติดคุกมาตอนนี้ผมต้องเอาคืนให้คุ้ม ทั้งเงิน ทั้งหนี้แค้น ฮ่าฮ่า”
คำรณออกไป รุ้งระวีนั่งนิ่งงัน ก่อนจะร้องไห้ออกมาท่ามกลางโถงกว้างไร้ผู้คน

แสงหล้ามองลูกสาวอีกครั้งแล้วค่อยๆ เดินเช็ดน้ำตาเข้าไปในสวนป่าจะกลับไปเก็บของที่ร้าน แต่ขณะที่เดินไปนั้นเธอรู้สึกเหมือนมีคนเดินตามมาจึงหันไปมองเบื้องหลังไม่เห็นใคร แสงหล้าเดินเรื่อยเข้าไปในสวนจะออกถนนใหญ่
ทันใดนั้นเธอได้ยินเสียงฝีเท้าคนอีกครั้ง เธอหันไปเห็นชายฉกรรจ์เดินตามมาสองคนอยู่ไกลๆ เธอรีบเดินอย่างเร็ว แต่พอเดินมาถึงจุดหนึ่งก็ชะงักไป เพราะร่างของคำรณโผล่ออกมาจากต้นไม้ใหญ่
“แกจะรีบไปไหนเหรอนังแสง”
“ไอ้คำ”
“เก่งมากนะที่มากบดานอยู่บ้านไอ้ทูน จนข้ามองข้ามเอ็งไปได้”
แสงจะกลับหลัง ชายฉกรรจ์สองคนเดินเข้ามาใกล้ ยิ้มน่ากลัว
“แกต้องการอะไร”
“ข้าเตือนแล้วว่าอย่ามายุ่งกับนังรุ้ง เอ็งไม่เชื่อ ยังเสนอหน้ามาใกล้ลูกอีกต่างหาก”
“จะฆ่าข้าก็ได้ แต่อย่าทำอะไรลูกข้า ข้าขอละ”
“คราวนี้ข้าไม่ฆ่าเอ็งหรอก เพราะชีวิตเอ็งยังมีค่า ใช้ประโยชน์ได้อีกเยอะ” คำรณหันไปสั่งลูกน้อง “เฮ้ย ไอ้โจ้ ไอ้เบิร์ดจัดการให้มันอยู่ในโอวาท”
สองชายฉกรรจ์เดินเข้าหา แสงหล้าถอยกรูด
“อย่านะ อย่าเข้ามา”
แสงหล้าคว้าท่อนไม้ได้ท่อนนึงบังเอิญวางอยู่พอดีเอามาเป็นอาวุธ โจ้กับเบิร์ดหัวเราะร่า เบิร์ดเดินเข้ามาแสงหล้าฟาดไม้ลงกลางแสกหน้าไม้หักแต่หน้าเบิร์ดไม่เป็นไรก่อนจะตบหน้าแสงหล้าด้วยหลังมือจนเซไป โจ้เข้ามาตบซ้ำ แสงหล้าล้มไปกับพื้น เลือดกลบปาก มองไปที่คำรณ ที่ยิ้มแสยะ ก่อนที่ภาพทั้งหมดจะวูบเลือนไป

ค่ำคืนนั้น อิทธิและฟ้าใสนอนเปลือยเปล่าด้วยกันบนเตียง หญิงสาวซบกับอกของเขา
“ยังไม่ให้คำตอบฟ้าเลยว่าจะให้ฟ้าเข้าสังกัดคุณเมื่อไหร่”
“ใจเย็นๆซี”
“ถ้ารู้กำหนด ฟ้าจะได้ลาออกจากไอ้เสี่ยเลยไงคะ แล้วก็”
“อะไรเหรอ”
“ฟ้าเข้าสังกัดคุณ ฟ้าจะมาแทนนังรุ้ง รับรองฟ้าจะไปชุบตัวให้สาวสวยกว่าเดิมแล้วคุณเอาเพลงเด็ด ๆ ของนังรุ้งมาให้ฟ้าร้อง รับรองฟ้าจะทำให้คนลืมนังรุ้งไปเลย”
“รุ้งยังอยู่ในสังกัดของผมนะ อีกหนึ่งปีเต็ม”
“มันหนีไปอย่างนี้ แสดงว่ามันไม่ต้องการทำงานให้คุณแล้ว ตัดหางมันไปเถอะค่ะจะไปสนมันทำไม ในเมื่อมีฟ้ามาแทนที่แล้วทั้งคน”
“ให้ผมจัดการเรื่องรุ้งก่อนนะ แล้วผมจะทำตัวเป็นป๋าดันให้คุณเต็มๆเลย”
“จริงนะคะป๋า”
ทั้งสองหัวเราะให้กัน อิทธิเบือนหน้าหลบสายตาฟ้าใสแอบทำหน้าเอือมๆ เพราะไม่นึกอยากได้ฟ้าใสสักนิด ทันใดนั้นมือถืออิทธิดังขึ้น เขาลุกมารับสาย
“ว่าไง”
อิทธิเหลือบมองฟ้าใส ที่มองมาแล้วรีบแยกออกมาจากห้องนอนลดเสียงลง
“ว่าไงวะ เจอนังแม่แล้วเหรอ”
คำรณคุยโทรศัพท์อยู่เซฟเฮาส์กลางสวนป่า โดยมีร่างของแสงหล้านอนหมดสติอยู่ ผมกระเซิง เสื้อผ้าฉีกขาดเพราะโดนซ้อมมาอย่างหนัก โจ้และเบิร์ดเฝ้าอยู่
“ครับนาย ตอนนี้มันอยู่ที่เซฟเฮาส์ของผม”
“ไปจับมาได้ยังไงวะ”
“มันมาทำงานเป็นแม่ครัวที่ร้านไอ้ทูนนั่นแหละครับ”
“เข้าใจหาที่ซ่อนตัว อยู่ใต้จมูกเรานี่เอง”
“มีข่าวดีอีกเรื่องครับ”
“อะไร”
“คุณรุ้งอยู่กับเจ้าทูนด้วยครับ นายมาตามตัวกลับได้เลย”
“ดีมาก เฮ้ย แกส่งภาพมาให้ฉันดูหน่อย ฉันอยากเห็นหน้านังแม่มัน”
“ไม่น่าดูนักนะครับ เพราะผมสั่งสอนมันไปรอบนึงแล้ว”
“เฮ้ย อย่าทำอะไรเกินเหตุนะ เราต้องใช้งานมันอีกหลายเรื่อง”
“ทราบครับนาย”
คำรณเลิกสาย แล้วเดินมาหาแสงหล้า พร้อมกับหันไปสั่งสมุน
“จับหน้ามันเงยขึ้นมา”
โจ้จับร่างแสงหล้านอนหงาย คำรณถ่ายภาพด้วยมือถือ อิทธิรอสายอยู่ สัญญาณเข้ามาเขากดมองภาพในมือถืออย่างพึงใจ หน้าของแสงหล้าฟกช้ำไปทั้งหน้าเลือดยังกรังที่หน้าผากและริมฝีปาก อิทธิยิ้มสะใจ

แขกในร้านมีประปราย รุ้งระวีและทูนอินทร์นั่งอยู่ด้วยกันที่มุมสงบของร้าน เธอยังคงติดใจเรื่องเสียงของแม่เมื่อกลางวัน หนานเข้ามาบอก
“วันนี้ป้าแสงไม่มาร้านครับ”
คูนตามหนานเข้ามาบอกอีกคน
“ที่บ้านก็ไม่อยู่หรือครับ”
ทูนอินทร์แปลกใจ
“เห็นป้าแป๋วบอกว่ากลับมาที่ร้านแล้วนี่ ส้มล่ะ มันรู้ไหมว่าป้าอยู่ที่ไหน”
“ต้องไปถามในครัวน่ะครับ” หนานบอก
ส้มป่อยกำลังช่วยงานครัวอยู่ ทูนอินทร์ หนาน คูน รอฟังคำตอบอยู่
“ไม่เห็นเลยค่ะตั้งแต่บ่ายแล้ว เอ๊ะ หรือว่าป้าแกหนีไปแล้ว”
หนานส่ายหน้าเป็นไปไม่ได้
“เฮ่ย จะหนีไปไหน”
“ไม่รู้นี่คะ เห็นแกรวยแล้วตอนนี้ เงินก็มีใช้ มือถือก็มี”
ทูนอินทร์ชักสงสัย
“ไปดูที่ห้องซิ”
ทั้งหมดตรงไปที่ห้องพักของแสงหล้า เปิดประตูเข้าไป หนานเปิดไฟ เห็นข้าวของของแสงหล้ายังวางอยู่ครบถ้วน คูนชี้มือไปที่ของ
“นี่ไง ข้าวของของป้าแกยังอยู่ครบ ไม่ได้หนีไปไหนสักหน่อย”
ทูนอินทร์เข้ามาสำรวจรอบๆห้อง ส้มป่อยเห็นมือถือวางอยู่หัวเตียง
“อุ๊ย มือถือก็ยังอยู่นะคะนาย”
ทูนอินทร์แปลกใจมาก
“แกไปไหนของแก”
หนานคิดๆ
“หรือว่าไปที่ตลาดครับ เพราะคืนนี้มีลิเกเล่นที่ตลาดด้วย”
ทูนอินทร์หันไปสั่งสามคน
“คอยดูไว้นะ แกกลับมาเมื่อไหร่ก็ให้ไปพบที่ร้าน เพราะว่ารุ้งเขาอยากเจอป้าแสงมาก”
ส้มป่อยนึกได้รีบบอก
“แต่ป้าเขาไม่อยากเจอพี่รุ้งหรอกค่ะ”
ทูนอินทร์แปลกใจ
“ทำไมล่ะ”
“ไม่รู้ค่ะ หนูจะให้ป้าไปเจอพี่รุ้งหลายหนแล้ว แกไม่ยอมสักที ไม่รู้...ทำไม”
ทูนอินทร์คิดตามที่ส้มป่อยบอกยิ่งสงสัยหนัก

วันรู่งขึ้น ทูนอินทร์และรุ้งระวีนั่งกินอาหารเช้ากันอยู่ ป้าแป๋วที่คอยดูแลเข้ามาบอก
“ไม่กลับมาเลยค่ะ หายไปทั้งคืน ที่ร้านก็ไม่ได้กลับไปนอน”
ทูนอินทร์ครุ่นคิดอย่างสงสัย
“เอ มันชักยังไงๆแล้วนะ”
รุ้งระวีนิ่งคิดก่อนจะถามป้าแป๋ว
“รุ้งอยากเห็นรูปแกน่ะค่ะ พอมีรูปถ่ายบ้างไหม”
“ไม่มีเลยค่ะ เขาเป็นคนไม่ชอบถ่ายรูป ดูลึกลับยังไงพิกล ป้าว่าคงหนีไปแล้วละค่ะ คงมีคดีติดตัวอะไรสักอย่าง”
รุ้งระวีชักกังวลหันไปถามทูนอินทร์
“แจ้งความดีไหมคะ”
“รออีกสักวันดีกว่า ถ้าแกยังไม่กลับมาจริงๆ ค่อยแจ้งความ”
รุ้งระวียังคิดถึงเสียงร้องของแสงหล้าที่ได้ยิน ทูนอินทร์พยายามพูดให้สบายใจ
“อย่าเพิ่งกังวลเลยครับ วันนี้เรามาดูงานเพลงของเราดีกว่า ผมจะให้รุ้งระวีร้องเพลงใหม่ของผมอีกเพลง ยังแต่งไม่เสร็จดี แต่อยากฟังเสียงเพราะๆของรุ้ง”
รุ้งระวียิ้มรับ
“ได้ค่ะ”
ทั้งสองกินอาหารเช้ากันต่อ

รถตู้ของอิทธิแล่นมาจอดหน้าบ้าน อิทธิก้าวลงมาพร้อม คม เดช คำรณ โจ้ เบิร์ด ทั้งหมดอาวุธครบมือ มองหน้ากันแล้วบุกเข้าบ้านทันที โจ้กับเบิร์ด ถีบประตูเข้ามาอย่างแรง ป้าแป๋วกรีดร้อง ทูนอินทร์และรุ้งระวีลุกพรวด อิทธิเข้ามาพร้อมสมุนทั้งหมด จ่อปืนมาที่ทูนอินทร์
“เป็นยังไงรุ้งของผม แอบมาเสวยสุขอยู่กับไอ้ทูนที่นี่ ไม่คิดจะกลับบ้านเราเลยรึไง”
“ที่นี่คือบ้านฉัน ฉันไม่มีบ้านหลังอื่นอีกแล้ว” รุ้งระวีพูดน้ำเสียงหนักแน่น
“แต่เธอต้องกลับไปกับฉันเดี๋ยวนี้ เพราะเธอยังต้องทำงานให้บริษัทฉันให้ครบตามสัญญา”
รุ้งระวีจ้องหน้าอิทธิอย่างเกลียดชัง
“ฟ้องร้องเอาก็แล้วกัน ฉันจะได้เปิดโปงกลโกงของนาย ที่หลอกฉันทุกเรื่อง ตั้งแต่เรื่องแม่ จนถึงหลอกให้ฉันร้องเพลงที่นายขโมยคุณทูนมาด้วย”
อิทธิยิ้มหยัน
“มีหลักฐานไหม”
ทูนอินทร์ไม่พอใจ
“แกออกไปจากบ้านฉันดีกว่า ก่อนที่จะแกเดือดร้อนมากกว่านี้”
“ยังมีหน้ามาขู่ ฉันไปแน่ แต่ฉันต้องพารุ้งไปด้วย”
ทูนอินทร์โมโหไม่ยอมให้ไปง่ายๆ
“งั้นก็ข้ามศพฉันไปก่อน”
อิทธิยิ้มเหยียด
“จัดให้เดี๋ยวนี้เลย”
โจ้กับเบิร์ดตรงเข้าจับทูนอินทร์ล็อคไว้ คมเข้ายึดตัวรุ้งระวี เดชยึดร่างป้าแป๋ว
“ปล่อยนะ”
อิทธิเข้ามาหาทูนอินทร์
“ขอคืนจากคราวที่แล้วเถอะนะ ไอ้ทูน”
อิทธิฟาดด้ามปืนเข้าเต็มหน้าทูนอินทร์เลือดกลบปาก รุ้งระวีกับป้าแป๋วกรีดร้อง
“กรี๊ด อย่าทำอะไรคุณทูนนะ”
อิทธิชกเข้าที่ท้องและพุ่งหมัดเข้าเต็มหน้า ทูนอินทร์ล้มฟาดไปกับพื้น จุกตัวงอ
“งานนี้ขอส่วนแบ่งผมบ้างครับนาย”
คำรณเข้าเตะไม่เลี้ยงจนทูนอินทร์หมดสภาพ รุ้งระวีร้องไห้ตะโกนห้าม
“พอแล้ว อย่าทำอะไรเขา”
“พอก่อนโว้ย”
คำรณหยุดเตะ อิทธิมองหน้ารุ้งระวี
“เธอต้องกลับไปกับฉัน เดี๋ยวนี้ ไม่งั้น ไอ้ทูนไม่ตายก็พิการ”
“ฉันไม่กลับ”
อิทธิพยักหน้า คำรณตะทูนอินทร์ที่ปลายคางเซกลิ้งไปอีกทางเลือดเต็มหน้า รุ้งระวีสะบัดหลุดจากคม เข้ากอดจับมือเขาไว้แน่น
“คุณทูน”
ทูนอินทร์พยายามพูดออกมาอย่างลำบาก
“รุ้ง รุ้งต้องอยู่กับผม”
“คุณทูน พวกมันจะฆ่าคุณ”
“ผมไม่สน ผมยอมตาย”
“ไม่ได้ ฉันยอมให้พวกมันทำร้ายคุณอีกไม่ได้”
รุ้งระวีมองหน้า อิทธิ
“ฉันจะกลับ แต่ห้ามแตะต้องคุณทูนอีก”
อิทธิเจ็บปวดใจ
“รักมันมากใช่ไหม”
“ใช่ รักมาก มากที่สุด”
“งั้นบอกลามันได้แล้ว”
“ไม่จำเป็น เพราะยังไงฉันก็ต้องกลับมาหาเขาอยู่ดี”
“อย่าคิดในแง่ดีให้มากเกิน เพราะฉันแน่ใจว่าเธอกลับไปคราวนี้ เธอจะไม่ได้กลับมาอีก”
อิทธิทรุดลงนั่งยองๆ แล้วเชยคางรุ้งระวี
“เพราะเธอ จะต้องเป็นของฉันคนเดียว”
“อย่าคิดในแง่ดีให้มากเกินไปเหมือนกัน นายมีอะไรที่จะบังคับฉันได้งั้นเหรอ”
“มีแน่นอน เดี๋ยวกลับไปถึงกรุงเทพ เธอจะรู้เอง จับตัวไปขึ้นรถ”
คมกับเดชลากตัวไป รุ้งระวีดิ้นรน
“ปล่อยฉัน ปล่อย”
รุ้งระวีถูกลากออกไป อิทธิกับคำรณ มองทูนที่พยายามยันร่างขึ้น แต่ลุกไม่ขึ้น
“เดี๋ยวแกจะรู้เองว่ารุ้งจะเลือกใคร ระหว่างฉันกับแก”
อิทธิหัวเราะออกไป คำรณเตะอีกครั้ง ทูนอินทร์กลิ้งไปอย่างหมดท่า คำรณ โจ้ เบิร์ด ตามออกไป
“รุ้ง รุ้ง”
ทูนอินทร์ยันร่างขึ้น ป้าแป๋วเข้าดูอาการ
“นายขา อย่าตามไปค่ะ อย่าตามไป”
ทูนอินทร์กระเสือกกระสนเซซังตามไปจนได้
รุ้งระวีถูกผลักเข้ารถทั้งกลุ่มขึ้นรถ ทูนอินทร์เซออกมาที่หน้าบ้าน ป้าแป๋วตามมา
“รุ้ง”
อิทธิกำลังจะก้าวขึ้นรถมองไปที่ทูนอินทร์ยกปืนขึ้นจ่อ รุ้งระวีตกใจตะโกนห้าม
“อย่ายิงนะ”
อิทธิยิงทันที ทูนอินทร์ล้มลงที่สนาม ป้าแป๋วกรีดร้องฟุบลง อิทธิหัวเราะร่าก้าวขึ้นรถ รถแล่นออกไป ทูนอินทร์ยันร่างลุกตาม
“รุ้ง รุ้ง”
ทูนอินทร์ร้องไห้ฟุบลงที่พื้นสนามอีกครั้ง
ดำรงและเฉลาทานกลางวันกันอยู่ ดำรงรวบช้อนทันทีเมื่อรู้เรื่องเกี่ยวกับฟ้าใส
“ไปเอาข่าวมาจากไหน”
“เอาเป็นว่าคนใกล้ตัวนี่แหละ”
“เชื่อถือได้เหรอ บอกมาดีกว่าว่าใคร”
“เฮียรู้แล้วก็อย่าเพิ่งไปคาดคั้นอะไรมัน เพราะเด็กมันก็กลัวนังฟ้าใสเล่นงาน”
“คือใคร”
“ยายจ๊ะจ๋า”
ดำรงนิ่งไป
“มันบอกว่าเห็นกับตามัน นังฟ้าใสนอนกกกันอยู่กับนายอิทธิ เอาตัวเข้าแลกเพื่อหวังจะย้ายค่าย ฉันเตือนเฮียแล้วนะ เรื่องนังนี่มันไว้ใจไม่ได้ สัญชาติงูเห่าแล้วตอนนี้มันก็คิดทรยศเฮียแล้วด้วย”
“เฮียจะพูดกับยายจ๋าเอง แล้วค่อยว่ากัน”
“ได้ ทางที่ดีเรียกยายจ๋ามาพบดีกว่า เพราะนายอินทร น้องชายนายทูน เขาอยากมาพบเฮียด้วย”
ดำรงแปลกใจ
“นายคนนี้มาเกี่ยวอะไรด้วย”
“เฮียฟังข้อเสนอเขาเองก็แล้วกัน”
ดำรงครุ่นคิด เฉลาเริ่มเล่าเรื่องที่อินทรจะขอตัวจ๊ะจ๋า ดำรงพยักหน้ารับรู้

เมธ อินทร ดูแลอาการของทูนอินทร์ที่นอนแบบอยู่บนเตียง ใบหน้ามีผ้าพันแผลเอาไว้ อินทรป้อนยาให้ ทูนอินทร์กินยาอย่างลำบาก
“มันคงเอาคืนจากวันนั้นที่พวกเราเล่นงานมัน ไม่ได้แล้ว ต่อไปนี้ต้องจัดคนงานมาเฝ้าที่นี่แล้ว เอาอาวุธให้ครบมือเลย” เมธหน้าเครียด
ทูนอินทร์สายตาวิตกกังวลเป็นห่วงรุ้งระวีมาก
“มันไม่มายุ่งที่นี่แล้วละครับพี่เมธ เพราะมันได้ตัวรุ้งไปแล้ว ผมเป็นห่วงแต่รุ้งเท่านั้น”
“ตอนนี้ห่วงตัวเองก่อนเถอะครับพี่” อินทรเตือน
“ฉันไม่เป็นไรหรอก แกเตรียมรถไว้ ฉันจะเข้ากรุงเทพ”
“พี่ทูน พี่เดินยังไม่ค่อยไหวเลย จะไปได้ยังไง”
“แกขับรถให้ฉัน ยังไงฉันก็ต้องไปตามรุ้ง”
ทูนอินทร์พยายามยันร่างจะลุก อินทรประคองไว้ แต่เขาก็เจ็บแผลจนต้องทรุดลงนั่งใหม่ เมธส่ายหน้า
“ไม่มีประโยชน์หรอกว่ะ ถ้าร่างกายแกไม่พร้อม แกพักสักวันก่อนดีกว่า”
“ไม่ ผมจะไปหารุ้ง”
ทูนอินทร์ลุกพรวดขึ้น แต่แล้วก็ทรุดฮวบลงอีกครั้ง อินทรประคองให้ลงนอน
“แกเอายาอะไรให้ฉันกินวะทร”
“ยาระงับน่ะครับ พี่จะได้หลับสบายไง”
ทูนอินทร์พึมพำด้วยฤทธิ์ยา ก่อนจะหลับสนิทไป

รุ้งระวีถูกพาตัวเข้ามาในโถงบ้าน อิทธิตามเข้ามาพร้อมด้วยคำรณ คมและเดช
“พาฉันมาที่นี่ทำไม”
“นี่คือบ้านของเธอ”
รุ้งระวีแค่นหัวเราะ
“บอกแล้วไงว่าฉันมีบ้านหลังเดียว คือบ้านอินสรวง นายคิดว่าฉัน จะยอมอยู่ที่นี่งั้นเหรอ”
“เธอต้องอยู่ที่นี่ ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”
“จะขังฉันไว้รึไง”
“ถูกต้อง แล้วก็ห้ามติดต่อใครทั้งนั้น จนกว่าเราจะไปแถลงข่าวที่ออฟฟิศอีกสองสามวันข้างหน้า”
“แถลงข่าวอะไร”
“ก็แถลงข่าวว่าเธอกลับมาแล้ว กลับมาอย่างใสสะอาดไม่มีมลทินใดๆ จะได้แก้ข่าวลือบ้าๆ ที่ว่าเธอไปทำแท้งนั่นด้วย”
“เอางั้นเหรอ นอกจากฉันจะไม่แก้ข่าวแล้ว ฉันจะให้มันลือหนักไปกว่าเดิมอีกว่าฉันหนีไปอยู่กินกับคุณทูน แล้วตอนนี้ฉันกำลังท้องได้สองเดือนตามข่าวจริงๆ”
“นึกว่าชาวบ้านเขาจะเชื่อเหรอ”
“งั้นก็ดูนี่” รุ้งระวีชูนิ้วที่สวมแหวนให้ดู “คุณทูนหมั้นฉันไว้แล้ว เราจะแต่งงานกัน ฉันจะประกาศ ความจริงทุกอย่าง”
อิทธิดูแหวนแล้วหัวเราะขำ
“อย่านึกว่าทุกอย่างมันจะง่ายขนาดนั้น เธอต้องทำตามที่ฉันบอกทุกอย่าง”
“นายคิดว่านายมีอำนาจอะไรที่จะบังคับฉันได้”
“มีแน่ คำ ถึงเวลาที่แกจะเปิดตัวแล้วว่ะ”
รุ้งระวีมองคำรณอย่างงง ๆ
“ได้ครับนาย ผมรอเวลานี้มานานแล้ว”
คำรณยิ้มร้ายกาจมองรุ้งระวีอย่างชิงชัง
“จำผมได้บ้างไหมครับคุณรุ้ง เรารู้จักกันมาตั้งแต่คุณรุ้งยังเด็กๆ”
“นาย นายคือ...”
“ผม ลุงคำรณ พ่อเลี้ยงของคุณรุ้งไงครับ”
รุ้งระวีตะลึงนิ่ง ที่เคยสันนิษฐานไว้เป็นความจริง

จี่หอยรับสายอินทร มะปรางฟังอยู่ด้วย
“คุณอิทพารุ้งกลับมาแล้วเหรอคะ หา คุณทูนโดยซ้อม”
มะปรางตกใจ
“ครับ แต่อาการดีขึ้นแล้วครับ ตอนนี้พี่รุ้งกลับไปที่บ้านแล้วรึยัง”
“ยังไม่กลับค่ะ นี่ก็เย็นแล้วนะ”
“สืบให้หน่อยซีครับว่านายอิทธิพารุ้งไปอยู่ที่ไหน”
“ถ้าไม่พากลับบ้านที่นี่ ก็ต้องบ้านคุณอิทนั่นแหละค่ะ ค่ะ แล้วหอยจะสืบให้”
จี่หอยกดวางสาย มะปรางถามทันที
“เป็นไงคะพี่”
“เรื่องใหญ่แล้ว ลองโทรไปเช็คที่บ้านคุณอิทซิ ว่ารุ้งอยู่ที่นั่นรึเปล่า”
มะปรางจะโทร จี่หอยร้องกรี๊ด มะปรางตกใจ
“อะไรคะพี่”
“อย่าโทรหาคุณอิท เดี๋ยวจะเป็นเรื่อง โทรไปหาไอ้ยามหน้าบ้านดีกว่า”
“ปรางไม่มีเบอร์”
“พี่มี เพราะพี่เคยเป็นเมียเก็บมันอยู่พักนึง” จี่หอยหยิบมือถือขึ้นมา “นี่ เบอร์นี้”
จี่หอยส่งให้ปรางโทรทันที
 
อ่านต่อหน้า 3





ต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 20 (ต่อ)


รุ้งระวีมองคำรณอย่างหวาดหวั่น
 
“อย่ามาแกล้งหลอกกันนะ นายคำ”
“ถ้าไม่เชื่อ ผมมีหลักฐานให้ดู”
คำรณหยิบรูปถ่ายของตนและแสงหล้ามาวางบนโต๊ะสามสี่รูป รุ้งระวีหยิบขึ้นดูหายใจไม่ทั่วท้อง
“ไงครับ เชื่อแล้วรึยัง”
“นายคำรณ ถ้าอย่างนั้นที่นายเข้ามาทำงานที่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ“
คำรณยิ้มหยัน
“แน่นอน พอผมรู้ว่าคุณคือเด็กแหม่มจ๋า ผมก็สมัครเข้ามาทันที หวังว่าจะได้ผลประโยชน์เล็กๆ น้อยๆจากอดีตของคุณบ้าง”
“เพราะอย่างนี้นายถึงมีข้าวของของแม่เอามาหลอกจนฉันเชื่อ ทั้งถ้วยรางวัลของยายผกากับจดหมายของแม่ที่วัดคำสิงห์”
“ใช่ บางชิ้นผมเก็บไว้เอง แต่บางชิ้นผมก็ได้มาจากนังแสง แม่คุณนั่นแหละ”
รุ้งระวีหน้าตื่น
“แกเจอแม่ฉันเหรอ”
“ไม่ได้แค่เจอ เกือบฆ่าปิดปากไปแล้วด้วยซ้ำ”
รุ้งระวีทรุดนั่งหมดแรง อิทธิมองหยัน
“แม่เธอนี่เก่งมากนะ ขนาดถูกแทงปางตายยังรอดไปได้ แล้วแอบช่วยเธอลับหลังอยู่ตลอด แผนฉันต้องล้มหลายครั้งเพราะแม่เธอนี่แหละ”
รุ้งระวีแปลกใจ
“แม่ช่วยฉัน”
“ใช่ครับ แล้วที่ฉลาดสุดๆ คือเข้าใจหาที่ซ่อนอย่างที่เรานึกไม่ถึง”
“แม่ฉันอยู่ที่ไหน”
อิทธิ คำรณ เดช หัวเราะกันลั่น คมยิ้มเยาะ
“นึกดีๆ ซีครับคุณรุ้ง แม่คุณอยู่ใกล้ๆคุณนั่นแหละ”
รุ้งระวีมองอย่างสงสัย
“ที่ไหน”
“ก็อยู่ร่วมบ้านกับคุณไงละครับ บ้านนายทูนนั่นแหละ”
ทั้งสี่หัวเราะ รุ้งระวีนึกถึงป้าแสงทันที
“ป้าแสง ป้าแสง คือแม่แสงหล้า”
“เห็นไหม แม้แต่เธอเองยังนึกไม่ถึง แม่เธอไปสมัครเป็นคนครัวร้านต้มแซ่บของไอ้ทูน แล้วมาเป็นแม่บ้านให้ด้วย คอยสอดส่องดูแลเธออยู่ตลอดเวลา โดยไม่ให้เธอเห็นหน้า สมเป็นแม่ตัวอย่างจริงๆ”
ทั้งสี่หัวเราะอีก รุ้งระวีนิ่งงันไปนึกขึ้นได้ว่าแม่หายไปจากบ้าน
“แล้วตอนนี้แม่แสงหล้าอยู่ที่ไหน แม่หายไปจากบ้านตั้งแต่เมื่อวาน”
อิทธิยิ้มกว้าง
“แม่เธออยู่กับเราแล้ว”
“แม่อยู่ไหน พาฉันไปหาแม่เดี๋ยวนี้”
อิทธิยิ้มอย่างเป็นต่อ
“เดี๋ยวนี้ไม่ได้ เพราะเธอต้องทำตามที่ฉันสั่งทุกอย่างในวันแถลงข่าว แล้วฉันถึงจะพาเธอไปเจอแม่”
“อ้อ นี่จะใช้แม่มาบังคับฉัน ได้ แต่อย่าให้ฉันมีโอกาส ฉันจะเปิดโปงนายทั้งหมด ฉันจะเรียกตำรวจมาลากตัวนายเข้าคุกด้วย ฐานลักพาตัวทั้งฉัน ทั้งแม่มากักขังไว้”
“เธอไม่กล้าทำหรอกรุ้ง”
“ทำไม”
อิทธิพยักหน้าให้คำรณ
“ถ้าคุณทำอย่างนั้นจริง ผมไม่รับประกันชีวิตของแม่แสงหล้านะครับ”
รุ้งระวีเริ่มกลัว
“อย่ามาขู่กันให้ยาก มีอะไรยืนยันว่าแม่อยู่กับพวกนาย”
เดชไปที่โต๊ะ เปิดคอมทันที รุ้งระวีมองตาม

ทูนอินทร์เบือนหน้าจากชามข้าวต้มที่อินทรกำลังป้อนให้
“ฉันกินไม่ลง แกไม่น่าเอายากล่อมประสาทมาให้ฉันกินเลย ฉันเลยไม่ได้ไปหารุ้ง”
“ถึงไปหาก็ไม่เจอตัวหรอกครับ นายอิทธิจับรุ้งไปอยู่ที่คฤหาสน์ของมันมีคนคุ้มกันแน่นหนา”
“มันจะอยู่เหนือกฎหมายอะไรนักหนาวะ เส้นสายเราก็มี บุกเข้าทะลายแกงค์มันในบ้านให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย”
“ทำน่ะมันง่ายครับพี่ แต่อย่าลืมเรื่องสัญญาที่พี่รุ้งมีกับนายอิทธิ นั่นละครับที่เราฝืนกฎหมายไม่ได้”
ทูนอินทร์นิ่งงันไป ทันใดนั้นมือถือดังขึ้น เขาหยิบมาดูเบอร์
“เฮ้ย แม่แสงหล้าโทรมา” ทูนอินทร์กดรับสาย “สวัสดีครับ แม่แสงหล้า”
ส้มป่อยอยู่ในครัวกับแม่ครัวอื่นๆ ฟังเสียงทูนอินทร์แล้วสะดุ้ง
“นายขา ทำไมเรียกส้มอย่างนั้นละคะ”
“อ้าว นั่นส้มเหรอ”
“ค่ะ นาย”
“แล้วเอามือถือเบอร์นี้มาจากไหน”
“อ๋อ ของป้าแสงน่ะค่ะ ส้มเห็นแกหนีไปแล้วทิ้งมือถือไว้ ส้มก็เลยเอามาใช้นายคงไม่ว่านะคะ”
“หมายความว่า เบอร์นี้คือเบอร์ของป้าแสง”
“ใช่ค่ะนาย ทำไมเหรอคะ”
ทูนอินทร์นิ่งงัน พยายามลำดับความคิด
“ป้าแสง แม่แสงหล้า”
อินทรมองงงๆ
“อะไรครับพี่”
“นายคะ น้าหนานได้โสมเกาหลีมา จะทำให้นายทานบำรุงกำลัง ถ้านายไม่ทาน ส้มจะทานเองเพราะเขาว่าทานแล้วหน้าเด้งกว่าทงอี” สายทูนอินทร์ตัดไปแล้ว “นาย นายขา”
ทูนอินทร์เลิกสาย หยิบเสื้อมาใส่อย่างลำบาก อินทรเข้าช่วย
“แกขับรถพาฉันไปที่ร้านเดี๋ยวนี้เลย”
“พี่ไหวเหรอครับ”
“ฉันไม่เป็นอะไรมากหรอกน่า”
“ตกลงมันเรื่องอะไรครับ”
“เรื่องมันเฉลยตัวมันเองแล้วละ เรื่องของป้าแสงกับแม่แสงหล้า น่าจะเป็นคนเดียวกัน”
อินทรตะลึงไป

อินทรเปิดประตูห้องพักเข้าไปเปิดไฟสว่าง ทูนอินเดินกะเผลกๆเดินเข้ามาพร้อมส้มป่อย หนานและคูน ส้มป่อยชี้ไปที่ลิ้นชัก
“นั่นค่ะ ในลิ้นชักนั่น ป้าแกมีกล่องของส่วนตัว ไม่ยอมให้ใครเปิดเลยนะคะ”
ทูนอินทร์หันไปสั่งลูกน้อง
“หนาน คูน จัดการ”
ทั้งสองหยิบกล่องออกมาจากลิ้นชัก ทุกคนเข้ามารุมดูด้วยใจระทึก หนานเปิดกล่องทุกคนประหลาดใจ ส้มป่อยตาโต ทูนอินทร์เอื้อมมือลงมาหยิบของในกล่องเป็นรูปภาพเก่าๆ ของแสงหล้าวัยสาวถ่ายร่วมกับรุ้งระวีวัยเด็กหลายรูป ทูนอินทร์มั่นใจ
“ใช่จริงๆ ป้าแสงคือแม่แสงหล้า แม่ของรุ้งจริงๆ”
“หา ส้มไม่อยากเชื่อ ป้าคือแม่ของพี่รุ้งเหรอคะ”
อินทร หนาน คูนหยิบถ้วยรางวัล และของกระจุกกระจิกออกมา
“ใช่จริงๆ ครับ ถ้วยรางวัลนี่ของพี่รุ้งจริงๆ”
หนานแปลกใจ
“หมายความว่า แม่แสงหล้าแอบมาอยู่กับเรา เพื่อให้ได้อยู่ใกล้ชิดคุณรุ้งใช่ไหมครับ”
ทูนอินทร์ถอนใจ
“อย่าเรียกว่าแอบ แกเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผยเลย พวกเรานั่นแหละที่ไม่ทันคิด นึกว่าแกเป็นคนจร”
คูนคิดๆ
“งั้นความลึกลับของป้าแสงก็ถูกเฉลยหมดแล้วละครับ ที่เราสงสัยกันว่าทำไมแกไม่พูดถึงประวัติแกเลย ไม่ยอมให้ถ่ายรูป”
ส้มป่อยเสริม
“ไม่ยอมพบหน้าพี่รุ้ง”
หนานนึกออก
“และทำไมแกร้องเพลงเพราะนัก เพราะเป็นนักร้องอาชีพนี่เอง”
อินทรหันมาหาพี่ชาย
“เอาไงต่อไปครับพี่ทูน”
“ฉันกำลังกลัวอยู่”
“กลัวอะไรครับพี่”
“กลัวว่าที่แม่แสงหล้าหายไป แกอาจจะไม่ได้หนี”
หนานแปลกใจ
“ไม่หนี...แล้วจะหายไปเฉยๆได้ยังไงครับ”
ทูนอินทร์หน้าเครียดเป็นกังวล
“แกอาจถูกพวกไอ้อิทธิลักพาตัวไปก็ได้”
ทุกคนอึ้งกันไปหมด

เมธดูรูปของแสงหล้าและรุ้งระวีวัยเด็กอยู่
“ใช่ป้าแสงจริงๆด้วย”
ทูนอินทร์เซ็งๆ
“เราตามหาตัวแกแทบตาย ที่แท้มาอยู่ใต้จมูกเรานี่เอง”
อินทรร้อนใจ
“ถ้าแกถูกลักพาตัวไปจริง เราจะทำยังไงดีครับ”
“ก็ต้องช่วยออกมาให้ได้ รวมทั้งรุ้งด้วย มันอาจจะใช้แม่แสงหล้าเป็นตัวต่อรองกับรุ้งก็ได้”
ทันใดนั้น หนานวิ่งหน้าตื่นเข้ามา
“นายครับ เปิดทีวีเดี๋ยวนี้เลย ช่องสามครับ”
อินทรกดรีโมททีวีทันที ทุกคนหันมาดูเห็นอิทธิกำลังให้สัมภาษณ์อยู่โดยมีนักข่าวหลายสำนักกำลังส่งไมค์สัมภาษณ์
“ใช่ครับ รุ้งระวีกลับมาแล้ว”
“ตกลงบอกได้ไหมครับ ว่ารุ้งหายไปไหนหลายวัน”
“อีกสองสามวันครับ ผมจะจัดแถลงข่าวที่บริษัทผม ทุกคนไปฟังคำตอบในวันนั้นได้เลย”
“แก้ข้อสงสัยทุกข้อเลยรึเปล่าคะ”
“ใช่ครับ วันนั้นรุ้งจะมาตอบคำถามทุกคำถาม ข่าวลือทุกข่าว ได้คำตอบแน่นอน วันศุกร์นี้นะครับ บ่ายสองเชิญทุกคน”
ทูนอินทร์นิ่งงันไป เมธหันมาถามเสียงเครียด
“คิดว่ายังไง”
“รุ้งต้องถูกพวกมันบังคับแน่ๆทร งานนี้แกกับฉันได้ปลอมเป็นนักข่าวอีกหนแล้วละ”
ทุกคนมองหน้ากันอย่างประหลาดใจ

ค่ำนั้น อิทธิรับสายจากฟ้าใส ที่เกรี้ยวกราดเต็มที่
“คุณไปลากตัวมันกลับมาทำไม”
“เขากลับมาเอง”
“เราตกลงกันแล้วนี่ ว่าคุณจะดันฉันขึ้นเป็นนักร้องเบอร์หนึ่งของค่ายแทนนังรุ้ง”
“นี่ฟ้าใส ผมตกลงก็ต่อเมื่อรุ้งไม่กลับมา แต่นี่เขากลับมาแล้ว ผมก็ต้องสานต่อ”
“แล้ว แล้วมันกลับมาทำไม มันหนีไปซบอกนายทูนแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ก็คงเหมือนคุณละมั้ง อยู่กับนายทูนแล้วไม่ถึงอกถึงใจ ต้องกลับมาหาคนอย่างผม ถึงใจพระเดชพระคุณกว่า ฮ่าฮ่า”
ฟ้าใสหมั่นไส้เต็มที
“แล้วจะเอายังไงกับฉัน”
“ใจเย็นน่า สัญญาของเรา ผมยังไม่เลิกราหรอก แต่ตอนนี้ผมต้องจัดการเรื่องรุ้งก่อน จะเป็นไรไป ถ้าผมจะเป็นราชาที่มีราชินีเป็นคู่ครองถึงสองคน”
“ฉันไม่ยอมนะคุณอิท ฉันไม่ชอบใช้ของร่วมกับใคร โดยเฉพาะคนเป็นผัว”
อิทธิหัวเราะร่า แล้วเลิกสายไปทันที
“คุณอิท ยังพูดกันไม่รู้เรื่องเลย ปัทโธ่เว้ย”
ฟ้าใสปามือถือลงกับพื้น แตกกระจาย

รุ้งระวีนั่งอยู่ที่โต๊ะ มือถือแก้วกาแฟที่ร้อนควันฉุยหน้าตากังวลทุกข์ใจ อิทธิในชุดเสื้อคลุมนอนเปิดประตูเปิดเข้ามายิ้มให้ รุ้งระวีถอยไปจนชิดผนัง
“โธ่ ไม่ต้องกลัวผมขนาดนั้นก็ได้”
“ต้องกลัว เพราะคราวที่แล้วนายพาฉันมาค้างที่นี่ นายทั้งซ้อม ทั้งวางยา แล้วจะข่มขืนฉัน”
“รุ้ง รุ้งก็รู้อยู่ว่าผมรักรุ้งแค่ไหน ถึงแม้ตอนนี้รุ้งจะเป็นของมือสองจากไอ้ทูนแต่ผมไม่ถือ เพราะคุณยังน่ารักน่าใคร่เหมาะที่จะเป็นเมียผมอย่างยิ่ง”
“ในชีวิตคุณนี่เคยมีความละอายบ้างไหม หรือว่าด้านเสียจนแยกแยะไม่ออกแล้วว่าอะไรดี อะไรชั่ว”
“บางครั้งความดี มันก็ไม่ช่วยให้ผมได้ทั้งเงินและอำนาจอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ความเลวนี่แหละที่มันช่วยให้ผมได้ทุกอย่าง”
อิทธิเดินเข้าหา รุ้งระวีถอยหนี
“อย่าเข้ามานะ”
“บอกแล้วไงว่าคุณต้องยอมผมทุกอย่าง ไม่งั้น แม่คุณต้องเจ็บตัวหนักกว่าเดิมแล้วอาจจะไม่ได้เจอหน้าลูกอีกเลย”
อิทธิเข้าประชิดแล้วปล้ำถอดเสื้อคลุมนอน รุ้งระวีพยายามผลักไส เสื้อคลุมหลุดออกเห็นชุดนอนบางเบา
“อย่ามาฤทธิ์เยอะนะ วันนี้เธอต้องเป็นเมียฉัน”
อิทธิดันร่างรุ้งระวีไปที่โต๊ะ แล้วจูบไซร้ซอกคอ รุ้งระวีนิ่งงันไป ไม่ผลักไสอีกแล้ว
“ว่าง่ายๆแบบนี้ค่อยดีหน่อย”
รุ้งระวีมองไปที่ถ้วยกาแฟที่ยังร้อนควันฉุย อิทธิยังซุกหน้ากับซอกคอ เธอแกล้งทำเสียงคราง
“คุณอิท อย่ารุนแรงกับรุ้งนะคะ”
อิทธิมองหน้านิ่ง
“พูดแบบนี้กับเจ้าทูนมันด้วยรึเปล่าเนี่ย”
รุ้งระวีมองตอบ
“จะเชื่อหรือไม่ก็ตามใจ รุ้งไม่เคยมีอะไรกับคุณทูน”
“ไม่เชื่อหรอก มันจะปล่อยเธอหลุดมือมาได้ยังไง”
“เขาเป็นสุภาพบุรุษต่างหาก”
“โง่น่ะซี แสดงว่ารุ้งยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง”
รุ้งระวียิ้มยั่ว
“ค่ะ”
“ยังไงก็ไม่เชื่อ ต้องขอพิสูจน์เดี๋ยวนี้ละ”
อิทธิซุกไซร้ดอมดมที่เนินอกอีกครั้ง รุ้งระวีหน้าแหงนเงยครางตาม แต่เอื้อมมือไปหยิบแก้วกาแฟ อิทธิกำลังเพลินกับการไซร้ต่ำไปที่เนินอกมากขึ้นทุกที รุ้งระวีเทกาแฟร้อนๆ ลงที่เป้ากางเกงบ็อกเซอร์ทันทีเปียกไปทั้งหน้าขา อิทธิผงะหงายกุมเป้าร้องลั่น
“อ๊าก โอ๊ย”
“ว้าย คุณอิท รุ้งไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษค่ะ มือมันปัดไปโดนถ้วยกาแฟ เป็นอะไรมากไหมคะ”
“โอ๊ย ร้อน พอง พองแล้ว”
“มา รุ้งช่วย”
รุ้งระวีจะเข้ามาจับเป้า อิทธิปัดมือออก คมกับเดชเปิดประตูเปิดเข้ามา คมเข้ามาประคอง
“นายครับ เป็นอะไรครับ”
เดชมองหน้ารุ้งระวี
“คุณทำอะไรนายผม”
“ก็แค่กาแฟร้อนๆ หกไปรดตรงที่มันชอบหื่น เท่านั้นเอง”
คมมองเจ้านายอย่างเป็นห่วง
“นายเป็นไงบ้าง”
อิทธิโอดครวญ
“ก็ลวกหมดแล้ว พองหมด โอยพาไปที เดินไม่ไหวแล้ว”
คมและเดชประคอง อิทธิที่เดินขาถ่างออกไป รุ้งระวีปิดประตูแล้วล็อกไว้ทันที ถอนใจที่รอดมาได้

วันต่อมา ดำรงกำลังกินอาหารกับฟ้าใส ดำรงมองอย่างสังเกตที่เห็นเธอนั่งหน้าเย็นชา...จ๊ะจ๋ากำลังล้างจานชามอยู่ในส่วนครัว ไม่ห่างนักได้ยินคำสนทนาทั้งหมด
“ได้ข่าวเรื่องนายอิทธิรึเปล่า”
“ข่าวอะไรคะ”
“ข่าวเรื่องรุ้งระวีกลับมาแล้วน่ะซี เห็นว่าจะจัดแถลงข่าวเรื่องที่เธอหายตัวไป ไม่รู้เรื่องเลยเหรอ”
ฟ้าใสเบ้หน้า
“ไม่สนค่ะ ทำไมฟ้าจะต้องไปสนใจเรื่องของนังรุ้งมันด้วย”
ดำรงยิ้มหยันๆ
“สนใจไว้บ้างก็ดีนะ”
“ทำไมคะ”
“มันเป็นกรณีตัวอย่าง เป็นนักร้องมีสังกัด ยังไงก็ต้องซื่อสัตย์กับเจ้าของ เขาลงทุนลงแรงไปไม่ใช่น้อย กว่าจะเป็นนักร้องมีชื่อขึ้นมาได้ ไม่ควรทรยศ”
ฟ้าใสอึ้งไป จ๊ะจ๋าเหลือบมองมาทางทั้งคู่ แล้วรีบล้างจานต่อ ฟ้าใสทำเป็นยิ้มแย้ม
“แย่นะคะนังรุ้งเนี่ย เพิ่งดังแท้ๆ แต่ออกฤทธิ์เสียแล้ว มันคงหลงตัวเองน่าดู อย่างนี้คงดังได้ไม่นาน เดี๋ยวก็ดับ”
“ใช่” ดำรงมองฟ้าใสนิ่ง ยิ้มเย็นๆ “อีกไม่นานก็ดับ”
ฟ้าใสเห็นสายตาของดำรงมองนิ่งมา รู้สึกถึงความอำมหิตบางอย่าง เธอรีบลุกขึ้นทันที
“เออ ฟ้าอิ่มแล้ว เข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”
ฟ้าใสรีบผละไปเข้าห้องน้ำ จ๊ะจ๋าตรงมาจะเก็บจานชาม
“อิ่มแล้วนะคะเสี่ย”
“จ๊ะจ๋า”
“ขา”
“เฝ้าดูนังนี่ไว้ รู้เห็นอะไรเพิ่ม รายงานฉันทันที”
“ค่ะ”
“แล้ววันไหนว่าง ฉันจะเรียกหนูกับเพื่อนเข้าไปคุย”
“ค่ะ”
ดำรงลุกไป จ๊ะจ๋ามองตาม ยิ้มออกมาแสดงว่าเสี่ยรับรู้ข้อเสนอของตนแล้ว

วันแถลงข่าวมาถึง กลุ่มนักข่าวมาชุมนุมกันเช่นเคย โดยมีกลุ่มแฟนคลับออกันอยู่ด้านหลัง ทุกคนส่งเสียงคุยกันให้แซ่ดเรื่องที่รุ้งระวีหายหน้าไป
โต๊ะแถลงข่าวอยู่อีกด้านหนึ่ง กลุ่มจุ๊บแจงรวมกันอยู่มุมห้องให้นักข่าวสัมภาษณ์ จี่หอยกับมะปรางหลบอยู่มุมห้องกระซิบกระซาบกันอยู่
“ไม่เข้าใจจริง ๆ ทำไมคุณอิทไม่ให้เราพบรุ้ง แอบเก็บตัวไว้ในห้องทำไม”
“นั่นซีคะพี่ ให้ช่างแต่งหน้า ช่างผมมาดูแลแทนเราด้วย”
“ต้องมีเรื่องอะไรปกปิดไว้แน่ๆเลย”
นักข่าวกลุ่มเดิมที่เคยสัมภาษณ์ครั้งคอนเสิร์ตที่รุ้งระวีหนีไปกำลังสัมภาษณ์ พวกอาชาทำหน้าเศร้าทุกคน
“รู้สึกยังไงบ้างครับ ที่รุ้งระวีหนีไปแบบนี้” นักข่าวยิงคำถาม
“เป็นห่วงน้องเขามาก คิดถึงทุกช่วงเวลาที่เราออกคอนเสิร์ตด้วยกันร้องเพลงด้วยกัน มันเป็นช่วงเวลาที่เราแบ่งปัน สิ่งดีๆให้กัน” อาชาทำเป็นพูดเสียงขาดเป็นห้วงๆเศร้ามาก “มันสะเทือนใจ จนพูดไม่ออกแล้ว”
อาชาเบือนหน้า เช็ดน้ำตา ขวัญข้าวลูบไหล่อาชาเป็นการปลอบ ทำเสียงเครือตาม
“ถ้ารุ้งกลับมาคราวนี้ เราสัญญากันว่าเราจะเปิดใจกับน้องเขาให้มากขึ้น เราจะดูแลน้องเขาอย่างดีที่สุดค่ะ”
นักข่าวหันไปถามจุ๊แจงบ้าง
“น้องแจงมีอะไรจะพูดไหมคะ”
“แจงอยากจะบอกว่าแจงกินไม่ได้นอนไม่หลับตลอดเวลาที่พี่รุ้งหนีไป แจงส่งแรงใจไปถึงพี่รุ้งทุกวัน ให้พี่รีบกลับมาบ้านเราเร็วๆ”
จุ๊บแจงเช็ดน้ำตา จวงใจเข้าโอบ
“เข้มแข็งไว้ลูก เราต้องผ่านจุดนี้ไปให้ได้นะคะ”
นักข่าวบางคนแยกไป เหลือเฉพาะนักข่าวก็อซซิบกลุ่มเดิม นักข่าวกระซิบ
“พี่ครับ เราปิดไมค์ ปิดกล้องแล้ว พูดความจริงดีกว่า”
กลุ่มอาชาเปลี่ยนมู้ดทันที สุมหัวเข้าหากันจวงใจได้ที่ใส่ไฟทันที
“น้องขา มันเพิ่งทำแท้งมาค่ะ”
“แน่ใจเหรอคะ”
“โธ่ หายไปเกือบอาทิตย์ รีดลูกแน่ๆ”
อาชารีบเสริม
“เห็นว่าคลีนิคเถื่อนแถวๆมีนบุรี”
นักข่าวงงๆ
“น้ำท่วมอยู่นะคะ ไปทำแท้งได้ยังไง”
ทั้งกลุ่มมองหน้ากัน เพราะโกหกไม่เนียน ขวัญข้าวรีบแก้
“คือไปทำก่อนท่วมค่ะ พอกำลังทำน้ำมันมาพอดี เลยติดเกาะอยู่กลับมาไม่ได้”
นักข่าวพยักหน้าเข้าใจ
“อ๋อ แล้วใครเป็นพ่อเด็กละคะ”
ขวัญรีบตอบ
“ยังจับมือใครดมไม่ได้เลยค่ะ”
อาชาพูดต่อ
“ก็มัวแต่ไปจับมือมาดม ถ้าจับอย่างอื่นดม ป่านนี้รู้เรื่องไปแล้ว”
ทั้งกลุ่มแอบหัวเราะเบาๆ จี่หอย มะปรางมองมาอย่างสงสัย

รุ้งระวีนั่งให้ช่างหน้าผมแต่งจนสะสวย อิทธิเฝ้าอยู่ คมกับเดชเฝ้าอยู่ที่ประตู อิทธิยิ้มพอใจเมื่อรุ้งระวีแต่งตัวเสร็จ
“เรียบร้อยแล้ว ออกไปได้”
ช่างผมออกไป อิทธิมองรุ้งระวีอย่างชื่นชมในความงาม แต่รุ้งระวีเศร้าและเหม่อลอย
“ยิ้มหน่อยซี เดี๋ยวคุณจะต้องออกไปเจอนักข่าวนะ อย่าให้เป็นที่สงสัย แล้วพูดตามสคริปทุกอย่าง”
“เข้าใจ” รุ้งลุกขึ้น “ฉันพร้อมแล้ว”
“เดี๋ยว ”
“มีอะไรอีก”
อิทธิจับมือรุ้งระวี ยกขึ้นทำท่าเหมือนจะประทับจูบ แต่ที่จริงพยายามจะถอดแหวนออก รุ้งระวีดึงมือกลับ
“จะทำอะไร”
“ถอดแหวนของไอ้ทูนออกซะ”
“ถอดทำไม”
“จะใส่ให้นักข่าวมันถามงั้นเหรอ ถอดออก แล้วทิ้งไป”
รุ้งระวีถอดแหวนออก อิทธิแบมือจะรับแหวน
“ผมจะเอาไปทิ้ง ไม่ต้องเสียดายหรอก แหวนกระจอกๆแบบนี้”
“ขอเถอะ ฉันจะเอาไปคืนคุณทูน”
“ยังหวังจะได้เจอมันอีกเหรอ”
“ฉันคงฝากพี่หอยไปคืนให้”
“ก็ได้”
รุ้งระวีหยิบกล่องแหวนขึ้นมาเก็บลงกล่อง แล้วใส่กระเป๋า เดินนำออกจากห้อง อิทธิ คม เดช ตามไป
 
อ่านต่อหน้า 4






ต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 20  (ต่อ)


อิทธิเดินคู่มากับรุ้งระวี ออกมาที่ห้องแถลงข่าว นักข่าวฮือกันถ่ายรูปแฟลชวูบวาบ รุ้งระวียิ้มอย่างฝืนใจเต็มที แฟนคลับให้ดอกไม้และของฝากตลอดทาง จี่หอยเข้ามากอดรุ้งระวีอย่างเป็นห่วง
 
“รุ้งเป็นยังไงบ้าง พี่เป็นห่วงหนูมากเลย”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่หอย”
“จริงนะ”
“ค่ะ”
รุ้งระวีเดินมานั่งที่โต๊ะ อิทธิเริ่มการแถลงข่าว
“และรุ้งก็กลับมาสู่มิตรรักแฟนเพลงทุกท่านครับแล้ว ขอปรบมือต้อนรับ รุ้งระวีของเราครับ”
ทั้งห้องปรบมือ รุ้งระวีไหว้ทุกคน
“ขอบคุณค่ะ วันนี้รุ้งกลับมาแล้ว และพร้อมตอบคำถามทุกคำถาม”
นักข่าวคนหนึ่งยิงคำถามทันที
“คำถามแรกเลยค่ะ น้องรุ้งหายไปไหน แล้วทำไมถึงหายไปในวันคอนเสิร์ตใหญ่ด้วย ไม่รักแฟนเพลงแล้วหรือไง”
“กราบขอโทษแฟนเพลงทุกคนค่ะ วันนั้นที่รุ้งไม่ได้ออกคอนเสิร์ต เพราะ”
รุ้งระวีนิ่งไป ทุกคนนิ่งฟังกลุ่มอาชาฟังอย่างลุ้นเต็มที่ ขณะเดียวกันนั้น ทูนอินทร์และอินทรที่ปลอมตัวเป็นนักข่าวใส่ทั้งวิกผมใส่หนวดและแว่นตาถือกล้องเข้ามาในห้อง ทูนอินทร์มองรุ้งระวีนิ่ง
“รุ้งได้ข่าวร้ายเรื่องแม่ รุ้งจ้างนักสืบสืบหาแม่อยู่นาน วันนั้นเป็นวันที่ได้ข่าวว่า แม่รุ้งเสียแล้ว วันนั้นรุ้งหมดกำลังใจ หมดสิ้นทุกอย่างในชีวิต ถ้าออกไปร้องเพลงคืนนั้น ก็คงทำให้แฟนเพลงผิดหวัง เพราะคงออกไปร้องไห้ได้อย่างเดียว รุ้งกราบขอโทษทุกคนค่ะ”
นักข่าวพึมพำด้วยความเข้าใจและเห็นใจ จี่หอยกับมะปราง มองหน้ากัน เพราะรู้ว่านายอิทธิสร้างเรื่องขึ้นทั้งหมด ทูนอินทร์ฟังความจากรุ้งระวีนิ่ง
“แล้วทำไมต้องหนีไปด้วยละค่ะ”
“นั่นซีถ้าออกมาบอกเหตุผลนี้ ทุกคนก็ต้องเข้าใจนะครับ”
นักข่าวส่งเสียงอื้ออึงเห็นด้วย
“รุ้งไม่ได้หนีนะคะ แค่อยากรู้ว่าแม่เสียแล้วจริงรึเปล่า ก็เลยเดินทางไปที่วัดคำสิงห์ที่แพร่คืนนั้นทันที”
“แล้วทำไมหายไปตั้งหลายวันละคะ”
“รุ้งไปอยู่ที่วัดเพื่อทำบุญกระดูกให้แม่ค่ะ ตอนนั้นสภาพจิตใจแย่มากก็เลยตัดสินใจถือศีลอยู่ที่วัดเลย จนรู้สึกดีขึ้นถึงได้กลับมานี่ละค่ะ”
“ตกลงคุณแม่เสียจริงๆนะคะ”
“ค่ะ แม่รุ้งเสียไปแล้ว”
ทูนอินทร์และอินทรมองหน้ากัน กระซิบกันเบาๆ
“เฮ่ย ทำไมรุ้งพูดอย่างนั้นล่ะ ทำไมบอกว่าแม่เสีย”
“ต้องถูกบังคับให้พูดแน่ๆเลยครับ”
“ก็ไม่ควรพูด แล้วถ้าความจริงมันถูกเปิดเผยออกมา คนไม่ประณามกันทั้งประเทศเหรอ”
รุ้งระวีพูดต่อ
“แต่ตอนนี้ รุ้งดีขึ้นแล้วค่ะ พร้อมที่จะกลับมาทำงานเหมือนเดิมแล้ว”
นักข่าวถามอีก
“ที่ว่ากลับมาทำงาน คือกลับมาทำงานค่ายเพลงของ อิทธิซาวนด์ใช่ไหมคะ”
“ใช่ค่ะ เอ มีค่ายอื่นด้วยเหรอคะ”
นักข่าวฮือ ทูนอินทร์ยิ่งงง
“ก็ค่าย รุ้งกินน้ำ ของพี่เมธกับคุณทูนอินทร์ไงครับ เห็นว่ากำลังทาบทามตัวให้ย้ายค่ายอยู่”
รุ้งระวียิ้มเศร้า
“ไม่ละค่ะ รุ้งปฏิเสธทางนั้นไปแล้ว ไม่มีการย้ายค่ายแน่นอน”
อิทธิยิ้มพอใจ ทุกคนฮือฮา จี่หอยกับมะปรางงง ทูนอินทร์ไม่พอใจมาก
“อะไรกันวะ”
อิทธิยิ้มกว้างให้นักข่าว
“ชัดเจนนะครับ รุ้งจะอยู่สังกัดอิทธิซาวนด์เท่านั้น ไม่มีการย้ายค่ายไปที่อื่น มีคำถามอีกไหม”
นักข่าวคนหนึ่งถามขึ้น
“เออ ตกลงข่าวลือ ที่ว่าท้องแล้วแอบไปทำแท้ง ไม่ใช่เรื่องจริงนะคะ”
ทุกคนฮือขึ้นทั้งห้อง
“ข่าวลือก็คือข่าวลือ อย่าไปเชื่อนะคะ คนปล่อยข่าวเป็นพวกขี้อิจฉาไม่เคยหวังดีกับรุ้งเลย” รุ้งมองไปทางกลุ่มอาชา “พวกนี้จ้องจะทำลายรุ้งตั้งแต่วันแรกที่รุ้งมาเหยียบเมืองไทยเลยละค่ะ”
ทุกคนถามกันใหญ่ว่าใคร กลุ่มอาชามองหน้ากัน พยายามไม่แสดงพิรุธ
“อีกอย่างรุ้งยังไม่มีความรักกับผู้ชายคนไหนเลย จะไปท้องกับใครได้คะ”
ทั้งห้องหัวเราะปรบมือ อิทธิยิ้มกับตัวเอง ทูนอินทร์ชักโกรธ
“อ้าว ทำไมพูดแบบนี้ ไม่มีความรัก เอ๊ะ แล้วรุ้งเอาฉันไปทิ้งไว้ที่ไหนละวะ”
ทูนอินทร์ฮึดฮัด อินทรต้องเตือน
“พี่ บอกแล้วว่าพี่รุ้งถูกบังคับให้พูด”
“บังคับยังไง แต่ก็ไม่น่าโกหกแฟนเพลงแบบนี้ ทั้งเรื่องแม่ เรื่องความรัก เรื่องย้ายค่าย”
“พี่ทูนใจเย็นๆ”
อิทธิกวาดตามองนักข่าว
“มีคำถามอีกไหมครับ”
นักข่าวรุมถามกันเซ็งแซ่ จนฟังไม่ได้ศัพท์ อิทธิรีบตัดบท
“เดี๋ยวครับ ผมขอแค่อีกคำถามเดียว เดี๋ยวต้องพักสักครู่”
นักข่าวรุมถาม แต่ทูนอินทร์ยกมือขึ้นเสียงดังชัดเจนกว่าเพื่อน
“ผมขอถามครับ”
ทุกคนหันมามองทูนอินทร์
“คุณรุ้งแน่ใจเหรอครับว่าคุณรุ้งไม่มีความรัก”
รุ้งระวีมองมาที่ทูนอินทร์ เขม้นมองเหมือนว่าใช่หรือไม่ใช่เธอนิ่งงันไปครู่หนึ่ง
“ค่ะ ยอมรับว่า เคยมีความรัก มันเป็นรักครั้งแรก แต่มันเป็นความรักที่รุ้งหลอกตัวเอง รุ้งจบกับมันไปนานแล้วค่ะ”
ทูนอินทร์มองรุ้งระวีอย่างไม่เข้าใจสับสน งุนงง ทั้งสองประสานสายตาครู่หนึ่ง เธอยังจำเขาไม่ได้
ทูนอินทร์หมดอาลัยตายอยากแยกมาจากกลุ่มออกไปนอกห้อง อินทรตาม จี่หอยและมะปรางมองตามทั้งคู่อย่างสงสัย
“คุ้นๆนะ”
“ค่ะ”
ทูนอินทร์ออกมานอกห้อง อินทรตามมา
“พี่ทูนครับ อย่าเพิ่งด่วนตัดสินพี่รุ้งซีครับ”
“ไม่รู้ แต่มันเสียความรู้สึกว่ะ”
“มาถึงตอนนี้แล้ว ยังไม่มั่นใจในตัวพี่รุ้งอีกหรือครับ”
ทูนอินทร์มองหน้าน้องชายเริ่มได้สติกลับมาเสียงฮือฮาดังขึ้นในห้อง ทั้งสองรีบกลับเข้าไปในงานเสียงฮือฮาดังทั่วงาน รุ้งระวีมีอาการตกใจมองหน้า อิทธิอย่างงุนงง จี่หอยกับมะปรางอึ้ง กลุ่มอาชาหน้าเสีย โดยเฉพาะจุ๊บแจง ทำท่าจะร้องไห้ อาชารีบถาม
“คุณ อิท พูดใหม่อีกทีครับ เมื่อกี้ได้ยินไม่ชัด”
“ผมกำลังบอกว่า ที่รุ้งพูดว่าไม่มีความรักอีกแล้ว เขาหมายถึงผู้ชายคนเก่าของเขาน่ะครับ แต่ที่จริงแล้วตอนนี้รุ้งกำลังมีความรักครั้งใหม่ กับผมเองครับ”
ทูนอินทร์อึ้งอีกครั้ง นักข่าวส่งคำถามกันเซ็งแซ่ รุ้งระวีกระซิบถามอิทธิ
“นี่คุณพูดอะไรออกมา”
“ผมรักรุ้ง รักตั้งแต่วันแรกที่เห็นรุ้งที่แอลเอ ผมรู้ว่านี่แหละคือหญิงที่ผมจะมอบทั้งชีวิตให้เธอ มันเป็นความรักที่ปราศจากข้อแม้ใดๆความรักที่บริสุทธิ์จริงใจ”
รุ้งระวีรีบกระซิบ
“คุณอิท พอเถอะ”
“ผมรู้ว่าตอนที่รุ้งหนีไปจากผม ผมคิดถึงเธอมากแค่ไหน เพราะฉะนั้นเมื่อเธอกลับมาคราวนี้ ผมจะไม่ยอมเสียเธอไปอีกแล้ว”
อิทธิทรุดลงนั่งเบื้องหน้ารุ้งระวีทันที ทุกคนในห้องเงียบเสียง อิทธิล้วงกระเป๋าหยิบกล่องแหวนออกมา ทุกคนฮือ รุ้งระวีช็อค ทูนอึ้ง จุ๊บแจงเจ็บแปลบที่ใจ
“รุ้งครับ แต่งงานกับผมนะครับ”
รุ้งระวีหน้าตื่นรีบกระซิบถาม
“คุณอิท นี่มันเรื่องอะไร นี่ไม่ใช่บทที่ต้องเล่นนี่”
“ด้นสดไงคุณ เล่นไปตามบทของผม ตอบรับเดี๋ยวนี้”
“ไม่”
“ถ้าปฏิเสธ ผมสั่งเชือดแม่คุณเดี๋ยวนี้ละ”
รุ้งระวีพูดไม่ออก มองไปทางคมและเดชที่มองมาอย่างเหี้ยมๆอิทธิ จ้องหน้าขู่
“เร็ว ตอบรับแต่งงานกับผม แล้วรับแหวนไป”
ทูนอินทร์มองอย่างลุ้น สังเกตที่นิ้วของเธอ ไม่มีแหวนของตนใส่อยู่อีกแล้ว เขาใจหาย แล้วอย่างไม่คาดฝัน รุ้งระวีรับแหวนจากมือของ อิทธิ ช่างภาพถ่ายรูปกันวูบวาบ จุ๊บแจงร้องไห้โฮออกมา จวงใจต้องดึงมากอด จี่หอยกับมะปรางตะลึง ทูนอินทร์นิ่งอึ้ง
“ค่ะ ฉันจะแต่งงานกับคุณ”
คนในงานปรบมือกราว อิทธิยิ้มร่า ลุกขึ้นมาบรรจงถอดแหวนจากกล่อง แล้วสวมเข้านิ้วมือของเธอแล้วดึงร่างของเธอมากอดไว้ รุ้งระวีฝืนยิ้ม
“วันนี้เป็นวันที่ผมมีความสุขที่สุดเลยครับ”
รุ้งระวีกระซิบอย่างไม่พอใจ
“นี่มันเกินไปแล้ว”
อิทธิกระซิบขู่
“เล่นไปตามเกม”
“ไม่ ฉันจะกรี๊ดเดี๋ยวนี้ละ”
อิทธิรีบหันไปบอกนักข่าว
“เออ ว่าที่เจ้าสาวตื่นเต้นมากน่ะครับ ดีใจจนจะร้องไห้อยู่แล้ว ขอเวลาส่วนตัวสักครู่ อีกชั่วโมงผมจะกลับมาให้สัมภาษณ์ใหม่”
อิทธิ พารุ้งระวีเดินผ่านกลุ่มแฟนคลับและนักข่าวไป รุ้งระวีหน้าเครียดผ่านหน้าทูนอินทร์กับอินทร เธอไม่ได้มอง ทูนอินทร์มองอย่างใจสลาย จี่หอยจะร้องไห้
“เออ ขอเชิญทุกท่านพักผ่อนตามอัธยาศัยนะคะ มีของว่าง ชากาแฟ ดื่มน้ำ ปัสสาวะ ที่ห้องด้านนอกจัดไว้ให้แล้ว ฮือ”
มะปรางเข้าปลอบ
“พี่หอย ทำใจดีๆไว้ค่ะ”
“ยายรุ้งมันเป็นอะไรของมัน ทำไมมัน สองจิตสองใจแบบนี้”
ทูนอินทร์น้ำตารื้นเดินเข้ามาหาจี่หอย และปราง อินทรตามมา จี่หอยหันไปถาม
“แฟนคลับรุ้งใช่มะ เชิญข้างนอกเลยค่ะ”
“พี่หอย ทำไมรุ้งเขาทำกับผมอย่างนี้”
“อกแตก คุณทูน”
มะปรางมองหน้าอินทร
“คุณทร สงสัยอยู่แล้วเชียวว่าต้องเป็นคุณ”
ทูนอินทร์จะแกะหนวดออก จี่หอยรีบห้าม
“อย่าแกะขนหน้าออกค่ะ เดี๋ยวใครจำได้ โธ่ มาเข้าถ้ำเสือแท้ๆเลยหลบก่อน”
จี่หอยดึงทูนอินทร์หลบเข้าด้านใน อินทรตาม

รุ้งระวีผลักอิทธิที่สวมกอดออกทันที เมื่อทั้งคู่เข้ามาในห้องประชุม คมกับเดช ตามเข้ามา
“อย่ามามัดมือชกฉันแบบนี้ ฉันไม่มีวันแต่งงานกับคุณ”
“ต้องแต่ง คุณไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ”
“ถ้าฉันประกาศต่อหน้านักข่าวบอกเรื่องที่คุณกักขังแม่ฉันไว้ คุณก็ไม่มีทางรอดอยู่แล้ว”
รุ้งระวีจะออกจากห้อง คมกับเดช เข้ามาขวางไว้
“อย่ามาขวางนะ”
รุ้งระวีเข้ามาผลักทั้งสอง แต่ทั้งสองยึดร่างรุ้งระวีไว้ อิทธิเข้ามากระชากร่างเธอเข้าหาตัว
“ผมกดโทรศัพท์นิดเดียว ชีวิตแม่คุณก็จบ อยากให้ตายอย่างทรมานไหมจะ ออนไลน์ให้ดูทุกขั้นตอนเลย ค่อย ๆ เชือดจนกว่าเลือดจะไหลหมดตัว...เอาไหม”
อิทธิเขย่า รุ้งระวีหมดแรงร้องไห้โฮ
“อย่าทำแม่ฉัน สงสารท่านเถอะ”
“งั้นก็ต้องแต่งงานกับผม เดี๋ยวเราจะออกไปแถลงข่าวด้วยกัน ผมกำหนดวัน เวลา สถานที่ไว้แล้ว”
“คุณต้องการอะไรจากฉันอีก แค่ฉันทำงานให้คุณ คุณไม่พอใจหรือไง”
“ยังไม่พอ ผมยังต้องการกำไรจากคุณอีกเยอะ”
รุ้งระวีฟุบลงกับโต๊ะทำงาน ร้องไห้สะอื้น
“สงบใจซะ แล้วเดี๋ยวออกไป คุณต้องพร้อมที่จะสัมภาษณ์ อ้อ...ยังไงก็ต้องขอบใจนะ ที่บอกว่ารักครั้งแรก กับไอ้ทูนน่ะ มันจบสิ้นไปแล้ว”
รุ้งระวีเงยหน้าขึ้นมองอิทธิอย่างจงชัง
“ใครบอกว่าฉันหมายถึงคุณทูน รักครั้งแรกของฉันคือคุณต่างหาก คุณอิท ที่คุณเข้ามาจีบฉันที่ แอล เอ ตอนแรกฉันก็หลงคารมคุณ นึกว่ามันคือรักแท้แต่มารู้ทีหลังว่าคุณไม่เคยมีความรักให้ใครนอกจากตัวเองที่ปั้นฉันให้ดัง มันคือเรื่องเงินอย่างเดียว”
อิทธิยิ้มหยัน
“รู้แล้วก็ดี เราจะได้แต่งงานกันเพื่อ เงิน และชื่อเสียงไง เอื้อประโยชน์ กันทั้งสองฝ่าย ผัวเมียดังๆ หลายคู่ในวงการ เขาก็เป็นแบบนี้แหละ”
อิทธิหัวเราะอย่างผู้ชนะ รุ้งระวีร้องไห้หมดอาลัย

จี่หอยกับมะปราง พาทูนอินทร์และอินทรมาหลบอยู่มุมสงบของออฟฟิศ
“คุณทูน รุ้งมันพูดไปอย่างนั้นแสดงว่าโดนใบสั่งมา”
“ไม่เชื่อ ผมว่ามันคือเจตนาเขาจริงๆ”
อินทรหนักใจ
“ช่วยพูดทีเถอะครับ พี่ทูนเชื่อว่าพี่รุ้งทรยศเขาอีกแล้ว”
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น เอาอย่างนี้ฉันจะไปถามเจ้าตัวเลยดีกว่า”
ทูนอินทร์แกะหนวดถอดวิกออก จี่หอยตกใจ
“คุณทูนแกะออกทำไม เดี๋ยวใครจำได้”
“ก็อยากให้จำได้ไงครับ”
ทูนอินทร์ออกไปทันที อินทรเรียกไว้
“พี่ทูน เดี๋ยว”
จี่หอยตกใจ
“ตายแล้ว งานนี้แหกแน่ ตามไปเร็ว”
ทั้งสามวิ่งตามไป
ทูนอินทร์ตรงมาที่หน้าห้องประชุมเคาะประตูอย่างแรง
“รุ้ง นี่ผมเอง ออกมาคุยกันให้รู้เรื่อง”
รุ้งระวีหันมามองที่ประตูพร้อมกับ อิทธิ คม เดช
“คุณทูน”
รุ้งระวีลุกทันที อิทธิจับมือไว้ อิทธิหันไปสั่งลูกน้อง
“เฮ้ย เปิดประตูให้มันเข้ามา”
คมกับเดช เปิดประตู ทูนอินทร์ยืนมองมาที่รุ้งระวี อิทธิดึงรุ้งระวีมากอด ทูนอินทร์มองอย่างชิงชัง
“ว่าไงนายทูน กล้านะ บุกมาถึงที่นี่”
อินทร จี่หอย มะปราง วิ่งตามมา อินทรพยายามห้าม
“พี่ทูนครับ อย่าเสี่ยงเลย”
“ยังไงฉันก็ต้องรู้ความจริงจากปากรุ้งให้ได้”
ทูนอินทร์ก้าวเข้ามาในห้อง คมและเดชจะเข้าจัดการ อิทธิห้ามไว้
“เฮ้ย ไม่ต้อง ให้โอกาสนายทูนเขาล่ำลาแฟนเก่าเขาหน่อย”
ทูนอินทร์มองรุ้งระวีนิ่ง
“รุ้ง บอกผมมา เมื่อกี้ที่พูดไป คุณถูกบังคับหรือคุณตั้งใจจะพูดอย่างนั้นจริงๆ”
รุ้งระวีหันไปบอกอิทธิ
“คุณอิท ฉันอยากพูดกับคุณทูนเป็นการส่วนตัว”
“ไม่อนุญาต ถ้าจะพูด ต้องพูดต่อหน้าผม”
รุ้งระวีมอง อิทธิและมองทูนอินทร์ เปลี่ยนแผนในการเจรจาทันที
“ก็ได้” รุ้งระวีมองทูนอินทร์อย่างหยันๆ “ไม่มีใครบังคับฉันหรอกค่ะ ที่ฉันพูดฉันหมายความอย่างนั้นจริง ๆ”
จี่หอยหน้าตื่น
“อกแตก รุ้ง”
ทูนอินทร์มองรุ้งระวีอย่างไม่เข้าใจ
“งั้นคุณก็เต็มใจที่จะแต่งงานกับมัน”
“ค่ะ ฉันเต็มใจ”
ทูนอินทร์กราดเกรี้ยวปนเจ็บปวด
“แล้วที่เราสัญญากันไว้”
“ลืมมันไปให้หมดเถอะค่ะทูน มันเป็นแค่ความฝันลมๆแล้งๆของเราเท่านั้นเอง”
อิทธิยิ้มชอบใจ ยังนึกแปลกใจเล็กๆ ที่รุ้งเปลี่ยนท่าทีได้ถึงขนาดนี้”
“ทั้งเรื่องงานเพลง ทั้งเรื่องความรัก มันจบลงง่ายๆ แบบนี้เหรอ”
“มันต้องจบค่ะทูน เพราะฉันมาลองคิดดูแล้ว คุณให้ความฝันฉันไม่ได้ ถ้าฉันอยู่ค่ายเพลงของคุณ ฉันก็คงเป็นแค่นักร้องเพื่อชีวิตที่มียอดขายไม่เกินสองพันแผ่น ฉันไม่มีวันเป็น รุ้งระวี ศรีแอลเอที่มียอดขายเป็นล้าน เป็นขวัญใจแฟนเพลงทั้งบ้านทั้งเมือง อย่างที่คุณ อิทธิสร้างให้ฉันแบบนี้หรอก”
อินทร จี่หอย มะปราง ตะลึงกันไป ทูนอินทร์ไม่อยากจะเชื่อในคำพูดของเธอ
“รุ้ง นี่คุณกำลังเล่นละครหลอกผมรึเปล่า คุณไม่ใช่คนแบบนี้”
“คุณไม่เข้าใจผู้หญิงอย่างฉันเลยนะคะทูน ใช่ค่ะ ฉันเล่นละครตบตา แต่เป็นตอนที่ฉันอยู่กับคุณต่างหาก หลังจากที่ฉันสำรวจแล้วว่าค่ายเพลงของคุณ เป็นแค่ค่ายอินดี้ที่มีวงเงินหมุนเวียนไม่ถึงสิบล้านด้วยซ้ำ ฉันก็รู้แล้วว่าคุณไม่มีทางพาฉันสู่ความเป็นดาวระดับประเทศได้”
ทูนอินทร์เจ็บแค้นใจ
“อ้อ เงินทองกับชื่อเสียงเท่านั้นใช่ไหมที่เธอต้องการ”
“ถูกต้อง คนอย่างคุณสามารถพาฉันขึ้นคอนเสิร์ตใหญ่ๆ ได้ไหม จะมีได้ก็แค่งานวัด หรือไม่ก็ร้านต้มแซ่บของคุณเท่านั้น คุณจะให้คนมีความงาม มีความสามารถขนาดฉัน ต้องไปลงเอยอยู่ในร้านเหล้ากระจอกๆ แบบนั้นเหรอ ไม่มีวันหรอก”
“โธ่ นังชั่ว”
ทูนอินทร์ถลาเข้ามาบีบคอรุ้ง เขย่าอย่างแรง
จี่หอย มะปรางร้องกรี๊ด คมกับเดชเข้ากระชากร่างทูนอินทร์ออกมาแล้วชกที่ท้อง เดชยันร่างทูนกระเดนไปกับพื้น รุ้งระวีใจหาย อินทรเข้าช่วยพี่ชาย โดนคมชกเข้าอีกคน ล้มไม่เป็นท่า เดชจะกระทืบทูน รุ้งระวีหลุดปาก
“อย่าทำอะไรเขานะ”
อิทธิสั่งลูกน้อง
“ลากตัวมันออกไป”
คมดึงร่างทูนอินทร์ เดชกระชากอินทร แล้วผลักออกไปนอกห้อง ทั้งสองถูกเหวี่ยงมากองที่พื้น จี่หอยกับมะปรางเข้าช่วย อิทธิและรุ้งระวีตามออกมา
“ได้ยินที่รุ้งพูดแล้วใช่ไหม แกกลับไปบ้านนอกของแก แล้วอย่ามายุ่งกับเจ้าสาวของฉันอีก”
“ไปครับพี่”
อินทรประคองทูนอินทร์ลุกขึ้นจะเดินออกไป จี่หอยกับมะปรางสลดใจ
“เดี๋ยวค่ะ”
รุ้งระวีหยิบกล่องแหวนของทูนอินทร์ออกมาแล้วเปิดออก
“แหวนของคุณ”
รุ้งระวียื่นให้ แต่ทูนไม่รับ อินทรรับแทน
“โถ ”ใครอยากจะไปได้แหวนทองเกลี้ยงๆแบบนี้ ในเมื่อวงนี้ไม่ต่ำกว่าสิบห้ากะรัต”
รุ้งระวีชูนิ้วให้ดูทำนิ้วพริ้วไปมา อิทธิหัวเราะร่าชอบใจ ดึงรุ้งระวีมากอดไว้ ทูนอินทร์มองรุ้งระวีอย่างเกลียดชัง อินทรฉุดแขนพี่ชาย
“กลับครับพี่”
ทูนอินทร์จากไปด้วยอาการบอบช้ำ จี่หอยกับมะปรางจะตาม อิทธิส่งเสียงขึ้น
“ไม่ต้องไปยุ่งกับมันนะเจ๊หอย เทคแคร์กันดีเหลือเกินนี่”
รุ้งระวีพูดเสริม
“ใช่ เทคแคร์กันดีเหลือเกิน ต่อไปนี้ไม่ต้องไปคบค้ากับนายทูนอีกแล้วนะคะพี่หอย เธอด้วยนะมะปราง”
มะปรางงงๆ
“ขา”
รุ้งระวีมองหน้า
“สนิทกับนาย อินทรเหลือเกิน ต่อไปนี้เลิกคบกันเด็ดขาด”
มะปรางอึ้ง รุ้งระวีแหวใส่
“รับปากมาซี อ้ำอึ้งอยู่ทำไม”
“ค่ะ เลิกก็ได้ค่ะ”
จี่หอยเชิ่ดใส่รุ้งระวีและ อิทธิ
“ไป ปราง ไปทำงานของเราต่อ ถือคตินี้ไว้นะใครดีก็ดีตอบ ใครไม่ชอบก็ช่างหัวมัน”
จี่หอยกับมะปราง หน้าเชิ่ดออกไป รุ้งระวีไม่พอใจ
“ร้ายนะ ยายเจ๊หอยเนี่ย”
อิทธิพยักหน้าให้คม และเดชออกไป ทั้งสองยิ้มกริ่มรีบไป อิทธิดึงรุ้งระวีมากอด
“รุ้ง สะใจผมเหลือเกินที่พูดกับไอ้ทูนไปเมื่อกี้ แต่แปลก รักมันมากไม่ใช่เหรอ ทำไมตัดสัมพันธ์เร็วนัก”
“เคยรักค่ะ แต่พอเห็นสภาพกลวงๆของเขาแล้ว รักไม่ลง”
อิทธิดึงรุ้งระวีมากอดไว้ เธอซบไหล่ของเขาสายตาส่อแววร้ายสะใจที่หลอกอิทธิได้
 
อ่านต่อตอน ที่ 21 อวสาน



กำลังโหลดความคิดเห็น