xs
xsm
sm
md
lg

หอบรักมาห่มป่า ตอนที่ 20

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หอบรักมาห่มป่า ตอนที่ 20

ทางด้านแสงเพชรกลับเข้ามาในห้อง เห็นคนยืนหันหลังใส่ชุดเดียวกับดนัย ก็นึกว่าเป็นดนัย โดยไม่รู้ว่าที่จริงแล้วเป็นอุ๊บอิ๊บปลอมตัวมา แสงเพชรโผเข้ามากอดทางด้านหลัง

“ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน”
อุ๊บอิ๊บหมั่นไส้ แต่ต้องนิ่งไว้
แสงเพชรแปลกใจ “ทำไมเจ้าผอมลง เหลือตัวนิดเดียว ไม่สบายรึเปล่า”
อุ๊บอิ๊บอึกอัก กลัวโดนจับได้
“ข้าถามทำไมไม่ตอบ”
อุ๊บอิ๊บคิดหาทางเอาตัวรอด แล้วแกล้งไอขึ้นมา
“เจ้าไม่สบายรึ ไหนดูสิ เป็นอะไรรึเปล่า ข้าจะตามหมอหลวงมารักษาเจ้า”
อุ๊บอิ๊บเดินหนีไปอีกมุม หลบหน้าหลบตา แสงเพชรแปลกใจ เดินตาม
“ดนัย”

บริเวณทางเดินระเบียงวังเมืองลับแล ดอกเข็มถือถาดวางเหยือกน้ำสวยงาม ปรี่เข้ามาเม้าท์กับดอกเข็มที่มุมหนึ่งของทางเดิน
“ไม่อยากจะพูด ข้าว่าคืนนี้ ท่านดนัยกับท่านชลิตรับศึกหนักแน่” ดอกเข็มหัวเราะคิกคัก
ชบาหยิกแขนดอกเข็ม “ทะลึ่งแล้วทะลึ่ง แต่ท่าทางคืนนี้จะยาวว่ะ”
ทั้งสองพากันหัวเราะชอบใจ
จังหวะนั้น แจ๋ กิมจิ ฉวีวรรและดาหวัน ก็โผล่มาเห็นทั้งสอง ต้องรีบหลบวูบทันที
“อ๊าย” แจ๋เผลอร้องออกมาด้วยความตกใจ
ดอกเข็มกับชบาชะงักหันขวับไปมอง
“เสียงอะไรน่ะ”
“เมี้ยว....” ฉวีวรรณรีบร้องเสียงแมวขึ้น ทั้งหมดหลบอยู่หลังกระถางต้นไม้ใหญ่
“แมวหรือ” ดอกเข็มว่า
“น่ารำคาญ หนวกหู”
ชบาหยิบเหยือกน้ำจากถาดที่ดอกเข็มถือ สาดโครมไปที่กระถางต้นไม้
น้ำสาดเข้ามาโดนทั้งสี่คนเต็มๆ เปียกไปตามๆกัน ทั้งหมดเซ็ง
เสียงแมวเงียบไป ดอกเข็มกับชบาหันมาเม้าท์กันต่อ
“คืนนี้เจ้าแม่ทั้งสองคงไม่เรียกใช้พวกเราแน่ ไปเที่ยวงานวัดหลังวังกันไหมละ”
“ก็ดีเหมือนกัน ข้าล่ะเปรี้ยวปากอยากของดองอยู่ ฮิฮิฮิฮิ”
ชบากับดอกเข็ม ชวนกันเดินออกไปทางประตูหลังวัง
ฉวีวรรณ ดาหวัน แจ๋ และกิมจิ ที่เนื้อตัวเปียกปอนหลบอยู่รีบออกมา
“ฮึ่ย นังวอนโดนตบ...ขอเอาคืนสักทีเถอะ” แจ๋สุดจะแค้นใจ
กิมจิดึงห้ามไว้ “แกแหละ นังวอนโดนจับ เดี๋ยวก็เสียแผนหมดหรอก”
ดาหวันจุ๊ปากใส่ เป็นเชิงบอกแจ๋ กิมจิให้เงียบ “จุ๊ๆๆ ทางสะดวกแล้ว รีบไปเถอะ”
ทั้งหมดรีบเดินออกไปทางห้องนอนแสงเพชร

แสงเพชรร้อนใจรีบตามไปคว้าแขนอุ๊บอิ๊บที่คิดว่าเป็นดนัยไว้
“เจ้าเป็นอะไรไป”
อุ๊บอิ๊บก้มหน้าก้มตา ไม่ให้แสงเพชรเห็นหน้า ทั้งสองยื้อยุดฉุดกระชากกันไปมา อุ๊บอิ๊บเสียหลัก ทั้งสองเลยล้มลงไปบนเตียงนอนด้วยกัน อุ๊บอิ๊บรีบยกมือปิดหน้าไว้ กลัวแสงเพชรเห็นหน้า
แต่ในจังหวะที่ล้มลงไป มือของแสงเพชรไปคว้าโดนหน้าอกอุ๊บอิ๊บเต็มๆ โดยไม่ตั้งใจ แสงเพชรตกใจ ลองจับหน้าอกตัวเองเพื่อเทียบขนาด แล้วพบว่าหน้าอกอุ๊บอิ๊บใหญ่กว่า
“นี่เจ้า”
แสงเพชรสงสัย ดึงมืออุ๊บอิ๊บออก เห็นหน้าชัดๆ
“เจ้าไม่ใช่ดนัย”
อุ๊บอิ๊บตกใจถีบแสงเพชรจนล้มลง แล้วจะหนี แต่แสงเพชรไวกว่า จิกผมอุ๊บอิ๊บไว้ทัน
“อ๊าย”
แสงเพชรเสียงโหด “บอกมานะ เจ้าเอาดนัยของข้าไปไว้ที่ไหน”
อุ๊บอิ๊บปรี๊ด โกรธจนลืมตัว
“นังหน้าด้าน! พูดมาได้ พี่ดนัยของแกที่ไหน พี่ดนัยเป็นของฉันคนเดียวย่ะ”
อุ๊บอิ๊บลืมตัวตบหน้าเจ้าแม่แสงเพชรล้มลงอีก พอเงื้อมือจะตบซ้ำอีกครั้ง เจ้าแม่แสงเพชรเตรียมซัดเข็มเงินใส่อุ๊บอิ๊บ
“เจ้าบังอาจทำร้ายข้า ตายซะ”
“ระวัง!” เสียงฉวีวรรณร้องเตือน ในจังหวะที่เปิดประตูเข้ามากับพวก ดาหวัน แจ๋ กิมจิ
ไวเท่าความคิดฉวีวรรณ รีบพุ่งเข้ามาดึงตัวอุ๊บอิ๊บหลบเข็มเงินของเจ้าแม่ได้อย่างเฉียดฉิว
“ยายหวี ยายหวัน”
“เธอเป็นไรรึเปล่า”
“พวกเจ้าอีกแล้วรึ” แสงเพชรคำราม
กิมจิเข้ามาด้านหลัง ล็อกคอเจ้าแม่แสงเพชรไว้
อุ๊บอิ๊บโวย “ทำไมมาช้านัก ถ้าฉันเสียโฉมขึ้นมาจะทำยังไง”
“จะตายอยู่แล้วยังจะห่วงสวย” แจ๋แขวะ
เจ้าแม่ดันตัวกิมจิไปกระแทกผนังห้องหลายครั้ง จนกิมจิจุก
“โอ๊ย อย่ามัวแต่ทะเลาะกัน ช่วยจิด้วย”
แจ๋นึกเป็นห่วง “กิมจิ!”
แสงเพชรสะบัดหลุดจากกิมจิ หันมาซัดเข็มเงินใส่ฉวีวรรณ แต่ฉวีวรรณรู้ทันคว้าหมอนขึ้นมาบังไว้ได้
แสงเพชรจะสะบัดเข็มอีก แต่เข็มหมด
อุ๊บอิ๊บชูแผงเข็มเงิน ที่จิกมาจากตัวแสงเพชร ขึ้นโชว์
“ฮ่าฮ่าฮ่า ฉันจกเข็มแกมาเรียบร้อยแล้วเว้ย หมดปัญญาทำร้ายคนอื่นแล้วซิ นังเจ้าแม่เข็มหมด”
แสงเพชรจะเข้าไปจัดการอุ๊บอิ๊บ “นังตัวแสบ”
แจ๋ ดาหวันรีบโยนผ้าห่มคลุมตัวแสงเพชรไว้ แสงเพชรดิ้นขลุกขลักอยู่ในผ้าห่ม ทุกคนช่วยกันจับตัวไว้อย่างทุลักทุเล กิมจิเข้าไปช่วยจับด้วย จังหวะชุลมุน กิมจิจับตัวแจ๋ไว้ นึกว่าเป็นแสงเพชร
“เสร็จฉันละ”
“เฮ้ย แกมาจับฉันทำไม ยายเจ้าแม่หนีไปโน่นแล้ว”
แสงเพชรหลุดรอดไปได้
“ตายล่ะ” ดาหวันตกใจ
ฉวีวรรณมองอยู่รีบเข้าไปดักหน้าแสงเพชร ยกมือขึ้นตบหน้าแสงเพชรซ้ายขวาสุดแรงสองทีซ้อนร่างแสงเพชรกระเด็นล้มลงไป
ทุกคนกรูเข้าช่วยกันตะครุบตัวจับตัวเจ้าแม่แสงเพชรไว้ได้ ฉวีวรรณร้องสั่ง
“อย่าขยับ เธอหนีไม่พ้นแล้ว”

ส่วนแสงหล้า หลังจากหวีผมอยู่หน้ากระจกครู่หนึ่ง จนเสร็จสมใจแล้วก็หันไปที่เตียง ซึ่งมีใครบางคน เอาผ้าห่มคลุมโปงตัวสั่นงันงกอยู่ในนั้น ซึ่งแสงหล้าคิดว่าเป็นชลิต
แสงหล้ายิ้มหวาน “พี่ชลิตจ๋า”
ส่วนในผ้าห่ม บุญทิ้งสยอง พนมมือสวดมนต์ ตัวสั่น
“พุทโธ ธัมโม สังโฆ คุณพระคุณเจ้าช่วยลูกด้วย”
แสงหล้าเดินเข้ามาที่เตียง แล้วพุ่งเข้าไปกอดบุญทิ้ง นึกว่าเป็นชลิต
“จับได้แล้ว ฮิฮิฮิ”
บุญทิ้งที่อยู่ในผ้าห่ม สะดุ้งจะร้องตะโกนแต่ต้องเอามือปิดปากตัวเองไว้ไม่ให้ร้อง แสงหล้ากอดรัดบุญทิ้งยิ่งขึ้นด้วยความรักใคร่ นึกว่าเป็นชลิต
“ท่านพี่ชลิตสุดที่รัก ฮึ่ย อายหรือเจ้าคะ”
บุญทิ้งยิ่งสั่นกว่าเดิม จนแสงหล้าแปลกใจ
“ฮือ นี่อายหรือเป็นไข้จับสั่นกันแน่เจ้าคะ ไหนๆ ให้ข้าดูซิ”
แสงหล้าจะเปิดผ้าห่ม บุญทิ้งขยับผ้าห่มหนี แสงหล้าไล่จับไม่ลดละ
“ท่านพี่จะหนีไปไหน”
บุญทิ้งพยายามปัดป้องแต่ไม่สำเร็จ แสงหล้าเปิดผ้าห่มออกมา
พอเห็นหน้าชัดๆ ทั้งสองต่างตกใจ ร้องลั่นด้วยกันทั้งคู่

ตัดรับเจ้าแม่แสงเพชรถูกจับมัดไว้
“ไอ้พวกสวะ ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!!” แสงเพชรโวยเสียงเขียว
“ฮึ ยังจะปากดีอีก ไม่ดูสารรูปตัวเองเลยนะยะ ตบให้หายปากเสียทีเถอะ”
อุ๊บอิ๊บเงื้อมือจะตบแสงเพชร แต่ถูกฉวีวรรณดึงมือไว้
“ไม่ต้อง”
ฉวีวรรณถือขวดยาปลุกกำหนัดที่เหลือไว้ แสงเพชรเห็นเข้าก็ตกใจ
“นั่นมันยาปลุกกำหนัด!!”
“อ๋อ นี่เธอฮั้วกับไอ้ธนวัติ พาณิชย์ใช่มั้ย เอาคืนไปเลย”
แจ๋และกิมจิช่วยกันบีบปากเจ้าแม่ ฉวีวรรณเทยากรอกใส่ปาก
“เรียบร้อย”
จังหวะนั้นเสียงบุญทิ้งก็ดังลอดเข้ามาจากห้องข้างๆ “ช่วยด้วย”
อุ๊บอิ๊บออกอาการเป็นห่วงบุญทิ้งอย่างไม่รู้ตัว
“บุญทิ้ง”

แสงหล้ากำลังจับมือบุญทิ้งกดไว้บนเตียงนอน พยายามเค้นถามถึงชลิตยอดเสน่หา
“บอกมา เจ้าเอาตัวพี่ชลิตของข้าไปไว้ที่ไหน”
“ผะ ผมไม่รู้ อย่าทำผมเลย ผมกลัวแล้ว”
แสงหล้าเห็นท่าทีของบุญทิ้งก็พูดขึ้นอย่างขำๆ “ฮึ รีบๆบอกมา ไม่งั้นเจ้าโดนข้าปล้ำแน่”
ไม่พูดเปล่าแสงหล้ายังแกล้ง หอมแก้มบุญทิ้งอีกด้วย
“ย้า” บุญทิ้งร้องลั่นสุดสยิว
อุ๊บอิ๊บผลักประตูเข้ามาอย่างเดือดดาล เห็นแสงหล้ากำลังหอมแก้มบุญทิ้งพอดี อุ๊บอิ๊บลืมตัวหึง
“นังหน้าด้าน แกคิดทำอะไรบุญทิ้ง ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้”
อุ๊บอิ๊บพุ่งเข้าไปจิกหัวแสงหล้า
“อ๊าย” แสงหล้าร้องลั่น
ฉวีวรรณ ดาหวัน แจ๋และกิมจิวิ่งตามเข้ามาในห้อง รีบเข้าไปดูบุญทิ้ง
“เป็นอะไรรึเปล่า” ฉวีวรรณถาม
“ยังครับ แต่ถ้าช้าไปอีกนิดเดียว ผมศีลขาดแน่”
อุ๊บอิ๊บของขึ้น ช้างฉุดก็ไม่อยู่ ตบแสงหล้าไม่หยุด แสงหล้าล้มลุกคลุกคลาน อุ๊บอิ๊บยังตามไปจิกหัวตบ
“โห น่ากลัวมาก” แจ๋ส่ายหน้า
ดาหวันเข้าไปห้าม ในมือถือขวดยาปลุกกำหนัดอยู่ด้วย
“พอแล้ว ยายอุ๊บอิ๊บ”
“ฮึ่ย เอามานี่”
อุ๊บอิ๊บคว้าขวดยาจากมือดาหวัน กรอกปากแสงหล้าทันที
“นี่แน่ะๆๆ ร้ายนักนะ ฉันหมั่นไส้มานานแล้ว”

จังหวะนั้นเสียงทหารดังเข้ามา ฉวีวรรณรีบบอกทุกคน
“อย่ามัวแต่เวิ่นเว้ออยู่เลยน่า พวกทหารมาแล้ว”
บุญทิ้งรีบไปดึงอุ๊บอิ๊บออกไป “เผ่นเถอะโยม”
ทุกคนรีบออกจากห้องไป ทิ้งแสงหล้าล้มอยู่กับพื้น ร้องครวญคราง เจ็บปวดไปทั้งตัว
แสงหล้าโวยวาย “อ๊อย ช่วยด้วย ดอกเข็ม ใครก็ได้ช่วยข้าที”

กิมจิและบุญทิ้งเปิดผ้าดำสองผืนที่คลุมตัวดนัยและชลิตออก เผยให้เห็นดนัยและชลิตถูกจับมัดมือไพล่หลัง มัดเท้าและปิดปากไว้
ฉวีวรรณร้อง “ดนัย!”
ดาหวันเรียก “พี่ชลิต”
ฉวีวรรณแก้ผ้าปิดปากดนัยออก ดนัยโวยวาย
“ปล่อยฉัน ฉันจะไปหาแสงเพชร ช่วยด้วย”
แจ๋ตกใจ รีบปิดปากดนัย ฉวีวรรณพูดอย่างน้อยใจ
“ทุกคนอุตส่าห์เสี่ยงชีวิตช่วยนาย แต่นายกลับคิดถึงแต่ผู้หญิงคนนั้น ถ้าอยากอยู่กับเขามากก็ไปเลย กลับไปหาเขาเลย ไป”
“ใจเย็นก่อนหวี คือ ที่ดนัยกับชลิตเป็นแบบนี้เพราะฤทธิ์ยาเสน่ห์ของไอ้กาซู” แจ๋อธิบาย
“ที่แท้ก็โดนยาเสน่ห์หรอกเหรอ แล้วเราจะช่วยพี่ดนัยกับพี่ชลิตยังไงละ” ดาหวันถึงบางอ้อ
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน ตอนนี้ต้องหาทางหนีไปจากวังนี้ให้ได้ก่อน”
กิมจิและบุญทิ้งแก้มัดที่เท้าให้ดนัยและชลิต แต่ยังมัดมือและปิดปากเอาไว้
“งั้นก็รีบไปสิยะ จะรอให้พวกทหารมาฆ่ารึไง”
ทุกคนย่องหนีไปในความมืด

ทางด้านวินยาวิ่งหนีเลาซาเข้ามาในป่า วินยาวิ่งเข้ามาหยุดหอบเหนื่อยอยู่ที่มุมหนึ่งของป่าผืนนั้น
ทางด้านลาซาเองก็วิ่งตามวินยามา ร้องตะโกนเรียก
“วินยา กลับมาซะก่อนที่ข้าจะลงโทษเจ้า”
วินยาหันไปตามเสียงเลาซา หน้าตาตื่น แล้วรีบกระชากตัววิ่งหนีออกไปทางหนึ่งโดยเร็ว โดยที่วินยาไม่รู้ตัวว่า ได้ทำสร้อยเขี้ยวเสือที่ห้อยคออยู่หล่นตกลงไปกับพื้น วินยาวิ่งหน้าตั้ง หนีสุดชีวิต หายเข้าไปในพงไพร

เลาซาวิ่งเข้ามา ที่ตรงหนึ่งแถวๆนั้น ร้องตะโกน
“วินยา”
เลาซาเหลียวมองหา แต่ไม่เจอใคร เลาซาทำท่าจะเดินออกไป แล้วต้องชะงักมองไปเห็น สร้อยเขี้ยวเสือที่ตกอยู่กับพื้น เลาซาหยิบขึ้นยกชูดู
“เจ้าหนีข้าไม่พ้นแน่ วินยา”
เลาซา ฉีกยิ้มที่มุมปากหมายมั่นว่าเจอวินยาแน่

ภายในห้อง ธนวัติรู้สึกตัวตื่นขึ้น ขณะที่พาณิชย์ยังหลับสนิทอยู่ ธนวัติสะโหลสะเหลออกจากห้อง มึนๆ เพราะยาปลุกกำหนัดเริ่มออกฤทธิ์ ธนวัติออกมาจากห้อง ร้องเรียกหา
“หวี...”
เสียงร้องของแสงเพชรดังขึ้น “ดนัย ช่วยด้วย”
ธนวัติหูผึ่ง เดินเข้าไปในห้องแสงเพชร ธนวัติเข้ามาเห็นแสงเพชรที่ถูกมัดนอนร้องครวญครางอยู่ สายตาธนวัติมองเห็นแสงเพชรเป็นฉวีวรรณโดนจับมัด
“หวี”
ขณะที่แสงเพชรเองก็เห็นธนวัติเป็นดนัยเพราะฤทธิ์ยา
“ดนัย เจ้ามาช่วยข้าแล้ว”
ธนวัติรีบเข้าไปแก้มัดให้ แสงเพชรกอดธนวัติอย่างดีใจ
“ดนัย”

ด้านแสงหล้าเดินโซเซออกมาตามทางหน้าห้องพาณิชย์
“นังดอกเข็ม หายหัวไปไหน” แสงหล้าเดินเซไปพิงประตูห้อง “อ๊อย ข้าเป็นอะไรทำไมถึงได้ร้อนอย่างนี้”
เสียงพาณิชย์ดังเข้ามา “หวัน”
แสงหล้ามองเข้าไปอย่างเคลิบเคลิ้มด้วยแรงพิศวาส แล้วเดินเข้าไปในห้อง
“ท่านพี่ชลิต”
พาณิชย์นั่งพิงผนังห้องมุมหนึ่งร้องครวญครางอยู่ แสงหล้าเดินเข้ามาหาอย่างต้องมนต์ แสงหล้าเห็นเป็นชลิตมองยิ้มตาหวานให้
“แสงหล้าสุดที่รักของพี่”
แสงหล้าโผเข้าไปกอดพาณิชย์
“ท่านพี่ชลิต”
พาณิชย์ดึงตัวแสงหล้าออกมามองหน้า อย่างหลงใหล สายตาพาณิชย์เวลานี้มองเห็น แสงหล้าเป็นดาหวัน
“หวัน”
แสงหล้าจ้องตามองพาณิชย์อย่างหลงใหล แล้วโน้มตัวเข้าใกล้ พาณิชย์ค่อยๆ เอนกายล้มลงไป
แสงหล้าเอนกายตามลงไป

เวลาเดียวกันนั้นธนวัติอุ้มแสงเพชรวางลงบนเตียง ทั้งสองมองกันอย่างพึงใจในกันและกัน ธนวัติค่อยล้มตัวลงไปเหมือนจูบซุกไซร้บนใบหน้า เนื้อตัวของแสงเพชร

เช้าวันต่อมาวินยาวิ่งหนี จนมาเจอเพิงไม้แห่งหนึ่งจึงวิ่งเข้าไปนั่งพัก หอบหายใจออกมาเบาๆ แล้วค่อยฉุกใจนึกขึ้นมา วินยาเงยหย้าขึ้นมองออกไปข้างนอก ในวันที่ตัวเองวิ่งเข้ามาหลบฝนในเพิงแห่งนี้ วินยาจำได้ทุกเหตุการณ์ วินยาแปลกใจ
“ผ่านมาตั้งนานแล้ว เพิงไม้หลังนี้ยังอยู่อีก”
วินยาเข้าไปดูด้านในเพิง มองไปรอบๆ ทุกอย่างยังเหมือนเดิมและสะอาดสะอ้าน วินยามองสำรวจ แล้วเจอย่ามที่ห้อยอยู่กับฝาเพิงมุมหนึ่ง วินยาเดินเข้าไป หยิบสมุดปกอ่อนเก่าๆ เล่มหนึ่งออกมาแล้วเปิดสมุดออกดู ด้วยสีหน้าแปลกใจมากๆ
วินยา เห็นชื่อ “วินยา” ซึ่งเขียนอยู่บนหน้าหนึ่งของสมุดเล่มนั้น ด้วยลายมือที่เหมือนเด็กหัดคัดลายมือ ตัวโตๆ โย้ไปโย้มา ในหน้าแรกๆ จนหน้าต่อๆ ไปค่อยเป็นตัวโตๆ เริ่มที่จะดูดีขึ้น สีหน้าวินยาอึ้งไป
วินยานึกได้รีบหันไปที่ฝาขื่อที่เธอเคยสลักชื่อเอาไว้ แล้วรีบวิ่งเข้าไปดู รอยสลักชื่อตัวเอง ยังปรากฏอยู่จริงๆ วินยานึกถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งนั้นขึ้นมาอีกก็ยิ่งอึ้ง เพราะนึกไม่ถึง ว่าเลาซาจะหัดเขียนหนังสือ ตามที่ตัวเองเคยสอนไว้จริงๆ ทั้งแปลกใจ เริ่มซึมซับรับรู้ได้ว่า เลาซาไม่ใช่คนเลวร้ายอย่างที่คิด
“เลาซา...เจ้า...”
เสียงเลาซาดังขึ้นมา “เจ้าเข้ามาทำไม”
วินยาได้ยินเสียง หันขวับไปมอง เห็นเป็นเลาซาก็ตกใจ
“เลาซา!”
เลาซามองไปเห็นวินยาถือสมุดของตัวเองอยู่ก็อาย หน้าเครียดขึ้น
เลาซาบอกเสียงเข้ม “เอาของข้าคืนมา”
“ไม่ จนกว่าเจ้าจะตอบคำถามว่าเขียนชื่อข้าทำไม”
เลาซาอายอีก แต่ทำหงุดหงิดกลบเกลื่อน จะแย่งคืน ไม่ตอบ
“เอาคืนมา”
“ไม่!”
วินยาหลบ ทั้งสองพยายามแย่งสมุดกันไปมา เลาซาจับมือวินยา กระชากเข้ามาใกล้
“โอ๊ย”
วินยาร้องทั้งสองต่างชะงัก จ้อง มองสบตากัน
“บอกมา ทำไมต้องเขียนแต่ชื่อข้าด้วย”
เลาซามองตาวินยา อ่อนโอน ความรู้สึกข้างในท่วมท้น แต่พูดตรงๆ ออกมาไม่ได้
“มีคนๆ หนึ่งสอนข้าเขียนชื่อนี้...วอ แหวน สระอิ นอ หนู ยอ ยักษ์ สระอา...อ่านว่า วินยา...”
วินยาถึงกับอึ้งไป ได้รับรู้ความในใจของเลาซา ที่แสนอ่อนโยน และรู้สึกลึกซึ้งกับตัวของเธอ
“เลาซา...”
“เธอดีกับข้าอยู่ชั่วประเดี๋ยว แต่น่าแปลกที่ข้าจำช่วงเวลานั้นได้ตลอดชีวิต”
“ข้านึกอยู่แล้ว เจ้าไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เจ้าแสดงเลย ที่ผ่านมาเจ้าแสร้งทำเป็นร้ายกาจเพื่อปกปิดความรักที่มีต่อข้า...”
เลาซาผลักวินยาออกไป
“พอเถอะ อย่ามาพูดเรื่องบ้าๆ อีก” เลาซาปฏิเสธ
“เจ้านั่นแหละ เลิกโกหกซะที”
เลาซาไม่รู้จะทำอย่างไร รีบผลักตัววินยาไปกระแทกฝาเพิง แล้วทำท่าก้มลงปลุกปล้ำ ซุกไซ้ลำคออยู่สักครู่หนึ่ง แต่แล้ววินยากลับนิ่งไม่ยอมปัดป้อง มีแต่น้ำตาที่เอ่อไหลออกมานิ่งๆ บนใบหน้า
เลาซาเงยหน้าขึ้นมามองเห็น วินยาน้ำตาไหล ชะงักไปทันที
“เจ้า...”
“ข้ารู้..ที่เจ้าทำแบบนี้เพราะ เจ้าอยากให้ข้าเกลียด เจ้าจะได้ไม่ต้องลำบากใจ ที่ต้องมาหลงรักศัตรู”
เลาซานิ่งงัน สีหน้าเฝื่อนไปถนัดตา ที่วินยาจับความรู้สึกตัวเองได้ วินยาพูดต่อ จ้องหน้าเลาซาเพื่อวัดใจ
“เอาสิ ถ้าเจ้าสามารถรังแกคนที่เจ้ารักได้ลงคอ เจ้าก็ขืนใจข้าเลย ข้าจะไม่โกรธ ไม่เกลียดเจ้า ข้าจะอภัยให้เจ้าทุกอย่าง”
เลาซามือไม้อ่อน สะเทือนใจ หมดสภาพ ตะโกนลั่นออกมาด้วยความเจ็บปวด แล้วหันหลังหนีให้วินยา เอาหมัดทุบฝาเพิงอย่างแรง ระบายความรู้สึกอัดอั้น วินยาขยับตัวมองด้วยความสะเทือนใจ ทำท่าจะเข้าไปจับไหล่เลาซาห้าม
“เลาซา พอเถอะ”
เลาซาสะบัดแขนหนี “ออกไป”
วินยาชะงัก เลาซาหันไปหาระบายความเจ็บปวดด้วยถ้อยคำที่กลั่นจากใจ
“เจ้าเอามีดเอาดาบมาแทงหัวใจข้าซะดีกว่า ใช้ความสงสารมาฆ่าข้าแบบนี้!”
วินยานิ่งงันอึ้งไป
เลาซากระชากเสื้อตัวเองทีเดียว ขาดเป้นทางยาว เห็นแผลเก่าที่หน้าอก เป็นแผลที่วินยาเคยแทงไว้ในอดีตต
“ยังจำแผลนี้ได้ไหม แผลเก่าที่เจ้าเคยฝากเอาไว้...”
วินยารับรู้ และนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่ตัวเองเอามีดแทงเลาซาครั้งนั้น วินยาหน้าเผือดไป เลาซาพูดต่อพรั่งพรู่ความรู้สึก
“บาดแผลภายนอกไม่เคยเจ็บเท่าแผลที่อยู่ในใจ ...” เลาซาหันไปมองวินยาที่ยื่นหน้าเข้ามาหาวินยา น้ำเสียงเข้ม “รู้มั้ยแผลแผลนี้เตือนข้าว่าอะไร”
วินยาผงะออกไป นึกไม่ถึง “เลาซา!”
“แผลนี้เตือนข้าเสมอว่า อย่าหลงกลของความรัก เขาทำดีกับเราแค่ชั่วครั้งชั่วคราว แล้วเขาก็ทิ้งเราให้อยู่กับความเจ็บปวดชั่วชีวิต”
วินยาพยายามจะอธิบาย “ไม่ใช่นะ”
เลาซาขัดขึ้นมา และขึ้นเสียงแรง
“อย่ามาหลอกกันเลยดีกว่า...ข้ารู้ดีว่าเจ้าไม่มีทางรักคนอย่างข้าอยู่แล้ว”
ทั้งสองต่างนิ่งงัน จ้องมองกันครู่หนึ่งด้วยความจริงในใจที่ปรากฏขึ้น แล้วเลาซารีบผละลุกออกไป
วินยามองตามอย่างสะเทือนใจ เพราะมันเป็นจริงอย่างที่เลาซาพูด แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
“เลาซา”

วินยารู้สึกหนักใจเหลือเกินในสถานการณ์นี้

ทั้งหมดพากันเดินเข้ามาในห้อง สุภาพกับอาหลู่ประคองศิริเข้ามา เห็นศิริพันแขนข้างที่โดนงูกัด หลังกลับมาจากโรงพยาบาล นงนุชถือกระเป๋าเสื้อผ้าเดินตามหลังเข้ามากับทองอินและดาเนา
“โชคดีนะที่ดาเนาเอาสมุนไพรดูดพิษให้ก่อน นายถึงรอดไปถึงมือหมอ” อาหลู่
สุภาพประคองศิรินั่งลง “นายนั่งพักตรงนี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะให้อาหลู่ยกอาหารมาให้”
ศิริพยักหน้ารับแล้วเหลือบมองนงนุช ที่อยู่ในอาการเก้ๆ กังๆ ทำตัวไม่ถูกเพราะยังรู้สึกผิดอยู่
“ผมวางกระเป๋าวางไว้ตรงนี้แล้วกันนะ กลับกันเถอะนุช ดาเนา” ทองอินชวนนงนุช กับดาเนากลับ
ดาเนาหันไปทางศิริ ยกมือโบกบ๊ายบาย
“ดาเนาไปล่ะนะ ลุงต้องนอนพักเยอะๆ กินข้าวให้มากๆ อย่างที่หมอที่โรงพยาบาลบอกนะ จะได้หายเร็วๆ”
“เรารีบไปกันเถอะ ดาเนา เดี๋ยวจะรบกวนเวลาคนป่วยเขาเปล่าๆ”
นงนุชแตะแขนดาเนาจะชวนกันกลับ แต่ศิริพูดขึ้นก่อน
“ไม่ต้อปลุกฉันขึ้นมากินข้าวก็ได้สุภาพ แขนเจ็บอย่างนี้จะเอามือที่ไหนตักข้าวกิน”
นงนุชกับทองอินชะงัก อาหลู่ขยับเข้าไปประจบ
“เดี๋ยวอาหลู่ป้อนให้เอง”
ศิริไม่ฟังอาหลู่ พูดต่ออย่างหมดอาลัยตายอยาก
“เฮ้อ อยู่ดีไม่ว่าดีก็ไปหาเรื่องให้งูกัด ทำไมไม่ตายๆ ไปซะเลยว้า ไอ้ศิริเอ๊ย”
“โธ่นาย...อย่าพูดอย่างนั้นสิครับ” สุภาพรีบปลอบ
“ก็ฉันไม่เหลือใครแล้วนี่ ลูกเต้าก็หายหัวไปหมด แกสองคนก็มีครอบครัวต้องกลับไปหา จะมีเวลาที่
ไหนมาดูแลฉันยี่สิบสี่ชั่วโมง แล้วถ้าฉันปวดหนักปวดเบาจะเข้าห้องน้ำขึ้นมากลางดึก จะทำยังไง อยู่ไปก็เป็นภาระสังคม” ศิริโวยวายเป็นชุด
“เอ่อ นาย...นายแค่โดนงูกัดนะ ไม่ใช่รถไฟชน” อาหลู่บอก
ศิริบีบเสียงเครือ ทำดราม่าสุดชีวิต
“แต่ถ้าพิษงูมันเข้าไปทำลายเส้นประสาทจนแขนฉันใช้การไม่ได้ ฉันก็เป็นแค่ไอ้แก่พิการ ไร้
ความสามารถ แล้วจะอยู่ทำไม ฉันอยากตาย อยากตายโว้ย”
ศิริแกล้งเอามือทุบแขนตัวเองอย่างน้อยใจโชคชะตา อาหลู่กับสุภาพรีบห้าม นงนุชกับทองอินมองหน้ากันงงๆ ที่อยู่ศิริก็เป็นบ้าขึ้นมา แต่ศิริเล่นอย่างอินจัด พยายามทำร้ายตัวเองจนนงนุชทนไม่ได้ รีบวิ่งเข้าไปช่วยห้าม
“คุณจะบ้าหรือไง แค่นี้ก็โอดครวญเป็นเด็กๆ ไปได้ มีสติหน่อยสิ”
“คุณเป็นต้นเหตุให้ผมเป็นอย่างนี้ ถ้าคุณไม่คิดจะรับผิดชอบอะไรก็ไม่ต้องยุ่ง”
นงนุชพูดด้วยความโมโห “ก็ฉันจะออกค่ารักษาให้ คุณก็ไม่เอา แล้วคุณจะเอายังไง”
นงนุชจ้องหน้าศิริอย่างเดือดดาล

ทองอินโวยวายโมโห นงนุช ดาเนายืนอยู่ข้างๆ ถัดออกไปเป็นสุภาพกับอาหลู่
“จะมากไปหรือเปล่า เพื่อนผมไม่ใช่คนรับใช้นายพวกคุณนะ”
สุภาพกับอาหลู่ทำหน้าลำบาก
“มันก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกคร้าบคุณป่าไม้ ก็แค่มาคอยพยาบาลนายระหว่างที่นายยังทำอะไรไม่สะดวก
เท่านั้นเอง”
“ก็ไปจ้างพยาบาลมาสิ” นงนุชบอก
“แต่นายเฉพาะเจาะจงว่าต้องเป็นคุณ เพราะคุณเป็นคนทำร้ายนาย” อาหลู่พูด
“งูกัดย่ะ ไม่ใช่ฉันกัด”
นงนุชชักสีหน้าด้วยความหงุดหงิด สุภาพเหล่ๆ แกล้งพูดต่อ
“ถ้าคุณจะไม่ตกลง ผมก็ไม่บังคับ แต่นายก็คงยิ่งมั่นใจว่าคุณกับลูกชายคุณคงจะนิสัยเหมือนกัน คือไม่มี
ความรับผิดชอบ พึ่งพาไม่ได้” สุภาพเริ่มแผน
“ก็นั่นน่ะซี้ เหมือนที่โบราณเขาว่า ดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่” อาหลูผสมโรง แต่ดันพูดผิด
สุภาพเบิดศรีษะอาหลู่ไปที “นั่นมันดูผู้หญิงเว้ย ...นี่เขาลูกชาย”
“อะน่า มันก็ลูกเหมือนกันแหละ พี่สุภาพ” อาหลู่แก้ตัว
“เอาล่ะๆ ถ้าคุณเขาไม่อยากรับผิดชอบในสิ่งที่ทำกับเจ้านายพวกเราไว้ ใครจะไปว่าอะไรได้ล่ะ ของ
อย่างนี้มันแล้วแต่จิตสำนึก”
นงนุชอ้าปากค้างจะแย้ง แต่สุภาพกับอาหลู่ชวนกันเดินหนีเข้าบ้านเสียก่อน เลยหันมามองหน้าทองอินกับดาเนาแบบเพลียๆ
นงนุชถอนหายใจ “ทองอิน พาดาเนาไปส่งเถอะ ฉัน คงไปกับนายไม่ได้แล้วละ”
“อะไรกันนุช นี่เธอจะบ้าจี้ตามพวกนั้นจริงๆ เหรอ” ทองอินแย้ง
“เขาก็พูดถูกนะ ฉันทำให้คุณศิริเดือดร้อน ฉันก็ควรรับผิดชอบ”
สีหน้านงนุชบอกว่าเธอตัดสินใจแน่วแน่บางประการ

นงนุชถือถาดข้าวต้มเข้ามาให้ศิริบนเตียง สีหน้านงนุชเวลานั้นงอง้ำ หลังจากตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่ดูแลศิริให้ นงนุชพูดน้ำเสียงห้วนๆ
“ได้เวลาอาหารแล้ว”
ศิริเองก็พยักหน้าให้นงนุชอย่างวางท่า ขณะที่นงนุชเอาถาดอาหารมาอย่างไม่เต็มใจ
“อีกสิบห้านาทีฉันจะมาเก็บ แล้วจะเอายาหลังอาหารมาให้” นงนุชกำลังจะเดินไป
“เดี๋ยว ผมจะกินยังไงล่ะ มือเจ็บอย่างเงี้ย”
“แล้วคุณจะให้ฉันป้อนเนี่ยนะ”
ศิริเลิกคิ้ว “ใช่ หน้าที่พยาบาลไม่ได้มีแค่เสิร์ฟอาหารนะ”
นงนุชมองศิริอย่างหมั่นไส้ แล้วกระแทกนั่งลงข้างๆ แล้วหยิบชามข้าวต้มมาจะตักป้อน นงนุชมองค้อนแล้วตักข้าวต้มยื่นให้ ศิริอ้าปากจะกินแล้วเกิดเปลี่ยนใจซะงั้น
“ควันฉุยเชียว เดี๋ยวปากผมก็พองพอดี จะฆ่ากันเหรอ”
“จะใส่น้ำแข็งไหมล่ะ” นงนุชว่า
ศิริกับนงนุชจ้องหน้ากันอย่างไม่ลดละ
“ก็เป่าให้หน่อยสิ ทำไมไม่เป็นหรือไงป้า” ศิริบอก
นงนุชชักสีหน้าจะวีน ศิริแกล้งเอามือจับแขนตัวเองพร้อมกับโอดครวญ
“ผมรู้ว่าคุณไม่เต็มใจ แต่ถ้าไม่ต้องไปตามใครบางคนจนถูกงูกัด ผมก็คงช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่ต้องพึ่ง
คุณหรอก”
นงนุชเริ่มรำคาญ “โอ๊ย พูดมาก อ้าปากเร็วๆ เข้า”
นงนุชเป่าข้าวต้มในช้อนแล้วป้อนให้ศิริอย่างรำคาญ ศิริเคี้ยวแล้วแอบมองตา นงนุชก้มหน้าตักข้าวต้ม ก่อนจะยิ้มพอใจ
สุภาพกับอาหลู่ที่แอบโผล่หน้าเข้ามาดู อมยิ้ม ยักคิ้วลิ่วตาให้กัน แบบรู้เห็นเป็นใจจับคู่ให้นาย
“แหม ดูนายสิ ได้พยาบาลถูกใจล่ะหน้าตาระริกระรี้ ยังกับปลาได้น้ำ” อาหลู่ว่าอย่างยิ้มๆ
“สงสัยงานนี้ จะไม่ได้แค่ได้นางพยาบาล แต่บ้านเราจะได้นายหญิงคนใหม่แล้ว เว้ยเฮ้ย” สุภาพผสมโรง

อ่านต่อหน้า 2

หอบรักมาห่มป่า ตอนที่ 20.2

แสงเพชรตื่นขึ้นตอนสายๆ เห็นมีผู้ชายนอนเปลือยอกอยู่ข้างๆ แต่ยังไม่เห็นหน้า แสงเพชรยิ้ม มีความสุข เข้าใจว่าเป็นดนัย หันไปกอด
“ดนัย... ข้ามีความสุขเหลือเกิน”
แสงเพชรจะจูบ แต่เห็นเป็นธนวัติที่กำลังนอนหลับไม่รู้เรื่อง แสงเพชรตกใจมาก ร้องกรี๊ด ธนวัติสะดุ้งตื่น อยู่ในอาการงัวเงีย
“น้องหวี”
ธนวัติมาเห็นหน้าแสงเพชรก็ตกใจกลัว
“เฮ้ย จะ จะ เจ้าแม่แสงเพชร!”
ธนวัตินึกเรียบเรียงเหตุการณ์...
“รึว่า…”
ธนวัตินึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ก็หน้าตาตื่นขึ้นมา
“เฮ้ยย...เมื่อคืนไม่ใช่หวี เป็นยายเจ้าแม่...”
แสงเพชรหน้าถมึงถึงเอาเรื่อง
“เจ้าบังอาจล่วงเกินข้า!”
แสงเพชรพุ่งเข้ามาบีบคอธนวัติ ด้วยสุดเรี่ยวแรงจนธนวัติ แทบหายใจไม่ออก แล้วธนวัติฮึดรีบผลักเจ้าแม่กระเด็นออกไป
“อ๊อย...ผู้หญิงบ้า”
ธนวัติ รีบลนลานไปหยิบเสื้อมาใส่ แล้ววิ่งออกไปจากประตูอย่างรวดเร็ว ขณะที่แสงเพชรมองตามแค้นเคือง

ธนวัติวิ่งหนีมาเจอพาณิชย์ก็วิ่งหนีออกจากห้องนอนเช่นกัน เสื้อผ้าหลุดลุ่ย แสงหล้าไล่ตามพาณิชย์มา
“อย่าหนีนะ”
“พี่วัติ! พี่วัติช่วยผมด้วย”
ชบาและดอกเข็มได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย ก็รีบวิ่งเข้ามา
“เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ”
ชบาและดอกเข็มเห็นธนวัติ กับพาณิชย์ที่อยู่ในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ก็ตกใจนึกว่าทั้งคู่มีอะไรกัน
“ฮึ นี่ท่านธนวัติ พาณิชย์!! ว้าย บัดสีบัดเถลิง”
“นังบ้า ฉันกับไอ้พาณิชย์ไม่ได้มีอะไรกัน โน้น...เจ้าแม่แสงเพชรของแกโน้น เมียฉัน” ธนวัติบอก
ชบาและดอกเข็มงงเป็นไก่ตาแตก
“แม่เจ้า” ชบากับดอกเข็มอุทานตาโต
แสงเพชรวิ่งตามธนวัติออกมาพร้อมองครักษ์ มาได้ยินเข้าพอดี
“ไอ้ชั่วธนวัติ!”
แสงเพชรแย่งดาบจากองครักษ์ ไปจะแทงธนวัติ ทุกคนแตกฮือ ธนวัติพาณิชย์วิ่งไปหลบอีกด้าน
แสงหล้าวิ่งเข้าไปกอดแสงเพชร ร้องไห้โฮ
“เจ้าพี่ ฮือออ...เจ้าพี่ ช่วยน้องด้วย ไอ้พาณิชย์มัน…มัน..ฮือ”
“นี่มันรังแกน้องหรือ แสงหล้า”
แทนคำตอบแสงหล้าปล่อยโฮออกมา แสงเพชรยิ่งเดือดดาลหนัก ชบากับดอกเข็มอุทานพร้อมๆกัน
“แม่เจ้า! เจ้าแม่แสงหล้าก็เป็นเมียท่านพาณิชย์!!”
“นังปากมอม แกจะมาพูดอีกทำไมฮ้า” แสงหล้าตวาด
แสงเพชรจ้องเขม็งไปที่ธนวัติ กับพาณิชย์ “พวกแกสองคนอย่าอยู่อีกเลย”
แสงเพชรพุ่งเข้าไปจะเอาดาบฟัน องครักษ์ตามเข้าไปเล่นงานด้วย
ธนวัติ พาณิชย์ดึงตัว ชบา ดอกเข็มเป็นโล่ แล้วผลักทั้งสอง ล้มใส่ แสงเพชรกับองครักษ์ ธนวัติกับพาณิชย์รีบกระโดดหนีออกไป
“ทหาร ล่าตัวมันมาให้ได้”

แสงเพชรสั่งเสียงเข้มจนแทบจะเป็นคำรามออกมา

อ่านต่อหน้า 2




หอบรักมาห่มป่า ตอนที่ 20

กลุ่มของฉวีวรรณหนีออกมานอกวังสำเร็จ พากันมาหลบอยู่ในถ้ำกลางป่าเมืองลับแลดนัยและชลิตถูกจับมัดมือนั่งหันหลังชนกันอยู่ ทั้งสองดิ้นอย่างทุรนทุรายเพราะพิษมนต์เสน่ห์

“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ บอกให้ปล่อย หูแตกรึไงฉันจะไปหาแสงเพชร ปล่อยฉัน” ดนัยพูดด้วยความโกรธ
ส่วนชลิตเพ้อหาแต่แสงหล้า “แสงหล้า แสงหล้าอยู่ที่ไหน ช่วยพี่ด้วย”
ฉวีวรรณ ดาหวัน แจ๋ กิมจิ บุญทิ้งและอุ๊บอิ๊บยืนมองทั้งสองด้วยความรู้สึกแตกต่างกันไป อุ๊บอิ๊บกรี๊ดออกมา เพราะทนดูไม่ได้
“พี่ดนัยขา พี่ดนัยจำอุ๊บอิ๊บไม่ได้รึคะ นังเจ้าแม่มันล้างสมองพี่ดนัยของอุ๊บอิ๊บ เจ็บใจนัก อุ๊บอิ๊บจะไปหามัน”
“จะไปตบเจ้าแม่เหรอ” แจ๋ดักคอ
“ไม่ใช่ จะไปขอยาเสน่ห์มาใช้บ้าง ได้ผลดีกว่าไปทำหน้าที่เกาหลีอีก ทั้งถูกกว่าทั้งไม่ต้องเจ็บตัวด้วย ฮิฮิฮิ”
แจ๋เซ็งไปเลยพอฟังอุ๊บอิ๊บพูดจบ
“ขืนเธอไป ไม่ได้ยาเสน่ห์มาใช้หรอก โดนยายเจ้าแม่หักคอจิ้มน้ำพริก”
“เจริญพร เห็นด้วยครับ”
อุ๊บอิ๊บฉุน แต่ไม่กล้าเถียง
“แล้วเราจะช่วยดนัยกับชลิตถอนพิษยาเสน่ห์ยังไง” แจ๋บ่น
กิมจิคิดหนักแล้วนึกออก
“นึกออกแล้ว ทำให้อาเจียนสิ แบบถ้ำกระบอกน่ะ”
บุญทิ้งพูดนิ่งๆ “เจริญพร” ก่อนจะนึกได้หันมาโวยใส่กิมจิ “จะบ้ารึครับ ดนัยกับชลิตเขาติดหญิงนะครับ ไม่ใช่ติดยา!”
“อ้าว ไม่เหมือนกันเรอะ”
แจ๋กับบุญทิ้งกลุ้มใจ
ฉวีวรรณมีสีหน้าเป็นกังวล “ไม่มีทางช่วยดนัยกับชลิตได้เลยเหรอ”
ดาหวันเสียใจ เดินหนีออกไปจากบริเวณนนั้น ฉวีวรรณมองตามอย่างห่วงใย
“ฉันจะไปดูหวัน ฝากทางนี้ด้วยนะ”
แจ๋รับอาสา “ไม่ต้องห่วง”
ฉวีวรรณตามดาหวันไป แก๊งแจ๋ กิมจิ บุญทิ้งและอุ๊บอิ๊บคิดหาทางช่วยดนัยและชลิต


ดาหวันวิ่งหนีมาหยุดยืนร้องไห้อยู่อีกมุมหนึ่ง ฉวีวรรณตามมาปลอบน้องสาว
“หวัน…”
“หวันทนดูไม่ได้ เวลาที่มองตาของคนที่หวันรัก แต่กลับเหมือนคนแปลกหน้ามันว่างเปล่าจนน่ากลัว”
“พี่ก็เจ็บปวดไม่น้อยไปกว่าหวัน แต่ทั้งหมดเป็นเพราะฤทธิ์ยาเสน่ห์ของกาซู”
ฉวีวรรณโอบดาหวันไว้ ปลอบโยน
“หวันรู้ แต่ก็อดน้อยใจไม่ได้ ยาเสน่ห์มันเปลี่ยนหัวใจคนได้ขนาดนี้เลยเหรอ”
ฉวีวรรณและดาหวันเสียใจและกังวลใจอย่างหนัก

ทองอินขับรถไปกับดาเนา ทองอินมองเห็นดาเนานั่งหน้าเครียดกังวล เลยถามขึ้น
“เป็นอะไรไปดาเนา ตั้งแต่ออกจากในเมืองมา ก็นั่งเงียบไม่พูดไม่จา”
“ดาเนาคิดถึงพี่วินยาจังเลย ดาเนาอยากรู้ว่าตอนนี้พี่วินยาอยู่ที่ไหน เป็นยังไงบ้าง”
ดาเนาพูดพลางเหม่อมองออกไปนอกรถ คิดถึงวินยา

ขณะที่เลาซาเดินดุ่มมาด้วยอารมณ์อัดแน่นข้างใน วินยาวิ่งตามเข้ามาจากข้างหลังตะโกนเรียก
“หยุดก่อน...”
เลาซาไม่สน เดินต่อไป วินยาตามเข้ามาดักข้างหน้า
“แน่จริงก็อย่าหนีข้าสิ เรายังคุยกันไม่จบเลยนะ”
เลาซามองวินยา อึ้งไป มีสีหน้าน้อยใจ
“ข้าไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว”
เลาซาขยับจะไป วินยาขวางอีก
“แต่ข้ามี”
วินยาฉวยมือเลาซาดึงพาวิ่งหลุดไปอีกทางหนึ่ง “ไปเลย”
เลาซาหน้าตื่น นึกแปลกใจขึ้นมา
“นี่เจ้าจะทำอะไร ...วินยา”

วินยาดึงเลาซาเข้ามาที่บริเวณป่ารกร้างที่โดนตัดไม้ทำลายป่า จนกลายเป็นดินแดง และหญ้าแห้ง
“พาข้ามาที่นี่ทำไม”
“ดูซะ ผลงานของนายทุนที่ชื่อธานี โดยมีเจ้ากับพ่อของเจ้าคอยช่วยเหลือ”
วินยาพยายามโน้มน้าวจิตใจของเลาซา ซึ่งดูเหมือนจะได้ผล เลาซาอึ้งไป
“เจ้าลืมไปแล้วหรือว่า ป่าไม้คือชีวิตของชาวชาลันอย่างพวกเรา แต่เจ้ากลับช่วยให้คนอื่นทำลายป่า เจ้าคิดว่านายธานีจะยอมให้พวกเจ้าครอบครองป่าผืนนี้รึ ...เจ้าคิดผิดแล้ว” วินยาเตือนสติ
“หมายความว่าไง”
“เจ้ากำลังถูกหลอกใช้ คนโลภอย่างธานีไม่มีทางยอมให้พวกเจ้าครอบครองที่นี่ ตราบใดที่ป่าผืนนี้ยังทำเงินให้พวกมันได้ กว่าเจ้าจะได้ครอบครอง ป่าผืนนี้คงไม่เหลืออะไรอีกแล้ว นอกจากความแห้งแล้ง”
“เจ้ามาบอกข้าทำไม”
“เราเป็นชาวชาลันเหมือนกัน ทำไมเราไม่ร่วมมือกัน ขับไล่คนชั่วออกไป”
“ฮึ ร่วมมือกันรึ พ่อข้าฆ่าพ่อแม่เจ้า ระหว่างเจ้ากับข้ายังจะร่วมมือกันได้อีกรึ”
วินยาชะงัก พูดไม่ออก
“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่เหมือนพ่อของเจ้า”
“เจ้าแน่ใจได้ยังไง”
“ถ้าเจ้ารู้จักถนุถนอมความรักที่เจ้ามีต่อใครบางคนอยู่ตั้งหลายปี หัวใจของเจ้าไม่ได้กระด้างเห็นแก่ตัว หัวใจของเจ้าต้องรู้จักรักแผ่นดินบ้านเกิดของตัวเองแน่”
เลาซาอึ้งไป แล้วทำฝืนวางมาดเข้ม ชักมีดมาจ่อคอวินยา
“เจ้ามองคนผิดแล้ว”
“เอาสิ อยากฆ่าก็ฆ่าเลย”
เลาซาตกใจที่วินยาไม่สะทกสะท้าน “นี่เจ้า…”
“เจ้ามีโอกาสฆ่าข้าหลายครั้ง แต่เจ้าก็ไม่ทำ ถ้าเจ้าใจคอโหดเหี้ยมจริง ข้าคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงหน้าเจ้าหรอก”
วินยาจ้องตาเลาซา อย่างไม่เกรงกลัวอีกแล้ว เลาซาหวั่นไหว ที่วินยารู้ทัน
“กลับตัวซะเถอะเลาซา...เลิกทำลายต้นไม้ ทำลายบ้านเกิดตัวเองเถอะ ข้าขอร้องเจ้าจากใจจริง”
วินยามองเลาซาจริงใจ เลาซามองหวั่นไหวยิ่งขึ้น สีหน้าลังเลใจอย่างหนัก

จู่ๆ จังหวะนั้นกาซูก็โผล่เข้ามา
“หยุดเสี้ยมได้แล้วนังวินยา!”
วินยา เลาซาหันไปมองด้วยความตกใจ
“พ่อ!” เลาซาตกใจหน้าซีด
“ไอ้ลูกชั่ว ...ผิดหวังมากหรือที่หลอกข้าไม่สำเร็จ” กาซูด่าเลาซา
“ไม่ใช่นะ ท่านพ่อ” เลาซาพยายามปฏิเสธ
“ยังจะมาโกหก ข้ารู้แต่เมื่อวานแล้ว ว่าเจ้าซ่อนนังวินยาไว้ในบ้าน”
เลาซาตะลึง
“ที่ข้าไม่ฆ่ามันทันที เพราะข้ายังให้โอกาสเจ้ากลับใจ หึ...เสียดายที่เจ้ากลับหน้ามืดตามัว หลงอีนังศัตรูจนลืมพ่อ”
กาซูตบเลาซากระเด็นล้มลงไป
“เจ้าหมดโอกาสแล้ว ข้าจะลงมือเอง”
กาซูหันมาเตรียมสู้กับวินยา แต่วินยากระโจนหนีไป กาซูรีบตามไป

เวลาเดียวกันนั้น ภายในรถทองอิน จู่ๆ ดาเนาก็รู้สึกปวดศีรษะขึ้นมา
“อ๊อย ปวดหัว”
มีภาพปรากฎอยู่ในหัวของดาเนา เป็นเงาร่างวินยาวูบๆ วาบๆ กำลังวิ่งหนีกาซูอยู่ ดาเนา หน้าตาตื่นเป็นห่วงวินยา สั่งให้ทองอินหยุดรถทันที
“จอด จอดรถ”
ทองอินรีบเบรกรถจอดข้างทาง
“อะไรน่ะ ดาเนา เป็นอะไร”
“อย่าพึ่งถามเลย ดาเนาต้องรีบไปแล้ว เจอกันที่หมู่บ้านชาลันนะลุงทองอิน”
ดาเนารีบเปิดประตูรถวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ว่องไวเกินเด็ก ทองอินเปิดประตูรถตามลงไป ปรากฏว่าดาเนาหายไปไหน
“ดาเนา หายไปไหนแล้ว”

ด้านวินยาวิ่งหนี จังหวะนั้นกาซูกระโดดมาขวางหน้า
“คิดว่าจะหนีข้าพ้นรึ!”
กาซูจะแทงวินยา แต่เลาซากลับตามมาขวาง
“พ่อ อย่า ชีวิตวินยาเป็นของข้า ข้าจะฆ่ามันด้วยตัวเอง”
“ข้าไม่เชื่อ หลีกไป!”
กาซูใช้สันดาบกระแทกเลาซาล้มลง แล้วหันไปสู้กับวินยา วินยาหลบได้ กาซูเริ่มบริกรรมคาถา ใช้อาคมทำให้ฟันแทงไม่เข้า แต่วินยายังไม่รู้ เข้าไปต่อสู้ วินยาแย่งดาบได้ จะแทงกาซู แต่แทงไม่เข้า วินยาตกใจ
กาซูยิ้มร้าย ซัดวินยากระเด็นไป เลาซาห่วงวินยา จะเข้าไปช่วย กาซูรู้ทัน
“อย่ายุ่ง!”
กาซูหันขวับไปมอง เลาซาขาแข็ง ก้าวขาไม่ออกขยับตัวก็ไม่ได้
“พ่อ ทำอะไรข้า ปล่อยข้านะ
เลาซาพยายามจะขยับ แต่ก้าวขาไม่ได้ ได้แต่มองวินยาโดนทำร้ายอย่างเจ็บปวดใจ จังหวะต่อมากาซูซัดวินยาล้มลงหลายครั้ง วินยาพยายามสู้ แต่ทำอะไรไม่ได้เลย กาซูซัดวินยาล้มลง วินยาเจ็บหนัก กระเสือกกระสนหนี แต่หนีไม่ได้ กาซูยิ้มร้าย
“ฟ้าเข้าข้างข้า ไอ้ธานีติดอยู่ในเมืองลับแล ไม่มีเจ้าอีกคน ก็ไม่มีใครขวางข้ากาซูคนนี้จะครอบครองทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งเผ่าชาลัน และป่าผืนนี้”
กาซูเงื้อดาบจะแทงวินยา
เลาซาตะโกนขึ้นด้วยความเป็นห่วง “วินยา!”
พอกาซูจะจ้วงแทง ก็มีไม้หลาวแหลมอันหนึ่งขว้างมาใส่กาซู ทว่ากาซูรู้ทันหันไปฟันไม้ขาดสองท่อน
“ใครลอบกัดข้า!”
ดาเนายืนกังจ้า ออกมาขวางปกป้องวินยา กาซูมองดาเนาอย่างเยาะหยัน
“ฮึ เจ้าเด็กตัวกะเปี๊ยก คิดจะสู้กับข้ารึ”
“อย่าดูถูกกันสิ เด็กก็มีมือนะ”
“ดาเนา ระวังตัวด้วย” วินยาร้องเตือน
กาซูจะแทงดาเนา ดาเนาหลบหลีกอย่างคล่องแคล่ว พร้อมกับวิ่งหนี กาซูรีบตามไป

ดาเนาวิ่งหนีมา กาซูตามจนทัน
“เจ้ารนหาที่เอง อย่าหาว่าข้ารังแกเด็กละกัน”
กาซูไล่ฟันดาเนา แต่ดาเนาว่องไว หลบทันทุกท่าด้วยท่าทางทะเล้น กาซูเจ็บใจที่ไม่โดนตัวดาเนา
“มัวทำอะไรอยู่ลุง ข้าอยู่นี่ แก่แล้วเชื่องช้านะ”
“หนอย ไอ้เด็กเมื่อวานซืน”
กาซูโกรธ ไล่แทงดาเนา
“ระวังกระดูกกระเดี้ยวจะแตกเอานะลุง”
ดาเนาเยาะ ในขณะที่กาซูเริ่มบริกรรมคาถา
“คิดจะเล่นกลรึ งั้นต้องเจอนี่”
ดาเนากระโดดไปกระโดดมา จนทำให้เกิดแผ่นดินสั่นสะเทือน กาซูตกใจ ล้มลุกคลุกคลาน
“เอาสักกี่ริกเตอร์ดีล่ะลุง”
กาซูเสียจังหวะ บริกรรมคาถาเล่นงานดาเนาไม่ได้ ดาเนาหยุดกระโดด หัวเราะสนุก
“ฮ่าๆๆ ยังไม่จบ ต้องเจอนี่”
ดาเนาทำท่าใช้พลัง ทำให้ก้อนหินและกิ่งไม้แหลม พุ่งประดังเข้าใส่กาซู
กาซูทั้งกระโดดหลบ ทั้งเตะต่อยและปัดออกไป ,ดาเนาหัวเราะสนุก
“ฮ่าๆๆ หลบดีๆ นะลุง พลาดล่ะเสียโฉมไม่รู้ด้วย ยิ่งไม่ค่อยจะหล่ออยู่”
“หนอย กล้าล้อข้าเล่นรึ ไอ้เด็กบ้า!”
กาซูโกรธจัด เตะก้อนหินก้อนหนึ่ง พุ่งกลับไปหาดาเนา แต่ดาเนารีบกลิ้งตัวหลบ กาซูคอยจังหวะอยู่แล้ว เสกเถาวัลย์ไปรัดร่างดาเนา ดาเนาดิ้นไม่หลุด
“โอ๊ย เล่นทีเผลอนะลุง” ดาเนาโวยใส่
กาซูยิ้มร้ายออกมา “เจ้ารนหาที่เอง ในเมื่อไม่อยากโต ก็ช่วยไม่ได้”
กาซูขว้างมีดใส่ดาเนา มีดปักทะลุเสื้อดาเนา กาซูหัวเราะสะใจ แต่กลับมีเสียงหัวเราะของดาเนาดังขึ้นด้านหลัง ประสานกับเสียงหัวเราะของกาซู
“ฮ่าๆๆ” ดาเนาล้อเลียน
กาซูชะงัก ตกใจ หันไปมอง เห็นดาเนายืนอยู่อีกทางหนึ่ง
“นี่เจ้า”
กาซูหันไปมองมีด ปรากฏว่ามีดปักต้นไม้ ที่มีเศษเสื้อดาเนาติดอยู่
“เป็นไปได้ไง”
“ตาข้าบ้างล่ะนะ”
ดาเนาใช้พลัง ทำให้เถาวัลย์ที่หล่นอยู่บนพื้นไปรัดร่างกาซู คราวนี้กาซูไม่ทันตั้งตัว โดนเถาวัลย์รัด ขยับไม่ได้ ดาเนาใช้พลังทำให้มีดที่ปักต้นไม้ ลอยมาเข้ามือ
“ยายสอนว่าอย่าทำร้ายใคร แต่ลุงเป็นคนไม่ดี ปล่อยไว้ก็จะเที่ยวไปทำร้ายคนอื่น ข้าต้องขัดใจยายสักครั้ง”
ดาเนาจะฆ่ากาซู
“อย่า อย่าฆ่าข้า ข้าคือพ่อของเจ้า”
ดาเนาชะงัก ไม่เชื่อ
“ลุงเพ้อเจ้ออะไร”
“เจ้าคือลูกของข้าที่หายตัวไปตั้งแต่เด็ก เจ้าจึงมีพลังเหมือนกับข้า ข้าจำได้แล้ว ข้าดีใจเหลือเกินที่เจ้ายังไม่ตาย ถ้ารู้แต่แรก ข้าจะไม่ทำร้ายเจ้า”
ดาเนาชักจะลังเล
“ไม่จริง ลุงโกหก”
วินยาและเลาซาตามมา
“เลาซา ฆ่าวินยาซะ” กาซูบอกออกมา
เลาซาหันไปมองวินยา แล้วจำเป็นต้องสู้กับวินยา ทั้งสองประดาบกัน แต่วินยารับมือไว้ได้
เลาซากระซิบ “ระหว่างข้ากับเจ้า ไม่มีทางร่วมมือกันได้ รีบไปซะ ถ้าไม่อยากตาย!”
เลาซาซัดวินยากระเด็นไป ดาเนาตกใจ ห่วงวินยา
“พี่วินยา”
ดาเนาจำต้องปล่อยกาซูไว้ แล้ววิ่งตามออกมา ดึงร่างวินยาวิ่งออกไป เลาซามองตามวินยาไปอย่างเจ็บปวด ที่ไม่สามารถรักกันได้
กาซูใช้พลัง ทำให้เชือกขาด มองตามไปอย่างเดือดดาล
“นังวินยา ... มันหนีไปจนได้”

เหตุการณ์ภายในถ้ำเมืองลับแล ดนัยกับชลิตที่นั่งหันหลังชนกัน ช่วยกันแก้มัดมือออกได้สำเร็จพอดี
ทั้งสองรีบลุกขึ้นจะหนี บุญทิ้งกับกิมจิ เข้าไปขวาง ดนัยต่อยกับบุญทิ้ง ชลิตหันมาต่อยสู้กับกิมจิ
บุญทิ้งเสียท่าถูกดนัยต่อยล้มลง อุ๊บอิ๊บรีบถลาเข้าไปผลักดนัยล้มลงไป พร้อมขึ้นคร่อมตีๆ ไม่ยั้ง
“พี่ดนัยนิสัยไม่ดี หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ”
บุญทิ้งมองอย่างอึ้ง ที่อุ๊บอิ๊บมาช่วยเหลือตัวเอง
ชลิตชกกิมจิคว่ำ พร้อมกับผลักแจ๋ล้มลงไป แล้วตะโกนลั่น
“แสงหล้าอยู่ไหน”
ชลิตรีบวิ่งออกไป ดนัยผลักอุ๊บอิ๊บล้มลง แล้วรีบจะวิ่งออกไป แต่แจ๋ กิมจิ บุญทิ้ง อุ๊บอิ๊บเข้ามารุมล้อมล็อกตัวดนัยไว้ได้ก่อน
“ช่วยกันเร็ว อย่าให้ดนัยหนีไปได้”
“ปล่อยฉัน ฉันจะไปหาแสงเพชร”
อาศัยทีเผลอกิมจิต่อยหน้าดนัยไปหมัด ดนัยหมดสติไป
“โทษทีนะ เพื่อน”!!!

ชลิตวิ่งออกมา เจอกับ ดาหวันกับฉวีวรรณที่เดินสวนเข้ามา
“พี่ชลิต”
ชลิตไม่สน ผลักดาหวันล้มลงไปอย่างไม่มีเยื่อใย
“อ๊อย พี่ชลิต กลับมาก่อน”
ฉวีวรรณเป็นห่วงน้องรีบเข้าไปประคองดาหวันไว้ บุญทิ้งกับอุ๊บอิ๊บวิ่งตามออกมา
“คุณหวี คุณหวัน”
“ชลิตหนีไปแล้ว ดนัยล่ะ” ฉวีวรรณร้องถาม
กิมจิกับแจ๋วิ่งตามออกมาจากถ้ำ
“ฉันพึ่งซัดไอ้ดนัยไปหมัด ตอนนี้หมดสติไปแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้น ทุกคนช่วยกันตามชลิตเถอะ ฉันจะไปเฝ้าดนัยเอง”
ทุกคนแยกย้ายกันออกไปตามหาชลิต

แจ๋ กิมจิ อุ๊บอิ๊บ บุญทิ้งและดาหวันไปด้วยกัน แจ๋ กิมจิเดินนำไป ดาหวันเดินรั้งท้าย แล้วสังเกตเห็นเศษผ้าขาดติดอยู่กับกิ่งไม้ ดาหวันหยิบมาดูแล้วจำได้
“พี่ชลิต!”
แจ๋ กิมจิเดินไปอีกทาง ดาหวันรีบตามชลิตไป

บุญทิ้งและอุ๊บอิ๊บตามหาชลิต
“คุณชลิตครับ ได้ยินแล้วตอบด้วย หายไปไหนของเขานะ”
อุ๊บอิ๊บไม่ไหว ขอนั่งพัก
“ไม่ไหวแล้ว ฉันเหนื่อย เมื่อยด้วย อีตาชลิตจะเป็นยังไงก็ช่างสิ”
“แต่คุณชลิตเป็นเพื่อนของเรานะครับ”
“เพื่อนอะไรกัน ฉันไม่มีเพื่อน”
“แล้วที่คุณอุ๊บอิ๊บช่วยผมจากคุณดนัยล่ะ เพราะผมเป็นเพื่อนคุณหรือเปล่า”
อุ๊บอิ๊บกำลังจะอ้าปากเถียงว่าไม่ใช่ แล้วอึ้ง พูดไม่ออก
“อย่าโกหกนะครับ ถ้าผมไม่ใช่เพื่อน แล้วผมเป็นอะไรสำหรับคุณ”
อุ๊บอิ๊บยิ่งอึกอักบอกไม่ถูกเหมือนกัน สบตาบุญทิ้งแล้วเขิน แล้วแกล้งเฉไฉพูดแก้ตัวไป
“ก็.. ก็... ฉันเป็นห่วงพี่ดนัย ไม่อยากให้พี่ดนัยเป็นผู้ร้ายฆ่านายนะสิ”
“ว้า ผมก็หลงดีใจนึกว่าคุณเห็นผมเป็นเพื่อนแล้ว” บุญทิ้งจ๋อยไป
“ฮึ ใครจะอยากเป็นเพื่อนกับนาย ทำเป็นซื่อบื้อ ที่จริงเป็นสิบแปดมงกุฎล่ะไม่ว่า”
“เรื่องอะไรอีกล่ะครับ”บุญทิ้งงง
“ตอนที่ฉันไปช่วยนายจากยายแสงหล้า ฉันเห็นยายนั่นหอมแก้มนายแต่ไม่เห็นนายจะเป็นลมเลย”
บุญทิ้งนึกขึ้นมาได้ ดีใจออกมา
“นั่นสิครับ หรือว่าผมหายแล้ว เย้ ผมหายแล้ว ผมไม่เป็นหอบแล้ว”
“ไหน หายจริงรึเปล่า ต้องพิสูจน์”
อุ๊บอิ๊บผลักบุญทิ้งไปจนหลังติดต้นไม้ อุ๊บอิ๊บแกล้งยื่นหน้าเข้าใกล้บุญทิ้ง แล้วหอมแก้มฟอด
“ยะ อย่า ครับ คุณอุ๊บอิ๊บ”
บุญทิ้งหอบขึ้น หายใจไม่ออก หมดสติไป
“บุญทิ้ง”
อุ๊บอิ๊บตกใจ เขย่าตัวบุญทิ้ง
“นี่ยังไม่หายอีกเหรอ อย่ามาล้อเล่น ตื่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้”
บุญทิ้งแน่นิ่งไป
“เป็นลมจริงๆ รึนี่ ตาทึ่มเอ๊ย ทำไมต้องเป็นหอบกับฉันคนเดียวด้วยล่ะ หรือว่า นายจะคิดอะไรกับฉัน”
อุ๊บอิ๊บอมยิ้ม แล้วนึกได้
“แล้วทำไมเราต้องดีใจด้วย”
อุ๊บอิ๊บไม่เข้าใจตัวเอง

ชลิตเดินหาแสงหล้าไปทั่วป่า ดาหวันวิ่งตามมา
“แสงหล้า แสงหล้าอยู่ไหน”
“พี่ชลิต!” ดาหวันวิ่งมาดึงแขนชลิตไว้
“ไม่ต้องไปหาเขาหรอก เจ้าแสงหล้าไม่ใช่คนดี เขาไม่ได้รักพี่จริง ถ้าวันหนึ่งเขาเบื่อพี่ขึ้นมา เขาอาจจะฆ่าพี่ทิ้งก็ได้”
ชลิตสะบัดดาหวันล้มลง ชี้หน้าต่อว่าด้วยความโกรธ
“กล้าดียังไงมาว่าแสงหล้า”
ชลิตจะหนีไป แต่ดาหวันวิ่งเข้าไปกอดจากด้านหลัง ชลิตพยายามสะบัด
“ปล่อย!”
“ไม่! หวันไม่ให้พี่ไปเด็ดขาด พี่ชลิตตั้งสติให้ดีสิ ถึงยาเสน่ห์จะล้างสมองพี่ แต่หวันเชื่อว่าไม่มีอะไร
เปลี่ยนใจพี่ได้ เรื่องของเรามันต้องหลงเหลืออยู่ในหัวใจของพี่บ้าง
ชลิตดึงมือดาหวันออก ดาหวันสบตาชลิต
“พี่ลองนึกดีๆ นี่หวันไง เราเคยไม่ชอบหน้ากัน หวันเคยเกลียดขี้หน้าพี่มาก เคยคิดว่าพี่เป็นเกย์ด้วยซ้ำ แต่ความรู้สึกนั้นมันเปลี่ยนไป เมื่อเราผจญอันตรายในป่านี้ด้วยกัน”
ภาพผุดซ้อนอยู่ในดวงตาของดาหวันที่มองชลิตด้วยความรัก พร้อมกับเหตุการณ์ประทับใจพร่างพรูออกมาพร้อมคำพูดดาหวัน
“พี่เจ็บตัวเพราะปกป้องหวันตั้งหลายครั้ง หวันรู้แล้วว่าพี่ชลิตเป็นผู้ชายที่เข้มแข็งที่สุด”
“พี่ทำให้ความฝันของหวันเป็นจริง ความฝันที่อยากเต้นรำในชุดสีขาว รู้มั้ย ตอนนั้นหวันมีความสุขมากที่สุด”
ดาหวันพยายามเตือนสติชลิต
“พี่เคยบอกว่าพี่จะไม่ทิ้งหวัน พี่ลืมสัญญาที่ให้ไว้กับหวันไปหมดแล้วเหรอ”
ชลิตแกะมือดาหวันออกอย่างไม่ใยดี
“พล่ามจบแล้วใช่มั้ย ปล่อยได้แล้ว ฉันไม่รู้จักเธอ เพ้อเจ้ออะไรไม่รู้เรื่อง”
ชลิตจะไป
“พี่ชลิต! อย่าไป หวันขอร้อง”
ดาหวันดึงชลิตไว้ ยื้อยุดกัน แล้วเสียหลักล้มไปด้วยกัน ดาหวันล้มลงทับร่างชลิต ปากชนกันโดยไม่ได้ตั้งใจ ดาหวันตกใจ ทั้งสองมองตากัน ภาพเหตุการณ์ที่ชลิตบอกรักดาหวันผุดขึ้นมา ดาหวันสบตาชลิต
“วันนั้นพี่บอกความในใจของพี่ แต่หวันกลับไม่กล้าพอ ที่จะยอมรับความรู้สึกของตัวเอง วันนี้…หวันอยากให้พี่รู้ว่าหวันรักพี่ หวันรักพี่ชลิต!”
ดาหวันจูบชลิตด้วยความรัก เมื่อถอนริมฝีปากออก ดาหวันร้องไห้ออกมา
“พี่ชลิต อย่าทิ้งหวันไปนะ หวันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มี่พี่”
ดาหวันกอดชลิตไว้ ร้องไห้กับอกชลิต ในขณะที่ชลิตนิ่งอึ้ง มึนงง ลุกขึ้นนั่งและผลักดาหวันออกไปเบาๆ
“เป็นอะไรของเธอ เด็กขี้แย”
ดาหวันแปลกใจ ชลิตเช็ดน้ำตาให้ดาหวันอย่างอ่อนโยน
“ใครทำให้หวันร้องไห้ บอกพี่มาสิ พี่จะไปชกหน้ามัน”
ดาหวันดีใจสุดชีวิต
“พี่ชลิต!”

แจ๋ กิมจิ เดินมาเจอกับ อุ๊บอิ๊บซึ่งประคองบุญทิ้งที่หมดสติเข้ามาอย่างทุลักทุเล
“อ้าว ไอ้บุญทิ้งเป็นอะไรไป”
อุ๊บอิ๊บบ่นอุบ “เป็นลมน่ะสิ ตัวหนักเป็นบ้า”
แจ๋ กิมจิและฉวีวรรณรีบไปช่วยประคองบุญทิ้ง ดาหวันและชลิตเดินจูงมือกันมา แต่พอมาเจอทุกคน ดาหวันรีบปล่อยมือ
“พี่แจ๋”
“หวัน หายไปไหนมา พี่เป็นห่วงแทบแย่”
“เฮ้ย จับไอ้ชลิตมัดไว้เร็ว เดี๋ยวมันหนีไปอีก”
ทุกคนเข้ามารุมล้อมจับชลิต
ชลิตงงเป็นไก่ตาแตก “พวกแกเป็นบ้าอะไร จับฉันทําไม”
“เดี๋ยวค่ะ ทุกคน พี่ชลิตหลุดพ้นจากอำนาจเสน่ห์ของกาซูแล้ว”
“จริงเหรอ” ฉวีวรรณดีใจ
“ฉันกลับมาเป็นชลิตคนเดิมแล้ว” ชลิตตะโกนลั่น
“ไชโย!”
แจ๋และกิมจิกระโดดกอดคอชลิต บุญทิ้งรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เห็นทุกคนดีใจกันก็งง
“ดีใจอะไรกันครับ ผมพลาดอะไรไปรึเปล่า”
“นายมันพลาดตลอดแหละ นายทึ่มเอ๊ย” อุ๊บอิ๊บเยาะอย่างเซ็งๆ
แจ๋นึกขึ้นได้ “เออ หวันทำยังไงถึงถอนพิษนยาเสน่ห์ได้ละ”
กิมจิและอุ๊บอิ๊บสงสัย มองดาหวันกับชลิตเป็นตาเดียว ดาหวันและชลิตพูดไม่ออก
ดาหวันอึกๆ อักๆ “เอ่อ คือ…”
อุ๊บอิ๊บรีบฉวยมือดาหวัน “ รีบไปช่วยพี่ดนัยเลยดีกว่า อืดอาดเสียเวลา”
ชลิตทนไม่ได้ รีบเข้าไปดึงตัวดาหวันคืน
“ไม่ได้นะ หวันช่วยดนัยไม่ได้หรอก”
“ทําไมวะ แล้วจะปล่อยให้ดนัยมันหลงเสน่ห์เจ้าแม่แบบนั้นเหรอ” กิมจิงง
“เออ แกเป็นอะไรของแกเนี่ย” แจ๋ก็งงอีกคน
ชลิตพูดไม่ออก ไม่รู้จะอธิบายยังไง
ชลิตรีบพูดกับทุกคน “ยังไงก็ไม่ได้แล้วกัน” ชลิตหันมาทางดาหวัน “มานี่เลย เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
ชลิตดึงตัวดาหวันออกไป ทุกคนงงไปตามๆ กัน กิมจิงงสุดๆ
“ ไอ้ชลิตเป็นอะไรของมัน ท่าทางแปลกๆ”

ชลิตดึงดาหวันออกมาที่มุมหนึ่ง
“อะไรพี่ชลิต”
“หวันไม่ต้องไปช่วยดนัยนะ คนอื่นมีตั้งเยอะ ไอ้บุญทิ้ง ไอ้กิมจิ ทำแทนก็ได้”
“ก็คนอื่นอาจจะไม่ได้ผล แต่หวันช่วยพี่ชลิตได้ ก็น่าจะช่วยพี่ดนัยได้นี่นา”
“ยังไงก็ไม่ได้ หวันบอกเองว่าพี่หายจากยาเสน่ห์เพราะหวันจูจุ๊บพี่ แล้วหวันจะไปจูจุ๊บไอ้ดนัยได้ไง พี่ไม่ยอมให้หวันไปจูจุ๊บผู้ชายคนอื่นเด็ดขาด”
ดาหวันรู้ว่าชลิตหึง แกล้งกลับบ้าง
“ทำไมจะไม่ได้ ทีพี่ยังไปยุ่งกับยายแสงหล้านั่นเลย”
“โธ่ พี่ไม่ได้ตั้งใจ ตอนนั้นพี่ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ”
“ไม่ต้องมาอ้าง ผู้ชายเห็นแก่ได้ พี่ทําได้หวันก็ทําได้เหมือนกัน คอยดู”
“ไม่ได้ พี่ไม่ยอม” ชลิตอ้อน
“พี่ไม่มีสิทธิ์มาสั่งหวัน หวันจะไปจุ๊บพี่ดนัยเดี๋ยวนี้เลย” ดาหวันเริ่มงอน
ชลิตกับดาหวันกำลังทะเลาะกันอยู่ เสียงแจ๋กรีดร้องอย่างตกใจลอดเข้ามา
“อ๊าย!”
ชลิตกับดาหวันชะงัก ดาหวันตกใจ
“เสียงพี่แจ๋”
ทั้งสองรีบวิ่งตามเสียงไปทันที

เวลานั้นแจ๋ กิมจิ บุญทิ้งและอุ๊บอิ๊บประจันหน้าอยู่กับ แสงหล้า ดอกเข็ม โดยมีพวกทหารรุมล้อมทั้งหมดเอาไว้
“ท่านพี่ชลิตท่านพี่ดนัยอยู่ที่ไหน”

แสงหล้าโกรธจัดร้องถามเสียงเข้ม

อ่านต่อหน้า 3




หอบรักมาห่มป่า ตอนที่ 20 (ต่อ)

ส่วนเหตุการณ์ภายในถ้ำ ฉวีวรรณลูบใบหน้าดนัยที่สลบอยู่อย่างห่วงใย อยากจะร้องไห้ออกมาเพราะไม่รู้จะช่วยดนัยอย่างไร

“ดนัย...นายจะต้องหาย นายจะต้องกลับมาเป็นดนัยคนเดิมให้ได้นะ”
น้ำตาฉวีวรรณหยดลงที่แขนของดนัยข้างหนึ่ง ดนัยค่อยรู้สึกตัวตื่นขึ้น
“ฮึ...นี่เธอ!!”
“ฟื้นแล้วเหรอ” ฉวีวรรณดีใจ
“ไปให้พ้น”
ดนัยสะบัด ฉวีวรรณผงะหงายหลัง ดนัยรีบลุกขึ้น วิ่งออกไป ทั้งๆ ที่มือยังถูกมัดไว้
ฉวีวรรณร้องตาม “ดนัย”

เวลาเดียวกันนั้น ธนวัติ พาณิชย์ และธานีแบกหีบเหล็กดูหนักพอประมาณ ลัดเลาะมาตามแนวป่าธนวัติกับพาณิชย์ ถือดาบมาด้วย
ธานีที่รั้งท้ายหอบแฮ่กๆ แล้วทรุดลงตรงมุมหนึ่งอย่างไปไม่ไหวอีกแล้ว
“อ๊อย ไม่ไหวแล้วโว้ย”
ธนวัติกับพาณิชย์หันมามองอย่างขัดใจ
“ป๊า อย่างอแงได้ไหม”
“คุณอาแบกของหนักมันก็เหนื่อยง่ายสิฮะ ทิ้งๆ ไปเถอะ จะได้รีบไป”
“ไม่ต้องมายุ่ง ฉันจะนั่งพักแค่นี้ มันจะมีปัญหาอะไรนักวะ ทีพวกแกปล้ำเจ้าแม่จนต้องหนี กันหัวซุกหัวซุน ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรสักคำ”
ธนวัติรำคาญจึงตัดบท “อะๆ พักก็พัก ไป พาณิชย์ ไปช่วยกันหาน้ำมากินกันหน่อย”
ธนวัติกับพาณิชย์เดินออกไป ธานีเห็นทั้งสองลับตา แล้วรีบเปิดหีบออกดู ข้างในเต็มไปด้วยพลอย และ ทองคำแท่งเต็มหีบ ธานีมองด้วยความปลามปลื้มใจ
“ทั้งพลอย ทั้งทอง เปล่งปลั่ง แสบตา...ฮ่าฮ่าฮ่า นังเจ้าแม่หน้าโง่ เสียตัวไม่พอ ยังต้องเสียทรัพย์ด้วยนะเนี่ย”

ส่วนแสงหล้าเลือดขึ้นหน้า เข้ามาผลักกิมจิล้มกระเด็นไปชน แจ๋ อุ๊บอิ๊บ และบุญทิ้ง ที่ถูกทหารล้อมเอาดาบขู่
“ถ้าไม่อยากตายก็บอกมาซะ พี่ชลิตอยู่ที่ไหน”
กิมจิยกมือยอมแพ้ทันที “ยอมแล้วจ้ะ ยอม”
“ไอ้กิมจิ ไอ้บ้า ทำไมยอมง่ายๆ อย่างนี้ แกต้องสู้สิ ไป” แจ๋ด่าเอา
แต่ยังไม่ทันที่กิมจิจะไป ชลิตและดาหวันวิ่งเข้ามา หน้าตื่น
ชลิตตกใจ “นี่มันอะไรกันเนี่ย”
แสงหล้าเห็นชลิตก็ดีใจ
“ท่านพี่ชลิต”
แสงหล้าถลาเข้าไปหาชลิต
“อย่าเข้ามานะ”
แสงหล้าและดอกเข็มตกใจ
“เจ้าแสงหล้า ระวังนะเจ้าคะ”
“ท่านพี่ชลิต นี่ข้าแสงหล้า พี่ลืมข้าแล้วรึ” แสงหล้าครวญคร่ำ
“เสียใจด้วย ยาเสน่ห์ของเธอมันเสื่อมแล้ว” ดาหวันเย้ย
“ไม่จริง เจ้าทำอะไรพี่ชลิตของข้า ข้าจะฆ่าเจ้า”
แสงหล้าจะตบดาหวัน ชลิตเข้ามาขวาง ผลักแสงหล้าผงะออกไป แล้วยืนขวางปกป้องดาหวัน
“หยุดเดี๋ยวนี้ แสงหล้า ถอยไป”
แสงหล้ารู้สึกเจ็บปวดใจ “ท่านพี่! ท่านพี่หมดรักในตัวน้องแล้วรึ”
“ผมไม่ได้หมดรักคุณ”
แสงหล้ายิ้ม มีความหวัง
“เพราะผมไม่เคยรักคุณด้วยซ้ำ” แสงหล้าเสียใจ
“ไม่จริง”
“ผมมีคนรักแล้ว และผมยอมตาย แต่จะไม่ยอมให้ใครทำร้ายคนที่ผมรัก”
แสงหล้าสะเทือนใจน้ำตาคลอ
พวกแจ๋ กิมจิ อุ๊บอิ๊บ บุญทิ้งมองอึ้งตะลึงในท่าทีของชลิตที่มีต่อดาหวัน
“แมนโคตรๆ เลย ไอ้ชลิต” กิมจิชม
“สัญญากับผมนะ แสงหล้า ถ้าฆ่าผมแล้ว ต้องปล่อยดาหวันไป”
ดาหวันฟังแล้วอึ้งไป “พี่ชลิต”
แสงหล้าแค้นใจหันไปหยิบดาบจากทหารคนหนึ่งขึ้นมาถือ
“ได้!! ถ้าท่านพี่ต้องการอย่างนั้น ข้าจะขอเป็นคนแทงหัวใจท่านพี่เอง”
แสงหล้าพุ่งตัวเข้ามา ทำท่าจะแทงอกชลิต ทุกคนหวาดเสียว ลุ้นตัวโก่ง ดาหวันกรี๊ดลั่น
ชลิตยืดอกเตรียมรับดาบ หน้านิ่งไม่หวั่นไหว แสงหล้าเงื้อดาบสูง แล้วแทงลงมาที่ดินข้างๆ ตัวชลิตแทน ชลิตอึ้งนึกว่าจะต้องตายแน่นอนแล้ว แต่กลับไม่เป็นไร
“แสงหล้า”
แสงหล้า วางมาดเข้ม แต่แววตาเจ็บปวดใจ
“ท่านพี่ชลิตตายแล้ว ตายไปจากชีวิตข้าแล้ว”
ชลิตอึ้งตะลึง และทุกคนแปลกใจไปด้วย ใบหน้าแสงหล้ามีน้ำตาไหลอาบแก้มออกมาหนึ่งหยด ท่าทีภายนอกนั้นดูเด็ดเดี่ยวแต่ภายในใจแสนปวดร้าว

ดนัยวิ่งหนีไป ฉวีวรรณวิ่งตามมาดึงตัวไว้
“ดนัย นายจะไปไหน”
ดนัยสะบัดตัวหนี “มันเรื่องของฉัน”
เสียงแสงเพชรหัวเราะชอบใจดังขึ้นมา ดนัยหันไปมองด้วยความดีใจ
“แสงเพชร”
แสงเพชรเดินเข้ามาพร้อม ชบา องครักษ์และกองทหารหญิง
“แก้มัดให้ท่านดนัยซะ”
องครักษ์เข้าไปแก้มัดให้ดนัย ฉวีวรรณลุกขึ้น ร้องตะโกนห้ามแสงเพชร
“ฉันขอร้องล่ะแสงเพชร ถ้าเธอรักดนัยจริง ได้โปรดทำให้เขากลับเป็นคนเดิมไม่ใช่นายดนัยหุ่นยนต์ตามสั่งของเธอแบบนี้”
“อย่ามาพูดเพ้อเจ้อ ...เจ้าอิจฉาข้าล่ะสิ”
“ฉันเป็นคนที่รักดนัยจากใจจริงต่างหาก ต่อให้เขาไม่ได้รักฉัน ฉันก็ไม่มีวันทำเสน่ห์ใส่เขาเหมือนอย่างที่เธอทำ”
แสงเพชรเถียงลั่นสีหน้าเข้ม “ไม่จริง! ข้ารักดนัย รักมากที่สุดเลยด้วย”
แสงเพชรพุ่งเข้าไปหาดนัย แล้วยื่นหน้าเข้าไปจุมพิตที่ปาก ดนัยเต็มๆ แสงเพชรหวังจะแก้มนต์เสน่ห์ พิสูจน์ให้ดูว่าตัวเองรักจริง
ฉวีวรรณตะลึง

ธนวัติกับพาณิชย์ที่กำลังเดินเข้ามาเห็น แสงเพชรจูบปากดนัยเข้าตกใจ
“เฮ้ย ...ยายเจ้าแม่จูบ...” ธนวัติรีบปิดปากพาณิชย์
ธนวัติปิดปากพาณิชย์แล้วรีบดึงพาณิชย์หลบเข้าไปหลังต้นไม้ แอบดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น

แสงเพชรถอนปากออกจากดนัย หวังใจว่าจะคลายยาเสน่ห์ให้ดนัยได้สำเร็จ
“ข้าเป็นหญิงที่มีรักแท้ต่อเจ้า มีแต่ข้าเท่านั้นที่จะถอนฤทธิ์ยาเสน่ห์ให้เจ้าได้ ดนัย เจ้ากลับมาเป็นตัวของตัวเองแล้วใช่มั้ย”
ดนัยยิ้มให้แสงเพชร เข้าไปสวมกอดแสงเพชร ซุกที่ซอกคออย่างหลงใหล
“แสงเพชร ฉันต้องการเธอ”
แสงเพชรรู้ทันทีว่า ดนัยยังอยู่ในมนต์สะกด หน้าเครียดขึ้งขึ้นมา แสงเพชรพึมพำ
“มนต์เสน่ห์ยังไม่คลาย”
ฉวีวรรณตะโกนลั่น
“นั่นไม่ใช่ดนัย นั่นไม่ใช่ความรัก”
ฉวีวรรณสะบัดออกจากทหารแล้ววิ่งเข้าไปหาดนัย ดึงตัวดนัย หันมาหา
“ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่คนรักของนาย เขาไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับตัวนายเลยด้วยซ้ำ”
“เจ้าล่ะ รู้จักดนัยดีนักเหรอ!”
ฉวีวรรณหยิบก้อนกรวดสีชมพูดที่ดนัยเคยให้ไว้ออกมาให้ดนัยดู
“นายจำก้อนกรวดสีชมพูก้อนนี้ได้มั้ย มันอาจจะเป็นก้อนกรวดธรรมดา แต่มันไม่เหมือนกรวดก้อนอื่นๆ เพราะกรวดก้อนนี้บรรจุความรู้สึกดีๆ ที่นายมีต่อใครคนหนึ่ง นายให้ฉันเพื่อระลึกถึงช่วงเวลา ที่เราร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน”
ฉวีวรรณจับมือดนัยข้างหนึ่งขึ้นมา เอาก้อนกรวดวางใส่มือดนัยให้ดนัยกำกรวดไว้ ใบหน้าดนัย มีภาพความทรงจำผุดแวบเข้ามา เป็นตอนที่ดนัยมอบก้อนกรวดสีชมพูให้ฉวีวรรณ
ดนัยรู้สึกจิตใจอ่อนไหวขึ้น
“ยังมีอีกเรื่อง…ก่อนที่จะเข้ามาในเมืองลับแล นายถามฉันเรื่องหนึ่ง แต่ฉันยังไม่ได้ตอบนาย นี่คือคำตอบของฉัน”
ฉวีวรรณจูบปากดนัย
แสงเพชร อึ้ง ธนวัติ กับ พาณิชย์ที่แอบดูอยู่ ตะลึง
วินาทีนั้นฉวีวรรณและดนัยตกลงสู่ห้วงแห่งรัก เหมือนโลกนี้มีเพียงสองคนเท่านั้น ทั้งคู่ประทับจูบกันและกัน
เมื่อฉวีวรรณผละจากดนัย ทั้งสองหันมามองสบตากัน
“อาจจะไม่มีหวัง แต่ฉันก็อยากจะรู้นะ ...เธอรักฉันบ้างหรือเปล่า หวี....” ดนัยจำได้แล้ว แต่ยังไม่ได้พูดอะไรออกมา
แสงเพชรโกรธ เข้ามากระชากฉวีวรรณออกจากดนัยและตบหน้าฉวีวรรณ
“หน้าด้าน! ข้าไม่ยอมให้เจ้าแย่งดนัยไปหรอก”
ฉวีวรรณเซไปทางหนึ่ง ทหารเข้ามาจับตัวฉวีวรรณล็อกไว้
“ดนัย!”
ดนัยยืนนิ่งเหมือนหุ่นยนต์ แสงเพชรยิ้มร่านึกว่า ฉวีวรรณไม่สามารถถอนเสน่ห์ได้เช่นกัน
แสงเพชรพูดใสหน้าฉวีวรรณ
“เห็นมั้ย ดนัยช่วยเจ้าที่ไหน เฮอะ ที่แท้ก็ราคาคุย เจ้าเองก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่รักดนัยจริงๆ เหมือนกันนั่นแหละ”
“เจ้าแม่อย่ามั่ว ผมยังไม่ได้พูดเลยสักคำ”
ทั้งแสงเพชรและฉวีวรรณหันมองดนัยเป็นตาเดียว ขณะที่ดนัยมองไปที่ฉวีวรรณ
“ผมขอประกาศให้ทราบกันทั่วๆ เลยนะ ใครรักใครผมไม่รู้ ผมรู้แต่ว่าผมรักหวีคนเดียว”
ฉวีวรรณยิ้มกว้างอย่างดีใจ “ดนัย!! ดนัยคนเดิมกลับมาแล้ว”
ดนัยยิ้มรับแล้ววิ่งเข้าไปหาฉวีวรรณ พวกทหารกรูเข้ามาสู้ ดนัยหลบหลีก แล้วจับทหารคนหนึ่งเป็นโล่ ให้สู้กับทหารอื่นแทน เพราะไม่อยากทำร้ายผู้หญิง

ธนวัติกับพาณิชย์ที่ยืนหลบมองดูเหตุการณ์อยู่ เคืองแค้น
“มิน่าล่ะ ยายหวีถึงได้ห่วงไอ้ดนัยจนออกนอกหน้าหลายทีแล้ว ที่แท้ก็...เป็นไอ้ดนัยที่ต้มพี่วัติจนเปื่อย”
“ไอ้ดนัย!! ไอ้หนามยอกอก แกอย่ามีชีวิตอยู่อีกเลย”
ธนวัติมองอย่างเอาเรื่อง แล้วชักมีดดาบที่ถือติดตัวออกมา พุ่งออกไป พาณิชย์มองตามเหวอๆ แล้ววิ่งตามไป
“รอด้วยพี่วัติ ..ขอเอี่ยวด้วยคน”

แสงเพชรแค้นยิ่งนัก จึงสั่งทหารจับตัวดนัย ฉวีวรรณให้ได้ ในขณะที่ดนัยกำลังสู้กับทหารต่อเนื่องมา
“ทหาร จับเป็นไม่ได้ ก็จับตายไปเลย”
ธนวัติกับพาณิชย์ก้าวขึ้นไปยืนบนเนินดินสูงกว่าทุกคน
“ถนัดอยู่แล้วเรื่องจับตาย” ธนวัติแค้นจัด
“ลงนรกซะเถอะ ไอ้ดนัย” พาณิชย์ตะโกนออกมา
ธนวัติกับพาณิชย์ กระโดดลงจากเนินดิน แล้วพุ่งเข้าไปสู้กับดนัย ดนัยเลี่ยงหลบ แล้วรีบหยิบดาบจากทหารคนหนึ่งมาสู้กับธนวัติพาณิชย์ที่กรูกันเข้ามา
ฉวีวรรณมองรู้สึกเป็นห่วงดนัยขึ้นมา “ดนัย”
แสงเพชรมองดนัยหึง เข่นเขี้ยว
“ตายๆไปซะก็ดี ผู้ชายใจดำ”
ดนัยเตะดาบในมือพาณิชย์หล่น แล้วกระโดดตัวลอยขึ้นเตะปากพาณิชย์ ล้มปากแตกเลือดออก ธนวัติเข้ามาซ้ำดนัยหันไป ถีบธนวัติกระเด็นหงายหลัง ดาบในมือธนวัติลอยในอากาศ ดนัยรับไว้ได้แล้วปากลับไปที่ธนวัติ ธนวัติกลิ้งตัวหลบ เฉียดเส้นยาแดงผ่าแปด
จังหวะหนึ่งดนัยปาดาบอีกด้ามในมือ ธนวัติหลบได้อีก พาณิชย์ฟื้นตัวขึ้นมา จะเอาดาบเข้ามาจะฟันดนัย
ฉวีวรรณมองเห็นรีบหยิบท่อนไม้ฟาดใส่หลังพาณิชย์
“นี่แน่ะ ไอ้ลอบกัด”
“โอ้ย” ร่างพาณิชย์ล้มคว่ำกระเด็นไป
ดนัยวิ่งเข้ามาที่ฉวีวรรณ
“หวี ไม่เป็นไรนะ”
พาณิชย์เห็นท่าไม่ดี รีบดึงก้อนดินระเบิดที่ซ่อนไว้ในตัว ออกมา
“เก่งนักใช่มั้ย”
พาณิชย์ขว้างก้อนดินระเบิดออกไป ระเบิดตูม ดนัยดึงฉวีวรรณพากันวิ่งหนี พวกที่เหลือแตกฮือหลบจ้าละหวั่น
“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่เสียแรงที่จิ๊กไอ้กาซูมันมา”
พาณิชย์ขว้างดินระเบิดอีกลูกออกไป
“ตูม”
ทุกคนกระโดดหลบกันอีก ทหารบางคนโดนระเบิดได้รับบาดเจ็บเลือดนอง
ธนวัติเห็นทางว่า ระเบิดหมดแล้ว เลยรีบวิ่งเข้าไปล็อกตัว แสงเพชร ที่เสียหลักไม่ทันระวังตัว ธนวัติเอาดาบจี้ตัวแสงเพชรไว้
“ว้าย เจ้าแม่” ดอกเข็มร้องลั่น
“เมียจ๋า จะฆ่าผัวได้ลงคอหรือจ๊ะ”
แสงเพชรดิ้นจะจัดการธนวัติ “ไอ้นรก”
องครักษ์กับทหารกรูจะเข้าไปช่วย ธนวัติยกดาบออกมาขู่
“อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นเจ้าแม่พวกแกหัวขาดแน่”
แสงเพชรตกใจ “อ๊อก”
ธนวัติกระชับดาบขู่อย่างเอาจริง “บอกมา ทางออกเมืองลับแลอยู่ที่ไหน”
ธนวัติมองข่มขู่เข้ม แสงเพชรหน้าเครียด อึกอักแต่ต้องจำยอม

แสงหล้ากำลังชี้ให้ชลิต ดาหวัน แจ๋ กิมจิ บุญทิ้ง และอุ๊บอิ๊บ ดูที่ประตูหมอก เป็นช่องอยู่ระหว่างต้นไม้สองต้น ที่มีหมอกหนาสูงปกคลุมอยู่ ซึ่งเมื่อเดินฝ่าหมอกไป ก็จะเข้าไปอยู่ในเขตเมืองมนุษย์
“นั่นคือประตูหมอก หนึ่งในสามช่องทางของเมืองลับแลที่จะไปสู่เมืองมนุษย์” แสงหล้าบอก
“แน่ใจนะประตูไปโลกมนุษย์ ไม่ใช่ประตูนรกนะยะ” อุ๊บอิ๊บยังไม่เชื่อ
“หุบปากเน่าๆ ของเจ้าซะ” แสงหล้าหันไปสั่งทหาร “ ทหาร จัดการได้”
ทหารกรูเข้ามาจับตัวพวก แจ๋ กิมจิ บุญทิ้ง เหวี่ยง ผลัก ทั้งหมดร้องโวยวาย ผ่านหมอกหนาออกไป
ดอกเข็มปิดจ๊อบตบอุ๊บอิ๊บอย่างแรงส่งท้ายด้วยความหมั่นไส้ อุ๊บอิ๊บกรี๊ด ร่างกระเด็น ผ่านหมอกออกไปเช่นกัน

แจ๋ กิมจิและบุญทิ้งอุ๊บอิ๊บ ที่โดนเหวี่ยงผ่านประตูหมอกมา ล้มกลิ้งกันไปบนพื้นหญ้า ร้องกรี๊ดกร๊าดโวยวายกันลั่นป่า เพราะยังตกใจกันอยู่

ชลิตรู้สึกซาบซึ้งใจ กำลังกล่าวขอบคุณแสงหล้า
“ขอบใจนะ แสงหล้า”
“ไม่ต้องมาขอบใจข้าหรอก ข้าแค่ทำเพื่อคนที่ข้ารัก” แสงหล้าหมายถึงชลิตนั่นเอง
แสงหล้ามองสบตาชลิตอย่างเจ็บปวด แล้วค้อนเมิน ไปมองดาหวันจิกใส่
“เจ้าก็เหมือนกัน ดูแลท่านพี่ชลิตให้ดีล่ะ อย่าทำให้เขาเสียใจไม่อย่างนั้น ข้าจะตามไปควักหัวใจเจ้าออกมาทาเกลือเลย คอยดู”
ดาหวันถูกด่าแต่ยิ้มรับออกมา “ขอบใจมากนะ แสงหล้า ขอบใจที่เข้าใจฉันกับพี่ชลิต”
“รักษาตัวนะ” ชลิตบอกแสงหล้า
“อย่าพูดอีกเลย รีบไปเถอะ”
แสงหล้าหันหนี ไม่ให้ชลิตเห็นน้ำตา
“แสงหล้า”
“รีบไปสิ ก่อนที่ข้าจะเปลี่ยนใจ”
ชลิตอึ้ง รู้สึกใจหายเหมือนกัน
ดอกเข็มพลอยจะร้องไปด้วยแต่รีบไล่ชลิตไป
“ไปสิ ไม่ได้ยินที่เจ้าแม่พูดหรือไง”
“ฉันไปล่ะนะ ลาก่อน”
ชลิตฉวยมือดาหวัน แล้วหันเดินเข้าไปทางกำแพงหมอก แสงหล้าเหลียวหันไปมอง ใจแทบขาด จะวิ่งไป
“ท่านพี่ชลิต”
แสงหล้าจะวิ่งไป ดอกเข็มรั้งตัวเอาไว้
“เจ้าแม่ อย่า”
แสงหล้าร้องไห้ ตะโกนตาม “ข้ามีบุญน้อยนัก ที่ไม่ได้รับความรักจากพี่ แต่ขอให้พี่จำไว้ว่าแสงหล้าคนนี้จะรักพี่ไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่”
แสงหล้าร้องไห้ออกมาปิ่มจะขาด

ชลิตกับดาหวันเดินฝ่าประตูหมอกไป เอามือปัดควันสำลัก พวกแจ๋ กิมจิ บุญทิ้ง และอุ๊บอิ๊บ กรูเข้ามาหา
“ชลิต ยายหวัน โอ้ย เราออกมาได้แล้ว”
ทุกคนดีใจกันแล้ว ดาหวันนึกขึ้นมาได้
“ตายแล้ว พี่หวี กับ พี่ดนัย ยังอยู่ในเมืองลับแลไม่ใช่เหรอ”
“พี่จะไปตามดนัยกับหวีเองง”
ชลิตวิ่งกลับไปที่ประตูหมอก แล้วปรากฏว่าเหมือนวิ่งเข้าไปชนกำแพงแข็ง ร่างชลิตกระเด้งตัวลอย กลับมาตกจุกแอ้กอยู่ที่พื้น ดาหวันกับทุกคนรีบวิ่งเข้าไปหาเป็นห่วง
“พี่ชลิต”
“เรากลับเข้าไปไม่ได้แล้ว”
“เจริญพร ออกมาได้แต่กลับเข้าไปไม่ได้อย่างนี้ แล้วคุณดนัยกับคุณหวีจะรอดมั้ยครับ”
ทุกคนมีสีหน้าเครียด

ธนวัติลากแสงเพชรเป็นตัวประกัน มีพาณิชย์คอยถือดาบป้องกันอีกด้าน ดนัย ฉวีวรรณรีบตามเข้ามา พร้อมชบา และบรรดาองครักษ์ทหารต่างๆ
“อย่าแส่นะเว้ย อีเจ้าแม่เจออีดาบแน่”
ธนวัติตะคอกแสงเพชร “ไหนทางออกน่ะ”
แสงเพชรชี้ไปทางหนึ่ง “...‘กองหินไฟ’ ป่าข้างหลังโน้น”
ธนวัติกระชากศีรษะแสงเพชรให้ไป “รีบไปสิวะ”
ดนัยกับฉวีวรรณหลิ่วตาให้กัน แล้วฉวีวรรณแกล้งทำเป็นตะโกนใส่ธนวัติ
“วู้ เจ้าข้าเอ๊ย ตอนเด็กๆไอ้ธนวัติ มันกลัวผีจนฉี่ราดทุกวัน”
ทั้งหมดชะงัก ธนวัติหันมองฉวีวรรณตาเขียว
“ยายหวี”
“ส่วนไอ้พาณิชย์ก็โดนยายหวันแกล้งจนร้องไห้ขี้มูกโป่งเป็นประจำ”
พวกชบา ทหารต่างหัวเราะขำทั้งสอง พาณิชย์กับธนวัติเดือดดาล ขายขี้หน้า
“จะมากไปแล้วนะ ฉวีวรรณ อยากโดนตัดลิ้นใช่มั้ย”
ฉวีวรรณวิ่งหนีไปทางหนึ่ง พาณิชย์ก้าวเข้ามาจะเอาเรื่อง ธนวัติเผลอมองตามไปที่ฉวีวรรณ ดนัยอาศัยจังหวะนั้นพุ่งเข้าไปชาร์จธนวัติจนล้มลง
ดนัยดึงตัวเจ้าแม่หนีออกมาได้ ดนัยสั่ง “ทหาร จัดหนักไปเลย”
องครักษ์กับทหารกรูเข้าไปเล่นงาน ธนวัติ กับ พาณิชย์
ธนวัติ พาณิชย์ สู้หลังชนฝา ฟันทหารหญิงบางคนล้มตาย องครักษ์นำกำลังที่เหลือเข้าไปจัดการ จนธนวัติกับพาณิชย์ต้องรีบเผ่นหนีออกไป องครักษ์กับทหารส่วนหนึ่ง วิ่งไล่ตามธนวัติกับพาณิชย์ไปด้วย
“ไอ้ดนัย ฉวีวรรณ ฉันต้องล้างแค้นพวกแกให้ได้”
“รีบๆ มา อย่าให้คอยนานล่ะ ไอ้ธนวัติฉี่ราด”
ดนัยเป็นห่วงแสงเพชร
“คุณเป็นอะไรรึเปล่า”
แสงเพชรมองสบตาดนัย “ดนัย...เจ้าช่วยชีวิตข้าทำไม ในเมื่อเจ้าไม่ได้รักข้า”
“ชีวิตของทุกคนมีค่าเสมอ คุณก็เหมือนกัน คุณต้องอยู่ต่อไปเพื่อชาวลับแล”
ดนัยผายมือไปที่หมู่ทหารที่เหลือ และชบา
“เห็นมั้ย คนเหล่านี้ต่างหากที่รักคุณมากกว่าใครทั้งหมด แม้กระทั่งชีวิตก็มอบให้คุณได้ คุณควรจะแคร์พวกเขา แล้วก็รักพวกเขาให้มากกว่าผมนะแสงเพชร”

แสงเพชรอึ้ง คิดได้มองดนัยอย่างตื้นตันใจ

แสงเพชรเดินนำ ดนัยกับฉวีวรรณเข้ามาหยุดอยู่ข้างหน้าประตูหมอกที่เดิม แสงเพชรหันมาพูดกับดนัย ฉวีวรรณ
“ขอให้พวกเจ้าโชคดีและปลอดภัย”
“ขอบใจมากแสงเพชร” ดนัยบอก
“ข้าต่างหากที่ต้องขอบใจเจ้าทั้งสองคน ที่ช่วยชีวิตข้าไว้” แสงเพชรหันมาทางฉวีวรรณ “โดยเฉพาะเจ้า ...ข้านึกว่าเจ้าอยากให้ข้าตายมากกว่า”
“ฉันไม่ได้โกรธแค้นอะไรเธอเลยนะ แสงเพชร ทำไมฉันจะช่วยเธอไม่ได้ละ”
แสงเพชรมองฉวีวรรณคลี่ยิ้มทึ่ง ทั้งที่เศร้า
“เธอเป็นคนจิตใจดีจริงๆ ฉวีวรรณ สมแล้วที่เป็นผู้หญิงของดนัย”
ฉวีวรรณยิ้มตอบแล้วพูดขึ้น “สักวันหนึ่งเธอก็ต้องได้เจอผู้ชายของเธอเหมือนกันเจ้าแม่แสงเพชร”
ชบามองประตูหมอกแล้วหันกลับมาบอก
“ประตูหมอกใกล้จะปิดแล้ว”
แสงเพชรตัดใจบอกดนัย “ได้เวลาต้องจากกันจริงๆ แล้วละ”
แสงเพชรจับมือฉวีวรรณกับมือของดนัยมากุมไว้ด้วยกัน
“ข้าขอให้เจ้าทั้งสองคนมีความสุขมากๆ เป็นรักแท้ของกันและกันตลอดป”
ดนัยซึ้งใจ “แสงเพชร”
“รีบไปเถอะ ประตูใกล้จะปิดแล้ว”
แสงเพชรยิ้มให้ดนัยจริงใจ ดนัยกุมมือฉวีวรรณจูงกันไปที่ประตูหมอก วิ่งผ่านออกไป แสงเพชรมองตามหน้านิ่ง แต่เศร้าร้าวรานใจ
“ข้าจะไม่ลืมเจ้า…ดนัย ขอบคุณมากที่สอนให้ข้ารู้จักความรัก”

ฉวีวรรณกับดนัยจูงมือกัน วิ่งออกจากประตูหมอกมาสำเร็จ ฉวีวรรณกับดนัยกวาดตามองไปรอบๆ อย่างดีใจ จำสถานที่ได้
“ดนัย ป่าดงผีฟ้านี่!!”
แล้วทั้งสองหันกลับไปเห็นประตูหมอกค่อยจางหายวับไปในอากาศ
“ทางเข้าเมืองลับแลหายไปแล้ว เรากลับไปที่หมู่บ้านชาลันกันเถอะ”

ด้านธนวัติ พาณิชย์ วิ่งหนีพวกทหารมา เจอกับธานีที่แบกหีบเดินมาจากอีกทางหนึ่ง
“ฉันรออยู่ตั้งนาน หายหัวไปไหนกันมาวะ”
“อย่าพึ่งพูดมาก รีบหนีเถอะ”
พาณิชย์เหลียวมองเห็นองครักษ์กับพวกทหาร วิ่งตามหลังมา ทั้งหมดรีบวิ่งหนีออกไปทางหนึ่ง หน้าตื่น

ธานีแบกหีบรั้งท้าย ชักช้ากว่าคนอื่น ธนวัติพาณิชย์หนีหน้าตั้ง องครักษ์วิ่งตามมา ยิงธนูใส่ทุกคนหลบวุ่นวาย
“โอ๊ย ช่วยหน่อย ป๊าไม่ไหวแล้ว”
“โธ่ คุณอา ทิ้งไปให้หมดเถอะ” พาณิชย์บอก
“ทิ้งได้ไง ของดีๆ ทั้งนั้น”
องครักษ์กับทหารตามใกล้เข้ามาอีก แล้วตั้งแถวยิงธนูใส่เป็นชุด พวกธนวัติรีบวิ่งหนีหลบไปอีกด้าน

ธนวัติ พาณิชย์ ธานี วิ่งหนีพวกองครักษ์กับทหารเข้ามาถึง ประตูไฟ ซึ่งมีกองหินกองอยู่สองข้างระหว่างกองหินทั้งสองเป็นกลุ่มไฟลุกท่วมหัว
“เฮ้ย กองหินไฟที่ยายเจ้าแม่บอก นั่นไงทางออกเมืองลับแล”
“ไฟลุกท่วมหัวอย่างนั้น จะออกไปได้ยังไง พี่วัติ”
ธานีเหลียวมองข้างหลัง “แต่ถ้าหันหลังกลับไปตอนนี้ก็ตายด้วยของมีคมเหมือนกันนะเว้ย”
องครักษ์วิ่งเข้ามา พวกทหารที่เหลือตั้งแถวเตรียมยิงธนู องครักษ์ตะโกน
“พวกแกหนีความตายไม่พ้นหรอก! ทหาร! ยิง”
พวกทหารยิงธนูออกไป ลูกธนูเป็นสิบๆดอก พุ่งแล่นในอากาศอย่างรวดเร็ว
ธนวัติ พาณิชย์ ธานี หน้าตื่น ไม่มีทางเลือก รีบกระโจนวิ่งฝ่าประตูไฟเข้าไป ทั้งหมดร้องแสบร้อน ลูกธนูตกใส่พวกธนวัติ เฉียดฉิว

ในที่สุดธนวัติ พาณิชย์ ธานี ซึ่งวิ่งออกมาจากประตูไฟเข้ามาในฝั่งป่าดงผีฟ้าของเมืองมนุษย์ ล้มกลิ้งลงบนพื้นดิน คนละทิศละทางในระแวกเดียวกัน
ธนวัติ พาณิชย์ คลุกตัวถูไถกับพื้นดินกันไฟลุกใส่ตัว ทั้งหมดเนื้อตัวมีคราบเขม่าจับดำ เสื้อผ้าขาดไหม้เป็นหย่อมๆ ประตูไฟเฟดหายวับไปตรงหน้า ธนวัติ พาณิชย์ หอบแฮ่กหมดแรง
“เกือบตายแล้วมั้ยล่ะ”
ธนวัติมองไปข้างหน้าร้องออกมาอย่างดีใจ “เฮ้ย ป่าคุ้นๆ นี่มันท้ายปางไม้เรานี่หว่า”
“เฮ้ย จริงด้วย คืนถิ่นแล้วโว้ย”
ธนวัติพาณิชย์ตีมือดีใจกัน เสียงธานีหัวเราะร่า
“ฮ่าฮ่าฮ่า ตัวตายไม่ว่า หีบสมบัติข้าต้องปลอดภัย”
ธนวัติตาลุกวาว “สมบัติเหรอ” -
ธนวัติ พาณิชย์ รีบวิ่งเข้าไปหาธานีที่ ยกหีบสมบัติจูบอย่างกระหยิ่ม คิดว่ารวยแน่ๆ
“คุณอา แอบขนสมบัติมาเหรอนี่ แบ่งกันบ้างดิ”
พาณิชย์จะเข้าไปแย่ง ธานีดึงหีบหนี
“เฮ้ยๆ ไม่เกี่ยว ฉันเป็นคนแบกมานะเว้ย”
ธนวัติกลับเข้าฉวยหีบไปจากมือธานี
“ขอบคุณฮะป๊า ยังไงป๊า ก็ต้องแบ่งลูกชายสุดที่รักอยู่แล้ว”
“ไม่ให้โว้ย นี่สมบัติฉัน”
ธนวัติกับธานี แย่งหีบกันไปมา จนกระทั่งหีบร่วงลงไปกระแทกพื้น ฝาหีบเปิดออก แล้วเห็นว่า ข้างในเต็มไปด้วยใบไม้แห้ง ยัดอยู่เต็มไปหมด ทุกคนตกตะลึง โดยเฉพาะธานี
“เฮ้ย เป็นไปไม่ได้!!”
“โธ่เอ๊ย นึกว่าสมบัติอะไร ที่แท้ก็สมบัติบ้า มีแต่ใบไม้แห้งทั้งนั้น”
พาณิชย์หัวเราะเยาะ ธานีรีบเข้าไปรื้อดูหีบ เทใบไม้ร่วงลงมา
“ทอง พลอยเมืองลับแล หายไปไหนหมด” ธานีแค้นใจปาหีบทิ้ง “โธ่เว้ย หมดกันไม่เหลืออะไรสักอย่าง”
ธนวัติแค้นใจไปด้วย
พาณิชย์เป็นเพราะไอ้ดนัยกับพวกของมันนั่นแหละ ทุกอย่างพังเพราะพวกมัน
ธนวัติมองออกไปอย่างคั่งแค้น
“ไอ้ดนัย แกกับฉัน อยู่ร่วมโลกกันไม่ได้แล้ว เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้น แกต้องชดใช้”

ธานี ธนวัติและพาณิชย์แค้นดนัย

อ่านต่อหน้า 4




หอบรักมาห่มป่า ตอนที่ 20 (ต่อ)

ตอนเย็นของวันนั้น ฉวีวรรณกับดนัยเดินเข้ามาในป่าดงผีฟ้าด้วยกัน จังหวะฉวีวรรณเซจะล้ม ดนัยดึงฉวีวรรณไว้

“ระวัง!”
“ไม่เป็นไร ขอบใจนะ”
ดนัยมองเห็นเหงื่อที่หน้าผากฉวีวรรณ ยกมือขึ้นเช็ดให้
“เหงื่อออกเต็มเลย”
ดนัยเห็นว่าฉวีวรรณเหนื่อยล้าจึงเอ่ยขึ้น
“ถ้าเหนื่อยก็นั่งพักก่อนดีกว่า”
“อย่าเลยดนัย ฉันว่าเรารีบไปหมู่บ้านชาลันเถอะ เผื่อว่าจะได้ข่าว ยายหวัน ชลิต แล้วก็ทุกคน”
“ก็ได้ แล้วแต่ตัวแม่จะสั่ง” ดนัยเย้าพร้อมรอยยิ้ม
“อีตาบ้า” ฉวีวรรณผลักดนัย แก้เขิน)
ดนัยทรุดนั่งลงกับพื้น แล้วชี้ที่หลังตัวเอง ฉวีวรรณงง
“อะไรอีก”
“ขึ้นมา” ดนัยเร่ง
“เฮ้ย ไม่ต้อง” ฉวีวรรณเขินๆ
“เร็วๆ อย่าให้เฮียมีน้ำโห”
ฉวีวรรณทรุดลงนั่งข้างๆ มองหน้าดนัยท้าทาย “ทำไม นายจะทำอะไรฉัน”
ดนัยยื่นหน้าเข้าไปอย่างเร็ว “ปล้ำ!”
ฉวีวรรณตกใจ ผงะหงายหลังล้มลงก้นจ้ำเบ้า
“ว้าย”
ดนัยหัวเราะๆ ขำๆ ได้อำฉวีวรรณ
“ฉันจะนับหนึ่งถึงสาม ถ้ายังชักช้า ฉันจะถือว่าเธออยากให้ฉันปล้ำนะ”
ดนัยหันหลังให้ฉวีวรรณอีก แล้วชี้บอกให้ฉวีวรรณขึ้นขี่หลังใหม่ ฉวีวรรณมองดนัยอย่างหมั่นไส้ ทำย่นจมูกใส่
“กลัวตายละ”
ดนัยเริ่มนับ “หนึ่ง สอง...”
ฉวีวรรณกลัวโดนปล้ำ รีบกระโดดขึ้นไปขี่หลัง ลืมพยศไปเลย
“อ๊าย อย่านะ”
“ก็แค่เนี้ย”
ดนัยยิ้มขำๆ แล้วพาฉวีวรรณขี่หลังเดินออกไป

เช้าวันต่อมานงนุชตามสุภาพออกมายืนดู เห็นพวกคนงานกำลังเต้นแอโรบิกอยู่อย่างเหงื่อไหลไคลย้อย
“ที่นี่มีกิจกรรมแบบนี้ด้วยเหรอ” นงนุชถามออกมา
“นายสั่งให้ทุกคนออกกำลังกายตอนเช้า 1 ชั่วโมง จะได้พร้อมรับงานหนักครับ” สุภาพตอบ
อาหลู่เต้นแอโรบิกอยู่ในกลุ่ม แล้วเริ่มเซไปเซมา ซักพักก็ทรุดลงนั่ง
“เฮ้ย อาหลู่! อย่าอู้ๆ อยากโดนหักเงินหรือไงวะ”
อาหลู่รีบลุกขึ้นเต้นอย่างกระตือรือร้น พลางปาดเหงื่อ
“เหงื่อท่วมตัวแบบนี้จะมีแรงทำงานกันเหรอ นายเธอนี่โหดจริงๆ”
นงนุชส่ายหน้ามองคนงานสงสาร ตัดสินใจ ฉวยโทรโข่งจากมือสุภาพออกไป ประกาศ
“เลิกได้แล้วทุกคน ไปทานอาหารเช้าเถอะ”
อาหลู่กับพวกพนักงานไชโยดีใจกันมาก สุภาพหน้าเสียรีบห้าม
“คุณนุช!! โอ้ย เป็นเรื่องแน่ เอาโทรโข่งมาครับ”
นงนุชไม่ยอมคืน “ไม่ต้องห่วงน่าสุภาพ ฉันรับผิดชอบเอง”
นงนุชหันไปประกาศโทรโข่งเร่งให้คนงานไปทานอาหาร สุภาพได้แต่มอง สีหน้าเจื่อนๆ พูดไม่ออก

คนงานทุกคนทยอยมาที่โรงอาหาร แม่ครัวกำลังตักนมจากถังนมใส่แก้วส่งยื่นส่งให้คนงาน
นงนุช ยืนมองอยู่กับสุภาพแล้วก็อาหลู่
“พวกเขาต้องกินทุกวันเลยเหรอ”
“ใช่ครับ เป็นคำสั่ง นาย เพื่อให้คนงานได้โปรตีนสร้างความแข็งแรง” สุภาพบอก
นงนุชมองไปที่พนักงานที่รับแก้วนมมาดื่มกินอย่างพะอืดพะอม
“แต่หน้าพวกเขาไม่เห็นอยากกินเลยนะ”
“ก็กินทุกวันมันก็ต้องเบื่อบ้างสิครับคุณ”
นงนุชอึ้ง มองคนงานที่ยืนกินนมอย่างเซ็งๆ ด้วยความสงสาร

ทางด้านศิริเดินออกมาหน้าบ้าน ไม่เห็นใครสักคน สงสัย ศิริยกนาฬิกาดูเวลา
“พึ่งเจ็ดโมงเช้าเองนี่ พวกคนงานมันเต้นแอโรบิกเสร็จแล้วเหรอ”

ที่โรงอาหาร คนงานช่วยกันยกหม้อนมออกไป โดยมีนงนุชบงการอยู่
“เอ้า!! ยกไปเลย รีบไปส่งให้ทันเวลาเด็กนักเรียนทานกลางวันนะ”
สุภาพมองอย่างกลุ้มใจ “ถ้านายรู้ว่าคุณนุช เอานมไปแจกเด็กแทนล่ะก็ ฟาร์มแตกแน่”
ขาดคำเสียงศิริก็ดังลอดเข้ามา
“คุณกล้าดียังไงมาเปลี่ยนแปลงคำสั่งในฟาร์มของผม”
“นาย” สุภาพ กับอาหลู่หันไปมอง ตกใจหน้าตาตื่น คิดในใจงานเข้าแล้ว
ศิริพุ่งไปหานงนุช “ผมเป็นเจ้าของที่นี่นะ ไม่ใช่คุณ”
“ทราบค่ะ ว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ แต่เคยรู้มั้ยว่าพวกคนงานเขามีความสุขหรือเปล่าที่ต้องทำตาม
กฎบ้าๆ ของคุณ” นงนุชย้อน
“ว่าไงนะ” ศิริโมโห
“ที่ฉันยกเลิกกิจกรรมตอนเช้า เพราะฉันไม่อยากเห็นคนงานของคุณไปเป็นลมแดดกลาง
ฟาร์ม ส่วนเรื่องอาหารเช้าฉันก็บอกแม่ครัวเปลี่ยนเมนูเป็นข้าวแกง แล้วเอานมไปให้เด็กนักเรียนที่กำลังเติบโตเค้าได้ดื่มกัน จะดีกว่า”
ศิริโกรธจัด “หยุด ไม่ต้องพูดแล้ว” หันไปเล่นงานสุภาพ กับอาหลู่ทันที “ไอ้สุภาพ อาหลู่
แกสองคน ไปหางานใหม่ได้เลย”
“ขอบคุณครับนาย” สุภาพกับอาหลู่ รับคำพร้อมกัน แต่พอนึกได้ ก็หันหน้ากลับมาทำท่าจะร้องไห้
สุภาพกับอาหลู่ร้องขึ้นพร้อมกันอีก “จ๊ากกก ไล่ออกอ่ะดิ”
“นาย อย่าล้อเล่นอย่างนี้ดิ ใจหายนะ” สุภาพอ้อน
“ฉันเอาจริง พวกแกเชื่อฟังคนอื่นมากกกว่าฉัน ก็ไปหางานที่อื่นทำไป”
นงนุชทนไม่ไหวเข้าไปตรงหน้าศิริ เถียงแทนอย่างเหลืออด
“โกรธฉัน แล้วไปไล่สุภาพกับอาหลู่ออกทำไม”
“ผมมีเหตุผลของผม”
“แต่เหตุผลที่คุณคิดว่าดี มันคงใช้ไม่ได้กับทุกคนหรอก”
“จะมากไปแล้ว” ศิริเสียงเข้มและเคร่ง เพราะของขึ้น
นงนุชสวน กลับด้วยเสียงเข้มกว่า
“ถ้าคุณอยากจะอยู่ร่วมกับคนอื่นอย่างมีความสุข ก็ต้องหัดฟังเสียงเขาบ้าง ไม่ใช่คอยแต่ชี้
นิ้วสั่งอย่างนี้”
ศิริอ้าปากค้าง คาดไม่ถึงว่าจะถูกจี้ใจดำ นงนุชมองอย่างเอือมๆ แล้วเดินหนีขึ้นห้อง

นงนุชเดินหนีกลับขึ้นมาบนห้องกำลังจะปิดประตูห้อง แต่ศิริดึงลูกบิดประตูไว้
“หยุดเดี๋ยวนี้เลย ...คุณคิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงมาวิจารณ์ผมฉอดๆ”
“ฉันรู้ว่าคุณมีน้ำใจกับทุกคน แต่สิ่งที่คุณขาดก็คือคุณเอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางจนไม่นึก
ถึงจิตใจของคนอื่น ที่ลูกๆ คุณหนีไปก็เพราะพวกแกโดนคุณบังคับเหมือนกัน ใช่ไหมล่ะ”
ศิริสะอึก “นี่คุณ”
“เปลี่ยนทัศนคติซะใหม่ จะได้อยู่ร่วมกับคนอื่นได้อย่างมีความสุขกว่านี้”
พูดจบนงนุชก็ดึงประตูปิดใส่หน้าดังปัง ศิริ ผงะไปหน่อยนึง แล้วตะโกนอย่างฮึดฮัดขัดใจ
ทุบประตูเรียกโครมๆ
“ด่าแล้วหนีเหรอ ยายผู้หญิงปากจัด ผมจะบอกให้นะ ลูกสาวผมไม่มีวันคิดเหมือนคุณหรอก...ไม่มีวัน”

ทุกคนกลับมาถึงหมู่บ้านชาลันอย่างปลอดภัย ฉวีวรรณกอดดาหวันและแจ๋ ดนัยกับชลิตจับมือกัน ทุกคนดีใจที่ได้เจอกันอีกครั้ง บรรยากาศชื่นมื่น สางโป วินยา ดาเนา พลอยดีใจไปด้วย
“หวัน…ปลอดภัยใช่มั้ย”
“หวันไม่เป็นไรค่ะพี่หวี”
“ฉันก็สบายมาก” แจ๋ว่า
จังหวะนั้นแจ๋กับอุ๊บอิ๊บลืมตัวมากอดกัน แล้วต่างนึกได้ อุ๊บอิ๊บรีบผลักแจ๋กระเด็นไป แล้วหันไปกอดดนัยแทน
“พี่ดนัยขา พี่ดนัยบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่าคะ”
แจ๋มองอย่างหมั่นไส้อุ๊บอิ๊บ
“ดีใจจริงๆ ที่ทุกคนออกจากเมืองลับแลมาได้อย่างปลอดภัย สางโป…ค่ำวันนี้ จัดเลี้ยงรับขวัญทุกคนด้วยนะ” วินยาหันไปบอกสางโป
“เลี้ยงรับขวัญ ถ้างั้นก็ต้องมีของอร่อยน่ะสิ เยี่ยมไปเล้ย”
ดาเนาตื่นเต้น รู้สึกดีใจมาก ทุกคนหัวเราะด้วยความเอ็นดูดาเนา
กิมจิ นึกขึ้นได้พูดกับดนัย “ว่าแต่…แกไปทำอีท่าไหน ฤทธิ์ยาเสน่ห์ถึงหมดไปได้ล่ะ”
“นั่นสิครับ ผมจำได้ นายธานีบอกว่าต้องเจอรักแท้” บุญทิ้งพาซื่อ “ในป่ามีรักแท้ขายด้วยรึครับ
ดนัยกับชลิตอึกอัก พูดไม่ออก เช่นเดียวกับฉวีวรรณกับดาหวันก็อาย กลัวความแตก
ดนัยเหลือบมองฉวีวรรณนิดหนึ่ง ฉวีวรรณส่งสายตาไม่ให้พูด แต่ดนัยตัดสินใจพูดความจริง
“ฉันหายได้เพราะ…”
ฉวีวรรณกลัวดนัยพูด แอบหยิกดนัยโดยที่ไม่ใครเห็น ดนัยร้องลั่น
“โอ๊ย”
“พี่ดนัยเป็นอะไรคะ” อุ๊บอิ๊บเป็นห่วง
ฉวีวรรณรีบพูดแทน “ดนัยบาดเจ็บ”
ดนัยงง “ห๊า ฉันเนี่ยนะ”
“ใช่ นายบาดเจ็บ ต้องรีบไปทำแผล ไปเร็ว รีบไป”
ฉวีวรรณดึงดนัยออกไป แต่ดนัยไม่ยอมไป
“อะไรกันหวี ฉัน…”
ฉวีวรรณปิดปากดนัยแล้วลากออกเฟรมไป
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น รีบไปทำแผลเร็วเข้า เดี๋ยวแผลเน่าต้องตัดทิ้งนะ”
ทุกคนงงไปตามๆ กัน
“อะไรของมัน” กิมจิสงสัย แจ๋หันมามองชลิตแทน
“ว่าไงชลิต ตกลงทำยังไงฤทธิ์ยาเสน่ห์ของกาซูถึงเสื่อมไปได้”
ชลิตจะพูด ดาหวันรีบแกล้งปวดหัว ร้องโวยวาย
“โอ๊ย หวันปวดหัวจังเลย พี่ชลิตพาหวันไปพักหน่อย”
ชลิตงง
“เร็วเข้าสิ หัวจะระเบิดอยู่แล้ว”
ดาหวันเร่งแล้วลากออกชลิตออกไป แจ๋ กิมจิ บุญทิ้งแปลกใจ
“อะไรกัน เมื่อกี้ยังดีๆ กันอยู่เลย”
อุ๊บอิ๊บมองตามฉวีวรรณและดาหวันแล้วเกิดความสงสัย

ชลิตพาดาหวันเดินมาถึงมุมหนึ่งในหมู่บ้าน
“โอ๊ย หวันปวดหัว”
“ทนหน่อยนะหวัน”
ดาหวันเห็นว่าปลอดคนแล้วก็โล่งอก เลิกเล่นละคร
“อ้าว หายแล้วรึ”
“หายแล้ว”
ชลิตนึกรู้ขึ้นมาทันที
“เธอแกล้งปวดหัวเพราะไม่อยากให้ทุกคนรู้ความจริงใช่มั้ย”
ดาหวันไม่ตอบ
“ฉันจะไปบอกทุกคน”
ดาหวันตกใจ รีบห้ามชลิต
“ไม่ได้นะพี่ชลิต พี่จะทำอย่างนั้นไม่ได้”
“โธ่หวัน ไม่มีประโยชน์ที่จะปิดบัง”
“แต่หวันทำร้ายพี่หวีไม่ได้ หวันไม่อยากให้พี่หวีเสียใจ ถ้าพี่ชลิตบอกพี่หวี หวันจะโกรธ จะไม่พูดกับพี่ชลิตอีกเลยด้วย”
พูดจบดาหวันเดินหนีไปเลย ชลิตมองอย่างไม่สบายใจ

ส่วนด้านฉวีวรรณลากดนัยมา แต่ดนัยขืนตัวไว้
“เดี๋ยวก่อน หวี ฉันไม่ได้บาดเจ็บสักหน่อย เธอคิดจะทำอะไรของเธอ”
“นายนั่นแหละ คิดจะพูดอะไร”
“ฉันก็จะพูดความจริงน่ะสิ”
“ไม่ได้นะ นายจะพูดไม่ได้ หวันจะรู้สึกยังไง นายคิดบ้างมั้ย”
“ทำไมไม่ได้ หวันบอกเลิกฉันตั้งนานแล้ว เธอก็ได้ยิน”
“หวันรักนายมาก ที่บอกเลิกนายต้องมีเหตุผลแน่ๆ ฉันเชื่อว่าหวันยังรักนาย นายจะทำร้ายจิตใจหวันไม่ได้”
ดนัยประชดออกมา “ห่วงความรู้สึกหวัน หรือกลัวชลิตกันแน่”
“นายไม่ต้องมาหาเรื่องฉันเลยนะ ฉันไม่ใช่คนหลายใจเหมือนนาย ในเมืองลับแลคนหนึ่ง ออกจากเมืองก็มีทั้งวินยา ทั้งอุ๊บอิ๊บ ผู้ชายหลายใจ!”
“เธอหึงฉันเหรอ”
“บ้าสิ ฉันไม่ได้หึงนายสักหน่อย” ฉวีวรรค้อน แล้วหันหน้าหนี
“หวี ...ฉันรู้นะว่าเธอคิดยังไง...” ดนัยจับตัวฉวีวรรณให้หันมามองหน้า “ถ้าเรารักกันทำไมไม่ยอมรับความจริง จะปิดบังทุกคนเพื่ออะไร?”
สีหน้าดนัยจริงจัง ฉวีวรรณกลุ้มไม่รู้จะพูดว่ายังไง

กาซูตบหน้าเลาซากระเด็นไปล้มกลิ้ง ข้าวของกระจายแตก
“ไอ้ลูกชั่ว ไอ้ทรยศ”
เลาซาเลือดกบปาก
กาซูใช้พลังจิต ยกร่างเลาซาลอยวืดไปกระแทกผนังอีกด้าน เลือดไหลโทรมหน้าผากลงมา กาซูมองไปที่เลาซา ร่างของเลาซาลอยขึ้นบนอากาศเหมือนโดนกำลังแขวนคอ เลาซากระเสือกกระสนดิ้นรนหายใจไม่ออก
“ความอ่อนแอของเจ้า เกือบทำให้ทุกอย่างพังทลาย”
“อ๊อก ข้ารู้ว่าข้าผิด ข้าสมควรตาย”
เลาซาดิ้นไปมา จนกระทั่งสร้อยคอของวินยาที่เลาซาเก็บไว้ ร่วงหล่นลงมาที่พื้น กาซูเห็นเข้ามาหยุดมองดู
“สร้อยเขี้ยวเสือไฟ ของนังวินยา! มาอยู่กับเจ้าได้ยังไง”

วินยาเองก็กำลังรื้อโต๊ะ หาสร้อยเขี้ยวเสืออยู่ ดาเนาเดินเข้ามา
“พี่วินยา หาอะไรอยู่เหรอ”
วินยาหันไปหาดาเนา
“สร้อยเขี้ยวเสือไฟของพี่ หายไปไหนก็ไม่รู้ พี่แทบพลิกบ้านหาก็ยังไม่เจอ ของสำคัญหายไปอย่างนี้ ท่านพ่อท่านแม่ต้องไม่ยกโทษให้พี่แน่”
วินยาทิ้งตัวไปที่เตียงอย่างกลุ้มใจ
ดาเนาปลอบใจ “ไม่ต้องกลุ้มใจไปนะ พี่วินยา ดาเนาจะช่วยเอง”
“ดาเนารู้เหรอ ว่า สร้อยอยู่ไหน”
“เดี๋ยวก็รู้ พี่วินยานึกถึงสร้อยของพี่ไว้นะ”
ดาเนายกมือแตะไปที่ตัววินยา แล้วหลับตาลงใช้สมาธิเพ่งพลังจิต

ภาพในหัวของดาเนา เป็นภาพเขี้ยวเสือไฟที่บิดๆ เบี้ยวๆ แล้วท้ายที่สุดเป็นแสงสว่างวาบขึ้นมาเหมือนระเบิด ดาเนาที่หลับตาอยู่ เหมือนโดนผลักอย่างแรง กระเด็นไปล้มมุมหนึ่ง วินยาตกใจ รีบพุ่งเข้าไปหาดาเนาที่นอนจุกอยู่
“ดาเนา”
“โอ้ย อู้ย ไม่เป็นไรพี่วินยา ไม่ต้องห่วงง แต่ว่า...”
“อะไรเหรอ”
“ดาเนามองไม่เห็นเสือเขี้ยวเสือไฟของพี่วินยาเลย เหมือนมันอยู่ในที่ที่ มีพลังงานสูงมาก เหมือนมีคนบังไว้ไม่ให้ดาเนาเห็น”

เป็นกาซูนั่นเองที่นั่งบริกรรมคาถา อยู่ตรงหน้า สร้อยเขี้ยวเสือไฟที่มีผ้าดำคลุมอยู่ กาซูลืมตาขึ้นมา มองไปที่ผ้าผืนนั้น จู่ๆผ้าดำกระเด็นออก กาซูเปิดตลับเงินออกวาง สร้อยเขี้ยวเสือลอยขึ้นมาเองได้ แล้วตกลงไปอยู่ในตลับ แล้วฝาตลับเงินก็ปิดเองได้ กาซูหยิบกล่องตลับเงินขึ้นมา หัวเราะร่า
“ฮ่าฮ่าฮ่า แค่นี้ก็สิ้นฤทธิ์”

ขณะที่ดาเนาตั้งท่าจะใช้พลังใหม่
“ดาเนา จะลองดูอีกทีนะ พี่วินยา”
วินยารีบห้ามเพราะเป็นห่วง “ไม่เป็นไร ช่างเถอะ ดาเนา”
“อ้าว ทำไมล่ะ พี่ไม่อยากได้สร้อยคืนแล้วเหรอ”
“อยากสิ แต่พี่ไม่อยากให้ดาเนาเจ็บตัวมากกกว่า”
ดาเนาอึ้ง ซาบซึ้งใจ
“พี่วินยา”
วินยาลูบศีรษะดาเนารักใคร่เอ็นดูน้อง “พี่รักแล้วก็เป็นห่วงดาเนามากนะ ถ้าดาเนาเป็นอะไรไป พี่คงอยู่ต่อไปไม่ได้แน่ๆ
สายสัมพันธ์ระหว่างสายเลือดเดียวกัน ดูดดึงดาเนาที่อยู่ในอาการซึ้งใจ โผเข้าไปกอดกับวินยา อย่างแนบแน่นและอบอุ่น

เลาซายังลอยตัวอยู่ในอากาศร้องขอสร้อยคืน เลาซาพยายามยกมือจะคว้าตลับสร้อย
“ท่านพ่อ เอาสร้อยคืนมาเถอะ”
กาซูดึงให้พ้นมือเลาซา
“หวงเหลือเกิน รักมันมากนักเหรอ”
จังหวะนั้นสมุนคนหนึ่ง ก็วิ่งเข้ามารายงาน
“นาย ข้าไปสืบเรื่องเด็กดาเนาตามที่ท่านสั่งแล้ว”
กาซูหันขวับไปหา
“ว่ามา ได้ความว่ายังไง”
“มันเป็นเด็กกำพร้าพ่อแม่ คนที่เลี้ยงเจ้าดาเนาชื่อยายคำแปง เป็นโสด ไม่ได้แต่งงานจนแก่ บ้านของ
มันอยู่หลังภูล้อมเดือนโน้นละนาย”
กาซูนิ่งคิดแผนชั่วอยู่ในใจ โดยคิดจะไปฆ่ายายคำแปงปิดปาก แล้วป้ายความผิดให้วินยา กาซูมองที่ตลับสร้อยในมือ แล้ว คลี่ยิ้มร้าย
“ดี ข้าพอจะนึกอะไรออกแล้ว”
“ท่านพ่อ จะทำอะไร”
“ข้าจะทำอะไรมันก็เรื่องของข้า หึหึ แต่รับประกันได้เลยว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่”
“ท่านพ่ออย่าทำร้ายวินยาเลยนะ ข้าขอร้อง อ๊อย”
จู่ๆ ร่างเลาซาที่ลอยอยู่ ร่วงผัวะมากระแทกกับพื้น แล้วสลบแน่นิ่งไปเลย
“ท่านเลาซา” สมุนร้องอย่างตกใจ
“แค่นี้ไม่ทำให้มันตายหรอก เอาตัวมันไปขังไว้ซะ แล้วหายาทาแผลให้มันด้วย”

กาซูสั่งแล้วก็เดินออกไปจากห้องไป โดยไม่ยอมมองใบหน้าของเลาซาเวลานี้ ที่เลือดอาบไปทั่วหน้า

อ่านต่อตอนที่ 21



กำลังโหลดความคิดเห็น