มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 15 อวสาน
เด็กๆ ถูกจับมัดอย่างแน่นหนาแบบทุเรศทุรัง ทั้งเจ็บทั้งเมื่อย ทั้งปวดแขนขาและพากันร้องโอดครวญอย่างน่าสงสาร ในขณะที่สุขสันต์ยืนมองด้วยความสะใจ พิมมาดาถูกฉัตรชัยกับฮิมจับตัวไว้อีกทาง
“ถ้าเชื่อฟังแฮบปี้ดีๆ ก็ไม่ต้องถูกมัดแบบนี้หรอก..จะไม่มีการปล่อยพวกเธออีก..นอนสภาพนี้แหละ ใครปวดฉี่ปวดอึ ก็ช่วยไม่ได้ หึๆๆ” สุขสันต์พูดขึ้น
“อย่าทำอย่างนี้ ปล่อยเด็กๆ นะ ปล่อย” พิมมาดาบอก
สุขสันต์คว้าแขน กระชากพิมมาดาให้ออกมา
“ปล่อยเด็กๆนะคุณสุขสันต์ ชั้นขอร้อง”
“ความจริงคุณไม่น่าใจร้อนเลย เพราะพรุ่งนี้ผมก็จะปล่อยคุณไปมอบตัวกับไอ้ผู้กองสุดหล่ออดีตรักคุณอยู่แล้ว..คืนนี้ คุณก็นั่งดูเด็กๆไปแล้วกัน”
สุขสันต์หันไปสั่งฉัตรชัยและฮิม
“ฉัตรชัย ฮิม..เฝ้าไว้ ถ้าพวกแกโง่อีก ก็ไปตายซะ”
“ครับ” ฉัตรชัยและฮิมรับคำ
ฉัตรชัยกับฮิมจับพิมมาดาไปมัดอีกมุม สุขสันต์ควงแพรวพิลาศออกไป เด็กๆ ร้องไห้ฮือๆ พิมมาดาสงสารเด็ก น้ำตาไหลเพราะช่วยเหลือและทำอะไรไม่ได้ ได้แต่พูดว่า
“น้าขอโทษ..น้าขอโทษ”
กริสน์กับเมทินีเดินออกมาจากในบ้าน ภัทรดนัยยืนรออยู่
“แกแน่ใจนะว่าจะไม่เปลี่ยนใจ” ภัทรดนัยถาม
“ชั้นไม่เปลี่ยนใจ”
“ชั้นให้โอกาสแกคิดอีกครั้ง..แกจะเปลี่ยนใจมั้ย”
“จะอีกกี่ครั้ง ชั้นกับที่รักก็จะไปมอบตัว..แล้วแก..ก็ต้องไปด้วย” เมทินีบอก
“เว้ย! แกคิดอะไรของแกอยู่วะไอ้กริสน์”
เค้กวิ่งออกมาต่อว่าภัทรดนัย
“หยุดว่าคุณกริสน์ได้แล้ว..คิดว่าคุณกริสน์มีความสุข สบายใจ เริงร่าอยู่หรือไง..คุณกริสน์ก็ทรมานใจจะแย่อยู่แล้ว จะซ้ำเติมกันไปถึงไหน ห๊า”
“โว้ย!!! จะรีบด่าอะไรนักหนา..ผมจะบอกไอ้กริสน์ว่า..”
ภัทรดนัยหันไปหากริสน์
“ชั้นไม่เข้าใจสิ่งที่แกคิดเท่าไหร่ แต่..เอาก็เอา เราทีมเดียวกัน ตายก็ตายด้วยกัน ชั้นจะทำตามที่แกบอกก็ได้วะ”
จากนั้น ภัทรดนัยหันมาตะคอกเค้ก
“ชัดมั้ยชะนี”
“อ้าว”
เต๋า เต้ย แจ๊ส และป๊อปคอร์นตามออกมา
“น้ากริสน์จะไปมอบตัวจริงๆ เหรอ” แจ๊สถาม
“โถ ถ้าคุณกริสน์คุณพิมติดคุก เต๋าจะทำไงล่ะ” เต๋าโอดครวญ
“ก็เลี้ยงลูกปาล์มแทนชั้นสิ ฮือฮือ” เมทินีบอก
“เต้ยยอมขายพวงมาลัยดีกว่า”
กริสน์คว้ามือเต๋าเต้ย
“นายสองคน ช่วยขับรถไปส่งพวกเราได้มั้ย”
ทันใดนั้นเอง มือถือเมทินีดังขึ้น เห็นว่าเป็นเบอร์ของสุขสันต์จึงส่งโทรศัพท์ให้กริสน์
“พวกมันโทร.มา”
“ฮัลโหล”
สุขสันต์กำลังพูดผ่านโทรศัพท์ ขณะที่ฉัตรชัยทำท่าพูดตามอยู่ทางด้านหลัง
“แกกับพรรคพวกพร้อมจะไปมอบตัวหรือยัง”
“พร้อมแล้ว..แต่..ชั้นขอคุยกับพิมมาดาก่อน ไม่งั้น ชั้นไม่ไป”
ฉัตรชัยหันมาพูดกับสุขสันต์
“มันขอคุยกะเด็กมันก่อนครับ ไม่งั้นมันไม่ยอมไปมอบตัว”
สุขสันต์พยักหน้า อนุญาต
ที่สนามกีฬาอินดอร์ ฮิมเดินไปเอาตัวพิมมาดาออกมา และยื่นมือถือให้พิมมาดา
“เอ้า รีบๆคุยซะ”
“ฮัลโหล”
กริสน์คุยโทรศัพท์กับพิมมาดา พวกสุขสันต์พยายามจับพิรุธว่าสองคนคุยอะไรกัน
“คุณพิม...คุณกับเด็กๆ ปลอดภัยดีใช่มั้ย..คุณพิม..ฟังผมนะ..ทั้งคุณและผม จะต้องไปมอบตัวตามที่มันต้องการ..เราสองคนจะต้องติดคุก เพื่อให้เด็กๆ ปลอดภัย” กริสน์บอกแผน
พิมมาดาน้ำตาไหล “ติดคุก..แล้วเด็กๆ จะอยู่ยังไง”
“คุณพิม..ผมพูดอะไรมากไม่ได้..ผมสัญญาแค่ว่าเด็กๆจะต้องปลอดภัย และ ผมจะไม่ทิ้งคุณ..คุณเชื่อใจผมหรือเปล่า”
“อืม...เชื่อ”
“งั้นช่วยบอกผมทีว่าคุณรู้จักรหัสมอส..ใช่มั้ย ไม่รู้จักเหรอ เอานะ ผมจะสอนให้ เอาแค่ ใช่ ไม่ใช่ ก่อนนะ ถ้าคำว่า ใช่..เคาะแบบนี้นะ ให้จังหวะสม่ำเสมอนะ”
พิมมาดางงในตอนแรก และเริ่มทำท่าฟังปลายสายพูด พยักหน้ารับฟัง แต่นิ้วที่จับมือถืออยู่ เคาะ กระดิกเป็นจังหวะ..กึกๆๆ กึกๆๆๆๆ ตามรหัสมอส
สุขสันต์จับตาดูอยู่ เดินไปมาอย่างกระวนกระวาย
พิมมาดาเคาะจังหวะอยู่ แต่แพรวพิลาศทนรอไม่ไหวเข้ามาดึงมือถือออก
“พอๆๆๆ จะคุยอะไรกันนักหนา เดี๋ยวก็ได้ไปเจอกันในคุกแล้ว!!!.. ไป..ได้เวลาไปมอบตัวแล้ว”
กริสน์วางสายด้วยแววตามุ่งมั่น
แพรวพิลาศผลักให้พิมมาดาเดินไป พวกเด็กๆวิ่งพรวดกันออกมาห้ามไม่ให้พิมมาดาไป
“ปล่อยน้าพิมนะ อย่าทำอะไรน้าพิม..ปล่อย” โจ๊กดิ้นสุดแรง
“น้าพิมไม่ผิดอะไร จะจับน้าพิมเข้าคุกไม่ได้” โอปอล์บอก
“น้าพิม พระเจ้าต้องคุ้มครองคนดีสิ พระเจ้าเอาพ่อแม่ไปแล้ว จะทำกะน้าพิมแบบนี้ได้ไง” จีจ้าพูดแล้วร้องไห้
พิมมาดามองหลานน้ำตาไหล พูดไม่ออก จำต้องเข้มแข็งไว้
สุขสันต์ที่ยืนดูอยู่ย่อตัวลงตรงหน้าพวกเด็กๆ
“โอ๋ๆๆไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวอาแฮบปี้จะใช้เส้นส่งพวกเธอไปสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้าให้ รับรองมีที่อยู่สบาย แถมเพื่อนเยอะแยะ..เข้าใจมั้ยๆๆ” สุขสันต์พูดแล้วตบหัวเด็กทุกคนคนละที
“แกมันเป็นปีศาจหมาป่า ทั้งเจ้าเล่ห์ทั้งร้ายกาจ” ปาล์มว่า
“ว่าฉันเป็นปีศาจเหรอ” สุขสันต์ง้างมือจะตีปาล์ม
“จะให้ชั้นไปได้หรือยัง” พิมมาดาโพล่งขัดจังหวะขึ้น สุขสันต์ชะงัก หันมาตามเสียง
“อยากเข้าคุกแล้วเหรอ..ได้..โอเค..ชั้นจะให้คนไปส่งถึงที่..แล้วชั้นจะรอดูเธอ..ไอ้กริสน์ ภัทรดนัย เมทินีสารภาพความจริงว่าค้ายาเสพติดที่นี่..และ..ถ้ามีใครสักคน..พูดอะไรผิดแค่คำเดียว..ตายหมดทั้งก๊วนแน่”
สุขสันต์ข่มขู่ทาทีจริงจัง ไม่เหลือเค้ามิสเตอร์แฮปปี้ที่พิมมาดาเคยรู้จัก
นักข่าวทีวี นักข่าวหนังสือพิมพ์มารอทำข่าวมากมาย พิธีกรกำลังพูดหน้ากล้องทีวี
“นี่คือภาพบรรยากาศสดๆ..การแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาคดีนำเข้ายาเสพติด รายใหญ่โดยมีไฮไลต์อยู่ที่ เวลาเที่ยงตรง ผู้ต้องหาที่หลบหนีอยู่ ทั้งหมด นัดเข้ามอบตัวพร้อมกันที่นี่..ฮ้า นั่น ตำรวจคุมผู้ต้องหาออกมาแล้วครับ”
ภายในรถOB อั๋นกำลังนั่งคุมการสวิทชิ่งออกอากาศสดอยู่ที่หน้ามอนิเตอร์
“รับที่กล้องสอง”
ภาพในกล้องสองเห็นอธิปกับเดชถูกคุมตัวออกมา
ตำรวจคุมตัวอธิปและเดชออกมานั่งให้พวกนักข่าวรุมถ่ายรูป โดยมีมาวินเดินตัวพองเดินนำหน้ามา มีรายงานข่าวเกี่ยวกับการจับกุมอธิปกับเดชอยู่ในจอทีวีตรงบริเวณที่จัดงานพวกนักข่าวถ่ายรูปกันพรึ่บพรั่บ
“ตอนทำผิดคิดชั่ว ไม่เห็นละอายใจ ทีนี้ทำก้มหน้า” มาวินจับอธิปกับเดชให้เงยหน้าขึ้นมา “แหม มุมนี้ดูดีใช้ได้เลยนะเสี่ย หึๆๆ..(กับนักข่าว) ทุกท่านคงทราบดีแล้ว ว่าเสี่ยอธิป เป็นมาเฟียที่มีอิทธิพลมาก ใครๆก็จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน ยกเว้นผม..ผู้กองมาวิน”
“แล้วผู้ต้องหาคนอื่นที่ว่าจะเข้ามอบตัวเที่ยงนี้ มีใครบ้าง และจะไม่เบี้ยวนัดใช่มั้ยครับ” พิธีกรถาม“ระดับผมออกโรงเอง..ผู้ต้องหาต้องมอบตัวทั้งแก็งสิครับ ทั้งผู้กองกริสน์..ท่านรองภัทรดนัย..พิมมาดา เจ้าของร้านดอกไม้ แล้วก็คุณเมทินี นายทุนใหญ่ของพวกมัน..ส่วนเรื่องเบี้ยว ลืมได้เลย..คนพวกนี้รู้ดีว่าผมไม่ใช่แค่เก่ง แต่โคตรสุดยอดเก่งต่างหาก ฮ่าๆๆ”
เด็กๆถูกจับมานั่งรวมกันอยู่ที่ใต้แป้นบาส ใกล้ๆกันมีสุขสันต์และแพรวพิลาศที่กำลังถือมือถือที่เปิดทีวีการรายงานข่าวซึ่งเป็นภาพพิธีกรข่าวกำลังสัมภาษณ์มาวินอยู่
“ถ้าพล่ามมาก แล้วงานสำเร็จ จะไม่ว่าเลย..แต่ถ้างานพลาดขึ้นมาล่ะก็ จะเล่นแกให้ถึงตายเลย!” สุขสันต์หงุดหงิด
“อีกแล้ว...ทำไมช่วงหลังๆนี้คุณพูดถึงตาย ฆ่า ยิงทิ้ง บ่อยจัง” แพรวพิลาศถาม
“เพราะเค้าเป็นคนชั่วไงค้าบบบ” โจ๊กกับจีจ้าแทรกขึ้น
สุขสันต์ชี้หน้าทั้งสองแล้วสั่งเสียงกร้าว “หุบปาก!”
“หุบปาก..ก็พูดบ่อย” ปาล์มบอก
สุขสันต์อ้อน “แพรว..ไม่มีอะไรหรอก ผมก็แค่..อินมากไปหน่อย..เรามาลุ้นดีกว่าว่าใครจะเป็นคนแรก”
“ป๊า..ป๊าถูกตำรวจจับ แล้วโอปอล์จะอยู่กับใคร”โอปอล์คร่ำครวญ
“อย่าร้องนะปาล์มจะดูแลเอง” ปาล์มปลอบใจ
พิมมาดาเดินฝ่าผู้คนมากมายเข้ามาตามทางในห้องแถลงข่าว ช่างภาพรีบถ่ายเธอกันพรึ่บพรั่บๆ พวกตำรวจจะเข้าไปจับกุมพิมมาดา
“ไม่ต้อง” มาวินทำแมนต่อหน้ากล้อง “ให้เกียรติสุภาพสตรีหน่อย เข้ามามอบตัวเองคงไม่คิดหนีอยู่แล้ว เชิญครับคุณพิมมาดา”
ภาพในจอทีวีบริเวณที่จัดแถลงข่าวเป็นภาพมาวินกำลังพาพิมมาดาไปที่โต๊ะ
สุขสันต์ที่ดูอยู่ยิ้มอย่างสมใจ
“เชื่อฟังคำสั่งดีมากพิมมาดา ดูไว้นะว่าน้าพวกแกรักพวกแกแค่ไหน ฮ่าๆๆ..ทีนี้ก็เหลือแค่พวกไอ้กริสน์”
เด็กๆ โวยวาย
“น้าพิมถูกตำรวจจับแล้ว..แล้วเราจะอยู่กับใคร” จีจ้าทำท่าจะร้องไห้
พิมมาดาถูกจับให้มานั่งรวมกับอธิป
“เรารอให้ผู้ต้องหาเข้ามอบตัวทั้งหมด แล้วค่อยแถลงข่าวทีเดียวนะครับ..อีกไม่นาน” มาวินพูด
อธิปกระซิบถามพิมมาดา
“คุณพิม..ผมขอถามสั้นๆ ไอ้กริสน์มีแผนใช่มั้ย”
พิมมาดาส่ายหน้า
“หมายความว่าไง” อธิปงง
“มันจับตัวเด็กๆเอาไว้ ชั้นไม่มีทางเลือก” พิมมาดาบอก
ทันใดนั้น เมทินีในชุดสวยหรูก็เดินเข้ามาอีกคน
ภายในรถโอบี อั๋นรีบสั่งทีมงาน
“คุณน้าเมทินีมาแล้ว..พิธีกรไปสัมภาษณ์เร็ว อย่าให้พลาด”
ปาล์มได้เห็นว่าแม่ตัวเองถูกจับก็ถึงกับช็อก
“หม่ามี้ก็โดนจับ แล้วปาล์มน้อยจะอยู่กับใคร”
“พวกเราจะอยู่กับใคร ฮือๆๆ” เด็กๆ ที่เหลือร้องไห้ด้วย
“โอ๊ย เงียบๆ” แพรวพิลาศปวดหัว
ตำรวจส่วนหนึ่งคุมตัวเมทินีไปนั่งรวมกับพิมมาดา พิธีกรกับกล้องเข้ามาถ่ายและจะสัมภาษณ์ แต่ตำรวจมากันเอาไว้
“คุณเมทินี แล้วไอ้กริสน์กับภัทรดนัยล่ะ” มาวินถาม
“ชั้นไม่รู้” เมทินีตอบห้วนๆ
“ไม่รู้คืออะไร พวกมันจะมาแน่ใช่มั้ย..หวังว่า พวกมันคงไม่ได้หลอกให้สาวๆเข้ามอบตัว แล้วมันสองคนก็เผ่นหนีเอาตัวรอดหรอกนะ”
“เค้าไม่ทิ้งชั้นแน่ เค้ารับปากชั้นไว้ว่าจะมา ก็ต้องมา” พิมมาดามั่นใจ
“หึๆๆๆ” มาวินหัวเราะเยาะ
สักพัก มือถือของมาวินก็ดังขึ้น
มาวินรับสาย “ฮัลโหล..ไอ้กริสน์..แกอยู่ไหน!”
กริสน์กำลังพูดโทรศัพท์จากในรถ โดยมีภัทรดนัยนั่งอยู่ข้างๆ
“ชั้นอยู่ด้านหน้า แต่..ทำไมนักข่าวเยอะยังงี้..ชั้นก็นึกว่าเป็นการมอบตัวเงียบๆ เล็กๆ จัดแต่พอเพียง แต่นี่ มัน..ยิ่งกว่าพ่อค้าอาวุธสงครามอีก”
“ชั้นให้เกียรติพวกแกขนาดนี้ ไม่ดีใจเหรอ..พวกแกอยู่ที่ไหน เข้ามามอบตัวเดี๋ยวนี้” มาวินสั่ง
ระหว่างที่มาวินกำลังพูดโทรศัพท์ มีตำรวจเข้ามากระซิบข้างหูของเขาว่ารถของพวกกริสน์จอดอยู่ด้านนอก มาวินจึงรีบให้สัญญาณให้ทุกคนออกไปด้านนอก
“พวกชั้น..ไม่อยากออกทีวี ชั้นอาย” กริสน์บอก
“แล้วชั้นก็ไม่ได้เอาแว่นดำกับหมวกมาด้วย..ขอกลับบ้านไปเอาก่อนแล้วกัน” ภัทรดนัยพูดแทรก
ที่ด้านหน้าสำนักงานตำรวจ มาวินและพวกตำรวจกำลังกรูกันออกมาล้อมรถเก๋งคันหนึ่งที่จอดอยู่ด้านหน้า
“พวกแกไม่มีสิทธิ์ไปไหนทั้งนั้น ลงมาเดี๋ยวนี้” มาวินสั่ง
แต่ภายในรถคันนั้นยังคงเงียบ
มาวินให้สัญญาณลูกน้องให้บุกไปลากตัวลงมา ตำรวจพุ่งเข้าไปเปิดประตูลากคนสองคนที่คลุมหัวด้วยผ้าขาวม้าออกมาทันที
“ไอ้กริสน์ ไอ้ภัทรดนัย พวกแกเสร็จชั้นล่ะ ฮ่าๆ”
พวกนักข่าวที่ตามมาถ่ายรูปกันพรึ่บพรั่บ
สุขสันต์กระหยิ่มยิ้มย่อง แล้วหัวเราะอย่างสะใจ
“ในที่สุด พวกแกก็เสร็จชั้น ฮ่าๆๆ”
“แล้วคุณจะทำยังไงกับเด็กพวกนี้คะ? ส่งไปให้มูลนิธิเพื่อเด็กอะไรของคุณดูแลก็แล้วกัน” แพรวพิลาศเสนอ
“ไม่ต้องห่วงหรอกแพรว พอไอ้พวกนั้นให้การกับตำรวจตามที่ผมต้องการแล้ว..ผมไม่เก็บเด็กพวกนี้ไว้แน่”
พวกเด็กๆ อึ้ง
“ไม่เก็บเอาไว้..มันแปลว่า..” ปาล์มทำท่าสยอง
ผู้ต้องหาทั้ง 6 คนนั่งเรียงรายกันในงานแถลงข่าว ไล่มาตั้งแต่ เดช อธิป พิมมาดา เมทินี และคนที่มีผ้าคลุมหัว2คน พวกนักข่าวรุมถ่ายภาพกันมากมาย
มาวินเห็นคนที่มีผ้าคลุมหัวทั้งสองเอาแต่ก้มหน้า “แกสองคนเอาผ้าออก..ผู้หญิงยังไม่คลุมเลย ลูกผู้ชายหรือเปล่าวะ..ถอดๆ”
ทั้งสองคนยังนั่งนิ่ง ไม่ไหวติง
“บอกให้ถอดออก ไม่เข้าใจหรือไง!”
มาวินเข้าไปดึงผ้าที่คลุมหัวทั้งสองออกด้วยตัวเอง ทำให้ทุกคนเห็นว่า สองคนนั้นคือเต๋ากับเต้ย
“เฮ้ย!” มาวินตกใจ
พิมมาดาก็ตกตะลึง
“เต๋า..เต้ย..แล้วนายกริสน์ล่ะ”
“ที่นี่ที่ไหน ใครจับตัวพวกเรามา” เต๋าทำเป็นงง
“คุณตำรวจ คิดอะไรกับพวกเราก็ม่ะบอก คริๆ” เต้ยยั่ว
“พวกแกเล่นตลกอะไร!” มาวินเข้าไปกระชากคอเสื้อเต๋ากับเต้ย “บอกชั้นมาว่าไอ้กริสน์กับภัทรดนัยไปไหน!! ไม่งั้น พวกแกจะโดนข้อหาสมรู้ร่วมคิดด้วย!”
“หนูไม่รู้” เต๋ากับเต้ยตอบพร้อมกัน
พิมมาดานึกเป็นห่วงเด็กๆ “หา!!..แล้วแบบนี้..เด็กๆจะเป็นยังไง
สุขสันต์ที่กำลังดูอยู่ถึงกับช็อก ด้วยความโมโหเขาจึงเขวี้ยงลูกบาสไปสุดแรง
“ไอ้กริสน์!”
ในทีวี พิธีกรกำลังพูดบรรยายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อหน้ากล้อง
“น้ากริสน์ต้องมาช่วยพวกเราแน่ๆ เย้ๆๆ” โจ๊กดีใจ
“น้ากริสน์เอาจริงแล้ว พวกคนชั่วจะต้องถูกปราบหมดสิ้น!” จีจ้าพูด
“หุบปาก!” สุขสันต์ตะคอก
“พูดคำนี้อีกแล้ว..นี่ๆๆ พี่จะบอกให้นะน้องนะ ถ้าไม่อยากมีปัญหา พูดดีๆกะพวกพี่ เผื่อพวกพี่จะขอให้น้ากริสน์ไว้ชีวิตให้..โอเค๊?” ปาล์มยั่ว
สุขสันต์ควักปืนขึ้นมาจ่อที่หน้าปาล์ม “โอเค๊?”
“โน แท้งกิ้ว” ปาล์มหน้าซีด
พวกเด็กๆ ถอยกรูดไปรวมกัน
“ใครอยากตายคนแรก” สุขสันต์ถามเสียงเข้ม
โจ๊ก จีจ้า และโอปอล์ก้าวถอยหลังกันไปหมด ทำให้เหลือปาล์มยืนข้างหน้าคนเดียว
“อ้าว เฮ้ย” ปาล์มยกมือไหว้ “สงสารเด็กน้อยตัวเล็กๆตาดำๆเถอะครับ”
“คุณสุขสันต์..คุณจะฆ่าเด็กเลยเหรอ..ไม่ได้นะ..เอาปืนลง!” แพรวพิลาศเตือนสติ
สุขสันต์ไม่ฟังเสียงห้ามของแพรวพิลาศ เขากระชับปืนนิ่ง หน้าเหี้ยมอย่างเอาจริงเอาจัง
“คุณอยู่เฉยๆได้มั้ยแพรว!” สุขสันต์ตะคอกอย่างเด็ดขาด
อยู่ๆ ก็มีเสียงปืนดังขึ้น สุขสันต์รู้สึกเจ็บปลาบเพราะถูกยิงเฉี่ยวขาไป กริสน์โผล่มาจากบนอัฒจรรย์ด้านหนึ่ง “ถ้าแกทำอะไรเด็ก แกดับอนาถเหมือนจอทีวีแน่!”
“เย้ๆๆ น้ากริสน์มาช่วยแล้วๆ” เด็กๆ ดีใจ
“แก..ไอ้กริสน์..แกวางแผนเอาไว้หมดทุกอย่างแล้วสินะ..แกคิดเหรอว่าแกจะข่มขู่ชั้นได้” สุขสันต์เล็งปืนไปที่เด็กๆ
ทันใดนั้น ฉัตรชัยกับฮิมก็โผล่ออกมาที่ด้านหลังของกริสน์ ลูกสมุนทั้งสองของสุขสันต์เอาปืนจ่อกริสน์ไว้
“ใครกันแน่ที่จะตาย” ฉัตรชัยพูด
“หึๆๆ โชคดีที่เราส่งยัยพิมมาดาเสร็จก็รีบกลับมาเลย ทันเวลาพอดี” ฮิมบอก
เด็กๆ เงียบกริบ
“อ้าว เวลาแห่งความสุขมันผ่านไปเร็วจริงๆ” ปาล์มตัดพ้อ
เหตุการณ์ที่งานแถลงข่าวเต็มไปด้วยความชุลมุน นักข่าวพยายามจะสัมภาษณ์มาวินให้ได้ ทุกคนต่างยื้อแย่งกันยิงคำถามให้มาวินตอบ คนหนึ่งถามว่าตกลงว่าคนร้ายยังลอยนวลอยู่ใช่มั้ย? อีกคนถามผู้กองรู้สึกยังไงที่ถูกคนร้ายฉีกหน้าออกอากาศ? ส่วนอีกคนก็ถามว่ามั่นใจแค่ไหนว่าจะตามจับตัวคนร้ายได้?
“เดี๋ยวๆๆ อย่าเพิ่งรุมครับ..คิดบวกกันก่อนดีกว่า อย่างน้อยตอนนี้ เราก็จับคนร้ายได้ถึงสี่คนแล้ว..มีแค่สองคนเท่านั้นที่หนีไป..ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกครับ” มาวินบอก
“ผู้กองไม่คิดว่ากำลังถูกนายกริสน์ปั่นหัวอยู่เหรอครับ” พิธีกรถามบ้าง
พิมมาดาได้ยินดังนั้นก็ยิ่งรู้สึกผิดหวังมากขึ้น ในขณะที่พวกนักข่าวยังรุมสัมภาษณ์อย่างต่อเนื่อง
“นายรับปากว่าจะไม่ทิ้งกัน..นายสัญญากับชั้นแล้ว.. ทำไม..ทำไมทำอย่างนี้” พิมมาดาผิดหวัง
“คุณพิม..คุณกริสน์เค้ากำลังไปช่วยเด็กๆของพวกเราอยู่” เมทินีบอก
“ว่าแล้วมันต้องมีแผน..ต้องอย่างนี้สิ ถึงจะสมกับเป็นสมุนมือหนึ่งของชั้น” อธิปชมเปาะ
“อ้าว แล้วผมล่ะครับ เดชน้อยใจนะครับ” เดชตัดพ้อ
“เราต้องเป็นกำลังใจให้คุณกริสน์นะคะคุณพิม เค้าจะได้ทำสำเร็จ”เต๋าบอก
ภายในใจของพิมมาดายังคงเป็นห่วงเด็กๆ อยู่
กริสน์ถูกฉัตรชัยกับฮิมผลักเข้ามาที่กลางสนามกีฬา
“น้ากริสน์!” เด็กๆ จะวิ่งเข้าไปหากริสน์ แต่สุขสันต์ขวางไว้ “ใครขยับแม้แต่ก้าวเดียว..ชั้นยิงแน่!”
เด็กๆ ผงะแล้วหยุดนิ่ง โอปอล์ทำท่าจะถอยหลังแอนแต่ปาล์มรีบร้องเตือน “อย่าถอย เดี๋ยวโดนยิง”
ทันใดนั้น เสียงของภัทรดนัยก็ดังขึ้น
“ไอ้กริสน์..ชั้นมาช่วยแล้ว”
กริสน์กระหยิ่มเพราะคิดว่าเพื่อนมาช่วยได้แน่นอน แต่แล้วทุกคนก็เห็นว่าภัทรดนัยถูกสมุนหิ้วปีกโยนลอยเข้ามาในสภาพโทรมสุดๆ เพราะโดนรุมมา
“ เฮ้อ” กริสน์กลุ้มใจ เขาหันมาต่อรองกับสุขสันต์ “คุณสุขสันต์..ถ้าอยากจะฆ่าชั้น ก็มาฆ่า แต่ปล่อยพวกเด็กๆไป”
“ชั้นบอกให้แกไปมอบตัว แกไม่เข้าใจคำสั่งชั้นเหรอ!” สุขสันต์ตะคอก
สุขสันต์เดินพุ่งเข้าไปอัดกริสน์ไม่ยั้ง
“อย่าทำน้ากริสน์ อย่าๆๆ” เด็กๆ ร้องระงม
โจ๊กกับจีจ้าวิ่งเข้าไปห้าม แต่ก็ถูกสุขสันต์สะบัดและตบจนกระเด็น
“โอ๊ย!” โจ๊กกับจีจ้าร้อง
แพรวพิลาศตกตะลึงที่ได้เห็นอาการคลั่งของสุขสันต์
“คุณสุขสันต์..เป็นอะไรของคุณ”
สุขสันต์ยังคงเตะกริสน์ไม่ยั้ง “แกจะลองดีกับชั้นใช่มั้ย ห๊าๆๆๆ..ถ้าแกอยากตาย ชั้นก็จะให้แกตาย”
สุขสันต์เอาปืนจ่อกริสน์แล้วทำท่าจะยิง กริสน์ถึงกับผงะ
อ่านต่อหน้า 2
มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 15 อวสาน (ต่อ)
เวลาเดียวกันนั้น มาวินกำลังกล่าวยืนยันหนักแน่นต่อหน้านักข่าว โดยที่ด้านหลังของเขาเป็นจอทีวีภายในงานแถลงข่าว
“ผมขอเอาชื่อเสียงเกียรติยศของผมเป็นประกัน ผมจะลากตัวนายกริสน์มาให้ได้ ภายในหนึ่งอาทิตย์ ถ้าผมทำไม่สำเร็จ ผมขอ...”
อยู่ๆ พวกนักข่าวก็ส่งเสียงฮือฮา ทุกคนมองข้ามหัวมาวินไปที่จอทีวีด้านหลัง
“เอ๊ะ นั่น..” พิธีกรร้องทัก
มาวินหันมองตามแล้วเขาก็ต้องตะลึง อธิป เมทินี พิมมาดา และทุกคนก็มองไปที่จอ
ที่จอโทรทัศน์ มีจอเล็กๆ แทรกขึ้นมาก่อนจะขยายขนาดขึ้นกลายเป็นภาพสุขสันต์กำลังเอาปืนจ่อกริสน์อยู่
“นายกริสน์” พิมมาดาตกใจ
“มาทันเวลาพอดี...ช่วยลูกปาล์มให้ได้นะคุณกริสน์” เมทินีเอาใจช่วย
ภายในรถโอบี อั๋นกำลังสั่งการอยู่
“ขยายขึ้นเต็มจอเลย ให้คนเห็นกันชัดๆ ผมช่วยเต็มที่แล้วนะน้าเมทินี” อั๋นพูดกับตัวเอง
ทีมงานของอั๋นทำตามคำสั่ง ใกล้ๆ สนามบาสเก็ตบอลมีทีมงานกล้าตายกลุ่มหนึ่งแอบถ่ายสุขสันต์อยู่ในมุมที่ห่างออกไป
จอโทรทัศน์ตามจุดต่างๆ เช่น จอทีวีในห้าง จอทีวีในที่สาธารณะ จอทีวีตามบ้าน จอทีวีตามร้านกาแฟเปิดรายการแถลงข่าวนี้อยู่ทั้งหมด ผู้คนมากมายกำลังติดตามข่าวนี้อยู่ต่างก็มึนงงกับภาพที่แทรกเข้ามา
วัยรุ่นจำนวนมากดูข่าวผ่านมือถือ และไอแพด ผู้คนที่เดินผ่านหน้าจอโทรทัศน์ต่างชะงักและหยุดมองอย่างสนใจ หลายคนชวนกันหยุดดูแล้ววิพากษ์วิจารณ์
พิมมาดาอึ้งและรู้สึกเป็นห่วงกริสน์กับเด็กๆ
“คุณสุขสันต์จับตัวคนร้ายได้แล้ว!!!..หึๆๆ ทุกคนคงเห็นแล้วว่า แผนการของผมสำเร็จ” มาวินพูด
“เมื่อกี้ไม่ได้บอกว่าเป็นแผนนี่” เดชขัด
“บอกก็เสียแผนสิ..ผมคาดเดาไว้แล้วว่าต้องเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ เลยร่วมมือกับคุณสุขสันต์ตลบหลังอีกที ฮ่าๆๆ” มาวินแถ
“อยากรู้จริงๆว่ามันไปเรียนหลักสูตรอะไรที่เมืองนอก” เดชประชด
“คุณกริสน์..อย่าเป็นอะไรนะ”
เมทินีพูดแล้วหลับตาทำปากพึมพาเหมือนสวดมนต์ พิมมาดายังคงมองอย่างห่วงใย
สุขสันต์ยังคงเอาปืนเล็งที่กริสน์
“อย่านะ!!! ถ้าแกฆ่าพวกชั้น คิดเหรอว่าแกจะหนีรอด..ถ้าพวกชั้นไม่ไปมอบตัว รับรองได้ว่า ยัยเมทินีกับพิมมาดา ไม่มีทางให้การกับตำรวจตามที่นายต้องการแน่” ภัทรดนัยพยายามกล่อม
“นี่แกกำลังขู่ชั้นเหรอ” สุขสันต์ตะคอก
“หรือว่าแกอยากถูกตำรวจซิว!” ภัทรดนัยถามกลับ
“หึๆๆ แกไม่รู้เหรอว่าคดีนี้ ผู้กองมาวินเป็นคนรับผิดชอบ” สุขสันต์มั่นใจ
มาวินได้ยินคำพูดของสุขสันต์ก็กระหยิ่มยิ้มย่อง
“ใช่ๆๆ เราร่วมมือกันเห็นมั้ย”
“แล้ว..คนอย่างผู้กองมาวิน เคยสนใจอะไร นอกจากทำผลงาน” สุขสันต์พูดต่อ
มาวินหุบยิ้มแทบไม่ทัน “อ้าว”
สุขสันต์ยังพูดต่อไป “มาวินมันเชื่อว่าพวกแกผิด ตั้งแต่พวกแกยังไม่ได้อ้าปากด้วยซ้ำ..แล้วชั้นจะต้องกลัวอะไร”
“แต่นายจตุพลยังลอยนวลอยู่ นายจตุพลทำงานกับแกมานาน แกคิดว่ามันจะไม่เก็บหลักฐานอะไรเอาไว้บ้างเลยเหรอ..แล้วนิสัยอย่างนึง ที่โจรทุกคนในโลกนี้มี ก็คือ กูตายมึงตาย กูติดคุก มึงก็ต้องติดคุกด้วย” กริสน์บอก
“ตัวอะไรเอ่ย ลากกันไปกินในน้ำ” ภัทรดนัยถามกวนๆ
ปาล์มรีบยกมือ “ผมรู้คำตอบ!”
เด็กๆ ต่างชี้ไปที่สุขสันต์อย่างพร้อมเพรียง
“ลองคิดดู ว่าถ้าพิมมาดากับคุณเมทินีให้การพาดพิงแก แล้วนายจตุพลก็เอาหลักฐานมาแฉแกอีก..หึๆๆ คิดเหรอว่าแกจะยังลอยนวลอยู่ได้” กริสน์โน้มน้าว
“ไอ้ชาติชั่ว!”
สุขสันต์ชกกริสน์เต็มแรงแล้วจะตามซ้ำ แต่แพรวพิลาศเข้ามาดึงแขนเขาไว้
“คุณสุขสันต์ นี่หมายความว่าไง..คุณเกี่ยวข้องกับยาเสพติดจริงๆเหรอ” แพรวพิลาศดึงทึ้งอย่างคาดคั้นคำตอบ “ว่ายังไงคุณสุขสันต์..ตอบชั้นมา!”
“โว้ย!” สุขสันต์สะบัดแพรวพิลาศออก “อย่าเซ้าซี้ตอนนี้ได้มั้ย!”
แพรวพิลาศถูกสะบัดก็เซไป “ตอบมาว่าคุณไม่ได้หลอกใช้แพรว ตอบมาสิ!”
“ถ้าผมเกี่ยวข้องแล้วจะทำไม!” สุขสันตพูดอย่างโมโห
มาวินและพวกตำรวจในงานต่างพากันตกตะลึง
“ท่านผู้ชมครับ ขอย้ำว่าที่ท่านเห็นอยู่นี้ คือรายการสด” พิธีกรพูด
ที่สนามบาสเก็ตบอล แพรวพิลาศกำลังรู้สึกผิดหวังในตัวสุขสันต์ “คุณเกี่ยวข้องกับยาเสพติด..คุณหลอกใช้ชั้นมาตลอด..คุณมันชั่ว!”
แพรวพิลาศยกมือขึ้นจะตีสุขสันต์ แต่ฉัตรชัยกับฮิมเข้ามากันแพรวพิลาศไว้
สุขสันต์พูดกับกริสน์อย่างไม่สนใจแพรวพิลาศ “ชั้นจะให้โอกาสพวกแกไปมอบตัวอีกครั้ง..ไม่อย่างนั้น ชั้นจะฆ่าเด็กพวกนี้เดี๋ยวนี้” สุขสันต์หันไปจ่อปืนที่เด็กๆ
“ปล่อยเด็กก่อน” กริสน์ต่อรอง
“แกไม่มีสิทธิต่อรอง จะเชื่อใจชั้น หรือจะให้ชั้นฆ่ามันเดี๋ยวนี้!” สุขสันต์กระชากตัวโจ๊กออกมาจากกลุ่ม
มาวินและทุกคนในงานแถลงข่าวต่างพากันอึ้ง
“โอเค..ใจเย็นๆก่อน..แล้วบอกมา ว่าจะให้พวกชั้นทำอะไร” กริสน์กล่อม
“พวกแกรู้ดีอยู่แล้ว” สุขสันต์บอก
“พวกชั้นรู้ว่าต้องไปมอบตัว..แต่..ใครจะไปรู้ว่าอะไรที่พูดแล้วถูกใจแก..เกิดพูดอะไรผิดไป แกคลั่งยิงเด็ก จะทำไง” ภัทรดนัยถาม
“พวกแกก็ซัดทอดไอ้จตุพลสิวะ ว่ามันคือคนสั่งให้พวกแกขนยาเสพติดเข้าประเทศ เอามาใส่ในขนม..ส่วนชั้นไม่เกี่ยว ชั้นบริสุทธิ์ เป็นเหยื่อที่พวกแกวางแผนจะใส่ร้าย”
“แต่ความจริง มีแค่แกกับไอ้จตุพลเท่านั้น ที่ผิด ไม่เกี่ยวกับพวกเราเลย ..จะให้บอกว่าคนทำผิด ถูก..แล้วคนทำถูก ผิด..ชั้นทำไม่ได้!” กริสน์ว่า
“ก็หัดทำซะ..ทำขาวเป็นดำ ทำดำให้เป็นขาว..หรือจะเอาสีแดงเลือดสาด” สุขสันต์ขู่
อยู่ๆ กริสน์กับภัทรดนัยก็หัวเราะออกมา “ ฮ่าๆๆ”
“พวกแกตลกอะไร” สุขสันต์ถาม
“แกรู้หรือเปล่าว่าประเทศไทยมีสามจีแล้ว..เอ้าๆๆ ทางนั้น..ทักทายกล้องหนึ่งหน่อย” ภัทรดนัยบอก
เค้กเดินออกมาจากมุมที่ภัทรดนัยบอก ในมือของเค้กมีไอโฟนที่กำลังถ่ายคลิปทั้งหมดอยู่
“อ้าว แล้วทักทายกล้องสองตรงโน้นด้วย” ภัทรดนัยชี้ไปอีกทาง
สุขสันต์หันไปมองที่อัฒจรรย์ โปรดิวเซอร์รายการถือกล้องอีกตัวถ่ายจากมุมด้านบนอัฒจรรย์
โปรดิวเซอร์พูดใส่กล้อง “ผม..กิตติ พงษ์กันยา..รายงานสดจากที่เกิดเหตุ...ไปล่ะเว้ย!” โปรดิวเซอร์ปิดกล้อง แล้ววิ่งหนีทันที
สุขสันต์เริ่มอึ้ง ส่วนกริสน์หัวเราะอย่างสะใจ
“หึๆๆ ทั้งภาพทั้งเสียงชัดเจนขนาดนี้ ท่านแฮปปี้จะตอบประชาชนยังไงดีครับ ฮ่าๆๆ”
สุขสันต์อึ้งแล้วรู้สึกแค้น
ทันใดนั้น ภาพในจอก็ดับไป มาวินได้แต่ยืนตะลึง ก่อนจะค่อยๆ พูดออกมา
“มีชกต่อย ตบตี ด่าทอ และใส่ร้าย..มันละครหรือเรื่องจริงเนี่ย”
“มันคืออะไรครับ หรือว่าเป็นแผนการอะไรของผู้กองอีก” พิธีกรถาม
เดชรีบลุกพรวด “ไม่ใช่แผนของนายมาวิน!”
“ทั้งหมดเป็นแผนการของคุณกริสน์ ที่จะกระชากหน้ากากคนดีที่สุดแสนจะรักเด็กของคุณสุขสันต์ นักการเมืองในฝันของหลายๆคน” เมทินีบอก
“พวกคุณพูดอะไร” มาวินงง
“มันคือความจริง..แกตกเป็นเครื่องมือของคนชั่ว จับพวกชั้นเป็นแพะ..ยังไม่รู้ตัวอีก..ปล่อยพวกชั้นเดี๋ยวนี้!” อธิปสั่ง
“ถ้าไม่ปล่อย รับรองว่าชั้นจะฟ้องร้องสำนักงานตำรวจตั้งแต่หัวยันหาง หางยันหัวเลยคอยดู!” เมทินีขู่
มาวินอึกอักและสับสน พวกนักข่าวกรูเข้ามารุมสัมภาษณ์มาวินอีกมากมายพร้อมกับยิงคำถามเป็นชุด คนหนึ่งถามว่าจริงหรือเปล่าคะ? อีกคนถามสรุปว่าคุณสุขสันต์เป็นพ่อค้ายาเสพติดเหรอคะ? คนที่เหลือถามตำรวจทำงานผิดพลาดเหรอคะ?
“หยุดๆๆ ตอนนี้นายกริสน์กับเด็กๆอยู่ในอันตราย..มาวิน..คุณต้องปล่อยพวกชั้น แล้วรีบไปจับผู้ร้ายตัวจริงกู้หน้าตัวเองเร็วๆ” เมทินีบอก
“ใช่ๆๆ” มาวินนึกขึ้นได้จึงรีบปล่อยทุกคน
สุขสันต์โกรธแค้นเป็นอย่างมาก
“แก..แกอย่าอยู่เลย!”
กริสน์กับภัทรดนัยกระโจนเข้าไปล็อกฉัตรชัยกับฮิมมาเป็นตัวประกัน แล้วพลิกเอาทั้งสองมาบังกระสุน ก่อนจะดึงปืนพกอีกกระบอกที่เหน็บเอวทั้งคู่ไป
“อย่ายิง ไม่งั้นคนสนิทแกเด๊ดแน่” ภัทรดนัยขู่
แต่ทันใดนั้นสุขสันต์ก็ยิงทันที กระสุนถูกหัวไหล่ของฉัตรชัย “อ๊าก!”
“ไอ้ฉัตรชัย!” ฮิมตกใจ
“คุณยิงลูกน้องตัวเองได้ยังไง!” แพรวพิลาศว่า
สุขสันต์หน้าเหี้ยม เขาเล็งปืนไปที่ฮิมอีก กริสน์ตัดสินใจผลักฮิมออกแล้วกระโจนหลบ พร้อมๆกับที่สุขสันต์ยิงออกไปพอดี กริสน์รอดจากกระสุนอย่างหวุดหวิด
สุขสันต์จะตามไปยิงอีก แต่เด็กๆ วิ่งเข้าชนสุขสันต์เต็มแรงจนสุขสันต์ล้มไป
“พวกเราจัดการ!” โจ๊กตะโกน
เด็กๆ จะเข้าไปรุมสุขสันต์ แต่สุขสันต์ควักปืนอีกกระบอกออกมา พวกเด็กๆ ถึงกับผงะ ทันใดนั้น กริสน์ก็กระโจนเข้ามาสู้กับสุขสันต์
“เด็กๆ หนีออกไป ไป!” กริสน์บอก
“เด็กๆ ทางนี้” เค้กมาเรียกเด็กๆให้วิ่งตาม ทั้งหมดพากันวิ่งหนีไปที่ทางออก
กริสน์ถูกสุขสันต์เตะจนร่วงลงไปกอง สุขสันต์เหยียบยอดอกกริสน์เอาไว้แล้วเอาปืนจ่อ
“เก่งนักใช่มั้ย!”
กริสน์กำลังจะเสียท่า แต่อยู่ๆ ประตูโรงยิมก็ถูกระเบิดจนประตูปลิวกระเด็นมา หลังประตูมีจตุพลกับน้อมพงษ์ยืนอยู่พร้อมปืนกล
“ไอ้สุขสันต์..แกหักหลังชั้น แล้วคิดว่าลอยนวลไปได้ง่ายๆเหรอ ชาติหน้าเถอะเว้ย!” จตุพลว่า
“ตายๆๆ” น้อมพงษ์พร้อมลุย
จตุพลกับน้อมพงษ์ยิงกระหน่ำเข้าใส่ทันที
สุขสันต์กระโจนหลบ ส่วนกริสน์กับภัทรดนัยรีบวิ่งไปหาที่ซ่อน ฮิมลากฉัตรชัยไปหลบ
แพรวพิลาศ เค้กและเด็กๆ ไปหลบมุมตรงทางออก โจ๊กกอดจีจ้าเอาไว้
สุขสันต์หลบอยู่ที่มุมนึงซึ่งมองไปฝั่งตรงข้ามจะเห็นพวกเด็กๆหลบอยู่ สุขสันต์ตัดสินใจวิ่งไปที่พวกเด็กๆ แล้วกระชากจีจ้ามา “มานี่!”
“ปล่อยจีจ้านะ ปล่อย!” เค้กมาฉุดตัวจีจ้าไว้
โจ๊กก็พยายามดึงตัวจีจ้า “จะทำอะไร ปล่อยจีจ้านะ ปล่อย!”
สุขสันต์ตบเค้กและโจ๊กคว่ำ แต่โจ๊กยังลุกมายื้อตัวจีจ้าเอาไว้ ปาล์มกับโอปอล์เข้ามาช่วย สุขสันต์ผลักเด็กทั้งหมดจนล้มไป
“พี่โจ๊กช่วยด้วยๆ” จีจ้าร้องไห้
โจ๊กล้มไปโดยมีกระเป๋ายาของจีจ้าที่ถูกดึงจนสายขาดติดมือมาด้วย
แพรวพิลาศดึงสุขสันต์ไว้ “คุณจะไปไหน”
“ปล่อย!” สุขสันต์สั่ง
สุขสันต์ผลักแพรวพิลาศจนเซ แล้วก็ลากจีจ้าวิ่งออกประตูไป แพรวพิลาศรีบวิ่งตามออกไป “คุณสุขสันต์!”
จตุพลกับน้อมพงษ์วิ่งไล่สุขสันต์ไป โดยไม่สนใจพวกเด็กๆ
“เด็กๆ” กริสน์เรียกแล้วหันไปเห็นกระเป๋ายาจีจ้า “เฮ้ย กระเป๋ายาของจีจ้า..แย่แล้ว..คุณเค้ก ฝากเด็กๆด้วย”
กริสน์และภัทรดนัยวิ่งตามไปทันที
สุขสันต์พาจีจ้าวิ่งหนีออกมา
“กระเป๋า..กระเป๋ายาของจีจ้าหล่น” จีจ้าบอก
จีจ้าพยายามจะกลับไปเอากระเป๋ายา แต่สุขสันต์ลากไว้ไม่ให้กลับ
แพรวพิลาศวิ่งเข้ามาดึงตัวสุขสันต์เอาไว้ “คุณจะหนีไปไหนไม่ได้..คุณต้องมอบตัว สารภาพความจริงกับตำรวจ ว่าคุณหลอกใช้แพรว หลอกใช้พ่อ..เข้าใจมั้ย”
“ผมไม่ได้หลอก ผมทำเพื่อให้เราได้อยู่ด้วยกัน เราจะแต่งงานกันไงแพรว” สุขสันต์กล่อม
“เลิกหลอกแพรวได้แล้ว ไอ้คนชั่ว นี่แน่ะๆ”แพรวพิลาศเข้ามาทุบตีสุขสันต์
“ปล่อย..ผมบอกให้ปล่อย!”
แพรวพิลาศอาละวาด เธอดึงทึ้งสุขสันต์ไม่หยุด ทันใดนั้น จตุพลกับน้อมพงษ์ก็วิ่งตามมาทัน ทั้งสองแล้วยิงมาแต่กระสุนเฉี่ยวไปทางอื่น
แพรวพิลาศได้ยินเสียงปืนก็ตกใจ สุขสันต์รีบวิ่งขึ้นรถไป แพรวพิลาศตัดสินใจขึ้นรถไปด้วย
จตุพลกับน้อมพงษ์วิ่งตามพร้อมกับยิงไล่หลังเป็นชุด สุขสันต์รีบขับรถหนีไปทันที
“หน็อย..แกคิดว่าจะหนีชั้นพ้นเหรอ!” จตุพลพูด
จตุพลกระโดดขึ้นมอเตอร์ไซค์แล้วขี่ตาม น้อมพงษ์กำลังจะขี่ไล่ตาม แต่มีรถตำรวจแล่นปราดมาขวางเอาไว้ น้อมพงษ์ผงะเบรคจนมอเตอร์ไซค์ล้มคว่ำ
“โน่น ไอ้สุขสันต์หนีไปโน่นแล้ว ไปจับมันดิวะ” น้อมพงษ์พูดพลางถอยหนี
พวกตำรวจวิ่งลงจากรถแล้วไล่ตามไป น้อมพงษ์กำลังจะหนีแต่ภัทรดนัยมาดักไว้ เขาล็อกน้อมพงษ์ได้ กริสน์วิ่งสวนมาโดยในมือถือกระเป๋ายาจีจ้ามาด้วย
“จีจ้า” กริสน์เรียก
“ตามมันไปเลยทางนี้ชั้นจัดการเอง” ภัทรดนัยบอก
กริสน์รีบมองหารถที่จะใช้ขับตาม เมื่อเห็นเขาก็วิ่งไปที่รถ
กริสน์วิ่งมาที่รถคันที่ใช้นั่งมาซึ่งจอดอยู่ อยู่ๆ ก็มีรถตำรวจแล่นมาจอด พิมมาดาก้าวลงจากรถตำรวจ “นายกริสน์”
“คุณพิม” กริสน์เรียกกลับ
ทั้งคู่วิ่งเข้ามาหากันแล้วทำท่าเหมือนจะกอดกัน แต่แล้วพิมมาดาก็ชะงัก ทั้งคู่อึกอักคล้ายจะกอดดีหรือไม่กอดดี แล้วอยู่ๆ เมทินีก็ตรงจะเข้ามากอดกริสน์
“คุณกริสน์..คิดถึงและเป็นห่วงที่สุดเลย”
กริสน์รีบเดินฉีกไปที่รถ ทำให้เมทินีกอดได้แต่ลม กริสน์พูดหนักแน่น “ผมจะไปตามจีจ้า”
“อะไรนะ” พิมมาดาตกใจ
เค้ก ภัทรดนัยกับพวกเด็กๆ วิ่งตามมา
“น้าพิม..จีจ้าถูกนายสุขสันต์จับตัวไป” โจ๊กบอก
“ผมจะไปช่วยเดี๋ยวนี้!” กริสน์พูด
“หยุด!! มันไม่ใช่เรื่องของแก มันเป็นหน้าที่ของตำรวจ” มาวินลงจากรถตำรวจแล้วแตะไหล่รั้งกริสน์ไว้
กริสน์ปัดมือมาวินออก แล้วชกมาวินจนร่วงไป “ชั้นนี่แหละตำรวจ!”
กริสน์หันไปพูดกับภัทรดนัย “ไอ้ภัทรดนัย ฝากเด็กๆด้วย”
กริสน์วิ่งไปขึ้นรถของตัวเองทันที พิมมาดาวิ่งตามแล้วขึ้นรถไปด้วย “ชั้นไปด้วย”
กริสน์รีบออกรถทันที
“คุณกริสน์..ระวังตัวเองด้วยนะคะ!” เมทินีตะโกนบอก
“หม่ามี้” ปาล์มเรียก
เมทินีหันมาเห็นก็ดีใจ “ลูกปาล์มของแม่”
เมทินีกระโดดเข้าไปกอดปาล์ม
“ป๊า..ป๊าๆๆ” โอปอล์เรียก
“โอปอล์ “อธิปดีใจ
โอปอล์กระโดดกอดอธิป
อธิปเห็นเดชขยับจะตามกริสน์ไปจึงร้องเรียก “ไอ้เดช..แกจะไปไหน..ชั้นไปด้วย”
“ผมจะไปช่วยไอ้กริสน์อีกแรง..เสี่ยอยู่ดูแลคุณหนูดีกว่าครับ” เดชบอก
“ไม่ค่ะ โอปอล์อยู่กับเพื่อนๆได้..ป๊ารีบไปช่วยน้ากริสน์ดีกว่าค่ะ..อย่าให้คนชั่วลอยนวลนะคะป๊า”
“ป๊าภูมิใจในตัวหนูมากโอปอล์” อธิปพูดอย่างภาคภูมิใจ
อธิปกับเดชรีบเดินออกไป
เค้กหันมาพูดกับมาวิน “แกจะยืนหมั่นไส้อีกนานมั้ย ไปตามจับพวกมันสิ ไป!”
กริสน์ขับรถไล่ตามอย่างร้อนใจเพราะทั้งเขาและพิมมาดาต่างก็เป็นห่วงจีจ้า พิมมาดากอดกระเป๋ายาของจีจ้าแน่น “จีจ้า อย่าเป็นอะไรนะ จีจ้า”
“คุณพิม..ถ้าจีจ้าเป็นอะไรไป ผมจะไม่ให้อภัยตัวเองเลย..ผมสัญญา”
“ไม่ต้องสัญญา ทำให้ได้ก็พอ”
กริสน์ขับรถอย่างรวดเร็วสุดชีวิต
สุขสันต์ขับรถหนีแบบสุดชีวิต ในขณะที่แพรวพิลาศยังโวยวาย และอาละวาดทุบตีไม่หยุด
“พ่ออุตส่าห์ไว้ใจ แล้วก็ช่วยเหลือคุณ ผลักดันจะให้คุณเป็นรัฐมนตรี..แต่คุณกลับทรยศหักหลังพวกเราได้ คุณมันเลว ไม่สำนึกบุญคุณ!”
“หยุดโวยวายซะที!” สุขสันต์สั่ง
สุขสันต์ผลักแพรวพิลาศจนหน้าหงาย หัวของแพรวพิลาศไปกระแทกกระจกข้างอย่างแรง
“โอ๊ย!” แพรวพิลาศแค้น “กล้าผลักชั้นเหรอ..ไอ้ชั่ว..ไอ้สารเลว!!!!..ชั้นจะให้พ่อเล่นงานแกให้ตายเลย จอดรถเดี๋ยวนี้..จอดๆๆ”
จีจ้าที่นั่งอยู่เบาะหลังเอื้อมมือมาเกาะแกะสุขสันต์ “จีจ้าหายใจไม่ออก..ยา..ต้องกลับไปเอายา”
“อยู่เฉยๆได้มั้ย” สุขสันต์ใช้มือผลักแพรวพิลาศและจีจ้าออกไป
จีจ้าถูกผลักจนล้มลงไปกระแทกกับเบาะ ทันใดนั้นเธอก็เริ่มทรุดและหายใจไม่ออก
“ถ้าไม่อยากตายก็นั่งเฉยๆทั้งคู่”
ทันใดนั้นก็มีเสียงยิงปืนดังขึ้น ก่อนที่จตุพลจะขี่มอเตอร์ไซค์ตามมาพร้อมกับยกปืนยิงเป็นระยะๆ สุขสันต์พยายามหลบกระสุนจึงขับรถเป๋ไปเป๋มา
“ว้าย ขับดีๆหน่อยสิ..ไม่งั้นก็จอดๆๆ” แพรวพิลาศกรีดร้อง
กริสน์กับพิมมาดาขับตามมาไกลๆ ทั้งคู่มองออกไปเห็นมอเตอร์ไซค์ของจตุพลกำลังไล่ยิงรถของสุขสันต์ ในขณะที่รถเก๋งของสุขสันต์ขับส่ายไปส่ายมา
“อย่ายิง..เดี๋ยวถูกจีจ้า” พิมมาดาตะโกนบอกแล้วก็หันมาพูดกับกริสน์ “ขับเร็วกว่านี้ได้มั้ย”
“เร็วแล้วๆๆ” กริสน์บอก
จตุพลยังคงยิงกระหน่ำ รถของสุขสันต์ก็ยังส่ายไปส่ายมา จีจ้าที่นั่งอยู่ในรถกลิ้งไปกลิ้งมาตามแรงเหวี่ยง ส่วนแพรวพิลาศเซมากระแทกสุขสันต์ทำให้รถเป๋ออกไปทันที
รถเก๋งของสุขสันต์เสียหลัก ตกลงข้างทางพุ่งไปกระแทกต้นไม้เสียงดังสนั่น
พิมมาดากับกริสน์ที่เห็นเหตุการณ์ถึงกับช็อก “จีจ้า!”
อ่านต่อหน้า 3 วันนี้ เวลา 12.00 น.
มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 15 อวสาน (ต่อ)
รถยนต์ของสุขสันต์ชนต้นไม้อย่างแรงจนจอดสนิท ควันลอยขึ้นโขมง แพรวพิลาศโดนกระแทกอย่างแรงศีรษะแตกแน่นิ่งไป ส่วนสุขสันต์ค่อยๆ ได้สติฟื้นคืน เขารีบส่องกระจกเพื่อดูหน้าตัวเองทันที
“เลือด..ไม่ๆๆ ดั้งจมูกชั้นต้องไม่เป็นอะไร..ฮึ่ย ชั้นต้องไปทำหน้าที่เกาหลีอีกแล้ว” สุขสันต์บ่นรีบกระเซอะกระเซิงลงจากรถไปเปิดประตูเพื่อดึงจีจ้าออกมา “ชั้นต้องไปเกาหลี ชั้นจะไม่ยอมติดคุก ไม่มีทาง”
สุขสันต์กำลังจะหนีไป แต่แล้วก็ต้องผงะเพราะจตุพลมาขวางอยู่
จตุพลถือปืนเข้ามาขวางพร้อมพูด “แกไม่ติดคุกหรอก”
“เอ่อ..แก..ปืน..ปืนอยู่ไหน” สุขสันต์มองหาแล้วเห็นว่าปืนตัวเองกระเด็นหล่นอยู่ในรถ “เอ่อ ไอ้จตุพล..อย่านะ..” สุขสันต์ลนลานแล้วหาทางเอาตัวรอด “แกเห็นนี่มั้ย เด็กหน้าใสผิวมีคอลลาเจน..แกจะยิงได้ลงคอเหรอวะ”
“แกมันน่าสมเพชจริงๆ..เอาเด็กมาบังหน้า..แกคิดว่าชั้นไม่กล้ายิงเหรอ” จตุพลตั้งท่าพร้อมยิง
สุขสันต์หน้าซีด “อย่า”
กริสน์กับพิมมาดาวิ่งเข้ามาพอดี
“อย่ายิง!!! เด็กไม่เกี่ยวอะไรด้วย อย่ายิง” กริสน์ตะโกนบอก
“จีจ้า..จีจ้าหมดสติไปแล้ว..เอาหลานชั้นมาเดี๋ยวนี้นะ” พิมมาดาสั่ง
“ไอ้กริสน์ จัดการมันสิเว้ย หรือแกอยากให้มันยิงหลานแกไส้ทะลัก..จัดการมัน แล้วชั้นจะคืนเด็กให้” สุขสันต์พยายามเอาตัวรอด
“อย่าขยับ!! ยังไม่ถึงคิวแก” จตุพลบอก
“จตุพล..ชั้นรู้ว่าแกแค้นมัน ชั้นก็แค้น เรามาร่วมมือกันดีกว่า เราสองคน รุมตื้บมันให้หน้ามันแหกไปเลย สนุกกว่าเยอะ เชื่อดิ” กริสน์ยุ
“เฮ้ย!! ไอ้กริสน์” สุขสันต์เริ่มกลัว
“อย่าทำจีจ้า!” พิมมาดาร้องบอก
“คนอย่างแกสมควรตายแล้วไอ้สุขสันต์” จตุพลพูด
“อย่า!” กริสน์ร้องลั่น
จังหวะนั้น พิมมาดาปาก้อนหินขนาดพอเหมาะไปโดนหัวจตุพลเต็มๆ จนจตุพลชะงักยกมือขึ้นกุมหัว กริสน์พุ่งเข้าไปผลักปืนในมือจตุพลขึ้นชี้ฟ้าทำให้กระสุนลั่นขึ้นฟ้าดังเปรี้ยง!
กริสน์กับจตุพลยื้อแย่งปืนกัน กริสน์เข่าใส่มือจตุพลจนปืนหล่นไปอีกด้าน แล้วกริสน์ก็เข้าปล้ำจตุพลเพื่อให้ออกห่างปืน สุขสันต์ฉวยโอกาสที่ทั้งสองตะลุมบอนกันอุ้มจีจ้าวิ่งหนีไป พิมมาดาเห็นก็รีบตามสุขสันต์ทันที
สุขสันต์อุ้มจีจ้าวิ่งหนีขึ้นมาบนสะพาน พิมมาดาวิ่งไล่ตามมาติดๆ “คุณสุขสันต์ เอาจีจ้ามา!”
พิมมาดาวิ่งเข้าไปถึงตัวแล้วก็พยายามจะแย่งจีจ้ามา
“ไหนคุณบอกว่ารักเด็กไง นี่คุณกำลังจะฆ่าจีจ้านะ..ปล่อยจีจ้า!” พิมมาดาดึงตัวจีจ้าแรงขึ้น “ปล่อย!”
“อย่ายุ่งได้มั้ย!” สุขสันต์ตะคอกแล้วสะบัด ก่อนจะผลักพิมมาดาออกไป
“มือก็สากยังจะมาจับแขนชั้นอยู่ได้” สุขสันต์พูดอย่างรำคาญ
“คุณสุขสันต์..ชั้นขอร้องล่ะ คืนจีจ้าให้ชั้นเถอะนะ..ที่ผ่านมาชั้นก็ดีกับคุณมาตลอด คุณสงสารชั้นเถอะนะ” พิมมาดาอ้อนวอน
“หยุดพูดมากซะที..ชั้นอดทนกับเธอมามากเกินพอแล้ว ยัยผู้หญิงผมแตกปลาย ผู้หญิงอะไรวะ ปล่อยให้ผมแห้งชี้ฟูต่อหน้าผู้ชาย ไม่รู้จักดูแลตัวเอง....เวลามองหน้าเธอแต่ละที ชั้นต้องฝืนใจแทบแย่ รู้บ้างหรือเปล่า ผู้หญิงอย่างนี้ใครจะไปรักเข้าไปลง”
“คุณสุขสันต์” พิมมาดาโมโห
“ไป๊ ไม่ต้องมายุ่งกับชั้น” สุขสันต์ทำท่าจะไป
พิมมาดาตะโกนสุดเสียง “เอาจีจ้ามา!”
-พิมมาดาตรงเข้าไปยื้อยุดจีจ้าเอาไว้ไม่ยอมให้ไปง่ายๆ
กริสน์ถูกจตุพลชกคว่ำไป “ไอ้สุขสันต์” จตุพลมองหา แต่ก็ไม่เจอ “หน็อย” จตุพลตามเข้าไปเตะกริสน์ซ้ำ “เพราะแก มันหนีไปแล้ว..แกอยากตายก่อนใช่มั้ย..ห๊า!!..ได้..ชั้นจะจัดแพ็คเกจให้”
จตุพลกำลังจะไปหยิบปืนที่หล่นอยู่ แต่อยู่ๆรถตำรวจมากมายก็แล่นเข้ามาจอดบริเวณนั้น พวกตำรวจรีบเปิดประตูพร้อมกับถือปืนเล็งไปที่จตุพลในลักษณะพร้อมยิง จตุพลถึงกับผงะ
เสียงประกาศของตำรวจดังขึ้น “นายจตุพล..ยกมือขึ้น ยอมมอบตัวซะ”
“พวกแก..” จตุพลโมโห
ตำรวจนายหนึ่งกระซิบกับลูกน้อง “ถ้ามันหยิบปืน..เหนี่ยวเลย”
พวกตำรวจกำลังรอคำสั่งยิง อยู่ๆ อธิปกับเดชก็ลงมาจากรถตำรวจ ทั้งสองเข้ามาคว้าปืนจากมือตำรวจคนนึง แล้วเดินตรงเข้าไปหาจตุพลทันที
“ไอ้จตุพล!” อธิปเดินตรงเข้าไปหาจตุพล
เดชรีบเข้าไปห้ามพวกตำรวจ “อย่ายิงๆๆ เสี่ยอธิปใจนักเลงพอ ไม่ยิงคนมือเปล่าหรอก ใจเย็นๆก่อน เชื่อผม”
พวกตำรวจมีท่าทางอึกอักเหมือนดูเชิงว่าอธิปจะทำอะไร
“อากู๋.” จตุพลเรียก
“อย่างแกมันต้องเจอกับชั้น” อธิปบอก
“พิมมาดา.” กริสน์พยายามมองหา แต่ก็ไม่เจอ
“กริสน์..ตามไปช่วยคุณพิมไป..ทางนี้ชั้นจัดการเอง” อธิปบอก แล้วกริสน์ก็รีบวิ่งแยกออกไป อธิปหันมาสั่งจตุพลทันที “หยิบปืนขึ้นมา..แล้วแกกับชั้น มาดวลกันให้มันแบบตะวันเดือด”
จตุพลได้ยินก็มีท่าทีกระหยิ่มขึ้นมา “หึๆๆ ได้....ผมเป็นหมาก”
“ชั้นเป็นโป๊ป” อธิปยิ้ม
จตุพลหยิบปืนขึ้นมาแล้วเผชิญหน้ากับอธิป เหมือนหนังคาวบอยกำลังจะดวลปืนกัน
พิมมาดายังพยายามยื้อสุขสันต์เอาไว้ สุขสันต์ผลักพิมมาดาอย่างแรงจนพิมมาดาล้มหัวไปฟาดกับขอบสะพาน เลือดไหลอาบ พิมมาดาอึ้งที่เห็นว่าเลือดตัวเองไหล
“ไม่ต้องมาจ้อง หัวแตกแค่นี้ทำงง เวลาชั้นดึงหน้า เจ็บกว่าอีก” สุขสันต์บอก
กริสน์วิ่งเข้ามาพอดี “คุณพิม!!..แก..ไอ้สุขสันต์!” กริสน์แค้น “ถ้าจีจ้าเป็นอะไรไป ชั้นฆ่าแกแน่!”
“หึๆๆๆ ไอ้กริสน์..แกพูดยังกับว่าไอ้เด็กแสบเนี่ยเป็นลูกสาวแกเลยวะ ไม่ยักรู้ว่าแกรักเด็กด้วย..โห้ว งั้นแกก็คงจะรักยัยผมแตกปลายชี้ฟูกระด้างด้วยสินะ..เหมาะสมกันดี แม่หัวกาบมะพร้าว กะพ่อหน้ากร้านแดด”
“จับเด็กเป็นตัวกันชน แกไปหากระโปรงมานุ่งได้แล้ว” กริสน์ว่า
“ไอ้กริสน์” สุขสันต์โมโหจึงจับจีจ้าขึ้นมาแล้วเลื่อนมือมาที่คอจีจ้าทันที “คิดว่าชั้นโง่เหรอ..กะให้ชั้นปล่อยเด็กชั้นแล้วสู้กับแกเหรอ แล้วไง ต่อให้ชนะ พวกตำรวจก็มาซิวชั้นอยู่ดี”
“แล้วแกต้องการอะไร”กริสน์ถาม
“ชั้นต้องการลี้ภัยไปต่างประเทศ ตำรวจต้องไม่ออกหมายจับ ไม่มีการส่งผู้ร้ายข้ามแดน...อะไรก็ได้แต่ไม่เข้าคุก!”
“เรื่องนี้ ชั้นตอบไม่ได้ ชั้นไม่มีอำนาจตัดสินใจ” กริสน์บอก
“แกทำไม่ได้เหรอ!” สุขสันต์บีบคอจีจ้าพร้อมยื่นตัวจีจ้าออกไปนอกสะพาน “งั้นไอ้เด็กนี่ก็คงไม่รอด!”
“จีจ้า!” พิมมาดาตกใจ “อย่านะคุณสุขสันต์..ชั้นไหว้ล่ะ อย่าทำจีจ้าเลย”
“ไอ้กริสน์..เพราะแกคนเดียว..ถ้าแกไม่แทรกซึมเข้ามาสืบเรื่องของชั้น ป่านนี้ชั้นก็ได้เป็นรัฐมนตรีไปแล้ว.. แกทำให้ชีวิตชั้นพังพินาศ แกต้องชดใช้!!..เอาชีวิตของแกมาแลกกับเด็กคนนี้”
กริสน์ได้ยินถึงกับอึ้ง สุขสันต์ถามต่อ
“แกจะโดด หรือจะให้เด็กคนนี้โดดแทน ก็เลือกมา”
พิมมาดายืนอึ้ง
“ถ้าชั้นโดด แกจะปล่อยจีจ้าแน่ใช่มั้ย” กริสน์ถามย้ำ
“หนึ่ง..สอง..” สุขสันต์เริ่มนับ
“ได้ ชั้นจะโดด!” กริสน์บอก
กริสน์ตัดสินใจแน่วแน่ เขาปีนขึ้นไปบนขอบสะพาน ลมตีหน้ากริสน์ทำให้ตัวเขาโคลงเคลง
“นายกริสน์” พิมมาดาเริ่มทำอะไรไม่ถูก
กริสน์ยืนอย่างหวาดเสียว
“แกจะโดดลงไปเอง หรือจะให้ชั้นช่วยถีบ” สุขสันต์ถาม
“คุณพิม..ฝากดูแลเด็กๆด้วย” กริสน์พูดแล้วหันมาหาสุขสันต์ “ชั้นหวังว่าแกจะไม่ผิดคำพูด” แต่แล้ว กริสน์ก็ต้องชะงัก เพราะเขามองเห็นแพรวพิลาศถือปืนเดินเข้ามาทางด้านหลังสุขสันต์ กริสน์ตะโกนลั่น “อย่า!”
แพรวพิลาศไม่ฟังเสียงเพราะแค้นอย่างสุดขีด เธอลั่นไกยิงสุขสันต์จากด้านหลังทันที
“โอ๊ย!” สุขสันต์ร้องลั่น
กระสุนเข้าที่หัวไหล่ของสุขสันต์จนสุขสันต์ล้มลงไป จีจ้าหลุดมือตกไปกับพื้นสะพาน
“จีจ้า!” กริสน์ร้องลั่น ทันใดนั้นเขาก็เสียหลัก เท้าไถลเหมือนจะร่วงหรือไม่ร่วงแหล่ กริสน์พยายามทำมือกวักอากาศ
“นายกริสน์!” พิมมาดาร้องเสียงหลง เธอวิ่งจะเข้าไปจับ แต่กริสน์ก็ร่วงลงไปเสียก่อน
อธิปและจตุพลยืนเผชิญหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างทิ้งแขนไว้ข้างลำตัวและถือปืนไว้ในมือ ทั้งสองจ้องตากันเขม็งและรอจังหวะ
เดชมองอย่างลุ้นๆ เผลอเอามือตำรวจใกล้ตัวมากุมแล้วจิกแน่น อธิปกับจตุพลจ้องตากันแทบไม่หายใจ
ทันใดนั้นก็มีเสียงฝูงนกบินแตกฮือ จตุพลไวกว่าอธิป เขายกปืนขึ้นมาควงแล้วยิงปังๆ ทันที อธิปถูกยิงเข้าที่อกและเซไปตามแรงกระสุน แต่เท้าของเขายันไว้แบบไม่ยอมล้มพร้อมกับยิงสวนออกไป ทั้งคู่ยิงกันจนหมดแม็ก
จตุพลถูกยิงเข้าที่ขาทั้งสองข้าง เขาร้องลั่นและล้มไม่เป็นท่าทำให้ปืนกระเด็นหล่นไป
อธิปตรงเข้ามาเอาปืนจ่อจตุพล “แกตายแล้ว”
“ที่เค้าลือกันว่า อากู๋ฟันแทงไม่เข้า เป็นเรื่องจริงเหรอเนี่ย” จตุพลพูดเสียงซึมๆ
“หึๆๆ” อธิปเปิดให้ดูเสื้อเกราะที่อยู่ข้างใน “ของขลังของตำรวจเค้า ทุกอย่างมันอยู่ที่สมองและความศรัทธา หึๆๆ..ถึงเวลาที่แกต้องไปรับกรรมของแกแล้ว..คนที่อกตัญญูกับผู้มีพระคุณ ก็ต้องมีจุดจบอย่างนี้”
เดชดีใจรีบวิ่งเข้ากอดอธิป “โป๊ปชนะแล้ว ญาญ่าปลื๊มปลื้ม” เดชหันไปสั่งตำรวจ “เอ้า ไปจับมันสิ ไปๆๆ ชักช้าเดี๋ยวสั่งย้ายให้หมดเลย”
“แล้วไอ้กริสน์ล่ะ!” อธิปถาม
พิมมาดาวิ่งมาที่ขอบสะพาน “นายกริสน์”
พิมมาดาก้มลงไปมองเห็นกริสน์กำลังเกาะขอบสะพานเอาไว้
“ผม..ไม่เป็นไร..ยังไหว”
กริสน์กำลังจะร่วง แต่พิมมาดาคว้ามือพยายามดึงกริสน์ขึ้นมา ส่วนแพรวพิลาศถือปืนจ่อสุขสันต์อยู่
กริสน์ปีนเกาะขอบสะพานขึ้นมาได้ พอเห็นแพรวพิลาศก็รีบตะโกนห้าม “คุณแพรว..อย่ายิง!” กริสน์พูดกับพิมมาดา “พิม คุณไปดูจีจ้าก่อน”
แพรวพิลาศอยู่ลักษณะเหมือนคนสติแตก ทั้งเสียใจและแค้นปนกัน
“ไอ้คนเลว..ใจคอแกจะทำลายชั้นกะพ่อให้เละไปกะแกด้วย ใช่ไหม”
“แพรว ที่ผมทำ..ก็เพื่อเราสองคนนะ ผมอยากให้คุณมีความสุข” สุขสันต์อ้าง
“หยุดพล่ามได้แล้ว!!!!! แกมันเป็นผู้ชายที่สะตรอเบอร์รี่ที่สุดในโลก..ทำไม..ทำไมต้องทำกับชั้นอย่างนี้ ชั้นทำผิดอะไร” แพรวพิลาศพูดอยู่ดีๆ ก็เผลอทำปืนลั่น
สุขสันต์หดขาทันทำให้กระสุนเฉี่ยวไปอย่างหวุดหวิด สุขสันต์ถึงกับหน้าซีดเพราะกลัวตาย
“ชั้นบินไปเกาหลีทุกเดือนๆ ซื้อครีมหน้าเด้งมาโบ๊ะให้แก..พาแกไปเหลากราม ตัดไขมันส่วนเกิน ทำโบท็อกซ์ ฉีดคอลลาเจนเข้าหน้า..จนแกหน้าตึงใสเปรี๊ยะ แล้วแกทำกับชั้นยังงี้ได้ยังไง!! ไอ้เลว!!” แพรวพิลาศด่าเป็นชุด
กริสน์รีบเข้าไปปราม “คุณแพรว”
แพรวพิลาศตวาด “อย่าเข้ามา!!! ชั้นจะฆ่ามัน ถ้าหน้าใสแล้วเลวยังงี้ ก็อย่าอยู่เลย!”
“ถ้าคุณยิงนายสุขสันต์ตาย คุณจะมีความผิดนะคุณแพรว....สู้ปล่อยให้ตำรวจจัดการดีกว่า..นายสุขสันต์จะได้ให้การตามความเป็นจริง ว่าเค้าหลอกใช้คุณกับพ่อ ..คุณกับพ่อจะพ้นข้อกล่าวหา..พรรคก็จะได้พ้นมลทิน เชื่อผมนะคุณแพรว อย่าให้อารมณ์โกรธชั่ววูบ ทำทุกอย่างพังเลย”
แพรวพิลาศร้องไห้และตัวสั่น กริสน์ค่อยๆเข้าไปใกล้จนปลดปืนออกจากมือแพรวพิลาศได้
พิมมาดาพยายามปลุกจีจ้าแต่หลานสาวยังไม่ฟื้น
พิมมาดาตะโกนบอกกริสน์ “กริสน์..ช่วยด้วย..จีจ้า..จีจ้าไม่หายใจ!”
หน้าห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล หมอ และเหล่าพยาบาลกำลังช่วยกันเข็นเตียงจีจ้าเข้าไปในห้องอย่างเร่งด่วน กริสน์กับพิมมาดาวิ่งตามมา พิมมาดาเข่าอ่อนถึงกับนั่งทรุดตัวอยู่กับพื้นหน้าห้อง น้ำตาของเธอไหลออกมา ท่าทางของเธอซึมเศร้าคล้ายคนจิตตก
“คุณพิม..” กริสน์พยายามเรียก
“จีจ้า. พิมมาดาเริ่มมีหวัง “จีจ้าจะ.ปลอดภัยใช่มั้ย”
กริสน์ลงไปนั่งข้างๆ “คุณพิม..คุณอย่าเพิ่งคิดอะไรไปเองเลยนะ ทำใจสบายๆ..จีจ้าจะต้องปลอดภัย เชื่อผมสิ
“ชั้นรับปากพี่พลอยเอาไว้ว่าจะดูแลหลานๆให้ดี แต่ชั้นก็ทำไม่ได้”
“คุณพิม..คุณทำทุกอย่างดีที่สุดแล้ว อย่าโทษตัวเองเลย” กริสน์ปลอบใจ
“ถ้าชั้นเชื่อที่พวกเด็กๆพยายามจะบอกแต่แรกว่าคุณสุขสันต์เป็นคนไม่ดี ทุกอย่างก็คงไม่เป็นอย่างนี้ แต่เพราะชั้นดื้อด้านเอง เพราะชั้นอยากมีคนดูแล แล้ว..แล้วเค้าก็ดูสมบูรณ์แบบมาก..ทั้งหมดมันเป็นเพราะชั้น..ชั้นมันแย่ที่สุด”
“พอเถอะ..ถ้าจะมีใครผิด ก็ต้องเป็นผม ที่เลือกคุณเป็นนกต่อในการสืบคดี..ไม่เกี่ยวกับคุณ”
ทันใดนั้น เค้ก เต๋า และเต้ยก็วิ่งนำแจ๊สกับโจ๊กเข้ามา แจ๊สกับโจ๊กมองเห็นก็ตะโกนเรียก “น้าพิม!”
แจ๊สกับโจ๊กวิ่งเข้ามากอดพิมมาดา แล้วทั้งหมดก็ร้องไห้ด้วยกัน
“น้าพิม จีจ้าจะเป็นอะไรมั้ย” โจ๊กถาม
“จีจ้าจะปลอดภัยใช่มั้ย จะไม่เป็นเหมือนพ่อกับแม่..ใช่มั้ยน้าพิม น้ากริสน์ แจ๊สไม่ยอมให้จีจ้าเป็นอะไรนะ”
พิมมาดากับกริสน์ไม่มีคำตอบให้ ทั้งคู่กอดเด็กๆเอาไว้ ขณะที่เค้ก เต๋า และเต้ยได้แต่ยืนมองแล้วรู้สึกสะเทือนใจไปด้วย
จีจ้านอนนิ่งอยู่บนเตียงในห้องพัก มีสายเครื่องช่วยหายใจต่อระโยงระยาง โดยที่จีจ้ายังไม่พ้นขีดอันตราย แพทย์ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด
เค้ก เต๋า และเต้ยยืนฟังอยู่ ส่วนพิมมาดายืนโอบแจ๊สกับโจ๊กเอาไว้ โดยมีกริสน์ยืนอยู่ข้างๆ
“น้องยังไม่สามารถหายใจด้วยตัวเองได้” หมอรายงาน “ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ไปจนกว่า..จะหายใจเองได้” พิมมาดาหน้าซีด กริสน์เอื้อมมือมากุมมือพิมมาดาไว้อย่างให้กำลังใจ
“แล้ว..ถ้าน้องจีจ้าหายใจเองไม่ได้..ก็หมายความว่า..ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจไปตลอด” เค้กสรุป
“ไปตลอด..ทั้งๆที่..ยังไม่ฟื้น?” เต๋าย้ำ
“งั้นถ้าไม่ใช้เครื่อง น้องจีจ้าก็หายใจเองไมได้” เต้ยเสริม
“หมอก็หวังว่าจะใช้เครื่องนี้แค่แป๊บเดียวเหมือนกันครับ” หมอบอก
แล้วหมอกับพยาบาลก็เดินออกไป
โจ๊กกับแจ๊สรีบเข้าไปเกาะขอบเตียงจีจ้า
“จีจ้า..ตื่นสิ ตื่นมาเล่นกัน ได้ยินมั้ยจีจ้าๆๆ” แจ๊สเรียก
“จีจ้า พี่สัญญาจะไม่แกล้งแล้ว ตื่นนะๆๆ” โจ๊กร้องไห้
พิมมาดามองอย่างเศร้าเสียใจ เธอเอนไปซบกริสน์เอาไว้ ทั้งคู่กุมมือกันแน่น และต่างมีความรู้สึกไม่ต่างกัน
เวลาผ่านไป จีจ้ายังคงนอนนิ่งอยู่เช่นเดิม
พิมมาดานั่งน้ำตารื้นอยู่ข้างเตียง เธอจับมือจีจ้าไว้ตลอด กริสน์นั่งเป็นห่วงจีจ้าอยู่อีกด้านนึง ส่วนแจ๊สกับโจ๊กนั่งๆนอนๆอยู่บนโซฟาใกล้ๆ
สักพัก พยาบาลก็เปิดประตูเข้ามา เพื่อจะเช็ดตัวให้จีจ้า
“หนูทำเองค่ะ..ขอบคุณค่ะ” แจ๊สบอกแล้วยื่นมือไปรับกะละมังมาเตรียมเช็ดตัวให้จีจ้า
“น้าพิมไม่ต้องห่วงค่ะ แจ๊สเช็ดตัวให้น้องได้” แจ๊สหยิบผ้า แล้วบิดน้ำหมาดๆ ก่อนจะก้มลงไปกระซิบข้างหูน้องสาว “จีจ้า.สู้ๆนะ พี่รู้ว่าเธอเก่ง เธอต้องทำให้ได้”
“พูดอะไรแจ๊ส” พิมมาดาถาม
“แจ๊สรู้ว่าตอนนี้พวกวิญญาณร้ายพยายามจะจับตัวจีจ้าเอาไว้ แล้วจีจ้าก็กำลังต่อสู้เพื่อให้ได้กลับมาอยู่” แจ๊สเช็ดตัวให้น้อง “จีจ้าต้องทำให้สำเร็จนะ”
“พวกเราทุกคนเป็นกำลังใจให้..กลับมาให้ได้นะ แล้วพี่โจ๊กจะซื้อขนมโตเกียวไส้ครีมหน้าโรงเรียนเลี้ยง”
“แจ๊ส..โจ๊ก..พอเถอะ” พิมมาดาปรามหลาน
“น้าพิม..จีจ้าต้องการกำลังใจจากพวกเรานะคะ..นะคะ” แจ๊สขอ
“นะครับๆ” โจ๊กร่วมด้วย
กริสน์เข้ามาจับบ่าปลอบใจพิมมาดาแล้วพูด “สู้ๆนะจีจ้า”
“สู้ๆนะ” พิมมาดาร่วมด้วย
“เห็นมั้ยจีจ้า..พวกเราทุกคนเป็นกำลังใจให้เธอนะ..เธอต้องกลับมาให้ได้นะ เข้าใจมั้ย” โจ๊กบอก“น้าพิม..เล่านิทานให้จีจ้าฟังสิ..จีจ้าชอบฟังนิทาน ถ้าจีจ้าได้ฟัง จีจ้าจะได้มีแรงฮึดอยากกลับมาไง..นะๆๆ” แจ๊สขอร้อง
“เรื่องอะไรก็ได้..ลูกหมูสามตัวก็ได้ นะครับๆๆ”
กริสน์พยักหน้าให้พิมมาดาเล่าไป
“กาล..กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว..มีแม่หมูกับลูกหมูพี่น้องสามตัว”
“ไม่เอาๆๆ” แจ๊สรีบเบรก “น้าพิมอย่าทำเสียงเศร้าสิคะ มีความสุขหน่อยสิคะ นะคะๆ”
“น้าจะมีความสุขได้ยังไง” พิมมาดาลุกหนีแล้วร้องไห้โฮ
กริสน์รีบแก้สถานการณ์ “มาๆ น้าเล่าเองๆ.. กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว” กริสน์ใช้เสียงร่าเริง สนุกสนาน “มีแม่หมู” กริสน์ชี้ไปที่พิมมาดา “กับลูกหมูพี่น้องสามตัว มีหมูแจ๊ส หมูโจ๊ก และ..หมูจีจ้า!!
แจ๊สกับโจ๊กหัวเราะสนุกไปกับเรื่องราว ส่วนพิมมาดาได้แต่มองทั้งๆ ที่น้ำตาไหล
“ลูกหมูแจ๊ส..เป็นหมูขี้เกียจมาก เวลาทำงาน ชอบไปหาที่แอบหลับอยู่ตลอดเวลา” โจ๊กหัวเราะแจ๊ส “ส่วนลูกหมูโจ๊ก..เป็นหมูที่ตะกละที่สุด ไม่ชอบทำงาน ชอบอู้หาเรื่องพักกินขนมเสมอๆ” แจ๊สหัวเราะโจ๊กคืน “ส่วนลูกหมูจีจ้าตัวเล็ก เป็นหมูที่ขยันขันแข็ง ชอบทำงาน เป็นอย่างมาก”
“และไม่ชอบการนอน เกลียดการนอนที่สุดด้วย” แจ๊สเสริม
โจ๊กเข้าไปกระซิบจีจ้า “เข้าใจมั้ยว่าเธอไม่ชอบนอน”
กริสน์น้ำตาไหล แต่ฝืนยิ้ม เล่าต่อไปด้วยเสียงร่าเริง “วันนึง แม่หมูได้บอกกับลูกๆทั้งสามว่า..พวกเธอโตขึ้นมากแล้ว ถึงเวลาจะต้องไปสร้างบ้านอยู่ด้วยตัวเองแล้ว”
กริสน์กับแจ๊สและโจ๊กยังช่วยกันเล่านิทานต่อไป พิมมาดาฟังไปก็น้ำตาไหลไม่หยุด
กริสน์เดินหนีออกมาด้านนอกห้อง เขาพยายามเงยหน้าเพื่อไม่ให้น้ำตาไหล จากนั้นก็พยายามสะบัดตัว สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อตั้งสติและระงับอารมณ์ฟูมฟายของตัวเอง
แต่เขาก็ระงับไม่ไหว “จีจ้า..เธออย่าไปไหนนะ..กลับมา..กลับมาอยู่กับน้านะจีจ้า”
แจ๊สกับโจ๊กเดินตามมากอดกริสน์จากด้านหลัง ทุกคนต่างปลอบซึ่งกันและกัน กริสน์เงยหน้ามา เห็นพิมมาดายืนอยู่ พิมมาดามองกริสน์ที่กำลังหมดสภาพแล้วเธอก็เดินเข้ามากอดด้วยอีกคน
เช้าวันใหม่ อากาศแจ่มใส พิมมาดานอนฟุบหลับอยู่ข้างเตียง โดยยังคงกุมมือจีจ้าเอาไว้ ส่วนแจ๊สกับโจ๊กนอนขดและเบียดอยู่ด้วยกันบนเตียงกับจีจ้า
กริสน์นั่งกึ่งนอนอยู่ที่โซฟา เขามองจีจ้าไม่วางตา แล้วกริสน์ก็ลุกขึ้นไปขยับผ้าห่มให้พวกเด็กๆและพิมมาดา เขามองที่ใบหน้าจีจ้าแล้วพูดกึ่งกระซิบ
“เราขี้เกียจสันหลังยาวมากไปแล้วนะ..ตื่นเถอะ..เดี๋ยวให้ห้าบาท”
จีจ้ายังนิ่งสนิท ไม่ไหวติง
กริสน์ถอนหายใจแล้วหันกลับไป อยู่ๆ คิ้วซ้ายของจีจ้าก็กระตุก กริสน์ชะงักรีบหันกลับมามอง เขาเข้าไปจ้องใกล้ๆ เพื่อรอดูชัดๆ แต่จีจ้าก็นิ่ง
“หรือเราจะตาฝาด เฮ้อ.” กริสน์พึมพำ
กริสน์ถอดใจกำลังจะหันกลับไปอีก แต่คราวนี้จีจ้ายักคิ้วขวา กริสน์ชะงัก รีบหันมาจ้องหน้าจีจ้าอีกรอบเพราะเริ่มมั่นใจว่าเห็นแน่
“เมื่อกี้ยักคิ้วใช่มั้ย..น้าเห็น..ใช่มั้ยจีจ้า..ยักอีกสิ..ยักอีกนะๆ”
พิมมาดารู้สึกตัวตื่นขึ้นมา “มีอะไร”
“เอ่อ คือ..เมื่อกี้ผมเห็น..จีจ้า ยักคิ้วได้”
“ยักคิ้ว?” พิมมาดาแปลกใจ
“จริงๆนะ จีจ้ายักคิ้ว..ยังงี้ๆ..เหมือนจีจ้าจะล้อเลียนกวนโอ๊ยผม”
โจ๊กลุกขึ้นมาจ้องหน้าจีจ้า “ไม่เห็นมีอะไรเลยครับ น้ากริสน์มั่วแล้ว”
“นายไม่ได้นอนทั้งคืนใช่มั้ย..ไปนอนไป เดี๋ยวชั้นเฝ้าต่อเอง” พิมมาดาบอก
“ผมพูดจริงๆนะ..เชื่อกันบ้างสิ ผมจะเรียกหมอมาดู” กริสน์กดปุ่มเรียกหมอ “ผมมั่นใจว่าผมตาไม่ฝาด”
“น้ากริสน์..โจ๊กเชื่อแล้ว”
“แจ๊สก็เชื่อด้วย”
“พวกเธอเป็นเด็กเป็นเล็ก ถ้าไม่เชื่อก็ไม่ต้องมาพูดประชดประชันกันเลย” กริสน์น้อยใจ
“เชื่อจริงๆ” แจ๊สกับโจ๊กยกมือข้างที่ถูกจีจ้าจับเอาไว้ขึ้นโชว์
ทุกคนตะลึงที่เห็นจีจ้าจับมือแจ๊สกับโจ๊กได้ จึงรีบเข้าไปหาจีจ้า
“จีจ้า!!!!! จีจ้าๆๆ ได้ยินน้ามั้ย จีจ้า” พิมมาดาเรียกอย่างดีใจ
ทุกคนรุมเรียกจีจ้า จีจ้าค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ แล้วจึงขยับปากจะพูด
“จีจ้า..จีจ้า เล่นจริง เจ็บจริง ไม่สลิง ไม่สตั๊นท์มาแว้ว”
ทุกคนร้องไชโย หมอกับพยาบาลรีบวิ่งเข้ามาดูอาการทันที
กริสน์กับพิมมาดากอดกันกลม แจ๊สกับโจ๊กเข้าไปกอดด้วย ทั้งหมดดีใจมองจีจ้าด้วยความปิติยินดี
อ่านต่อหน้า 4 วันนี้ เวลา 18.00 น.
มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 15 อวสาน (ต่อ)
เสียงเป่านกหวีดดังขึ้นมาจากภายในบ้านพิมมาดายามเช้าตรู่ เสมือนว่าบ้านพิมมาดาได้กลับมาอยู่ในภาวะปกติแล้ว กริสน์กำลังปลุกเด็กๆ ให้ตื่นตรงตามเวลาด้วยการเป่านกหวีดเสียงดังสนั่น
“ได้เวลาไปเรียนแล้ว ตื่น!”
ป๊อบคอร์นวิ่งลงมาก่อนใครเพื่อน มันลงมานั่งคอยทุกคนที่หน้าบันไดพร้อมกับเห่าโฮ่ง โฮ่ง
“ชั้นไม่ได้เรียกแกป๊อบคอร์น ชั้นเรียกพวกเด็กๆ” กริสน์บอก
เด็กๆ เดินลงมาจากชั้นบน ทั้งหมดแต่งตัวชุดนักเรียนถือกระเป๋าพร้อมแล้วมองมองกริสน์ด้วยสายตาเยาะๆ
“เราพร้อมตั้งนานแล้วนะครับน้ากริสน์ อิๆ” โจ๊กขำ
“อึ้งอ่ะดิ๊..คริๆ” จีจ้าหัวเราะเยาะ
พิมมาดาเดินตามมาก็เผลอยิ้มไปด้วย
กริสน์เขินๆ แต่ฟอร์มทำหน้าดุใส่ ก่อนจะเป่านกหวีดไล่ “พร้อมแล้วจะมายืนรออะไร ไปกินข้าวๆ”
“ค้าบผม!” โจ๊กขานรับ
“ค่ะหนู!” แจ๊สกับจีจ้าขานรับด้วย
เด็กๆ รีบวิ่งไป กริสน์กับพิมมาดาหันมายิ้มให้กัน
เวลาต่อมา อธิปยืนกล่าวสุนทรพจน์ต่อหน้านักข่าวและแขกที่มาร่วมงานเปิดร้านสวีทโอปอล์เอ็กซ์ตร้า
“ผมยอมรับว่า..ที่ผ่านมา..ขนมสวีทโอปอ ชื่อนี้อาจจะทำให้หลายๆคนสยองขนหัวลุก และไม่คิดข้องเกี่ยวด้วยอีก..แต่ผมอยากจะขอโอกาสตรงนี้ว่า..เรื่องราวความผิดพลาดในอดีต เราทุกคนมีกันทั้งนั้น..สำหรับบางคน..เรื่องนั้นอาจจะเลวร้าย จนเรายากจะลืมเลือน”
พิมมาดาเดินถือเหยือกน้ำตั้งใจจะไปที่โต๊ะอาหาร แต่เธอเห็นรูปพี่สาวกับสามีเสียก่อนเลยหยุดมอง
“แต่..ถ้าเรามีความตั้งใจจริง ที่จะแก้ไขข้อผิดพลาด” อธิปกล่าวต่อ “ทำเรื่องที่เคยเป็นฝันร้ายตอนเราหลับ ให้กลายเป็นฝันดีตอนที่เราตื่น..มันอาจจะไม่ง่าย แต่มันก็ไม่ยากเกินกว่าที่เราจะทำได้”
พิมมาดายิ้มกับรูปพี่สาวกับสามี เสียงของอธิปยังดังก้อง
“อย่าดูถูกตัวเอง อย่าคิดว่าคุณทำไม่ได้ เพราะอะไรรู้มั้ยครับ..เพราะคุณไม่ได้อยู่คนเดียว”
กริสน์เดินเข้ามาที่ด้านหลังพิมมาดา
“พิมเค้าเลี้ยงหลานๆได้ดีถูกใจมั้ยล่ะครับพี่พลอย” กริสน์พูด
“เป็นใครจากไหน มาเรียกพี่ชั้นซะสนิทสนม” พิมมาดาแหย่
“นั่นสินะ..อืมมม แล้ว..คุณว่า..คุณจะให้ผมอยู่ในฐานะอะไรดีล่ะ”
พิมมาดาเขินจึงเดินถือเหยือกน้ำเลี่ยงไปเติมให้เด็กๆ เด็กๆ หัวเราะกันคิกคักๆ โดยมีเต๋ากับเต้ยช่วยกันดูแลอาหารให้เด็กๆอยู่
“เบาๆค่ะ เดี๋ยวไก่ตื่น” เต้ยแอบพูดกับกรินส์
ส่วนทางด้านของอธิปก็ยังคงพูดต่อ “เช่นเดียวกับขนมสวีทโอปอล์เอ็กซ์ตร้า..ที่วันนี้..ไม่ได้อยู่คนเดียว แต่มีคนพิเศษที่เข้ามาช่วยทำให้ขนมสวีทโอปอล์เอ็กซ์ตร้า จะเป็นขนมในฝันของเด็กๆทุกคน..ขอเชิญคนพิเศษของผมด้วยครับ”
เดชเผยอคอขึ้นมาเพราะคิดว่าเจ้านายหมายถึงตน แต่กลับกลายเป็นว่าเมทินีคือคนที่เดินสง่าขึ้นมายืนเคียงข้างอธิปพร้อมกับโบกมือให้นักข่าว
“นียินดีมากที่ได้มาเป็นหุ้นส่วน..ซึ่งจะว่าไปแล้ว การเป็นหุ้นส่วน มันก็คล้ายๆกับการเป็นครอบครัวเดียวกัน ชิมิคะ..นีฝากขนมสวีทโอปอล์เอ็กซ์ตร้า เอาไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ”
เมทินียิ้มหวานให้อธิปอย่างมีเลศนัย ส่วนปาล์มก็ยักคิ้วให้โอปอล์
“เราจะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะโอปอล์คนสวย”
สามพี่น้องกำลังกินมักกะโรนีกุ้งกันอย่างเอร็ดอร่อยและมีความสุข โดยที่พิมมาดากับกริสน์ช่วยดูแลประหนึ่งพ่อกับแม่ของเด็กๆ ทั้งสาม เต๋ากับเต้ยยืนมองอยู่ที่มุมหนึ่ง
“เฮ้อ ชั้นจะมีโอกาส มีชีวิตที่ถูกเติมเต็ม อย่างคุณพิมบ้างมั้ยอ่า” เต้ยบ่น
“สงสัยพวกเราจะต้องเติมกันเองแล้วล่ะแก ฮือๆ” เต๋าคร่ำครวญ
“แก มาดูนี่ๆ” เต้ยเรียกทุกคนมาดูทีวีที่กำลังนำเสนอข่าวตำรวจกำลังนำตัวสุขสันต์เข้าเรือนจำ โดยมีกลุ่มนักข่าวมากมายรุมถ่ายและพยายามสัมภาษณ์
“อย่าถ่ายหน้า..ไม่ให้ถ่าย..เข้าใจมั้ย..ใครถ่ายผมฟ้องแน่” สุขสันต์โวยวาย
ตำรวจดันตัวสุขสันต์ให้เดินเข้าไป มาวินเดินเข้ามาหน้ากล้องแทน
“ผมขอพูดสั้นๆนะครับ คดีนี้ไม่มีผม ไม่มีทางปิดได้ ถ้าไม่มีผม ใครจะจัดการคุณสุขสันต์ได้ ไม่มีอีกแล้ว หึๆ”
“ขี้โม้จนวันสุดท้ายเลยหมอนี่” เต๋าที่ดูอยู่ตำหนิ
อยู่ๆ สุขสันต์ก็โผล่หน้าพรวดมาที่กล้องพร้อมกับตะโกนว่า “ผมต้องการเดย์แอนด์ไนท์ครีม!!!!”
ทุกคนที่อยู่ในบ้านพิมมาดาต่างพากันขำ
“เด็กๆไปโรงเรียนได้แล้ว เร็วๆ” กริสน์บอก
“ครับ / ค่ะ” เด็กๆ ขานรับ
กรินส์ พิมมาดา แจ๊ส โจ๊ก และจีจ้ากำลังจะขึ้นรถ เต๋ากับเต้ยเดินมาส่งที่หน้าบ้าน อยู่ๆ เมทินีก็เดินเข้ามา
“คุณกริสน์ คุณพิม” เมทินีรีบปราดมาไหว้ขอบคุณ “นีขอบคุณนะคะ สำหรับเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้น”
“พิมต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณนี ที่ช่วยทำให้พิมพ้นผิด”
“หูย นั่นเรื่องเล็กค่ะ” เมทินีบอก “ แต่สิ่งที่คุณช่วยนีไว้มันยิ่งใหญ่กว่านั้น..คุณสองคนทำให้นีตาสว่าง..มองเห็นตัวเอง ว่าที่ผ่านมา นีเลี้ยงลูกแบบผิดๆมาตลอด..ลูกปาล์มอยากได้อะไร ไม่ว่าจะแพงแค่ไหน นีก็ซื้อมาให้..เพราะนีคิดว่า เงินมันแก้ปัญหาทุกอย่าง..มันก็เลยทำให้ลูกปาล์มเสียคน เกเร และเกือบจะติดยาด้วยซ้ำ..มันเป็นความผิดนีที่ไม่มีเวลาสั่งสอนลูกตัวเอง..ตั้งแต่นี้ไป นีจะเป็นแม่ที่ดี จะทำงานให้น้อยลง จะเลิกไปทำศัลยกรรม แล้วเอาเวลามาให้กับลูก เพราะนีรู้แล้ว..ว่าเงินสอนลูกเป็นคนดีไม่ได้ มีแต่ตัวเราเท่านั้นแหละ ที่สอนลูกให้เป็นคนดีได้”
แจ๊ส โจ๊ก จีจ้ามองเมทินีแล้วก็ขำ
“แล้วนายปาล์มไปอยู่ไหนละครับ” กริสน์ถาม
“เค้าให้นีไปส่งที่โรงเรียนแต่เช้าแล้ว เดี๋ยวนี้เค้าเป็นคนใหม่แล้วค่ะ” เมทินีบอก “งั้นนีขอตัวก่อนนะค่ะ จะไปตลาดหาซื้อของมาทำอาหารเย็นให้เค้าทานวันนี้ค่ะ บ๊าย บาย คุณกรินส์ จุ๊บ...จุ๊บ”
เมทินีร่ำลาพร้อมทำตาอาลัยอาวรณ์
ทุกคนยิ้มอย่างมีความสุข
เวลาผ่านไป กริสน์กับพิมมาดาเดินเล่นและพูดคุยกันอยู่ในสวนสาธารณะ
“ที่ผ่านมาชั้นเลี้ยงหลานแบบเข้มงวดมาตลอด เด็กๆมองชั้นเป็นฮิตเลอร์..เพราะชั้นชอบออกคำสั่ง ห้ามนั่น ห้ามนี่ ห้ามถาม ห้าขัดคำสั่ง มีหน้าที่ทำตามสถานเดียว..แล้วก็ไม่มีการอธิบาย ว่าทำไมต้องห้าม”
“เพราะคุณ..คิดไปเองว่าหลานๆยังเด็ก ยังไม่เข้าใจเหตุผล” กริสน์บอก
“แต่จริงๆแล้ว พวกเด็กๆฉลาดและเข้าใจอะไรง่ายกว่าที่เราคิดมาก..ถ้าชั้นไม่เข้มงวดเกินไป พวกเด็กๆคงจะได้แสดงศักยภาพในตัวเองออกมามากกว่านี้” พิมมาดาสำนึกตัว
“แต่หย่อนอย่างผมก็ไม่ไหว..หย่อนจนทำให้เด็กๆ แสดงศักยภาพออกมาอย่างผิดที่ผิดทาง..กล้าในเรื่องที่ควรจะกลัว”
“ใช่ จีจ้าเคยโบกมอเตอร์ไซค์สะกดรอยตามนาย ทั้งๆที่ยังไม่รู้จักนายดีด้วยซ้ำ” พิมมาดารีบบอก
“หรือ อย่างแจ๊ส ก็ถูกผมยุให้เป็นตัวของตัวเอง จนแต่งตัวหลุดโลกอยู่ตั้งนาน..อย่างนี้ มันอันตราย เพราะไร้ระเบียบเกินไป..ถ้าไม่มีคนเข้มงวดๆอย่างคุณ เด็กๆในมือผมก็เหลวเป๋วแน่”
“แต่ถ้าไม่มีคนเหลวๆอย่างนาย หลานในมือชั้นก็เก็บกดแน่นอน”
“คุณตึงไป ผมหย่อนไป” กริสน์สรุป
“ตรงกันข้ามสิ้นเชิง..มิน่า ชั้นกับนายถึงได้ทะเลาะกันตลอด ฮ่าๆๆ”
พิมมาดากับกริสน์หัวเราะร่วมกันอย่างผ่อนคลาย
“เราสองคน เหมือนหยินหยางเลย..มีมืดมีสว่าง มีถูกมีผิด มีทุกข์มีสุข มีคุณมีผม..ผมว่า เราสองคน..ก็ควรจะอยู่เลี้ยงเด็กๆ..ด้วยกัน..ตลอดไปนะ”
พิมมาดาได้ยินก็อึ้งไป
“ผมพูดจริงๆนะ..แล้วคุณล่ะ คุณคิดยังไงครับ”
พิมมาดาเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังขึ้นมาแล้วก็เดินหนีไป กริสน์เดินตามทันที
พิมมาดาเดินหนีมาถึงบริเวณสระน้ำภายในสวนสาธารณะ กริสน์เดินมาขวางพิมมาดาไว้
“ผมไม่ได้พูดเล่นนะคุณพิม”
“นายช่วยยืนยันได้มั้ย ว่าสิ่งที่นายพูดและทำกับชั้น..มันคือความรู้สึกของนายจริงๆ ไม่ใช่ทำเพราะเป็นหน้าที่”
“ผมไม่ได้ทำตามหน้าที่”
“ตอนที่นายปลอมตัวเข้าไปอยู่ในบ้านเสี่ยอธิป นายก็บอกว่ารักเสี่ยเหมือนพ่อ ทำให้เสี่ยไว้วางใจ แล้วนายก็หักหลังเค้า..แล้วอย่างชั้น นายก็มาทำแบบเดียวกัน..นายทำอย่างนี้กับทุกคนที่เป็นเป้าหมาย”
“คุณไม่ใช่เป้าหมายผม” กริสน์บอก
“แล้วถ้าอนาคต นายต้องไปทำภารกิจอะไรเกี่ยวกับสาวๆ นายก็คงจะไปรักกับคนนั้นอีก”
“แต่คุณ..พิมมาดา..คุณทำให้ผมเป็นตัวของตัวเอง ตลอดเวลาที่อยู่กับคุณ ผมเสแสร้งเป็นใครอื่นไม่ได้..ผมไม่ใช่กรด ไมใช่กริสน์.. แต่เป็นผม..นายเกริกพล..แล้วคุณจะมาบอกว่าผมไม่เข้าใจความรักอีกเหรอ”
“ชั้นมีหลานสามคนนะ” พิมมาดาย้ำ
กริสน์ยิ้มก่อนจะค่อยๆดึงตัวพิมมาดามาโอบกอดอย่างอ่อนโยน
“ผมรู้ตั้งแต่วันแรกที่เจอคุณแล้ว”
พิมมาดาซาบซึ้งใจ
ทันใดนั้น ภัทรดนัยที่อยู่ในคราบของอาแปะรำไทเก็กก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามา
“อากริสน์ๆๆ ..ชะอุ๋ย..ไอ๊หย๋า..เข้าเป๋”
“ไอ้ภัทรดนัย” กริสน์เซ็ง
“อั๊วเอง..อั๊วขอโทษทีนะอาหมวย..อั๊วขอคุยธุระด่วนกับอากริสน์สองต่อสองหน่อยนะ”
พิมมาดาสงสัย ส่วนกริสน์เองก็เริ่มวิตก
หลังจากรู้เรื่องจากปากภัทรดนัย กริสน์ก็หน้าเครียดทันที
“ภารกิจใหม่” กริสน์ทวนคำ
“ภารกิจนี้ สุดยอดเลย..เราจะได้ปลอมตัวเป็นมหาเศรษฐีหมื่นล้านชาวไทย..เข้าไปตีสนิทกับพวกไฮโซของประเทศโมนาโคเพื่อสืบข้อมูลขบวนการขายวัตถุโบราณของชาติ..งานนี้รัฐออกเงินให้เราทุกบาททุกสตางค์..เราจะได้บินด้วยเครื่องบินส่วนตัวด้วยนะเว้ย ไอ้กริสน์เอ๊ย”
“ชั้น..” กริสน์อ้ำอึ้ง
“เครื่องจะออกเย็นนี้ แกไม่ต้องจัดกระเป๋า ไม่ต้องเตรียมอะไรเลย ทุกอย่างเราจัดการไว้ให้หมดแล้ว” ภัทรดนัยพูดแล้วทำท่าจะไป
“แกไป ส่วนชั้นไม่ไปได้เปล่าวะ” กริสน์บอก
ภัทรดนัยชะงักแล้วหันกลับมา “แกมีปัญหาอะไร”
“ชั้น..เพิ่งเสร็จภารกิจ..ชั้นอยากพักบ้าง”
“อยากพัก หึๆๆ แกพูดยังกับคิดว่าชั้นไม่รู้จักนิสัยแกเลย..ชั้นรู้ว่าเพราะอะไร แล้วแกก็น่าจะรู้ว่าชั้นจะแนะนำอะไร”
“เป็นสายสืบ ให้รักสนุก แต่อย่าคิดผูกพัน” กริสน์พูด
“เก่งมาก..ทำตามนั้น แล้วทุกอย่างจะลงตัว”
“แกเดินทางไปก่อน ส่วนชั้นขอเวลา..อีกสักวันสองวัน..ให้ได้บอกลาหน่อยดิ”
“นี่ไง แกมีเวลาบอกลาอีกตั้ง..สี่ชั่วโมงแน่ะ”
“ชั้นจะไปปฏิบัติภารกิจใหม่นะเว้ย อาจจะต้องปลอมตัวอีกเป็นปี สองปี..ชั้นขอแค่นี้ ไม่ได้เหรอไงวะ..เลื่อนไปก่อนเถอะ”
“บอกตอนนี้ไปเลย เพราะยังไงก็..บอกไปแล้ว” ภัทรดนัยบุ้ยใบ้ให้กริสน์มองไปด้านหลัง
กริสน์หันมองไปเห็นพิมมาดายืนช็อกอยู่
“นายจะไปอีกแล้วเหรอ” พิมมาดาถาม ส่วนกริสน์ไม่มีคำตอบใดใด
รถของกริสน์มาจอดที่บ้านของพิมมาดา เด็กๆวิ่งลงจากรถด้วยท่าทางร่าเริงแล้ววิ่งเข้าไปในบ้าน กริสน์กับพิมมาดาก้าวลงรถ
“นาย..ไม่ไปไม่ได้เหรอ นายไม่ห่วงเด็กเหรอ” พิมมาดาถาม
“ชีวิตสายสืบมันก็แบบนี้..พอเสร็จภารกิจนึง ก็ถูกส่งต่อไปอีกภารกิจนึง..ผมถึงไม่เคยมีความผูกพันลึกซึ้งกับอะไร”
“แต่นายก็เลือกที่จะผูกพันกับพวกเรา”
“และผมก็กำลังทรมาน” กริสน์บอก
“กริสน์..ถ้านายอยากมีชีวิตแบบปกติ ธรรมดา เหมือนคนทั่วๆไป นายก็ทำได้ นี่มันชีวิตนาย..นายเลือกได้”
“ผมรู้..แต่..ถ้าผมเลือกให้ตัวเองมีความสุข แล้วประเทศล่ะ ประชาชนคนอื่นๆล่ะ”
“เดี๋ยวก็มีคนอื่นมาทำแทนนายเอง”
“คนอื่นต้องมาทรมานแทน..เพื่อให้ผมมีความสุข”
“มันผิดมากนักเหรอที่จะทำอะไรตามใจตัวเองบ้าง” พิมมาดาอ้อนวอน “อย่าไปเลยนะ”
เด็กๆ วิ่งกลับออกมาได้ยินเข้าพอดี
“น้ากริสน์จะไปไหน” แจ๊สถามขึ้น
เด็กๆ จับความรู้สึกของน้าทั้งสองได้จึงจ้องกริสน์อย่างคาดคั้น
“แจ๊ส โจ๊ก จีจ้า..คือว่า..น้าจะต้องไปทำงานสักพัก” กริสน์บอก
“น้ากริสน์จะทิ้งพวกเราไปจับผู้ร้ายอีกแล้วใช่มั้ย..พวกเราไม่ให้ไป” โจ๊กเสียงแข็ง
“น้ากริสน์จะไม่อยู่ดูแลจีจ้าแล้วเหรอ” จีจ้าเสียงเศร้า
“น้า..ขอโทษ..น้าต้องไปจริงๆ”
“ถ้าน้ากริสน์ไป ก็ไม่ต้องกลับมาอีก พวกเราจะไม่รักน้าอีกแล้ว” แจ๊สบอก
“โป้งๆๆๆ” โจ๊กกับจีจ้าชูนิ้วโป้งใส่
“เด็กๆ..น้ากริสน์เค้าต้องไปจับผู้ร้าย เพื่อปกป้องพวกเราไง..ถ้าไม่มีผู้ร้าย พวกเราก็จะอยู่อย่างปลอดภัยและมีความสุข..น้ากริสน์ทำเพื่อพวกเรานะ” พิมมาดาบอก
กริสน์แน่วแน่และพร้อมจะไป ส่วนพิมมาดารู้สึกใจหาย
“งั้นจีจ้าขอหนึ่งนาที รอก่อน อย่าเพิ่งไปไหน”
“พวกเราด้วย” แจ๊สกับโจ๊กพูด
จีจ้าวิ่งแยกออกไปก่อน ส่วนแจ๊สกับโจ๊กวิ่งแยกย้ายไปด้วย
กริสน์กับพิมมาดายืนงง
กริสน์เดินมาที่บันไดหน้าบ้านของพิมมาดา โดยมีพิมมาดาเดินตามมาส่ง
“ผม..ขอโทษนะคุณพิม”
“นายทำเพื่อส่วนรวม เป็นสิ่งที่ชั้นภูมิใจในตัวนาย..จริงๆนะ..นายไปเถอะ เดี๋ยวชั้นอธิบายให้พวกเด็กๆเข้าใจเอง”
ทันใดนั้น เด็กๆ ก็วิ่งมา
“พวกเราไปด้วย” เด็กทั้งสามตะโกน
แจ๊ส โจ๊กกับจีจ้าแต่งตัวเหมือนนักสืบเด็กที่เตรียมตัวออกปฎิบัติการ
“เฮ้ย..อะไรกัน” กริสน์ตกใจ
“ในเมื่อน้ากริสน์ไม่อยู่กับพวกเรา งั้นพวกเราก็จะไปกับน้ากริสน์เอง” โจ๊กบอก
“จะไปลุยที่ไหน เราไปด้วย..ลุยมั้ย” จีจ้าถามพี่ๆ
“ลุย!” แจ๊สกับโจ๊กตอบ
“น้าพิม ไปด้วยกันนะคะ..เราพวกเดียวกัน ไม่ทอดทิ้งกัน” แจ๊สยื่นปืนเด็กเล่นให้พิมมาดา
พิมมาดารับปืนเด็กเล่นมา “ใช่...เราจะไปปกป้องประเทศชาติกัน ใช่ไหมนายกริสน์”
“เฮ้ยๆๆๆ เดี๋ยวๆๆ นี่ของจริง ไม่ใช่เรื่องเล่นสนุก” กริสน์รีบบอก
“พวกเราเอาจริง!” เด็กทั้งสามบอก
“นายมีทางเลือกของนาย..พวกเราก็มีทางเลือกของพวกเรา..พวกเราจะไปสู้กับนายเอง..มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน..ใช่มั้ยทหาร!” พิมมาดาปลุกเร้า
“ใช่!” เด็กทั้งสามตอบ
“เดี๋ยวๆๆ มันต้องไม่ใช่อย่างนี้ ไม่ใช่ๆ” กริสน์ตกใจ
ภัทรดนัยขับรถเข้ามาอย่างรวดเร็ว แล้วก้าวลงมาจากรถ เค้กตามลงมาด้วย ทั้งคู่แต่งตัวพร้อมลุย
“ไปกันได้หรือยัง?” ภัทรดนัยถาม
พวกกริสน์ทำท่างง
“ไม่ต้องงง งานนี้ชั้นลุยด้วยอีกคน” เค้กบอก
“ชั้นบอกแล้วไม่ให้ไป ยายนี้ก็ดื้อจะไปจนได้” ภัทรดนัยบอกกริสน์
“ไปเลยน้ากริสน์... น้าวิ่งสู้ฟัด” จีจ้าตะโกนบอก
ทันใดนั้น ประตูหลังรถภัทรดนัยก็เปิดออก มีร่างเด็กผู้ชายอายุประมาณ 6 ขวบแต่งตัวเต็มยศพร้อมลุยคนหนึ่งรีบวิ่งลงมา “จอม....ราชานักบู๊ พร้อมลุย!”
ทุกคนอึ้ง
“แฮะ แฮะ หลานชั้นเอง” ภัทรดนัยยิ้มแห้งๆ
ราชินีนักบู๊นามจีจ้าจ้องมองเขม่นกับเด็กชายผู้อ้างตัวว่าเป็นราชานักบู๊คนนั้นไม่วางตา
กริสน์และพิมมาดาเอามือทาบหน้าผากทำท่าเหมือนอยากจะเป็นลมให้รู้แล้วรู้รอด
จบบริบูรณ์