xs
xsm
sm
md
lg

มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 5

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


มือปราบพ่อลูกอ่อนตอนที่ 5

ท้ายรถกระบะของพิมมาดาที่จอดอยู่ในที่จอดรถบ้านสุขสันต์ ใบหน้าของพวกเด็กๆ โผล่พ้นชายผ้าใบออกมาสลอน แต่ทั้งสามคนดันหลับอยู่! ป๊อปคอร์นเลียจีจ้าเพื่อปลุกให้ตื่น แต่จีจ้าไม่ตื่น ป๊อปคอร์นจึงหันไปเลียแจ๊ส

แจ๊สสะดุ้งตื่น “อุ๊ย” แจ๊สมองไปรอบๆ “โจ๊ก จีจ้า ตื่นๆๆ เรามาถึงบ้านนายสุขสันต์แล้ว”
“ถึงแล้วเหรอ” โจ๊กพูด
“จีจ้าปวดฉี่”
“ชู่ว์...” แจ๊สให้น้องเงียบ
“เสียงอะไร” ยามทักแล้วเดินเข้ามาดูๆ
แจ๊สรีบเอาผ้าใบคลุมทุกคนไว้ ยามเดินเข้ามาใกล้ พอไม่เห็นอะไรก็เดินกลับไป
“แอบตามมาอย่างนี้ ถ้าน้าพิมรู้เข้า..ตายหยังเขียด” จีจ้าว่า

ริมสระน้ำในโรงแรม แพรวพิลาศกำลังนอนเอนหลังอยู่โดยมีฉัตรชัยใช้พัดลูกไม้สีดำของเธอโบกลมให้เธอ มาวินยืนมองอยู่ข้างๆ ในมือถือช่อดอกไม้จากร้านพิมมาดาอยู่
“เป็นอะไรมากมั้ย ปลุกได้แล้ว” มาวินถาม
“ยังจะมีหน้ามาถาม คุณแพรวเป็นคนจิตใจอ่อนไหว..ร่างกายก็อ่อนแอ..แกจะฆ่าเธอแล้ว ยังไม่เก็ตอีก” ฉัตรชัยตำหนิ
มาวินมองช่อดอกไม้ในมือ “ดอกไม้..จากร้านของพิมโรส โอ้โห..จุ๊ๆๆ ไอ้สุขสันต์นายแกนี่มันเด็ดจริง..สั่งดอกไม้กิ๊ก..ไปให้แฟน..ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง พวกผู้หญิงก็โง่ต่อไป”
แพรวพิลาศลืมตาขึ้นแล้วก็ลุกเด้งขึ้นมาทันที
“แปลว่า..สุขสันต์กำลังจีบเจ้าของร้านดอกไม้นี่อยู่เหรอ มันเป็นใคร หาฉัตรชัย!!” แพรวพิลาศถามเสียงเข้ม
มาวินยิ้มอย่างสะใจ เขาดึงนามบัตรออกจากช่อดอกไม้ “ดูสิครับ ในนามบัตรร้านตรงนี้..มีที่อยู่ด้วย..ขอให้โชคดีนะ..พ่อบอดี้การ์ดเลือดร้อน ฮ่าๆๆๆ” มาวินดีดนามบัตรใส่ฉัตรชัย แล้วเดินไป
“ไอ้เลว!” ฉัตรชัยฉุนเขารีบคว้านามบัตรแต่แพรวพิลาศไวกว่าดึงนามบัตรมาจากมือฉัตรชัยแล้วพลิกอ่านที่อยู่โดยละเอียด แพรวพิลาศตาลุกวาว

ที่บ้านของสุขสันต์ สุขสันต์พาพิมมาดาเดินเข้ามาชมในบริเวณบ้าน ที่ตลอดทางประดับประดาด้วยภาพเขียนฝีมือเด็กๆ กับงานปูนปั้นน่ารักๆ
“ของตกแต่งส่วนใหญ่ก็..เป็นของที่เด็กๆในมูลนิธิทำน่ะครับ” สุขสันต์รีบบอก “ แกอยากจะตอบแทนผม ผมก็ยินดีที่จะมีของแบบนี้ในบ้าน..เวลามองไปแล้ว มันรู้สึกสดชื่น..มีกำลังขึ้นมาได้”
“คุณคงจะรักเด็กมากเลยนะคะ นี่ถ้าคุณมีลูก เค้าคงต้องเป็นเด็กที่โชคดีมากแน่ๆ” พิมมาดาชม
“คุณพิมรักเด็กมั้ยครับ” สุขสันต์ถาม
“เอ่อ ก็.”
“ต้องรักอยู่แล้วใช่มั้ยครับ แหม ก็เลี้ยงหลานตั้งสามคนอย่างนั้น ผมไม่น่าถาม..เออ แล้วเรื่องที่จะให้ผมติดต่อโรงเรียนประจำดัดสันดานที่อินเดีย”
สุขสันต์เปิดประตูกระจกซึ่งเป็นประตูที่เปิดไปสู่สวนหลังบ้าน เขากดสวิทซ์เปิดไฟ แล้วแสงสว่างก็ติดพรึ่บจนเห็นสวนที่ถูกตกแต่งประดับประดาด้วยไฟระยิบระยับ มีมุมดินเนอร์เล็กๆ ใต้แสงเทียนอยู่ด้วย
“โหว...สวยจังเลยค่ะ” พิมมาดาตะลึง
สุขสันต์ดีดนิ้ว ฮิมกดเปิดเพลงจาก ipod ออกลำโพงไปทั่วบริเวณ แต่เขากดผิดกลายเป็นเพลงหมอลำ สุขสันต์และพิมมาดาทำหน้างงๆ สุขสันต์หันไปมองทางฮิมแล้วก็โมโห ฮิมสะดุ้งรีบปิดแล้วเปิดใหม่ทันที
“อูย...งานเข้าแล้ว” ฮิมบ่นกับตัวเอง
ดนตรีเพลงแจ๊สเบาๆ ดังขึ้นมาแทน สุขสันต์ยิ้มแล้วหันมาทำหน้าเขินๆกับพิมมาดา
สุขสันต์โค้ง “เต้นรำกับผมสักเพลงนะครับ”
“อย่าเลยค่ะ พิมเต้นไม่”
สุขสันต์รีบเข้ามาประกบ “ผมก็เต้นไม่เก่งหรอกครับ เรามามั่วไปด้วยกันดีกว่าครับ”
“เอ่อ” พิมมาดายิ้ม “ค่ะ”

กริสน์เดินด้อมๆ มองๆ ไปรอบบ้าน เขาพูดบลูทูธคุยกับภัทรดนัยไปด้วย
“รู้แล้วว่าหน้าต่าง..แต่มันบานไหนล่ะวะ เอาให้แน่สิเว้ย” กริสน์ถาม
ในรถ ภัทรดนัยกำลังบัญชาการอยู่ ตรงหน้าเขามีโน้ตบุ๊คที่หน้าจอเป็นแบบแปลนบ้านของสุขสันต์
“ชั้นก็กำลังดูแปลนบ้านนายสุขสันต์ให้อยู่ไง..อืมๆ แกเดินจากที่จอดรถ มาด้านขวาของบ้าน...ทางนี้..อืม..งั้นระเบียงห้องที่สองที่แกเห็น ที่หันหน้ารับทิศตะวันออก..เป็นห้องทำงานคุณสุขสันต์ ชัวร์!”
“ชั้นจะเข้าไปเดี๋ยวนี้แหละ” กริสน์ตั้งท่าหาที่ปีน

กริสน์โหนตัวปีนขึ้นมาที่ระเบียงห้องชั้นบนอย่างคล่องแคล่ว เขาเอาหลังชิดผนังเตรียมตัวจะเข้าไป
กริสน์จะเปิดประตูเลื่อนเข้าไปแต่ก็ต้องผงะเพราะห้องนั้นเป็นห้องพักผ่อนของพวกบอดี้การ์ด มีบอดี้การ์ดนั่งพักผ่อนอยู่2-3คน ทั้งหมดกำลังรุมดูฟุตบอลในทีวีอยู่ โดยทุกคนหันหลังให้เขา
กริสน์ผงะ ถอยออกแทบไม่ทัน แต่ก็เผลอทำเสียงดังแก๊กขึ้น
“เสียงอะไร!” บอดี้การ์ดคนนึงทักขึ้น
บอดี้การ์ดคนนึงเดินแยกออกมาดูแล้วเปิดประตูเลื่อนออกไป แต่ไม่พบอะไร บอดี้การ์ดมองสำรวจจนแน่ใจว่าไม่มีอะไร จึงกลับเข้าไปเฮฮากับเพื่อนต่อ
กริสน์เกาะราวระเบียงห้อยตัวหลบซ่อนอยู่
“ไอ้มั่ว..ไม่ใช่ห้องนี้แล้วห้องไหน..” กริสน์กัดฟันบ่น “ห้องข้างๆ ถ้ามั่วอีก แกโดนแน่”
ระหว่างนั้น กริสน์มองไปอีกด้านก็ถึงกับตาโตเพราะเขาเห็นพิมมาดากำลังเต้นรำแบบแนบชิดอยู่กับสุขสันต์ ทั้งสองใกล้ชิดกัน สบตากัน อมยิ้มและเขินอาย
“เฮ้ย..ไรเนี่ย..ไร้ยางอายสิ้นดี” กริสน์บ่นด้วยความไม่พอใจ

พิมมาดากำลังเต้นรำอยู่กับสุขสันต์
“ไหนคุณพิมบอกเต้นไม่เป็นไงครับ” สุขสันต์ถาม
“พิมก็มั่วๆไปตามคุณสุขสันต์นั่นแหละคะ..จริงๆแล้วเพราะมีผู้นำดี พิมก็เลยดูเหมือนเก่งไปด้วย”
“ถ้าอย่างนั้นเราต้องเต้นบ่อยๆนะครับ เพราะเรา..เข้ากัน...ได้ดี” สุขสันต์หยอด
พิมมาดายิ้มแค่นๆ
“คุณพิมอยากจะขึ้นไปดู..ห้องนอนผมมั้ยครับ..ผมแต่งในแบบนีโอ โรแมนติก” สุขสันต์ชวน
“เอ่อ..ห้องนอน..ว้าย....เราไปทานอาหารเย็นกันก่อนดีมั้ยคะ”
“อย่าเปลี่ยนประเด็นสิครับ..ว่าไงครับ”
“เอ่อ การตกแต่งภายในของบ้านคุณสวยดีนะคะ แต่คุณสุขสันต์ พิม พิม..พิมกำลังหิวน้ำ..คุณยังไม่ได้มีอะไรให้พิมดื่มเลย”
“โอว..จริงด้วย..ผม..ผมมัวแต่ตื่นเต้น ที่คุณมาบ้าน”
“คะ”
“เรามาหาอะไร..ที่ทำให้ครึ้มๆ..สบายๆ..แต่ช่วยให้เลือดสูบฉีด..สุขภาพดี ดื่มกันดีกว่าครับ” สุขสันต์โอบพิมมาดาไปอีกทาง
กริสน์ไต่ตามไปดู “จะไปไหนกันวะ ทำไมต้องโอบกันด้วย เฮ้ย อย่าไปที่ลับตาคนดิ ไอ้..ไอ้เสือผู้หญิง ไอ้บ้ากาม..เย้ย..ยัยแจ๋น..ผู้หญิงอะไร ไม่หวงตัวเลย นี่หรือเมืองพุทธ!”

ที่ร้านดอกไม้ เต๋ากับเต้ยกำลังเก็บของในร้านอยู่ เต้ยล้างมือจนสะอาด แพรวพิลาศเดินเข้ามาในร้านโดยมีฉัตรชัยเดินหน้าจ๋อยๆ ตามมาด้วย
“สวัสดีค่ะคุณขา” เต้ยทัก
แพรวพิลาศมองทั้งเต๋าและเต้ยแบบหัวจรดเท้า “กรี๊ด..ฉัตรชัย...ในที่สุด..สุขสันต์เค้าก็ค้นพบตัวเองเหรอ..ว่าชอบพวกอาหารป่าเปิบพิสดาร!”
“คือ..คุณแพรว..ใจเย็นๆครับ” ฉัตรชัยพยายามปราม
“หมายความว่าไงคะ คุ้ณณณ..อาหารป่าคืออะไรคะ” เต้ยงง
“ก็เก้งกวางไงล่ะยะหล่อน..แล้ว..คนไหน..คนไหน..คือเจ้าของร้านนี้” แพรวพิลาศถาม
“เจ้าของร้านไม่อยู่..ถ้าจะสั่งดอกไม้ สั่งที่พวกเราก็ได้ พวกเราจัดดอกไม้สวยนะคะ” เต๋าบอก
“ช่าย..เพราะพวกแมนแท้ๆมันหายาก” เต้ยรีบเสริม
“คุณแพรวครับ เจ้าของร้านคงจะไม่อยู่จริงๆ เรากลับกันเถอะครับ” ฉัตรชัยชวน
“นายไม่อยากให้ชั้นเจอกับเจ้าของร้านนี้..ทำไมเหรอฉัตรชัย มีอะไรปกปิดชั้นอยู่ใช่มั้ย..นี่ๆๆ เก้งกวางๆ”
“ว้าย..เราไม่ได้ชื่อเก้งชื่อกวางนะคะ”
“เราชื่อ เต๋ากับเต้ย” เต๋ารีบบอก
“พวกเธอโทร.ไปบอกเจ้าของร้านนะ ว่าชั้นอยากจะสั่งดอกไม้ล็อตใหญ่มาก..และชั้นจะรอเจอเจ้าของร้านเท่านั้น”
“อย่ารอเลยค่ะคุณ ไม่รู้ว่าคืนนี้เจ้าของร้านจะกลับหรือเปล่า..คือพอดีว่า..เจ้าของร้าน มีนัดเดทอ่ะคะ..เดทที่บ้านผู้ชายด้วย” เต้ยบอก

“บ้านผู้ชายด้วย!” แพรวพิลาศสูดลมหายใจถี่ๆ

ที่บ้านของสุขสันต์ บอดี้การ์ดเดินคุมบริเวณหน้าประตูบ้าน ที่ด้านหลังพวกเด็กๆวิ่งผ่านไป จากมุมหนึ่งไปซ่อนอีกมุมหนึ่ง บอดี้การ์ดรู้สึกเอะใจแต่พอหันกลับไปก็ไม่พบอะไรผิดปกติ
พวกเด็กๆ วิ่งจากมุมหนึ่งไปอีกมุมหนึ่ง เด็กทั้งสามไปแอบอยู่หลังพุ่มไม้
บอดี้การ์ดอีกคนผ่านมา เห็นพุ่มไม้สั่นไหวก็เอะใจ จะเข้าไปดู ทันใดนั้นป๊อปคอร์นก็กระโดดพรวดออกมาจากพุ่มไม้ทันที
“เฮ้ย!! หมาใครวะ” บอดี้การ์ดคนนั้นโวยวาย
“เข้ามาได้ยังไง..รีบจับมันออกไปเร็ว เดี๋ยวเจ้านายมาเห็น จะโดนกันหมด ไปๆ” บอดี้การืดอีกคนพูด
พวกบอดี้การ์ดพยายามวิ่งไล่จับ ป๊อปคอร์นวิ่งหนีไป แล้วป๊อปคอร์นก็วิ่งวกกลับมาอีกที คราวนี้พวกบอดี้การ์ดที่วิ่งไล่มีจำนวนเพิ่มขึ้น ป็อบคอร์นวิ่งไป พอป๊อปคอร์นวิ่งกลับมาอีกที พวกบอดี้การ์ดก็เพิ่มจำนวนขึ้นอีก

ระหว่างนั้น แจ๊ส โจ๊ก และจีจ้าแอบลอบเข้าไปในบ้านอย่างง่ายดาย

ภายในบ้านของสุขสันต์ กริสน์อยู่ที่เบรกเกอร์ของบ้านซึ่งมีหน้าต่างอยู่ใกล้ๆ กริสน์มองออกไปที่พิมมาดากับสุขสันต์ที่กำลังชนแก้วพั้นช์สีสดใสกันอยู่
“อู๊ย..ชนแก้วอยู่ได้ โรแมนติกมากใช่มั้ย หึหึหึ หมดเวลาอินเลิฟแล้วยัยเจ๊โหด”
กริสน์พูดแล้วสับคัทเอ้าท์ลงทันที เพลงดับ ไฟทั้งหมดดับพรึ่บ พิมมาดาร้องกรี๊ดเบาๆ
“หึๆๆ ฮ่าๆๆ งงดิ งงๆๆ ฮ่าๆๆ” กริสน์สะใจแล้วมองไปอีกครั้งก็แทบช็อก “เฮ้ยยยยย อะไรวะนั่น!”
พิมมาดาโผเข้ากอดสุขสันต์
“เฮ้ย จะให้เลิกสวีท ไม่ได้ให้เสียขวัญกอดกัน โหย..ฉวยโอกาสชัดๆ แยกๆ” กริสน์สับคัทเอ้าท์คืน ไฟกลับมาสว่างตามเดิม
“คุณพิมครับ ไฟมาแล้วครับ ..สงสัยไฟจะตก ขอโทษนะครับที่ทำให้ตกใจ” สุขสันต์บอก
“คะ..ค่ะ”
พิมมาดาจะถอยออก แต่สุขสันต์คว้ามือพิมมาดาเอาไว้ “เราไปที่โต๊ะอาหารเถอะครับ เชิญครับ”
“ค่ะ” พิมมาดารับ
สุขสันต์จับมือพิมมาดาพาเดินไปโดยไม่ยอมปล่อย
“เฮ้ย ไรว้า..ยังจับมือต่อ..ปล่อยมือสิ..ปล่อย”
กริสน์ไม่พอใจจึงสับคัทเอ้าท์ให้ไฟดับอีก
“ไฟบ้านคุณสุขสันต์เป็นอะไรคะ” พิมมาดาถาม
สุขสันต์กระชับมือพิมมาดาให้แน่นขึ้น สุขสันต์ดึงพิมมาดาให้มาแนบชิด “ไม่ต้องกลัวครับ ผมไม่ปล่อยมือคุณพิมแน่นอน”
กริสน์สับคัทเอ้าท์ขึ้นๆ ลงๆ ทำให้ไฟดับๆ ติดๆ
“ปล่อยมือๆๆ” กริสน์ไม่พอใจ
“เฮ้ย ให้ใครไปดูที่ไฟสิ ว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า ไปๆๆ” สุขสันต์สั่ง
กริสน์เห็นพวกบอดี้การ์ดวิ่งมาทางตึก
“โธ่เว้ย..ยอมแพ้เว้ย..หญิงก็ร้าย ชายก็เลว”
กริสน์จำใจต้องผละไป

ภายในรถ ฉัตรชัยกำลังขับรถโดยมีแพรวพิลาศที่กำลังเดือดดาลนั่งอยู่ที่เบาะหลัง
“ใช่ นายแกมันเลว”
“แต่...” ฉัตรชัยพยายามแก้ตัวแทน
“ไม่ต้องมาแต่ รีบๆ ขับพาชั้นไปบ้านนายแกให้เร็วที่สุด”
“ไม่อยู่ที่บ้านหรอกครับคุณสุขสันต์”
“เงียบเลย...ขับไปเร็วๆ”
ฉัตรชัยจ๋อย ไม่รู้จะทำยังไง ได้แต่ก้มหน้าก้มตาขับต่อไป

ที่ริมสระน้ำภายในบ้านสุขสันต์ สุขสันต์เดินนำพิมมาดามาที่สระว่ายน้ำซึ่งมีโต๊ะดินเนอร์วางอยู่ อย่างโรแมนติก
“เชิญนั่งครับ”
สุขสันต์ขยับเก้าอี้ให้พิมมาดานั่งอย่างสุภาพบุรุษ
“ขอบคุณค่ะ” พิมมาดานั่งลง
สุขสันต์กำลังจะไปนั่ง แต่ฮิมเดินเข้ามาหาเขาแล้วพูด
“ท่านครับ..เอิ่ม มีสาย”
“บอกเค้า..ว่าเดี๋ยวชั้นโทรกลับไป”
“แต่..” ฮิมอึกอัก
สุขสันต์เอะใจ พิมมาดาเห็นท่าทีของสุขสันต์จึงพูดกับเขา
“คงจะธุระด่วน คุณสุขสันต์ไปรับเถอะค่ะ ไม่ต้องเกรงใจพิม”
“งั้น..ผมขอตัวสักครู่นะครับ”
สุขสันต์เดินไปรับสายแล้วแยกออกมาคุยอีกด้าน
“จตุพล” สุขสันต์พูด
ที่หน้าบ้านของอธิป จตุพลพูดสายอยู่กับสุขสันต์
“ผมให้คนส่งตัวอย่างขนมสวีทโอปอไปให้ท่านดูแล้วนะครับ แบบนึงเป็นแบบปกติ อีกแบบนึงเป็นแบบสอดไส้”
“ชั้นเห็นแล้ว ทำได้เนียนมาก แยกไม่ออกจริงๆ ทั้งสีทั้งกลิ่นไม่มีอะไรน่าสงสัย..ดำเนินการเตรียมวางจำหน่ายได้เลย” สุขสันต์ชม
“ทันทีครับ”
จตุพลวางสายแล้วหันมาถามชายที่แต่งสูทดูดีที่ยืนอยู่ข้างๆ
“พร้อมหรือยังคุณหมอ”
“คะ ครับ.” ชายคนนั้นตอบรับ
“พูดจาให้มันหนักแน่นน่าเชื่อถือเหมือนหมอหน่อย..ไป เข้าไป” จตุพลสั่ง

ที่ห้องทำงานภายในบ้านสุขสันต์ กริสน์ค่อยๆ เปิดประตูจากระเบียงแล้วเดินเข้ามา
“เออ..ชั้นเข้ามาแล้ว..ห้องทำงานนายสุขสันต์ แกหยุดบ่นซะทีได้มั้ย”
ในรถบัญชาการ ภัทรดนัยยังบ่นไม่หยุด
“ยังมีหน้ามาสั่งให้ชั้นหยุดอีกเหรอ..ไอ้ไม่มืออาชีพ ไม่โปรเฟสชั่นเนล..เค้าจะสวีทกัน แกไปเกี่ยวอะไรด้วยวะ..หรือว่า..แกคิดอะไรกะยัยเจ๊โหด..ไม่ได้นะเว้ย มันผิดๆๆๆ คิดบ้างมั้ยว่า ถ้าแกถูกจับได้ว่าแอบเข้าบ้านนายสุขสันต์ จะเป็นไง!!..แกจะทำให้ทุกอย่างพังหมด ไอ้บ้า..ไอ้..เฮ้ย..นี่แกฟังอยู่หรือเปล่า..ไอ้กริสน์..ไอ้กริสน์”
กริสน์ถอดบลูทูธออกแล้วเอามาถือไว้ในมือ
“บ่นอยู่ได้ ขี้เกียจฟัง “เสียงโวยวายดังออกมาจากบลูทูธ “ชั้นจัดการเองได้น่ะ” กริสน์มองเห็นคอมพิวเตอร์ทำงานในห้อง
กริสน์รีบตรงไปเปิดคอมพิวเตอร์ที่โต๊ะทำงานแล้วกดเปิดเครื่อง ก่อนจะมองเห็นขนมสวีทโอปอสองห่อที่เปิดแล้ววางอยู่ใกล้ๆ
“ขนม..สวีทโอปอ..ไอ้สุขสันต์กินขนมเป็นเด็กๆด้วยเหรอวะเนี่ย ปัญญาอ่อนว่ะ”
กริสน์วางขนมคืนที่เดิมอย่างไม่สนใจ เขายังสนใจคอมพิวเตอร์ตรงหน้าต่อไป

ที่โถงหน้าบันไดชั้นล่างภายในบ้านสุขสันต์ พวกเด็กๆแอบเดินเข้ามาตามทางในห้อง
“ตามมา เงียบๆ ชู่ว์” โจ๊กบอกแล้วเดินนำทีม ทั้งสามค่อยๆเดินไปตามทางกำลังถึงห้อง ฮิมเดินดูดอมยิ้มมาจากอีกด้านของมุมห้องซึ่งกำลังจะเผชิญหน้ากับเด็กๆ อยู่แล้ว แต่ฮิมชะงักเมื่อเห็นห้องน้ำ ตัดสินใจเดินเข้าห้องน้ำไปถ่ายเบา
เด็กทั้ง 3 เลี้ยวออกมาจากมุมโดยคลาดกับฮิมแค่นิดเดียว เด็กทั้ง3 เดินผ่านห้องน้ำที่ฮิมเพิ่งเข้าไปอย่างช้าๆ พอเด็กๆ เดินจากไปฮิมก็เดินออกมาจากห้องน้ำพอดี แล้วเดินสวนไปทางที่เด็กๆเพิ่งเดินไป


รถฉัตรชัยวิ่งมาอย่างรวดเร็ว ภายในรถ ฉัตรชัยกำลังกดโทรศัพท์
“ฉัตรชัย!! จะโทรหาใคร” แพรวพิลาศถาม
“ห๊า” ฉัตรชัยตกใจ “จะๆ..โทรๆ.ไปหาแม่ครับ”
“ไม่ต้องมาอ้าง แกจะแอบโทรไปบอกคุณสุขสันต์..ชั้นรู้..วางโทรศัพท์..เดี๋ยวนี้!” แพรวพิลาศสั่ง
ฉัตรชัยเหงื่อตกเพราะไม่รู้จะช่วยสุขสันต์ยังไง

ที่ห้องอธิป อธิปซึ่งแต่งตัวเป็นมือปืนกำลังเล็งปืนอยู่
“ผมวางไม่ได้หมอ ถ้ามีตำรวจมาจะทำยังไงล่ะ” อธิปบอก
หมอพยายามตรวจอธิปอย่างทุลักทุเล เพราะอธิปไม่อยู่นิ่งคอยเล็งปืนไปมาตลอด
“ครับๆ เสร็จแล้วครับ” หมอบอก
“เสร็จแล้วใช่มั้ย..ถ้างั้นรีบออกไปเร็วหมอ..ผมจะคอยคุ้มกันหลังให้”อธิปบอก
“ป๊า..ป๊าเป็นอะไรพี่เดช ป๊าจะตายมั้ย” โอปอถาม
“อุ๊ย ไม่ได้อาการหนักขนาดนั้นหรอกครับคุณหนูโอปอ..ดูแล้ว เดชว่าเป็นการเห็นภาพหลอน คือ เมื่อเวลาที่เราเกิดความเครียด ร่างกายจะปลดปล่อยฮอร์โมนที่ชื่อว่า "คอร์ติซอล" ซึ่งจะปลดปล่อยออกมามากเช่นเดียวกันเมื่อเราดื่มกาแฟ..ยิ่งเครียดมาก ยิ่งดื่มกาแฟมาก ยิ่งมีคอร์ติซอลมาก ยิ่งเห็นภาพหลอนมาก..เครียด กาแฟ คอร์ติซอล หลอน” เดชอธิบายยาว
“เรียนจบแค่มอ.ต้น แต่เดี๋ยวนี้เก่งกว่าหมออีกเหรอไอ้เดช..เอ้า หมอ อากู๋ผมเป็นยังไงบ้าง บอกให้หลานผมสบายใจหน่อยสิ” จตุพลถาม
“เสี่ยอธิปมีอาการเห็นภาพหลอน แต่ไม่มีอะไรน่าห่วงครับ..มันอาจจะเป็นเพราะฤทธิ์ยาบางตัว..ยังไงช่วงนี้ หยุดทานยาปฏิชีวนะไว้ก่อน..ให้เสี่ยอธิปพักผ่อนเยอะๆ ทานแค่ยาบำรุงของคุณจตุพล ให้ตรงเวลา อันนี้ยาดีมาก..แล้วหมอจะมาดูอาการอีกที” หมอรายงาน
อธิปหันมาพูดกับหมอ “รีบไปดิหมอ..พวกมันกำลังมาแล้ว”
“ป๊า..นั่นมันคุณหมอ” โอปอบอก
อธิปกลิ้งตัวไปหลบหลังโซฟาแล้วตะโกน
“ไอ้เดช เตรียมลุยโว๊ย”
“ได้ครับเสี่ย” เดชรับคำแล้วหันไปพูดกับโอปอ “คุณหนูโอปอไม่ต้องกลัว ผมเอากระสุนออกหมดแระ”
พูดเสร็จ เดชก็รีบเอาปืนมาถือแล้วหลบไปหลังเก้าอี้อีกตัวทันที โอปอยืนหน้าเศร้า ไม่เข้าใจทำไมพ่อถึงเป็นแบบนี้
“ป๊ะป๋า” โอปอเรียก
จตุพลยืนมองอย่างสมเพช
“ผมว่าคุณหมอกลับก่อนเถอะครับ ผมไปส่ง”
จตุพลพูดแล้วเดินแยกออกมาส่งหมอ
“ขอบคุณหมอมากนะที่ช่วยผม เอ๊ย ช่วยอากู๋ของผม”
“เพื่อคุณจตุพล จะให้ผมเป็นหมอเป็นตำรวจหรือนักธุรกิจผมทำได้หมด” หมอพูดเบาๆ
เดชมองไปที่จตุพลกับหมอ เห็นทั้งสองคนยิ้มๆ ให้กันก็แปลกใจ

ในห้องทำงาน บ้านสุขสันต์ กริสน์อยู่หน้าคอมพิวเตอร์ เขากำลังเปิดเช็กข้อมูลที่ผิดปกติ
“อันไหนละวะเนี่ย โฟลเดอร์มันเต็มไปหมด จะรู้ได้ไงว่าอันไหนเป็นบัญชีลับ..ก็มันไม่ได้เขียนไว้นี่ว่าบัญชีนี้ผิดกฏหมาย ชั้นจะไปรู้ได้ไงวะ”
“ถ้าไม่รู้ว่าไฟล์ไหน งั้นดาวน์โหลดข้อมูลออกมาให้หมดเครื่องเลย เร็วๆ” ภทัรดนัยบอก
“รู้แล้ว..อย่าสั่งมากได้มั้ย รำคาญ!” กริสน์ชักฉุน
กริสน์ใส่แผ่นดิสก์ลงไปเพื่อดาวน์โหลดข้อมูล ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์กำลังโอนข้อมูลลงแผ่นดิสก์
“ดาวน์โหลดแล้ว” กริสน์บอก
“ดี ระหว่างรอดาวน์โหลด แกไปสำรวจห้องทำงานมันดู..ชั้นมั่นใจว่ามันต้องมีช่องลับหรือเซฟลับซ่อนอยู่ที่ไหนสักที่แน่” ภทัรดนัยสั่ง
กริสน์เดินสำรวจรอบๆห้อง
“เซฟลับ..อยู่ไหนๆ..แกซ่อนความลับเอาไว้ตรงไหน”

เด็กทั้ง 3 ย่องมาตามทางภายในบ้านอีกห้อง บอดี้การ์ดเดินพูดโทรศัพท์อยู่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“จ้าๆ ไม่ลืมจ้า..พรุ่งนี้จะรีบไปซื้อให้เลยนะคะ”
บอดี้การ์ดเดินไปพูดไปจนเลยประตูแล้วหยุดยืนฟังปลายสายพูด ประตูห้องนั้นเปิดออกมา เด็กๆ 3 คนเดินย่องออกมา โดยที่ทั้งบอดี้การืดและเด็กๆ ต่างฝ่ายต่างไม่เห็นกัน
เด็กๆ เลี่ยงไปอีกทาง บอดี้การ์ดหันหลังให้เลยไม่เห็น พอเด็กๆ เดินพ้นไป บอดี้การ์ดก็หันกลับมาพอดี “จ๊า...ได้ๆๆ..ก็เดี๋ยวจะไปซื้อให้แต่เช้านะ”

บอดี้การ์ดพูดกับเมียต่อแล้วเดินไป

อ่านต่อหน้า 2




มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 5 (ต่อ)

เวลานั้นกริสน์ยังคงเดินสำรวจบ้าน จังหวะนั้นเขาหันไปเห็นประตูห้องๆ หนึ่ง กริสน์สนใจจึงค่อยๆ เปิดประตูเข้าไป แล้วเขาก็ต้องตาโต

“หา”
“อะไร..แกเห็นอะไร” ภทัรดนัยรีบถาม “ไอ้กริสน์ ถ่ายรูปส่งมาให้ชั้นด้วยสิ..แกเจอของดีของไอ้สุขสันต์ใช่มั้ย.. โซ่แส้กุญแจมือ กับชุดพยาบาลสาว ใช่มั้ย..หรือว่า หรือไอ้สุขสันต์แอบแต่งหญิงเวลาอยู่บ้าน ใช่มั้ยๆ”
“ยิ่งกว่านั้นอีก” กริสน์บอก
ภายในห้องนั้นซึ่งเป็นห้องนอนของสุขสันต์มีประตูเชื่อมต่อกับห้องทำงาน สภาพห้องเต็มไปด้วยกลีบกุหลาบ เชิงเทียน ที่ทุกอย่างจัดหนักเตรียมการเอาไว้พร้อมสรรพ 
“จัดห้องนอนเอาไว้แบบนี้..นี่มันคิดไม่ดีกะยัยเจ๊โหดนี่หว่า” กริสน์พูด
สักพักก็มีเสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้น กริสน์เดินไปตามเสียง เขามองผ่านระเบียงห้องนอนออกไป พบว่าข้างล่างเป็นสระว่ายน้ำของบ้าน เขาเห็นพิมมาดากำลังดินเนอร์อยู่กับสุขสันต์
สุขสันต์กำลังตักอาหารบริการพิมมาดา
“ระริกระรี้จริงๆ..ไม่รู้หรือไงว่า มันเตรียมจะฟาดเจ๊ต่อหลังอาหารน่ะ” กริสน์พูดแล้วยืนมองอยู่ที่หน้าต่างนั้น
อยู่ๆ ก็มีปืนมาจี้ที่หลังของกริสน์ กริสน์ผงะหน้าซีด แล้วยกมือขึ้นเป็นสัญญาณว่ายอมแล้ว
“เฮ้ยๆ...ว่าไง..ทำไมเงียบไปเล่า” ภัทรดนัยส่งเสียงถาม

ป๊อปคอร์นวิ่งหนีออกมาแล้วก็ต้องเบรคเอี๊ยด เพราะมีบอดี้การ์ด 2-3 คนยืนดักอยู่ตรงหน้า บอดี้การ์ดถือถุงกระสอบไว้เตรียมจะครอบจับ ป๊อปคอร์นจะถอยหนีก็มีบอดี้การ์ดอีกกลุ่มตามมา ล้อมป๊อปคอร์นเอาไว้ ป๊อปคอร์นจนมุมจึงตั้งใจจะวิ่งฝ่า
พวกบอดี้การ์ดรุมจับป็อบคอร์นได้ในที่สุด ป๊อปคอร์นถูกเอากระสอบครอบไว้ ทันใดนั้นรถของแพรวพิลาศก็เข้ามาจอด แพรวพิลาศเปิดประตูพรวดพราดลงมา
“คุณสุขสันต์อยู่ไหน!”
พวกบอดี้การ์ดถึงกับผงะ “คุณแพรว”
บอดี้การ์ดตกใจเผลอปล่อยมือ ป๊อปคอร์นจึงวิ่งหนีออกไปได้
“เจ้านายพวกแกอยู่ในบ้านใช่มั้ย..ไหนบอกว่าประชุม!”
“คุณแพรวครับ คุณแพรวอย่าเพิ่งใจร้อนวู่วามสิครับ..มันมีแต่เสียกับเสียนะครับ เดี๋ยวผมให้เด็กไปตามคุณสุขสันต์ออก..” ฉัตรชัยพยายามเกลี้ยกล่อม
“ไม่ต้องยุ่ง” แพรวพิลาศตอกกลับ
“แต่ผมว่า..” ฉัตรชัยพยายามกล่อม
“จะทำตัวเป็นลูกน้องผู้ซื่อสัตย์ใช่มั้ย แปลว่าพวกแกอยากมีปัญหากับชั้นเพื่อปกป้องเจ้านายแก..ใช่มั้ย ชั้นหายใจไม่ออก ๆ เฮือกๆๆ ฮ้าๆๆ” แพรวพิลาศทำท่าจะขาดใจตาย
“เชิญครับ”
ฉัตรชัยพูดแล้วก้าวถอยหลบให้ทันที แพรวพิลาศหายทันใดแล้วเดินฝ่าเข้าไป
“อภัยให้ผมด้วยนะครับท่าน ผมพยายามสุดความสามารถแล้วครับ” ฉัตรชัยพึมพำ

ภายในห้องทำงานของบ้านสุขสันต์ กริสน์ยังถูกปืนจี้หลังอยู่
“อย่าเพิ่งยิงนะ..ใจเย็นๆก่อน” กริสน์เกลี้ยกล่อม
“คิดจะทำชั่วอะไร บอกมานะ” เสียงโจ๊กพูดขึ้น
กริสน์คุ้นๆ จำเสียงได้ “เอ..เสียง..อย่าบอกนะว่า” กริสน์หันกลับมา พบเด็กๆยืนอยู่ตามคาด “อ๊าก..ว่าแล้ว ..มาได้ไงเนี่ย”
“ใครมา?” ภัทรดนัยถาม
“เราก็แอบสะกดรอยตามน้ามาน่ะสิ..น้าเป็นพวกนายสุขสันต์..แฝงตัวเข้ามาเป็นไส้ศึก คิดจะหลอกพวกเราใช่มั้ย” โจ๊กถาม
“คิดจะทำอะไรน้าพิมบอกมานะ แล้วตอนนี้น้าพิมอยู่ไหน” แจ๊สถามบ้าง
“ชั้นไม่ใช่พวกนายสุขสันต์ ชั้นเป็นพวกเดียวกับพวกเธอ..เชื่อกันหน่อยเซ่..ที่ชั้นมาเนี่ย เพราะจะมาหาหลักฐานว่านายสุขสันต์เป็นคนไม่ดี..พอมีหลักฐานแล้ว เอาไปบอกน้าพิมของพวกเธอ เค้าก็จะได้เชื่อไง ไม่งั้นพูดให้ตายคนอย่างน้าเธอก็ไม่มีวันเชื่อหรอก”
“อย่าบอกนะว่าเด็กๆตามแกมา ฮ่าๆๆ สายสืบมือหนึ่งโดนเด็กสะกดรอย ฮ่าๆๆ” ภัทรดนัยขำกลิ้ง
“เห็นมั้ย จีจ้าบอกแล้วว่าน้ากริสน์ไว้ใจได้” จีจ้ารีบบอก
“ใช่” กริสน์พูดแล้วหันไปเห็นจีจ้าเล่นเกมส์หน้าคอมพิวเตอร์ “เฮ้ย จีจ้า..ทำอะไรน่ะ”
“เล่นเกมส์ค่ะ”
กริสน์รีบปราดไปดูหน้าจอ “เฮ้ย!!! แล้ว..แล้วงานที่ชั้นดาวน์โหลดเอาไว้ล่ะ อย่าบอกนะว่าเธอกดแคนเซิลไปแล้ว ไม่นะ”
“ค่ะ แคนเซิลแล้ว” จีจ้าตอบ
“เฮ้ย” กริสน์ร้องอย่างตกใจ
“เฮ้ย!” ภัทรดนัยร้องด้วย
“ซะเมื่อไหร่” จีจ้าหยิบแผ่นซีดีออกมา “อยู่นี่ค๊า”
กริสน์รีบเข้ามาคว้า “รู้มั้ยว่าในนี้ อาจจะมีหลักฐานอยู่ก็ได้”
“ว้าว ขนม” จีจ้าหยิบขนมสวีทโอปอขึ้นมา “ขนมไรอ่ะ ไม่เคยเห็น ท่าทางจะอร่อย”
จีจ้าทำท่าจะกินแต่กริสน์ดึงขนมคืนมา “หยุดเลย!! ห้ามแตะต้องเคลื่อนย้ายข้าวของในห้องนี้เด็ดขาด ห้ามๆๆ พวกเธอจะทำทุกอย่างเจ๊งกะบ้งกันหมด..ถ้าพวกมันจับได้ว่าเราแอบขึ้นมา..มีแต่ตายกับตายรู้หรือเปล่า..ชั้นอยากจะบีบคอพวกเธอจริงๆ”
อยู่ๆ ก็มีเสียงแกร๊กๆ ดังขึ้น
“ใครทำเสียงอะไร” กริสน์ถาม
“อะไรอีกว่ะ..เสียงอะไร” ภัทรดนัยถามบ้าง
กริสน์หันมาโวยเสียงเบาๆ “หยุดซะทีไอ้ภัทรดนัย แค่นี้ก็ยุ่งจะบ้าแล้ว พูดแทรกมาอยู่ได้”
กริสน์หันมาทางเด็กๆ “ตกลงเสียงอะไร”
กริสน์มองหาที่มาของเสียง พวกเด็กๆ แบมือออกเพื่อบอกว่าไม่ได้ทำ
“หา เสียงมาจากประตูคะ” จีจ้าวิ่งไปที่ประตูทันที
“อย่าเปิด!”
กริสน์ตามไปห้าม แต่ช้าไปแล้วเพราะจีจ้าเปิดประตูพรวดทันที ทั้งหมดเห็นป๊อปคอร์นที่อยู่หน้าห้อง วิ่งเข้ามา
จีจ้ากอดสุนัขสุดรัก “ป๊อปคอร์นๆๆ”
“หมาก็มาหรอ?? โอย..ตายๆๆโดนจับแน่แก” ภทัรดนัยเซ็ง
สักพักก็มีเสียงคนวิ่งตามป๊อปคอร์นขึ้นมา
“มันวิ่งไปที่ห้องทำงานแล้ว ไปจับมันเร็วๆๆ” เสียงบอดี้การ์ดสั่งงานดังขึ้น กริสน์อึ้งแล้วถอย เขาทำมือจุ๊ๆให้เด็กๆเงียบ อยู่ๆป๊อปคอร์นก็กระโดดออกจากมือจีจ้าไปที่โต๊ะทำงาน
“ป๊อปคอร์น” จีจ้าเรียก
“ชู่ว์...” กริสน์ทำเสียงให้เงียบ
มีเงาคนมาหยุดที่หน้าห้อง แล้วก็มีการบิดลูกบิดดังแกร๊กๆ
“ทำไมชอบหาเรื่องยุ่งมาให้ชั้น...ไปๆๆ” กริสน์พาเด็กลุกออกไป
“ป๊อปคอร์นๆๆ” จีจ้ายังเรียกสุนัขของเธอ
ป๊อปคอร์นกำลังกินขนมสวีทโอปออยู่
เสียงบอดี้การ์ดคนหนึ่งพูดขึ้นที่ประตู “มันล็อก แกมีกุญแจมั้ยวะ เอามาไขเร็วๆ”
มีเสียงหยิบพวกกุญแจออกมา เสียงดังกุ๊งกิ๊งเหมือนว่าลูกกุญแจเยอะมาก “ดอกไหนวะ อืมมม ไม่ใช่ดอกนี้”
กริสน์ถอยไปที่ระเบียง แต่ก็ต้องผงะ เพราะเห็นพิมมาดากับสุขสันต์ยังดินเนอร์กันอยู่
“แล้วแกจะทำยังไงล่ะทีนี้” ภัทรดนัยถาม
“นั่นเป็นคำถามที่ชั้นต้องถามแก ไม่ใช่แกมาถามชั้น” กริสน์บอก
ทันใดนั้นก็มีเสียงไขประตูดังขึ้น พวกกริสน์เบรกเอี๊ยดแล้วยืนทื่อ แทบหยุดหายใจเพราะทำอะไรไม่ทันแล้ว ประตูค่อยๆเปิดออกอย่างช้าๆ อยู่ๆป๊อปคอร์นก็กระโจนไปที่ประตู มันวิ่งมุดออกไป พวกบอดี้การ์ดหันไปเห็นหมาจึงรีบวิ่งตาม
“มันออกมาแล้ว ไปนั่นแล้ว ตามๆ”
พวกบอดี้การ์ดวิ่งไปไล่จับป๊อปคอร์นจึงไม่ได้เดินเข้ามาในห้อง กริสน์โล่งอก เขารีบพาเด็กๆหนีออกไปทันที

ที่ริมสระน้ำ สุขสันต์กำลังเอาใจพิมมาดาอยู่
“เสียง..เอ่อ เสียงอะไรจากในบ้านเหรอคะ” พิมมาดาถาม
“อย่าไปสนใจเลยครับคุณพิม เราทานอาหารของเราต่อเถอะครับ” สุขสันต์ตักอาหารให้ “ทานนะครับ แล้วถ้าติดใจ จะได้มาทานอีกบ่อยๆ”
ทันใดนั้นเองแพรวพิลาศก็เดินเข้ามา
“คุณสุขสันต์!”
“แพรว” สุขสันต์ช็อกจนตาค้าง ช้อนหล่นจากมือทันที
พิมมาดามองอย่างงงๆ แพรวพิลาศเดินฉับๆ ปราดเข้ามาตรงหน้าแล้วจ้องหน้าพิมมาดา แต่แล้วอยู่ๆก็ทำเป็นยิ้มแย้มอย่างเป็นมิตรเต็มที่
“สวัสดีค่ะ..แพรวค่ะ..แพรวา พุทธาอภินันท์ ลูกสาวคนเดียวของ..คนที่คุณก็รู้ว่าใคร ก็หัวหน้าพรรคที่คุณสุขสันต์อยู่ไงคะ”
“ค่ะ..พิมค่ะ..พิมมาดาค่ะ”
“ผมว่า..พิมกลับก่อนเถอะนะ ไปๆ” สุขสันต์บอก
“เสียมารยาท..แพรวกำลังทำความรู้จักเพื่อนใหม่คุณอยู่นะคะ..คุณพิมขา นามสกุลล่ะคะ นามสกุลอะไร ดังหรือเปล่า ผู้ดีเก่าหรือเศรษฐีใหม่”
“ไม่ใช่ทั้งนั้นค่ะ พิมเป็นชาวบ้านธรรมดาๆ” พิมมาดาตอบ
“ลูกตาสีตาสาเหรอคะ” แพรวพิลาศทำท่ารังเกียจ “หว๋าย ไม่อยากจะเชื่อ แบบนี้เวลาทำอะไรผิดก็ต้องดิ้นรนหาทางรอดเอาเอง ไม่มีพ่อแม่มาช่วยเคลียร์ใช่มั้ยคะเนี่ย..ว้าว!! เก่งจังเลยค่ะ ทำได้ยังไงอ้ะ..เก่งสุดๆไปเลยเนอะที่รักเนอะ” แพรวพิลาศรีบเข้าไปควงแขนสุขสันต์ทันที
“ที่รัก?” พิมมาดางง
“ไม่ใช่อย่างที่...” สุขสันต์พยายามอธิบาย
“ใช่ค่ะ แพรวเป็นแฟนคุณสุขสันต์..อย่าบอกนะคะว่าไม่ทราบ”
พิมมาดาหันไปมองสุขสันต์อย่างอึ้งๆ
“พิมครับ” สุขสันต์พยายามจะแก้ตัว
แพรวพิลาศหันมาพูดกับสุขสันต์ “คุณคะ คุณไปหิ้วเค้ามา แล้วก็ไม่บอกความจริงเค้าอีกแล้วเหรอ..แพรวบอกแล้วไง แพรวไม่เคยว่าถ้าคุณจะรักสนุก แต่ก็แฟร์ๆหน่อยสิคะ บอกความจริงเค้าไป..อย่าไปหลอกลวงเค้า ..แค่เกิดมามีนามสกุลไก่กาก็แย่แล้ว อย่าไปซ้ำเติมเค้าอีกเลย สงสาร”
“พิมว่า..พิมกลับก่อนดีกว่า”
พิมมาดาพูดแล้วลุกจะกลับ
“อ้าว จะกลับแล้วเหรอ..หายคันแล้วเหรอคะ”
แพรวพิลาศจิกต่อ พิมมาดาหน้าชา ทนไม่ได้ รีบเดินหนีออกไปทันที

พิมมาดาเดินออกมาที่รถที่จอดอยู่ เธอมาหยุดหน้ารถ ในหัวมึนงงคิดอะไรไม่ออก
ยามเดินเข้ามาพินอบพิเทา “คนขับรถคุณไปห้องน้ำครับ ตั้งนานแล้ว แหะๆ สงสัยจะศึกหนัก..รอสักครู่ครับ เดี๋ยวผมไปตามให้นะครับ”
กริสน์วิ่งกลับมาพอดี
“มาแล้วครับๆๆ..อ้าว ลุง จะมายุ่งอะไรอีก ไปๆ ไปเปิดประตูบ้านให้ผมด้วยสิคร้าบ” กริสน์หันมาพูดกับพิมมาดา “ทำไมรีบกลับนักล่ะคุณ” กริสน์รีบเอาหูฟังออก
ทันใดนั้นเอง แพรวพิลาศก็เดินตามมา สุขสันต์เดินตามมาด้วย
“พอแล้วแพรว” สุขสันต์ปราม
“ถ้าจะมาอีกเมื่อไหร่ มาได้เลยนะคะคุณพิมไม่ต้องเกรงใจ คุณสุขสันต์ชอบช่วยเหลือเด็กยากจนและ..พวกอดอยาก ขาดแคลน..แด่น้อง..ผู้หิวโหย....อยู่แล้ว”
กริสน์ยืนงงๆ แล้วพยายามจะปะติดปะต่อเรื่อง ระหว่างนั้นพวกเด็กๆ ก็ย่องก้มๆมุดๆ มาแอบปีนขึ้นไปที่ท้ายรถ พิมมาดาหน้าชาเพราะถูกกระแหนะกระแหน เธอจะเปิดประตูรถแต่ก็เปิดไม่ออก
“เปิดประตู” พิมมาดาสั่ง
“หา” กริสน์ยังงง
“เปิดประตู”
“อ่อ ครับๆ”
“กลับไปหยอดน้ำมันด้วยนะคะ จะได้เปิดง่ายขึ้น” แพรวพิลาศซัดอีกหนึ่งดอก
กริสน์รีบไขแล้วเปิดประตูรถให้ พิมมาดาเปิดพรวดขึ้นไปนั่งทันที กริสน์ตามขึ้นไปนั่งที่คนขับแล้วมองพิมมาดาอย่างสงสัย แต่พิมมาดานั่งนิ่ง ไม่ไหวติงใดๆ กริสน์คาดเข็มขัด เขามองผ่านกระจกหลัง เห็นพวกเด็กๆแอบขึ้นรถมาหมดแล้วรวมทั้งป๊อปคอร์นด้วย กริสน์จึงออกรถทันที
แพรวพิลาศโบกมือส่งพิมมาดาอย่างเสแสร้ง พอรถพิมมาดาแล่นออกไป แพรวพิลาศก็หันมาจ้องสุขสันต์ด้วยสายตาพิฆาต จนสุขสันต์หน้าซีด
“สงสัยเราคงต้องคุยกันหน่อยนะคะ..คุณสุขสันต์”


พิมมาดานั่งอยู่ในรถ เธอพยายามสะกดอารมณ์เอาไว้ด้วยการทำหน้าตาเรียบเฉย ไร้อารมณ์ บรรยากาศในรถเงียบเชียบ กริสน์ทำตัวไม่ถูกแต่ก็พยายามหาเรื่องคุย
“เปิดเพลงฟังดีกว่านะคุณ..เมื่อกี้ตอนรอคุณ ผมฟังเพลง มีแต่เพลงเพราะๆ ฟังแล้วอารมณ์ดีทั้งนั้น” กริสน์กดเปิดวิทยุ เพลงในวิทยุดังขึ้น
อยากเป็นคนรัก ไม่ได้อยากเป็นชู้...
“เฮ้ย!” กริสน์รีบปิดแทบไม่ทัน “ คลื่นอะไรเนี่ย เปิดเพลงไม่ได้เรื่อง เปลี่ยนๆ”
แฟนเก็บอยู่อย่างเจ็บๆอย่างคนเป็นน้อย..
“เฮ้ย!! ไม่ฟังแล้วๆๆ เปิดซีดีดีกว่า” กริสน์รีบปิด
พิมมาดานั่งเงียบไม่ไหวติงใดๆ ทั้งสิ้น
“อืม..นั่งเงียบๆก็ดีเหมือนกัน”
กริสน์พูดแล้วนิ่งไปเพราะรู้ว่าทำอะไรก็ไม่เวิร์ค แต่เขาก็คอยเหลือบมองอย่างห่วงใยเป็นระยะๆ
พิมมาดาเอาแต่นั่งนิ่งมองไปข้างหน้า

ที่บ้านของสุขสันต์ แพรวพิลาศเดินรุกไล่สุขสันต์ สุขสันต์ถอยหลังกรูด
“แพรวไว้ใจคุณมาตลอด..อุตส่าห์ช่วยเชียร์กับคุณพ่อให้เสมอว่าคุณเหมาะสมที่จะได้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงนั้นกระทรวงนี้ แล้วนี่เหรอ ที่คุณตอบแทนแพรว..คอยดู..แพรวจะฟ้องคุณพ่อ..ให้ปลดคุณออก ชาตินี้ไม่ต้องหวังจะกลับมาเล่นการเมืองอีกเลย คอยดู”
“ขอเวลาให้ผมห้านาทีเพื่อแถลงเหตุและผลของผมบ้างได้มั้ย” สุขสันต์ต่อรอง
“ไม่ต้องมาแถลง ชั้นไม่ไว้วางใจคุณ”
“ผมกับพิมมาดาไม่ได้มีอะไรกันจริงๆ..เค้าแค่มาขอร้องผม..ขอให้ผมช่วยอำนวยความสะดวกให้ธุรกิจนำเข้าดอกไม้นอกของเค้า..ผมเคยปฏิเสธเค้าไปแล้ว แต่เค้าก็มาตื๊อไม่เลิก ผมก็ไม่รู้จะทำยังไง..ก็ได้แต่ฟังไปตามมารยาท”
“ไม่ต้องมาทำเป็นลิ้นชาละวัน ชั้นไม่เชื่อคุณ”
“เชื่อผมสิ ผมไม่ได้คิดอะไรกับพิมมาดาเลย..ยัยนั่นมีลูกแล้ว ตั้งสามคน..ผมจะเอาไปทำอะไร”
“มีลูกแล้ว”แพรวพิลาศตกใจ
สุขสันต์ได้ทีรีบรุกกลับ “สามคน อายุสิบ แปด และหกขวบตามลำดับ..แพรว มันเป็นเรื่องธุรกิจล้วนๆ..แพรวเคยบอกไม่ใช่เหรอว่า ผมเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ดี..แพรวก็น่าจะเชื่อในวิสัยทัศน์เรื่องคนรักของผมนะ..นะ”
“ครั้งนี้แพรวจะให้โอกาสคุณ แต่ถ้ามีครั้งต่อไป..คุณ” แพรวพิลาศใช้นิ้วปาดคอตัวเองขู่สุขสันต์

กริสน์ขับรถมาจอดที่บ้านพิมมาดา พิมมาดาเดินลงจากรถในสภาพล่องลอย ไม่พูดไม่จาด้วย กริสน์หันมาสบตากับพวกเด็กๆที่อยู่ท้ายรถ เขารู้ทันทีว่าต้องหาจังหวะให้เด็กๆ จึงรีบตามไปขวางพิมมาดาไว้
“คุณ..เดี๋ยวๆ”
กริสน์วิ่งมาขวางพิมมาดาไว้ โดยตั้งใจถ่วงเวลาให้เด็กๆ แอบเข้าบ้านก่อน เขาจึงจับให้พิมมาดาหมุนตามมาโดยหันหลังให้พวกเด็กๆ “คุณ..หันมาดูอะไรที่นั่น..ร้านดอกไม้..พี่เต๋าพี่เต้ยหลับอยู่นั่น..แวะไปดูหน่อยมั้ยว่าเรียบร้อยหรือเปล่า ไปๆๆ”
“ปล่อยชั้น” พิมมาดาบอก
“เดี๋ยวสิคุณ” กริสน์ตามไปขวางไว้อีก
“อย่ามายุ่งกับชั้น!”
พิมมาดาผลักกริสน์ออกไป กริสน์ยิ่งงง พิมมาดาเดินเข้าบ้านไป
“หนอย..นี่ เห็นว่าอกหักนะ เลยยอมให้วันนึง ไม่งั้นนะ ฮึ่ม”
กริสน์บ่นแล้วหันมาอีกด้าน ก็เจอป๊อปคอร์นที่กำลังกระโดดๆ ไม่หยุด
“เป็นอะไรของแก ดีใจอะไร”
กริสน์เดินผ่านไป แต่แล้วก็ต้องชะงัก พอหันกลับมาอีกที ป๊อปคอร์นก็ยังกระโดดไม่เลิก
“เป็นหมารึจิงโจ้เนี่ย” กริสน์แปลกใจ

พิมมาดาเดินมาที่หน้าห้องเด็กๆ แล้วเปิดประตูเข้าไปดูที่ห้องแจ๊สพบว่าในห้องว่างเปล่า ไม่มีแจ๊สอยู่ในห้อง พิมมาดาแปลกใจ เธอมาเปิดดูห้องโจ๊กกับจีจ้า ก็พบเด็กๆ นอนอยู่ด้วยกันอย่างระเกะระกะ พิมมาดาโล่งใจ
พิมมาดามองสภาพการนอนของเด็กๆ แล้วเดินเข้าไปจัดการ เธอหยิบเอาหมอนมาหนุนหัวให้แจ๊สที่นอนอยู่กับพื้น แล้วจึงจัดการโจ๊กให้นอนดีๆ จากนั้นจึงห่มผ้าให้จีจ้า แล้วหยิบตุ๊กตามาให้เธอกอด
พอจัดแจงทุกอย่างเสร็จ พิมมาดาก็ทรุดลงนั่งพิงเตียงใกล้ๆกับพวกเด็กๆ เธอนั่งเหม่อลอยกับเรื่องของตัวเองเพราะไม่รู้จะจัดการยังไงต่อไปดี
พวกเด็กๆที่นอนอยู่แอบหรี่ตามองอย่างเห็นใจน้า ทั้งสามหันมาขยิบตาให้กันแล้วทำท่าบุ้ยใบ้ใส่กัน จีจ้ากลิ้งตัวมาคนแรก เธอมานอนใกล้ๆ พิมมาดาจึงเอามือโอบไว้ สักพักโจ๊กกับแจ๊สก็ตามมานอนข้างๆพิมมาดาด้วย ทั้งหมดโอบๆ พิมมาดาเอาไว้
พิมมาดาร้องไห้เงียบๆ


สุขสันต์เดินกลับเข้ามาในห้องทำงาน
“ยัยแพรว..” สุขสันต์ทำหน้านิ่งๆ แต่อมยิ้ม “ทำเป็นมาขู่..อีกไม่นานทั้งเธอทั้งพ่อเธอจะโดนชั้นเขี่ยแน่”
ฉัตรชัยกับฮิมเดินตามเข้ามา
“คุณแพรวกลับไปเรียบร้อยแล้วครับท่าน” ฉัตรชัยรายงาน
“ดีมาก” สุขสันต์พูดแล้วชกเปรี้ยงเข้าที่หน้าของฉัตรชัย “โอ๊ยๆ” สุขสันต์เจ็บมือเอง “ชั้นให้แกพาคุณแพรวไปเถลไถลที่ไหนก็ได้..จะใช้จ่ายเงินเท่าไหร่ก็ได้ แค่อย่าพากลับมา..แต่แกก็ทำไม่ได้ มันน่ากระทืบให้ตาย”
“ท่านครับ ผมพยายามแล้ว แต่มันมีไอ้ตำรวจจอมแส่” ฉัตรชัยบอก
“ฮะ..ตำรวจ..ตำรวจมาเกี่ยวไรด้วย” สุขสันต์งง
“มันชื่อสารวัตรมาวิน มันบอกว่า..มันเป็นแฟนพิมมาดา แล้วมันดอดมาฟ้องคุณแพรว”
“หา..ไรนะ มีแฟนเป็นสารวัตร ไหนว่ามันไม่มีใครไง แล้วเป็นไรไม่เป็น ดันเป็นตำรวจ!”
“น่าจะเป็นไอ้แฟนเก่าที่หวนกลับมาเพราะหวงก้างน่ะครับ..ที่เราเคยได้ข้อมูลมา..ว่ามันเคยทิ้งยัยนี่ไป เพราะทนไอ้พวกเด็กนรกไม่ไหว” ฉัตรชัยรายงาน
“แล้วชั้นจะทำไงต่อวะเนี่ย”
“เดี๋ยวนี้ท่านมีเวลาว่างเล่นเกมส์ด้วยหรอคับ” อิมถาม
สุขสันต์หันไปที่โต๊ะทำงาน แล้วก็ต้องแปลกใจ เขาเห็นธีรเดชยืนมองคอมอยู่ คอมพิวเตอร์กำลังเปิดเกมค้างไว้
“ชั้นไม่เคยเล่นเกมส์” สุขสันต์บอก เขาเหลือบไปเห็นขนมสวีทโอปอกระจาย
“ฝีมือใคร?” สุขสันต์ถาม

ที่บ้านของพิมมาดา ป๊อปคอร์นยังคงกระโดดอยู่ กริสน์นั่งยองๆ เท้าคางมองป๊อปคอร์นว่าเมื่อไหร่จะหยุด
“แกไม่เหนื่อยเหรอ..โดดไม่ยอมหยุดเลยนะ ใช่..นี่แกไปคึกอะไรจากไหนมาห๊ะป๊อปคอร์น” กริสน์ถาม ป๊อปคอร์นยังกระโดดไม่หยุด “เอ้า เป็นบ้าไปแล้วเหรอ เดี๋ยวก็เหนื่อยตายพอดี..หยุดโดด หยุดๆ”
กริสน์เข้าไปขวางแล้วไล่ป๊อปคอร์นให้เลิกกระโดด ป๊อปคอร์นวิ่งกวดไปกวดมา กริสน์ยิ่งงง
“เฮ้ย ยังมีแรงวิ่งอีกเหรอวะ..ป๊อปคอร์น..หยุดวิ่ง” กริสน์ไปขวางเส้นทางวิ่งแล้วพยายามจะต้อนจับให้หยุด “หยุดๆๆ”
ป๊อปคอร์นไม่ยอมให้กริสน์เข้าใกล้ มันยังวิ่งๆๆ แล้วสุดท้ายก็หยุด
“หยุดสักที” กริสน์เหนื่อยแทน
“บรู๊ว” ป๊อบคอร์นหอนยาว

ป๊อบคอร์นหอนต่อไปไม่ยอมหยุด

อ่านต่อหน้า 3




มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 5 (ต่อ)

เสียงนกหวีดดังแหวกอากาศขึ้นที่บ้านพิมมาดาในตอนเช้าวันต่อมา ไฟที่หน้าต่างของแต่ละห้องสว่างขึ้น

แจ๊สเปิดผ้าห่มที่คลุมโปงอยู่แล้วพยายามลุกขึ้น เธอเดินงัวเงียไปทางห้องน้ำ
ที่ห้องโจ๊ก โจ๊กกลิ้งตัวออกมาจากตู้เสื้อผ้าแล้วลุกขึ้นมาต่อยอากาศพร้อมร้อง “อะโช๊ะๆๆ” ส่วนจีจ้าเดินหลับตามาเปิดประตูห้องพูดเบาๆ ใส่หูป๊อบคอร์นที่นอนเพลียอยู่เพราะเมื่อคืนวิ่งทั้งคืน
“ป๊อบคอร์นตื่น...อย่าเอาเปรียบกันซิ”
ป๊อบคอร์นหรี่ตาข้างหนึ่งขึ้นมาดู แล้วก็อ้าปากหาวหลับต่อ แจ๊ส โจ๊ก แปรงฟันถูสบู่และสระผม ทั้งๆที่ยังหลับตาอยู่
หน้าปัดนาฬิกาตัวเลขถอยหลังลงเรื่อยๆ 5…4…3…2…1 กริสน์เป่านกหวีดเสียงดัง

เวลาผ่านไป แจ๊ส โจ๊ก และจีจ้ากำลังนั่งใส่รองเท้านักเรียนอยู่ที่บันไดหน้าบ้าน ส่วนป๊อบคอร์นยังคงหลับอยู่ข้างๆเด็กทั้งสาม
“ป๊อบคอร์น เป็นอะไร? ทำไมดูง่วงเกินเหตุ” จีจ้าถาม
“ไม่รู้ซิ ไม่ใช่หมาอ่ะ” โจ๊กตอบแทนแล้วมองหา “ว่าแต่วันนี้น้าพิมไปไหน? ไม่เห็นลงมากินข้าวเช้าเลย”

ในห้องนอนของพิมมาดาเตียงว่างเปล่า ดอกไม้เหี่ยวเฉา ลมพัดเข้ามาเบาๆ จนผ้าม่านพลิ้ว วิทยุกำลังเล่นเพลงอกหักอยู่
แต่ทำไม ทำไม ต้องจำ เมื่อเธอไม่คิดจริงใจ ทำไม ทำไม ความรักที่เธอนั้นลืมต้องเก็บไปคิดฟูมฟาย อะไร อะไร ยังย้อนเข้ามา ทุกช่วงเวลา นั้นยังไม่เคยจางหาย วันที่ฉันมีเธอ ไม่ว่าเวลาจะนานเท่าไร ฉันลืมไม่ได้จริงๆ
ในห้องน้ำ พิมมาดากำลังนั่งตัวเปียกอยู่ใต้ฝักบัว เธอสวมชุดนอนลายทางนั่งตัวเปียกเหมือนกำลังเล่นมิวสิควีดีโออกหักอยู่ พิมมาดาปากสั่น หงึกๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปปิดฝักบัว
“หนาวๆๆ ไม่เข้าใจนางเอกมิวสิคจริงๆ เปิดฝักบัวรดตัวแล้วไง ไม่เห็นได้อะไรขึ้นมาเลย ไข้จะกินมั้ยเนี่ยพิมมาดา”
เสียงโทรศัพท์มือถือของพิมมาดาดังขึ้น พิมมาดาเอาผ้าขนหนูห่มตัวแล้วเดินมาหยิบดู หน้าจอโทรศัพท์ขึ้นชื่อสุขสันต์ พิมมาดาตัดสินใจไม่รับ โทรศัพท์ดังอยู่นานจนดับไป หน้าขอแสดงว่าสุขสันต์โทรเข้ามาถึง 99 Miss calls


ภายในรถกระบะของพิมมาดา กริสน์เลิกโทรศัพท์แล้วหันมาบอกเด็กๆ
“เอ้า! ถึงโรงเรียนแล้ว ลงจากรถกันได้”
กริสน์มองกระจกหลัง เห็นแจ๊สกับโจ๊กกำลังหลับหัวพิงกระจกรถอยู่คนละข้าง กริสน์กวาดตามาที่เบาะหน้าเห็นจีจ้านอนอ้าปากหวออยู่ กริสน์คว้านกหวีดเป่าดังปรี๊ดจนเด็กๆสะดุ้งโหยงขึ้นมานั่งตัวตรง
“ถึงโรงเรียนแล้ว ลงจากรถ หิ้วกระเป๋าเข้าโรงเรียนได้ ปฏิบัติ!” กริสน์เสียงดัง
“ทราบ!” เด็กๆ ขานรับ
แจ๊ส โจ๊กและจีจ้าหิ้วกระเป๋าแล้วเปิดประตูลงจากรถ
กริสน์พยายามโทรหาพิมมาดาแต่ก็โทรไม่ติด
“อะไรจะสายไม่ว่างตลอดอย่างนี้!” กริสน์บ่น

ที่ห้องนอนของพิมมาดา พิมมาดากำลังไดร์ผมอยู่ที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นที่หัวเตียง พิมมาดาปิดไดร์แล้วมองผ่านกระจกไปยังโทรศัพท์ที่ดังอยู่ เธอตัดสินใจไม่รับแล้วเปิดไดร์เป่าผมต่อไป สักพักก็ปิดไดร์อีก
“ รับไปเหอะพิม เขาอุตส่าห์พยายามโทรมาครบร้อยครั้งละ ก็คุยกับเขาซะมันจะได้จบๆ” พิมมาดาพูดกับตัวเอง
พิมมาดาเดินไปคว้าโทรศัพท์ขึ้นมารับสายทันทีโดยไม่ทันดูหน้าจอ
“คุณสุขสันต์คะเลิกโทรมาเถอะคะพิมไม่ต้องการคำอธิบายใดๆ พิมเข้าใจทุกอย่างแล้ว”
กริสน์ที่โทรหานั่งอยู่ในรถอย่างงงๆ
“นี่กริสน์ ไม่ใช่สุขสันต์ หัดตั้งสติบ้าง”
-พิมมาดาชะงักแล้วมองหน้าจอ จากนั้นก็เปลี่ยนเสียงทันที
“มีอะไรก็รีบๆพูด เปลืองค่าโทรศัพท์”
“ผมเป็นคนโทร คุณไม่เสียตังค์ซะหน่อย ผมแค่จะโทรมาบอกคุณว่า ให้เตรียมตังค์ค่าน้ำมันรถไว้คืนผมด้วย เมื่อเช้าผมเติมไปเกือบสองพัน”
“ส่งหลานๆชั้นเรียบร้อยหรือยัง” พิมมาดาถาม
“เรียบร้อยแล้ว..สองพันบาท”
พิมมาดากลอกตา “แค่นี้นะ”
พิมมาดาวางสาย กริสน์กดวาง เขามองโทรศัพท์แล้วยิ้ม
“เลิกกันไปเลยๆๆๆ ยิปปี้ เอ..แล้วเราจะดีใจเพื่อ..??? เราต้องเป็นกาวใจนี่หว่า กาวใจๆ เฮ้อ” กริสน์พูดกับตัวเอง
กริสน์ทำท่าเซ็งแล้วมองกระจกหลังเตรียมจะถอยรถ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นการบ้านของโจ๊กอยู่ที่เบาะหลัง
“เฮ้ย..นายโจ๊กลืมการบ้าน!”

ที่ห้องเรียนโจ๊กโจ๊กกำลังยืนฟังเมทินีด่าด้วยท่าทางนิ่งๆ และมีสีหน้าเบื่อหน่าย
“เมไม่ยอมๆ” เมทินีพูดกับปาล์ม “อะไรกันเนี่ย ทำไมคุณครูปล่อยให้เด็กชั่วลอยนวล ดูสิคะ ผ่านมาตั้งหลายวัน ลูกชายเมยังหุบปากไม่ลงเลย เมื่อวานจะกินพล่าปลาแซมม่อนก็กินไม่ได้ เพราะแสบมว้ากกกก..ชิมิเคอะ ลูกแม่!! ไอ้เด็กเหลือขอมันต้องชดใช้อย่างสาสมค่ะ”
“อย่าว่าแต่พล่าปลาแซมม่อนเลยค้าบบบ.. ผัดเผ็ดเนื้อแกะ ลาบนกกระจอกเทศ ตลอดจนต้มยำปลาหิมะ ปาล์มมี่ก็ต้องอดทั้งหมด..แง” ปาล์มร้องไห้
“โธ่ สตรอเบอรี่ ตะกี๊ชั้นเห็นนายกินข้าวเหนียวกะตีนไก่จิ้มแจ่วอยู่หน้าโรงเรียน” โจ๊กบอก
“โจ๊กพูดความจริงค่ะ หนูเป็นพยานได้” เสียงโอปอดังขึ้น
ทุกคนหันไปมองเห็นโอปอเดินเชิดๆ เข้ามาในห้อง โดยมีเดชหิ้วกระเป๋ามาส่ง
“หนูเห็นคุณป้าเมทีนีป้อนส้มตำปูพริก5เม็ดให้ปาล์มด้วย ที่รถเมื่อกี๊”
“ว้าย..เด็กบ้า มาเรียกชั้นว่าป้า แล้วส้มตำน่ะ พริกแค่3เม็ดเองย่ะ” เมทินีโวยวาย
“โธ่ โอปอ ไม่เข้าข้างพี่น้องปาล์มเลย” ปาล์มบ่น
เดชพูดแทรก “เสี่ยสอนให้คุณหนูโอปอพูดแต่สัจธรรมเท่านั้นครับ”
“แต่ยังไงๆลูกปาล์มก็สูญเสียความสามารถในการกินอาหารเหมือนกันแหละ ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป ลูกปาล์มของแม่ต้องซูบผอมแน่ๆ คุณครูต้องจัดการให้เด็ดขาด”
“คุณเมทินีครับ ผมตัดสินแล้ว โทษหนักสุดสำหรับนายโจ๊กคือพักการเรียนครับ” ครูพงษ์พัฒน์บอก
“นั่นแหละคะที่ดิฉันต้องการ พักการเรียนไปเลย เด็กอันธพาลแบบนี้”
ครูฟ้าใสเดินนำหน้ากริสน์ที่เอาการบ้านเข้ามาให้พอดี
“this way pleaseค่ะ สำหรับคุณกริสน์ let’s go to the class room เลยค่ะ” ครูฟ้าใสพูดเป็นชุด
“นี่ครับๆ การบ้านนายโจ๊ก..อย่าเพิ่งทำโทษครับ ..เอ๊ะ ทำไมดูซีเรียสกันจริง” กริสน์งง
“ว้าย..คุณกริสน์” เมทินีดีใจ
“โอ้..ครูฟ้าใส เดอะไดเร็คเตอร์ ออฟเดอะ ดีพาร์ทเม้นท์ คุณพาผู้ปกครองนายโจ๊กมาพอดี ดีครับ เราจะได้เคลียร์เรื่องเด็กในความดูแลของเค้าให้จบ” ครูพงษ์พัฒน์บอก
“oh! What’s going on? เกิดอะไรขึ้นคะ What’s going on??”


ณ ร้านดอกไม้พริมโรส เต๋ากับเต้ยพยักหน้าหงึกๆ เมื่อรู้เรื่องของสุขสันต์จากพิมมาดา พิมมาดาอุ้มป๊อบคอร์นที่หลับอยู่บนตักไปด้วย
“แต่จะว่าไปมันก็น่าอยู่หรอกคะ เพราะคนเพอร์เฟคอย่างคุณสุขสันต์ไม่น่าจะหลุดรอดมาถึงพี่พิมได้จริงๆ” เต้ยบอก
พิมมาดามองเต้ยหน้าดุๆ เต้ยหน้าเจื่อนลงทันที
“เต้ย! ตบปากตัวเองเดี๋ยวนี้” เต๋าสั่ง
“ไม่ต้องตบหรอก เต้ยพูดถูกแล้วละ พี่มันไม่เจียมตัวเอง” พิมมาดาเสียงอ่อน
“อย่าพูดอย่างนั้นซิคะพี่พิม พี่พิมมีค่า พี่พิมคือนางฟ้าของพวกเรานะคะ” เต้ยบอก
“ถูก เดี๋ยวคุณสุขสันต์เขาต้องมาง้อพี่พิมแน่ๆ” เต๋าให้กำลังใจ
เสียงกระดิ่งที่แขวนไว้ที่ประตูร้านดังขึ้น
“นั่นไง พูดยังไม่ทันขาดคำ มาแล้ว!” เต้ยทัก
ทุกคนหันไปมองที่หน้าประตูพร้อมกับลุกขึ้นยืนต้อนรับ ทั้งสามยิ้มกว้างแล้วก็หุบทันทีเมื่อเห็นมาวินยืนยิ้มแฉ่งอยู่ที่หน้าประตู

ในห้องเรียนของโจ๊ก
“น้ากริสน์..ผมโดนพักการเรียน..น้าต้องโดนน้าพิมปลดออกจากหน้าที่แหงๆเลย” โจ๊กหน้าเสีย
“อะไรนะ” กริสน์ตกใจ
“ผมเสียใจครับ” โจ๊กบอก
ปาล์มหัวเราะงอหงาย
“what does it meanคะ? หมายความว่าไง คุณจะโดนปลดอะไรคะ” ฟ้าใสถาม
“ผมก็คง..จะหมดหน้าที่..ที่จะมาดูแลเด็กๆ แล้วเราคงไม่ได้พบกันอีกครับ..ครู..” กริสน์หันมาพูดกับฟ้าใส “ผมคงไม่ได้มาที่โรงเรียนนี้อีกแล้ว”
“oh no….ไม่!! Impossible เป็นไปไม่ได้ impossible” ครูฟ้าใสคร่ำครวญ
“อะไรกันๆๆ ไหน คุณกริสน์ ไหนคุณช่วยพูดให้รู้เรื่องหน่อยซิ คุณจะไม่มาที่นี่....เพราะอะไร” เมทินีผสมโรงด้วย
“ไม่มีอะไรครับ น้าของโจ๊ก ฝากโจ๊กให้ผมดูแล แต่ถ้าผม..ดูแลไม่ดีพอ เธอจะเอากลับไปดูแลเอง..ผมก็หมดหน้าที่..ไม่ต้องยุ่งมาส่งมารับเด็กๆอีก ก็ดี..ผมจะได้ไม่เสียเวลาทำมาหากิน ลาก่อนนะครับ คุณเมทินี..เราคงจะไม่ได้เจอกันอีก” กริสน์พูดเสียงอ่อยแล้วแสร้งตีหน้าเศร้า
เมทินีรีบเปลี่ยนความคิดทันที “ก็ครูพงษ์พัฒน์นะสิคะ ใจร้าย.. จะทำให้เป็นเรื่องใหญ่ไปทำไมคะ แค่เด็กๆทะเลาะกัน น่ารักสมวัยดีออก”
ปาล์มได้ยินก็ตะลึง “หม่ามี้”
“ลูกปาล์มขา ไม่เอานะคะลูก เราต้องรู้จักให้อภัยไม่ผูกใจเจ็บ แม่เคยสอนบ่อยๆไม่ใช่เหรอคะว่า เวรต้องระงับด้วยการไม่จองเวร”
“หม้ามี้สอนตอนไหน?” ปาล์มงง
โจ๊กหัวเราะงอหงายกว่า ส่วนครูฟ้าใสแอบหมั่นไส้เมทินีแต่ก็หันมายิ้มดีใจกับกริสน์ เมทินีแอบหยิกปาล์ม แล้วยิ้มหวานใส่กริสน์
“นี่..ตกลง คุณเมทินีจะเอายังไงกันแน่ครับ” ครูพงษ์พัฒน์ถาม
“ถ้าจะให้โจ๊กพักการเรียนตั้งแต่วันนี้ ผมกับโจ๊กก็ขอลาล่ะครับ” กริสน์ตัดบท “ไปโจ๊ก..bye ฮะ ครูฟ้าใส ผมคงคิดถึงคุณ..ลาก่อน คุณเมทินี ผมจะไม่ลืมคุณเลย” กริสน์เผลอหันไปลาเดช “ไปก่อนนะครับพี่เดช” กริสน์จูงโจ๊กออกไป
“เออ ไปเถอะ” เดชพูด
กริสน์กับโจ๊กเดินออกไป ทั้งคู่หันมามองหน้ากันแล้วแอบยิ้มอย่างสะใจ เดชมองตามแล้วหันมาพูดอย่างงงๆ กับตัวเอง
“ไอ้หมอนั่นมันรู้จักชื่อเราได้ไงวะ?” เดชคิด “จะว่าไป หน้าตามันก็ดูคุ้นๆ เหมือนเคยเจอที่ไหน”
เดชมองตามกริสน์แล้วก็พยายามคิด
ฟ้าใสกับเมทินีมองตามกริสน์ มองคนอื่นๆ แล้วหันมามองกันเอง จากนั้นก็อุทานพร้อมกันแต่คนหนึ่งอุทานเป็นภาษาไทย คนหนึ่งเป็นภาษาอังกฤษ “ไม่!! / No!!”

ที่ร้านพริมโรส มาวินยืนยิ้มกว้าง ในขณะที่เต๋ากับเต้ยยืนทำตาเขียวใส่ พิมมาดาอุ้มป๊อบคอร์นขึ้นแล้วมองมาวินอย่างเอือมๆ
“พิม..คุณกำลังถูกล่อลวงด้วยเหล่าชายชั่วหรือจะเรียกว่า..คนโฉดก็ได้ แต่คุณไม่ต้องกลัว ผมกลับมาแล้ว” มาวินเปิดฉากพูดกับพิมมาดา
“อะไรเอ่ย ที่บ้านไม่มีกระจก” เต้ยกระแหนะกระแหน
“อะไร” มาวินถาม
“ก็คุณไงล่ะ” เต๋าเฉลย
“จะให้ตักน้ำให้ไหมคะ” เต้ยถามต่อ
“ตักมาทำไม” มาวินงงๆ
เต๋ากับเต้ยพูดพร้อมกัน “ตักน้ำใส่กะโหลก ชะโงกดูเงา”
“พิม ไอ้สองคนนี้มันทรยศ อันตรายมากนะ ที่คุณต้องอยู่ตามลำพัง..คุณอาจจะตกเป็นเหยื่อของกลุ่มบุคคลที่ไม่หวังดี แต่ไม่ต้องกลัว ในสังคมไทย ไม่มีอาชีพใด ที่ให้ความมั่นใจต่อพิมได้ เท่ากับอาชีพตำรวจ” มาวินบอก
“แต่เต๋าว่ามีอาชีพอื่นด้วยค่ะ”
“แส่! อาชีพอะไรจะมาเหนือตำรวจได้” มาวินสวน
“ดูเอาเองสิคะ..เชิญ” เต้ยพูดแล้วผายมือไปหน้าร้าน
ทุกคนหันไปมองที่หน้าร้านเห็นรถสุขสันต์จอดอยู่ ฉัตรชัยวิ่งลงมาเปิดประตูรถให้สุขสันต์ ฮิมจัดระเบียบเสื้อผ้าและฉีดน้ำหอมให้สุขสันต์ มาวินเห็นสุขสันต์ก็อ้าปากค้าง
“ไงคะ อึ้ง ทึ่ง เสียว เลยละซิ” เต้ยกระแหนะกระแหน

กริสน์กำลังขับรถกระบะมุ่งหน้ากลับร้าน อยู่ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น กริสน์ดูหน้าจอเห็นเป็นเบอร์แปลกๆ แต่ก็ตัดสินใจรับสาย
“ฮัลโหล กริสน์พูดครับ”
-ภายในรถของเมทินี เมทินีพูดมือถือพร้อมยิ้มกว้าง
“ขนาดเสียงผ่านสาย ยังหล่อเลยนะคะคุณกริสน์”
กริสน์อึ้ง “นี่คุณเมทินีเหรอ? เอ่อ คุณมีเบอร์ผมได้ไงครับ?”
“ถ้าให้ความรักนำทาง จะหาอะไรก็ไม่ยากหรอกคะ” เมทินีหยอด
กริสน์นั่งขนลุกอยู่ในรถ เขาขับรถมาจอดที่ร้านพริมโรส
“คุณกริสน์ทำงานที่ร้านดอกไม้พริมโรสเหรอคะ?” เมทินีถาม “ร้านนี้เขาดังมาก คุณกริสน์เป็นเจ้าของร้านเหรอคะ?”
“อ้อ ไม่ใช่หรอกครับผมเป็นพนัก...” กริสน์นึกขึ้นได้ “เอ๊ะ!นี่คุณเมทินีรู้ได้ยังไงครับว่าผมทำงานร้าน
พริม โรสอย่าบอกนะว่า....”
กริสน์เอะใจจึงมองกระจกหลัง เขาเห็นรถเมทินีขับมาจอดต่อท้าย เมทินีบ๊ายบายกริสน์ผ่านกระจก
กริสน์หน้าเครียด “แหม...คุณเมทินีนี่ ช่างน่ารักจริงๆเลยนะครับ”
กริสน์กดวางสายด้วยหน้าตาที่เซ็งสุดๆ แล้วบ่นตัวเอง
“ชิปเป๋ง เป็นตำรวจสายสืบยังไงวะเนี่ย ขนาดเจ๊ธรรมดาๆยังสะกดรอยตามไม่รู้ตัว แบบนี้ขืนเป็นไอ้พวกนั้น..มิโดนส่องกบาลเป็นรู ตายไปแล้วเหรอเรา”

ร้านดอกไม้พริมโรส สุขสันต์ยื่นช๊อกโกแลตกล่องใหญ่ให้พิมมาดาแต่พิมมาดาไม่รับ มาวินมองเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างอึ้งๆ
“พิมครับ ขอเวลาให้ผมสักหน่อยนะครับ ผมจะไม่กวนคุณนาน แค่ให้ผมได้อธิบายเท่านั้น” สุขสันต์บอก
“มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะครับ..คุณพิมมาดา” ฉัตรชัยช่วยเจ้านายพูด
มาวินพูดแทรก “นี่มันบอยแบนด์หรือเนี่ย ทุเรศที่สุด”
“ถ้าจำไม่ผิด คุณน่าจะเป็น...” ฮิมคุ้นหน้ามาวิน
“ไอ้สารวัตรจอมจุ้น คนนี้แหละครับ ท่าน ที่..ไปยุยง..” ฉัตรชัยพูดแล้วหลิ่วตาให้สุขสันต์
“อ๋อ..นึกว่าใคร คุณตำรวจ คุณต้องการอะไรไม่ทราบ” สุขสันต์ถาม
สุขสันต์กับมาวินมองเขม่นกัน ฉัตรชัยกับฮิมสืบเท้าเข้ามาประกบสุขสันต์ทั้งซ้ายและขวา ที่ด้านนอกกริสน์เชิญเมทินีเข้ามาในร้าน
“เชิญครับคุณเมทินี โอ๊ะ! วันนี้ที่ร้านมีลดราคาดอกไม้เหรอครับ ลูกค้าแน่นเชียว! เออ..ดูบรรยากาศจะหม่นๆหน่อยนะครับเนี่ย” กริสน์พูด
เมทินีจาม “ฮัดเช่ย!” เธอเหลือบไปเห็นสุขสันต์แล้วจำได้ “เอ๊ะ...นี่มันท่านสุขสันต์นี่คะ” เมทินีก้มลงไหว้แทบติดพื้น “สวัสดีค้า...ไม่ทราบว่ามาใช้บริการดอกไม้ที่ร้านพริมโรสเหมือนกันเหรอคะท่าน?”
สุขสันต์ตอบอย่างขอไปที “เอ่อ ครับ”
กริสน์กระซิบบอกเมทินี “คุณเมทินีครับ ผมว่าท่าทางกำลังมีศึกชิงนางเกิดขึ้นนะครับ เราหลบไปเลือกดอกไม้มุมโน้นกันดีกว่า เดี๋ยวจะโดนลูกหลง”
กริสน์ลากเมทินีไปอีกมุมหนึ่งอย่างรวดเร็ว เมทินีจามใส่สุขสันต์ ฮิมรีบเอาผ้าเช็ดหน้าซับหน้าเจ้านายทันที พิมมาดามองตามอย่างเคืองๆ
เต้ยกระซิบบอกเต๋า “ถ้าคนข้างนอกมองมา จะต้องคิดว่าวันนี้ร้านเราขายดีม๊ากมากเนอะ”
เต๋าเต้ยกุมขมับ สุขสันต์จ้องหน้ามาวินเขม็ง บรรยากาศภายในร้านมาคุ

ที่ร้านเบเกอรี่ เค้กกำลังเสิร์ฟกาแฟให้ลูกค้า เธอมองผ่านกระจกร้านไปเห็นบรรยากาศในร้านพริมโรสที่มีคนเยอะแยะ
“นี่ร้านยัยพิมวันนี้มีอะไร? คนเต็มร้านเลย”
เค้กมองเห็นสุขสันต์ เธอมองต่อไปเห็นมาวิน
“นั่นมันคุณสุขสันต์ ... และก็ไอ้มาวินนี่!”
เค้กรีบถอดผ้ากันเปื้อนแล้วจะวิ่งออกไป แต่ภัทรดนัยเดินสวนเข้ามาก่อน เขายืนขวางเค้กไว้
“รีบร้อนขนาดนี้จะไปยุ่งเรื่องชาวบ้านแน่ๆใช่มั้ยครับ?” ภัทรดนัยถามกวนๆ
“เรื่องชาวบ้านที่ไหนยะ เรื่องเพื่อนสนิทฉันต่างหาก”
“เหรอครับ...แต่ผมว่าคุณควรจะเอาเวลามาดูแลลูกค้าดีกว่านะครับ”
“ลูกค้าอย่างนายไม่ต้องดูแลหรอก” เค้กสวน
“ผมก็ไม่ได้อยากให้คุณดูแลซะหน่อย แต่โน้น ..”
ภัทรดนัยบุ้ยหน้าไปข้างในร้าน เค้กมองตามไปเห็นลูกค้าเต็มร้าน พนักงานเริ่มลนเพราะบริการไม่ทัน
“ลูกค้าคนอื่นๆที่ยืนอยู่เต็มร้านคุณคงต้องการแน่ๆ เพราะพนักงานร้านคุณก็ไม่ใช่ปลาหมึกนี่เนอะ มีแค่สองมือ คงทำงานไม่ทัน”
เค้กหันมามองหน้าภัทรดนัยแล้วทำท่าฮึดฮัด เธอเดินกลับเข้าไปในร้าน ภัทรดนัยยิ้มอย่างมีความสุขที่ได้แกล้งเค้ก

บรรยากาศภายในร้านดอกไม้พริมโรสยังคงมาคุ สุขสันต์กับมาวินประสานสายตากัน กริสน์กับเมทินี ยืนเลือกดอกไม้อยู่ห่างๆ แต่สายตาดูเหตุการณ์อยู่ตลอด
“สรุปว่าคุณคนนี้เขาเป็นอะไรกับคุณครับพิม?” สุขสันต์ถาม
เมทินีกระซิบกริสน์ “นั่นนะซิคะคุณกริสน์ เขาเป็นใคร”
กริสน์ยิ้มแหยๆ ส่วนเมทินีจาม
“เอ่อ...คือ...ว่า...” พิมมาดาอึกอัก
มาวินรีบแทรก “ผมตอบให้ครับพิม” มาวินหันไปพูดกับสุขสันต์ “ขณะที่ท่านสุขสันต์กำลังจีบพิม ทั้งๆที่ตัวเอง..ก็มีคนรักแล้ว.. ผมก็คือคนรักตัวจริงของพิมที่พิมกำลังงอนอยู่นะซิครับ”
เต๋ากับเต้ยทำหน้าเอือมกับความหน้าด้านของมาวิน เมทินีมองอย่างไม่วางตาเพราะอยากรู้อยากเห็นเต็มที่ แล้วเมทินีก็โพล่งออกมา
“ตายแล้ว! ศึกชิงนาง คุณกริสน์นี่ใจดีจริงๆเลยนะคะ ให้ลูกน้องมาเคลียร์ปัญหาชีวิตในร้านด้วย เป็นดิฉันหน่อยไม่ได้ พนักงานทำเรื่องงามหน้าแบบนี้ ดิฉันไล่ออกไปแล้วค้า แหม..แต่ลูกน้องคุณนี่ มีคนระดับนี้มารุมติดพันเลยเหรอ เก๋มาก”
“ครับ..เก๋มากครับ” กริสน์รับส่งๆ
-สุขสันต์หน้าเสีย มาวินทำหน้ายียวนใส่
“จะให้ผมจัดการยังไงครับ..คุณสุขสันต์” ฉัตรชัยถาม
“ก็เข้ามาสิ ไอ้ลูกกระจ๊อก” มาวินท้า
“อ๊าย” เต๋ารีบเข้ามากอดฉัตรชัย “พ่อรูปหล่อ..อย่าไปให้ราคาคนบ้าๆบอๆเลยค่ะ สารวัตรมาวินเนี่ย..เรียกว่าเป็นคนรักเก่า เก๊าเก่า ดีกว่าคะ”
“คุณสุขสันต์กรุณา อย่าไปสนใจนะคะ เชิญคุยกับพี่พิมดีกว่าสารวัตรเค้ากำลังจะกลับอยู่พอดี” เต้ยจัดแจงให้
มาวินนั่งลง “ฉันพูดตอนไหนว่ากำลังจะกลับ?” มาวินหันไปพูดกับสุขสันต์ “เอาเลย คุณนักการเมือง.. เชิญคุณโกหกพกลมได้ตามสบาย ผมฟังด้วยได้ ไม่ถือ”
“ต๊าย..” เต้ยอุทาน
“แรงจัง” เต๋าพึมพำ
“มันเป็นความสามารถพิเศษเฉพาะตัว” มาวินวางท่า
ฉัตรชัยทนไม่ไหวรีบแกะเต๋าออกไปจากตัว แล้วจะเข้าไปจัดการมาวิน มาวินลุกขึ้นทำท่าเตรียมสู้ สุขสันต์ยกมือห้าม
“ฉัตรชัย” สุขสันต์หันไปพูดกับพิมมาดา “ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมพิมถึงไม่ยอมฟังผมอธิบาย เพราะคุณมีคนอื่นอยู่แล้วนี่เอง ผมไม่กวนเวลาคุณดีกว่าครับคุณพิม”
สุขสันต์ยื่นช๊อกโกแลต เขาบอกให้ฮิมวางลงบนโต๊ะ “ช๊อกโกแลตจากสวิตเซอร์แลนด์แทนคำขอโทษจากผม คุณพิมจะรับประทานกับท่านสารวัตรก็ได้นะครับ”
สุขสันต์หันไปพยักหน้ากับฉัตรชัยและฮิมแล้วเดินคอตกออกจากร้านไป ฮิมเดินคอตกตามและตีหน้าเศร้าร่วมกับเจ้านาย พิมมาดายืนอึ้งอย่างสับสน เมทินีที่ดูอยู่ทำหน้าสงสารสุขสันต์
“โถๆๆๆ ท่านสุขสันต์ เป็นคนดีทั้งบนเวทีการเมือง และชีวิตจริงเลย” เมทินีพูดแล้วก็จาม “ฮัดเช่ย”
เต๋ากับเต้ยวิ่งมาประกบพิมมาดา
“คดีพลิกซะงั้น กลายเป็นคุณสุขสันต์งอนพี่พิมเลย” เต้ยบอก
“ไม่เห็นจะต้องสนใจเลยครับพิม” มาวินพูด “ถ้าเค้าจริงใจกับคุณจริงๆ แค่ผมนั่งฟังด้วยมันจะเป็นอะไรไป”
พิมมาดาพูดเสียงดัง “จะกลับไปได้หรือยังคะมาวิน? หรือต้องให้พิมไล่?”
มาวินได้ยินก็อึ้งไป
“ป๊อปคอร์น ..ส่งแขก” เต๋าสั่ง
ป๊อบคอร์นเห่ารัวไล่มาวิน มาวินหน้าจ๋อยรีบออกจากร้านไปทันที เมทินีที่ดูอยู่เรียกพิมมาดา
“นี่เธอ!”
เต๋า เต้ยและพิมมาดาหันมองอย่างงงๆ เมทินีชี้พิมมาดาแล้วพูดต่อ
“เธอนั่นแหละ เคลียร์รางรถไฟเรียบร้อยก็มาทำงานซิจ๊ะ ขอน้ำเย็นฉันแก้ว”
“เดี๋ยวผมไปเอาให้เองครับ” กริสน์บอก
“ทำไมต้องลำบากทำเองด้วยคะคุณกริสน์ อย่าใจดีกับลูกจ้างให้มากเกินไปเลยคะ พวกนี้จะเคยตัว” เมทินีบอกแล้วก็จาม “ฮัดเช่ย! ขอทิชชู่ด้วยนะ”
“ลูกจ้างเหรอ?” พิมมาดาเริ่มเข้าใจ”อ้อ ได้คะ ลูกจ้างก็ลูกจ้าง เดี๋ยวคุณรอสักครู่นะคะ จะไปเอาน้ำเย็นๆกับทิชชู่มาให้”
พิมมาดาเดินผ่านหน้ากริสน์แล้วหยุดพูดอย่างเหี้ยมๆ
“ลืมไปร้านนี้เป็นของคุณกริสน์ ฉันเป็นพนักงานก็ต้องบริการเต็มที่อยู่แล้ว”
พิมมาดาพูดจบก็กระทืบเท้ากริสน์ กริสน์สะดุ้งแล้วยกเท้าขึ้นมาลูบ เขามองพิมมาดาเดินเข้าไปในครัวแล้วก็เหงื่อตก เต๋ากับเต้ยมองเมทินีที่วางมาดอย่างน่าหมั่นไส้ กระเทยคู่ทำปากหมุบหมิบทำนองด่า
“ฮัดเช้ย..โอย..ใครนินทาเนี่ย” เมทินีบ่น

ที่ห้องเรียนของโจ๊ก หัวหน้าห้องยืนขึ้นแล้วสั่งทำความเคารพ
“นักเรียนทำความเคารพ!”
นักเรียนทุกคนยืนขึ้น “ขอบพระคุณคะคุณครู”
คุณครูเดินออกไป เด็กๆรีบเก็บของเพื่อไปกินข้าวกลางวัน โจ๊กเดินออกมาจากห้องเรียนโดยมีโอปอเดินตามมา
“โจ๊กไปกินข้าวด้วยกันมั้ย?” โอปอชวน
โจ๊กนิ่งไม่ตอบ ปาล์มเดินเข้ามาพร้อมกับสมุน
“น้องโอปออยากมีเพื่อนกินข้าวเหรอครับ พี่ปาล์มว่างนะครับ กลางวันนี้ยังไม่มีนัด” ปาล์มบอก
“นี่ไง มีคนอยากไปกินด้วยแล้ว ไปดิ ฉันอยากกินข้าวคนเดียว” โจ๊กรีบบอก
“อยากกินข้าวคนเดียว ฮ่าๆ ทำไม กลัวคนอื่นเห็นว่ากินข้าวเคล้าน้ำตา เพราะครูพงษ์พัฒน์ให้ติดฑัณท์บน คาดโทษเอาไว้รึไง? โธ่ ไอ้ขี้ขลาด” ปาล์มเย้ย
“ฮ่าๆไอ้ขี้ขลาดๆ” ลูกสมุนช่วยกันเย้ย
โจ๊กกำหมัดแน่น แล้วกระทืบเท้าดังปัง ทุกคนสะดุ้ง ปาล์มเริ่มกลัวแต่ยังทำใจดีสู้เสือ
“โอ๊ะๆ ทำเป็น ของขึ้นว่ะ ของขึ้น.. แน่จริงก็มาต่อยชั้นอีกทีซิ เอาเลย!” ปาล์มท้าทาย
“เออ! ต่อยดิ ต่อยเลยๆ” สมุนพูดตาม
โจ๊กจ้องหน้าปาล์มเขม็ง พร้อมกับกำหมัดสะกดอารมณ์แล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวซิโจ๊ก” โอปอเรียก
“อย่าไปสนใจมันเลยครับน้องโอปอ ไปกินข้าวกับพี่ปาล์มดีกว่า”
โอปอเสียงดัง “ฉันอยากกินข้าวคนเดียว!”
โอปอสะบัดหน้าเดินออกไป ปาล์มมองตามอย่างอารมณ์เสียแล้วตะโกนไล่หลัง “เออ...กินคนเดียวก็ได้วะ ไม่ต้องมีใครแย่งกิน!”
ปาล์มหันไปตบหัวลูกสมุน
“ตบหัวผมทำไมอ่ะลูกพี่?” สมุนถามงงๆ
“ฉันหงุดหงิด มีปัญหาเหรอ?”
“คูณเลขไว้ลูกพี่ จะได้ใจเย็น คูณเลข” สมุนอีกคนแนะ
“สองสอง” สมุนท่องนำ
“สี่” ปาล์มท่องต่อ
“สองสาม”
“แปด” ปาล์มท่องผิดๆ ถูกๆ


เต๋า เต้ย พิมมาดาและกริสน์ช่วยกันขนดอกไม้จำนวนมากมาไว้ที่รถของเมทินี เมทินียืนพูดกับกริสน์
“จัดดอกไม้ได้เริ่ดมากค่ะ ต่อไปดิฉันจะมาใช้บริการดอกไม้ของร้านคุณกริสน์บ่อยๆนะคะ คุณกริสน์อาจจะไม่รู้ ดิฉันเป็นคนชอบดอกไม้ม้ากมาก ดั่งคำที่ว่า ผู้หญิงสวยกับดอกไม้งามเป็นของคู่กัน”
พิมมาดาหมั่นไส้ จึงทำเสียงแหวะ เมทินีได้ยินก็ชะงัก
“เป็นอะไรยะ? ขนดอกไม้เสร็จแล้วเหรอถึงมายืนเจ๋อฟังเจ้านายเขาคุยกันนะ หรือกะจะอู้งาน เดี๋ยวให้คุณกริสน์ไล่ออกซะเลย ..ฮัดเช้ย”
พิมมาดามองกริสน์แบบอาฆาต กริสน์หลบตา
เต้ยหมั่นไส้ “คุณผู้หญิงอย่าขู่พี่พิมอย่างนั้นเลยคะ เดี๋ยวพี่พิมก็กลัวแย่”
“ไม่เป็นไรหรอกเต้ย เดี๋ยวพี่ค่อยเคลียร์ทีเดียว” พิมมาดาขู่กริสน์
“กลัวซิดี จะได้ทำตัวเป็นลูกจ้างที่ดี สมกับที่มีเจ้านายที่ดีอย่างคุณกริสน์ อุ้ย! ทำไมเปียกๆ” เมทินีถามแล้วก้มมองดูที่เท้าตัวเอง เธอเห็นป๊อบคอร์นกำลังยกขาหลังฉี่ใส่เท้าเธออยู่
เมทินีโวยวายแล้วสะบัดขาจนป๊อบคอร์นกระเด็น “ว้าย!ไอ้หมาบ้ามาฉี่ใส่ฉันทำไมยะไอ้หมาเจ้านายไม่สั่งสอน!”
พิมมาดาเห็นก็ฉุนรีบวิ่งมาอุ้มป๊อบคอร์น
“ขอโทษจริงๆนะคะ” พิมมาดาทำเป็นด่าป๊อบคอร์นกระทบเมทินี “นี่แนะป๊อบคอร์นสอนกี่ครั้งแล้วว่าอย่าไปฉี่ใส่คนแก่ เดี๋ยวก็เปื่อยหมดพอดี”
“นี่เธอว่าใครแก่ยะ” เมทินีฉุน
กริสน์รีบห้ามทัพ “นิดหน่อยเอง ผมรู้ว่าคนใจดีอย่างคุณเมทินีไม่ถือสาหมาหรอกใช่มั้ยครับ?”
เมทินีเขิน “บ้า...คุณกริสน์นี่อ่านคนเก่งจริงๆ รู้ด้วยว่าดิฉันเป็นคนมีเมตตาต่อสัตว์”
ทุกคนขนดอกไม้ขึ้นรถจนเรียบร้อย กริสน์รีบเปิดประตูรถให้เมทินี เมทินีก้าวขึ้นรถแบบอ่อยๆ
“แล้วเจอกันนะคะคุณกริสน์” เมทินีโบกมือให้กริสน์
เมทินีเปิดกระจกลง เธฮยื่นมือออกมาแล้วทิ้งผ้าเช็ดหน้าขาวลงกับพื้น
“คราวหน้าจะมาเอาคืน..นะคะ”
“ครับๆ” กริสน์ยิ้มแหยๆ
เมทินีปิดกระจกรถ ภายในรถของเธอเต็มไปด้วยดอกไม้จนแทบไม่มีที่นั่ง เมทินีจามเป็นชุดแล้วบ่น
“ไอ้หมาบ้า เผลอเมื่อไหร่แม่จะจับไปทำลูกชิ้น ฮัดเช่ยๆๆ”
ลุงเซื่อง คนขับรถหันมาถามเมทินี “คุณนายสั่งดอกไม้ทำไมครับเนี่ย? ปกติคุณนายแพ้เกสรดอกไม้ไม่ใช่เหรอครับ? แล้วเล่นสั่งมาซะเยอะขนาดนี้ ไม่ต้องจามจนจมูกหลุดเหรอครับ?”
“จมูกหลุดก็เสริมใหม่ได้ แต่ถ้าปล่อยผู้ชายคนนี้หลุดไปน้องนีคนนี้คงใจจะขาดแน่ๆฮัดเช่ยๆ”
ลุงเซื่องส่ายหน้าเซ็งๆ แล้วขับรถออกไป

ที่หน้าร้านดอกไม้พริมโรส กริสน์ยืนโบกมือบ๊ายบายให้เมทินี แล้วหันมาเจอพิมมาดายืนตาเขียวอยู่ กริสน์ถึงกับสะดุ้ง
“แหม คุณพิมจ้องซะผมเขินเลย”
พิมมาดาเสียงดัง “นายกล้าดียังไงมาสวมรอยเป็นเจ้าของร้านฉัน?”
“ใครสวมรอย คุณนายนั่นเข้าใจผิดไปเองต่างหาก คุณก็เห็นว่าผมไม่มีโอกาสอธิบายเลย” กริสน์อธิบาย
“นายก็เลยเนียนว่างั้น?”
“ไม่ได้เนียน เขาเรียกว่า ตามน้ำ เฉยๆ เอาน่าคุณ ให้ผมเป็นเจ้าของร้านมันก็ไม่แย่ไม่ใช่เหรอ? แค่เช้านี้คุณเมทินีก็เหมาดอกไม้ไปตั้งเกือบสามหมื่นบาทละ ถ้าผมเป็นเจ้าของร้านทุกวันรับรองคุณรวยตายเลย”
กริสน์พูดจบก็วิ่งจู๊ดออกไปทันที พิมมาดามองตามอย่างเคืองๆ เต๋ากับเต้ยหัวเราะ
“คนบ้า! ผู้ชายกะล่อน” พิมมาดาหันมาทางเต๋ากับเต้ย “หัวเราะอะไร”

เต๋ากับเต้ยรีบวิ่งเข้าร้านไป

อ่านต่อหน้า 4




มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอน 5 (ต่อ)

ที่โรงอาหารของโรงเรียน แม่ค้าส่งจานข้าวให้เด็กนักเรียน โจ๊กกำลังยืนต่อแถวอยู่ โดยที่เหลืออีกหนึ่งคนจะถึงคิว แต่พอจะถึงคิวโจ๊ก ปาล์มกับสมุนก็เข้ามาเบียดโจ๊กจนกระเด็นออกจากแถวล้มลงไปอยู่ที่พื้น

“เอ้า! ยืนอยู่ดีๆลงไปนั่งทำไม? หรือว่าขี้ขลาดจนเข่าอ่อน” ปาล์มแซวแล้วหันไปพูดกับสมุน “จริงมั้ยพวกเรา?”
“ใช่ๆ ขี้ขลาดจนยืนไม่อยู่” สมุนรับ
โจ๊กลุกขึ้นยืน “ทำไมนายกับพวกไม่ไปต่อแถว?”
“ก็ต่ออยู่นี่ไง แต่ต่อแบบลัด ไวดี” ปาล์มยียวน
“เขาเรียกว่าแซงคิว” โจ๊กบอก
“อ้อเหรอ...ไม่บอกไม่รู้นะเนี่ย แต่นายก็ออกจากแถวไปแล้ว ถ้าฉันให้นายเข้ามา ก็เท่ากับว่าสนับสนุนให้นายแซงคิวนะซี้.. ไม่ดีๆ งั้นนายไปต่อคิวดีกว่า”
โจ๊กกำหมัด “ไอ้ปาล์ม!”
“ทำไม? ไม่พอใจงั้นเหรอ?” ปาล์มยืนหน้าเข้าหาโจ๊ก “ไม่พอใจก็ต่อยซิ๊!ต่อยเลย! เอาดิ๊! แน่จริงป่าว? คราวนี้ ได้พักการเรียนจริง..ใครก็ช่วยนายไม่ได้แน่ๆ”
“ท้านักใช่มั้ย?”
โจ๊กจะพุ่งเข้าไปต่อยปาล์ม แต่แจ๊สกับจีจ้าเข้ามาห้ามไว้พอดี
“โจ๊กอย่านะ!”
โจ๊กชะงัก แจ๊สกับจีจ้ารีบเข้ามาดึงโจ๊กไว้
“พี่โจ๊กใจเย็น เราต้องใช้สมอง อย่าใช้กำลัง” จีจ้าเตือนสติ
โจ๊กสูดหายใจ “ฝากไว้ก่อนเถอะ ไอ้ปาล์ม”
โจ๊กเดินออกไปอย่างรวดเร็ว แจ๊สกับจีจ้าเดินตามไป ปาล์มมองตามอย่างเยาะเย้ย
ปาล์มตะโกนไล่หลัง “รีบๆมาถอนละ ไม่งั้นดอกเบี้ยมันจะขึ้นนะเว้ย”
ปาล์มกับสมุนหัวเราะกันอย่างสะใจ

กริสน์เปิดประตูเข้ามาในร้านของเค้ก เค้กเห็นกริสน์เข้าร้านมาก็ดี๊ด๊า
“คุณกริสน์! ดีใจจังวันนี้คุณกริสน์มาทานกาแฟร้านเค้กแล้ว”
“อ้อ พอดีผมนัดเพื่อนเอาไว้นะครับ” กริสน์บอก เค้กหน้าเจื่อน “แต่ว่า ก็อยากมาชิมขนมฝีมือคุณเค้กด้วยเหมือนกันครับ ได้โอกาสก็เลยนัดเพื่อนมาที่นี่”
เค้กยิ้มออก “ได้เลยคะ เดี๋ยวเค้กจะจัดขนมที่อร่อยที่สุดในร้านมาให้คุณกริสน์ชิม” เค้กมองหา “ว่าแต่เพื่อนคุณกริสน์อยู่ไหนอ่ะคะ? มาถึงหรือยัง?”
ภัทรดนัยเดินมาแล้วพูดขึ้น “ถึงตั้งนานแล้วครับ”
“คุณเค้กครับนี่ภัทรดนัยเพื่อนซี้ผม ไอ้ดนัย นี่คุณเค้กเพื่อนซี้เจ้โหด เอ้ย!คุณพิมเจ้านายฉัน” กริสน์แนะนำ
เค้กอึ้ง “นี่นายเป็นเพื่อนคุณกริสน์เหรอ?”
ภัทรดนัยยักคิ้วใส่เค้กอย่างยียวน “คิดไม่ถึงละซิ” ภัทรดนัยหันไปพูดกับกริสน์ “ไปไอ้กริสน์ ไปคุยธุระของเราดีกว่า” ภทัรดนัยพูดกับเค้ก “อย่าลืมเอาขนมที่อร่อยที่สุดในร้านมาให้ชิมนะครับ อิๆ”
ภัทรดนัยกอดคอกริสน์แล้วพาไปนั่ง เค้กมองตามอย่างหงุดหงิด

ภัทรดนัยเปิด Laptop โดยมีกริสน์นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม กริสน์เอา Thumb Drive ที่ดูดข้อมูลจากคอมพิวเตอร์สุขสันต์ออกมา
“ข้อมูลทั้งหมดที่ได้มาเมื่อคืนอยู่ในนี้” กริสน์พูดเบาๆ
เค้กเอาขนมเต็มถาดกับกาแฟเข้ามาเสิร์ฟ
“ขนมอร่อยๆกับเครื่องดื่มรสเลิศมาแล้วคะ”
“เยอะขนาดนี้ ประชดป่าวครับ หรือจะให้เอากลับบ้านด้วย เงินมีไม่พอจ่ายทำไงล่ะ” ภัทรดนัยถาม
“เออ..พอๆไอ้นัย” กริสน์หันไปบอกเค้ก “ขอบคุณครับ”
กริสน์หันไปจะคุยกับภัทรดนัยต่อแต่ก็ต้องชะงัก เมื่อภัทรดนัยกับกริสน์หันมาอีกทีก็ยังเห็นเค้กยืนยิ้มอยู่ไม่ยอมไปไหน
“เอ่อ คุณเค้กไปดูแลลูกค้าคนอื่นๆเถอะครับ ไม่ต้องห่วงผม” กริสน์บอก
เค้กรู้ตัวว่าโดนไล่ก็หน้าเจื่อน เธอเดินกระทืบเท้าไปที่เคาน์เตอร์ กริสน์กับภัทรดนัยหันกลับมาคุยกันต่อ
“หวังว่าน่าจะมีข้อมูลที่เราตามหาวะ” กริสน์บอก
“มีไม่มีเดี๋ยวก็รู้” ภัทรดนัยพูด
ภัทรดนัยกำลังจะรับ Thumb Drive จากกริสน์ไปเสียบ แต่เค้กก็เดินเข้ามาอีก
“ชิมขนมกับกาแฟหรือยังคะคุณกริสน์? รสชาดเป็นยังไงบ้างคะ?”
“อ้อ!” กริสน์รีบยกกาแฟขึ้นดื่มแล้วตักเค้กเข้าปาก “อร่อยมากเลยครับ อร่อยทุกอย่าง”
“ขอบคุณมากคะ” เค้กพูด
ทั้งสามคนเงียบ กริสน์มองหน้าภัทรดนัย เค้กก็ยังคงยืนยิ้มอยู่ กริสน์พยายามหาทางไล่เค้ก “อร่อยขนาดนี้คงต้องขออีกสักชุด คงไม่รบกวนคุณเค้กนะครับ”
“ไม่เลยคะ รอแป๊บนึงนะคะ”
“ห๊า” กริสน์หันไปพูดกับภัทรดนัยเบาๆ “นี่ประชดนะเนี่ย”
เค้กกลับไปจัดขนมที่เคาน์เตอร์ ภัทรดนัยกับกริสน์มองหน้ากัน
“รีบๆเข้าเหอะวะ” ภัทรดนัยบอก
กริสน์ย้ายไปนั่งข้างๆ ภัทรดนัย เค้กมองจากเคาน์เตอร์อย่างจับสังเกตพอเห็นสองคนย้ายมานั่งข้างกันเธอก็รู้สึกทะแม่งๆ จึงรีบยกขนมออกมา
“ขนมอีกชุดมาแล้วคะ”
ภัทรดนัยกระซิบกริสน์ “มาอีกแล้ว! วันนี้จะได้ดูมั้ยวะเนี่ย?”
“ขอบคุณมากครับ” กริสน์รีบไล่อย่างสุภาพ “คุณเค้กเชิญตามสบายเลยนะครับ”
เค้กยิ้มแล้วนั่งลงตรงข้าม กริสน์กับภัทรดนัยหน้าเหวอ
“ขอบคุณคะ กำลังจะดูอะไรกันเหรอคะ? ขอเค้กดูด้วยคนนะคะ”
กริสน์อึกอัก “เอ่อ คือ มันไม่มีอะไรน่าสนใจนักหรอกครับ”
“แหม ดูไปดูมามันอาจจะน่าสนใจสำหรับเค้กก็ได้นี่คะ นะคะขอเค้กดูด้วยคนน้า”
กริสน์กับภัทรดนัยมองหน้ากันอย่างอึดอัด

ภายในห้องน้ำร้านของเค้ก กริสน์กับภัทรดนัยนั่งลงบนโถชักโครกพร้อมๆ กัน ภัทรดนัยถือ Laptop เข้ามาด้วย
“ทำไมชีวิตตำรวจสายสืบมันถึงได้ลำบากขนาดนี้วะเนี่ย?” ภัทรดนัยบ่น
“เอาน่า... รีบเข้าเหอะ” กริสน์เร่ง
ที่หน้าห้องน้ำ เค้กเดินตามหากริสน์ พนักงานชื่อหวานเดินสวนมาพอดี
“หวาน เห็นคุณกริสน์มั้ย?” เค้กถาม
“อ้อ เห็นเข้าห้องน้ำไปกับเพื่อนของเขาน่ะคะ” หวานชี้มือไปทางห้องน้ำที่ปิดประตูอยู่ “ห้องนี้คะ”
“หา! เข้าห้องน้ำด้วยกัน” เค้กตกใจ
หวานพยักหน้าแล้วเดินไป เค้กด้อมๆมองๆ แล้วตัดสินใจเอาหูแนบประตูฟัง ภายในห้องน้ำกริสน์เอา Thumb Drive ออกมา
“รีบๆเสียบเข้าซิไอ้กริสน์” ภัทรดนัยเร่ง
“ใจเย็นๆดิ หารูไม่เจอ” กริสน์บอก
“รูออกใหญ่จะหาไม่เจอได้ยังไง?”
ที่หน้าห้องน้ำ เค้กทำหน้าเบ้กับสิ่งที่ได้ยิน เธอตีความเลยเถิดไปแล้ว
ในห้องน้ำกริสน์เสียบ Thumb Drive เข้าไปได้เรียบร้อย
“โอเค เข้าแล้ว” กริสน์บอก
“ดันให้แน่นๆ เลย เดี๋ยวหลุดกลางครันแล้วจะเสียอารมณ์ ของฉันเก่าแล้วผ่านศึกมาเยอะ รูมันหลวม” ภัทรดนัยพูด
เค้กที่แอบฟังอยู่หน้าห้องน้ำถึงกับหน้าเบ้ ขนลุกซู่ซ่าแล้วเอามือปิดหู
“ไม่นะคุณกริสน์ ไม่...รับไม่ได้”
เค้กวิ่งหนีไป ข้างในห้องน้ำกริสน์กับภัทรดนัยกำลังดูข้อมูลที่ดูดมาได้

เวลาผ่านไป ภัทรดนัยปิด Laptop สีหน้าทั้งสองหนุ่มผิดหวัง ห้องน้ำห้องข้างๆ มีเสียงที่ฉีดน้ำกับเสียงผายลม
“ไม่เห็นมีข้อมูลอะไรที่จะเกี่ยวกับยาเสพติดอย่างที่แกว่าเลย มีแต่คอเลคชั่นใหม่ของเสื้อผ้าแบรนด์เนม แหวนเพชร และก็แผนการณ์ทำงานของพรรค ซึ่งเป็นเรื่องปกติมากๆ” ภัทรดนัยบอก
กลิ่นจากห้องข้างๆ เริ่มลอยมา เป็นกลิ่นเหม็นแบบคนท้องเสีย สองหนุ่มเอามือบีบจมูกตนเองแล้วพูดด้วยเสียงอู้อี้
“นั่นซิ อุตส่าห์เสี่ยงตายเข้าไปในบ้านของมัน กลับไม่ได้อะไรที่เป็นประโยชน์เลย” กริสน์ว่า
“ฉันว่างานนี้แกอาจจะสงสัยผิดคนก็ได้นะเว้ย”
“ฉันว่าเซนส์ฉันไม่เคยพลาด ในเมื่อไม่ได้อะไรจากที่บ้าน ก็คงต้องไปหาจากที่อื่น”
กริสน์บีบจมูกแล้วครุ่นคิด ภัทรดนัยมองกริสน์อย่างเข้าใจในความหมายที่กริสน์พูด ทั้งสองทำหน้าเหม็นสุดๆ

ที่ห้องทำงานมาวินภายในกรมตำรวจ มาวินเขียนบนไวท์บอร์ดคำว่าสุขสันต์ พร้อมแปะรูปสุขสันต์ที่ตัดมาจากแมกกาซีน แล้วจึงเขียนคำว่าพิมมาดา พร้อมแปะรูปถ่ายพิมมาดา แล้วเขียนชื่อแพรวพิลาศ พร้อมติดรูปแพรวพิลาศที่ตัดจากนิตยสาร
“มันไม่ใช่ ไม่ใช่ ไม่ใช่แน่ๆ” มาวินพูด
“อะไรของสารวัตรครับ” ลูกน้องของมาวินถาม
“ท่านสิ ท่าน..ท่านสารวัตร” มาวินบอก
“เอ่อ อะไรของท่านสารวัตรครับ”
“ไม่มีควายที่ไหน จะทิ้งหญิงที่ให้ทั้งเงินทอง เกียรติยศ ชื่อเสียง” มาวินดึงรูปแพรวพิลาศออก “มาเอาผู้หญิงธรรมดาๆ คนนึงแน่ๆ” มาวินจับรูปสุขสันต์มาคู่พิมมาดา “เป็นชั้น..ชั้นคงไม่เอาแน่ๆ เป็นนายล่ะ”
“แต่ถ้า..มันคือรักแท้..ละครับ”ลูกน้องท้วง
“รักแท้เหรอ..รักแท้..ไม่มีในโลก” มาวินบอก
“อ้าว”
“ชั้นหมายถึง..ในพจนานุกรม..ของไอ้คนนี้” มาวินชี้ที่รูปสุขสันต์ แล้วเดินครุ่นคิดไปมา “เอางี้..นาย”
“ครับผม” ลูกน้องขานรับ
“จัดชุดตามสะกดรอยความเคลื่อนไหวของนายสุขสันต์ นอกจากาการทำงานการเมือง มันทำอะไรอย่างอื่นอีกบ้าง”
“เพื่อเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ส่วนตัวของสารวัตรน่ะเหรอครับ” ลูกน้องทักท้วง “มันจะดีหรือครับ แค่เค้าแย่งหญิงกะสารวัตร สารวัตรก็จะเล่นเค้างิ มันไม่ถูกนา”
“ถูกสิ..เราต่างตอบแทนกัน นายช่วยเรื่องส่วนตัวชั้น1ที ชั้นก็จะช่วยเรื่องส่วนตัวนาย1หน”
“จริงหรือครับ” ลูกน้องตาโต
“จริง..นายจะให้ชั้นช่วยอะไรล่ะ”
ลูกน้องคิด “ผม..ผมอยากให้ใครไปจับพ่อตาผมหน่อย จับขังซักคืน”
“พ่อตานาย..ทำอะไรผิด มันต้องมีสาเหตุ ฉันจะไปยัดข้อหาเค้ามั่วๆไม่ได้หรอก”
“พ่อชอบซื้อเทปผีซีดีโป๊เถื่อนครับ”
“จัดไป” มาวินสนอง

พิมมาดากำลังนั่งดูทีวีอย่างเหม่อลอยอยู่ที่บ้าน ข้างๆ ของเธอคือช็อคโกเลตกล่องนั้น กริสน์เดินลงมาจากชั้นสอง ผ่านมาเห็นมาพอดี กริสน์เอามือโบกไปมาเบื้องหน้าพิมมาดา แต่พิมมาดายังนิ่งไม่ไหวติง
“อาการหนักนะเนี่ย” กริสน์พูดกับตัวเอง
กริสน์เดินไปปิดทีวี พิมมาดาสะดุ้งรู้ตัว
“นายปิดทำไม ฉันกำลังดูอยู่” พิมมาดาแว้ดใส่
“ช่วงไหนดูครับคุณ เห็นนั่งเหม่อจนทีวีเขาจะปิดสถานีอยู่แล้ว” กริสน์นั่งลงข้างๆ พิมมาดา “นี่คุณ ผมไม่ได้ยุ่งนะ แต่ถ้าคุณคิดถึงเขา อยากคืนดี ก็กลับไปคืนดีซิ๊”
“งั้นฉันขอถามนายอย่าง ถ้านายรู้ว่าผู้หญิงที่นายคบด้วยมีแฟนอยู่แล้วนายจะทำยังไง?”
“ก็ไม่ยังไง ใครสวมเขาผม มันต้องตายตกไปตามกันทั้งคู่” กริสน์ตอบ
พิมมาดาคิด “แฟนคุณสุขสันต์เค้าก็คงคิดแบบนี้เหมือนกัน ชั้นมาทีหลัง..คุณสุขสันต์หลอกชั้นมาเป็นแค่..แค่..” พิมมาดาทำท่าจะร้องไห้
กริสน์ยิ้มอย่างดีใจ “แฟนเก็บ! นางบำเรอ ไก่รองบ่อน ตัวสำรอง..” กริสน์พูดเป็นชุดแล้วนึกขึ้นได้ “เอ๊ย..ไม่ๆๆ ไม่ใช่สิๆๆ คุณอย่าฟังผมมาก บางที..ผมก็ชอบพูดเล่นบ้าๆบอๆ แต่ความจริง..ผมว่า คุณน่าจะคุยกะเค้าก่อนตัดสินใจนะ”
พิมมาดาเช็ดน้ำตา “ยังมีอะไรต้องคุยอีก”
กริสน์ปิดหน้าเพราะไม่อยากทำ แต่แล้วก็ขยี้หน้าตัวเองแล้วทำท่าจูนที่ขมับ “กริสน์ งานๆๆๆ หน้าที่ๆๆกริสน์ร้องเพลงมาร์ชตำรวจเบาๆ พร้อมกับชูมือขวาปลุกใจ “ถึงตัวจะตายก็ช่างมัน มิเคยคำนึงถึงชีวัน เฝ้าประจัญเหล่าร้ายเพื่อ..ประชา..”
“คุณ..เป็นอะไรเหรอ” พิมมาดาถาม
“อ๋อ เอ่อ..เปล๊า..ผมไม่เป็นไร้..” กริสน์ปฏิเสธเสียงสูง “คือ..ผมก็แค่รู้สึกว่าคุณสุขสันต์เขาเป็นคนดี๊”กริสน์กระแอมแล้วพยายามกดเสียงให้ต่ำลง “ตอนนี้เขาอาจกำลังสับสนอยู่ก็ได้ มีผู้ชายเยอะแยะไปที่มาเจอคนที่ ใช่ ตอนที่ตัวเองมีแฟนแล้ว จริงมั้ยคุณ?”
“นายคิดอย่างนั้นจริงเหรอ”
กริสน์สบตาพิมมาดาใกล้ๆ แล้วพยักหน้า
พิมมาดายิ้มออก “ขอบใจนายมากนะ”
กริสน์ยิ้มให้พิมมาดา พิมมาดาเดินขึ้นห้องไป กริสน์มองตามจนลับสายตาแล้วหันมาพูดกับตัวเอง
“ทีเรื่องนี้ละเชื่อง่ายจริงนะแม่คุณ คงรักนายสุขสันต์มากละซิ” พอกริสน์รู้สึกตัว ก็พูดกับตัวเอง “แล้วแกเป็นอะไรเนี่ยไอ้กริสน์ เขารักกันก็ดีแล้ว จะมาโมโหทำไมในเมื่อมันมีประโยชน์กับแผนการณ์ของเรา โอ้ย”

เช้าวันใหม่ ที่ร้านพิมโรส เต๋าจัดดอกไม้ช่อหนึ่งเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ยิ้มภูมิใจกับฝีมือของตัวเอง พิมมาดากับเต้ยขนดอกไม้มากมายมาจากหลังร้าน
“ลูกค้าคนไหนสั่งดอกไม้แต่เช้าเชียว?” พิมมาดาถาม
“อ้อ ดอกไม้คุณสรวงสุดา” เต๋าตอบ
“เออ..แล้วนายกริสน์ยังไม่กลับมาเหรอ” พิมมาดาถามต่อ
“เห็นว่าไปส่งแล้วจะเลยเอาดอกไม้ไปให้ลูกค้าน่ะค่ะ” เต้ยตอบ
“คงเป็นลูกค้าสาวๆ แน่ๆ ถึงได้มีแรงจูงใจให้รีบไปส่งซะเช้าขนาดนี้!ผู้ชายเจ้าชู้เอ๊ย”
พิมมาดาหงุดหงิดขึ้นมาซะเฉยๆ เต๋ากับเต้ยมองอย่างงงๆ
“โกรธไรเนี่ย” เต๋างง
“ก็ผู้ชายเจ้าชู้ไง” เต้ยบอก
“เออใช่” เต๋าทำท่าเหมือนนึกขึ้นได้
กะเทยร่างยักษ์ทั้งสองแปะมือกัน

ตอนสาย ที่ลานจอดรถหน้าตึกออฟฟิศสุขสันต์ กริสน์เดินมาพร้อมช่อดอกไม้ที่เขาจัดเองรูปร่างคล้ายๆ หัวงู
“อยากได้ลูกเสือ ก็ต้องเข้าถ้ำเสือ” กริสน์พูดกับตัวเอง
กริสน์ตัดสินใจจะเดินเข้าไป แต่เขาไปสะดุดตากับรถคันหนึ่ง เมื่อมองให้ดีเห็นว่าเป็นรถน้อมพงษ์
“นั่นมันเหมือนรถของน้อมพงษ์เลย มันมาทำอะไรที่นี่?”
กริสน์เริ่มเอะใจ เขารีบเดินเข้าไปในตึกอย่างรวดเร็ว


กริสน์ยืนอยู่ที่หน้าโต๊ะเลขาฯ หน้าห้องทำงานของสุขสันต์
“ท่านสุขสันต์กำลังประชุมอยู่ที่ห้องประชุมคะ คุณฝากดอก...” เลขาฯ บอก พอเธอเห็นดอกไม้ก็อึ้งไป “...ดอกไม้ไว้ที่ดิฉันได้เลย เดี๋ยวท่านออกมาดิฉันจะจัดการให้”
“เอ่อ...ไม่ได้ครับ เจ้าของช่อดอกไม้เขาสั่งมาว่าให้ผมมอบให้ท่านสุขสันต์เองกับมือเท่านั้น ถ้าผมไม่ทำเธอจะต้องฉีกอกผมแน่ๆ เพราะเธอทั้งโหดทั้งขี้วีน ขี้เหวี่ยงที่สุด” กริสน์บอก
เลขาฯ คิดๆ แล้วพูดเบาๆกับตัวเอง “ดอกไม้คุณแพรวพิลาศแหงๆ” เลขาฯ ทำหน้าเบ้ “งั้นเชิญคุณนั่งรอเลยคะ”
กริสน์ยิ้มแล้วลงนั่ง อยู่ๆ เสียงโทรศัพท์ที่โต๊ะเลขาฯ ก็ดังขึ้น เลขาฯวิ่งไปรับ
“ค่ะ ... ได้ค่ะ .... จะรีบเอาเข้าไปให้เดี๋ยวนี้ค่ะท่าน”
เลขาฯวางสาย แล้วรีบหอบแฟ้มสองสามเล่มเดินเข้าไปในห้องประชุม กริสน์มองซ้ายมองขวา เมื่อเห็นว่าไม่มีใครก็สบโอกาส เขาค่อยๆ แอบเข้าไปในห้องสุขสันต์ ประตูห้องสุขสันต์ถูกปิด ที่ประตูมีใบไม้ใบหนึ่งหนีบไว้

ภายในห้องทำงานของสุขสันต์ กริสน์วางดอกไม้ลงบนโต๊ะ แล้วเอาเอสเทอเนอลฮาร์ดดิสก์ออกมาเสียบเข้ากับคอมพิวเตอร์บนโต๊ะ ทันใดนั้นเองก็มีมือคนมาคว้าเมาส์ที่วางอยู่ กริสน์ตกใจจนผงะแล้วตั้งท่าเตรียมสู้ทันที
ภัทรดนัยพูดเบาๆ “เฮ้ย! ฉันเอง”
ภัทรดนัยในชุดพนักงานล้างแอร์ถอดหมวกออก กริสน์ถอนหายใจ
“ไอ้บ้าเอ๊ย! มาเงียบๆทำตกใจหมด”
“โอเค คราวหน้ามาขโมยข้อมูล ฉันจะแห่กลองยาวมาด้วยก็แล้วกัน” ภทัรดนัยประชด
“ใช่เวลากวนมั้ย? รีบช่วยฉันเอาข้อมูลจากคอมฯก่อน เดี๋ยวฉันจะไปดูเอกสารซะหน่อย”กริสน์บอก
ภัทรดนัยดาวน์โหลดข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ ในขณะที่กริสน์เปิดแฟ้มเอกสารที่วางอยู่เพื่อค้นหาข้อมูล

ที่โรงเรียน โอปอที่ใส่กางเกงพละแล้วเดินมาเก็บของที่โต๊ะ เธอเห็นโจ๊กยังอยู่ในชุดเดิมกำลังหาอะไรบางอย่างอย่างร้อนรน ปาล์มกับสมุนที่ใส่กางเกงพละแล้วมองดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ
โอปอถามอย่างเป็นห่วง “อะไรหายเหรอโจ๊ก? เราช่วยหามั้ย?”
“กางเกงพละเรานะซิ” โจ๊กตอบ “เมื่อเช้าเราเอามาจากบ้าน แล้วก็เก็บไว้ใต้โต๊ะ เธอก็เห็น”
ปาล์มกับสมุนแอบยิ้ม ปาล์มหันไปพูดกับสมุน
“ไม่ใช่แค่น้องโอปอเห็น ฉันก็เห็น อิๆ”
โจ๊กยังคุยอยู่กับโอปอ
โจ๊กนึกขึ้นได้ “นี่เธอแกล้งเราใช่มั้ย?”
“แกล้งอะไร?” โอปองง
“ก็แกล้งขโมยกางเกงพละเราไปซ่อนไง เอาคืนมาเดี๋ยวนี้นะ!”
“อย่ามาใส่ร้ายกันนะ ถึงฉันจะไม่ชอบหน้านาย แต่ก็ไม่เคยคิดจะแกล้งลับหลัง แบบพวกงี่เงา ปัญญาอ่อน พวกขี้ขลาดตาขาวเขาทำกัน”
ปาล์มหน้าเสีย เพราะรู้สึกเหมือนโดนโอปอด่า
“โดนเต็มๆเข้าไปหลายดอกเลยลูกพี่” สมุนคนนึงพูดกับเขา
ปาล์มตบหัวสมุนทันที เสียงออดเข้าเรียนดังขึ้น เด็กๆรีบวิ่งไปที่สนาม ปาล์มกับสมุนทำเป็นเดินผ่านหน้าโจ๊กแล้วพูดลอยๆ
“รีบไปกันเถอะ ครูพงษ์พัฒน์ยิ่งเข้มงวดเรื่องวินัยอยู่ด้วย ถ้าเข้าเรียนสายเดี๋ยวจะโดนทำโทษ”
โจ๊กหน้าซีดเผือด เขาพยายามหากางเกงต่ออย่างร้อนรน โอปอช่วยหาอีกแรง แก๊งปาล์มที่อยู่หน้าประตูแอบมองแล้วก็ยิ้มอย่างสะใจ

ที่สนามในโรงเรียน เด็กๆ ในชุดพละยืนเข้าแถวกัน ครูพงษ์พัฒน์ยืนอยู่หน้าแถว โจ๊กวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาพร้อมโอปอ
ครูพงษ์พัฒน์ดูนาฬิกา “มาเข้าเรียนช้า15 นาทีแถมยังแต่งตัวไม่พร้อมเรียนอีกนายจะเอายังไงกับครูนายโจ๊ก”
“ผมไม่ได้ตั้งใจจะเข้าสายครับ แต่ผมหากางเกงพละไม่เจอ มันหาย” โจ๊กบอก
“ผมว่านายโจ๊กลืมเอามามากกว่าครับ แล้วมาแกล้งบอกครูว่าหาย ครูจะได้ไม่ทำโทษ” ปาล์มรีบสอดขึ้น
“ไม่จริงครับครู ผมเอากางเกงมาแล้วจริงๆ”
“จริงคะ โจ๊กเอากางเกงมาเก็บไว้ใต้โต๊ะตั้งแต่เมื่อเช้า หนูเห็นกับตา” โอปอยืนยัน
“เอาละ ครูเชื่อนาย” ครูพงษ์พัฒน์บอก โจ๊กยิ้มออก “แต่ถึงยังไงครูก็ต้องทำโทษนาย โทษฐานที่ไม่รู้จักดูแลรับผิดชอบของของตัวเองให้ดี ไปวิ่งรอบสนาม 20 รอบ แล้วยืนอยู่กลางสนามจนกว่าจะหมดชั่วโมง”
โจ๊กคอตกแล้วออกวิ่งไป โอปอมองตามอย่างเห็นใจ ในขณะที่ปาล์มดี๊ด๊าที่แกล้งโจ๊กได้สำเร็จ

ภายในห้องประชุมบริษัทสุขสันต์ สุขสันต์กับน้อมพงษ์กำลังประชุมเรื่อง สวีท โอปอ
“สรุปว่าตอนนี้ตัวขนมของเรา สอดไส้สมบูรณ์ไม่มีปัญหา” สุขสันต์สรุป
“เรียกว่าพร้อมออกจำหน่ายก็ได้” น้อมพงษ์บอก “แต่ผมว่าเราควรจะมีการทดลองกับกลุ่มตัวอย่างดูก่อน ว่าขนม สวีท โอปอ สูตร ใหม่จะมีเด็กติด...ใจในรสชาติมากน้อยแค่ไหน?เราจะได้ประเมินถูก”
“ฮ่าๆๆ คุณนี่ฉลาดดีนะ ไม่โง่เหมือนเสี่ยอธิป ผมเองก็คิดเหมือนคุณ” สุขสันต์อวย
“ทางผมได้เลือกพื้นที่เหมาะๆที่จะปล่อยตัวอย่างขนมเอาไว้แล้ว...ตามเอกสารที่เคยส่งมาให้ท่านครับ”
สุขสันต์ยื่นมือไปข้างหลังอย่างวางมาด ฮิมส่งแฟ้มให้ สุขสันต์รับมาดูแล้วหน้านิ่ว
“นี่มันไม่ใช่นะฮิม ชั้นต้องการแผนการตลาดอันล่าสุดที่เขาส่งมาให้”
“ไฟล์ล่าสุด..ของวี้คนี้ ไม่ใช่ของสองเดือนก่อน” ฉัตรชัยบอก
ฮิมหน้าเสีย “ขอโทษครับท่าน เลขาท่านส่งอันนี้มาให้ผมน่ะครับ งั้นเดี๋ยวผมจะ...”
“ไม่ต้อง! น้อมพงษ์ ผมว่าเดี๋ยวเราเข้าไปคุยต่อที่ห้องทำงานผมดีกว่า เอกสารสำคัญหลายอย่าง ควรดูในที่ลับเฉพาะเท่านั้น” สุขสันต์ชวนแล้วลุกขึ้น น้อมพงษ์กับคนอื่นลุกแล้วเดินออกจากห้องไป

ภายในห้องทำงานของสุขสันต์ หน้าจอคอมฯ กำลัง Transfer ข้อมูลลงฮาร์ดดิสก์ ภัทรดนัยกำลังลุ้นให้เสร็จเร็วๆ ส่วนกริสน์เปิดดูข้อมูลที่เป็นเอกสารแล้วใช้โทรศัพท์ถ่ายรูปเก็บไว้
จังหวะนั้นที่บริเวณทางเดินหน้าห้องสุขสันต์ กลุ่มของสุขสันต์กำลังมุ่งหน้ามาที่ห้อง
ภายในห้อง หน้าจอคอมพิวเตอร์เหลือเวลาอีก 1 นาที กริสน์ยังค้นหาเอกสารต่อไป เขาคว้าแฟ้มออกมา แล้วไปสะดุดตากับหัวข้อ “สวีทโอปี๊ด” กริสน์รู้สึกเอะใจ เขากำลังจะเปิดออกดู
กลุ่มของสุขสันต์เดินมาถึงหน้าห้อง สุขสันต์ยื่นมือจะไปจับลูกบิดเปิดประตู
ภายในห้อง หน้าจอคอมพิวเตอร์มีเสียงดังติ๊ง เพราะ Transfer files เรียบร้อยแล้ว ภัทรดนัยยิ้มอย่างดีใจ กริสน์เปิดแฟ้มออกอ่านแล้วหยิบกล้องขึ้นมาถ่าย
“ท่านสุขสันต์คะ”
เลขาฯ เรียก สุขสันต์ชะงัก ภายในห้อง กริสน์กับภัทรดนัยได้ยินเสียงเลขาฯ จึงเงยหน้าขึ้นมองประตูตาโต
สุขสันต์ที่เวลานี้อยู่หน้าห้อง หันหน้ามาหาเลขาฯ แล้วทำหน้าเป็นเชิงถามว่ามีอะไร
“มีคนฝากดอกไม้มาให้มาให้ท่านคะ?” เลขาฯ บอก
“อยู่ไหนละ?” สุขสันต์ถาม
เลขาฯ มองหากริสน์ “เอ่อ...เมื่อกี้คนที่มาส่งเขานั่งรออยู่ตรงนี้ แต่ตอนนี้ไม่รู้หายไปไหนแล้วค่ะ?”
“สงสัยจะหายเข้าไปในห้องแล้วละครับท่าน” ฉัตรชัยบอก
สุขสันต์มองตามฉัตรชัย เขาเห็นใบไม้ถูกหนีบอยู่ที่ประตู สุขสันต์พยักหน้าเป็นสัญญาณ ฉัตรชัยเปิดประตูแล้วพุ่งเข้าห้องไปทันที สุขสันต์กับฉัตรชัยเห็นกริสน์นั่งยิ้มแฉ่งถือช่อดอกไม้อยู่ที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงาน

ไม่นานหลังจากนั้น กริสน์ก็ถูกบอดี้การ์ดจับตัวไว้ ส่วนสุขสันต์นั่งถือช่อดอกไม้อยู่ที่โต๊ะทำงาน โดยมีพวกน้อมพงษ์ยืนอยู่ข้างๆ
“คุณพิมเธอให้นายเอาดอกไม้มาให้ฉันจริงๆ เหรอ?” สุขสันต์ถาม
“จริงซิครับ แถมยังกำชับด้วยว่า ให้ผมมอบให้ท่านกับมือ” กริสน์บอก
อีกมุมนึง ภัทรดนัยกำลังทำทีเป็นล้างแอร์อยู่ภายในห้อง แต่ก็แอบฟังอย่างลุ้นๆ
“แล้วนายเข้ามาในนี้ทำไม? ทำไมไม่นั่งรอท่านสุขสันต์อยู่ข้างนอก” ฉัตรชัยยังคงสงสัย
“อ้อ! พอดีที่ร้านโทรมาให้ผมไปส่งดอกไม้อีกที่อย่างด่วนน่ะครับ ผมจะฝากไว้ที่คุณเลขาฯ เธอก็หายไปไหนก็ไม่รู้ ผมก็เลยกะจะเอาดอกไม้มาวางไว้บนโต๊ะ แล้วก็จะเขียนโน้ตบอกท่านไว้ครับ”
กริสน์แถไปเรื่อยแล้วทำตาใสซื่อ สุขสันต์มองอย่างพิจารณา ตอนนั้นไม่มีใครสังเกตเห็นว่าภัทรดนัยกำลังเก็บของแล้วเดินออกจากห้อง
น้อมพงษ์เดินเข้ามาหากริสน์ “หน้าคุ้นจังว่ะ ชื่ออะไร”
“กริสน์ครับ”
“กริสน์?? คุณสุขสันต์ ผมว่าค้นตัวดีกว่า” น้อมพงษ์เสนอ
สุขสันต์พยักหน้ากับฉัตรชัยและฮิม ทั้งฉัตรชัยและฮิมเข้าไปค้นตัวกริสน์
“ผมไม่ได้ขโมยอะไรเลยนะครับท่าน” กริสน์บอก
“เฉยๆ เหอะน่า” ฉัตรชัยสั่ง
“จั๊กจี๋อ่ะ...ฮ่าๆๆ”
“พอแล้ว” สุขสันต์สั่ง ฮิมกับฉัตรชัยหยุดมือ
“ไปได้แล้ว” ฉัตรชัยไล่ กริสน์รีบออกไป สุขสันต์หันมายิ้มให้กับฉัตรชัยและพวกน้อมพงษ์
“ผู้หญิงนี่ที่สุดก็แพ้ความโง่ของตัวเองอยู่วันยันค่ำ ฮ่าๆๆ” สุขสันต์หัวเราะร่วน

โจ๊กกำลังล้างหน้าอยู่ที่หน้าห้องน้ำในโรงเรียน เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าหน้าของเขากระดำกระด่างไปหมดเพราะตากแดด โอปอยืนถือน้ำดื่มอยู่ใกล้ๆ
โอปอยื่นน้ำให้ “ดื่มน้ำก่อนซิโจ๊ก”
โจ๊กยื่นมือไปรับ “ขอบใจนะ”
โอปอยิ้มอย่างดีใจ ปาล์มกับสมุนเดินเข้ามา ปาล์มพูดลอยๆ
“โอ้ย! ร้อนๆ ร้อนอย่างนี้ต้องล้างหน้าซะหน่อย” ปาล์มเปิดก๊อกล้างหน้า “ไม่หายร้อนวะ ต้องล้างแขน ล้างขา แล้วก็ล้างเท้าด้วย”
ปาล์มเปิดก๊อกแล้วเอาน้ำลูบไปทั้งตัว โจ๊กกับโอปอยืนมองอย่างไม่ชอบใจ
“ล้างเสร็จแล้ว” ปาล์มยื่นขาให้สมุน “เช็ดรองเท้าให้หน่อย”
สมุนของปาล์มคนหนึ่งหยิบกางเกงพละของโจ๊กออกมาเช็ดเท้าให้ปาล์ม โจ๊กเห็นก็จำได้
“นี่มันกางเกงพละฉันนี่”
“เอ้า!กางเกงนายเหรอ นึกว่าผ้าขี้ริ้วซะอีก” ปาล์มยียวน
“นายนี่มันนิสัยแย่จริงๆเลยนะ ทำไมต้องแกล้งกันถึงขนาดนี้ด้วย” โอปอตำหนิ
“แกล้งอะไรครับน้องโอปอ พี่แค่เข้าใจผิดคิดว่ามันเป็นผ้าขี้ริ้วเฉยๆ พี่คืนให้ก็ได้” ปาล์มปากางเกงลงตรงหน้าโจ๊ก “เอาคืนไป”
โจ๊กเห็นกางเกงพละตัวเองตกอยู่ตรงหน้า เขาเงยหน้าขึ้นมองปาล์มอย่างสุดแค้น
ปาล์มยียวนต่อ “มองทำไม? โกรธใช่มั้ย? อยากต่อยฉันละซิ? แต่ไม่กล้าต่อยใช่มั้ยละ? เอางี้ซิ วิ่งร้องไห้ไปฟ้องพ่อฟ้องแม่เลย แต่เอ๊ะ ลืมไปแกจะฟ้องพ่อแม่ได้ยังไง ในเมื่อแกมันไม่มีพ่อไม่มีแม่นี่นา ฮ่าๆ”
“ฮ่าๆ ไอ้ลูกไม่มีพ่อไม่มีแม่ๆๆ” สมุนร่วมกันล้อ
โจ๊กกำหมัดแน่นจนเลือดขึ้นหน้า ในที่สุดก็ง้างเท้าถีบปาล์มจนกระเด็น ปาล์มเซถลาหน้าคว่ำลงไปกองกับพื้น โอปอดึงโจ๊กไว้
“โจ๊กอย่า! เดี๋ยวเป็นเรื่องนะ”
“เป็นก็เป็นซิ ฉันทนไม่ไหวแล้ว”
โจ๊กวิ่งเข้าไปซัดปาล์ม โอปอฉุดไว้ไม่อยู่
ปาล์มสั่งสมุน “มันกล้าถีบฉัน พวกเราลุยมันให้ยับเลย”
สมุนของปาล์มกับโจ๊กวิ่งเข้าใส่กัน ทั้งหมดเข้าตะลุมบอนกัน โอปอร้องวี๊ดว๊ายอย่างตกใจ

กริสน์ขับรถกระบกของพิมมาดาพร้อมกับคุยโทรศัพท์กับภัทรดนัยไปด้วย ภัทรดนัยเก็บของใส่รถซ่อมแอร์ที่จอดอยู่ข้างๆออฟฟิศสุขสันต์
“ไอ้ท่านสุขสันต์นี่ท่าทางมันก็ชั่วเหมือนกันนี่หว่า” ภัทรดนัยบอก
“ฉันบอกแกแล้วไง ว่าฉันรู้สึกมาตั้งนานแล้วว่ามันเป็นคนดีแบบปลอมๆ”
“เชื่อแล้วๆ เออ ตอนนี้ข้อมูลในคอมฯทั้งหมดอยู่กับฉัน”
“เยี่ยม..แกก็เห็นแล้วใช่ไหมว่าไอ้น้อมพงษ์คนของเสี่ยอธิปมาประชุมในวันนี้ด้วย แสดงว่าสองแก๊งนี้ต้องร่วมมือกันทำอะไรสักอย่าง ชั้นว่าไอ้สุขสันต์ต้องมีส่วนร่วมกับการค้ายาเสพติดครั้งนี้แน่ๆ เพราะ” กริสน์พูดเป็นชุด
“งั้นเราคงต้องจับตาดูนายจตุพลเพิ่มด้วย” ภัทรดนัยบอก
“แน่นอนที่สุด” มีเสียงสายซ้อนเข้ามาในโทรศัพท์ของกริสน์ “ไอ้นัย แค่นี้ก่อนนะ มีสายซ้อน” กริสน์สลับสาย “ว่าไงจีจ้า...หา! ว่าไงนะ! นายโจ๊กมีเรื่องกับนายปาล์มอีกแล้ว! ได้ๆเดี๋ยวลูกพี่รีบไป”
กริสน์วางสายด้วยหน้าตาร้อนรน
“งานเข้าเช้า สาย บ่าย เย็น ถ้าเรื่องนี้รู้ถึงหูเจ๊โหด ชั้นจะโดนไล่ออกมั้ยเนี่ย? ไอ้กริสน์”
กริสน์ส่ายหน้าอย่างเซ็งๆ แล้วรีบหาที่กลับรถอย่างรวดเร็ว
ที่ริมถนน ซอยข้างออฟฟิศสุขสันต์ ภัทรดนัยเก็บของใส่ท้ายรถตัวเอง ไกลออกไป มาวินนั่งอยู่ในรถกำลัง ถ่ายรูปออฟฟิศสุขสันต์ไปเรื่อยๆ เขาแพนกล้องไปเรื่อยๆ ไปเห็นภัทรดนัยที่ถอดหมวก ถอดแว่นเก็บพอดี

มาวินขมวดคิ้ว แล้วค่อยๆ ซูมเข้าไปที่ภัทรดนัย จนเห็นเป็นใบหน้าภัทรดนัยชัดเจน

อ่านต่อตอนที่ 6



กำลังโหลดความคิดเห็น