xs
xsm
sm
md
lg

มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 2

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 2

พิมมาดานั่งอยู่ในรถมือเกร็งทั้งสองข้าง สีหน้าเครียดจัด และยังตกใจไม่หาย กริสน์ถอดเข็มขัดออกมารัดที่ต้นแขนข้างที่โดนยิง ในขณะที่พวกเด็กๆ ออกอาการตื่นเต้นมากๆ

“วู้วๆๆๆๆ ตื่นเต้น สนุกสุดๆ ยังกะอยู่ในหนังองค์บากผสมต้มยำกุ้งเลย” จีจ้าดี๊ด๊า ทำท่าฮึดฮัดชกลม
ชกแล้ง “วิ่งสู้ฟัดสุดๆ ไปเลยน้า..น้าๆ สอนจีจ้ามั่งดิ”
“ยัยงี่เง่าเอ๊ย ต่อยมั่วยังกะมวยวัด” โจ๊กแขวะจีจ้า
“วิบัติๆแน่ๆ” แจ๊สเยาะอย่างเยอะตามนิสัย
จังหวะนั้นอยู่ๆ พิมมาดาก็ร้องขึ้นบอกให้จอดรถ แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
“จอดๆๆๆๆๆ”
ภัทรดนัยตกใจ รีบเบรกเอี๊ยดจอดรถบริเวณข้างทาง ทุกคนไม่ทันตั้งตัวถึงกับหัวทิ่ม
“เอ้ย อะไรของคุณเนี่ย อยู่ๆ ให้จอดทำไม”
พิมมาดาสีหน้าเครียดจัด พูดขึ้นอย่างเอาจริง “ลงไปจากรถชั้นได้แล้ว”
“อะไรของคุณ” กริสน์งง
“แต่เค้าช่วยเราเอาไว้นะคะ” จีจ้าว่า
“ชั้นบอกให้ลงไปไง ไปๆๆๆๆ”
“โอ๊ยๆ อย่าตีๆ ผมเจ็บ..ลงแล้วๆๆๆๆ”
กริสน์งงๆ รีบลงจากรถไป
“ไปไหนก็ไป ไม่ต้องมายุ่งกับพวกเราอีก..ชั้นรับปากว่าจะไม่แจ้งความ จะไม่ให้เบาะแสอะไรกับ
ตำรวจทั้งนั้น”
“โชคดีนะเว้ยไอ้กริสน์” ภัทรดนัยยิ้มร่า โบกมือให้กริสน์
พิมมาดาหันมาแว้ดเสียงเข้ม “นายก็ลงไปด้วย!!”
“ว่าแล้ว”
ภัทรดนัยลงรถไปด้วยอีกคน
“น้าเค้าเจ็บอยู่ ให้น้าเค้าไปด้วยนะ ไม่งั้นจีจ้าไม่ยอม” จีจ้าจะเปิดประตูรถลงไป
พิมมาดารีบคว้าตัวจีจ้าเอาไว้ ไม่ให้ลงจากรถ
“จีจ้า!! นั่งเฉยๆ บอกให้อยู่เฉยๆ” พิมมาดาเงื้อมือขึ้นขู่ “อยากถูกตีใช่มั้ย!!”
พวกเด็กๆ นั่งจ๋อยสนิท จีจ้ายังเหลียวมองตามกริสน์ พิมมาดาขับรถออกไป
กริสน์กับภัทรดนัยยืนงง
“เฮ้อ ไล่ยังกะหมา..โชคดีนะที่ชั้นฉลาด ขับตรงมาแถวซอยบ้านแกเลย เดินนิดเดียวก็ถึงแล้ว ไปๆ”
“จะให้เดินไปแบบเลือดโชคอย่างนี้ใช่ไหม” กริสน์หันมาโวยใส่
“เออ...นั่นดิ” ภัทรดนัยถอดชุดกาวน์บุรุษพยาบาลของตัวเองให้กริสน์ใส่คลุม “เอานี่...คลุมไว้”
แล้วสองคู่หูก็พยุงกันเดินไป

พิมมาดาขับรถออกมา แต่พอจะเลี้ยวก็เจอคนงานเอารั้วมากั้น ปิดถนนซ่อมท่ออยู่ คนงานโบกมือให้กลับรถไปทางเดิม เพื่อไปออกอีกทางนึง
“โอ๊ย ทำไมชีวิตฉันถึงมีอุปสรรคเยอะอย่างนี้นะ ไปทางอื่นก็ได้”
พิมมาดากลับรถ แล้วเลี้ยววนไปอีกทาง

ขณะเดียวกันนั้นภัทรดนัยเดินนำหน้า กริสน์เดินซวนเซตามหลังเพราะเสียเลือดมาก
“ไอ้ภัทรดนัย นี่ แกจะไม่ช่วยเพื่อนแกหน่อยเหรอวะ ชั้นถูกยิงนะเว้ย” กริสน์โวยลั่น
“แผลแค่นี้ ล้มควายอย่างแกไม่ได้หรอก ชั้นรู้ เย้..ถึงบ้านแกแล้ว ไปนอนซดน้ำส้มกันดีกั่ว”
ภัทรดนัยหันไปเห็นร้านขายยา
“เดี๋ยว..แกเดินไปรอชั้นที่บ้านก่อนนะ ชั้นเข้าไปซื้อยาให้แกก่อน”
“เออๆ”

กริสน์เดินต่ออีกหน่อย มองเห็นหน้าบ้านตัวเอง แต่ที่หน้าบ้านมีกำลังตำรวจกว่า 10 นายซุ่มอยู่
“ตำรวจ? อ้าวนั่นผู้พันป๋องนี่นา...เริ่มแหม่งๆแล้วว่ะ”
กริสน์หันหลังจะเดินหนี แต่ปะกับตำรวจนายหนึ่งที่ถือถุงโอเลี้ยงเดินมาพอดี ทั้งคู่เกือบชนกัน
ตำรวจคนนั้นมองหน้ากริสน์ ขณะที่กริสน์เผลอตัวยิ้มให้
“คุณชื่อกริสน์ใช่ไหมครับ”
กริสน์ยิ้มๆ ไม่ตอบ ทำท่าจะเดินหลีกไป ตำรวจสืบเท้ามาขวางเอาไว้ แล้วยกกระดาษขึ้นมาดู เป็นรูปหน้ากริสน์เต็มตา ตำรวจคนนั้นหันไปตะโกน
“ทุกคน...คุณกริสน์อยู่นี่”
พวกตำรวจหันมาเห็นกริสน์ พากันยิ้มแป้น แบบเป็นมิตรเกินเหตุ
กริสน์แปลกใจ
“อ้าว กริสน์ เป็นยังไงบ้าง ปลอดภัยดีนะ..ทางสำนักงานใหญ่เป็นห่วงนายมาก เลยให้ชั้นมาดูแลนาย
ที่บ้าน เอ๊ะ นายถูกยิงเหรอ ไหนๆ ชั้นดูให้”
ตำรวจคนนั้นพูดจาแบบเป็นมิตรสุดชีวิต แต่พอใกล้ได้ระยะ ก็คว้ามือกริสน์เพื่อจะจับแขนบิดไพล่หลัง แต่กริสน์เทคนิคการสู้ดีกว่า สามารถพลิกกลับมาเป็นฝ่ายบิดแขนตำรวจไว้ซะเอง
“โอ๊ยๆๆๆ”
“นี่..พวกคุณจะทำอะไรผม ผมเป็นตำรวจนะ”
ตำรวจอื่นๆ คว้าปืนมา ประทับปืนเตรียมพร้อมยิงทุกเมื่อ หนึ่งในนั้นตะโกนบอก
“หยุด ทิ้งอาวุธแล้วยอมมอบตัวซะดีๆ”
“อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นไอ้นี่แขนหักแน่..ถอยไป”
กริสน์ยึดตัวตำรวจเอาไว้เป็นตัวประกัน พยายามถอยหนี พอได้สักระยะหนึ่ง กริสน์ตัดสินใจผลักตำรวจออกแล้วจะวิ่งหนี ผ่านหน้าภัทรดนัยที่ออกมาจากร้านยาพอดี
“อ้าว...เฮ้ย...ไปไหน”
ตำรวจคนหนึ่งชักปืนยิงตามกริสน์เสียงดัง “ปัง!”
กริสน์ถูกยิงเข้าที่ต้นแขนที่เดิม
“โอ๊ยๆๆๆๆ มันยิงที่อื่นกันไม่เป็นแล้วรึไงวะ”
กริสน์วิ่งหลบออกไป กำลังตำรวจกรูวิ่งตามมา
“จะซวยไปถึงไหนเนี่ย”
ภัทรดนัยบอกออกมาอย่างเซ็งสุดชีวิต

พิมมาดาขับรถไป พร้อมกับเทศน์หลานๆ ไป จีจ้าจอมแก่นโดนเป็นรายแรก
“จีจ้า..น้าไม่เข้าใจจริงๆ เธอสนุกกับเรื่องนี้ได้ยังไง นี่มันอันตรายถึงตายเลยนะ”
“ไม่เห็นมีใครตาย” จีจ้าย้อน
“ต้องให้มีคนตายก่อนหรือไง น้าจะไม่ยอมให้พวกเธอเป็นอะไรเด็ดขาด..น้ารับปากแม่พวกเธอแล้วว่า
จะดูแลพวกเธอให้ดีที่สุด น้าก็ต้องทำให้ได้”
“แต่..” จีจ้าอ้าปากจะเถียงอีก
“ไม่ต้องเถียง! ห้ามใครพูดอะไรอีก จนกว่าจะถึงบ้าน”
พิมมาดายื่นคำขาดเสียงเข้ม จีจ้าอึ้ง โจ๊ก และแจ๊ส ดูจะเซ็งมาก
“ฮิตเลอร์” แจ๊สว่า
“มิน่าถึงโสดตลอดปีตลอดชาติ” โจ๊กผสมโรงทันที
“โจ๊ก!! แจ๊ส!! ไม่ใช่เพราะพวกเธอเหรอ น้าถึงเป็นแบบนี้”
คราวนี้โจ๊กกับแจ๊สต้องนั่งนิ่ง พิงเบาะหลับตา
“น้าเลือกที่จะดูแลพวกเธอให้ดีที่สุด น้าถึงไม่มีเวลาให้ใครไง”
พิมมาดาสำทับเสียงแข็ง พลางนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งอดีต

เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นตอนกลางวัน ภายในร้านฟาสต์ฟู้ด พิมมาดา กับมาวินในชุดตำรวจยศร้อยตำรวจตรี ดาวสามดวงเจิดจ้า เด็กๆ นั่งกินแฮมเบอเกอร์กันอยู่ มีโจ๊ก จีจ้าเล่นคิวบู๊กันไม่เลิก โดดไล่กันไปบนเก้าอี้ มุดลอดตามกันไปใต้โต๊ะ วิ่งวนไปรอบๆ พิมมาดากับ มาวินและแจ๊ส ที่นั่งกินอยู่
พิมมาดาพูดจนปากเปียกปากแฉะ “จีจ้า..โจ๊ก..พอได้แล้ว”
แจ๊สนั่งนิ่งเงียบกริบ หน้าตาเครียดมากขึ้นๆ
โจ๊ก กับจีจ้า ยังดักกันอยู่คนละฟากโต๊ะ แล้วเอาของกินในมือเขวี้ยงใส่กัน
“โจ๊ก..จีจ้า ไม่เอาๆๆ” พิมมาดาร้องห้าม แต่ไม่มีใครฟัง
จังหวะนั้น ของที่โจ๊กขว้างใส่จีจ้า ก็ไปแปะแหมะอยู่บนหัวแจ๊ส และของที่จีจ้าขว้างตอบ ก็แปะไปเต็มหน้าที่ใส่แว่นหนาเตอะของแจ๊ส
จู่ๆ แจ๊สก็ลุกขึ้น กรีดร้องกรี๊ดๆๆๆ ลั่นร้าน
“อ๊าย....”
ลูกค้าคนอื่นในร้านหันมามองแจ๊สด้วยสีหน้ารังเกียจ
มาวินหน้ามุ่ยถอนหายใจ ลุกขึ้น
“พิมมาดา..ผม..ผมรักคุณนะ..แต่..เราคงไปกันไม่ได้หรอก..ผมรักเฉพาะตัวคุณ..แต่..ผมไม่พร้อม..ที่
จะต้องใช้ชีวิตร่วมกับเด็กๆพวกนี้..คุณต้องอยู่กับหลานๆ..ผมเข้าใจ..เพราะงั้น..เอาเป็นว่า..คุณทิ้งผมก็แล้วกัน แหวนหมั้นของคุณ” มาวินแบมือออกมา “ผมขอคืนด้วย”
โจ๊ก กับจีจ้ายังวิ่งไล่ตีกันไปรอบๆ ส่วนแจ๊สเอาแต่เอาอุดหู แล้วก็ร้องกรี๊ดๆๆๆ อยู่อย่างนั้น
มาวินแบมือรอ พิมมาดา อึ้งปนงงๆ แต่แล้วก็ถอดแหวน วางลงบนมือมาวิน
“คุณถอนหมั้นผมเองนะ แต่มันก็โออ่ะนะ เราจากกันด้วยดี ผมขออวยพร ให้คุณกับหลานๆ อยู่กัน
อย่างมีความสุข.. ตลอดไป..”
มาวินพูดแล้วเดินจากไป โดยไม่หันกลับมามอง
พวกเด็กๆ ยังเล่นซน เอาซ้อสบีบใส่กัน ในขณะที่พิมมาดานั่งนิ่ง มึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น

รถกระบะของพิมมาดาแล่นมาตามถนนแคบๆ ขับเร็วไม่ได้ เด็กๆ ทุกคนในรถ ต่างนั่งอยู่ในอาการซึมปนเซ็ง
จีจ้าหงอยๆ มองออกไปนอกรถ แล้วเห็นอะไรบางอย่าง จีจ้าตาโต
“จอดก่อนๆๆๆๆ”
“บอกให้อยู่เฉยๆ ไงจีจ้า” พิมมาดาเอ็ดตามองไปข้างหน้า
“จอด..ก็..โอ๊ย จีจ้าหายใจไม่ออก น้าพิมพ่นยาให้หน่อยๆๆ”
พิมมาดาจำใจต้องจอดรถ แล้วเอายามาพ่นให้จีจ้า ระหว่างนั้นจีจ้าจอมแก่นแอบมองไปที่ท้ายรถ ดวงตาสดใส สีหน้าปลื้มปิติ
“เสร็จแล้ว” พิมมาดางงที่จีจ้ายังมองเหม่อ “จีจ้า เสร็จแล้ว..อะไร มีอะไรเหรอ”
“เปล่าค่ะๆๆ ออกรถสิๆ”
พิมมาดาแปลกใจ แต่ไม่เอะใจอะไร ขับรถแล่นออกไปทันที
จีจ้าแอบมองทางหลังรถ อมยิ้มมีความสุข
ที่ท้ายรถกระบะ เวลานี้เห็นมือคนเกาะแกะอยู่ท้าย

พอรถพิมมาดาแล่นเข้ามาจอดเทียบหน้าร้านดอกไม้ เต๋า กับเต้ยที่นั่งสัปหงกอยู่ พอได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาก็สะดุ้งตื่น รีบทำตัวกระฉับกระเฉงวิ่งเข้ามารับทันที พิมมาดาเหนื่อยหนักกับวันนี้ แต่สีหน้าก็สบายใจที่ถึงบ้านซะที
“ถึงบ้านแล้ว จบเรื่องยุ่งๆ สักที” หันไปสั่งเด็กๆ “เข้าบ้าน แล้วก็อาบน้ำนอนกันได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องไป
โรงเรียน” จากนั้นก็หันมาทางเต๋า และเต้ย “เดี๋ยวช่วยฉันยกของท้ายรถไปเก็บในบ้านด้วยนะ”
“ได้ค่ะ” เต๋ากับเต้ยรับขึ้นพร้อมกัน
จีจ้านึกออกพูดขึ้นอย่างตกใจ “ไม่ได้ค่ะ”
ทุกคนหันขวับไปมองจีจ้าอย่างแปลกใจ จีจ้าพยายามกันเต็มที่ แล้วพยายามขยิบตา ส่งสัญญาณให้โจ๊ก แจ๊ส ช่วย แต่โจ๊ก แจ๊ส ไม่เข้าใจ
“มีอะไรหรือคะหนูจีจ้า” เต๋าถาม
“ท่าทางแปลกๆ ซ่อนอะไรไว้ที่ท้ายรถเหรอคะ อุ๊ยตาย ตัวแค่นี้มีความลับ” เต้ยเย้า
จีจ้าไม่ตอบ แต่ทำตัวมีพิรุธเพียบ พิมมาดาสังหรณ์ใจวูบหนึ่ง เดินตรงไปดึงผ้าใบท้ายรถออกทันที
พิมมาดาผงะ มองไปที่กระบะท้ายรถ เห็นกริสน์นอนหมดสติ เลือดเต็มแขน
“เฮ้ย”
“กรี๊ดๆๆๆๆ ศพ” เต๋ากับเต้ยกรี๊ดขึ้นพร้อมกัน
“ตามมาได้ยังไงเนี่ย..เต้ย ไปโทรแจ้งตำรวจให้มาที่นี่เดี๋ยวนี้ ไป”
จีจ้านึกออกหันมาอ้อนพิมมาดา ท่าทีน่าสงสารสุดๆ
“อย่าแจ้งตำรวจเลยนะน้าพิม นะๆ พี่เค้าบาดเจ็บอยู่นะ เค้าเลือดไหลใกล้จะตายอยู่แล้ว ช่วยคนเจ็บ
ก่อนนะๆ”
“อ้าว...ยังไม่ตายเหรอ” เต้ยถามขึ้น
“ท่าทางเค้าจะเสียเลือดมากนะคะคุณพิม ดูหน้าเค้าสิ ซีดจนจะขาวอยู่แล้ว” เต๋าบอกออกมา
“จะเอาเค้าไปโยนทิ้งให้ตายเหมือนหมาข้างถนนเหรอคะ เต้ยทำใจเห็นผู้ชายตายต่อหน้าต่อตาไม่ได้
ช่วยเค้าก่อนเถอะค่ะ นะคะคุณพิม” เต้ยกะเทยใจงามสามโลกคะยั้นคะยอ
พิมมาดาโดนแม่พระเด็กหนึ่ง กะเทยสอง รุมจนเริ่มสับสน

เวลานั้น สุขสันต์อยู่ในชุดสูทขาวหล่อสำอาง เท่สุดๆ กำลังยืนอยู่หน้ากระจก เตรียมตัวออกงาน มีช่างทำผมกำลังเซ็ทผมให้อยู่ด้วย
จังหวะหนึ่งสุขสันต์หันมาพูดกับลูกน้อง
“ฉัตรชัย นายไปดูโลเคชั่นที่ร้านดอกไม้พริมโรส..ด่วน”
“ขออนุญาตครับ ท่านสนใจคนหรือสนใจร้านขอรับ” ฉัตรชัยถามกลับ
“ทั้งสองอย่าง”
ทันใดนั้น แพรวพิลาศก็เดินพุ่งเข้ามาโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
“โอ้ สวีทฮาร์ท!” โผเข้าไปกอดสุขสันต์อย่างรักใคร่สนิทสนม “คุณไม่เป็นอะไรชิมิ” แพรวพิลาศสำรวจ
ตรวจตราตามส่วนต่างๆของร่างกายสุขสันต์ “เฮ้อ โล่งอก คุณรู้มั้ย ตอนแพรวพิลาศเห็นข่าวเรื่องตำรวจบุกทลายจับผู้ร้ายในโรงแรมที่คุณอยู่ แพรวพิลาศห่วงคุณจนทำอะไรไม่ถูกเลย”
“คิดมากน่าที่รัก ผมเป็นคนของประชาชนนะครับ บอดี้การ์ดก็ล้อมหน้าล้อมหลังเพียบ ไม่มีใครปล่อย
ให้ผมเป็นอะไรหรอก” สุขสันต์บอก
“แพรวพิลาศกลัวว่าคุณพ่อของแพรวพิลาศจะเสียลูกพรรคดีๆ อย่างคุณไปน่ะสิคะ”
“อ้าว แล้วตัวแพรวพิลาศล่ะจ๊ะ ไม่กลัวเสียผมไปเหรอ” สุขสันต์เย้าเล่น
“ถ้าแพรวพิลาศไม่กลัวจะรีบมาทำไม..ชิมิๆๆ”
จังหวะนั้นฉัตรชัยเดินเข้ามาตามพลางเอ่ยขึ้น “ท่านครับ ได้เวลาแล้วครับ”
“โอเค”
สุขสันต์พูด พร้อมกับลุกขึ้นยืน เตรียมจะออกไป
ทันใดนั้น ลูกน้องของสุขสันต์ที่แต่งตัวในชุดสูทสีขาว ดูดี สะอาดสะอ้าน 3-4 คน ก็เดินตามสุขสันต์ไปทันที ทุกคนมีกล่องเครื่องมือเป็นของตัวเอง เปิดกล่องออกมา พร้อมกันสียงดังพรึ่บๆๆๆ
จากนั้นเครื่องมือเสริมสวย เครื่องสำอางสารพัน ไดรเป่าผม น้ำหอม ครีม โลชั่น โดยฝีมือของบรรดา
บอดี้การ์ดสูทขาวสุดเนี้ยบ ก็เข้ารุมเซ็ตให้สุขสันต์ ซึ่งกำลังสวมใส่เสื้อนอกขณะเดินออกไป
พริบตาเดียว สุขสันต์ที่หล่ออยู่แล้วก็ยิ่งดูหล่อเนี้ยบ สะอาดหน้าขาวใสเด้งพร้อมขึ้นกล้องแบบสุดๆ
แพรวพิลาศเดินควงแขนสุขสันต์ออกไป
“ชั้นพร้อมแล้ว”
เลขาฯเปิดประตูบานใหญ่อีกบานให้ เผยให้เห็นว่าเป็นประตูที่ก้าวออกไปสู่กลางเวที มองภาพผ่านหลังสุขสันต์ ที่เบื้องหน้าของเขามีเด็กๆ เยาวชน และผู้ปกครองกำลังรอพบสุขสันต์อยู่ ทุกคนตบมือต้อนรับ
นักข่าวรุมถ่ายรูป แสงแฟลชวูบวาบตลอดเวลา สุขสันต์และแพรวพิลาศต่างก็ปั้นหน้ายิ้ม ช่วยกันสร้างภาพสุดๆ
สุขสันต์ยิ้มแย้ม โบกมือให้ประชาชนตามมุมต่างๆ ด้านหลังสุขสันต์เป็นป้ายติดหราอยู่บนเวที เขียนว่า งานแถลงข่าวโครงการ “เยาวชนสุขสันต์ ห่างไกลยาเสพติด” จัดโดย มูลนิธิสุขสันต์กับสุขสันต์



ส่วนเหตุการณ์ที่ร้านดอกไม้พิมโรส เวลานั้นเต๋า กับเต้ย ช่วยกันยกมัดดอกลิลลี่ ดอกกุหลาบก้านยาวสีขาว และใบโปร่งฟ้ามัดใหญ่ ขึ้นรถลูกค้าที่จอดเทียบอยู่หน้าร้าน
“เรียบร้อยค่ะ คุณดำเกิง” เต๋าบอกพลางยิ้มให้
“ตกลงพรุ่งนี้ จะเอาดอกมัมสีเหลือง กับสีเบจ อย่างละมัดใช่ไหมคะ” เต้ยถามเมคชัวร์
“ครับ แล้วผมจะมารับตอน 10 โมงนะครับ” ลูกค้ายิ้มตอบ
“ได้เลยค่า” เต๋าว่า
ที่ฝั่งตรงข้าม มีรถเก๋งมาจอดซุ่มอยู่ ชายที่อยู่ในรถคันนั้น คือฉัตรชัย และฉัตรชัยก้าวออกมาจากรถกำลังใช้กล้องถ่ายรูปซูมดูบริเวณหน้าร้าน ถ่ายรูปเต๋า เต้ย และรูปอื่นๆ ที่หน้าร้านมุกอิริยาบถ
พอดีกับที่พิมมาดาเดินเอาไม้กระถางดอกไม้นอกใหม่ๆ และกระถางเล็กๆ ที่ขายทั้งกระถางเลย เช่น บีโกเนีย เจเรเนี่ยม โรโดเดนดรอน และซายคลาเมน มาวางเรียงที่ยกพื้นเตี้ยๆ หน้าร้าน เต๋าและเต้ยกุลีกุจอรีบเข้าไปช่วยกันจัด ฉัตรชัยรีบกดชัตเตอร์ถ่ายเอาๆ
จนสักพัก ป๊อปคอร์นวิ่งออกมาจากในร้าน มาเห่าๆๆ แล้วคาบมือ ดึงๆๆ เหมือนจะเรียกให้พิมมาดาเข้าไปข้างใน
“อะไร ป๊อปคอร์น มีอะไร..” พิมมาดาร้องขึ้นแล้วรีบตามเสียงป๊อปคอร์นไป
ฉัตรชัยชะเง้อตาม พลางกดโทรศัพท์พัลวัน “ฮัลโหล”

แพรวพิลาศเดินเลือกกระเป๋าอยู่ในห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ขณะสุขสันต์แอบซุ่มโทร.อยู่ในมุมนึง
“ว่าไง”
“ร้านพริมโรส..ผมว่า..ตรงสเป็คเจ้านายเป๊ะๆ เลยครับ ที่สำคัญ ทั้งร้าน มีแค่คุณพิมมาดาคนสวย..กะ
เก้งกวาง 2 ตัว อ้อ กะหมาอีก1 ทางสะดวก..ไร้อุปสรรค” ฉัตรชัยรายงาน
“ดี..แค่นี้นะ” สุขสันต์กดวาง แล้วเดินยิ้มกริ่มเข้าไปหาแพรวพิลาศ “ชอบไหมครับ..แพรว..มีใบไหนที่
ถูกใจครับ”
“แพรวว่า..มันแพงไป..”
“เท่าไหร่ครับ” สุขสันต์ถามพนักงานขายเสียงสุภาพ
“ใบนี้…4แสน 3หมื่นค่ะ” พนักงานขายตอบยิ้มๆ
“ซื้อที่โน่น...น่าจะถูกกว่าหลายหมื่น..แพรวอดใจเอาไว้ซื้อเวลาไปเที่ยวดีกว่า” แพรวพิลาศบอก
“อดใจ ทำไมต้องอดใจ..สำหรับแพรว..ปรารถนาอะไร ต้องได้ทันทีสิครับ” สุขสันต์หันมา ยิ้มกับ
พนักงานขายคนเดิม “ผมเอาใบนี้ล่ะ...” หยิบกระเป๋าตังค์มา หยิบการ์ด “มีกี่สีจ๊ะ”
“3สีค่ะ” พนักงานบอก
“งั้น..ขอสีละใบ..”
“คุณสุขสันต์..อย่าสปอยล์แพรวนักสิคะ”
“ผมจะสปอยล์จนแพรวเสียนิสัย ทำให้แพรวชิน แพรวจะได้ติดผม แล้วก็..จะได้ขาดผมไม่ได้ไงล่ะ”
สองคนหัวเราะคิกคัก แพรวหยิก และตีแขนสุขสันต์เบาๆ

ด้านเต๋า กับเต้ย กำลังทำหน้าที่กะเทยแม่พระ รุมเช็ดตัวให้กริสน์อยู่ โดยมีผ้าปิดลำตัว แต่กางแขนกางขาออกมานอกผ้า 2 คนช่วยกัน เช็ดคนละด้าน
พิมมาดาโผล่เข้ามาไม่บอกกล่าว พร้อมยา น้ำดื่ม ชุดนอนผู้ชาย ซึ่งเป็นชุดแบบกางเกงขายาว เสื้อแขนยาวเก่าๆ ผ้าเช็ดตัว และผ้าห่มหนาๆ
“เช็ดแล้วตัวเขาเย็นลงบ้านหรือยัง...” พิมมาดาถาม สองสาว
“กรี๊ด..คุณพิมอย่าดู..อย่าค่ะ..อย่า มัน..มัน..ใหญ่มาก..” เต๋าวี้ดว้ายขึ้น
พิมมาดาปิดตา ยื่นเสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัวให้ “เอ้า..เอาไป อะไรใหญ่เหรอ” ค่อยๆแหวกนิ้วมือ ส่องตาออกมาดู
“แผลค่ะ แผลเป็นรูๆ อักเสบบวมปูด..น่ากัว น่าสยดสยอง เอ๊ะ..คุณพิมนึกว่า..อะไรหรือคะ..ที่ใหญ่”
เต้ยถาม
“ชั้นจะไปรู้เหรอ แล้วเช็ดตัวเสร็จ ก็เอาซุปนี่กรอกให้มัน..เอ๊ย..เค้ากินด้วยก็แล้วกัน แล้วค่อยให้กินยา
นะ ชั้นวางไว้นี่นะ ชั้นไปรับพวกเด็กๆก่อนล่ะ แล้วก็ห่มผ้าเค้าให้อุ่นๆด้วยล่ะ อย่าให้มาตายในบ้านชั้นนะ”
“ค่า” เต๋ากับเต้ยตอบพร้อมกัน
พิมมาดารีบออกไป
“เราสองคนกลายเป็นฟลอเร้นซ์ ไนติ้งเกลไปซะแระ” เต๋าพูดขึ้นยิ้มระรื่น
“ใครฟลอเร้นซ์ ไนติ้งเกล?” เต้ยถาม
“พยาบาลย่ะ ตอนเรียนอ่านหนังสือมั่งป่าวเนี่ย” เต๋ากัด

“นางฟ้าอย่างเราก็อย่างนี้แหละ แหม ดูๆ อีตานี่ก็หล่อดีเนอะเต๋า เธอว่าเค้าฟื้นมาเห็นหน้าชั้น เค้าจะ
หลงรักชั้นหรือเปล่า” เต้ยเริ่มเพ้อ
“เค้าอาจจะอยากเตะก็ได้” เต๋าประชด


เช้าอีกวันต่อมากริสน์นอนอยู่บนเก้าอี้ยาวในโรงรถ มีผ้าห่มคลุมถึงคอ มีเจ้าป๊อปคอร์นกำลังเลียหน้าอยู่ กริสน์งัวเงีย ลืมตามาเห็นหน้าป๊อปคอร์น ตกใจ สะดุ้ง
“เฮ้ย..” กริสน์ยังรู้สึกเจ็บแผลอยู่ “โอ๊ย..” กวาดตามองไปรอบๆ “ที่นี่มันที่ไหน..” กริสน์พึมพำพลาง
จ้องหน้าป๊อปคอร์นเขม็ง เหมือนกับว่าจะให้มันตอบ
กริสน์กวาดมองไปรอบๆ อย่างงงๆ ผลักผ้าห่มออก ก้มมองแขนตัวเอง เห็นว่าได้รับการทำแผลอย่างเรียบร้อยก็ยิ่งแปลกใจ กริสน์เปิดผ้าพันแผลที่ต้นแขนออกดู พบว่ารอยกระสุน 3 นัด เรียงตัวเป็นแถวเป็นแนว 3 จุด อย่างสวยงาม
“เฮ้ย”
จีจ้าเข้ามาพอดี เอ่ยขึ้นน้ำเสียงตื่นเต้น “คุณน้าวิ่งสู้ฟัดตื่นแล้ว”
แจ๊ส โจ๊ก จีจ้า อยู่ในชุดนักเรียน เดินขบวนยกอาหารเช้าเข้ามา แจ๊สวางท่าเหมือนหมอ ตรวจอาการกริสน์
“เฮ้ยๆๆ พวกเธอจะทำอะไร อย่าเข้ามา” กริสน์ระวังตัว เพราะเป็นโรค...ระแวงเด็ก
“อย่าขยับ นอนลง” แสบอกกริสน์งงๆ แต่ก็นอนลงไป แจ๊สคว้าข้อมือมาจับชีพจร
“นี่ครับอาหารเช้า ขนมปังให้พลังงาน ไข่กับนม ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ” โจ๊กเอ่ยขึ้น
“ทานเยอะๆ นะน้า เพราะน้านอนหลับไปตั้ง 2 วัน”
“2 วัน” กริสน์อุทานอย่างไม่เชื่อ
“ชีพจรสม่ำเสมอ อุณหภูมิยังสูงเกินไป” หมอแจ๊สหน้าขรึมเคร่ง และดูจริงจัง
“คุณน้าเป็นใครทำไมคนพวกนั้นต้องไล่จับคุณน้า” โจ๊กถามขึ้น
“แล้วทำไมคุณน้าสู้เก่ง สอนให้จีจ้าเก่งๆ แบบคุณน้าได้มั้ยคะ” จีจ้าว่า
หลังจากนั้นเด็กๆ ก็รุมยิงคำถามใส่กริสน์ไม่ยั้งรัวและเร็ว กริสน์มึนตึ๊บ
“เดี๋ยว ฉันต่างหากที่ต้องถามพวกเธอว่าที่นี่ที่ไหนฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้วใครเป็นคนทำแผลให้ฉัน”

เสียงพิมมาดาดังแทรกขึ้นมา
“บ้านฉันเอง”
กริสน์หันไปมอง พิมมาดายืนกอดอกวางท่าขรึม กริสน์อึ้ง
“เด็กๆ ออกไปก่อนจ้า” พิมมาดาพูดยิ้มๆ
เด็กมองหน้ากัน
พิมมาดาตะเบ็งใส่สุดเสียง “จะออกหรือไม่ออก”
เด็กๆ วิ่งจู๊ดออกไป
“กัวๆๆๆๆ” โจ๊กว่า
“กัวๆๆๆ ไปเร้ววว ป๊อปคอร์น”

ป๊อปคอร์นวิ่งตามออกไปอย่างแสนรู้

อ่านต่อหน้า 2




มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 2 (ต่อ)

พิมมาดามองไปที่กริสน์ซึ่งเวลานี้อยู่ในชุดนอน และกำลังพยายามยันกายลุกขึ้นมา

“ขอบคุณนะที่ช่วย” กริสน์พูดอย่างซาบซึ้ง
“ไม่ต้องขอบคุณ หมาป่วย แมวป่วย ชั้นก็ช่วยทั้งนั้น อย่าว่าแต่คนเลย แต่นายช่วยตอบหน่อยซิ
นายตามขึ้นรถชั้นมาอีก! ต้องการอะไร?” พิมมาดาแหวใส่ 
“ผมไม่ใช่ผู้ร้ายก็แล้วกันล่ะ!!” กริสน์พยายามจะอธิบาย
“เหรอ งั้น...คุณก็ควรจะแจ้งตำรวจ เรื่องมือปืนพวกนั้น” พิมมาดาเสนอทางออก
“เอ่อ คือ ผมกับตำรวจ มีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย”
“นายไม่กล้าเจอตำรวจอะดิ?” พิมมาดารีบหยิบโทรศัพท์ออกมา จะกดโทร.ออก
“หยุดนะ อย่า! ผมช่วยชีวิตคุณถึงสองรอบ แต่คุณกลับไม่ไว้ใจผม ไม่ขอบคุณผมสักคำ แล้วยังจะ
เรียกตำรวจให้มาจับผมอีก เอางี้ คุณใช้วิจารณญาณหน่อยนะ ดูแผลนี่...ถ้าผมเป็นคนทำผิดคิดร้าย...ผมจะเอาชีวิตตัวเองไปปกป้องคุณทำไม..ถ้าไม่มีผม ป่านนี้คุณตายไปแล้ว” กริสน์ทวงบุญคุณ
“ใครช่วยชีวิตใครกันแน่” พิมมาดาว่า
“ยิ้งชุ้บไหม ใครชนะ..คนนั้นเป็นคนที่มีบุญคุณ..เอ้า เป่ายิ้ง”
“หยุดบ้าได้แล้ว..นี่คุณหายไข้แล้วนี่..ดี หลังจากชั้นไปส่งเด็กๆ แล้ว กลับมาคงไม่เจอคุณที่นี่ หรือที่
ไหนอีกนะ”

ตอนสายวันนั้นเอง กริสน์ในชุดเดิมที่ใส่มา เดินบ่นออกมานอกบ้าน เห็นคนขายปลาหมึกปิ้ง ชะงัก เขม้นมอง พบว่าเป็นภัทรดนัยนั่นเองที่ปลอมตัวเป็นพ่อค้าปลาหมึกปิ้ง
“แถวบนหรือแถวล่าง” ภัทรดนัยถามเป็นโค้ดลับ เป็นนัยว่าจะฟังข่าวดีหรือข่าวร้ายก่อน?
“มีอะไรก็ว่ามา” กริสน์ถามอย่างเซ็งๆ
“ปลาหมึก..แถวบนหรือแถวล่าง” ภัทรดนัยถามซ้ำ
“บน..เอ้า ว่ามาเร็วๆ” กริสน์บอกส่งๆ
ภัทรดนัยหยิบปลาหมึกไปปิ้งพลางเอ่ย
“สำนักงานตำรวจออกหมายจับแกแล้ว”
“น่านไง” กริสน์ส่ายหน้า รู้ตัว
“ข้อหา รับสินบนโจร มีพฤติกรรมอันทำให้ตำรวจเสื่อมเสีย เมื่อคืนก่อน พวกตำรวจถึงได้ไปดักรอแก
ที่หน้าบ้านไง”
“ทำไมเป็นยังงี้ได้วะ ชั้นจะเข้าไปอธิบายกับสำนักงานเอง”
“เปล่าประโยชน์..เท่าที่ชั้นรู้ ตำรวจมีเอกสารลับเกี่ยวกับการรับเงินพิเศษของแก ที่ดูเหมือนว่าเสี่ย
อธิปจะให้เงินแกมากผิดปกติ จนดูเหมือนเป็นสินบน”
“บ้าแล้ว ชั้นไม่เคยรับเงินจากเสี่ยอธิป จะมีเอกสารรับเงินบ้าอะไร ต้องมีใครสร้างหลักฐานปลอม
ขึ้นมาแน่ๆ”
“ชั้นก็คิดอย่างนั้น ตอนนี้หลักฐานที่มีอยู่มัดตัวนายแน่นมาก บอกได้เลยว่าไอ้คนที่มันคิดเล่นนายไม่
ธรรมดา และมันก็กะเอานายตาย”
“แล้วยังไงวะ ชั้นต้องหนีทั้งโจรหนีทั้งตำรวจเหรอ” กริสน์โวยวาย
“ถ้าอยากรอดก็ต้องหนี เอ้า เอาปลาหมึกไปกินแก้เครียด”
ภัทรดนัยเข็นรถปลาหมึกออกไป กริสน์เครียด เคี้ยวปลาหมึกกร้วบๆ ระบายอารมณ์

ที่ฟุตบาท หน้าร้านดอกไม้ กริสน์ถือปลาหมึกมานั่งกินที่ม้านั่งหน้าร้าน ทันใด เต๋า กับเต้ยวิ่งถือป้ายไฟมิวสิค ต่างคนต่างพยายามดึงให้อีกคนอยู่ ตนจะได้ไป สวนออกมา
“หยุดนะ นังเต้ย แกเฝ้าร้าน ชั้นไปดูคอนเสิร์ตน้องมิวสิค” เต๋าบอกหน้าเม้ง
“ไม่ ชั้นจะไปหามิว น้องมิวเขาจะร้องเพลงประจำตัวชั้น เพลงเธอผู้ไม่แพ้ หล่อนแหละเฝ้าร้าน” เต้ย
ว่า
“หล่อนไปหาบ่อยแล้วนี่นา เห็นใจชั้นบ้าง ครั้งสุดท้ายที่ชั้นได้เจอมิว ก็ตั้งเดือนนึงมาแล้วนะ” เต๋าขอ!
“เชอะ ไม่ต้องมาพูดเลย” เต้ยเชิดใส่

กริสน์กินปลาหมึกไป มองสองคนที่ยื้อกันไปมา งงๆ
ขณะนั้นเองเค้ก สาวสุดเซ็กซ์ประจำละแวกนั้น ก็วิ่งข้ามถนนมาขวางเต๋ากับเต้ย
“หยุด! ชั้นมารับแจกันดอกไม้ที่ชั้นสั่งไว้ เอามาให้ชั้นก่อน ชั้นต้องเอาไปใช้แต่งร้านของชั้นตอนนี้”
เค้กสั่ง
“แจกันดอกไม้ อุ๊บ ยังไม่ได้จัดเลย” เต๋าหลุดปาก
“ให้นังเต๋ามันจัดเลยค่ะ” เต้ยได้ที
“กรี๊ด..หล่อนแหละ นังเต้ย ต้องอยู่ร้าน แล้วจัดดอกไม้ให้น้องเค้ก” เต๋าไม่ยอม
“ไม่ๆๆๆ ชั้นจะไปหามิวๆๆๆ” เต้ยก็ไม่ยอม
“ไม่ได้นะ ชั้นต้องใช้เดี๋ยวนี้ แล้วก็จ่ายเงินล่วงหน้าให้ยัยพิมไปแล้วทั้งเดือน พวกหล่อนไม่รับผิดชอบ
แบบนี้ ฉันจะฟ้องยัยพิม ให้ไล่หล่อนออกทั้งคู่เลย”
“ว้าย ตายแล้ว นังเต้ย ผู้ชายกับงานหล่อนเลือกอะไร” เต๋าถามออกมา
“ณ จุดนี้มิวสิคเท่านั้นค๊า..” เต้ยพูดอย่างมุ่งมั่น
จังหวะนั้นเต๋าหันมาเห็นกริสน์พอดี “อุ๊ย..นายคนนี้ หายแล้วนี่นา”
“อุ๊ย..จริงด้วย” เต๋าเข้าไปดึงแขนกริน์ ลุกยืน “เธอๆๆ เธอจำได้ไหม ว่าชั้นน่ะ มีบุญคุณกะเธอมากนะ
ชั้นว่า..ถึงเวลาที่เธอจะมีโอกาส ได้ตอบแทนบุญคุณเราสองคนแล้วล่ะ”
กริสน์งงๆ
“ฝากจัดแจกันดอกไม้ให้น้องเค้ก คนเนี้ย เค้าเป็นเจ้าของร้านเค้กฝั่งตรงข้ามนั่น จัดการทีนะ เอาพวก
กุหลาบหลายๆ สี สดใสๆ แล้วก็ใส่ยิปโซ่แซม ใบไม่ต้อง โอเคนะ” เต๋าพูดเป็นฉากๆ
“เต๋า..ไปเร็ว” เต้ยเร่งยิกๆ
สองคนแย่งกัน วิ่งผ่านไป ไม่แยแส เค้กหันมาเจอกริสน์ที่ยืนบื้ออยู่
“อ้าว..มีลูกจ้างใหม่ก็ไม่บอก” เค้กมองกริสน์หัวจรดเท้า “เธอ..นาย..แหม” ทำหน้านิ่ว “หน้าตาไม่ให้
เลยนะ ที่จะเป็นคนจัดดอกไม้ พูดตรงๆ นะ เธอดูเหมือนพวกตำรวจสายสืบที่ปลอมเป็นโจรเปี๊ยบเลย”
“มะ..ไม่ใช่นะครับ..ผม..ผมไม่ใช่..”
กริสน์เผลอตัวหลุดปาก โวยวายลั่น

ครู่ต่อมาเค้กก็เดินนำกริสน์เข้ามาในร้านดอกไม้ของพิมมาดา
“ช้านล้อเล่น..ตำรวจสายสืบจะปลอมเป็นโจรมาทำอะไรแถวนี้ มีแต่ร้านดอกไม้ กะร้านเค้ก กะบ้าน
คนดีๆ ..ดีล่ะ ชั้นละเบื่อไอ้ 2 คนนั้นจริงๆ จัดดอกไม้ไม่เคยถูกใจ จัดแต่กุหลาบๆๆ สีแดงสีเหลือง สีเหลืองสีแดงให้ชั้นตลอดเลยอ่ะ ยายพิมก็บ่นๆๆ ทุกวัน ว่าจะหาใครเก่งๆ มาช่วยจัดเร็วๆ นี้ คงเป็นเธอล่ะสิ ช่วยจัดดอกอะไรแปลกๆ ให้ชั้นหน่อยสิ” เค้กพูดเองเออเอง
“ดอกแปลกๆ ดอกอะไรอ่ะคับ” กริสน์มองไปรอบตัว อย่างงงๆ
“เอาเป็น..เดหลีขาวๆ ก็ดีนะคะ เรียบๆ แล้วใส่กับ..ใบอะไรเขียวๆ”
“ใบ..อะไรมันก็เขียวหมดอ่ะคับ” กริสน์งงงวยไปหมด
“เอาใบซานะดูก็ได้ค่ะ” เค้กบอก
“เอ่อ ตะกี๊ คุณบอกว่า ดอกอะไร..หลีๆ นะครับ”
ทันใดนั่น บรรดาลูกค้ายื่นก็หน้าเข้ามาพร้อมกันหลายๆ คน รุมล้อมกริสน์
“ดั๊นอยากได้ช่อดอกไม้เอาไปเยี่ยมเพื่อนที่ป่วยหนักใกล้ตายค่ะ ดั๊นขอด่วนเลยนะคะ..จัดเดี๋ยวนี้เลย
ค่ะ จัดให้ดั๊นสิคะ” ลูกค้าคนหนึ่งว่า อีกคนรีบบอก
“จะมาสั่งดอกกุหลาบแดงเก้าร้อยเก้าสิบเก้าดอก ขอพรุ่งนี้เช้า มีพอมั้ยคะ..ว่าไงได้มั้ย”
“ผมจะไปง้อแฟน ขอช่อแจ่มๆแนวๆโดนๆถูกๆสักช่อสิฮะพี่” อีกคนเสนอหน้ามา
“ไม่ได้นะ เธอต้องจัดให้เค้กก่อน” เค้กบอก
กริสน์ตอบรับลูกค้าแบบแบ่งรับแบ่งสู้วุ่นวายไปหมด พยายามจดลงกระดาษ แถมสักพักยังมีโทรศัพท์ในร้านและมือถือในร้านดังอีกไม่หยุดไม่หย่อน
“ฮัลโหลครับ..ใช่ครับ ช่อดอกไม้..ดอกทิวลิป? ไม่รู้จักครับ”
กริสน์รับโทรศัพท์ พวกลูกค้าที่อยู่ในร้านก็เข้ามากดดัน จะเอาให้ได้ ดูวุ่นวายน่าปวดหัวมากๆ

พิมมาดาขับรถ มีจีจ้านั่งจามถี่ๆๆข้างๆ พิมมาดาพูดเสียงเข้มงวด เทศนาจีจ้าในรถไปด้วย
“น้าเตือนกี่ครั้งแล้ว ว่าเวลาถึงโรงเรียนแล้วอย่าเพิ่งไปเล่น นี่อะไร ไปหกคะเมนตีลังกาในสนามทราย
แต่เช้า ฝุ่นเยอะที่สุดล่ะ รู้ตัวว่าป่วยง่ายๆ แล้วไม่รู้จักดูแลตัวเอง ขาดเรียนบ่อย อีกหน่อยก็เรียนตามเพื่อนไม่ทันพอดี”
“ก็จีจ้าชอบตีลังกาอ่ะค่ะ ฮัด...ชิ่ว” จีจ้าจามลั่น
“เลิกพูดเหลวไหลยังงี้ซะทีได้มั้ย เดี๋ยวกลับไปกินข้าวกินยาที่ร้าน นอนพัก แล้วตอนเย็นน้าไปรับแจ๊ส
กะโจ๊กกลับมาแล้วน้าจะติวให้
“ค่ะ” จีจ้าจามต่อไม่หยุด
จังหวะนั้นพิมมาดาต้องเบรกเอี๊ยด จอดรถ ให้กลุ่มแฟนคลับที่มากรี๊ดนักร้อง AF ที่พากันวิ่งถือป้าย
ไฟมิวสิค กรี๊ดกร๊าดไปมา
“มิวสิคๆๆ” ต้นเสียงถามนำ “รักใคร?” ทุกคน “รักมิว!” ต้นเสียงถามอีก “เอาใคร?” ทุกคนตะเบ็งเสียงพร้อมกัน “เอามิว! มิวสิคๆๆ”
“นี่ก็เหมือนกัน วันๆ เที่ยวตามกรี๊ดนักร้อง ถ้ามีคนรู้จักทำตัวแบบนี้ละก็ จะเทศน์ให้หูชาเลย” พิมมาดาบ่นพึมพำ
ขาดคำเต๋ากับเต้ยก็วิ่งกรี๊ดเชียร์มิวสิคผ่านหน้าไป ดี๊ด๊าสุดฤทธิ์
“รักใคร?” เต๋าถาม
“รักมิว” เต้ยตะโกน
“เอาใคร?” เต๋าถาม
“เอามิว!”
ทุกคนพร้อมใจกันกรี๊ด
“กรี๊ด มิวสิคๆๆๆ กรี๊ด....”

“เต๋า! เต้ย!! เย้ย...แล้วใครเฝ้าร้านล่ะเนี่ย”
พิมมาดาเหงื่อตก

กริสน์จัดดอกไม้รอบตัว หยิบโน่น นี่ นั่นเท่าที่เห็นและเท่าที่คิดออก มาใส่
“ทำร้านดอกไม้ทำไมวุ่นวายยังงี้” กริสน์บ่นงึมงำ
“ฮ้า! เอาลิลลี่ กับกิ่งไม้แห้งมารวมกัน แล้วมีลูกไอ้แดงๆ นี่แซม แนวมากเลยอ่ะ” ลูกค้าดันถูกใจชมไม่ขาดปาก
“จริงด้วย งั้นสัปดาห์หน้า ร้านเค้กเอาลูกแดงๆนี่ด้วยนะ ไม่รู้มันเรียกว่าลูกอะไรอ่ะคะ” เค้กเห็นงามตามอีก
“นั่นสิ เรียกว่าลูกอะไรเหรอ” ลูกค้าถาม
“ลูก..ลูก..เชอรี่เบบี้ฉึกๆ”
“เชอรี่เบบี้ฉึกๆ ก๊ากกก..ตลกจังเลยนะเ..เธอเนี่ย!” เค้กทวนคำอย่างขำๆ

อยู่ๆ มาวินก็เดินกร่างสวมแว่นตาดำเข้ามาในร้าน
“ฮัลโหล พิมฮะ สายลมแห่งรักวายุภัคมนตรานำพาวินมาหาพิมอีกแล้วฮะ”
“อ้าว..มาวิน..นึกว่าใคร” เค้กทักทายอย่างคุ้นเคย
“เฮ้ย”
กริสน์สะดุ้ง เพราะจำมาวินได้ แล้วรีบวิ่งไปหลังเค้าเตอร์ ก้มตัวแอบ มาวินงงๆ ถอดแว่นดำออกมองตามกริสน์
“นั่นใครอ่ะ ทำตัวน่าสงสัย ใครอ่ะ..เค้ก..”
“คนจัดดอกไม้คนใหม่ เก่งกว่าเก้งกวาง 2 คนนั่นอีก” เค้กอวยสุดๆ
“ใช่..เค้าจัดดอกไม้แปลก ไม่เหมือนใคร อินดี้มากๆ” ลูกค้าอีกสองนางสนับสนุน
กริสน์นั่งยองๆ ก้มหน้างุด สองตามองหาตัวช่วย แล้วเห็นหน้ากากแบบที่คนสวมกันโรคหวัด ภูมิแพ้ รีบคว้ามาสวม แล้วโผล่ตัวขึ้นมา
มาวินเดินมา มองรอบตัวกริสน์จับพิรุธ
“แล้วนายเป็นใคร ใส่หน้ากากทำไม”
กริสน์อึ้งๆ แล้วนึกแผนขึ้นมาได้แบบกะทันหัน ทำตุ๊ดแตกทันที
“อ๊าย..จะใส่ทำไมล่ะค่ะสุดหล่อ ก็เค้าแพ้เกสรดอกไม้ แล้วต้องมาทำงานจัดดอกไม้ เค้าก็ต้องป้องกัน
ตัวน่ะสิฮ้า..ว่าไงค้า จะรับดอก..อะไรเอ้ย” กริสน์ทำท่าไล้ลูบแขนมาวินไปมา
มาวินรีบถอยหลังกรูด อย่างรังเกียจ สะอิดสะเอียน ปัดมือไล่ไปมา
“ไปบอกคุณพิมสิว่าแฟนสุดหล่อมาหา!”
มาวินเก๊ก วางมาดเข้ม เต๊ะจุ๊ย จนกริสน์หมั่นไส้ขึ้นมา
“อร๊าย..เป็นแฟนยัยเจ๊โหดเหรอ..อุ๊ยตาย ว้ายกรี๊ด...อกอิแป้นจะแต๊ก” กริสน์ขนจริตมาใส่แบบจัดหนัก
“เธอ..นี่..เธอเป็น..แต๋วเหรอ ทำไมคนจัดดอกไม้ต้องเป็นแต๋วทุกคนด้วย!” จากงงๆ เค้กเปลี่ยนเป็นเซ็งเป็ด
“แกคงไม่รู้สินะว่าชั้นเป็นใคร ชั้นร้อยตำรวจเอกมาวิน นายตำรวจประจำหน่วยสืบสวนพิเศษ โอ้ว ได้
ยินแล้วใช่มั้ยว่าชั้นสูงศักดิ์กว่าแกแค่ไหน..อย่าซ่าส์”
มาวินจะเดินเข้าไปมองด้านใน กริสน์จงใจยื่นขาออกไปขัด มาวินสะดุดหันขวับอย่างเอาเรื่อง
“เฮ้ย นี่แกขัดขาชั้นทำไมวะ”
“บร้าๆๆ ตัวเองเดินมาสะดุดขาเค้าเองนะเอง ช่วยไม่ได้”
“เฮ้ย อยากมีเรื่องใช่มั้ย” มาวินกระชากคอกริสน์ “ว่าไงกระทือ”
“ว๊าย...มาวิน หยุดๆ มีเรื่องอีกแล้ว”
ลูกค้าเริ่มทยอยออกร้านไป
“ว้ายๆๆ เค้าไม่ใช่กระทือนะคะ เค้าเป็นกระทิงค่ะ ยังไม่ได้เฉาะ” กริสน์ใส่เข้าไปอีกดอก
“จะอ้วก โอ๊ย คันบาทา อยากกระทืบตุ๊ดเว้ย” มาวินผลักกริสน์ออก
“อ๊าย..ตัวมาว่าเค้า” กริสน์ชี้ที่ตัวเอง “เค้าศิษย์น้องตุ้มแฟร์เท็กซ์นะยะ” กริสน์ตั้งการ์ด โยกหน้าขวา
โยกซ้าย อย่างยั่วๆ
มาวินถลาเข้าไปจะชก กริสน์ถีบเก้าอี้แถวนั้นให้พุ่งเข้าใส่ มาวินเจ็บหน้าแข้ง โดดเหยงๆๆ
“โอ๊ยๆๆๆ หนอย แก...” มาวินอาฆาต
เค้กเผลอตัวเชียร์กริสน์ “ว้าว คนจัดดอกไม้หน้าใหม่..เริ่ดมากจ้า..”
มาวินจะเข้ามาจัดการกริสน์อีก แต่ถูกกริสน์ปัด ผลักจนถลาไปกวาดข้าวของบนโต๊ะและชั้นวางดอกไม้หล่นกระจายเสียหาย
“ว้าย ตายแล้วๆ เบาๆ ข้าวของพังหมดแล้ว” เค้กนึกได้ “เอ๊ะ แต่ไม่ใช่ร้านเราสักหน่อย”
จังหวะนั้นพิมมาดาและจีจ้าเข้ามา
“อะไรกันเนี่ย หยุดนะ หยุด” พิมมาดาคว้าเอาถังน้ำมาสาด “บอกให้หยุด”
กริสน์หยุดกึก
มาวินพอเห็นว่ากริสน์หยุด เลยฉวยโอกาสชกกริสน์เต็มๆ กริสน์ล้มคว่ำไปกองกับพื้น
พอตั้งหลักได้ ฮึดฮัดจะเข้าไปใส่มาวินเอาคืน
“เฮ้ย”
พิมมาดาโผล่พรวดมาขวางทางกริสน์ ปกป้องมาวิน
“พอได้แล้ว” พิมมาดาตวาด
กริสน์ชะงัก
มาวินแกล้งสำออยอ้อนพิมมาดา “โอ๊ย พิมฮะ วินเจ็บมากเลยฮะพิม โอ๊ยๆๆๆ”
พิมมาดาไม่สนใจมาวิน เข้าไปเอาเรื่องกริสน์แต่จำไม่ได้เพราะมีผ้าปอดปากอยู่
“นายเป็นใคร เข้ามาในร้านชั้นทำไม”
จีจ้าจำกริสน์ได้
“คุณน้าวิ่งสู้ฟัดใส่หน้ากากไงคะ! ว้าว..เท่จัง จีจ้ารู้แล้ว คุณน้าก็เป็นโรคภูมิแพ้เหมือนกัน อีกหน่อย จี
จ้าไปโรงเรียน จีจ้าจะใส่หน้ากากบ้าง จะได้ไม่แพ้ฝุ่น แบบนี้ๆๆ” จีจ้าวิ่งไปหยิบหน้ากากที่ชั้น มารีบใส่บ้าง
“เด็กจัดดอกไม้คนใหม่ของพิม ไม่ใช่เหรอ..เค้าจัดดอกไม้ไม่เลวนะพิม ไม่เชื่อพิมไปดูที่ร้านเค้กได้
แปลกใหม่กว่าตอนเต๋า เต้ยจัดอีก” เค้กพูดเป็นต่อยหอย ชมฝีมือจัดดอกไม้ของกริสน์
พิมมาดาได้ยินถึงกับผงะ
“อะไรนะ!! นายจัดดอกไม้”
“เอาดอกเดหลี มาใส่กับใบซานะดู…” กริสน์สาธยาย
พิมมาดาไม่สนใจชี้ไปที่ประตูอย่างเหลืออด “ชั้นบอกแล้วใช่ไหม..ว่า..ออกไป”
กริสน์เซ็ง หมดอารมณ์ เดินออกจากร้านไป
“คุณน้าวิ่งสู้ฟัด”
จีจ้าวิ่งตามออกไป
“จีจ้า กลับมานะ”
พิมมาดาจะตาม แต่มาวินหันมาจับรั้งไว้ อ้อนสุดชีวิต
“พิม วินเจ็บฮะ อูย”

กริสน์เดินออกมานอกร้าน จีจ้าวิ่งตามมา
“น้าวิ่งสู้ฟัด น้าจะไปไหน จีจ้าไปด้วย”
กริสน์เดินต่อไปไม่ยอมหยุด ไม่แยแส ถอดหน้ากาก ขยำๆๆ พอผ่านถังขยะพอดี ก็โยนทิ้งลงถังขยะ จีจ้าวิ่งเข้าไปโดดกอดขา
“เฮ้ย ปล่อยนะ”
“จีจ้าไปด้วยนะๆ จีจ้าอยากเก่งเหมือนน้า”
“ชั้นจะบอกให้นะ ว่าชั้นไม่ชอบด็ก แค่เห็นก็ขนลุก ได้ยินเสียงก็ปวดหัว เจอหน้าก็อยากจะจับ” ทำท่า
หักตัว “..ถ้าไม่” คราวนี้เอานิ้วทำท่าปาดคอ “อย่ามายุ่งกับชั้น” กริสน์พูดปิดจ๊อบโหดอย่างขึงขัง
“ไม่ๆๆๆๆ” จีจ้ายิ่งกอดขากริสน์แน่น
พิมมาดาตามออกมา
“จีจ้า! มาหาน้า นายคนนี้เป็นคนไม่ดี อย่าไปเข้าใกล้ มาหาน้า เร็ว”
พิมมาดาพูดพลางเข้ามาดึงกระชากจีจ้าออกจากกริสน์ เค้กวิ่งตามออกมา จีจ้าร้องโวยวาย
“จีจ้า มานี่…”
“ใจเย็น...ยายพิม...เดี๋ยวหลานเจ็บ...” เค้กร้องเตือน
พิมมาดาไม่สนใจฟังใคร ยังลากจีจ้ากลับเข้าไปด้านใน กริสน์ได้แต่มองตามตาละห้อย
จังหวะนั้นเค้กตัดสินใจ วิ่งมาหากริสน์
“คุณคะๆ ก่อนไป เค้กขอพินหรือเบอร์โทร.ก่อนได้มั้ยคะ ไม่ว่าคุณจะเป็นกระทือ กระเทียม หรือ
กระทิง..เค้กก็ไม่รังเกียจค่ะ”
กริสน์เดินผ่านไปเลย เค้กเซ็งๆ

พิมมาดาลากจีจ้าจะพาเข้าบ้าน
“ปล่อยๆๆ จีจ้าจะไปอยู่กะน้าวิ่งสู้ฟัด” จีจ้าโวยใส่
“เลิกเรียกเค้าว่าอย่างนั้นซะที เค้าไม่ใช่น้าเธอ เค้าเป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ จีจ้าไม่ได้ยินเหรอว่าเค้า
บอกว่าเค้าไม่ชอบเด็ก” พิมมาดาอธิบายกับหลานสาว
“เค้าประชดน้าพิมตะหากล่ะ จีจ้าดูออกว่าจริงๆ เค้าเป็นคนดี น้าพิมสิ ที่ดูไม่ออก ว่าใครดีใครร้าย
เพราะน้าพิมพ์เป็นแบบนี้ ผู้ชายถึงวิ่งหนีไปหมด ไม่มีใครอยากแต่งงานด้วย ไม่มีใครเอา!”
“ยัยจีจ้า!”
มาวินตามเข้ามา พูดแหยมขึ้น
“เห็นรึยังพิม..ว่าหลานคุณ..มันเหลือขอ แต่ไม่เป็นไรหรอก ถ้าคุณรักพวกเค้า ผมก็จะรักด้วย ผมจะ
ช่วยคุณปราบพวกเขาเอง ผู้ร้ายใจฉกรรจ์ ผมยังกำหราบได้ น้ำหน้าอย่างเด็กกำพร้าไม่มีใครสั่งสอนพวกนี้ คงเอาชนะผมไปไม่ได้หรอก ขอแต่คุณให้โอกาส”
พิมมาดามองมาวินสีหน้าเย็นชาสักพัก หันมาทางจีจ้า
“นี่ จีจ้า น้าจะบอกให้นะ ที่น้าไม่ได้แต่งงาน ไม่ใช่เพราะผู้ชายไม่เอาน้า แต่น้าไม่เอามันตะหาก”
ประโยคหลังพิมมาดาตั้งใจพูดใส่หน้ามาวิน
“ว้อท! ไอค้านท์ บีลิฟว์อิท!” มาวินเหวอพ่นเป็นภาษาปะกิต
“เชื่อชั้นเถอะ มาวิน” พิมมาดาผายมือไปทางประตู “เชิญ”
“พิม!” มาวินเสียงละห้อย
พิมมาดาเอานิ้วโป้งกับนิ้วชี้ใส่ปาก แล้วเป่าปากวี้ดๆ ทันใด ป๊อปคอร์นก็วิ่งเหรอหราออกมารอรับคำสั่ง
“ป๊อปคอร์น นี่ตำรวจ..จัดการเลย”
ป๊อปคอร์นกระโดดโดดใส่ กัดมาวินทันที
“อ๊าก จ๊าก..พิม ทำไม พิม..”
มาวินวิ่งหนีป๊อปคอร์นไปเห็นหลังไวๆ ป๊อปคอร์นวิ่งไล่กวดเร็วจี๋
“เย้ๆๆ น้าพิมทำดีมาก..” จีจ้าร้องดีใจลั่น แต่พอนึกได้ว่าโกรธกันอยู่ “แต่..น้าพิมต้องไปตามน้าวิ่งสู้ฟัดคืนมา แล้วก็แต่งงานกะเค้า”
“เอ๊ะ เด็กบ้า”
“จีจ้าไม่ได้บ้า จีจ้ารักน้าวิ่งสู้ฟัด จีจ้าอยากได้เค้าเป็นน้าตัวจริง มากกว่าน้าพิมอีก”
“จีจ้า ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้” พิมมาดาฉุน
“ไม่!” จีจ้ายืนกราน
“น้าบอกให้ถอนคำพูด..แล้วขอโทษน้า” พิมมาดายื่นคำขาด
จีจ้าเอามือปิดปากแน่น

พิมมาดาดึงจีจ้าเข้ามาในห้อง จีจ้าปิดปากแน่น
“เดี๋ยวนี้เราเห็นคนอื่นดีกว่าน้าแล้วงั้นเหรอ น้าทำทุกอย่างเพื่อเราทุกคนนะ จีจ้า จะถอนคำพูด แล้ว
ขอโทษน้าไหม”
จีจ้าส่ายหน้า ปิดปากแน่น
“ดี” พิมมาดาบอกเสียงขุ่น
จีจ้าเอามือออก แล้วร้องสุดเสียง “กรี๊ดๆๆๆๆๆๆ”
พิมมาดาดันจีจ้าเข้าไปในห้อง แล้วปิดประตูขัง เอากุญแจมาล็อกอีกชั้น

ภายในห้อง จีจ้าพยายามเปิดประตู แต่เปิดไม่ออก จีจ้าโวยวาย ไม่ยอมแพ้
“น้าพิมใจร้าย จีจ้าไม่รักน้าพิมแล้ว จีจ้าไม่อยากอยู่กับน้าพิมแล้ว”
จีจ้าเดินเซ็งๆ ไปข้างหน้าต่าง แต่พอมองออกไปที่ถนนอีกด้าน จีจ้าเห็นกริสน์กำลังเดินหงุดหงิดอยู่
“น้าวิ่งสู้ฟัด ช่วยด้วยๆๆ”
กริสน์ไม่ได้ยินเสียงจีจ้าสักแอะ

จีจ้ามองคะเนความสูงหน้าต่าง แล้วตัดสินใจ แววตามุ่งมั่นฉายชัดขึ้นมา

อ่านต่อหน้า 3




มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 2 (ต่อ)

เต๋ากับเต้ยนั่งหน้าจ๋อย สองแม่ยกเอเอฟไม่รู้จะทำอะไร ได้แต่บิดมือไปมาอยู่ในร้านดอกไม้ รอการพิพากษาจากพิมมาดา

“นี่มันเวลาทำงาน พวกเธอหนีไปเชียร์เด็กเอเอฟได้ยังไง แยกแยะให้ออกหน่อยสิ..ค่าเสียหายทั้งหมด ชั้นจะหักจากเงินเดือนพวกเธอ..แล้ว..ถ้ายังมีครั้งต่อไป...ไล่ออกเข้าใจมั้ย” พิมมาดาอบรมทั้งคู่
“เข้าใจค่ะ ณ จุดนี้” สองสาวเต๋ากับเต้ยรับคำ
“แล้วเรื่องจีจ้า..ปล่อยไว้ยังงั้นแหละ..ไม่ต้องไปโอ๋จีจ้ามากนะ ต้องดัดนิสัยบ้าง”

จังหวะนั้นรถของสุขสันต์ก็แล่นมาจอดเทียบหน้าร้านดอกไม้พิมโรส บอดี้การ์ดเดินมาเปิดประตูรถให้สุขสันต์ก้าวลงมา บอดี้การ์ดอีกคนหนึ่งฉีดน้ำหอมให้อย่างรู้งาน
“พิม...ดูโน่นสิ” เค้กชี้ไปที่หน้าร้าน
“อะไร” พิมมาดาหันแล้วมองตามไป
ฉัตรชัยเดินนำทีมของสุขสันต์เข้ามาในร้าน เค้กกับพิมมาดาทำหน้างงๆ
“พวกคุณ...มาหาใครคะ” พิมมาดาถามขึ้น
ฉัตรชัยแนะนำสุขสันต์ให้พิมมาดารู้จักอย่างเป็นทางการ
“สวัสดีครับคุณพิมมาดา ผมขอแนะนำท่านส.ส.สุขสันต์ ผู้จัดตั้งโครงการเยาวชนสุขสันต์ ห่างไกลยาเสพติด ประธานมูลนิธิ....”
ฉัตรชัยยังพูดไม่จบแต่สุขสันต์ยกมือให้หยุดพูด เต๋ากับเต้ยนั่งมองแล้วยิ้มอย่างเคลิ้มๆ ไปด้วย
“สวัสดีครับคุณ คุณพอจะมีเวลาคุยกับนักการเมืองตัวเล็กๆ อย่างผมสักหน่อยมั้ยครับ” สุขสันต์ทักทายพิมมาดา พร้อมกับพูดร้องขอ
“มีค่ะ” เต๋ากับเต้ยเนื้อเต้นรับคำพร้อมกัน
“ท่านหมายถึงคุณพิมมาดาเท่านั้น” ฉัตรชัยรีบบอก
พิมมาดาได้ยินก็ตะลึง เธอรู้สึกเขินและทำอะไรไม่ถูก


เต๋ากับเต้ยเอาน้ำออกมาต้อนรับสุขสันต์ ทุกคนที่อยู่ในร้านมีทีท่าตื่นเต้นกับการมาเยือนของสส.ชื่อดัง
“ร้านออกจะคับแคบไปหน่อยนะคะ ดิฉันไม่ทราบจริงๆ ว่าท่านจะมาด้วยตัวเอง จะได้เตรียมต้อนรับให้สมเกียรติ” พิมมาดาออกตัว
“ทำตัวตามสบายเถอะครับ กรุณาอย่าเรียกคุณสุขสันต์ว่าท่าน เวลาอยู่ในหน้าที่มีแต่คนยกย่องคุณสุขสันต์เบื่อมากครับ” ฉัตรชัยบอก
“เวลาส่วนตัว ผมขอเป็นคนธรรมดาๆ โดยเฉพาะ..เวลาอยู่กับคุณพิมได้มั้ยครับ” สุขสันต์ขอ
“ได้ค่ะท่าน” เต๋ากับเต้ยรับคำแทน
“ได้ค่ะ..แล้วไม่ทราบท่าน เอ่อ คุณสุขสันต์มีอะไรให้ดิฉัน..เอ่อ ให้พิมรับใช้” พิมมาดารับคำแล้วยิ้มเขินๆ
ระหว่างที่พูดคุยกันสุขสันต์หยิบน้ำขึ้นมาดื่ม บอดี้การ์ดคอยเทคแคร์รับแก้วน้ำจากสุขสันต์ และคอยหยิบกระดาษทิชชู่ส่งให้เขา
“ผมมาที่นี่..ไม่เกี่ยวกับอาชีพทางการเมืองของผมนะครับ” สุขสันต์เดินดูรอบๆ ร้าน “ผมมาเรื่องธุรกิจส่วนตัว..คือ ผมทราบมาว่าคุณพิมเปิดร้านดอกไม้แล้วก็สั่งดอกไม้มาจากต่างประเทศเองด้วย พอดีผมกับลูกพี่ลูกน้องทำธุรกิจขนส่งสินค้าทางเรือ..ผมเลยอยากจะมาแนะนำตัว”
บอดี้การ์ดส่งซองนามบัตรให้สุขสันต์ เขารับมาแล้วส่งนามบัตรต่อให้พิมมาดา
“ถ้าคุณพิมจะกรุณาใช้บริการขนส่งดอกไม้ทางผม”
“กรุณายินดีมากค่ะ” เต๋ากับเต้ยรีบบอก
“พิมเป็นร้านเล็กๆ มีออเดอร์ดอกไม้นอกไม่มากมายอะไร..กลัวว่าจะเป็นปัญหาจุกจิกหยุมหยิมให้คุณสุขสันต์มากกว่า”
“ถ้าเป็นเจ้าอื่น ก็อาจจะเป็นอย่างนั้น..แต่ถ้าเป็นปัญหาหยุมหยิมจากคุณพิม ผมคิดว่าผมเต็มใจที่จะรับนะครับ”
สุขสันต์ยิ้มหวานอย่างหว่านเสน่ห์ให้พิมมาดา พิมมาดาเห็นแล้วก็เขิน เค้กยิ้มชอบใจ เต๋า เต้ย เคลิ้มแทบขาดใจเพราะหลงคิดว่าสุขสันต์ยิ้มให้ตัวเอง

พิมมาดามากับเค้กยืนส่งสุขสันต์ที่หน้าประตูร้าน ทั้งสองรู้สึกปลาบปลื้มและอารมณ์ดีสุดๆ
สุขสันต์แหงนมองฟ้า “อ้าว นี่ผมอยู่จนเย็นขนาดนี้เลยเหรอ..หวังว่าผมคงไม่ได้มารบกวนคุณพิมเกินไปนะครับวันนี้”
“ไม่รบกวนเลยค่ะ พอดีวันนี้ร้านไม่ค่อยมีลูกค้าด้วย” พิมมาดารีบบอก
“งั้นวันนี้ผมขอตัวก่อนนะครับ”
สุขสันต์ล่ำลาแล้วหันมาก็เจอโจ๊กกับแจ๊สยืนขวางอยู่
“เอ่อ คุณสุขสันต์คะ” พิมมาดาพูดกับสุขสันต์ “แจ๊ส โจ๊ก หลานของพิมเองค่ะ..สวัสดีคุณสุขสันต์สิจ๊ะเด็กๆ”
แจ๊สกับโจ๊กยืนจ้องสุขสันต์
“แจ๊ส โจ๊ก” พิมมาดาย้ำ
“สวัสดีค่ะ..คิดยังไงคุณถึงไปเป็นนักการเมืองอ่ะคะ” แจ๊สถามเสียงแข็ง
“แจ๊ส” พิมมาดาปราม
“ไม่เป็นไรครับคุณพิม..ที่น้ามาเป็นนักการเมืองก็เพราะน้าอยากทำประโยชน์ให้กับประเทศ แล้วก็อยากจะช่วยให้เด็กๆมีอนาคตที่ดีน่ะสิ..แล้วพวกเธอล่ะ โตขึ้นอยากเป็นอะไร”
“เป็นอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่นักการเมือง” โจ๊กรีบตอบ
“โจ๊ก แจ๊ส ไป เข้าบ้านไปเดี๋ยวนี้เลย” พิมมาดาสั่ง
“ไป...เข้าบ้านไปกับน้าก่อนนะ” เค้กรีบบอก แจ๊สกับโจ๊กเดินปึงปังเข้าบ้านไป โดยมีเค้กคอยคุมให้เดินเข้าไป
“เอ่อ คุณสุขสันต์คะ พิมขอโทษแทนเด็กด้วยนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
“คุณสุขสันต์ท่านรักเด็กอยู่แล้ว ผมรับรองว่า..ท่านจะทำให้หลานๆคุณประทับใจให้ได้เลยครับ” ฉัตรชัยบอก
สุขสันต์เดินไปขึ้นรถด้วยใบหน้าชิงชังแบบคนที่เกลียดเด็กสุดๆ
พิมมาดายืนส่งจนรถของสุขสันต์แล่นออกไป เธอรู้สึกโล่งอก แต่แล้วอยู่ๆ เต๋ากับเต้ยก็วิ่งแหกปากออกมาจากด้านใน
“แย่แล้วค่ะคุณพิม แย่แล้วๆๆๆ น้องจีจ้า หายตัวไปค่ะ ไม่ได้อยู่ในห้อง” เต๋าบอก
“หายไปจริงๆค่ะ ณ จุดนี้ คอนเฟิร์มค่ะ” เต้ยสนับสนุน
พิมมาดาได้ยินก็ถึงกับช็อก

ณ เซฟเฮ้าส์ในสวน กริสน์กับภัทรดนัยเดินเข้ามาในบ้าน ทั้งสองระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก
“ไงล่ะ เจ๋งป่ะ ลึกลับ ซับซ้อน ซ่อนเงื่อน ไม่มีใครจะหาเจอแน่ เซฟเฮ้าส์ของชั้นหลังนี้ ขอบอก..ว่าเซฟสุดๆ หรือจะพูดว่า..ซูเปอร์เซฟก็ย่อมได้”
“แต่..บ้านของชั้นล่ะ ข้าวของของชั้น” กริสน์รีบบอก
“ตัดใจซะเถิดเพื่อน บ้านแก..ไม่ใช่ที่ๆเหมาะสมแก่การอยู่อาศัยอีกต่อไป”
“ชั้นมีเอกสารหลายอย่าง ที่ต้องกลับไปเอา”
“ของส่วนตัวสำคัญๆของแก..ชั้นดอดไปขนออกมาได้”
ทันใดนั้นเอง มือถือของภัทรดนัยก็ดังขึ้น
“เฮ้ยๆ “ ภัทรดนัยตกใจ เขารีบหยิบมือถือออกมาแบบลนๆ แล้วพยายามกดปิดเสียง “หยุดๆ”
“ไอ้บ้าเอ๊ย ทำไมแกไม่ปิดเสียงวะ”
“ก็ไม่ได้เข้าโรงหนังนี่หว่า ใครไปรู้ว่าต้องปิด...ใครส่งแมสเสจมาตอนนี้ว่ะ” ภัทรดนัยกดมือถือแล้วอ่าน “ผลล็อตเตอร์รี่ประจำงวดนี้ ..ปัทโธ่ ไม่ถูกอีกแล้ว โหย”
กริสน์เขกศรีษะภัทรดนัย “ไอ้บ้า!! ชั้นจะตายก็เพราะแกนี่แหละ”
ทันใดนั้นก็มีเสียงกุกกักๆ ดังขึ้นจากประตูบ้าน กริสน์กับภัทรดนัยชะงักมองทันที
“ชู่ว์...” กริสน์ทำสัญญาณให้เบาเสียง
กริสน์กับภัทรดนัยหยิบปืนขึ้นมาเตรียมพร้อม ภัทรดนัยจะเดินไปดูที่ประตู แต่กริสน์ห้ามไว้
“ไหนว่าเซฟสุดๆ” กริสน์ถาม
“แต่..”
“เนี่ยเหรอ ซูเปอร์เซฟของแก นี่ฉันต้องเหนื่อยอีกแล้วใช่ไหม”
ลูกบิดประตูขยับแกร็กๆ เหมือนมีคนพยายามจะเปิดประตูจากด้านนอกเข้ามา กริสน์ตรงไปที่ประตู เขาตั้งท่าเตรียมจัดการกับคนที่จะโผล่เข้ามา
ทันใดนั้นเองประตูก็เปิดออก กริสน์จะยิง แต่แล้วก็ต้องชะงักพร้อมกับเก็บปืนแทบไม่ทันเพราะจีจ้ายืนอยู่ที่ประตูนั่นเอง
“หมัดเขวี้ยงควาย นักสู้พันธุ์ข้าวเหนียว!”
กริสน์อ้าปากค้าง จีจ้าหัวเราะอย่างสนุกสนาน


กริสน์กับภัทรดนัยยืนกอดอกจ้องจีจ้าที่กำลังนั่งดื่มน้ำแดงอย่างมีความสุข
“ปีนหน้าต่างหนีออกจากบ้าน!” กริสน์ทวนคำ
“แล้วเรียกมอเตอร์ไซค์รับจ้างตามมา” ภัทรดนัยพูดต่อ
“ใช่ค่ะ จีจ้าเก่งใช่มั้ยล่า..อิอิ”
“ไม่ใช่เรื่องตลก!” กริสน์ดุ
“ฮ่าๆๆ โฮะๆๆ ไอ้กริสน์เอ๊ย ไอ้สุดยอดมือปราบ..โถ เจอเด็กตัวกะเปี๊ยกสะกดรอยตามถึงบ้านแต่ไม่รู้ตัวเลย” ภัทรดนัยกัด
“ฮะๆๆ โฮะๆๆ..แล้วเซฟเฮ้าส์แกล่ะ ซูเปอร์เซฟตายล่ะ เด็กอนุบาลยังตามเจอ นี่ ยัยจีจ้า เธอแก่แดดมากเลยนะเนี่ย..แล้วเจ๊โหด..เอ่อ แม่ของเธอรู้หรือเปล่าว่ามาที่นี่ แม่อะร้าย...ปล่อยให้ลูกเต้าหนีออกมาได้อย่างนี้...สมแล้ว...ลูกดื้อขนาดนี้!”
จีจ้าทำหน้าเครียด “จีจ้าตัดน้าตัดหลานกะน้าพิมแล้ว ต่อไปนี้ จีจ้ามีน้าคนเดียว คือ..น้ากริสน์คนนี้”
“อ้าว...เธอไม่ใช่ลูกยัยเจ๊โหดเหรอ” กริสน์ถาม
“ไม่”
“แล้วพ่อ แม่ เธอล่ะ”
“ตายไปแล้ว” จีจ้าตอบ
กริสน์หน้าเจื่อน “เออ...ชั้นขอโทษ”
“ฮ่าๆๆ ไอ้กริสน์เอ๊ย นอกจากจะเสียฟอร์มสุดๆแล้ว ชั้นว่างานนี้แกเตรียมเจอข้อหาพรากผู้เยาว์ เอ๊ย ลักพาตัวเด็กอีกกระทงได้เลยว่ะ” ภทัรดนัยกัดอีก
“น้ากริสน์ไม่ต้องกลัวนะคะ ถ้าตำรวจถาม จีจ้าจะบอกว่า น้ากริสน์คือน้าตัวจริง ส่วนน้าพิม เป็นโจรห้าร้อย จับตัวจีจ้าไปทรมาน แล้วใช้ให้ไปขอทานที่สะพานลอย”
กริสน์กระชากแขนหลานสาว “พอแล้ว...ชั้นจะพาเธอกลับบ้านไปเดี๋ยวนี้!”
จีจ้าสะบัด “จีจ้าไม่กลับ”
“เบาๆหน่อยเว้ยไอ้กริสน์ เสียงดังขนาดนี้ เดี๋ยวพวกมันก็แห่มาลากคอแกหรอก”
อยู่ๆ ก็มีเสียงดังปุด ด้วยปฏิกิริยาที่ว่องไว กริสน์หันขวับทันที
“ชู่ว์”
กริสน์มีท่าทางระแวดระวังขึ้นมาทันที เขาลากจีจ้าเข้าไปหาที่กำบังแล้วเงี่ยหูฟังที่มาของเสียง สักพักก็มีเสียงดังปุดขึ้นอีก แล้วตามด้วยเสียงเป่าลมยาวและแหลม
“เสียงลม..แกได้ยินใช่มั้ย..เสียงมันอยู่แถวๆนี้ ระวังตัวด้วย พวกมันอาจมาจากบนฝ้าเพดานหรือหน้าต่าง”
“ลูกพี่ๆ” จีจ้าเรียก
“เงียบ” กริสน์สั่งแล้วส่งสัญญาณมือให้ภัทรดนัยแยกไปคนละทาง
“ไม่ใช่เสียงผู้ร้ายหรอกคะลูกพี่ เสียงจีจ้าเอง คือว่า จีจ้า..ตด”
“อะไรนะ” กริสน์กับภัทรดนัยประสานเสียง
“จีจ้า..ปู๊ดๆ แหะๆ” จีจ้ารับอายๆ
“ชั้นอยากตาย” ภัทรดนัยทำท่าเซ็ง

ที่สถานีตำรวจ พิมมาดากำลังคุยกับตำรวจด้วยท่าทางร้อนใจ
“ทำไมแจ้งความไม่ได้” พิมมาดาถาม
ตำรวจเหลือบดูรูปถ่ายของจีจ้า เห็นรูปจีจ้าทำหน้าตาทะเล้น
“ลูกคุณเพิ่งหายตัวไปจากบ้านยังไม่ถึงสองชั่วโมงเลยนะครับ จะแจ้งหาย มันเร็วไปครับ..ตามกฎหมาย..ต้องรอ24ชั่วโมง ให้แน่ใจว่าลูกคุณหายไปจริงๆก่อนดีกว่า” ตำรวจบอก
“เด็กอายุหกขวบหายไปจากบ้าน ตอนกลางคืน คนเดียว ยังจะต้องรออะไรอีกคะ”พิมมาดาถามอย่างร้อนใจ
“อ้าว คุณ..ลูกคุณอาจจะหนีไปเล่นอยู่บ้านเพื่อนก็ได้ หรือไม่ก็หนีไปเล่นเกมร้านเนท..คุณได้ไปตามหาดูหรือยังครับ”
“จีจ้าไม่ใช่ลูก พิมเค้าเป็นน้าค่ะ เรียกให้ถูกด้วย” เค้กรีบบอก
“เอ้า เป็นแค่น้าเหรอ..มิน่า..เด็กอาจจะหนีไปหาแม่ก็ได้”
“แม่เด็กตายแล้วค่ะ” พิมมาดาบอก
“งั้นก็คงไปหาพ่อ” ตำรวจสัณนิษฐานต่อ
“พ่อก็ตายแล้ว”เค้กบอก
“รอ24ชั่วโมงเหรอ ถึงตอนนั้น..ถ้า..ถ้ายัยจีจ้าเป็นอะไรไปล่ะ.. ฮือ...” พิมมาดาไม่รู้จะทำอย่างไรเธอน้ำตาไหลตั้งท่าจะหันเดินออกจากสถานี แต่ก็ต้องผงะเพราะเห็นมาวินยืนยิ้มอย่างอบอุ่นอยู่
“จีจ้าหายไปเหรอพิม”

พิมมาดาเดินปาดน้ำตาออกมาจากสถานีตำรวจ เค้กเดินตามออกมาด้วย
“เค้ก เธอช่วยโทรไปแจ้งจส.100 ร่วมด้วยช่วยกัน แล้วก็พวกศูนย์แท็กซี่ต่างๆนะ เผื่อเค้าจะช่วยอะไรเราได้..ยังไงก็ต้องหาจีจ้าให้เจอให้ได้” พิมมาดาพยายามตั้งสติ
มาวินเดินตามออกมา
“ไม่ต้องกังวลมากนักหรอกฮะพิม..เด็กหายไปเองได้ เดี๋ยวก็กลับมาเองได้”
“มาวิน ถ้าไม่มีอะไรจะพูด คุณก็เก็บปากไว้แตกหน้าหนาวดีกว่านะ” พิมมาดาบอก
“คุณมองเด็กพวกนี้เป็นเทพบุตรเทพธิดาเกินไป พิมควรยอมรับความจริงได้แล้ว ว่าหลานคุณน่ะ มันเซียน...เหลือขอทั้งนั้น” มาวินต่อว่า
“ใจคุณทำด้วยอะไรน่ะ มาวิน ไม่ช่วยก็ถอยไป”
“ผมหวังดีกับพิมนะฮะ..ชีวิตพิม อนาคตของพิมต้องพังเพราะต้องมาดูแลเด็กๆพวกนี้ กี่ปีแล้ว..พิมยังนึกไม่ออกอีกเหรอ ว่าคุณสูญเสียอะไรไป..ใครที่รักคุณ..ใครคือคนที่คุณรัก..มันคุ้มเหรอ ที่คุณยอมแลกเค้า กับเด็กๆ พวกนี้”
พิมมองมาวินอย่างอึ้งๆ ที่มาวินคิดและกล้าพูดแบบนั้น
ทันใดนั้นเอง มือถือของพิมมาดาก็ดังขึ้น พิมมาดาเห็นเป็นเบอร์แปลกๆ แต่ก็กดรับสาย

ที่เซฟเฮ้าส์ กริสน์กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ ส่วนอีกมือนึงก็คว้าตัวจีจ้าเอาไว้อย่างทุลักทุเล เพราะจีจ้าทั้งดิ้นและพยายามอาละวาดชกตีกริสน์อยู่ตลอด
“ฮัลโหล ยัยเจ๊โหด..นี่ผมเอง กริสน์ กริสน์ไง จำได้มั้ย?..โอ๊ย!! นี่ ชั้นเจ็บนะ” กริสน์พยายามดันหัวจีจ้าออกห่าง จีจ้าเหวี่ยงหมัดมั่วซั่วใส่เขา
“เจ็บก็ยอมรับจีจ้าเป็นศิษย์สิ” จีจ้าตะโกนบอก
ที่หน้าสถานีตำรวจ พิมมาดากำลังพูดโทรศัพท์อยู่
“นั่นเสียงจีจ้านี่ จีจ้าอยู่กับนาย..หา นายลักพาตัวจีจ้าไปเหรอ “
กริสน์หันไปดุจีจ้า “ เฮ้ย!! ชั้นเริ่มโมโหแล้วนะ บอกให้อยู่นิ่งๆ”
พิมมาดาตกใจ “นายจะทำอะไรจีจ้า!! อย่านะ!! อย่า!! ไอ้คนเลว คนชั่ว อำมหิต ทำร้ายเด็กไม่มีทางสู้ ชั้นอุตส่าห์ช่วยนายให้หนีรอดไม่โดนยิงตาย แต่นายกลับลักพาตัวหลานชั้นได้ไง อกตัญญู ไอ้งูเห่า ขอให้กรรมตามสนอง”
“ผมไม่ได้ลักพาตัว หลานคุณตามผมมาเอง ผมจะโทรมาบอกให้คุณมาเอาตัวหลานคุณกลับไปด้วย” กริสน์นิ่งฟัง “ไม่ได้เรียกค่าไถ่ เอาอย่างงี้นะ ผมจะแถมเงินให้คุณด้วยก็ได้ แต่คุณช่วยรีบมาเอาเด็กกลับไปก็พอ”
“ชั้นจะเอาเงินไปให้ ตามที่นายต้องการ แต่นายต้องรับปากว่าจะไม่ทำอะไรจีจ้า รับปากมาสิ ว่าจีจ้าจะครบสามสิบสอง..ถ้าจีจ้ามีแผลแม้แต่นิดเดียว ชั้นเอานายตายแน่..บอกมาเลยว่าจะให้เอาเงินไปให้ที่ไหน ยังไง” พิมมาดาพูดเหมือนไมได้ฟังกริสน์
กริสน์พูดเน้น “ผมบอกว่า ผมไม่ได้เรียกค่าไถ่ ฟังผมพูดมั้ยเนี่ย!!..ไม่ได้ลีลาเพื่อจะเรียกเงินเพิ่ม!! บอกว่าไม่เอาเงินๆๆ เข้าใจมั้ย!!....ล้านนึงอะไร บาทเดียวก็ไม่เอา..โว้ย!!! จะให้ผมเรียกค่าไถ่ให้ได้เลยใช่มั้ย..ก็ได้ งั้นพรุ่งนี้เอาเงินมาล้านยูโร ถ้าไม่มี ผมจะส่งหูเด็กไปให้ดู”
กริสน์กระแทกสายวางอย่างอารมณ์เสีย
“เพี้ยนทั้งน้าทั้งหลานเลย”
“แกจะพาเด็กไปส่งเอง หรือให้ชั้นใช้ให้แกพาไป” ภัทรดนัยถาม
“ชั้นจะให้เด็กอยู่ที่นี่..อยากเพ้อเจ้อหาว่าชั้นเป็นโจรเรียกค่าไถ่ดีนัก คืนนี้อย่าไปนอนเป็นสุขเลย” กริสน์พูดแล้วหันมองหาว่าจีจ้า “เด็กหายไปไหนแล้ว”
เสียงหัวเราะและกรี๊ดของจีจ้าดังมาจากอีกห้องภายในบ้าน กริสน์ได้ยินก็ตกใจ

ที่ห้องหนึ่งภายในเซฟเฮ้าส์ จีจ้ากำลังโดดเหยงๆ อย่างดีอกดีใจ
“เล่นอะไร อยู่เงียบๆนิ่งๆเป็นมั้ย” กริสน์ดุ
จีจ้าโชว์บัตรข้าราชการของกริสน์ในชุดตำรวจขึ้นแล้วพูด “ลูกพี่วิ่งสู้ฟัดเป็นตำรวจ”
กริสน์รีบดึงบัตรคืน “ห้ามยุ่งกับของๆชั้นอีก เข้าใจมั้ย”
“รับจีจ้าเป็นศิษย์นักบู๊ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ด้วยนะ” จีจ้ากอดขาแน่น
“ไม่รับ ปล่อย”
กริสน์พยายามสะบัด แต่จีจ้าเกาะหนึบไม่ยอมปล่อย กริสน์ยิ่งสะบัด จีจ้าก็ยิ่งร้องกรี๊ด
“ไอ้กริสน์ๆๆๆ เฮ้ย ร้องยังกะเล่นรถไฟเหาะตีลังกา เบาๆสิเว้ย” ภัทรดนัยตวาด
“ชั้นไม่ได้ร้อง” กริสน์บอก
“แกก็หยุดสิวะ อยู่เฉยๆ..หนูจีจ้า เงียบก่อน เงียบแล้วเดี๋ยวพี่กริสน์จะยอมให้เป็นศิษย์วิชาวิ่งสู้ฟัด”
จีจ้าเงียบทันที “เงียบแล้วค่ะ”
“ใครบอกแกว่าชั้นจะรับ” กริสน์ว่า
“โกหกเหรอ กรี๊ดๆๆ” จีจ้ากรี๊ดต่อ
“โอ๊ย...เงียบก่อน...ปัดโธ่” ภัทรดนัยเซ็ง
“เงียบๆ” กริสน์ดุ
“กรี๊ดๆๆ” จีจ้ายังกรี๊ดต่อ

ที่ริมถนน หน้าโรงพัก พิมมาดาเครียดเดินร้องไห้
“จะตัดหู...ว๊าย...จีจ้า ไอ้เลว...จีจ้าไม่มีหูแล้วจะทำยังไง” เค้กโวยวาย
พิมมาดาได้ยินก็ยิ่งปล่อยโฮ “ขอทีเถอะ... หยุดซะที”
“ล้านยูโร..แปลกมาก..ทำไมมันเรียกค่าไถ่เป็นหน่วยยูโร หรือเป็นโจรข้ามชาติ เราต้องแจ้งตำรวจสากล” มาวินบอก
“ไม่ได้นะ ถ้าตำรวจรู้ ไอ้บ้านั่นมันฆ่ายัยจีจ้าตายแน่” พิมมาดารีบห้าม
“แต่คนจับเด็กไปเรียกค่าไถ่มันติดต่อมาแล้ว ผมต้องไปบอกตำรวจท้องที่เค้า” มาวินหันจะเดินเข้าไปในโรงพัก
“คุณอย่ายุ่ง มาวิน..นี่มันไม่ใช่กงการของคุณ” พิมมาดาปราม
“เวลานี้ ยูโรนึงก็... 40.5478112 บาท..ล้านยูโรก็..สี่สิบล้าน ห้าแสนกว่าบาท” มาวินคำนวณ
เค้กนึกขึ้นได้ “บ้าแล้ว..พิม..ชั้นว่าคุณกริสน์เค้าแกล้งล้อเธอเล่น”
“คุณกริสน์ กริสน์ไหน” มาวินถาม
“ไม่มีอะไรๆๆ” เค้กรับบอก
“แปลว่าอะไร..พวกคุณรู้จักไอ้โจรเรียกค่าไถ่เหรอ นี่คุณกำลังปกปิดข้อมูลเจ้าพนักงานนะ ถ้าเด็กเป็นอะไรไป ก็เพราะคุณไม่ให้ความร่วมมือกับพวกเรา บอกมา มันเป็นใครๆ”
พิมมาดากับเค้กมองหน้ากันเพราะรู้สึกแล้วว่ามาวินคือตัวอันตราย

ที่เซฟเฮ้าส์ จีจ้ายังคงกรี๊ดไม่หยุด กริสน์เอาที่ดูดส้วมมาอุดหูตัวเองไว้ข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งเป็นสำลี ส่วนภัทรดนัยพยายามอุดปากจีจ้า
“นี่แน่ะ...ไม่ยอมหยุด”
จีจ้ากัดมือภัทรดนัย “โอ๊ย...มือนะไม่ใข่ขนมปัง”
“ก็รับเป็นศิษย์ก่อนสิ” จีจ้าบอกแล้วกรี๊ดต่อ
“ไปเอาหมอนมา” กริสน์สั่ง
“ไม่ได้นะไอ้กริสน์” ภัทรดนัยรีบบอก
“ชั้นจะไม่ไหวแล้วนะ”
“เออน่า...รับไปก่อน...นะๆ...รับสิๆๆ เงียบก่อนๆ(จีจ้าเงียบลง)..ไอ้กริสน์” ภัทรดนัยรีบดึงกริสน์แยกออกมาคุย “แกรับปากเด็กไปก่อนเถอะ ไม่มีอะไรเสียหายหรอก..ขืนปล่อยให้ร้องยังงี้ แกกับชั้นมีปัญหาแน่ นะๆ”
กริสน์จำใจต้องรับ
“เออ ก็ได้ ชั้นจะรับเธอไว้..พิจารณา แต่เธอต้องเชื่อฟังชั้นทุกอย่าง”
จีจ้าดีใจ รีบพยักหน้าหงึกๆ “ค่ะๆ”
“คืนนี้ชั้นจะให้เธออยู่ที่นี่ด้วย อยากอยู่มั้ย” กริสน์ถาม จีจ้าพยักหน้า “แต่..แต่เธอต้องอยู่เงียบๆ ไม่ส่งเสียงดัง ทำได้มั้ย”
จีจ้าพยักหน้าหงึกๆ แล้วยื่นมือให้จับ “ถ้าลูกพี่วิ่งสู้ฟัดให้จีจ้าเป็นศิษย์ จีจ้าทำได้ทุกอย่าง”
กริสน์จับมือจีจ้า “ก็ได้ ชั้นให้เธอเป็นศิษย์”
“ไชโยๆๆๆ กรี๊ดๆๆๆ”
จีจ้าดีใจมาก เธอร้องกรี๊ดแล้ววิ่งกระโดดโลดเต้นไปทั่ว
“บอกให้เงียบๆ” กริสน์ดุ ภัทรดนัยกุมหัว
จีจ้ากระโดดๆ อยู่แล้วก็ชะงัก
“อุ๊ยๆ”
“อะไรอีกล่ะ” กริสน์ถาม
จีจ้ากุมท้อง “จีจ้าปวดอึ๊”


กริสน์พาจีจ้าที่เกาะเขาติดหนึบมาเข้าห้องน้ำ เขาให้จีจ้ายืนตรงหน้าโถชักโครก
“เอ้า ถึงแล้ว จะทำอะไรก็รีบทำ ชั้นจะไปรอข้างนอก”
จีจ้าคว้ามือกริสน์ไว้
“ลูกพี่อย่าไป อยู่เป็นเพื่อนจีจ้าด้วย”
“เฮ้ย เธอจะขี.” กริสน์นึกขึ้นได้ก็รีบเปลี่ยนคำพูด “เอ่อ เธอจะ..ตุ๋มๆ เธอก็ตุ๋มๆไป จะให้ชั้นอยู่ด้วยทำไม”
“จีจ้ากลัวผี..นะ..นะ”
“ไม่”
“งั้นจีจ้าไม่ตุ๋มๆแล้ว” จีจ้ากระโดดเกาะกริสน์ตามเดิม
“เฮ้ย เดี๋ยวก็มาราดบนตัวชั้น”
จีจ้ากอดกริสน์แน่นแล้วส่ายหัวไม่ยอมท่าเดียว
“อย่าทำตัวยังงี้ ยังไงชั้นก็ไม่ยอม ไม่ยอม” กริสน์โวยวาย

จีจ้านั่งอยู่บนชักโครก กริสน์ยืนหันหลังให้อยู่ในห้องน้ำที่เปิดประตูไว้ เขาเอามืออุดจมูก มีเสียงตุ๋มๆ ดังเป็นระยะ
“เสร็จยัง...ไส้เน่าเหรอเนี่ย เหม็นขนาดนี้”
“อึลูกพี่หอมเหรอคะ” จีจ้าย้อนถาม
“เวรกรรมอะไรของชั้น ถึงต้องมาเจอเด็กแบบเธอด้วย ชั้นอยากตายๆ” กริสน์เอาหลังหัวโขกผนัง
“ฮ้า...เสร็จแระ ลูกพี่ๆๆ หันมานี่หน่อยสิ” จีจ้าบอก
“อะไรอีก”
“ล้างก้นให้หน่อย”
“หา!”
“ล้างก้นให้หน่อย”
“ล้างก้น..ล้างเองสิ อายุเท่าไหร่แล้ว”
“หกขวบ”
“ตั้งหกขวบแล้ว ต้องล้างก้นเองเป็นแล้ว ล้างเร็วๆ”
“จีจ้าไม่ล้าง มันสกปรก”
“แล้วจะมาให้คนอื่นล้างให้เนี่ยนะ..ราชินีนักบู๊ที่ไหนเค้าล้างก้นเองไม่เป็น ห๊า ล้างเองเดี๋ยวนี้”
“จีจ้าไม่เคยล้าง”
“น้าเธอไม่สอนเธอเลยหรือไง” กริสน์ถาม จีจ้าส่ายหัว
กริสน์จำใจต้องสอน เขาเดินเข้ามา ชี้ไปที่ฝักบัวชำระ แล้วพยายามหาคำพูดที่เหมาะกับเด็ก
“นั่น ฝักบัวชำระ หยิบมา อยากล้างส่วนไหน ก็ฉีดน้ำไปที่ส่วนนั้น แค่นี้เอง แล้วนั่นกระดาษ..เสร็จแล้วก็เอากระดาษมาเช็ดให้แห้ง”
จีจ้าหยิบฝักบัวมาดู หันใส่หน้าตัวเอง แล้วกด น้ำพุ่งใส่หน้าตัวเอง
“ฮะๆๆ สม..อยากล้างหน้าเหรอ” กริสน์หัวเราะเยาะ
จีจ้าหัวเราะสนุก เธอหันฝักบัวชำระมาทางกริสน์ แล้วกด น้ำพุ่งใส่หน้ากริสน์ทันที
“เฮ้ย อย่าให้มาทางชั้นสิ หยุดๆ”
จีจ้ายิ่งสนุกจึงฉีดน้ำไม่ยอมหยุด

รถของพิมมาดาแล่นมาจอดที่หน้าบ้านของเธอ ทุกคนเดินลงมาจากรถ เต๋ากับเต้ยวิ่งออกมาจากร้าน รถของมาวินปาดมาเทียบ
“พิมๆๆๆ คุณทำแบบนี้ไม่ถูก คุณต้องกลับไปแจ้งความใหม่ ว่ามีการติดต่อเรียกค่าไถ่ แล้วคุณก็รู้จักคนร้ายด้วย เราจะได้ช่วยกัน วางแผนจับมัน”
“โดยที่คุณไม่สนเลยใช่ไหมคะ ว่าคนร้ายจะทำอะไรจีจ้ารึเปล่า” พิมมาดาถาม
“สนสิ ทำไมจะไม่สน แต่เราต้องไม่ปล่อยให้คนชั่วลอยนวล ผมเอง ผมจะใช้วิชาการที่ร่ำเรียนมา ช่วยจีจ้าให้ได้ ผม..จะเป็นคนต่อรองกะคนร้ายเอง..ดีล่ะ..งั้นผมจะทวิตบอกนักข่าวทุกสำนัก ให้มารวมกันที่นี่เลย ดีไหม”
“โอ๊ย..คุณมาวินขา..เต๋าเข้าใจแล้ว ว่าทำไม อยู่ๆ คุณถึงร้อนใจนัก” เต๋าบอก
“สิ่งที่คุณสนใจ ไม่ใช่อะไรหรอก..นอกจากผลงานของคุณเอง” เต้ยเสริม
“สรุปว่าอยากมีผลงาน..อยากดัง..ว่างั้น” เค้กสรุป
“มาวิน คุณนี่ช่างเปลี่ยนท่าทีได้อย่างกับหน้ามือเป็นหลังมือในเวลาพริบตาเดียวเท่านั้นเอง ไม่อยากจะเชื่อ” พิมมาดาตัดพ้อ
“นี่..ผมตะหาก ที่ไม่อยากเชื่อ ดูคุณชิลด์ๆเหลือเกินนะ คุณไม่ห่วงหลานเลย ทั้งๆที่แกโดนจับไปเรียกค่าไถ่โดยแก๊งโจรร้ายข้ามชาติ ที่เรียกค่าไถ่เป็นยูโร”
“ก็เพราะชั้นห่วงหลานไง ถึงไม่ต้องการให้คุณมาเกี่ยวข้อง เอาเป็นว่า..ชั้นรู้แล้ว ว่าหลานชั้นอยู่กะใคร และชั้นจัดการเองได้ ไม่ต้องการการแจ้งความอะไรทั้งนั้น ตำรวจอย่างคุณไม่เกี่ยว ไป ไป๊” พิมมาดาไล่แล้วชี้ไปที่ประตู
“โอเคๆๆ แล้วถ้าพรุ่งนี้ คุณได้รับนิ้ว หรือหู หรือศรีษะยัยจีจ้าส่งมา อย่ามาร้องหาผมละกัน ขอเตือนไว้เลย ว่าแก๊งมาเฟียยุโรปน่ะ มันโหดกว่าที่คุณคิด ยัยจีจ้าต้องตาย..ตายเพราะน้าโง่ๆ อย่างคุณ”

มาวินพล่ามจบก็รีบขึ้นรถ แล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว

อ่านต่อหน้า 4




มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 2 (ต่อ)

ภัทรดนัยกำลังนั่งหาข้อมูลในคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ้ค ในห้องที่เซฟเฮ้าส์ อยู่ๆ ก็มีน้ำหยดติ๋งๆ ลงบนพื้นตรงหน้า ภัทรดนัยเงยหน้าขึ้นมองเห็นเท้าใครคนหนึ่ง เขามองไล่ตามเท้าขึ้นไปก็เห็นกริสน์อยู่ในสภาพเปียกปอนทั้งตัว มีน้ำหยดติ๋งๆ

“จะอาบน้ำ ทำไมไม่ถอดชุดวะ” ภัทรดนัยถามประชด
“อาบบ้าอะไร ฝีมือยัยเด็กนั่นน่ะสิ เฮ้ย นั่นคอมพ์ชั้น แกเอามาจากไหน”
“ก็เป็นอย่างนึง ที่ชั้นขนออกมาได้ จากบ้านแก เจ๋งป่ะล่ะ”
“เจ๋ง”
“ไหนวะ ไฟล์หลักฐาน เรื่องธุรกิจยาเสพติดของนายอธิป”
“เป็นไฟล์เสียง...อยู่ในมิวสิคไลบรารี่ ชื่อ MUSIC IS MY LIFE”
ภัทรดนัยคลิกหาสักพักแล้วก็พูดออกมา “ไม่เห็นมี”
“มีสิวะ ลุกๆๆ” กริสน์ไล่ภัทรดนัย
ภัทรดนัยลุก กริสน์นั่งลงแทนแล้วคลิกหา
“เฮ้ย ไม่มีจริงๆด้วย” กริสน์บอก
จีจ้าเดินหาวเข้ามา “ฮ้าว จีจ้าง่วงแล้วค่ะ พาจีจ้าเข้านอนหน่อยสิคะ”
“ภัทรดนัย แกไปจัดการมั่งดิ เฮ้ย ไฟล์ชั้นหายไป” กริสน์ลนลาน
“อย่ามาตลก มันคือหลักฐานมัดตัวอธิปกับจตุพลทั้งหมด ที่แกทุ่มเทเวลาไปฝังตัวในแก๊งมันมาเลยนะเว้ย” ภทัรดนัยบอก
“เฮ้ย! มันหายไปจริงๆ หายไปได้ไง หรือว่า..อยู่ในถังขยะ รีไซเคิ่ลบิน” กริสน์สงสัย
“จีจ้าง่วงแล้วอ่า..ง่วงๆ” จีจ้าย้ำแล้วเดินมาสะกิดพร้อมกับชูแขนให้อุ้มพาไปเข้านอน กริสน์มองอย่างมึนๆ

กริสน์อุ้มจีจ้า เดินเข้ามาในห้องนอน เขาเปิดไฟดูรอบๆ ภัทรดนัยดึงผ้าปูเตียงออก กริสน์วางจีจ้าลงบนเตียง จีจ้าทำเหมือนหลับ พอกริสน์วางเสร็จจะลุกออกไป จีจ้ากลับคว้ามือเขาเอาไว้
“อะไรอีก” กริสน์ถาม
“เล่านิทานให้จีจ้าฟังหน่อย”
“นอนเฉยๆ นิ่งๆ เดี๋ยวก็หลับนะ”
จีจ้าลุกขึ้นมานั่ง “จะฟังนิทาน!”
“โอเคๆ เล่าก็ได้ๆ แต่อย่าตื่นนะ หลับตาไว้ๆ” กริสน์บอก จีจ้าทำท่างัวเงียแล้วนอนลงไป
“นิทาน..เอ่อ กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว นาน....จนจำไม่ได้ จบ!”
“อ้า...ไม่เอาอ่ะ” จีจ้าโวยวายและทำท่าจะกรี๊ด
“โอย...ได้ๆ...กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเจ้าชาย”
“เจ้าหญิง” จีจ้าเปลี่ยนเนื้อเรื่อง
“มีเจ้าหญิงองค์หนึ่ง สวยมาก วันหนึ่ง เจ้าหญิงไปเดินตลาด เจอเจ้าชายขี่ม้ามา ทั้งคู่รักกัน แต่งงานกัน และอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข”
“ไม่สนุกเลย เอาบู๊ๆ หน่อยสิ”
“หลังแต่งงานได้ไม่นาน เจ้าหญิงก็จับได้ว่าเจ้าชายเป็นสายลับตำรวจที่ปลอมตัวมาสืบเรื่องธุรกิจผิดกฏหมาย”
“เจ้าหญิงเลยสั่งทหารห้าสิบคนให้จับตัวเจ้าชาย” ภัทรดนัยต่อให้ “แต่เจ้าชายเก่งมาก ทั้งเตะต่อยโดดตีลังกาจระเข้ฟาดหางสู้จนทหารห้าสิบคนแพ้ราบคาบไปหมด”
จีจ้าลืมตาขึ้นอย่างตื่นเต้น “โว้ว สนุกๆ เอาอีกๆ”
“แล้วเจ้าชายก็หนีไปได้..จบภาคหนึ่ง พรุ่งนี้มาฟังภาคสองต่อนะ ตอนนี้นอนได้แล้ว นะ” กริสน์ตัดบท
“ไม่ง่วงแล้ว จะฟังต่อ”
“เฮ้ย!! ไม่ง่วงไม่ได้ ต้องนอน..นอนเดี๋ยวนี้” กริสน์เอาผ้าห่มคลุมหัวจีจ้า
“ไม่นอนๆ”
จีจ้าลุกขึ้นมาทั้งผ้าห่มแล้วเล่นสนุกสนาน หัวเราะคิกคัก มือไม้ปัดป่ายจนฟาดหน้ากริสน์กับภัทรดนัยไปหลายที
“ทนไม่ไหวแล้วนะ” กริสน์โพล่งขึ้น
จีจ้าพยายามลุก แต่กริสน์กระโดดไปขวางประตูแล้วใส่กลอน จีจ้าไม่ยอมนอน เธอมุดลงไปใต้เตียง กริสน์คว้าขาจีจ้าลากออกมาแล้วจับบังคับให้นอน พร้อมกับเอาผ้าห่มคลุมตัว จีจ้าดิ้นจนหลุดไปได้อีก
กริสน์กับภัทรดนัยวิ่งไล่จับจีจ้าไปทั่วห้อง

เวลาเดียวกันนั้น พิมมาดาเดินร้องไห้อย่างขมขื่นเข้ามาในห้องรับแขก เธอนั่งลงบนโซฟา พอหันหน้าไปที่ด้านหนึ่งก็ถึงกับชะงัก เมื่อเห็นรูปของพี่สาว และพี่เขย ที่กอดเด็ก 3 คนอยู่ หน้าตาของทุกคนในรูปยิ้มแย้มเบิกบาน พิมมาดาอึ้งไป
พร้อมกับที่ภาพเหตุการณ์ในอดีตเมื่อ 2 ปีก่อน ย้อนกลับมาในความคิดคำนึง
วันนั้น ที่ริมถนนแห่งหนึ่ง พิมมาดาเดินจูงเด็กๆ มาเป็นแถว มีพี่สาวพี่เขยช่วยดูแล
“ดูยายพิมสิ ยังกับลูกคนโตของเราเลย” พี่เขยแซว
พี่สาวหัวเราะ “ตอนพิมเกิด พลอยอายุ17 แล้วนี่คะ ตอนนั้นพลอยก็เลี้ยงพิมมาเหมือนกับเลี้ยงตุ๊กตาเลย”
“ใช่สิ พิมโกร๊ธ โกรธ ตอนพี่พลอยมียายแจ๊ส..พิมอิจฉา กลัวยายแจ๊สจะมาแย่งพี่พลอย..ที่พิมอุบอิ๊บแล้ว..ว่าเป็นแม่ของพิม” พิมมาดาบอก
ทุกคนหัวเราะพร้อมกัน
ทันใดนั้นเอง มีเสียงดังเอะอะอยู่ข้างหน้า มองไปเห็นคนกำลังมุงดูอะไรบางอย่างอยู่
“อะไรกันน่ะ คนตีกันเหรอ” พิมมาดาถาม
ในวงไทยมุง มีชายเมายาบ้ากำลังจับเด็กหญิงที่อยู่ในชุดนร.อนุบาลอยู่
“คนเมายาบ้าๆ” ชาวบ้านตะโกน
“อย่าทำเด็กๆ ปล่อยเด็กๆเดี๋ยวนี้” ชาวบ้านร้องบอกคนเมายาบ้า
ผู้หญิงคนหนึ่งตะโกนเสียงดัง “ช่วยลูกชั้นด้วย..แกอย่าทำอะไรลูกชั้นนะ แกจะเอาอะไร บอกมาๆ ชั้นจะให้ทุกอย่าง ขอให้แกปล่อยลูกชั้น”
ชายเมายาบ้าชูปืนขึ้นชี้ฟ้า ส่วนมือนึงก็ลากเด็กไปด้วย “ไม่ปล่อยเว้ย ไม่ปล่อย ใครไม่อยากตาย อย่าแส่”
เด็กผู้หญิงร้องไห้จ้า
“ตายล่ะ..เราไปกันเถอะ นุ..น่ากลัวจัง” พี่สาวบอกทุกคน
“คุณพาเด็กๆไปซะ ผมจะไปช่วยเขาเอง” พี่เขยพูดแล้วแหวกคนเข้าไป
“พี่นุคะ..รอให้ตำรวจมาไม่ดีกว่าเหรอคะ” พิมมาดาบอก
พี่เขยหันมาพูด “กว่าตำรวจจะมา เด็กจะแย่เอาล่ะสิ พวกเรานั่นแหละ รีบไปไกลๆเลย” แล้วพี่เขยก็รีบเข้าไปทันที
พี่สาว พิมมาดาและเด็กๆ ยืนจูงมือกันอย่างละล้าละลังและลังเล พี่เขยค่อยๆ เดินเข้าไปหาคนเมายาบ้าอย่างระมัดระวังแล้วพูดกล่อม
“พี่ชายครับ..พี่ชาย..ใจเย็นๆนะครับ พี่ชายต้องการอะไร บอกผมสิ ครับ”
“ใครเป็นพี่มึง หา ไอ้แส่ ใครเป็นพี่มึง” ชายเมายาบ้าตะคอกกลับ
“เด็กร้องไห้ใหญ่แล้ว พี่สงสารเด็กเถอะครับ พี่ทำเด็กไม่มีทางสู้แบบนี้ ไม่ดีเลยนะครับ”
“แล้วมึงดีนักหรือ ถุย อยากเป็นพระเอกหรือมึง ไอ้ฟายเอ๊ย” ชายเมายาบ้ายิงเปรี้ยงมาที่พี่เขย ลูกปืนพุ่งเข้ากลางอกจนพี่เขยทรุดไป
พิมมาดา พี่สาว และเด็กๆ ต่างพากันร้องกรี๊ดด้วยความตกใจ
“นุ! นุ” พี่สาวตะโกนสุดเสียงแล้วก็ปล่อยมือทุกคนด้วยความลืมตัว เธอวิ่งแหวกคนเข้าไปหาแฟนทันที
“นุ..นุโดนยิง ช่วยด้วยๆๆ” พี่สาวเข้าไปประคองพี่เขยทันที
ชายเมายาบ้าตกใจจึงหันปืนมายิงใส่พี่สาวอีกนับไม่ถ้วน เป็นจังหวะเดียวกับที่แจ๊สและโจ๊กมองเห็นเหตุการณ์ก็ช็อคจนถึงกับนิ่งไป
พี่สาวฟุบลงไปนอนทับบนตัวพี่เขย ผู้คนวิ่งหนีตายกันจ้าละหวั่น พิมมาดาร้องกรี๊ด รีบกอดเด็กๆทั้ง3 ไม่ให้หันไปมอง
ทันใดนั้นตำรวจก็มาถึงพอดี
“หยุดเดี๋ยวนี้..ทิ้งปืน!”
ชายเมายาบ้าหันไปกระชากมือเด็กผู้หญิงมาแล้วทำท่าจะยิงเด็ก ด้วยความแม่นปืนตำรวจยิงไปที่คนเมายาบ้าทันที ชายเมายาบ้าล้มลง
ตำรวจอีกหลายคนพุ่งเข้ามาช่วยเด็กที่คนร้ายจับแขนเอาไว้แน่น พิมมาดากอดเด็กๆ ไม่ให้เข้าไปหาพี่สาวกับพี่เขยที่นอนแน่นิ่งอยู่
“พี่พลอยๆๆ ฮือๆๆ ไม่นะ ไม่เอา ต้องไม่ใช่อย่างนี้สิ ไม่ๆ” พิมมาดาคร่ำครวญ เด็กๆ ก็ร้องไห้กันระงม
พิมมาดาร้องไห้โฮ แจ๊สกับจีจ้าก็ร้องไห้ไม่หยุด โจ๊กแอบมองร่างไร้วิญญาณของพ่อกับแม่ผ่านช่องแขนของพิมมาดา เขาร้องไห้แต่ก็มีแววตาแค้นและมุ่งมั่น
กลับมาที่ปัจจุบัน พิมมาดาที่นั่งร้องไห้เพราะสงสารตัวเองค่อยๆ สงบลง พิมมาดายื่นมือไปหยิบรูปครอบครัวของพี่สาวขึ้นมาแล้วใช้นิ้วลูบกระจกกรอบรูปเบาๆ
“พี่นุ..พี่พลอย..พิมขอโทษค่ะ..พิมต้องทำให้ได้ พิมจะต้องไม่ยอมแพ้ พิมสัญญา ว่าพิมจะทำหน้าที่แทนพี่สองคน เลี้ยงหลานให้ดีที่สุดค่ะ”
สีหน้าพิมมาดามุ่งมั่น

ในห้องนอนที่เซฟเฮ้าส์ จีจ้าเริ่มเคลิ้มและนิ่งไป มีเสียงของกริสน์กับภัทรดนัยกำลังร้องเพลงกล่อม ทั้งสองพยายามร้องเพลงและเต้นเพื่อกล่อมจีจ้า
กริสน์กับภัทรดนัยร้องเพลงสลับกันคนละท่อน ภัทรดนัยโชว์สเต็ปเต้นอย่างเต็มที่ จีจ้าค่อยๆ หลับไป ทั้งสองยังคงร้องไป เต้นไป ส่วนจีจ้าก็ผลอยหลับไปเรียบร้อยแล้ว

เช้าวันใหม่ ที่บ้านพิมมาดา พิมมาดาอยู่ในสภาพอ่อนเพลียเพราะไม่ได้นอนทั้งคืน เธอนั่งพิงขั้นบันไดหน้าบ้านอยู่กับโจ๊กและแจ๊สอย่างหมดอาลัย
เต๋าเดินถือถาดที่มีถ้วยนมร้อน 3 ถ้วยเข้ามาให้
“รับอาหารเช้ากันก่อนนะคะ ทุกคน เพื่อเตรียมเผชิญสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ เราต้องมีพลังกาย พลังใจที่แข็งแกร่งก่อนค่ะ”
“คอยดู ถ้าจีจ้าเป็นอะไร โจ๊กจะตามล่ามันให้สุดขอบโลก โจ๊กจะไม่เป็นคนดีแล้ว เราจะเป็นคนดีไปทำไม เมื่อคนดี ต้องแพ้คนเลว” โจ๊กพูดอย่างมุ่นมั่น
“ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะโจ๊ก” เค้กถาม
“จะไปโทษผู้ร้ายไม่ได้หรอก โจ๊ก ที่จีจ้าหนีไป เพราะใครคือต้นเหตุ” แจ๊สบอก
“แจ๊ส..หมายความว่าไง” พิมมาดาถาม
เต้ยยกจานขนมปังทาเนยเข้ามาพอดี “โธ่ๆๆ ไม่เอานะคะ ไม่เอาๆ เราก็เหลือกันอยู่แค่นี้ อย่าตีกันนะคะ คุณน้า คุณหลาน”
“เต้ยหาว่าชั้นตีกับหลานเหรอ เต้ยหาว่าชั้นเป็นเด็ก.. เต้ยพูดแบบนี้ได้ไง” พิมมาดาเริ่มฉุน
“เห็นไหม ก็แบบนี้ทุกที..ถือว่าตัวเองตัวโตกว่า เสียงดังกว่า อย่างนี้แจ๊สหนีไปให้โจรมันหั่นเป็นชิ้นๆแล้วส่งมาให้คนบ้านนี้เป็นที่ระลึกมั่งดีกว่า”
“มา..งั้นมาเลย น้าจะเป็นคนหั่นแจ๊สเอง” พิมมาดาถือที่ทาแยมขึ้นมา “จะให้หั่นตรงไหนก่อนล่ะ”
“พอแล้ว...พิม!! หยุด...อย่าทะเลาะกันเลย” เค้กปราม
พิมมาดาวิ่งไล่แจ๊ส แจ๊สวิ่งหนีไปรอบๆ ตัวเต๋า เต้ยร้องวี้ดๆ
“แจ๊สสู้ๆๆ แจ๊สสู้ๆๆ” โจ๊กเชียร์
ทันใดนั้นก็มีบุรุษไปรษณีย์ขี่มอเตอร์ไซค์มาหยุดกดออดที่หน้าบ้าน
“คุณพิมมาดา เซ็นรับพัสดุด้วยครับ”
“พัสดุ..” พิมมาดาตกใจ ปล่อยที่ทาแยมหล่นลงพื้น “ไม่นะ..ไม่จริง จีจ้า ฮือๆๆ”
บุรุษไปรษณีย์ทำหน้างงๆ เต๋ารีบเซ็นต์รับพัสดุ
“ทำใจดีๆก่อนค่ะคุณพิม มันอาจจะไม่ใช่อะไรอย่างที่เราคิดก็ได้..เต๋าเปิดดูนะคะ” เต๋าค่อยๆเปิดกล่องออก “หู..”
“หู..หูจีจ้าใช่มั้ย..จีจ้า!” พิมมาดาตกใจ
“ไม่..ไม่จริง” แจ๊สกับโจ๊กประสานเสียง
บุรุษไปรษณีย์ตกใจ รีบขับมอเตอร์ไซด์ออกไปอย่างรวดเร็ว
“หูว์ว์ว์...” เต๋าหยิบของในกล่องออกมา เป็นน้ำหอมในขวดแก้วสวย “น้ำหอม”
“ของเต้ยค่ะ สั่งซื้อทางอินเตอร์เนท..มาถึงเร็วกว่าที่คิดนะเนี่ย” เต้ยรีบบอก
“อีบ้า ทำตกใจหมดเลย..แล้วทำไมไม่ซื้อในชื่อตัวเอง” เต๋าดุ
“ก็ชั้นอายอ่ะ เดี๋ยวเค้ารู้ว่าชั้นใช้น้ำหอมกลิ่นอียิปเชี่ยนไวอะกร้า”
“แกจะอายทำไม เค้ารู้จักแกหรือไง” เต๋าถาม
อยู่ๆ พิมมาดาก็ร้องไห้โฮเหมือนสุดทน เพราะรู้สึกว่าทำอะไรไม่ได้แล้ว ทุกคนมาช่วยปลอบ
“คุณพิม” เต๋าหันมาต่อว่าเต้ย “ดูสิเพราะแกคนเดียวเลย”
“คุณพิมขา..เต้ยไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษนะคะๆ..อย่าเศร้านะคะ เดี๋ยวเต้ยให้ลองอียิปเชี่ยนไวอะกร้านะคะ จะได้สดชื่น”
“อีเต้ย!” เต๋าตวาด
พิมมาดาหันไปเห็นขวดน้ำหอมก็นึกถึงสุขสันต์ เธอลุกพรวดพราดด้วยแววตามีประกายทันที
“นึกออกแล้ว”

ณ คฤหาสน์สุดหรูของสุขสันต์ สุขสันต์ในชุดทักซิโด้กำลังดูความเรียบร้อยของตัวเองหน้ากระจกเขามีท่าทางอารมณ์ดี ยืนเช็กความหล่อในทุกๆมุม โดยมีลูกน้องคอยช่วยจัดเสื้อ จัดเนคไท จัดทรงผมให้
สุขสันต์ยกมือให้สัญญาณ พวกลูกน้องเก็บอุปกรณ์แล้วพากันเดินออกไป
สุขสันต์เลือกนาฬิกาที่มีอยู่เป็นคอลเล็คชั่นมาสวม อยู่ๆ โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะใกล้ๆ กันก็ดังขึ้น สุขสันต์มองหาโทรศัพท์แล้วหยิบขึ้นมา
สุขสันต์ดูเบอร์ แล้วยิ้มทันที “สวัสดีครับคุณพิมมาดา..มีอะไรให้ผมรับใช้เหรอครับ..วันนี้เหรอ อืม ยังพอว่างอยู่ครับ..ได้สิครับ..งั้นเดี๋ยวสักพักผมไปหาคุณที่ร้านนะครับ..ไม่ต้องเกรงใจครับ สำหรับคุณพิมแล้ว ผมว่างเสมอ..แล้วเจอกันครับ”
สุขสันต์วางสายพร้อมกับยิ้มหน้าบาน

ที่เซฟเฮ้าส์ กริสน์กับจีจ้านอนก่ายกันอยู่ที่พื้นห้อง เท้าของจีจ้าเกยอยู่บนยอดอกของกริสน์ ทั้งคู่หลับสนิท แต่สักพักก็มีเสียงดังแก๊กขึ้นมา
กริสน์ลืมตาพร้อมกับยันตัวขึ้นมาเพื่อฟังเสียงที่เกิดขึ้น เขามีสัญชาตญาณระวังตัวทันที
“จีจ้า..จีจ้า..ตื่น” กริสน์เรียก
จีจ้าสะดุ้งแล้วลุกมานั่ง “ค่า ตื่นแล้วค๊า”
เสียงคนเดินเข้ามาใกล้ขึ้นๆ มาหยุดที่หน้าห้องนอน กริสน์ลุกไปที่หน้าประตู จีจ้าล้มตัวหลับต่อทันที
มีคนบิดลูกบิดจากภายนอก กริสน์เตรียมพร้อม ทันใดนั้นเองประตูก็เปิดออก
กริสน์คว้าคอคนที่มา เขาชกเข้าที่หน้าแล้วกระชากมาจับทุ่มกดลงไปกับพื้นอย่างรวดเร็วทันที
“ไอ้ภัทรดนัย” กริสน์เซ็ง
“เออ ชั้นเอง.....โอ๊ยยย 3หมัดแล้วนะไอ้บ้า แกอัดเพื่อนแกยังงี้กี่ทีแล้ว ชั้นจะตายก็เพราะแกนี่แหละ โอย”
“ใครให้แกมาเงียบล่ะวะ ชั้นก็คิดว่าใครจะมาทำอันตราย”
“แกจะให้ชั้นร้องตะโกนก่อนเข้ามาหรือไง..เอ้า ตื่นยังวะ จะบุกเข้าไปแล้วนะโว้ยยยยย..ยังงี้เหรอ ไอ้บ้า”
ทันใดนั้นเอง กลุ่มมือสังหารอาชีพก็ปีนแล้วกระโดดเข้ามาทางหน้าต่างห้อง อีกคนเปิดประตูห้องเข้ามา ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว มือสังหารต่างถือปืนเล็งไปที่กริสน์และภัทรดนัย กริสน์และภัทรดนัยยืนหลังชนกันแล้วยกมือขึ้นทันที
“ยอมแล้ว อย่ายิง” ภัทรดนัยบอก
ชายมือสังหารคนหนึ่งเล็งปืนไว้ เมื่อเห็นว่าได้ตัวแน่แล้ว ก็หันไปให้สัญญาณผ่านว. “ได้ตัวเป้าหมายแล้ว”
อยู่ๆ จีจ้าก็ลุกขึ้นมานั่ง
“เงียบๆหน่อย คนจะนอน”
มือสังหารทั้งสองตกใจที่มีเด็กอยู่ด้วยเพราะไม่ได้คาดคิดมาก่อน กริสน์กับภัทรดนัยอาศัยจังหวะนั้น ซัดสองมือสังหารจนกระเด็นคว่ำไปทันที
“หนีเร็ว!” กริสน์ตะโกนบอก
กริสน์หันไปมองพบว่าภัทรดนัยกำลังลากผู้ร้ายคนหนึ่งเข้าไปในห้องน้ำ
“อ้าว ทำอะไร ไอ้ภัทรดนัย”
“แกพาเด็กไปเลย เดี๋ยวชั้นจัดการทางนี้ก่อน”
กริสน์หันไปปลุกจีจ้า “จีจ้า...ตื่นเร็ว!”
“ค่า ตื่นแล้วค๊า”
“มาเร็ว” กริสน์จะวิ่งไปแต่ก็ต้องชะงักเพราะจีจ้าล้มลงไปนอนอีก “จีจ้า!! ตื่นๆๆ”
จีจ้าไม่ยอมตื่น กริสน์รีบช้อนตัว อุ้มจีจ้าขึ้นมา “เกาะไว้”
จีจ้านอนเผละ ไม่เกาะ ไม่จับอะไรทั้งนั้น
“จีจ้าเกาะชั้นหน่อย จะเป็นราชินีนักบู๊ก็ตื่นมาบู๊สิ อย่าเอาแต่หลับ เกาะชั้นเร็วๆ” จีจ้าเอาแต่หลับ “ทีอยากให้เกาะไม่เกาะนะ!”

กริสน์อุ้มจีจ้าจะวิ่งออกประตู แต่ก็ต้องรีบเบรคเพราะมีมือสังหารอีกคนวิ่งเข้ามา
“เฮ้ย!”
“ชู่ว์..........เบาๆ เดี๋ยวเด็กตื่น..เก็บปืนด้วย!” กริสน์กระซิบเสียงเบา
กริสน์ทำเป็นกล่อมเด็กหลอกล่อ ผู้ร้ายงงๆ กริสน์ฉวยโอกาสโยนจีจ้าให้ผู้ร้าย ผู้ร้ายปล่อยปืนตกพื้นแล้วรับจีจ้าเอาไว้ กริสน์เตะผู้ร้ายกระเด็นคว่ำไปแล้วแย่งจีจ้าคืนมา จีจ้ารู้สึกตัวขึ้นมาพอดี
“ลูกพี่จะสอนคิวบู๊แล้วเหรอ” จีจ้าสลึมสลือ
“ตายๆๆ” กริสน์เซ็ง
กริสน์ผงะเพราะได้ยินเสียงมือสังหารอีก3-4 คนกำลังวิ่งกรูกันขึ้นมา กริสน์ถอยกลับเข้าห้อง กดล็อกประตู แล้วรีบเลื่อนข้าวของมาบังประตูเอาไว้
ภัทรดนัยออกมาจากห้องน้ำโดยใส่ชุดของผู้ร้ายซึ่งมีผ้าคลุมหน้าด้วย
“ลูกพี่ ผู้ร้ายมาแว้ว” จีจ้าตะโกนบอกแล้ววิ่งไปเตะหน้าแข้งภัทรดนัยเต็มแรง
“อ๊ากก.”
ภัทรดนัยเปิดหมวกคลุมหน้าออกมา
“เตะทำไม...ชั้นเอง...เจ็บนะ”
“อ้าว...น้าเอง นึกว่าผู้ร้ายอ่ะ”
“สมแล้ว” กริสน์บอก
กริสน์มองหาทางหนีใหม่ เขาวิ่งไปที่หน้าต่างเห็นเชือกที่ผู้ร้ายคนแรกใช้เหวี่ยงตัวเองเข้ามาก็พูดกับตัวเอง
“เอาไงดีวะๆ”
กริสน์เห็นตะกร้าผ้าล้มอยู่ เขายกเท้าสะกิดให้ตะกร้ากระเด้งขึ้นมาตั้ง แล้วเอาจีจ้าใส่ลงไปในตะกร้า จากนั้นก็ถอดเข็มขัดมาคล้องเข้ากับหูตะกร้าทั้งสองข้าง
ประตูที่โดนทุบโดยกลุ่มมือสังหารเริ่มพังแล้ว กริสน์หิ้วตะกร้าที่มีจีจ้าไปที่หน้าต่าง เขาใช้มืออีกข้างจับเชือกไว้แล้วปีนลงทันที
“คุ้มกันชั้นด้วยนะ”
“ได้...ไปเลยเร็ว” ภัทรดนัยบอก
กลุ่มมือสังหารพังประตูเข้ามาพอดี ทั้งหมดพุ่งเข้ามาเป็นพรวน ภัทรดนัยรีบปิดที่คลุมหน้า
“ไปไหนแล้ว” กลุ่มมือสังหารถามภัทรดนัยที่คลุมหน้าอยู่
ภัทรดนัยรีบบอก “เฮ้ย...มันออกไปทางเดิมแล้ว” ภัทรดนัยชี้ไปทางที่กลุ่มมือสังหารพังเข้ามาแล้วรีบวิ่งสวนออกไป
“อะไรวะ...ไปยังไงวะ แล้วทำไมไม่เห็น ไป...!” กลุ่มมือสังหารงงแต่ก็รีบวิ่งตามภัทรดนัยไป

ที่หลังบ้านกริสน์ จีจ้าที่อยู่ในตะกร้าถูกหย่อนลงมาด้วยเชือก พอถึงพื้นจีจ้าก็รีบแก้ปมเชือกออก สักพักกริสน์ก็ค่อยๆ รูดตัวลงมาด้วยเชือกเส้นนั้น
จีจ้าล้วงหยิบยาในกระเป๋าของตัวเองออกมาแล้วกำลังจะพ่นให้ตัวเอง แต่อยู่ๆ มือสังหารคนหนึ่งก็โผล่หน้าขึ้นมา
“ว้าย” จีจ้าตกใจจนทำยาพ่นหลุดมือแล้วกลิ้งหล่นลงไปที่พื้นข้างล่าง
“เก็บปืนก่อนดีมั้ย..เด็กอยู่นะ..เดี๋ยวจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีต่อเยาวชน จริงมั้ย” กริสน์บอกมือสังหาร จีจ้าพยักหน้าเห็นด้วย
มือสังหารเก็บปืน กริสน์เข้าไปต่อสู้ทันที เขาเตะกวาดมือสังหารจนหงายหลังก้นจ้ำเบ้า แล้วจะหนี
“ยาพ่น” จีจ้าร้องบอก
“ชู่ว์...รู้แล้วๆ” กริสน์ทำสัญญาณให้เบาเสียง
กริสน์มองไปเห็นยาพ่นอยู่ที่พื้นอีกด้าน เขาจะเข้าไปเก็บขึ้นมา แต่ยังไม่ทันได้เก็บกลุ่มมือสังหารก็วิ่งมาคว้ายาพ่นตัดหน้าไป กริสน์กับมือสังหารที่หยิบยาพ่นต่างก็ชะงักไป
“ยาของเด็ก ขอเถอะ” กริสน์บอก
“แลกกับตัวแก”
“บ้า..อยู่ๆมาขอตัว ผู้ชายเหมือนกันนะ” กริสน์พูดทีเล่นทีจริง
“ไม่ตลก”
กริสน์จ๋อย “ไม่ชอบตลกเหรอ งั้น..บู๊ล่ะชอบมั้ย”
กริสน์ถีบเปรี้ยงเข้าไปที่มือสังหารคนนั้นแล้วแย่งยาพ่นมาได้ เสียงจีจ้าร้องดังมาจากอีกด้าน กริสน์หันไปมองพบว่าจีจ้ากำลังถูกมือสังหารอีกคนดึงตัวออกจากตะกร้า จีจ้ากัดมือชายคนนั้นแล้วรีบวิ่งไปหากริสน์
“ไม่รู้จักจีจ้าราชินีนักบู๊ซะแล้ว ย๊าก”
“จีจ้า มานี่” กริสน์เรียก
จีจ้ารีบวิ่งไปกระโดดเกาะกริสน์แน่น โดยที่เธอมีอาการหอบ
“เป็นคนหรือเป็นปลิงวะเนี่ย”
กริสน์รำพึงแล้วรีบเอาไม้แถวนั้นตีผู้ร้ายจนสลบฟุบคาที่แล้วเขาก็ตั้งท่าจะหนี
“ยา..”จีจ้าถาม
“อยู่นี่ เอ้า”
กริสน์กำลังจะพ่นยาให้จีจ้า แต่มือสังหารอีกคนโผล่มาจากอีกด้าน
“เก็บปืนก่อนเถอะ มีเด็กป่วยเป็นหอบอยู่...ขอพ่นยาก่อนนะ”
กริสน์บอก จีจ้าทำเป็นหอบ แต่มือสังหารไม่บ้าจี้ด้วย เขายกปืนขึ้นมายิงเฉี่ยวกริสน์ไปนิดเดียว
“เฮ้ย...ยิงจริงโว้ย ใจดำจริงๆ บอกมีเด็กยังยิงอีก” กริสน์บ่นแล้วรีบพาจีจ้าหนี เขาหาจังหวะพ่นยาให้จีจ้า ซึ่งพ่นได้หนึ่งครั้ง มือสังหารก็ยิงมาอีกเป็นชุด
กริสน์กับจีจ้าหลบกันเป็นพัลวัน
“ต้องพ่นสองที” จีจ้าบอก
“แล้วไม่บอกก่อนเล่า วุ้ย” กริสน์หนีไป พูดไป เขาวิ่งหนีไปทางหน้าบ้าน “อย่ายิงนะ เดี๋ยวโดนเด็ก”
มือสังหารไม่สนใจยังคงยิงต่อ กริสน์เห็นท่าไม่ดีจึงควักปืนออกมาบ้าง
“พูดไม่ฟัง ตาชั้นยิงมั่งละนะ”
“เอาเลยลูกพี่...เย้ๆ...แฮกๆๆ” จีจ้าเชียร์แต่ก็เริ่มหอบหนัก “ฮา...ฮา...ลูกพี่”
“หอบแล้วยังจะพูดมากอีก” กริสน์พูดแล้วยิงสวนออกไป
กริสน์ได้จังหวะรีบพ่นให้จีจ้าอีกรอบ จังหวะที่เขาวิ่งหนีออกไปหน้าบ้านมีมอเตอร์ไซค์มือสังหารขี่มา กริสน์ทำท่าจะยิง แต่คนขับเปิดหน้ากากหมวกกันน็อกออก กริสน์จึงเห็นว่าเป็นภัทรดนัย
“อย่ายิง ชั้นเอง ขึ้นมาเร็ว!”
กริสน์อุ้มจีจ้ากระโดดขึ้นไปซ้อน มือสังหารวิ่งมาดัก ภัทรดนัยโยนปืนอีกกระบอกให้กริสน์ กริสน์ยิงสวนไปทั้งซ้ายและขวา ภัทรดนัยขี่มอเตอร์ไซต์หนีไปได้ กลุ่มมือสังหารถึงกับเซ็งรีบหยิบมือถือขึ้นมากดเบอร์
“มันหนีไปได้ครับ คุณจตุพล”

ที่ร้านดอกไม้ สุขสันต์สั่งการพวกลูกน้องแล้วจึงแยกออกมาหาพิมมาดาที่กำลังร้อนใจอยู่ ฉัตรชัยเดินตามมาติดๆ
“คุณพิมไม่ต้องกังวลนะครับ ผมกระจายข่าวไปทางทุกสถานีตำรวจ ส่งรูปเด็กไปให้หมดแล้วนะ ผมจะเป็นธุระเรื่องตามหาจีจ้าให้เอง ถ้าลูกน้องผมได้อะไรคืบหน้า ผมจะรีบบอกให้คุณทราบ” สุขสันต์บอก
พิมมาดายกมือไหว้ “พิมขอบคุณคุณสุขสันต์มากนะคะ พิมไม่รู้จะพึ่งใครแล้วจริงๆ”
“ผมสิต้องขอบคุณคุณพิมมาก ที่คุณพิมคิดถึงผมเวลาที่มีปัญหา..ขอบคุณมากนะครับ”
“คุณสุขสันต์พูดจากใจจริงๆนะครับ ไม่ได้พูดเพราะหาเสียง” ฉัตรชัยรีบเสริม
“ดิฉันไม่ได้คิดแบบนั้นซะหน่อย” พิมมาดาบอก
เค้ก เต๋าและเต้ยที่แอบมองอยู่มุมหนึ่งของร้านแอบฮือฮากัน สักพัก โจ๊กกับแจ๊สเดินเข้ามามอง
“จีจ้ายังหายตัวไป น้าพิมยังมีอารมณ์นัดเดทอีกเหรอครับ” โจ๊กถาม
“โจ๊ก! อย่าพูดอะไรเหลวไหล” พิมมาดาดุหลาน
โจ๊กหันไปเห็นแววตาสะใจของสุขสันต์ เขาจึงถลึงตาสู้
“โจ๊ก แจ๊ส ทำไมไม่สวัสดีผู้ใหญ่” พิมมาดาบอกหลานทั้งสอง
โจ๊กสบตาแจ๊ส แล้วต่างพากันไหว้กราดท่วมหัวแบบประชด
“เอ่อ ผมว่า ผมขอตัวกลับก่อนดีกว่านะครับคุณพิม..พอดีผมมีสัมมนาอนาคตเด็กไทยด้วย ต้องรีบไปเตรียมตัวซะหน่อย” สุขสันต์ขอตัว
“ค่ะๆ พิมขอโทษด้วยนะคะ”
ทันใดนั้นเองจีจ้าก็วิ่งกลับเข้ามา “กลับมาแล้วค่า”
“จีจ้าๆ” เค้ก โจ๊กและแจ๊สพูดขึ้นพร้อมๆกัน
“จีจ้า!” พิมมาดา โจ๊ก และแจ๊สประสานเสียงแล้วทั้ง3 ก็โผกอดจีจ้าทันที “จีจ้าไม่เป็นอะไรนะ แขน ขา หูยังอยู่ครบใช่มั้ย จีจ้า แล้วนี่ เธอกลับมาได้ยังไง หนีออกมาเหรอ”
จีจ้ายิ้ม “มีคนมาส่ง”
พิมมาดาเอะใจ

กริสน์ยืนอยู่ที่หน้าร้านดอกไม้ พิมมาดาเดินจ้ำออกมา
“ผมเอาหลานคุณมาส่งแล้วนะ ต่อไปก็ดูแลดีๆ อย่าให้..”
กริสน์ยังไม่ทันพูดจบ พิมมาดาก็เดินพรวดเข้าไปตบหน้าเขาอย่างแรงทันที จากนั้นพิมมาดาก็ไล่ทุบตีกริสน์เป็นชุด “คนเลว นายมันไม่ใช่คน จิตใจนายทำด้วยอะไร ทำได้แม้แต่เด็กตัวเล็กๆ ไอ้ชั่ว ไอ้บ้า โรคจิต สารเลว”
“เฮ้ย อะไรเนี่ยคุณ หยุดๆๆๆ ฟังผมก่อนๆ โว้ย ฟังก่อนได้มั้ย!! ผมไม่ได้ลักพาตัว จีจ้าตามผมไปเอง..ผมจะเอามาคืนให้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่คุณพูดมาก ไม่ฟังอะไรเลย ผมก็เลยแกล้ง..แต่ผมไม่เอาอีกแล้วเด็กคนนี้ เอาคืนไป”
“โกหก ชั้นจะแจ้งตำรวจจับนายเข้าคุก” พิมมาดาไม่เชื่อ
“นี่คุณ!! ก่อนจะมาด่าผม ด่าการเลี้ยงหลานของคุณเองก่อนเถอะ เลี้ยงประสาอะไร สะเพร่าสุดๆ..ถ้าวันนึงจีจ้าหนีออกจากบ้าน แล้วไปเจอคนที่คิดไม่ดีจริงๆเข้า จะเป็นยังไง”
จีจ้าวิ่งตามออกมาแล้วพูด “จีจ้านั่งมอไซค์ตามลูกพี่กริสน์ไปเองจริงๆ น้าพิมอย่าว่าลูกพี่กริสน์เลยนะ แล้วเดี๋ยวพี่เต๋าเอาค่ามอไซค์ไปจ่ายพี่ตุ้ย วินเบอร์8 50บาทด้วยนะคะ”
พิมมาดาอึ้ง
“ซึ้งยังล่ะทีนี้” กริสน์พูดแล้วจะเดินหนีไป แต่บอดี้การ์ดของสุขสันต์ขวางอยู่ พวกบอดี้การ์ดตรงเข้าล็อกตัวแล้วหิ้วปีกกริสน์ทันที
“เฮ้ยๆๆ อะไรเนี่ย”
โจ๊ก แจ๊ส เค้ก เต๋า และเต้ยตามออกมาดู
“คุณพิมจะให้ผมจัดการให้ยังไงดีครับ..จับส่งตำรวจดีมั้ยครับ ผมสามารถเรียกตำรวจมาจับมันได้เดี๋ยวนี้เลย” ฉัตรชัยถาม
“อย่าทำอะไรลูกพี่กริสน์นะ ปล่อยๆ” จีจ้ากำหมัดแล้วตั้งท่า “ปล่อยพี่กริสน์เดี๋ยวนี้ ไม่งั้นอย่าหาว่าไม่เตือน” จีจ้าวิ่งเข้าไปตีฉัตรชัย “คนเลว นิสัยไม่ดี ปล่อยๆๆ”
“ไม่เอาน่าจีจ้า...หยุด...มาอยู่กับอา” เค้กปรามแล้วดึงจีจ้าออกมาจากฉัตรชัย
“ว่ายังไงครับคุณพิม” สุขสันต์ถามซ้ำ
“พิม...ชั้นว่า...อย่าไปเอาเรื่องเขาเลยนะ...นะๆ” เค้กบอก
“ปล่อยเค้าไปเถอะค่ะ” พิมมาดาบอก สุขสันต์ให้สัญญาณ พวกบอดี้การ์ดจึงปล่อยตัวกริสน์ เค้กทำท่าโล่งอก
“เราเข้าร้านกันเถอะค่ะ” พิมมาดาบอก
“ใช่ๆ เด็กๆ เข้าร้านกันดีกว่านะ” เค้ก เต๋าและเต้ยประสานเสียง
“เชิญครับ” สุขสันต์ผายมือบอก
กริสน์นั่งอยู่กับพื้นมองไปที่พิมมาดากับสุขสันต์ แต่แล้วก็ไปสะดุดตากับแหวนเพชรเม็ดเป้งที่สวมอยู่ในนิ้วมือของสุขสันต์
ภาพแหวนของนายทุนคู่ค้าในวันที่เจรจากับอธิป ผุดขึ้นมาในความคิด กริสน์จำได้ นึกออกทันที
“เฮ้ย”
สุขสันต์ และพิมมาดาชะงัก หันกลับมามองเป็นเชิงถามว่ามีอะไร เรียกทำไม
“เอ่อ คือ..เปล่า..ไม่มีอะไร๊”

เวลานั้นภัทรดนัยอยู่ในชุดสูท ดูดีผิดปกติ กำลังกดสเลอปี้อยู่ จู่ๆ กริสน์ซึ่งใส่เสื้อมีฮู้ดปิดบังอำพรางตัวเอง เดินเข้ามาจากด้านหลัง จับตัวภัทรดนัยเขย่าอย่างดีอกดีใจ
“ชั้นเจอแล้วๆๆๆๆๆๆ”
ภัทรดนัยเจอเขย่าๆๆๆๆๆ
“โว้ย สเลอปี้กระฉอกหมดแล้ว อะไรของแก เจออะไร”
“แกจำได้มั้ย ที่ชั้นบอกว่าชั้นไม่เห็นหน้านายทุนใหญ่ที่เจรจาธุรกิจผิดกฎหมายกับเสี่ยอธิป แต่ชั้น
เห็นว่ามัน” กริสน์ชูมือขึ้นมา “สวมแหวนเพชรเม็ดเป้งที่” ค่อยๆ หดนิ้วอื่นๆ ลงจนเหลือแค่นิ้วชี้ “นิ้ว..ชี้มือขวา”
ภัทรดนัยรู้สึกโล่งอกเอ่ยออกมา “ดีนะที่เป็นนิ้วชี้”
“แล้วชั้นก็เจอแล้วเว้ย” กริสน์บอก
“เจอแหวน” ภัทรดนัยเดา
“เจอคนดิวะ”
“จริงเหรอวะ มันคือใคร”
“มัน” กริสน์ชี้ไปที่แผงหนังสือพิมพ์ในร้าน
ภัทรดนัยมองตามไป เห็นเป็นสุขสันต์ก็ตาโต ตกใจ แล้วอยู่ๆ ก็หันมาตบกบาลกริสน์ ดังเพี๊ยะ
“เฮ้ย แกตบชั้นทำไมวะ” กริสน์งงๆ
“ไอ้ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง คุณสุขสันต์เค้าเป็นคนดี เป็นนักการเมืองน้ำดี ทำเพื่อประชาชน เพื่อเด็กๆ และ
เยาวชนของชาติ ไปกล่าวหาเค้าทำไม”
“ชั้นพูดจริงๆ”
“ชั้นไม่เล่นด้วยนะ”

“ชั้นขอบใจแกมากที่ไม่เคยทิ้งกัน เราสองคนจะช่วยกันสืบให้รู้ให้ได้ว่าส.ส.สุขสันต์และพวกอธิปอยู่
เบื้องหลังธุรกิจผิดกฎหมายอะไร..งานนี้ถ้าทำสำเร็จ เราสองคนจะล้างมลทิน ข้อกล่าวหาทั้งหมด ชั้นจะได้กลับมายืนอยู่ในสังคมนี้ได้อย่างเปิดเผยอีกครั้ง” กริสน์พูดชวนซึ้ง
“ชั้นบอกว่าชั้นไม่เล่นด้วย เข้าใจมั้ย ไม่ๆๆๆ”
ภัทรดนัยพูดย้ำ บอกให้รู้ว่ายังไงก็ไม่เล่นด้วย แต่กริสน์ไม่สนเอาแต่กอดภัทรดนัยอยู่อย่างนั้น
“ขอบใจแกมากไอ้เพื่อนรัก”

ภัทรดนัยทำหน้าเอือมระอาอย่างเต็มกลืน
 
อ่านต่อตอนที่ 3



กำลังโหลดความคิดเห็น