มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 3
บ่ายคล้อยวันนั้นพอเลิกเรียนกลับมาถึงบ้าน โอปอรีบก้าวลงจากรถวิ่งไปหาอธิปที่มายืนรอรับอยู่ที่หน้าคฤหาสน์ โดยมีเดชขับรถและเปิดประตูให้
“สวัสดีค่ะ ป่าป๊า” สาวน้อยพนมมือไหว้อย่างสวยงาม
อธิปกอดโอปอแนบแน่น
“โอปอ...อีก2วัน ป่าป๊าจะให้ย้ายโรงเรียนแล้วนะครับ จะได้ใกล้บ้านรถไม่ติด แล้วเย็นนี้ป่าป๊าสั่งไก่
ทอดกับพิซซ่าไว้ด้วยนะ”
“โอ้โห ป่าป๊าสุดยอดเลยค่ะ” โอปอดี๊ด๊าสุดๆ
“กระเป๋าเรียนครับคุณหนู วันนี้มีการบ้านด้วยนะครับ หนังสือภาษาไทยเรื่องคำเป็นคำตาย เดชคั่น
ให้แล้วด้วยมาร์คสีเขียว..วิชาสปช. เรื่องชนิดและโทษของยาเสพติด คั่นด้วยมาร์คสีส้ม” เดชผู้รอบรู้สั่ง
“เยอะไปไอ้เดช” อธิปหันไปบอก
“แต่เดชยัง..” เดชเห็นอธิปจ้องดุๆก็เลยต้องหยุด “ครับๆ”
ระหว่างนั้น จู่ๆ มีขบวนรถแล่นสวนเข้ามา
“รถใคร” อธิปอุ้มโอปอขึ้นมา
ขบวนรถแล่นมาจอดเทียบหน้าคฤหาสถ์ บอดี้การ์ดกรูลงมายืนเรียงแถวสลอน
ฉัตรชัยกุลีกุจอเปิดประตูให้ สุขสันต์ก้าวลงมา
“ผมขอคุยธุรกิจของเราหน่อยได้มั้ยครับเสี่ยอธิป”
อธิปหน้างงๆ ในขณะที่อุ้มโอปออยู่
เครื่องจักในโรงงานผลิตลูกอมแห่งนั้น เดินเครื่องทำงานเต็มกำลัง มองเห็นภาพสายพานการผลิตเคลื่อนตัว เผยให้ทุกขั้นตอนการผลิตลูกอม ตั้งแต่ยังเป็นลูกอมสีขาวๆธรรมดา ไหลเลื่อนไปตามสายพานการผลิต ผ่านการชุบสี เคลือบเงา จนกลายเป็นลูกอมสีสันสดใส จบด้วยการบรรจุใส่ห่อ ติดโลโก้ขนมว่า “สวีทโอปอ”
จตุพลและน้อมพงษ์มาด้อมๆ มองๆ จังหวะหนึ่งน้อมพงษ์แอบจิ๊กลูกอมมาด้วยเม็ดหนึ่ง
“ให้เก็บอากู๋ก็พลาด ให้เก็บไอ้กรดก็พลาดอีก...น้อมพงษ์! มีอะไรแก้ตัวก็ว่ามา”
จตุพลแกะลูกอมใส่ปาก แล้วถุยออกมา แหวะ! ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“เอางี้...ครั้งต่อไปผมจะลงไปคุมด้วยตัวเองเลยดีมั้ยครับ จะได้รับประกันความผิดพลาด”
ระหว่างนั้นลูกน้องจตุพลคนหนึ่งวิ่งเข้ามารายงาน
“คุณจตุพลครับ เสี่ยอธิปมากับสส.สุขสันต์ครับ”
“จริงเหรอวะ ไหนว่า..จะเลิกๆๆ ธุรกิจเดิมๆ ไงล่ะ หรือมันโกหกเรา”
จตุพลกับน้อมพงษ์รีบเดินไป หยุดแอบมองและฟังอยู่อีกด้านหนึ่งไม่ไกลกันนัก
เวลานั้นอธิปกับสุขสันต์เดินคุยกันอยู่
“ผมเคยบอกแต่แรกแล้วว่าถ้าลูกผมโตเมื่อไหร่ ผมจะเลิกทุกอย่าง” อธิปเอ่ยขึ้น
“เลิกทุกอย่างเหรอ ทำไม ผมไม่เข้าใจ”
“แปลได้ว่า..คุณหนูโอปอเป็นดั่งแก้วตาดวงใจ อะไรในโลกนี้ก็เปรียบไม่ได้ ยอมเสียทุกอย่างในชีวิต
ดีกว่าเสียลูกคนนี้ครับ” เดชพูดแทรก อธิบายแทน
“แค่ลูกสาวของเสี่ยโตขึ้น มันไม่น่าถึงกับต้องเลิกทำธุรกิจของเราเลยนะเสี่ย..เราเริ่มโปรเจ็คท์นี้มา
ด้วยกัน ตั้งแต่เริ่มแรก เสี่ยไม่เสียดายบ้างเหรอ โอกาส เงินทอง แล้วก็มิตรภาพของเรา..ผมเสียดายนะเสี่ย”
“คุณอย่าบังคับใจผมเลย” อธิปบอก
“แปลว่า คุณอย่าพล่ามให้เปลืองน้ำลายเลยครับ เสี่ยล้างมือแล้วจริงๆ” เดชแปลไทยเป็นไทยอีก
“ถ้าเสี่ยไม่ทำ แล้วท่านจะทำยังไงล่ะ..เสี่ยก็รู้ว่าท่านไม่ใช่คนที่จะไว้ใจใครได้ง่ายๆ ซะด้วย” คราวนี้
ฉัตรชัยพูดแทรกขึ้นบ้าง
“คุณสุขสันต์มีพร้อมทุกอย่างอยู่แล้ว ทั้งเงินทอง บริวาร บารมี ถ้าไม่ไว้ใจใคร คุณก็ทำเองได้” อธิปบอก
“ผมไม่อยากทำคนเดียว ผมต้องการทำธุรกิจกับเสี่ย”
“คุณต้องการให้ผมเป็นเนื้อล่อหมาให้มากกว่า” อธิปพูดดักคอ
สุขสันต์อึ้ง ชะงัก ตัดบท
“แปลว่า คุณส.ส.อยากใช้เสี่ยคอยรับผิดแทน ถ้าโดนจับได้ไงครับ” เดชแปลไทยให้อีก
“เอาเป็นว่า..ผมจะแบ่งผลประโยชน์ส่วนของผมให้เสี่ยอีกสิบเปอร์เซ็นต์ ดีมั้ย ยังไม่ต้องตอบ ผมให้
เวลาเสี่ยคิดอีกที หึหึหึ เสี่ยรู้ใช่มั้ย ว่าคนที่รู้เบื้องหลังเบื้องลึกของผมมากๆ แล้วไม่ทำงานให้ผม มันก็จะไม่มีวันไปทำงานให้ใครอื่นได้อีก..แล้วเสี่ยคิดว่าจะมีชีวิตปกติเหรอ ฮ่าๆ เป็นไปไม่ได้หรอกเสี่ย” สุขสันต์บอกเป็นเชิงขู่
“ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้” อธิปตอกกลับ
“โอ้โห...คมมาก แปลว่า ห้ามพูดว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะอะไรๆ ก็เป็นไปได้ทั้งนั้นในโลกนี้” เดชว่า
จตุพลกับน้อมพงษ์แอบมองอยู่ จตุพลตาวาว คิดออกว่าจะทำอะไร
สุขสันต์เดินหงุดหงิดออกมาที่รถ ฉัตรชัยตามมาติด จู่ๆ จตุพลกับน้อมพงษ์ก็วิ่งตามหลังมา
“คุณสุขสันต์ครับ..นี่คือคุณจตุพล หลานชายเสี่ยอธิปครับ ส่วนผม..น้อมพงษ์ เป็นผู้จัดการโรงงาน
นี้”
“คุณจตุพล คุณน้อมพงษ์ มีอะไร” ฉัตรชัยขวางไว้ ถามแทนสุขสันต์
“คือ ท่านครับ..ถ้าอากู๋ไม่อยากทำธุรกิจกับท่าน ผมขอทำเองครับ” จตุพลอาสา
“ท่านสุขสันต์จะทำธุรกิจกับคนที่สนิทสนมและไว้ใจได้เท่านั้นครับ” ฉัตรชัยรีบบอก
“ผมนี่แหละครับไว้ใจได้..ท่านรู้สึกยังไงกับอากู๋ ขอให้รู้ว่าผมรู้สึกมากกว่าท่านร้อยเท่า และใน
อนาคตอันใกล้นี้ ทรัพย์สมบัติทุกอย่างของอากู๋ จะต้องเป็นของผม ไม่ว่าอากู๋จะยกให้หรือไม่ยกให้ก็ตาม..ถึงตอนนั้นแล้วท่านก็ต้องคุยกับผมอยู่ดี” จตุพลคุยโอ่
“ผมเสียดายคุณอธิปมาก..ไม่อยากให้เค้าด่วนจากเราไปเร็วกว่าวัยอันควร แต่..เค้าเป็นคนเลือกเอง
..ผมไม่อาจยับยั้งได้เลย คุณจตุพล..เข้าใจความหมายของผมไหม ถ้าเข้าใจ เราก็อาจจะมีอนาคตร่วมกัน”
สุขสันต์ส่งซิกบางอย่างผ่านคำพูดเมื่อครู่นี้
“ผมเข้าใจ..ท่านอยากให้ผมพิสูจน์อะไรมั้ยล่ะครับ บอกมาได้เลย”
จตุพลพูดด้วยแววตาแข็งกร้าว จริงจัง สุขสันต์มองอย่างพึงพอใจ
เช้าวันต่อมา พิมมาดากำลังจัดช่อดอกไม้แบบช่อกลม เป็นกุหลาบสดใสหลายสี เหลือง ชมพู ส้ม ฟุกเซีย
ส่วนเต๋า และเต้ย กำลังรวบรวมดอกไม้สีเดียวกันหมด มาวางเรียงหลายๆ มัด มาเตรียมรอลูกค้าแบบขายส่ง
ครู่ต่อมาบรรดา ลูกค้าที่มาเลือกซื้อดอกไม้ ทยอยเดินเข้ามา เต๋า กับเต้ยเข้าไปต้อนรับ ลูกค้าเลือกดูดอกไม้พวกนั้น ก่อนจะช่วยกันขนออกไปใส่รถ
เสียงโทรศัพท์ในร้านดังขึ้น พิมมาดามองไป เห็นทุกคนยุ่งๆ เลยวางมือ มารับเอง
“ร้านดอกไม้พิมโรสค่ะ”
สักพัก สีหน้าพิมมาดาเปลี่ยนไป แก้มแดง ดวงตาวิบวับแวววาว
“คุณสุขสันต์ สวัสดีค่ะ อะไรนะคะ” พิมมาดาทำตาโต “เย็นๆ คุณสุขสันต์อยากจะขออนุญาตมา
ดื่มน้ำชาที่บ้านพิม...”
เต้ย กับเต๋าได้ยินหันมามองพิมมาดา แล้วหันกลับมามองหน้ากันขวับ ร้องขึ้นมาพร้อมกัน
“โดน..โดนแล้วแหละ”
พิมมาดาเดินนำเด็ก 3 คน เข้ามาในครัว รินนมให้คนละแก้ว แล้วรินให้ป๊อปคอร์นในชามของมันอยู่ข้างๆ
“ทุกคน ต้องดื่มนมให้หมด ห้ามใครเหลือ จะได้ตัวสูงๆ กระดูกและฟันแข็งแรง เอ้า ดื่มได้”
เด็กๆ ยืนเรียงดื่มนมกัน ป๊อปคอร์นก็กินนมในชามไปด้วย
พิมมาดาเดินไปมาควบคุมอยู่สักพัก แล้วกระแอมขึ้น “ต่อไปนี้..น้าขอตั้งกฎเหล็ก ว่า ตั้งแต่บัดนี้
เป็นต้นไป ไม่ว่าใครจะทำอะไรก็ตาม ต้องขออนุญาตน้าก่อนเสมอ”
โจ๊ก แจ็ส และจีจ้ามองหน้ากัน แล้วพูดตามแบบประชดๆ
“ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าใครจะทำอะไรก็ตาม ต้องขออนุญาตน้าก่อนเสมอ”
พิมมาดาฉุนนิดๆ แต่พยายามทำใจเย็น
“ถูก! อะไรที่น้าห้าม ก็คือห้าม อะไรไม่อนุญาต ก็คือไม่อนุญาต”
“อะไรที่น้าห้าม ก็คือห้าม อะไรไม่อนุญาต ก็คือไม่อนุญาต” 3 คนประสานเสียง
“หยุดล้อเลียนน้าได้แล้ว แล้วตกลงที่พูดมานี่..เข้าใจไหม”
ทุกคนเงียบ
พิมมาดาโมโห พยายามอดทนมากถึงมากที่สุด “น้าถามว่า..เข้าใจไหม”
“เข้าใจค้าบบ / ค่า” 3 คนประสานเสียงออกมาอีก ในขณะที่ป๊อปคอร์นผงกหัวเข้าใจด้วย
“เดี๋ยวคุณสุขสันต์จะมาบ้านเรา เด็กๆ ต้องทำตัวดีๆ โดยเฉพาะจีจ้า ควรจะหาโอกาสขอบคุณคุณ
สุขสันต์ เพราะเมื่อวาน ท่านอุตส่าห์มีน้ำใจห่วงใย จะช่วยเหลือเป็นธุระเรื่องตามตัวจีจ้าอย่างน่าประทับใจที่สุด”
“ประทับใจใครเหรอคะ?” จีจ้างงๆ
“คุณ...สุขสันต์” โจ๊กพูดประชดเบาๆ
“อะไรนะ” พิมมาดาถาม
“เปล่าค่ะ..”
“ถ้าอย่างนั้น ดื่มนมเสร็จ ก็ขึ้นไปเตรียมตัวอาบน้ำ แต่งชุดที่สะอาดเรียบร้อย ก่อนที่ท่านจะมา ได้
ยินที่น้าสั่งมั้ย”
“ด้าย...ยิน...ค่า.../คร๊าบบบ” เด็ก 3 คนพูดเสียงยานคางรับคำ
ป๊อปคอร์นเห่าตามแบบจำใจๆ
สุขสันต์มาตามนัดในตอนเย็นวันนั้น และกำลังยืนดูรูปหมู่เด็กๆ ที่มุมหนึ่งของห้องรับแขก
“น่ารักมากครับ..ที่จริงหลานๆ คุณพิมมาดาเป็นเด็กที่น่ารักมาก..เสียดายที่..” สุขสันต์หยุดไป
“ที่..อะไรคะ” พิมมาดาถามอย่างลุ้นรอฟังต่อ
สุขสันต์หันมายิ้มหล่อโปรยเสน่ห์ “ไม่มีอะไรครับ”
เต๋ากับเต้ยพาเด็ก 3 คน ที่แต่งตัวเรียบร้อยเว่อร์ประชดพิมมาดาเข้ามา
โจ๊กติดกระดุมถึงคอ ผูกหูกระต่าย ดึงกางเกงเอวสูงแบบตลกสายัณห์ ดอกสะเดาผู้ลาลับ แถมหวีผมเรียบแปร้แสกกลาง แจ๊ส กับจีจ้า ใส่เสื้อแขนพองยาว คอปิดมิด กระโปรงยาวคลุมเข่า ทำผมรวบตึง
ป๊อปคอร์นมายืนเรียงแถว ที่คอก็ผูกเนคไทกะเค้าด้วย
“มาแล้วค่า..เด็กๆ ที่แสนน่ารักของเรา” เต๋าร้องขึ้น
เด็กๆ รีบมายืนตรงเรียงรายอยู่ต่อหน้าสุขสันต์
สุขสันต์งง
“พวกเด็กๆ ยากจะขอบคุณคุณสุขสันต์น่ะคะ” พิมมาดายิ้มระรื่น
แจ๊สหันไปมองทุกคน แล้วให้สัญญาณยกแขนขึ้นยื่นไปข้างหน้า ทุกคนยกแขนตาม ชูมือขึ้นมาพร้อมกับออกแนวอัสนี-วสันต์ พิมมาดาผงะ
“อะไรน่ะ...”
“เอ้า..สาม..สี่” แจ๊สนับ
เด็กๆ พร้อมใจกันเต้นทำท่า และร้องแบบหน้าตายๆ ไร้ความรู้สึก พิมมาดาสุดจะทนรีบบอกให้
หยุด
“พอแล้วจ้า พอๆๆๆ” รีบเข้ามาจับตัวเด็กๆ ให้หยุด แล้วหันมาหัวเราะกลบเกลื่อนกับสุขสันต์ “พวกเด็กๆ ตลกกันน่ะค่ะ..อยากให้คุณหัวเราะไงคะ ขำมั้ยคะ ตลกเนอะ” หันไปพยักเพยิด
กับเต้ย
“ว้าว..เริดที่สุด...เกร๋มากมาย...” ตบมือเกรียว “คราวหน้าพี่จะพาน้องๆ ไปเชียร์มิวสิคเอเอฟ4
ด้วยกันนะค้า” แม่ยกเอเอฟออกนอกหน้าจนได้
สุขสันต์หัวเราะตาม “อ้อ หรือครับ” ตบมือแปะๆๆ “ดีมาก สร้างสรรค์มากนะ ทุกคน ครีเอทิฟจริงๆ
ฉลาด น่ารักเหลือเกิน หลานๆ ของคุณพิมก็เหมือนหลานๆ ผม..ผมรักเด็กครับ”
พิมมาดายิ้มรับคำชม แต่แอบหันมาถลึงตากัดฟันใส่เด็กๆ พูดลอดไรฟัน “ดีมาก ทุกคน ไปได้แล้ว”
พวกเด็กๆ เดินออกแล้วแอบหันมาขยิบตาให้กัน
พิมมาดาหันมายิ้มแห้งๆ ให้สุขสันต์แบบพยายามกลบเกลื่อน
“แหะๆๆ”
ในที่ลับตาคนเวลานั้น กริสน์แต่งตัวแบบพรางตัวเต็มยศ ทั้งใส่หมวก สวมแว่น และกำลังพยายามคิดหาทางแก้ปัญหาชีวิต ในขณะที่ภัทรดนัยกำลังนั่งแช็ทผ่านกล้องกับสาวๆ ในรถที่จอดอยู่มุมเปลี่ยวๆ แห่งหนึ่ง
“เออ” ภัทรดนัยเก็กหน้าหล่อให้กล้องคอมพ์ฯพูดกับสาวๆ “น่ารักจัง เย็นนี้ว่างไปดินเนอร์กับพี่มั้ย
จ๊ะ” ภัทรดนัยหยอดหวานทันควัน
“แกเลิกแชทกับสาวๆ แล้วช่วยจริงจังกับชั้นหน่อยสิวะ..ไอ้ภัทรดนัย แกต้องช่วยชั้นคิดหาทางเข้าไป
ให้ถึงตัวนายสุขสันต์”
“ชั้นก็ช่วยอยู่”
“ช่วยอะไรของแกวะ เลิกแชทได้แล้ว” เห็นภัทรดนัยไม่ยอมเลิก กริสน์โน้มหน้ามาจุ๊บภัทรดนัยต่อ
หน้าสาวๆ เหล่านั้น “เรารักกัน เก้งต้องคู่เก้ง ชะนีเข้าป่าไป บาย”
บรรดาสาวๆ คู่แช็ทในคอมพ์ หน้าตางงๆ กริสน์ปิดหน้าจอของภัทรดนัยทันที
“เฮ้ย แกทำงี้ ชั้นเสียอิมเมจหมด..ชั้นบอกว่าช่วยอยู่ก็ช่วยอยู่ดิวะ” ภัทรดนัยโวยใส่
“บ้าเอ้ย...ที่จะนอนยังไม่มีเลย แต่งตัวก็ต้องปิดๆ บังๆ จะคุยกันยังต้องมาคุยที่ห่างไกลประชาชี แก
คิดว่าชั้นจะอยู่งี้ได้อีกนานเหรอ?” กริสน์โวยเสียงดังกว่า
ทันใดนั้น ก็มีเสียงปิ๊งป่องจากจอคอมพ์ฯดัง ว่ามีจดหมายใหม่เข้า ภัทรดนัยรีบกดเปิดอีเมล์ทันที แล้วก็เห็นเป็นภาพคลิปวิดีโอ
“นี่ไงๆๆ เห็นยังล่ะ นี่ๆๆ แกสงสัยท่านสุขสันต์ว่าเป็นบุรุษลึกลับ ที่ไปเจรจาธุรกิจกับเสี่ยอธิปที่
โรงแรมในวันเกิดลูกสาวเสี่ยแล้วหนีไป แสดงว่าวันนั้นท่านสุขสันต์ต้องไปที่โรงแรมถูกมั้ย ชั้นก็ให้ลูกน้อง ไปติดต่อขอภาพกล้องวงจรปิดจากโรงแรมนั้นมาดูแล้วไง”
“เออ!! ถ้านายสุขสันต์ไปที่นั่น จะต้องมีภาพในกล้อง...แกฉลาดว่ะ เปิดดูเร็วๆ” กริสน์เร่งเร้า
ภัทรดนัยกดเปิดดูภาพในคลิป ซึ่งเป็นภาพที่หน้าห้องสูท เห็นกริสน์ถือช่อดอกไม้เข้าไป แล้วเดินออกมา กริสน์กระวนกระวาย แล้วกริสน์โดนผลักล้มไป พวกบอดี้การ์ดกันชายคนนึงรีบเดินออกมา โดยมีอธิปเดินมาด้วย
ภัทรดนัยฟรีซภาพในจอค้างเอาไว้ แล้วซูมเข้าไปที่หน้าชายที่ถูกบอดี้การ์ดห้อมล้อม พบว่าเป็นสุขสันต์
“ท่านสุขสันต์จริงๆ ด้วยว่ะ”
“ทีนี้แกเชื่อชั้นแล้วใช่มั้ย...เราต้องเข้าถึงตัวนายสุขสันต์ แล้วหาหลักฐานมามัดตัวให้ดิ้นไม่หลุด” กริ
สน์มีน้ำเสียงมุ่งมั่นมากๆ
“เข้าถึงตัวสุขสันต์ๆๆ อืม...หรือแกจะปลอมไปฝังตัวเป็นสมุนมันซักปีสองปี” ภัทรดนัยแนะนำ
กริสน์พนมมือไหว้ “พี่ครับ ช่วยนึกแผนอื่นเหอะ แผนเก่าๆ ผมเบื่อแระ”
“ไม่เป็นไร ไอ้น้อง..แล้วแกล่ะ ไม่มีแผนอื่นดีๆมั่งรึ
กริสน์พยายามนึก แต่นึกไม่ออก
เต๋ากับเต้ยช่วยกันยกชาและของว่างมาเสิร์ฟ
“ชากับบราวนี่แสนอร่อยมาแล้วค่ะ เชิญนั่งค่ะท่านสุขสันต์ เดี๋ยวเต้ยป้อน” ลงนั่งร่วมโต๊ะหน้าเฉย
“นังเต้ย..ออกนอกหน้าไปแระ จะทำอะไรช่วยรักษาเกียรติพวกเราบ้าง..หลบไป” เต๋าเข้ามานั่งแทน
เต๋านวดให้นะคะท่าน”
“เต๋า...เต้ย...”
พิมมาดาเรียก เต๋ากับเต้ยรีบลุกถอยออกไป
“ไม่ทราบว่า...คุณสุขสันต์...อยากจะมารับชาที่นี่ เพราะ...อยากจะคุยธุระอะไรกับพิมหรือเปล่าคะ”
พิมมาดารวบรวมความกล้าถามขึ้น
“แหม คุณพิมพูดยังกับว่าผมเป็นนักธุรกิจ วันๆ มีแต่เรื่องธุระ เรื่องการงาน ผมก็แค่คนธรรมดา
แหละครับ ที่ไหนที่ผมไปแล้วมีความสุข ผมก็ไป ขอบคุณนะครับ...คุณพิมมาดา...ที่ทำให้ผมมีความสุข”
เต๋า กับเต้ย ตีมือกันดังเพี๊ยะ ดีใจที่เจ้านายจะได้ลงจากคานทอง พิมมาดาเขิน
“เอ่อ ดื่มชาเถอะค่ะ”
สุขสันต์สบตาหวานเยิ้ม พิมมาดายังออกอาการเขินอยู่ แต่แล้วจู่ๆ จีจ้าก็วิ่งเข้ามาขัดจังหวะ
“น้าพิมๆๆ จีจ้าขออนุญาตเปิดแอร์นะคะ”
“จ้ะ”
โจ๊กวิ่งมาด้วย “น้าพิมจ๋า โจ๊กขออนุญาตเปิดทีวีดูนะ”
แจ๊สวิ่งมาสมทบ “น้าพิม แจ๊สขออนุญาตเล่นอินเตอร์เนทนะ”
“จ้ะๆๆ” พิมมาดาบอกหลานๆ
จีจ้าวิ่งกลับมาอีก “น้าพิม จีจ้าขออนุญาตปรับแอร์ให้เย็นๆ สุดๆๆ เลยนะคะ”
โจ๊กวิ่งเข้ามาด้วย “โจ๊กขออนุญาตเปลี่ยนช่องทีวีด้วยนะ..อนุญาตมั้ยครับๆ”
และแจ๊สวิ่งเข้ามาอีกรอบ “แจ๊สขออนุญาตเข้าเว็บไซต์ยูทูปเซิร์ชหาคลิปมนุษย์ต่างดาวนะคะ”
พวกเด็กๆ รุมเร้าพิมมาดา ป๊อปคอร์นเข้ามาโดดเห่าด้วย
“แจ๊ส โจ๊ก จีจ้า เบาๆ หน่อย เกรงใจคุณสุขสันต์บ้าง” พิมมาดาเอ็ดหลานจอมแสบ
“ก็น้าพิมบอกว่าจะทำอะไร ให้ขออนุญาตก่อนทุกครั้งไม่ใช่เหรอครับ..โจ๊กก็มาขออนุญาตไงครับ..
อนุญาตมั้ยครับๆ” โจ๊กประชด
“แจ๊สขออนุญาตหายใจเข้านะคะ..ขออนุญาตหายใจออกนะคะ...” แจ๊สบอก
“จีจ้าขออนุญาตเดินนะคะ ขอเดินนะคะๆๆๆๆ” จีจ้าว่า
จีจ้ากระโดดโลดเต้นอยู่ข้างๆ สุขสันต์ ส่งเสียงร้องแสบแก้วหู สุขสันต์รำคาญ จึงวาดเท้าออกไปขวางจีจ้า จนจีจ้าสะดุด ถลาล้มไปกับพื้น แต่จีจ้าม้วนหน้ารอบหนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นมายืนได้ แล้วหันมาชี้หน้าสุขสันต์
“ขัดขาจีจ้าทำไม” จีจ้าถามอย่างเอาเรื่อง
“หือ” สุขสันต์ทำหน้างง
“จีจ้า..เธอกระโดดโลดเต้นจนสะดุดขาตัวเองไม่ใช่เหรอจ๊ะ จะไปโทษคุณสุขสันต์ได้ยังไง” พิมมาดาหันมาดุจีจ้า
“จีจ้าไม่ได้โกหก” ป๊อปคอร์เห่าสนับสนุนจีจ้าสุดๆ “ป๊อปคอร์นเป็นพยานได้..เป็นผู้ใหญ่อะไรแกล้ง
เด็ก” จีจ้าร้องลั่น
“จีจ้าไม่เคยโกหก..คุณคนนี้ต้องแกล้งจีจ้าจริงๆ” โจ๊กยืนยัน
“คนไม่ดี” แจ๊สว่า
“คนหน้าไหว้หลังหลอก” โจ๊กย้ำอีก
“นี่ พวกเธออยู่ๆ มาว่าผู้ใหญ่ได้ยังไง เป็นเด็กไม่ดีรู้มั้ย! ป๊อปคอร์นหยุดเห่า! ไป กลับขึ้นไปบนห้อง
ให้หมดเดี๋ยวนี้..เต๋า เต้ย มาพาเด็กๆ ไปที”
เต๋า กับเต้ยเข้ามาหาเด็กๆ ดึงตัวจะให้ออกไปให้ได้ พวกเด็กๆ ดิ้น ไม่ยอมไปง่ายๆ จู่ๆป๊อปคอร์นก็วิ่งเข้าไปงับปลายกางเกงของสุขสันต์ จนเสียหลัก
“โอ๊ย”
สุขสันต์ตกใจ ลุกพรวดออกมา พยายามสะบัดเท้า แต่ป๊อปคอร์นงับแน่นมาก ยังไงก็ไม่หลุด จนกระทั่งสุขสันต์สะดุดขาตัวเอง ล้มลงไปกับพื้น ป๊อปคอร์นก็ยังงับอยู่อย่างนั้น
“ป๊อปคอร์น! ปล่อยนะ ป๊อปคอร์น บอกให้ปล่อย” พิมมาดาพูดแทบเป็นตวาด
พวกเด็กๆ เฮลั่นด้วยความสะใจ
“ป๊อปคอร์นสู้ๆๆ” จีจ้าร้องขึ้น
สุขสันต์พยายามจะลุกขึ้น แต่ป๊อปคอร์นกระโดดหลบไปชนโต๊ะ จนถ้วยกาแฟหกราดใส่สุขสันต์
“โอ้ว ร้อนๆๆๆๆ” สุขสันต์ร้องลั่น
“คุณสุขสันต์” พิมมาดาตกใจ
ป๊อปคอร์นถอยกรูดไปรวมก๊วนกับพวกเด็กๆ ที่พากันหัวเราะขำ อย่างสนุกสนาน เต๋า กับเต้ย เห็นท่าไม่ดีรีบพาเด็กๆ ออกไป
สุขสันต์เดินเข้ามาในห้องน้ำ รีบเช็ดเนื้อเช็ดตัว บ่นงึมงออกมาอย่างอารมณ์เสียสุดๆ
“ไอ้เด็กเวร ไอ้หมาบ้า สูทนี่ไม่ใช่ถูกๆ นะเว้ย ซัลวาทอรี่เฟอรากาโมนะเว้ย ถ้าล้างไม่ออก น่าดู”
แต่แล้วสุขสันต์ก็ต้องผงะ เพราะมองไปในกระจกแล้วเห็นแจ๊สยืนจ้องอยู่ด้านหลัง
“ผู้ใหญ่ของบ้านเมืองพูดจาหยาบคายแบบนี้ แล้วเยาวชนจะเป็นเด็กดีได้ยังไงคะ” แจ๊สเหยียดปากพูดประชด
“แล้วจะทำไม” สุขสันต์เสียงแข็ง
“จีจ้าไม่ได้โกหกจริงๆ คุณแกล้งจีจ้าจริงๆด้วย คนไม่ดี” แจ๊สจ้องหน้ากับสุขสันต์
ระหว่างนั้นเต๋ากับเต้ยเดินเข้ามาพอดี
“ท่านสุขสันต์ขา..ให้เต้ยช่วยล้างมั้ยคะ จะได้สะอาดๆ” เต้ยอาสา
“อุ๊ย น้องแจ๊ส คุยอะไรกันอยู่จ้ะ” เต๋าถาม
“น้องแจ๊สเค้ามาขอโทษที่ทำให้ผมเลอะน่ะครับ...” สุขสันต์ทำทีเป็นลูบหัวเอ็นดู “ไม่เป็นไรนะ ชั้นไม่
โกรธหรอก”
แจ๊สปัดมือสุขสันต์ออกทันที ไม่ยอมเป็นมิตรด้วย แล้วเดินออกไป
“อ้าว น้องแจ๊ส…” เต๋าอึ้ง
จังหวะที่สุขสันต์เดินออกจากห้องน้ำมา พิมมาดามายืนรออยู่แล้ว
“ล้างออกมั้ยคะ”
“ก็...” สุขสันต์โชว์ให้ดูว่ายังเหลือคราบ “ช่างมันเถอะครับ..ผมว่าผมขอตัวกลับก่อนดีกว่า”
สุขสันต์ทำเป็นอารมณ์เสียนิดๆ จะรีบออกไป
“คุณสุขสันต์คะ พิมขอโทษ อย่าถือสาพวกแกเลยนะคะ พิมผิดเองที่ควบคุมเด็กๆ ไม่อยู่ เอ่อ...
ตั้งแต่พี่พลอยกับพี่อ้น...คุณพ่อคุณแม่ของเด็กๆ เอ้อ...พี่สาวพี่เขยของพิมน่ะค่ะ..เสียไป เด็กๆ ก็ไม่มีใครอีกแล้ว นอกจากพิม...พิม...พิมขอโทษนะคะ”
“ขอโทษ?..เรื่องอะไรกันครับ”
“ก็..เรื่อง..เรื่องที่..พิมไม่มีความสามารถพอ..ที่จะอบรมพวกแกให้อยู่ในระเบียบ...” พิมมาดา อึกๆ
อักๆ
“ครับผมทราบ..แต่ตอนนี้..ผมว่าผมกลับก่อนจะดีกว่านะครับ”
สุขสันต์เดินออกไปดื้อๆ พิมมาดาถึงกับอึ้ง
ทางด้านกริสน์กำลังใช้สมองทุกซีกครุ่นคิดอย่างหนัก คิดวนไปเวียนมาอยู่อย่างนั้น
“หรือว่า เราจะไปสมัครผู้แทนอยู่พรรคเดียวกะนายสุขสันต์ ไม่ดี เพราะเราคงไม่มีเงินไปซื้อเสียง”
กริสน์ว่าเองเออเอง
“เอ...หรือนายจะไปเกาหลี ทำหน้าซะใหม่ แล้วขอให้หน่วยเหนือส่งไปเป็นตำรวจติดตาม
ผู้แทนราษฎร แต่ก็ไม่ได้อีก เพราะตอนนี้ทางหน่วยเหนือก็นึกว่านายอ่ะ เป็นตำรวจที่ขายตัวให้ไอ้พวกแก๊งอธิปไปแล้ว”
“ตอนนี้ชั้นน่ะ เน่าสนิทแล้ว ตำรวจก็จะจับ ผู้ร้ายก็จะฆ่า ภัทรดนัย แกมันเพื่อนยากของชั้นจริงๆ
ตั้งแต่คบกะแกมา ชั้นเจอแต่เรื่องยุ่งยาก ไม่มีอะไรง่ายๆ สบายอีกต่อไปแล้ว ฮือๆๆๆ” กริสน์ทึ้งหัวตัวเองไปมา จังหวะที่หันไปทางจอคอมพ์ฯ แล้วตาเหลือก “เฮ้ย..ยัยนั่น..ยัยเจ๊โหด” ชี้ที่จอ มือสั่น “ในคลิปวงจรปิดจากโรงแรม..วันนั้น...”
ภัทรดนัยมองตาม
ภาพในจอ เป็นคลิปจากมุมของทีวีวงจรปิด เห็นสุขสันต์ ตอนที่เจอกะพิมมาดาครั้งแรก ที่หยิบโทรศัพท์ให้พูด จนถึงตอนที่พิมมาดายืนเคลิ้มฝันหวาน
“ยัยเจ๊โหด กับนายสุขสันต์ เป็นไปได้ไง”
“จริงด้วย นายสุขสันต์ต้องกำลังจีบยัยนี่ ขนาดมาหาถึงบ้าน มันไม่ธรรมดา”
“แต่นายสุขสันต์ ไม่ได้เป็นแฟนอยู่กับยัยลูกสาวหัวหน้าพรรคของเค้าเองหรอกเหรอ ไฮโซระดับนี้ มี
เหรอ จะมาสนยัยเจ๊โหดของแก” ภัทรดนัยว่า
“ไม่ใช่ยัยเจ๊โหดของชั้นเว้ย..ผู้หญิงบ้า ใครอย่าแตะชัดๆ”
ภัทรดนัยกดรีเพลย์ภาพคลิปนั้นอีกที ทันใดกริสน์สตาร์ทรถขึ้นมาทันที
“จะไปไหน?”
“เออน่า...”
“คิดแผนออกแล้วเหรอ” ภัทรดนัยถาม
“ยัง...เอาน่าไปตายเอาดาบหน้า”
กริสน์รีบบึ่งรถออกไปทันที
สุขสันต์กำลังพูดมือถืออยู่ที่หน้าบ้านพิมมาดา คุยอยู่กับฉัตรชัย
“ฉัตรชัย..ฉันมีนัดกี่โมง..อือ..อีกครึ่งชั่วโมงเหรอ แล้วตอนนี้แกอยู่ที่ไหน ใช่ มาที่รถได้แล้ว เดี๋ยวฉัน
ไปรอแกที่รถ”
พอสุขสันต์กดวางสาย เงยหน้าขึ้นมาแล้วต้องชะงัก เมื่อเห็นโจ๊กยืนก๋าจ้องหน้าเขม็ง
“กลับไปแล้วก็ไม่ต้องมาอีก บ้านนี้ไม่ต้อนรับผู้ใหญ่ใจร้ายที่ชอบเสแสร้งทำเป็นคนดี” โจ๊กว่าแบบไม่เกรงกลัว
“ถ้าชั้นจะมาอีก เธอจะทำไมไอ้ลูกชิวาว่า” สุขสันต์พูดอย่างไม่เหลือเค้าคนแสนดี
“เฮ้ย..ขัดขาจีจ้าแล้วยังมาว่าโจ๊กเป็นหมาอีกเหรอ หนอย โจ๊กจะไปฟ้องน้าพิม จะบอกให้หมดเลย
ว่าคุณเป็นคนชอบรังแกเด็ก” โจ๊กปรี๊ด
“ฮะๆๆ ไปฟ้องเลย คิดว่าน้าเธอจะเชื่อเหรอ...” ว่าพลางสุขสันต์คว้าหมับเข้าที่ต้นแขนของโจ๊กแล้ว
บีบอย่างแรง “ไอ้เด็กเหลือขอ ชั้นไม่ใช่เพื่อนเล่นของแก ถ้าไม่อยากมีปัญหา อย่าซ่าส์กับชั้นดีกว่า ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าชั้นไม่เตือน เข้าใจมั้ย”
“โจ๊กเจ็บ..ปล่อยโว้ย” โจ๊กร้องเสียงดัง
“พูดโว้ยกับผู้ใหญ่แบบนี้ใช้ได้เหรอวะ” สุขสันต์เขกหัวดังโป๊ก “พูดใหม่..ชั้นถามว่าเข้าใจมั้ย”
“เออ” โจ๊กรับคำส่งๆ และพยายามจะแกว่งขาเตะสุขสันต์แต่ไม่โดน
“เออเหรอ” สุขสันต์เขกหัวโจ๊กอีกที “ถามว่าเข้าใจมั้ย ก็ตอบมาว่าเข้าใจหรือไม่เข้าใจ..ว่าไง”
“เข้าใจ” โจ๊กกระชากเสียง
สุขสันต์เขกหัวอีกโป๊ก “พูดเพราะๆ เป็นมั้ย..ครับด้วย”
“ปล่อยได้แล้ว เจ็บ…” โจ๊กโวยวาย
พอดีกับที่เต๋าออกมาตามหาโจ๊ก โดยมีป๊อปคอร์นวิ่งตามมาข้างๆ
“คุณโจ๊กขา อยู่ไหน..เอ๊ะ นั่น…”
สุขสันต์ผละมือออกจากหัวโจ๊กทันที แล้วทำเป็นลูบหัวโจ๊กอย่างเอ็นดู
“ถือว่าชั้นขอโทษแล้วกันนะโจ๊ก ดีกันนะ”
โจ๊กปัดมือสุขสันต์ออก เตะหน้าแข้งสุขสันต์กลับเต็มแรง แล้ววิ่งออกไปทันที สุขสันต์แกล้งหัวเราะขำ ส่ายหัวอย่างเอ็นดู แล้วทำท่ายกมือยกไม้บอกเต๋าเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร
เต๋าตกใจ รีบกลับเข้าไปในบ้าน ส่วนป๊อปคอร์นยืนจ้องสุขสันต์อยู่อย่างไม่วางตา
อ่านต่อหน้า 2
มือปราบพ่อลูกอ่อนตอนที่ 3 (ต่อ)
ไม่นานหลังจากนั้น พิมมาดาก็ตั้งหน้าตั้งตาซดน้ำแดงโฮกๆๆ ตบด้วยขนมเพื่อแก้เครียด โดยมีเค้กคอยปลอบ
“อีกแล้วเหรอ..พวกเธอแกล้งทำตัวเกเร เพื่อไล่ผู้ชายที่จะมาจีบน้าพิมอีกแล้ว มันแปลว่าอะไร พวก
เธอจะไม่ยอมให้น้าเธอได้มีความรัก มีความสุขบ้างเลยเหรอเด็กๆ” เค้กอบรม 3แสบ
“แต่..น้าเค้กคะ.. นายคนนี้เค้าเป็นคนไม่ดีจริงๆนะคะ” จีจ้าบอกอย่างมั่นใจ
“ยังจะมาเรียกเราว่าน้าอีก..พี่ค่ะ พี่...พี่เค้กเห็นว่าคนดีกี่คนเข้ามา พวกเธอก็ป่วนซะเค้าเตลิดหนีไป
หมด...ผู้ชายดีๆ หล่อๆ รวยๆ ไม่ได้หาได้ง่ายๆ นะคะ” เค้กสาธยายต่อ
“พอเถอะ เค้ก ไม่ต้องไปว่าเด็กๆ หรอก ตามสบายเลย พวกเธอ น้าจะยอมขึ้นคาน เพื่อพวกเธอ”
พิมมาดาตบโต๊ะเปรี้ยง “เต๋า! เต้ย! เอาน้ำแดงมาอีก..น้ำแดงเพียวๆ ไม่เอานมข้น เอาน้ำแข็งเยอะๆ ซาลาเปาไส้หมูด้วย เอามา 3 ลูก ชั้นต้องการกิน..กินเพื่อลืมเธอ”
“พิม เธอนี่ก็เว่อร์เกิ๊น..เธออย่าเพิ่งคิดไปเองเลยนะ คุณสุขสันต์ เค้าอาจจะอารมณ์เสียนิดหน่อย แต่
เดี๋ยวพรุ่งนี้เค้าก็โทร.มาหาเธอ” เค้กปลอบใจ
“เฮ้อ..พวกผู้ใหญ่นี่..ดูคนแต่เปลือกนอกจริงๆ นะโจ๊ก ผู้ชายคนนี้มันของปลอมชัดๆ” แจ๊สบอกอีก
“ว้ายๆๆๆ น้องแจ๊สขา เราเป็นเด็กผู้หญิง พูดก้าวร้าวผู้ใหญ่แบบนี้ ไม่ได้นะ” เต้ยสอนแจ๊ส
เต๋ารีบวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา
“โอ๊ยๆๆๆ จะบอกยังไงดี จะพูดยังไงดี”
“มีอะไร เต๋า” พิมมาดาถาม
“คือๆๆๆๆน้องโจ๊กๆกับคุณสุขสันต์..มีเรื่องกันใหญ่แล้วค่ะ”
จังหวะนั้นอยู่ๆ เสียงสัญญาณกันขโมยรถยนต์ก็ดังขึ้นมา พิมมาดามองตามเสียงไปอย่างตกใจ
พิมมาดาและคนอื่นๆ วิ่งตามเสียงออกมาดู จนกระทั่งมาถึงบริเวณที่จอดรถของบ้าน พบว่าสุขสันต์และฉัตรชัยยืนอยู่ข้างๆ รถยนต์ที่ข้างกระจกรถแตกกระจาย
“คุณสุขสันต์..นี่มัน..เกิดอะไรขึ้นคะ…”
ฉัตรชัยทำหน้าสุภาพรายงาน
“ผมเห็นน้องผู้ชายเค้าเดินมาด้อมๆ มองๆ รถอยู่นะครับ พอผมเผลอแป๊บเดียว ก็เป็นยังงี้”
“น้องผู้ชายที่ไหนคะ คุณหมายถึง..น้องโจ๊กเหรอ เป็นไปไม่ได้” เต๋าว่า
“อะไรนะ” พิมมาดาตกใจ
“คือ..น้องโจ๊กแกมาต่อว่าผมนิดหน่อยน่ะครับ ผมพยายามจะพูดดีด้วย แต่แกก็ไม่ฟัง..แต่ก็คงไม่ถึง
ขั้นทุบรถผมหรอกครับ” สุขสันต์ทำทีเป็นไม่ถือโทษโกรธเคือง
“ถึงขั้นทุบรถมันมากเกินไป พิมต้องลงโทษ” พิมมาดาปรี๊ด
จังหวะนั้นเอง ป๊อปคอร์นก็วิ่งมายืนจ้องหน้าสุขสันต์ แล้วแยกเขี้ยวยิงฟัน แฮ่ๆๆๆ
“ป๊อปคอร์น แกเป็นอะไรของแก ป๊อปคอร์น”
เต้ยถามจ้องหน้าป๊อปคอร์นที่มีสีหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิดบางอย่างอยู่
ในความคิดเจ้าป๊อปคอร์นเวลานั้น เห็นภาพเป็นฉากๆ ผุดขึ้นมาซะงั้น ตั้งแต่ตอนที่สุขสันต์ถูกโจ๊ก
เตะหน้าแข้งจนล้มลงไป โจ๊กวิ่งหนีพร้อมกับที่เต๋าหันมาเห็นรีบเดินกลับเข้าไปในบ้าน ส่วนป๊อปคอร์นยืนมองอยู่ เห็นสุขสันต์ลุกขึ้นยืน ปัดเนื้อปัดตัว แล้วหยิบก้อนหินแถวๆ นั้นขึ้นมาถือ หน้าตาร้ายกาจ แล้วป๊อปคอร์นก็ทำตาโต รีบหมอบลง เอาเท้าก่ายหน้าเหมือนไม่อยากมอง จากนั้นก็มีเสียงเพล้งดังขึ้น ตามด้วยเสียงสัญญาณกันขโมยดังตามมา
ป๊อปคอร์นยังคงเห่าอยู่
“หมามีเซ้นซ์ แยกแยะออกว่าใครดีใครชั่ว” แจ๊สโพล่งขึ้นมา
“แสดงว่า ป๊อปคอร์นจะบอกว่าคุณเป็นคนผิด ไม่ใช่พี่โจ๊ก ใช่มั้ย” จีจ้าบอก
“อ้าว ไอ้เด็กนี่ ว่าท่านสุขสันต์เหรอ” ฉัตรชัยสวนขึ้น
สุขสันต์รีบปราม “ฉัตรชัย...”
“หยุดเหลวไหลได้แล้วแจ๊ส จีจ้า..ป๊อปคอร์น..คุณสุขสันต์เค้าเป็นผู้เสียหาย แกยังจะไปเห่าเค้าอีก
ทำไม..เงียบ..บอกให้เงียบ..ป๊อปคอร์น!!”
“คุณพิมขา..เต๋าจัดการเองค่ะ”
ว่าแล้วเต๋าก็เอาถังน้ำสังกะสีมาครอบป๊อปคอร์นลงไปทั้งตัว แล้วนั่งทับไว้
“สงบสติอารมณ์ก่อนนะป๊อปคอร์น เงียบเมื่อไหร่ พี่เต๋าคนดีจะปล่อยให้ออกมานะ”
“คุณพิมครับ จากการที่ผมทำงานด้านเด็กและเยาวชนมามาก ผมขออนุญาต แนะนำอะไรบางอย่าง จะได้ไหมครับ” สุขสันต์เอ่ยขึ้นอย่างเป็นงานเป็นการ
พิมมาดาฟังแล้วใจแป้วหน้าซีดเผือด
ครู่ต่อมาพิมมาดากับสุขสันต์แยกออกมาคุยกัน
“อย่าตกใจนะครับคุณพิม แต่ผมเห็นว่าพฤติกรรมหลานๆ ของคุณพิมอยู่ในช่วงวิกฤตนะครับ”
“วิกฤต?” พิมมาดาเหวอ ตกใจ
“ผมสงสารพวกแกเหลือเกิน ถ้าให้ผมเดา ความตายของพ่อแม่แก ส่งผลกับสภาพจิตใจของเด็กๆ
อย่างมาก...พวกแกมีพฤติกรรมที่แปลกแยกแบบนี้”
พิมมาดาน้ำตาคลอ “แล้ว..แล้ว..ไม่มีทางแก้เลยหรือคะ” ระล่ำระลักถาม
“เรามี” สุขสันต์พูดเข้าทาง “...ก็มีครับ แต่ก็ไม่ง่ายนะครับ งานนี้เราคงต้องใช้บุคลากรระดับมือ
อาชีพ…”
“มืออาชีพ...” พิมมาดาอุทาน
“ผมรู้จักโรงเรียนที่เชี่ยวชาญเรื่องการปรับพฤติกรรมเด็กที่มีปัญหาทางจิตหนักๆ ให้กลับมาอยู่
ในทางที่ถูกที่ควรได้...เพื่อนผมก็เคยส่งลูกไปเรียนที่นี่..แค่ปีเดียวเองครับ...จากที่เคยเป็นเด็กชอบใช้ความรุนแรง..ก็กลายเป็นสุภาพ อ่อนโยน..ฉลาด รู้จักรับผิดชอบ ถ้าคุณพิมสนใจ ผมช่วยเป็นธุระประสานให้ได้นะครับ”
“โรงเรียนอะไร ทำไมวิเศษขนาดนั้นคะ แค่ปีเดียว ก็แก้ไขพฤติกรรมเด็กได้”
“เป็นโรงเรียนประจำที่อินเดียครับ”
“อินเดีย... หมายความว่าพิมต้องส่งหลานๆ ไปอินเดียเหรอคะ”
“ผมรู้ว่ามันยาก แต่คุณพิมก็ต้องยอม...เพื่ออนาคตของหลานๆ คุณนะครับ...แล้วผมจะส่งโปรไฟล์
โรงเรียนมาให้..คุณจะได้ลองไปพิจารณาดู”
พิมมาดาอึ้งยิ่งกว่าเก่า
คล้อยหลังที่ขบวนรถสุขสันต์แล่นออกจากบ้านพิมมาดาไปไม่นาน รถของกริสน์ก็มาจอดแอบๆ อยู่หน้าบ้านพิมมาดา
“น่านไง...ว่าแล้วต้องมาบ้านยัยเจ๊โหด...” ภัทรดนัยว่า
“แล้วแกมีทางอื่นมั้ย...” กริสน์ถาม หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ออกไอเดียแสดงความคิดเห็นอย่างชุลมุน
“อืม...ถ้างั้นเอางี้ 1. นั่งรออยู่อย่างนี้ คอยดูลาดเลา” ภัทรดนัยแนะ
“โอย...เบื่อ”
“2.บุกเข้าไปจับตัว ขู่เอาความจริงมาให้ได้
“โหดไปไหมวะ เราตำรวจนะ”
“3.ให้ทำตามข้อ 4”
“แล้วข้อ 4 ล่ะ”
“ยังคิดไม่ออก”
“เออ ดี... เจริญแน่ๆ ชีวิตชั้น”
กริสน์บ่นอย่างสุดเซ็ง
โจ๊กยืนยันเสียงแข็งว่าไม่ได้เขวี้ยงหินใส่กระจกรถสุขสันต์
“โจ๊กไม่ได้ทำ”
พิมมาดาคาดคั้น อย่างโมโห
“เป็นลูกผู้ชายกล้าทำก็ต้องกล้ารับ โกหกแบบนี้ มันไม่แน่จริง รู้ไว้ด้วย..ถ้าไม่ยอมรับดีๆ น้าจะ
ลงโทษเธอ” หยิบหนังสือพิมพ์มาม้วนๆ “มานี่”
“ถึงขั้นต้องตีเลยเหรอพิม มันโหดร้ายไปนะ ค่อยๆ คุยกันดีกว่า” เค้กตกใจ
“เธออย่ามาทำให้เสียการปกครองเค้ก ชั้นจะสอนหลานชั้น” พิมมาดาพาลเอากับเค้ก
“อย่าตีพี่โจ๊กนะ พี่โจ๊กพูดความจริง จีจ้ายืนยันได้” จ้าจ้าโวย
“น้าพิมจะเชื่อคนอื่นมากกว่าหลานตัวเองเหรอ” แจ๊ส
“จีจ้า แจ๊ส พวกเธอก็มีคดีของตัวเองอยู่นะ..ไม่ว่าเขาจะเป็นคุณสุขสันต์หรือว่าเป็นใครพวกเธอก็ไม่
สามารถรวมหัวกันแกล้งได้..ดี น้าจะลงโทษทั้งสามคนเลย”
พิมมาดาไล่ตีเด็กๆ พวกเด็กๆ วิ่งวุ่นหลบ แต่ก็โดนตีไปตามๆ กัน
“ว้ายๆๆ ชั้นทนดูไม่ได้” เต๋าร้องวี้ดว้าย
“ทำไมล่ะ เธอ สงสารเด็กเหรอ” เต้ยสงสัย
“เปล่า ฉันอยากไปช่วยตี เด็กพวกนี้ จะทำให้คุณพิมขึ้นคานตลอดไป ต้องทำโทษให้หนักๆ”เต้ยว่า
“พิม...พอแล้วๆ...”
“น้าพิมใจร้าย น้าพิมแยกแยะคนดีคนชั่วไม่ออก แล้วจะมาสอนพวกเราได้ยังไง..โจ๊กเกลียดน้าพิม”
“ความรัก ทำให้น้าพิมตาบอด” แจ๊สเอา
“น้าพิมออกไปๆๆๆ” จีจ้ากลายเป็นผู้นำม็อบซะงั้น
พวกเด็กๆ ขับไล่พิมมาดา
“หยุดนะ!!! คิดว่าน้าอยากสอนพวกเธอนักเหรอ!!..น้าเหนื่อย เหนื่อยนะรู้มั้ย”
“ถ้าเหนื่อย ก็เอาพวกเราไปปล่อยวัดเลย” จีจ้าบอก
“ใช่ เราจะไปเป็นเด็กวัด” โจ๊กผสมโรง
“แจ๊สร้อยมาลัยเป็น พวกเราไปขายมาลัยตามสี่แยกกันดีกว่า”
“เอางี้ดีกว่า...น้าจะดัดนิสัยพวกเธอไปโรงเรียนดัดนิสัยที่อินเดีย” พิมมาดาตัดสินใจบอกออกไป
“อินเดีย”
“ห๊า” เต๋าเต้ยและเค้กตกใจร้องขึ้นพร้อมกัน
“คุณสุขสันต์แนะนำน้า มันคงจะเป็นทางที่ดีที่สุด ถ้าพ่อแม่พวกเธอรู้ ก็คงจะเข้าใจในความหวังดี
ของน้า น้าจะส่งพวกเธอไปให้เร็วที่สุด พวกเธอจะได้ไม่ต้องทนอยู่กับน้าคนนี้..คนที่คอยแต่บังคับโน่นบังคับนี่ คอยดุอย่างนั้นคอยดุอย่างนี้ คนที่พวกเธอเกลียดไง พอใจหรือยัง” พิมมาดาใส่อย่างหมดความอดทน
ทุกคนอึ้งที่เห็นพิมมาดาโมโหจนหลุดมากขนาดนี้
“เราไม่ไป” โจ๊กเสียงอ่อยๆ ผิดหวังในตัวน้าสาว
“พวกเธอต้องไป!”
จีจ้า“พวกเราไม่ไป...ไม่ไปๆๆๆๆ”
จีจ้าพูดจบ พวกเด็กๆ วิ่งออกไป โดยป๊อปคอร์นวิ่งตามไป
“เดี๋ยว..” เต๋าเรียกไว้
“ไม่ต้องตาม ชั้นบอกว่าไม่ต้องตาม”
พิมมาดาร้องห้ามไม่ให้ตาม ด้วยความโมโหสุดๆ
ทุกคนยิ้มเฝื่อนๆ เป็นเชิงหารือว่า เอาไงดี
กริสน์กับภัทรดนัยกำลังวางแผนหาทางเข้าไปในบ้านพิมมาดากันอยู่ ภัทรดนัยเสยผมหล่อเฟี้ยว
“ชั้นจะจีบยัยเจ๊โหดเอง..เสน่ห์ของชั้นจะแก้ปัญหาทุกอย่างได้”
กริสน์เขกหัวหนึ่งโป๊ก “จริงจังหน่อยสิ”
“เฮ้ย แกกล้าเขกหัวนายตำรวจระดับผู้บังคับบัญชาเหรอวะ”
“ที่ชั้นต้องถูกตามล่าทั้งจากผู้ร้ายและตำรวจนี่เพราะใคร เพราะแกคนเดียว เป็นหัวหน้าควบคุม
หน่วยลับบ้าบออะไร ปกป้องคุ้มกะลาหัวอะไรสายสืบอย่างชั้นไม่ได้เลย..แล้วยังมีหน้ามาโวยอีกเหรอ”
“ป่าวค้าบพี่ ผมไม่ได้โวยค้าบพี่”
“คิดแผนที่มันจริงจังหน่อยสิเว้ย”
ระหว่างที่กริสน์ไล่เตะ และภัทรดนัยวิ่งหนีกันอยู่นั้น สองคู่หูต้องผงะ เพราะหันเห็นพวกเด็กๆ วิ่งร้องไห้ออกมาจากในบ้านพอดี
“เฮ้ย นั่น ยัยเด็กแสบ..ร้องไห้ทำไมวะ” กริสน์สงสัยแกมงง
จีจ้าหันมาเห็นกริสน์พอดี
“ลูกพี่วิ่งสู้ฟัด”
จีจ้าวิ่งมาถึงก็กระโดดกอดกริสน์ร้องไห้ทันที กริสน์อึ้งๆ งงๆ ทำตัวไม่ถูก เอามือจะลูบหัว แล้วเปลี่ยนมาตบหลังแบบแมนๆ แทน แจ๊สกับโจ๊กยืนมอง หน้าตาครุ่นคิด
กริสน์รู้เรื่องทุกอย่างจากปากของ 3 แสบ อุทานอย่างไม่เชื่อสลับกับภัทรดนัยไปมา
“อินเดีย” กริสน์อุทาน
“อินเดีย” ภัทรดนัยอุทาน
“อินเดีย” กริสน์อุทานอีก
“อินเดีย” ภัทรดนัยก็อุทานอีก
“อือ จะพูดซ้ำๆกันอีกนานไหม” กริสน์ว่า
“ใช่ครับ / ใช่ค่ะ อินเดีย” 3 แสบบอกพร้อมๆ กัน
“โฮ่งๆ” ป๊อปคอร์นเห่ารับรู้ว่าอินเดียกับเขาด้วย
“แกก็ต้องไปอินเดียด้วยเหรอ ป๊อปคอร์น” กริสน์จ้องหน้าป๊อปคอร์น
“น้าพิมใจร้าย เชื่อคุณสุขสันต์มากกว่าหลานตัวเอง..คุณสุขสันต์เค้าเกลียดจีจ้า เกลียดพี่แจ๊สพี่โจ๊ก
ด้วย เค้าเลยจะกำจัดพวกเรา ให้พวกเราไปไกลๆ จากน้าพิม” จีจ้าระบายอย่างผิดหวัง
“น้าพิมอยากแต่งงานที่สุดในโลก” แจ๊สว่า
“แต่ถ้าเป็นสุขสันต์โจ๊กจะไม่ขอกลับบ้านไปหาน้าพิมอีกแล้ว” โจ๊กตั้งปณิธาน
จีจ้าดูจะอินจัดผละออกจากตัวกริสน์ แล้วเดินไปนอนขดตัวกับพื้น ราวกับจะนอนข้างถนน
“ทำอะไรน่ะ” ภัทรดนัยงง
“จีจ้าเป็นเด็กบ้านแตกสาแหรกขาด” จีจ้านอนขดตัว ออกอาการหนาวเหน็บ
“โหว... เด็กสมัยนี้จินตนาการล้ำเลิศจริงๆ!” ภัทรดนัยทึ่ง
“แม่จ๋า..พ่อจ๋า มารับพวกเราไปด้วย..พวกเราเป็นเด็กกำพร้า ไร้ญาติขาดมิตร” จีจ้าพร่ำเพ้อ
“ยัยโหดนั่นต้องเลี้ยงหลานไม่เป็น เป็นผู้หญิงใจร้ายที่ห่วยแตกแบบสุดๆ เลยนะเนี่ย หลานถึงเป็น
แบบนี้ พอตัวเองแก้ปัญหาไม่ได้ ..ก็คิดจะส่งเด็กไปดัดนิสัย..” ภัทรดนัยครุ่นคิด แล้วปิ๊งขึ้นมา “ฮ้า ชั้นรู้แล้วไอ้กริสน์..นี่แหละ ช่องทางที่เราจะใช้เข้าถึงตัวนายสุขสันต์ นี่แหละเว้ย”
“เด็กเนี่ยนะช่องทาง ช่องอะไรวะ” กริสน์ไม่เก็ต
ภัทรดนัยลากกริสน์มากระซิบบอกแผนการ
“ยัยเจ๊โหดเลี้ยงเด็กไม่เป็น และอยากดัดนิสัยเด็ก เราก็จัดให้สิวะ..แกต้องไปเป็นพี่เลี้ยงเด็ก ดัด
นิสัยให้เด็กๆ จะได้ไม่ต้องไปอินเดีย ระหว่างนั้น แกก็คอยตามสืบเรื่องนายสุขสันต์ไปด้วย”
“หาๆๆ แกพูดเล่นใช่มั้ย”
“ชั้นพูดจริง!!!”
กริสน์ผงะ เดินหนีไปทันที
“ไม่เอา!!! ให้น้ำท่วมหลังเป็ดก่อนแล้วชั้นถึงจะเลี้ยงเด็ก
“แกต้องเลี้ยง
“ไม่!ชั้นเกลียดเด็ก! คนเดียวชั้นก็แย่แล้ว แต่นี่สามคน กะหนึ่งตัว ชั้นไม่เลี้ยง..แล้วทำไมแกไม่เข้า
ไปเลี้ยงเองวะ” กริสน์ยืนกรานเสียงแข็ง
“แกเป็นตำรวจสายลับมือหนึ่งของไทยนะเว้ย..เป็นไอด้อลของตำรวจรุ่นน้องกี่รุ่นต่อกี่รุ่น..ผู้ร้ายเป็นสิบๆแกยังไม่เคยกลัว แล้วจะมากลัวอะไรกับเด็กสามคนวะ..แกต้องสู้..สู้เพื่อศักดิ์ศรี..สู้ๆ” ภัทรดนัยบิ้วท์อย่างหนัก
“สู้..ไม่ไหวว่ะ ชั้นขอบายแผนการนี้”
“บายไม่ได้”
“บาย”
“เด็กๆ ช่วยด้วย” ภัทรดนัยร้องหาตัวช่วย
พวกเด็กๆ สามคนออกมายืนขวางหน้ากริสน์ไว้ หน้าตาเหมือนจะร้องไห้อีกรอบ
“ไอ้ภัทรดนัย แก..อย่าเล่นไม้นี้นะเว้ย..ชั้นจะทำงานนี้ แต่แกต้องหาวิธีเข้าถึงตัวนายสุขสันต์ใหม่
เท่านั้น” กริสน์โวยวาย
“แกไม่อยากลบล้างมลทินให้ตัวเองเหรอ..อย่าลืมนะเว้ย เวลานี้ แกถูกหมายหัวทั้งจากพวกเสี่ย
อธิป แล้วพวกตำรวจก็ตามล่าแกอยู่ เพราะคิดว่าแกมีเอี่ยวในธุรกิจผิดกฎหมายด้วย..ถ้าแกไม่ทำ แกก็ต้องหลบหนีไปตลอดชาติ ใครก็ช่วยไม่ได้นะเว้ย..แล้วแกดูดิ..เด็กๆ พวกนี้ ดูไปดูมาก็น่ารักดีนะเว้ย” ภัทรดนัยบิ้วท์อีก
จังหวะนั้นจีจ้าก็อวดความน่ารักด้วยการแคะขี้มูกออกมา
“ขี้มูก แหวะๆๆๆๆ”
จีจ้าชูนิ้วที่มีขี้มูกติดไปให้กริสน์ดู
“เช็ดให้หน่อยค่ะ”
“น่ารักมาก”
“เชื่อชั้น แกไม่มีทางเลือกแล้ว”
“ชั้นอยากตาย”
พิมมาดานั่งเครียด ถามด้วยสีหน้ามึนตึงอยู่ที่ในบ้าน
“พวกเด็กๆ ยังไม่กลับมาอีกเหรอ”
“ยังเลยค่ะ ออกไปไหนก็ไม่ทราบ พวกเด็กคงจะเสียใจที่คุณพิมคิดจะส่งไปอินเดีย เป็นเต้ย เต้ยก็
เสียใจค่ะ คุณพิมจะส่งไปจริงๆ เหรอคะ มันใจร้ายมากเลยนะคะ” เต้ยบอก
“คิดว่าชั้นอยากทำแบบนี้เหรอ พวกเธอมีวิธีที่จะทำให้หลานชั้นเป็นเด็กดีเหมือนลูกๆ ชาวบ้านมั้ย
ล่ะ..ตอนนี้ชั้นจนปัญญาแล้ว” พิมมาดาพูดอย่างเหลืออด
“ยัยพิม อย่าเครียดๆ ชั้นเข้าใจแก ถ้าแกคิดว่าการส่งเด็กๆไปอินเดียมันจะดีกับพวกเด็กๆมากกว่า
อยู่กับแก..ชั้นก็เห็นด้วยว่าควรส่งไป” เค้กว่า
“ชั้นยังไม่ได้ตัดสินใจนะเค้ก มันเป็นแค่อีกทางเลือกนึง ที่ฉันกำลังคิดอยู่”
“ทางเลือกที่มาพร้อมผู้ชายที่หล่อขั้นเทพ...ยัยพิมเอ๊ย แกเสียสละความสุขที่แกควรจะได้รับมามาก
พอแล้ว แกควรจะทำอะไรเพื่อตัวเองได้แล้ว” เค้กปรารภ
“แต่ชั้นไม่อยากทำอย่างนี้จริงๆนะเค้ก
อยู่ๆ เต๋าก็วิ่งพรวดเข้ามาในบ้านหน้าตาตื่น
“คุณพิม! เด็กๆ กลับมาแล้ว มารอคุณพิมอยู่ที่ร้าน บอกมีเรื่องจะคุยด้วย" เต๋าบอก
ทุกคนอึ้ง แปลกใจ พิมมาดาดีใจแต่เก็บอาการพยายามไม่แสดงออก
พิมมาดากึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้ามาในร้านดอกไม้เพราะในใจเป็นห่วงหลาน แต่พอใกล้จะถึงตัวหลานๆ ก็ชะลอความเร็วลง แล้วทำเป็นไม่ใส่ใจ ทุกคนตามเข้ามา
“เฮ้ย..กลับมาง่ายๆ ยังงี้น่ะเหรอ” เต้ยงง
“รู้ตัวว่าผิด จะมาขอโทษน้าใช่มั้ย...” พิมมาดาถาม
“พวกเรามีข้อเสนอมาให้น้าพิม” โจ๊กพูดเป็นทางการ ท่าทางจริงจัง
“ข้อเสนออะไร” พิมมาดาแปลกใจ
“เรื่องที่น้าพิมจะส่งพวกเราไปอินเดีย..พวกเราไม่อยากไป” โจ๊กบอก
“ถ้าไม่อยากไป ก็ต้องเชื่อฟังน้า” พิมมาดายื่นข้อเสนอ
“แต่น้าพิมถูกประเมินเป็นผู้หญิงที่ล่มสลายทางการเลี้ยงดูเด็กแล้ว..น้าพิมอบรมสั่งสอนพวกเรา
ไม่ได้แล้ว” แจ๊สออกตัวแรง
“ถ้างั้นก็ไปอินเดีย!!”
“เราไม่ไปอินเดีย และเราก็ไม่เชื่อฟังน้าพิม แต่เราพาคนที่จะอบรมสั่งสอนพวกเรามาเอง”
โจ๊กบอก
“โคร” เต๋า เต้ยแม่ยกเอเอฟประสานเสียง
กริสน์เดินเข้ามา ทุกคนอึ้ง
“อ๊าย..นึกว่าชาตินี้จะไม่ได้เจออีกแล้วสิ” เค้กระรื่น
“นายอีกแล้วเหรอ”
สิ้นเสียงของพิมมาดา กริสน์ก็วิ่งกระเจิงออกมานอกร้าน มีข้าวของปาไล่หลังตามมาชุดใหญ่ ด้วยฝีมือพิมมาดา
พิมมาดาถือไม้ถูพื้นในมือออกมาขับไล่กริสน์เต็มที่ เต๋ากับเต้ยตามลุ้นใจหายใจคว่ำไม่แพ้ตอนลุ้นผลเอเอฟ
“ออกไปจากร้านชั้น ไป”
พวกเด็กๆ วิ่งออกไปเอาตัวปกป้องกริสน์
“อย่าทำอะไรน้ากริสน์นะ” โจ๊กเรียกอย่างหนิดหนม
“เดี๋ยวๆๆ วางอาวุธลงก่อน เราอย่าใช้ความรุนแรงคุยกันเลยนะ นายกริสน์เนี่ยก็หน้าตา..โอเค
น่าจะคุยกันรู้เรื่อง” เค้กรีบห้ามทัพ เพราะแก่หน้าตาของกริสน์
“เค้ก หลบไป..แจ๊ส โจ๊ก จีจ้า กลับมานี่..ไม่รู้หรือไงว่าหมอนี่มันเป็นคนไม่ดี”
“น้ากริสน์วิ่งสู้ฟัดเป็นคนดี น้าพิมทำไมดูไม่ออก” จีจ้าเอ่ยขึ้น
“นั่นดิ แจ๊สงงนะเนี่ย” แจ๊สผสมโรง
“คนดียังไง ถูกคนบุกไล่ยิงตลอดเวลา แถมลักพาตัวจีจ้าไปขังไว้ตั้งคืนนึง” พิมมาดาไม่เชื่อ
“น้าเค้าไม่ได้ขัง..น้าพิม น้ากริสน์เค้าไม่ใช่ผู้ร้ายนะ ตรงข้าม เค้าเป็นตำ...”
กริสน์รีบทำทีเป็นเอะอะกลบเกลื่อนทันที
“ผมเป็นตำส้มตำได้ ตำมั่ว ตำซั่วตำได้หมด..ที่ผมโดนไล่ยิงบ่อยๆ เพราะผมอาจจะเผลอไปขับรถ
ปาดหน้าใคร..มันเลยแค้นขับรถไล่ยิงผม..คุณเชื่อผมมั้ย..คุณไม่เชื่อหรอก ผมรู้ เพราะคุณมันไม่เคยเชื่อ ไม่เคยฟังใครเลย เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ เผด็จการ พวกเด็กๆ ถึงหนีออกจากบ้าน” กริสน์อธิบายยาวเหยียด
“ชั้นจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ยังไงชั้นก็ไม่ให้นายมายุ่งกับหลานชั้นอยู่ดี” พิมมาดายืนกราน
“น้าพิมต่างหาก ที่พวกเราไม่อนุญาตให้มายุ่งด้วย” แจ๊สท่าทางขึงขัง น้ำเสียงจริงจัง
“จริงค่ะ อุ๊บส์” เต๋า กับเต้ยประสานเสียง
“ถ้าน้าพิมไม่ยอมให้พี่กริสน์เป็นพี่เลี้ยง พวกเราก็จะไม่อยู่บ้านนี้..ไปเถอะพวกเรา” จีจ้าว่า
“คิดว่าจะไปได้ง่ายๆ เหรอ พวกผู้ใหญ่..จัดการ”
เต๋า เต้ย และเค้กเข้าไปรุมจับเด็กทั้งสามคนเอาไว้ ล็อกตัวทันควัน
“เฮ้ย” กริสน์ร้องลั่น
พิมมาดาเดินมาขวางหน้ากริสน์เอ่ยขึ้น “นายอย่ายุ่ง”
“ทำไมคุณเป็นคนแบบนี้” กริสน์ถามกวนๆ
“เรื่องของชั้น นี่หลานชั้น นายไม่ต้องมายุ่ง ออกไปจากร้านชั้นเดี๋ยวนี้ ไป” พิมมาดาไล่ส่ง
ทันใดนั้น จีจ้าก็อาการหอบกำเริบ หายใจฟืดฟาดๆ แล้วทรุดไป เค้กที่จับตัวจีจ้าอยู่ ตกใจมาก รีบปล่อยมือออกทันที
“ว้าย”
จีจ้าลงไปดิ้นพร่าดๆ กับพื้น
“หะ หายใจ..ไม่..ออก…”
“จีจ้า” พิมมาดาถลาเข้าไปหา “จีจ้า..ยาพ่น..ยาพ่นอยู่ไหน” ควานหาในกระเป๋าจีจ้า เจอยาพ่น รีบ
หยิบออกมา “จีจ้า มาน้าพ่นให้”
พิมมาดาประคองจะพ่นยาให้จีจ้า แต่จีจ้าผละตัวเองออก
“ไม่..จีจ้าไม่พ่น”
“จีจ้า”
“ถ้าน้าพิมไม่ให้พี่กริสน์เป็นพี่เลี้ยง จีจ้าไม่พ่น” จีจ้ายื่นข้อเสนอในนาทีเป็นนาทีตายนั้น
“จีจ้า อย่าทำอย่างนี้”
“ไม่” จีจ้าเอาแต่ดิ้นๆ ไม่ยอมพ่นยา จนอาการหอบหืดรุนแรงขึ้นอีก
“นายทำอะไรหลานชั้น!!” พิมมาดาเริ่มพาลอีก หันมาโวยใส่กริสน์
“ผมไม่ได้ทำอะไรนะ ผมไม่รู้เรื่อง” กริสน์ปฏิเสธ
“จีจ้า นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะ พ่นยาเดี๋ยวนี้” จีจ้าดิ้นรนขัดขืน ไม่ยอมพ่น “ก็ได้ๆๆๆ น้ายอมรับหมอ
นี่ก็ได้..พ่นยาก่อนได้มั้ย”
จีจ้าพยักหน้าพลางเอ่ยขึ้น “ได้...” พิมมาดาทำท่าจะพ่นต้องชะงัก “แต่ให้พี่กริสน์พ่น” จีจ้าบอก
“จีจ้า” พิมมาดาเหวอ
“น้าพิมถูกประเมินแล้วว่าล่มสลายทางการเลี้ยงดูเด็ก จำไม่ได้เหรอคะ” แจ๊สสำทับ
“เอายามา ผมพ่นให้เอง”
พิมมาดาจำใจยอมส่งยาพ่นให้กริสน์
อ่านต่อหน้า 3
มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 3 (ต่อ)
กริสน์เข้าไปประคองแล้วพ่นยาให้จีจ้า ก่อนจะพ่น จีจ้ากับกริสน์ยิ้มให้กันแบบรู้กัน เพราะทั้งหมดนี้เป็นแผนการของทั้งคู่
กริสน์ทำปากชมจีจ้าว่า “เก่งมาก”
“น้าจะยอมรับนายนี่ก็ต่อเมื่อ..น้ามั่นใจว่าตาคนนี้มีประวัติที่ดี ไม่มีเอี่ยวในคดีอาชญากรรมใดๆ หรือแม้แต่คดีเล็กคดีน้อย..ก็ไม่ได้!! ถ้ามีมลทินแม้แต่นิดเดียว..น้าถือว่าหมอนี่ไม่มีคุณสมบัติ”
พิมมาดามีข้อแลกเปลี่ยน
“ลูกพี่กริสน์ต้องประวัติดีอยู่แล้ว ก็ลูกพี่เป็นตำรวจนี่” จีจ้าบอกหน้าระรื่น มัดใจในตัวกริสน์
“เฮ้ย” กริสน์ตกใจที่สถานภาพถูกเปิดเผย
“เป็นตำรวจเหรอ...ฮ่าๆ” พิมมาดาไม่เชื่อ หลุดขำก๊ากออกมา “กร๊าก ถ้าหน้าอย่างนี้เป็นตำรวจ น้าก็เป็นนายกรัฐมนตรีแล้วล่ะค้าบ”
“เต้ยก็คงเป็นเมียบารัคโอบามา” เต้ยเสริม
ทุกคนหัวเราะ ไม่มีใครเชื่อจีจ้า
กริสน์นิ่งคิด “ยังไงดีวะ”
ระหว่างนั้น ภัทรดนัยเดินเข้ามาในสำนักงานตำรวจฯ พร้อมกับพูดมือถือไปด้วย มีตำรวจนอกและในเครื่องแบบทำงานและเดินกันไปมาอย่างขวักไขว่
“ถึงที่ทำงานแล้ว...จะรอแกทำไมล่ะ...เออ...อยากได้ประวัติใหม่เอาไปให้ยัยเจ๊โหดดูประกอบการตัดสินใจรับแกเข้าทำงานใช่มั้ย?? ได้...จัดเต็ม”
ภัทรดนัยวางสายแล้วเดินไป
ภัทรดนัยทำเอกสารประวัติปลอมให้กริสน์ เขาติดรูปกริสน์ใส่บัตรประชาชนปลอม ก่อนจะพิมพ์กรอกข้อมูลลงในคอมพิวเตอร์ ภัทรดนัยสั่งพิมพ์งานออกจากปริ้นเตอร์
ภทัรดนัยเปิดหน้า Google เห็นรูป บารัค โอบามา กำลังจับมือกับใครบางคน เขาดีดนิ้วดังเป๊าะเพราะเกิดไอเดียกระฉูดบางอย่างขึ้นมา
สุขสันต์เดินชมรอบบริเวณร้านขนมอยู่ สักพักเดชก็เปิดประตูให้เสี่ยอธิปเดินเข้ามา สุขสันต์หันไปยกมือให้พวกลูกสมุนกระจ๊อกออกไปก่อน เหลือเพียงฉัตรชัยคนเดียว
ฉัตรชัยกับเดช ต่างคนต่างยืดและชูคออย่างไม่ยอมกัน
จังหวะหนึ่งสุขสันต์เดินหยิบขนมขึ้นมาดู “ขนมสวีทโอปอ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเจ้าของ รักลูกสาวมากแค่ไหน จะเริ่มเปิดตลาดเมื่อไหร่ล่ะ”
“สิ้นเดือนนี้” อธิปตอบ “คุณมาทำอะไรอีก..คุณสุขสันต์ คุณนี่ย้ำคิดย้ำทำนะเนี่ย สงสัยจะพูดภาษาคนไม่รู้เรื่อง”
สุขสันต์เดินไปหยุดที่รูปโอปอขนาดใหญ่หลายรูปที่ติดอยู่เต็มผนัง
สุขสันต์ยื่นมือไปลูบแก้มสาวน้อยโอปอในภาพ
“ฮึ ผมพอจะนึกออกนะว่าพ่อที่รักลูกสาวมากๆ มันมากแค่ไหน แต่ไม่นึกเลยว่ามันจะมากกว่าไมตรีจิตร มิตรภาพ ความสัมพันธ์อันมีค่าของเรา..ไม่เป็นไร..ในเมื่อเสี่ยตัดสินใจแล้ว ผมก็เข้าใจ..ขอให้เสี่ยกับลูกสาวรักกันมากๆ แล้วกัน”
“สุขสันต์..ผมสัญญา..ว่าจะไม่แฉเรื่องธุรกิจส่วนตัวใดๆ ของคุณให้สังคมโลกรู้ แต่คุณ..ก็ต้องไม่มายุ่งกับผมและลูกสาวผมอีก..เราต่างคนต่างอยู่”
“นี่คุณคิดจะขู่ผมเหรอ กล้าแลกกับผมหรือ อธิป โฮะๆ วะฮ่ะๆ”สุขสันต์หัวเราะแล้วคว้าท๊อฟฟี่มากำนึง ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับออกไป ฉัตรชัยเดินตามไปเปิดประตู อธิปมีสีหน้าเครียด
ที่สนามฟุตบอล ไทยพรีเมียร์ลีก สุขสันต์กะฉัตรชัยนั่งเชียร์บอลอยู่ในที่นั่งวีไอพี จตุพลกับน้อมพงษ์เดินเข้ามาหา จตุพลลงมานั่งข้างๆ สุขสันต์
“ไงล่ะ คุณตัดสินใจได้รึยัง”
“ผมทำครบ 3 หนแล้ว ให้โอกาสเขา 3 หน ตามที่ผมตั้งปณิธานไว้ ว่าก่อนจะลงมือทำอะไรใคร ผมต้องตักเตือนเขา..ให้ครบ 3 หนก่อน” สุขสันต์บอก
“หมายความว่า..” จตุพลถาม
“คุณเริ่ม..ลงมือ..พิสูจน์ตัวเองกะผมได้เลย ว่าคุณ..พร้อมจะเป็นคนของผมจริงๆ..คุณใจถึงจริง”
“ผมใจถึงแน่ แล้วคุณจะต้องซี้ด” จตุพลยืนยัน
“หมายความว่าไง” สุขสันต์ถาม
“คุณจะสะใจ..กับสิ่งที่ผมจะทำกับกู๋ผมเอง”
ทีมบอลที่สุขสันต์เชียร์ยิงเข้าประตู ผู้คนเฮลั่นทั้งสนาม สุขสันต์หัวเราะลั่นแล้วหันไปยิ้มให้จตุพล จตุพลกับน้อมพงษ์เดินออกจากที่นั่งวีไอพีไป
ฉัตรชัยหันไปพูดแสดงความเห็นกับสุขสันต์ “ไอ้จตุพลนี่....ผมว่า..มันคิดไกลไปกว่าที่บอกท่านซะอีก ต้องขอชม..ว่ามันเลวดีจริงๆ เลยนะขอรับ”
ระหว่างนั้นจตุพลกับน้อมพงษ์เดินคุยกันมาตามทางเดิน สรรเสริญสุขสันต์เช่นกัน
“ไอ้สุขสันต์นี่มันโรคจิตจริงๆนะคุณจตุพล ผมว่ามันต้องไม่ใช่คนธรรมดา แต่มันคือคนวิตถารเลยแหละ น่าคบหาไว้เป็นสหายจริงๆ” จตุพลว่า
บ่ายของวันใหม่ กริสน์ถือแฟ้มเอกสารกองโตมาวางตรงหน้าพิมมาดา ที่ภายในบ้านของพิมมาดานั่นเอง
“นี่ครับ เอกสารทั้งหมดนี้คือประวัติของผม...นายกริสน์หนึ่งเดียวคนนี้ครับ เชิญคุณพิจารณาได้เลย..เริ่มจาก อ่ะ นี่สำเนาบัตรประชาชน”
พิมมาดารับมาอ่านอย่างพินิจพิเคราะห์
“นายกริสน์ จิตแจ่มใส ฮึ เกิดก่อนชั้นแค่ไม่กี่ปี..ดูหน้าตา ฮะๆ ยังกะปลาไหลตากแห้ง”
“นี่คุณ ให้ดูเป็นข้อมูล ไม่ใช่มาวิพากษ์วิจารณ์ นี่สำเนาทะเบียนบ้าน..หลักฐานเกณฑ์ทหาร..แล้วนี่ เอกสารการศึกษา”
“จบปริญญาเอกเหรอ” พิมมาดาถาม
ทุกคนตะลึงเข้ามารุมดูวุฒิการศึกษาแล้วส่งเสียงฮือฮา กริสน์ชะโงกไปดูอย่างงงๆ “ปริญญาเอก?”
“เป็นด๊อกเตอร์ทางด้านจิตวิทยาเด็กเลยเหรอคะเนี่ย..ดูไม่ออกเลย” เค้กประหลาดใจ
“แหะๆ ผมเป็นคนติดดินน่ะครับ” กริสน์รับลูก “ไม่อยากทำตัวเป็นด๊อกเตอร์เคร่งขรึมๆ ด๊อกเตอร์ก็เซอร์ได้ จริงมั้ยครับ”
“เคยได้รับรางวัลลูกกตัญญูจากกระทรวงวัฒนธรรมด้วย” เต๋าเสริม
เค้กโชว์รูปต่างๆ ที่อยู่ในแฟ้มเอกสาร “เคยพิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสต์..มองบลังก์..ฟูจิ..หลังคาโลกธิเบต โห”
“เป็นนักกีฬาเทควันโด้ทีมชาติไทย..ได้เหรียญทองซีเกมส์ด้วย” เต้ยอ่านประวัติต่อ
“ปีไหน...หน้าไม่เห็นคุ้นเลย” เต๋าสงสัย
“นั่นดิ” เต้ยหนุน
“นี่...เป็นผู้นำทางด้านการนั่งวิปัสสนากรรมฐาน โห” เต๋าอ่านต่อ
“เกียรติบัตรผู้ทำคุณงามความดีแก่เยาวชนประจำปี” พิมมาดาหยิบเกียรติประวัติหลายใบขึ้นมา “นี่นายได้ทุกปีเลยเหรอ”
“ห๊า!! รูปนี้..รูป..ไม่อยากจะเชื่อ”
เค้กหันรูปใบหนึ่งมาให้ทุกคนดู เป็นรูปกริสน์กำลังจับมือกับบารัค โอบามา
“เคยจับมือกับบารัค โอบามา..ด้วย”
“ฮะๆๆ” กริสน์เริ่มสติแตก เขากัดฟันกรอดแล้วพึมพำกับตัวเอง “ไอ้ภัทรดนัย แกมันทำเกินไปแล้ว”กริสน์หันมาหัวเราะฮ่าๆ “นี่ผมไม่รู้มาก่อนเลยนะว่าผมเป็นคนดีเว่อร์ขนาดนี้!! คุณพิมมาดาคงจะสบายใจแล้วใช่มั้ยครับ”
“เดี๋ยว อย่าเพิ่งเชื่ออะไรง่ายๆ..ถ้าเป็นคนดีขนาดนี้จริงๆ ในอินเตอร์เนทต้องมีข้อมูลของนายเพียบเลยสินะ” พิมมาดาเอะใจแล้วลุกออกไป กริสน์อึ้ง
“อินเตอร์เนท” กริสน์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา “ขอตัวก่อนนะทุกคน โหลๆๆ ไอ้ภัทรดนัย..แก..แก..ไอ้ตัวดี..แฟ้มประวัติที่แกทำให้ฉันอ่ะสิ เป็นเรื่องแล้ว”
พิมมาดาเดินมาที่คอมพิวเตอร์แล้วเปิดเครื่อง
“เอ่อ คุณพิมๆ”
กริสน์เรียกแล้วเดินตามมาปิดเครื่อง
“นายมายุ่งอะไรกับคอมพ์ฯของชั้น” พิมมาดาถาม
“เอ่อ คือ ผม..ผมจะมาเตือนว่า..นี่ใกล้จะได้เวลาเลิกเรียนของพวกเด็กๆแล้ว คุณไม่รีบออกไปรับ..เดี๋ยวรถติดนะ”
“ชั้นยังไม่คุยกับนายตอนนี้ จนกว่าชั้นจะแน่ใจประวัติของนาย..ออกไป”
“แต่..”
“หรือว่านายกลัวชั้นสืบประวัตินาย”
“ปล๊าววว ไม่ได้กลัว”
“งั้นก็หลบไป อย่ามาขัดขวางชั้น”
“เชิญ..” กริสน์พูดแล้วพยายามคิดหาทาง ก่อนจะแกล้งทำเป็นเดินสะดุดสายไฟคอมพิวเตอร์
“อุ๊ย สะดุด” คอมพิวเตอร์ดับไปทันที
“นี่..บอกว่าอย่ามาเกะกะ..เต๋า เต้ย กันตานี่ไว้ ท่าทางมีพิรุธแบบนี้ ต้องปลอมประวัติมาแน่ๆ ชั้นจะจับให้ได้คาหนังคาเขา”
พิมมาดากลับไปที่คอมพิวเตอร์อีกครั้ง เต๋ากับเต้ยจับตัวกริสน์เอาไว้
“อย่าดิ้นนะ ถ้าดิ้นมาก พวกเราจูบจริงนะ” เต้ยขู่
“บ้า..เราเป็นผู้หญิงยิงเรือ จูบผู้ชายได้ยังไง” เต๋าพูดแล้วก็ยื่นปากไปจูบดื้อๆ “ถือเป็นค่ามัดจำ คริคริ”
กริสน์ทำท่าเหมือนอยากตาย
ภัทรดนัยวิ่งอย่างรวดเร็วมาที่ร้านเบเกอรี่ของเค้กที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
“อินเตอร์เนทๆๆๆ ร้านอินเตอร์เนทอยู่ไหนวะ”
ภัทรดนัยเห็นป้ายที่ร้านเบเกอร์รี่ของเค้กเขียนว่าสัญญาณ free wi-fi เขาจึงรีบพุ่งเข้าไปในร้านทันที ภัทรดนัยเจอลูกค้าชายคนนึงกำลังใช้โน้ตบุ๊คอยู่
“ขออนุญาตนะครับ” ภทัรดนัยโชว์บัตรตำรวจ “เราสงสัยว่าคอมพิวเตอร์ของคุณจะเป็นแหล่งเผยแพร่เชื้อไวรัสรายใหญ่ของโลก..ขออนุญาตตรวจค้นด้วยครับ”
ภัทรดนัยลงนั่งแทนที่ผู้ชายคนนั้น แล้วยังหยิบน้ำกับเค้กของเขามากินด้วย
ที่บ้านพิมมาดา พิมมาดาเข้ากูเกิ้ลแล้วเซิร์จชื่อกริสน์ เธอใส่ชื่อรางวัลลูกกตัญญู ชื่อนักกีฬาเทควันโด้ รางวัลผู้ทำความดีแก่เยาวชน ฯลฯ แต่ผลที่ออกมาคือไม่พบอะไรเลย
พิมมาดาตาวาว เธอมั่นใจว่ากริสน์ปลอมประวัติแน่ๆ
“ถ้านายเป็นคนเก่งวิเศษขนาดนั้นจริง ทำไมในอินเตอร์เนทถึงไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับตัวนายอยู่เลย นายปลอมประวัติมาใช่มั้ย”
“ปลอมประวัติเหรอ จริงเหรอ” เต๋าตกใจ
“ปลอมอะไรคุณ ของจริงทั้งนั้น..ข้อมูลในอินเตอร์เนทมันไม่อัพเดทหรือเปล่า หรือไม่ระบบมันก็ช้าๆรวนๆแบบนี้แหละ” กริสน์พยายามบ่ายเบี่ยง
“มันจะรวนพร้อมกันหมดทุกเวปไซต์เลยเหรอ..กูเกิ้ลก็ไม่มี เวปหน่วยงานราชการที่แจกรางวัลให้นายก็ไม่มี เหรียญทองซีเกมส์อะไรก็ไม่มี”
“คุณลองรีเฟรชดูหรือยัง ไปลองดูก่อนสิ” กริสน์เสนอ
“นายจะหน้าด้านไม่ยอมรับไปถึงเมื่อไหร่”
“คุณก็รีเฟรชก่อนสิ”
“ได้ ชั้นจะรีเฟรช แต่ถ้าไม่มีอะไรอีก..ชั้นเรียกตำรวจจับนายแน่”
พิมมาดาไปกดรีเฟรช กริสน์แอบภาวนาในใจ หน้าจอยังคงขึ้นว่าไม่พบอะไรเช่นเดิม
“ไม่มีเหมือนเดิม” พิมมาดาบอก
“คุณหลอกดาว” เต๋ากับเต้ยประสานเสียง
“จับตัวไว้นะเต๋าเต้ย ชั้นจะโทรแจ้งตำรวจ”
“เดี๋ยวๆๆ คุณลองรีเฟรชอีกทีก่อน มันเป็นปัญหาทางเทคนิค” กริสน์พยายามยื้อ
“จะกี่ทีมันก็เหมือนเดิมแหละ”
“มานี่ๆๆ เค้กกดให้” เค้กกดรีเฟรช “ไม่พบข้อมูลที่ท่านค้นหา” เค้กกดรีเฟรชอีกครั้ง
“ชั้นมองคนไม่เคยผิด” พิมมาดาบอก
“มันต้องมีสิคุณ เดี๋ยวมันก็มา” กริสน์บอก
อยู่ๆ เค้กก็ร้องขึ้นมา “เฮ้ยๆๆ มาแล้วๆ”
พิมมาดากับกริสน์หันไปมองเห็นภาพในจอคอมพิวเตอร์มีข้อมูลของกริสน์ขึ้นมาเยอะแยะ เค้กกดดูรูป ก็เห็นเป็นรูปและประวัติแบบเดียวกับที่อยู่ในเอกสารทุกอย่าง
“โหๆๆๆ มีครบทุกอย่างเลย มีตามเอกสารที่เค้าเอาให้เราดูเป๊ะๆเลยพิม สงสัยระบบมันจะรวนจริงๆแหละพิม..คุณกริสน์เค้าเป็นคนดีจริงๆนะพิม..พ่อคนดีฝังใน” เค้กบอก
กริสน์โล่งอก ส่วนพิมมาดารู้สึกขัดใจ
ที่คฤหาสน์ของอธิป อธิปออกเสียง “ตี่” เขากำลังเล่นตี่จับกับโอปอ โอปอวิ่งหนีอย่างสนุกสนาน จตุพลเดินมามองอย่างสมเพช
อธิปหมดแรงอและยอมแพ้โอปอ เขาถูกจับตัวไว้ได้จึงนอนแผ่ไปกับสนามหญ้า
“ป๊า..ไม่ได้เรื่องเลย เอาใหม่ๆ” โอปอคะยั้นคะยอ
“ป๊าไม่ไหวแล้ว เหนื่อย” อธิปบอกลูกสาว
จตุพลเดินเข้ามาหาอธิป
“อากู๋ครับ..ได้เวลาทานยาบำรุงแล้วครับ จะให้ผมยกมาให้ที่นี่ หรือจะไปทานในบ้านดีครับ”
“ที่นี่แหละ..โอปอขา ไปเอา..ยาบำรุงมาให้ป๊า..ดื่มทีนะ”
“ค่า” โอปอวิ่งออกไป
“เอ้า มีอะไรจะพูดอีกก็ว่ามา..ไม่ได้มีแค่เรื่องยาใช่มั้ย”อธิปถาม
“ครับ..คือ..ผม..กลับไปคิดๆดูแล้ว ตอนนี้ไอ้กริสน์ทรยศไปแล้ว ร้านขนมที่อากู๋จะเปิดก็ยังไม่มีคนดูแล..ผมเลยคิดว่า จะขอกลับมาดูแลร้านขนมเองครับ”
“ไหนทีแรกแกไม่อยากทำไง อยากจะดูแลผับไม่ใช่เหรอ”
“ผมก็ยังอยากทำผับครับ แต่..ผมก็ทิ้งให้อากู๋ทำงานคนเดียวไม่ได้หรอกครับ ยิ่งเห็นสิ่งที่ไอ้กริสน์มันทำกับอากู๋ด้วย ผมทิ้งอากู๋ไม่ได้หรอกครับ ยังไงอากู๋ก็เป็นญาติคนเดียวของผม อากู๋ไว้ใจผมได้เลยครับ”
โอปอถือถาดยาเดินกลับมา “ยาบำรุงมาแล้วค่า”
จตุพลหยิบกาน้ำขึ้นมาเทยาใส่ถ้วย จตุพลมองยา เขาดมแล้วส่งให้
“นี่ครับอากู๋”
อธิปลุกขึ้นนั่งแล้วรับมาดื่ม “ขอบใจ”
อธิปดื่มหมดแล้วส่งถ้วยคืน อธิปลุกขึ้นยืน แล้วกระโดดไปมาอย่างกระฉับกระเฉง
“แหม..ไอ้ยาบำรุงนี่มันดีจิงๆ กินปุ๊บ มีแรงปั๊บ”
“อากู๋ไม่ต้องเครียดเรื่องไอ้กริสน์นะครับ ผมอาสาจะจัดการให้เอง แล้วยาบำรุงนี่..หมดเมื่อไหร่..ผมจะเอามาให้ใหม่” จตุพลมองดูยา
“ขอบใจๆจตุพล..สุดท้าย เลือดก็ย่อมข้นกว่าน้ำจริงๆ”
จตุพลแอบยิ้มอย่างร้ายกาจ
ที่โรงงานขนม น้อมพงษ์กำลังแนะนำเหล่าสมุนหน้าใหม่ให้จตุพลรู้จัก
“ไอ้พวกนี้ ผมคัดมาเองกะมือ รับรองว่าไว้ใจได้ทุกคน ใช้ให้ทำอะไรทำหมด บุกน้ำลุยไฟ มันทำให้ได้ทุกอย่าง ขอแค่จ่ายเงินมันดีๆ”
“ดี..เรื่องเงินไม่มีปัญหา ขอแค่ให้ซื่อสัตย์ก็พอ” จตุพลบอก
น้อมพงษ์เดินไปที่โต๊ะแล้วกดเปิดคอมพิวเตอร์ รูปโปรไฟล์คนงานและแฟ้มประวัติปรากฏขึ้นมา
น้อมพงษ์คลิกให้ดูทีละคน “แล้วนี่..คือคนงานทั้งหมดที่อยู่ในโรงงานตอนนี้ ข้าเก่าเต่าเลี้ยงเสี่ยออธิปทั้งนั้น..คุณจตุพลเลือกดูเอาเลยครับ ว่าอยากจะเอาใครไว้หรือเอาใครออก..แล้วผมจะจัดการให้”
“ไอ้พวกที่มีแนวโน้มจะเป็นคนดี ปากมาก ไล่ออกไปให้หมด” จตุพลคลิกดูแล้วเอาเม้าส์ชี้ “ไอ้นี่ เอาออก..ไอ้นี่ เอาออก”
ที่ร้านดอกไม้ กริสน์ลากพวกเด็กๆ แยกออกมาแอบทำข้อตกลงกัน
“ไหนๆเราจะต้องอยู่ด้วยกันแล้ว ชั้นขอทำความตกลงด้วยหน่อย..คือ..”
“เดี๋ยว..พี่เป็นคนนอก พี่ต้องรับปากพวกเราก่อน” แจ๊สชิงบอก
“ก็ได้ อะไรล่ะ”
“พี่ต้องช่วยปกป้องน้าพิมจากคุณสุขสันต์ และต้องทำให้น้าพิมตาสว่างด้วย” โจ๊กยื่นข้อเสนอ
“ได้ ชั้นรับปาก..แต่ พวกเธอก็ต้องร่วมมือกับชั้นด้วย..พวกเธอต้องช่วยให้ชั้นได้ใกล้ชิดกับนายสุขสันต์เยอะๆ แล้วถ้ามีอะไรเกี่ยวกับนายสุขสันต์ที่แปลกๆ น่าสงสัย หรืออะไรก็แล้วแต่ ต้องเอามาบอกให้ชั้นรู้ ตกลงมั้ย”
“ตกลง” พวกเด็กๆ รับปาก
กริสน์ยื่นมือออกมาตรงกลาง “เอ้า”
จีจ้าวางมือร่วมด้วยทันที โจ๊กวางตามลงมา ส่วนแจ๊สวางคนสุดท้าย ทั้งหมดประสานมือกัน แต่อยู่ๆ ป๊อปคอร์นก็เห่าขึ้น ป๊อปคอร์นพยายามกระโดดมาร่วมด้วยแต่กระโดดไม่ถึง
ทุกคนประสานมือกัน แล้วย่อตัวลงมาให้ป๊อปคอร์นแตะมือด้วย
“เราตกลงร่วมมือกันแล้วนะ” กริสน์ย้ำ
“ค่ะลูกพี่” จีจ้ารับคำ
กริสน์มองด้วยสีหน้าลำบากใจที่ต้องทำงานกับเด็กและหมา
ที่บ้านพิมมาดา กริสน์และพวกเด็กๆนั่งเรียงราย พิมมาดายื่นกระดาษวางตรงหน้า
“อะไร” กริสน์ถาม
“หนังสือสัญญาว่านายจะเปลี่ยนพฤติกรรมเด็กๆพวกนี้” พิมมาดาบอก
“ถึงขนาดต้องเซ็นต์สัญญาเลยเหรอ”
“พฤติกรรมของเด็กๆที่นายต้องเปลี่ยนก็คือ..” พิมมาดาพูดมาเป็นชุด “เด็กๆต้องมีระเบียบวินัย มีความรับผิดชอบ ไม่สร้างปัญหา สอบติดหนึ่งในสิบของห้อง ไม่ทะเลาะกับเพื่อน ไม่มีปัญหากับโรงเรียน ไม่ถูกฑัณฑ์บน ไม่ถูกเชิญผู้ปกครอง ไม่พูดหยาบ ไม่ก้าวร้าว มีน้ำใจ มีมารยาท เคารพผู้ใหญ่ ช่วยงานบ้าน มีนิสัยประหยัด ซื่อสัตย์ อดทน”
“ต้องมีรอบคอบ รู้คิด มีจิตสาธารณะด้วยสิครับ” กริสน์หันมาพูดประชด “ว้าว..นี่ท่าทางพวกนายจะเป็นเด็กนิสัยดีเทพๆๆมากๆๆๆๆอยู่แล้วสิเนี่ย”
“ซ้อฟท์ๆ เบาๆ” โจ๊กบอก
“ช่ายยย” จีจ้ารับ
แจ๊สท้าทายกริสน์ “กลัวก็บอกมาดิ”
“เอ๊า..ทำไมพูดงี้ล่ะน้องแจ๊ส..มาเลย จะให้ผมเซ็นต์ตรงไหน”
“ปั๊มนิ้ว” พิมมาดาบอก
กริสน์ปั๊มนิ้วทันที
“ยังไม่เสร็จ พวกเธอก็ต้องปั๊มนิ้วด้วย..เป็นอันรับรู้ร่วมกัน”
พวกเด็กๆ ปั๊มนิ้วด้วยในฐานะพยาน
“ดีมาก ถ้านายทำทุกอย่างได้สำเร็จ นายก็จะได้รับเงินเดือนตามที่นายขอ พวกเด็กๆ ก็ไม่ต้องถูกส่งไปอินเดีย..แต่ถ้าทำไม่สำเร็จ นายจะยินยอมให้ชั้นแจ้งตำรวจจับ ส่วนเด็กๆ ก็ยินยอมจะไปอินเดีย..ตกลงรับทราบนะ”
ทุกคนพูดพร้อมกัน “รับทราบ!”
“อ้อ แล้วทั้งหมดนี้ นายมีเวลารวมทั้งสิ้นหนึ่งเดือนนะ”
พิมมาดาบอกระยะเวลาในการปฏิบัติภารกิจ
“หนึ่งเดือน จะบ้าเหรอ” กริสน์ตกใจ
“ไม่บ้าหรอก นายปั๊มนิ้วตกลงแล้ว..ไม่ต้องมาต่อรอง..เอาล่ะ..งั้นเราก็เริ่มสัญญาข้อเก้าได้เลย” พิมมาดาหันไปเรียก “เต๋า เต้ย”
เต๋ากับเต้ยเดินมาล็อกแขนกริสน์คนละด้าน
“เดี๋ยวๆๆ อะไร สัญญาข้อเก้า..อะไร”
จีจ้าอ่านเสียงแจ๋ว “พี่เลี้ยงเด็กจะต้องสะอาดสะอ้าน ไม่มีหนวดเครา ไม่มีผมเผ้ารกรุงรัง ต้องตัดผมทุกสัปดาห์”
“ตัดผม!!! ไม่ๆๆ” กริสน์ร้องลั่น ต่อต้านขัดขืนสุดแรง
“ถ้าไม่ตัด ชั้นก็ไม่รับ เชิญออกไปจากบ้านชั้นได้..จะตัดไม่ตัด” พิมมาดายืนกราน
“ไม่ ยังไงก็ไม่ตัด ไม่ตัด!”
ไม่นานต่อมากริสน์นั่งร้องไห้กระซิกๆ อยู่ที่หน้ากระจก มีผ้ารองตัดผมคลุมอยู่กันเลอะตัว เต๋ากับเต้ยถือกรรไกรเตรียมพร้อมอย่างช่างผมมืออาชีพ
พิมมาดาพูดเย้ยๆ “เต๋า เต้ย เต็มที่เลยนะ ชั้นจะไปรอดูตอนเสร็จแล้ว”
แล้วเดินตัวปลิวออกไป ด้วยความสะใจ
กริสน์บ่นไล่หลัง “ยัยโหด ยัยอำมหิตผิดมนุษย์ ชอบทำร้ายทรมานจิตใจคน”
“ทำใจดีๆ ค่ะ สบายๆ เชื่อมือเต๋าเต้ยเถอะค่ะ รับรองออกมาเริ่ดแน่”
“พร้อมหรือยังคะ” เต๋าส่งสัญญาณ
“อื้อ”
กริสน์พยายามกลั้นน้ำตา แต่พอคมกรรไกรแรกตัดลงฉับ กริสน์ก็ครางฮือๆ ครวญคร่ำ เสียดายเส้นผมสุดๆ
“อุตส่าห์ไว้ผมมาตั้งนาน ผมช้านนนน”
พิมมาดา เค้ก และเด็กๆนั่งรออยู่ เต้ยวิ่งระรื่นออกมา
“เสร็จแล้วค่ะๆๆๆๆ”
“ขอเชิญทุกคนพบกับพี่เลี้ยงเด็กคนใหม่..คุณกริสน์”
กริสน์เดินออกมา ในมาดใหม่ นิวลุคสะอาดสะอ้าน ผมสั้น เนี้ยบ อยู่ในชุดทันสมัยสีขาวสะอาดตา เหมือนนักร้องเกาหลีสุดๆ ออร่าเปล่งประกาย
พิมมาดาตะลึง
พวกเด็กๆทึ่ง จีจ้ายกนิ้วให้ โจ๊กหัวเราะก๊าก แจ๊สมองแล้วเมินๆ ทำทีเป็นไม่สนใจซะงั้น
ส่วนเค้กถึงขั้นทำแก้วน้ำในมือหลุด เพ้อเป็นเพลงออกมา
“เมื่อคิดให้ดีโลกนี้ประหลาด บุพเพสันนิวาส ที่ประสาทความรักภิรมย์”
กริสน์เต๊ะท่าตรงหน้าพิมมาดา
“ผมหล่อสะใจคุณแล้วใช่มั้ยครับ”
“อื้อ เอ๊ย งั้นๆ แหละ เชอะ”
พิมมาดาแก้เก้อ กลบเกลื่อนด้วยวิธีเดินหนีออกไป
“เชอะ”
กริสน์ยืนเท้าสะเอวทำสะบัดสะบิ้งแล้วเชิดใส่
จบต่อหน้า 4
มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 3 (ต่อ)
ค่ำคืนนั้นพิมมาดาเดินนำหน้ากริสน์ที่สะพายเป้ใบหนึ่งเข้ามาภายในบ้าน กริสน์มองบ้านอย่าง
สำรวจตรวจตราเพื่อเก็บรายละเอียด ในขณะที่พิมมาดาอธิบายโดยชี้ไปทางโน้นทีทางนี้ที
“นี่ห้องรับแขก นั่นห้องน้ำ โน่นห้องครัว ส่วนชั้นบนเป็นห้องนอนฉัน กับพวกเด็กๆ”
“แล้วห้องนอนผมละ?”
“ไม่มี”
“เอ้า! แล้วผมจะนอนที่ไหนละครับคู๊ณ...”
“จะนอนที่ไหนก็ตามใจคุณซิ”
กริสน์พูดอย่างกวนประสาท “งั้นนอนห้องคุณ” แล้วทำท่าจะขึ้นไปข้างบน
พิมมาดารีบวิ่งมาขวางไว้ “เฮ้ย! ไม่ได้”
“คุณนี่ยังไงนะ เมื่อกี้บอกเองว่าจะนอนไหนก็ตามใจผม พอผมจะนอนห้องคุณก็บอกว่าไม่ได้”
กริสน์เอามือชี้หน้าพิมมาดาทำเสียงกวนประสาท “เป็นคนสับสนในตัวเองนะเราเนี่ย”
พิมมาดาปัดมือกริสน์ออก ทำตาดุใส่ ทันใดนั้นก็มีเสียงปัง! ดังติดๆ กันถึงสามครั้ง พิมมาดาตกใจ
โผเข้ากอดกริสน์ กริสน์ก็รีบจับตัวพิมมาดาให้หมอบลงตามสัญชาตญาณของตำรวจ
แต่แล้วก็ได้ยินเสียงหัวเราะของพวกเด็กๆ ดังขึ้น กริสน์กับพิมมาดาเงยหน้าขึ้นมองเห็น แจ๊ส โจ๊ก และจีจ้า ที่อยู่ในชุดนอนเรียบร้อย ทุกคนมีพลุแบที่ใช้เชือกดึงชักในงานปาร์ตี้ไว้ในมือ ป๊อบคอร์นยืนกระดิกหางอยู่ข้างๆ
“ยินดีต้อนรับลูกพี่วิ่งสู้ฟัดเข้าสู่บ้านของพวกเราคร้าบ” จีจ้ากล่าวต้อนรับยิ้มหน้าบาน
พวกเด็กๆ พากันปรบมือ พิมมาดารู้ตัวรีบผละออกจากอ้อมอกของกริสน์ กริสน์ลุกขึ้นโค้งขอบคุณ
เด็กๆ แต่พิมมาดาไม่สนุกด้วย หันมาเอ็ดหลานๆ
“เล่นอะไรกัน ทำไมยังไม่เข้านอน?”
“พวกเราแค่รอต้อนรับลูกพี่ของเราเท่านั้นเองน้าพิม” โจ๊กบอก
“ต้อนรับเสร็จแล้วก็ไปนอนซิ น้าเคยบอกแล้วใช่มั้ยว่า เป็นเด็กต้องนอนให้ครบ 8 ชั่วโมง ตื่นมา
สมองจะได้ปลอดโปร่ง ร่างกายก็แข็งแรง ต่อไปถ้าใครนอนไม่ครบ 8 ชั่วโมง น้าพิมจะหักค่าขนม” เน้นเสียงเข้ม “ไปนอนได้แล้ว”
เด็กทั้งสามคอตก แล้วแยกย้ายเดินเข้าห้องไป ป๊อบคอร์นยังยืนแกร่วอยู่
“แกด้วยป๊อบคอร์น” พิมมาดาแหวใส่
ป๊อบคอร์นหงอย แล้ววิ่งไปนอนหน้าห้องจีจ้า
“เกินไปหรือเปล่าคุณ เข้านอนช้าแค่ห้านาทีสิบนาทีคงไม่ทำให้สมองฝ่อหรอกมั้ง”
“ใครขอความเห็นคุณเหรอ?” กริสน์อึ้งไปทันที พิมมาดาว่าต่อ “ไม่ต้องมายุ่งหรอก ฉันมีกฏของฉัน
ตั้งใจทำงานของคุณให้สำเร็จจะดีกว่า อย่าลืมว่าคุณมีเวลาแค่ 1 เดือน”
พิมมาดาเดินหน้าเชิดขึ้นห้องไป กริสน์มองตามทำเสียงเลียนแบบพิมมาดาอย่างหมั่นไส้
“ตั้งใจทำงานของคุณให้สำเร็จจะดีกว่า อย่าลืมว่าคุณมีเวลาแค่ 1 เดือน” กริสน์วางท่ากลับมา
เป็นตัวเอง “ขู่เก่งจังนะแม่คุณ เป็นคนหรืองูเห่าเนี่ย ขู่ฟ่อๆ อยู่ได้” กริสน์มองไปรอบๆ “คืนนี้นอนโซฟาก็ได้วะ”
กริสน์ทิ้งตัวลงนอน สายตาครุ่นคิด
ไฟในบ้านแต่ละห้องดับลงๆๆ จนบ้านทั้งหลังมืดสนิท
แจ๊สนอนมองรูปพ่อแม่อยู่ ผ่านไปเห็นพิมมาดาแง้มประตูมาดูแล้วปิดประตูอย่างเบา
จีจ้ากอดปอปคอร์น พอจีจ้าหลับ ป๊อบคอร์นคลานไปนอนที่นอนตน
พิมมาดาเดินเข้ามาห่มผ้าให้โจ๊กและจีจ้าบ่นงึมงำ
“เราบ้ารึป่าว ถึงให้อีตานั่นมาอยู่ร่วมชายคาเนี่ย”
พิมมาดา ห่มผ้าให้หลานทุกคนก็เดินกลับเข้าห้องตัวเอง เช็คล็อกประตู กดอย่างแน่นหนา แล้วไป
เปิดตู้ หยิบเอาไม้เบสบอลมาวางข้างตัว ก่อนนอน
ด้านกริสน์ยังไม่หลับ กำลังนั่งพิมข้อความส่งถึงภัทรดนัย
“แผน A ลุล่วง ต่อไปแผน B รอให้นายสุขสันต์เข้ามาในระยะประชิดยัยเจ๊โหดกว่านี้ก่อนนะเพื่อน”
กริสน์นอนลง เอามือก่ายหนาผาก ยังวิตกกับภารกิจนี้ไม่หาย
ในขณะที่พิมมาดาขยับถือไม้เบสบอลากำแน่น เหมือนเตรียมพร้อม แล้วผล็อยหลับไป
ฟ้าสางแล้ว....นาฬิกาดิจิตอลในห้องพิมมาดาบอกเวลาตี 5:58 เหมือนเช่นทุกๆ วัน พิมมาดา สวมเสื้อคลุมลายวาฟเฟิลสีนวลตา กำลังแต่งหน้าอยู่หน้ากระจกเหมือนวันอื่นๆ ในชีวิต เพียงแต่เช้าตรู่
ของวันนี้พิมมาดา แต่งหน้าอย่างอารมณ์ดี ชิลล์ๆ ไม่รีบเร่งร้อนรนเหมือนวันก่อนๆ
เสียงคนเป่านกหวีด ดัง วี๊ด แหลมแสบประสาทหู พิมมาดา สะดุ้งเขียนคิ้วผิดเฉไปที่หน้าผาก พิม
มาดาโกรธ ร้องกรี๊ดๆ
“เบี้ยวอีกแล้ว”
พิมมาดาเขวี้ยงดินสอเขียนคิ้ว ดึงสำลีมาเช็ดๆ แล้วออกจากห้องมาด้วยความหงุดหงิด
เสียงเป่านกหวีดยังคงดังต่อไป จนแทบจะประสาทเสีย แจ๊ส โผล่หัวออกมาจากผ้าห่ม พยายาม
เอามือปิดหูแล้วมุดกลับเข้าคลุมโปงต่อ โจ๊กอยู่ในตู้เสื้อผ้า นอนขดตัวงอ ลืมตัวเอากางเกงชั้นใน
ตัวเองมาปิดหู
ด้านจีจ้าร้องเสียงดังแข่งสู้กับเสียงนกหวีด ป๊อบคอร์นลืมตาขึ้นมา พยายามมุดตัวลงใต้พรมเพื่อ
ปิดการรับรู้
กริสน์ที่เป่านกหวีดอยู่ยื่นมาเข้าเคียงหน้าแจ๊สที่อยู่ในโปงผ้าห่ม กริสน์เอานกหวีดออกจากปาก
พูดเสียงเหี้ยม “ลืมไปแล้วใช่ไหม ว่าตกลงกันไว้ไง ถ้าไม่เชื่อฟัง ก็ต้องไปอินเดียกันให้หมด” เป่านกหวีดอีกที ใส่หูแจ๊ส
แจ๊สตลบโปงออก เด้งตัวลุกยืนขึ้น
ต่อมากริสน์ ยื่นหน้าเข้ามาในตู้เสื้อผ้าโจ๊ก
กริสน์ตะโกนเสียงดัง “ถ้าโดนส่งไปโรงเรียนดัดสันดาน ก็จะอดแฉความชั่ว ของไอ้คนนั้นกันหมด
แล้วคุณน้าคนดีของพวกนายก็จะเสร็จมัน!!” กริสน์เป่านกหวีดอัดในตู้สำทับ
โจ๊กตาเบิกโพลง กลิ้งตัวลงมาจากตู้
ครู่ต่อมากริสน์ไปยืนอยู่ข้างหน้าจีจ้า
“จะไปอยู่โรงเรียนประจำ หรือช่วยกันกระชากหน้ากากคนนิสัยไม่ดี หา?” กริสน์เป่านกหวีดซ้ำ
จีจ้าเอามือปิดหู “ตื่นแล้วค้า”
ป๊อบคอร์นที่ลุกขึ้นยืนเช่นกัน
ไม่นานหลังจากนั้นกริสน์ก็มายืนเป่านกหวีดอยู่ที่บริเวณโถงหน้าบันไดชั้นสองต่อ แจ๊ส โจ๊ก จีจ้า
ยังอยู่ในอาการงัวเงีย เอามือปิดหูออกมายืนหน้าห้อง ป๊อบคอร์นเห่าผสมโรง ยิ่งทำให้เสียงดังหนวกหูขึ้นไปอีก
พิมมาดาเปิดประตูห้องออกมาโวยวายใส่กริสน์ที่เป่านกหวีดปลุกเด็กๆ อยู่
พิมมาดาตะเบ็งสู้เสียงนกหวีด “นี่! ทำอะไรน่ะ หยุดเป่าเดี๋ยวนี้นะ!” กริสน์ยังเป่าต่อ พิมมาดา
ตะโกนแข่งอีก “เอ๊ะ! พูดไม่รู้เรื่องหรือไง บอกให้หยุด หูจะแตกอยู่แล้ว”
กริสน์หันมาเป่านกหวีด แบบเสียงสั้นใส่หน้าพิมมาดาดัง ปิ๊ด! พิมมาดาผงะ เงียบทันที
กริสน์ตั้งใจพูดกับพิมมาดา “รู้ว่าหนวกหู คุณยังจะมาตะโกนแข่งกับผมทำไมครับ?” หันมาหา
เด็กๆ ตีหน้าเข่งขรึม “เอาละเมื่อออกมากันครบแล้ว ทั้งหมด” เสียงเข้มสั่งแบบทหาร “จั๊ดแถว!”
แจ๊ส โจ๊ก และจีจ้า มองหน้ากันงงๆ กริสน์กระแอมอย่างวางมาด แล้วออกคำสั่งอีก
กริสน์วางมาดเข้ม สั่งด้วยน้ำเสียงแบบทหารอีกที
“จั๊ดแถว!” เด็กๆ ก็ยังคงงง กริสน์เซ็งพูดเสียงธรรมดา “จัดแถวไง
“อ้อ” เด็กๆประสานเสียงแล้วยืนเรียงหน้ากระดาน เล็ก เรียงไปโต โดยมีป๊อบคอร์นเป็นหัวแถว
กริสน์พูดไปเดินไปเหมือนตรวจแถวทหาร
“ฟังให้ดี เช้านี้ถือเป็นวันแรกสำหรับทุกคนที่เข้ารับการฝึกเข้มตลอด 1 เดือน จึงต้องขอบอกกติกา
ให้ทุกคนทราบว่า การฝึกของเรานั้นจะฝึกกันอย่างจริงจัง หนักหน่วง และเคร่งครัด ใครก็ตามที่ทำไม่เคารพกฏ หย่อนยาน ไม่ตั้งใจ ต้องถูกลงโทษ ทุกคนรับทราบ!” เด็กทั้งสามพยักหน้าหงึกๆ กริสน์เสียงดังอีก “รับทราบ ก็ต้องตอบรับว่า ทราบ! เข้าใจมั้ย?” เด็กๆพยักหน้าอีก “บอกให้ตอบว่า ทราบ ไง”
“ทราบ” เด็กทั้งสามบอกเสียงอ่อย
“เข้มแข็งกว่านี้!”
“ทราบ” เด็กทั้งสามตอบเสียงดัง
ป๊อบคอร์นเห่าเหมือนจะพูดว่า ทราบ! ตามเด็กๆ แต่เสียงดันดีเลย์ ทุกคนหันมามองป๊อบคอร์น อ
ย่างเซ็งๆ
“ระเบียบหย่อนยาน ตั้งแต่หมา” กริสน์มองกราดไปตั้งแต่ป๊อบคอร์น จีจ้า โจ๊ก แจ๊ส ไปจบที่พิม
มาดา “ยันคน...”
พิมมาดาหน้าชา กริสน์แอบยิ้มสะใจ
แจ๊ส โจ๊ก แปรงฟัน อาบน้ำอย่างรีบเร่งทั้งสระผม ถูสบู่
จีจ้าแปรงฟันอาบน้ำ อย่างยากลำบาก บีบยาสีฟันมากไปบ้าง-น้อยไปบ้าง / สระผมแล้ว แชมพูเข้าตา แสบตาร้องไห้ / ถูสบู่แล้วสบู่ลื่นหลุดมือ พยายามตามหยิบ แล้วก็หลุดหมือ หยิบแล้วก็หลุด ที่สุดแล้วเลยไม่ถูซะ
กริสน์นั่งดูนาฬิกาจับเวลาอยู่ที่โซฟาชั้นล่าง
แจ๊สใส่กระโปรงนักเรียน โจ๊กสวมเสื้อนักเรียน จีจ้าพยายามสวมถุงเท้าเองอย่างทุลักทุเล
หน้าปัดนาฬิกา เลขวินาทีลดลงจาก 10…9…8…7…6… แจ๊ส กับ โจ๊ก เปิดประตูห้องวิ่งลงมา
ข้างล่าง
5…4…3…2…1 จีจ้าสวมถุงเท้าไปด้วยวิ่งลงมาด้วย ป๊อบคอร์นคาบถุงเท้าวิ่งตามลงมา พิมมาดา
วิ่งตามลงมาด้วย กลัวจีจ้าจะลื่นล้ม
กริสน์คว้านกหวีดมาเป่าดัง ปี๊ด!! เป็นสัญญาณว่าหมดเวลา
เด็กทั้งสามยืนตัวตรงในสภาพการแต่งตัวที่เยินสุดขีด โดยเฉพาะ จีจ้านั้นเยินกว่าใคร ริมฝีปากยัง
มียาสีฟันติดเป็นคราบอยู่ ใส่เสื้อกลับด้าน ติดตะขอกระโปรงเบี้ยว ใส่ถุงเท้าได้ครึ่งข้าง เพราะอีกข้างหนึ่ง ป๊อบคอร์นคาบเอาไว้
กริสน์เดินเช็คความเรียบร้อยของการแต่งตัวแต่ละคน เริ่มจาก แจ๊ส
กริสน์จับชายเสื้อที่หลุดออกมานอกกระโปรง “ชายเสื้อหลุดออกนอกกระโปรง แทงปลาไหล สิบ
ครั้ง!”
“นี่คุณให้แจ๊สทำอะไร?” พิมมาดาไม่พอใจแย้งขึ้น
“แทงปลาไหล คงทำประมงมั้ง ถามได้ ก็ทำโทษนะซิ”
“ไม่ได้นะ จะมาทำโทษหลานฉันให้ทำอะไรน่าเกลียดแบบนี้ได้ยังไงกัน” พิมมาดาจะไม่ยอม
แจ๊สพูดหน้านิ่ง “ไม่น่าเกลียดหรอกค่ะน้าพิม สะใจดี!” แจ๊สแทงปลาไหลอย่างจริงจังมากๆ “หนึ่ง!
สอง! สาม!....”
จีจ้ากับโจ๊กอึ้งปนงง “พี่แจ๊สทำอะไรอ่ะ ไม่เห็นมีปลาไหลให้แทงเลย”
กริสน์หันไปยักคิ้วให้พิมมาดา พิมมาดากัดฟันกรอดๆ
กริสน์เดินตรวจโจ๊กต่อ โจ๊กแต่งตัวเรียบร้อยมากๆ ตั้งแต่หัวจรดเท้า
“...แต่งตัวเรียบร้อยดี” โจ๊กยิ้มแฉ่ง กริสน์เปลี่ยนเสียงเข้ม “แต่ซิปไม่ได้รูด!” โจ๊กหุบยิ้มทันที “วิดพื้น
ยี่สิบครั้ง”
“โหดเกินไปแล้วนะ ที่นี่ไม่ใช่ค่ายทหารนะ” พิมมาดาแย้งอีก
“ไม่เป็นไรหรอกครับน้าพิม ผมบ้าพลัง!” โจ๊กวิดพื้นอย่างมุ่งมั่น “หนึ่ง! สอง! สาม!...
กริสน์หันไปยักคิ้วให้พิมมาดาอีก พิมมาดายิ่งแค้น
คราวนี้กริสน์เดินตรวจมาที่จีจ้าเป็นคนสุดท้าย เห็นแล้วก็อดขำไม่ได้ จีจ้าคอตกรู้ตัว
“แต่งตัวได้เยินมาก เยินกว่านี้มีอีกมั้ย?” กริสน์ปรายตามองพิมมาดา “นี่แสดงว่าไม่เคยมีใครสั่ง
สอนให้แต่งตัวเองเลยซินะ”
พิมมาดาร้อนตัวเอ่ยขึ้น “ก็จีจ้ายังเด็ก ก็ต้องมีคนคอยช่วยแต่งให้สิ”
แจ๊สพูดหน้านิ่ง “น้าพิมร้อนตัว”
“ยัยแจ๊ส!..” หันมาพูดกับกริสน์พร้อมเช็ดคราบยาสีฟันที่ปากของจีจ้า “แล้วนี่ เด็กอายุขนาดนี้เขา
ให้ผู้ใหญ่แปรงฟันให้ เด็กๆ แปรงเองจะไม่สะอาด แล้วฟันจะผุถ้าจีจ้าฟันผุแล้ว...”
กริสน์เป่านกหวีดดัง ปิ๊ด! พิมมาดาจึงเงียบแต่โกรธจนหน้าแดง กริสน์พยายามกลั้นหัวเราะสุด
ชีวิต แล้วกลับมาเก๊กต่อ
“กฏก็ต้องเป็นกฏ แต่งตัวไม่เรียบร้อยภายในเวลาที่กำหนดยังไงก็ต้องถูกทำโทษ แต่เห็นแก่ว่ายัง
เป็นเด็กอยู่จะลดโทษให้กึ่งหนึ่ง” จีจ้ายิ้มแต้ “กระโดดกัดหูตัวเอง ห้าครั้ง”
“หา! จะบ้าเหรอ จะให้จีจ้ากระโดดกัดหูตัวเองได้ยังไง?!
“หรือจะให้จีจ้ากระโดดกัดหูคุณ” กริสน์ว่า
“คุณมันโรคจิตแล้ว” พิมมาดาตวาด
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะน้าพิม กระโดดกัดหูตัวเอง ดีกว่ากระโดดกัดหูเพื่อน อีกอย่างจีจ้าว่า มันดู
เหมาะกับราชินีนักบู้อย่างจีจ้าสุดๆ”
กริสน์เดินเข้าไป ทำหน้าเหี้ยมใส่พิมมาดา “ถ้าคุณอยากจะให้ผมแก้ไขพฤติกรรมหลานๆ คุณให้
มันได้ผล...คุณก็เลิกทำตัวเป็นอุปสรรคของผมซะที”
พิมทำท่าจะเถียง แล้วสะบัดหน้า เชิดเมิน
“หึๆๆ” เดินมองพิมมาดารอบๆตัว อย่างยั่วๆ
พิมกัดฟันอย่างอดทน หันไปทางอื่น แล้วอมยิ้มเยาะ
“เอา..ลองดูว่านายจะทนได้กี่วัน..หึๆ”
“ดีมาก..” กริสน์เดินกลับมาหาจีจ้า “จีจ้า กระโดดกัดหูตัวเอง 5ครั้ง! ปฏิบัติ”
จีจ้ากระโดดกัดหูตัวเอง กริสน์หันไปยักคิ้วให้พิมมาดาแบบยียวนสุดๆ พิมมาดามองตาดุฝากไว้
ก่อน
ที่บนโต๊ะอาหารเวลานี้ ทุกอย่างว่างเปล่าหมดแล้ว แจ๊ส โจ๊ก จีจ้า และป๊อบครอ์นนั่งอยู่บนเก้าอี้
รอบโต๊ะ โดยตั้งแขนขวาทับแขนซ้ายวางอยู่ระดับอก ตัวตรง ตาจ้องมองไปข้างหน้าแบบทหารที่ต้องทำก่อนกินข้าว ทุกคนแต่งตัวเรียบร้อยหมดแล้ว กริสน์เดินไปมาพร้อมกับวางมาดเข้ม
จีจ้าเมื่อย แขนค่อยๆ ลดต่ำลง ทันใดนั้น ก็มีฟุตเหล็กฟาดลงมากับดัง เพี๊ยะ! จีจ้าสะดุ้งรีบเอา
แขนกลับขึ้นไปที่เดิม
“มาแล้วค่ะ” เสียงเต๋าดังขึ้นก่อนตัว
เต๋ายกจานใส่แซนด์วิชประมาณ 4-5 ชิ้นเข้ามา เต้ยเดินนวยนาดเข้ามาด้วย เต๋าวางลงบน
โต๊ะบรรยายาสรรพคุณ
“แซนด์วิชร้อนๆ สดจากเตาคะ อาหารเช้าสำหรับเด็กๆ” เต๋าชายตามองกริสน์ “และคนที่คุณรัก
“ปกติเห็นทำข้าวต้ม ทำไมวันนี้เปลี่ยนเมนูละ” พิมมาดาสงสัย
“แหม พี่พิม...เต๋าก็กลัวเด็กๆจะเบื่อบ้างนี่คะ และอีกอย่าง...”
เต้ยรีบแทรก “พี่เต๋าก็อยากให้ใครบางคนรู้ว่า เขาชอบ” ทำหน้าอย่างมีเลศนัย “แซนด์วิช อิๆๆ”
เต๋าและเต้ยคิกคักกัน แล้วเข้าไปประกบหน้าหลังกริสน์
“คุณกริสน์ล่ะครับ..ชอบรับประทานแซนวิชไหมเอ่ย...”
กริสน์มองหน้า ไม่ตอบ เอานกหวีดใส่ปาก แล้วเป่านกหวีดเสียงดัง ปิ๊ด! กะเทยกระเด็นไป กริสน์
หันมาที่เด็กๆ เป่าอีกที ทุกคนเงียบทันที แล้วยืนตัวตรง
“ทุกคน..ลงมือได้ ปฏิบัติ”
“ทราบ” เด็กทั้งสามร้องพร้อมๆ กัน
แจ๊ส โจ๊ก เอื้อมมือไปหยิบแซนด์วิช ลุกจากโต๊ะ เก็บเก้าอี้ แล้ววิ่งออกไปเพื่อขึ้นรถ อารามรีบ โจ๊ก
ชนโต๊ะน้ำหกใส่ขากางเกงกริส์นข้างหนึ่ง
“โอ๊ะ”
พิมมาดาหัวเราะเยาะ
“โทษครับลูกพี่”
พูดเสร็จโจ๊กรีบวี่งไปทันที
“ท่าจะไม่ถึงเดือนซะละมั้ง ฮ่าๆ” พิมมาดาเยาะแกมเย้ย
กริส์นโมโห แต่ทำอะไรไม่ได้ หันมาเจอจีจ้าที่ยังนั่งอยู่ในท่าเดิม
กริสน์สั่งเสียงเข้ม “ทำไมไม่หยิบ จะขัดขำสั่งลูกพี่หรือไง? เดี๋ยวสั่งปั่นจิ้งหรีดซะเลย
“ก็อยากหยิบอยู่ค่ะ” จีจ้าจะร้องไห้ “แต่จีจ้าตะคริวกินแขน ขยับไม่ได้ครับ”
ทุกคนมองหน้ากันอึ้งๆ
พิมมาดารีบวิ่งเข้ามาดูจีจ้า มองหน้ากริสน์แบบยัวะสุดๆ
เช้าวันเวลาเดียวกัน เสี่ยอธิปวางแก้วน้ำชาร้อนลงบนจานรอง แล้วแม่บ้านรินเพิ่มให้ เน้นที่น้ำชาสี
เข้ม อธิปนั่งกินข้าวอยู่กับโอปอ และจตุพล โดยมีเดช กับ น้อมพงษ์ยืนอยู่ข้างหลัง โอปออยู่ในชุดนักเรียน
น้ำเสียงอธิปฟังดูตื่นเต้น “ไปกันหรือยังจ๊ะ?”
“สรุปหนูหรือป๊าที่ย้ายโรงเรียนกันแน่เนี่ย?” โอปอแซว
“แหมๆๆ ก็โอปอสุดดวงใจของป๊าจะไปเรียนโรงเรียนใหม่เป็นวันแรกป๊าก็ต้องตามไปดูซิ”
“ใช่แล้วครับ เพราะโรงเรียนเปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของเด็กๆ เป็นสถานที่ให้การศึกษา และ
พัฒนาความสามารถของเยาวชน จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เสี่ยจะต้องไปตรวจสอบให้แน่ใจว่า โรงเรียนที่คุณหนูโอปอมีคุณภาพ และมาตรฐานคู่ควรกับที่จะเป็นบ้านหลังที่สองของคุณหนูครับ”
เดชบรรยายจบ จตุพลเบี่ยงหน้าหลบ แอบเบะปากหมั่นไส้
“จตุพล” อธิปเรียก
จตุพลรีบเปลี่ยนสีหน้าทันที “ครับอากู๋”
“เดี๋ยวฉันจะเข้าไปที่โรงงานสายหน่อยนะ ฝากดูแทนด้วย หมู่นี้คนงานมีทั้งหน้าแปลก และก็แปลก
หน้า ฉันไม่อยากให้มีพวกเหล่าร้ายมาแฝงอยู่ในโรงงาน”
จตุพลอึ้งไปนิดนึงหลุดปากต่อหน้าโอปอ
“ในโรงงานเรา จะมีใครร้ายไปกว่าหัวหน้าแก๊งอย่างกู๋อีกเหรอครับ”
ทุกคนเงียบกริบ
“ป๊าร้ายยังงัยคะ คุณอา?”
“วะ ฮ่ะๆๆๆ อาแกล้งพูดเล่น พูดให้ตลก ป๊าจะได้หายเครียด ฮ่ะๆๆๆๆ”
“ไปกันเถอะป๊า” โอปอเร่งอธิป แต่ถูกน้อมพงษ์เรียกเอาไว้
“นายอธิป..อย่าลืมดื่มยาบำรุงครับ” น้อมพงษ์รีบยกแก้วยาสีดำยื่นให้
“เออ..จริง” อธิปเดินกลับมา ยกแก้วยา ซดจนเกลี้ยง
เสี่ยอธิปโอบไหล่โอปอออกไปโดยมีเดชช่วยหิ้วกระเป๋าตามไป จตุพลมองตาม สายตาเปลี่ยนจาก
ยิ้มแย้มเป็นโหดเหี้ยม
เสียงโทรศัพท์ของน้อมพงษ์ดังขึ้น น้อมพงษ์กดรับสาย หันมองซ้ายขวาเห็นว่าไม่มีใคร แล้วจึงยื่น
โทรศัพท์ให้จตุพล
สุขสันต์กำลังนอนอยู่บนเก้าอี้สระผม มีคนคอยสระผมให้ มีคนในบ้านอีกคน กำลังทาเล็บมือแบบ
ใสๆ สุขภาพดีให้อย่างประณีต ขณะที่ฉัตรชัยยืนอยู่ข้างๆ คอยสั่งคนในบ้านให้ปรนนิบัติสุขสันต์ตามสเต็ป สุขสันต์คุยโทรศัพท์กับจตุพลอยู่
“ว่าไง..เริ่มภารกิจ พิสูจน์ตัวเองให้ชั้นเห็น ว่านายคือคนที่เหมาะสมหรือยัง...”
“ผมเริ่มให้ยาบำรุงสูตรพิเศษ กับอากู๋แล้วครับ”
“โอ้ว..ดี..แบบนี้แปลว่า..ไม่เกิน 3 เดือน..เราก็จะเห็นผล”
“ยามันจะค่อยๆ ออกฤทธิ์ไปเรื่อยๆ ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตแน่ ส่วนทางมิสเตอร์แฮมฟาย เขาอีเมล์มา
ว่าของพร้อมแล้วนะครับ เหลือแต่รอคำสั่งจากท่านเท่านั้น” จตุพลรายงาน
“บอกแฮมฟายว่าอีกสามวันเอาของเข้ามาได้เลย เพราะฉันจะเตรียมทาง สวยๆ ซอท์ฟๆ ไว้ให้..”
สุขสันต์กรีดนิ้วนิดๆ ดูเล็บที่ทาเสร็จไปแล้วข้างหนึ่ง พร้อมๆ กับที่สระผมเสร็จพอดี จึงลุกขึ้นนั่ง
“ครับผม” จตุพลยิ้มรับคำ
จังหวะนั้นแพรวพิลาศเดินเข้ามาจากนอกบ้าน ถือถุงช็อปปิ้งล้วนเป็นของแบรนด์เนมเข้ามา และ
ทันได้ยินประโยคสุดท้ายพอดี จึงรีบถาม
“อะไรสวย อะไรซอท์ฟ เหรอคะ?”
สุขสันต์หันไปตามเสียงพร้อมกับส่งจูบให้
“โอ..คุณซื้อมอยซ์เจอไรเซอร์มาให้ผมหรือเปล่าครับ แพรวพิลาศ”
แพรวพิลาศเปิดถุงออกมาอวด เป็นเครื่องสำอางล้วนๆ “สำหรับคุณ..ชั้นเลือกเป็นผลิตภัณท์ไวเท
นนิ่งล้วนๆ ตัวใหม่ ชั้นว่า..หมู่นี้คุณชักจะคล้ำๆ ไปหน่อย ไม่ค่อยทากันแดดหรือคะ”
สุขสันต์ร้อนตัว รีบหยิบกระจกมาส่องหน้า “โอ๊ว..จริงเหรอ ผมหน้าคล้ำไปหรือ แย่จริง” หันมาทาง
ฉัตรชัย “ฉัตรชัย..แกนั่นแหละ ทีหลังเวลาออกไปหาเสียงกลางแดด..แกควรจะหาร่มกันแดดให้ฉัน เข้าใจไหม”
แพรวพิลาศเดินเข้ามา หยุดมองฉัตรชัยด้วยสีหน้าตำหนิ
“หลีก..ไปคั้นน้ำทับทิมสดมาให้ชั้นกะคุณสุขสันต์คนละแก้วซิ ไม่ต้องเติมน้ำตาลนะ”
ฉัตรชัยก้มหน้า แล้วบอกยอกย้อนกลับนิดๆ “ผมทราบ..ว่าท่านไม่รับน้ำตาลอยู่แล้วครับ”
แพรวพิลาศแหวใส่ “หมายความว่าไง..แกหมายความว่า..แกรู้แล้ว..ฉันไม่ต้องบอก..งั้นหรือ”
แพรวพิลาศโมโหแย่งที่ทาเล็บใสจากแม่บ้าน มาทำหน้าที่ทำเล็บให้สุขสันต์แทน ฉัตรชัยก้มหน้างุด
แล้วรีบออกไป
“คุณยังไม่ตอบแพรวเลย ว่าอะไรสวย อะไรซอฟท์” แพรวพิลาศถามขณะทาเล็บให้สุขสันต์
“คุณชอบดอกไม้ไหม แพรวพิลาศ”
“ผู้หญิงที่ไหนจะไม่ชอบดอกไม้ล่ะคะ”
“ผมจะทำธุรกิจนำเข้าดอกไม้ คุณจะมีดอกไม้นอก..ให้เลือกไปแต่งบ้านท่านหัวหน้าพรรคทุกวัน..
หรือแพรวอยากมีทางเดินที่ปูด้วยกลีบกุหลาบ..ผมก็จะจัดให้”
แพรวพิลาศเลื่อนตัวขึ้นมานั่งบนตักสุขสันต์
“โอ๊ว..ดีจัง สุขสันต์..ฉันนึกวิธีดึงสตางค์ของพรรคพ่อ มาเข้ากระเป๋าเราได้อีกทางแล้ว”
“ยังไง”
แพรวพิลาศกอดคอสุขสันต์อย่างรักใคร่
“ถ้าคุณทำธุรกิจดอกไม้ ฉันก็จะบอกให้พ่อไปบังคับว่า..หากนักการเมืองในพรรคเรา จะส่งดอกไม้
ไม่ว่าแจกัน กระเช้า หรือช่อดอกไม้อะไรให้ใคร..ต้องมาสั่งจากร้านของคุณ คิดดูสิคะ สุขสันต์..วันๆ นึง พวกนักการเมืองเค้าส่งดอกไม้กัน วันละมากมายแค่ไหน แล้วเค้าก็ส่งกันทั้งปี..แบบนี้ เราจะรวยกันใหญ่นะคะ” แพรวพิลาศเล่าถึงแผนการตลาด
“โอ๊ว..ดีจัง ผมชอบ..เราจะรวยกันใหญ่ด้วยวิธีสุจริตแบบทุจริต..มันยอดมากเลย สุดที่รัก”
สุขสันต์ดึงตัวแพรวพิลาศโน้มลงมาจูบ ส่วนอีกด้านหนึ่งฉัตรชัยแอบดูอยู่ ทำหน้าอย่างมีเลศนัย
บางอย่าง
เวลานั้นแจ๊ส โจ๊ก จีจ้า กำลังกินแซนด์วิชในรถ โดยมีกริสน์ขับรถไป
จีจ้า เห็นผักกาดหอมในแซนด์วิชแล้วไม่ชอบ ก็หยิบออกแล้วเขวี้ยงทิ้งไปข้างหลัง ปรากฎว่าผักกาดหอม มาแปะแหมะอยู่บนผมแจ๊สซะงั้น แจ๊สค่อยๆ หยิบขึ้นมาดู สีหน้าแววตาโกรธมากแต่
ไม่พูดอะไรออกมา จัดการปาผักกาดหอม กลับไปใส่จีจ้า จีจ้าโวยวาย
“พี่แจ๊สปาผักใส่จีจ้าทำไม?”
“อยากปา” แจ๊สบอกหน้าตาเฉย
จีจ้าโมโห ปาผักคืนไป แจ๊สก็ปาคืนมาอีก จีจ้าคว้าขนมปังขึ้นมาจะปาใส่แจ๊ส แต่แจ๊สหลบทัน เลย
ไปโดนหน้าโจ๊กเลอะซอสมะเขือไปหมด โจ๊กใช้มือปาดออกช้าๆ แล้วหยิบขนมปังขึ้นมาปาบ้าง
“หยุดกันได้แล้ว” กริสน์ร้องบอก
“แกล้งกันสองคน แล้วมาเกี่ยวอะไรกับเราเล่า” โจ๊กโวยที่โดนลูกหลง เลยร่วมด้วยช่วยแกล้ง
สถานการณ์เริ่มวุ่นวาย ทั้งสามปาแซนด์วิชใส่กันไปมา กริสน์พยายามห้าม แต่เด็กๆ ไม่มีใครยอม
ฟัง แล้วจังหวะหนึ่งแซนด์วิชพลาดเป้าปามาโดนกริสน์จนเละเทะเต็มๆ กริสน์ที่กำลังขับรถอยู่ทนไม่ไหว ตะโกนร้องลั่นออกมา
“อ้าก”
เด็กๆ ตกใจหยุดชะงัก หันมองกริสน์ กริสน์จอดรถลงจอดข้างทาง เบรกเอี๊ยดกระชั้นชิด
ครู่ต่อกริสน์ขับรถต่อด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างมีความสุข ในขณะที่ 3 แสบ แจ๊ส โจ๊ก จีจ้าถูกถุงเท้า
มัดข้อมือทั้งสองข้างเอาไว้ทั้งสามคน จนต้องเงียบไม่มีทางทำอะไร
กริสน์ยิ้มเหี้ยมบ่นงึมงำ “ชอบให้ลูกพี่โหดตลอดๆๆๆๆ”
บรรยากาศการจราจรหน้าโรงเรียนคับคั่ง วุ่นวาย และติดขัด ที่หน้าโรงเรียน มี รปภ. คนหนึ่งคอย
ยืนปล่อยคิวรถผู้ปกครองที่จะมาจอดส่งนักเรียนให้ไปจอดข้างหน้า เลยไปอีก เพราะรถติด มีรั้วกั้นห้ามจอดวางไว้ด้วย
รถกระบะที่กริสน์ขับกำลังจะเข้าจอด ถูกรปภ. เป่านกหวีดไล่เต็มแรง กริสน์บ่นไปขับไป
“เป่าจริง! รู้แล้วว่าจอดไม่ได้ ไม่ต้องเป่าไล่ขนาดนี้หรอกเว้ย”
“อย่าพูดเว้ยซิคะ ลูกพี่...”
“เค..เค..ขอโทษครับผม..”
กริสน์ขับรถออกไป
กริสน์ขับรถวนมาแต่ไม่มีที่จอดเลย
“อะไรกันเนี่ย..เต็มขนาดนี้”
กริส์นสังเกตเห็นมีที่ว่างอยู่ที่หนึ่งแต่ขนาดพอดีคันมากๆ คับแคบสุดๆ กริสน์ขับเลยไป แต่แล้วจู่ๆ กริส์นตัดสินใจเบรกหยุดรถ แล้วหันมาแกะถุงเท้าที่มัดมือทุกคนออกอย่างเร็วก่อนที่จะมีรถตามมา
“ทำอะไรลูกพี่ จอดกลางถนนแบบนี้เลยเหรอ” โจ๊กงง
“เอา..ทีนี้จับซีทเบลท์ให้แน่นนะ” กริสน์สั่ง
เด็กๆทำหน้างงๆ จังหวะนั้นกริส์นถอยรถอย่างเร็ว แล้วดึงเบรกมือให้รถหมุนคว้างสไลด์ตัวเข้าไปจอดที่จอดแคบคับได้พอดีเป๊ะ เด็กๆ วี๊ดว๊ายกันสนั่นลั่นรถ
“ถึงแล้ว ลงไปกันได้...”
แต่เด็กทั้งสามยังนั่งนิ่งๆ กริสน์นึกว่าเป็นเพราะยังไม่หายตกใจ
“อุ้ย...ขอโทษที หวาดเสียวไปนิด...”
“ใครบอกละครับ โจ๊กว่า สนุกดีออก เคยเห็นแต่ในหนัง” โจ๊กบอก
“ใช่แล้วครับลูกพี่ เป็นการมาโรงเรียนตอนเช้าที่สนุกที่สุด” จีจ้าร่าเริงสุดๆ
“อย่าให้น้าพิมรู้แล้วกัน”
แจ๊สยิ้มออกมา แล้วเด็กๆ ก็พากันเปิดประตูลงจากรถ กริสน์ส่ายหน้าเซ็งๆ แล้วลงรถตามไป
อ่านต่อตอนที่ 4