มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 4
ที่หน้าประตูทางเข้าโรงเรียน ครูฟ้าใสยืนรับเด็กๆ อยู่หน้าโรงเรียน แจ๊ส โจ๊ก จีจ้า เดินเข้ามา
วางกระเป๋า แล้วยกมือไหว้ทำความเคารพครูฟ้าใสอย่างนอบน้อม ครูฟ้าใสหันมาเห็น เหลือบตาดูนาฬิกา แล้วมองเด็กทั้งสามอย่างประหลาดใจเป็นที่สุด
“โอ้วมายกอด! เซอร์ไพร้ส์มากๆ นี่พวกเธอสามคนมาโรงเรียนก่อนเวลาเคารพธงชาติเหรอเนี่ย?” ครูฟ้าใสแหงนหน้ามองฟ้า “นี่สโนว์จะตกในเมืองไทยหรือเปล่า?”
กริสน์ก้าวตามเข้ามาแล้วได้ยินที่ครูฟ้าใสพูดพอดีจึงถามขึ้น
“ปกติเด็กสามคนนี้มาโรงเรียนสายเป็นประจำเหรอครับ?”
ครูฟ้าใสหันมาตามเสียงของกริสน์ พอเห็นหน้ากริสน์ก็ปิ๊งขึ้นมาทันที
“โอ้วว..สมาร์ท แมน แฮนด์ซัม ล่ำ หล่อ” ครูฟ้าใสพูดเป็นชุด กริสน์ทำหน้างงๆ “ฮู อาร์ ยู คะ?”
กริสน์อึกอักงุนงงกับอาการของครูฟ้าใส
“ฮีทส์ เนม อีส กริสน์ เป็นลูกพี่ของพวกเราครับ เอ้ย! คะครู” จีจ้าตอบแทน
“คริสส” ครูฟ้าใสทวนชื่อ
“กริส์นค่ะ” แจ๊สบอก
“กริส์น” ครูฟ้าใสทวนชื่ออย่างงงๆ “ลูกพี่”
“อ้อ..จีจ้าหมายถึง พี่เลี้ยงน่ะครับ คุณพิมให้ผมมาดูแลพวกเด็กๆแทนเธอ” กริสน์บอก
“โอ ไอซี เบบี้ซิตเต้อร์”
โจ๊กแนะนำตัวแทนครู “ส่วนนี่คือ ครูฟ้าใส ครับ เป็นครูสอนภาษาอังกฤษ และเป็นครูประจำชั้นของพี่แจ๊ส”
แจ๊สพูดแทรกขึ้นมานิ่งๆ “ที่ชอบพูดไทยคำ อังกฤษคำ แต่สอนไม่รู้เรื่องเอาซะเลย”
แจ๊สพูดจบแล้วก็เดินจากไป ทิ้งให้ทุกคนยืนอึ้ง ส่วนครูฟ้าใสหน้าเจื่อน กริสน์ต้องรีบออกตัวแทน
“เพราะอย่างนี้ไงครับ คุณพิมถึงให้ผมมาดูแลเด็กๆ”
ครูฟ้าใสกัดฟันยิ้ม “เข้าใจคะ เข้าใจ”
เสียงแตรรถจักรยานขายซาลาเปาดังขึ้นเหมือนรหัส ปิ๊บๆ ปิ๊บๆๆ ปิ๊บๆ ปิ๊บๆ ปิ๊บ กริสน์ได้ยินก็เข้าใจจึงหันไปมอง เห็นภัทรดนัยที่ปลอมตัวเป็นพ่อค้าขายซาลาเปาขี่รถผ่านมา ภัทรดนัยยักคิ้วส่งซิกส์ให้กริสน์
“เดี๋ยวผมขอตัวไปซื้อขนมจีบซาลาเปามาให้เด็กๆก่อนนะครับ พวกแกยังไม่ได้ทานข้าวเช้าเลย”
“ใครว่า พวกเราเพิ่งกินแซนวิชไปเมื่อกี้เองนะค๊ะ” จีจ้าบอก
“ใช่ ยังอิ่มอยู่เลย” โจ๊กสนับสนุน
กริสน์พูดเสียงดัง “เป็นเด็กต้องกินเยอะๆ จะได้มีอาหารไปเลี้ยงสมอง จะได้ไม่โง่เข้าใจมั้ย?”
ครูฟ้าใสมองกริสน์อย่างอึ้งๆ กริสน์เริ่มรู้ตัวจึงเปลี่ยนเสียงเป็นนุ่มนวล
“กินเยอะๆ โตขึ้นจะได้หน้าตาดี เหมือนครูฟ้าใส” กริสน์หันไปพูดกับครูฟ้าใส “จริงมั้ยครับคุณครู?”
ครูฟ้าใสได้ยินเช่นนั้นก็อายม้วน กริสน์รีบเดินออกไปทันที โจ๊กกับจีจ้ามองครูฟ้าใสที่อายจนหน้าแดงอย่างขำๆ
กริสน์เดินออกมาหน้าโรงเรียน บริเวณที่ รปภ. ไล่รถทุกคันไม่ให้จอด รถเบนซ์คันใหญ่ของเมทินีแล่นเข้ามา รปภ. รีบยกรั้วกั้นออกให้จอดทันที รปภ. วิ่งไปรับทิปจากคนขับรถ กริสน์เห็นเช่นนั้นก็หงุดหงิด
“นี่ไงตัวการ..ทำคนนิสัยเสียหมด” กริสน์พูดกับตัวเองแล้วเดินอย่างหัวเสียออกไป
รถสปอร์ตราคาแพงอีกคันแล่นเข้ามาต่อท้ายรถของเมทินี รปภ.วิ่งมาเปิดประตูรถเบนซ์ให้แล้วโค้ง รปภ. ยื่นมือไปให้เมทินีจับ เมทินีจับเพื่อประคองตัวแล้วก้าวออกมาอย่างเชิดๆ
อธิปกับโอปอที่นั่งอยู่เบาะหลังและเดชที่เป็นคนขับรถสปอร์ตมองรถเมทินีที่อยู่ข้างหน้า
“อีคุณหญิงรถคันหน้านี่มันจะนวยนาดไปไหนวะ? ลงจากรถไม่เสร็จซะที” อธิปบ่น
“ลักษณะไขข้อกระดูกแกคงจะเสื่อม หรือไม่ก็เป็นเก๊า เลยต้องมีคนคอยประคอง หรือไม่ ก็อาจจะออกลำบาก เพราะผมแกใหญ่มากคับประตูรถครับเสี่ย” เดชว่า
“เดช แกบีบแตรเรียก ยาม มาเคลียร์ซิ” อธิปสั่ง
โอปอรีบแทรก “ไม่ต้องหรอกป๊า ขับไปจอดข้างหน้าก่อนดีกว่า โอปออยากซื้อขนมกินด้วย”
เดชหักหัวรถแล้วขับออกไป เมทินีก็ยังคงนวยนาดไม่เสร็จ มีสายตาของใครบางคนกำลังจ้องเมทินีอยู่จากกำแพงข้างโรงเรียน โดยที่มีมือถือยื่นไปถ่ายคลิปเมทินีไว้ด้วย
ริมฟุตบาทข้างรั้วโรงเรียน ภัทรดนัยที่ปลอมตัวเป็นพ่อค้าขายขนมจีบซาลาเปากำลังส่งถุงขนมจีบให้ลูกค้าอยู่ กริสน์เข้ามาทำทีซื้อของ โดยมีเด็กนักเรียน 2-3 คนรอซื้ออยู่
กริสน์ถามเป็นรหัส “พี่ซาลาเปาว่าไง?”
ภัทรดนัยตอบเป็นรหัสเช่นกัน “ได้แล้ว แต่คราวนี้ไม่สุก ไม่หอม ไม่เห็น”
เด็กนักเรียนที่ยืนรอซื้อมองกริสน์กับภัทรดนัยคุยกันอย่างงงๆ
“เฮ้ย! แล้วแบบนี้จะได้กินมั้ย?” กริสน์ถามต่อ
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่อีกสามวันจะมาเสิร์ฟ?”
เด็กๆ ยิ่งฟังก็ยิ่งงง
“แล้วยกมายังไง? ใครยกมา?” กริสน์ถาม
“มีแต่ไส้หนูตาบอด กับไส้แมงสาปหูหนวก” ภัทรดนัยบอก
เด็กๆ เริ่มทนไม่ไหว “โอ้ย! ซาลาเปาไส้หนูตาบอด ไส้แมงสาปหูหนวก..แหวะ”
เด็กนักเรียนร้องอี๋แล้ววิ่งออกไป กริสน์กับภัทรดนัยมองตามอย่างงงๆ
“ไปซะได้ก็ดีแล้ว ฉันจะได้พูดกับแกแบบเคลียร์ๆซะที” ภัทรดนัยพูด
“โอเค สรุปว่าจะมีการเอายาเข้ามาในอีกสามวันนี้ใช่มั้ย?”
“ใช่” ภัทรดนัยตอบ
“ แล้วไอ้ยานี่ก็เป็นยาชนิดใหม่ที่ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ต้องพิสูจน์ในห้องแลบท์เท่านั้นใช่มั้ย?”
“ใช่” ภัทรดนัยตอบ
“ ที่สำคัญคือตอนนี้ยังหาตัวคนอยู่เบื้องหลังไม่ได้”
“ใช่” ภัทรดนัยตอบ
“ และยิ่งไปกว่านั้นคือ ยังไม่รู้อีกต่างหากว่าพวกมันจะนำเข้ามาทางไหน?”
“ใช่” ภัทรดนัยตอบ
“ เฮ้ย! นี่แกมีข้อมูลอะไรบ้างวะเนี่ยไอ้ดนัย?”
“ถ้ารู้ข้อมูลได้ง่ายๆ แกจะต้องเสี่ยงชีวิตมาสืบแบบนี้เหรอ?” ภัทรดนัยบอกแล้วทำเสียงจริงจัง “แกต้องรีบแล้วนะไอ้ กริสน์ เพราะถ้ายาล๊อตแรกมันเล็ดลอดเข้ามาได้ ประเทศไทยแย่แน่”
ภัทรดนัยส่งถุงซาลาเปากับขนมจีบให้กริสน์ กริสน์รับแล้วรีบเดินจากไป
รถสปอร์ตของเสี่ยอธิปแล่นเข้ามาจอดเทียบข้างรถซาลาเปา เดชกดกระจกลงแล้วยื่นหน้าออกมา
สั่ง
“น้องๆ เหมาซาลาเปาหน่อย เหลือกี่ลูกเอามาให้หมดเลย”
“ครับพี่” ภัทรดนัยตอบแล้วก็รู้สึกคุ้นหน้าเดชจึงพึมพำกับตัวเอง “ทำไมไอ้นี่มันหน้าคุ้นๆวะ”
อธิปกดกระจกลงมาจากเบาะหลัง
“ไอ้น้องเอาขนมจีบมาด้วย มี่เท่าไหร่ฉันเหมาหมด”
ภัทรดนัยตกใจจนตาค้าง เดชเห็นภัทรดนัยชะงักไปก็ส่งเสียงดัง
“ไม่ได้ยินที่เสี่ยสั่งหรือไงไอ้น้อง รีบๆจัดมาเร็วๆเข้า เสี่ยจะเอาไปเลี้ยงเพื่อนใหม่คุณหนู ช้าเดี๋ยวปาระเบิดใส่ร้านเลย”
“ครับพี่ครับ” ภัทรดนัยพูดกับตัวเอง “นายอธิป..มาทำอะไรที่นี่..ไอ้กริสน์ ซวยแล้วเพื่อน”
ภัทรดนัยรีบเอาซาลาเปาใส่กล่องส่วนในใจก็คิดเป็นห่วงกริสน์
ที่ถนนหน้าโรงเรียน เมทินีกำลังจัดปกเสื้อปาล์ม ลูกชายของเธอที่ยืนหันหลังอยู่ เมทินีพยายามยิ้มแต่ก็ยิ้มได้ไม่มากเพราะเพิ่งไปฉีดโบท๊อกซ์มา
“หล่อที่สุดเลยลูกแม่” เมทินีพูดแบบไม่ขยับปาก
ปาล์มในสภาพผมใส่เจลเรียบแปล้ติดกระดุมเสื้อถึงคอหันหน้ามา หน้าตาของเขามั่นใจในความหล่อของตัวเองเป็นอย่างมาก ปาล์มหันมายักคิ้วให้เมทินี
“บ๊ายบาย หม่ามี้”
เมทินีโบกมือบ๊ายบายลูกแล้วทำท่าภูมิใจ
“ลูกปาล์มของแม่นี่เท่ห์จริงๆ”
“ทรมานมั๊ยครับหม่ามี้เวลาพูดน่ะ” ปาล์มถามประชด
เมทินีมองค้อน “ก็แม่ไปฉีดโบท๊อกซ์มา หน้ามันตึงเข้าใจมั้ย? อย่าให้แม่ต้องพูดมาก เมื่อยกล้ามเนื้อหน้า”
“อย่างอื่นตึงด้วมั๊ยครับหม่ามี้” ปาล์มถาม
“อะไร้.” เมทินีลืมตัวขยับปากเยอะ “โอย..เจ็บ..เจ็บ” เมทินีจับปากตัวเอง
“ฮ่าๆ..ไปน๊ะครับหม่ามี๊” ปาล์มลาแล้วรีบไป
ปาล์มเดินเข้าโรงเรียนไปอย่างเท่ มีลูกสมุนเดินเข้ามาประกบซ้ายขวาข้างละคน เมทินีมองปาล์มที่เดินเข้าโรงเรียนไป ปาล์มเดินผ่านกลุ่มเด็กนักเรียนหญิงที่ยืนอยู่แถวนั้น เด็กนักเรียนหญิงเห็นปาล์มก็กรี๊ดลั่น!
เมทินีสะกิดรปภ. “นี่ๆ ดูซิว่าลูกปาล์มเท่ห์ขนาดไหน แค่เดินผ่าน สาวๆก็กรี๊ดแล้ว”
รปภ.สะกิดเมทินี “ที่สาวกรี๊ดน่ะ คงเป็นเพราะคุณปาล์มแกเหยียบอึหมามากกว่า”
“อึหมา?”
เมทินีงงแล้วมองตามไปเห็นเท้าของปาล์มเหยียบกองขี้หมาเข้าเต็มเปาจนเหลืองอ๋อย แต่ปาล์มยังไม่รู้ตัวจึงเดินเท่ห์ต่อไป
“ตายแล้วลูกปาล์ม!”
เมทินีจะวิ่งตามลูกชายไป แต่กระเป๋าสตางค์หลุดมือเลยก้มลงเก็บ ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่ามีอะไรอยู่ใต้กระโปรงที่แสนสั้นและรัดรึงของตัวเอง เมทินีหันไปมองเห็นเป็นกล้องโทรศัพท์มือถือกำลังถ่ายใต้กระโปรงของเธออยู่ เมทินีมองตามมือขึ้นไปเรื่อยๆ จนเห็นว่าเป็นผู้ชายหน้าตาโรคจิตที่กำลังยิ้มให้ เมทินีร้องกรี๊ด!
“ช่วยด้วย! พวกโรคจิตแอบถ่ายกางเกงในฉัน” เมทินีตะโกนบอกอย่างยากลำบาก
“ผมไม่ใช่โรคจิตครับ ผมเป็นแค่ผู้ชายที่รักคุณครับ คุณป้า ผมถ่ายคุณป้าไว้ทุกอิริยาบทเลยครับ” ชายโรคจิตบอก
“ป้าบ้านแกซิ ใครเป็นป้าแกยะ?” เมทินีโกรธจัดคว้าโทรศัพท์ของเขา “เอามานี่นะ!”
ชายโรคจิตยื้อไว้ “ไม่ครับ ถ้าคุณป้าไม่รับรักผม ก็อย่าเอาความทรงจำของคุณป้าไปจากผมเลยครับ”
ชายโรคจิตวิ่งหนีไป เมทินีร้องโวยวายให้คนช่วยจับตัว จังหวะนั้นกริสน์เดินหิ้วถุงซาลาเปากลับมาถึงพอดีและได้เห็นเหตุการณ์จึงรีบวิ่งไล่กวดผู้ชายคนนั้นทันที
ชายโรคจิตวิ่งหนีหน้าตาตื่น กริสน์วิ่งไล่ตามมาติดๆ ทิ้งระยะพอสมควรเมทินีก็วิ่งตามมา
“ไอ้โรคจิตหยุดนะ” กริสน์ตะโกนบอก
“ใช่ หยุดเดี๋ยวนี้นะ” เมทินีพูดเหนื่อยๆ “ถ้าแกไม่หยุดฉันจะหยุดแล้วนะ...เหนื่อย”
เมทินีพูดยังไม่ทันขาดคำ ส้นรองเท้าของเธอก็ไปติดในท่อระบายน้ำ เธอเสียศูนย์จะล้มหน้าทิ่มพื้นจึงร้องกรี๊ดออกมา กริสน์รีบวิ่งเข้ามาช้อนตัวเมทินีไว้ เมทินีล้มลงในอ้อมกอดของกริสน์ เธอสบตากริสน์แล้วก็ปิ๊งทันที
กริสน์เห็นว่าเมทินีปลอดภัยแล้วจึงจะปล่อยเมทินี แต่เมทินีรั้งคอเขาไว้ไม่ยอมให้ลุก ทั้งสองยื้อกันไปมาอยู่สองสามครั้ง จนกริสน์ทนไม่ไหว
“คุณป้าปล่อยผมซะทีซิครับ ไม่งั้นผมตามไอ้บ้านั่นไม่ทัน แล้วรูปเปลือยคุณป้าจะออกสู่ Social Network นะครับ!”
“บ้า!!..หยาบคายนะคะ แต่ไม่เป็นไร ยอม” เมทินีตัดพ้อ
กริสน์มองตามชายโรคจิต “ไม่ทันแล้วป้า!” เขาตัดสินใจตะโกน “เฮ้ย! ไอ้โรคจิตดูนี่!”
ชายโรคจิตชะงักแล้วหันกลับมามอง กริสน์กลั้นใจทำเป็นซุกไซ้นัวเนียเมทินี เมทินีหน้าตกใจแต่ก็เคลิ้ม ชายโรคจิตเห็นก็รู้สึกเจ็บแปล๊บที่หัวใจ
“ไม่! คุณป้าที่รักของผมไปนัวร์กับคนอื่นนน!! ทนไม่ได้” ชายโรคจิตร้องตะโกน
ชายโรคจิตวิ่งพุ่งเข้ามาหากริสน์กับเมทินีทันที กริสน์ลุกขึ้น เมทินียังกอดแน่นไม่ยอมปล่อย ชายโรคจิตต่อยกริสน์ทางซ้าย แต่กริสน์หลบไปอีกทาง ชายโรคจิตต่อยกริสน์ทางขวา กริสน์เอาเมทินีเป็นกำบัง ชายโรคจิตจึงชะงักหมัดทันที
กริสน์อุ้มเมทินีจนเท้าลอยจากพื้นแล้วเหวี่ยงเป็นวงกลม ให้ขาของเมทินีเป็นอาวุธ เมทินีเตะรัวในอากาศ โดนเข้าที่เป้าของชายโรคจิตเต็มๆ ชายโรคจิตเอามือกุมเป้าเพราะจุกจนหน้าเขียว กริสน์เหวี่ยงเมทินีไปข้างหลัง เมทินีเอื้อมมือมาจิกหัวชายโรคจิตแล้วทั้งดึงทั้งทึ้ง จนชายโรคจิตต้องเอามืออีกข้างหนึ่งมากุมหัว กริสน์ได้ทีกำหมัดต่อยท้องจนโทรศัพท์หลุดจากมือชายโรคจิต กริสน์กระโจนเข้าไปรับไว้ แล้วพลิกตัวลงนั่งกับพื้นโดยยังคงมีเมทินีอยู่ในอ้อมแขน
ชายโรคจิตยืนหน้าเขียว หัวกระเซิง แล้วค่อยๆเซล้มลงไปกับพื้น โดยที่กริสน์นั่งอย่างเท่ห์อยู่ด้านหลัง
“พระเอกมากๆ” เมทินีปลื้มสุดๆ
ที่มุมรับแขกของร้านพริมโรส เต๋าเอาน้ำมาเสิร์ฟให้สุขสันต์แล้วหลบไปยืนแอบมองรวมกับเค้กและเต้ย พิมมาดานั่งคุยอยู่กับสุขสันต์ที่โต๊ะ ฉัตรชัยยืนสวมแว่นดำคุ้มกันอยู่ไม่ห่าง
“คุณสุขสันต์คิดว่ายังงัยบ้างค๊ะคะ ที่พิมหาพี่เลี้ยงมาดูแลเด็กๆ?” พิมมาดาถาม
“ดีสิครับเด็กๆจะได้มีคนดูแล ช่วยแบ่งเบาภาระคุณพิม เพียงแต่คุณพิมต้องมั่นใจนะครับว่าพี่เลี้ยงคนนี้ไว้ใจได้? คนเราเดี๋ยวนี้รู้หน้าไม่รู้ใจนะครับ”
พิมมาดานิ่งไป
สุขสันต์จับมือพิมมาดาแล้วพูด “อย่าคิดมากนะครับคุณพิม ผมก็พูดไปอย่างนั้นเอง พี่เลี้ยงดีๆก็มีเยอะแยะ แต่ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ผมจะอยู่ข้างคุณพิมเสมอ”
พิมมาดาเขินจึงรีบดึงมือออก เค้ก เต๋าและเต้ยมองอย่างลุ้นๆ
“ขอบคุณมากคะ” พิมมาดาตอบ
“คุณพิมครับ ผมมี..อะไรดีๆ จะมานำเสนอ”
“เสนอ..เสนออะไรคะ” พิมมาดาเขิน
“คือผมกำลังจะทำธุรกิจร้านขนมกับเพื่อนนะครับ ต้องนำเข้าวัตถุดิบจากหลายๆประเทศแล้วพอดีคอนเทเนอร์ที่ผมขนของเข้ามายังมีที่ว่างเหลือ ผมก็เลยคิดว่า ไหนๆคุณพิมก็ต้องนำเข้าดอกไม้มาอยู่แล้ว ต่อไปนี้ก็นำเข้ามาพร้อมกับวัตถุดิบของผมซะเลย คุณพิมก็จะ ไม่ต้องเสียค่าขนส่งแพงๆเหมือนเคย ลดต้นทุนไปได้เยอะเลยนะครับ”
พิมมาดาอึกอัก “แต่ว่า..”
“อย่าเกรงใจผมนะครับ ถ้าคุณพิมเห็นผมเป็นเพื่อน อ่ะ..เรามาเปิดใจ..พูดกันตรงๆก็ได้..เอ่อ คือว่า คือ ผมอยากจะหาทางใกล้ชิดกับคุณมากขึ้นเร็วๆ..คุณพิมจะ..รังเกียจไหมเอ่ย”
พิมมาดาหันไปสบตากับ เค้ก เต๋า และเต้ยเหมือนขอความเห็น ทั้งสามพยักหน้าหงึกๆ สุขสันต์มองพิมมาดาตาหวานเยิ้มจนพิมมาดาต้องหลบตา เค้ก เต๋าและเต้ยเห็นแล้วก็เขินแทน
“เอาละเว้ยเพื่อนฉัน จะได้พาตัวลงจากคานก็คราวนี้ละ” เค้กพูด
กริสน์เดินคุยกับเมทินีมาตามทางเดินในโรงเรียน โดยมีครูฟ้าใสเดินชื่นชมกริสน์อยู่ด้วย
“ต้องขอบคุณคุณกริสน์มากๆเลยนะคะ” เมทินีบอก “ถ้าไม่ได้คุณกริสน์ป่านนี้ทั้งคลิปทั้งรูปดิฉันคงว่อนเนท โดนแท๊คไปทุกหน้าเฟสบุ๊คแน่ๆ”
“นิดหน่อยนะครับ คนเราเห็นใครเดือดร้อนก็ต้องช่วยเหลือกัน”
ครูฟ้าใสรีบแทรกกลางเข้ามา “หล่อ แล้วยังใจดี นี่ซิตัวจริง”
เมทินีไม่ชอบใจจึงแทรกกลับ “ไรโน่..แปลว่าแรด”
กริสน์เห็นท่าไม่ดี “ไม่มีอะไรแล้วผมกลับก่อนนะครับ”
กริสน์เดินเลี้ยวมุมตึกมาก็เจอกลุ่มคุณครูผู้หญิงทั้งสาวทั้งแก่ยืนออกันอยู่ ทั้งหมดกรูเข้ามาขอถ่ายรูปกับกริสน์ อีกมุมหนึ่งภัทรดนัยพยายามส่งซิกส์ให้กริส์นว่าอธิปมา
กริส์นพยายามมองภัทรดนัยแต่ก็ไม่เข้าใจ เขาจะเดินไปหาก็ไปไม่ได้เพราะโดนถ่ายรูปอยู่
“เสี่ยอธิปมาโว๊ย...ได้ยินมั๊ยเนี่ย” ภัทรดนัยพยายามบอก
ครูพงษ์พัฒน์ ครูสอนวิชาพละศึกษากำลังจะเดินขึ้นตึกเรียนพอดี พอเห็นภัทรดนัยในชุดคนขายซาลาเปายืนทำท่ายงโย่ยงหยกเลยเดินเข้าไปไล่
“นี่คุณ..ในโรงเรียนห้ามไม่ไห้เข้ามา..ออกไปขายข้างนอกโรงเรียนสิ” ครูพงษ์พัฒน์พลักภัทรดนัย
“เบาๆดิ..เข้าใจแล้ว..ไปก็ได้” ภัทรดนัยพูดแล้วหันไปมองกริส์นอย่างเป็นห่วง
ครูพงษ์พัฒน์หันไปเห็นครูสาวๆกำลังกรี๊ดกร๊าดกริสน์ โดยเฉพาะครูฟ้าใสที่ตามมาขอถ่ายรูปแบบประชิดตัว ก็เกิดอาการหมั่นไส้ขึ้นมา
“ไอ้หมอนั่นมันเป็นใครวะ ทำไมพวกครูสาวๆต้องกรี๊ดมันขนาดนั้นด้วย หน้าตาก็งั้นๆ ไม่เห็นจะหล่อเท่าไหร่”
ที่หน้าร้านดอกไม้พริมโรส พิมมาดาเดินออกมาส่งสุขสันต์ขึ้นรถที่หน้าร้าน โดยมีฉัตรชัยคอยกางร่มให้สุขสันต์ตลอด
“กางให้คุณพิมสิ ชั้นไม่กลัวแดดหรอก..”
สุขสันต์รีบบอก ฉัตรชัยรีบไปกางร่มให้พิมมาดา
“คุณดีกับพิมมากจริงๆ” พิมมาดาประทับใจ
“สำหรับคุณพิม ไม่มีอะไรมากเกินไปครับ แล้วเจอกันนะฮะ”
สุขสันต์ส่งตาหวานให้พิมมาดาก่อนจะขึ้นรถ ฉัตรชัยขับออกไป เค้ก เต๋าและเต้ยวิ่งดี๊ด๊าเข้ามาหาพิมมาดา
“บทจะไม่มีก็ไม่มี แต่พอมีทีก็เล่นตัวท๊อปเลยนะคะเพื่อน” เค้กแซว
“นี่ดีแล้วนะคะที่พี่พิมน่ะ เลิกกับไอ้มาวินไปซะได้” เต๋าบอก
“ถ้ายังคบกันอยู่ละก็เสียดายคุณสุขสันต์แย่”เต้ยสนับสนุน
พิมมาดาเขิน “บ้า! ไปกันใหญ่แล้ว คุณสุขสันต์เขาคงไม่คิดอะไรกับฉันหรอก”
“แต่แกคิดอะไรกับเขาแล้วละซิ?” เค้กถาม
พิมมาดาไม่ตอบแต่หน้าแดงจึงรีบเดินหนีเข้าร้านไป เค้ก เต๋าและเต้ย มองตามไปแล้วก็ขำกัน
ภายในรถของสุขสันต์ สุขสันต์กำลังคุยโทรศัพท์อยู่
“คุณจตุพลเหรอ?...ทุกอย่างเรียบร้อย ทางโปร่ง โล่ง เตียน อีกสามวันคุณไปรอรับของที่ท่าเรือได้เลย... มือระดับผมแล้ว ไม่มีทางพลาดแน่ ถึงพวกตำรวจจะแห่กันมา พวกมันก็จะเจอแต่...ดอกไม้ ฮ่าๆ” สุขสันต์วางสายแล้วหันไปคุยกับฉัตรชัย “ฉัตรชัย ขอเจลล้างมามือหน่อยซิ ร้านดอกไม้ของยัยนั่น ท่าทางจะเต็มไปด้วยเชื้อโรค..อี๋ ขยะแขยง”
“ระวัง..อย่าเอามือไปแตะหน้านะครับ เดี๋ยวสิวขึ้น” ฉัตรชัยเตือน
ครูฟ้าใสเดินส่งกริสน์มาตามทางเดินในโรงเรียน
“ขอบคุณมากนะครับครูที่มาส่ง” กริสน์บอก
ครูฟ้าใสอาย “You’re welcome. คะ แล้วคุณกริสน์จะมาส่งเด็กๆอีกมั้ยคะ?”
“ก็คงต้องทั้งรับทั้งส่งทุกวันละครับ เพราะมันเป็นหน้าที่ของผม”
“Very good.ฉันจะได้เปลี่ยนเวรมายืนรับเด็กๆหน้าประตูบ่อยๆ”
กริสน์ยิ้มแห้งๆ ครูผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งเข้ามากระซิบข้างหูครูฟ้าใส
ครูฟ้าใสมีท่าทางรีบร้อน “ต้องขอตัวก่อนนะคะคุณกริสน์ พอดีมีนักเรียนใหม่เพิ่งย้ายเข้ามาเรียนห้องเดียวกับนายโจ๊กนะคะ คุณครูทุกคนต้องไป Welcome , so sorry , see you นะคะคุณกริสน์ Bye”
ครูฟ้าใสรีบวิ่งตามครูผู้หญิงคนนั้นออกไป กริสน์แปลกใจ เขาพึมพำกับตัวเอง “กะอีแค่นักเรียนย้ายมาใหม่ ทำไมครูทุกคนในโรงเรียนถึงต้องแห่ไปต้อนรับด้วย ...สงสัยจะไม่ธรรมดา” กริสน์หันซ้ายหันขวา “ห้องน้ำอยู่ไหนหว่า”
ที่ริมรั้วโรงเรียน ภัทรดนัยพยายามโทรหากริสน์ แต่กริสน์ไม่รับสาย
ภัทรดนัยหงุดหงิด “ไอ้กริสน์เอ้ย! ไอ้มือปราบซังกะบ๊วย มีมือถือเหมือนมีสากกะเบือ ถึงเวลาคับขันทีไร ฉันไม่เคยติดต่อแกได้เลย! ความซวยกำลังจะมาเยือน จะเตือนก็ไม่ได้ ยังไงดีวะเนี่ย?”
ภัทรดนัยยังคงพยายามกดโทรศัพท์ต่อสายหากริสน์ต่อไปอย่างร้อนใจ
ในห้องเรียนของโจ๊ก ครูพงษ์พัฒน์ยืนพูดอยู่หน้าชั้นเรียน
“เอาละนักเรียนทุกคน ครูมีความยินดีที่จะแนะนำเพื่อนใหม่ของเราให้รู้จัก”
ครูพงษ์พัฒน์ผายมือไป โอปอเดินก้าวเข้ามา
“หนูโอปอย้ายมาจากโรงเรียนนานาชาติ จะเรียนกับพวกเราตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป”
ทุกคนปรบมือต้อนรับ มีแค่โจ๊กที่นั่งเซ็งและนิ่งเฉย
“ขอฝากตัวนะคะ มีอะไรก็แนะนำเราด้วยนะ” โอปอพูด
บริเวณมุมตึกภายในโรงเรียน กริสน์พึมพำกับตัวเอง
“ห้องน้ำไปทางไหนน๊ะ..?”
กริสน์ยืนหันหลังให้กับทางเดิน ด้านหลังเห็นอธิปเดินคุยกับ ผอ.และครูฟ้าใสอยู่ โดยมีเดชและบอดี้การ์ดเดินตามมาคุ้มกัน
“ยังไงผมก็ต้องฝากหนูโอปอ ดวงใจของผมไว้ในการดูแลของท่านผอ.ด้วยนะครับ” อธิปพูด
กริสน์ได้ยินเสียงอธิปแล้วก็เสียวสันหลังวาบ แต่ก็กลั้นใจหันไปมอง เขาเห็นเสี่ยอธิปเดินคุยกับผอ.และครูฟ้าใสอยู่
“ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะเสี่ย ทางโรงเรียนจะดูแลหนูโอปออย่างเต็มที่ค่ะ” ครูฟ้าใสพูด
กริสน์เหงื่อเริ่มแตกผลั่กๆ เขาบ่นกับตัวเอง
“เป๊ะเลย! เสี่ยอธิป ..วายป่วงแล้ว!”
กริสน์รีบผลุบเข้าซ่อนตัวที่มุมตึก แต่ขาดันไปเตะถังขยะที่ตั้งอยู่ข้างๆ ล้มลงเสียงดังตึง!
อธิปได้ยินก็ตกใจ บอดี้การ์ดทุกคนชักปืนจ่อไปที่มุมตึกทันที บรรดาคณะคุณครูพากันแตกตื่น
เดชตะโกน “ใครอยู่ตรงนั้น!” เดชตะโกนด้วยลีลาโอ่เวอร์แอคติ้งสุดๆ
กริสน์พยายามกลั้นหายใจ เหงื่อแตกพลั่ก สีหน้าลุ้นระทึกทุกขณะจิต
อ่านต่อหน้า 2
มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 4 (ต่อ)
สถานการณ์ตกอยู่ในความเครียด บอดี้การ์ดของเสี่ยอธิปเล็งปืนไปที่มุมตึกอย่างเอาเป็นเอาตาย ทุกคนต่างลุ้นระทึก อธิปถามซ้ำขึ้นมาอีก น้ำเสียงดังกว่าเดิม
“ฉันถามว่าใครอยู่ตรงนั้น!”
กริสน์ยืนกลั้นหายใจ เหงื่อแตก เกร็งไปทั้งตัวอยู่ที่มุมตึกแห่งนั้น
“ได้! ไม่ตอบฉันใช่มั้ย?” อธิปหันไปออกคำสั่งขึงขังท่าทีจริงจัง “พวกเรา” บอดี้การ์ดทุกคนขานรับ
“ครับเสี่ย!” อย่างพร้อมเพรียง อธิปสั่งต่อ “เอาปืนลง”
บอดี้การ์ดทุกคนทำหน้าเหรอหราร้องออกพร้อมกัน “เอ้า!”
“จะ เอ้า! ทำไม?” เดชหันไปเอ็ดเอากับบอดี้การ์ด “ไม่ได้ยินหรือไงเสี่ยบอกให้เอาปืนลง? เพราะ
นอกจากจะทำให้พวกเด็กๆ ตื่นตกใจแล้ว ยังจะมีความผิดอีกด้วย เพราะกฏหมายบัญญัติไว้ว่า ห้ามผู้ใดพกพาอาวุธในสถานศึกษา เข้าใจมั้ย?” เดชผู้รอบรู้สรุป
บรรดาบอดี้การ์ดทุกคน “ครับ!”
“That’s right” ฟ้าใสบอกอย่างพอใจ
บรรดาบอดี้การ์ดทุกคนพากันเก็บปืน แต่พร้อมใจกันชักมีดออกมาแทน เดชหันไปเห็นก็สะดุ้งโหยง
“เฮ้ย! มีดก็ไม่ได้ ถือเป็นอาวุธเหมือนกัน”
บอดี้การ์ดเก็บมีด
จากนั้นเดชก็ย่างสามขุมไปที่มุมตึกอย่างองอาจมาดแมนโครต ครูทุกคนลุ้นระทึกกันตัวโก่ง
“Oh my god!! Oh my god!” ฟ้าใสลุ้นจัดมากกว่าหน้าไหนๆ
ทันทีที่เดชจู่โจมเข้าไปก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นว่ามีแค่ถังขยะกับไม้กวาดที่ล้มอยู่ แต่ไม่มีคนอยู่ตรงนั้น
“กรี๊ด...”
ทุกคนหันมามองฟ้าใสกันเป็นตาเดียว
“Who is it? มันเป็นใครคะ มันเป็นใคร?”
“เสี่ยครับ ไม่มีใครอยู่เลยครับเสี่ย” เดชรีบรายงาน
เสี่ยอธิปเดินเข้ามาดู พวกครูตามเข้ามาสมทบ เห็นว่าไม่มีใครอยู่ตรงนั้นเลยจริงๆ
เหนือบริเวณตรงนั้นมีช่องแอร์ที่เผยอนิดๆ แต่ไม่มีคนสังเกตเห็น
เวลาผ่านไป พิมมาดากำลังกุลีกุจอจัดดอกไม้ให้กับเค้กอยู่ที่ร้านพิมโรส เต๋า กับเต้ยก็กำลังง่วนอยู่กับดอกไม้ จังหวะหนึ่งเต๋ากับเต้ยหันมามองหน้ากันแล้วถอนหายใจ ป๊อปคอร์นที่นอนอยู่ชะเง้อมองอย่างเหงาๆ
เต้ยเดินหอบดอกไม้ช่อใหญ่มาชะเง้อมองหน้าร้าน
“ทำไมยังไม่กลับมาอีกนะ” เต้ยบ่นพึมพำออกมา
เต้ยเดินกลับมา โดยมีเต๋าเดินสวนมาชะเง้อมองบ้าง
“นั่นสิ...คุณกริสน์นะคุณกริสน์ เค้าเป็นห่วงจะแย่อยู่แล้ว รู้บ้างมั้ยเนี่ย?”
พิมมาดามองตามเต๋า กับเต้ย แล้วส่ายหน้าอย่างเซ็งๆ
“เกินไปแล้ว เต๋า เต้ย ว่างมากใช่มั้ย?”
“ใช่ค่ะ...” แม่ยกเอเฟเผลอตอบ แต่พอรู้สึกตัวก็รีบปฏิเสธ “...เปล่าค่ะ”
เต๋ากับเต้ยวงแตกรีบเดินพากันไปทำงานต่อ พิมมาดาจัดดอกไม้เสร็จพอดี ยื่นส่งให้เต๋า
“เต๋า เดี๋ยวเอาดอกไม้นี่ไปส่งให้คุณเค้กที่ร้านด้วยนะ”
เต้ยหันไปมองหน้าร้านเห็นเค้กเดินมาพอดี
“ไม่ต้องแล้วมั้งคะ มาโน่นพอดี”
เค้กเดินเข้ามาในร้านพร้อมแก้วกาแฟในมือ ชะเง้อมองหากริสน์
เต้ยทำท่าจะเข้ามาคว้ากาแฟในมือ “เอามาฝากเต้ยเหรอคะคุณเค้ก”
“ของคุณกริสน์” เค้กรีบเบี่ยงแก้วหนี
“เค้ก ดอกไม้เสร็จแล้วนะ กำลังจะให้เต๋าเอาไปส่งพอดี สวยมั้ย?”
เค้กไม่สนใจฟังมัวแต่ชะโงกหากริสน์ และไม่ได้มองดอกไม้ พอรู้ตัวก็ตอบส่งๆ “สวยจ้ะ...สวย”
“เค้ก นี่แกก็เป็นไปกับเค้าอีกคนเหรอ” พิมมาดาออกอาการงอน “อีตาบ้านั่นมันมีอะไรดีนักหนา?” ท้ายสุดพิมมาดาเกิดอาการเซ็ง
“หล่อ เท่ห์ สมาร์ท” เต้ยเริ่มเพ้อ
“แถมขี้เล่น และเป็นกันเองอีกนะคะ” เต๋าอวยส่ง
ป๊อปคอร์นเงยหน้าขึ้นเห่า “โฮ่ง” เหมือนจะบอกว่าเห็นด้วย
พิมมาดาหันไปมองทำตาดุใส่ป๊อปคอร์น ก่อนจะหันมาด่าเต๋า เต้ย “ไม่ได้ถาม”
“อุ้ย” เต๋าเต้ยอุทานเสียงจ๋อย
เค้กหัวเราะคิกชอบอกชอบใจ “แหม พิม...เธอไม่สนก็ไม่เป็นไรนี่ แต่ฉันสน” ว่าพลางก็เพ้อต่อ “คุณกริสน์นี่สเป็กเลยล่ะ”
เต๋า เต้ย ฟังแล้วพร้อมใจกันค้อนเค้กขวับ ในขณะที่พิมมาดาเบ้ปากทำหน้ายี้ใส่
“ว่าแต่คุณกริสน์ยังไม่มาอีกเหรอ?”
เต๋า เต้ยประสานเสียงตอบอย่างหมั่นไส้สุดๆ “ถ้ากลับมาก็เห็นแล้วซิคะคุณเค้ก”
“จะไปรู้เหรอ? ที่เค้กไม่เห็นคุณกริสน์ อาจเป็นเพราะความรักมันบังตาเค้กอยู่ก็ได้...” เค้กบอก
เต๋ากับเต้ยหัวเราแหะๆ ส่วนพิมมาดาเบ้ปาก ในขณะที่ป๊อปคอร์นปิดตารับไม่ได้ ทุกคนเลี่ยนตามๆกัน
“อุ้ย...ขอโทษนะคะที่ทำให้ทุกคนเลี่ยน เดี๋ยวฉันไปก่อนแล้วกัน” เค้กรู้ตัวรีบส่งแก้วกาแฟให้เต๋า แล้วรับดอกไม้ไป “ขอบใจนะพิม”
เค้กเพิ่งจะเห็นดอกไม้ชัดๆ รู้สึกว่าสวยมาก
“อุ๊ย!แม่เจ้า นี่ดอกอะไรเนี่ยน่ารักมาก” เค้กชมดอกไม้เพ้อๆ “สวยจริงๆ เลยนะเนี่ย ที่สุด”
เค้กเดินออกไปจากร้าน ทุกคนมองตาม
“อาการหนักนะคะเนี่ยคุณพิม” เต้ยว่า
พิมมาดาแค่นหัวเราะ แล้วเหลือบตามองนาฬิกาด้วยความกังวลใจ
เวลาเดียวกันในห้องเรียนของโจ๊ก บรรยากาศวุ่นวายเสียงเซ็งแซ่เหมือนนกกระจอกแตกรัง ครูพงษ์พัฒน์ยืนอยู่หน้าห้องกับโอปอ ครูฟ้าใสเดินเข้ามา
“Quite!!” ฟ้าใสเอ็ด บอกให้นักเรียนเงียบ
“เอาละนักเรียน เมื่อเหตุการณ์ตื่นเต้นผ่านไป ก็ถึงเวลาตื่นตัวกับการเรียนละนะ” พงษ์พัฒน์หันมา
ยิ้มพูดกับโอปออย่างเอาใจ “หนูโอปอหาที่นั่งเลยนะ มีที่ว่างอยู่ 2-3 ที่ นั่งตรงไหนก็ได้จ้า”
“Please take a seat แปลว่าหาที่นั่งได้เลยจ้า...Take a seat” ฟ้าใสไม่ทิ้งคอนเส็ปท์
โอปอมองหาที่นั่ง โจ๊กหันมาเห็นทำหน้าเซ็งสุดๆ โอปอตัดสินใจเดินไปนั่งข้างโจ๊ก พงษ์พัฒน์หุบยิ้มทันที
“ขอเรานั่งด้วยคนนะ” โอปอบอก
“จะนั่งก็รีบๆ ทำคนอื่นเสียเวลาจริงๆ กว่าจะเริ่มเรียนได้เสียเวลาไปตั้งครึ่งวัน” โจ๊กบ่นอุบ
โอปอฉุนกึก ถามทันที “นายว่าใคร?”
“ก็ใครที่มาใหม่ แล้วทำให้คนอื่นเสียเวลาก็คนนั้นแหละ”
“นี่นาย”
“No no no no… Don’t Fight…อย่าทะเลาะกัน วันนี้ครูปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว...Headache…ปวด
หัวเข้าใจไหมคะ?” ฟ้าใสบอก
พงษ์พัฒน์รีบท้วงขึ้น “หนูโอปอ ถ้าไม่ชอบใจนั่งที่อื่นก็ได้นะ ยังมีที่ว่างอีก”
“ไม่ค่ะ” โอปอพูดอย่างกวนๆ ใส่โจ๊ก “หนูอยากนั่งตรงนี้”
โจ๊กมองหน้าโอปออย่างไม่สบอารมณ์ โอปอยักคิ้วให้โจ๊กอย่างกวนๆ
ขณะเดียวกันนั้น ที่บริเวณช่องแอร์ภายในห้องเก็บ องโดนกระทุ้งอย่างแรง แล้วไม่นานหลังจากนั้นก็เปิดโครมออกมา เพราะถูกเท้าของกริสน์ ถีบเข้าเต็มแรง
กริสน์โผล่หัวออกมา กวาดตามอง เห็นว่าไม่มีใครแล้ว จึงทิ้งตัวลงมา แล้วปิดช่องแอร์คืนตามเดิม ก่อนจะเปิดประตูก้าวออกไป
กริสน์เดินไปอย่างระแวดระวังตัว แล้วพอเลี้ยวพ้นมุมหนึ่งมา ก็สะดุ้งหยุดดู
ตรงบริเวณนั้นมีนักเรียนต่อแถวกันยาวเหยียด ริสน์มองเห็นป้ายที่เขียนว่า “รับสมัครสมาชิกชมรม Star Dance รุ่นใหม่”
รุ่นพี่คนหนึ่งตะโกนบอก “เดี๋ยวน้องๆ กรอกใบสมัคร แล้วมารอถ่ายรูปตรงนี้เลยนะคะ”
กริสน์เห็นว่าปลอดภัยแล้วจะเดินไปต่อ แต่แล้วก็ต้องชะงัก ถอยหลังกลับมาดูอีกครั้ง
“แจ๊ส”
กริสน์ เห็นแจ๊สอยู่ในแถวที่รอรับใบสมัครด้วย แจ๊สดูเป็นเด็กสาวที่มีทีท่าเฉยสุดๆ แตกต่างจากคนอื่นๆ ที่มาสมัคร ซึ่งพอกรอกใบสมัครเสร็จแล้ว ก็ยืนโพสท่าเว่อร์ๆ ให้รุ่นพี่ถ่ายรูปอยู่ ถึงคิวของแจ๊สพอดี แจ๊สยื่นมือไปรับใบสมัคร แต่รุ่นพี่ชักกลับ แจ๊สชะงัก รุ่นพี่ถามอย่างไม่มั่นใจ
“น้อง มาทำอะไรคะ”
แจ๊สเจออย่างนี้ก็เลยเกร็งๆ “มาสมัครสมาชิกชมรมค่ะ”
รุ่นพี่คนนั้นมองแวบเดียว แล้วไม่สนแจ๊สอีกเลย “อ๋อ ชมรมวิทยาศาสตร์อยู่ทางนั้นจ้ะ”
“ไม่ใช่ค่ะพี่ หนูมาสมัครเต้น”
“เต้น” รุ่นพี่พูดพร้อมกัน
จากนั้นทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็มองหน้ากัน แล้วต่างหัวเราะกันคิกคัก แจ๊สทั้งโกรธทั้งอายจนหน้าแดง
รุ่นพี่อีกคนพูดตัดบท “นี่ น้อง น้องไม่เหมาะกะชมรมเราเราหรอกนะจ๊ะ โน่นจ้ะ ปีกโน้น เรามี
ชมรมฟิสิกซ์ เคมี และคณิตศาสตร์โอลิมปิก”
“หรือชมรมพุทธศาสนา ชมรมปรัชญา อยู่ถัดออกไปนิด” รุ่นพี่คนแรกว่า
จากนั้นรุ่นพี่ และบรรดานักเรียนทุกคนต่างพากันหัวเราะเยาะแจ๊ส
แจ๊สอึ้งแล้วหันกลับ วิ่งออกไป กริสน์ยืนอึ้งนิดๆ สักพัก เดินไปที่โต๊ะรับสมัคร 2 รุ่นพี่เห็นกริสน์งงๆ
กริสน์วางมาดขรึมแล้วถามขึ้น “น้องๆ” ตั้งใจพูดกับรุ่นพี่ทั้งสองคน “...มันมีข้อห้าม ไม่ให้เด็กใส่แว่นเชยๆ เต้นรำหรือไง?”
“ลุงเป็นพ่อของน้องคนเมื่อกี้เหรอคะ?” รุ่นพี่คนแรกถามกริสน์
กริสน์ทำทีเป็นดุใส่ พูดด้วยหน้าตาขึงขัง ใส่แบบจัดเต็มสูบ
“ไม่ใช่ลุงแล้วก็ไม่ใช่พ่อด้วย นี่ฟังพี่นะ พวกน้องๆ จะเป็นนักกิจกรรมที่ดีได้ ไม่ควรตัดสินคนแค่การ
มองเพียงแว่บแรก จะรับคนมาเต้น ก็ต้องให้เขาเต้นให้ดู จะรับคนร้องเพลง ก็ต้องให้เขาร้องเพลงให้ฟัง จะรับคนเล่นละคร ก็ต้องให้เขาแสดงให้ดู ไม่ใช่แค่มองแว่น ทรงผม หรือรองเท้าเค้า แล้วก็ฟันธงว่าเค้าทำไม่ได้ ใครจะรู้ว่ายัยแว่นเชยนั้นอาจเต้นเก่งกว่าพวกน้องทุกคนรวมกันอีก มันต้องให้โอกาสเขาสิ รู้จักไหม..คำว่าออดิชั่นอ่ะ ออดิชั่น เค้าเรียกว่าการทดสอบฝีมือ ไม่เคยดูรายการเรียลลิตี้ประกวดนู่นนี่นั่นกันบ้างเลย เอ๊าท์มากๆ ไหน..ชมรมชื่อไรอ่ะ สตาร์ด๊านซ์.. เฉิ่มมาก เบ๊อะบ๊ะ ด๋าวได๋ไซโคสุดๆ เดี๋ยวจะไปบอกอาจารย์ใหญ่ ว่ารุ่นพี่ชมรมนี้ มีพฤติกรรมทำให้ชมรมเสื่อมสมรรถภาพ จะไปฟ้องคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ว่าชมรมนี้ ทำงานไม่มีมาตรฐาน แล้วจะไปฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าเด็กสถาบันนี้ ดูถูกหมิ่นประมาทคนอื่น ไหน..ชื่ออะไรกันมั่ง จดชื่อมาเลย” กริสน์ไล่จะดูชื่อ
เด็กๆ รีบปิดชื่อตัวเอง หน้าเสีย กลายเป็นซีด บางคนถึงกับร้องไห้ออกมา
พิมมาดาชะเง้อดูที่หน้าร้านดอกไม้อย่างร้อนรน เต๋ากับเต้ยจับตาอยู่ หันมองหน้ากัน
สักพักเค้กเดินถือขนมเค้กเปิดประตูร้านเข้ามาอีกรอบ ขณะที่เค้กกำลังจะอ้าปากพูด ทุกคนก็สวนขึ้นมาซะก่อน
“ยังไม่มา” เต๋ากับเต้ยประสานเสียงพร้อมกัน
เค้กเลยเขินไป “รู้ได้ยังไงอ่ะ พี่ยังไม่ทันถามเลย”
“พี่เค้กข้ามมาหาคุณกริสน์เป็นรอบที่ 9 ละ ไม่รู้ก็บ้าแล้วค่ะ” เต้ยบอก
เต้ยบอกพลางหันไปมองที่โต๊ะซึ่งมีแก้วกาแฟกับขนมเค้ก 8 ชุด
“ว้า...กะจะทำยอดให้ถึงโหลซะหน่อย” เค้กว่ายิ้มๆ
“หมั่นไส้” พิมมาดาเบ้ปาก
กริสน์เดินเข้ามาทันได้ยินประโยคสุดท้าย
“หมั่นไส้ใครหรือครับ?”
“หมั่นไส้นายนั่นแหละ” พิมมาดาตอกกลับ
เต๋ากับเต้ยยิ้มหน้าเจื่อนกลัวแทนกริสน์ ในขณะที่เค้กตื่นเต้นดีใจ
ส่วนพิมมาดามองกริสน์อย่างเอาเรื่อง
เค้กหยิบดอกไม้มาเทียบภาพในโน้ตบุ๊คอยู่ที่เค้าน์เตอร์ร้านเค้กของตัวเอง
เค้กพึมพำออกมา “ยัยพิมนะยัยพิม เล่นอะไรก็ไม่รู้”
ภัทรดนัยก้าวเข้ามาในร้าน คราวนี้มาแบบตัวเป็นๆ ไม่ได้ปลอมตัว เดินมาที่เค้าน์เตอร์โบกมือใส่หน้าเค้ก ที่ไม่ได้สนใจสักนิด
“ขอโทษนะครับ” ภัทรดนัยถาม
เค้กไม่ได้ยิน หยิบดอกหน้าวัวออกมา “ไอ้นี่มันดอกหน้าวัวชัดๆ”
“ว่าใครครับ ดอกหน้าวัว” ภัทรดนัยถามย้ำ
“โอ...ขอโทษค่ะ” เค้กเงยหน้ามามองแล้วก้มลงดูโน้ตบุ๊คต่อ
“โอโห...ต้อนรับได้เยี่ยมมาก หน้าก็สวยดีหรอกนะ แต่...”
เค้กได้ยินเงยขึ้นมาถามเสียงเขียว “ตกลงจะรับอะไรคะ”
“อ้าว...นี่ไง...มาดุอีก”
“อ้าวอะไรอ่ะ...ก็มายืนจะสั่งอะไรก็ไม่สั่ง...”
“แต่...”
เสียงโทรศัพท์ภัทรดนัยดังขึ้นมาพอดี ภัทรดนัยหันไปกดรับแล้วพูดสาย
“เป็นไงบ้างไอ้พ่อค้าขายดอกไม้ ไหวมั้ย? น้ำทัชบ่านาน่ามั้ยยยยย....ฮ่าๆๆๆ ทัชบานาน่า..ก็
แปะก้วยไง..อ้าว ไม่ตลกหรอ ก็อยากให้ตลกอ่า” ภัทรดนัยพูดเองเออเองขำเอง
“เออดี...ไม่ต้องส่งไม่ต้องสั่งแล้ว...อย่ากินเลย” เค้กเซ็งหันไปดูโน้ตบุ๊คต่ออย่างไม่ใส่ใจ
“แกต้องช่วยชั้นนะโว้ย ดอกไม้ในโลกนี้มีไม่รู้จักกี่ชนิด ไม่รู้ยัยจอมโหดนั่นจะเอาดอกอะไรมาแกล้ง
ชั้น”
“ใจเย็นๆ เพื่อน ไหนเล่ามาซิว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ก็ยัยเจ๊โหดนั่นน่ะสิ...”
กริสน์เริ่มต้นเล่าเรื่อง
หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านั้น กริสน์นั่งเหมือนผู้ต้องหา กำลังถูกพิมมาดาสอบสวนอยู่ที่ร้านดอกไม้พิมโรส
“ที่ผมกลับมาช้า เพราะผมมัวแต่ไปเดินสำรวจโรงเรียนของพวกเด็กๆ ถ้าจะปรับปรุงนิสัยคนก็ต้อง
ศึกษาข้อมูลของเขาในทุกๆ ด้าน การไปส่งจึงไม่ใช่แค่หย่อนเด็กๆ ลงหน้าโรงเรียนเหมือนอย่างที่คุณเคยทำ...งานพี่เลี้ยงน่ะ เป็นงานละเอียดนะคร้าบ...” กริสน์สาธยาย
พิมมาดาอึ้งไป เต๋าเต้ยกับเค้กวงแตก อุ้มป๊อปคอร์นไปด้วยท่ามกลางสถานการณ์มาคุ
เต๋ากระซิบ “คุณกริสน์พูดแรงนะป๊อป...”
เต้ยกระซิบ “แต่แอบเป๊ะ...”
พิมมาดาพยายามระงับอารมณ์
“ดี! ฉันก็มีงานละเอียด รอคนละเอียดอย่างนายมาทำอยู่เหมือนกันค่า...” พิมมาดาประชด
“งานอะไร?” กริสน์ถามกลับกวนๆ
“ในเมื่อนายมาเป็นพี่เลี้ยงหลานชั้นแล้ว จะมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กอย่างเดียวไม่พอ นายต้องช่วยชั้นขาย
ดอกไม้ด้วย และก็ควรจะเริ่มต้นด้วยการจำชื่อดอกไม้ทุกชนิดให้ได้ซะก่อน พรุ่งนี้ฉันจะทดสอบ ถ้านายตอบชื่อดอกไม้ผิด 1 ชนิด นายจะต้องล้างส้วม 1 ครั้ง”
“โห...ยากไปป่าว” ขนาดเต๋ายังร้องครางออกมา
“เต้ยยังจำได้ไม่หมดเลย” เต้ยว่า
“ไม่เป็นไร...เดี๋ยวเค้กช่วยเอง”
-กริสน์ยิ้มกวนๆ แต่แอบกังวลอย่างหนัก
พิมมาดาจ้องหน้ากริสน์อย่างท้าทาย กริสน์กำหมัดแน่นพยายามระะงับอารมณ์สุดขีด
ภัทรดนัยรับรู้เรื่องราวแล้ว จึงยิ้มออกมาเอ่ยขึ้น“อ๋อ...เข้าใจและ” หันไปสังเกตเห็นเค้ก
เปรียบเทียบดอกไม้กับรูปในโน้ตบุ๊คอยู่ “ชั้นหาทางช่วยแกได้แล้ว”
เวลาเดียวกันนั้น กริสน์ทิ้งตัวลงบนม้านั่งหลังร้านดอกไม้อย่างหมดแรง ตามแขนและมือของกริสน์มีรอยปากกาจดชื่อดอกไม้ไว้ทั่ว
“ได้!! ช่วยได้จริงเหรวะ” ฟังภัทรดนัยอธิบายแล้วตาลุก “เยสๆ”
จังหวะนั้นพิมมาดาก้าวเข้ามาพอดี กริสน์เห็นรีบวางหู
“แค่นี้ก่อนนะ” รีบปั้นยิ้มแถไปหา “มีอะไรให้ผมรับใช้อีกเหรอขอรับคุณพิมมาดา หรือว่าจะมา
จับผิดอะไรผมอีก”
“นี่มันจะสามโมงละนะ!” ยื่นนาฬิกามาตรงหน้า
กริสน์กระเด้งตัวลุกขึ้นทันที มองดูนาฬิกา เห็นว่าเหลืออีก 15 นาทีก็จะบ่ายสามโมงพอดี
“อ๊าก” กริสน์ว๊ากใส่พิมมาดา
โจ๊กเดินมาหน้าตานิ่งๆ แต่พอเหลือบไปเจออะไรบางอย่าง ก็ชะงักกึก หยุดดู เป็นโปสเตอร์ประกาศรับสมัครนักกีฬามวยไทยเยาวชน เพื่อคัดเลือกเป็นตัวแทนไปแข่งขันชกมวยไทยระดับจังหวัด โจ๊กยืนมองอยู่อย่างนั้น
ปาล์มและสมุนเดินมาตามทาง นักเรียนคนอื่นๆ แหวกทางไม่ค่อยมีใครอยากยุ่งด้วย
หลบไปจนสุดทางเดิน ปาล์มมองไปเห็นโอปอเดินอยู่ เลิฟแอทเฟิร์สไซท์ เกิดกับปาล์มเข้าอย่างจัง ปาล์มตะลึงในความน่ารักของโอปอ
ปาล์มรีบเดินตามโอปอไปในมือมีถุงขนม
“ชื่ออะไรฮะน้องสาว”
โอปอหันมามองตอบออกมา “โอปอค่ะ”
ปาล์มยื่นขนมให้โอปอ
“น้องโอปอครับ นี่คือขนมจากหัวใจพี่น้องปาล์มเลยฮะ ถึงจะด้อยคุณค่าทางอาหาร แต่เต็มเปี่ยม
ไปด้วยคุณค่าทางใจนะฮะ”
โอปอหยุดกึก “งั้นเก็บไว้กินเองเถอะ”
โอปอจะเดินหนีไป แต่ก็ชะงัก เพราะหันไปมองเห็นโจ๊กยืนมองโปสเตอร์อยู่ โอปอนึกหมั่นไส้เลยเดินตรงรี่เข้าไปหาโจ๊ก ปาล์มรีบวิ่งตามไป
โจ๊กมองโปสเตอร์แล็วถอนใจ
“มายืนอ่านบังคนอื่นอยู่ตั้งนาน ถ้าไม่สมัครก็หลบไปดีกว่า เกะกะ” โอปอว่า
โจ๊กหันมองหน้าโอปอ หายใจเข้าแล้วตัดสินใจจะเดินไป แจ๊สเดินจูงจีจ้าผ่านมาพอดี หยุดดูเหตุการณ์
“พี่น้องปาล์มว่า เขาคงจะกลัวว่า ถ้าโดนต่อยแล้วจะเละเป็นโจ๊กสมชื่อ น่ะฮะน้องโอปอ”
โจ๊กปรี๊ด ของขึ้นถามอย่างเอาเรื่อง “แกว่าใคร?”
“พี่น้องปาล์มพูดลอยๆ ใครอยากรับก็รับไปซิ๊”
โจ๊กสะกดและกลั้นความรู้สึกอย่างเต็มที่ แล้วเดินไป
“นั่นไงฮะน้องโอปอ คนมันไม่แน่จริงก็งี้ เป็นได้แค่ไอ้ขี้แพ้เท่านั้นแหละ ฮ่าๆๆ”
โจ๊กหันขวับกลับมา “ว่าใครไอ้ขี้แพ้”
“แกไง...ไอ้ขี้แพ้ ฮ่าๆๆ”
ปาล์มกับสมุนหัวเราะ โอปอเป็นห่วงโจ๊ก
ครูพงษ์พัฒน์ที่กำลังซ้อมวอลเล่ย์บอลให้เด็กๆ ได้ยินเสียงโวยวายก็หยุดซ้อมทันที รีบวิ่งไปดู ขณะนั้น กริสน์กำลังจอดรถ เห็นโจ๊กทะเลาะกับพวกปาล์มเหมือนกัน กริสน์รีบลงจากรถ
จังหวะที่ทุกคนโผล่มา เป็นจังหวะที่ปาล์มกระเด็นลงมากองอยู่กับพื้น ปาล์มเงยหน้าขึ้นมอง เอามือปาดจมูกเห็นว่าเลือดกำเดาไหล ก็ช็อกร้องไห้ตัวสั่น
“แก...ไอ้โจ๊ก แกต่อยฉัน เลือดกำเดาไหลเลย”
“เออ ฉันต่อยแกเอง จะเอาอีกสักหมัดมั้ยละ” โจ๊กว่า
“Oh no! Stop stop! Don’t do that! Oh my god! Oh my god.!” ฟ้าใสมาในคอนเส็ปท์เดิมเป๊ะ
โจ๊กจะเข้าไปซ้ำ โอปอ แจ๊ส จีจ้า รีบเข้าไปแยก แต่กริสน์และพงษ์พัฒน์วิ่งมาถึงพอดีเลยจับตัวโจ๊กและปาล์มไว้
“หยุด โจ๊ก พอได้แล้ว” กริสน์เข้ามาห้าม
“หยุด บอกให้หยุดไง” พงษ์พัฒน์ขวางไว้
โจ๊กไม่ฟังยังคงจะลุยปาล์มต่อไป พงษ์พัฒน์เป่านกหวีดดัง ปี๊ด! ทุกคนจึงอยู่ในความสงบ
“Aggressive จริงๆ เด็กสมัยนี้ ช่างรุนแรงนัก Oh very sad คุณกริสน์คะ เรื่องนี้...คุณต้อง
รับผิดชอบ...แต่ฟ้าใส...จะร่วมมือกับคุณค่ะ”
คำพูดฟ้าใสทำเอาพงษ์พัฒน์ไม่พอใจ เป่านกหวีดอีก ปี๊ด!
กริสน์ แจ๊ส โจ๊ก และจีจ้า พากันนั่งหน้าเครียดอยู่ โจ๊กนั้นตาเขียวปัด ที่นั่งตรงข้ามกันเป็นปาล์มนั่งเอาทิชชู่ อุดจมูกโดยมีโอปอนั่งอยู่ข้างๆ พงษ์พัฒน์เดินบรรยายประวัติของโจ๊ก
ครูฟ้าใสนั่งโต๊ะ ทำตัวเป็นประธานในที่ประชุม
“ตั้งแต่เข้าเรียนมีเรื่องชกต่อยกับเพื่อนมาแล้ว 9 ครั้ง ร้ายแรงถึงขึ้นเลือดตกยางออก 3 ครั้ง” พงษ์
พัฒน์เหล่มองหน้าโจ๊ก “ครูคงต้องบอกว่า ถ้าเกิดเรื่องทำนองนี้อีกครั้งเดียว นายโจ๊ก นายจะต้องถูกพักการเรียน”
“พักการเรียนหรือภาษาอังกฤษที่เรียกว่า Suspension” ฟ้าใสบรรยายซ้ำ
จีจ้าเห็นว่าไม่ยุติธรรมจึงเถียงแทน
“แต่คราวนี้พี่โจ๊กไม่ได้เป็นคนเริ่มนะคะ พี่ปาล์มต่างหากที่หาเรื่องก่อน”
“อะไร...ใครหาเรื่อง มีพยานหรือเปล่า?”
“พยานก็คือจีจ้า เพราะจีจ้าเห็น” จีจ้ายืนกราน
“อืม...แต่จีจ้า...เป็นน้องของโจ๊ก...in this case…ในกรณีนี้...อาจจะใช้ไม่ได้ เอิ่ม...anybody
else… มีบุคคลอื่นอยู่ที่นั่นด้วยไหมจ๊ะ จีจ้า” ฟ้าใสยื่นหน้าถามหาพยาน
“มีพี่โอปอ...พี่โอปอบอกความจริงเลยค่ะ...เล่าเลย” จีจ้าเร่งเร้า
โอปอหันมาเจอกริสน์ คุ้นๆหน้า จึงถามขึ้น “เอ่อ...คือ” มองหน้ากริสน์ “เอ...คุณน้าขา...เราเคยรู้จัก
กันมาก่อน...หรือเปล่าคะ”
“ไม่...ไม่เค้ย...น้าเพิ่งมาจาก...จาก...” กริสน์แถต่อแต่ไปไม่ถูก
“ต่างประเทศ...หรือคะ ลอนดอน,ปารีส หรือว่าบอสตัน...” ฟ้าใสต่อให้
“ผม...ผมมาจากต่างจังหวัด เอาเถอะๆ” รีบตัดบท “พอเถอะจีจ้า ถึงยังไงนายโจ๊กก็ผิด เพราะไปชก
นายปาล์มเขาก่อน” กริสน์หันไปพูดกับครูพงษ์พัฒน์ “ต่อไปผมจะดูแลโจ๊กให้ดี จะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีกครับ”
พงษ์พัฒน์เป็นต่อรีบทำเก็กใส่ แต่มีแอบเหน็บเพราะหมั่นไส้ที่ฟ้าใสไปปลื้ม
“ถ้าคุณรับรองหนักแน่นแบบนี้ก็ดี ทำตัวเป็นพี่เลี้ยงที่มีประโยชน์ซะบ้าง ไม่ใช่มายืนทำหน้าหล่ออยู่
อย่างเดียว”
กริสน์ถอนใจอย่างเอือมๆ ครูพงษ์พัฒน์ โอปอมองหน้าโจ๊กอย่างรู้สึกผิด แล้วหันมามองหน้ากริสน์อีก แต่กริสน์หลบตา แล้วเอามือลูบหน้า เสยผม บังหน้าตัวเองไปมา
“ตายล่ะ คุณกริสน์ พอโดนเรามอง...เขินจนทำอะไรไม่ถูกเลย คิๆๆ” ฟ้าใสคิดเข้าพกเข้าห่อตัวเอง
พงษ์พัฒน์ไม่ไหวจะเคลียร์ จึงกระแอมดังๆ ให้ประธานรีบสรุป
“เออ...เป็นอันว่าถ้า Next time ถ้ามีเรื่องอีกครั้ง ครูต้องพักการเรียนหรือ Suspension เธอนะโจ๊ก
...เข้าใจมั้ย”
กริสน์ขับรถเข้ามาจอดหน้าบ้าน เด็กๆ ทยอยลงจากรถ จังหวะหนึ่งกริสน์หันมาพูดกับโจ๊กสีหน้าจริงจัง
“นายอยากสมัครเป็นนักกีฬาชกมวยเหรอโจ๊ก?”
“ก็ใช่น่ะซิลูกพี่” จีจ้าตอบแทนพลางปิดประตูรถ
กริสน์เซ้าซี้ให้ไปสมัคร “อยากเป็น ก็ไปสมัครซิ”
โจ๊กหยุดกึก มองหน้ากริสน์แล้วเดินคอตกพร้อมกับถอนหายใจ แล้วเข้าบ้านโดยไม่ได้สนใจที่กริสน์พูด
“น้าพิมไม่ชอบให้พี่โจ๊กชกมวย น้าพิมบอกว่า พวกชอบใช้กำลังคือพวกอันธพาล โตขึ้นไปก็จะเป็น
นักเลงหัวไม้ ไม่มีอนาคต” จีจ้าสาธยาย
โจ๊กทนไม่ไหวหันกลับมา “เงียบได้แล้วนะจีจ้า” ก่อนจะเดินหนีเข้าบ้านไป
จีจ้าโต้เสียงอ่อย ก่อนจะนึกบางอย่างออก “ทำไมต้องเสียงดังใส่จีจ้าด้วย...หวังว่าน้าพิมจะไม่เห็นพี่โจ๊กตาเขียวนะ”
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ กริสน์เริ่มรู้สึกเป็นห่วงโจ๊กขึ้นมาครามครัน
ค่ำวันเดียวกัน เสี่ยอธิปกำลังจิบน้ำชาและดูหนังไอ้มดแดงอยู่ โอปอเข้ามาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างไม่สบอารมณ์
“คนกวนประสาท! เราอุตส่าห์อยากเป็นเพื่อนด้วย แต่กลับมากวนใส่”
อธิปลุกขึ้นทันที “ใคร ใคร มันกล้าทำแบบนี้?”
“ป๊าใจเย็นๆ แค่เพื่อนที่โรงเรียนเอง”
แต่อธิปยังคงโวยวายต่อ “ไหน ไหน อยู่ไหน”
“เขาอยู่ที่โรงเรียน ไม่ได้ตามมาที่บ้านเราหรอกคะ”
“ทำไม...ทำไมมันไม่ตามมาบ้านเรา ทำแบบนี้เท่ากับไม่ให้เกียรติเราเลย เราต้องตามไปบ้านมัน ไปเดช! เอารถออ...ก...ก”
จู่ๆ เสี่ยอธิปก็หน้าเขียว ล้มลงกับพื้น โอปอร้องเสียงหลง
“ป๊า! ป๊า เป็นอะไร?” รีบเข้ามาประคองอธิป
จตุพลกับน้อมพงษ์วิ่งเข้ามาเพราะได้ยินเสียงร้องโวยวาย พอเห็นเสี่ยอธิปกองอยู่ที่พื้นก็แอบยิ้มกับน้อมพงษ์
จตุพลทำเป็นแกล้งตกใจ “เกิดอะไรขึ้นน่ะ ทำไมอากู๋เป็นแบบนี้?”
“เสี่ยแกโมโหที่เพื่อนคุณหนูไม่มาบ้านเราครับ เลยสับสนจนหายใจไม่ทันครับ ทำยังไงดีครับเนี่ย?”
เดชกังวลหนัก
“จะทำยังไงละพี่เดช ก็รีบพาป๊าส่งโรงพยาบาลซิ เร็ว” โอปอบอก
น้อมพงษ์ตะโกนบอกบอดี้การ์ด “เร็วๆ เข้า พาเสี่ยไปโรงบาลเร็ว”
เดชและบอดี้การ์ดรีบอุ้มอธิปพาไปขึ้นรถ โอปอวิ่งตามไปอย่างร้อนรน จตุพลกับน้อมพงษ์ที่สีหน้าเปลี่ยนจากร้อนใจ เป็นยิ้มแย้มอย่างสมใจ
น้องพงษ์กระซิบเบาๆ กับจตุพล “ยาของผมแจ๋วจริงๆ รับรองหมอจะไม่มีวันตรวจมันพบแน่ๆ นะ”
จตุพลกับน้อมพงษ์หัวเราะร่วน
จู่ๆ น้อมพงษ์รีบปิดปาก “เราต้องไม่หัวเราะครับ เพราะคนหัวเราะ มักจะเป็นผู้ร้าย”
“ได้..เราสองคนต้องขรึมๆ เพราะเราเป็นคนดี”
แล้วสองคนก็รีบทำหน้าขรึม ๆ หล่อๆมากๆๆ
น้อมพงษ์ปั้นหน้าทำทีเป็นห่วงอธิปม๊ากมาก
“หายเร็วๆ นะ เสี่ยอธิป”
ก่อนที่สองคนจะหัวเราะออกมา ดังกว่าเดิม
ช่วงเวลาตอนหัวค่ำ กริสน์คุยโทรศัพท์กับภัทรดนัยอยู่ในห้องโฮมเธียเตอร์ของบ้าน ป๊อปคอร์นเข้ามาคลอเคลียกริสน์ เด็กๆ ดูทีวีกันไป โจ๊กนั่งตาเขียวอยู่ไม่ไกลนัก
“เสี่ยอธิปล้มป่วยเหรอ? แกแน่ใจหรือเปล่า? อาจเป็นแผนเบี่ยงเบนความสนใจของพวกมันก็ได้
ตัวเองทำเป็นป่วยแล้วให้คนอื่นจัดการแทน โอเค แกจับตาดูเสี่ยอธิปไว้ให้ดีละกัน ส่วนฉันจะรีบสืบหาไอ้ตัวชักใยเบื้องหลังให้เร็วที่สุด
กริสน์วางหูใบหน้าเคร่งเครียด พอดีพิมมาดาเดินลงมาจากชั้นบน พิมมาดาแต่งตัวสวยเช้งเป็นพิเศษกว่าทุกวัน จนกริสน์ต้องชะงัก ตะลึง ตาค้าง
จีจ้าหันไปเห็นพิมมาดาพอดี รีบบอกทุกคน “น้าพิมมา...เอาไงพี่โจ๊ก...เดี๋ยวน้าพิมเห็นตา”
ไม่ทันขาดคำดี “โจ๊ก จีจ้า” พิมมาดาก็เรียกหลาน
กริสน์นึกขึ้นได้ว่าห้ามพิมมาดาเห็นหน้าโจ๊ก โจ๊กไวกว่ามุดหน้าลงไปกับโซฟาคว้าหมอนมาปิดหน้า
พิมมาดาเห็นท่าทีมีพิรุธ เดินเข้าไปหาพยายามจะดึงหมอนออกมา โจ๊กยื้อหมอนบังหน้าเอาไว้
“คุณพิม!!” กริสน์เรียกเสียงดัง
พิมมาดาหันมา
“โอ้โห” กริสน์ทำเสียงตื่นเต้น
พิมมาดาเขิน แต่ทำเชิดเริ่ดๆ ใส่ แล้วแกล้งถาม “ทำไม”
“สวยอ้ะ” กริสน์ชม
พิมมาดาทำเป็นเมินๆ ไม่ใส่ใจ
“ก็..นี่..แค่แต่งตัวพื้นๆ เบสิคๆ ธรรมดาๆ เองนะ ไม่ได้ตั้งใจจะให้พิเศษอะไรนักหนาหรอก”
พิมมาดาทำท่าจะไปหาโจ๊กอีก กริสน์รีบหันไปส่งซิกนัลกับป๊อปคอร์น ซึ่งรับมุกทันที ป๊อปคอร์นเต้นเข้าไปหา ตะกาย พิมมาดาต้องจุ๊ๆๆ ให้หยุด
ป๊อปคอร์นเห่า จากนั้นเสียงแตรรถก็ดังขึ้นที่หน้าบ้าน พิมมาดาชะเง้อมอง แล้วยิ้ม
“มาแล้ว” พิมมาดาหันไปพูดกับกริสน์ “ฝากดูเด็กๆ เข้านอนด้วยนะ อ้อ! โดยเฉพาะจีจ้าจะไม่หลับ
ง่ายๆ ถ้าไม่มีใครกล่อม”
พิมมาดารีบวิ่งออกไป กริสน์มองตาม
กริสน์เดินตามพิมมาดาลงมาชั้นล่าง เห็นสุขสันต์ลงมาจากรถด้วยแพทเทิร์นเสริมเนี้ยบเดิมๆ บอดี้การ์ดรุมล้อมกันฉีดน้ำหอม เสริมหล่อเนี้ยบให้ แล้วมายืนรอพิมมาดาอยู่
สุขสันต์เปิดประตูรถให้พิมมาดาเข้าไปนั่ง พิมมาดาเคอะเขิน แต่ดูมีความสุข
“ผู้หญิงก็แบบนี้ทุกคน...ใจเร็วด่วนได้ ชิงสุกก่อนห่าม คนโลเล..หลายใจ รับไม่ได้”
กริสน์บ่นงึมงำ มีป๊อปคอร์นหอนตาม
กริสน์หันหน้ากลับมา เจอ แจ๊ส โจ๊ก จีจ้า ยืนหน้านิ่วอย่างไม่พอใจ ทั้งหมดอยู่ในชุดนอน
“หมดกัน..ลูกพี่เรา” จีจ้าตีหน้าเซ็งใส่
“นี่พวกเรารับน้ามาเพื่อกันท่านายสุขสันต์นะ” โจ๊กหน่าย
“ไหวปะเนี่ย..นี่พวกเราไว้ใจคนผิดใช่ไหม!” แจ๊สจัดเป็นคนสุดท้าย
“เอ่อ...เดี๋ยวนะ..ทุกคน..อย่าเพิ่งด่วนสรุป เราต้องใช้สมอง อย่าใช้อารมณ์ อย่าใจร้อน สงครามยัง
ไม่สงบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร” กริสน์อึ้งไปก่อนจะยกคำคมมาพูด
“แปลว่าไร” จีจ้างง
“ทุกคน..คิดดู น้ามาเป็นพี่เลี้ยงพวกเราแค่วันแรก แถมน้าพิมของพวกเราก็เกลียดขี้หน้าน้า จับผิด
น้า แล้วก็มองน้าในแง่ร้ายตลอดๆๆ แล้วคนอย่างน้า จะมีอะไรไปสู้กะนายสุขสันต์ได้ เปรียบกะเค้กแล้ว น้ามันก็เหมือน..” กริสน์ทำหน้าสลดเรียกคะแนนสงสาร
“หมาหัวเน่า” แจ๊สออกตัวแรงตาหลอดๆ
“เจ๊ย..แรงไปปะ” กริสน์ตกใจ
“ผู้หญิงก็แบบเนี้ย ชอบแต่คนรวยๆ” โจ๊กพูดเยาะ
“ใช่! เรามีแต่ความดีอย่างเดียว นอกนั้น เราไม่มีอะไรเลย” กริสน์ว่า
“แต่ความดี..ต้องชนะทุกสิ่งสิคะ” จีจ้าบอก
“ใช่แล้วจีจ้า หนูนี่อัจฉริยะชัดๆ ความดีต้องชนะทุกสิ่ง! เราต้องเอาความดีมาเป็นเครื่องมือ เพราะ
ฉะนั้น..พวกเราต้องช่วยกัน ต้องร่วมมือกัน ทำให้น้าดูดีมีราคา เพื่อที่จะทำให้น้าพิมเชื่อถือน้าขึ้นมาบ้างสิ”
ว่าแล้วเด็กๆ กับกริสน์ หันมาทำท่าสุมหัวรวมตัวกัน
อ่านต่อหน้า 3
มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 4 (ต่อ)
เปลวเทียนวูบไหววิบวับตามแรงลม ยิ่งทำให้บรรยากาศโรแมนติกมากขึ้น พิมมาดานั่งอยู่ตรงข้ามกับสุขสันต์ ในร้านอาหารสุดหรู บนยอดตึกใบหยก พนักงานเสิร์ฟรินไวน์ขาวใส่แก้วสองใบ
“เป็นยังไงบ้างครับคุณพิม...” สุขสันต์ถามอย่างมีเลศนัย “ชอบมั้ย?”
“คุณสุขสันต์ ให้เกียรติพิมเกินไปหรือเปล่าคะ..คือเราแค่..คุยธุรกิจกัน..แต่…”
สุขสันต์จุ๊ปาก รีบพูดแทรก
“จุ๊ๆๆ ผมขอซื้อ..คำว่าธุรกิจ นั่นมันเป็นเพียงข้ออ้าง ที่จะทำให้คุณพิม เปิดทางให้ผมได้ก้าวเข้ามาใกล้ๆคุณ..อย่างที่คุณจะไม่รังเกียจผมตะหาก”
สุขสันต์ดีดนิ้ว นักดนตรีคนหนึ่งเดินมาสีไวโอลินที่ข้างโต๊ะ พิมมาดายิ้มกว้างด้วยความประทับใจ สุขสันต์หยิบแก้วไวน์ขึ้นมา พิมมาดาหยิบตาม
“พิม.. ..ผู้หญิงพากันกลัวผม คิดว่าคนรวยๆ หล่อๆ เก่งๆ อย่างผม ไม่มีความจริงใจให้ใคร คิดว่า
ผมมีแต่เรื่องผลประโยชน์ การเมือง ธุรกิจ แล้วทุกคนก็หนีผมไป ไม่มีใครรู้หรอก ว่าผมเหงาแค่ไหน” สุขสันต์แสร้งทำราวกับปวดร้าวเต็มประดา
พิมมาดายิ้มเขิน หยิบแก้วไวน์ของตัวเองที่ชนกับแก้วของสุขสันต์ เสียงดังกิ๊ง!
ไม้บรรทัดถูกใช้เคาะกับกล่องดินสอให้กังหวะ กริสน์ร้องเพลงกล่อมเด็กๆ เป็นเพลงดาวลูกไก่ของพร ภิรมย์
กริสน์ร้องด้วยอินเนอร์จากด้านในใส่อารมณ์มากๆ
“น่าสงสารแม่ไก่...น้ำตาไหลสอนลูก เช้าก็ถูกตาเชือด...ต้องหลั่งเลือดนองเล้า ส่วนลูกไก่ทั้งเจ็ด...
เหมือนถูกเด็ดดวงใจ จึงพากันโดดเข้ากองไฟ...ตายตามแม่ไก่ดังกล่าว ด้วยอานิสสงค์ใจประเสริฐ...ลูกไก่ไปเกิดเป็นดาว”
ทุกคนยังทำตาแป๋ว โจ๊กอยู่ในอาการเศร้าๆ แจ๊สตาลอย ป๊อปคอร์นเศร้า
กริสน์หันมาเห็น ถึงกับผงะ “เย้ย.. ทำไมยังไม่นอนกันอี๊ก?”
จีจ้าพ่นยาโรคหอบ สะอื้น ฮักๆ “จะนอนได้ไง จีจ้าสงสารไก่ เล่นเอาซะหอบกำเริบเลย
“โลกนี้ไม่ยุติธรรม” โจ๊กว่า
“ใครว่าความดีชนะทุกอย่าง..คนใจร้ายตะหาก ชนะทุกอย่าง” แจ๊สบอก
กริสน์ สะอึก “งั้นจัดเพลงนี้ให้ดีกว่า”
“เพลงอะไรเหรอน้า?” โจ๊กอยากรู้ว่ากริสน์จะงัดอะไรออกมาจากกรุเพลงเก่าอีก
กริสน์เดินไปดับไฟ แล้วเอาไฟฉายมาส่องหน้าตัวเอง
“เพลงนี้ไง” ว่าแล้วกริสน์ก็ร้องเพลงแม่นาค ด้วยเสียงโหยหวน “โอ...ละ เห่...โอ้ โอ ละ หึ ดวงใจคนดี ลูกจ๋า...”
ป๊อปคอร์นหอนรับ
เด็กๆ ทั้งสามร้อง กรี๊ดๆๆ! แล้ววิ่งเข้ามากระโดดทับกริสน์ซ้อนเป็นกองๆ โดยป๊อปคอร์นอยู่บนสุด
รถของแพรวเข้ามาจอดดัง เอี๊ยด! ที่หน้าคฤหาสน์ของสุขสันต์ แพรวลงมาจากรถ แล้วเดินเข้าบ้านอย่างอารมณ์เสีย ฉัตรชัยรีบมารับหน้า
“หลีกไป ฉันมาหาคุณสุขสันต์”
“ท่านสุขสันต์ยังติดประชุมอยู่เลยครับ?”
“ประชุมประแชมอะไรกัน เมื่อกี้ฉันไปที่พรรคมาไม่เห็นมีใครอยู่สักคน”
“อ้อ! วันนี้ท่านมีประชุมนอกสถานที่น่ะครับ ที่มูลนิธิ..รักเด็กมากมาย” ฉัตรชัยพูดอย่างสุภาพด้วย
ท่าทีสำรวม “ท่านบอกให้ผมดูแลคุณแพรวพิลาศให้ดีเหมือนที่ท่านดูแล”
แพรวเชิดใส่
“ไม่มีใครดูแลชั้นแทนสุขสันต์ได้ทั้งนั้น สุขสันต์เป็นคนพิเศษ แต่อย่าให้ฉันรู้ก็แล้วกัน ว่าไม่ได้
ประชุม แต่แอบไปรัก-จัด-หนักกะใครที่ไหน ไม่งั้น..ฉันจะทำให้เขากระเด็นจากพรรคคุณพ่อแน่ๆ”
แพรวสะบัดบ๊อบเดินออกไป ฉัตรชัยสลด
เวลาเดียวกันอธิปนอนอยู่บนเตียงให้น้ำเกลือ ให้ออกซิเจนอยู่ แต่กำลังเพ้อ มีพยาบาลให้ยานอนหลับอยู่
“หลบๆ เร็ว เบ็นเท็น” อธิปพูดกับเดช
“ครับๆ ปู่เดี๋ยวเบ็นเท็นจะแปลงกายแล้วนะ ขยับนาฬิกาเบ็น10” เดชเล่นด้วย
โอปอยืนสลดอยู่ข้างๆ
“แปลงเป็น ไดมอนด์เฮด”
“ดีๆ ไปจัดการมนุษย์ต่างดาวเลย” เดชหันมาเจอโอปอ “อ้าว! เกวน รีบไปช่วยเบ็นสิ”
โอปอเลยตามเลย “ค่ะปู่ จะรีบไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
พยาบาลฉีดยานอนหลับเสร็จพอดี
“อีกแป๊บก็หลับแล้วนะคะ”
“ครับ/ค่ะ” เดชตอบพร้อมกับโอปอ
“เร็ว” อธิปละเมอสั่ง
ทั้งคู่ทำเป็นรีบวิ่งต่อสู้กัน
แจ๊ส โจ๊ก จีจ้า รวมถึงกริสน์ นอนก่ายกันอย่างหมดสภาพอยู่บนเตียง จีจ้านอนหลับอยู่บนตัวของกริสน์ จังหวะหนึ่งจีจ้าละเมอเอามือต่อยโดนหน้ากริสน์เต็มๆ กริสน์ร้อง “โอ้ย!” แล้วตกใจตื่น
กริสน์งัวเงียมองนาฬิกา เห็นนาฬิกาชี้บอกเวลาเกือบจะห้าทุ่มแล้ว
“จะห้าทุ่มแล้ว ยัยพิมพ์เขียวยังไม่กลับมาอีกเหรอวะ? ใจแตกใหญ่แล้ว”
ป๊อปคอร์นเข้ามาเลียกริสน์แบบปลอบโยน
กริสน์ลุกขึ้นมาเอาผ้าห่มให้เด็กๆ ป๊อปคอร์นหันไปเห่าๆๆ ที่หน้าต่าง
จังหวะเดียวกับที่มีเสียงรถแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน กริสน์รีบวิ่งออกไปดูที่ระเบียง
กริสน์แอบดูพิมมาดากับสุขสันต์ ซึ่งเวลานั้นสุขสันต์โชว์แมนวิ่งลงมาเปิดประตูรถให้พิมมาดา
“ขอบคุณมากนะคะ สำหรับคืนพิเศษคืนนี้”
“ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณพิม ที่ยอมเป็นคนพิเศษของผม”
สุขสันต์จับมือพิมมาดามากอบกุม แล้วยกขึ้นมาจูบ พิมมาดาตกใจ หน้าแดงก่ำ รีบดึงมือกลับมา อยู่ในอาการเขินสุดๆ กริสน์แอบมองอยู่ด้วยความรู้สึกหงุดหงิดใจอย่างบอกไม่ถูก
ป๊อปคอร์นเข้าเลียปลอบใจกริสน์
เช้าวันต่อมา สายมากขึ้นเรื่อยๆ พู่เชือกอันหนึ่งถูกเขย่าๆ ก่อนจะเห็นว่าเป็นเต๋า เต้ย และเค้ก ที่กำลังเขย่าพู่เชียร์เหมือนเชียร์กีฬาอยู่คนละอัน โดยมีจีจ้า กับ โจ๊ก ร้องเพลงเชียร์อย่างออกรส แจ๊สร้องเพลงเชียร์เหมือนกัน แต่หน้านิ่งๆ เนิร์ดๆ ตามสไตล์
ปอบคอร์นเห่าคลอเป็นจังหวะ ทั้งกลุ่มยืนเชียร์อยู่หลังกริสน์ ในขณะที่พิมมาดายืนอยู่คนเดียว
ทุกคนและหมายกเว้นกริสน์กับพิมมาดาพากันร้องเพลงตะเบ็งเสียงเชียร์ออกมา
“คุณกริสน์สู้ๆ ลูกพี่สู้ตาย คุณกริสน์ไว้ลาย สู้ตายลูกพี่!”
พิมมาดาแหวขึ้นเสียงดังแหวกบรรยากาศแสนรื่นเริงขึ้นมา
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ! จะออกนอกหน้ากันเกินไปแล้ว” หันมาทางเต๋ากับเต้ย “สรุปใครเป็นเจ้านาย” แล้ว
หันมาทางกับเด็กๆ “ใครเป็นน้าของพวกเธอกันแน่เนี่ย? ต่อไปใครเชียร์เขาอีก...” พิมมาดาหันขวับกลับไปที่กับเต๋าเต้ย
เต๋า กับเต้ยรู้ตัว รีบวิ่งมาข้างหลังพิมมาดาทันที
“จะตัดเงินเดือน” แล้วพิมมาดาก็หันมาทางเด็กๆ “น้าจะตัดค่าขนม!”
เต๋ากับเต้ยแม่ยกเอเอฟที่ยามนี้ปันใจมาเชียร์กริสน์จนออกนอกหน้าประสานเสียง
“นี่มันประเทศประชาธิปไตยป่าวเนี่ย...”
“ใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ!” สาวน้อยสุดเนิร์ดว่า
เค้กพูดสำทับ ออกตัวสวยหรู
“เออ แต่ว่าฉันไม่ใช่ทั้งพนักงาน แล้วก็หลานของแก เพราะฉะนั้น” หันมาทำตาหวานใส่กริสน์ แถม
ด้วยออฟชั่นถึงเนื้อถึงตัว...โผเข้าไปซบ “ฉันก็เชียร์คุณกริสน์ต่อได้” เค้กจ้องหน้ากริสน์ “สู้ๆ นะคะคุณกริสน์ เค้กไม่อยากเห็นคุณกริสน์ต้องขัดห้องน้ำ”
กริสน์ยิ้มรับก่อนจะหันมองพิมมาดาพูดอย่างแค้นเคือง
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับคุณเค้ก รับรองผมไม่ได้ขัดห้องน้ำแน่ๆ”
พิมมาดาพูดแขวะแบบรู้สึกหมั่นไส้เต็มทน
“อย่าเก่งแต่ปากก็ละกัน” หันไปจะหยิบดอกไม้ “เริ่มเลย...”
“เดี๋ยวก่อน! คุณบอกว่าถ้าผมตอบผิด 1 ชื่อ ต้องขัดห้องน้ำ 1 ครั้งใช่มั้ย?” กริสน์ทวนข้อตกลง พิม
มาดาพยักหน้า “แล้วถ้าผมตอบถูกหมดละ ผมจะได้อะไร?”
คำถามของกริสน์ ทำเอาพิมมาดาอึ้งไปเพราะไม่ได้ทันคิด ทุกคนพึมพำเห็นด้วยรอฟังพิมมาดา
“แล้วนายจะเอายังไง?”
“ผมก็แค่อยากให้คุณพิมมาดา ขัดห้องน้ำโชว์สัก 1 ครั้ง ถ้าผมตอบถูกหมด” กริสน์ยื่นข้อเสนอ
พิมมาดายิ้มเยาะ “ตกลง เพราะความเป็นไปได้มันเท่ากับ ศูนย์”
กริสน์เดินเข้าไปจ้องหน้าพิมมาดา แล้วแค่นเสียงหัวเราะออกมา “วะ ฮ่ะๆๆๆ”
พิมมาดาหยิบดอกกุหลาบก้านยาวแข็งชนิดหนึ่งที่มีชื่อเฉพาะออกมา ผิดคาดกริสน์ตอบพิมมาดาถูกต้อง ทุกคนเฮลั่น! พิมมาดาหยิบดอกลิลลี่อีกชนิดหนึ่งออกมาอีก กริสน์ตอบพิมมาดาถูกอีกเช่นเคย ทุกคน เฮ!ลั่นอีก พิมมาดาเริ่มหงุดหงิด
คราวนี้พิมมาดาหยิบดอกลิเซียนทัส ออกมา สีหน้าหมายมั่นสุดๆ ว่ากริสน์ไม่รู้แน่นอน
เวลาเดียวกันนั้นภาพหน้าจอคอมเห็นเป็นภาพดอกลิเซียนทัส และเห็นภัทรดนัยนั่งอยู่ที่ร้านเบเกอรี่ของเค้ก บนโต๊ะมีหนังสือที่มีรูปภาพและชื่อดอกไม้อย่างละเอียด รวมถึงแล็ปทอปตัวหนึ่งที่เชื่อมกับกล้องไร้สายที่ติดอยู่บนตัวของกริสน์ ภัทรดนัยใส่หูฟัง นั่งอย่างเตรียมพร้อม
“ดอกสิเซียนทัสว๊อยไอ้กริสน์” ภัทรดนัยบอก
“ห๊า...” กริสน์ฟังไม่ถนัดพูดกับภัทรดนัย
“ชื่อดอกอะไร?” พิมมาดานึกว่ากริสน์ถามตัวเอง
“ห๊า...” กริสน์ได่ยินที่ภัทรดนัยพูดไม่ถนัด พิมมาดานึกว่ากริสน์พูดกับตัวเองอีก
“ชั้นถามว่าดอกนี้ชื่ออะไร”
“ห๊า” กริสน์ถามอีก
“นี่นาย” พิมมาดาเริ่มเซ็ง
ภัทรดนัยบอกกริสน์อีกครั้ง
“ดอกลิเซียนทัสครับ” คราวนี้กริสน์ตอบอย่างมั่นใจ แล้วก็ถูกอีก ทุกคน เฮ! พิมมาดายิ่ง ยัวะหนัก
พิมมาดาหยิบดอกไม้มากองเต็มโต๊ะ กริสน์ตอบถูกหมดเป๊ะ พิมมาดากำลังหยิบดอกไม้ ดอกสุดท้ายออกมา
กริสน์กอดอกยืดเต็มที่อย่างภาคภูมิใจ โดยไม่รู้ว่าแขนตัวเองไปบังกล้องไร้สาย กลายเป็นจอดำที่ แล็ปทอปของภัทรดนัย
“เอาออกดิวะ” ภัทรดนัยบอก
“อะไรออกวะ” กริสน์พึมพำกับตัวเอง
“มองไม่เห็น อะไรบังวะ”
“บัง...อะไรบังวะ”
”เอาว่าไง...นี่ดอกอะไร ว่ามานายกริสน์” พิมมาดาเร่งเร้า
“เออ...” กริสน์พูดกับภัทรดนัย
“บังอยู่โว้ย อะไรบัง เอาออกดิวะ มองไม่เห็น” ภัทรดนัยโวย
“เออ...ลืมอ่ะ”
กริสน์พูดกับภัทรดนัย ทุกคนเหวอนึกว่ากริสน์ตอบไม่ได้
“ห๊า...ลืมเหรอ”
“เดี๋ยว...เค้กช่วยเอง” เค้กอาสา
พิมมาดาเอามือปิดปากเค้กทันที
“หยุดเลยเค้ก...ห้ามช่วย...เอา!นายกริสน์ นี่ดอก...”
“ดอกเบญจมาศ มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Chrysanthemum ชื่อวิทยาศาสตร์ ว่าDendranthemum
grandifflora ถูกมั้ยครับ?”
พิมมาดาโมโหสุดขีด ทุกคน เฮลั่น เต้ยออกปากชม
“คุณกริสน์นี่เก่งจริงๆเลยนะคะ
“ทั้งหล่อ ทั้งฉลาด” เค้กระรื่น
“เพอร์เฟ็คท์มาก เพอร์เฟ็คท์ ที่สุด” เต๋าชมออกนอกหน้า
“ลูกพี่นี่ของพวกเรานี่สุดยอดไปเลย!” โจ๊กอวยกริสน์
พิมมาดาอึ้งพึมพำอย่างไม่เชื่อตัวเอง “...มันเป็นไปได้ยังไงเนี่ย?!”
กริสน์ทำหน้ายียวนใส่พิมมาดาอย่างเป็นต่อ
“เอ้า! ดอกไม้หมดตู้ซะแล้ว ผมยังตอบไม่ผิดสักชื่อนั่นก็หมายความว่า...”
แจ๊ส โจ๊ก และจีจ้าประสานเสียงยิ้มกริ่ม
“น้าพิมต้องขัดห้องน้ำนะซิครับ”
พิมมาดาใส่ถุงมือยาง สวมผ้ากันเปื้อน เตรียมตัวขัดห้องน้ำ จังหวะนั้นพิมมาดาเงยหน้าขึ้นมอง กริสน์ เค้ก เต๋า เต้ย และเด็กๆ กับเจ้าป๊อปคอร์นที่มองอยู่ตรงหน้าประตูกันสลอน
พิมมาดามองหน้ากริสน์อย่างฉุนๆ
“มองอะไรครับคุณพิม ตั้งใจขัดหน่อย นั่นๆ ขัดแรงๆ จะได้สะอาดๆ” กริสน์ได้ทีขี่แพะไล่ทันควัน
พิมมาดาขัดไปกระแทกแปรงไปทั้งแค้น ทั้งอาย
จังหวะหนึ่งพิมมาดาพูดใส่กริสน์ “ฝากไว้ก่อนเถอะ ทีใครทีมัน”
“ฝากประจำ หรือออมทรัพย์จ๊ะ” กริสน์เยาะเย้ยในอาการดี๊ด๊าสุดฤทธิ์
พิมมาดาทำอะไรไม่ได้หันไปขัดห้องน้ำต่อ จู่ๆโทรศัพท์พิมมาดาที่ฝากอยู่กับเต๋าดังขึ้น
“พี่พิมขา คุณสุขสันต์โทรมาค่ะ” เต๋าร้องบอก
พิมมาดายิ้มออก “เหรอ” รับโทรศัพท์แล้วหลบมาอีกมุมในห้องน้ำ “ฮัลโหลคุณสุขสันต์เหรอคะ...
อ้อ กำลังทำงานอยู่น่ะคะ ยุ่งนิดหน่อย...” ทุกคนพยายามแอบฟัง พิมมาดารู้ทันหันมามอง แต่ทุกคนทำเป็นไก๋ “ตอนบ่ายเหรอคะ? ว่างคะ เดี๋ยวให้เต๋ากับเต้ยดูร้านแทนให้...ค่ะ....ค่ะ แล้วเจอกันค่ะ”
พิมมาดาพูดเสียงอ่อนสัยงหวานก่อนจะวางสายแล้วยิ้มกับตัวเอง เด็กๆ ยืนมองอย่างไม่พอใจ ในขณะที่กริสน์หมั่นไส้สุดๆ
“คุยเสร็จแล้วก็ขัดต่อซิคุณ ยืนยิ้มคนเดียวอยู่ได้ บ้าหรือเปล่า?”
พิมมาดาถอดถุงมือเอ่ยขึ้น “ฉันขัดเสร็จตามสัญญาแล้ว ฝากล้างน้ำต่อหน่อยละกัน”
พิมมาดายัดถุงมือใส่มือกริสน์ แล้วเดินออกไปอย่างลั้นลา กริสน์เซ็งโครตๆ
ขบวนรถตำรวจวิ่งนำ ตามด้วยรถสปอร์ตเปิดประทุนของสุขสันต์ บนรถเวลานี้สุขสันต์ยิ้มแย้มอย่างชิลล์ๆ ชณะที่พิมมาดาตื่นเต้น เพราะไม่เคยพบเคยเห็น
ขบวนรถเปิดประทุนของสุขสันต์มาหยุดอยู่ที่ร้านอาหารสุดหรูริมทะเลแห่งหนึ่ง ในบรรยากาศตอนค่ำที่สุดแสนจะโรแมนติก พนักงานทยอยยกเอาอาหารมาเสิร์ฟ
สุขสันต์ตักอาหารป้อนพิมมาดา แต่พิมมาดาชะงัก ไม่ยอม แย่งส้อมมากินเอง
ทั้งค่ำม่รู้ว่ามีชายคนหนึ่ง ซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะหลังสุขสันต์ ทำทีเป็นกำลังเล่นโทรศัพท์มือถือ แต่ความจริงกำลังถ่ายรูปของสุขสันต์กับพิมมาดาอยู่ ถ่ายตอนที่สุขสันต์แย่งส้อมกับพิมมาดา ดูกุ๊กกิ๊ก พอดี ชายลึกลับคนนั้นกดส่งรูปทางบีบี
แพรวพิลาศกำลังขับรถ มีเสียง BB ดังขึ้น แพรวพิลาศกดดู BB ของตัวเอง พอกด Accept แล้วก็ขึ้นเป็นรูป สุขสันต์ กับพิมมาดา ที่แท้ชายคนดังกล่าวเป็นนักสืบที่แพรวพิลาศส่งไปสืบเรื่องของสุขสันต์
แพรวพิลาศเลือดขึ้นหน้าพูดแทบเป็นคำราม “สุขสันต์!! แพรวไม่ยอม...”
แพรวพิลาศมองรูปอย่างโกรธเกรี้ยว กำ BB ในมือไว้แน่น
กริสน์ช่วยทำความสะอาดร้าน โดยใช้ม็อบถูพื้น ส่วนเต๋ากับเต้ยกำลังปิดร้าน
“ดูชิพี่พิมเที่ยวเพลินซะลืมร้าน ลืมหลานเลย” เต๋าว่า
“ปล่อยชีเถอะน่า นานๆ ที...นี่เด็กก็กำลังดูทีวีกัน ไม่ได้ซนอะไรซักหน่อย” เต้ยบอก
กริสน์เข้ามาสมทบ สอบถามข้อมูลอย่างจริงจัง “นานๆที ที่คุณพิมจะได้ไปเที่ยวเหรอครับ?”
“นานๆ ที ที่พี่พิมจะมีผู้ชายมาจีบต่างหากละคะ อิๆ แต่จะว่าไปก็ดีใจแทนนะคะ เพราะตั้งแต่ถูก
แฟนเก่าทิ้งไปเมื่อหลายปีก่อน พี่พิมก็ไม่เคยสดชื่นเลย เอาแต่ทำงานกับเลี้ยงหลาน” เต้ยเล่ายาว
“น่าอิจฉาพี่พิมเนอะ คุณสุขสันต์ทั้งหล่อ ทั้งใจดี แถมเข้ามาช่วยแบ่งเบาพี่พิมไปได้ตั้งหลายอย่าง
แค่ค่านำเข้าดอกไม้นี่ก็ช่วยร้านไว้ได้ตั้งเยอะเนอะ” เต๋าเสริม
“อ่ะถูกต้อง” เต้ยระริกระรี้
“ค่านำเข้าดอกไม้” กริสน์งงๆ
“คืองี้คะ คุณสุขสันต์เขาจะนำเข้าวัตถุดิบทำขนมมาจากประเทศนั้นประเทศนี้ พอดีมีที่ในคอนเทน
เนอร์เหลือเขาก็เลยอาสาให้พี่พิมเอาดอกไม้ที่สั่งจากเมืองนอกเข้ามาพร้อมกันซะเลย” เต๋าบอก
“แล้วค่าขนส่งเขาก็รับผิดชอบให้ทั้งหมดด้วย ล๊อตแรกจะเข้ามาวันพรุ่งนี้แล้วนะคะ” เต้ยเล่าพาซื่อ
กริสน์สะดุดกับสิ่งที่เต๋าพูดแล้วนิ่งคิด ถึงเรื่องที่ตัวเองพูดกับภัทรดนัยเรื่องยาเสพติดชนิดใหม่ที่จะเข้ามาในอีกสามวัน กริสน์นึกถึงแหวนของนายทุน นึกไล่ไปถึงตอนที่สุขสันต์จูบมือพิมมาด กริสน์จำแหวนบนนิ้วนางสุขสันต์ได้ เต๋ากับเต้ยเห็นอาการครุ่นคิดต่างงุนงงอยู่ๆกริสน์ก็เงียบไป
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะคุณกริสน์?” เต้ยสะกิดกริสน์
กริสน์เริ่มรู้สึกตัว “เอ้อ! ไม่มีอะไรครับ” รีบหันไปบิดล้างม๊อบด้วยที่บิดในถังกลบเกลื่อน
เต๋าแอบกระซิบกับเต้ย “หวาย..สงสัย..แอบคิดไรกะคุณพิมปะเนี่ย...”
กริสน์รีบกดโทรศัพท์หาภัทรดนัยทันที ภัทรดนัยลุกพรวดขึ้นจากเตียง
“ป๊อก 9 สามเด้ง”ภัทรดนัยโพล่งออกมา
“ไอ้คุณสุขสันต์นี่มันไม่ธรรมดาจริงๆ ได้ทั้งหญิง ได้ทั้งงาน แล้วอำพรางสินค้าอีกต่างหาก”
มีเสียงรถแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน กริสน์ขอตัววางสาย
“แค่นี้ก่อนเพื่อน ต้องเริ่มดำเนินการตามแผนแล้ว”
“เฮ้ย! เดี๋ยวก่อนไอ้กริสน์ๆๆ แผนต่อไปเป็นไง ปรึกษากันก่อนสิเว้ย”
ภัทรดนัยมีสีหน้ากังวล
พิมมาดาเข้าบ้านมาอย่างอารมณ์ดี แต่ต้องชะงัก เพราะเจอกริสน์นอนอยู่ที่โซฟา
“มานอนทำไมตรงนี้?”
“เอ้า! คุณ...ลืมไปแล้วเหรอว่าผมไม่มีห้องนอน”
“ฉันให้เต๋ากับเต้ยเคลียร์ห้องเก็บของไว้ละ พรุ่งนี้นายเข้าไปนอนได้”
“แหม ความรักนี่นอกจากจะทำให้โลกเป็นสีชมพู แล้วยังทำให้คนใจดีขึ้นอีกด้วย” ลุกขึ้นนั่ง “คุณนี่
สุดยอดจริงๆ เลยนะ เป็นคนพิเศษของว่าที่นักการเมืองใหญ่อย่างคุณสุขสันต์ แถมได้ไปดินเนอร์ใต้แสงเทียนกันอย่างโรแมนติกในคฤหาสน์หรูของเขา”
“น้อยๆ หน่อย ฉันยังไม่เคยไปบ้านเขาย่ะ”
กริสน์เสียงดังใส่ “อะไรกัน นี่ที่ออกไปเดทกันตั้งหลายครั้ง เขายังไม่พาคุณเข้าบ้านอีกเหรอ? มันชัก
จะยังไงๆ นะ”
“อะไร ยังไง?” พิมมาดาเม้งนิดๆ
“ก็ปกติผู้ชายถ้าคิดจะจริงจังกับผู้หญิงสักคน เขาก็จะพาเข้าบ้าน ไปทำความรู้จักกับครอบครัว แต่
นี่คุณสุขสันต์เขายังไม่พาคุณเข้าบ้านเลย ผมก็เลยรู้สึกว่า คุณอาจจะไม่พิเศษสำหรับเขาจริงๆ หรือไม่เขาก็อาจจะมีใครที่ไม่อยากให้คุณเจออยู่ที่บ้านก็ได้” ดูทีท่าพิมมาดาที่อึ้งไป “...แต่ช่างเถอะ คุณสุขสันต์เขาเป็นคนดีจะตาย เขาคงไม่หลอกคุณหรอกเนอะคุณพิม นอนดีกว่า ปิดไฟด้วยนะคุณ”
กริสน์ล้มตัวลงนอนเอาผ้าห่มคลุมโปง พิมมาดายังคงยืนนิ่งคิดถึงสิ่งที่กรินส์พูด กริสน์แอบเปิดผ้าห่ม หรี่ตาดูปฏิกิริยาของพิมมาดา แล้วผุดยิ้มออกมา
วันต่อมาเรือขนส่งตู้คอนเทนเน่อร์เข้ามาเทียบท่า ไม่นานหลังจากนั้นตู้ก็ถูกคนงานลำเลียงมาที่โกดัง
น้อมพงษ์ กับฉัตรชัยเปิดตู้ตรวจเช็คสินค้า ตู้หนึ่งเปิดออกเห็นดอกไม้หลายชนิดอยู่ด้านหน้า ด้านในลึกเข้าไปเป็นขนมคล้ายๆ ขนมโมจิลูกกลมๆ น้อมพงษ์กับฉัตรชัยหยิบขนมขึ้นมาคนละชิ้น แล้วใช้มีดพกผ่าออกดู น้อมพงษ์หยิบซองเล็กๆ ที่มีผงสีขาวอยู่ข้างในขึ้นมาดู แล้วน้อมพงษ์กับฉัตรชัยยิ้มให้กัน
ครู่ต่อมาที่นอกโกดัง เห็นมีรถบรรทุกสองคัน สีแดง และสีเขียว แล่นออกไป แต่แล่นเลี้ยวไปคนละทาง
รถบรรทุกสีเขียวแล่นเข้ามาจอดที่ร้านดอกไม้พิมโรส พิมมาดา เต๋า และเต้ย ออกมารับดอกไม้ พิมมาดายิ้มอย่างมีความสุข
อีกมุมของร้านกริส์นยืนแอบมองอยู่..
ส่วนรถบรรทุกสีแดงแล่นเข้ามาจอดที่โรงงานทำขนม จตุพลเดินออกมารับของ ยิ้มอย่างมีชัย
ขนมของจตุพลถูกส่งเข้ากระบวนการผลิต จนออกมาเป็นขนมชนิดใหม่ในที่สุด
สุขสันต์ได้รับขนมนั้น และกำลังหยิบขนมที่ทำเสร็จขึ้นมาดู แล้วหัวเราะร่าในความสำเร็จกับจตุพล น้อมพงษ์ และ ฉัตรชัย
เค้กกำลังอุ่นขนมปังให้ลูกค้าที่ร้านเบเกอรี่ของเธอ พิมมาดาเปิดประตูเข้ามา
“สวัสดีค่ะ เชิญ...” เค้กเห็นเป็นพิมมาดา “อ้าว พิมนึกว่าลูกค้าซะอีก ลมอะไรหอบมาที่ร้านฉันยะ?”
“พูดอย่างกับร้านอยู่ไกล แค่ฝั่งตรงข้ามเนี่ย ไม่ต้องพึ่งลมหรอก มีขาก็เดินมาเองได้”
“ไปกินรังแตนมาจากไหนคะเพื่อน? แซวเล่นนิดเดียว อารมณ์ขึ้นซะงั้น”
“...ขอโทษที พิมมีเรื่องอึดอัดใจนิดหน่อย อยากขอคำปรึกษาจากเค้ก” พิมมาดาพูดเสียงอ่อยๆ
“เรื่องคุณสุขสันต์เหรอ?” เค้กดักคอ
“รู้ได้ไงอ่ะ?” พิมมาดาสงสัย
“เดายากตรงไหน คราวที่แล้วตอนพิมมาปรึกษาเค้กเรื่องไอ้มาวิน ก็ทำหน้าแบบนี้เป๊ะ”
“แต่คราวนี้เรื่องมัน..เป็นอีกแบบนะ” พิมมาดาแย้ง
“ยังไงๆๆ ว้ายๆๆ ตื่นเต้นๆๆ โดนรึยังๆๆๆ”
“บ้า” พิมมาดาเขิน
สองสาวทุบตีหยอกเย้ากันเบาๆ
สักพักเค้กก็เดินมาส่งพิมมาดาที่ร้าน ทั้งสองเดินไปคุยไป
“ก็อย่างทีเค้กบอกพิมแหละ ว่าถ้าเป็นเค้ก เค้กไม่แคร์หรอกว่าผู้ชายจะพาเค้กเข้าบ้านเขามั้ย? หรือ
จะพาเข้าเมื่อไหร่ เพราะบางครั้งความจริงใจมันก็วัดด้วยเรื่องแค่นี้ไม่ได้” เค้กปรารภ
“พิมก็คิดอย่างนั้น แต่...”
เค้กแทรกขึ้น “แต่สิ่งที่คุณกริสน์พูดมาก็ถูก เพราะผู้ชายส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นอย่างนั้น”
“แล้วพิมควรทำไง?”
“ทำตามที่ใจอยากทำซิคะเพื่อน ถ้าพิมได้ไปบ้านเขาแล้วสบายใจ พิมก็ไป ดีเหมือนกัน อย่างน้อยก็
จะได้พิสูจน์ความจริงใจของคุณสุขสันต์ที่มีต่อพิม”
พิมมาดาฟังแล้วครุ่นคิด
“มันไม่เร็วเกินไปใช่ไหม มันดูเหมือนพิมอยากจะจับเขาเต็มประดารึเปล่า”
กริสน์แอบฟังอยู่ตั้งแต่ทั้งสองมาถึงหน้าร้าน เห็นเป็นจังหวะเหมาะจึงออกมาสมทบ
“ไม่เร็วไปหรอก..ดีกว่าคุณเสียเวลาให้เค้าควงไปมาจนคนเห็นทั่วเมือง แล้วเค้ามาบอกว่า..ไม่ต้องรู้
ว่าเราคบกันแบบไหน..ไม่ต้องหาคำใดมาอธิบาย…”
“โอโห...คมจริงๆ” เค้กชมด้วยความปลาบปลื้ม)
“เว่อร์...คมตรงไหน”
พิมมาดาเหวอ แกมฉุน กริสน์ยักคิ้วให้พิมมาดาอย่างเป็นต่อ
เสียงโทรศัพท์ของพิมมาดาดังขึ้น ในขณะที่ทุกคนกำลังทำงาน พิมมาดารีบวิ่งมารับ เห็นหน้าจอโชว์ชื่อสุขสันต์ พิมมาดาตะโกนเรียกกริสน์กับเค้ก
“เขาโทรมาแล้ว!”
กริสน์กับเค้กรีบเข้ามายื่นหูฟังข้างพิมมาดา เค้กทำท่าบอกให้พิมมาดากดรับได้ พิมมาดาพยักหน้า แล้วรับโทรศัพท์
“คะ คุณสุขสันต์...”
สุขสันต์อยู่ที่ห้องทำงาน
“ยุ่งอยู่เหรอครับคุณพิม ผมแค่จะโทรมาเตือนเรื่องนัดคืนนี้น่ะครับ”
กริสน์บ่นเบาๆ “ไรวะ ใจคอจะเจอกันทุกวันเลยเหรอ ทุเรศ หมั่นไส้”
“จะหมั่นไส้เขาทำไมคะ เขาซิควรจะหมั่นไส้เรา” ว่าพลางเค้กเอาแขนควงกริส์นหมับทันที
“เออ..ใช่..นั่นดิ...”
พิมมาดามองหน้ากริสน์กับเค้ก กริสน์รีบปิดปาก แล้วเอาใหม่..พูดเสียงเบาๆ แต่อ้าปากกว้างๆ ทำมือโบกไปมา พิมมาดาพยายามอ่านปากพูดตามอย่างทุลักทุเล
“คือว่า...คืนนี้พิม...พิม คงไม่ ไม่ ไม่ไป น่ะคะ”
“คุณพิมมีนัดกะคนอื่นหรือครับ”
กริสน์ทำนิ้วชี้ไปรอบๆ เหมือนพวกลิเก เอามือป้องหูจากนั้นเอามือกุมอก ทำท่าไม่สบาย
“คือ...เอ่อ...อะไร อ้อ! คือช่วงนี้เราไปไหนกันสองคนบ่อยมาก จนคนเขาเอาไปพูดกันทั่ว พิมได้ยิน
แล้วก็รู้สึก ไม่...ไม่สบายใจ...”
กริสน์ทำมือกวักออก แล้วเอามือมาปิดตา ทำมือเป็นตัวเอ๊กซ์ แล้วยกนิ้วโป้ง จากนั้นไปผลุบๆ โผล่อยู่หลังเค้ก
เค้กเห็นกริส์นทำงั้นก็ขอแจมเล่นด้วย ออกแนวหนังอินเดีย หลบกันไปมา
“ไปเที่ยวในที่ลับตาคนบ่อยๆ มันดูไม่ดี เหมือนกิ๊กที่ต้องคอยหลบๆซ่อนๆ”
“นี่คุณพิมจะหนีผมไปอีกคนเหรอครับเนี่ย?” สุขสันต์ว่า
“ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ แต่..เราอาจจะเจอกัน..ถี่ไป พิมอยากจะ...”
กริสน์ทำมือประกบกันเป็นสามเหลี่ยมรูปบ้าน เค้กก็ทำตามเต้นไปด้วย
“อยู่บ้านบ้าง…” พิมมาดาเสียงอ่อยๆ
สุขสันต์พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ว่าไงนะครับ”
“พิมไม่อยากตระเวน..ไปนั่นไปนี่ให้คนนินทา..” กริส์นกับเค้กวิ่งหลบเสากันไปมา “พิมชอบ
บรรยากาศบ้านๆ พิมอยากทำกับข้าวให้คุณชิมบ้าง..” เค้กทำเป็นป้อนข้าวกริสน์ “แต่..ที่
บ้านพิมเอง..พิมก็ไม่สะดวก..แล้วถ้าจะไปบ้านคุณ..ก็คง..ไม่ค่อยเหมาะ”
สุขสันต์นิ่งไป ทำท่าครุ่นคิด พิมมาดา กริสน์ และเค้ก ฟังอย่างลุ้นๆ
“ได้ ผมจะเป็นคนทำกับข้าวให้คุณชิมเอง อาหารอิตาเลี่ยนนะครับ..งั้น..ค่ำนี้ผมไปรับคุณมาบ้าน
ผมนะครับ”
กริสน์รีบทำมือเป็นตัวเอ๊กซ์ แล้วเอามือชี้ตัวเอง
“คะ...เอ่อ...ไม่เป็นไรค่ะ พิมไปเองดีกว่าค่ะ ขับไปขับกลับเอง” กริส์นกับเค้กทำท่าขับรถ “อยาก
กลับเมื่อไหร่ก็กลับ พิมไม่อยากกวนคุณ”
สุขสันต์หัวเราะร่วน “โอว..กลัวผมขี้โกง..ไม่ยอมไปส่งคุณ แกล้งรั้งตัวคุณไว้ทั้งคืนหรือครับ”
“พิมเป็นผู้หญิงนี่คะ...”
พิมมาดายิ้มกว้าง เบิกบานใจ
กริส์นเซ็งๆ เค้กมีความสุขมาก ขอเล่นใบ้คำอีกรอบ
“คุณกริส์นขา ขอใหม่ตั้งแต่เริ่มได้ไหมคะ”
ทางด้านสุขสันต์วางสายจากพิมมาดา คิ้วขมวดเพราะรู้สึกแปลกๆ
“มีเรื่องอะไรเหรอครับท่าน?” ฉัตรชัยสงสัย
“ก็ยัยเกสรดอกไม้นี่ซิ จู่ๆ เกิดจะอยากมาบ้าน... คืนนี้ยัยแพรวจะมาค้างด้วยซิ เอาไงดีวะ?”
“ลูกแกะจะเข้าถ้ำเสือนะครับท่าน”
“ได้?...งั้นคืนนี้แกต้องจัดการไม่ให้มีแม้แต่เงายัยแพรวโผล่มาที่บ้านชั้นเข้าใจมั้ย”
“เรื่องสับรางรถไฟนี่ของถนัดครับท่าน”
พูดจบฉัตรชัยก็ยิ้มกรุ้มกริ่ม ขณะที่สุขสันต์คิดเรื่องพิมมาดาว่าจะมาไม้ไหน
พิมมาดารีบเดินกลับบ้าน
“แย่จัง แล้วชั้นจะทาเล็บใหม่ทันไหมเนี่ย” พิมมาดาบ่นอุบ
กริสน์เดินตามเข้ามา “ผมทาให้มั้ย”
“บ้า สิ” พิมมาดาพูดกับกริสน์ “แล้วนี่ทำไมนายต้องให้ฉันขับรถไปเองยะ?”
“ใครว่า ผมจะให้คุณขับไปเองล่ะ”
“อะไรนะ” พิมมาดารู้สึกขัดเคืองใจ
“นี่คุณ ไปกินข้าวบ้านผู้ชายสองต่อสองตอนกลางคืนน่ะ อันตรายจะตายไป เกิดเขาอยากเคลมคุณ
ขึ้นมา ให้คุณกินยาปลุกเซ็กซ์ แล้วจะทำยังไง ใครจะช่วยคุณได้ อ้อ! หรือว่าคุณอยากโดน...งั้นผมไม่ไปก็ได้”
“คนลามก...!” พิมมาดาด่า
เค้กรีบห้ามทัพ “ที่คุณกริสน์ว่าก็ถูกนะพิม ระวังตัวไว้ก็ยังดีกว่า พิมน่ะไม่เหมือนเค้กนะที่ชอบเวลา
โดนผู้ชายลวนลาม อิๆ ได้ยินมั้ยคะ กริสน์ขา..” เค้กคว้าแขนกริสน์มาคล้องควงหมับ
“ก็ได้ๆ คืนนี้นายไปส่งฉันก็ได้ ดีเหมือนกันอย่างน้อยก็มีไม้กัน...” พิมมาดาพูดใส่หน้ากริสน์ “หมา!”
พิมมาดาเดินขึ้นบ้านไป กริสน์ควงเค้ก แต่ตามองตามพิมมาดา อมยิ้มนิดๆ เพราะแผนการลุล่วงไปอีกขั้น
อ่านต่อหน้า 4
มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 4 (ต่อ)
ภัทรดนัยกำลังกำชับกริสน์เรื่องใช้บลูทูธ อยู่ที่หน้าร้านดอกไม้
“เอ้า นี่ หูฟังบลูทูธอันนี้ทำขึ้นพิเศษ ใช้คุยโทรศัพท์ก็ได้ ถ่ายรูปก็ได้ พอแกกดถ่ายปุ๊บ ภาพมันก็จะออนไลน์มาปรากฎที่คอมพิวเตอร์ชั้น..เอ้าๆ ใส่ไว้..ไหนเทสต์สิ” ภัทรดนัยทำท่าวาดแขนเป็นเสี้ยวหัวใจเหนือหัวให้ถ่ายรูป
“อะไร” กริสน์งง
“ทดลองถ่ายดู เร็วๆ” ภัทรดนัยบอกแล้วเหลือบไปเห็นว่าพวกเด็กๆ กำลังเดินตรงมา
“อุ๊บ มีคนมา ชั้นไปก่อนล่ะ แล้วจะโทรหา”
พวกเด็กๆ เข้ามายืนจ้อง
“คนเมื่อกี้ใคร แอบคุยลับๆล่อๆ” แจ๊สถาม
“คน มาขายของ” กริสน์ตอบส่งๆ
“ของอะไร” แจ๊สถามต่อ
“สติ๊กเกอร์การกุศลช่วยเด็กปัญญาอ่อน..ไม่เห็นหน้าเค้าเหรอ ว่าหน้าตาเค้าปัญญาอ่อนสุดๆ”
โจ๊กชี้หน้า “น้าหักหลังพวกเรา เชียร์ให้น้าพิมไปบ้านศัตรูทำไม ไหนรับปากว่าจะช่วยปกป้องน้าพิม”
“ลูกพี่มีแผนซ้อนแผนใช่มั้ย บอกพี่โจ๊กกับพี่แจ๊สไปสิ” จีจ้าบอก
“โอ้ จีจ้า..หนูนี่อัจฉริยะแท้ๆ” กริสน์หาทางออกได้ “ถูกต้อง!!ชั้นมีแผน แต่พวกเธอ ไม่ต้องรู้หรอก พวกเธอมีหน้าที่ทำตัวเองให้เป็นเด็กดีขึ้น ก็ไปทำซะ ชิ้วๆ อย่ามาก้าวก่ายหน้าที่ชั้น แล้วทุกอย่างจะดีเอง”
แจ๊สกระโดดแล้วตะโกนซ้ำๆ “อยากรู้แผนด้วยๆๆ”
“นี่ๆๆ พอๆๆ” กริสน์ปราม “ชั้นไม่ได้อารมณ์ดีเหมือนหน้าตานะ ..น้าพิมแต่งตัวเสร็จยัง หลบๆๆ” กริสน์สั่งแล้วเดินออกไป
“โจ๊กชักจะไม่ไว้ใจน้ากริสน์แล้ว” โจ๊กบอก
“ด้วย” แจ๊สสนับสนุน
ทั้ง 3 คนกอดคอแล้วซุบซิบกันด้วยท่าทางซีเรียส
ที่ล้อบบี้ของโรงแรม แพรวพิลาศนั่งจิบเครื่องดื่มอยู่ อยู่ๆ ก็มีช่อดอกไม้ยื่นมา แพรวพิลาศนึกว่าเป็นสุขสันต์ แต่พอหันมามองก็ต้องหุบยิ้ม เพราะเห็นว่าเป็นฉัตรชัย
“นายฉัตรชัย..แล้ว..แล้วเจ้านายแกล่ะ” แพรวพิลาศถามเสียงแข็ง
“ท่านติดประชุมด่วนเกี่ยวกับโครงการพัฒนาเยาวชนลุ่มน้ำปิงวังยมน่านครับ ท่านฝากขอโทษที่ไปปาร์ตี้กับคุณแพรวไม่ได้ครับ..เลยให้ผมเอาช่อดอกไม้นี้มาให้คุณแพรวครับ” ฉัตรชัยคุกเข่าแล้วยื่นให้
“ประชุมเหรอ..พักนี้ประชุมบ่อยเกินไปแล้วนะ” แพรวพิลาศหยิบกระเป๋ามาถือแล้วทำท่าจะลุกไป “ชั้นจะไปหาคุณสุขสันต์ที่ออฟฟิศ..พาชั้นไปที”
“ไม่ได้นะครับ..ที่ประชุมมีผู้ใหญ่อยู่เยอะแยะ ถ้าคุณแพรวโผล่ไป มันจะไม่ดีนะครับ..เอ่อ..ผมหมายถึง.. ผมไม่อยากให้พวกเด็กๆในออฟฟิศมันเม้าท์คุณแพรวว่าเป็น..เอ่อ หญิงสาวที่ไร้ความมั่นใจในตัวเอง และไร้ความไว้วางใจในคู่รัก.. ชอบตามจิก ตามเช็ค จับผิดผู้ชาย ทั้งๆที่จริง” ฉัตรชัยบอก
“ชั้นไม่เคยออกงานแบบไร้คู่ควงมาก่อน ถ้าไม่มีคู่ชั้นก็ไม่ไปปาร์ตี้ให้เสียหน้าหรอก”
“แต่ผมมีข้อเสนอดีๆครับ..คุณแพรวรับช่อดอกไม้ก่อนสิครับ” แพรวพิลาศรับดอกไม้ไป ฉัตรชัยจัดเสื้อผ้าแล้ววางมาด “อะแฮ่ม ไม่ทราบว่าผม..พอจะควงออกงานได้มั้ยครับ อิอิ”
แพรวพิลาศไม่ได้สนใจฟังฉัตรชัยเลย เธอมองที่ช่อดอกไม้แล้วเห็นนามบัตรร้านดอกไม้ติดอยู่
“ร้านพิมโรส...” แพรวพิลาศพึมพำ
ที่ร้านดอกไม้ กริสน์ในชุดสุภาพเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาว ติดกระดุมถึงคอ กางเกงสแล็ค ยืนรออยู่ที่รถ พร้อมกับใส่บลูทูธไว้
สักพักก็มีเสียงภัทรดนัยดังมาจากบลูทูธ
“โหลเทสต์ๆ กริสน์ๆ ได้ยินมั้ยๆ”
“ว่าไง แกมีอะไร ...โอ๊ย” กริสน์จับบลูทูธ “พูดซะดัง หูจะแตก”
อีกด้านหนึ่ง ภัทรดนัยนั่งบัญชาการอยู่ในรถ
“ชั้นแค่เทสต์อุปกรณ์” ภัทรดนัยร้องเพลงและเต้น “บอกมาคืนนี้ อยากได้กี่ครั้ง เอ้วๆๆ..ที่ชั้นจะบอกรักเธอ..พูดไปเคลื่อนไหวไป ก็ไม่มีสัญญาณรบกวนใช่มั้ย”
“เออ หยุดร้องเพลงได้แล้ว” กริสน์ห้าม “ชั้นเครียด..เครียดเสียงแกสิเว้ย”
กริสน์ถอดบลูทูธออกมาเก็บไว้ เขายังบ่นต่อเนื่อง แต่แล้วก็ต้องผงะเพราะพิมมาดาเดินมาพอดี
“นายพูดกับใคร?” พิมมาดาถาม
“เอ่อ..ผม..ผมๆๆ” กริสน์มองพิมมาดาอย่างตะลึง
พิมมาดาอยู่ในชุดกระโปรงสั้น เสื้อไม่มีแขนสีนู้ด และมีเลื่อมวิบวับ
“เฮ้ย ไรเนี่ย..ไปกินข้าวกันที่บ้าน ทำไมต้องแต่งตัวขนาดนี้” กริสน์พูดดัก
“ทำไม ดู..เยอะเว่อไปเหรอ” พิมมาดาถาม
“เยอะกะผีอะไร มันน้อยไปไหม เปิดบนเปิดล่าง..เราน่ะ เป็นสาวเป็นนางนะ ไปบ้านผู้ชายพายเรือ แล้วแต่งตัวไปยั่วให้เค้าเกิดกิเลศ ตายๆๆ”
“หุบปากไปเลย นี่มันชุดธรรมดาๆ ใครๆเค้าก็ใส่เดินถนนกัน”
“ไปเปลี่ยนเลย ไปกินแค่ที่บ้าน ควรใส่ชุดลำลอง น่าจะ..เป็นกางเกงยินส์ขายาว ยูงจะได้ไม่กัด เสื้อ..ก็ควรเป็นเสื้อยืดดำคอเต่า..จะได้คล่องตัว” กริสน์บอก
“ชุดลำลองบ้านนายสิ ใส่ยีนส์ขายาวกะเสื้อคอเต่า”
“ผู้ชายเค้าจะได้เห็น ว่าเรารักนวลสงวนตัว” กริสน์บอก
“หุบปากไปเลย นายคนขับรถ!”
ทันใดนั้นเอง เต๋ากับเต้ยก็เดินออกมาจากหลังร้าน เต้ยรีบปรามทันที
“ไม่เอาๆ แต่งตัวสวยๆหล่อๆกันทั้งคู่ อย่าอารมณ์เสียนะ”
“นี่ สายแล้วนะคะคุณพิม..ส่วนคุณกริสน์” เต๋าบอกแล้วเข้ามาจับชุดกริสน์ขยับให้เข้าที่ “คุณแต่งตัวแบบนี้แล้วดูดีมากเลยค่ะ”
กริสน์หันมายิ้มหวาน “ขอบคุณ”
พิมมาดามองค้อน แล้วก็นึกขึ้นได้จึงพูดขึ้น
“เต๋า เต้ย” พิมมาดามองไปที่ชั้นบนของบ้าน เห็นไฟเปิดอยู่และมีเสียงเพลงดังมา “เด็กๆอยู่ในห้องใช่มั้ย..ดูแลเด็กๆด้วยนะ ห้ามดูทีวีดึก ให้เข้านอนตรงเวลา เข้าใจมั้ย”
“คุณพิมออกเดทให้สนุกเถอะค่ะ ไม่ต้องกังวล เต๋ากับเต้ยจะชวนเด็กๆฝึกโชว์ลิปซิ้งค์กันให้สนุกเลย” เต้ยบอก
“เพลงไอวิลเซอร์ไวว์..คิๆๆ อ่าล้อเล่งค่า” เต๋ายิ้ม
กริสน์เดินจะไปขึ้นที่นั่งคนขับ แต่เห็นพิมมาดายืนชะงักอยู่ที่หน้าประตู
“เอ้า ขึ้นรถสิ..ครับ”
“มาเปิดให้ชั้นสิ..นายคนขับรถ” พิมมาดาสั่ง
กริสน์จำต้องมาเปิดประตูให้พิมมาดาขึ้นมานั่งด้านหลัง
“เชิญครับ..คุณนาย” กริสน์ทำเสียงประชดแล้วเดินอ้อมไปขึ้นที่นั่งคนขับ แล้วขับรถออกไป ทุกคนยืนมองส่งจนรถแล่นลับตา อยู่ๆ เต๋าก็ชะงักเพราะเห็นมือน้อยๆ เกาะท้ายกระบะแว่บๆ
“เอ๊ะ นั่น” เต๋าทักขึ้น
“เอ๊ะอ้ะอะไรยะหล่อน” เต้ยถาม
เต๋าขยี้ตามองอีกที แต่มือนั้นก็หายไปแล้ว “เหมือนเห็นมือคนท้ายรถ แต่สงสัยจะตาฝาด”
รถกระบะแล่นออกไป ที่ท้ายกระบะมีผ้าคลุมอะไรสักอย่างอยู่ สิ่งที่อยู่ใต้ผ้าดิ้นดุกดิกๆไปมา
ในร้านดอกไม้ เต๋ากับเต้ยเดินอย่างร่าเริงเข้ามา แล้วก็ต้องสะดุ้งโหยง เพราะเห็นมาวินยืนอยู่ในร้าน มาวินมองสองชายใจหญิงด้วยตาขวางๆ
“ตกใจอะไร ทำยังกะคนมีพิรุธ ไปทำอะไรผิดกฎหมายกันมารึไง” มาวินพูดดัก
“ไม่มีไรครับ แค่เปิดร้านดอกไม้เกินตีหนึ่ง” เต๋าตอบ
“ส่วนหนู..ก็แค่ขายดอกไม้ให้เด็กต่ำกว่าอายุ 18” เต้ยพูดต่อ
“ชั้นเป็นเพื่อนเล่นพวกเธอเหรอ บอกมาตรงๆ พิมมาดาไปไหน..กับใคร”
“อ้าว..แบบนี้..ก็แปลว่าเห็นแล้วสิ แล้วจะถามให้เสียเวลานายตำรวจใหญ่ทำไม” เต๋าประชด
“จะกวนกันใช่ไหม ..พิมมาดามีเดทรึไง ถึงออกจากบ้านไปมืดค่ำๆ”
“แน่นอนล่ะ เดต..กับคนที่ใหญ่กว่าคุณ” เต้ยหยัน
“นายสุขสันต์นั่นน่ะเหรอ ..บ้ากันไปหมดแล้ว คนระดับนั้น มันจะมาจีบเจ้านายแกทำไม พวกแกรู้ไหม ว่าเค้าควงอยู่กะใคร อย่างพิมมาดาน่ะ..เทียบกะผู้หญิงคนนั้นไม่ได้หรอก”
“ท่านมาวินคะ ท่านพูดแบบนี้ เท่ากับดูถูกคุณพิมนะคะ” เต๋าบอก
“ชั้นกำลังเตือนสติให้พวกแกคิดตังหาก..ว่าผู้ชายคนนั้น..มันต้องการอะไรกันแน่”
“ทำไมคะ คุณพิม..อาจเป็นแค่ผู้หญิงบ้านๆ ที่ไม่ดีพอ..สำหรับคนอย่างคุณ..แต่เธออาจจะเปรียบประดุจเทพธิดา..สำหรับชายอื่นก็ได้ ถ้าคนๆนั้นรักเธอจริง” เต้ยสวน
“รักจริงเหรอ..ไม่มีคำว่ารักจริงหรอก สำหรับนายสุขสันต์ มันไม่เคยคบใคร ถ้าคนนั้นไม่ให้ผลประโยชน์บางอย่างกะมัน” มาวินเดินไปเดินมาพร้อมกับมองไปรอบๆ
“ไอ้คนนั้นล่ะ” มาวินถาม
“คนนั้นไหน” เต้ยงง
“ไอ้ลูกจ้างใหม่ไง ไปไหนซะแล้วล่ะ โดนไล่ออกไปแล้วเหรอ”
“อ๋อ กริสน์..อุปส์” เต๋ารีบปิดปาก
“นายกริสน์เค้าดี..ทำงานเก่ง ใช้ได้ทุกอย่าง หล่อก็หล่อ รักเด็กยิ่งกว่านางสาวไทยอีก” เต้ยบอก
“ไม่รังเกียจกะเทยซะด้วย..ใครจะไปไล่คนดีๆแบบนี้ออกได้ลงคอ” เต๋าเสริม
มาวินพูดกับตัวเอง “กริสน์..ชี่อคุ้นๆแหะ”
“ทำไม..คุณจะใส่ร้ายป้ายสีอะไรเค้าอีกคนล่ะสิ” เต้ยแดกดัน
“ฝากบอกมันด้วยนะ..ว่า..มีคนเค้ารู้ทัน..ว่ามันไม่ใช่คนดีๆหรอก..มันคือ18มงกุฎ และชั้น..ซึ่งเป็นนายตำรวจอนาคตไกล จะไม่ยอมให้มันมาตีท้ายครัวผู้หญิงของชั้นเด็ดขาด”
“ว้าย..ใครคือผู้หญิงของคุณ พูดออกมาได้ ไม่อายฟ้าดิน” เต๋ากรี๊ด
“บอกพิมมาดาด้วย ว่าเค้ากำลังโดนล้อมกรอบ ด้วยไอ้หมาป่าไฮยีน่า กะไอ้หมาจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ แต่มีชายที่ซื่อสัตย์จริงใจคนนึง..จะปกป้องเค้าเอง” มาวินพูดยกตัวเอง
“พูดมากไปแล้ว” เต้ยหันไปพูดกับเต๋า
“ช่าย..ป๊อปคอร์น มานี่เร็ว มีคุณตำรวจใหญ่มาเยี่ยมแน่ะ มาเร็ว” เต๋าเรียก
“ไหนๆ ป๊อปคอร์นอยู่ไหน” มาวินมองอย่างกลัวๆ แล้วรีบหนีไป สองกระเทยหัวเราะตามหลัง
“ว้ายๆ..กลัวหมาว่ะ” เต้ยหัวเราะขึ้น
“เออ..แล้วป๊อปคอร์นไปไหน..ปกติเรียกทีไร มันต้องรีบมานะ” เต๋าแปลกใจ
ทั้งสองมองหน้ากัน
“อ๋อ..คงกินอะไรอยู่กะจีจ้าน่าแหละ” เต้ยสรุป
ภายในรถของพิมมาดา พิมมาดานั่งกุมมือระงับความตื่นเต้นอยู่
“ระงับอาการหน่อยสิคุณ” กริสน์สังเกตเห็นก็เตือนสติ
“อะไร” พิมมาดาถาม
“นั่งจิกมือตัวเองไปมาอยู่นั่นแหละ..ยังไม่ทันถึงบ้านคุณสุขสันต์ ก็เสียจริตขนาดนี้แล้ว อะไรจะอยากมากขนาดนั้น”
“อยากอะไร พูดให้ดีนะ”
“อยาก..ออกเดทไง แหม ทำเป็นไม่เคยไปได้ แฟนก็เคยมีแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ทะลึ่ง!! ขับรถไป!”
“ในฐานะผู้ชาย ผมจะบอกให้ว่า ผู้ชายชอบมากเวลาๆผู้หญิงมีอาการตื่นเต้น เคอะเขิน มันน่ารักดี..แต่ต้องเป็นเด็กๆสาวๆเท่านั้นนะ” กริสน์ว่า
“นายกริสน์!” พิมมาดาฉุน
“เออ..แล้วคุณอายุปาเข้าไปเท่าไหร่แล้วล่ะ 30ยัง?”
“เงียบ!” พิมมาดาสั่ง
“รักสนุก รู้จักป้องกันด้วยนะครับ ฮะๆๆ” กริสน์พูดยั่ว
“อีตาบ้า!”
พิมมาดาฉุนกระโจนไปทึ้งหัวกริสน์ทันที
“เฮ้ยๆๆๆ ผมขับรถอยู่..ยัยเจ๊โหด..ปล่อย!! เดี๋ยวผมเสียทรง”
รถของพิมมาดาส่ายไปส่ายมา
ที่ริมสระน้ำในโรงแรม ช่อดอกไม้จากร้านพิมมาดาถูกวางทิ้งไว้ที่เก้าอี้ตัวนึง ส่วนที่เก้าอี้อีกตัว แพรวพิลาศกำลังนั่งดื่มค็อกเทล แกล้มสตรอเบอรี่อยู่คนเดียว
ฉัตรชัยยกจานซูชิเล็กๆมาให้หนึ่งจานกับสลัดในถ้วย ฉัตรชัยโค้งก่อนวางให้
“คุณพ่อคุณถามหา..ท่านกำลังจะขึ้นกล่าวในงาน” ฉัตรชัยบอก
“ก็ให้ท่านกล่าวไป..แล้วให้ท่านเข้าใจ..ว่าชั้น..ไปกะสุขสันต์”
“แต่คนในงานเห็นคุณกับผมแล้วนะ” ฉัตรชัยบอก
“คนเห็นเธอ..เค้าก็ต้องนึกว่าสุขสันต์ก็คงอยู่แถวๆนี้อยู่แล้วล่ะ”
“คุณฉลาดจัง..สวย..แล้วยังฉลาดอีก หายาก” ฉัตรชัยชม
“หยุดพูดอะไรเฉิ่มๆซะทีเถอะ”
มาวินเดินเข้ามาอย่างหาเรื่อง ส่วนลูกน้องตร.หัวเกรียนของเขาเดินมาแอบดูอยู่ที่พุ่มไม้
มาวินพุ่งเข้าไปหาแพรวพิลาศ “คุณแพรว..คุณสุขสันต์อยู่ไหน”
ฉัตรชัยปรี่เข้ามาขวาง “เอ๊ะ คุณ..ถอยไป”
มาวินผลักอก “แกแหละถอย..รู้ไหม ว่าชั้นเป็นใคร”
“ใคร” ฉัตรชัยถาม
“สารวัตรมาวิน”
“ไม่รู้จัก” ฉัตรชัยบอก
“ไอ้สมุนปลายแถว อย่ามาสะเออะ” มาวินด่า
“ทำไม เป็นตำรวจแล้วเจ๋งเหรอ” ฉัตรชัยผลักตอบ
ทั้งสองกระโดดเข้าใส่แล้วชกต่อยกันทันที
“กรี๊ด..หยุดๆๆ หยุดเดี๋ยวนี้” แพรวพิลาศกระโดดเข้าไปขวางกลางวง แล้วตบฉัตรชัยหนึ่งที ตบมาวินหนึ่งที “พวกบ้า ป่าเถื่อน ฉันเกลียดจริงๆ ชอบใช้แต่กำลัง ยังกะวัวกะควาย..ไม่มีใครศิวิไลซ์ เท่าสุขสันต์ซักคน..อี๋....ทำไมคะ คุณตำรวจ คุณถามหาสุขสันต์ทำไม มีอะไร คุณมีปัญหาอะไรกะแฟนชั้น”
“มีสิ..เพราะแฟนคุณ..มากิ๊กกะแฟนผมไง!” มาวินตะโกนใส่
ฉัตรชัยถึงกับผงะและตกตะลึง แพรวพิลาศได้ยินก็แทบหยุดหายใจ เธอยกมือขึ้นทาบอกแล้วสูดลมหายใจลึก ก่อนจะตากลอกขึ้นข้างบนแล้วทรุดฮวบลงไป ฉัตรชัยรีบรับร่างเธอไว้ได้
รถกระบะของพิมมาดาแล่นเข้ามาในรั้วบ้านของสุขสันต์แล้วไปจอดที่โรงรถของบ้าน สุขสันต์เดินออกมารอต้อนรับโดยมีบอดี้การ์ดชื่อฮิมตามประกบ
“เชิญครับคุณพิมมาดา” ฮิมเปิดประตูรถให้
พิมมาดาก้าวลงรถด้วยท่าทีสง่างาม ส่วนกริสน์เปิดประตูลงรถมาเองในสภาพหัวยุ่ง
“วันนี้คุณพิมสวยมากครับ” สุขสันต์เอ่ยชม
“ขอบคุณค่ะ”
“อันที่จริง คุณพิมไม่น่าต้องลำบากมาเองเลย ผมส่งคนรถไปรับก็ได้ จะได้นั่งมาสบายๆกว่านี้” สุขสันต์บอก
“พิมไม่ได้ลำบากอะไรหรอกค่ะ ให้ลูกน้องที่ร้านขับรถมาส่ง”
“เชิญด้านในดีกว่าครับ เชิญครับ”
สุขสันต์เชิญพิมมาดาเดินเข้าบ้าน กริสน์จะเดินตามไป แต่ฮิมเข้ามาขวางแล้วพูด “คนรถไปรอตรงนู้น” ฮิมชี้ไปที่ป้อมยามหน้าบ้าน
“เอ่อ..ผมเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวคุณพิม..ก็ต้องตามไปดูแลเจ้านาย” กริสน์บอก
“ไม่ต้อง มีคนดูแลแล้ว” ฮิมตัดบทแล้วขยับไปขวางพร้อมกับตีหน้าจริงจัง
กริสน์เซ็งจำต้องถอยไปที่ลานจอดรถ เขามองไปรอบๆบริเวณแล้วจะเดินแยกไปอีกด้านหนึ่ง อยู่ๆ ก็มีลุงยามเดินมาขวางแล้วถามขึ้น
“จะไปไหน”
“ทำไมคนบ้านนี้ต้องยุ่งเรื่องของแขกทุกเรื่องด้วย” กริสน์เซ็ง “จะไปห้องน้ำ ลุงจะไปด้วยกันมั้ยล่ะ ไปมะๆ”
“ไปคนเดียวไป อยู่ตรงโน้น ไปๆ” ลุงยามไล่
กริสน์เดินแยกออกไป ที่ท้ายรถกระบะใต้ผ้าใบที่คลุมกระดุกกระดิกไปมา
ที่บ้านของพิมมาดา เต๋ากับเต้ยเดินมาหยุดที่หน้าห้องเด็กๆ
“เด็กๆทำอะไรอยู่ก็ไม่รู้ เงียบไปเลย” เต้ยสงสัย
ทั้งคู่เดินมาที่หน้าห้องของแจ๊สซึ่งมีป้ายกระดาษเขียนติดแปะไว้ที่หน้าห้องว่า “ใครรบกวนขอให้เป็นหมัน”
“ใครรบกวนขอให้เป็นหมัน..เป็นหมัน!” เต๋าอ่าน “ ยังงี้ชั้นก็มีลูกไม่ได้น่ะสิ แย่จัง”
เต้ยเขกหัว “ใช่เวลาเซ็นซ์ซิทีฟมั้ยนังเต๋า..สงสัยน้องแจ๊สจะอ่านหนังสืออยู่”
ทั้งสองเดินผ่านห้องโจ๊ก “น้องโจ๊กคะ น้องจีจ้า” เต้ยจับลูกบิดแล้วบิด “ประตูล็อก” เต้ยเห็นว่ามือตัวเองเลอะ “หว๋าย..อะไรเหนียวๆอ่ะ อี๋..ซอสมะเขือเทศ..น้องโจ๊กอ่ะ ไม่อยากให้กวนก็บอกดีๆสิคะ ทำไมต้องมาวางกับดักด้วย”
“จีจ้าขา..สองทุ่มตรง ต้องเตรียมเข้านอนนะคะ เข้าใจมั้ยคะ..เข้าใจมั้ยคะน้องจีจ้า..อืม ถ้าไม่ตอบพี่เต๋าถือว่าเข้าใจนะคะ” เต๋าพูดเสียงดัง
เต๋ากับเต้ยรีบออกไป โดยไม่รู้ว่าภายในห้องของจีจ้าไม่มีใครอยู่แล้ว
อ่านต่อตอนที่ 5