xs
xsm
sm
md
lg

มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 8

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 8

ที่บ้านของพิมมาดาเวลานั้น พวกเด็กๆ ยืนเรียงกันอยู่ต่อหน้าสุขสันต์กับพิมมาดา

“มีธุระอะไรกับพวกเราไม่ทราบ” โจ๊กถาม
พิมมาดาพูดขึ้นเหมือนต้องการสั่งให้มีหางเสียงด้วย “ครับ”
“ไม่ทราบครับ” โจ๊กพูดตาม
“พอดีน้าไปห้างมา เลยซื้อของขวัญมาให้พวกเธอด้วย” สุขสันต์บอก
“ของขวัญ!” จีจ้าเผลอหลุดดีใจออกมา

แจ๊สกับโจ๊กหันขวับไปจ้องจีจ้าทันที “จีจ้า”
จีจ้ารู้ตัวก็รีบกอดอกแล้วสะบัดหน้าทันที “เชอะ”
“นั่งลงก่อนสิ” สุขสันต์บอก แต่พวกเด็กๆ ไม่ยอมนั่ง “เอ้าๆ ไม่นั่งก็ตามใจ..งั้น..อ้ะๆๆ อันนี้ของแจ๊ส อันนี้ของโจ๊ก และของจีจ้า
สุขสันต์แจกถุงของขวัญให้เด็กๆ คนละถุง จีจ้ายื่นมือไปรับทันที “ขอบคุณค่ะ” แต่พอนึกขึ้นได้ จีจ้าก็รีบส่งเสียง “เชอะ” พร้อมกับเชิดใส่
“แจ๊ส..โจ๊ก..รับไว้สิคะ ผู้ใหญ่ให้ของ” พิมมาดาเตือน
แจ๊สกับโจ๊กรับมาอย่างเสียไม่ได้
“ต้องทำไง” พิมมาดาถาม
แจ๊สกับโจ๊กไหว้แล้วพูดห้วนๆ “ขอบคุณ”
“ครับ” พิมมาดาย้ำ
“ขอบคุณครับ / ค่ะ” แจ๊สกับโจ๊กพูดขึ้นพร้อมกัน
“เปิดดูสิๆ ชั้นตั้งใจเลือกให้พวกเธอโดยเฉพาะเลยนะ รับรองว่าจะต้องชอบแน่ๆ” สุขสันต์บอก
จีจ้าเปิดถุงออกดูเป็นคนแรกข้างในกล่องเป็นหนังสือนิทาน ส่วนกล่องของแจ๊สเป็นตุ๊กตาทำมือ รูปผู้หญิงน่าเกลียด กล่องของโจ๊กเป็นเสื้อผ้าลายบาร์นี่
จีจ้าหยิบหนังสือนิทานออกมาดู “กระต่ายกับเต่า..หนูน้อยหมวกแดง..ให้นิทานเนี่ยนะ แหวะ”
แจ๊สหยิบตุ๊กตาออกมาดู “ตุ๊กตาผี อี๋”
โจ๊กหยิบเสื้อผ้าออกมาดู “เสื้อลายการ์ตูน บาร์นี่ เด็กสุดๆ”
พวกเด็กๆ วางของขวัญไว้แล้วเดินหนีไป
สุขสันต์อึ้ง “ทำไม ไม่ชอบเหรอ”
“พิมขอโทษแทนพวกเด็กๆด้วยนะคะ..พวกแกจงใจที่จะประท้วงเราน่ะค่ะ” พิมมาดาบอก
“ไม่เป็นไรครับ ถือว่าแผนผูกมิตรครั้งนี้ของผมแป้กไป..แต่คุณพิมยังอดทนเรื่องแพรวได้ ผมเองก็ต้องเอาชนะใจเด็กๆให้ได้เหมือนกัน..สู้ๆ” สุขสันต์พูด
“สู้ๆค่ะ” พิมมาดากับสุขสันต์ยิ้มให้กัน

ภายในรถของสุขสันต์ที่จอดอยู่ที่บ้านพิมมาดา สุขสันต์เขกหัวฉัตรชัยโป๊กหนึ่ง
“แกเลือกซื้อของขวัญประสาอะไร ไม่ถูกใจเด็กสักคน..แกทำให้ชั้นเสียหน้าต่อหน้าคุณพิม..แกมันโง่ ซื่อบื้อ” สุขสันต์เขกหัวฉัตรชัยต่ออีกหลายครั้ง
“ก็ผมซื้อของที่คิดว่าเด็กทุกคนต้องชอบแน่” ฉัตรชัยบอก
“ถ้าไม่รู้เรื่อง วันหลังไม่ต้องมาทำเป็นเก่ง”
“ครับ” ฉัตรชัยรับคำเสียงอ่อย
ฮิมหัวเราะเยาะ
ฉัตรชัยหันไปเขกหัวฮิม “ขำนักหรือไงวะ!”
สักพัก กริสน์ก็เข้ามาเคาะกระจกรถเพื่อขอให้ลดกระจกลง
สุขสันต์กดกระจกลง “มีอะไร”
“ของขวัญของท่าน จะรับกลับไปด้วยไหมครับ” กริสน์ถาม
“ไม่เอา ทิ้งไว้นี่แหละ” สุขสันต์ทำท่าจะปิดหน้าต่าง
“เดี๋ยวครับท่าน” กริสน์รั้งกระจกไว้จนนิ้วเกือบโดนหนีบ “ผมทราบว่าท่านอยากจะเอาชนะใจพวกเด็กๆ”
“ไอ้เด็กพวกนี้พูดดีๆไม่ได้ ต้องขู่ให้มันกลัวเท่านั้น” สุขสันต์บอก
“ความกลัว..จะทำให้ท่านเป็นผู้ร้ายสำหรับเด็กๆ ทั้งๆที่ความจริง..ท่านคือพระเอก..แล้วเด็กพวกนั้นคือผู้ร้ายทั้งนั้น” กริสน์ทำเป็นพูดประจบ
สุขสันต์มองหน้ากริสน์ “แกพูดออกมาให้มันตรงประเด็น ชั้นไม่มีเวลา”
“ผมเป็นพี่เลี้ยงเด็ก ผมรู้ว่าเด็กๆพวกนี้ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร อะไรที่จะทำให้พวกเค้ายิ้มและหัวเราะได้..ผมช่วยท่านได้นะครับ” กริสน์เสนอ
สุขสันต์นิ่งไปสักพัก “ชั้นจะลองเอากลับไปคิดดู..ออกรถได้”
กริสน์โบกมือให้แล้วรำพึงกับตัวเองด้วยใบหน้าเหี้ยม “คิดดีๆนะครับท่าน..มีผมเป็นเพื่อนซี้ รับรองว่าท่านจะรักผมไปจนตายเลย หึๆ”

ภัทรดนัยกำลังเดินคุยมือถือมาตามทางเดิน ในสำนักงานตำรวจ
“ดีมาก หน้าด้านเข้าไว้ ตีซี้สุขสันต์ให้ได้ เข้าใจมั้ย..ชั้นรู้ ว่าแกทำได้ การทำตัวกลมกลืนไปกะไอ้พวกผู้ร้ายใจฉกรรจ์อ่ะ แกถนัด”
“ชั้นรู้..แต่..มัน..มันไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอ..ชั้นต้องเชียร์ให้พิมมาดารักกับสุขสันต์แล้ว ยังจะต้องทำให้พวกเด็กๆยอมรับมันอีก..ชั้นว่าเรา..ใช้คนบริสุทธิ์เป็นเครื่องมือ..มากเกินไปแล้วป่าววะ” กริสน์คุยมือถือตอบภัทรดนัย
“เรากำลังทำเพื่อภารกิจพิทักษ์สันติราษฎร์และเพื่อตัวแกเองอยู่นะเว้ย แกอยากจะหลบๆซ่อนๆเป็นคนเลี้ยงเด็กไปอย่างนี้เหรอวะ แกจะมามัวรู้สึกอ่อนไหวไม่ได้..คิดถึงเป้าหมายไว้..เข้าใจมั้ย”
กริสน์เครียด “เออ เออ รู้แล้วๆ”
“ดี แค่นี้นะ ชั้นกำลังจะเอาตัวอย่างยาบำรุงของไอ้จตุพลมาเข้าแล็ป ได้ผลอะไรจะรีบบอกให้แกรู้แน่..บาย” ภัทรดนัยพูดแล้วเดินเข้าไปในห้อง
กริสน์เครียดจนถึงกับกำหมัดชกต้นไม้

ที่คฤหาสน์สุขสันต์ สุขสันต์กำลังเดินเร็วอยู่บนลู่วิ่ง ฉัตรชัยยืนซ้อมศิลปะป้องกันตัวอยู่กับลูกน้องอีก 2 คน ส่วนฮิมยืนถือผ้าขนหนูกับน้ำเกลือแร่คอยบริการสุขสันต์ อยู่ๆ บอร์ดี้การ์ดคนหนึ่งก็ก้าวเข้ามาโค้งอย่างสวยงามให้สุขสันต์
“มีอะไร?” สุขสันต์ถาม
“มีคนมาขอพบท่านสุขสันต์ครับ” บอดี้การ์ดบอก
“ใคร?” สุขสันต์สงสัย

กริสน์นั่งอยู่ที่โซฟาภายในห้องรับแขกบ้านสุขสันต์ เขามองสำรวจรอบบ้านอย่างละเอียด สุขสันต์ใส่เสื้อคลุมชุดกีฬาเดินออกมาเห็นกริสน์ก็มองอย่างแปลกใจ
กริสน์เห็นก็รีบยกมือไหว้ “สวัสดีครับท่าน แฮบปี้”
“ชื่อนั้นท่านสุขสันต์สงวนไว้สำหรับคุณพิมมาดาเท่านั้น” ฉัตรชัยบอก
“ใช่ คนอื่นห้ามเรียก!” ฮิมเสริม
“อ้อ ขอโทษครับ ผมนี่มันบังอาจจริงๆที่เรียกท่าน ว่าท่านแฮบปี้” กริสน์ตบปากตัวเอง “ต่อไปผมจะไม่เรียกว่า ท่านแฮบปี้แล้วครับ แต่จะเรียกท่านแฮบปี้ว่าท่านสุขสันต์ เพื่อท่านสุขสันต์จะได้แฮบปี้”
“พอแล้วๆๆ มีอะไรก็ว่ามา” สุขสันต์ตัดบท
“คือ...ผมมีของมาฝากท่านครับ” กริสน์ยื่นกล่องสีทองให้
“อะไรเนี่ย” สุขสันต์ถาม
“เซรุ่มคอลลาเจน ผสมตับปลาเกาหลีครับ”
“ขอโทษนะ ไม่รู้กาลเทศะหรือแก ท่านสุขสันต์ จะใช้เครื่องสำอางฝรั่งเศสเท่านั้น” ฉัตรชัยบอก
“โฮะๆๆ ขอโทษนะ ไม่รู้จักอัพเดตข้อมูลข่าวสารหรือแก เวลานี้ เรื่องความสวยความหล่อ ไม่มีใครเกินเกาหลี ถ้าท่านสุขสันต์อยากหล่อแบบพระเอกเกาหลี ต้องลองผลิตภัณฑ์ของผม” กริสน์เสนอ
สุขสันต์ตาวาว “เงียบไปก่อนเถอะ ฉัตรชัย..แล้ว..นายกริสน์..นายเอาของแบบนี้มาให้ฉัน นายต้องการอะไร”
“ผมมีแผนการ จะมานำเสนอท่านครับ”
สุขสันต์ทำหน้าแปลกใจ ขณะที่ฉัตรชัยกับฮิมรู้สึกไม่ชอบใจอย่างแรง
“คือ...” กริสน์ทำเสียงซีเรียส “เป็นความลับครับ เราต้องคุยกัน..สองต่อสอง”
สุขสันต์มองกริสน์อย่างไม่ค่อยไว้ใจ “ทำไมต้องสองต่อสอง”
“อ้อ ท่านกลัวผมจะทำอะไรท่านหรือครับ บ้าสิ! คนกระจอกๆอย่างผมเหรอ จะกล้าแตะต้องท่านให้เสียมือ...เอ๊ย..ไม่ใช่..ผมหมายถึง..ผมหรือจะมีฝีมือพอที่จะทำร้ายท่านได้ ท่านป๊อดหรือครับ มิน่า..ถึงต้องมีสมุนเป็นผีสิงอยู่ที่หัวไหล่ หัวละตัวเหมือนรัก-ยม ตลอด”
“นั่นสิ..งั้น” สุขสันต์เริ่มคล้อยตามจึงตวัดมือ ทำท่าไล่ทั้ง 2คนออกไป ฮิมกับฉัตรชัยมองสบตากันแล้วขัดขืนไม่ยอมออกไป
“ฮึ่ย! ไป..เพราะพวกแกเชียว ทำให้ฉันดูไม่เป็นลูกผู้ชายพอ ไป!” สุขสันต์ตวาด
ฉัตรชัยกับฮิมรีบเดินออกไป
“ฮ่าๆๆ นึกว่านายจะติ๋มๆ...ที่แท้ก็เลวใช้ได้ เอ้า...ว่ามา” สุขสันต์บอก
“ท่านทำตามแผนนี้..ความสัมพันธ์ของท่านกะคุณพิมมาดาและเด็กๆจะแนบแน่น ต่อไป..ยัย..เอ๊ย..คุณแพรวพิลาสจะอะไรยังไงกับท่านหรือไม่ คุณพิมก็จะไม่สน..เพราะ..หลานๆคือดวงใจของเธอ..หากหลานๆโอเค..เธอก็จะโอเค” กริสน์พูดเป็นชุด
“แผนอะไร” สุขสันต์อยากรู้
กริสน์ยื่นหน้าไปกระซิบ สุขสันต์เอียงหูเข้ามาใกล้ แล้วตั้งใจฟัง พอฟังได้สักพักก็หัวเราะคิกคัก ตบเข่าฉาดด้วยความชอบใจ

ส่วนที่อีกมุมหนึ่ง ฉัตรชัยกับฮิมแอบดูด้วยความไม่พอใจ ทั้งสองรู้สึกอิจฉา
“มันว่าเราเป็นรักยม” ฉัตรชัยพูด
“ฉันเป็นรัก แกเป็นยมละกัน” ฮิมต่อ
“ไอ้นี่...ยังมาเล่นอีก...โดนมันแอบด่าอยู่นะโว้ย”
“หรือฉันเป็นยมดี” ฮิมถาม

ที่หน้าห้องแลบ ของกองพิสูจน์หลักฐาน ภัทรดนัยคุยกับเจ้าหน้าที่สาวพลางเดินออกมาจากห้องแลบ
“ฝากด้วยนะครับ” ภัทรดนัยทำเสียงอ้อน
“ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ จะรีบส่งผลตรวจให้ผู้กองเร็วที่สุด” เจ้าหน้าที่สาวบอก
“มีเบอร์ตรงผมแล้วใช่มั้ยครับ?”
“ค่ะ”
ภัทรดนัยเดินออกมา โดยไม่รู้ว่าที่มุมหนึ่งของตึกมาวินกำลังแอบมองอยู่ พอภัทรดนัยเดินพ้นไป มาวินก็เดินมาหยุดที่หน้าห้องแลบ
“มันมาตรวจอะไร เพื่ออะไร แล้วยังไง”


แพรวพิลาศอยู่ที่ห้องภายในคอนโด กำลังเปิดทีวีดูรายการซุบซิบคนดัง ซึ่งเวลานั้นรายงานข่าวสุขสันต์กับพิมมาดาอยู่
“และที่กำลังเป็น ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ ในขณะนี้ คงหนีไม่พ้น ข่าวของว่าที่ สส.สุขสันต์ ควง พิมมาดา สาวสวยเจ้าของร้านดอกไม้ชื่อดัง พริมโรส ออกงานสังคมอย่างเปิดเผย ทำให้หลายคนแอบลือว่า คู่นี้อาจมีวิวาห์สายฟ้าแลบ แต่เอ๊ะ...คุณแพรวพิลาศ คนเคยรู้ใจหายไปไหนเอ่ย..หรือว่าปรับระดับความสัมพันธ์ลง..เป็นแค่พี่น้องกัน เหมือนพวกดาราไปซะแล้วล่ะคร้า กิ๊วๆ”
จอทีวีดับทันที แพรวพิลาศเขวี้ยงรีโมทลงบนโซฟาแล้วเดินอย่างหงุดหงิดไปดูที่หน้าต่าง เธอเห็นกองทัพนักข่าวอออยู่หน้าตึกคอนโด
“จะอยากรู้เรื่องชาวบ้านกันทำไมนักหนา!” แพรวพิลาศบ่นอย่างอารมณ์เสีย
ทันใดนั้น เสียงกริ่งก็ดังขึ้น แพรวพิลาศมองไปที่ประตูอย่างไม่สบอารมณ์แล้วเดินไปเปิด ฉัตรชัยและ ฮิมยืนหน้าหงอยรออยู่หน้าประตู
“ฉันนึกแล้วว่าต้องเป็นพวกแก”
จู่ๆ ฮิมก็ทนไม่ได้จึงปล่อยโฮออกมา แพรวพิลาศตกใจ “นี่แกเป็นอะไรน่ะ?”

แพรวพิลาศกระแทกแก้วไวน์ลงบนโต๊ะภายในห้องคอนโด อย่างแรง
“ว่าไงนะ! ลูกน้องยัยพิมมาดากลายเป็นคนที่คุณสุขสันต์ไว้ใจมากกว่าพวกนายงั้นเหรอ?”
“ก็ใช่น่ะซิครับ ต่อไปผมก็คงกลายเป็นลูกน้องตกกระป๋อง!” ฮิมรีบอ้อน
ฉัตรชัยทำหน้าเอือมที่เห็นฮิมร้องไห้ประจบแพรวพิลาศ
“นังเฉิ่มเบ๊อะมันไม่ใช่เล่นๆ นะ เห็นหน้าซื่อๆ แต่แผนของมันร้ายลึกนัก คิดจะครอบที่รักของฉันไว้ใต้ชายกระโปรง โดยการส่งคนของมันมาประกบไว้ทุกด้านงั้นเหรอ” แพรวพิลาศฉุน
ฮิมปล่อยโฮอีกรอบ แพรวพิลาศมองอย่างเห็นใจ
“นี่ๆๆ หยุดร้องไห้ได้แล้ว ฉันจะช่วยแกทวงตำแหน่งลูกรักเบอร์หนึ่งของคุณสุขสันต์มาเอง”
ฮิมตาลุกวาวขึ้นมาทันที “จริงๆนะครับคุณแพรว”
“จริงซิ แต่แกต้องช่วยฉันก่อน! ฉันควรทำไง อีนังนั่นมันถึงจะกลายเป็นดอกไม้ที่กลีบกระจายแล้วโดนกระทืบเละตุ้มเป๊ะตลอดไป โดยที่ดาร์หลิงก็จับมือฉันดมไม่ได้”
ฉัตรชัยกระแทกปืนลงกับโต๊ะ แพรวพิลาศกับฮิมตกใจ
“ได้ครับคุณแพรวพิลาศ เรื่องการวางแผนต่ำทราม..ผมก็ไม่เป็นสองรองใครเช่นกัน เพียงแค่คุณแพรวจะทำตามแผนของผม” ฉัตรชัยเสนอ
ฉัตรชัยยกปืนขึ้นมาควง แพรวพิลาศตาโตเงี่ยหูไปฟังฉัตรชัยกระซิบแผนการทันที
“เนี่ยครับ..ไอ้บ้าคนเลี้ยงเด็ก มันก็กระซิบท่านแบบนี้ ผมเลยอยากจะมากระซิบคุณแพรวแบบเดียวกันบ้าง..มันจะได้สมน้ำสมเนื้อกัน โฮะๆๆ”
“ได้เลยๆ” แพรวพิลาศบอก
ฉัตรชัยเริ่มกระซิบ แพรวพิลาศฟังแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างพอใจ


ภายในห้องทำงาน มาวินเพิ่งวางโทรศัพท์ อยู่ๆ เสียงเคาะประตูห้องทำงานก็ดังขึ้น
“เข้ามา” มาวินบอก
ตำรวจนายหนึ่งก้าวเข้ามาทำความเคารพพร้อมทั้งยื่นแฟ้มเอกสารให้มาวิน มาวินรับมาเปิดแฟ้มออกดู “ได้ความว่าไงบ้าง?”
ในแฟ้มมีภาพภัทรดนัยกับกริสน์ที่อยู่ในชุดปลอมตัวเป็นนักข่าวในวันเปิดร้านสวีทโอปอล์
“ไม่ได้ความอะไรเลยครับผม”ตำรวจนายนั้นรายงาน
“นี่ยูหมายความว่ายังไง?” มาวินถาม
“ผมหมายความว่า เราสืบข้อมูลของนักข่าวสองคนที่ไปป่วนงานเปิดร้านของเสี่ยอธิปไม่ได้เลย เพราะมันสองคนไม่มีตัวตนครับ ไม่มีสำนักพิมพ์หรือหนังสือเล่มไหน มีนักข่าวสองคนนี้ในสังกัด แสดงว่า ชื่อที่มันสองคนใช้ลงทะเบียน เป็นชื่อและนามสกุลปลอมครับ”
มาวินนิ่งคิด เขานึกย้อนไปถึงตอนที่ตัวเองพยายามกระชากวิกกับแว่นออกจากกริสน์กับภัทรดนัย
“เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ มันสองคนไม่ใช่นักข่าว แต่ต้องเป็นใครสักสองคนที่ปลอมตัวมา” มาวินนิ่งคิด “ยิ่งคิด ไอก็ยิ่งคุ้น ไอว่าไอ้สองคนนั่นต้องเป็นคนแถวๆนี้แหละ”

เต๋ากับเต้ยกำลังจัดดอกไม้อยู่ในร้านดอกไม้พริมโรส ในขณะที่กริสน์กำลังเรียงดอกไม้เข้าตู้ สุขสันต์นั่งรอพิมมาดาอยู่แต่สายตาจับไปที่กริสน์ กริสน์ทำตัวนอบน้อมเป็นพิเศษ ในขณะที่ป๊อบคอร์นนั่งขู่สุขสันต์ไม่ยอมห่าง กริสน์มาจับป๊อปคอร์นออกไปแล้วนำกาแฟมาเสิร์ฟให้สุขสันต์พร้อมทำท่าประจบสุดๆ
“เออ..ชั้นทดลองเซรั่มของนายแล้วนะ รู้สึกว่าหน้ามันตึง เนียน..อย่างไม่เคยเป็นมาก่อนจริงๆ” สุขสันต์พอใจ
“เห็นไหมล่ะครับ..ผมบอกแล้ว..ท่านครับ..คือ..” กริสน์ยื่นหน้าไปกระซิบ สุขสันต์ฟังอย่างตั้งใจ
เต๋ากับเต้ยสะกิดกันให้หันไปดู ทั้งสองไม่เข้าใจว่ากริสน์ทำอะไรจึงรู้สึกขัดใจมาก พิมมาดาถอดผ้ากันเปื้อนแล้วสะพายกระเป๋าออกมาหาสุขสันต์
“พร้อมแล้วคะ คุณแฮบปี้ ไปกันเลยมั้ยคะ?”
“ครับ แต่ผมมีเรื่องอยากจะขอความกรุณาคุณพิมสักหน่อย” สุขสันต์บอก
“อะไรคะ?”
“พอดีวันนี้ผมให้ฉัตรชัยกับฮิมไปทำธุระแทนผม ผมก็เลยต้องขับรถเอง ถ้าผมจะขอให้นายกริสน์ลูกน้องของคุณพิมขับรถพาเราไป คุณจะคิดว่าผมรบกวน ถือวิสาสะมาใช้งานคนของคุณมั้ยครับ?”
กริสน์รีบปรี่เข้ามา “ไม่รบกวนเลยครับ ผมเต็มใจรับใช้ท่านสุดๆครับ”
พิมมาดามองกริสน์แบบงงๆ “จะดีเหรอคะ?”
กริสน์รีบแทรก “ดีซิครับ มีผมขับรถให้ ท่านสุขสันต์กับคุณพิมจะได้มีเวลา จู๋จี๋ดู๋ดี๋กัน ไม่ต้องมาพะวงกับการขับรถ ให้เสียเวลาหวานเปล่าๆ จริงมั้ยครับท่าน?”
“ถ้าคุณพิมจะกรุณา....” สุขสันต์ขอ
“เรื่องแค่นี้เอง ได้ซิคะ”
“งั้นก็เชิญเลยครับ” กริสน์ผายมือเชิญ
สุขสันต์ลุกจากเก้าอี้ปั๊บ กริสน์ก็ฉีดน้ำหอมให้สุขสันต์ทันที แล้วรีบวิ่งไปเปิดประตูร้านรอ สุขสันต์กับพิมมาดาเดินออกไป ตอนเดินผ่านพิมมาดาสบตากริสน์คล้ายอยากจะถามว่าคิดอะไรอยู่? แต่กริสน์ยักคิ้วตอบแบบกวนๆ แล้วถอดผ้ากันเปื้อนโยนไปให้เต๋ากับเต้ย ก่อนจะรีบวิ่งไปที่รถสุขสันต์
เต๋ากับเต้ยที่อยู่ในร้านมองตามแล้วซุบซิบกัน
“เต๋าแกว่ามั้ย? ว่าคุณกริสน์ดูแปลกๆเนอะ”
“อือ ดูเป็นคนเสแสร้งแกล้งทำ ไม่มีความจริงใจ”
“ตกลงเค้าคิดไงกะเจ้านายเรากันแน่”

ที่โรงเรียน ครูฟ้าใสกำลังเขียนกระดานสอนวิชาภาษาอังกฤษอยู่ ส่วนแจ๊สตั้งใจเรียนเป็นอย่างมาก ครูฟ้าใสหันกลับมาหานักเรียนแล้วก็ต้องชะงัก นักเรียนทั้งห้องหันไปมองตามสายตาครูฟ้าใส ทุกคนเห็นปาล์มที่สวมแว่นดำกำลังอามือเท้าคาง หัวเอียงพิงกำแพงอยู่
“นายน้องปาล์ม!” ครูฟ้าใสเรียก
ปาล์มพยักหน้า แล้วกลับไปพิงหัวเหมือนเดิม
ครูฟ้าใสเรียกดังขึ้น “นายน้องปาล์ม ฮัลโหล!”
ปาล์มพยักหน้าอีกแต่ก็ไม่ตอบอะไร ครูฟ้าใสทนไม่ไหวเดินไปหาแล้วดึงแว่นดำออกจนเห็นว่าปาล์มที่มีขอบตาคล้ำเหมือนหมีแพนด้ากำลังนอนหลับอยู่
“Wake up!” ครูฟ้าใสตะโกนเสียงดังใส่หูปาล์ม
ปาล์มตกใจสะดุ้งเฮือก เอามือปาดน้ำลายแทบไม่ทัน

ที่ห้องเรียนของโจ๊ก ครูพงษ์พัฒน์กำลังสอนวิชาสุขศึกษา โจ๊กกับโอปอล์ตั้งใจฟังครูพงษ์พัฒน์อยู่ ขณะที่เพื่อนๆส่วนใหญ่ในห้องต่างก็ดูง่วงนอน
“เอ้า! มาหาวเป็นดาวเป็นเดือนอะไรกัน! ไป ไปล้างหน้าล้างตาเลย ดูทีวีดึกกันใช่มั้ยเด็กพวกนี้? เดี๋ยวครูเชิญผู้ปกครองเลย!”
ครูพงษ์พัฒน์ขู่แล้วส่ายหน้าอย่างเอือมๆ โจ๊กกับโอปอล์ล์มองเพื่อนๆ ที่ทยอยออกไปล้างหน้า แล้วหันมามองหน้ากันอย่างงงๆ

จีจ้าเดินผ่านห้องซ้อมเต้นชมรม Star Dance เธอเห็นเด็กๆกำลังซ้อมเต้นกันอย่างเมามันส์ จีจ้านึก สนุกจึงเต้นตามบ้าง แต่เด็กๆ ในห้องนั้นเต้นท่าแปลกๆ ทั้งตะกายฝา ตะกายอากาศ จีจ้าพยายามเต้นตามแต่ก็ทำไม่ได้ เธอจึงทำหน้าเซ็งๆ
“เต้นท่าอะไร เหมือนหมาแมวตอนโดนรถชนตาย ไม่เห็นจะสวย!”
จีจ้าเดินไป เด็กๆ ในห้องหยุดเต้นแล้วคว้าขนมสวีทโอปอล์ล์ขึ้นมากิน จากนั้นจึงเต้นต่ออย่างเมามันส์

แจ๊ส โจ๊ก และจีจ้าพากันมานั่งรอกริสน์มารับอยู่หน้าโรงเรียน เด็กทั้งสามมองเคาน์เตอร์ร้านสวีทโอปอล์ที่มาเปิดอยู่ฝั่งตรงข้าม มีเด็กๆ ต่อแถวรอซื้อกันยาวเหยียด หนึ่งในนั้นมีปาล์มกับสมุนด้วย ปาล์มที่สวมแว่นดำอยู่ยกสวีทโอปอล์ออกมาเป็นลัง โดยมีสมุนคอยช่วย โอปอล์กับเดชเดินเข้ามาหาเด็กทั้งสาม
จีจ้าพูดกับโอปอล์ “ร้านขนมของพ่อพี่โอปอล์ขายดีจัง คนต่อคิวยาวเหยียดจนจีจ้าไม่เคยได้กินเลย”
โอปอล์ทำตาขุ่น “พี่ไม่เห็นจะอยากกิน ขนมของป๊าเมื่อไหร่กัน ขนมของเฮียจตุพลตะหาก” โอปอล์หันไปพูดกับโจ๊ก “โจ๊ก ลูกพี่กริสน์ของนายมารับหรือยัง?”
“ถ้ามาแล้ว พวกเราจะนั่งอยู่ตรงนี้เหรอ?” โจ๊กตอบ
“หนูโจ๊กนี่กวนคุณหนูโอปอล์ไม่เลิกนะ คุณหนูโอปอล์ถามดีๆ ก็จะตอบดีๆบ้างไม่ได้หรือไง?” เดชว่า
จีจ้ามองไปข้างหน้าแล้วก็ลุกขึ้นกระโดดดีใจ “โน่น ลูกพี่มาโน่นแล้ว”
ทุกคนเห็นรถพิมมาดาแล่นเข้ามาจอด แต่กลายเป็นเต๋ากับเต้ยลงจากรถมา
“ฮัลโหล เด็กๆ พี่เต้ยมารับแล้วค้า”
“นี่ลูกพี่พวกเธอถูกสองคนนี้ขม้ำเข้าไปแล้วเหรอ!” เดชถาม
“จะบ้าเหรอ คนนะคะไม่ใช่อนาคอนด้า” เต๋าค้อน
“แล้วลูกพี่กริสน์อยู่ไหน? ทำไมถึงไม่มารับพวกเรา?” แจ๊สถาม
“คุณกริสน์ น้าพิม และคุณสุขสันต์ ออกไปลั้นลาฮู้ฮูกันสามคนตั้งแต่เที่ยงๆแล้วคะ แต่คงจะเพลิน..กินกันนานไปนิด เลยกลับมารับเด็กๆไม่ทัน พี่สองคนเลยต้องมารับแทน” เต้ยรายงาน
“พูดอะไรระวังหน่อย เต้ย!” เต๋าดุ
แจ๊ส โจ๊ก และจีจ้ามองหน้ากันเครียดๆ ขณะที่โอปอล์มีสีหน้าผิดหวัง

ยามค่ำ ภายในร้านอาหารในสวน ขนมเค้กชิ้นเล็กๆหน้าผลไม้หลายๆชิ้นวางอยู่ บริกรกำลังรินชาลงในถ้วยบางให้พิมมาดา ส่วนสุขสันต์จิบกาแฟเข้มๆ
พิมมาดาจิ้มอาหารกินแบบไม่จริงจังเพราะอิ่มแล้ว แต่เธอยังคุยเรื่อยเปื่อยอยู่กับสุขสันต์
อีกมุมหนึ่ง กริสน์ยืนแอบมองอยู่ เขาตาวาวว่าทางสะดวกจึงรีบวกเดินกลับออกไป

กริสน์รีบเดินกลับมาที่รถของสุขสันต์ซึ่งจอดอยู่ในลานจอดรถของร้านอาหาร แล้วรื้อหาของตามช่องหน้ารถ ช่องวางแขน เบาะหลัง ท้ายรถ ใต้เบาะที่นั่ง ที่เก็บยางสำรอง ฯลฯ จนทั่ว
“มันต้องมีเบาะแสอะไรทิ้งไว้ในรถบ้างแหละว้า” กริสน์อ่านเอกสารต่างๆที่รื้อเจอ “เอกสารการประชุม”มูลนิธิ..กำหนดการสัมมนาวิชาการเกี่ยวกับการพัฒนาเด็ก..จดหมายเชิญเป็นประธานทอดผ้าป่าสามัคคี..”
อยู่ๆ ก็มีเสียงมือถือดังขึ้น กริสน์มองหาที่มาของเสียงจนพบโทรศัพท์บีบีเครื่องหนึ่งหล่นอยู่ในซอกเบาะที่นั่งด้านหลังซึ่งเป็นตำแหน่งที่สุขสันต์นั่ง
“ยัยเจ๊โหดไม่ได้ใช้บีบี..งั้นก็..” กริสน์พลิกดูด้านหลังพบสติ๊กเกอร์หน้ายิ้มแฉ่งปิดอยู่ “ยิ้มเผล่ขนาดนี้ ของนายแฮปปี้แน่ๆ”
กริสน์ตาวาวเพราะได้ของสำคัญ “ไหนดูสิ ว่าได้เชื่อมต่อกับอีเมล์แอดเดรสส่วนตัวหรือเปล่า”
กริสน์รีบกดดู เขาพบว่าเข้าอีเมล์ของสุขสันต์ได้
“เยี่ยม!! หึๆๆ พวกชอบขี้เกียจใส่พาสเวิร์ดซ้ำๆ มันก็มีข้อเสียยังงี้แหละ”
ที่หน้าจออีเมล์ มีอีเมล์ที่ถูกส่งมาจากคนๆเดียวกันซึ่งเป็นคนที่ใช้ชื่อว่า Sweet Secret เรียงติดกันเป็นพรืด โดยไม่มีเมล์จากคนอื่นเลย
“สวี้ทซีเคร็ต..ใครวะ ตั้งชื่อยังกับชุดชั้นในผู้หญิง..แล้วทำไมมีแต่อีเมล์ของไอ้คนๆนี้” กริสน์อ่านหัวอีเมล์ล่าสุด “นัดหมาย..เฮ้ย อันนี้ล่าสุด เพิ่งส่งมาวันนี้นี่หว่า”
กริสน์รีบเปิดดูข้อความ “ขออนุญาตส่งต่อไปที่เมล์ส่วนตัวของเพื่อนรักผมนะครับท่าน อิอิ”
กริสน์กำลังส่งฟอเวิร์ดอีเมล์ อยู่ๆสุขสันต์ก็เดินกลับมา
“ทำอะไร!”
กริสน์ผงะในขณะที่ยังถือโทรศัพท์บีบีคาอยู่ในมือ
“แกแอบดูมือถือชั้นเหรอ” สุขสันต์ระแวง
“เปล่านะครับๆ..ผมไม่ได้กดดูอะไรเลยนะครับ” ในระหว่างพูด กริสน์ก็แอบกดบีบีให้กลับมาหน้าจอปกติ “ผมเห็นมือถือคุณหล่นอยู่ เลยจะเอาไปคืนให้..แต่..ผมแค่เผลอจ้องมันนานไปหน่อย..ผมไม่เคยจับมือถือแพงๆมาก่อน มันสวยจริงๆนะครับ..คุณอย่าถือสาผมเลยนะครับ” กริสน์รีบส่งบีบีคืน “นี่ครับคุณ”
“ถ้าชั้นไม่นึกขึ้นได้ว่าลืมมือถือ แกก็คงเล่นไม่หยุดใช่มั้ย”
“ไม่ใช่นะครับๆ” กริสน์ปฏิเสธลั่น
สุขสันต์ชี้หน้า “แกจำไว้นะ..ใครที่ชอบละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของชั้น มันไม่เคยอยู่ได้นาน”
กริสน์ตกใจรีบยกมือไหว้ “ครับ ผมจะไม่ทำอีกครับ ไว้ชีวิตผมนะครับ”
“ชั้นกำลังจะไว้ใจแกอยู่แล้ว อย่าทำให้ชั้นไขว้เขว..ชั้นไม่ได้ไว้ใจใครง่ายๆ เหมือนที่แกคิดนะ”
สุขสันต์ขู่แล้วเดินกลับไป กริสน์เครียดในใจคิดว่าเกือบถูกจับได้แล้ว

ทางด้านภัทรดนัยนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ออฟฟิศ หน้าตาของเขามึนงง และดูเคร่งเครียด สักพัก มือถือก็ดังขึ้น ภัทรดนัยเอื้อมมือไปหยิบมากดรับสาย
“ชั้นดูเมล์อยู่”
ที่จอดรถของร้านอาหาร กริสน์ที่อยู่แถวๆ รถของสุขสันต์กำลังโทรไปหาภัทรดนัยอยู่
“แกได้รับเมล์ที่ชั้นส่งต่อไปให้แล้วใช่มั้ย..เป็นไง พวกมันนัดหมายกันเรื่องอะไร นัดที่ไหน เมื่อไหร่”
“ไม่รู้ว่ะ” ภัทรดนัยตอบ
“ไม่รู้ หมายความว่าไง พวกมันนัดกันในสถานที่ลับ..เซฟเฮ้าส์เหรอ”
“ไม่รู้ว่ะ” ภัทรดนัยตอบ
“อะไรของแกวะ ไม่รู้ๆ..แกรู้มั้ยว่าชั้นเกือบถูกนายสุขสันต์จับได้เพราะอีเมล์ฉบับนี้..ตกลงว่ามันไม่มีอะไรในอีเมล์เหรอ หรือว่าอะไร แกช่วยบอกชัดๆได้มั้ย” กริสน์ถาม
“มันมี.. ตัวอักษร..ตัวเลข..สัญลักษณ์..มีทุกอย่างเลย..แต่ชั้นอ่านไม่ออกว่ะ” ภัทรดนัยบอก
“หมายความว่าไง อ่านไม่ออก มันส่งเป็นภาษาต่างชาติแปลกๆเหรอ” กริสน์ถาม
ภัทรดนัยมองหน้าจอที่มีภาพแถวของตัวอักษร ตัวเลข และสัญลักษณ์ที่เรียงรายเป็นพรืดอยู่หลายแถว ซึ่งอ่านไม่เป็นคำ
“ชั้นคิดว่า…เราคงต้องส่งให้หน่วยถอดรหัสลับวะ” ภัทรดนัยบอก
กริสน์อึ้ง “ถอดรหัส”
“คิดว่าต้องใช้เวลาพอสมควร..แกกลับไปตีซี้นายสุขสันต์ อย่าเพิ่งหยุดการตีสนิทมัน จนกว่าเราจะได้ข้อมูลทั้งหมด” ภัทรดนัยบอก
“ทำไมมันยากเย็นแสนเข็ญขนาดนี้นะ”

กริสน์พูดพร้อมกับวางโทรศัพท์อย่างหัวเสีย

อ่านต่อหน้า 2




มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 8 (ต่อ)

บรรยากาศในร้านอาหารเวลานั้นเป็นไปอย่างชื่นมื่น พิมมาดากำลังหัวเราะเรื่องที่สุขสันต์พูดอยู่

“พิมว่า..พิมอิ่มดีกว่า” พิมมาดาบอก
“กลัวอ้วนเหรอครับ ไม่ต้องกลัวหรอกครับ”
“ไม่ต้องกลัว เพราะอ้วนอยู่แล้วใช่มั้ยคะ”
“เพราะอ้วนแค่ไหน ผมก็รักครับ” สุขสันต์หยอด
ที่โต๊ะซึ่งอยู่ห่างออกไปและมีกอไม้คั่น กริสน์กำลังนั่งกินข้าวไข่เจียวอยู่ พิมมาดาที่กำลังหัวเราะเขินๆสุขสันต์ หันมาเจอตากริสน์ที่กำลังจ้องอยู่ก็สะดุ้งแล้วรีบเชิดใส่
กริสน์ยังคงจ้องเป๋งแล้วพยายามเรียกร้องความสนใจด้วยการกวักมือให้พิมมาดาหันไปมอง พิมมาดาปรายตามาเป็นครั้งที่ 2 กริสน์ทำภาษาใบ้ชี้ที่หน้าเพื่อบอกว่าพิมมาดาหน้ามัน โทรม ผมยุ่ง ไม่สวย เขาพยายามบอกให้พิมมาดาไปหวีผม เติมแป้ง เติมลิปสติกหน่อย
ตอนแรกพิมมาดางงแต่แล้วก็เข้าใจ พิมมาดาตกใจที่รู้ว่าตัวเองโทรม สุขสันต์ยังคงจิบกาแฟและชิมขนมอยู่
“เอ่อ..คุณสุขสันต์คะ” พิมมาดาพูดขึ้น
“ครับผม”
“พิมขอตัว..ไปเข้าห้องน้ำสักครู่นะคะ”
“เชิญครับ”

พิมมาดาขยับจะลุกบริกรรีบมาเลื่อนเก้าอี้ให้ พิมมาดารีบเดินไปทันที

กริสน์แอบย่องมาดักพิมมาดาที่ด้านหนึ่ง “อ๊ะเจ๋!”
“ว้าย..คนผีทะเล ตกใจหมด” พิมมาดาตกใจ
“คุณนี่..เป็นผู้หญิงที่ไม่ระวังตัวซะบ้างเลย ปล่อยให้จมูกมัน แป้งลบ ปากลบ แล้วดูสิ มาสคาร่าเลอะๆด้วยนะน่ะ” กริสน์บ่นเป็นชุด
“จริงเหรอ” พิมมาดาตกใจ
“จริงสิ! อย่าลืมสิครับ เวลานี้ คุณเป็นแฟนกับผู้ชายที่เนี้ยบที่สุด หล่อที่สุด เมโทร่ที่สุด แถมแฟนเก่าของเค้า..ก็สวยซะขนาดนั้น คุณไม่ควรจะปล่อยตัวให้ชิลด์ๆจนเกินไป”
“พูดมากจริง..รู้แล้วน่า”
“ไม่ต้องรีบล่ะ แต่งหน้าให้เนี้ยบๆหน่อย” กริสน์รีบบอก
“บ้า!” พิมมาดาเดินกระฟัดกระเฟียดไป
กริสน์มองตามอย่างอึ้งๆ แล้วเขาก็ฮึด สูดลมหายใจลึกเพื่อทำภารกิจต่อ

ที่โต๊ะอาหาร สุขสันต์มองซ้าย มองขวา พอไม่มีใครสนใจก็แอบหยิบกระจกพกพาออกมาจากกระเป๋าสูทขึ้นมาส่อง เขาเล็งผม เล็งหน้า แล้วยิงฟันเพื่อสำรวจดูว่าสะอาดไหม
ทันใดนั้น เสียงกริสน์กระแอมก็ดังขึ้น สุขสันต์เก็บกระจกแทบไม่ทัน เขารีบวางมาดทันที
กริสน์ยืมกุมมืออยู่ตรงหน้าสุขสันต์แล้วพูด “เอ่อ..ท่านครับ ขอประทานโทษ ที่รบกวน คือ..ผมอยากจะ..ขอความเมตตากรุณาจากท่าน”
“อะไรอีกล่ะ”
“คือ..ผมอยากจะทำงานพิเศษน่ะครับ..นักการเมืองอนาคตสดใส นักธุรกิจผู้มีวิสัยทัศน์ไกลอย่างท่านสุขสันต์ จะต้องมีการงานดีๆมากมาย..ที่จะสามารถสร้างงานไซด์ไลน์ให้กับประชาชนตาดำๆ..ที่มีความสามารถหลายด้านอย่างผม”
“อยากได้เงินเพิ่มว่างั้น” สุขสันต์ถาม
“แค่ทำงานในร้านดอกไม้ กับคอยเป็นพี่เลี้ยงเด็กๆให้คุณพิมมาดาเนี่ย..ผมไม่พอกินครับ เพราะ..คุณพิมเธอเค็ม..จ่ายเงินเดือนให้ผมน้อยมาก ผมมีแม่ เป็นโรคชรา เมียผมก็เป็นโรคประสาท ลูกๆผม6คน..ก็ยั้วเยี้ย..อดๆอยากๆลำบากลำเค็ญยังกะวงเวียนชีวิต แต่คุณพิมให้เงินเดินผมแค่เดือนละ2พันบาท” กริสน์ทำตาแดงๆ
“ฮ่าๆสองพันบาท.. สองพัน..ยังซื้อสบู่ล้างมือบ้านชั้นไม่ได้เลย โธ่ ทำไมแกน่าอนาถแบบนี้”
“อนาถมากๆเลยครับ ดีที่คุณพิมแกเลี้ยงข้าว กับให้อาศัยห้องข้างโรงรถ ไม่คิดค่าน้ำค่าไฟ แต่นั่นก็แปลว่า..ผมต้องดูแลเด็กเหลือขอนั่น3คน..ทั้งวันทั้งคืน” กริสน์ตีหน้าเศร้าต่อ
“แล้วแกจะมีเวลา มาทำงานไซด์ไลน์เหรอ”
“มีสิครับ..กลางวัน เวลาเด็กไปโรงเรียนผมว่างมากเลย เดี๋ยวพอถึงฤดูเลือกตั้ง..ท่านก็ต้องหาเสียงแล้วนี่ครับ ผมทำงานช่วยท่านได้ หรือท่านค้าขายอะไร หรือมีกิจการอะไรหรือเปล่า ถ้าท่านมี..ท่านใช้ผมได้เลยครับ” กริสน์คุกเข่าลงตรงหน้าแล้วทำหน้าตาน่าสงสาร
สุขสันต์โน้มตัวไปหาแล้วจ้องเขม็ง “ชั้นไว้ใจแกได้หรือเปล่า”

รถของสุขสันต์แล่นมาจอดที่หน้าบ้านของพิมมาดา กริสน์ลงจากรถแล้วรีบวิ่งไปเปิดประตูให้สุขสันต์กับพิมมาดาลงจากรถอย่างนอบน้อม
“คุณแฮบปี้จะไม่ให้นายกริสน์ขับรถไปส่งจริงๆเหรอคะ?” พิมมาดาถาม
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมโทรตามฮิมมารับแล้ว อีกสักพักน่าจะมาถึง” สุขสันต์บอก
“มาถึงตั้งนานแล้วคะ!” เต๋ากับเต้ยตะโกนออกมาจากในบ้าน
กริสน์ พิมมาดาและสุขสันต์มองไปเห็นเต๋ากับเต้ยควงฮิมที่มีหน้าเหยเกออกมาจากในบ้าน
“ช่วยผมด้วยครับท่าน สองคนนี้พยายามลวนลามผมครับ” อิมฟ้อง
“พูดแรงไปนะคะ เราแค่ดูแลเทคแคร์อย่างใกล้ชิดเท่านั้นเองคะ” เต้ยแก้ตัว
พิมมาดาพูดเสียงแข็ง “ปล่อย ได้ แล้ว!”
เต๋ากับเต้ยจำใจต้องปล่อยฮิม ฮิมรีบวิ่งมายืนข้างรถสุขสันต์ทันที
“ผมขอตัวก่อนนะครับ” สุขสันต์พูดแล้วหันไปหากริสน์ “แล้ววันหลังฉันจะใช้บริการนายใหม่”
สุขสันต์ยิ้มให้กริสน์อย่างมีเลศนัย ฮิมมองกริสน์อย่างไม่ชอบใจแล้วเปิดประตูให้สุขสันต์ สุขสันต์ก้าวขึ้นรถ ฮิมขับรถออกไป ทุกคนมองตามจนรถลับตา พิมมาดาหันมาพูดเสียงดังใส่กริสน์
“ยืนทำอะไรอยู่ ทำไมยังไม่รีบขึ้นไปกล่อมเด็กๆ ลืมหน้าที่ตัวเองแล้วหรือไง?”
“ไม่ต้องขึ้นไปหรอกคะคุณกริสน์ พวกเด็กๆ เข้านอนกันหมดแล้วคะ” เต๋าบอก
กริสน์กับพิมมาดาหันมามองหน้าเต๋าเต้ยอย่างไม่อยากจะเชื่อ

ภายในห้องนอนของกริสน์ในบ้านพิมมาดาไฟยังปิดมืด กริสน์เปิดประตูเข้ามา เขาเปิดไฟแล้วถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน พอหันมาอีกทางก็ต้องตกใจแทบสิ้นสติ
“อ๊าก!”
กริสน์เห็น แจ๊ส โจ๊ก จีจ้าและป๊อบคอร์นนั่งอยู่บนเตียง เด็กทั้งสามทำหน้าถมึงทึงใส่เขา
“พวกเธอมานั่งทำอะไรในห้องฉันมืดๆเนี่ย ตกใจหมด!”
“พวกเรามาเพื่อบอกว่า ตั้งแต่นี้ไป คุณ!!..เป็นศัตรูของพวกเรา..เพราะมิตรของศัตรู ก็คือศัตรู!” แจ๊สบอก
“ต่อไปนี้เราหาทางกำจัดนายสุขสันต์ด้วยตัวของพวกเราเอง!” โจ๊กพูดต่อ
“และเราจะต่อต้านและทำทุกวิถีทางให้คุณกระเด็นออกไปจากบ้านด้วย” แจ๊สบอก
“พวกเธอเข้าใจชั้นหน่อยสิ ชั้นอยู่ข้างเดียวกับพวกเธอนั่นแหละ” กริสน์อธิบาย
“ลูกพี่อธิบายมาสิ ว่าลูกพี่ยังอยู่ฝ่ายเดียวกับพวกเราใช่มั้ย..ลูกพี่กำลังวางแผนจัดการนายแฮปปี้อยู่ใช่มั้ย” จีจ้าถาม
กริสน์เงียบเพราะเหนื่อยใจเกินกว่าที่จะอธิบาย และรู้สึกเครียดที่ทำให้พวกเด็กๆเข้าใจผิด
“ต่อไปนี้ใครจะเชื่อลูกพี่ก็เชื่อไป แต่ไม่ใช่โจ๊ก!” โจ๊กลั่นวาจา
“ไม่ใช่แจ๊ส!” แจ๊สสมทบ
แจ๊สกับโจ๊กสะบัดก้นจะออกไปจากห้อง จีจ้านั่งตาละห้อยมองกริสน์อยู่ไม่ยอมลุกไป
แจ๊สหันกลับมาเรียกน้องสาว “จีจ้า! ตกลงจะอยู่ข้างใคร?”
จีจ้าจำใจลุกออกไป ป๊อบคอร์นเดินตามจะออกแล้วหันกลับมาส่งเสียงแฮ่ขู่ใส่กริสน์ กริสน์ปิดประตูอย่างหมดแรง ที่หน้าห้องกริสน์ จีจ้าแอบเดินกลับมาแล้วเคาะประตู
“ลูกพี่” จีจ้าเรียกเสียงอ่อย
กริสน์ที่อยู่ในห้องรีบกระโดดขึ้นเตียงแล้วเอาผ้าคลุมโปง
“ลูกพี่หลับแล้ว มีอะไรค่อยคุยกันพรุ่งนี้!” กริสน์ส่งเสียงบอก
จีจ้าคอตกอยู่หน้าห้อง
“ลูกพี่ อยู่ข้างพวกเรานะ” จีจ้าพูดเศร้าๆ แล้วเดินออกไป กริสน์ที่นอนกังวลเพราะไม่สบายใจเหมือนกัน

เช้าวันใหม่ ที่บ้านพิมมาดา กริสน์เดินขึ้นมา เขาเอานกหวีดเข้าปากและสูดลมหายใจเข้าเพื่อจะเป่า แต่ก็ต้องชะงักพราะเด็กๆ เปิดประตูเดินออกมาจนหมดทุกคน กริสน์ยืนอึ้ง
“ตื่นแล้ว..แต่งตัวแล้ว..พวกเธอเป็นอะ...”
เด็กๆ เดินผ่านกริสน์ไปโดยไม่รอฟังที่กริสน์พูด กริสน์ทำหน้าเซ็ง
พิมมาดาเดินเข้ามาพอดี เธอเห็นเด็กๆ อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็ตกใจ “เฮ้ย”
“น้าพิม..พวกเราตื่นเองได้แล้ว ไม่สาย ไม่ดื้อ ไม่งอแงแล้ว..พวกเราไม่ต้องมีพี่เลี้ยงก็ได้แล้วค่ะ” แจ๊สบอก
“หือ” พิมมาดาแปลกใจ
“เราไม่ต้องการพี่เลี้ยงเด็กแล้วครับ” โจ๊กบอก
“เดี๋ยวๆๆ” กริสน์รีบแทรก “ของยังงี้ต้องดูกันไปนานๆ ยาวๆ อาจจะทำได้แค่วันสองวันก็ได้..ยังไงก็ต้องมีพี่เลี้ยงเด็กต่อไป”
พวกเด็กๆ และป็อบคอร์นเชิดใส่กริสน์ ทั้งหมดเดินไป
“เด็กๆเป็นอะไร นายทำอะไรหรือเปล่า” พิมมาดาถาม

ที่ร้านดอกไม้พริมโรส กริสน์เดินแบกเข่งใบไม้สำหรับประดับช่อเข้ามาในร้าน แต่แล้วเขาก็ต้องชะงัก
เมื่อเห็นเมทินีเดินหน้าเครียดอยู่ เต๋ากับเต้ยยืนมองอย่างสยอง
กริสน์วางเข่งลง “คุณเมทินี!”
“เรียกน้อง นี ก็ได้ค่ะ” เมทินีบอก
กริสน์ตัดบท “เอ่อ ครับน้องนีก็น้องนี มาสั่งดอกไม้เหรอครับ?”
“นีต้องการความช่วยเหลือจากคุณ”
“อะไรครับ”
“น้องปาล์มค่ะ..น้องปาล์มเป็นอะไรไม่รู้ เนี่ย ถ้าคุณกริสน์รับเป็นครูฝึกมวยให้ น้องปาล์มคงไม่เป็นแบบนี้ นี่..น้องปาล์มไม่ใช่คนเดิมเลย แต่กลับมีอาการแปลกๆ” เมินีบอก
“แปลกยังไงครับ” กริสน์ถามแล้วนึกขึ้นได้ “หรือว่า..เป็นเหมือนตอนที่ขึ้นชกวันนั้น”
กริสน์นึกย้อนไปถึงตอนที่ปาล์มมีอาการประหลาดตอนจะชกกับโจ๊ก
กริสน์มีแววตาที่ฉุกคิดบางอย่าง
เมทินีร้องไห้ “ไม่ทราบค่ะ ทางโรงเรียนโทรมาตาม ว่าให้นีไปรับแกเดี๋ยวนี้ แต่ แต่นีไม่อยากไปคนเดียว”
เมทินีเข้าไปคลอเคลียกริสน์ ทั้งซบอก จูงแขนแล้วจะพากริสน์ไปให้ได้ เค้กโผล่มาเห็นพอดี เธอผงะแล้วรีบเดินเข้ามาขวาง
“อะไรกันคะ อะไรๆ”
“ผมจะไปดูนายน้องปาล์ม ลูกชายคุณเมทินีที่โรงเรียนหน่อย” กริสน์บอก
“คุณกริสน์ต้องทำงานไม่ใช่เหรอ คงไม่ว่างไปดูลูกชาวบ้านหรอกคะ” เค้กรีบพูด
“ใช่ค่ะ” เต๋ากับเต้ยประสานเสียง
“คุณเค้ก..ปาล์มก็เป็นเพื่อนเด็กๆ ถ้าปาล์มมีปัญหาอะไร..ผมก็ควรจะสนใจนะครับ” กริสน์บอก
“โฮะๆๆๆ..ได้ยินแล้วใช่ไหมจ๊ะ” เมทินีเยาะเย้ย
ทันใดนั้นพิมมาดาก็เดินเข้ามา เค้กรีบฟ้องเพื่อนทันที “พิมๆๆ ดูสิ นี่มันเวลาทำงานไม่ใช่เหรอ ทำไม คุณกริสน์ถึงจะไปข้างนอกกับผู้หญิงพวกสาวแก่แม่หม้ายได้ล่ะ”
“น่านสิคะ” เต๋ากับเต้ยประสานเสียง
“เพราะคุณกริสน์เป็นเจ้าของกิจการร้านนี้ไงจ๊ะ พวกลูกจ้างสาวๆพวกนี้ ก็ควรจะก้มหน้าก้มตาทำดอกไม้ไป อย่ามาจุ้นกะเจ้านาย ไปค่ะ คุณกริสน์” เมินีรีบบอก
“อ้อ..คุณกริสน์คะ..คุณมีอะไร..อยากจะพูดหน่อยไหมคะ” พิมมาดาถาม
“เพื่อนของโจ๊ก..ไม่สบาย..ผมสงสัย..อะไรบางอย่าง ผมต้องไปดูครับ คุณพิม..เพื่อประโยชน์ของเด็กๆที่เหลือ รวมทั้งแจ๊ส โจ๊ก จีจ้าด้วย” กริสน์บอก
“ได้ยินแล้วใช่ไหมยะ ว่ามันเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย อีนังพวกลูกจ้าง” เมทินีแขวะแล้วรีบลากกริสน์ไป
พิมมาดามองตามอย่างอึ้งๆ
“คุณกริสน์นี่..ใจง่ายจัง” เต๋าบ่น
“จริง..ดูเค้าเป็นคนซับซ้อน สับสน” เต้ยพูด
“คุณเค้กอย่าไปรักเลยค่ะ ผู้ชายคนนี้” เต๋าหันมาทางเค้ก
“คุณตามเค้าไม่ทันหรอกค่ะ มันต้องพวกเรา” เต้ยบอก
“ไม่ใช่แระๆ” เค้กค้อนควับ

หน้าโรงเรียน ปาล์มที่ตาคล้ำเป็นแพนด้ากำลังยืนตาขวาง เขากำลังพยายามจะปีนรั้วรร.ออกไป ครูฟ้าใสมองอย่างกลัวๆ
“คุณพงษ์พัฒน์ What’s happen? ค่ะ เกิดอะไรขึ้น ทำไมน้องปาล์มถึงมีอาการเหมือนผีหมีแพนด้าเข้าสิงแบบนี้ คุณไปจับแกไว้สิคะ” ครูฟ้าใสหันไปถามครูพงษ์พัฒน์
“ผมว่า..เราตามรถพยาบาล มาเอาแกไปโรงพยาบาลจิตเวชดีกว่านะครับ” พงษ์พัฒน์เสนอ
“โนๆๆๆ ไม่ได้นะคะ You think he is crazy? เด็กรร.เรากลายเป็นบ้าเหรอคะ No No No อิฉันยอมให้เรื่องนี้เป็นข่าวไปในพับลิคไม่ได้ คุณจับแกมาเดี๋ยวนี้ Bring him back now...เดี๋ยวนี้ค่ะ”
“เอาก็เอา” พงษ์พัฒน์กัดฟันแล้วรีบเข้าไปกล่อม “น้องปาล์มๆ คนดี คนหล่อ น้องปาล์มศิษย์รักของครู..มามะมาๆ ลงมา เดี๋ยวครูให้กินหนมนะ”
“ขนม!! หนมๆๆ จะเอาหนมๆๆ หนมอยู่ไหนๆๆ” ปาล์มตาขวาง
ภัทรดนัยเข็นรถซาลาเปามาถึงพอดี ครูพงษ์พัฒน์หันไปเจอเห็น “โอ..นั่นไง..ขนมมาแล้ว ขนมๆ”
ครูพงษ์พัฒน์รีบวิ่งมาเกาะรั้ว “เฮย ลื้อ..ลื้อนั่นแหละ เอาซาละเปามาอันนึง ไส้อะไรก็ได้ เร็วๆ”
ภัทรดนัยหยิบซาลาเปาส่งให้ “สิบบาท”
“เอามาก่อนน่า กำลังหน้าสิ่วหน้าขวาน เอามา” ครูพงษ์พัฒน์กระชากซาลาเปามา แล้ววิ่งมาหาปาล์ม ”น้องปาล์มๆๆ มาเอาขนม มาๆๆ”
“เอาๆๆ เอาหนมๆๆ” ปาล์มปีนรั้วลงมา แล้วรีบมาหาครูพงษ์พัฒน์ “ไหนๆๆ หนมๆๆ”
“นี่ไง..เห็นไหมครับ..ครูฟ้าใส เรื่องง่ายๆ เอ้า ปาล์ม ที่แท้หิวก็ไม่บอก”
ปาล์มรับไปดูพอเห็นว่าไม่ใช่ขนมที่ต้องการ ก็อาละวาดทันมี “ไม่ใช่ขนมแบบนี้ ไอ้บ้า ไอ้ปัญญาอ่อน เห็นชั้นโง่รึไง นี่แน่ะๆๆ” ปาล์มกระโดดเข้าเล่นงานพงษ์พัฒน์ทุกรูปแบบ ทั้งชก เตะ ต่อย ทุบ ปล้ำ กัดสารพัด
“อ๊าก..ช่วยด้วย” ครูพงษืพัฒน์ร้องเสียงดัง
เด็กๆ ที่ผ่านมาแถวนั้นสนใจจึงเข้ามาดู ครูฟ้าใสหันมาพูดกับพวกคนงานภารโรง “Don’t let them watch…อย่าให้นักเรียนมาดู..พวกภารโรง เร็ว Quick Quick รีบไปกันเอาไว้ นี่มันเป็นเวลาเรียน เด็กที่ไหนมาเดินเพ่นพ่าน I’ll punish you all ฉันจะทำโทษทุกคน”
ภารโรงรีบต้อนเด็กๆ ให้ขึ้นตึกไป

บริเวณหน้าโรงเรียน รถของเมทินีแล่นมาถึงพอดี
“กรี๊ด น้องปาล์ม Your mother is here” ครูฟ้าใสตะโกน “ คุณแม่น้องปาล์มมาถึงแล้ว Here she comes มาแล้วๆ” ครูฟ้าใสรีบวิ่งไปเปิดประตูโรงเรียน
เมทีนีกับกริสน์วิ่งลงมา ปาล์มกำลังคร่อมตัวครูพงษ์พัฒน์ที่ล้มลงไปแล้วออกแรงบีบคอ
“อ๊ากๆๆๆ ช่วยด้วยๆๆ” ครูพงษ์พัฒน์ร้อง
กริสน์รีบวิ่งเข้าไป ภัทรดนัยรีบตามไปอีกคน กริสน์เข้าไปล็อกปาล์ม ภัทรดนัยคอยช่วย
“จับมันไปส่งตำรวจเลย ผมจะโทรเรียกตำรวจเดี๋ยวนี้” ครูพงษ์พัฒน์ควักมือถือขึ้นมาจะกด
ครูฟ้าใสเข้ามาแย่ง “โนๆๆ ห้ามโท Don’t do that ห้ามแจ้งความ ห้ามอะไรทั้งนั้น คุณเมทินี Bring him back home now เอาลูกกลับบ้านเดี๋ยวนี้ คุณคงรู้นะ ว่าควรทำไง ถ้าสังคมรู้ว่าลูกคุณบ้า ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลของคุณก็ต้องเสื่อมเสียเหมือนกัน เข้าใจไหม Understand?”
กริสน์กับภัทรดนัยช่วยกันลากปาล์มมาที่รถ
“ปล่อยชั้นๆๆ จะกินหนมๆๆๆ” ปาล์มโวยวายไปตลอดทาง
“ทำไมเป็นอย่างนี้ได้ล่ะ” กริสน์สงสัย
“ดิ้นเป็นปลาช่อนในกาละมังเลย” ภัทรดนัยบ่น
“อ้าว..คุณหนู..อย่างอแงสิครับ..นี่ไง..ขนมครับ ผมซื้อมาให้คุณหนูแล้ว” คนขับรถยื่นถุงขนมสวีทโอปอล์ให้ปาล์ม
“อ๊า..หนมๆๆ” ปาล์มกระโดดเข้าใส่ เขารีบแกะขนมยัดใส่ปากแล้วก้มหน้าก้มตากิน ทุกคนเข้ามามุงดู
สักพัก ปาล์มก็เงยหน้าขึ้น ใบหน้าของเขาหายหมองคล้ำแล้ว ปาล์มฉีกยิ้มสดใส
“น้องปาล์ม ลูกเป็นอะไรไป” เมทินีแปลกใจ
“อะไรครับ..ผมไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย ผมก็แค่หิวขนมเท่านั้นเอง” ปาล์มบอก
“น้องปาล์ม ลูกไม่ได้แค่หิวขนม ลูกป่วย” เมทินีบอก
“ผมไม่ได้ป่วย ผมสบายดี”
“แก..แกไม่ได้สบายดี แกเป็นโรคจิต” ครูฟงษ์พัฒน์รีบบอก
“น้องปาล์ม..น้องไปหาหมอดีกว่า พี่จะพาไปเอง” กริสน์เสนอ
“นายอย่ามายุ่ง ไอ้พี่เลี้ยงพวกเด็กเหลือขอ อย่ามาสะเออะ แม่ครับ แม่อย่าให้คนนี้มายุ่งกะปาล์ม ถ้าแม่รักผู้ชายหล่อๆมากกว่าลูก..ปาล์มจะหนีออกจากบ้าน..แต่ถ้าแม่รักลูก..แม่ก็พาลูกกลับบ้านเดี๋ยวนี้” ปาล์มด่า
“แต่ว่า” เมทินีอึกอัก
“ผมอยากนอนพัก ผมปวดหัว..ผมอยากกลับบ้าน” ปาล์มโวยวาย
“อ่า จ้าๆ” เมทินีรีบพาตัวปาล์มไป
กริสน์เข้ามาขวาง “แต่..คุณนีครับ”
“นีต้องขอโทษนะคะ คุณกริสน์ ไว้เราคุยกันวันหลังค่ะ นะคะๆๆ” เมทินีขอตัว
สองแม่ลูกรีบขึ้นรถ คนขับขับรถออกไปทันที
กริสน์กับภัทรดนัยสบตากันอย่างอึ้งๆ แล้วหันมาหาโดยจะคุยกับครูฟ้าใส
“Stop..พวกคุณต้องอย่าพูดเรื่องนี้กับใคร Nothing happen..ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้นที่นี่ นักเรียนของเราเป็นเด็กดี สุขภาพกายและจิตดีทุกคน” ครูฟ้าใสรีบบ่ายเบี่ยง
ภัทรดนัยหันไปทางครูพงษ์พัฒน์ “ครูครับ”
ครูพงษ์พัฒน์มองเหมือนอยากพูด
“คุณพงษ์พัฒน์ มานี่!” ครูฟ้าใสเรียก
ครูพงษ์พัฒน์ลังเล แต่แล้วก็รีบหันกลับแล้วเดินหนีไปกับครูฟ้าใส
“ดูอาการน้องปาล์มมันพิกลยังไงไม่รู้” กริสน์บอก
“เกี่ยวอะไรกับอาการหิวได้ไง” ภัทรดนัยงง
“คล้ายๆ เหมือน” กริสน์พยายามบอกอะไรบางอย่าง แต่ภัทรดนัยชิงตอบ “ติดยา!”

ที่ร้านดอกไม้พริมโรส เค้กนั่งกระฟัดกระเฟียดอยู่ พิมมาดา เต๋า และเต้ยมองอย่างเอือมๆ
เค้กโวยวาย “ทำยังไงดีๆๆ”
“โอ้ยๆ ลมหึงมันออกหูพี่เค้กแล้วคะ” เต้ยบอก
“ไม่หึงได้ไง มีแต่ผู้หญิงมาติดพันคุณกริสน์เต็มไปหมด ไม่ว่าสาวแก่แม่หม้าย ทำยังไงดีละ?” เค้กหันมาพูดกับพิมมาดา “พิม...ช่วยเพื่อนหน่อยซิ”
“จะให้ช่วยยังไง” พิมมาดาถามขรึมๆ
“ก็ใจฉันมันรักเขาไปแล้วนี่ ทำยังไงได้” เค้กทำหน้ามุ่งมั่น “ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม ฉันต้องได้หัวใจคุณกริสน์มาครอง! พิมช่วยหน่อยน้า....นะๆๆ”
“พี่พิมก็ช่วยพี่เค้กหน่อยซิคะ เหมือนกับที่พี่เค้กเคยช่วยสนับสนุนพี่พิมกับคุณสุขสันต์ไงคะ” เต้ยบอก
“เต้ยพูดถูกที่สุด! ไหนๆเธอก็แฮบปี้เอนดิ้งกับคุณสุขสันต์แล้ว ก็ช่วยเพื่อนซี้อย่างฉันให้ลงเอยกับคุณกริสน์บ้างซิ ละครเรื่องนี้จะได้มีพระเอกนางเอกสองคู่”
พิมมาดาเริ่มอึดอัดและสับสน “แล้วฉันจะช่วยอะไรได้ละ”
เค้กทำท่าครุ่นคิด พลันสายตาก็หันไปเจอป๊อบคอร์นที่นั่งเอียงคอมองอยู่ เค้กตาโตวิ่งเข้าไปอุ้มป๊อบคอร์นขึ้นมาอย่างดีใจ ทุกคนมองตามอย่างงงๆ
“นึกออกแล้ว!” เค้กร้องลั่น

ที่ร้านเบเกอรี่ แจ๊สกำลังอุ้มป๊อบคอร์นอยู่ โจ๊กกับจีจ้ากำลังนั่งกินเค้กอย่างเอร็ดอร่อย เค้ก เต๋าและเต้ย ยืนลุ้นอยู่ข้างๆ
“เป็นไงจ๊ะอร่อยมั้ย?” เค้กถาม
เด็กทั้งสามพยักหน้า เค้กยิ้มกว้างให้กับเต๋าและเต้ย เด็กๆ กินเค้กหมดแล้วก็วางช้อน
“งั้นสิ่งที่พี่น้าเค้กขอให้ช่วย ตกลง...เด็กๆ โอเคมั้ยจ๊ะ?” เค้กพูด
เด็กทั้งสามมองหน้ากัน ก่อนจะตอบพร้อมๆ กัน
“ไม่ค่ะ / ครับ”
“เอ้า! ทำไมละ พี่น้าเค้กอุตส่าห์เลี้ยงขนมเค้กไปตั้งหลายชิ้นนะ”
“น้าเค้กไม่เคยได้ยินเหรอคะว่า การลงทุนคือความเสี่ยง” แจ๊สสวน
เค้กทำท่าจะร้องไห้ เต๋ากับเต้ยรีบเข้ามาช่วยพูด
“เด็กๆ เห็นใจน้าเค้กเถอะนะคะ น้าเค้กเขาอยากได้ เอ้ย! เขาชอบคุณกริสน์จริงๆ” เต๋าบอก
“เราก็เห็นใจน้าเค้กนะครับ แต่ตอนนี้เรากำลังแบน คว่ำบาตร ต่อต้าน..ผู้ชายคนนั้นอยู่” โจ๊กพูด
“แล้วเด็กๆจะปล่อยให้น้าเค้กพลาดรถด่วนขบวนสุดท้าย สะพายเป้ขึ้นเชียงคานไปต่อหน้าต่อตาได้เหรอคะ?” เต้ยขอความเห็นใจ
เต๋ากับเต้ยเริ่มร้องเพลงสลับกันคนละท่อน
“เสียง...รถด่วนขบวนสุดท้าย”
“ก้องดังฟังแล้วใจหาย”
“หัวใจน้องนี้แทบขาด...”
เค้กปล่อยโฮเสียงดัง เด็กๆมองหน้ากันอย่างครุ่นคิด
“ก็ได้คะ พวกเราตกลง..แต่น้าเค้กต้องรับปากพวกเราอย่างนึง” แจ๊สยื่นข้อเสนอ
เค้กหยุดร้องไห้และรับปากทันที “รับปากค่ะ!”
“ฟังก่อนสิคะ” จีจ้าบอก
“ถ้าพวกเราช่วยให้น้าเค้กลงเอยกับ..ผู้ชายคนนั้นแล้ว..น้าเค้กต้องรับปากว่า จะเอาผู้ชายคนนั้นออกไปจากบ้านนี้ และไม่ปล่อยให้มาที่นี่อีก”
“แล้วพวกเราถึงจะตกลงช่วยน้าเค้กให้สมหวังกับ..” โจ๊กบอก
“โอเคค่ะๆ ตกลงๆ” เค้กท่าทางดีใจมาก “ไชโย ขอบคุณค่ะๆ”

เค้กดี๊ด๊าแล้วหันมาวางแผนกับเต๋าและเต้ย

อ่านต่อหน้า 3




มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 8 (ต่อ)

ในสถานที่ลับตาคนแห่งนั้น ภัทรดนัยยื่นกระดาษโค้ดลับที่เต็มไปด้วยตัวเลข ตัวอักษร สัญลักษณ์ ไม่มีความหมายใดใดให้กริสน์ กริสน์ทำหน้างง

“นี่เหรอ อีเมล์นัดหมายของนายสุขสันต์ ที่ชั้นส่งให้แก”
“เออ..ชั้นไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่รู้แน่ๆว่าพวกมันส่งรหัสลับเพื่อนัดหมายอะไรสักอย่าง อาจจะเป็นการนัดพบกัน หรือไม่ก็เป็นการนัดส่งของล็อตต่อไป อาจจะเป็นสถานที่นัด วัน เวลาในการนัด”
“แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าที่ไหน เมื่อไหร่” กริสน์ถาม
“ชั้นส่งให้หน่วยถอดรหัสเค้าจัดการแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้เรื่อง..แกเอาไปดูเล่นๆ เผื่อจะนึกอะไรออก”
“แกต้องรีบนะเว้ย ถ้าถอดรหัสได้ช้า มันก็จะเปล่าประโยชน์”
“หยุดบ่น..แล้วมานี่..ชั้นมีงานสำคัญให้แกทำ แต่อันดับแรก แกต้องไปเปลี่ยนชุดให้ดูดีก่อน” ภัทรดนัยบอก
“งานอะไร จะพาชั้นไปไหน”
กริสน์งง ภัทรดนัยลากเขาออกไป

ภัทรดนัยพากริสน์มายืนอยู่ที่หน้าบ้านหลังหนึ่งที่ใหญ่โตและหรูหรา
“โห ใหญ่โต รวยไม่ธรรมดาเลยนะเนี่ย..บ้านใครวะ..แล้วแกให้ชั้นแต่งตัวหล่อขนาดนี้ทำไม..จะให้ชั้นทำอะไร” กริสน์ถามเป็นชุด
“ที่นี่..บ้าน..นายปาล์ม” ภัทรดนัยตอบแล้วกดกริ่งหน้าบ้านทันที
“บ้านนายปาล์ม!!! เฮ้ย แกจะมาทำอะไร..ชั้นจะกลับ” กริสน์ทำท่าจะไป
“หยุด!” ภัทรดนัยรีบดึงคอเสื้อไว้ “วันนั้นแกก็เห็นอาการนายปาล์มแล้ว..อาละวาดคลุ้มคลั่งยังกับคนติดยา..มันไม่ใช่อาการที่เด็กนักเรียนปกติจะเป็นกัน”
“ชั้นเป็นสายสืบ ไม่ได้เป็นมูลนิธิพิทักษ์สิทธิเด็กนะเว้ย มันไม่ใช่หน้าที่ชั้น!” กริสน์ตั้งท่าจะกลับ
“หยุด!” ภัทรดนัยดึงคอเสื้อไว้ “ไอ้กริสน์..อะไรที่แกคิดว่าเล็กๆน้อยๆ แต่มันอาจจะเอามาปะติดปะต่อกัน แล้วก็นำเราไปสู่เรื่องใหญ่ๆก็ได้..แกคิดดู..ถ้านายปาล์มติดยาจริง..เค้าซื้อยามาจากไหน..ใครเป็นเอเย่นต์..เอเย่นต์รับมาจากใคร..ใครคือผู้ผลิต..ใครคือนายทุนใหญ่..แกเห็นมั้ยว่าเราขยายผลไปจนถึงตัวการใหญ่ได้”
“งั้นเชิญแกจัดการคนเดียว..ภารกิจนี้อันตรายเกินไปสำหรับชั้น”
“อะไรของแกวะที่ว่าอันตราย”
“ก็..” กริสน์พูดไม่ทันขาดคำ ประตูบ้านก็เปิดออก เมทินีก้าวออกมาเห็นพอดี
“คุณกริสน์!”
เมทินีดีใจมากๆ ส่งสายตาตาวาวแพรวพราวเข้าใส่ กริสน์หน้าแหยส่งสายตาบอกภัทรดนัยว่านี่แหละคือตัวอันตราย

เมทินีควงแขนกริสน์เข้ามาที่ห้องรับแขกบ้านตัวเอง ภัทรดนัยเดินตามมา
“นีดีใจ๊ดีใจมากๆเลยที่คุณกริสน์มาหานีถึงบ้าน..นีรู้ว่าวันนี้ต้องมาถึง เพราะนีเห็น คุณกริสน์ชอบแอบมองนีเวลาเราเจอกันที่โรงเรียน”
“ผม..คือ..ผมมาเยี่ยมอาการนายปาล์มน่ะครับ..พอดีว่าโจ๊กเค้าเป็นห่วง เลยฝากผมมา..ผมไม่ได้คิดจะมาเองหรอกนะครับ” กริสน์แต่งเรื่อง
“ไม่ต้องเอาเรื่องปาล์มมาอ้างหรอกค่ะ..ยอมรับมาเถอะค่ะ ว่าคุณกริสน์คิดถึงนี ทรมานมากที่ไม่ได้เจอหน้านี”
“น้องปาล์มอยู่ไหนครับ อาการเป็นยังไงบ้างครับ” ภัทรดนัยเข้าเรื่อง
“อุ๊ย นีขอตัวสักครู่นะคะคุณกริสน์”
เมทินีพูดแล้วรีบวิ่งขึ้นชั้นบน
“อืม เจ๊คนนี้ ความปรารถนาแรงกล้ามากๆ..เจ๊แกรู้มั้ยวะ ว่าแกพาชั้นมาด้วย” ภัทรดนัยถาม
“แกเห็นหรือยังว่ามันอันตรายแค่ไหน กลับเถอะ” กริสน์ทำท่าจะไป
ภัทรดนัยผลักกริสน์ให้นั่งลงที่โซฟา “ไม่ได้!! แกอยู่นี่ ชั้นจะไปหานายปาล์มเอง..ถ่วงเวลาเจ๊นีอย่าให้มาขัดขวางชั้น..โอเค๊”
“เฮ้ยๆๆ เดี๋ยวๆๆ อย่าทิ้งชั้นไปๆ”
ภัทรดนัยเดินแยกไป กริสน์ทำท่าสยองราวกับอยู่ในบ้านสองต่อสองกับฆาตรกรโรคจิต

เมทินีวิ่งกลับเข้ามาในห้องนอน เธอรีบปิดประตูแล้วยืนพิงเหมือนคนหัวใจจะวาย เมทินีพยายามควบคุมอาการตื่นเต้นด้วยการสูดลมหายใจยาวๆ
“สติๆๆๆ ต้องมีสติ ต้องไม่ทำอะไรที่น่าเกลียด เราเป็นผู้หญิง..สวยและรวยมาก..เราต้องมีฟอร์ม ต้องไม่ทอดสะพานให้ผู้ชายก่อน” เมทินีเดินไปหน้ากระจกแล้วก็ตกใจกับภาพของตัวเอง “ต๊าย!! นี่ชั้นใส่ชุดอะไร..ปกปิดมิดชิดยังกับพระราชวังต้องห้าม..ความวิจิตรอลังการต้องถูกเปิดเผย”
เมทินีถอดเสื้อนอกออกเพื่อโชว์อึ๋ม “เค้าต้องได้สัมผัส..สิ่งมหัศจรรย์ของโลก หึๆๆ”
เมทินียิ้มแล้วมองตัวเองแบบทะเล้นๆ

ที่สนามหลังบ้านของเมทินี ปาล์มกำลังนอนแผ่อยู่บนโต๊ะสนาม มือหยิบขนมสวีทโอปอล์ขึ้นมากินตลอด รอบๆ ตัวมีซองขนมเปล่าตกเกลื่อนกลาด ปาล์มกินไปหัวเราะไปอย่างมีความสุขสภาพคล้ายคนเมา
“ตัวเอง..เค้าคิดถึงอ้ะ..หัวใจจะขาดรอนๆแล้ว โผล่มาให้เห็นหน้าหน่อยสิ..ว้าว น่ารักอ้ะ แต่งงานกันมั้ย”
ภัทรดนัยเดินเข้ามามองอย่างงงๆ ว่าปาล์มคุยกับใคร
“คุยกับอะไร” ภัทรดนัยถาม
“คุยกับแฟน” ปาล์มตอบ
“ไหน” ภัทรดนัยงง
“นั่นไง” ปาล์มชี้ไปบนต้นไม้ “บนต้นไม้ แฟนผม..เค้าเขิน หลบอยู่แต่ในรัง”
“มีแฟนเป็นนก?” ภัทรดนัยอึ้งๆ แต่ก็พยายามคุยด้วย “เอ่อ น้องปาล์มครับ พี่แวะมาเยี่ยมอาการของน้องปาล์ม..เป็นยังไงบ้าง..กินขนมได้เยอะขนาดนี้ อาการดีขึ้นแล้วใช่มั้ยครับ”
“ขาวว่ะ” อยู่ๆ ปาล์มก็พูดขึ้นมา
“หือ..” ภัทรดนัยงง
ปาล์มหันมามองภัทรดนัยตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะคว้าแขนมา “โคตรขาวเลย ตัวขาวอมชมพูๆ ชอบอ้ะ” ปาล์มระดมจูบไปที่มือของภัทรดนัย
“เฮ้ยๆๆๆ ไอ้บ้า”
ภัทรดนัยถดตัวพยายามถอยหนีและดึงมือออก แต่ปาล์มจับแน่นจนทำให้ปาล์มกลิ้งลงมาจากโต๊ะแล้วทับภัทรดนัยไปทั้งตัว
“ตัวขาวอมชมพู อย่าหนีนะ เดี๋ยวแบ่งขนมให้” ปาล์มจับเท้าได้ก็จูบเท้า จูบหน้าแข้งแล้วไล่ขึ้นมา
“นายต้องเมายาแน่ๆ เฮ้ยๆๆๆ อย่าไล่ขึ้นมา พอแล้วๆ”
ภัทรดนัยโวยวายลั่นที่ถูกปาล์มคุกคาม รุกไล่อย่างหนักหน่วง

กริสน์นั่งรออยู่อย่างกระวนกระวายภายในบ้านของเมทินี นั่งรอสักพักก็ทำท่าจะลุกไป แต่อยู่ๆ มีเสียงเมทินีเรียกขึ้น
“คุณกริสน์”
กริสน์หันไปตามเสียง เขาเห็นเมทินีอยู่ในชุดเซ็กซี่โชว์ร่องอก กริสน์ตกตะลึงและกลืนน้ำลายด้วยความสยอง
“นีไม่คิดว่าจะมีแขกมาบ้าน เมื่อกี้เลยแต่งตัวอยู่บ้านไปหน่อย..นีเลยไปเปลี่ยนเป็นชุดที่สุภาพและทางการขึ้น”

“ทางการ..เหรอครับ” กริสน์ทวนคำ
“ค่ะ ทางการพิเศษยกระดับ..รับรองว่าประทับใจ” เมทินีแสร้งเซจะล้ม “ว้าย ลื่น” เมทินีโถมเข้าใส่กริสน์ แล้วกดร่างกริสน์ลงไปนอนบนโซฟาโดยที่ตัวเธอทับกริสน์ไว้
กริสน์ตะลึงตาโตด้วยความสยอง

ที่สนามหลังบ้านของเมทินี ภัทรดนัยยืนแข็งทื่อ เขาทำหน้าเซ็งสุดชีวิต ถูกปาล์มกอดเขาไว้แน่น
“น้องปาล์มครับ พี่ขออะไรอย่างนึงได้มั้ยครับ”
“ได้ครับ”
“คือ...” ภัทรดนัยหยิบกระปุกตรวจปัสสาวะออกมา “พี่อยากให้น้องปาล์มฉี่ใส่กระปุกนี้ให้พี่ที..ได้มั้ยครับ”
“อยากได้ฉี่ของปาล์มเหรอ” ปาล์มถาม
“พี่จะเอาฉี่น้องปาล์มไปตรวจสอบโรคนิดหน่อย จะได้รู้ว่าปาล์มแข็งแรงดีหรือยัง หรือว่ามีสารอะไรในร่างกายที่ทำให้น้องปาล์มไม่แข็งแรง..นะครับ..ฉี่ให้พี่หน่อย”
“โอเค” ปาล์มตกลงแล้วทำท่าจะปัสสาวะทันที
“เฮ้ยๆๆ ไม่ใช่ตรงนี้ครับ ไปฉี่ตรง..ตรงมุมกำแพงโน้นก็ได้ครับ..พี่รับรองจะไม่แอบมอง โอเค๊?”
“โอเค” ปาล์มเดินไป ภัทรดนัยหันหลัง ไม่มอง
“เสร็จยังครับน้องปาล์ม” ภัทรดนัยตะโกนถาม
อยู่ๆ กระปุกตรวจปัสสาวะก็ถูกโยนมาโดนหัวภัทรดนัย
“โอ๊ย!” ภัทรดนัยเก็บกระปุกขึ้นมา “อ้าว น้องปาล์ม บอกให้ฉี่ใส่กระปุก แล้วเขวี้ยงมาทำไมครับ..แบบนี้จะฉี่ใส่อะไรล่ะ” ภัทรดนัยหันกลับมาพบว่าปาล์มหายไปแล้ว “อ้าว น้องปาล์ม..ไปไหนแล้ว..น้องปาล์ม”
“ผมอยู่นี่” เสียงปาล์มก็ดังขึ้น
ภัทรดนัยมองตามเสียงไปก็พบว่าปาล์มปีนไปอยู่บนต้นไม้
“จะเอาฉี่ปาล์มใช่ม้าย” ปาล์มถามเสียงเคลิ้มๆ แล้วรูดซิปออก
“อย่า!” ภัทรดนัยช็อก ตาเหลือก

ด้านเมทินีสบตากริสน์อย่างหวานเยิ้มและยั่วยวนอยู่ภายในบ้าน
“มหัศจรรย์มั้ยล่ะคะ” เมทินีถาม
“หือ? อะไรครับ?”
เมทินีส่งสายตาปริบๆ ให้กริสน์เข้าใจความหมายของของเธอ
“คุณเมทินีครับ..ลุก..เถอะครับ” กริสน์บอก
“คุณกริสน์ก็ปล่อยนีสิคะ” เมทินีทำเหมือนว่ากริสน์จับตัวเธอไว้ “นีลุกไม่ขึ้น”
กริสน์โชว์มือทั้งสองข้าง “ผมไม่ได้จับไว้เลยครับ”
เมทินีค่อยๆถอยออกมา
“คุณกริสน์จะรับผิดชอบนียังไงคะ”
“รับผิดชอบ..เรื่องอะไรครับ” กริสน์ถาม
“ก็..เรื่องที่คุณกริสน์มาแมลงทับใส่นีไงคะ..คนต้องเข้าใจผิด คิดว่านีกับคุณกริสน์..มีอะไรกันแล้วหรือเปล่า..นีเป็นนักธุรกิจ เป็นเซเล็บที่สังคมรู้จัก..แต่มามีข่าวฉาวกับผู้ชาย นีรับไม่ได้”
“คุณเมทินีครับ ผมว่าไม่มีอะไรหรอกครับ”
“คุณพูดได้ยังไงคะว่าไม่มีอะไร”
“ก็มันไม่มีอะไรจริงๆ”
“โอ๊ะ ลื่น!” เมทินีโถมตัวเข้าใส่กริสน์อีกแล้วล้มทับไปอีกรอบ
“เอาอีกแล้วนะคะพ่อแมลงทับ”
“ผมไม่ได้เป็นแมลงทับ” กริสน์ปฏิเสธอย่างหน่ายใจ
“จุ๊ๆ คุณเป็นพ่อแมลงทับ ส่วนนีเป็นแม่เต่าทอง”
“ผมจะกลับแล้วครับ!” กริสน์อยากร้องไห้
เมทินีกระชากตัวกริสน์ไว้ “เลยตามเลยเถอะค่ะ..คุณเป็นผู้ชาย คุณไม่มีอะไรต้องเสียหาย”
กริสน์สยอง “อย่าดีกว่าครับ ผมไม่อยากให้คุณนีเสียหาย”
“นีไม่ถือ”
กริสน์ผละออก แต่เมทินีก็พยายามดึงเอาไว้
“ผมลาล่ะคร้าบ”
กริสน์พยายามจะไปให้ได้ เมทินีรู้สึกขัดใจ

กริสน์วิ่งแจ้นออกมานอกบ้านแล้วไปหยุดยืนหอบแฮ่กๆ ที่รถ
“แฮ่กๆๆ โหย เกิดมาไม่เคยกลัวตายเท่านี้มาก่อนเลยในชีวิต”
ภัทรดนัยเดินตัวเปียกกลับมา
“ไอ้ภัทรดนัย!” กริสน์รีบพุ่งไปด่าทันที “แก..ไอ้เพื่อนเลว..แกรู้มั้ยว่าชั้นเจออะไรมาบ้าง ชั้นเกือบจะ..จะถูกย่ำยี ถูกข่มเหงน้ำใจ”
“แล้วแกรู้มั้ยว่าชั้นเจออะไรมา” ภัทรดนัยถามเรียบๆ
“แกจะเจออะไร..ไปเก็บข้อมูลกับนายปาล์ม..เก็บตัวอย่างฉี่..งานง่ายๆ สบายๆ..ต่อไป ชั้นจะไม่มาบ้าน
นี้อีกแล้ว ฆ่าให้ตายก็ไม่มาอีก”
“ชั้นก็ไม่มาอีกแล้ว” ภัทรดนัยบอกนิ่งๆ
“แล้วไหน ได้ตัวอย่างฉี่นายปาล์มมาแล้วใช่มั้ย”
“ได้มาเต็มๆ เลย”
“อยู่ไหน” กริสน์ถาม
ภัทรดนัยบอกด้วยสายตาว่าได้มาเต็มตัวเลย แววตาของเขาเหมือนจะร้องไห้
“อย่าบอกนะว่า..หึ่ย อี๋” กริสน์ทำท่าขยะแขยง
“แกคิดว่าแกลำบากคนเดียวเหรอ ชั้นอยากตาย”

ที่หน้าห้องแลบภายในกองพิสูจน์หลักฐาน เอกสารถูกดึงออกมาจากซองสีน้ำตาลเพียงครึ่งหนึ่ง สักพักก็ถูกสอดกลับเข้าไปในซองตามเดิม ภัทรดนัยมีสีหน้าร้อนใจแต่ก็พูดขอบคุณเจ้าหน้าที่
“ขอบคุณมากนะครับ”
“ยินดีค่ะ”
“เรื่องนี้..ผมต้องรีบคลายปมอย่างด่วน! ไว้วันหลัง ผมจะมาตอบแทนคุณอย่างสาสมนะจ๊ะ คนสวย”
ภัทรดนัยรีบเดินจะออกไป ทันใดนั้นมาวินที่ถือซองเอกสารสีน้ำตาลก็เดินสวนเข้ามา แล้วกระแทกชนไหล่ภัทรดนัยอย่างจัง จนซองเอกสารของภัทรดนัยหล่นลงกับพื้น ภัทรดนัยมองอย่างหงุดหงิด มาวินทำเป็นโวยวาย
“ตายูมันเล็กเกินมองอะไรไม่เห็น ไอแนะนำให้ยูไปทำตาสองชั้นดีกว่านะ”
“ไม่ทำหรอกครับ หน้าตาดี เทรนด์เกาหลีอย่างผมน่ะ ตอนนี้กำลังเป็นที่ต้องการของตลาด”
“ตลาดขายของเก่าละมั้ง” มาวินสวนอย่างดูแคลน
“เอ้า...ดูถูก”
ภัทรดนัยจะก้มลงเก็บซองเอกสาร แต่มาวินรีบชี้มือไปอีกทาง “เฮ้ย! นั่นอะไรน่ะ?”
ภัทรดนัยบ้าจี้ตาม “อะไร อะไร”
ภัทรดนัยหันขวับไปมองตามสัญชาตญาณของตำรวจ มาวินฉวยโอกาสที่ภัทรดนัยเผลอก้มลงสลับซองเอกสารของภัทรดนัยกับซองของตัวเองทันที
ภัทรดนัยหันกลับมา “ไหน? ไม่เห็นมีอะไรเลย” เขาก้มลงหยิบซองเอกสารขึ้นมา
ภัทรดนัยมองหน้ามาวินที่ตีหน้านิ่งอย่างกวนๆ แล้วเดินออกไป
“ไอ้สารวัตรเสิ่นเจิ้นเอ้ย!” ภัทรดนัยบ่นพึมพำ
มาวินมองซองสีน้ำตาลในมือแล้วยิ้มอย่างพอใจ

พิมมาดาเดินเข้ามาที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งในห้องนอนพลางถอดเครื่องประดับและพูดกับตัวเองอย่างเหนื่อยอ่อน
“อย่าหาว่าฉันใจร้ายเลยนะเค้ก แต่ฉันไม่รู้จะช่วยเพื่อนยังไงต่างหากล่ะ ใช่มั้ย? โอ้ยๆ สับสนๆ เธอรู้สึกอะไรกันแน่หา...พิม”
พิมมาดาจ้องหน้าตัวเองในกระจกก่อนตัดสินใจลุกขึ้นคว้าผ้าเช็ดตัวจะเดินเข้าห้องน้ำแต่ก็ชะงักเมื่อได้ยินเสียงเอะอะ เจี๊ยวจ๊าวดังมาจากทางข้างล่าง พิมมาดาวิ่งไปดูที่หน้าต่าง เห็น เต๋า เต้ย เค้ก แจ๊ส โจ๊ก จีจ้า และป๊อบคอร์น ในชุดว่ายน้ำ ทั้งหมดกำลังจะเฮกันออกจากบ้านไปเป็นขบวน
“ไปไหนกันเนี่ย”
พิมมาดารีบวิ่งลงไปดู

เค้ก เต๋า เต้ย แจ๊ส โจ๊ก จีจ้า รวมถึงป๊อบคอร์นกำลังเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน บ้างก็โพสต์ท่าเลียนแบบนางแบบเซ็กซี่ พิมมาดาเดินตามมาดูที่สระว่ายน้ำคลับเฮ้าส์หมู่บ้านงงๆ เหล่าสมาชิกหันมาโบกมือให้พิม ส่วนป๊อบคอร์นยืนสวัสดีสองขา แล้วเห่า โฮ่ง! ต้อนรับ
“น้าพิมลงมาเล่นน้ำด้วยกันซิคะ กำลังสนุกเลย”
“ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ไปเปลี่ยนชุดว่ายน้ำมาเทียบความเซ็กซี่กับพี่เค้กกัน เนอะๆๆ”
เค้กยืดตัวขึ้นมาจากน้ำ สะบัดผมโชว์ความเซ็กซี่อย่างเต็มที่ พิมมาดามองรูปร่างของเค้กแล้วก้มมองตัวเอง
“โห...ไม่เอาดีกว่าอ่ะ” พิมมาดาหน้าเจื่อนแล้วพูดเบาๆ
“เร็วค่ะพี่พิม เต๋าเอาชุดมาเผื่อด้วยนะ จะเอาแบบทูพีช หรือวันพีชดีละเอ่ย” เต๋ากุลีกุจอ
พิมมาดารู้สึกกดดันสุดๆ ทันใดนั้น กริสน์ก็ก้าวเข้ามา
“ฮัลโหลเด็กๆ เต๋า เต้ย พี่ปิดร้านแล้วนะ แมสเสจไปบอกว่ามีรายการพิเศษ ให้พี่ตามมา มันคืออะไรเหรอเค้ก”
“มาสนุกด้วยกันซิคะคุณกริสน์”
เค้กแทรกเสียงหวานทันที กริสน์หันไปมองตามเสียงเห็นเค้กผุดขึ้นมาจากสระน้ำในชุดสุดเซ็กซี่กริสน์รีบหันหลังปิดตาด้วยทำนิ้วแยกๆ ไม่กล้ามอง
“เชิญคุณเค้กตามสบายเถอะค้าบ” กริสน์บอก
กริสน์ทำท่าจะหนี แจ๊ส โจ๊ก จีจ้า วิ่งเข้ามาขวาง
“ลูกผู้ชาย ฆ่าได้หยามไม่ได้นะ” แจ๊สพูด
“น้ากริสน์จะให้โจ๊กเป็นผู้ชายอยู่คนเดียวไม่ได้นะ” โจ๊กบอก
“หรือว่าเป็นโรคกลัวน้ำ” จีจ้าถาม
“นี่พวกเธอหายโกรธฉันแล้วเหรอ” กริสน์ถาม
เด็กทั้งสามไม่พูด แต่พยักหน้าแรงๆพร้อมกันหนึ่งที เต๋าเต้ยรับทราบ รีบเข้ามาคล้องแขนกริสน์คน
ละข้าง กริสน์ทั้งงงๆและตกใจ กริสน์ดิ้น
“เฮ้ย!เต๋าเต้ยทำอะไรหน่ะ ปล่อย”
เต๋าเต้ยจับกริสน์โยนลงไปในสระว่ายน้ำ ทุกคนกรี๊ดกร๊าดเฮฮา เค้กตรงเข้านัวเนียและตะครุบกริสน์ไว้ทันที
“คุณกริสน์ขา”
กริสน์สำลักน้ำอึกอักและตกอยู่ในอ้อมกอดของเค้ก ทุกคนสาดน้ำแหวกว่ายไปมาอย่างสนุกสนาน
พิมมาดามองกริสน์กับเค้กตาเขียว ปั๊ด! เห็นกริสน์กับเค้กชุลมุนกันอยู่ในสระน้ำ เค้กวักน้ำใส่กริสน์ ทีแรกกริสน์หนี เค้กและเด็กๆรุมโจมตี แต่ตอนหลังกริสน์วักน้ำสู้
เต๋า เต้ย ต้อนกริสน์ไปใกล้ชิดเค้ก แกล้งรุมจนทั้งสองต้องอยู่ในท่าโอบกอดกันกลายๆ พิมมาดาทนไม่ไหว
“นี่ทุกคน...ขึ้นได้แล้ว เด็กๆ ต้องไปทำการบ้านนะ เค้กก็เหมือนกัน เดี๋ยวก็ปอดบวมตายหรอก”
จังหวะนั้น ภัทรดนัยเดินถือซองน้ำตาลก้าวเข้ามาพอดี
“คุณพิมครับ ไอ้กริสน์อยู่บ้านใช่มั้ยครับ”
กริสน์รีบยืดตัวขึ้นมาจากน้ำ
“ฉันอยู่นี่” กริสน์ตะโกนและโบกมือให้
ภัทรดนัยหันไปมอง ผงะ ตาลุกทันที
“ฉันมีธุระสำคัญ”
“คุณเค้กครับ ผมต้องขอตัวก่อนนะครับ” กริสน์รีบถือโอกาสหนีเค้กด้วยการรีบแกะเค้กออกแล้วปีนขึ้นจากสระน้ำทันที
“คุณกริสน์! เดี๋ยวซิคะคุณกริสน์” เค้กลืมตัวยืนขึ้นจากสระน้ำ
ภัทรดนัยเห็นเค้กในชุดว่ายน้ำสุดเซ็กซี่ถึงกับอ้าปากค้าง แต่เมื่อเค้กเห็นภัทรดนัยมองอยู่ก็รีบผลุบลงน้ำทันที
“ไอ้บ้า! มองอะไรยะ”
กริสน์รีบวิ่งมาหาภัทรดนัยที่ยืนอ้าปากค้างอยู่
“ไอ้ภัทรดนัย”
กริสน์รีบลากภัทรดนัยออกไปทันที

กริสน์ตัวเปียกโชกลากภัทรดนัยออกมาที่มุมหนึ่งทางข้างนอกอย่างทุลักทุเลเพราะ ภัทรดนัยยังคงนิ่งราวกับถูก สตาฟฟ์จนกริสน์สะกิดเบาๆ ภัทรดนัยก็ยังนิ่งจนกริสน์ตบไหล่แรงขึ้น ภัทรดนัยยังนิ่งอีก กริสน์ทนไม่ไหวคว้าไหล่ภัทรดนัยให้หันมาเผชิญหน้า กริสน์ห็นภัทรดนัยเลือดกำเดาไหลเป็นทางแล้วนึกขำแล้วล้วงมือ หาทิชชู่ในการะเป๋ากางเกงที่เปียกน้ำ
“เอ้ย ...เอ้านี่ แก้ขัดไปก่อน”
ภัทรดนัยม้วนทิชชู่ยัดเข้าไปในรูจมูก
“ขอบคุณสวรรค์ที่บันดาลให้มีวาสนาได้ดูของดี อิๆ” ภัทรดนัยบอก
“ไอ้ทุเรศ! เอามานี่เลย”
กริสน์คว้าซองเอกสารในมือภัทรดนัยมาเปิดดู ดึงกระดาษข้างในออกมาดูถึงกับตาโตตะลึงในทันที
“เฮ้ย”
“กะแล้วว่าพอเห็นผลตรวจแกจะต้องร้องเฮ้ย!เพราะตกใจในความชั่วของไอ้จตุพล” ภัทรดนัยสำทับ
“ไม่ใช่ชั่วอย่างเดียวนะ ยังมั่วด้วย”
“อะไรมั่ววะ” ภัทรดนัยงง
กริสน์ชูกระดาษให้ภัทรดนัยดู เห็นกระดาษที่กริสน์ถืออยู่เป็นรูปวาดการ์ตูนล้อเลียน แลบลิ้นใส่ภัทรดนัยอย่างกวนโอ้ยที่สุด ภัทรดนัยคว้ามาดูแค้นๆ
“เป็นงี้ได้ไงวะ”
ภัทรดนัยนึกออก
“หนอย...ไอ้สารวัตรมาวิน”

มาวินจามอย่างแรงอยู่ที่โต๊ะทำงานในห้องทำงานที่กรมตำรวจ ที่มีเอกสารผลตรวจวางอยู่ มาวินยื่นหน้าไปอีกฟากของโต๊ะ
“จะตอบไอมาได้หรือยังว่ายาพิษเนี่ยเป็นของใคร ทำไมต้องเอาไปตรวจที่นั่น”
พนักงานประจำแล็บนั่งก้มหน้า หน้าซีดอยู่ พอดีมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เข้ามา”
ลูกน้องตำรวจมาวินเข้ามาทำความเคารพ
“ผู้กองภัทรดนัยมาขอพบสารวัตร บอกว่ามีเรื่องด่วนครับผม”

ภัทรดนัยเดิรเข้ามาพร้อมด้วยตำรวจ 2-3 คน
“ถ้าสารวัตรอยากได้ผลงาน ก็ควรจะใช้วิธีตรงๆ แมนๆ ที่คนจริงเขาทำกัน ไม่ใช่ใช้วิธีสกปรกแบบนี้! เอาผลตรวจคืนมา”
มาวินยื่นซองสีน้ำตาลมาไว้ตรงหน้า ภัทรดนัยรีบยื่นมือมาจะดึงซองไป แต่มาวินตะปบซองไว้
“ตอบคำถามไอมาก่อน แล้วยูจะได้เอกสารนี้กลับไป”
“ทำไมต้องตอบ”
“ยาที่ยูเอาไปตรวจที่ห้องแล็บ เป็นยาของใคร”
“ยาของพี่กอบสุขมั้ง...เอ...หรือพี่ไก่ดี”
“ใครวะไม่รู้จัก...ตอบมา”
“ไอ้โง่...เอาคืนมา”
“งั้นเอาคำถามใหม่ก็ได้ ยู..กับคู่หูของยูที่เคยเป็นสายไปฝังตัวอยู่กะแก๊งมาเฟียเสี่ยอธิปกำลังทำอะไรกัน”
ภัทรดนัยเงียบทันที
“อ่ะแหนะ เงียบใส่ไอ แสดงว่าสิ่งที่ไอสงสัย เป็นความจริง”
“เรื่องนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับผู้กองเกริกพล เพื่อนรักของผม เพราะมันตายไปแล้ว”
“ว่าไงนะ”
“ฟังนะคุณบื้อ...ไอ้เกริกพลมันโดนพวกเสี่ยอธิปฆ่าตาย ตั้งแต่วันงานเลี้ยงที่สารวัตรไปทำลายแผนการของเรานั่นแหละ! พอพวกนั้นรู้ว่าไอ้เกริกมันปลอมตัวเป็นกรด มันก็ตามล่าไอ้เกริก จนในที่สุดไอ้เกริกก็โดนพวกมันจับได้และถูกพวกมันทรมานจนตาย จนป่านนี้ยังหาศพไม่เจอแม้แต่ปลายนิ้วก้อย ฮือๆๆ” ภัทรดนัยพูดพลางร้องไห้โฮ
“โอเวอร์จริงๆ แค่เพื่อนตาย”
“ถ้าวันนั้นสารวัตรรับมันขึ้นมอเตอร์ไซค์มาด้วยมันคงไม่ตาย...เอาผลตรวจมาได้แล้ว”

ภัทรดนัยแอ๊บร้องไห้ต่อ ดึงซองจากมือมาวินแล้วรีบออกไปทันที มาวินมองตามอย่างขยะแขยง

อ่านต่อหน้า 4




มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 8 (ต่อ)

เต๋ากับเต้ยนั่งอยู่ที่โต๊ะในร้านเบเกอรี กรอกตาตามเค้กที่เดินไปเดินกลับอย่างใช้ความคิด จังหวะหนึ่งเต๋ากับเต้ยมองเค้กแล้วหันมามองหน้ากัน จากนั้นจึงค่อยๆ หยิบช้อนตักขนมเค้กเข้าปาก

“ทำไมถึงไม่ได้ผลละ ปาร์ตี้ริมสระของพวกเธอหน่ะ ทำไมไม่เห็นทำให้คุณกริสน์มีปฏิกริยาอะไรกับชั้นบ้างเลย” เค้กว่า
เต๋ากับเต้ยที่ยังคงคาบช้อนคาปากมองกันตาโต เค้กทิ้งตัวลงนั่งอย่างงอนๆ
“ใครว่าคะ คุณกริสน์กำลังรู้สึกรัก คิดถึง และหลงใหลในตัวพี่เค้กใจจะขาด แต่ไม่กล้าแสดงออก จริงมั้ยเต้ย” เต๋าว่า
“จากประสบการณ์ของเต้ยที่ผ่านมานะคะ คุณกริสน์เนี่ย ลึกๆแล้วเป็นคนขี้อายและอ่อนไหวมาก ตอนนี้คุณกริสน์ต้องกำลังคิดหาทางที่จะบอกรักพี่เค้กอยู่แน่ๆค่ะ” เต้ยรีบสำทับ
เค้กเคลิ้มจินตนาการหวานซึ้ง เต๋าเต้ยรีบจกเค้กกินอย่างเร็ว กลัวเค้กเปลี่ยนใจ

พิมมาดาหอบดอกไม้ออกมาจากหลังร้าน มองไปรอบๆไม่มีใครอยู่ มีเพียงป๊อบคอร์นที่นอนอยู่ตัวเดียว
“หายไปไหนกันหมดเนี่ย”
ป๊อบคอร์นลุกขึ้นไปเห่าที่หน้าประตูดัง โฮ่งๆ พิมมาดาวางดอกไม้บนโต๊ะแล้วเดินไปที่ประตูมองออกไปฝั่งตรงข้าม เห็นเต๋าเต้ยนั่งเมาท์อยู่กับเค้กที่ร้านเบเกอรี่ พิมมาดาถึงกับส่ายหน้าอย่างเซ็งๆ
“อู้งานอีกแล้ว เดี๋ยวจะหักเงินเดือนซะให้เข็ด กินข้าวป๊อบคอร์น”
พิมมาดากำลังจะอุ้มป๊อบคอร์นไปหลังร้าน เสียงประตูหน้าร้านดังขึ้น พิมมาดารีบออกมาต้อนรับ
“สวัสดีคะ เชิญคะ...”
มาวินก้าวเข้ามา พิมมาดาหุบยิ้มทันที
“ทำไมทำหน้าบึ้งใส่เค้าอย่างนั้นละตัวเอง ไม่คิดถึงเค้าเหรอ”
“คิดซิ”
ได้ยินพิมมาดาว่าอย่างนั้นมาวินก็ยิ้มอย่างดีใจ
“คิดว่าคงไม่เอาป๊อบคอร์นไปกินข้าวหลังร้านแล้วล่ะ คนไม่พึงประสงค์มาขนาดนี้” พิมมาดาพูดต่อ
ป๊อปคอร์นเห่ากรรโชกมาวินทันที
“ตัวเองอ่ะใจร้าย ว่าเค้าแรงๆ ตลอดเลย เอาเป็นว่าวันนี้เค้าจะไม่ได้จะมาชวนตัวเองทะเลาะหรอกนะ เค้ามี
เรื่องมาถามตัวเองนิดนึง”
“เรื่องอะไร”
“ช่วงนี้เค้าเห็นผู้ชายตี๋ๆ กล้ามโตๆ มาที่ร้านตัวเองบ่อยๆ มันเป็นใครเหรอ”
พิมมาดาคิดแล้วตอบ
“คุณภัทรดนัยน่ะเหรอ”
มาวินหันหลังให้พิมมาดา
“เป๊ะเลย”
มาวินหันกลับมาหาพิมมาดา
“โอ้ย! เค้าไม่รู้หรอกว่ามันเป็นใคร แต่เห็นมันมาป้วนเปี้ยนแถวร้านตัวเองบ่อยๆ เค้าไม่ชอบอ่ะ”
ป๊อปคอร์นยังคงครางฮือๆ

“นี่มาวิน กรุณาอย่าคิดอกุศล คุณภัทรดนัยเขาแค่มาหาเพื่อนเขาเฉยๆ” พิมมาดาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“มาหาเพื่อนที่ร้านตัวเองเนี่ยนะ มันเป็นเพื่อนกับใครไม่ทราบ เต๋าเต้ยเหรอ หรือว่าป๊อบคอร์น”
ป๊อปคอร์นเห่าโฮ่ง
“หัดพูดจาให้เกียรติคนอื่นบ้างนะ เพื่อนเขาก็คือนายกริสน์พี่เลี้ยงของหลานๆ ฉันเอง”
มาวินกระหยิ่มขึ้นมาทันที
“อ้อ ไอ้พี่เลี้ยงกริสน์ ภัทรดนัยมาหาพี่เลี้ยงกริสน์ ภัทรดนัยเป็นเพื่อนกับกริสน์ แต่ไอ้เกริกพลตายไปแล้ว...ฮุๆๆ ครุคริๆๆ”
มาวินลำดับเรื่องราวและหัวเราะกิ๊กกั๊กกับตัวเอง พิมมาดามองอย่างงงๆ
“แล้วนี่นายกริสน์ไม่อยู่เหรอ”
“เขาก็ไปส่งเด็กๆ ที่โรงเรียนน่ะสิ”

เดชกำลังกินซาลาเปาอยู่ที่ริมรั้วโรงเรียน ทันใดนั้นเดชก็สำลักซาลาเปาแทบติดคอหลังฟังเรื่องอธิปโดนวางยาพิษจากภัทรดนัยและกริสน์
“ว่าไงนะ” ถึงจะสำลักแต่เดชยังเสียงดัง
ภัทรดนัยรีบเข้าไปปิดปากเดช มองซ้ายมองขวาอย่างระแวดระวัง เดชดิ้นขลุกๆ เพราะโดนอุดทั้งซาลาเปาทั้งมือภัทรดนัย
“เบาๆ ซิพี่เดช เดี๋ยวเขาก็ได้รู้กันทั้งโรงเรียนหรอก”
“ก่อนที่เขาจะรู้กันทั้งโรงเรียน ฉันว่าฉันจะตายก่อนนะ ปล่อยๆๆ” เดชเสียงอู้อี้
ภัทรดนัยรู้ตัวรีบเอามือออก เดชคายซาลาเปาออกมา แล้วรีบสูดลมหายใจเข้าอย่างแรง
“อุ้ย! ขอโทษคร้าบ” ภัทรดนัยยกมือไหว้
กริสน์ส่ายหน้าเซ็งๆ เดชค่อยยังชั่ว
“ยาบำรุงในถ้วยนั้น มันคือยาพิษ มีฤทธิ์ทำลายประสาทเหรอ ฉันนี่มันโง่จริงๆ ที่ไม่รู้เลยว่าเสี่ยกำลังตกอยู่ในอันตราย คุณจตุพลทำกับเสี่ยได้ไง ทำไมถึงไม่สำนึกในบุญคุณของเสี่ยที่ชุบเลี้ยงตัวเองมาบ้าง ความกตัญญูรู้คุณน่ะมีบ้างมั้ย ชั้นยังเคยป้อนยาเสี่ยเลย..ชั้นมันคนหรือควายกันแน่ โฮๆ” เดชพูดพลางร้องไห้ฟูมฟายออกมาอย่างน่าสงสาร
“เอาน่าพี่เดช โทษตัวเองไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ ต้องหาทางช่วยเสี่ยไม่ให้กินยาอีก” กริสน์ว่า
“ถูก!! มีแต่พี่เท่านั้นที่จะปกป้องเสี่ย ให้พ้นจากเหล่าร้ายและภยันตรายทั้งปวง” เดชเสียงมุ่งมั่น
“เกินจริงตลอดเลยตาคนนี้” ภัทรดนัยพูดพลางส่ายหน้า
กริสน์กอดคอ ทุกคนมาสุมหัวช่วยกันคิดหาวิธี
“แต่ต้องจำไว้ว่า เรื่องนี้คือความลับสุดยอด ห้ามให้เรื่องแพร่งพรายเด็ดขาดแม้กระทั่ง...”
กริสน์มองหน้าเดช เดชพยักหน้ารับทราบ

ช่วงเวลาพักตอนกลางวัน โอปอล์นั่งดูโจ๊กซ้อมมวยอยู่ ขณะนั้นเด็กบางส่วนนั่งซึมกระทือไม่
ค่อยมีพลังงาน บางคนล้มลงนอนหงายท้อง เหมือนเต่าทอง เด็กหลายคนนั่งหลับสัปหงก เสียงเพลงแด๊นซ์สนุกสนานดังขึ้น แจ๊สหูผึ่งทันที
“ขอให้นักเรียนทุกคนไปรวมตัวกันที่เวทีเล็กข้างสนาม เพื่อชมโชว์จากชมรม Star Dance ค่ะ...ขอให้นักเรียนทุกคนไปรวมตัวกันที่เวทีเล็กข้างสนาม เพื่อชมโชว์จากชมรม Star Dance คะ ขอบคุณคะ” เสียงของครูฟ้าใสประกาศ
เด็กๆ วิ่งกรูไปที่เวที แจ๊สวิ่งผ่านโอปอล์และโจ๊กไปอย่างรวดเร็ว
“พี่แจ๊ส!” โอปอลล์เรียก

เด็กๆ วิ่งกรูเข้ามาออกันที่หน้าเวทีข้างสนามกีฬาของโรงเรียน แจ๊สตีตั๋วริงไซด์โดยมีจีจ้ายืนอยู่ข้างๆ โชว์ของชมรม Star Dance เริ่มต้น สมาชิกในชมรมวาดลวดลายกันอย่างเต็มที่ แจ๊สมองเพื่อนบนเวทีอย่างตื่นเต้น ชื่นชอบสุดๆที่มุมหนึ่ง ปาล์มใส่แว่นดำ วาดลวดลายตามสาวๆ บนเวทีไปด้วย ลีลาอย่างเด็กเมายาเต้นตามงานสงกรานต์
แจ๊สตกอยู่ในภวังค์นิ่งไม่ขยับ อินไปกับโชว์
“ชั้นต้องทำให้ได้” แจ๊สบอกกับตัวเอง
การแสดงจบลงด้วยท่าที่สมาชิกชมรมโพสต์ท่าอย่างเท่ห์ ทุกคนปรบมือ แจ๊สปรบมือแรงและดังกว่าใครเพื่อน ครูฟ้าใสขึ้นมาบนเวที
“Excellent! very good. I really proud of you , my students. ครูภูมิใจในตัวนักเรียนจริงๆ และนี่คือทีมจากชมรม Star Dance ที่จะเป็นตัวแทนโรงเรียนของเรา ขึ้น Show on a big stage.บนเวทีใหญ่ในงานวันเยาวชนแห่งชาติที่กำลังจะมาถึงนี้ ใครอยากจะไปร่วมเชียร์ ให้กำลังใจ Our friends เพื่อนๆ ของเรา ก็ไปได้นะจ๊ะ” ครูฟ้าใสชื่นชมสุดๆ
แจ๊สยกมือทันที
“หนูไปค่ะ หนูไป”
“Ok จ้ะ Tell น้าพิมเลยนะจ๊ะ อ้อ จะให้ดีชวน your baby sister ด้วยนะ” ครูฟ้าใสบอก
“เอาอีกละ เอ่อ ครูฟ้าใสครับ อย่าส่วนตัวครับ มันดูไม่ดี” ครูพงษ์พัฒน์พูดเสียงดัง
“ยุ่ง! not your business”
ขณะนั้น หนึ่งในสมาชิกชมรมที่อยู่บนเวทีก็หมุนตัวแล้วลงไปนอนหงายเป็นเต่าทอง ทุกคนตกใจ
“What’s happened with her? เพื่อนเป็นอะไรไปเนี่ย” เสียงครูฟ้าใสตกใจมาก
“ไม่ต้องตกใจค่ะครู ไม่ต้องตกใจนะคะทุกคน เดี๋ยวอีกสองสามชั่วโมงหญิงก็หายค่ะ ไม่เป็นไรเลย” นักเรียนคนหนึ่งพูดขึ้น
ครูพงษ์พัฒน์ช่วยประคองหญิงลงจากเวที ครูฟ้าใสมองตามอย่างเป็นกังวล

ครูพงษ์พัฒน์นั่งประชุมร่วมกับครูคนอื่นในโรงเรียนอยู่ในห้องประชุมของโรงเรียน ครูฟ้าใสเดินไปเดินมาตรงหัวโต๊ะหน้าตาเคร่งเครียด
“This is serious! เราจะต้องช่วยกันหาสาเหตุให้เจอ ว่าทำไมพวกเด็กๆถึงได้มีอาการแปลกๆ และน่ากลัวแบบนี้? What’s wrong with them? ” ครูฟ้าใสพูดขึ้น
“แต่ครูบอกว่าไม่ให้ทุกคนพูดถึงเรื่องนี้ไม่ใช่เหรอครับ” ครูพงษ์พัฒน์พูด
“Yes ใช่ค่ะ Don’t speak but…but แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า..เราจะไม่ดูแลนักเรียนของเรานะคะ” ครูฟ้าใสบอก
“พ่อแม่ของเด็กที่มีอาการ ก็พาลูกเขาไปตรวจแล้วก็ไม่พบอะไรนี่คะ” ครูคนหนึ่งที่ร่วมประชุมด้วยพูดขึ้น
ครูฟ้าใสถอนใจ ครูพงษ์พัฒน์ลุกขึ้นแล้ววิ่งวนไปวนมา จากนั้นก็ลงไปนอนหงายท้อง หัวเราะคิกคักเหมือนเต่าทอง
“ครูพงษ์พัฒน์เป็นอะไรคะ Are you alright?” ครูฟ้าใสตกใจ
ครูพงษ์พัฒน์ลุกขึ้น
“ไม่เป็นไรครับ ผมแค่อยากลองดูว่า อะไรทำให้เด็กๆ มีอาการแบบนี้ เลยลองทำตามดูเผื่อจะคิดออก”
“Thank you. แต่ทีหลังไม่ต้องนะ” ครูฟ้าใสบอก
ครูพงษพัฒน์จ๋อย
“เอาละ ยังไงก็ต้องฝากทุกคนให้เป็นหูเป็นตากันด้วยนะคะ เด็กๆทุกคนเปรียบเหมือนลูกๆของเราเอง ถ้ามีอะไรที่ดูแล้วแปลกๆ ไม่ชอบมาพากล Please, report me immediately. Ok? รายงานให้พี่ทราบด่วนที่สุด” ครูฟ้าใสว่า
คุณครูทุกคนรับทราบ

เดชรีบกลับมาหาอธิปอย่างร้อนใจ เวลานั้นกำลังก้มลงซุบซิบอยู่ข้างหูมาเฟียกลับใจ ที่นั่งฟังตาโตอยู่บนรถเข็น
“ตกลงตามนี้นะครับเสี่ย” เดชทำมือโอเคให้เสี่ย
เสี่ยอธิปทำมือโอเคตาม
“ตกลงซิ ตกลง ถ้าเป็นภาระกิจช่วยโลกละก็คนอย่างฉันทำอยู่แล้ว”
จตุพลและน้อมพงษ์เข้ามาในห้อง น้อมพงษ์ยกแก้วใส่ยาบำรุงเข้ามา เดชรีบลุกไปยืนอยู่ห่างๆ
“ก่อนที่อากู๋จะไปช่วยโลก อากู๋ต้องดื่มยาบำรุงเพื่อช่วยให้ตัวเองแข็งแรงขึ้นก่อนนะครับ”
“สมกับสำนวนโบราณที่ว่า..ปากปราศรัย น้ำใจเชือดคอ..จริงๆ” เดชพึมพำกับตัวเอง
“บ่นอะไรงึมงำๆ ฮะ ไอ้เดช” น้อมพงษ์ถาม
“ผมร้องเพลงครับ ไม่ได้บ่น” เดชบอก
“อารมณ์ดีจริงนะ อารมณ์ดีจนฉันชักจะหมั่นไส้ละ” จตุพลบอก
จตุพลมองหน้าเดชอย่างเหี้ยมๆ เดชหลบตาหน้าเจื่อน
“ดื่มยาดีกว่าครับเสี่ย เดี๋ยวจะชืดซะหมด” น้อมพงษ์บอก
เสี่ยอธิปพยักหน้าหงึกๆ เอื้อมมือสั่นๆ ไปหยิบแก้วยา แล้วซดทีเดียวหมดแก้ว จตุพลอมยิ้มอย่างพอใจ เสี่ยอธิปวางแก้วเปล่าลงบนถาด แล้วยิ้มให้จตุพลทั้งๆ ที่ยังแอบอมยาอยู่ไม่ยอมกลืน
“อย่าอมยาซิครับอากู๋ กลืนลงไปเลยเดี๋ยวฟันผุ”
เสี่ยอธิปมองเดช เดชพยายามขยิบตาให้เสี่ยอย่ากลืน เสี่ยหันมามองทางจตุพล
“กลืนซิครับ บอกให้กลืน” น้อมพงษ์สั่งเสียงเน้น
“บอกให้กลืนๆไง พูดไม่รู้เรื่องรึไง แล้วแบบนี้เมื่อไหร่จะหาย หา อากู๋” จตุพลบอก
เสี่ยอธิปเริ่มรู้สึกกลัวจตุพล สบตาเดชอีกครั้ง แล้วตัดสินใจจะกลืนยา ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์
ของจตุพลที่น้อมพงษ์ถือก็ดังขึ้น น้อมพงษ์รับโทรศัพท์
“ว่าไง ใครมาที่โรงงานนะ อ๋อ..นายครับ..จากผู้จัดการครับ เรื่องด่วนมาก” น้อมพงษ์คุยทางโทรศัพท์
จตุพลคว้าโทรศัพท์ไป
“ว่าไง...เหรอ...มีคนจะซื้อเฟรนชายส์เพิ่มอีกเกือบสิบเจ้าเลยเหรอ จริงดิ?....ฮ่าๆๆๆ...แล้วนี่มีใครรายงานท่านหรือยัง?...รีบรายงานซิ ความดีความชอบทั้งนั้น”
จตุพล น้อมพงษ์ ลั้นลาดี๊ด๊า เลิกสนใจเสี่ยอธิป
เดชรีบเดินแฉลบเข้ามาหาเสี่ยอธิปแล้วพยายามจะหาทางให้เสี่ยบ้วนยาออกมา
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวฉันรายงานท่านเอง...ดีๆๆ...จัดไปๆ ฮ่าๆๆ”
จตุพลกำลังจะวางสาย เดชยิ่งลนเข้าไปใหญ่ เสี่ยอธิปทำมือให้เดชหันหลัง เดชงงๆ เสี่ยรีบพยักหน้าให้เดชหันหลังให้ด่วน เดชรีบหันหลังให้ เสี่ยอธิปพ่นยาใส่กางเกงบริเวณก้นเดชทันที เดชสะดุ้งพอดีกับจตุพลวางหู แล้วหันมาหาเสี่ยพอดี
เสี่ยอธิปเปิดปากยิ้มให้
“ดีมากครับกู๋ กินยาจะได้แข็งแรงนะครับ”
”ใช่ครับ เออ...” น้อมพงษ์พูดแล้วหันไปพูดกับจตุพลต่อ
“เรารีบไปวางแผนร่างสัญญาขยายแฟรนไชส์กันดีกว่าครับ”
“ถูก”
ทั้งสองเดินออกจากห้องไป
“นี่ฉันทำสำเร็จแล้วใช่มั้ย? ใช่มั้ยๆๆ” เสี่ยอธิปปรบมือดีใจ
“ใช่ ครับเสี่ยเก่งมาก แต่คราวหลังต้องบ้วนยาใส่กระโถนนะครับไม่ใช่ใส่ตูดผม” เดชบอก
“โอเคๆ” เสี่ยอธิปพูดพลางยกมือทำท่าโอเค

เต๋า กับเต้ย จัดดอกไม้ใส่แจกันอยู่ ประตูร้านเปิดพร้อมกับที่ฉัตรชัยก้าวเข้ามา เต๋าเต้ยดี๊ด๊าคิดว่าสุขสันต์มา
หาพิมมาดา เต๋าตะโกนไปหลังร้าน
“อุ้ยๆๆ พี่พิมขา คุณสุขสันต์มาค่ะ”
“จ้ะ” เสียงพิมมาดารับคำจากหลังร้าน
ระหว่างนั้นคนที่ก้าวตามเข้ามาคือแพรวพิลาศ เต๋าเต้ยหน้าตึงทันที
พิมมาดาอุ้มป๊อบคอร์นออกมาจากหลังร้าน
“คุณแฮปปี้มาหาพิมแต่วันเชียว” .พิมมาดายิ้มกว้าง แต่เมื่อเห็นแพรวก็ชะงักทันที
“คุณแพรวพิลาศ”
“เมื่อกี้เธอเรียกใครว่า แฮบปี้? คุณสุขสันต์เหรอ อ๊าย...” แพรวพิลาศเสียงแข็ง
“ฮะแฮ่ม! คุณแพรวครับ...ซึม เศร้า เหงาเพราะรักครับ” ฉัตรชัยกระซิบเตือนแพรว
แพรวพิลาศรู้ตัว รีบตีหน้าสลดทันที
“คุณแพรวเชิญออกจากร้านชั้นได้แล้วค่ะ” พิมมาดาเสียงแข็ง
“บอกไว้ก่อนนะพวกเราไม่ยอมให้ข่มเหงกันอีกแน่...เต๋า! โทรเรียกพี่เค้กมาสมทบด่วน” เต้ยสั่ง
เต๋ายกหูโทรศัพท์ แพรวพิลาศปล่อยโฮร้องไห้ออกมา ทุกคนอึ้ง!
“ร้องไห้ทำไมยะ? พวกเรายังไม่ทันทำอะไรเลย” เต๋าพูด
แพรวพิลาศเดินเข้าไปหาพิมมาดา กระแทกเต้ยที่ขวางอยู่ แพรวพิลาศจับมือพิมมาดาขึ้นมา
แพรวพิลาศถอดแว่นดำออกเห็นขอบตาบวมช้ำ
“ฉันไม่ได้จะมาหาเรื่องเธอนะ ฉันจะมาขอโทษ และจะมาบอกเธอว่า ฉันยอมแล้ว ฉันยอมแพ้ ฉันยอมหลีกทางให้เธอกับคุณสุขสันต์”
“คุณแพรวพิลาศ” พิมมาดาไม่เชื่อหูตัวเอง
“ฉันรู้ ฉันทำผิดกับเธอมามาก ฉันควรจะเข้าใจซะทีว่า ถ้าคุณสุขสันต์เขาไม่รักฉันแล้ว ฉันจะพยายามยังไงมันก็ไม่มีประโยชน์ ฝากดูแลผู้ชายคนนี้เหมือนฉันดูแลอยากให้เธอคอยแคร์รักและจริงใจทุกๆนาที รักเขาให้มากกว่าฉัน”
แพรวพิลาศพูดแล้วเริ่มร้องเป็นเพลง
ป๊อบคอร์นเฮ่าขัดขึ้น โฮ่ง!
“ฉันคงมากวนเธอครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย..เราเป็นเพื่อนกันได้ใช่มั้ย”
“ได้ซิคะ คุณแพรวพิลาศ”
แพรวพิลาศทำท่าจะเข้ามากอดพิมมาดา แต่ป๊อบคอร์นแยกเขี้ยวขู่ แฮ่! แพรวพิลาศชะงัก
“หยุดนะป๊อบคอร์น”
“ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจ ฉันไปละนะ”
แพรวพิลาศสวมแว่นดำแล้วปรายตามองไปที่พิมมาดา เต๋า เต้ย ทีละคน ก่อนจะเดินออกไปจากร้านอย่างคอตกสุดๆ ฉัตรชัยตีหน้าเศร้าเดินตามออกไป พิมมาดามองตามอย่างเห็นใจสุดๆ แพรวพิลาศซึ่งหันหลังให้พิมมาดาแสยะยิ้มที่มุมปาก สบตากับฉัตรชัยที่อมยิ้มเหี้ยมๆ

“เรื่องจริงเหรอเนี่ย” เต้ยวิ่งไปถามเต๋าภายในร้าน
เต๋าหยิกแก้มเต้ย จนเต้ยร้อง โอ้ย!
“เออ จริงอ่ะ” เต้ยบอก

ลังบรรจุขนมสวีทโอปอลล์ถูกเปิดออก มีขนมสวีทโอปอลล์ห่อเล็กๆมากมายอยู่ข้างใน ปาล์มกับสมุนก้มมองลังขนมอยู่อย่างกระหายมากอยากกิน ทุกคนดูอิดโรยน่ากลัวขึ้นทุกที
“จะมามุงกันทำไม ไปยืนห่างๆ เดี๋ยวฉันแจกให้เอง” ปาล์มด่าสมุน
สมุนปาล์มรีบมายืนเรียงแถวหน้ากระดาน ปาล์มหอบขนมขึ้นมาแล้วแจกให้คนละห่อ ขนมถูกวางลงบนมือของสมุนทีละคน ท้ายแถวปาล์มเห็นจีจ้ายิ้มแฉ่งยืนเนียนยื่นมือมารับขนมอยู่ ปาล์มชะงักไม่ยอมให้
“เฮ้ย! มายืนเนียนเอาขนมนี่หว่า” ปาล์มโวย
“ก็เห็นพี่กำลังแจกอยู่ เลยคิดว่าพี่น่าจะมีน้ำใจ แบ่งขนมสวีทโอปอให้น้องตัวเล็กกินบ้าง” จีจ้าบอก
“งั้นน้องก็คิดผิดแล้วละ” ปาล์มบอก
“ใช่ คนอย่างพี่น้องปาล์มไม่มีน้ำใจหรอกจะบอกให้” สมุนปาล์มคนหนึ่งบอก
ปาล์มเขกหัวสมุน
“ เรียกว่า เลือกที่จะมีน้ำใจเป็นกรณีๆไปต่างหากเว้ย”
“อยากกินก็ไปซื้อเอง หรือถ้าไม่มีปัญญา ก็นั่งดูยืนดูพี่กินไปพลางแก้อยากไปก่อนก็ได้นะน้อง ฮ่าๆ” ปาล์มหันมาพูดกับจีจ้า
จีจ้ากำหมัดมองพวกปาล์มอย่างแค้นๆ

กริสน์จอดรถรอเด็กๆอยู่ที่หน้าโรงเรียน กำลังเอากระดาษโค้ดลับมาเพ่ง พยายามครุ่นคิด หาทางถอดรหัส กริสน์พยายามเอาส่องกับแดด-กลับหัวกลับหางดู-ลองพับกระดาษเพื่ออ่าน แต่ก็อ่านไม่ได้
“พวกแกนัดกันที่ไหนๆๆ สุขสันต์..ชั้นต้องถอดรหัสให้ได้..มันต้องมีทริคอะไรบางอย่าง เพื่อใช้ถอดรหัสนี้ มันคืออะไรๆ เฮ้อ..อะไรวะๆๆ”
แจ๊สเดินหน้ามุ่ยนำจีจ้าที่เดินตามแทบไม่ทัน โจ๊กสะพายเป้เดินหน้าเซ็งๆตามมาข้างหลัง
“เสียศักดิ์ศรี ขายขี้หน้ามาก ไปขอขนมไอ้อ้วนดำกินได้ยังไง” แจ๊สพูดขึ้น
“ก็จีจ้าอยากลองชิมดูบ้างอ่ะ เข้าแถวรับขอแจกก็ไม่เคยทัน กะจะไปซื้อกินก็” จีจ้าบอก
“ไม่ได้! ขนมสวีทโอปอ แพงจะตาย พวกเราไม่ได้เป็นลูกเศรษฐี แต่เป็นหลานน้าพิมนะ ต้องรู้จักประหยัด” แจ๊สพูดแทรกทันที
“พี่โจ๊กบอกพี่โอปอลล์ ให้บอกคุณพ่อลดราคาขนมหน่อยไม่ได้เหรอ” จีจ้าหน้าจ๋อยๆ หันไปคุยกับโจ๊ก
“บอกแล้วจะรู้เรื่องอะไร อย่าลืมซิคุณพ่อของพี่โอปอลล์เขากำลังไม่สบายอยู่นะ” โจ๊กบอก
“จริงด้วย....แต่ว่าพี่โจ๊กสนิทกับพี่โอปอลล์นี่นา ทำไมไม่ขอขนมมาแจกพี่น้องบ้างอ่ะ หรือพี่โจ๊กแอบเก็บไว้กินคนเดียว” จีจ้าแนะ
“ขนมแบบนั้น พี่ไม่ได้อยากกินเท่าไหร่หรอกนะ อีกอย่างพี่เป็นผู้ชาย ไปขอขนมผู้หญิงกินอ่ะ ก็เสียศักดิ์ศรี พอๆกับไปขอขนมไอ้ปาล์มนั่นแหละ”
“อย่าตะกละน่ะจีจ้า” แจ๊สบอก
จีจ้าเซ็งสุดๆ ทันทีที่กริสน์เห็นเด็กๆ เดินมา ก็ลงจากรถมาหา
“คุยเรื่องอะไรกันอยู่เหรอเด็กๆ หน้าตาบู้บี้เชียว” กริสน์ถาม
“เรื่องของเด็ก” โจ๊กบอก
“ผู้ใหญ่ไม่เกี่ยว” แจ๊สพูดต่อ
โจ๊กกับแจ๊สขึ้นรถไปด้วยสีหน้าเมิน จีจ้ามองหน้ากริสน์ทำปากขมุบขมิบเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง โจ๊กชะโงกหน้าออกมาจากหน้าต่างรถ
“ จีจ้า! อย่าไปพูดด้วย จบเรื่องน้าเค้ก ก็จบหน้าที่” โจ๊กเสียงแข็ง
จีจ้ารีบเปิดประตูขึ้นนั่งรถทันที กริสน์ส่ายหน้าอย่างเซ็งๆ

ภัทรดนัยมาที่ร้านเค้กอย่างอารมณ์ดี กำลังจะเปิดประตูร้าน แต่ประตูร้านเปิดออกซะก่อน เค้กยืนขวางประตูอยู่ในมือถือเค้กก้อนโต
“เข้าไม่ได้” เค้กบอก
“ร้านปิดเหรอครับ” ภัทรดนัยถาม
“ไม่ได้ปิด แต่ร้านฉันห้ามสัตว์เลี้ยงเข้า” เค้กบอก
“โอ้ย..แรงอ่า แต่ไม่เป็นไรครับเข้าไม่ได้ ก็ยืนอยู่ตรงนี้แหละยืนระยะประชิดแบบนี้ หัวใจผมก็เต้นแรงเหมือนได้กินกาแฟแล้วครับ” ภัทรดนัยพูดและยืนกรุ้มกริ่มอยู่
“ไอ้ๆๆ...ไอ้บ้า” เค้กหน้าแดงเดินถอยหลัง
เค้กชะงักมองไปฝั่งตรงข้าม ภัทรดนัยมองตามเห็นตำรวจ 2-3 นายเปิดประตูเข้าร้านพริมโรสไป
“นั่นตำรวจเข้าไปในร้านยัยพิมทำไมตั้งเยอะแยะ” เค้กพูดขึ้นลอยๆ แต่ภัทรดนัยสีหน้าครุ่นคิด

ตำรวจ 2-3 นาย เปิดประตูร้านเข้ามา เต๋าเต้ยรีบออกมาต้อนรับ ป๊อบคอร์นเห่าใหญ่ ทันทีเพราะเห็นตำรวจ
“น้องป๊อบเงียบๆก่อนคะ คุณตำรวจจะมาสั่งดอกไม้เหรอคะ เอาแบบไหนดีเอ่ย”
“ผมไม่ได้มาสั่งดอกไม้ครับ แต่ผมจะมาขอตรวจบัตรประชาชน” ตำรวจบอกพลางชูหมายค้น
“ตรวจทำไมคะ” พิมมาดาถามขึ้น
“พนักงานในร้านของคุณมีเท่านี้ใช่มั้ยครับ” ตำรวจถาม
พิมมาดางงๆ
“ก็มีหนู หนูชื่อเต้ย มีเต๋า แล้วก็พี่กริสน์อีกคนค่ะ” เต้ยบอกประสาซื่อ
“กริสน์หรือครับ” ตำรวจสบตากัน

ภัทรดนัยกับเค้กที่ยืนอยู่หน้าร้าน ภัทรดนัยนึกออกทันทีว่างานเข้า ยกนาฬิกาขึ้นมาดูนาฬิกาข้อมือบอกเวลาสี่โมงเย็น
“หรือว่าตำรวจจะมาตามหากริสน์ ไอ้มาวิน ต้องเป็นมันแน่ๆ ไอ้กริสน์..ซวยแล้ว จวนจะกลับมาถึงแล้ว! ต้องบอกให้มันไปที่อื่นก่อนดีกว่า”
ภัทรดนัยรีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดอย่างรีบร้อน เค้กมองพฤติกรรมของภัทรดนัยอย่างงงๆ ภัทรดนัยงุ่นง่านกริสน์ไม่ยอมรับโทรศัพท์ ภัทรดนัยกดสายทิ้ง
“ตลอดๆๆ เวลามีเรื่องไม่เคยรับสายตลอด”

ตำรวจยื่นบัตรคืนให้เต้ย
“เรียบร้อยแล้วครับ ส่วนพี่เลี้ยงเด็กของคุณอีกคนหนึ่งจะกลับมาเมื่อไหร่” ตำรวจถาม
“เขาไปรับเด็กๆกลับจากโรงรียนน่ะคะ อีกแป๊บคงถึงแล้ว มีอะไรคะ” พิมมาดาบอก
“ไม่มีอะไรครับ แต่เราได้รับรายงาน ว่าแถวนี้ มีพวกต่างด้าวผิดกฎหมาย ชอบมาสวมบัตรประชาชนคนไทย ทำงานขายแรงงานเถื่อน เราก็แค่..อยากดูบัตรประชาชนของทุกคน ว่าเป็นของจริงหรือปลอม..เท่านั้นแหละครับ” ตำรวจพูดเฉไฉ
ภัทรดนัยอยู่ที่ร้านเบเกอรี่ เห็นรถพิมมาดาแล่นเข้าไปจอด
“เนื้อกำลังจะเข้าปากเสือแล้วทำไงดีวะ” ภัทรดนัยบ่น
“เย้...คุณกริสน์กลับมาแล้ว” เค้กบอก
ภัทรดนัยมองเค้กแล้วตัดสินใจ
“เอาวะ”
ภัทรดนัยคว้าเค้กมากอด แล้วปล้ำจูบเค้กทันที เค้กตกใจร้องกรี๊ดๆๆ เอาเค้กก้อนใหญ่โป๊ะไปที่หัว ภัทรดนัย ทุกคนในร้านพิมมาดาหันมามองฝั่งตรงข้ามเป็นตาเดียว
“เสียงเค้กนี่! เกิดอะไรขึ้นน่ะ” พิมมาดาพูดขึ้น
ภัทรดนัยปล้ำไม่ยอมปล่อย
“กรี๊ดๆ นี่นายทำอะไรฉัน ปล่อยนะ ช่วยด้วยคะ ช่วยด้วย” เค้กร้องส่งเสียงดัง
“เรียกให้ตำรวจช่วยสิ กลัวผม..ก็เรียกตำรวจให้มาจะจับผมเร็ว..ไม่งั้น ผมข่มขืนคุณจริงนะ “ ภัทรดนัยบอก
“กรี๊ดด...ตำรวจๆๆช่วยด้วย ตำรวจเร็วๆๆ ช่วยด้วย มันจะข่มขืนช้าน” เค้กกรีดร้องโวยวาย
กริสน์ที่อยู่ในรถกับเด็กๆ เห็นเหตุการณ์เข้าพอดี มองอย่างงงๆ ทันใดนั้นตำรวจ 2-3 นายที่อยู่ในร้านพริมโรส ก็พุ่งออกมา กริสน์เห็นพอดีรีบก้มหลบในรถทันที ภัทรดนัยกอดเค้กอยู่หมุนมาอีกฝั่งเพื่อให้ตัวเองอยู่ตรงข้ามกับกริสน์
“ปล่อยนะไอ้บ้ากาม! ช่วยด้วย! คุณตำรวจมาจับมันเข้าคุก เข้าขัง 8 ไปเล้ยค่ะ ! กรี๊ดๆๆ”
ภัทรดนัยตะโกนแข่งกับเค้กอย่างท้าทายและยิ่งกอดเค้กแน่น
“ตำรวจ ตำรวจมา ตำรวจจะมาจับช้านเหรอ! จ้างก็ไม่กลัวตำรวจเว้ย แน่จริง มาจับสิวะ อะโด่ ไม่กล้าอ่ะดิ รู้ป่าว ว่าอั๊วลูกใคร ไม่รู้หรอ อั๊วะก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ ว่ะฮ่ะๆๆ ล่อแล่ๆๆ จับได้ให้สิบตังค์ๆ”
ภัทรดนัยพูดพลางแล่บลิ้น แหกตา หลอกล่อ พยายามให้ตร.โกรธมากๆ
“แบร่ๆๆ ตำรวจขี้แย กาละแมติดตูด ข้าวเหนียวบูดๆติดตูดตำรวจ”
ตำรวจพากันโมโห วิ่งไล่จับภัทรดนัยไป
“จับมันให้ได้ค่ะ จับมันเลยๆ” เค้กเร่งเร้า
ภัทรดนัยวิ่งล่อสุดฝีเท้า นำพวกตร.วิ่งไล่ล่ากัน หายไป ทุกคนงงๆ กริสน์โผล่หัวมาจากที่หมอบในรถ อย่างเข้าใจ

กริสน์เดินมาที่หน้าต่างในห้องซึ่งอยู่ในบ้านพิมมาดา กริสน์เห็นภัทรดนัยที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ กริสน์กำลังทำแผลจากการหนีตำรวจจนโดนลวดหนามและต้นไม้ข่วนตามแขน ขา คอให้อยู่
“อูย...เบาๆ”
“ไอ้มาวิน..มันคิดจะเล่นฉันเหรอ ดี”
“เบาๆ...ดีเหรอ...ที่ไอ้มาวินมันดมกลิ่นแกมาใกล้ขนาดนี้แทนที่แกจะระวังตัวกลับบอกว่า ดี”
“ไอ้นี่มันทำเราลำบากหลายหนแล้ว ไม่ใช่เหรอวะ”
“โอ๊ย...ใช่”
“ชั้นสะแกนกรรมมันเรียบร้อยแล้ว ชั้นคิดว่า..ถึงเวลา..ที่มันจะแก้กรรมของมันได้แล้วว่ะ”
“แล้วที่ชั้นโดนลวดหนาม ต้นไม้ตำนี่เพราะแกแก้กรรมให้ชั้นใช่ไหมวะ”

สุขสันต์คุยโทรศัพท์อยู่ในคฤหาสน์
“คุณพิม ถ้าคุณพิมรักหลาน ผมก็ต้องดูแลหลานๆคุณให้ดีที่สุดสิครับ งั้นตกลง..ลองวีคเอ็นด์ วันหยุดยาวนี้..เราไปเขาใหญ่ก็แล้วกันนะครับ ผมมีบ้านพักตากอากาศอยู่ แถมที่นั่นยังมีกิจกรรมผจญภัยเยอะแยะ พวกเด็กๆน่าจะชอบนะครับ” สุขสันต์บอก
“คุณใจดีที่สุดเลยค่ะ คุณแฮปปี้ เด็กๆต้องดีใจ อยากไปกันมากๆแน่ๆเลยค่ะ” พิมมาดาซึ้งใจ
สุขสันต์วางสายไปแล้ว แต่หารู้ไม่ว่า แพรวพิลาศยืนอยู่ทางด้านหลังแอบฟังอยู่ได้แต่กัดกรามแน่น

“แจ๊สไม่อยากไป” แจ๊สพูดขึ้นในห้องนั่งเล่นที่บ้านของพิมมาดา
“โจ๊กก็เหมือนกัน ไปเที่ยวกับนายทุกข์ระทมนั่นไม่เห็นมีอะไรน่าสนุก” โจ๊กบอก
“การไปเที่ยวของเรากับคุณแฮปปี้ก็เพื่อสานความสัมพันธ์สมานฉันท์กันในครอบครัว ฉะนั้นต้องอาศัยความร่วมมือจากพวกเราทุกคน อย่าทำให้น้าผิดหวังนะ แจ๊ส โจ๊ก จีจ้า และก็ป๊อบคอร์น”
พิมมาดาพูดเน้นเสียงแล้วหันหลังจะเดินกลับขึ้นไปข้างบน แต่แล้วก็หยุดหันกลับมาพูดต่อ
“ไม่อย่างนั้น ทุกคนก็เตรียมตีตั๋วเครื่องบินไปโรงเรียนประจำบนเขา ที่ประเทศอินเดียกันได้เลย”
พิมมาดาขู่สำทับ แล้วเดินยิ้มขึ้นไปข้างบน แจ๊สกับโจ๊กมองหน้ากันเจ็บใจ
“ไม่เข้าใจเล้ย นายคนนั้นมีอะไรดี” โจ๊กบ่น
“รวยไง” จีจ้าพูดขึ้น
แจ๊ส กับโจ๊ก หันมามองจีจ้าเป็นตาเดียว
“ถ้าน้าพิมแต่งงานกับเขา น้าพิมก็จะรวยด้วย” จีจ้าแสดงความเห็น
“แล้วมันดียังไง” แจ๊สสงสัย
“เราก็จะได้ใช้เงินฟุ่มเฟือย ทำตัวเป็นเบ่งคับโรงเรียน ได้จอดรถที่ห้ามจอดหน้าโรงเรียนได้ กินขนมราคาแพง แบบนายปาล์มซักกี่ลังๆก็ได้ ดีมั้ยล่ะ” จีจ้าพูด
“เป็นแบบนายปาล์มเนี่ยนะ อี๋..แหวะ” โจ๊กไม่เห็นด้วย

“รวยแบบนั้นนะ ขออยู่แบบนี้ดีกว่า ไร้ค่าสิ้นดี” แจ๊สบอก

จบตอน 13



มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 5
มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 5
ท้ายรถกระบะของพิมมาดาที่จอดอยู่ในที่จอดรถบ้านสุขสันต์ ใบหน้าของพวกเด็กๆ โผล่พ้นชายผ้าใบออกมาสลอน แต่ทั้งสามคนดันหลับอยู่! ป๊อปคอร์นเลียจีจ้าเพื่อปลุกให้ตื่น แต่จีจ้าไม่ตื่น ป๊อปคอร์นจึงหันไปเลียแจ๊ส แจ๊สสะดุ้งตื่น “อุ๊ย” แจ๊สมองไปรอบๆ “โจ๊ก จีจ้า ตื่นๆๆ เรามาถึงบ้านนายสุขสันต์แล้ว” “ถึงแล้วเหรอ” โจ๊กพูด “จีจ้าปวดฉี่” “ชู่ว์...” แจ๊สให้น้องเงียบ “เสียงอะไร” ยามทักแล้วเดินเข้ามาดูๆ แจ๊สรีบเอาผ้าใบคลุมทุกคนไว้ ยามเดินเข้ามาใกล้ พอไม่เห็นอะไรก็เดินกลับไป “แอบตามมาอย่างนี้ ถ้าน้าพิมรู้เข้า..ตายหยังเขียด” จีจ้าว่า
กำลังโหลดความคิดเห็น