มือปราบพ่อลูกอ่อนตอนที่ 7
“ฮัดเช้ว” จู่ๆ สุขสันต์ก็จามเสียงดังออกมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย “...มา ว่ากันต่อ” ฮิมรีบเข้ามาเช็ดปาก แล้วเอากระจกมาให้ส่องกลัวจะดูไม่ดี
“ก็อยากที่บอกท่านครับ ตอนนี้ขนมของเรากระจายออกจากจุดศูนย์กลาง นั่นก็คือร้านสวีทโอปอล์นี้ ซึ่งขนมที่ออกไปก็จะปนทั้งแบบปกติและก็แบบพิเศษ เพื่อป้องกันการสุ่มตรวจของรัฐ” จตุพลรายงาน
“ผมว่าป่านนี้ เด็กๆ กว่าค่อนกรุงเทพฯคงจะได้ชิม สวีทโอปอล์ ของเราแล้วแหงๆ ครับ” น้อมพงษ์ว่า
สุขสันต์หัวเราะร่าด้วยความชอบใจ
“อยากเห็นแล้วว่าเยาวชนที่ได้ชิมสวีทโอปอล์แบบพิเศษเนี่ย จะมีอาการเป็นยังไง? ฮ่าๆๆๆๆ”
จตุพลกับน้อมพงษ์ ฉัตรชัยกับฮิม ต่างหัวเราะผสมโรงไปด้วย แถมไม่มีใครยอมใคร แข่งกันเสียงดัง
บรรยากาศหน้าโรงเรียนในตอนเช้า วันต่อมา มีพนักงานของร้านขนมสวีทโอปอล์ แต่งชุดมาสค็อต มายืนแจกตัวอย่างขนมอยู่หน้าโรงเรียน เด็กๆ เข้าแถวรับแจกขนมกันยาวเหยียด แจ๊สกับจีจ้ายืนเข้าแถวรออยู่ด้วย
“จะได้ชิมขนมสวีทโอปอล์มั้ยเนี่ยพี่แจ๊ส? จะเคารพธงชาติอยู่แล้ว” จีจ้าบ่นอุบ
จู่ๆ ปาล์มกับสมุนก็เข้ามาแทรกตัดหน้าแจ๊สกับจีจ้า แจ๊สกับจีจ้าฉุน
“ทำไมพวกพี่มาแซงแถวอย่างนี้ละ” จีจ้าถามซื่อๆ
“ไม่มีมารยาท” แจ๊สด่า
“แจ๊ส...ทำไมพูดกับเพื่อนน้องปาล์มแบบนี้ละฮะ เพื่อนน้องปาล์มก็ต่อแถวนะฮะ” ปาล์มว่า
“ใช่ พี่น้องปาล์มต่อมาตั้งสามรอบแล้วด้วย” สมุนปาล์มบอก
“รอบที่สี่ก็เลยต้องแซง เพราะขนมจะหมดแล้ว” สมุนอีกคนว่า
“หน้าด้านที่สุด” แจ๊สด่าอีก
“ระหว่างหน้าด้านกับอดกินขนมของน้องโอปอล์ เพื่อนน้องปาล์มยอมหน้าด้านฮะ”
พูดจบปาล์มก็ทำเป็นยักคิ้วให้แจ๊สกับจีจ้าอย่างยียวน แล้วก็ถึงคิวปาล์มกับสมุนพอดี พนักงานจะส่งขนมให้ แต่ก็ชะงัก
“เดี๋ยว นี่น้องเวียนมาเป็นรอบที่สี่แล้วนะคะ”
“ฮะ และเพื่อไม่ให้น้องปาล์มเวียนมาเป็นรอบที่ห้า ส่วนพี่สาวก็จะได้กลับบ้านเร็วขึ้น น้องปาล์มว่า...”
ปาล์มว่าพลางเหล่ตามองลังขนม แล้วควักแบงค์ 500 ให้พนักงานทั้ง 2 คนๆ ละใบ
“โอเคจ้ะ”
พนักงานคนนั้นก้มลงยกลังขนมให้ปาล์มไปทั้งลัง สมุนปาล์มรีบเข้ามารับ แจ๊ส จีจ้าและเด็กอื่นๆอึ้ง
“มันต้องอย่างนี้ซิฮะ ได้ใจน้องปาล์มจริงๆ” ปาล์มหันไปทางลิ่วล้อ “ไปฮะ!”
ปาล์ม โบกมือให้สมุนยกลังขนมเข้าไปในโรงเรียน / แจ๊สกับจีจ้าแค้นสุดๆ
“ไอ้จุดด่างดำของเยาวชน” แจ๊สด่าส่งท้าย!
“อย่าให้มีโอกาสนะ จีจ้าจะจัดบู๊ชุดใหญ่ให้สลบเหมือดไปเล้ย” จีจ้าพูดอย่างโมโหที่อดชิมขนม
เวลาผ่านไป ช่วงบ่ายวันนั้นครูพงษ์พัฒน์ กับครูพละอีกสองคน กำลังนั่งเป็นกรรมการคัดเลือกนักกีฬาชกมวยเพื่อเป็นตัวแทนโรงเรียนไปแข่งระดับกลุ่ม
ระฆังถูกตีดังเป๊ง! คู่แรกเริ่มชก เด็กทั้งสองคนเอาแต่เล็งกันไปเล็งกันมา ดูเชิงกันอย่างเดียวไม่ยอมต่อยกันสักที
และก็ยังคงเล็งกันอยู่อย่างนั้น จนครูพงษ์พัฒน์กับกรรมการที่โต๊ะ หลับสัปหงก
กรรมการให้สัญญาณคู่ที่สองเริ่มชก คราวนี้คู่ที่สองพุ่งเข้าหากันทันที ครูพงษ์พัฒน์กับกรรมการลุ้นอย่างมีหวังว่าจะเจอนักกีฬาช้างเผือก แต่ก็เอะใจเพราะต่อยกัน แลกหมัดขนาดนี้ไม่มีใครน็อก
ในที่สุดกรรมการบนเวทีก็จับแยก แต่เด็กสองคนยังต่อยต่อ โดยที่ต่างคนต่างหลับตาต่อย เลยไม่โดนซะที ครูพงษพัฒน์เซ็ง
มาถึงคู่ที่สาม พากันเดินเท่ออกมาจากคนละมุม มาเจอกันกลางเวที หน่วยก้านดีทั้งคู่ ครูพงษพัฒน์ยิ้ม เสียงระฆังดังขึ้น ฝ่ายแดงต่อยเข้าหน้าฝ่ายน้ำเงินไปเต็มๆ เสียงเชียร์เฮ ดังลั่น แต่แล้วทั้งสองฝ่ายก็หยุดต่อย แล้วเริ่มเบะปากร้องไห้
ฝ่ายน้ำเงินกุมปากโวยลั่น “ทำไมนายต้องต่อยแรงขนาดนี้ด้วย? เจ็บนะ”
ฝ่ายแดงกุมมือโวยกลับ “แล้วทำไมนายไม่รู้จักหลบ ฉันก็เจ็บมือนะเฟ้ย”
จากนั้นเด็กทั้งสองคนก็ร้องไห้ใส่กัน ครูพงษ์พัฒน์ถึงกับกุมขมับ
ครูฟ้าใสนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ครูพงษ์พัฒน์ยืนสลดอยู่ตรงข้ามเพราะโดนผู้อำนวยการครูฟ้าใสสวดยับ
“Disappoint จริงๆ ผิดหวังมากๆ ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ ฉันอุตส่าห์ให้ครูเป็น Head of judges ในการคัดเลือก แต่นี่ Two weeks สองอาทิตย์ผ่านมาแล้ว ยังหานักกีฬาตัวแทนของ School โรงเรียนเราไม่ได้เลย นี่มันหมายความว่าไง? What’s wrong?” ฟ้าใสใส่เป็นชุดด้วยคอนเส็ปท์เดิมไทยคำอังกฤษคำ
“หมายความว่าโรงเรียนเราไม่มีเด็กคนไหนมีศักยภาพพอที่จะออกไปแข่งกับคนอื่นได้นะครับ” พงษ์พัฒน์แย้ง
“No, it means that หมายความว่า คุณภาพของคุณครูแย่ลงต่างหากละ Very bad...”
พงษ์พัฒน์จ๋อยสนิท
“Alright, If you can’t do that. ถ้าครูทำไม่ได้ I’ll do it myself.ฉันจะเป็นคนหาเอง”
ครูฟ้าใสพูดออกมาอย่างมุ่งมั่น และหมายมาด
โทรศัพท์มือถือของพิมมาดาดังขึ้น เป็นเบอร์ไม่คุ้น แต่พิมมาดาก็กดรับสาย
“พิมพูดค่ะ....อ้อ ค่ะครูฟ้าใส” ที่แท้เป็นครูฟ้าใส พิมมาดาเริ่มเครียด “มีอะไรเหรอคะ?...หา จะเชิญพิมกับนายโจ๊กไปพบที่โรงเรียน...ทำไมคะ นายโจ๊กไปก่อเรื่องอะไรไว้อีก”
“ถูกเชิญผู้ปกครองอีกแล้วเหรอคะพี่พิม” เต๋าถาม
“ถูกพักการเรียนไปแล้ว อย่าบอกนะคะ ว่าคราวนี้น้องโจ๊กจะถูกไล่ออก” เต้ยคิดไปไกลกว่า
เต๋าตีแขนเต้ย จนเต้ยรู้ตัวรีบหุบปาก
“จะบ้าเหรอ คุณกริสน์ดูแลน้องโจ๊กใกล้ชิดอย่างดีตลอดเวลานะพวกเธอ เนี่ย ชั้นเอาคัพเค้กรูปหัวใจ จะไปให้กำลังใจเค้าอยู่นี่ไง...” เค้กโชว์ขนมในมือ
พิมมาดาวางโทรศัพท์ด้วยท่าทางร้อนใจเป็นอย่างมาก
ในเวลาต่อมาตอกล้วยถูกปักอยู่ที่สนาม พร้อมกับเสียงนกหวีดเป่าดังขึ้นปี๊ด!
โจ๊กออกหมัดต่อยซ้าย ต่อยขวา อย่างมีฝีมือ โดยมีกริสน์ยืนดูอยู่ห่างๆ จังหวะหนึ่งโจ๊กพลิกตัว จะเตะจระเข้ฟาดหาง ทันใดนั้นก็ชะงัก เมื่อโจ๊กมองไปเห็นพิมมาดายืนตาเขียวอยู่
“นายโจ๊ก” พิมมาดาเรียกหลานเสียงดังลั่น
โจ๊กสะดุ้ง ตกใจจนเซล้มลงไปโครม! กริสน์รีบปิดตา
“โหย…น้าพิม เรียกทำไมเนี่ย? เล่นเอาสมาธิแตกซ่านเลย”
“ไม่ต้องพูดมาก มานี่เลย...”
พิมมาดาเข้ามาลากข้อมือโจ๊กไป กริสน์วิ่งมาดักหน้าไว้ เป่านกหวีดใส่พิมมาดาสั้นๆ ดังปิ๊ด!
“อะไรของคุณ? นายโจ๊กกำลังอยู่ในเวลาฝึก คุณจะเอานายโจ๊กไปไหน”
“ไม่ต้องถาม มาด้วยกันเลย”
พิมมาดาใช้อีกมือที่เหลือคว้าแขนกริสน์ แล้วลากออกไปด้วยกัน กริสน์กับโจ๊กต่างก็ร้องโวยวาย
บรรยากาศช่วงใกล้เวลาจะเลิกเรียน เด็กๆ ต่างเดินออกมา บ้างก็ยืน นั่งรอพ่อแม่ผู้ปกครองมารับ แจ๊สเดินจูงจีจ้าที่กำลังเลียกินไอศกรีมอย่างเอร็ดอร่อย เดินออกมา
เป็นเวลาเดียวกับที่รถกระบะของพิมมาดาแล่นเข้ามาจอด จีจ้ามองไปเห็นรีบโบกไม้โบกมือให้
“ลูกพี่วิ่งสู้ฟัดมารับแล้ว”
รถกระบะวิ่งผ่านหน้าเด็กทั้งสองไปอย่างรวดเร็ว จีจ้างง แจ๊สมองเห็นว่าพิมมาดากับโจ๊กมาด้วยกันก็ชักเอะใจ
“เอ๊ะ แบบนี้มัน...” จีจ้าเริ่มกังวล
“เกิดเรื่องแล้ว” แจ๊สลากจีจ้าวิ่งตามรถกระบะไป
พิมมาดาจูงโจ๊กเข้ามาในห้องผู้อำนวยการฟ้าใส โดยมีกริสน์วิ่งตามมา
“มาแล้วค่ะ คุณครู นายโจ๊กทำอะไรที่ดิฉันยังไม่ทราบอีกหรือคะ ต้องเป็นนายพี่เลี้ยงนี่แน่ๆ ที่ปกปิดข้อมูลที่แท้จริงไม่ให้ดิฉันทราบ คุณครูบอกดิฉันมาเลยค่ะ ดิฉันรับได้ทุกอย่าง ดิฉันผิดเอง ผิดเอง..ที่ไม่ดูแลหลานให้ดีพอ”
โจ๊กเงียบเพราะงงไม่หาย เช่นเดียวกับครูฟ้าใสกับครูพงษ์พัฒน์ เวลานั้นที่บริเวณหน้าต่างด้านนอก แจ๊สกับจีจ้าวิ่งมาเกาะดูสังเกตุการณ์
“ขอร้องนะคะครูฟ้าใส ครูพงษ์พัฒน์ ถึงแม้ว่านายโจ๊กจะก่อเรื่องอะไรร้ายแรงอีก จะทำโทษอะไรแค่ไหนก็ได้ ขออย่างเดียว อย่าถึงกับไล่นายโจ๊กออกเลยนะคะ” พิมมาดาพนมมือไหว้อ้อนวอน
กริสน์หันไปพูดกับพิมมาดา “ผมว่าคุณใจเย็นๆ ฟังครูเขาพูดก่อนดีมั้ย”
พิมมาดาตวาดแว้ดใส่
“นายไม่ต้องยุ่ง ฉันไม่น่าให้นายมาดูแลเด็กๆ เลย ที่โจ๊กต้องถูกพักการเรียนก็เพราะนายนั่นแหละ”
“คุณพิมคะ อย่าว่าคุณกริสน์เลยนะคะ He’s a good guy คือคุณกริสน์เขาเป็นคนดี” ฟ้าใสแอบส่งยิ้มให้กริสน์ “...ฟ้าใสฟังแล้วพลอย เฮิร์ท ไปด้วยนะคะ สงสารคุณกริสน์”
พงษ์พัฒน์หมั่นไส้จนทนม่ไหว
“ผมว่าสมควรแล้วเป็นพี่เลี้ยงที่ไม่ได้เรื่องก็ต้องโดนด่า”
ครูฟ้าใสไม่พอใจหันไปหาครูพงษ์พัฒน์ “ชัท อัพ! เงียบด่วนเลยนะคะ” แล้วหันกลับมาทางพิมมาดา “คุณพิมคะ คุณกำลังเข้าใจผิด Miss understand อย่างแรงเลยนะคะ”
พิมมาดาไม่ทันฟัง “ใช่คะ พิมกำลังเข้าใจผิด” พอนึกได้ก็รีบถาม “ว่าไงนะคะ พิมเข้าใจผิด..ผิดอะไร ยังไงเหรอคะ?”
เวลาต่อมาโจ๊กที่ใส่ชุดซ้อมมวยอยู่แล้ว กำลังสวมนวม ขยับเนื้อตัว เต้นฟุตเวิร์ควอร์มไปมา กริสน์เป็นพี่เลี้ยง คอยนวดหลังนวดไหล่ให้
“โอกาสมาแล้ว เต็มที่นะโจ๊ก” กริสน์ให้กำลังใจ
“โจ๊กสู้ๆ โจ๊กสู้ๆ” จีจ้ากับแจ๊สตะโกนเชียร์เสียงดังลั่น
ฟ้าใสยิ้มเผล่ เดินเข้าไปหาโจ๊ก
“Very good! ดีมากหน่วยก้านดี ครูจะให้เธอทดสอบคัดตัวนักกีฬามวยของโรงเรียนเรา”
“Thank you very much ขอบคุณมากครับครู” โจ๊กยกมือไหว้
“ครูฟ้าใสคะ พิมขอพูดตามตรง พิมไม่อยากให้นายโจ๊กชกมวย พิมกลัวว่าแกจะชอบความรุนแรง โตขึ้นก็จะกลายเป็นปัญหาสังคม” พิมมาดาดูเหมือนจะไม่ค่อยเห็นด้วยสักเท่าไหร่
“คุณพิมคิดมากไปหรือเปล่าคะ? มวยไทยก็คือ สปอร์ต กีฬาอย่างหนึ่ง” ฟ้าใสร้องเพลงกราวกีฬาขึ้นมาซะงั้น “กีฬาๆ เป็นยาวิเศษแก้กองกิเลศทำคนให้เป็นคน ผลของการฝึกตน เล่นกีฬาสากลตะละล้า..คุณพิมเกิดไม่ทันเพลงกราวกีฬานี้หรือคะ” ฟ้าใสยกเหตุผลมาอ้าง
“คนจะเป็นนักมวยได้ ไม่ใช่มีแต่ความรุนแรง คุณก็เห็น ว่าหลานคุณต้องขยันขันแข็ง มีวินัย อดทนต่อความลำบากขนาดไหน ในการซ้อมแต่ละวัน แล้วก็ยังต้องดูแลร่างกายให้สมบูรณ์ แข็งแรง พร้อมอยู่ตลอดเวลา คนที่มีคุณสมบัติเช่นนี้ ไม่มีทางที่จะเป็นปัญหาสังคมได้” กริสน์รีบผสมโรง
“That’s right ถูกต้องแล้วค่ะ” ฟ้าใสเห็นงามเกินร้อย
“ผมไม่เห็นด้วยที่ครูจะเอานายโจ๊กที่โดนพักการเรียนไปแล้ว มาเป็นนักกีฬาตัวแทนโรงเรียน แถมยังจะให้กลับมาเรียนก่อนครบเวลาทำโทษอีก” พงษ์พัฒน์ยังเอาระเบียบมาอ้าง
“Not yet ค่ะ Not yet ยังซะหน่อย นายโจ๊กต้องผ่านการทดสอบก่อนต่างหาก ถ้าไม่ผ่านก็ไม่ได้”
“งั้นถ้าเจ๋งจริงต้องพิสูจน์..ใช่ไหมครับครู” เสียงปาล์มดังมาก่อนตัว
ทุกคนหันไปมอง
เห็นปาล์มอยู่ในชุดนักมวยเต็มยศ แต่เดินกินขนมสวีทโอปอล์ เข้ามาอย่างคิดว่าตัวเองเท่โครต โดยมีสมุนนำมาเป็นขบวน พร้อมด้วยเมทินี ทุกคนอ้าปากค้าง โดยเฉพาะกริสน์กับพิม
“ผม ขอท้าชิงกะนายโจ๊กเอง ว่าใครจะแน่กว่าใคร ระหว่างนายโจ๊กลูกกำพร้า กับผม..ปาล์ม ลูกเจ้าแม่เมทินี”
เมทินีกับครูพงษ์พัฒน์เข้ามาตบมือทำท่ากิฟท์มีไฟท์ใส่กัน
ขณะที่ทุกคนกำลังอึ้ง เมทินีเห็นกริสน์ก็พุ่งเข้ามาหาทันที
“คุณกริสน์ คิดถึงจังเลย..ให้โอกาสลูกชายเมหน่อยนะ กีฬาฯ เป็นสื่อเชื่อมความสามัคคี อีกหน่อย เด็กๆ ของเราแข่งด้วยกันบ่อยๆ เราก็จะได้มาเจอกันเป็นประจำ ในทุกๆเวที..แล้วถ้านายปาล์มไม่ดีพอ สู้นายโจ๊กไม่ได้ เมจะได้ฝากลูกปาล์มไปเป็นศิษย์คุณกริสน์ไงล่ะคะ ขอจับมือหน่อยสิคะ มาๆๆ จับกันแบบแมนๆ”
กริสน์ยื่นมือมาให้ เมทินีคว้ามือกริสน์มากำแน่น ส่งตาหวานเยิ้มตามไป ครูฟ้าใสสุดจะทนรีบเข้ามาขวาง จับสองคนแยกกัน
“โอ้ๆๆ โนๆๆ Don’t be so close อย่าใกล้ชิดกันมากค่ะ ไม่ดี Un appropriate ไม่เหมาะสมค่ะ ไม่เหมาะสม ดิฉันเกรงว่าจะมีการล้มมวยขึ้น”
พิมมาดากังวลไม่หายหันไปพูดกับพงพัฒน์
“ครูคะ จะท้าชิงกันได้ไงคะ นักกีฬาตัวขนาดต่างกันขนาดนี้ มันคนละรุ่นเลยนะคะ ครูเอาอะไรมาเป็นกติกาคะเนี่ย”
“กติกาของผม..ขอแค่ตัวแทนโรงเรียน ไม่ได้ระบุว่ามวยรุ่นไหน แต่ถ้าคุณน้าน้องโจ๊กไม่อยากให้ท้าชิง..งั้น..ผมยกมือให้น้องปาล์มชนะไปเลยนะครับ” พงษ์พัฒน์ดูลั้นลาเต็มที่
“ดีค่ะ ดิฉันเห็นด้วย ไป...โจ๊กกลับบ้าน” พิมมาดารีบหันไปทางโจ๊กจะพากลับบ้าน
“เอ๊ะ คุณ” กริสน์ฉุนขึ้นมาทันที
“ไม่ได้ครับ น้าพิม” โจ๊กไม่ยอมกลับ
“ทำไม” พิมมาดาอึ้ง
“เพราะ..ผมไม่ยอมครับ..ตัวใหญ่นี่ละดีครับ..ล้มดังดี”
“เย้” กริสน์ร้องอย่างได้ใจ
พิมมาดาหันไปใส่กริสน์ทันที “ถ้าหลานชั้นเจ็บขึ้นมาละก็...นาย!!ออก”
พิมมาดาจ้องหน้า ถลึงตาใส่ ถูกกริสน์ถลึงตาตอบ
ปาล์มอยู่ที่มุมแดงมีเมทินีเป็นพี่เลี้ยง คอยนวดเฟ้นให้น้ำ บริการผ้าเย็น โจ๊กอยู่ที่มุมน้ำเงินมีกริสน์เป็นพี่เลี้ยง พิมมาดามองอย่างกลุ้มๆ แจ๊ส และจีจ้าคอยเตรียมเชียร์ ครูฟ้าใสยืนอยู่ตรงกลางประกาศ
“Lady and gentlemen ต่อไปนี้จะเป็นการแข่งขันเพื่อคัดเลือกนักกีฬาชกมวยตัวแทนโรงเรียน หนึ่งในสองคนนี้หากใครเป็นผู้ชนะ ก็จะได้รับหน้าที่อันทรงเกียรตินี้ทันที ขอให้ทั้งคู่ทำให้เต็มที่ Do your best. นะคะ”
จากนั้นครูฟ้าใสก็เดินมานั่งในที่นั่งกรรมการ โดยครูพงษ์พัฒน์เป็นกรรมการบนเวที
ปาล์มที่ตอนนี้คึกคักเต็มที่ ตาแข็ง นั่งดีดอยู่ที่มุมตัวเอง โดยมีแม่กับสมุนคอยดูแล
ครูพงษ์พัฒน์เดินไปที่มุมแดงกระซิบกับปาล์ม “เต็มที่เลยนะพี่น้องปาล์ม เอาให้ไอ้รูปหล่อหน้าแตกไปเลย
“ได้ครับครู กระดูกมันคนละพ.ศ.อยู่แล้ว” ปาล์มดูจะคึกมาก “แม่ครับ น้องปาล์มเป็นอะไรไม่รู้ รู้สึกคึก ปึ๋ง ตึ๋ง ดีด เลือดสูบฉีดไปทั่ว น้องปาล์มจะระเบิดพลัง ไม่ให้แม่ต้องผิดหวังฮะ” ปาล์มว่า
เมทินีรีบกระซิบตอบ “อย่ารุนแรงกะน้องมากนะลูก..ออมมือหน่อย..เอาแค่เสมอ..เดี๋ยวแม่ให้ตังค์”
“อ้าว...คุณเมทินี ทำไมอย่างงี้ล่ะครับ” พงษ์พัฒน์ได้ยินเลยรีบแย้ง
“เถอะน่า...เอาน่า...พูดเล่นๆ” เมทินีพูดแก้เก้อ
ด้านโจ๊กมีกริสน์คอยพัดวี สีหน้าโจ๊กเวลานี้มุ่งมั่นเอามากๆ
“ทำให้เต็มที่นะ แพ้ชนะไม่ต้องไปสน”
โจ๊กหันมองหน้าพิมมาดาที่ยืนหน้าบึ้งอยู่ตาละห้อย
“น้าพิมไม่ให้กำลังใจโจ๊กหน่อยเหรอครับ”
พิมมาดารู้สึกตัว ยิ้มให้นิดๆ โจ๊กหน้าเจื่อนๆ กริสน์มองอย่างเห็นใจและเข้าใจ
“น้าพิมก็เป็นแบบนี้ทุกที” แจ๊สเอ็ดน้าสาว
“ก็น้าไม่อยากให้โจ๊กเจ็บตัวนี่ น้าผิดเหรอ” พิมมาดาทำท่าน้อยใจแบบคิขุอาโนเนะสุดๆ
“ทำให้สุดกำลังนะนายโจ๊ก พิสูจน์ตัวเองให้ได้” กริสน์บิ้วท์ลูกศิษย์
“ใช่...มีอาจารย์ดีซะอย่าง กลัวอะไร” จีจ้าพูดให้กำลังใจพี่ชาย
โจ๊กพยักหน้ารับคำ จงหวะนั้นเมทินีก็ยื่นหน้าเข้ามาแทรกพูดให้กำลังใจโจ๊ก เพื่อเอาใจกริสน์
“พี่ก็ให้กำลังใจหนูจ้ะ”
“มาเชียร์พี่โจ๊กทำไม? ทำไมไม่เชียร์ลูกคุณป้าคะ” จีจ้าพูดพาซื่อ
“พี่มีน้ำใจนักกีฬานะคะน้อง ..แล้วเลิกเรียกป้านะคะ ไม่ดีหรอกค่ะ พี่ฟังแล้วไม่สบายใจ” เมทินีขอร้อง
ครูพงษ์พัฒน์ประกาศลั่นกลางเวที “ขอเชิญทั้งสองฝ่ายกลางเวที!”
โจ๊กกับปาล์มเดินออกจากมุมของตัวเองมาเจอกันกลางเวที
กองเชียร์ทั้งสองต่างเชียร์ดังสนั่น โจ๊กกับปาล์มมองหน้ากันขึงขัง ปาล์มเริ่มมีอาการดีดเด้งๆๆ อย่างต่อเนื่อง พิมมาดามองไปยังโจ๊กที่อยู่บนเวทีอย่างกังวลใจ เพราะเป็นห่วงหลานชาย
ปาล์มกับโจ๊กจ้องตากัน บรรยากาศลุ้นระทึก ในขณะที่โอปอล์กำลังกึ่งลากกึ่งจูงลากเดชเข้ามาดู
“เร็วๆ ซิ น้าเดช จะเริ่มชกอยู่แล้ว”
“ใจเย็นๆ ซิครับคุณหนู อายุยังไม่ถึง 15 อย่าเพิ่งใจร้อนครับ”
ปาล์มได้ยินเสียงหันมาเห็นโอปอล์ก็ยิ้มกว้างตะโกนขึ้น
“น้องโอปอล์มาเชียร์พี่น้องปาล์มเหรอฮะ?”
แต่โอปอล์กลับโบกมือให้โจ๊ก “สู้เขานะโจ๊ก”
โจ๊กได้ยินรีบหันมามอง เจอโอปอล์ยิ้มให้กำลังใจ ปาล์มยิ่งแค้นที่โอปอล์ไม่เชียร์ตัวเองแต่ดันไปเชียร์โจ๊ก หน้าตึงขึ้นมาทันที
ทันใดนั้นเสียงระฆังก็ดังขึ้นเป๊ง โจ๊กมัวแต่มองโอปอล์เพลิน ปาล์มจึงฉวยโอกาสต่อยเข้าที่หน้าโจ๊กอย่างจัง โจ๊กเซโรงัง ไปทันที กองเชียร์โจ๊กพากันตกใจ
“นายโจ๊ก! พี่โจ๊ก!/ โจ๊ก”
โจ๊กเซไปแต่ก็ทรงตัวได้ ปาล์มตามมาออกหมัดรัวรุกเข้าหาโจ๊กไม่ยั้ง และต่อยมั่วจนโจ๊กต้องคอยหลบพันละวัน ไม่มีโอกาสได้ตอบโต้กลับ สถานการณ์ของโจ๊กดูท่าจะตกเป็นมวยรอง
พงษ์พัฒน์ยิ้มดีใจที่เห็นโจ๊กได้แต่หนี ในขณะที่เมทินีลุ้น
ด้านกริสน์ พิมมาดา แจ๊ส และจีจ้า เป็นห่วงโจ๊ก เช่นเดียวกับโอปอล์ กับ เดช ก็ลุ้นโจ๊กเช่นกัน
ส่วนที่โต๊ะกรรมการ ครูฟ้าใสกับครูคนอื่นหน้าเครียด
ครูพงษ์พัฒน์สะใจลืมว่าตัวเองเป็นกรรมการชี้ขาดบนเวทีตะโกนเชียร์ปาล์มออกนอกหน้า
“ทำดีแล้วครับน้องปาล์ม ต้อนมันไป ปล่อยหมัด เข่าศอกอย่าได้ยั้งเอาให้มันน่วมไปเลย”
“อย่าให้รุนแรงนะคะน้องปาล์มขา เกรงใจคุณกริสน์ของหม่ามี้นะคะ” เมทินีเครียดหนัก
“ไม่ไหวก็ขอสละสิทธิ์ก็ได้นะโจ๊ก น้าไม่ว่าหรอก” พิมมาดาเป็นห่วงหลานจับใจ
กริสน์รีบตะโกนสอนเชิงมวย “โจ๊กๆๆ วนหนีออกมาก่อน ปิดหน้าไว้ ปิดหน้า”
“นายโจ๊ก / พี่โจ๊ก สู้ๆนะ อย่ายอมๆๆๆ” แจ๊สกับจีจ้าแหกปากเชียร์ลั่น
เวลาเดียวกันนั้นฉัตรชัยขับรถอยู่ ส่วนฮิมนั่งคู่กับสุขสันต์อยู่ที่นั่งตอนหลัง
สุขสันต์มองไปข้างทาง เห็นเด็กกลุ่มนึงกำลังแย่งขนมสวีทโอปอล์กันอย่างเอาเป็นเอาตาย
“เฮ้ย จอดๆๆ” สุขสันต์ร้องบอก
ฉัตรชัยเบารถ
“ดู..เด็กพวกนั้น มันเสร็จเราแล้ว” สุขสันต์ว่าพลางหัวเราะร่าชอบใจ
เด็กๆ แย่งขนม กอดปล้ำ แย่งชิงกัน
“ดูเด็กตรงนั้นครับ มันเป็นอะไรไปครับ” ฮิมถาม
เด็กอีกกลุ่ม ยืนหมุนรอบตัวเองอยู่ไปมา ไม่ยอมหยุด
“นั่น..มันเมายาแล้วใช่ไหมครับ” ฉัตรชัยถาม
เด็กพวกนั้นหมุนๆๆ แล้วร่วงลงไปทีละคนๆ มานอนหงาย แล้วทำท่าตะกายมือไม้ไปมา หัวเราะร้องไห้ เหมือนแมลงเต่าทอง ที่เวลาหงายหลังแล้วลุกไม่ได้
“พวกมันกำลังสนุกกันมากเลยล่ะนั้น..นี่ล่ะ ยาตัวใหม่ของเรา ที่พวกเด็กๆ มันต้องคลั่งไคล้..เลิกไม่ได้กันเลยทีเดียว” มิสเตอร์แฮปปี้ว่าพร้อมกับยิ้ม
ฮิม กับฉัตรชัยมองภาพนั้นอย่างสยอง
ในขณะที่สุขสันต์ยิ้มอย่างเย็นใจ มองภาพเด็กๆ ที่นอนหงาย ทำท่าเต่าทองตะกายแขนขากัน
กริสน์ตะโกนสั่งและสอนเชิงมวยให้โจ๊กอยู่ข้างเวที
“วนออกมา...วนออกมาก่อน...น่านๆ อย่านิ่งๆ”
ปาล์มไล่ถลุงโจ๊ก โจ๊กสับขาหลอก แย๊บวนไปเรื่อยๆ
“แย๊บแล้วคอย อย่าปะทะ แย๊บแล้วถอย” กริสน์ตะโกนบอกโจ๊ก
“พอเถอะ โอย...หัวใจจะวายแล้ว” พิมมาดาพูดพลางเอาสองมือปิดตาตัวเอง ใจจะวาย
“น้าพิมใจเย็น พี่โจ๊กกำลังจับจังหวะอยู่ค่ะ” จีจ้าบอก
“โห...จีจ้า ศัพท์เป็นผู้ใหญ่เลยนะ” แจ๊สว่า
“ลูกพี่สอนไง” จีจ้าว่า
พิมมาดาจ้องมองไปทางกริสน์เขม็ง
จู่ๆ ปาล์มก็หมุนๆๆ รอบตัวเอง เลิกชก
“น้องปาล์ม ทำอะไรน่ะลูก” เมทินีงงรับประทาน
ปาล์มยิ่งหมุนถี่เข้าๆๆ จนพงษ์พัฒน์ด่าออกมา
“ปาล์ม เล่นบ้าๆอะไรของนาย”
ปาล์มเสียหลัก หมุนตัวเคว้ง แล้วพอเห็นหน้าโจ๊กกลับยื่นมือมาหาโจ๊ก โจ๊กฉวยจังหวะนี้ต่อยสวนปาล์มไปทันที
“น่าน...อย่างนั้น” กริสน์ชอบใจ
”โอ้โห...” พิมมาดาตกใจ
“ต่อเลย อย่าหยุด ลุยโจ๊ก...ออกหมัด” กริสน์บิ้วท์ต่อ
โจ๊กได้ทีออกหมัดรัวใส่ปาล์มเป็นชุด แจ๊ส จีจ้า โอปอล์ เดช และฟ้าใส เชียร์โจ๊กกันใหญ่
“ลุยเลยโจ๊ก...เอาให้อยู่” พิมมาดาตะโกนเชียร์
กริสน์กับแจ๊ส และจีจ้า หันมามองพิมมาดา แต่พิมมาดาไม่สน เชียร์ต่อ โจ๊กได้จังหวะ เสยคางปาล์มเต็มๆ
ปาล์มหน้าหัน ตาเหลือก แล้วล้มลงบนพื้นเวทีดังตึ้ง! แล้วตะกายในท่าแมลงเต่าทอง หัวเราะคิกๆๆ ทั้งโรงยิมฯ ตกอยู่ในความเงียบ ครูพงษ์พัฒน์เดินไปจะนับ แต่ไม่นับ
“กรรมการนับซิ...นับ” กริสน์แย้งเสียงดัง
“เออ...1,2,3” พงษ์พัฒน์นับอย่างเซ็งโครตๆ
ปาล์มกระเด้งขึ้นมานั่ง ทุกคนตกใจ พอสักพักก็ล้มลงไปนอนตะกายแขนขาเล่นต่อ หัวเราะฮิๆๆ
ครูพงษ์พัฒน์นับต่อ “6 7 8 9 10”
ครูพงษ์พัฒน์ชูมือให้โจ๊กชนะ ทุกคนเฮสนั่น พิมมาดาดีใจกระโดดจนตัวลอย
“ลูกๆๆ เป็นอะไร ปาล์ม..ลูกเสียสติไปแล้วเหรอ” เมทินีเข้าไปดูปาล์ม
ครูพงษ์พัฒน์คอตก พิมมาดาวิ่งเข้ามากอดโจ๊ก ในขณะที่โจ๊กแอบมองไปเห็นโอปอล์ยิ้มดีใจที่โจ๊กชนะ โจ๊กยิ้มตอบ
“น้ากริสน์ๆ พี่โจ๊กชนะแล้ว แปลว่าไม่ต้องพักการเรียน แล้วน้าก็ไม่ต้องไปไหน แล้วพวกเราก็ไม่ต้องไปอินเดียด้วยใช่ไหมคะ” จีจ้าดีใจออกนอกหน้า
กริสน์ดีใจจนลืมเรื่องปาล์มไปทันที “ใช่แล้ว เย้ๆๆ”
จากนั้นกริสน์กับบรรดาเด็กๆ ต่างดีใจกระโดดกอดกัน อุ้มกัน โถมตัวเข้าใส่กันจนล้มลงไปกองที่พื้นด้วยกัน
พิมมาดามองภาพนั้นพลอยยิ้ม และหัวเราะไปด้วยอย่างมีความสุข
ในสวนเวลานั้นเต๋ากับเต้ยกำลังช่วยกันเสียบไม้บาร์บีคิวอยู่ พิมมาดาเตรียมผักสำหรับทำสลัด แจ๊สกับโจ๊กช่วยกันเตรียมของปาร์ตี้ ในขณะที่จีจ้าพาป๊อบคอร์นวิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน พิมมาดาจัดผักไปก็ชะเง้อมองหน้าบ้านไป จังหวะหนึ่งเต๋าตะโกนไปทางจีจ้า บอกให้ระวังตัว
“จีจ้าคะวิ่งไปวิ่งมา แต่อย่าวิ่งผ่ามาทางนี้นะคะ เดี๋ยวจะโดนเสียบย่างแทนหมู”
จีจ้ารีบอุ้มป๊อบคอร์นเข้ามาหาเต๋า “เอาเป็นหมาแทนได้มั้ยคะ”
ป๊อบคอร์นแกล้งตายทันที ทุกคนขำกลิ้ง
ครู่ต่อมากริสน์กับเค้กเดินหิ้วของเข้ามาด้วยกันอย่างพะรุงพะรัง
พิมมาดาแอบกัดเพราะหึงโดยไม่รู้ตัว
“ซื้อกับข้าวหรือไปทำกับข้าวกันแน่ยะ? ไปซะนานเชียว”
“ไปซื้อกับข้าวซิครับ เพราะผมจะมาทำกับข้าวที่นี่”
ทุกคนยกเว้นเค้กประสานเสียง “ทำกับข้าว!”
“ถูกต้องแล้วค่า...คุณกริสน์จะทำอาหารให้เราชิมกันจ้ะ” เค้กยิ้มหน้าบาน
“อย่างนายเนี่ยนะทำกับข้าวเป็น? ฉันไม่เชื่อ” พิมมาดาหยัน
“นั่นซิคะคุณกริสน์ ณ จุดนี้ จะกินได้หรือเปล่า?” เต้ยแอบยืมคำพูดติดปากกริสน์มาใช้โดยไม่รู้ตัว
“เดี๋ยวก็รู้...”
“เค้กทานได้เสมอ” เค้กว่า
พิมมาดาแอบแหวะ
ไก่งงวงตัวใหญ่ ถูกนำมาวางลงบนเคาน์เตอร์ กริสน์กับเค้กสวมผ้ากันเปื้อนยืนอยู่ท่ามกลางเครื่องปรุงชุดใหญ่ พิมมาดาแอบหมั่นไส้
กริสน์ยิ้มร่าพูดแบบพิธีกรรายการอาหารทางทีวี
“ขอต้อนรับท่านผู้ชมเข้าสู่รายการ ครัวแล้วแต่กริสน์!”
“ว้าย! เขามีแต่ครัวแล้วคริต ไม่ใช่เหรอคะ” เต้ยแย้งขึ้น
“ณ จุดนี้เป็นรายการเลียนแบบ ฉายทางยูทูปเท่านั้นค่ะ” กริสน์ทำท่าออกสาวใส่เต้ย
ทุกคนขำกลิ้ง
“วันนี้พ่อครัวกริสน์ขอเสนอ เมนูพิเศษสำหรับปาร์ตี้ฉลองความสำเร็จของนายโจ๊กในคืนนี้ ไก่งวงอบภูเขาไฟฟูจิ!”
ทุกคนพากันปรบมือเกรียว
“โดยมีแขกรับเชิญเป็นหญิงสาวหน้าตาดี มีรถขับ โทรศัพท์มีกล้อง...คุณเค้ก” กริสน์แนะนำเค้ก
เค้กถอนสายบัวเขินๆ ทุกคนปรบมือเกรียวกราว ยกเว้นพิมมาดาที่เริ่มหงุดหงิด พูดพึมพำอยู่กับตัวเอง
“กลัวว่าภูเขาไฟจะระเบิดก่อนน่ะซิ”
“และเพื่อให้ท่านผู้ชมในห้องส่งมีส่วนร่วม ผมได้เตรียมไก่มินิไว้ให้ทุกคนได้ลองทำด้วยกัน”
พูดจบกริสน์กับเค้กช่วยกันเอาไก่ตัวเล็กออกมาวางเรียงราย ทุกคนฮือฮา
“ขอเชิญน้องแจ๊ส น้องโจ๊ก จีจ้า เต๋า และเต้ย มาช่วยกันทำอาหารครับผม”
ทุกคนกรูกันไปที่เคาน์เตอร์ รวมถึงป๊อบคอร์นที่ยืนสองขาอยากจะทำไก่อบกับเขาด้วย พิมมาดามองอย่างอารมณ์เสีย...เพราะไม่ถูกชวน?
“แล้วทำไมฉันไม่ได้ทำอยู่คนเดียวละ”
“อ๊ะๆ หงุดหงิดซะแล้ว” กริสน์เห็นรีบเดินมาหาพิมมาดายียวน “เป็นแม่ช้อยก็ต้องรอชิมซิครับคุณพิม”
กริสน์ว่าแล้วหันไปยักคิ้วให้พิมมาดาอย่างกะล่อนๆ พิมมาดาหงุดหงิดแต่ก็ซ่อนรอยยิ้มไว้ไม่ได้
เย็นวันเดียวกันนั้น แพรวพิลาศก้าวเข้าประตูมาเจอฉัตรชัย
“คุณสุขสันต์ละ”
“ท่านอยู่ข้างในครับ แต่กำลังจะไม่อยู่แล้วครับ” ฉัตรชัยตอบ
“นี่พูดจาอะไรให้มันรู้เรื่องหน่อยได้มั้ย” แพรวพิลาศแว้ดใส่
สุขสันต์แต่งตัวหล่อเสร็จ ก้าวออกมาพอดี ฮิมตามมาติดๆ
“ผมกำลังจะออกไปข้างนอก” สุขสันต์บอกเสียงเรียบ
“ทำไมรีบล่ะคะที่รัก โอเปร่าการกุศล เริ่มเล่นตั้งสองทุ่ม นี่เพิ่งจะห้าโมงครึ่งเอง”
“ผมไม่ไปดูแล้วละ เบื่อ...”
สุขสันต์พูดแค่นั้นก็เดินตรงไปที่รถ ฮิมฉีดพรมน้ำหอมให้ แต่แพรวพิลาศพรวดพราดเข้ามาแทรกเลยโดนฉีดด้วยจนสำลัก ไอแค่กๆ ออกมา
“แค่กๆ...โอ้ย! ไอ้บ้าฉีดทำไมเยอะแยะ” หันมาพูดกับสุขสันต์ “หมายความว่าไงคะ คุณจะให้แพรวไปดูคนเดียวงั้นเหรอ”
สุขสันต์เรียก “ฉัตรชัย!...แกช่วยไปดูโอเปร่าเป็นเพื่อนคุณแพรวพิลาศหน่อยนะ”
พูดจบสุขสันต์ก็ก้าวไปที่รถ
“แต่ผม ไปกับท่านสองคน” ฮิมวิ่งไป รีบเปิดประตูด้านหลัง ให้สุขสันต์ขึ้น ปิดประตู แล้วไปขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว
แพรวพิลาศสติแตกกรี๊ดจะตามไป ฉัตรชัยคว้าไว้
“คุณจะไปไหน? กลับมานี่นะ คุณสุขสันต์”
ฉัตรชัยหน้าบาน “หยุดกรี๊ดเถอะครับคุณแพรว เดี๋ยวเจ็บคอ ไปดูโอเปร่ากันดีกว่าครับ”
แพรวพิลาศสะบัดตัวออกแล้วหันมาแว้ดใส่
"ใครจะไปกับแกหา! อย่างแกดูจำอวดงานวัดก็พอแล้ว อี๋!"
แพรวพิลาศมองตามรถสุขสันต์ไปอย่างเจ็บใจ
อ่านต่อหน้า 2
มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 7 (ต่อ)
ที่งานปาร์ตี้ กริสน์กำลังสอนเด็กๆยัดไส้ไก่งวง
“ค่อยๆยัดเข้าไป..ระวังอย่าให้มันแพร่ดออกมา มันจะดูไม่ดี..ถ้าใครยัดไส้เสร็จแล้ว ให้เอาไม้กลัด มากลัดปิดรูไว้”
พวกเด็กๆพยายามยัดไส้เข้าไปในไก่งวง แล้วปิดรูไส้ ทุกคนทำอย่างสนุกสนาน ทำไปเล่นไป หัวเราะคิกคักๆ มีไส้กระเด็นมาเลอะเสื้อผ้า
พิมมาดาเดินเข้ามาเห็นก็ร้องโวยวายทันที “เด็กๆ ระวังหน่อย..จีจ้า เลอะหมดแล้ว..พอๆๆ ไม่ต้องทำแล้ว วางไก่ลงๆ”
“จีจ้าทำได้ มันแค่ไหลออกมา” จีจ้าบอกน้าสาวแล้วก็พยายามทำ จากนั้นก็หัวเราะด้วยความสนุกสนาน “ ฮะๆๆ” “มานี่ๆ ช่วยจับให้” แจ๊สบอกแล้วช่วยจับไก่เพื่อให้จีจ้ายัดไส้ แต่กลับยิ่งเลอะเพราะไส้พุ่งออกมา
“นี่นายสอนให้หลานชั้นเอาของอาหารมาเป็นของเล่นสนุกเหรอ..เด็กๆหยุดได้แล้ว” พิมมาดาตวาด
กริสน์จัดการเอาไม้กลัดปิดตัวไก่อย่างสวยงาม “ไง..ทึ่งอ่ะดิ”
“แต่สุดท้ายไก่ก็คงออกมา..แย่มาก..กินเข้าไปคงส้วมระเบิด” พิมมาดาแขวะ
“ดูถูกเค้า!! เสร็จแล้วอย่ามาง้อขอกินทีหลังก็แล้วกัน” กริสน์บอก
“โจ๊กทำเสร็จแล้ว!” โจ๊กยกจานไก่ของตัวเองอวด ด้านหน้าดูสวยงามแต่พอหมุนมาพบว่าเขาเอากระดาษกาวปิดรูไส้อยู่
“ปิดกระดาษกาวเนี่ยนะ” พิมมาดาตกใจ
กริสน์มองอย่างอึ้งๆ แต่ก็เอ่ยชม “เยี่ยมมากเลยโจ๊ก ฉลาด มีไหวพริบ..เตรียมเอาไปเข้าเตาอบได้” “เฮ้ย นั่นมันกระดาษกาวนะ จะเอาไปอบได้ไง” พิมมาดาท้วง “ใช้กระดาษกาวได้ งั้นจีจ้าจะใช้แม็กเย็บได้น่ะสิ” จีจ้าบอก “ไม่ได้” พิมมาดาคว้าแขนจีจ้าไว้
“แจ๊สทำเสร็จแล้ว” แจ๊สอวดไก่ตัวเองที่มีแอปเปิ้ลอุดรูไว้ “แท่มแท๊ม..ไก่อบภูเขาไฟสอดไส้แอปเปิ้ล กินได้ ไม่มีพิษต่อสุขภาพ”
“เด็กๆ หยุดนะ..อะไรเนี่ย ทำไก่คนละตัว เสียของที่สุด หยุดๆๆ”
พิมมาดาพยายามห้าม แต่พวกเด็กๆ กับกริสน์ยังคงสนุกสนาน ไม่สนใจพิมมาดา
เต๋ากับเต้ยยืนมองอยู่อีกด้าน
“นังเต้ย แกดูดิ แล้วบอกมาว่าแกคิดเหมือนชั้นป่าว” “เหมือน” เต้ยตอบ “แกรู้ได้ไงว่าเหมือน” “แล้วแกรู้ได้ไงว่าไม่เหมือน” เต้ยสวน “งานนี้ บาบีคิวของเรา เป็นหมันแน่” เต๋าท้อแท้
เค้กเดินเข้ามาพอดี “นี่ๆๆ เต๋าเต้ย ห้องน้ำทิชชู่หมดนะ เอาไปเติมด้วยล่ะ” เค้กหันไปหากริสน์ “คุณกริสน์....เค้กมาแว้วๆๆ”
เต๋ารีบไปขวางไว้ Wว้ายๆๆ คุณเค้กขา..ตรงนั้นคนเยอะแล้ว..เราไปช่วยกันเตรียมเครื่องเสียงด้านโน้นดีกว่าค่ะ”
“ใช่ค่ะๆ เดี๋ยวจะไม่มีเพลงแด๊นซ์กันนะคะ” เต้ยรีบสนับสนุน
เต๋ากับเต้ยลากเค้กออกไปทันที
เตาอบกำลังทำงานอยู่ในครัว กริสน์รอลุ้นไก่งวงอบด้วยท่าทางตื่นเต้น
“ใกล้แล้วๆ อีกไม่กี่นาทีไก่ก็สุกแล้ว ตื่นเต้นๆเนอะเด็กๆ” กริสน์บอก พวกเด็กๆ นั่งหง่าว ทุกคนเท้าคางรออย่างเบื่อๆ “น้ากริสน์พูดแบบนี้มานาน(ลากเสียง)มากแล้ว”โจ๊กพูดเซ็งๆ “คราวนี้ใกล้แล้วจริงๆ” กริสน์บอก ทันใดนั้น เสียงเพลงแด๊นซ์ก็ดังขึ้น แจ๊สตาโตแล้วผุดลุกขึ้นทันที “ลมเพ ลมพัด” “หา..อะไรนะ” พิมมาดาไม่เข้าใจ
“เพลง ของน้ำชาไง แจ๊สชอบมาก” แจ๊สบอก จีจ้ากับโจ๊กวิ่งตามแจ๊สไป
“อ้าว เดี๋ยวสิๆ ไม่อยู่รอลุ้นไก่ก่อนเหรอ” กริสน์หันไปถามเด็กๆ “โฮะๆๆ” พิมมาดาหัวเราะเยาะ “หัวเราะอะไร ...ชิ คนที่น่าจะไป ดันอยู่” “หมายถึงชั้นเหรอ” พิมมาดาถาม “อือ..คุณไปๆซะ ผมจะได้ไม่ต้องมีคนมาหัวเราะเยาะ ถากถางซ้ำเติมอีก เบื่อแระ” “นี่ นายมองชั้นเป็นคนยังไง” “โหย อย่าให้พูด” “พูดมาสิ แน่จริงพูดมา” พิมมาดาท้า “ไม่..ผู้ชายว่าผู้หญิง มันดูไม่ดี” กริสน์ทำเป็นบ่ายเบี่ยง “ก็ลองว่ามาสิ ชั้นรับได้ ถ้ามันเป็นความจริง ชั้นจะได้แก้ไขไง”
“ก็..ไม่มีไร แค่คุณเป็นคนอำมหิต เผด็จการ ขาดจินตนาการ หักหาญน้ำใจ ไร้ศิลปะ” กริสน์ว่าเป็นชุด พิมมาดาฉุน “พอที คนเลวเอ๊ย ..โอ๊ย ตอนแรกว่าจะตั้งใจฟังซะหน่อย กะว่าจะพอประมาณ แต่นี่ดันมาหลอกว่าชั้นซะนี่”
“ผมไม่ได้หลอกว่าคุณนะ” “ว่าตรงๆเลย...ฮี้...ว่าจะขอบคุณซะหน่อย” “ขอบคุณ?” กริสน์ทวนคำ “ก็เออซิ”
“เอ้า ขอบคุณมาสิครับ ผมยินดีรับฟัง จะไม่ขัด ไม่ยั่วโมโหแล้ว เร็วๆๆๆ พูดๆๆๆ”
“ก็เรื่อง..โจ๊ก...” พิมมาดาเอ่ย
“อ๋อ..ไม่เป็นไร.. ผมไม่ได้ทำเพื่อโจ๊ก หรือเพื่อคุณ.. ผมทำเพื่อตัวเอง” กริสน์บอก
“อะไรนะ!!” พิมมาดาแปลกใจ
“ก็ถ้าผมทำไม่สำเร็จ คุณจะเฉดหัวผมไม่ใช่เหรอ เราต่างคนก็ต่างรักษาผลประโยชน์ของตัวเองทั้งนั้น ไม่มีใครมีน้ำใจให้ใครหรอก”
“นี่..นายประชดชั้น..ใช่ไหม” “ก็แล้วแต่จะคิด” พิมมาดาอึ้ง “หลานๆไม่รักชั้น ทุกคนเกลียดชั้น เห็นชั้นเป็นคนเลว ชั้นเหมือนตัวคนเดียว” กริสน์อึ้ง “ไม่จริงหรอก” “จริง” พิมมาดาย้ำ “คุณพิม..ทุกคนไม่ได้เกลียดคุณ..แล้วคุณก็ไม่ได้ไม่มีใคร”
พิมมาดามองหน้ากริสน์เหมือนจะขอคำอธิบาย กริสน์มองตอบ ภายในใจคิดอยากดึงตัวพิมมาดาเข้ามากอด ทันใดนั้น เสียงนาฬิกาที่ตั้งเอาไว้ดังเตือนว่าอาหารเสร็จแล้ว “ไก่สุกแล้ว!” กริสน์บอก กริสน์กับพิมมาดาต่างรวบรวมสติ พิมมาดารีบเช็ดน้ำตา กริสน์รีบไปที่หน้าเตาอบ พิมมาดาตามไปดู “เปิดเร็วๆๆ ชั้นอยากดูไก่ของเด็กๆ” พิมมาดาเร่ง กริสน์ค่อยๆเปิดเตาแล้วดึงถาดออกมา ไก่อบสี่ตัวสวยงามน่ากิน ทั้งคู่ตาโตด้วยความดีใจสุดๆ “ว้าว” พิมมาดาประทับใจ “ไชโย ผมทำสำเร็จแล้ว เย้ๆ” กริสน์ส่งเสียงด้วยความดีใจ กริสน์กับพิมมาดาเผลอหันมาจับมือกันกระโดดโหยงเหยงด้วยความดีใจ แต่แล้วพอรู้ตัวทั้งคู่ก็เขินๆ ผละออกจากกัน แล้วหัวเราะแก้เขิน กริสน์หาเรื่องพูดแก้เขิน “เอ่อ คือ..ไปๆๆ เรายกออกไปทานข้างนอกกันเถอะ” “ไม่ใช่เรา...คุณต่างหาก” พิมมาดาบอก “โอย...คนคนเดียวก็ได้” กริสน์บ่น
บริเวณสนามหน้าบ้านกลายเป็นเวทีแด้นซ์ไปแล้ว เต๋า เต้ย เค้ก จีจ้า และป๊อปคอร์นกำลังเปิดฟลอร์เต้นกันอย่างสุดเหวี่ยง เฮฮากรี๊ดกร๊าดกันสุดฤทธิ์ โดยมีโจ๊กที่นั่งเท้าคางมองอย่างเซ็งๆ อยู่ข้างฟลอร์
“น่าเบื่อ” โจ๊กบ่นแล้วมองผ่านกลุ่มของเต๋ากับเต้ยไปที่ด้านหลังแล้วก็ต้องชะงัก “เฮ้ย!”
โจ๊กทำตาโตอย่างอึ้งๆ แล้วลุกขึ้นยืน กลุ่มเต๋ากับเต้ยค่อยๆ ชะงักกันทีละคน ทั้งหมดมองไปทางเดียวกันแล้วตกตะลึง ”แม่เจ้า!! เต้นซะ บียอนเซ่เป็นหมันเลย” เต๋ารำพึง
ภาพที่ทุกคนเห็นคือแจ๊สที่กำลังเต้นอยู่ด้านหลัง แจ๊สวาดลวดลายแบบหลุดเหมือนอยู่ในโลกส่วนตัว เธอเต้นสวยและจังหวะเป๊ะยังกับนักเต้นจริงๆ กริสน์กับพิมมาดาถือถาดไก่เข้ามาแล้วก็ชะงักมอง
”นั่น..แจ๊ส..เต้นได้ขนาดนั้นเลยเหรอ” กริสน์ตกใจ
”แจ๊ส” พิมมาดาก็ตกใจไม่แพ้กัน! แจ๊สเริ่มรู้สึกตัว เธอรีบหยุดเต้นทันทีแล้วถึงกับเสียหลักสะดุดเท้าตัวเองจนล้มไป
“น้าพิม..เอ่อ ..แจ๊ส ขอโทษค่ะ” แจ๊สพูดเสียงอ่อย ”ไปหัดเต้นแบบนั้น มาจากไหน” พิมมาดาถาม ”เอ่อ อ่า” แจ๊สอึกอัก
กริสน์เห็นแจ๊สอึกอัก ก็รีบช่วยเบี่ยงประเด็น “เอ้าๆๆ ผมว่าอย่าเพิ่งสนใจเรื่องอื่นเลย มาๆๆ ไก่อบพร้อมเสิร์ฟแล้ว มาชิมกันก่อนดีกว่า”
“โหว ว้าว” โจ๊กกับจีจ้าตื่นตะลึง
ทุกคนรีบเข้ามารุมไก่อบ
พิมมาดายังคงมองแจ๊สอย่างรอคำตอบ
“ว่าไงแจ๊ส ใครสอนเต้น” ”ไม่มีใครสอน” แจ๊สตอบ
กริสน์ช่วยเปลี่ยนเรื่องทันที “แจ๊สมาเร็ว...ไก่ของเธอสวยน่ากินสุดๆ” แจ๊สรีบวิ่งไปที่ไก่ทันที เค้กมองกริสน์ตาเป็นมัน “คุณกริสน์..น่ากินจังค่ะ” ”คุณเค้กหมายถึง..ไก่..ใช่มั้ยครับ” กริสน์ถาม ”ค่ะ หมายถึงไก่”
“อ้ะๆๆ คุณพิม ในฐานะเป็นเจ้าภาพงานปาร์ตี้ ผมให้คุณเป็นคนลงดาบแรก มาๆๆ” กริสน์พูดแล้วส่งมีดให้พิมมาดา “ชิ้นแรกจะเป็นของใครเอ่ย”
จีจ้า แจ๊ส โจ๊กและป๊อปคอร์นแย่งกันยกมือขอกินชิ้นแรกกัน
“ไม่ต้องแย่งกัน ชิ้นแรกต้องเป็นของ..” พิมมาดายังพูดไม่ทันจบสุขสันต์ก็เดินเข้ามา ”ชิ้นแรก ขอผมได้มั้ยครับ” สุขสันต์พูด ”คุณแฮปปี้” พิมมาดาโพล่งออกมาเพราะดีใจ “คุณสุขสันต์”
ทุกคนอึ้งที่เห็นสุขสันต์ ทุกคนหน้าเฝื่อน หุบยิ้มและหมดสนุกทันที สุขสันต์ยิ้มอย่างเป็นมิตรให้ทุกคน
ณ มุมลับในครัว พวกเด็กๆและป็อบคอร์นมาสุมหัวกัน ”ใครเชิญนายทุกข์ระทมมา” โจ๊กถามขึ้น ”หมดอารมณ์เลย” แจ๊สบอก จีจ้ารู้ตัวเองว่ากำลังจะหอบ เลยรีบหยิบยามาฉีดเข้าปาก ”ดูดิ จีจ้าถึงกับเป็นหอบเลย” แจ๊สบอก ”ใช่...มาทีไรมีแต่นำความเดือดร้อนมาให้” โจ๊กสนับสนุน ”ถืกกกก” จีจ้าพูด ”บ๊อกๆ” ป็อบคอร์นเห่าสนับสนุน
กริสน์เดินเข้ามา
“อ้าวๆๆ เข้ามาปลุกม็อบอะไรกัน ออกไป ทำตัวให้ร่าเริงเป็นปกติ ทำแบบนี้น้าพวกเธอจะไม่สบายใจ รู้ไหม”
“แล้วน้าพิมเคยแคร์พวกเรารึเปล่าล่ะ” แจ๊สตัดพ้อ
“เจอหน้านายทุกข์ระทมมาบ้านเรา ลูกพี่สบายใจมากเลยรึไง” แจ๊สถาม
“จีจ้า หนูไม่ควรจะใช้คำพูดถึงผู้ใหญ่แบบนั้น มันจะทำให้หนูกลายเป็นเด็กก้าวร้าว ไม่น่ารัก” กริสน์อบรม
“เด็กก้าวร้าวๆๆๆ เอะอะ ก็หาว่าเด็กก้าวร้าว แล้วพวกผู้ใหญ่ล่ะ ไม่ก้าวร้าวเหรอ ดูข่าวในทีวี เดี๋ยวตีกันข้างถนน เดี๋ยวด่ากันในทำเนียบ สุดจะก้าวร้าว สมควรจะติดเรตx ถ้าเด็กดูไปเรื่อยๆเป็นต้องเสียคนหมดประเทศแน่ๆ” แจ๊สใส่เป็นชุด
“บ๊อกๆๆบรู๊ววว...” ป็อบคอร์นเห่าและหอนสนับสนุน
“เอาล่ะๆ ออกไปกินไก่กัน แล้วทำตัวดีๆกะคุณสุขสันต์ด้วย เค้าอยู่แป๊บเดียว เดี๋ยวเค้าก็กลับ..ช่วยกันทำให้ปาร์ตี้ของเราดำเนินไปอย่างราบรื่น..อย่ามีปัญหา เข้าใจ๋!!! คนที่จะเป็นผู้ชนะได้ ต้องไม่ใช้อารมณ์ แต่ต้องใช้สมองให้มากๆหน่อย จำไว้” กริสน์พูดแล้วก็รีบออกไป
“ใช้สมอง มีสติเหรอ...ได้เซ่!!” โจ๊กพูดด้วยแววตาร้ายกาจ เด็กคนที่เหลือกับป๊อบคอร์นมองหน้าอย่างเข้าใจกันทันที
ที่สนาม สุขสันต์นั่งอยู่กับพิมมาดาที่มีสีหน้ากังวล เค้กเอาเครื่องดื่มมาให้สุขสันต์
“นี่ค่ะ คุณสุขสันต์ เรามีแต่เครื่องดื่มแบบเด็กๆ รับรองว่าอร่อยสดชื่น ปราศจากแอลกอฮอล์และสารเสพติดใดๆ”
“โอว..ดีครับ..ผมเป็นศัตรูกับสารเสพติดอยู่แล้ว..เอ..แต่เด็กๆหายไปไหนน้า..หรือพวกเค้ารังเกียจผมครับ” สุขสันต์ถาม
“อุ๊ย ไม่ใช่ค่ะ เด็กๆไป..ไป..” พิมมาดาพยายามคิดแต่งเรื่อง
“ล้างมือก่อนรับประทานอาหารน่ะค่ะ ยัยพิมเค้าสอนเด็กๆเอาไว้ดี..ต้องมีสุขอนามัยกันตลอด” เค้กพุดต่อให้
กริสน์เดินออกมาพร้อมถาดใส่ขวดซอสแบบบีบชนิดต่างๆ ทั้งซอสพริก มะเขือเทศ มัสตาร์ด และมายองเนส
“ซอสมาแล้วครับ เชิญเลือกได้ตามสบาย ตามรสนิยม”
เต้ยกับเต๋าประคองถ้วยน้ำจิ้มมาอีกหลายแบบ
“คุณกริสน์ฮะ นี่..น้ำจิ้มรสนิยมเต้ย..แจ่ว และน้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกนรกครับ” เต้ยบอก
”นี่ของเต๋าฮะ มีน้ำจิ้มไก่ชนิดเผ็ดหวานแบบไทย และโชยุกับวาซาบิแบบแจแปนนิส”
”นายกริสน์..แล้วเด็กๆล่ะ” พิมมาดาถาม
”อ๋อ..เด็กๆ ไปเข้าห้องน้ำ” กริสน์ตอบ
”ล้างมือกัน..ใช่ไหมคะ” เค้กถามชง
”ใช่แล้วครับ ล้างมือๆ” กริสน์ตอบรับอย่างรู้ทัน
สักพัก เด็กๆ ทั้ง3 กับป็อบคอร์นก็เดินออกมาด้วยท่าทางสงบเสงี่ยม กริสน์รีบเข้าไปต้อนเด็กๆ ให้อยู่ห่างสุขสันต์ไว้
“มาๆๆ เรียบร้อยแล้วก็มากินกันได้ มาพวกเรา มานั่งด้วยกันตรงนี้ดีกว่าเด็กอยู่วงเด็ก ผู้ใหญ่อยู่วงผู้ใหญ่”
“ดีค่ะ ดีๆๆ เต๋าก็อยู่วงเด็กๆ” เต๋ารีบบอก
”ช่าย..เพราะคนมีความรักมักจะดูเด็กลงไปนิดนึง” เต้ยสนับสนุน
”งั้นเค้กก็เด็กด้วย นะคะคุณกริสน์” เค้กบอก
พิมมาดากับสุขสันต์สบตากัน สุขสันต์นึกได้จึงรีบพูด
“ไม่เอาๆๆ ทำไมต้องแบ่งชนชั้น แบ่งวัยกันด้วย ผมก็ไม่อยากแก่เหมือนกันนี่นา เด็กๆมานั่งกะเราดีกว่า จริงไหมครับ คุณพิมมาดา”
“เอ่อ..อย่าดีกว่านะคะ” พิมมาดามองหลานๆอย่างรู้นิสัยพวกเขาดี
“ทำไมล่ะครับ แบบนี้ แล้วเมื่อไหร่ ผมกะเด็กๆจะสนิทกันละครับ” สุขสันต์วางมาดพระเอก เขาจูงมือพิมมาดาให้ลุกขึ้น “มาครับ งั้นเราไปนั่งรวมกันกับทุกคนกันดีกว่า”
พวกเด็กๆ แอบสบตากันอย่างมีเลศนัย พิมมาดายิ้มให้กับสุขสันต์อย่างชื่นชม
สุขสันต์นั่งลงใกล้ๆ จีจ้า “นั่งใกล้ๆ ตัวเล็กดีกว่า..ตัวเล็ก น่ารักที่สุด..ใช่ไหมคะ” สุขสันต์พูดแล้วหันไปยิ้มหวานให้จีจ้า
จีจ้ายิ้มตอบ “มันชัวร์ป้าบๆๆๆๆ อยู่แล้วค่า”
พิมมาดาชักเป็นห่วงๆ เธอมองสบตากริสน์ในทำนองคาดคั้นเหมือนไม่ค่อยสบายใจ
กริสน์มองตอบเป็นเชิงว่าไม่ต้องห่วง ส่วนป็อบคอร์นเอียงคอมองด้วยแววตาลุ้น
เต๋ากับเต้ยวางจานที่มีไก่อยู่ 4ตัวลงกลางโต๊ะ
”เอาเลยค่า ใครอยากตัดตัวไหน ก็จัดการเลย” เต๋าบอก
”เดี๋ยวเต้ยหั่นเป็นชิ้นๆเลยดีกว่านะคะ จะได้หม่ำกันสะดวกๆ”
”โจ๊กขออาสาครับ งานนี้โจ๊กเป็นเจ้าภาพ โจ๊กขอทำพิธีเปิดงานเอง” โจ๊กพูดแล้วคว้ามีดมาถือ
โจ๊กควงมีดไปมา แล้วยื่นไปตรงหน้าสุขสันต์
พิมมาดาตกใจ “โจ๊ก!” ทันใดนั้นโจ๊กก็คว่ำคมมีดลงจ่อที่อกไก่
”ชิ้นแรก..สำหรับคุณสุขสันต์..อยากได้ส่วนไหนก่อนดีครับ” โจ๊กถาม
”ขอขาก็แล้วกัน..ขาซ้ายนะ” สุขสันต์บอก
”จัดไป” โจ๊กพูดแล้วหมุนจานไก่เพื่อเล็งตำแหน่ง
”เดี๋ยวค่ะ เดี๋ยว” แจ๊สขัดขึ้น “คุณสุขสันต์ชอบซอสแบบไหนคะ เรามีทุกอย่าง พร้อมบริการค่ะ”
”เอือม” สุขสันต์คิด “ขอ..ซอสพริก..ผสมกับ..มายองเนส..กับมัสตาร์ดนะคะ”
แจ๊สคว้าขวดซอสมาแบ่งให้จีจ้าถือ “เอ้า จีจ้า เดี๋ยวช่วยกัน..บริการแขกพิเศษของเรานะน้องนะ”
”เดี๋ยว!” เป็นกริสน์ที่ทักขึ้นบ้าง
“ลูกพี่..เงียบไปเลย..ลูกพี่ไม่อยากให้พวกเรา..เข้ากะคุณสุขสันต์ได้เหรอ” โจ๊กพูดปัดแล้วหันไปทางสุขสันต์ “คุณสุขสันต์อยากได้ขาซ้ายใช่ไหมครับ..ทันทีเลยครับ..ณ บัดนาว!!”
“โจ๊กๆ” กริสน์ปรามเหมือนพอจะรู้ว่าเด็กๆ จะทำอะไร
โจ๊กทำท่าเหมือนจะตัดขาไก่ แต่กลับใช้มือกดท้องไก่เต็มแรง
”อย่า” กริสน์ร้องห้ามแต่ไม่ทันแล้วเพราะผักที่อุดก้นไก่ซึ่งโจ๊กหันไปทางสุขสันต์กระเด็นออก ไส้ที่ยัดไว้ในท้องไก่พุ่งออกไปเลอะเต็มเสื้อของสุขสันต์
“เย้ย” สุขสันต์ร้องด้วยความตกใจ
”ว้าย” พิมมาดาร้องด้วย
เค้ก เต๋าและเต้ยก็พากันร้อง “อ๊าย”
จีจ้ากับแจ๊สร้องแบบประชด “ตกใจจังๆๆๆ กรี๊ด” ทั้งสองกรีดเสียงแหลม แล้วช่วยกันหันขวดซอสไปทางสุขสันต์แล้วบีบใส่ทันที
“นี่ซอสพริก” แจ๊สยกขวดซ้าย “นี่มายองเนส” แจ๊สยกขวดขวา
”แล้วนี่ มัสตาร์ดค่ะ” จีจ้ายกขวดในมือบีบใส่
ซอสทั้งสามขวดโดนบีบให้พุ่งใส่สุขสันต์จนเลอะเต็มตัว กริสน์ได้สติก็รีบกระโดดไปปัดไก่ที่โจ๊กยังบีบไส้ใส่สุขสันต์จนกระเด็นตกโต๊ะไป
พิมมาดากระโดดมาแย่งขวดซอสในมือของแจ๊สกับจีจ้าแล้วปาทิ้ง
“โจ๊ก แจ๊ส จีจ้า ทำไมทำแบบนี้ เด็กนิสัยไม่ดี น้าโกรธทุกคน ! นายด้วย นี่เหรอ การควบคุมเด็กของนาย ทุเรศที่สุด เราจะได้เห็นกัน!” พิมมาดาด่ากราดแล้วหันไปหาสุขสันต์ที่กำลังเละเทะ “โธ่..คุณสุขสันต์คะ พิมขอโทษค่ะ ขอโทษคุณอย่างมากเลยจริงๆนะคะ”
พิมมาดาไหว้สุขสันต์อย่างรู้สึกผิด แล้วจึงเอาผ้าเช็ดมือช่วยเช็ดๆ ป๊อปคอร์นเข้ามาเลียสุขสันต์ ทุกคนเงียบกริบ
ที่มุมหนึ่งภายในบ้านพิมมาดา โจ๊กทำหน้าซื่อยืนอธิบายอยู่
“โจ๊กไม่ได้ตั้งใจ น้าพิมก็เห็นตั้งแต่ทีแรกแล้ว ว่าเรายัดไส้ไปในตัวไก่เยอะมาก..แค่โจ๊กกดมีดตัดลงไป ไส้มันก็แพร่ดๆๆออกไปเอง โจ๊ก
ควบคุมไม่ได้จริงๆ”
“เพราะอย่างนี้ไงครับ เค้าถึงเรียกว่าไก่อบภูเขาไฟ แบบว่า..พอภูเขาไประเบิด ลาวามันก็โดนพ่นออกมา..แบบที่ห้ามกันไม่ได้จริงๆ” กริสน์พยายามช่วยพูดให้เด็กๆ
“ยังจะมีหน้ามาพูดอีก..นายนี่มันหน้าทนสุดยอด” พิมมาดาโวยแล้วหันไปหาเด็กผู้หญิงทั้งสอง “2คนนี่ก็เหมือนกัน คงหาข้อแก้ตัวไม่ได้สินะ ว่าไม่ได้ตั้งใจจะบีบพวกซอสใส่คุณสุขสันต์”
“แต่แจ๊สไม่ตั้งใจนะคะ แจ๊สแค่ตกใจ”
”น้าพิมก็น่าจะรู้..ว่าเวลาคนเราตกใจน่ะ มันจะขาดสติ แล้วก็ควบคุมตัวเองไม่ได้” จีจ้าบอก
”ใช่..บางคนตกใจ ก็ยังจุดไฟเผาตึก โดยไม่เจตนาก็ยังมีเลยค่ะ แจ๊สเคยเห็น”
”บางคนตกใจ ก็วิ่งไปหยิบของคนอื่นกลับบ้านก็มี” จีจ้าพูดต่อ
“พอแล้ว” พิมมาดาหันมาทางกริสน์ “นายกริสน์..ไปคิดมานะ ว่ากรณีนี้ เด็กพวกนี้ควรโดนทำโทษยังไง แล้วตัวนายด้วย นายควรจะโดนทำโทษด้วยวิธีไหนถึงจะสาสม หึ ขอบอกว่าเรื่องนี้ไม่จบง่ายๆแน่” พิมมาดาเดินไปอย่างฉุนเต็มที่
เด็กๆมองหน้ากัน พอพิมมาดาเดินพ้นไป เด็กๆ ก็หัวเราะกันคิกคัก กริสน์เองก็หัวเราะด้วย
แต่เมื่อเด็กๆ มองมา เขาก็รีบหยุดแล้วทำหน้าดุทันที
ภายในบ้านของพิมมาดา สุขสันต์เช็ดเนื้อเช็ดตัวเดินออกมาจากห้องน้ำ เขาทำหน้าขยะแขยงและแค้นใจพิมมาดาเดินหน้าจ๋อยเข้ามาหา
“คุณสุขสันต์คะ..พิมต้องขอกราบสักร้อยหน คุณให้อภัยพิมกับหลานๆ..ได้ไหมคะ”
”ผม..ไม่โกรธเลยครับ คุณพิมมาดา ผมเข้าใจดี..ว่า..ผม..คือส่วนเกินในบ้านนี้”
“ไม่ใช่นะคะ”
“ใช่สิครับ ผมคงไม่ดีพอ ทุกคน..ถึงรังเกียจผม..รวมทั้ง..คุณด้วย”
“เปล่านะคะ พิม..เอ้อ คือ..ไม่มีใครรังเกียจคุณซะหน่อย”
“ถ้าไม่รังเกียจจริง..แล้วไหนล่ะ..ของขวัญที่ผมให้..ไม่เห็นคุณพิมสวมเลย”
พิมมาดาเพิ่งนึกขึ้นได้ “จริงสิ..สร้อยเพชรของคุณ” พิมมาดารีบวิ่งไปที่โต๊ะ เปิดลิ้นชักแล้วหยิบกล่องออกมา
“พิมรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ มันแพงเกินไป”
“สำหรับคุณพิมแล้ว ไม่มีคำว่าแพงเกินไปหรอกครับ..ของพวกนี้ ไม่มีมูลค่าอะไรกับผมเลย ถ้าไม่มีคุณพิม รับไว้เถอะนะครับ ผมรักคุณ อยากดูแลคุณ”
“คุณแฮปปี้! แล้วคุณแพรว” พิมมาดาถาม
“แพรว..ก็คงต้องต้องหัดเรียนรู้และยอมรับความจริงสักที ว่าผม ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงของเค้า ผมมีชีวิตจิตใจ ที่ผมจะทำอะไรกับมันก็ได้..และตอนนี้ ผมก็กำลังขอให้คุณเป็นคนดูแลหัวใจของผม” สุขสันต์หยิบสร้อยเพชรขึ้นมา “ได้มั้ยครับ”
สุขสันต์ค่อยๆ สวมสร้อยเพชรให้ที่คอของพิมมาดา
กริสน์เดินเข้ามาเห็นก็ชะงัก เขามองด้วยความเจ็บปวด
“เรื่องแพรว..ผมจะหาทางจัดการ” สุขสันต์บอก “ไม่ให้แพรวมาราวีคุณอีกเด็ดขาด..ผมอยากขอให้คุณอดทน อย่าเพิ่งหนีผมไปซะก่อน.. เช่นเดียวกัน..ผมสัญญาว่าจะอดทน จนกว่าเด็กๆจะยอมรับผม..เราเป็นแฟนกันเถอะนะ พิมมาดา”
“ค่ะ” พิมมาดาตอบรับ กริสน์เบือนหน้าหนี
สุขสันต์กับพิมมาดาควงกันออกงานต่างๆ ทั้งที่โรงแรม งานเลี้ยงด้านหน้าโรงแรม สุขสันต์เดินมาขึ้นรถพร้อมพิมมาดาที่แต่งตัวสวยหรู สุขสันต์ยิ้มแย้ม มีสื่อรุมถ่ายรูปมากมาย นักข่าวยื่นไมโครโฟนสัมภาษณ์มากมาย พิมมาดาทำหน้างงๆ เพราะไม่ชิน สุขสันต์รีบพาเธอขึ้นรถออกไป สุขสันต์แนะนำเด็กๆ ในออฟฟิศให้รู้จักพิมมาดาในฐานะแฟน สุขสันต์มาหาพิมมาดาที่ร้านดอกไม้ นักข่าวแอบตามมาถ่ายรูปบริเวณนอกร้าน สุขสันต์กับพิมมาดาใกล้ชิดสนิทสนมกันเป็นพิเศษ เต๋ากับเต้ยแอบมองอย่างอิจฉา กริสน์กับเด็กๆ ไม่แฮปปี้กับภาพที่เห็น แต่กริสน์ก็ปั้นหน้ายิ้มแย้มเหมือนมีความสุขไปด้วย ผู้ประกาศข่าวทีวีนำภาพสุขสันต์กับพิมมาดามาออกรายการข่าว เด็กๆ กดรีโมทปิดทีวีอย่างไม่พอใจ กริสน์เดินเข้ามาในห้องดูทีวี เด็กๆเดินสวนออกไปอย่างไม่สนใจจะทักทายกริสน์
ยามเช้าที่บ้านของสุขสันต์ สุขสันต์กำลังนั่งจิบชาอยู่อย่างอารมณ์ดี มีฮิมยืนดูแลอยู่ข้างๆ เพียงไม่นานฉัตรชัยก็เดินเข้ามา
”ท่านครับ”
สุขสันต์มีท่าทีสงบ เขาวางแก้วชาลงแล้วลุกขึ้นยืนเหมือนเตรียมรับกับสิ่งที่กำลังจะมา ทันใดนั้นแพรวพิลาศก็เดินจ้ำอ้าวเข้ามาแบบเอาเรื่อง
แพรวพิลาศเขวี้ยงหนังสือพิมพ์ใส่สุขสันต์ “นี่มันหมายความว่ายังไง!”
สุขสันต์หยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่าน “เปิดตัวแฟนสาวคนล่าสุดของสส.สุขสันต์ อ้าว ทำไมฉบับนี้พาดหัวข่าวแบบนี้ล่ะ..ฉัตรชัย โทรไปบอกให้เค้าแก้ข่าวด้วย..พิมมาดาไม่ใช่แฟนคนล่าสุดของชั้น แต่เป็นแฟนคนสุดท้าย”
“แฟนคนสุดท้าย!” แพรวพิลาศกรี๊ด “แล้วแพรวล่ะ แพรวคืออะไร”
“ตกจากอันดับหนึ่ง” ฉัตรชัยพูดนิ่งๆ
“ลงมาเป็นรองอันดับหนึ่งแทนไงครับ” ฮิมเสริม
”รองอันดับหนึ่ง กรี๊ด...อ๊ายๆๆ” แพรวพิลาศกรี๊ดลั่น
“แพรว ผมทบทวนดูแล้ว เราสองคนต่างกันเกินไป”
“ต่างกันเกินไป กรี๊ดๆๆ” แพรวพิลาศกรี๊ดต่อ
“คุณแพรวเป็นถึงลูกหัวหน้าพรรคการเมืองที่ยิ่งใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทย ส่วนผมมันแค่นักการเมืองตัวเล็กๆ ผมก็ควรจะอยู่แบบเจียมตัว แบบคนธรรมดาๆ ตามฐานะของผม..คุณอาจจะโกรธผม เกลียดผม แล้วก็ไปฟ้องพ่อของคุณให้เขี่ยผมออก จนผมหมดอนาคตทางการเมือง..แต่..ไม่เป็นไร..เมื่อพ่อคุณไม่ต้องการผม ผมก็จะไปอยู่พรรคการเมืองเล็กๆแล้วก็มีแฟนเป็นเจ้าของร้านดอกไม้น่ารักๆซึ่งไม่ใช่คุณอีกต่อไป..ขอตัวก่อนนะ” สุขสันต์พูดตัดบท
“คุณสุขสันต์!” แพรวพิลาศทำท่าจะเป็นลม “คุณ..คุณ..โอ๊ย ชั้น..ชั้นไม่ยอมให้คุณเลิกกับชั้นแน่..ยัยพิมมาดา..แก..แกแย่งแฟนชั้น..แก คอยดู..ชั้นจะ..จะ..เป็นลม”
แพรวพิลาศเป็นลมล้มไป ฉัตรชัยพุ่งเข้ามารับได้พอดี
อ่านต่อหน้า 3
มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 7 (ต่อ)
ภัทรดนัยกำลังนั่งอ่านข่าวจากเว็บไซต์อยู่ที่ร้านเบเกอรี่ของเค้ก หลังจากอ่านไปได้สักพักเขาก็กระโดดขึ้นอย่างดีใจ
“โหๆๆ สุขสันต์ออกตัวแรงมาก ดีๆๆ พิมมาดาเป็นแฟนกับสุขสันต์แล้ว ต่อไป แกก็จะเข้าถึงตัวสุขสันต์ได้ง่ายขึ้น ภารกิจเราต้องสำเร็จแน่นอน ฮ่าๆๆ” ภัทรดนัยชะงักเมื่อเห็นกริสน์นิ่งไป “เฮ้ย ไอ้กริสน์ แกไม่ดีใจเหรอวะ”
“ดีใจ” กริสน์พูดเรียบๆ
”นี่คืออาการของคนดีใจเหรอวะ”
”เนี่ยดีใจเต็มที่แล้ว” กริสน์นั่งหน้าเบื่อโลก
“ไม่สบายป่าววะ” ภัทรดนัยแตะหน้าผากเพื่อน “ไหนอ้าปากดิ” ภัทรดนัยเชยคางเพื่อนแล้วดูปากเหมือนหมอกำลังตรวจคนไข้ “เหงือกก็ดูปกติดี แล้วแกเป็นอะไร”
”นี่!! จะมาสวีทอะไรกันที่ร้านชั้นบ่อยๆ..ชั้นขอร้องล่ะ ถ้าจะมาหวานแหววกัน ช่วยไปที่อื่นได้มั้ย ชั้นไม่อยากรับรู้ด้วย” เค้กบ่น
“ไม่อยากรับรู้ แต่เห็นเข้ามาเจ๊าะแจ๊ะตลอด” ภัทรดนัยแขวะ
”ก็มันเกะกะลูกตา โดยเฉพาะนาย ชอบมาทำให้คุณกริสน์ไขว้เขว ออกไปเลย ไปๆ” เค้กไล่
”กล้าไล่ลูกค้าเหรอ”
ระหว่างที่เค้กกับภัทรดนัยหันกำลังเถียงกัน กริสน์มองออกไปด้านนอกร้านเห็นชายร่างกายกำยำ ถึงห้าคนเดินมามองที่หน้าร้านดอกไม้ด้วยท่าทางแปลกๆ จากนั้นแพรวพิลาศก็ลงมาจากรถ
“เอ๊ะ นั่น คุณแพรว..มาทำอะไร” กริสน์ทัก
พิมมาดากำลังคุมเต๋ากับเต้ยที่กำลังขนดอกไม้ขึ้นรถไปส่งให้ลูกค้าอยู่ที่ร้านดอกไม้
“อ้ะๆ นี่รายชื่อลูกค้าและแผนที่นะ รีบไปส่งแล้วรีบกลับมา เข้าใจมั้ย อย่าให้รู้นะว่าแอบเถลไถลไปกรี๊ด
มิวสิคเอเอฟสี่อีก” พิมมาดาพูดดักคอ
“ค่า” เต๋ากับเต้ยแม่ยกเอเอฟรับคำพร้อมกัน
แพรวพิลาศเดินเข้ามาในร้าน โดยมีชายทั้งห้าคนเดินตามมาด้านหลัง ”สวัสดีค่ะ” พิมาดายิ้มทักทายลูกค้าตามมารยาท แต่พอหันมาเห็นเป็นแพรวพิลาศก็ชะงัก “คุณแพรว”
“จัดการ” แพรวพิลาศสั่ง
“จัดการ? จัดการอะไรคะ” เต้ยงง
กลุ่มชายฉกรรจ์ผลักหน้าเต้ยออกไปแบบไม่แยแส ”จะทำอะไรกันน่ะ” เต๋าตกใจ
ชายร่างกำยำทั้งหมดเดินตรงเข้าไปในร้าน พวกมันปัดแจกันและชั้นโชว์ดอกไม้จนล้มระเนระนาด เสียง
ดังเพล้งพล้างไปทั่วบริเวณ
“คุณแพรว..คุณทำแบบนี้ทำไม หยุดนะ หยุด” พิมมาดาตะโกน
“ชั้นจะบอกให้รู้นะพิมมาดา ถ้าหล่อนคิดจะแย่งผู้ชายของชั้น หล่อนคิดผิดแล้ว คนอย่างชั้น ไม่เคยแพ้ใคร รู้ไว้ซะ” แพรวพิลาศขู่
พิมมาดา เต๋า และเต้ยรีบวิ่งเข้าไปในร้าน ทั้งสามพยายามจะหยุดผู้ชายเหล่านั้น
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ ชั้นบอกให้หยุด” พิมมาดาตะโกนแล้วเข้าไปดึงผู้ชายคนหนึ่งออก แต่ก็โดนเหวี่ยงจนไปกระแทกกับโต๊ะ ”โอ้ย”
เต๋ารีบเข้ามาประคอง “คุณพิม...เป็นอะไรไหมคะ”
”มันจะมากไปแล้วนะ”
เต้ยโมโหวิ่งเข้าจะไปตบแต่โดนผู้ชายอีกคนจับมือแล้วหักแขน
”ว๊าย...ช่วยด้วย แขนจะหักแล้ว” เต้ยร้องลั่น
แพรวพิลาศเดินเข้ามาดูสะใจ “ฮะๆ จะได้รู้สำนึกบ้าง ว่าชั้นน่ะเป็นลูกใคร”
พวกลูกน้องแพรวพิลาศยังคงทำลายข้าวของต่อไป
”เต๋าโทรเรียกตำรวจ” พิมมาดาสั่ง
”ค่ะๆ” เต๋ารับคำแล้วรีบวิ่งไปที่โทรศัพท์ เอื้อมมือไปจะหยิบโทรศัพท์แต่มีมือมาจับโทรศัพท์เอาไว้ เต๋าเงยไปเห็นว่าเป็นผู้ชายตัวใหญ่ที่สุดกำลังยิ้มอย่างสะใจ
เต๋าพยายามหยิกและกัดแขนผู้ชายคนนั้นให้ปล่อยโทรศัพท์ แต่ก็ไม่ระคายผิว ชายคนนั้นยังคงยืนยิ้มอยู่
ทันใดนั้นก็มีมือโผล่มาจากด้านหลังของชายคนนั้นแล้วตบเข้าที่บ้องหูทั้งสองข้างของชายร่างใหญ่จนร่วงลงไป เมื่อร่างใหญ่ทรุดไปกองกับพื้น ก็เห็นว่ากริสน์กำลังยืนยิ้มให้เต๋าแทน
”คุณกริสน์” เต๋าร้องออกมาด้วยความดีใจ
”กริสน์!” พิมมาดาหันมาเห็น
ภัทรดนัยที่ยืนอยู่กับเค้กตะโกนเข้ามา “เฮ้ย...ไอ้พวกเหล่าร้ายออกไปจากร้านคุณพิมเดี๋ยวนี้นะ”
”ว้าว...โบราณดีจัง” เค้กแซว
ทุกคนยืนงงกับไดอะล็อคและท่าทางที่ดูลิเกของภัทรดนัย
”เอ้า ยืนงงกันอยู่ได้” แพรวพิลาศบอก
กลุ่มชายทั้งห้าได้สติรีบพุ่งเข้าไปหากริสน์และภัทรดนัยทันที
ชายร่างใหญ่คนหนึ่งลอยทะลุกระจกร้านออกมาแล้วสลบเหมือดไป กระจกแตกกระจายเต็มหน้าร้าน แพรวพิลาศวิ่งหนีออกมา เหล่าชายฉกรรจ์ที่เหลือกระโดดโหยงเหยงออกมาจากร้าน โดยมีเก้าอี้ลอยตามออกมา
กริสน์กับภัทรดนัยเดินมาหยุดหน้าประตูร้าน กลุ่มพิมมาดายืนอยู่ด้านหลัง กริสน์กับภทัรดนัยกระโจนตามออกมาอัดกลุ่มชายฉกรรจ์จนลงไปกองอีก 2 คน
“คุณหนูไฮโซครับ คุณไม่มีสิทธิ์มาระรานคนอื่นแบบนี้นะ” กริสน์บอก
“ชั้นจะระราน..แกจะทำไม” แพรวพิลาศตอกกลับ
“คุณร้ายแบบนี้ไง คุณสุขสันต์ถึงเลือกคุณพิม”
“ถึงชั้นจะร้าย แต่ชั้นก็ไม่เคยแย่งสามีใคร ชั้นยังมียางอาย..แล้วชั้นก็ไม่เคยแอ๊บ ทำเป็นไร้เดียงสาหลอกผู้ชายเหมือนนังนี่”
“งั้นหล่อนใช้วิธีอะไรล่อให้ผู้ชายมาติดกับล่ะ อ๋อ รู้แล้ว ใช้เงิน กับอำนาจใช่ไหม” เค้กแขวะ
“อยู่แล้ว..เพราะลำพังแค่รูปร่างหน้าตา ก็ไม่ได้แจ่มไปกว่าน้องๆเชียร์เบียร์ที่ผับปากซอยนี่เล้ย จะว่าไปสาวเซเว่นแถวบ้านผมยังน่าสนใจกว่าคุณเยอะ” ภัทรดนัยเสริม
“อ๊าย..นี่พวกแกจะรุมชั้นเหรอ ไอ้พวกไก่กาเศษสวะ” แพรวพิลาศกรี๊ด
“ใช่..ถ้ารักตัว กลัวตาย ก็ไปกันได้แล้ว คุณพิม..โอเคนะครับ” กริสน์หันไปถามพิมมาดา
“อื้อ” พิมมาดาตอบสั้นๆ
แพรวพิลาศหันไปสั่งชายเหล่านั้น “อาวุธ”
กลุ่มลูกน้องที่เหลือ ชักไม้เบสบอลออกมา
ทันใดนั้นเองสุขสันต์ ฉัตรชัย และฮิมก็เข้ามา สุขสันต์แปลกใจที่เจอแพรวพิลาศ “แพรว..คุณพิม!”
ฉัตรชัยเข้าไปล็อคตัวชายคนหนึ่งแล้วทุ่มลงไปกองกับพื้น ก่อนจะกระชากขึ้นมาให้สุขสันต์ชกหนึ่งทีด้วยท่าทางเท่ๆ
สุขสันต์รีบเข้าไปดูพิมมาดาจนกริสน์ต้องผละออก “คุณพิม คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
ฉัตรชัยหยิบปืนออกมาขู่ ทุกคนผงะ “ให้ผมโทรตามรถพยาบาล”
ฮิมเอานิ้วจิ้มผู้ชายที่เหลืออีกคน “หรือให้ตามตำรวจดีฮะ”
“นี่คุณกล้าทำคนของแพรวเหรอ พวกแกด้วย ไอ้ฉัตรชัย ไอ้ฮิม” แพรวพิลาศโวย
สุขสันต์พูดต่อแบบไม่สนใจ “คุณพิม.. ผมขอโทษนะครับที่ปล่อยให้เกิดเหตุอย่างนี้..ผมผิดเอง” สุขสันต์หันมาหาแพรวพิลาศ “แพรว คุณทำแบบนี้ได้ยังไง คุณแค้นผม ก็มาลงที่ผมสิ คุณพิมไม่เกี่ยวอะไรด้วย ฟังนะ.. ถ้าคุณยังไม่เลิกยุ่งกับเราอีก ผมจะไม่เกรงใจคุณ..และพ่อของคุณอีกแล้ว” สุขสันต์ประคองพิมมาดาออกไป
“ไปเถอะครับคุณพิม”
“คุณสุขสันต์!” แพรวพิลาศกรี๊ด
ชายลูกสมุนแพรวพิลาศขยับจะตาม ฉัตรชัยยกปืนขู่
”ถ้าคุณแพรวยังไม่รีบไป เดี๋ยวอยู่รอเจอนักข่าวก่อนก็ได้นะครับ” ฉัตรชัยบอก
”ทุกช่องและทุกฉบับเลย ผมโทรเรียกมาแล้ว” ฮิมเสริม
“กรี๊ดๆๆ ไอ้บ้า ชั้นไม่ยอมแพ้คุณหรอก คุณสุขสันต์!! ทุกคนจำเอาไว้เลย! คนอย่างชั้น ฆ่าได้ หยามไม่ได้ จำไว้!!พวกเรา กลับ..!”
แพรวพิลาศเดินออกไปด้วยความแค้น กลุ่มชายทั้งห้าประคองกันออกไป กริสน์ เต๋า เต้ย เค้กและภัทรดนัยยืนอึ้ง
“ขโมยซีนสุดๆ” ภัทรดนัยกัด
“ชุบมือเปิป” เค้กเสริม
สุขสันต์กำลังนั่งปลอบพิมมาดาอยู่ภายในบ้าน
“ผมรับปากว่าจะไปเคลียร์กับแพรวให้จบ..จะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้กับคุณพิมอีก..เรื่องร้านคุณพิม..ผม
ขอเวลาสองวัน จะให้คนมาเนรมิตให้มันกลับมาสวยและดียิ่งกว่าเดิมแน่นอนครับ”
กริสน์เข้ามายืนมอง
“กริสน์” พิมมาดาหันมาเห็นกริสน์ยืนอยู่
กริสน์ยิ้มรับแล้วรีบพูดขึ้นเพราะคิดว่าพิมมาดาจะขอบคุณ
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ เรื่องที่ผมจัดการกับไอ้พวกอันธพาล..มันคือหน้าที่” ”ทำไมยังไม่ไปรับเด็กๆ อีกล่ะ..โรงเรียนจะเลิกแล้ว” พิมมาดาไม่ขอบคุณ แต่ถามขึ้น กริสน์ทำหน้าเซ็งๆ “ครับผม.. จะไปเดี๋ยวนี้ครับ” กริสน์ก้มหน้าอย่างจ๋อยๆ แล้วเดินไป สุขสันต์มองตามแล้วขำๆ
บริเวณหน้าโรงเรียน กริสน์รีบโกยเด็กๆ ขึ้นรถเหมือนจับปูใส่กระด้ง กริสท์ทำหน้าถมึงทึงแล้วออกคำสั่ง อย่างอารมณ์เสีย เขาพยายามจับเด็กๆ ยัดใส่รถ ปิดประตูปัง แล้วออกรถทันที จนเด็กๆ หน้าหงาย
แถมในขณะขับรถมาตามถนน กริสน์ก็ขับรถอย่างรวดเร็ว ปาดซ้าย แซงขวา เด็กๆ ตาค้างแล้วพยายามยึดเบาะตัวเกร็ง
กริสน์ซึ่งขับรถมาอย่างเร็วก็เบรกเอี๊ยดจนเด็กๆ หัวทิ่มเมื่อมาถึงหน้าบ้านพิมมาดา เด็กๆ ที่อยู่ในรถล้มคว่ำแอ้งแม้ง จีจ้านอนขาชี้ฟ้า เด็กทุกคนอยู่ในสภาพหัวตั้ง ตาเหลือก
“เอ้า ถึงแล้ว!” กริสน์หันมาบอกเด็กๆ อย่างไม่แยแสหรือใส่ใจ ”ไปโกรธใครที่ไหนมา ขับรถยังกะสิบล้อตีนผี” โจ๊กดูอาการออกรีบถาม
“เหมือนแท็กซี่ที่ซื้อใบขับขี่มามากกว่า” แจ๊สว่า
กริสน์มองออกไปหน้าบ้าน เห็นพิมมาดากับสุขสันต์เดินออกมาด้วยกัน กริสน์นึกบางอย่างได้ จึงแอบยุเด็กๆ
“อุ๊ย เด็กๆ นั่น..น้าพิมกับ..สส.คนนั้นนี่..เอ๊ เค้ามาทำอะไรกันน้า” ”นายคนนั้นมาอีกทำไม” โจ๊กไม่พอใจ
เด็กๆ หันมามองกันตาเขม็ง ”ก็น่านนะสิ มาทำไม” กริสน์แอบสะใจ
สุขสันต์ร่ำลาพิมมาดาอยู่ที่หน้าบ้าน
“ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ ผมมีประชุม เลี่ยงไม่ได้จริงๆ”
“ดีแล้วค่ะ พิมไม่อยากทำให้คุณเสียงาน เอาเป็นว่าคุณแฮปปี้ประชุมเสร็จ โทรมาหาหน่อยก็ดีนะคะ”
“ครับผม”
สุขสันต์หันมาเห็นว่าพวกเด็กๆ มายืนเรียงหน้ากันอยู่
“เย้ย..ทำไมมาถึงเร็วจังวะ?” สุขสันต์บ่นกับตัวเอง
พิมมาดามองตาปริบๆ “นี่..นี่นายกริสน์เค้าไปรับหลานๆมาได้ไง ภายในครึ่งชั่วโมง”
สุขสันต์รีบเปลี่ยนสีหน้าแล้วโอบบ่าพิมทันที “รวดเร็วดีจริง..รถคงไม่ติดมังครับ..โรงเรียนเพิ่งเลิก..ไงครับ เด็กๆ.. วันนี้เรียนหนังสือสนุกมั้ย เป็นเด็กดีกันทุกคนแล้วใช่มั้ย”
“แล้วคุณล่ะ เป็นผู้ใหญ่ที่ดีหรือเปล่า” แจ๊สสวนกลับ
”คุณรู้ไหม ว่าผู้ชายกับผู้หญิงที่ดี ไม่ควรถูกเนื้อต้องตัวกันมากเกินไป คนไทยเค้าถือ!” จีจ้ารีบเสริม
พิมมาดาสะดุ้งแล้วรีบปลดมือสุขสันต์ออก “เด็กๆ..เสียมารยาทอีกแล้วนะ ไป..เข้าไปกินอาหารว่าง”
กริสน์ลงมายืนข้างๆ รถ มองไปเห็นพวกเด็กยืนนิ่งแบบไม่เชื่อฟังคำสั่ง
“ป่วนให้สุดๆไปเลย สมน้ำหน้า” กริสน์สะใจ
สุขสันต์ลงนั่งคุกเข่าแล้วโอบพวกเด็กๆ มารวมกัน พิมมาดามองด้านหลังของสุขสันต์ เธอรู้สึกว่าสุขสันต์รักเด็กๆ มาก
“แจ๊ส โจ๊ก จีจ้า..ถ้าพวกเธอรักน้าพิม พวกเธอก็ต้องดีกับน้านะ..เพราะ ตอนนี้..น้ากับน้าพิม..ตกลงเป็นแฟนกันแล้ว..เข้าใจมั้ย” ที่แท้สุขสันต์ขู่หน้าโหดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นใบหน้ายิ้มหยัน
“หา” พวกเด็กๆ ตกใจ
สุขสันต์กระซิบ “ถ้าใครแข็งข้อ..ก็แปลว่า..ต้องไปเข้าโรงเรียนดัดสันดานที่อินเดียจริงๆ แล้วคราวนี้ ไม่งั้น..ก็ต้องไปอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า”
สุขสันต์แอบยักคิ้วเย้ยพวกเด็กๆ โดยไม่ให้พิมมาดาเห็น กริสน์ที่ทำเป็นดูแลรถแอบมองพฤติกรรมสุขสันต์
“ไม่มีทาง น้าพิมไม่มีวันเห็นคุณดีกว่าพวกเรา!” โจ๊กไม่เชื่อ ผลักสุขสันต์จนหงายหลัง
“โจ๊ก!! มันจะมากไปแล้วนะ” พิมมาดาฉุนรีบเข้าไปดันโจ๊กออกแล้วประคองสุขสันต์ขึ้นมา “ขอโทษนะคะคุณแฮปปี้”
“น้าพิม น้าพิมโดนหลอกแล้วล่ะ คนนี้เค้าจะมาทำลายครอบครัวของเรา” โจ๊กเสียงดัง
”คนนี้เค้าเกลียดเด็ก” แจ๊สเสริม
”ที่นี่ไม่ต้อนรับผู้ใหญ่เกลียดเด็ก ออกไป!” จีจ้าไล่
”ออกไปๆๆๆ” พวกเด็กๆ ช่วยกันไล่
“น้าพิมต้องเลิกกับเค้า ต้องเลิกๆ” โจ๊กบอก
”ต้องเลิกๆๆ” เด็กๆ ประสานเสียง
กริสน์แอบฟังอยู่ได้ยินแบบนั้นก็เคลิ้มไปด้วย
“ต้องเลิกๆๆ” กริสน์นึกขึ้นได้ก็ชะงัก “เอ๊ย แต่ถ้าเค้าเลิกกัน เราจะเข้าถึงเบื้องลึกของนายสุขสันต์ได้ไงล่ะเฟ้ย..โอ๊ย เครียด..ไอ้กริสน์” กริสน์กำมือแน่น “หน้าที่ต้องมาก่อนอะไรทั้งสิ้น”
กริสน์รีบวิ่งพรวดเข้าไปพร้อมกับเป่านกหวีดลั่น
“เด็กๆ หยุดๆๆ พฤติกรรมไม่เหมาะสม มานี่” กริสน์หันไปพูดกับพิมมาดา “คุณพิม เดี๋ยวผมจัดการพวกตัวแสบทั้งหลายนี่ให้คุณเอง..ให้คุณด้วยนะครับ..คุณสุภาพบุรุษ” กริสน์ยิ้ม แล้วก้มหัวให้สุขสันต์ แล้วเขาก็ลากเด็กๆ ออกไป
กริสน์ลากเด็กๆ มาที่สวนหลังบ้าน
”มานี่ๆๆ”
เด็กๆ โวยวาย
”น้ากริสน์เข้าข้างมิสเตอร์สุขสันต์เหรอ” แจ๊สถาม
“น้ากริสน์ยอมให้เค้าซื้อตัวไปแล้วใช่ไหม น้ากริสน์ขายเสียงให้กับไอ้คนจอมปลอม” โจ๊กไม่พอใจ
“นายแฮปปี้จ่ายให้น้ากริสน์เท่าไหร่ บอกมา เราจะจ่ายให้สองเท่า” จีจ้าถาม
”เฮ้ย...ไม่ได้จีจ้า เราไม่ติดสินบนใคร” โจ๊กรีบบอก
”ได้!! บอกมาก็ได้ว่าเท่าไหร่ เราอยากรู้เฉยๆ” จีจ้ารอคำตอบ
“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะ” กริสน์ชี้แจง “น้าพยายามขัดขวางแล้ว แต่ความรักมันบังคับไม่ได้..น้าเองก็เสียใจ เสียใจมาก ที่ทำให้พวกเธอผิดหวัง..แต่..พวกเธอดูน้าพิมสิ เค้ามีความสุข พวกเธอจะยอมอดทนนิดหน่อย เพื่อความสุขของน้าตัวเอง ไม่ได้เลยเหรอ”
“ไม่ได้” เด็กๆ ประสานเสียง
“บางทีคุณสุขสันต์อาจไม่ได้เลวร้ายนัก ถ้าพวกเธอได้รู้จักเค้าจริงๆ..เอางี้ พวกเรามาลองให้โอกาสคุณสุขสันต์สัก..สองอาทิตย์ ได้มั้ย” กริสน์บอก เด็กๆ เงียบ “สองอาทิตย์” กริสน์ย้ำ ทั้งสามยังคงเงียบอีก “อาทิตย์เดียวก็ยังดี”
โจ๊กส่ายหัวอย่างระอา “ผมอนาถใจตัวน้ากริสน์จริงๆ”
“คนอะไร เปลี่ยนสีได้เหมือนจิ้งจก” แจ๊สเสริม
โจ๊กกับแจ๊สกระทืบเท้ากริสน์อย่างแรง
“นี่แน่ะๆ”
“โอ๊ยๆ” กริสน์ร้อง
โจ๊กกับแจ๊สจะเดินไป แต่จีจ้ายังลังเล
“จีจ้า จะอยู่ข้างใคร” แจ๊สหันมาถามเสียงขุ่น
”เอ่อ คือ” จีจ้าลังเลแต่แล้วก็หันไปค้อนกริสน์ ก่อนจะเดินตามแจ๊สกับโจ๊กไป
ในขณะที่แจ๊ส โจ๊กและจีจ้ากำลังนั่งคุยกันอยู่บนเตียงภายในห้องนอน แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อพบว่าพิมมาดาเปิดประตูเข้ามาในห้องด้วยหน้าตาเคร่งเครียด
แจ๊สกับโจ๊กอึกอักแล้วคิดหาทางเลี่ยงการเผชิญหน้า ทั้งสองแกล้งหาวพร้อมกัน “ฮ้าว...”
”หือ หา” จีจ้างงสักพักแล้วก็เก็ต “อ๋อ ฮ้าว...”
พวกเด็กๆทำเป็นง่วงเพราะจะชิ่งไปนอน
”พรุ่งนี้น้าจะพาทุกคนไปขอโทษคุณสุขสันต์” พิมมาดาบอก เด็กๆชะงัก
”ไม่..เราไม่ไป!” โจ๊กเสียงแข็ง
แต่พิมมาดาพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “พวกเธอต้องไป!”
”พวกเราจะไม่ขอโทษคนไม่ดีเด็ดขาด” แจ๊สยืนยัน
“คุณสุขสันต์เค้าไม่ดียังไง..ทำไมพวกเธอถึงไม่เคยเคารพ ไม่เคยให้เกียรติเค้าเลย..พวกเราไม่สงสารน้าบ้างเหรอ คนที่น้ารักแล้วก็รักน้าด้วยมันไม่ได้หาง่ายๆ นะ แล้วเค้าก็มีฐานะดี มีความมั่นคง เป็นคนที่ผู้คนในสังคมให้ความนับหน้าถือตา เป็นที่พึ่งของน้ากับหลานๆ ได้ พวกเราไม่ต้องรักเค้ามากมายหรอก แค่ดีกับเค้าบ้าง..สักนิด..ได้มั้ย น้าขอร้องล่ะ”
“น้าพิมรักคุณสุขสันต์..มากกว่า..พวกเราใช่มั้ยคะ” จีจ้าถามพาซื่อ
“จีจ้า” พิมมาดาอึ้ง
“หรือจริงๆ แล้วน้าพิมไม่เคยรักพวกเราเลย” สีหน้าของโจ๊กดูผิดหวัง
“น้าพิมไม่ได้อยากดูแลพวกเรา..น้าพิมแค่กลัวจะถูกชาวบ้านมาชี้หน้าว่าเลว ถ้าทอดทิ้งหลานๆ ไปอยู่บ้านเด็กกำพร้า” แจ๊สสรุป
”น้าพิมใจร้าย..จีจ้าจะสวดมนต์ฟ้องคุณแม่ ให้แม่ไปตีน้าพิมในฝัน”
จากนั้นโจ๊กกับจีจ้าคลุมโปงทันทีส่วนแจ็สรีบวิ่งออกไปจากห้อง
พิมมาดาเศร้าและลำบากใจ เธออึดอัดที่จัดการอะไรไม่ได้สักอย่าง
พิมมาดาเปิดประตูห้องนอนโจ๊กกับจีจ้าออกมาแล้วทรุดลงนั่งน้ำตาซึม พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่ากริสน์กำลังยืนอยู่ต่อหน้าเธอ
“มองอะไร” พิมมาดารีบเชิดหน้าและปาดน้ำตา
กริสน์ยังคงมองนิ่งๆ อย่างชั่งใจว่าควรถามหรือไม่
“มองอะไร๊!” พิมมาดาถามย้ำ
”คุณรักคุณสุขสันต์มากกว่าเด็กๆ จริงๆ เหรอ”
พิมมาดาอึ้ง “ถามทำไม”
“ผมอยากรู้..ว่าคุณรักคุณสุขสันต์จริงๆ หรือเหตุเกิดเพราะความเหงา.. คุณเหงา..คุณก็เลยหลงคิดไปเอง..ว่าคุณรักเค้า..แต่ความจริง..เปล่า”
“มันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของนาย!! ไม่ต้องมายุ่ง!”
พิมมาดาลุกขึ้นมาผลักกริสน์แล้วเดินไป
”เฮ้อ” กริสน์ได้แต่มองตามไปด้วยแววตาเศร้าสร้อย
อ่านต่อหน้า 4
มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 7 (ต่อ)
เช้าวันต่อมาที่ร้านขนมหน้าโรงเรียน เด็กๆ มาต่อคิวซื้อขนมสวีทโอปอล์ล์กันจนแน่นขนัด จตุพลเดินตรวจตรา พร้อมคอยต้อนรับลูกค้าอยู่ในร้านด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม โดยมีน้อมพงษ์เดินตามและคอยรายงานผลสำรวจให้ฟัง
“ผลตอบรับขนมสวีทโอปอล์ในช่วงแรก..ดีมาก..เกินกว่าเป้าที่วางไว้อีกครับ..สินค้าตัวอย่างที่แจกหน้าโรงเรียนประถมและมัธยม มีเท่าไหร่ก็เกลี้ยง”
พริตตี้ยืนแจกขนมตัวอย่างที่หน้าโรงเรียนต่างๆ เด็กๆ ต่อคิวยาวเหยียดเพื่อรับขนมที่แจก คนที่ได้รับแจกเอาขนมมาโบกเย้ยเพื่อนที่ไม่ได้ บางคนกระชากขนมไปจากมือเพื่อนแล้ววิ่งหนีไป บางคนที่ไม่ได้ขนมถึงกับร้องไห้
“เด็กที่ได้รับแจกสินค้าตัวอย่าง..มากกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็น..กลับมาซื้อกินอีกทันทีหลังเลิกเรียน และแน่นอนว่าเด็กพวกนี้ ติดหนึบ เป็นขาประจำ ถอนตัวไม่ขึ้นแน่นอน” น้อมพงษ์รายงานต่อ
โรงเรียนเลิก เด็กๆ รีบแย่งกันออกมาจากโรงเรียนแล้วไปยืนต่อแถวที่ร้านสวีทโอปอล์ เด็กๆ กินขนมสวีทโอปอล์อย่างตะกละตะกราม
“ดี..ดีมาก..แล้วทีมโร้ดโชว์ล่ะ” จตุพลถาม
“ทีมโร้ดโชว์ที่ส่งออกไปสร้างกระแสตามแหล่งช้อปปิ้งของวัยรุ่น..สร้างความฮือฮามาก..ทุกวันนี้ใครๆก็ต้องพูดถึง”
ขบวนโร้ดโชว์อยู่ในย่านวัยรุ่น ตัวมาสคอตกำลังยืนแจกใบปลิว เสียงจากเครื่องเสียงปลุกเร้าความสนใจ พริตตี้ชวนเล่นเกมส์มากมาย เช่น ปริศนาอักษรไขว้
“ใครที่ยังไม่เคยกินสวีทโอปอล์จะถูกหาว่าเชย เอ้าท์ ตกยุค ส่วนใครที่เคยกินแล้ว ก็ถือว่าเจ๋ง คูลล์ สุดยอด เด็กที่มีขนมโอปอล์จะเป็นจุดสนใจของกลุ่มเพื่อน”
น้อมพงษ์รายงานต่อ “ในอินเตอร์เนท มีแฟนคลับคลั่งถึงกับสร้างเฟซบุ๊ค We love sweet OPAL ให้คนมา look like love..ทวีตเตอร์ของเรา ก็มีคนฟอลโล่ว์เป็นแสนแล้ว”
เฟซบุ๊คมีแฟนเพจ We love sweet OPAL
ทวีตเตอร์มีทวิตเตอร์ของ Sweet OPAL Fan
เด็กๆ นั่งเล่นไอโฟน บีบี ไอแพด แกแล็คซี่แทบทุกคนเข้าFB หรือ ทวีตเตอร์ของสวีทโอปอล์ทั้งสิ้น
“นี่แค่เฉพาะในกรุงเทพเท่านั้น..ห้างใหญ่นะครับ..ยังไม่นับรวมอนาคตที่เรากำลังจะขายเฟรนไชส์สวีทโอปอล์”
ร้านสวีทโอปอล์เคลื่อนที่ขายเฟรนไชส์วางเรียงรายอยู่ทั่วไป โดยมีทีมงานของร้านขนมกำลังตรวจตราคุณภาพ
“ร้านเฟรนไชส์ของเรา..พร้อมแล้ว..พอถึงสัปดาห์หน้า รับรองว่าร้านสวีทโอปอล์ต้องมีทุกหัวมุมเมือง ไม่น้อยหน้าเซเว่นแน่นอน”
“เรากำลังจะกลายเป็นศาสดาของเด็กๆทั่วประเทศแล้ว ฮ่าๆ” จตุพลพูด
จตุพลพูดจบก็หันมาหาน้อมพงษ์ แล้วระเบิดเสียงหัวเราะใส่กันอย่างมีความสุข
ประตูลิฟต์ภายในออฟฟิศของสุขสันต์เปิดออก สุขสันต์ ฉัตรชัยและฮิมเดินออกมา
“เอ่อ คุณสุขสันต์ครับ” ฮิมพูด “ท่านอู่ทรัพย์ เลขาธิการพรรคไทยอิ่มเอมเปรมทั้งชาติ เชิญคุณสุขสันต์ไปรับประทานดินเน่อร์คืนนี้นะครับ”
”อ้าว งั้นนายโทร.กลับไปหาท่านทุติยะ หัวหน้าพรรคไทยประดิษฐ์ชาติใหม่ให้ยั่งยืนด้วย ว่าท่านสุขสันต์จะไปพบท่านทุติยะดึกๆ..ซักเที่ยงคืน..จะได้ไหม คืนนี้เหมือนกัน”
พอสุขสันต์พูดจบประโยค ทุกคนก็หยุดกึกเพราะเห็นแพรวพิลาศยืนอยู่ที่โต๊ะทำงานเลขาหน้าห้องสุขสันต์ เลขาทำท่าเหนื่อยใจเพราะไม่รู้จะทำอย่างไร
“พวกแกไปเลิกนัดพวกนั้นให้หมด” แพรวพิลาศสั่ง
ภายในห้องทำงานของสุขสันต์ แพรวพิลาศโวยวายสุขสันต์
“พรรคบ้าๆบอๆ คุณจะไปอยู่ให้เสียเกรดทำไมคะ สุขสันต์ ..แพรวให้คุณพ่อใส่ชื่อคุณเข้าไปในรายชื่อผู้สมัครของพรรคใหม่แล้ว และคุณพ่อรับปากจะผลักดันคุณให้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีให้ได้”
“อืม เหรอ แล้วไง” สุขสันต์ตอบเรียบๆ
“ระหว่างผู้หญิงที่หนุนหลังให้คุณไปสู่จุดสูงสุดได้ กับผู้หญิงธรรมดาๆกระจอกๆ คนมีวิสัยทัศน์อย่างคุณ คงรู้ว่าจะเลือกอะไร”
“ผมเลือก..คนที่ทำให้ผมแฮปปี้.. และตอนนี้ มันไม่ใช่คุณ”
“อะไรนะ ไอ้ชั่ว!” แพรวพิลาศนึกขึ้นได้ รีบเปลี่ยนท่าที “เอ๊ย..ทำไมล่ะคะ ที่รัก แพรวผิดไปแล้ว และสำนึกแล้ว ให้อภัยไม่ได้เหรอคะ”
“แต่ผมตัดสินใจคบกับพิมมาดาแล้ว”
“ไอ้ๆๆ..” แพรวพิลาศชี้หน้าจะด่า แต่แล้วก็หดมือกลับ “อืม..เอ้อ” แพรวพิลาศพยายามควบคุมตัวเอง
“แล้วไงคะ..ทำยังกับว่าคุณไม่เคยคบใครเพื่อสนุกๆ..แพรวรู้จักคุณดี แล้วแพรวก็ไม่ถือสาเรื่องพวกนี้ด้วย..ขอแค่คุณยืนยันว่าแพรวคือตัวจริง คนอื่นแค่ของเล่นเท่านั้น..ผู้หญิงใจกว้างอย่างแพรว หายากนะคะ”
สุขสันต์ได้ฟังก็ยิ้มออกมาอย่างสมใจ
”ว่าไงคะ” แพรวพิลาศถามย้ำแล้วเข้าไปอ้อนคลอเคลียสุขสันต์ ทั้งคู่เคลิ้มไปด้วยกัน แต่แล้วก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงกระแอมบอกทั้งคู่กลายๆ ว่ายังมีคนอื่นอยู่ด้วยว๊อย
“อะแฮ่มๆ..ขอโทษครับ” ฉัตรชัยพูดขึ้น
”เชิญตามสบาย ไม่ต้องเกรงใจพวกผมครับ” ฮิมบอก
“จะไปไหนก็ไปเลย พวกแกน่ะ” แพรวพิลาศไล่
ฉัตรชัยกับฮิมยิ้มทะเล้นแล้วเดินออกไป
โอปอล์กลับมาจากโรงเรียนก็รีบวิ่งเข้ามาในบ้านเพื่อจะเข้าไปหาอธิป แต่พอมาถึงหน้าห้องก็ถูกน้อมพงษ์กันตัวเอาไว้
”จับโอปอล์ทำไม..ปล่อย..โอปอล์จะหาป๊า”
“ยังเข้าไปตอนนี้ไม่ได้ครับ..คุณจตุพลกำลังให้หมอตรวจเสี่ยอธิปอยู่..คุณหนูไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดให้เรียบร้อย แล้วค่อยมาหาป๊านะครับ” น้อมพงษ์บอก
“เสี่ยเป็นอะไร ทำไมต้องให้หมอมาตรวจ..ก่อนผมออกไปรับหนูโอปอล์ เสี่ยยังดีๆอยู่เลย” เดชถาม
“เสี่ยอาจจะไปทำอะไรผิดท่าผิดทาง หรือไม่ก็ผิดที่..เลยเจ็บกะทันหันก็ได้..แกก็รู้ว่าเสี่ยแกชอบซ่าส์อยู่แล้ว” น้อมพงษ์
ทันใดนั้นเอง ทั้งหมดก็ได้ยินเสียงอธิปร้องลั่นดังมาจากด้านใน
”ป๊า!! ป๊าเป็นอะไร ใครทำอะไรป๊า” โอปอล์ตกใจ
”หมออาจจะฉีดยาให้เสี่ยมั้ง..ไม่มีอะไรต้องตกใจ..แค่นี้ไม่ตายหรอก” น้อมพงษ์รีบบอก
“พวกคุณทำอะไรเสี่ย”
เดชพยามยามจะเข้าไปในห้อง น้อมพงษ์ผลักอกเดชจนกระเด็น เสียงอธิปเงียบไป
”เงียบแล้ว..เห็นมั้ย..บอกแล้วว่าไม่มีอะไรๆ” น้อมพงษ์รีบบอก
จตุพลกับหมอเปิดประตูออกมา
”ป๊า!” โอปอล์รีบพุ่งเข้าไปในห้อง เดชรีบตามไปทันที ทั้งสองพบอธิปกำลังนอนหลับอยู่บนที่นอน ในสภาพใบหน้าอมยิ้มแก้มตุ่ยเหมือนมีความสุข
”ป๊า” โอปอล์เรียก
“เสี่ยครับ” เดชเรียกอีกคน
“จุ๊ๆๆ อากู๋เพิ่งจะดื่มยาบำรุง แล้วก็เคลิ้มหลับไป ดูสิ ท่าทางจะฝันหวานอยู่” จตุพลรีบบอก
“ป๊าเป็นอะไร ทำไมต้องพาหมอมารักษา” โอปอล์ถาม
“หมอมาตรวจอาการทั่วไป แล้วก็ให้ยาบำรุงกับวิตามินเพิ่มนิดหน่อย..เสี่ยจะได้แข็งแรงไวๆ เท่านั้นเอง..เอ่อ ขอตัวก่อนนะครับ” หมออธิบายแล้วรีบไป
“แล้วเมื่อกี้ ทำไมเสี่ยร้อง..ร้องเหมือนเจ็บมากๆ..พวกคุณทำอะไร” เดชถาม
“เอ้า จะมาดูแลเสี่ยอธิปไม่ใช่เหรอ เข้าไปสิๆๆ” น้อมพงษ์ตัดบท
“เชิญครับหมอ ผมไปส่ง” จตุพลเดินนำหมอออกไป เดชมองตามอย่างไม่ไว้ใจ น้อมพงษ์เดินตามไปด้วย
“คุณอย่าเรียกผมว่าหมอเลย..ผมก็แค่พนักงานในโรงงานขนม” คนเป็นหมอหันมาบอก
“หุบปาก ชั้นบอกแล้วไงว่าห้ามพูด” น้อมพงษ์ตบหัวหมอ “เดี๋ยวไม่ให้เงินเลย”
น้อมพงษ์ยื่นซองให้ “แล้วอย่าหลุดไปบอกใครล่ะ ไปๆๆ” น้อมพงษ์ไล่แล้วหันมาถามจตุพล “คิดอะไรอยู่ครับคุณจตุพล”
“หึๆๆ อากู๋ถูกฉีดยาบำรุงเข้าเส้นไปขนาดนี้.. ชั้นก็กำลังคิดว่า พออากู๋ตื่นขึ้นมาแล้วจะมีอาการยังไง..หึๆ ดูสิ ว่าจะยังมีแรงลุกมาเพ่นพ่านสืบเรื่องอะไรของเราอีกมั้ย ฮ่าๆ”
จตุพลกับน้อมพงษ์หัวเราะอย่างสะใจ
เช้าวันต่อมากริสน์ขับรถมาส่งพวกเด็กๆ ที่หน้าโรงเรียน พอรถจอดสนิท พวกเด็กๆก็เปิดประตูเดินลงมาทันที ทั้งสามไม่ยอมคุย ไม่ยอมมองหน้ากริสน์เลย กริสน์หันไปพูดด้วย
“นี่ เดี๋ยวก่อนสิ..เด็กๆ..จะไม่คุยกันแล้วจริงๆเหรอ ฮัลโหลๆๆ”
เด็กๆ ยังคงไม่คุยด้วย กริสน์ทำท่าเซ็งแล้วเดินตามไป อยู่ๆ โจ๊กก็ชะงักเพราะเห็นโอปอล์นั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ที่มุมหนึ่ง
”โอปอล์” โจ๊กรีบเข้าไปหา “โอปอล์ เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม”
”ถูกพวกนายปาล์มแกล้งมาอีกแล้วสิ” แจ๊สถาม
”ไม่ใช่ ป๊าโอปอล์..เป็นบ้าไปแล้ว ฮือๆๆ” โอปอล์ร้องไห้โฮ
“ห๊า เสี่ยอธิปเป็นอะไร..ใครทำอะไรเสี่ย” กริสน์ที่ตามเข้ามาด้วยตกใจจนเด็กๆ หันมามอง “เอ่อ ..น้าหมายถึง พ่อหนูโอปอล์ป่วยหนักกว่าเดิมอีกเหรอ..ตั้งแต่วันที่เปิดร้านขนม ยังไม่ดีขึ้นเลยเหรอ”
“พวกนั้นเอาหมอมารักษา เอายามาให้กินแล้ว แต่ป๊าแปลกไปมาก แปลกอย่างบอกไม่ถูก เหมือนป๊ากลายเป็นคนติงต๊องไปแล้ว..โอปอล์ก็อธิบายไม่ถูกหรอกค่ะ” โอปอล์เล่า
“เสี่ยอธิปเป็นอะไรกันแน่เนี่ย” กริสน์สงสัยครามครัน
“นี่ๆ วันนี้เลิกเรียนแล้ว เราไปเยี่ยมคุณพ่อพี่โอปอล์กันดีมั้ยคะ” จีจ้าเสนอ
”ดี!” เด็กๆ ทั้งสามประสานเสียง กริสน์ประสานเสียงกับเขาด้วย
แจ๊สกับโจ๊กหันมามองกริสน์ “เกี่ยวอะไรด้วยไม่ทราบ”
“เราจะไปเฉพาะพวกเราสามคนแค่นั้น” แจ๊สบอก
”ไม่ได้ๆๆ ต้องให้ชั้นไปด้วย ถ้าชั้นไม่ได้ไป ชั้นจะรายงานน้าพิม ว่าพวกเธอออกนอกลู่นอกทาง และต้องถูกลงโทษกักบริเวณแน่ๆ.. เพราะฉะนั้น เลิกเรียนวันนี้ชั้นจะมารับ และเราไปพร้อมกัน เข้าใจมั้ย”
”พวกเราเข้าโรงเรียนเถอะ” แจ๊สพูดอย่างไม่สนใจ
เด็กๆ พากันเดินเข้าโรงเรียน จีจ้าจูงมือโอปอล์เดินเข้าไป กริสน์หน้าเฝื่อนแต่ก็ตะโกนไล่หลัง
“ชั้นพูดจริงๆ นะ ถ้าไม่ให้ชั้นไป พวกเธอถูกลงโทษแน่ๆ”
ภัทรดนัยที่ปลอมตัวเป็นคนขายซาลาเปาปักธงอยู่บริเวณหน้าโรงเรียน ได้รู้เรื่องจากกริสน์ก็ตกใจ
“แกจะเข้าไปในบ้านเสี่ยอธิป!!
“ถ้าอยากได้ลูกเสือ ก็ต้องเข้าถ้ำเสือ ถ้าอยากรู้ว่าเสี่ยป่วยเป็นอะไร ก็ต้องไปดูถึงบนเตียง ก้นครัว และ
โถส้วม!”
“ไอ้กริสน์..แกชะล่าใจมากไปแล้ว..เฮียเดชแกไม่ได้เพี้ยนนะเว้ย..ถึงตอนนี้เฮียเดชจะไว้ใจแก ในฐานะไอ้กริสน์ ผู้ปกครองเด็กชายโจ๊ก..แต่อย่าชะล่าใจ..เฮียเดชแค่ยังเชื่อมโยงไม่ได้ ว่านายคือคนๆเดียวกับไอ้กรด สายตำรวจที่แฝงตัวเข้าไปอยู่ในแก็งพวกมันอยู่หลายปี..อีกอย่าง..สมุนทุกคนในบ้านนั้นรู้จักหน้าแกหมด ถ้าพวกมันเจอแก คิดว่าพวกมันจะโผกอดแกด้วยความคิดถึงเหรอไง ไอ้บ้า”
เด็กๆ ที่ต่อแถวรอซื้อซาลาเปาอยู่ทำหน้าตาเซ็งๆ เพราะพ่อค้าไม่ยอมขายสักที
“อาการของเสี่ยอธิป..น่าวิตกขนาดนั้น” กริสน์บอก “ทำไมนายจตุพลหลานมัน แทนที่จะรีบพาไปหาหมอ หรือช่วยสร้างภาพให้ดูดี มันกลับพาไปเปิดร้านขนม ประจานออกทีวี..ให้คนรับรู้มากๆ”
“แกรีบเอาเวลาไปตามไอ้คุณสุขสันต์ มันจะเข้าท่ามากกว่ามั้ย” ภัทรดนัยหันมาเห็นพวกเด็กๆกำลังรุมหยิบและกินซาลาเปาของเขาอยู่ “อ้าว เฮ้ย หยิบกินแล้ว จ่ายเงินด้วยๆ จ่ายยังๆ ไม่จ่ายเอาคืนมา”
“สัญชาตญาณชั้นบอกว่า..ชั้นควรรีบเข้าไปบ้านเสี่ยอธิป แกต้องไปด้วย”
”หา...!” กริสน์หันไปมองเด็กที่หยิบซาลาเปาไป “เฮ้ย...เอาคืนมา! นี่ออกเงินเองนะ รัฐไม่ได้จ่าย”
ช่วงเย็นที่โรงเรียน เดชยืนรออยู่ที่รถ สักพัก โอปอล์ แจ๊ส โจ๊ก และจีจ้าก็เดินออกมาด้วยกัน
“คุณหนูโอปอล์ ทางนี้ครับๆๆ ส่งกระเป๋ามาครับผม” เดชเรียก โอปอล์กับกลุ่มของโจ๊กส่งกระเป๋าให้เดชทั้งหมด ”เอ๊ะ อะไร ยังไง” เดชงง ”วันนี้เพื่อนๆโอปอล์จะแวะไปเยี่ยมป๊าที่บ้านค่ะ” โอปอล์บอก ”อ้อ เหรอครับ จะดีเหรอครับ” เดชงงๆ ”พี่เดช!” โอปอล์เสียงแข็ง ”ดีสิครับ...ฮ่าๆ” เดชตอบเองแล้วทยอยยกกระเป๋าใส่ท้ายรถ
“เราจะไม่รอลูกพี่กริสน์ก่อนเหรอ เดี๋ยวเค้าไปฟ้องน้าพิมจริงๆ พวกเราจะโดนน้าพิมทำโทษนะ” จีจ้า
ถามพี่ๆ
“เราไม่ได้เถลไถลซะหน่อย กลัวอะไร” โจ๊กบอก
ทันใดนั้นเอง เสียงของกริสน์ก็ดังเข้ามา
”นักเรียน รอคุณครูด้วยสิ”
ทุกคนหันไปมองเห็นกริสน์มาในมาดคุณครูแต่งตัวเนี้ยบ ผมเรียบแปล้ สวมแว่นหนา กริสน์ยิ้มแหยๆ
”ครู..ครูอะไร ทำไมแต่งตัวแบบนี้” แจ๊สตกใจ
กริสน์รีบพูดเนียนๆ “อ้าว เด็กหญิงแจ๊ส เป็นครูสอนวัฒนธรรมไทยไม่ให้แต่งตัวแบบนี้ จะให้นุ่งผ้าขาวม้าสอนหรือไง แหะๆ” กริสน์หันไปพูดกับเดช “สวัสดีครับ ผมครูไกรครับ พอดีเพิ่งย้ายมาประจำน่ะรับ แหะๆๆ พอดีท่านผอ.ทราบเรื่องคุณพ่อของหนูโอปอล์ป่วย ท่านเลยมอบหมายให้ผมนำช่อดอกไม้ไปเยี่ยมอาการน่ะครับ แหะๆ”
ภัทรดนัยที่แต่งตัวเป็นคนจากร้านดอกไม้ กำลังถือช่อดอกไม้อยู่ “จะไปได้หรือยังครับ ผมมีงานต้องทำอีก”
กริสน์หันมาบอกทุกคน “เด็กส่งช่อดอกไม้น่ะครับ แหะๆ”
“มั่วแล้ว ครูอะไร..ไปไม่ได้!” โจ๊กเสียงแข็ง
“เงียบเถอะ โจ๊ก โอปอล์ชวนคุณครูมาเองแหละ” โอปอล์แอบหลิ่วตาให้กริสน์ “รีบกลับบ้านกันเถอะค่ะ คุณครูจะไปด้วยกันก็ได้ค่ะ เชิญเลยๆ”
“เดี๋ยวครับ” เดชรีบเข้ามาขวางกริสน์ไว้ “อืม ผมคุ้นๆหน้าคุณครู..ยังไงบอกไม่ถูก..เหมือนเคยเจอกันมาก่อน”
“หน้าผมโหลน่ะครับ มีคนทักผิดประจำ แหะๆ” กริสน์แถ
“ใช่ครับ...เจอเขาครั้งแรกผมยังนึกว่าเป็นเพื่อนผมที่ชัยภูมิเลย” ภัทรดนัยช่วยเสริม
“ไม่ใช่นะ มันคุ้นๆ แบบว่าคุ้นมาก คุ้นสุดๆ” เดชยังสงสัย
“อาเดช” โอปอล์บีบแขนเดชแรงๆ แล้วขยิบตาให้เดช “โอปอล์อยากกลับไปหาป๊าแล้ว”
“ใช่ครับ จะไปได้ยังครับ ผมมีงานต้องทำอีก” ภัทรดนัยเร่ง
“อ้า อ้อ เอ้อ.ครับๆ”
เดชเพิ่งเข้าใจจึงรีบไปเปิดประตูให้ทุกคนเข้าไปในรถแล้วลากคนขับออกมา “ลงมา ชั้นขับเอง คนเยอะ แกนั่งรถเมล์กลับไปแล้วกัน..เชิญครับคุณหนูๆ”
โอปอล์นั่งหน้า กริสน์กับภัทรดนัยนั่งหลังประกบเด็กทั้งสามเอาไว้
รถแล่นมาจอดที่คฤหาสน์ของอธิป เดชเปิดประตูรถลงมาก่อนแล้วอ้อมมาเปิดประตูให้โอปอล์ โจ๊ก แจ๊สและจีจ้าลงตามๆ กันมา
“เชิญครับคุณหนู และเพื่อนๆผู้น่ารัก..กับคุณครู ไกร!! และคนส่งดอกไม้” เดชกล่าว
โอปอล์เดินนำพวกโจ๊กเข้าบ้านไป กริสน์กับภัทรดนัยกำลังจะตามเข้าตามไป แต่เดชมายืนขวางแล้วจ้องหน้า
“ผมเนียนดีแล้ว แต่การใส่แว่น มันซ้ำกับตอนเป็นนักข่าว ระวังพวกมันจะจับได้” เดชพูด
”พวกมันเยอะไหมคุณเดช” กริสน์ถาม
”เต็มไปหมด จตุพลกับน้อมพงษ์ไม่เคยปล่อยพวกเราไว้ตามลำพัง” เดชตอบ
”คุณเดชอย่าทำอะไรให้เป็นพิรุธละกัน” ภัทรดนัยแนะ
”ผมทำได้ทุกอย่าง เพื่อให้เสี่ยปลอดภัย”
ทุกคนมองหน้ากันด้วยสีหน้าจริงจัง
โอปอล์เดินนำทุกคนมาตามทางเดินด้านใน กริสน์กับภัทรดนัยเดินตามมาโดยมีเดชรั้งท้าย คอยระวังความปลอดภัยให้
กริสน์กับภัทรดนัยคอยสอดส่ายมองสำรวจไปรอบๆ ทั้งสองเห็นพวกบอดี้การ์ดที่ยืนรักษาตามจุดต่างๆ ของบ้าน และมีบอดี้การ์ดที่เดินสวนไปมาด้วย ทุกคนล้วนหน้าตาแปลกๆ ซึ่งกริสน์ไม่เคยเห็นมาก่อน แม้แต่แม่บ้านก็กลายเป็นพวกของจตุพลไปแล้ว
”มีอะไรวะครับคุณครู” ภัทรดนัยถาม
”บอดี้การ์ด..พวกนี้มาใหม่หมดเลย ไม่มีคนเก่าของเสี่ยอธิปเลยครับคุณคนส่งดอกไม้” กริสน์ตอบ
”จริงเหรอครับคุณครู”
“นี่ ไอ้จตุพลมันเปลี่ยนผู้คนแวดล้อมเสี่ยยกเซ็ทเลยเหรอเนี่ย” กริสน์แปลกใจ
“ถ้าไอ้กรด..ไม่ใช่ตำรวจ” เดชพูดขึ้น
กริสน์กับภัทรดนัยสะดุ้งพร้อมกัน
“แต่ก่อนผมมีคู่หูคนนึง..ที่ผมคิดว่า..จะเป็นเพื่อนตายกันตลอดไป..มันชื่อไอ้กรด เป็นตำรวจแฝงตัวมาสืบพฤติกรรมเสี่ย..เสียดาย..มันไปซะก่อนที่จะได้รู้..ว่า เสี่ยเลิกกิจการผิดกฎหมายหมดแล้วจริงๆ...เพราะคุณหนูโอปอล์...และเพราะเหตุนี้ คุณจตุพลถึงไม่พอใจ..เฮ้อ คิดแล้วเศร้าจริงๆนะครับ..ถ้าไอ้กรดมันไม่ใช่ตำรวจ..แล้วมันยังอยู่..ผมคงไม่ว้าเหว่เหมือนตอนนี้ เวลานี้ มีแต่ผมคนเดียว ที่เป็นคนเก่าคนแก่ของเสี่ย ไม่เหลือใคร..ที่เราจะไว้ใจได้อีกแล้ว”
ประตูห้องพักของอธิปถูกเปิดออก โอปอล์เดินนำทุกคนเข้ามา อธิปยังนั่งหลับตาอยู่บนรถเข็น
“ชู่ว์..ป๊าหลับอยู่” โอปอล์ส่งสัญาณให้ทุกคนเบาเสียง
ทุกคนค่อยๆ เข้าไปโดยไม่รบกวนอธิปที่หลับอยู่ ทั้งหมดเข้าไปยืนรอบๆ
“ผมว่าคุณหนูอย่าเพิ่งรบกวนตอนนี้เลยครับ ให้ป๊ะป๋าพักผ่อน” เดชบอก
อยู่ๆ อธิปก็จับมือเดช เดชตกใจร้องกรี๊ด
“อ๊าย...โธ่ เสี่ยอ้ะ เดชสาวแตกหมด แกล้งให้อะดรีนาลินสูบฉีดกะทันหันแบบนี้ มีโอกาสหัวใจวายตาได้
ถึง80% เลยนะครับ”
“ป๊าขา เพื่อนๆ โอปอล์มาเยี่ยมป๊าค่ะ” โอปอล์บอก
“สวัสดีครับ/ค่ะ”เด็กๆ สวัสดีอธิป
“พวกลุงๆ ป้าๆ พวกนี้เป็นใคร?..ทำไม..มีแต่คนแก่..เหม็น สกปรก..ชั้นไปสูดอากาศข้างนอกดีกว่า”อธิปพูดแล้วเข็นวีลแชร์แต่ดันเข็นไปชนเข้ากับกำแพง “ประตู..ประตูหายไปไหน..หายไปได้ยังไง ไม่จริง..ใครเอาประตูของชั้นไป!”
“ประตูอยู่ทางนี้ครับเสี่ย” เดชบอก
“แก..แกย้ายประตูของชั้นเหรอ ชั้นจะเตะแก” อธิปเข็นรถเข็นถอยหลัง
ภัทรดนัยหันมาหารือกับกริสน์ “สมองเสี่ยอธิปกลับตาลปัตรหมดเลยว่ะ”
อธิปหันมามองเด็กๆ “เฮ้ย พวกคนแคระมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เข้ามาได้ยังไง..แล้วชั้น มาอยู่ตรงนี้ได้ไง..ใครพามา..อย่าทำอะไรชั้นนะ ชั้นจะหนี” อธิปหันไปเจอโอปอล์ “สโนไวท์..สโนไวท์ช่วยข้าด้วย ข้ากลัวเหลือเกิน”
“ป๊า” โอปอล์ร้องไห้โฮ
“เสี่ยครับ เสี่ย..ตั้งสติหน่อยสิครับ” กริสน์ไปจับรถเข็นให้หยุดแล้วจ้องตาอย่างจริงจังก่อนจะพูดด้วย “แล้วบอกผมมา นี่มันเกิดอะไรขึ้น ใครทำอะไรกับเสี่ย..เสี่ยรู้ใช่มั้ย”
“รู้..รู้..พวกมัน พวกมัน” อธิปพยายามพูด
“มันไหนครับเสี่ย” กริสน์ถามต่อ
จตุพลกับน้อมพงษ์เดินเข้ามาพอดี
“โอปอล์ เข้ามากวนอะไรป๊าอีก หือ..แล้ว ไอ้นั่นใคร แกทำอะไรกับอากู๋” จตุพลถาม
กริสน์ผละออกมา “แหะๆๆ ผมเป็นครูของคุณหนูโอปอล์ครับ เอาดอกไม้จากทางผอ.โรงเรียนมาเยี่ยม”
“คุณครูกับเพื่อนๆมาเยี่ยมอาการป๊าน่ะคะ ไม่ได้มากวน”โอปอล์ช่วยบอก
“ครูเหรอ..” จตุพลจ้องหน้ากริสน์อย่างพิจารณา
ภัทรดนัยช่วยดึงความสนใจของจตุพล “เอ้าๆๆ ทุกคน ร้องเพลงให้กับผู้ป่วย..ที่เป็นเพลงสำหรับปลอบขวัญและให้กำลังใจที่ชาวโรงเรียนของเรา จะร้องอวยพรให้ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน”
กริสน์งงๆ “เพลงปลอบขวัญ”
“มีด้วยเหรอ” จีจ้างง
“มีสิๆๆใช่ไหมคะ คุณครูไกร” โอปอล์รีบส่งสัญญาณให้
“ใช่แล้ว” กริสน์กระแอมพลางคิดหนัก “ฮะแอ้มๆๆ ครูจะเป็นต้นเสียงเองนะ..อ้ะ!” กริสน์มองทุกคน
ทุกคนมองตอบอย่างลุ้นๆ
กริสน์สูดลมหายใจลึกๆ เหมือนจะร้องเพลงอะไรที่ยิ่งใหญ่มากๆ แล้วก็ร้องเพลงออกมา “รำระบำชาวเกาะ ไพเราะเสนาะจับใจ”
เด็กๆและภัทรดนัยประสานเสียงต่อ “เสียงน้ำ หลั่งไหล เสียงน้ำ หลั่งไหล กระทบหาดทรายดังครืนๆ”
”เอ้า ก้าบๆ” กริสน์ร้องต่อ
เด็กๆ กับภัทรดนัยประสานเสียงกัน “เป็ดอาบน้ำในคลอง ตาก็จ้องแลมอง เพราะในคลองมีหอยปูปลา” ”อ่ะ ลิงก็จับมือเสือ”
เด็กๆ ภัทรดนัย เดชและอธิปช่วยกันร้องและปรบมือตามไปด้วย “เอ้า เสือก็จับมือลิง จับกันไม่เบื่อ..ลิง
จับมือเสือ เสือจับมือลิง”
น้อมพงษ์ปรบมือรัวๆ เพื่อทำลายจังหวะแล้วก้าวมาขวาง “เอ้า ขอบคุณครับคุณครู..และเพื่อนๆ โอปอล์ทุกคน ..เชิญทุกคนออกไปข้างนอกก่อนดีกว่าครับ ได้เวลาคุณอธิปทานยาบำรุงแล้ว”
“เออ...ดีเหมือนกันครับ” ภัทรดนัยทำท่าอยากไป “ผมมีงานต้องทำอีก”
“โอปอล์ขอป้อนยาป๊าเองได้มั้ยคะ” โอปอล์ขอ
”โอปอล์...” จตุพลเสียงเข้ม
“ค่ะ” โอปอล์หน้าเจื่อนแล้วจะเดินออกไป
”ยาบำรุงอะไรเหรอครับ” กริสน์ถามขึ้นมา
”จะถามทำไม” น้อมพงษ์เสียงแข็ง
”นั่นสิครับคุณครู จะถามทำไม” ภัทรดนัยถาม
กริสน์ยิ้มแหยๆ “แหะๆ พอดีผอ.ท่านเป็นห่วงมาก ผมเลยอยากทราบอาการของเสี่ยอธิปให้ละเอียด จะได้กลับไปรายงานให้ผอ.ทราบได้..แล้วสรุป ยาบำรุงอะไรเหรอครับ”
“คุณครูมาเยี่ยมแล้ว ส่งดอกไม้แล้ว..ร้องเพลงก็แล้ว..กลับไปได้แล้วมั้งครับ เชิญ” จตุพลไล่
กริสน์กับภัทรดนัยจำต้องถอยออกไป
พวกเด็กๆนั่งๆนอนๆ อยู่อย่างเซ็งๆ ที่ห้องรับแขกของบ้านอธิป
”เดี๋ยวให้ป๊า ทานยาเสร็จ แล้วพวกเราค่อยเข้าไปลากลับบ้านแล้วกันเนอะ” เดชบอก
“โอปอล์..ครูถามหน่อยสิ..ยาบำรุง..ไอ้..เอ๊ย..คุณผู้ชายคนนั้น..เป็นคนเอามาให้ป๊าของโอปอล์เหรอ” กริสน์ถาม
“ค่ะ หมอเป็นคนจัดให้เฮียจตุพลเอามาให้ป๊าค่ะ บอกว่าเป็นยาบำรุงเลือด ทำให้มีกำลังวังชาดีขึ้นค่ะ” โอปอล์ตอบ
“แต่ก็ไม่เห็นดีขึ้นสักที” เดชพูดประชด
“อืม ขอบใจมาก..ชั้นว่าจะไปห้องน้ำหน่อย แกจะไปด้วยกันมั้ย” กริสน์ชวน
”จะถามทำไม ชั้นไม่ไปแกก็ลากชั้นไปอยู่ดี” ภัทรดนัยประชด
กริสน์กับภัทรดนัยแยกออกไปด้วยกัน
ภายในห้องอธิปเวลานั้น เสียงแก้วตกลงกระแทกพื้นจนแตกดังเพล้ง! อธิปที่นั่งอยู่บนรถเข็นเอามือปิดปากไม่ยอมกินยา
“ชั้นไม่อยากกิน เอาไป!! ชั้นไม่เอา”
จตุพลยักคิ้วให้น้อมพงษ์ น้อมพงษ์รินยาแก้วใหม่แล้วเดินไปหาอธิปที่นั่งอยู่บนรถเข็น
“ดื่มยาหน่อยนะครับเสี่ย ร่างกายจะได้แข็งแรง เสี่ยจะได้...หาย...ไวๆนะครับ” น้องพงษ์กล่อม
อธิปเอามือปิดปาก “ไม่ๆ มันขมฉันไม่อยากกิน”
จตุพลเดินเข้ามาประกบอีกข้าง “ดื่มเถอะครับอากู๋” จตุพลบิ๊ว “ยอดมนุษย์ต้องดื่มยาบำรุงจะได้มีแรงไปกู้โลก”
อธิปหัวเราะ “แกนี่บ้าแล้ว ยอดมนุษย์มีจริงที่ไหนในโลกนี้” อธิปด่าใส่หน้าจตุพล “ประสาท!”
จตุพลเอามือเช็ดน้ำลายที่หน้า “ไอ้คำด่าน่ะพอทนไหว แต่น้ำลายนี่รับไม่ได้” จตุพลพูดเสียงดัง “จัดการ!”
น้อมพงษ์ใช้กำลังง้างปากอธิปเพื่อจะจับกรอกยา อธิปขัดขืนสุดกำลังจนยาหกเลอะเทอะ จตุพลมองอย่างสะใจ
จตุพลกับน้อมพงษ์เดินออกมาจากห้องอธิปออกมาตรงทางเดินหน้าห้อง แต่ก็ต้องผงะ เพราะกริสน์กับภัทรดนัยกำลังคลานเหมือนหาอะไรบางอย่างอยู่ที่พื้นหน้าห้อง
“เอ๊ะ คุณครู...มาทำอะไรแถวนี้”
ภัทรดนัยเสียงดัง “ระวังๆๆ อย่าเหยียบ ถอยไปๆๆ”
”โทษทีนะครับ คือ..ไอ้น้องคนนี้มันทำคอนเทคเลนส์หล่นหาย..ขอเวลาหาแป๊บนึงนะครับ” กริสน์พูด
”หายก็ซื้อใหม่สิ..คุณครูออกไปจากบ้านนี้ได้แล้ว เชิญ!” จตุพลไล่
“สงสารผมเถอะครับพี่ ไม่มีคอนแท็คส์ ผมมองไม่เห็นอะไรเลย ถ้าออกไป แล้วเจอรถชนตาย ใครจะรับผิดชอบผมครับ” ภัทรดนัยต่อรอง
“เฮ้ย เจอแล้ว!”
กริสน์แกล้งทำเป็นหาเจอ เขาโผลุกขึ้นยืนกะทันหันจนไปชนเข้ากับน้อมพงษ์ที่ถือถ้วยยาบำรุงอยู่ ถ้วยยาหล่นกระจายเสียงดังเพล้ง
”โธ่! ทำไมซุ่มซ่ามอย่างนี้วะ” น้องพงษ์ด่า
“ผมขอโทษครับๆ ไม่ได้ตั้งใจ เดี๋ยวผมเช็ดให้นะครับ” กริสน์หยิบเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับๆยาบำรุงที่หกกับพื้น
“ไปๆ ไม่ต้องเช็ด ออกไปได้แล้ว” น้องพงษ์ไล่
“เรียบร้อยแล้ว..งั้นเราขอตัวนะครับ” กริสน์ขอตัว
กริสน์เผลอลุกขึ้นอย่างเร็วจนทำแว่นตาที่สวมอยู่หลุด จตุพลจึงได้เห็นหน้ากริสน์จังๆ กริสน์รู้ว่าถูกมองก็อึ้งเพราะกลัวถูกจับได้ เขารีบหันหน้าหนีแล้วทำท่าจะไป
”เดี๋ยว!” จตุพลเรียกไว้
กริสน์กับภัทรดนัยชะงักแล้วนิ่งเพราะลุ้น
”จะรีบไปไหน” จตุพลถาม
”ก็..กลับ..ไงครับ” กริสน์ตอบ
”เอาแว่นตาไปด้วย” จตุพลบอก
”อ้อ ครับๆ” กริสน์พูดแล้วรีบก้มหยิบแว่นตาขึ้นมาสวม
ภัทรดนัยรีบดึงกริสน์ออกไป “ไปครับครู ผมยังมีงานต้องทำอีก”
กริสน์ก้มหยิบแว่นตาขึ้นมาสวมแล้วรีบเดินออกไปกับภัทรดนัย
กริสน์นั่งแท็กซี่พาเด็กๆ กลับมาที่บ้าน พอรถจอดสนิทที่หน้าร้านดอกไม้ พวกเด็กๆ ก็เปิดประตูลงมาโดยที่ยังไม่ยอมคุยกับกริสน์อยู่ดี
กริสน์จ่ายค่ารถแล้วหันไปบอกเด็กๆ “เด็กๆ รอก่อน” แต่เด็กๆ ไม่มีใครยอมรอ
“เป็นเด็กเป็นเล็กทำไมขี้งอนนักวะ” กริสน์บ่น
“เราอุตส่าห์ทำให้สุขสันต์กับพิมมาดาคบกันได้สำเร็จแล้ว..อย่าให้พวกเด็กมาเป็นตัวปัญหาจนแผนเสีย” ภัทรดนัยบอก
“เออ แกก็รีบๆ เอาตัวอย่างยาบำรุงนี่ไปเข้าแล็บตรวจสอบเถอะ ไป” กริสน์ยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ ”รู้แล้ว ไม่ต้องมาสั่ง” ภัทรดนัยบอก
”ก็ไม่ต้องมาสั่งชั้นเหมือนกัน” กริสน์ฉุน เขารีบตามเด็กๆเข้าไป
กริสน์รีบเข้ามาในร้านดอกไม้ เขาเจอเด็กๆ ยืนทำหน้าโกรธอยู่
”ดีมากที่รอ...หายโกรธแล้วใช่มั้ย”
แจ๊สชี้มือไปที่มุมหนึ่งของร้าน เขามองตามไปเห็นฉัตรชัยกับฮิมยืนรออยู่
“อ้าว..นี่ คุณสุขสันต์มาเหรอ” กริสน์ถาม
“แล้วคิดว่าชั้นจะมาซื้อดอกไม้หรือไง” ฉัตรชัยถามกวนๆ
ฮิมพูดกับเด็กๆ “คุณแจ๊ส คุณโจ๊ก คุณจีจ้าครับ เชิญเข้าไปด้านในเถอะครับ..มีเซอร์ไพร้ส์ รออยู่ครับ”
“พอพวกเราเผลอก็แอบมาเจอกันตลอดเลย” โจ๊กแขวะ
“แบบนี้มันต้องถอน” แจ๊สบอก
“ลุย!” จีจ้าส่งเสียงดัง
พวกเด็กๆ เดินแบบไม่พอใจเข้าไป กริสน์จะเดินตามเข้าไป แต่ฉัตรชัยเข้ามาขวางไว้ “นายเข้าไม่ได้”
”ทำไม” กริสน์ถาม
“คุณสุขสันต์มีเรื่องส่วนตัวกับเด็กๆ เท่านั้น..ตามประสาเจ้านายคุยกับเจ้านาย” ฉัตรชัยบอก
“คนเลี้ยงเด็กรอข้างนอก..ไปอยู่โน่น ไป” ฮิมไล่
ฉัตรชัยชี้ไปยังอีกมุมหนึ่ง ที่เต๋ากับเต้ยและป๊อปคอร์นนั่งตบยุงกันอยู่แล้ว
”ไฮ้ ดาร์ลิ้ง คัมม่อน” เต๋ากับเต้ยทัก
กริสน์มองอย่างสงสัย
โปรดติดตามอ่านต่อตอนที่ 8 วันจันทร์ที่ 23 ม.ค. 2555