xs
xsm
sm
md
lg

มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 12

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 มือปราบพ่อลูกอ่อน  ตอนที่ 12 

พิมมาดามาตามนัด และยืนอยู่ใต้สะพานริมน้ำที่แสนเปลี่ยวแห่งหนึ่ง พิมมาดากวาดสายตาไปรอบๆ อย่างหวาดหวั่น แต่ก็ไม่เห็นใคร ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังจนเธอสะดุ้ง

“ฮัลโหล...คุณแฮบปี้เหรอคะ? ค่ะ...พิมถึงแล้ว” พิมมาดามองหา “คุณอยู่ที่ไหนคะ?”
ทันใดนั้นสุขสันต์ที่สวมเสื้อโค้ท แว่นดำ และหมวกเพื่อพรางตัวก็โผล่ขึ้นที่ด้านหลังพิมมาดา พิมมาดาตกใจจนร้องกรี๊ด แต่ฉัตรชัยกับฮิมเข้ามาปิดปากพิมมาดาไว้
“อย่าร้องครับคุณพิม เจ้านายของพวกเราเองไงครับ” ฉัตรชัยบอก
พิมมาดาหยุดดิ้น ฉัตรชัยจึงปล่อยตัวเธอ สุขสันต์ถอดแว่นดำออกแล้วอ้าแขนออกเหมือนจะรับการสวมกอดของพิมมาดา แต่พิมมาดาชะงักมองสุขสันต์
“ท่านสุขสันต์จำเป็นต้องอำพรางตัวเพื่อไม่ให้เป็นจุดสนใจหน่ะครับไ ฉัตรชัยบอก
สุขสันต์เข้ามาสวมกอดพิมมาดา “ในที่สุดผมก็ได้พบคุณ...คุณพิม คุณรู้มั้ยว่าผมเป็นห่วงคุณมากแค่ไหน?”
พิมมาดาผละออกจากอกสุขสันต์แล้วมองตาเขา
“อย่ามองผมด้วยสายตาแบบนี้ซิครับคุณพิม”
“พิมแค่สงสัยว่า ทำไมคุณถึงให้ข่าวกับสื่อไปแบบนั้นคะ?” พิมมาดาถาม
สุขสันต์เล่นบทโศกทำเป็นทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรง ฉัตรชัยกับฮิมรีบเข้าไปดู
“ทำไมท่านไม่เล่าความจริงให้คุณพิมฟังละครับ?” ฉัตรชัยรับมุก
“จริงด้วยครับ จะมัวเก็บงำอยู่ทำไมครับท่าน?” ฮิมร่วมด้วย
สุขสันต์ทำท่ากลั้นน้ำตา “ไอ้ฉัตร...ให้ฮิม แกคิดว่าถ้าเล่าไปคุณพิมเค้าจะเชื่อฉันเหรอ? เค้าจะเชื่อเหรอถ้าฉันบอกว่า แพรวพิลาศ คือคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด!”
พิมมาดาได้ยินก็ถึงกับอึ้ง “คุณแพรว”
สุขสันต์ได้ทีรีบพูดต่อ “แล้วคุณพิมจะเชื่อมั้ยว่า แพรวพิลาศเป็นคนจัดฉากใส่ร้ายให้คุณพิมกลายเป็นเอเย่นผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ และแกสองคนคิดเหรอว่า คุณพิมเค้าจะยอมเชื่อว่า ที่ฉันต้องกลับไปคบหากับแพรวพิลาศ ประกาศตัดสัมพันธ์ รวมถึงให้ข่าวกับสื่อแบบนั้น ก็เพื่อให้เธอกับหลานๆปลอดภัย เพราะแพรวพิลาศขู่จะทำร้ายคุณพิมกับพวกเด็กๆถ้าหากฉันไม่ยอมกลับไปคืนดีด้วย” สุขสันต์ปล่อยโฮ
พิมมาดาเริ่มสับสน “จริงเหรอคะคุณแฮบปี้?”
“ท่านสุขสันต์ยอมเสี่ยงชีวิตมาหาคุณพิมที่นี่ ก็เพราะว่าท่านเป็นห่วงคุณพิมมากนะครับ” ฉัตรชัยบอก
“คุณพิมคือ ผู้หญิงที่ท่านรักที่สุดในชีวิต” ฮิมเสริม
“ช่างเถอะ” สุขสันต์มองตาพิมมาดา “ขอโทษนะครับที่เป็นต้นเหตุให้คุณพิมต้องเดือดร้อน ถึงแม้คุณพิมจะเกลียดผม แต่ผมจะช่วยคุณทุกวิถีทางเพื่อให้คุณปลอดภัย”
สุขสันต์ผละออกจากพิมมาดาแล้วทำท่าจะเดินจากไป พิมมาดามองตามอย่างรู้สึกผิด
“คุณแฮบปี้คะ พิมขอโทษนะคะที่ไม่เชื่อใจคุณ พิมควรจะรู้ว่าใครรักพิมมากที่สุด”
สุขสันต์ยิ้มกว้างแล้วเดินกลับมากอดพิมมาดา “ขอบคุณมากครับคุณพิม เราจะผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกันนะครับ”
พิมมาดามองตาสุขสันต์อย่างซาบซึ้ง

อธิปกับเดชหมดสติอยู่ในห้องลับของจตุพล ทั้งสองถูกจับมัดอยู่กับเก้าอี้ แขนทั้งสองข้างถูกมัดไว้กับที่เท้าแขน ใครบางคนวางแผงหลอดแก้วเล็กๆ บรรจุยาสีขุ่นๆ ลงบนโต๊ะตรงหน้าอธิป
อธิปรู้สึกตัวลืมตาขึ้นแล้วก็ตกใจ เพราะเขาเห็นน้อมพงษ์กำลังใช้เข็มฉีดยาดูดยาออกจากหลอดแก้ว
“นั่นแกจะทำอะไร?” อธิปถามอย่างตกใจ
“น้อมพงษ์เค้าคงไม่เอาเข็มมาเขี่ยเสี้ยนตำหรอกครับอากู๋” จตุพลยียวน
เดชได้ยินเสียงก็งัวเงียตื่นขึ้นมาด้วย เขาเห็นเหตุการณ์จึงรีบร้องห้าม
“ไอ้น้อมพงษ์ คุณจตุพล อย่าทำอะไรเสี่ยนะ!”
“เป็นห่วงกันซะเหลือเกิน นี่ถ้าแกเป็นผู้หญิง ฉันคงคิดว่าแกต้องเป็นเมียเก็บอากู๋แหงๆ”
“อย่าพูดครับคุณจตุพล เดี๋ยวฟ้าผ่า ฮ่าๆ”น้องพงษ์รับมุก
“ไอ้...ไอ้...ไอ้อุบาทว์!” เดชด่า
“เอาเป็นว่าแกไม่ต้องกังวลหรอกนะ เพราะฉันแค่เห็นอากู๋เค้าไม่ชอบกินยา ก็เลยไม่อยากให้อากู๋ต้องลำบากบ้วนยาทิ้ง ฉีดมันเข้าเส้นซะเลยดีกว่า”
“ไม่ได้นะ!” เดชห้าม
จตุพลรีบสวนทันที “ทำไมจะไม่ได้! น้อมพงษ์ จัดไป!”
น้อมพงษ์เอาเข็มเข้าใกล้หน้าอธิป “อย่ากลัวไปเลยนะครับเสี่ยอธิป ยาหลอดนี้ไม่ทำให้ถึงตายหรอกครับ แค่มันจะออกฤทธิ์มากกว่ายาที่เสี่ยเคยกินสิบเท่า”
อธิปมองหน้าน้อมพงษ์และจตุพลด้วยความความแค้น เดชได้ยินน้อมพงษ์พูดก็โวยวายเสียงดัง
“ไม่จริง!ยาที่เสี่ยเคยกินก็ทำเอาเสี่ยเสียสติ กล้ามเนื้อเปลี้ยเกือบจะเป็นง่อยแล้ว ถ้าไอ้ยานี่มันออกฤทธิ์มากกว่าสิบเท่า ฉีดปุ๊บเสี่ยต้องตายปั๊บดิว่ะ นอกจากอุบาทว์แล้วยังขี้โกหกอีก ตายไปแกจะต้องตกนรก กลายเป็นเปรต ปากจู๋เท่ารูเข็ม”
จตุพลปราดเข้ามาตบปากเดช “ด่าพอหรือยัง! ชั้นบอกว่าไม่ตายก็ไม่ตายซิวะ”
เดชโดนตบจนปากแตกแต่ก็ยังเถียงต่อ “ก็ฉันไม่เชื่ออ่ะ”
“ได้! ไม่เชื่อใช่มั้ย?” น้อมพงษ์ง้างเข็มฉีดยาแล้วฉีดใส่เดชทันที “นี่แหนะ!”
เดชตาถลนแล้วร้องลั่น “ จ๊าก!”
“เดช! เดช! ไอ้พวกเลว ไอ้พวกชั่ว” อธิปด่าลั่น


กล้องส่องทางไกลส่องดูไปทั่วทุกมุมของคฤหาสน์อธิป ซึ่งไม่ว่าจะส่องไปมุมไหนก็จะเห็นสมุนของจตุพลในชุดสูทสีดำสวมแว่นตาดำยืนอยู่แทบทุกจุด
กริสน์กับภัทรดนัยที่กำลังใช้กล้องส่องทางไกลดูคฤหาสน์อธิปอยู่ถึงกับถอดใจ
“จบ! จบข่าว กลับบ้านนอนดูละครดีกว่า สมุนแน่นขนาดนี้ จะเอาปัญญาที่ไหนบุกเข้าไปชิงตัวเสี่ยอธิปออกมาได้วะ?” ภัทรดนัยว่า
“ไม่มีปัญญา ก็ใช้กำลังซิวะ” กริสน์เสนอ
“จ้า...พ่อแรมโบ้ แกคิดว่า สองแรงจะสู้ ร้อยเท้ากระทืบได้เหรอออออ?” ภัทรดนัยส่องดูอีกที “นี่ไอ้ จตุพลมันเหมา รปภ.มาหมดประเทศเลยรึเปล่าเนี่ย? ดูดิ๊ มองไปทางไหนก็เห็นแต่ตัวดำๆยั้วเยี้ยไปหมด นี่มันบ้านคนหรือรังมดวะ?...อึ้ยยย ขนลุก”
กริสน์เหมือนจะนึกอะไรออกจึงรีบลุกไปทันที ภัทรดนัยคว้าตัวเขาไว้
“เฮ้ย! นี่แกจะไปไหน?”
“ไปล่อมดออกจากถ้ำเว้ย!” กริสน์บอกอล้วเดินออกไป ภัทรดนัยมองตามอย่างงงๆ
“เค้ามีแต่ล่อเสือออกจากถ้ำ บ่ะไอ้นี่...ทำสำนวนไทยวิบัติหมด”

ภายในห้องพักของโรงแรมเงียบสงบเพราะเด็กๆ ต่างหามุมส่วนตัว แจ๊สสวมหูฟังฮัมเพลงแก้เครียด โอปอล์อุ้มป๊อบคอร์นนั่งอยู่บนเตียงเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง โจ๊กวิดพื้นไปเรื่อยๆ ส่วนจีจ้ายืนถือนมกล่องให้พนักงานโรงแรมที่ถูกมัดดื่มแล้วพูดกับพนักงานโรงแรม “ดูดให้หมดไวไวนะพี่ จีจ้าเมื่อย”
โจ๊กที่หยุดวิดพื้นอยู่หันไปมองโอปอล์ที่นั่งสีหน้ากังวล เขารู้สึกเป็นห่วงจึงลุกขึ้นมาปลอบโอปอล์
“ป่านนี้น้ากริสน์คงช่วยคุณพ่อโอปอล์กับพี่เดชออกมาได้แล้วละ”
โอปอล์เสียงเศร้า “ก็ขอให้เป็นอย่างนั้นเถอะโจ๊ก”
ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เด็กๆ หันไปมอง
“เด็กๆเปิดประตูเร็ว!” เสียงพิมมาดาตะโกนจากนอกห้อง
“น้าพิม” แจ๊สดีใจรีบไปเปิดประตูให้ พิมมาดาพรวดพราดเข้ามาด้วยอาการรีบร้อน
“เร็วเด็กๆรีบเก็บของ เราต้องไปกันแล้ว!”
“ต้องไปไหนเหรอคะน้าพิม? ก็ลูกพี่บอกให้รออยู่ที่นี่ห้ามไปไหนไม่ใช่เหรอคะ?” จีจ้างง
“หรือว่า...น้ากริสน์ช่วยคุณพ่อโอปอล์กับน้าเดชออกมาได้แล้ว” โจ๊กเดา
โอปอล์มีท่าทางดีใจมาก “จริงเหรอคะน้าพิม! น้ากริสน์กลับมาแล้ว กลับมาพร้อมป๊ากับพี่เดชแล้วใช่มั้ยคะ?”
“ไม่มีใครกลับมาทั้งนั้นนะโอปอล์ แต่เรากำลังจะหนีไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัย” พิมมาดาบอก
“หมายความว่าไงคะ?” โอปอล์งง
“ที่นี่ไม่ปลอดภัยยังไง?” จีจ้าถาม
“แล้วเราจะหนีไปไหน?” โจ๊กอยากรู้
“แล้วน้าพิมรู้ได้ยังไงว่าจะปลอดภัยกว่าที่นี่?” แจ๊สถามบ้าง
สุขสันต์ก้าวเข้ามาในห้องพร้อมกับฉัตรชัยและฮิม
“รู้ซิ เพราะที่ไหนมีสุขสันต์ ที่นั่นปลอดภัยเสมอ”
เด็กๆ ได้แต่อึ้ง พิมมาดายิ้มเพราะไม่รู้ว่าสุขสันต์กำลังส่งสายตาเหี้ยมให้กับเด็กๆ

เดชทรุดตัวลงไปกองอยู่ที่พื้น ขาเปลี้ย ตาเบลอ เดี๋ยวขำเดี๋ยวเหม่อลอย เดี๋ยวสงบ เดี๋ยวโวยวาย อธิปมองสภาพของเดชอย่างเห็นใจ น้อมพงษ์วางเข็มแล้วกลืนน้ำลายอย่างสยดสยอง
เดชร้องเพลงด้วยท่าทางง่อยๆ “ไม่เอานะเกรงจายส์ ไม่ดีหรอกเกรงจายส์ ไม่เอานะเกรงจายส์ ไม่ดีหรอกเกรงจายส์”
“ เป็นไง...บอกแล้วว่าไม่ถึงตาย ยังร้องเพลงได้เห็นมั้ย?” จตุพลบอก
อธิปสะอื้น “แต่ก็ดูจะเลี้ยงไม่โตแล้ว”
น้อมพงษ์สูดลมหายใจลึกเพื่อรวบรวมความกล้า แล้วเปลี่ยนเข็มฉีดยาก่อนจะดูดยาหลอดใหม่ใส่ในเข็ม
จตุพลหันไปพูดกับอธิป “เห็นมั้ยว่า ทีมงานของผมให้ความสำคัญกับอนามัยที่ดีแค่ไหน? หึๆๆอย่าเครียดนะครับอากู๋ ผมยังไม่ยอมให้อากู๋ตายง่ายๆตอนนี้แน่...อากู๋จะต้องอยู่! อยู่เพื่อดูความสำเร็จ ความยิ่งใหญ่ ความเกรียงไกรของหลานคนนี้ที่จะขึ้นครอบครองอาณาจักรทั้งหมดแทนอากู๋” จตุพลหัวเราะเหี้ยมๆ “ถือว่านี่เป็นการตอบแทนพระคุณที่อากู๋ดูแลหลานชายคนเดียวคนนี้อย่างทิ้งๆขว้างๆ ทำให้ผมรู้ซึ้งถึงความหมายในเพลงคนไม่สำคัญของพลพลอย่างถ่องแท้”
แล้วจตุพลก็ร้องเพลง “ไม่ว่าเป็นที่เท่าไหร่ของเธอ เธอก็คือที่สุดเสมอไป
ถ้าเผื่อเธอพอมีเหลือแม้เพียงเสี้ยวใจ จะแบ่งปันให้ฉันบ้างหรือเปล่า และคนๆหนึ่งซึ่งไม่สำคัญ ก็ยังเฝ้ารอสักวันของเรา แค่อยากได้ยินว่ารักซักคำเบาๆ ให้ฉันได้หรือเปล่าคนดี รักฉันบ้างหรือเปล่าคนดี”
อธิปด่ากลับ “เพราะฉันรู้ไงว่าธาตุแท้ของพวกแกมันคืองูเห่า ต่อให้ฉันเลี้ยงแกดีขนาดไหน แกก็ไม่มีวันเลิกคิดที่แว้งกัดฉัน!”
น้อมพงษ์รีบร้องเพลงแทรกขึ้นมา “คอยดูแลด้วยความจริงใจห่วงใยและคอยให้ความรัก เป็นกังวลว่ามันจะตายเฝ้าคอยเอาใจทุกอย่าง แต่สุดท้ายชาวนาผู้ชายใจดีด้วยความที่เค้าไว้ใจ น่าเสียดาย กลับต้องตาย ด้วยพิษงู”
น้อมพงษ์หันมาจะฉีดยาเข้าที่แขนของอธิป แต่อธิปร้องลั่น
“อย่านะ!!! อย่าฉีดยาช้าน ปล่อย....อย่า.....!!”
เข็มฉีดยาจวนจะแทงลงบนแขนอธิปอยู่รอมร่อ ทันใดนั้นเสียงสัญญาณเตือนภัยรถก็ดังสนั่น ไล่มาทีละคันๆๆ เสียงสัญญาณรูปแบบต่างๆ ดังระงมจนน้อมพงษ์ชะงัก
“เสียงอะไรวะ?” จตุพลถาม
“อะลามรถท่านครับท่าน!” สมุนคนนึงเข้ามาบอก
“รู้แล้ว แต่ทำไม มันร้องกันทุกคันแบบนี้วะ”
สมุนทุกคนในห้องรีบวิ่งออกไปดู น้อมพงษ์ก็วิ่งออกไปด้วย
“ เดี๋ยวฉันกลับมา อย่าคิดว่าจะรอด!” จตุพลขู่แล้ววิ่งออกไป อธิปหันไปมองเดชที่นั่งเอ๋อและบ่นพึมพำอย่างทรมานใจ

สมุนของจตุพล รวมถึงน้อมพงษ์กรูกันออกมาจากคฤหาสน์ ตามมาด้วยจตุพลที่วิ่งออกมาเช่นกัน จตุพลเห็นควันสีต่างๆ ลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ขณะที่สัญญาณเตือนภัยของรถทุกคันก็ยังดังแข่งกัน
“เกิดอะไรขึ้น?” จตุพลแปลกใจ
“มีคนยิงพลุควันมาใส่รถทุกคันที่จอดอยู่ ทั้งรถในโรงรถของท่าน ของเสี่ย และของพวกเราที่จอดอยู่ครับท่าน” สมุนคนหนึ่งรายงาน

กริสน์กับภัทรดนัยโผล่หน้าขึ้นมาเหนือกำแพงดาดฟ้าหลังบ้านอธิป ทั้งสองเห็นจตุพลกำลังสั่งการให้สมุนช่วยกันแก้สถานการณ์อย่างอลหม่าน
“เอาอีกดอก..” ภัทรดนัยบอก
กริสพูดอย่างหงุดหงิด “ฮึ่ย พอแล้ว แค่นี้ก็เหลือแหล่”
“เหลือพลุอีกดอก ก็ใช้ให้หมด ไหนๆก็เบิกมาแล้ว นั่น..รถใคร” ภัทรดนัยถาม
“ไม่รู้มัน” กริสน์ตอบแล้วเล็งปืนยิงพลุไป ที่ยางรถที่ยังเหลืออีกคัน
พลุควันพุ่งใส่ยางของรถฟอจูนเน่อร์ที่จอดอยู่ ควันสีชมพูพุ่งขึ้นทั่วบริเวณ สัญญาณกันขโมยดังขึ้นทันที
“อ๊าก..รถช้านๆ” น้อมพงษ์ตกใจรีบวิ่งมาหารถตัวเอง
ภัทรดนัยมองตามแล้วยกมือรอให้กริสน์เอามือมาแปะกัน แต่กริสน์ไม่สนรีบปีนข้ามไป ภัทรดนัยรอเก้อก็ทำหน้าเซ็ง

กริสน์กับภัทรดนัยโหนตัวเข้ามาที่ระเบียง ทั้งสองเข้าไปแอบอยู่หลังเสา ภัทรดนัยมองไปรอบๆ สักพักสมุนของจตุพล 2 คนเดินผ่านมา กริสน์กับภัทรดนัยจึงโหนตัวขึ้นแล้วเอามือยันระหว่างคานเพดาน2ด้าน เพื่อเบียดตัวแอบอยู่กับฝ้าเพดาน
สมุนทั้งสองเดินลอดใต้กริสน์กับภัทรดนัยไป โดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง ภัทรดนัยกระซิบกับกริสน์ “ห้องเสี่ยอธิปอยู่โน่น”
“รู้แล้ว!” กริสน์หงุดหงิดใส่
“เฮ้ย...นี่แกมีประจำเดือนอยู่หรือเปล่าวะ? นิดหน่อยก็หงุดหงิด นิดหน่อยก็ขึ้น!”
“ก็ฉันกำลังใช้สมาธิ” กริสน์บอก
“แต่ฉันว่าจิตแกกำลังจดจ่ออยู่กับยัยเจ๊โหดตบระเบิด กับเด็กแสบพวกนั้นมากกว่า”
กริสน์เงียบเพราะเพื่อนซี้พูดแทงใจดำ
“ขอย้ำอีกครั้งว่า แกต้องเลิกเอาใจไปผูกกับยัยพิมมาดาซะที อย่าลืมซิว่าเรื่องทั้งหมดเป็นแค่หนึ่งในงานของเรา อย่ามางานจบคนไม่จบนะ!”
กริสน์มองหน้าภัทรดนัยแล้วก็เงียบ เขาตั้งท่าจะขึ้นไปที่ห้องของอธิป แต่ก็ต้องชะงักเพราะได้ยินเสียงร้องโวยวายของอธิปดังมาจากอีกด้าน กริสน์กับภัทรดนัยมองหน้ากัน

เด็กๆ ยังคงยืนประจันหน้ากับพิมมาดาอยู่ในห้องพักของโรงแรม
“พวกเราไม่ไป!” แจ๊สยืนกราน
“พวกเธอต้องไป” พิมมาดาสั่ง
“ไม่! จีจ้าจะอยู่รอลูกพี่ที่นี่ จนกว่าลูกพี่จะกลับมา” จีจ้าบอก
“พวกเราด้วย!” เด็กที่เหลือประสานเสียง
“พวกเธอมีสิทธิ์อะไรมาขัดคำสั่งน้า?” พิมมาดาถาม
“แล้วน้าพิมมีสิทธิ์อะไรมาบังคับให้พวกเราหนีไปกับคนที่เราเกลียด!ไ โจ๊กถามกลับ
สุขสันต์ได้ยินก็ถึงกับสะดุ้ง ฉัตรชัยกับฮิมจะเข้าไปเอาเรื่องกับเด็ก แต่สุขสันต์รีบยกมือห้าม
“พวกเธอพูดจากับคุณแฮปปี้แบบนี้ได้ไง หา” พิมมาดาดุ
“แล้วน้าพิมละ ไปเอาที่ไหนมาพิสูจน์ว่าลูกพี่เป็นโจร?” จีจ้าถาม
สุขสันต์ทำทีเป็นเข้ามาห้ามทัพ “ใจเย็นๆก่อนเถอะครับคุณพิม ค่อยๆพูดกับพวกแกเถอะครับ”
“ไม่เย็นแล้วค่ะ พิมอดทนอดกลั้นตามใจพวกแกมามากแล้ว” พิมมาดาพูดกับเด็กๆ “มาดูกัน ว่าน้าจะใช้ความเป็นน้าบังคับให้พวกเธอทำตามไม่ได้!”
เด็กๆ ดิ้นแล้วทิ้งตัวลงพื้น ทันใดนั้น โอปอล์ก็ร้องไห้
“น้าพิมจะบังคับให้หนี ก็ไปบังคับเฉพาะหลานตัวเองซิคะ แต่อย่ามาเหมารวมหนูเข้าไปด้วย หนูจะอยู่ที่นี่ จะอยู่รอน้ากริสน์ช่วยป๊ากับพี่เดชกลับมา จะไม่ไปไหนทั้งนั้น!”

น้อมพงษ์ยกเข็มฉีดยาขึ้นมาขู่อธิปที่ยังอยู่ในห้องเดิม น้อมพงษ์ทำท่าเหมือนจะฉีดยาเข้าแขนของอธิป
“รถชั้น รถใหม่ของชั้น โดนยิงบุบ แกจะบอกหรือไม่บอก ว่าใครมาช่วยแก” น้อมพงษ์ขู่
เดชเต้นไปรอบๆ และร้องเพลง “อย่างเธอกับฉัน อันที่จริง เราก็มีหัวใจให้กัน แต่ทำไม เธอกับฉัน จึงขัดกันทุกทีเรื่อยไป เธอก็เสือ ฉันก็สิงห์ อันที่จริงไม่มีอะไร รักกัน แต่ทำไม เป็นอย่างนี้!”
“ไอ้เดช ช่วยชั้นด้วย ช่วยช้าน...ไอ้บ้า ไม่มีสติเอาซะเลยเหรอเนี่ย!” อธิปตะโกนลั่น
กริสน์กับภัทรดนัยโผล่หน้าขึ้นมาที่หน้าต่างของห้องลับ ทั้งสองเห็นอธิปถูกมัดอยู่ และเห็นเดชที่ทำตัวเป็นพี่เบิร์ด
“พี่เดชไปซะแล้ว” กริสน์ท่าทางเครียดแล้วเอาหมวกโม่งลงมาปิดหน้า พร้อมกับผลักภัทรดนัยออกไป “ไป! ไปเล่นล่อมันไว้หน่อยเพื่อน”
กริสน์ถีบหน้าต่างจนเปิดออกอย่างรวดเร็ว แล้วเขาก็ดึงภัทรดนัยและเหวี่ยงเข้าหน้าต่างมา ภัทรดนัยเซตามแรงเหวี่ยงออกไปเผชิญหน้ากับน้อมพงษ์ น้อมพงษ์หันมองภัทรดนัยตาขวาง ภัทรดนัยรีบคว้าหมวกโม่งลงมาปิดหน้า ส่วนอธิปก็ดีใจที่ได้เห็นคนมาช่วย
“แกเป็นใคร?” น้อมพงษ์เสียงแข็ง
“แล้วแกเป็นใคร?” ภัทรดนัยถามกลับ
เดชวิ่งเข้ามาขวาง “ฉันคือไอ้หนุ่มหมัดเมา” เดชทำท่าเฉินหลง
“พี่เดช หลีก” ภัทรดนัยบอก
“แกรู้จักไอ้เดช!!แกมีกันกี่คน..ใช่2คนหรือเปล่า” น้อมพงษ์เริ่มเดาได้ จึงรีบวิ่งไป กดปุ่มส่งสัญญาณอันตราย
ภัทรดนัยกระโดดเข้าใส่น้อมพงษ์แล้วสู้กัน
“ไม่ต้องแย่งกันนะจ๊ะ พี่เบิร์ดรักทุกโคน” เดชทำนิ้วเป็นสัญลักษณ์ไอเลิฟยู

ที่ด้านนอกคฤหาสน์ จตุพลกำลังเครียดกับสมุนที่เอาซากกองพลุที่ยิงเข้ามามากองรวม
“ใครวะ มันฝีมือใคร คนดีมีเมตตาอย่างชั้นมีศัตรูด้วยเหรอ”
เสียงสัญญาณอันตรายดังมาจากบนตึก ทุกคนสะดุ้งแล้วหันไป
“สัญญาณกันขโมยอะไรบนบ้านอีกวะ” จตุพลหงุดหงิด
“ไปดูไหมครับ” สมุนคนนึงถาม
“ไอ้น้อมพงษ์มันก็มีมือดีอยู่ด้วยหลายคนแล้วนี่หว่า”

สมุนมือดีของน้อมพงษ์ 2คนยืนอยู่หน้าห้องลับ กริสน์ในหมวกโม่งเข้ามาบู๊กับทั้งสอง เขาเตะปืนในมือสมุนคนนึงจนกระเด็น แล้วจู่โจมเข้าแย่งปืนในมือของอีกคน เขาสู้โดยพยายามไม่ให้เกิดเสียงดัง ขณะที่เสียงสัญญาณยังดังกลบเสียงทุกอย่าง

ส่วนภัทรดนัยยังสู้กับน้อมพงษ์ภายในห้องอย่างดุเดือด อธิปที่โดนมัดอยู่ออกแรงดิ้น เดชรำมวยไปรอบๆ ตัวอธิปพร้อมกับทำตัวเป็นเฉินหลง
“เพลงมวยงูจงอาง...ว้าว...แล้วมาเจอเพลงมวยอีเห็น...ฮ่าๆ” เดชชกลมด้วยท่าแปลกๆ
“ไอ้เดช หยุดรำแล้วไปช่วยพ่อโม่งเค้าเร้ว” อธิปสั่ง
ภัทรดนัยเพลี่ยงพล้ำจนโดนน้อมพงษ์ขึ้นคร่อม และกำลังจะเอาเข็มฉีดยาฉีดใส่เขา
จังหวะนั้นกริสน์ก็ฝ่า2 คนนั้นเข้ามาได้ แต่ 2 สมุนยังตามมาเข้ามาสู้ต่อในห้อง
“ว้าว” เดชมีท่าทางตื่นเต้น อยู่ๆ ก็ร้องเพลงเร้าใจขึ้น “มาทำไม ไม่รักก็ไม่ต้องมาอะอาๆ”
กริสน์ร้องตอบ “เป็นอะไร ไม่รักก็คงไม่มา อาๆๆ”
กริสน์เข้ามากระชากน้อมพงษ์ออกจากภัทรดนัย แล้วหันไปสู้กับ 2สมุนต่อ ส่วนอธิปพยายามแก้เชือก
“ไอ้เฉินหลง แก้เชือกให้กูหน่อย!” อธิปสั่ง
“อะไรนะ พูดจาไม่เพราะกะพี่เบิร์ดหรอ” เดชตบหัวอธิป
“เย้ย! เป็นพี่เบิร์ดไปแล้วเหรอว่ะ” อธิปตามไม่ทัน
ภัทรดนัยยังบู๊กับน้อมพงษ์จนเข็มฉีดยากระเด็นมาทางเดชพอดี เดชคว้าเข็มเอาไว้แล้วปักเข็มลงที่ก้นของน้อมพงษ์ทันที “นี่แหนะ!”
น้อมพงษ์หน้าเขียวแล้วร้องออกมา “จ๊าก!”
เพียงครู่เดียว น้อมพงษ์ก็สลบเหมือดไปทันที
กริสน์กับภัทรดนัยรีบช่วยกันอัดสมุนทีเหลือทั้งสองคนจนสลบไป แล้วกริสน์ก็รีบไปแก้มัดให้อธิป
“แก..โม่ง..แกใช่..ใช่ไอ้กรดรึป่าว” อธิปละลักละล่ำถาม
“ไว้คุยกันครับ” กริสน์พูดแล้วคว้าตัวเดช “ไปเร็วพี่เดช!”
ภัทรดนัยวิ่งนำออกไปจากห้อง สมุนกลุ่มที่อยู่กับจตุพลวิ่งขึ้นบันไดมาเป็นขบวน กริสน์มองลงไปเห็นก็รีบหันกลับพร้อมกับลากเดชไปอีกทาง “พาเสี่ยมาทางนี้ ไอ้ภัทรดนัย”
อธิปเห็นเข็มฉีดยาที่ปักก้นน้อมพงษ์ก็ตัดสินใจดึงติดมือมาด้วย ส่วนเดชยังพล่ามและทำท่าดิ้นรน “มาเลย...ไอ้พวกนินจา เดี๋ยวเจอหนุ่มหมัดเมาหน่อย...ว้าว” เดชรำท่ามวยจีน
อธิปรีบวิ่งมาช่วยกริสน์ด้วยการพูดกับเดช
“เฉินหลง ดูนั่น นกเค้าแมว” อธิปชี้นิ้วไปด้านบน
เดชเงยมองตาม อธิปจึงต่อยเสยปลายคางอย่างแรงจนเดชร่วง จากนั้นอธิปกับกริสน์ก็ช่วยกันลากเดชไป ภัทรดนัยเอาปืนออกมาแล้วยกปืนขู่สมุนที่วิ่งมาเป็นพรวนเหล่านั้น
สมุนทั้งกลุ่มเบรกเอี๊ยด แล้วต่างก็ควักปืนออกมาคนละกระบอก พวกกริสน์เห็นดังนั้นก็ถึงกับผงะ

โอปอล์ แจ๊ส โจ๊ก และจีจ้าสุมหัวประชุมกันอยู่ในห้องพักของโรงแรม โดยมีพิมมาดากับสุขสันต์ยืนอยู่ด้านหลังห่างออกไป
“น้ากริสน์เค้าเชื่อใจเราใช่ไหม ว่าเราจะรอที่นี่ ไม่ไปไหน” โอปอล์ถาม
“น้ากริสน์เชื่อใจน้าพิมด้วย” แจ๊สบอก
“แล้วน้าพิมล่ะ” หลานแท้ๆ ของพิมมาดาพูดขึ้นพร้อมๆ กันแล้วก็มองหน้ากัน จากนั้นก็อึ้งไป
“ระหว่างน้าพิม กะน้ากริสน์ เราจะเลือกน้ากริสน์” จีจ้าสรุป
“พวกเราก็เชื่อว่าน้ากริสน์จะต้องพาคุณพ่อโอปอล์กลับมาอย่างปลอดภัย เพราะฉะนั้น เราจะรอพ่อเธอ” โจ๊กบอก
“หรือว่า..เรากับน้าพิม อาจต้องแยกทางกัน”

แจ๊สพูดออกมาอย่างหวาดหวั่นในใจ

 อ่านต่อหน้า 2 วันนี้  (30 ม.ค. 55) เวลา 18.00 น.




 มือปราบพ่อลูกอ่อน  ตอนที่ 12 (ต่อ) 

ปืนของบรรดาสมุนจตุพลเรียงรายและชี้มายังทิศทางเดียวกัน กริสน์ ภัทรดนัย และอธิปที่ต่างกำลังช่วยกันประคองเดชยืนอยู่ต่อหน้าปากกระบอกปืนเหล่านั้น จตุพลเดินอาดๆ เข้ามาพร้อมกับพูด

“กู๋นี่แน่นอนจริงจริ๊ง..มีมือดีคอยช่วยเหลือดูแลตลอดๆ มาทีละ2คนตลอดๆ สงสัยนัก ว่าพวกมันเป็นใคร..ไหน ใครว่างๆ ช่วยเข้าไปถอดโม่งไอ้สองตัวนั่นดูหน้าตาทีซิ ว่ามันเป็นสมุนข้าเก่าเต่าเลี้ยงของกู๋มาแต่ยุคสมัยไหน”
พวกสมุนมองหน้ากันสักพัก จากนั้นสมุนคนหนึ่งก็ทำหน้าฮึกเหิม แล้วตัดสินใจเดินถือปืนตรงเข้าไปที่กริสน์ ก่อนจะลังเลแล้วหันไปที่ภัทรดนัยแทน
“เอาคนไหนก่อนครับ” สมุนคนนั้นถามจตุพล
“เอาทั้ง2คนนั่นแหละ” จตุพลบอก
“พร้อมกันเลยหรอครับ”
“เออ..รีบๆถอดๆมาเหอะน่า”
“ครับผม” สมุนรับคำแล้วหันไปจับผ้าคลุมโม่งของภัทรดนัยเพื่อจะดึงออก
ทันใดนั้น อธิปตัดสินใจสบตากับกริสน์แล้วปรายตาไปที่เดช กริสน์รับสัญญาณของอธิป ทั้งสองหายใจเข้าลึกๆ พร้อมกัน แล้วเหวี่ยงร่างเดชเข้าใส่สมุนคนนั้นจนล้มลง ปืนในมือกระเด็นหุดจากมือแล้วลอยขึ้น ภัทรดนัยเห็นก็รีบกระโดดคว้าปืนกลางอากาศทันที
สมุนทุกคนหันปืนไปทางภัทรดนัยเป็นทางเดียวกัน อธิปกับกริสน์อาศัยจังหวะกระโดดเข้าโจมตีจตุพลพร้อมกัน จตุพลรู้ตัวก็รีบหันปืนเข้าใส่ อธิปใช้ลีลาที่เหนือกว่าปลดปืนมาจากจตุพลได้ แล้วใช้ฝ่ามือฟาดไปตามจุดสำคัญจนจตุพลลงไปกอง
พวกสมุนตกตะลึงเพราะมองแทบไม่ทัน จตุพลโดนอธิปจิกหัวขึ้นมา กริสน์ลงมือจั๊กกะจี๋เอวจตุพลทันที
“อ๊าๆๆๆ โอ๊ยๆๆ” จตุพลหัวเราะลั่น
“สั่งให้ลูกน้องแกเอาปืนลงเดี๋ยวนี้” กริสน์ขู่
“อ๊าๆๆๆ ไม่ อ๊าๆๆ” จตุลปฏิเสธแต่ก็ยังคงหัวเราะอยู่
อธิปยกเข็มฉีดยาขึ้นมาจ่อหน้าจตุพล
“เฮ้ย” จตุพลตกใจที่เห็นเข็มฉีดยา “ทุกคน วางปืนๆๆ”
สมุนทุกคนวางปืนลง ภัทรดนัยเดินเข้ามาดึงเข็มขัดออกจากเอวจตุพลแล้วทำท่าฟาดในอากาศ สมุนทุกคนลุ้นว่าภัทรดนัยจะทำอะไร ภัทรดนัยรีบเก็บปืนของเหล่าสมุน โดยเอามาร้อยเป็นพวงด้วยเข็มขัดเส้นนั้น
กริสน์และอธิปจับตัวจตุพลแล้วจ่อเอาไว้ด้วยเข็มฉีดยา ทั้งหมดพาจตุพลเดินนำไปเป็นตัวประกัน
ภัทรดนัยแบกเดชขึ้นบ่าแล้วรีบวิ่งตามไป พวกสมุนจะวิ่งตามแต่อธิปเอาเข็มเสียบเข้าที่ขาจตุพล ทำให้จตุพลร้องจ๊ากและมีท่าทางลนลานเหมือนเสียสติ
พวกสมุนจะวิ่งเข้ามาอีก ภัทรดนัยจึงหันมายิงปืนใส่หลอดไฟเหนือหัวของพวกสมุนที่แขวนเรียงรายตามขอบระเบียงจนแตกกระจาย พวกสมุนต่างก็ก้มตัวแล้วเอามือปิดหัวปิดหน้าไม่ให้เศษแก้วโดนตัว
พอเสียงปืนสงบลง พวกสมุนก็หันมาหาพวกกริสน์แต่พวกกริสน์หายไปหมดแล้ว เหลือแต่จตุพลที่นอนร้องโวยวายอยู่

พิมมาดากับสุขสันต์ยืนรออยู่ที่หน้าห้องพักของโรงแรม เด็กๆเปิดประตูห้องออกมาเจรจา
“พวกเราประชุมกันแล้ว เราจะรอน้ากริสน์ที่นี่ ไม่ไปไหน” โจ๊กสรุป
“ถ้าน้าพิมอยากไปก็..ไปคนเดียว” แจ๊สบอก
พิมมาดาตกตะลึงและเสียใจที่ได้ยินเช่นนั้น “ทำไมแจ๊สพูดแบบนี้..น้าจะไปคนเดียวได้ยังไง เราไปไหนก็ต้องไปด้วยกันสิ เราจะไม่มีวันทิ้งกัน หรือแจ๊สจะทิ้งน้า”
“น้าพิมต่างหากทิ้งพวกเรา เพราะน้าพิมเป็นคนที่อยากไปอยู่คนเดียว” จีจ้าบอก
“ทำไม..ทำไมพวกเธอถึงเชื่อฟังคนอื่นมากกว่าน้าแท้ๆ นายนั่นไม่ได้เลี้ยงพวกเธอมา ไม่ได้เป็นญาติอะไรกับพวกเธอเลยนะ” พิมมาดาเสียใจ
“เพราะน้ากริสน์รักเราจริงไงครับ” โจ๊กบอก
“โจ๊ก..พูดจาเพ้อเจ้อเหลวไหลเกินไปแล้วนะ” พิมมาดาว่า
“ผมว่าจับขึ้นรถเลยดีกว่า..ฉัตรชัย ฮิม”
สุขสันต์แนะนำแล้วหันไปสั่งลูกน้องทั้งสอง ฉัตรชัยกับฮิมทำท่าขยับ แต่พวกเด็กๆรีบถอยกลับเข้าไปหลบในห้องแล้วล็อกประตู ทั้งหมดแยกย้ายกันไปล็อกทุกทางเข้าออกอย่างแน่นหนา จนฉัตรชัยกับฮิมเข้ามาไม่ได้
“เราจะไม่ไปไหนกับนายทุกข์ระทมทั้งนั้น” โจ๊กตะดกนผ่านประตูออกมา
“เด็กๆ” พิมมาดาเคาะประตูห้อง “น้าขอออกคำสั่ง เปิดประตู ออกมา แล้วก็ไปกับน้า..ได้ยินที่น้าพูดมั้ย!”
“คุณพิม..เราต้องรีบไปแล้ว” สุขสันต์เร่ง “นี่มันเรื่องคอขาดบาดตาย คุณต้องบังคับพวกมันให้ได้สิ ไม่ใช่เอาแต่ใจอ่อน อ่อนข้อให้เด็กพวกนี้ตลอด เพราะคุณดีเกินไป พวกเด็กๆถึงได้นิสัยเสีย เหลือขอแบบนี้ไง เอางี้..ถ้าเด็กๆไม่ยอมไปดีๆ ผมว่าเราต้องพังเข้าไป เฮ้ย ฮิม ฉัตรชัย พวกเรา..จัดการ!”
ลูกน้องทั้งสองของสุขสันต์ทำท่าคันไม้คันมือขึ้นมา
“อย่านะ!” พิมมาดาร้องห้าม “ชั้นขอจัดการหลานชั้นเอง..คุณไปรอที่รถก่อนเถอะค่ะ..นะคะ ขอร้องล่ะ!”
สุขสันต์มองหน้าพิมมาดา เธอก็มองตอบด้วยแววตาจริงจัง สุขสันต์ถอนใจและส่ายหัว ก่อนจะเดินเซ็งๆออกไปจากหน้าห้อง โดยมีฉัตรชัยกับฮิมเดินตามไป
พิมมาดาเริ่มอ้อนวอน “แจ๊ส โจ๊ก จีจ้า โอปอ..ป๊อปคอร์น..ออกมาเถอะ..เชื่อน้าสิว่าคุณแฮปปี้เค้าจะพาพวกเราไปอยู่ในที่ๆปลอดภัย แล้วก็ช่วยเราให้พ้นข้อกล่าวหาได้”
“น้าพิมฝันไปเถอะ!” เด็กทุกคนประสานเสียงกัน
พวกเด็กๆ ในห้องพักยังคงทำท่าทางเด็ดขาด และพูดผ่านประตู
“พวกเราเกลียดนายทุกข์ระทม!” แจ๊สพูดเสียงดัง
“น้าพิมจะเลือกเค้าหรือเลือกหลานๆล่ะครับ” โจ๊กตั้งคำถาม
“แล้วระหว่างน้ากะนายกริสน์ หลานๆจะเลือกใครล่ะ” พิมมาดาถามกลับ
“เลือกน้าพิม..ให้อยู่คู่กะน้ากริสน์ แล้วก็อยู่ให้ห่างๆนายทุกข์ระทมที่สุด เท่าที่จะทำได้” จีจ้าบอก
“ถ้าน้ากริสน์ของพวกเธอเค้าดีจริง เราจะมีสภาพอย่างนี้เหรอ” พิมมาดาถามแล้วก็พูดวิงวอนหลานๆ “น้าทำอะไรผิดพวกเธอถึงเกลียดน้า ช่วยบอกน้าที..บอกน้าทีว่าต้องทำยังไง พวกเธอถึงจะรักและเชื่อฟังน้าบ้าง บอกมาสิ บอกมา”
พิมมาดาเริ่มร้องไห้ เด็กๆ ได้ยินเสียงน้าสาวร่ำไห้ก็ถึงกับอึ้งและมองหน้ากันไปมาเหมือนจะถามกันว่าจะเอาอย่างไรดี
“น้าเป็นน้าที่ล้มเหลวใช่ไหม” พิมมาดาคร่ำครวญ “น้าไม่ดีพอที่จะเลี้ยงพวกเธอ พี่พลอย..พิมมันไม่ได้เรื่อง พิมทำตามสัญญาที่ให้ไว้กะพี่พลอยไม่ได้ พี่พลอย พิมแพ้แล้ว พิมยอมแพ้..พี่พลอยช่วยพิมด้วย พิมจะทำยังไงดี ฮือๆ”
ทันใดนั้น ประตูห้องก็เปิดออก เด็กๆ วิ่งออกมากอดพิมมาดาด้วยความรัก

รถที่กริสน์จับมาจอดบริเวณสะพาน ภัทรดนัยเปิดประตูลงจากรถแล้วพูด
“ชั้นขอแยกตรงนี้แหละ จะได้รีบไปที่สำนักงานตำรวจ ไปจัดการทำให้ความจริงปรากฏ ว่าคนนำเข้ายาเสพติดที่แท้จริง คือ นายสุขสันต์กับพรรคพวก..ชั้นไม่อยากถูกเข้าใจผิดว่าเป็นพ่อค้ายานานไปกว่านี้แล้ว”
“แล้วใครวะที่เค้าจะช่วยเราได้ และไม่หักหลังเรา” กริสน์ถาม
“มันต้องมีดิวะ ต้องมีสักคน” ภัทรดนัยบอก
“เออๆๆ งั้นก็รีบๆไป ไปๆๆ ชั้นคิดถึงลูกสาวจะแย่แล้ว..!” อธิปเร่ง
“ถ้ามีปัญหาอะไร แกรู้นะว่าจะไปเจอพวกเราได้ที่ไหน” กริสน์ถาม
“เออ..รู้แล้ว” ภัทรดนัยตอบ
แล้วทั้งหมด็แยกย้ายกันไป

สุขสันต์ ฉัตรชัยและอิมยืนรออยู่ที่รถตู้ที่จอดอยู่ที่หน้าโรงแรม
“จะไปมั้ยเนี่ย..พวกแกเข้าไปลากตัวออกมาเลยดีกว่า ไปๆ” สุขสันต์สั่งลูกน้อง
ยังไม่ทันไร พิมมาดาก็เดินนำเด็กๆออกมา
สุขสันต์มองอย่างแปลกใจ แต่ก็ทำเป็นยิ้มแย้มกับเด็กๆ “อ้าว เด็กๆ ยอมไปได้แล้วเหรอ ดีๆ”
“พวกเรายอมไปเพราะน้าพิม ไม่ใช่เพราะคุณ” แจ๊สบอก
“จ้ะๆ ขอบใจทุกคนนะ ขึ้นรถเถอะ” พิมมาดารีบบอกเด็กๆ
แจ๊สเชิดใส่สุขสันต์แล้วก็ขึ้นรถไป โอปอล์และจีจ้าต่างก็เชิดใส่สุขสันต์เช่นกันแล้วก็ขึ้นรถไป มีเพียงโจ๊กที่ไม่อยากขึ้นรถมากที่สุด เขาพยายามมองออกไปเหมือนรอให้กริสน์กลับมาให้ทัน แต่พิมมาดาก็เร่งเร้า
“โจ๊ก..”
“ครับ..” โจ๊กขานตอบ แล้วก็ขึ้นรถไปอย่างผิดหวัง พิมมาดาและสุขสันต์ขึ้นรถปิดท้าย

กริสน์กำลังขับรถตรงไปที่โรงแรม อธิปมีท่าทางลุกลี้ลุกลน เขาขยับขยุกขยิกตลอดเวลาไม่ยอมนั่งนิ่งๆ
“เสี่ยเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” กริสน์ถาม
“เอ่อ คือ ไม่มีอะไรๆๆ รีบๆขับไปเถอะน่า” อธิปบอก
“เสี่ยเขาแค่ตื่นเต้นน่ะ” เดชฟื้นขึ้นมาพูด “ไม่เจอหน้าลูกสาวหลายวัน จาคิดถึงจนจาทนไม่ไหว แล้วก็มีอาการคล้ายๆลงแดงยังงี้แหละ”
อธิปพยายามแก้เก้อด้วยการมองออกไปนอกรถ จังหวะนั้นมีรถตู้แล่นสวนมา อธิปเหลือบไปเห็นว่าในรถตู้คันนั้นมีโอปอล์นั่งอยู่
“เฮ้ย!!! นั่น โอปอ..อยู่ในรถตู้คันนั้น” โอปอล์
“อะไรนะ!” กริสน์ถามย้ำ
“โอปออยู่ในนั้น ชั้นตาไม่ฝาดแน่..กลับรถเร็ว” อธิปรีบบอก
กริสน์รีบดึงเบรคมือแล้วหักรถกลับทันที
“รถใคร..แสดงว่าต้องมีใครบางคนคิดจะพาคุณพิมมาดากับพวกเด็กไปไหนแน่ๆ..ไม่ต้องเดาก็รู้เลยว่าใคร ฮึ่ม!”

รถตู้แล่นไปตามทาง อยู่ๆ รถของกริสน์ก็แล่นแซงขึ้นมาแล้วจอดปาดขวางหน้ารถตู้เอาไว้ รถตู้เบรคดังเอี๊ยด!!
สุขสันต์หัวคะมำ แล้วโงหัวขึ้นมาถาม “เบรคทำไม!”
กริสน์กับอธิปก้าวลงจากรถมา เดชลงมาเป็นคนสุดท้าย ทุกคนอยู่ในชุดคลุมโม่งและถือปืนเหมือนจะมาปล้น
“โจร..เราถูกโจรดักปล้น” ฉัตรชัยตกใจ
“หว๋าย น่ากลัวๆ” อิมร้องออกมา
กริสน์ถือปืนขู่ “ถ้าไม่อยากตาย ยกมือขึ้น..บอกให้ยกมือ!”
เดชเข้ามาจ่อปืนที่กริสน์แล้วสั่งคนในรถ “ลงมาๆ”
กริสน์ชี้ไปทางคนขับรถตู้ “ทางนู้น”
“เออ…ใช่ๆ” เดชนึกได้ก็จ่อปืนไปที่คนขับ “ไปรวมกันไว้ ไปๆ แล้วยกมือขึ้น เฉยๆ ห้ามขยับ เข้าใจมั้ย!” ฉัตรชัยพยักหน้า เดชตบหัวทันที “บอกว่าอย่าขยับ..เข้าใจมั้ย” ฉัตรชัยพยักหน้าอีก เดชก็ตบอีก “ พูดไม่รู้เรื่อง อยากตายหรือไง” ฉัตรชัยส่ายหน้า เดชจึงตบอีกครั้ง “บอกว่าอย่าขยับๆ”
อธิปกับกริสน์รีบเปิดประตูรถตู้ทันที
“ว้าวววว มีผู้หญิงกับเด็กด้วยเว้ย ซี้ดๆๆ ลงมาๆ ผู้หญิงคนนี้ แหล่มน่าเซี๊ยะมาก ไปๆๆ ไปขึ้นรถคันนั้น” กริสน์พูด
“มองอะไร!! แกจะทำอะไรชั้น!” พิมมาดาโวยวาย
“ทำอะไร..หึๆๆ ก็จะพาไปกินตับไง ตับๆๆๆ” กริสน์พูดแล้วต้อนไปที่รถ
พิมมาดาถอยหนี “ว้ายๆๆ อย่านะ อย่า”
“เอ้า ผู้ชาย ยกมือขึ้น แล้วไปยืนตรงนั้น ไปๆๆ ส่วนเด็กๆลงมาให้หมด ลงๆๆๆๆๆ ไปขึ้นรถ ไป!” อธิปสั่ง โอปอล์เดินลงมาจากรถ “โอ...ไปขึ้นรถนะคะ”
“ป๊า!!! ป๊าใช่มั้ย ป๊า!” โอปอล์กระโดดกอดอธิป
“ป๊า เป๊ออะไร” อธิปรีบปฏิเสธ
“ป๊าแน่ๆ แล้วคนนี้ก็พี่เดช” โอปอล์พูด
“งั้น นี่ก็ต้องเป็นน้ากริสน์สิ ใช่มั้ย” จีจ้าชี้ไปที่กริสน์
“อะไรนะ” พิมมาดาตกใจแล้วรีบดึงผ้าคลุมโม่งของกริสน์ออก “นายกริสน์!”
“แหะๆๆ ผมเอง” กริสน์ยิ้มแหยๆ
“พวกแก..หน็อย ปล่อยตัวคุณพิมเดี๋ยวนี้” สุขสันต์โมโห
“ปล่อยก็กลัวดิ คิดเหรอว่าชั้นจะให้แกเอาตัวคุณพิมไปได้ ฝันไปเถอะ..เด็กๆขึ้นรถ” กริสน์ลากพิมมาดาขึ้นรถ “ไปขึ้นรถ!”
สุขสันต์ขยับจะไปหาพิมมาดา เดชรีบขวางไว้ “อ้ะๆๆ ถ้าคิดทำอะไร รับรองไส้แตกแน่ๆ” เดชพูดแล้วเอาปืนจ่อไปที่อธิป
ไทางโน้นไ อธิปชี้ไปที่สุขสันต์
“เออ…ใช่ๆ” เดชจ่อปืนไปที่สุขสันต์
พิมมาดาเห็นเด็กๆขึ้นไปนั่งที่รถเรียบร้อยหมดแล้ว “เด็กๆ ลงมา..น้าบอกให้ลงมา..นายกริสน์เป็นโจร เค้าจะมาฉุดตัวเราไป ยังจะไปเชื่อฟังเค้าอีก”
กริสน์พยายามจับพิมมาดาให้ขึ้นรถ ฉัตรชัยกับฮิมแอบชักปืนออกมาเล็งที่พวกกริสน์โดยไม่มีใครสังเกตเห็น อยู่ๆรถตำรวจของพวกมาวินก็แล่นมาที่ด้านหลังของรถตู้ มาวินถือโทรโข่งประกาศเสียงดัง
อธิปหันไปเห็นก็ตกใจ “ตำรวจ มาได้ไง”
“หึๆๆ ฮ่าๆๆ ในที่สุด ชั้นก็ตามตัวพวกแก็งค้ายาเจอ” มาวินประกาศใส่โทรโข่ง “ถ้ายังมีสมองอยู่บ้าง ก็ทิ้งอาวุธ แล้วยอมให้เราจับซะดีๆ..แล้วพวกแกจะได้ออกทีวี เพราะชั้นจะเปิดแถลงข่าวแสดงความสามารถของชั้น..งานนี้ดังระเบิดแน่ ทั้งพวกแกและชั้น ฮ่าๆๆ”
“ตำรวจ” ฉัตรชัยกับฮิมรีบทิ้งปืน “ช่วยด้วย พวกมันมีปืน..แล้วยังขู่ว่าจะฆ่าคนบริสุทธิ์อย่างผมอีก ผมยอมมันทุกอย่างแล้ว มันก็ไม่ไว้ชีวิต ช่วยด้วย”
“โหวว ขนาดนี้เลยเหรอ มิน่าชาติบ้านเมืองถึงไม่เจริญสักที” อธิปกับเดชพูดประชด
“กริสน์..ไม่ต้องห่วงทางนี้ พาเด็กๆหนีไป” อธิปบอก
“เสี่ยจะทำอะไร”กริสน์ถาม
“ชั้นจะโชว์ลายเสือเก่า” อธิปพูดแล้วเปิดฉากยิงใส่ตำรวจทันที แล้วห็หันมาบอกให้กริสน์รีบไป
“พาทุกคนหนีไป!”
“ไม่ โอปอล์จะอยู่กับป๊า” โอปอล์งอแง
“โอปอ หนีก่อน ไป” โจ๊กดึงตัวโอปอล์ไว้
กริสน์คว้ามือพิมมาดาแล้วลากออกมาให้ห่างจากจุดที่ยิงกัน แต่พิมมาดาดิ้นและไม่ยอมไปง่ายๆ
“คุณพิม..คุณต้องไปกับผม” กริสน์พูดจริงจัง
“ให้ชั้นตายดีกว่า ถ้าต้องไปกับนาย ปล่อย!” พิมมาดาผลักกริสน์ออกไป แล้วพยายามไปดึงตัวเด็กๆออกมา “เด็กๆ มานี่”
“โอปอล์จะไปหาป๊า” โอปอล์โวยวาย
“โอปอล์” โจ๊กดึงโอปอล์ไว้
“โจ๊ก!” พิมมาดาดึงโจ๊กไว้
“คุณพิม” กริสน์ดึงพิมไว้ “เด็กๆกลับไปขึ้นรถมาเดี๋ยวนี้..ยังไงคุณก็ต้องไปกับผม” กริสน์คว้าข้อมือพิมมาดาทันที
ทันใดนั้น สุขสันต์ก็เข้ามาทางด้านหลังของกริสน์ แล้วใช้ก้อนหินฟาดเข้าที่หัวของกริสน์เต็มแรงจนกริสน์ล้มคว่ำไป
“น้ากริสน์!” เด็กๆ ตกใจรีบวิ่งเข้าไปดูกริสน์ทันที
“คุณ..คุณไปตีเค้าทำไม” พิมมาดาก็ตกใจด้วย
“ผม..ผมไม่ได้ตั้งใจ..ผมเห็นเค้าฉุดคุณพิม เค้าจะทำร้ายคุณพิม เค้าควักปืนออกมา ผมเป็นห่วงคุณ กลัวคุณมีอันตราย ผมเลยขาดสติ ลืมตัว เพราะผมอยากปกป้องคุณ” สุขสันต์แก้ตัว
พิมมาดาเข้าไปดูกริสน์ “นายกริสน์..เป็นอะไรมากหรือเปล่า”
สุขสันต์รีบดึงแขนพิมมาดาให้กลับมา “คุณพิม ไปกับผมเดี๋ยวนี้”
แต่กริสน์ที่นอนกองอยู่ที่พื้นเอื้อมมือมาคว้ามือพิมมาดาอีกข้างไว้ “อย่า..คุณพิม..ไปกับผม”
“คุณพิม..” สุขสันต์ออกแรงดึง
พิมมาดาเริ่มลังเลว่าจะไปกับใครดี
“น้ากริสน์เจ็บขนาดนี้ น้าพิมยังจะทิ้งไปอีกเหรอ” แจ๊สถาม
กริสน์ฮึดสู้แล้วพยายามยันตัวลุกขึ้นมา “คุณพิม” กริสน์คว้ามือพิมมาดา “คุณต้องไปกับผมเดี๋ยวนี้”
กริสน์ดึงพิมมาดาไปขึ้นรถ พิมมาดายอมเดินตามไปแต่โดยดี
“คุณพิม..” สุขสันต์พยายามเรียก
โจ๊กส่งเสียงหลอกสุขสันต์ “ระวังปืน!”
อารามตกใจ สุขสันต์หมอบหลบกระสุนทันที พวกเด็กๆ รีบวิ่งไปขึ้นรถ พอสุขสันต์เงยหน้ามาอีกทีทุกคนก็ขึ้นรถไปหมดแล้ว
รถกำลังแล่นออก พวกเด็กแลบลิ้นเย้ยสุขสันต์ โอปอล์มองอธิปผ่านกระจกรถ “ป๊า”
อธิปหันมามองโอปอล์แล้วยิ้มให้พร้อมยกหัวแม่โป้ง
“ป๋าป๊า” โอปอล์ตะโกน
สุขสันต์มองตามอย่างเจ็บใจแล้วเขาก็ต้องหามุมหลบกระสุน โดยที่อธิปกับเดชยังยิงกันตำรวจเอาไว้

กริสน์ขับรถหนีอย่างรวดเร็ว พวกเด็กๆ หมอบนิ่งอยู่ภายในรถ
โอปอล์หันไปมองด้านหลัง “ป๊า..โอปอล์จะไปหาป๊า จอดๆๆ”
“ป๊าโอปอล์ต้องปลอดภัย เชื่อโจ๊กสิ”
“นายขับรถไหวหรือเปล่า ถ้าไม่ไหวก็จอด อย่าฝืน เดี๋ยวจะเป็นอันตรายกันไปหมดทุกคน ได้ยินที่ชั้นพูดมั้ย..บอกให้หยุด หยุดๆๆๆ” พิมมาดาตะโกนลั่น
“อยู่เฉยๆกันได้มั้ย!” กริสน์สั่ง
“อย่ามาตะคอก..ชั้นไม่อยากเอาชีวิตตัวเองกับหลานๆมาฝากไว้กับนาย หยุดรถ!! ไม่งั้นชั้นจะโทรแจ้งตำรวจเดี๋ยวนี้”
“ผมนี่แหละตำรวจ” กริสน์พูดเรียบๆ
“ชั้นหมายถึงตำรวจดีๆ..บอกให้หยุดรถ หยุดรถๆ” พิมมาดาตะโกนอีก
“โอปอล์จะไปหาป๊าๆๆ”
โอปอล์กับพิมมาดาเข้ามาเขย่าตัวกริสน์
“น้าพิม..ลูกพี่กริสน์..เลือดไหล” จีจ้าบอก
เลือดไหลออกจากหัวของกริสน์ แต่เขายังฝืนทนขับรถต่อไปด้วยแขนข้างเดียว เพราะอีกข้างเจ็บ
“ขอร้องล่ะ อยู่เฉยๆ” กริสน์พูดด้วยเสียงอ้อแอ้เหมือนจะขับต่อไปไม่ไหว
“ชั้นขอร้อง จอดรถเถอะ..ให้ชั้นขับเอง ชั้นรับปากว่าจะไม่หนี และจะขับรถพานายไปที่ๆนายจะพาชั้นไปด้วย..นะ” พิมมาดาอ้อนวอน

อธิปกับเดชเดินหน้ายิงใส่ตำรวจแบบไม่กลัวเกรง ทั้งสองมายืนประกบหลังเหมือนร่วมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กัน ทั้งอธิปและเดชพูดคุยกันไป
“เดชไม่นึกมาก่อนเลย ว่าจะมีวันนี้ วันที่เดชได้ร่วมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเสี่ยแบบนี้อีก” เดชซึ้ง
“บรรยากาศเก่าๆ แบบนี้แหละที่ชั้นคิดถึง ไอ้เดช ขอบใจที่แกไม่เคยทิ้งชั้น”
“ชีวิตนี้เพื่อเสี่ยคนเดียว!” เดชประกาศ
เดชหันกลับมาช่วยอธิปยิง ทั้งคู่ยิ้มให้กันแบบรู้ใจกัน ทันใดนั้นเอง มาวินก็ยกปืนกลขึ้นมา
“ซึ้งมากใช่มั้ย เจอนี่!”
อธิปกับเดชแตกกระเจิง ทั้งคู่วิ่งหลบกระสุนที่มาวินยิงมาเป็นทางชุด
“อย่าเอาแต่หนีสิ ฮะๆๆ กระจอกทั้งนายทั้งบ่าวเลย ฮ่าๆ” มาวินเยาะเย้ย
เดชวิ่งนำ พอถึงจุดหนึ่งเขาก็กระโดดแล้วยิงปืนเข้าใส่ อธิปวิ่งตามไปพอถึงจุดหนึ่งก็กระโดด แล้วยิงปืน เช่นกัน
“โอ๊ย!” เดชร้องลั่นเพราะอธิปกระโดดลงมาทับเขาพอดี
“จุกเลย..โดดมาทับผมทำไม”
“แล้วทำไมแกไม่หลบ” อธิปว่า
“เสี่ย..กระสุนผมหมดแล้ว” เดชบอก
“ชั้นเหลือนัดสุดท้าย”
“เราไม่มีทางหนีรอดไปได้แน่ๆ” เดชคว้ามือเสี่ย “เสี่ยครับ..เดชรักเสี่ยนะครับ เสี่ยเหมือนพ่อ เหมือนทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต เกิดชาติหน้าฉันใด ขอให้เราได้เกิดมาคู่กันอีก”
“แกพูดบ้าอะไรของแก!” อธิปงง
“เสี่ยมีความในใจอยากจะสารภาพกับเดชมั้ยครับ” เดชถาม
“ชั้นไม่มีทางยอมแพ้.. เห็นนั่นมั้ย” อธิปบอกแล้วบุ้ยหน้าไปทางที่มีรถตู้ของสุขสันต์จอดอยู่ “คนอย่างเสี่ยอธิป ต้องไว้ลาย ถ้าจะตายก็ต้องสมศักดิ์ศรี”
“เสี่ยจะทำอะไรครับ” เดชถาม
“แกรู้ว่าจะต้องทำอะไร” อธิปพูดแล้วส่งปืนให้ “อย่าทำให้ชั้นผิดหวัง”
อธิปวิ่งหลบกระสุนออกไปที่รถตู้ของสุขสันต์ทันที ขณะนั้นสุขสันต์กำลังยืนหลบอยู่ที่รถตู้กับฉัตรชัยและฮิม อธิปเข้าไปเปิดฝาเติมน้ำมัน
“เดี๋ยวๆๆ ไม่นะครับเสี่ย ไม่ๆๆ เดชไม่ทำเด็ดขาด” เดชร้องอย่างตกใจ

อธิปก้าวขึ้นไปบนรถ
“เห้ย……รถชั้นนะโว๊ย” สุขสันต์โวยวาย
“ก็รู้ไงถึงเอา” อธิปหันมาพูด เขาเหยียบคันเร่งจนรถตู้พุ่งเข้าไปหาพวกตำรวจ
“หึๆ คนอย่างเสี่ยอธิป ไม่ใช่แค่หล่อ ไม่ใช่แค่รวย ไม่ใช่แค่มีอำนาจ แต่ชั้นมีดีที่ความเก๋าเว้ย รู้ไว้ด้วย!”
พวกตำรวจมองรถตู้ที่อธิปขับมาหาอย่างงงๆ เดชหยิบปืนขึ้นมาเล็ง
“ไม่ ผมทำไม่ได้ เสี่ย..ผมรักเสี่ย!” เดชคร่ำครวญแล้วตัดสินใจยิงไปที่ฝาเติมน้ำมันทันที
รถระเบิด ตู้ม! สมุนบางคนโดนแรงอัดของระเบิดจนกระเด็นไป หลายคนเห็นดังนั้นก็ผวาหลบหมอบไปกับพื้น
“รถชั้น” สุขสันต์ตกใจ
ทั่วบริเวณนั้นเกิดฝุ่นตลบ ไฟโหมลุกแรง พอไฟเริ่มเบาลง ทุกอย่างก็เริ่มสงบ มาวินถือปืนเข้ามาหา เขาพบว่าทั้งเดชและอธิปหายไปแล้ว
“หน็อย พวกมันหายไปไหนแล้ว..ในรถก็ไม่มีศพเสี่ยอธิป”
มาวินหันมองแล้วพบว่าพวกลูกน้องนอนฟุบไปจนหมด

“โธ่เว้ย!!! พวกแก ทำงานแถลงข่าวของชั้นพัง..ชั้นจะตามล่าพวกแกให้ได้!”

 อ่านต่อหน้า 3 พรุ่งนี้  (31 ม.ค. 55) เวลา 9.30 น.




 มือปราบพ่อลูกอ่อน  ตอนที่ 12 (ต่อ) 

พิมมาดาเปลี่ยนมาขับรถด้วยท่าทางพะวักพะวง เพราะเป็นห่วงกริสน์ที่นั่งซึมเพราะถูกตีหัว กริสน์แข็งใจพยายามอดทนต่อความเจ็บจากแผลที่หัว ในขณะที่โอปอล์ยังอาละวาดไม่หยุด

“โอปอล์จะไปหาป๊า..พาโอปอล์กลับไป”
โจ๊กเข้ามาจับโอปอไว้ “โอปอล์ เรากลับไปตอนนี้ไม่ได้ มันอันตราย เชื่อเรานะ ป๊าของโอปอต้องไม่เป็นอะไร”
“ลูกพี่เลือดไหลไม่หยุดเลย ลูกพี่จะตายมั้ย” จีจ้าเห็นอาการของกริสน์ก็เป็นห่วง
“น้ากริสน์อย่าหลับเด็ดขาด..แล้วถ้าเห็นแสงสว่างลิบๆ อย่าเดินเข้าหา หรือถ้ามีใครมารับไปอยู่ด้วย น้าก็อย่าไปกับเค้า” แจ๊สรีบแนะนำ
“ชั้นว่า..นายแวะไปหาหมอก่อนเถอะ” พิมมาดาเสนอ
“ไม่ แวะไม่ได้ เดี๋ยวได้โดนซิวกันหมดสิ ผมไหว..ขับไป” กริสน์ปฏิเสธ
“คิดว่าตัวเองเป็นแรมโบ้ หรือคนเหล็กหรือไง อย่าดื้อเป็นเด็กๆได้มั้ย” พิมมาดาดุ
“อย่าบ่นเป็นคนแก่ได้มั้ย” กริสน์สวน
“ถ้าตายขึ้นมาจริงๆจะสมน้ำหน้า..เอ้า จะให้ชั้นขับไปไหนล่ะ บอกมาสิ” พิมมาดาถาม
กริสน์เปิดเครื่องGPS แล้วกดๆป้อนข้อมูลจนเครื่องเริ่มทำงาน “ไปตามที่ไอ้เครื่องนี้มันบอก”
“ไปไหน” พิมมาดายังสงสัย
“ขับไปเถอะน่า เดี๋ยวก็รู้เอง รับรองว่ามันจะเป็นที่ๆปลอดภัย” กริสน์บอก
พิมมาดาจำต้องขับรถไปตามเสียงบอกเส้นทางจากจีพีเอส ซึ่งทุกครั้งที่มีเสียงจีพีเอสพูดอะไร จีจ้าก็จะย้ำคำพูดนั้นอีกครั้ง ทำให้จีจ้ากับแจ๊สเหมือนพยายามมาช่วยกันกำกับพิมมาดาอีกที จนพิมมาดาต้องบ่นออกมา
“น้ารู้ๆๆๆ ไม่ต้องพูดซ้ำๆๆ เงียบๆ อย่าทำให้น้านอยด์ได้มั้ย”

เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายคนกำลังตรวจสอบที่เกิดเหตุ ส่วนมาวินกำลังสอบปากคำสุขสันต์
“ผมบอกแล้วไงว่าผมก็มาตามจับพิมมาดากับพรรคพวกที่ค้ายาเสพติดน่ะสิ” สุขสันต์บอก “คุณนั่นแหละ..ไปทำไม..แผนการผมกำลังไปได้สวย แต่พังหมดเพราะคุณคนเดียว”
“แน่ใจเหรอว่าวางแผนจับ..ไม่ใช่ว่าแอบติดต่อช่วยเหลือพิมอย่างลับๆอยู่หรอกนะครับ” มาวินพูดดัก
“พูดแบบนี้หาว่าท่านสุขสันต์โกหกเหรอ” ฮิมทำเป็นเดือดแทนเจ้านาย
“แล้วตกลงท่านช่วยหรือไม่ได้ช่วย..ขอชัดๆ” มาวินถามย้ำ
“ผู้กองมาวิน..ผมขอเตือน..ถ้าอยากให้คดีนี้จบลงด้วยดี อย่ามายุ่งกับการทำงานของผมอีก..ไม่อย่างนั้น ผมไม่ไว้หน้าผู้กองแน่” สุขสันต์ขู่
“การบ่ายเบี่ยงเลี่ยงที่จะตอบคำถามตรงๆ ตามทฤษฎีแล้ว ถือว่าท่านกำลังปกปิดความจริงอยู่” มาวินพูด
“ผมไม่มีหน้าที่ต้องตอบคำถามคุณ”
“ท่านก็ไม่ได้มีหน้าที่ตามจับพิมมาดา ท่านยังทำได้เลย” มาวินย้อน
สุขสันต์เริ่มฉุน “แกเลิกยุ่งกับชั้นได้แล้ว ถ้าแกไม่อยากเดือดร้อน”
“แน๊ โมโหกลบเกลื่อน..ตามทฤษฎีถือว่าท่านกำลังถูกจี้จุดสำคัญ”
“แก..” สุขสันต์พยายามระงับอารมณ์ตัวเอง
“ท่านสุขสันต์ใจเย็นครับ..เดี๋ยวหน้าเหี่ยวครับ” ฉัตรชัยเตือน
“จากประสบการณ์..คดียาเสพติด มีอัตราการฆ่าตัดตอนสูง เพื่อป้องกันการซัดทอดไปถึงตัวการใหญ่..ผมถึงต้องเร่งมือจับผู้ร้ายให้ได้ ก่อนที่...ท่านรู้ใช่มั้ยครับว่าผมจะพูดว่าอะไร” มาวินถาม
ทันใดนั้น แพรวพิลาศก็เปิดประตูห้องแล้วเดินพรวดพราดเข้ามา สุขสันต์หันไปเห็นแพรวพิลาศก็ได้ใจ “คดีนี้ ชั้นกับท่านไพศาล หัวหน้าพรรค ร่วมมือกันสืบและตามจับแก็งค้ายารายนี้มาตั้งแต่ต้น..ชั้นจะทำต่อไป จนกว่าทุกอย่างจะชัดเจน และกอบกู้ชื่อเสียงของชั้น และท่านไพศาลคืนมา”
“พิมมาดาเป็นแฟนเก่าผม ผมยังไม่ประนีประนอมด้วยเลย ไม่ต้องเอาชื่อท่านไพศาลมาข่มขู่ผม” มาวินว่า
แพรวพิลาศที่เดินเข้ามาได้ยินชื่อพ่อตัวเองเต็มๆ “พูดยังงี้หาว่าพ่อชั้นเป็นผู้ร้ายด้วยใช่มั้ย..ห๊า!! จับตัวคนทำผิดจริงๆไม่ได้ ก็เลยมาไล่เบี้ยเอากับคนทำดีน่ะเหรอ..สอบสวนท่านสุขสันต์ ยังกับเป็นผู้ร้าย..ถ้าทำอย่างนี้ ให้ชั้นโทรเรียกคุณพ่อมาให้สอบสวนด้วยเลย เอามั้ย!”
“เอ่อ..ไม่ต้องโทรหรอกครับ..เพราะยังไงผมก็ต้องเชิญพ่อของคุณแพรวมาให้ปากคำแน่นอนอยู่แล้ว..แต่ตอนนี้..คุณแพรวว่างมั้ยครับ..ขอเชิญคุณแพรวมาให้ปากคำเพิ่มเติมด้วยครับ” มาวินบอก
“อะไรนะ” แพรวพิลาศตกใจ

แพรวพิลาศยืนกระฟัดกระเฟียดอย่างอารมณ์เสียอยู่ข้างรถ โดยมีสุขสันต์อยู่ข้างๆ
“ผู้กองมาวิน .. แพรวจะฟ้องพ่อให้เด้งมันไปอยู่ชายแดน”
“ไอ้บ้านี่มันกระหายผลงานยิ่งกว่าผีดิบดูดเลือด มันไม่สนหรอกว่าใครเป็นใคร ตราบใดที่เรายังมีเลือดเนื้อ มันก็จ้องจะตามสูบเราไม่จบไม่สิ้นแน่” สุขสันต์บอก
“แล้วแพรวควรจะทำยังไงดี”
“แพรว..เราต้องให้การตรงกัน..แพรวต้องบอกไปว่า..แผนการทั้งหมด ที่เกี่ยวกับพิมมาดาและยาเสพติด..คุณพ่อของแพรวเป็นคนวางแผนและสั่งการทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว” สุขสันต์เสี้ยม
“ไม่ได้ค่ะ ถ้าพูดไปอย่างนั้น คุณพ่อก็จะลำบากน่ะสิ”
“คุณพ่อคุณเป็นถึงระดับไหนแล้ว ไม่มีใครกล้ามีเรื่องด้วยหรอก..อีกอย่าง..เราก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกะการค้ายาจริงๆ เราก็แค่คิดแผนอันแสนฉลาด..วางกับดัก..จับพวกค้ายา มันคือแผนขุดบ่อล่อปลาแบบเนียนๆ แต่ถ้าผมออกหน้า คนอาจเข้าใจผมผิด ..ผมไม่มีอำนาจบารมีเท่าพ่อของแพรว..ผมพลาดเมื่อไหร่ ไอ้หมาล่าเนื้อพวกนั้นต้องกระซวกกินตับผมหมดแน่”
“แต่..” แพรวพิลาศลำบากใจ
“เชื่อผมนะแพรว ผมมีแผนที่จะทำให้เรื่องทุกอย่างคลี่คลาย ผมมั่นใจ ..พ่อของแพรว ก็เหมือนพ่อผม พวกเราจะต้องชนะ ปราบปรามคนเลวได้ ได้รับความดีความชอบ ทุกอย่างจะต้องแฮปปี้เอนดิ้ง และเราสองคน..จะได้อยู่เป็นครอบครัวเดียวกัน”
“เราสองคน..อยู่เป็นครอบครัวเดียวกัน” แพรวพิลาศทวนคำ
“ทันทีที่เรื่องนี้จบ..ผมจะขอคุณแต่งงานทันที..ผมรักคุณ..ขอตอนนี้เลยก็ได้ แต่งงานกับผมนะ นะแพรว” พูดจบสุขสันต์ก็เข้าไปกอดและหอมจนแพรวพิลาศเคลิ้มและฝันหวาน

รถของกริสน์แล่นมาตามถนนในหมู่บ้านริมทะเลแห่งหนึ่ง เด็กๆ ที่อยู่ในรถซึ่งหลับมาตลอดทางเริ่มตื่นขึ้น ส่วนกริสน์ยังคงหลับอยู่
จีจ้าตื่นเต้นกับวิวทะเลจึงรีบสะกิดพี่ๆทุกคนให้ตื่นมาดู เสียงจีพีเอสยังสั่งให้ตรงไปเรื่อยๆ รถจึงวิ่งตรงไปกลางหมู่บ้าน สองข้างทางมีชาวบ้านทำงาน เช่น ซ่อมแห อวน ตากปลา ชันยาเรือ เลี้ยงสัตว์ เลี้ยงลูก ทำกับข้าว มีกลุ่มเด็กๆ เตะบอลอยู่ ทุกคนในหมู่บ้านต่างชะงักและมองไปยังรถของกริสน์ที่แล่นผ่านไป
ชาวบ้านบางคนหันไปส่งสัญญาณให้กัน ชาวบ้านบางคนเอามือถือขึ้นมากด รถกริสน์ยังคงแล่นไปเรื่อยๆ จนถึงทางตัน รถจอดในที่ที่ล้อมรอบด้วยบ้านของชาวประมง ทันใดนั้น เสียงจีพีเอสก็พูดว่า ถึงแล้ว
“มีงี้ด้วย” พิมมาดามองไปรอบๆ อย่างอึ้งๆ
ชาวบ้านต่างพากันเดินมามุงรถ พิมมาดาพยายามทำตัวให้เข้มแข็งด้วยการยิ้มแย้มขณะลงจากรถ พิมมาดายิ้มแต่แอบกัดฟันสั่งเด็กๆ “เด็กๆอย่าออกจากรถ เข้าใจมั้ย” พิมมาดาหันไปยิ้มและไหว้ชาวบ้านรอบตัว “สวัสดีค่ะ ทุกคน สบายดีไหมคะ”
พวกชาวบ้านจ้องเขม็ง พอพิมมาดาหันกลับหลังมาที่รถ ก็ต้องตกใจเพราะเธอเห็นลิงนั่งอยู่บนหลังคารถแล้วส่งเสียงขู่ใส่เธอ “ว้าย!”
ลิงกระโดดไปหาผู้ใหญ่ชวดแล้วจับมือ ผู้ใหญ่ชวดเอ่ยถาม
“ไม่ทราบว่าเอ็งมาที่นี่ มาหาใคร”
“เอ่อ..” พิมมาดาไม่รู้จะตอบอย่างไร
กริสน์เพิ่งได้สติจึงรีบตะกายลงจากรถ แล้วยกมือพนมไหว้ไปรอบๆ “สวัสดีครับ ผมชื่อกริสน์นะครับ แล้วนี่ คือผู้ปกครองของเด็กๆ ผมจะมาขอพักที่นี่ เสี่ยอธิปแนะนำมา พวกเรา..กำลังโดนศัตรูของเสี่ยไล่ล่าครับ”
พิมมาดาช้อนสายตาดูการพูดอย่างน่าสงสารของกริสน์แล้วก็ทึ่งว่ายังโกหกได้อีก
“เสี่ยอธิป.. “ผู้ใหญ่ชวดโพล่งออกมา แล้วหันไปพยักหน้ากับชาวบ้านคนอื่นๆ ทุกคนทั้งชายหญิงมีท่าทีตื่นตัวเหมือนพร้อมต่อสู้ พวกเด็กๆ พากันปีนขึ้นไปหลบบนยอดต้นมะพร้าวด้วยความว่องไว
“ข้าขอถามอีกครั้ง..ใครส่งพวกเอ็งมา” ผู้ใหญ่ชวดถามย้ำ
“เสี่ยอธิป” กริสน์ตอบ
ทันใดนั้นก็มีเปลือกหอยลอยคว้างพุ่งตรงไปยังกริสน์ กริสน์หลบทันอย่างหวุดหวิด เปลือกหอยปักลงตรงต้นไม้ข้างๆ กริสน์ทันที กริสน์ถึงกับหน้าซีด
“อย่าคิดนะ ว่าแค่ยกเอาชื่อเสี่ยอธิปมาอ้าง แล้วพวกเราจะเชื่อ” เจ๊ช้างตะโกนบอก
“จะตามรังควานไปถึงไหน พวกข้าขออยู่อย่างสงบๆไม่ได้เหรอ!”ผู้ใหญ่ชวดพูดแล้วหยิบอาวุธขึ้นมา เตรียม
“พวกคุณพูดเรื่องอะไร..เรามาดีจริงๆ” พิมมาดาบอก
พวกชาวบ้านเริ่มล้อมเข้ามา ทุกคนต่างถืออาวุธทั้งมีด จอบ เสียม ฉมวก เชือก กันทุกคน
“คราวก่อนก็พูดแบบนี้..มาดี..เสี่ยอธิปส่งมา..แล้วกลายเป็นพวกตำรวจปราบปรามยาเสพติด มารื้อค้นบ้านชาวประมงบริสุทธิ์อย่างพวกข้า!! คิดว่าพวกข้าจะยอมให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย” ผู้ใหญ่ชวดบอก
“เดี๋ยว!!! พวกคุณเข้าใจผิด..เสี่ยอธิปบอกให้เรามาที่นี่จริง..ๆ..โอ๊ย!” กริสน์พูดแล้วก็ทรุดลง เพราะหน้ามืด เนื่องจากเสียเลือดไปมาก
“นายกริสน์!” พิมมาดาเป็นห่วง เธอรีบเข้าไปดูแลกริสน์ ส่วนพวกเด็กๆ ก็วิ่งลงมาจากรถ
“น้ากริสน์!”
“ถ้าพวกคุณไม่เชื่อน้ากริสน์ ก็ต้องเชื่อโอปอล์..โอปอล์เป็นลูกป๊า..กล้าทำอะไรลูกสาวเสี่ยอธิปเหรอ!” โอปอล์บอก
“โอปอ..เฮ้ย!! ใช่..ใช่คุณหนูโอปอจริงๆด้วย” ผู้ใหญ่ชวดตะโกน
ชาวบ้านทุกคนทิ้งอาวุธ แล้วเปลี่ยนท่าทีมาดีด้วยในทันที
“ว่าแล้วเชียว มาๆๆๆ สหายของสหายก็คือสหาย” ผู้ใหญ่ชวดรีบเข้ากอดกริสน์ด้วยท่าทางรักใคร่
“เบาๆๆๆ ผมเจ็บ..โอ๊ย..โอย”
กริสน์ร้องแล้วหมดสติ เขาล้มลงในอ้อมกอดของผู้ใหญ่ชวด
“อ้าว..เฮ้ย..พวกเรามาช่วยกันหน่อย พาไปที่บ้านข้าก่อน ไปๆๆ” ผู้ใหญ่ชวดบอกชาวบ้าน พวกชาวบ้านช่วยกันพากริสน์ที่หมดสติออกไป
พิมมาดาและเด็กๆ ทยอยกันเดินตามไป แจ๊สกำลังจะเดินตามไปเป็นคนสุดท้าย แต่อยู่ๆ ก็มีลูกไม้เล็กๆ เขวี้ยงมาถูกหัวเธอ แจ๊สพยายามมองหาที่มาแต่ก็ไม่พบ สักพักเธอก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากบนต้นไม้ แจ๊สเงยหน้ามองขึ้นไปพบกลุ่มเด็กชาวบ้านกำลังหัวเราะเยาะเธออยู่
“ฮ่าๆๆๆ ตัวประหลาด มนุษย์ต่างดาว ผีดูดเลือด ก๊ากๆๆ”
กลุ่มเด็กชาวบ้านรุมหัวเราะเยาะและเขวี้ยงลูกไม้ใส่แจ๊สต่อ แจ๊สได้แต่ปัดป้องด้วยความคับแค้นใจ เพราะทำอะไรไม่ได้

สุขสันต์กำลังมองภาพในกล้องวงจรปิดซึ่งเป็นภาพตอนที่กริสน์กับภัทรดนัยบุกเข้าไปในร้านสวีทโอปอล์ แล้วเขาก็หยุดภาพ จากนั้นก็ซูมเข้าไปใกล้ๆ จนเห็นหน้ากริสน์กับภัทรดนัยชัดเจน
“แกจะบอกว่า..คนที่บุกเข้าไปขโมยขนมสูตรเคมีลับของขนมสวีทโอปอ กับ คนทีบุกมาชิงตัวเสี่ยอธิป คือ คนๆเดียวกัน คือไอ้กริสน์ คนเลี้ยงเด็กบ้านพิมมาดา กับเพื่อนมันนั่นเอง” สุขสันต์พูด จตุพลกับน้อมพงษ์พยักหน้า สุขสันต์ถึงกับของขึ้นทันที “ไอ้พวกโง่!!! ไอ้กระจอกเอ๊ย!”
สุขสันต์โมโหเลือดขึ้นหน้า เขาผลักอกน้อมพงษ์จนกระเด็น น้อมพงษ์ฉุนจะเดินเข้าไปหาเรื่องสุขสันต์ แต่ฉัตรชัยเข้ามาขวางไว้ “กล้าหือกับคุณสุขสันต์เหรอ...คุณน้อมพงษ์”
น้อมพงษ์ผลักฉัตรชัยออก “ทำไมจะหือไม่ได้..ในเมื่อ ผมไม่ใช่ลูกน้อง แต่พวกผมเป็นพาร์ทเนอร์ หุ้นส่วนทางธุรกิจกัน..ถ้าท่านไม่ให้เกียรติผม ผมก็จะไม่ไว้หน้าท่านเหมือนกัน”
“ใช่..เพราะท่านเอง ก็ปล่อยให้พิมมาดากับไอ้จิ้งจกเปลี่ยนสีตัวนั้นหลุดรอดไปแบบโง่ๆเหมือนกัน..หึๆๆ ไอ้กระจอก!” จตุพลพูดแล้วกระชากคอฉัตรชัยขึ้นมา ก่อนจะเหวี่ยงจนหัวฉัตรชัยไปกระแทกกับฮิมเต็มแรง
“ท่านทำคนของผม ผมทำคนของท่าน ยุติธรรมดี” จตุพลบอก
“แก..ไอ้จตุพล” สุขสันต์โมโห
“หึๆๆ มันถึงเวลาที่ท่านควรจะเข้าใจบทบาทของตัวเองให้ถูกต้องซะที..แล้วก็กลับไปทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี ก่อนที่จะมาอาละวาดใส่คนอื่น” น้อมพงษ์สั่งสอน
“อย่าลืมนะครับ ว่ากิจการขนมสวีทโอปอล์สอดไส้ยาเสพติด..เราสองคนเห็นพ้องต้องกันที่จะทำ..ผมทำหน้าที่บริหารกิจการ..ท่านทำหน้าที่อำนวยความสะดวก..เราพึ่งพากันและกัน..ไม่ว่าท่านหรือผมพลาด เราลำบากด้วยกันทั้งคู่..เพราะงั้น..เลิกอวดเบ่งใส่ผมซะ แล้วกลับไปแก้ปัญหาของใครของมันจะดีกว่า” จตุพลบอก แล้วจตุพลกับน้อมพงษ์ก็เดินออกไป สุขสันต์มองตามด้วยความแค้น
“นายจตุพลมันเหิมเกริมมาก ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง แล้วมันยังหยามศักดิ์ศรีท่านอีก” ฮิมมาพูดกับสุขสันต์
“ใช่..หัวของเราสองคน มีแต่ท่านคนเดียวที่เล่นได้ ตบได้..แต่นี่ มันเล่นต่อหน้าต่อตาท่าน..มันก็ไม่ต่างอะไรกับเล่นหัวท่าน..ท่านต้องทำอะไรสักอย่างนะครับ” ฉัตรชัยเสริม
สุขสันต์รู้สึกแค้น “ไอ้จตุพล..แกรู้จักชั้นน้อยไป”

จตุพลกับน้อมพงษ์เดินคุยกันออกมาจากภายในบ้านของจตุพล
“คุณเจ๋งมาก..นายสุขสันต์มันคงคิดว่าคุณจตุพลกลัวมันหัวหด..คิดว่าจะข่มเราได้ง่ายๆ..หึๆๆ เจอตาต่อตาฟันต่อฟันเข้าไปแบบนี้ ถึงขั้นงงเต็ก..แต่..จากนี้ไป เราจะไว้ใจนายสุขสันต์มากไม่ได้นะครับ” น้อมพงษ์บอก
“ชั้นรู้จักเล่ห์เหลี่ยมของคนพวกนี้ดี เมื่อไหร่ที่มีผลประโยชน์ อะไรก็ดีไปหมด แต่พอหมดประโยชน์เมื่อไหร่ ก็ไม่ต่างอะไรกับเศษขยะ” จตุพลพูด
“มันก็จะเขี่ยเราทิ้ง..เหมือนสั่งข้าวผัดกระเพรา แล้วเขี่ยใบกระเพราออก”
“รอดูไปก่อน..เพราะบางที คนที่เป็นใบกระเพรา อาจไม่ใช่เรา แต่เป็นมัน..นายสุขสันต์ ฮ่าๆ”
“ฮ่าๆๆ” จตุพลกับน้อมพงษ์หัวเราะกันยกใหญ่
“นายสุขสันต์ยังไม่เท่าไหร่..แต่อากู๋นี่สิ..ตราบใดที่ยังไม่เห็นศพ จะวางใจไม่ได้” จตุพลบอก
“แต่ถ้าเสี่ยอธิปไม่เป็นอะไร..ผมไม่อยากจะคิด..ถูกทรยศหักหลังจากหลานแท้ๆอย่างนี้ ต้องอาฆาตยิ่งกว่าชัคกี้แค้นฝังหุ่นแน่ๆ..แล้วคนอย่างเสี่ยอธิป ไม่หนี ไม่ซ่อน ไม่มุดหัว อย่างมากก็ตั้งหลัก แต่..จะต้องกลับมาไล่ฆ่าเราแน่”
จตุพลเริ่มสยอง “ไอ้บ้า อย่านึกว่าชั้นจะกลัวนะ ก่อนอากู๋จะมาล่าเรา เรานี่แหละ จะไล่ล่าอากู๋ก่อน”

เช้าวันใหม่ กริสน์ค่อยๆได้สติลืมตาขึ้นมา เขาพบว่าตัวเองนอนอยู่ในบ้านของผู้ใหญ่ชวด กริสน์ค่อยๆ ยันตัวขึ้นมานั่งแล้วมองหาพิมมาดา
“ระวังๆๆ” ผู้ใหญ่ชวดรีบเข้ามาดูแล “ดีนะที่เอ็งแค่หัวแตกเฉยๆ ไม่ได้เป็นอะไรมาก”
“คุณ..” กริสน์สงสัย
“ข้าชื่อชวด เป็นผู้ใหญ่บ้านที่นี่ แล้วก็เป็นอดีตมือขวาคนสนิทของเสี่ยอธิปด้วย..พวกเราทุกคนที่นี่ เคยเป็นคนของเสี่ยอธิปทั้งนั้น..ตั้งแต่เสี่ยอธิปหันเข้าหาธุรกิจสุจริต เสี่ยก็แบ่งสรรค์ปันส่วนเงินทอง ให้พวกเราแยกย้ายกันไปตั้งตัว เราเลยมาตั้งหมู่บ้านเพื่ออยู่กันอย่างสงบๆที่นี่” ผู้ใหญ่ชวดเล่า
“มิน่าเสี่ยอธิปบอกให้ผมมา”
“ข้าต้องขอโทษเอ็งด้วยนะที่ต้อนรับพวกเอ็งไม่ค่อยดี.. เราต้องระวังตัว”
“ไม่เป็นไรครับ” กริสน์ตอบแล้วมองหาพิมมาดา “เอ่อ แล้วพิมมาดาล่ะ อยู่ไหนครับ”
“แหม อะไรจะติดเมียขนาดนั้น มิน่า ..ลูกตั้งโขยง..คริๆ..โน่น เมียกับลูกๆของเอ็ง อยู่ด้านนอก” ผู้ใหญ่ชวดชี้ไปทางนอกบ้าน

โอปอล์กำลังนั่งร้องไห้อยู่นอกบ้านของผู้ใหญ่ชวด เธอร้องไห้พลางมองออกไปที่ทะเล
“ป๊า..ป๊าตายแล้วววว ฮือๆๆ”
กลุ่มชาวบ้านกำลังนั่งคุกเข่าเรียงรายอยู่ด้านหลัง ทุกคนพากันเสียใจ ร้องไห้ครวญ
“เสี่ยอธิปตายแล้ว ฮือๆๆ”
พิมมาดา แจ๊ส โจ๊ก จีจ้า ยืนมองอย่างงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้น สักพักโจ๊กจึงเดินเข้าไปปลอบโอปอล์ “โอปอล์”
“ถ้าพวกเราไม่ทิ้งป๊า ป๊าก็คงจะรอด ป๊าเสียสละตัวเองเพื่อพวกเรา ฮือๆๆ” โอปอล์คร่ำครวญ
ชาวบ้านที่เหลือร้องไห้แล้วคร่ำครวญ “เสี่ยอธิปเสียสละเพื่อพวกเรา ฮือๆๆ”
กริสน์เดินออกมาโดยมีผู้ใหญ่ชวดตามมาด้วย
“นี่ ทุกคนเป็นอะไร” กริสน์ถาม
“พวกเราทุกคนรักและเคารพเสี่ยอธิป เหมือนคนในครอบครัว..เราทุกคนเสียใจที่..ที่เสี่ยอธิปมีอันเป็นไปก่อนเวลาสมควร ฮือๆๆ”
“เดี๋ยวๆๆ..ทุกคนรู้ได้ยังไงว่าเสี่ยอธิป..ตายแล้ว” กริสน์สงสัย
“เสี่ยอธิปเคยบอกไว้ ว่าถ้าเมื่อไหร่ที่เสี่ยรู้ตัวว่าไม่รอดแน่..เสี่ยจะส่งคนที่พาคุณหนูโอปอล์มาที่นี่ และให้คนๆนั้นขึ้นเป็นเจ้าพ่อแทนที่เสี่ย..คนๆนั้นก็คือเอ็ง” ผู้ใหญ่ชวดพูดแล้วก็คุกเข่าคำนับกริสน์ “เจ้าพ่อกริสน์”
“เฮ้ย อะไร” กริสน์ยิ่งงงหนัก
เจ๊ช้างกับชาวบ้านคนอื่นๆหันมาหากริสน์แล้วคุกเข่าเคารพกริสน์เป็นทิวแถว แม้แต่ลิงก็ก้มหัวให้
“ทุกคนอย่าทำอย่างนี้..นี่ไม่ใช่หนังจีน ลุกขึ้น..ผมไม่ใช่เจ้าพ่อ ไม่เอา”
“นี่มันอะไรกัน เจ้าพ่ออะไร” พิมมาดางงแล้วหันไปพูดกับกริสน์ “อ๋อ เพราะอย่างนี้ใช่มั้ย นายถึงให้ชั้นพามาที่นี่..นายมันแย่มาก”
พิมมาดาเดินแยกออกไปทันที กริสน์รีบเลี่ยงขอตัวออกมา
“โห้ย ผู้หญิงน่าเบื่อ” แจ๊สพูดแล้วเดินแยกไป

พิมมาดาเดินหนีมา โดยมีกริสน์เดินตามไปคุยด้วย
“คุณพิม คุณเข้าใจผิดแล้ว”
“ชั้นไม่ได้ตาบอดหูหนวกนะ ชั้นเข้าใจหมดทุกอย่างแล้ว..นายให้ชั้นพามาหมู่บ้านโจร..เพื่อจะมาขึ้นครองบัลลังก์เป็นเจ้าพ่อมาเฟียต่อจากเสี่ยอธิป”
“มันไม่ใช่อย่างนั้น..คือ ผม..ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน..ว่ามันจะเป็นอย่างนี้”
“ดีใจจนตัวสั่นขนาดนี้ ยังบอกไม่รู้อีก”
“เฮ้ย นี่ผมไม่ได้ดีใจ..นี่ ผมกำลังคิด..กำลังหาทางอธิบายให้คุณเข้าใจ..แล้วก็หาทางเคลียร์กับคนพวกนั้นอยู่”
“นายได้เป็นเจ้าพ่อ ได้ครองบัลลังก์แล้ว..นายจะจับชั้นไว้ทำไม..ปล่อยชั้นกับเด็กๆไปเถอะ”
“ผมไม่ได้จับตัวคุณ..ผมช่วยคุณ”
“ชั้นไม่ได้เต็มใจมา..นายฉุดชั้น”
“ฉุด!!! ผมเนี่ยนะ ฉุดคุณ..ผมฉุดคุณ!!! ผู้ชายเค้าฉุดผู้หญิงไปทำอะไร คุณรู้ไหม”
“คุณบีบให้ชั้นมา”
“ผมไปบีบอะไรของคุณ คุณอาสาขับรถให้ผมเองด้วยซ้ำ”
“ทะลึ่ง! ก็นายบาดเจ็บ จะให้ชั้นเสี่ยงให้นายขับรถได้ยังไง นายบังคับชั้นทางอ้อม”
“ผมไม่ได้บังคับ!”
“ชั้นจะพาหลานๆไปที่อื่น”
“ไม่ได้ ที่นี่ปลอดภัยที่สุดแล้ว”
“อ๊าย” พิมมาดากรีดร้องใส่ด้วยความขัดใจ ก่อนจะสะบัดหน้าเดินหนีไป
“รู้อย่างนี้ปล่อยให้ตายๆไปซะจะได้หมดเรื่อง” พิมมาดาบ่น
“คุณพิม..ขอบคุณนะที่คุณไม่ทิ้งผม”
พิมมาดาชะงัก “หือ..ขอบคุณฉันเรื่องอะไร”
“ตอนที่ผมบาดเจ็บ คุณจะทิ้งผมเอาไว้ข้างทาง แล้วขับรถหนีไปก็ได้ แต่คุณก็ไม่ทำ..คุณเป็นห่วงผมด้วย..ผมดีใจและซาบซึ้งใจมาก”
“งั้นก็ปล่อยให้ชั้นไปสิ”
“คนละประเด็นกัน”
พิมมาดารู้สึกขัดใจจึงทำท่าจะเดินไป แต่ก็ต้องชะงักเพราะได้ยินเสียงเด็กๆหัวเราะเยาะใครสักคน พิมมาดามองไปอีกด้านก็เห็นแจ๊สกำลังถูกพวกเด็กชาวบ้านวัยใกล้เคียงกันรุมล้อมหัวเราะเยาะอยู่
“แจ๊ส” พิมมาดามองอย่างเป็นห่วง

แจ๊สอยู่ท่ามกลางวงล้อมของกลุ่มเด็กผู้หญิงชาวบ้านที่กำลังหัวเราะเยาะเธออยู่
“แต่งตัวยังกับคนบ้า ฮะๆๆ สติไม่เต็มแน่ๆ หน้าตาก็โรคจิต ระวังนะพวกเราเผลอไปสบตา เดี๋ยวติดเชื้อผีบ้า ก๊ากๆ”
“กรี๊ด!” แจ๊สกรี๊ดออกมาอย่างเหลืออด เธอคว้าทรายที่พื้นขึ้นมาเขวี้ยงใส่พวกเด็กชาวบ้านอย่างโมโห กลุ่มเด็กชาวบ้านยิ่งสนุกจึงหัวเราะเยาะกันยิ่งขึ้น
พิมมาดาวิ่งเข้ามาขวาง “หยุดนะ!! พ่อแม่พวกเธออยู่ไหน..คอยดู เดี๋ยวชั้นจะไปฟ้องให้ลงโทษพวกเธอทุกคนเลย..ไป!!”
พวกเด็กชาวบ้านวิ่งหนีไป
“น้าพิม..ฮือๆๆ” แจ๊สร้องไห้ โผเข้าไปกอดพิมมาดา
พิมมาดาดึงแจ๊สออกทันที “ไม่ต้องกอดเลย..จะได้รู้สักทีว่าที่แจ๊สแต่งตัวอยู่ทุกวันนี้ มันน่าเกลียด..ทีนี้จะกลับมาแต่งตัวเป็นผู้เป็นคนตามเดิมได้หรือยัง”
“ก็..แจ๊สชอบ..แจ๊สว่าชุดนี้มันสวย แล้วก็เจ๋งจะตาย..ไม่งั้นพวกนักร้องเค้าจะแต่งทำไม” แจ๊สว่า
“ก็เค้าแต่งในทีวี แต่งในคอนเสิร์ต เค้าไม่ได้แต่งมาเดินถนนในชีวิตประจำวันแบบแจ๊ส..น้าจะบอกให้นะ การแต่งหน้าแต่งตัวแบบนี้มันไม่สมควรมาเดินถนนหรอกมีแต่คนบ้าเท่านั้น” พิมมาดาสั่งสอน
แจ๊สอึ้ง มองน้าสาวอย่างผิดหวัง “น้าพิม”
“น้าว่ามันก็โอนะ” กริสน์เข้ามาเสริม “เรื่องการแต่งตัว มันอยู่ที่รสนิยม..ถ้าแจ๊สแต่งแบบนี้แล้วมีความสุขแจ๊สก็แต่งไปเถอะ ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนนี่นา”
แจ๊สเริ่มยิ้มออก “จริงด้วย แจ๊สไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนซะหน่อย”
แจ๊สยิ้มร่าแล้วเดินอย่างมั่นใจออกไป
“แจ๊ส!” พิมมาดาเรียกแล้วหันไปว่ากริสน์ “นายไปพูดให้แจ๊สมั่นใจผิดๆอย่างนั้นได้ไง”
“แล้วคุณไปพูดทำลายความมั่นใจเด็กอย่างนั้นได้ไง..แจ๊สอาจจะแต่งตัวเพี้ยนไปก็จริง แต่มันเป็นเพราะแจ๊สกำลังค้นหาตัวเอง เด็กๆก็อยากจะแตกต่าง อยากจะเด่น อยากจะมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร..ส่วนคนที่ควรจะแนะนำ ก็เอาแต่ห้าม..ห้ามอย่างเดียวไม่พอ ยังพูดทำลายเซลฟ์เด็กอีก”
“ชั้นผิดทุกเรื่อง ฉันโง่ทุกอย่าง ฉันมันไม่เคยดีพอ ในทัศนะของคุณ”
“ผมว่าคุณแบบนั้นเหรอ..ผมแค่อยากให้คุณลองทบทวนดูหน่อย ว่าตอนอายุเท่าแจ๊สน่ะคุณเป็นยังไง คุณทำอะไรบ้าง ผมไม่เชื่อหรอ ว่าคุณเกิดมาก็โตเป็นผู้ใหญ่เลย คุณต้องเคยเป็นเด็กสิ คุณต้องเคยอยากทำอะไรเจ๋งๆ เด็ดๆ ที่โดดเด่นจากเพื่อนๆบ้าง ผมว่า เวลานี้ คุณก็อยากสนุก อยากสบาย อยากเป็นวัยรุ่น แต่คุณต้องมานั่งกัดฟัน ทำตัวแทนคุณแม่ของเด็กๆ คุณเลยคิดแบบไร้เดียงสา แบบเกรียนๆ ว่าเด็กต้องได้อย่างใจ ต้องเป็นเด็กดีตามมาตรฐานของกระทรวงวัฒนธรรม”
“พอๆๆแล้ว พูดมาก ไม่อยากฟัง ฟังไม่รู้เรื่อง”
พิมมาดาตัดบทอย่างคนพาลแล้วเดินหนีไป กริสน์เซ็ง แต่อมยิ้ม “เฮ้อ..”

โอปอล์ยังคงนั่งซึมอยู่ที่เดิม โดยมีโจ๊กนั่งอยู่ข้างๆ ด้วยความห่วงใย
“โอปอล์..โจ๊กจะนั่งข้างๆนี้นะ จะอยู่เป็นเพื่อนตลอด ไม่ทิ้งไปไหน”
อยู่ๆ ก็มีดอกไม้ยื่นมาตรงหน้าโอปอล์ เมื่อโอปอล์เงยหน้ามองไปก็พบว่าเป็นโอ้ เด็กหนุ่มชาวบ้านที่กำลังยิ้มเจ้าชู้พร้อมยื่นดอกไม้ให้โอปอล์ โดยมีพรรคพวก 2คนยืนอยู่ด้านหลัง
“หึๆๆ ดอกไม้สำหรับคนสวยครับ” โอ้ผลักโจ๊กออกไป “หลบไปไอ้เตี้ย!” โอ้รีบไปนั่งข้างโอปอล์ทันที “คุณหนูโอปอล์ครับ มีเรื่องเสียใจอะไร บอกพี่โอ้ได้นะครับ”
ทันใดนั้นเจ๊ช้างก็เข้ามาดึงหูโอ้
“นี่แน่ะๆๆ หน็อยยยย คิดจะจีบลูกสาวเสี่ยอธิปเหรอไอ้โอ้..ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงซะแล้ว..ไป..ไปไหนก็ไป”
อยู่ๆ ก็มีเสียงระฆังเตือนภัยดังขึ้น เจ๊ช้างได้ยินก็รู้ทันที “แย่แล้ว!!”

ชาวบ้านที่กำลังทำงานของตัวเองอยู่ต่างพากันชะงัก สีหน้าทุกคนมีความกังวลใจขึ้นมาทันที พิมมาดาเดินหนีกริสน์มาที่หน้าบ้านผู้ใหญ่ ทั้งเธอและกริสน์ต่างก็ชะงัก
“เสียงอะไร เกิดอะไรขึ้น” พิมมาดาถาม
ผู้ใหญ่ชวดวิ่งออกมาจากในบ้าน “คุณกริสน์ คุณพิม..พวกคุณเข้าไปหลบในบ้านก่อน..สัญญาณเตือนภัย แสดงว่ามีผู้บุกรุก”
“ผู้บุกรุก..ใคร?” กริสน์ถาม
“ผมก็ไม่รู้ พวกคุณไปหลบก่อนเถอะ”
ผู้ใหญ่ชวดรีบวิ่งไป กริสน์กับพิมมาดามองตามอย่างกังวลใจ
“เด็กๆ..หลานชั้นอยู่ที่ไหน”

เรือตังเกแปลกถิ่นลอยเคว้งอยู่กลางทะเล ผู้ใหญ่ชวด เจ๊ช้าง และกลุ่มชาวบ้าน ทยอยมารวมตัวกันที่บริเวณสะพานปลา
“เรือใคร? ใครอยู่ในนั้น?” ผู้ใหญ่ชวดถามขึ้น
ชายชาวบ้านคนหนึ่งส่องกล้องขึ้นดู “ไม่รู้เหมือนกันผู้ใหญ่..ที่แน่ๆมีคนไม่ต่ำกว่าสองอยู่บนเรือนั้น”
แจ๊ส โจ๊ก จีจ้า และโอปอล์เข้ามายืนมองดูอยู่ท้ายกลุ่ม พิมมาดากับกริสน์เดินเข้ามาที่กลุ่มชาวบ้าน“พวกเธอมาทำอะไรตรงนี้..เดี๋ยวเค้ายิงกันขึ้นมา ก็เจอลูกหลงเข้าพอดี..ไปหาที่หลบ” พิมมาดาพยายามดึงเด็กๆ ออกไป
กริสน์เดินเข้าไปหาผู้ใหญ่ชวด “ผู้ใหญ่..มันอาจจะเป็นคนของนายสุขสันต์ ที่ตามล่าผมมา”
“คนของใคร พวกข้าก็บ่ยั่น” ผู้ใหญ่ชวดพูดแล้วเอาโทรโข่งขึ้นมาประกาศ “ฮัลโหล๋วๆ ยามชายฝั่งเรียกเรือ” ผู้ใหญ่ชวดอ่านชื่อเรือ “กรุณาระบุที่มา และจุดประสงค์ในการมาของท่านด้วย”
แต่ก็ไม่มีเสียงตอบอะไรดังมาจากเรือลำนั้น
“ถ้าไม่ระบุตัวเองให้ชัดเจน เราจะถือว่าท่านเป็นอันตราย..เราจะนับหนึ่งถึงสาม. หนึ่ง..สอง..”
“พวกแกจะทำอะไรชั้น!” มีเสียงผู้ชายดังออกมาจากเรือลำนั้น
“เอ๊ะ เสียง..คุ้นๆ” ผู้ใหญ่ชวดบอก
อยู่ๆ ที่หัวเรือก็มีคนออกมายืนเด่น กริสน์และผู้ใหญ่ชวดมองไปที่คนๆ นั้นแล้วก็ทำตาโต
“เสี่ยอธิป!”
อธิปยืนเท่อยู่บนเรือ โดยมีเดชออกมายืนข้างๆ โอปอล์รีบวิ่งมาดู “ป๊า! ป๊ายังไม่ตาย ป๊าๆๆ”
“โอปอล์ระวัง!” กริสน์ร้องเตือน
โอปอล์ดีใจมากรีบวิ่งลงจากสะพานปลา แล้วอ้อมไปที่ชายหาดทันที โดยแหกปากร้องไปตลอด
อธิปจอดเรือแล้วกระโดดลงหาดก่อนจะเดินขึ้นฝั่ง
โอปอล์วิ่งมาแต่ไกล เธอร้องลั่นด้วยความดีใจ แล้วก็วิ่งลุยน้ำเข้าไปกระโดดกอดอธิปทันที
“ป๊า ป๊ายังไม่ตาย ป๊ายังอยู่”
“คนอย่างเสี่ยอธิปไม่ตายง่ายๆหรอก หึๆ”

กริสน์ และชาวบ้านคนอื่นๆ เข้ามาล้อมรอบตัวอธิปด้วยความยินดี

 อ่านต่อหน้า 4 พรุ่งนี้  (1 ก.พ. 55) เวลา 9.30 น.




 มือปราบพ่อลูกอ่อน  ตอนที่ 12 (ต่อ) 

โทรศัพท์ที่ร้านเบเกอรี่ของเค้กดังขึ้น เต๋ากับเต้ยที่กำลังเสิร์ฟขนมและเก็บโต๊ะอยู่รีบทิ้งงาน แล้ววิ่งมาแย่งกันรับโทรศัพท์

“ชั้นรับๆๆ”
เค้กรีบเข้ามาห้าม “ชั้นเป็นเจ้าของร้าน ชั้นรับเอง” เค้กรับสาย “ฮัลโหล๋ว ยัยพิม.” เค้กได้ยินเสียงปลายสายแล้วก็สลดไป “สั่งเค้กเหรอคะ..ค่ะ จะรับเค้กอะไรดีคะ”
เต๋ากับเต้ยก็เซ็งไปตามๆ กัน
“เฮ้อ ทำไมคุณกริสน์ไม่โทรกลับมาหาบ้างเลย ไม่รู้หรือไงว่าเป็นห่วงใจจะขาดรอนๆอยู่แล้ว” เต๋าพร่ำเพ้อ
“แบบนี้ใช่มั้ยที่เค้าเรียก ได้แล้วทิ้ง” เต้ยเพ้อบ้าง
“เค้าไปได้แกตอนไหนไม่ทราบ!” เต๋าหันมาค้อน
เค้กวางโทรศัพท์พอดี “เต๋า เต้ย..ถ้าคิดจะทำงานร้านชั้นต่อไป ข้อแรก คือห้ามอู้ และข้อที่สอง ห้ามลามปามคุณกริสน์ เค้าเป็นแฟนชั้นคนเดียว!” เค้กกลุ้มใจจนถึงกับภาวนา “คุณกริสน์ ยัยพิม ชั้นพยายามจะไม่คิดในทางร้ายๆแล้ว แต่ถ้าเล่นเงียบเชียบไม่ติดต่อกลับเลยแบบนี้..ชั้นก็อดคิดไม่ได้”
อยู่ๆ ก็มีลูกค้าขี่จักรยานเสือภูเขาซึ่งสวมหมวกสวมแว่นแบบเต็มยศลากจักรยานเข้ามาในร้าน
“สวัสดีค่า” เต๋ากับเต้ยส่งเสียงต้อนรับ
ชายคนนั้นเดินผ่านเต๋ากับเต้ยไป แล้วตรงไปที่เค้ก
“อะไรเนี่ย..ถามไม่ยอมตอบ” เต๋ากับเต้ยงง
“เอ่อ เมนูค่ะ สั่งอะไรทานดีคะ” เค้กยื่นเมนูให้
“จักรยานผมยางแบน มีที่เติมลมมั้ยครับ”
“อะไรนะ” เค้กงง
ชายคนนั้นมองรอบๆ เมื่อเห็นทางสะดวกจึงค่อยๆ ถอดหมวกและแว่นออก เผยให้เห็นว่าคือภัทรดนัย
“เฮ้ย!! ไอ้ตี๋ลามก!” เค้กร้องลั่น
“ชู่ว์...” ภัทรดนัยส่งสัญญาณให้เบาเสียง

เค้กกระชากคอเสื้อภัทรดนัยขึ้น “คุณกริสน์สุดที่รักของชั้นอยู่ที่ไหน! บอกมา!”
“ชู่ว์...เบาๆๆ เดี๋ยวตำรวจก็แห่มาพอดี” ภัทรดนัยเห็นคนในร้านมองก็ค่อยๆ ลดตัวหลบหลังเคาท์เตอร์ “เอาเป็นว่าตอนนี้ทั้งนายกริสน์และคุณพิมปลอดภัยดีแล้ว โอเค๊”
“แล้วตอนนี้เค้าอยู่ที่ไหนกัน พาชั้นไปหาเดี๋ยวนี้” เค้กถาม
“จะไปทำไม..รู้แค่ว่าสบายดีก็พอแล้ว” ภัทรดนัยบอกแต่เค้กทำท่าจะถามอีก “ หยุด!! ไม่ต้องถามอะไรแล้ว ถ้าอยากให้เพื่อนคุณและไอ้กริสน์ปลอดภัย คุณต้องช่วยผม”
เต๋ากับเต้ยตามมานั่งประกบ “ด้วยความยินดีค๊า”
“จะให้ช่วยอะไรคะ..อ๊ะๆ อย่าพูด..กระซิบดีกว่าค่ะ” เต้ยยื่นหูให้ และแอบบีบแขนภัทรดนัย
“บอกมาที่ไหนเมื่อไหร่เดี๋ยวจะไปลุยเอง” เต๋าทำเสียงเข้ม
“เว้ย!!! ชั้นคิดถูกคิดผิดวะเนี่ยที่มาขอให้พวกแกช่วย จะรอดมั้ยเนี่ย” ภัทรดนัยบ่น
“ตกลงจะให้ช่วยอะไร” เค้กถาม
ภัทรดนัยไม่ตอบแต่คลานแยกไปอีกด้าน เขาหยิบมือถือออกมากดโทรออก
ตำรวจระดับผู้การกำลังนั่งทำงานอยู่ในห้อง สักพัก มือถือของเขาก็ดังขึ้น ผู้การรับสาย
“ฮัลโหล..นายภัทรดนัย”
ผู้การหันไปสบตาและให้สัญญาณมือกับมาวินและลูกน้องที่อยู่ใกล้ๆ มาวินรีบสั่งการให้ทีมแกะรอยสัญญาณมือถือเริ่มทำการแกะรอยทันที
“ผมโทรมาเพื่อนัดเจอผู้การอยู่แล้ว ไม่ต้องแกะรอยผมหรอกครับ” ภัทรดนัยพูดดัก “ผมมีเอกสารสำคัญที่จะเป็นหลักฐานยืนยันความบริสุทธิ์ของพวกผม และจะชี้ชัดว่าใครกันแน่คือผู้นำเข้ายาเสพติดตัวจริง..จะให้ผมเข้าไปในสำนักงาน? หึๆๆ ผู้การคิดว่าผมจะซื่อใสขนาดนั้นเลยเหรอครับ..วันนี้ว่างใช่มั้ยครับ ดี..มาเจอผม คนเดียวนะครับ แล้วผมจะโทรบอกสถานที่นัดอีกที จุ๊บๆ” ภัทรดนัยวางสาย
ผู้การยังถือหูโทรศัพท์อยู่ แล้วมองไปที่ทีมแกะรอย ทุกคนส่ายหน้าว่าตามสัญญาณไม่ทัน
“ทำไมผู้การไม่ชวนคุยให้นานกว่านี้ โธ่” มาวินบ่น
ที่ร้านของเค้ก เค้กหันมาถามภัทรดนัย “สรุปจะให้พวกชั้นช่วยอะไร”
“ช่วย..เอิ่ม..ไม่ต้องรู้แผนละเอียดหรอก..เอาเป็นว่า ชอบปลอมตัวมั้ยล่ะ”
“ชอบค๊า!” เต๋ากับเต้ยประสานเสียงตอบ
ภัทรดนัยถึงกับหนักใจกับแม่ยกเอเอฟคู่นี้

อธิปกับผู้ใหญ่ชวด และกลุ่มชาวบ้านกำลังเฮฮา
“ป๊าขับรถพุ่งใส่พวกมัน พอเจ้าเดชยิง ป๊าก็กระโดดออกจากรถ..แล้วรถก็ระเบิด ตู้ม!” อธิปเล่าให้ลูกสาวฟังอย่างออกรส
“ช่วงชุลมุน พวกเราก็หลบออกมา กว่าพวกมันจะรู้ตัว เราก็หนีรอดมาแล้ว” เดชเสริม
“ว้าว ป๊าเก่งที่สุดในโลกเลยค่ะ” โอปอล์สวมกอดพ่อ
“ลีลาดับเครื่องชนของเสี่ยอธิป สุดยอด ระห่ำ บ้าดีเดือด หาใครเทียบไม่ได้จริงๆ” ผู้ใหญ่ชวดชม“คุณอาอธิปเป็นสุดยอดเจ้าพ่อมาเฟียเลยครับ..ทั้งเท่ ทั้งเก่ง อัจฉริยะมาเกิดแท้ๆ..ผมขอปรบมือให้ครับ” โจ๊กปรบมือนำ แล้วชักชวนคนอื่นๆให้ปรบมือด้วย “เย้ๆ”
ทุกคนมองโจ๊กที่พยายามเอาใจอธิปจนออกนอกหน้า
“พี่โจ๊กเป็นอะไรอ่ะ ท่าทางแปลกๆ” จีจ้าแปลกใจ
“อาการอย่างนี้เรียกว่า..เลียแข้งเลียขา ประจบสอพลอ” แจ๊สบอก
“อ๋อ สอพลอเพราะอยากจะทำคะแนนนิยมใช่ม๊า เค้ารู้” จีจ้าแซว
“ทำคะแนนนิยม” อธิปคิดขึ้นมาได้ “หา!!..ไอ้เปี๊ยก นี่เธอจีบโอปอเหรอ” อธิปกระชากแขนโจ๊กเข้ามาหา “คิดจะจีบลูกสาวเจ้าพ่ออย่างชั้นเหรอ!!! เธอรู้มั้ยว่าชั้นทะนุถนอมลูกสาวมากขนาดไหน แล้วเธอเป็นใคร ถึงกล้ามาจีบ!! วอนหาเรื่องซะแล้วไอ้หนู!”
“เสี่ยอธิป อย่าทำอะไรโจ๊กนะ..ปล่อย!” พิมมาดาตะโกนลั่น
“เอ้าๆๆ แค่นี้หน้าซีดเลยเหรอวะไอ้หนู..ฮะๆๆ ไม่สู้คนแบบนี้ แล้วจะมาปกป้องลูกสาวชั้นได้ยังไง..ลูกผู้ชายหรือเปล่า เก๋าๆหน่อยดิ ฮ่าๆ” อธิปแซว
จากนั้นอธิป ผู้ใหญ่ชวด และชาวบ้านก็พากันหัวเราะร่วน โจ๊กรู้สึกขายหน้าโอปอล์และทำตัวไม่ถูก จึงรีบเดินจ้ำหนีไป
“โจ๊ก!” พิมมาดาเรียกแล้วหันมาต่อว่าชาวบ้านทุกคน “พวกคุณแกล้งเด็กให้อาย สนุกกันมากใช่มั้ย” แล้วพิมมาดาก็รีบลุกตามโจ๊กออกไป
“ทำไมต้องแกล้งเพื่อนโอปอด้วย นิสัยไม่ดีเลยป๊าเนี่ย” โอปอล์ลุกออกไปอีกคน
อธิปไม่ซีเรียส “เอ้า เรื่องแค่นี้ อย่าทำให้เสียบรรยากาศ..นานๆได้เจอสหายเก่าทั้งที”
“วันนี้เราต้องฉลองให้เต็มที่นะครับเสี่ย..อ้อ..แต่คราวหน้า เสี่ยอย่าส่งใครมาเซอร์ไพร้ส์อย่างนี้อีกนะครับ..เราก็นึกว่าเสี่ย..เป็นอะไรไปซะอีก” ผู้ใหญ่ชวดบอก
“ผมบอกแล้ว..ผมไม่กล้าแทนที่เสี่ยอธิปหรอกครับ” กริสน์รีบพูด
เดชรีบอวดตัว “จริงๆแล้วที่จะแทนที่เสี่ยอธิปได้ มีเพียงคนเดียว หึๆๆ คนๆนั้นก็คือ..” เดชชี้ตัวเอง
“ไอ้กรด” อธิปพูดโดยไม่มองเดช
เดชถึงกับคอตก “เสี่ยครับ..เสี่ยยังจะไปพูดถึงไอ้คนทรยศอีกทำไม มันเป็นสายตำรวจที่แฝงตัวมาหลอกให้พวกเราตายใจ แล้วก็ขโมยความลับของพวกเราไป”
“ลูกพี่กริสน์ก็เป็นตำรวจสายสืบ” จีจ้าบอก
“อะไรนะ!” อธิปตกใจ
“เอ่อ จีจ้า พูดอะไรซี้ซั้ว” กริสน์รีบบ่ายเบี่ยง
“น้ากริสน์ปลอมตัวเป็นพี่เลี้ยงเด็กเพื่อเข้ามาสืบเรื่องนายสุขสันต์ค้ายาเสพติดไม่ใช่เหรอ” แจ๊สถาม
“แจ๊ส..พอๆๆ นั่นมันนิทานก่อนนอน ที่น้าพิมเล่าให้ฟัง เอามาปะปนกับความจริงไปหมดแล้ว..ไปๆๆ เดี๋ยวน้าพาไปหาน้าพิม ดีกว่า.. ขอตัวก่อนนะครับ” กริสน์ตัดบท
กริสน์คว้ามือจีจ้ากับแจ๊สแล้วรีบลากออกไป โดยไม่ยอมให้เด็กๆ หลุดพูดอะไรออกมาอีก
“ชั้นได้ยินไม่ผิดใช่มั้ย..ไอ้กริสน์เป็นตำรวจสายสืบ?” อธิปพูด
เจ๊ช้างเดินเข้ามาพร้อมหนังสือพิมพ์ “ไม่ผิดหรอกค่ะ..นี่ค่ะ”
อธิปรับหนังสือพิมพ์มาดู เขาเห็นประกาศจับเป็นรูปกริสน์ในชุดตำรวจพร้อมชื่อนามสกุลจริง
อธิปถึงกับอึ้ง “ร้อยตำรวจเอกเกริกพล พลวัตรวิชิต..นายตำรวจสายสืบปปส.”
“เสี่ยกำลังสงสัยว่าไอ้กริสน์คนนี้หน้าตามันเหมือนสายตำรวจคนที่เรารู้จักดี..ใช่มั้ยครับเสี่ย” เดชถาม อธิปมีสีหน้าสงสัย

พิมมาดากำลังเดินตามหาโจ๊ก “โจ๊ก..โจ๊ก..”
ทันใดนั้น พิมมาดาก็ได้ยินเสียงโจ๊กดังมาจากอีกด้าน เธอรีบมองตามเสียงนั้นไปก็พบว่าโจ๊กกำลังถูกโอ้หาเรื่องอยู่ โดยโอ้ถือรองเท้าข้างนึงของโจ๊กแล้วทำท่าหลอกล่อให้โจ๊กมาเอาคืน
“นายโอ้ เอารองเท้าชั้นคืนมานะ” โจ๊กเสียงแข็ง
โอ้ทำเสียงล้อเลียนพร้อมกับส่ายเอว “นายโอ้ เอารองเท้าชั้นคืนมานะ”
โจ๊กตวาดอย่างลืมตัว “ไอ้โอ้!”
“โจ๊ก..” พิมมาดาที่เห็นเหตุการณ์ตกใจแล้วจะเข้าไปห้าม แต่กริสน์มาดึงตัวไว้ไม่ยอมให้เข้าไป
“อย่า..อย่าเข้าไป!! เรื่องแค่นี้ โจ๊กต้องจัดการเองได้” กริสน์พูดนิ่งๆ
“จัดการได้บ้าอะไร ไม่เห็นเหรอว่าโจ๊กกำลังถูกเด็กโตกว่ารังแก..นายปล่อยชั้นนะ”
“เชื่อผมสิคุณ..รอดูไปก่อนเถอะ”
โจ๊กพยายามระงับอารมณ์โกรธ ส่วนโอ้ทำเป็นเต้นฟุตเวิร์คท้าทาย “แน่จริงก็ชกมาสิ..ชกมา!! จะได้รู้กันไปว่าใครคือที่เจ๋งกว่า ใครที่เหมาะสมกับคุณหนูโอปอล์มากกว่า..เข้ามา!”
โจ๊กกอดอก แล้ววางมาดใส่ “ผมไม่ชก”
“เอ็งต้องชก จะได้วัดกันให้รู้ดำรู้แดงไปเลย”
“ถ้านายอยากชนะ งั้นโจ๊กยอมแพ้ แต่ถ้าจะให้โจ๊กมีเรื่องเพื่อประกาศความเป็นแมน..โจ๊กไม่ทำ”
“ถ้าเอ็งไม่ชก ข้าชก” โอ้เข้าไปผลักอกเต็มแรงจนโจ๊กล้มก้นจ้ำเบ้า “ฮะๆๆ ไง จะชกได้ยัง”
โจ๊กลุกขึ้นแล้วกำหมัดแน่น แต่แล้วก็คลายลง ก่อนจะทำไม่แยแสทำท่าจะเดินหนีไป
“เฮ้ย เอ็งจะไปไหน!” โอ้ขัดขาโจ๊กจนล้มลงไปอีก “ถ้าเป็นลูกผู้ชาย ก็กำหมัด แล้วลุกขึ้นมาชกเดี๋ยวนี้..ไม่งั้นพวกข้าจะเรียกเอ็งว่าไอ้ป๊อดส์”
พรรคพวกของโอ้รุมล้อเลียนและหัวเราะเยาะโจ๊ก “ไอ้ป๊อดส์ๆๆ”
โอปอล์พุ่งเข้ามายืนปกป้องโจ๊ก “โจ๊กไม่ได้ป๊อดส์..แต่โจ๊กไม่ใช่พวกนักเลง อันธพาล ชอบระราน หาเรื่องคนอื่น..เพราะคนพวกนั้น โอปอล์ยี้ ขยะแขยงที่สุด ..ไปกันเถอะโจ๊ก”
โอปอล์พาโจ๊กออกไป โอ้กับพรรคพวกอึ้งๆ แล้วต่างก็บ่นออกมาอย่างขัดใจ พิมมาดาก็ยืนอึ้ง
กริสน์พูดกับพิมมาดา “ไง..ซึ้งยัง..เห็นยังว่าโจ๊กไม่ใช่เด็กที่หัดมวยเอาไว้ชกต่อยระราน”
“เมื่อก่อน โจ๊กไม่ได้มีความอดทนอย่างนี้” พิมมาดายังอึ้งอยู่
“หึๆๆ ตอนนี้ หลานคุณโตไปไกลมากกว่าที่คุณคิดแล้ว..แล้วคุณล่ะ..โตตามให้ทันหลานๆแล้วกัน”
ทันใดนั้น อธิปก็เข้ามาเรียก “นายกรด!”
“ครับ!”กริสน์เผลอตัวหันกลับมาขานรับ พอเห็นหน้าอธิปกับเดชที่จ้องด้วยสายตาจับผิด กริสน์ก็รู้ตัวว่าพลาดไปแล้ว เขาตกใจและพยายามหาทางหนี
“เอ่อ..คือ ขอตัวก่อนนะ”
“จะไปไหน!” อธิปถาม
“ไป..เอ่อ..ไปฉี่ครับ ผมปวดมากเลย ขอตัวนะครับ”
กริสน์รีบชิ่งวิ่งหนีไปทันที อธิปกับเดชเริ่มมั่นใจมากขึ้น

กริสน์วิ่งหลบมาอีกด้านนึง เขาหยุดหลบพร้อมกับตีปากตัวเอง “ หลุดไปได้ไงวะๆๆ..ถ้าเสี่ยอธิปรู้ความจริงว่าเราคือกรด มีแต่ตายกับตายเท่านั้น..เอาไงดีๆ”
อธิปกับเดชเดินมาดักหน้ากริสน์
“ไหนบอกว่ามาฉี่ไง” เดชพูดดัก
กริสน์สะดุ้งโหยง “อ้อ ครับ ฉี่ๆๆๆ” กริสน์รีบทำทีเป็นยืนฉี่ทันที “เอ้อ เสี่ยครับ..เมื่อกี้น้องโอปอล์ถามหาเสี่ย บอกว่าจะรอที่สะพานปลา ไปหาสิครับ”
“ชั้นปวดฉี่เหมือนกัน” อธิปบอก
“เดชก็ปวด”
อธิปกับเดชเข้ามายืนฉี่ประกบกริสน์ทันที อธิปพูดใส่หูซ้าย ส่วนเดชพูดใส่หูขวา
“ผมเสร็จแระ” กริสน์รีบบอก
เดชรีบรั้งคอเสื้อกริสน์ไว้ “ชั้นยังไม่ได้ยินเสียงว่าแกฉี่เลย เสร็จได้ไง”
“ไม่ต้องอาย ผู้ชายเหมือนกัน ฉี่ไปเถอะ..ชั้นกับลูกน้องคนสนิททุกคนยืนฉี่ด้วยกันแบบนี้มาแล้วทั้งนั้น..โดยเฉพาะไอ้กรด ชั้นฉี่กับมันบ่อยที่สุด” อธิปพูด
“กรด?..ใครครับ?” กริสน์ตีหน้าตาย
“ไอ้กรด..มันเป็นลูกน้องที่ชั้นรักมาก เพราะมันกล้ากระโดดเอาตัวเองมารับกระสุนแทนชั้น..ชั้นก็เลยรักมันเหมือนลูกคนนึง” อธิปเล่า
“โอ้โห..เขาเป็นคนดีจริงๆนะครับ” กริสน์พูด
“ชั้นก็รักมันเหมือนพี่เหมือนน้องแท้ๆ..แต่สุดท้าย..มันดันเป็นสายตำรวจปลอมตัวมา” เดชบอก
“อ้าว...แย่จัง” กริสน์กลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อก
“มันทรยศชั้น หักหลังชั้นอย่างเจ็บแสบ แบบที่ไม่เคยมีใครหน้าไหนในโลกนี้กล้าทำกับชั้นมาก่อน” อธิปพูดเสียงเข้ม
“อ้อ..ครับ..เสี่ยคงโกรธมากเลยนะครับ” กริสน์ว่า
“ไอ้กริสน์ แกยังฉี่ไม่ออกเลยนะ” เดชทัก
“นั่นสิครับ” กริสน์รับเสียงแห้ง
“แกว่าถ้าชั้นเจอไอ้กรด ชั้นควรจะทำยังไงกับมันดี” อธิปถามขึ้น
“ทำยังไงหรอครับ” กริสน์เริ่มเสียงสั่น
“ฆ่ามันไง” เดชเสนอ
“ฆ่ามันเลยหรอ” กริสน์ตกใจ
“ไอ้ฆ่าน่ะมันของแน่อยู่แล้ว แต่ชั้นกำลังหาวิธีฆ่ามัน ให้สาสมกับการที่มันกล้าบุกมาย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นเจ้าพ่อของชั้น” อธิปย้ำ
“กริสน์ แกยังฉี่ไม่ออกเลยนะ” เดชทักอีก
“นั่นสิครับ” กริสน์ตอบเสียงสั่น
“กลัวเหรอ” อธิปกับเดชประสานเสียงถาม
“เอ้อ ใช่ ชื่อแก คล้ายๆไอ้กรดเลย กริสน์ กรด..กรด กริสน์..อ้อ แล้วเพิ่งเห็นข่าว ว่ามีตำรวจสายสืบอีกคนชื่อ เกริกพล..กรด กริสน์ เกริกพล แหม ตระกูลกอไก่เหมือนกัน..กริสน์ แกพอจะรู้จักไอ้กรดมั้ย” เดชถามดัก
“แกยังฉี่ไม่ออกเลยนะ” อธิปทักขึ้น
“ผมคงฉี่ไม่ออกแระครับ” กริสน์บอก
“แกจะปลอมตัวยังไง แกก็ปลอมได้ แนบเนียนมาก ชั้นไม่เคยจับพิรุธได้เลย” อธิปพูด
“แต่รู้มั้ย ว่าอะไรที่แกปลอมไม่ได้” เดชว่า
“อะไรครับ” กริสน์ถาม
อธิปกับเดชหลุบสายตาลงต่ำแว่บนึงพร้อมๆ กัน กริสน์ถึงกับหน้าซีด

ผู้การเดินลำพังมาที่บริเวณลานหน้าห้างสรรพสินค้าท่ามกลางผู้คนมากมายที่เดินสวนไปมา บริเวณรอบๆ ตัวผู้การมีตำรวจนอกเครื่องแบบที่ปลอมตัวแฝงอยู่มากมาย ไม่ว่าจะปลอมเป็นคนนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ เป็นคนขายล็อตเตอร์รี่ เป็นเด็กสเก็ตบอร์ด เป็นวินมอเตอร์ไซต์ ฯลฯ
ผู้การพูดผ่านหูฟังที่ซ่อนอยู่ในหู “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ห้ามให้มีผู้บริสุทธิ์บาดเจ็บ และชั้นต้องการตัวภัทรดนัยแบบไม่บุบสลาย เข้าใจมั้ย”

ภายในรถโอบีที่จอดห่างออกไป มาวินกำลังควบคุมปฏิบัติการนี้ผ่านหน้าจอ และคุยกับผู้การไปด้วย
“สบายๆ อย่าเครียดครับผู้การ..พวกเราเองก็ไม่มีใครคิดร้ายกับเพื่อนตำรวจด้วยกันสักคน” มาวินวางสายจากผู้การแล้วต่อสายสั่งการลูกน้อง “ทุกหน่วยเตรียมพร้อม เจอไอ้ภัทรดนัยที่ไหน อย่าให้มันรอดไปได้”

ผู้การยังยืนรออยู่ เขามองไปรอบๆตัว ท่ามกลางผู้คนมากมาย เต๋ากับเต้ยปลอมตัวเป็นเด็กออทิสติค ปะแป้งขาวเต็มหน้า สวมกางเกงดึงสูงถึงยอดอก และถือลูกโป่งอย่างเริงร่า เดินสวนกับคนอื่นๆ มาทางผู้การ
เต๋าและเต้ยเดินตรงไปหาผู้การ ทั้งสองเข้าไปด้อมๆ มองๆ ผู้การยิ้มฝืนให้แล้วพยายามหันหน้าหลบ แต่เต๋ากับเต้ยก็ตามมาจ้องหน้าอีก พวกตำรวจที่แฝงตัวอยู่ทำท่าจะขยับ
มาวินมองเหตุการณ์ผ่านหน้าจอภายในรถ จากนั้นเขาก็สั่งลูกน้อง
“อย่าเพิ่งทำอะไร ใจเย็นๆ”

พวกสมุนที่แฝงตัวอยู่รอบๆ ชะงักแล้วต่างก็ไปทำกิจกรรมของตัวเองต่อ เต๋ากับเต้ยยังจ้องผู้การไม่เลิก
“พ่อ..พ่อจ๋า” เต้ยพูดขึ้น
“พ่อ..พ่อหล่อ หล่อเหมือนโก๊ะตี๋” เต๋าพูดบ้าง
“ไม่ใช่พ่อ ไปๆ ลูกใคร ทำไมไม่มาดูแล” ผู้การไล่
อยู่ๆ เต้ยก็ล้วงมือเข้าไปในเสื้อโดยทำท่าเหมือนหยิบปืน
“จะทำอะไร” ผู้การตกใจ
เต้ยดึงมือออกมาแล้วทำมือเป็นรูปปืนก่อนจะชี้ไปที่ผู้การ ผู้การทำหน้างงๆ
“จะยิงล่ะน้า..ไม่กลัวเหรอ นี่ปืนจริงๆน้า...ถ้าไม่เชื่อ หนึ่ง ซ่อง ซั่ม”
เต้ยนับจบปุ๊บก็มีเสียงดังปังขึ้นปั๊บ ผู้การถึงกับสะดุ้ง พวกตำรวจนอกเครื่องแบบถึงกับผงะ ปรากฏว่าเป็นเสียงที่เต๋าทำลูกโป่งแตก โดยซากลูกโป่งยังคามือเต๋าอยู่
“ลูกโป่งแตก แง๊ ลูกโป่งแตก”

ภัทรดนัยกำลังส่องกล้องมองจากยอดตึกสูง เขาเห็นปฏิกิริยาของตำรวจที่แฝงอยู่รอบๆ ผู้การ จึงรู้ได้ทันทีว่ามีตำรวจแฝงตัวมาเยอะขนาดไหน
“ตำรวจ..ตำรวจ..นี่ก็ตำรวจ..ตำรวจหมดเลย บอกให้มาคนเดียว”
ภัทรดนัยหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออกทันที

เต๋ากับเต้ยยังร้องหาพ่อไม่หยุด ผู้การถึงกับมึนแล้วพยายามจะเดินหนี ทันใดนั้นมือถือผู้การก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล” ผู้การหยิบมือถือขึ้นมารับ
“ทำยังงี้ ไม่น่ารักเลยนะครับผู้การ..ผมแค่อยากคุยเรื่องเอกสารกับผู้การสองต่อสอง ทำไมต้องมีตำรวจนอกเครื่องแบบมาด้วย”ภัทรดนัยบอก
“ชั้นก็..แค่อยากแน่ใจว่าชั้นจะปลอดภัย”
“ผู้การไม่ไว้ใจ คิดว่าผมเป็นคนร้ายจริงๆใช่มั้ย ถ้างั้นจะมีประโยชน์อะไรที่เราจะเจอกัน”
“ถ้าไม่เจอกัน เอกสารที่นายมีก็เปล่าประโยชน์..ภัทรดนัย เอาเอกสารมาให้ชั้น ชั้นรับรองว่าจะดำเนินการทุกอย่างอย่างยุติธรรม”
“โอเค๊..งั้นผมขอเปลี่ยนที่นัดใหม่”

มาวินมองผ่านหน้าจอภายในรถ เขาเห็นผู้การเดินตรงเข้าไปในตึกซึ่งมีที่ตรวจจับโลหะอยู่หน้าทางเข้า
“หน็อย ไอ้ภัทรดนัย..ให้ผู้การเข้าไปในตึก จะได้ไม่มีใครพกปืนเข้าไปได้..แกฉลาดมาก แต่รู้ไว้ว่ายังไงชั้นก็ฉลาดกว่า..ทุกหน่วย ตามประกบผู้การ ไป” มาวินสั่งการ

ผู้การเดินผ่านช่องตรวจโลหะแล้วเดินเข้าอาคารไป พวกตำรวจนอกเครื่องแบบจะตามเข้าไป อยู่ๆ เค้กในชุดสาวสวยเดินปราดผ่านเครื่องตรวจโลหะตัดหน้าตำรวจทุกคน และจงใจทำข้าวของในกระเป๋าหล่น เพื่อถ่วงเวลาให้ผู้การเดินไปไกลๆ
“ว้าย ตายแล้ว แย่จังเลย” เค้กค่อยๆเก็บอย่างช้าๆ
พวกตำรวจนอกเครื่องแบบยืนรอต่อคิว บางคนจะอ้อมเข้าไปแต่ยามก็มากันเอาไว้ พวกตำรวจนอกเครื่องแบบเลยต้องช่วยกันเก็บของให้เค้กแทน
“ขอบคุณค่ะ ว้าย หล่อ” เค้กมือไม้อ่อน และทำข้าวของร่วงไปอีก

ผู้การเข้ามาด้านใน พร้อมกับคุยมือถือกับภัทรดนัยไปด้วย
“ชั้นเข้ามาแล้ว จะให้ไปเจอที่ไหน”
“อันดับแรก..ผมว่า..ผู้การควรจะถอดหูฟังออกก่อนนะครับ..เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ” ภัทรดนัยบอก ผู้การถอดหูฟังออก “ดีครับ..ทิ้งถังขยะตรงข้างๆตัวนั่นเลย” ผู้การทิ้งหูฟังลงถังขยะ “ดีมาก แล้วทีนี้ก็ไปที่บันไดหนีไฟ เดินขึ้นมาเรื่อยๆ แล้วผู้การจะเจอผม”
ผู้การเดินขึ้นบันไดหนีไฟไป แต่อยู่ๆ ภัทรดนัยที่ปลอมตัวเป็นหนุ่มออฟฟิศซึ่งหลบอยู่ตรงถังขยะนั้นก็ล้วงเอาหูฟังขึ้นมาใส่แทน
“เพื่อความปลอดภัย ขอรู้ความเคลื่อนไหวหน่อยนะครับ..แล้วผมจะรีบขึ้นลิฟท์ตามไปเจอผู้การ หึๆ
ทันใดนั้นพวกตำรวจนอกเครื่องแบบก็แห่กันเข้ามาในตึกแล้วกระจายกันไปตามจุดต่างๆ ภัทรดนัยเห็นดังนั้นก็รีบหลบ

มาวินพยายามติดต่อผู้การ “ผู้การ..ผู้การได้ยินผมมั้ย..ทำไมเงียบไปเลยวะ หรือว่าเกิดอะไรขึ้น..แย่แล้ว!! ทุกคน บุกเข้าพาตัวผู้การออกมา เร็ว!! ใครเจอไอ้ภัทรดนัย ให้จัดการมันทันที มีปัญหาอะไร ชั้นรับผิดชอบเอง ไป!”

พวกตำรวจนอกเครื่องแบบรีบแยกย้ายกระจายกันไป ภัทรดนัยได้ยินคำสั่งของมาวินหมดทุกอย่าง
“หน็อย ไอ้มาวิน ขอคุยกับผู้การสองต่อสองไม่ได้เหรอไงวะ..ทำยังกับเมียหลวงแอบตามจับชู้ของสามี..ได้เห็นดีกันแน่นังเมียแต่ง” ภัทรดนัยบ่น
“ทำไมยังไม่เจอผู้การอีก..เดี๋ยวก็เสร็จไอ้ภัทรดนัยพอดี..ไอ้พวกไม่ได้เรื่อง” มาวินพูดอย่างขัดใจ เขารีบหยิบปืนมาเหน็บเอวแล้วทำท่าจะออกไปเอง
มาวินรีบวิ่งออกจากรถโอบี แต่ทันทีที่เขาวิ่งออกมาก็ต้องผงะ เพราะเห็นภัทรดนัยยืนถือปืนรออยู่แล้ว
“จ๊ะเอ๋!!” ภัทรดนัยทัก
“แก..” มาวินโกรธ
“รู้สึกว่า ถ้าชั้นไม่มาจัดการแกก่อน ชั้นคงจะไม่มีทางได้คุยกับผู้การอย่างสงบแน่ หรือถึงได้คุย ก็อาจจะมีพวกสัมพะเวสี ยั่วยุเป่าหูผู้การให้ไม่ช่วยเหลือชั้น..เผลอๆอาจจะยุให้จับชั้นเลยด้วยซ้ำ เพื่อจะได้เก็บกินผลงานให้เต็มที่..ชั้นพูดถูกมั้ย”
“ถ้าแกมีหลักฐานที่พิสูจน์ว่าแกบริสุทธิ์จริง อยู่ไหนล่ะ เอามาสิ ชั้นจะได้เอาไปดำเนินการตามขั้นตอน” มาวินท้า
“ชั้นมีจริง และจะเอาให้แน่ แต่ไม่ใช่แก”
“ชั้นก็เป็นตำรวจ ชั้นทำงานตามหลักฐานที่ปรากฎ ถ้ามันคือความจริง แกก็ไม่มีอะไรต้องกลัว..พวกเราทำงานซื่อสัตย์ อะไรผิดก็ว่าไปตามผิด อะไรถูกก็ว่าไปตามถูก ชั้นไม่เคยเข้าข้างคนชั่วอยู่แล้ว”
“ชั้นเชื่อแก เชื่อในเกียรติตำรวจทุกคน..แต่กรณีนี้ ชั้นจะคุยกับผู้การคนเดียวเท่านั้น..กลับเข้าไป สั่งการลูกน้องของแก ให้เลิกปฏิบัติการนี้ซะ” ภัทรดนัยบอก
“ถ้าชั้นไม่ทำล่ะ แกจะยิงชั้นเหรอ หึๆๆๆ แกไม่กล้าหรอก เพราะถ้าแกยิงเจ้าหน้าที่ แกก็จะยิ่งมีความผิด” มาวินควักปืนออกมา “แต่ชั้น..กล้ายิงแกแน่ เพราะตอนนี้แกคือผู้ต้องหาคดีค้ายาเสพติด”
ภัทรดนัยเห็นดังนั้นก็ถึงกับผงะ อยู่ๆเต๋ากับเต้ยก็วิ่งเข้ามาพร้อมกับร้องไห้คร่ำครวญ
“พ่อจ๋า..พ่อจ๋า”
มาวินหันไปมอง ภัทรดนัยอาศัยจังหวะนั้นเตะปืนของมาวินจนหล่น แล้วรีบวิ่งหนี มาวินคว้าปืนขึ้นมาแล้วจะยิง แต่เต๋ากับเต้ยกระโดดเกาะมาวินแล้วกอดเขาเอาไว้
“พ่อจ๋า..พ่อหล่อ พ่อน่ารัก มั๊วะๆๆ” เต๋ากับเต้ยระดมจูบมาวิน
ทันใดนั้นเค้กก็วิ่งเข้ามาอีกคน
“กรี๊ด! ช่วยด้วย คนโรคจิต จะตุ๋ยเด็ก”
“เฮ้ย ไม่ใช่ๆๆ..ปล่อย..ปล่อยชั้น” มาวินร้องเสียงดัง
ผู้คนที่อยู่ละแวกนั้นเริ่มแห่มาดู มาวินผลักเต๋ากับเต้ยออก แล้วจะวิ่งตามภัทรดนัยไปแต่ผู้คนที่ผ่านมาคอยกันเขาเอาไว้ ไม่ยอมให้เขาผ่านไป จังหวะนั้นเค้ก เต๋าและเต้ยก็แอบฝ่าผู้คนหนีไป
“ผมไม่ใช่โรคจิต ผมเป็นตำรวจนี่” มาวินโชว์ตราให้คนแถวนั้นดู “ผมปฏิบัติภารกิจลับอยู่ พวกคุณหลบไป..โธ่เว้ย มันหนีไปได้แล้ว” มาวินหงุดหงิด

กริสน์ที่ถูกจับมัดเชือกเอาไว้ทั้งตัวถูกเดชผลักให้ขึ้นไปยืนบนขอบสะพานปลา ซึ่งเบื้องล่างเป็นน้ำทะเลลึก
“หว่ายๆๆ เสี่ยครับ..ให้โอกาสผมอธิบายก่อน” กริสน์ที่จะตกมิตกเหล่พยายามเจรจา
“ชั้นไม่ขอรับฟังอะไรจากปากคนปลิ้นปล้อนอย่างแกอีกแล้ว” อธิปบอก “แกรู้มั้ย..ว่าชั้นรักและจริงใจกับแกแค่ไหน..แต่แก..แกทำชั้นเจ็บ..เจ็บยิ่งกว่าเอามีดมากรีดตรงกลางใจ..แกทำลายความหยิ่งผยองทรนงในบารมีเจ้าพ่อของชั้นจนหมดสิ้น..แกทำให้ชั้นรู้สึกว่าตัวเองโง่มาก แล้วมันก็ตามหลอกหลอนชั้นตลอดเวลา ทั้งกลางวัน กลางคืน”
“เสี่ยครับ..ผมต้องปลอมตัว เพราะมันเป็นหน้าที่ แต่ลึกๆแล้ว..ผมก็รักและยกย่องเสี่ยจากใจจริงๆนะครับ..ไม่อย่างนั้น ผมจะฝ่าอันตรายเข้าไปช่วยเสี่ยออกมาทำไม..ทั้งๆที่เสี่ยก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรต่องานผมแล้ว” กริสน์พยายามพูด
“แกหาว่าเสี่ยไม่มีประโยชน์แล้วงั้นเหรอ” เดชย้ำ
“ไม่ใช่อย่างน้าน” กริสน์คร่ำครวญ
“เสี่ยครับ..วันนี้ทุกอย่างจะจบลง เสี่ยต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีตัวเองคืนมา” เดชเอากระดาษกาวมาติดตูดกริสน์เป็นรูปกากบาท “เป้าพร้อมครับเสี่ย!”
พิมมาดากับพวกเด็กๆวิ่งเข้ามาพอดี
“นายกริสน์!!..เสี่ยอธิป จะทำอะไร..อย่านะ!” พิมมาดาตะโกนเข้ามา
“ปล่อยน้ากริสน์นะ ปล่อย!” จีจ้าร้องเสียงดัง
พวกเด็กๆจะเข้าไปห้าม แต่ผู้ใหญ่ชวด เจ๊ช้าง และชาวบ้านมาขวางเอาไว้
“อยู่เฉยๆ อย่าทำตัวมีปัญหาดีกว่า” ผู้ใหญ่ชวดบอก
“ถ้าอาอธิปทำตัวอย่างนี้ โจ๊กจะไปฟ้องโอปอล์”
“คุณหนูโอปอล์กำลังอาบน้ำอยู่..กว่าเธอจะไปตาม กลับมา ทุกอย่างก็จบแล้ว” เจ๊ช้างบอก
“ผู้ใหญ่ชวด..เป็นผู้ใหญ่บ้านประสาอะไร จะปล่อยให้มีคนฆ่ากันต่อหน้าต่อตาเนี่ยนะ..ถ้านายกริสน์เป็นอะไรไป ชั้นจะแจ้งตำรวจจับเสี่ย..แจ้งนักข่าวให้เอาเรื่องหมู่บ้านนี้ ชุมชนนี้ เรื่องจะไม่จบง่ายๆ คอยดู!” พิมมาดาว่า
“ได้..ชั้นจะคอยดู” อธิปท้าทาย แล้วอธิปก็ถีบกริสน์เข้าเต็มเป้าจนกริสน์ทะยานลอยตกน้ำไป
“นายกริสน์!!” พิมมาดาตะโกนสุดเสียง เธอแหวกทุกคนเข้าไปแล้วรีบชะโงกหน้ามองหากริสน์ แต่ก็ไร้วี่แววของเขา พิมมาดาถึงกับช็อก “นายกริสน์!”

พิมมาดาวิ่งลงไปในทะเลแล้วพยายามงมหากริสน์ “นายกริสน์..นายอยู่ไหน” พิมมาดาร้องไห้คร่ำครวญ “นายต้องไม่เป็นอะไร”
พิมมาดางมแล้วงมอีกไม่ยอมแพ้ แต่ก็ยังไม่พบ พวกเด็กๆ ที่อยู่ที่ชายหาดต่างช่วยกันภาวนาให้กริสน์รอด
พิมมาดาเริ่มเหนื่อยเหมือนใจจะขาดแต่ก็ยังไม่ยอมหยุด เธอยังงมหาร่างกริสน์ในทะเลจนแสงอาทิตย์เริ่มหมด

“นายกริสน์..อย่าตายนะ!”

อ่านต่อตอนที่ 13 พรุ่งนี้



กำลังโหลดความคิดเห็น