มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 11
จตุพลยืนครุ่นคิดเพราะติดใจใจอยู่แต่เรื่องคำพูดของโอปอล์เมื่อครู่ น้อมพงษ์เดินมาหา จตุพลหันกลับมาจะสั่งงาน
“น้อมพงษ์...”
น้อมพงษ์สวนขึ้น
“ผมรู้..คุณกำลังสงสัยเรื่องที่หนูโอปอล์พูดอยู่ ใช่มั้ยครับ”
“ใช่ แล้วพอคิด...”
น้อมพงษ์สวนขึ้นอีกและสวนขึ้นอีกตลอดๆ
“ผมรู้...คุณกำลังจะบอกว่า คำพูดของหนูโอปอล์ เอามารวมกับ อาการของเสี่ยอธิป ที่ยังทรงตัวอยู่ ทั้งๆ ที่มันน่าจะทรุดหนักไปถึงขั้นตายหรือใกล้ตายแล้วด้วยซ้ำ..เลยชวนให้คุณคิดว่า..เสี่ยอธิปอาจจะรู้เรื่องที่เราวางยาแล้ว..ใช่มั้ยครับ”
“ใช่ ชั้นอยาก...”
“ผมรู้..ว่าคุณอยากจะให้ผมจับตาดูเสี่ยอธิปกับสองคนนั้นเป็นพิเศษ ทุกการเคลื่อนไหว ทุกการกระทำ อย่าให้คลาดสายตา..ใช่มั้ยครับ”
“ใช่”
“ผมรู้..ว่าคุณหมดธุระแล้ว และจะโบกมือไล่ให้ผมรีบไป..ใช่มั้ยครับ”
“ไม่ใช่”
“อ้าว..แล้ว”
“แกอยู่นี่แหละ ชั้นไปเอง”
น้อมพงษ์งง จตุพลรีบเดินไปพลางบ่น
“สู่รู้ไปหมดทุกเรื่อง”
เจ้าหน้าที่สาวกำลังวุ่นวายกับงานเอกสาร ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำลังเตรียมแฟ้มต่างๆเพื่อเข้าประชุมด่วน เสียงโทรศัพท์ที่โต๊ะดังขึ้นซ้ำๆ จนเจ้าหน้าที่ต้องรับสาย
“สวัสดีค่ะ..อ้าว สารวัตรภัทรดนัย..ยังคะ ถ้าเค้าถอดรหัสได้แล้วก็ต้องเอามาให้สิคะ แต่นี่ยังไม่เห็นคะ..จะคุยเองมั้ยคะจะต่อสายให้..แค่นี้นะคะต้องรีบเข้าประชุมแล้ว”
เจ้าหน้าที่หญิงคนนั้นพูดแล้ววางสาย แล้วจะรีบลุกไป เจ้าหน้าที่ชายอีกคนถือซองเอกสารเข้ามา
“ผลการถอด”
“เขียนโน้ต แล้ววางไว้ที่โต๊ะเลยค่ะ ขอบคุณ”
เจ้าหน้าที่สาวสวยไม่ทันฟังว่าอะไรก็รีบเดินผ่านไปทันที เจ้าหน้าที่ชายหยิบโพสต์อิทมาเขียนแปะไว้หน้าซองว่า “ผลการถอดรหัส” วางไว้บนโต๊ะแล้วเดินไป เพียงชั่วประเดี๋ยว มาวินก็เอื้อมมือมาหยิบซองน้ำตาลนั้นไป
ภัทรดนัยโทรศัพท์นอนเอกเขนกอยู่ในห้องพัก และหลังจากที่ภัทรดนัยวางสาย
“เฮ้อ..โทรไปกี่ทีๆ ก็เหมือนเดิม..ยังไม่มีอะไรคืบหน้า”
ภัทรดนัยเเห็นกริสน์ทำท่าจะโวย รับพูดตัดหน้าทันที
“อย่าบ่น..ถ้าอยากถอดรหัสได้เร็วๆนัก แกก็ถอดเองดิ..ชั้นปริ้นท์มาให้แกแล้วชุดนึง แกเอาไปทิ้งไว้ไหน”
“อยู่ที่บ้านยัยเจ๊โหด..ก็โดนไล่ออกมา ไม่ทันได้เอาอะไรออกมาด้วยเลย..ชั้นว่า ชั้นแอบกลับไปเอาของดีกว่า”
จังหวะนั้นมือถือของกริสน์ดังขึ้นพอดี
“เฮ้ย รับสายสิวะ ปล่อยให้ดังอยู่ได้ หนวกหู”
กริสน์รับสาย และทันทีที่ได้ยินเสียง สร้างความแปลกใจให้กริสน์ไม่น้อย
“ฮัลโหล..เสี่ยอธิป”
เสี่ยอธิปกำลังพูดสายกับกริสน์อยู่ในห้องนอน โดยมีเดชอยู่ในห้องด้วย
“คุณกริสน์..คุณต้องมาช่วยผมเดี๋ยวนี้ พวกจตุพลเริ่มสงสัยเรื่องของผมแล้ว และพวกมันต้องสืบจนรู้ความจริงสักวันแน่ๆ..ทำไมพวกมันถึงสงสัย..ก็..โอปอล์..โอปอล์”
“โอปอล์รู้เรื่องแล้ว!!..เห็นมั้ย ผมบอกแล้ว เด็กกับความลับเป็นของต้องห้าม..ผมจะช่วยเสี่ยยังไง มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยนะครับ..ผมจะพยายาม แต่เสี่ยต้องระวังตัวเอง ระวังโอปอล์ด้วย..เอ้อ ..แล้วตอนนี้โอปอล์อยู่ไหน” กริสน์บอก
ในห้องครัว โอปอล์เดินเข้ามา ด้อมๆมองๆหาอะไรบางอย่าง พอมีบอดี้การ์ดเดินผ่านมา โอปอล์ก็แกล้งทำเป็นเปิดตู้เย็น ดื่มน้ำ หรือหาของกิน เพื่อตบตา
“อยู่ไหนๆ” โอปอล์พึมพำ
โอปอล์เปิดเจอตู้แช่ที่ข้างในเป็นยาบำรุงใส่ขวดเรียงไว้เป็นชุดๆสวยงาม
โอปอล์หยิบมาดู
“เจอแล้ว..หึๆ ถ้าไม่มียาพิษพวกนี้ ป๊าก็จะปลอดภัย”
โอปอล์มองซ้ายมองขวา เห็นว่าทางสะดวกจึงค่อยๆเอายาบำรุงเททิ้งใส่ซิ้งก์อ่างน้ำ ระหว่างนั้น น้อมพงษ์เดินเข้ามาด้านหลังโอปอล์ ยืนมองอย่างสมใจ โดยที่โอปอล์ยังไม่รู้ตัวว่าถูกน้อมพงษ์จับได้คาหนังคาเขา
อธิปกำลังพูดสาย
“ชั้นรออีกไม่ไหวแล้ว นายต้องหาทางมาช่วยชั้นเดี๋ยวนี้..ชั้นขอร้องล่ะ..ถ้าช่วยชั้นไม่ได้ ก็ช่วยแค่โอปอล์ก็ได้”
“ผมจะพยายามหาทางให้เร็วที่สุด..เราอย่าเพิ่งคุยนานเลย เดี๋ยวพวกมันจะยิ่งสงสัย..ระหว่างนี้เสี่ยดูแลตัวเองให้ดีๆนะครับ” กริสน์สั่งและจะรีบวางสายไป แต่ยังไม่ทันวาง
เสี่ยอธิปรียกไว้
“กริสน์!! คือ..นอกจากเดชกับโอปอล์แล้ว..นายเป็นอีกหนึ่งคนที่ชั้นไว้ใจ..ชั้นก็ไม่รู้ว่าทำไม..ชั้นไว้ใจนายได้ใช่มั้ย”
อยู่ๆจตุพลก็เดินเข้ามาทันที
“อากู๋!!!
กริสน์ได้ยินเสียงจตุพล เลยยังไม่วางสาย ยกกลับมาแนบหูฟัง
เสี่ยอธิปชะงัก รีบซ่อนโทรศัพท์ไว้แล้วแกล้งเพี้ยนทันที
“แมงมุมลายตัวนั้น..ช้านเห็นมั้นอยู่บนหลังคา..ฟิ้วๆ..นิ้วโป้งอยู่ไหน นิ้วโป้งอยู่ไหน..อยู่นี่ก๊ะ..อยู่นี่ก๊ะ..โอะๆๆ โอ๊ย” เสี่ยอธิปทำเป็นเซทรุดล้มลงไป
เดชรีบเล่นละครรับลูกต่อทันที
“โถๆๆ เสี่ยครับ..เสี่ยไหวมั้ยครับ”
จตุพลกระชากเดชออกไปให้ห่างจากเสี่ยอธิป
“โธ่ อากู๋ไม่ค่อยแข็งแรง แต่ก็ขยันลุกออกจากที่นอนจริงๆเลยนะ..ลุกไหวมั้ยครับอากู๋..ลุกขึ้นมาเอง..ลุกไม่ไหวเหรอ งั้นเดี๋ยวผมมีตัวช่วย”
น้อมพงษ์หิ้วตัวโอปอล์เข้ามา
“ป๊า ช่วยโอปอล์ด้วย”
“โอปอล์” เสี่ยอธิปพึมพำเสียงเบา
จตุพลยืนขวางหน้าไว้ แล้วเปลี่ยนเสียงเหี้ยม คว้าคออธิปบีบแน่น
“อ้าว ลุกไหวแล้วเหรอครับอากู๋” เลิกเล่นตลกได้แล้ว”
“โอ๊ย”
อธิปถูกบีบคอ ปล่อยมือถือร่วงหล่นพื้น
กริสน์ที่ถือสายฟังอยู่ แต่จู่ๆ สายก็ตัดไป
“เสี่ยครับ..เสี่ย..ฮัลโหลๆๆ”
“เกิดอะไรขึ้นวะ” ภัทรดนัยถาม
“ชั้นก็ไม่แน่ใจ แต่..ต้องมีเรื่องอะไรกับเสี่ยอธิปแน่ๆ”
“ปล่อยเสี่ยนะ” เดชบอก
เสี่ยอธิปพยายามดึงมือจตุพลออก
“แกอยู่เฉยๆ!! อากู๋ฉลาดสมกับเป็นอากู๋ของผมจริงๆ..เลิกกินยาบำรุงมานานแค่ไหนแล้ว โห้ว มีแรงไม่ใช่น้อย แสดงว่าเลิกกินมาสักพักแล้วสิ ..งั้นก็ไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อมกันอีกละนะ” จตุพลพูดขึ้น
ทันใดนั้น โอปอล์ก็กัดแขนน้อมพงษ์เต็มๆ
“โอ๊ย!”
โอปอล์ดิ้นหลุด แล้วผลักน้อมพงษ์อย่างแรง จนน้อมพงษ์เซถอยไปชนเข้ากับชั้นวางของประดับ กระแทกจนจุก โอปอล์วิ่งจะไปหาเสี่ยอธิป แต่เสี่ยอธิปฉวยจังหวะนั้นโดดกอดจตุพลล็อกไว้
“เดช พาโอปอล์หนีไป ไป” เสี่ยอธิปสั่งเสียงดัง
เดชรีบคว้าตัวโอปอล์ไว้
“คุณหนู..ไป..หนี”
เดชอุ้มตัวโอปอล์หนีไป โอปอล์ร้องโวยวาย ว่าจะไปหาป๊าๆ เสี่ยอธิปล็อกกอดจตุพลเอาไว้ไม่ให้ตามไป
เดชอุ้มโอปอล์วิ่งออกมาจากห้อง
“ป๊า..จะไปหาป๊า”
“ตอนนี้เราต้องหนีก่อนครับคุณหนู”
บอดี้การ์ดวิ่งมาขวาง เดชประคองโอปอล์ไว้แล้วตะโกน
“ไฟไหม้....ไฟไหม้ข้างบน รีบขึ้นไปดูเร็ว” เดชทำเป็นไอเพื่อให้สมบทบาท
บอดี้การ์ดงงๆ แต่รีบวิ่งกรูขึ้นไปดูทันที เดชดึงโอปอล์วิ่งหนี มาที่บันไดลงชั้นล่าง มีสมุนอีก2-3คนกำลังวิ่งขึ้นมา
“ไฟไหม้ คุณจตุพลกับน้อมพงษ์ติดอยู่ในห้อง เร็วๆ รีบไปช่วย” เดชบอก
บอดี้การ์ดรีบไปทันที เดชเรียกโอปอล์ให้ตามมา
“คุณหนู..มาเร็วค้าบ”
เดชจูงโอปอล์วิ่งออกมานอกบ้าน
“วิ่งไปที่รถเลยครับคุณหนู..ไปๆ”
เดชและโอปอจะถึงรถ พอดีจตุพล น้อมพงษ์โผล่มาหน้าบ้าน
“จับพวกมันไว้”
โอปอล์จะวิ่งออกไป แต่บอดี้การ์ดวิ่งถือปืนเล็งเข้ามา เดชเข้าไปผลักมือบอดี้การ์ดขึ้นฟ้า ปืนลั่นเปรี้ยง!
โอปอล์นั่งยอง อุดหูด้วยความกลัว
“ว้ายๆ”
“วิ่งสิครับ วิ่งๆ”
โอปอล์กลัว ไม่ยอมวิ่ง
เดชวิ่งไปดึงคอโอปอล์
“โธ่..ไปเร็วๆๆขึ้นรถๆ”
เดชจับโอปอล์ขึ้นรถก่อน แล้วจะวิ่งอ้อมไปขึ้นรถบ้าง ทันใด มีปืนยิงมา เปรี้ยง! น้อมพงษ์วิ่งไล่ยิงด้วยตัวเอง พร้อมสมุนตามมาอีกมากมาย /เดชยิงสู้ แล้วรีบขึ้นรถ ขับบึ่งอกไปทันที พวกบอดี้การ์ดยิงไล่หลัง บางส่วนขึ้นรถตาม
“ไป...จับตาย” จตุพลสั่ง
กริสน์ตัดสินใจวิ่งออกมาหน้าบ้าน โดยมีภัทรดนัยวิ่งตามออกมา
“ไอ้กริสน์ๆๆ แกไม่ต้องไป..ตอนนี้เสี่ยอธิปอยู่นอกเหนือแผนการของเราแล้ว เค้าไม่ใช่เป้าหมายของเราอีก อย่าไปเสียเวลา”
“เฮ้ย ทำไมแกใจดำงี้ล่ะ ภัทรดนัย”
“แกอย่าเอาความรู้สึกส่วนตัวมาปนกับงานสิวะ”
“เสี่ยอธิปมีบุญคุณต่อชั้น เค้าดีกับชั้นมาตลอดตอนที่แฝงตัวอยู่ในแก๊ง”
กริสน์จะไป แต่ภัทรดนัยทักท้วง
“แล้วแกจะบุกไปดื้อๆ ยังงี้เหรอ”
กริสน์ชะงัก
เต๋ากับเต้ยกำลังเคาะประตูที่หน้าห้องของกริสน์ในบ้านพักของพิมมาดา เสียงเพลงดังออกมาจากในห้อง
“เด็กๆ..ออกมาเถอะค่ะ จะเอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องคุณกริสน์ ไม่ทานอะไรเลย ไม่ได้นะคะ เดี๋ยวไม่โต ไม่หล่อไม่สวยนะคะ” เต๋าบอก
สักพักมีกระดาษยื่นออกมาจากในห้อง เขียนว่า “เราต้องการน้ากริสน์กลับมา”
“เราต้องการน้ากริสน์กลับมา..โถๆๆ พวกพี่ก็อยากค่ะ แต่..แต่คงเป็นไปไม่ได้แล้ว” เต๋าอ่านแล้วบอกเด็กๆ
“พี่กริสน์ไปแล้ว ไม่กลับมาอีกแล้ว ฮือๆ พูดแล้วก็สะเทือนใจ..คนรักกัน แต่อยู่ด้วยกันไม่ได้ มันทรมาน” เต้ยว่า
“คุณกริสน์รักกับหล่อนเมื่อไหร่” เต๋าถาม
“เรารักกันอยู่ในใจ..คุณกริสน์ของเต้ย โอย เป็นลม” เต้ยแกล้งล้มขลุกขลักๆ
“ว้าย เต้ยๆๆ เด็กๆออกมาดูพี่เต้ยหน่อยเร้วว” เต๋าร้องสร้างสถาการณ์
พวกเด็กๆนิ่ง ไม่มีเสียงตอบรับอะไร
“ขนาดเป็นลม ยังไม่ยอมออกมาอีกเหรอ..หมดมุขแล้วนะ” เต้ยว่า
พิมมาดาเดินเข้ามาอย่างเหลือทน
“อยากจะประท้วงก็ประท้วงไป ยังไงน้าก็ไม่มีวันให้พี่เลี้ยงพวกเธอกลับมาแน่ น้าถามครั้งสุดท้าย จะไม่ยอมออกมาแน่ๆใช่มั้ย ดี งั้นก็อยู่ไป ไม่ต้องออกมาอีก..เต๋าเต้ยไปเอาแม่กุญแจมาล็อค ปิดตายไปเลย”
“ล็อคเลยเหรอคะ” เต๋าถาม
เสียงเพลงจากในห้องดังขึ้นจนน่ารำคาญ เหมือนจะกลบเสียงข้างนอก พิมมาดาทุบประตู
“พวกเธอทำอย่างนี้กับน้าได้ยังไง ออกมาเดี๋ยวนี้ ออกมาๆ”
พิมมาดาทุบประตูห้องจนเหนื่อยใจ ทั้งไม่พอใจ ทั้งเสียใจ และเดินกลับเข้าบ้านไป
“เฮ้อ..ตั้งแต่คุณกริสน์ไม่อยู่ บ้านวุ่นวายไปหมดแล้ว” เต้ยบอก
“กลับมาได้แล้วคุณกริสน์...วุ๊ย” เต๋าน้ำเสียงหงุดหงิด
เสียงเพลงในห้องยังคงดังกระหึ่ม แจ๊สกำลังเต้นๆ โจ๊กชกอากาศ ส่วนจีจ้ากำลังนอนขีดๆเขียนๆเล่นอยู่ แต่ละคนท่าทางไม่แยแสกับเสียงภายนอก
จีจ้านอนลูบท้องไปมา
“หิวอ้ะ”
“อย่าคิด ยิ่งคิดยิ่งหิว” โจ๊กบอก
“ไม่คิด ยิ่งคิดยิ่งหิว ไม่คิด..ไม่คิด..ไม่คิด” จีจ้าท่อง
เสียงภายนอกเงียบลง แจ๊สหรี่วิทยุเสียงเบาลง แล้วเงี่ยหูฟัง
“ข้างนอกเงียบแล้ว ไม่มีใครอยู่แล้ว”
จีจ้าเด้งตัวขึ้นมา
“งั้นเราก็...”
“ไม่ได้!!นี่อาจจะเป็นแผนหลอกของพี่เต๋าพี่เต้ยก็ได้..”
แจ๊สพูดขึ้นและเห็นโจ๊กมองส่งสายตาว่าหิว และตัวเองก็หิว
“ก็ได้ๆ งั้นให้พี่ดูลาดเลาก่อน ถ้าทางสะดวก จะแอบไปหยิบของกินมาให้” แจ๊สพูดต่อ
แจ๊สไปแง้มๆประตูแอบมอง ทีแรกไม่เห็นใครอยู่ด้านนอก แต่แล้วอยู่ๆ ก็มีคนมาจับประตูเอาไว้ จะดึงให้เปิด พวกเด็กๆตกใจ พยายามจะปิด
“น้าเอง”
“น้ากริสน์” เสียงเด็กๆดังขึ้น พลางวิ่งไปกอดกริสน์
กริสน์รีบเข้ามาในห้อง ปิดประตู
“ชู่ว์ๆเบาๆ”
“ลูกพี่กลับมาช่วยพวกเราแล้ว เย้ๆๆ” จีจ้าบอก
“ชั้นมีเรื่องให้พวกเธอช่วยหน่อย สองเรื่อง..เรื่องแรก โจ๊ก”
กริสน์หยิบมือถือให้โจ๊ก
“น้าอยากให้เธอโทรไปหาโอปอล์..แล้วต่อสายให้น้าคุย..ถ้าคนที่รับสายบอกว่าโอปอล์ไม่อยู่หรือไม่ว่าง ให้บอกว่าเธอต้องคุยให้ได้..ถ้าเค้ายืนยันว่าโอปอล์ไม่ว่างมาคุย ให้เธอบอกว่า เธอจะแวะไปหาที่บ้าน..ยังไงก็ต้องให้โอปอล์มารับสายให้ได้ ทำได้มั้ย”
“มีเรื่องอะไรเหรอครับ” โจ๊กถามด้วยความสงสัย
“อย่าเพิ่งถามนะ โทรก่อน”
“ครับ” โจ๊กรับมือถือไปกดโทร.ออกทันที
กริสน์มองหาบางสิ่งในห้อง
“ส่วนอีกเรื่อง..น้าลืมของเอาไว้ เป็นกระดาษ ที่เป็นตัวเลขๆ เฮ้ย!! ใครเอามาขีดเขียนเล่นยังงี้”
“จีจ้าเก่งใช่มั้ยล่ะ หาคำศัทพ์เจอตั้งหลายคำ” จีจ้าพูดพลางยกมือยอมรับ
“นี่ไม่ใช่ปริศนาอักษรไขว้นะ”
“ใช่สิคะ จีจ้าหาศัพท์เจอตั้งหลายคำ นี่ไง ดับเบิ้ลยูโอดับเบิ้ลยู แปลว่า ว้าว..แล้วนี่ อีอี แปลว่า อิอิ แล้วนี่ๆๆ เป็นเลขทะเบียนรถ เห็นมั้ยล่า”
กริสน์มองรอยปากกาที่ขีดลากเส้นวงคำศัพท์เป็นคำๆแล้วรู้สึกเอะใจ สงสัยๆ เหมือนคิดอะไรได้ รีบหยิบรวบกระดาษโค้ดทั้งหมด
กริสน์เอากระดาษโค้ดมาวางเรียงๆๆๆต่อกัน พยายามเพ่ง ครุ่นคิด
“อักษรไขว้..อักษรไขว้..มันต้องซ่อนอยู่ในแถวใดแถวหนึ่ง..แต่มันคืออะไร..อะไรคือตัวแปร”
กริสน์ ไล่ไปตามแผ่นกระดาษ ไล่ขึ้น ไล่ลง จากขวาไปซ้าย จากซ้ายไปขวา
“ผมโทรแล้วครับ คนที่รับสายยืนยันว่าโอปอล์ไม่อยู่บ้าน..จะให้ผมโทรไปอีกรอบมั้ยครับ”
กริสน์กำลังครุ่นคิดอยู่ เหมือนไม่ได้ยินเสียงโจ๊ก พวกเด็กๆงง กรูเข้ามาดูว่า กริสน์ทำอะไรอยู่
จีจ้าเดินเข้ามาจับกระดาษสลับตำแหน่งกัน
“แผ่นนี้ต้องมาก่อนสิคะ..ส่วนแผ่นนี้ก็ต้องย้ายไปทีหลัง..จะได้เรียงลำดับตามเลขหน้า”
“อ้าว ทำไมมีหน้าสิบสี่..แล้วก็ไปสิบเก้าเลย..หายไปไหนตั้งหลายหน้า” แจ๊สว่า
“ปริ้นท์ออกมาจากชุดเดียวกัน ทำไมเลขหน้าไม่เรียง หรือ..มันไม่ใช่เลขหน้า..แล้วจะเป็นเลขอะไร” กริสน์สงสัย
“จีจ้ารู้..มันเป็นเลขอารบิก”
อยู่ๆมีเสียงติ๊ดๆดัง
“เสียงอะไร” กริสน์
“เสียงนาฬิกาจีจ้าเองค่ะ มันจะดังติ๊ดๆทุกต้นชั่วโมง ตอนนี้บ่ายสองแล้ว” จีจ้าบอก
“บ่ายสองเหรอ..ใช่ ถ้ามันเป็นการนัดหมาย มันต้องมีเวลากับสถานที่..เวลา”
กริสน์พูดแล้วมองที่เลขหน้ากระดาษ
“ใช่!! เวลา มันต้องเป็นเวลา..เวลาอะไร? เวลานัด?..ไม่ใช่ ต้องไม่ใช่เวลานัด ..หรือเป็นเวลา”
กริสน์เพ่งมองเลขหน้ากระดาษ แล้วเลื่อนสายตามามองที่แถวชุดอักษร โฟกัสไปที่กลางกระดาษ แล้วทันใด กริสน์ก็คิดขึ้นได้
“ขอปากกาหน่อย”
จีจ้ารีบส่งปากกาให้
“ถ้าเลขหน้าที่ 20 แทนเวลายี่สิบนาฬิกา”
กริสน์เขียนไปบนกระดาษ เหมือนวาดเข็มนาฬิกาลงไป เข็มสั้นชี้เลข 8 เข็มยาวชี้เลข12
“อักษรไขว้แผ่นนี้ก็จะอ่านได้ว่า…”
ชุดตัวเลขบอกวันและเวลา 14o0 24o720ii (เวลา16.00 วันที่ 24-07-2011)
“วันนี้ผ่านไปแล้ว นี่ก็ผ่านไปแล้ว”
กริสน์ดูแผ่นกระดาษทุกๆใบ จนมาถึง
“เฮ้ย นี่ นี่มันวันนี้..สิบหกนาฬิกา อีกสองชั่วโมงข้างหน้านี่หว่า..ที่ไหน”
เส้นของเข็มสั้น ที่ชี้ไปที่ตำแหน่งเลขแปดบนหน้าปัด เป็นชุดตัวอักษร
13° 22' 10.15" N 100° 58' 44.94" E
กริสน์มาที่ถนน โบกรถยนตร์คันหนึ่ง แล้วยื่นหน้ามองตัวเลขพิกัดจีพีเอสขณะที่ชายเจ้าของรถ งงๆ เอี้ยวตัวหลบ ในเครื่องจีพีเอสรถยนต์ เลขเดียวกัน และหน้าจอแสดงผลตำแหน่งที่ตั้งปลายทางคือท่าเรือ
“ใช่เลย..ชั้นรู้แล้วว่าพวกแกนัดกันที่ไหน”
กริสน์หันไปพูดกับเจ้าของรถ
“ขอบใจมากนะพี่ที่ให้ความร่วมมือกับตำรวจ จีพีเอสของคุณช่วยชีวิตเด็กไทยทั่วประเทศเอาไว้แล้ว..เชิญๆ เดินทางโดยสวัสดิภาพครับ”
กริสน์โบกให้รถออกไป
“มีเวลาอีกแค่สองชั่วโมง ต้องรีบแล้ว”
กริสน์กำลังจะไป แต่อยู่ๆ เดชก็ประคองพาโอปอล์เดินซมซานมา
“คุณกริสน์”
“พี่เดช โอปอล์
พวกเด็กๆนั่งอยู่ในห้องกริสน์ที่เดิม สักพักมีเสียงเคาะประตูดัง กริสน์ส่งเสียง
“ชั้นเอง..น้ากริสน์”
เด็กๆรีบวิ่งไปเปิดประตูทันที กริสน์นำเดชและโอปอล์เข้ามา
“โอปอล์” โจ๊กร้องทักขึ้น
กริสน์สั่ง พวกเด็กๆรีบปิดประตูทันที
“ปิดประตูก่อนๆๆๆ เอ้าๆๆ พี่เดช นั่งพักก่อน..เกิดอะไรขึ้น เล่ามาสิ”
“คุณกริสน์..ความลับแตกแล้ว คุณจตุพลรู้ทุกอย่างแล้ว..เสี่ยอธิปให้ผมพาคุณหนูหนีมา..ผมเลยจำใจต้องทิ้งเสี่ยไว้ ขับรถพาคุณหนูออกมา แล้วก็ต้องทิ้งรถ พวกมันจะได้ตามไม่ถูก แล้วก็เดินจนมาถึงนี่” เดชบอก
“แล้วเสี่ยอธิปล่ะ” กริสน์ถาม
“เสี่ย..คงจะถูกพวกนั้นจับตัวไว้”
“พี่กริสน์..ช่วยป๊าด้วย” โอปอล์บอก
“คุณหนูครับ..คุณหนูหลบอยู่ที่นี่ก่อนนะครับ..ส่วนเดชกับคุณกริสน์ จะกลับไปช่วยป่าป๊าคุณหนูเอง..ไม่ต้องห่วงนะครับ”
“เดี๋ยว..ชั้นยังไปตอนนี้ไม่ได้..ชั้นมีเรื่องด่วนต้องไปจัดการ”
“เรื่องด่วนอะไร เอาไว้ก่อนได้มั้ยครับ..ถ้าไม่รีบกลับไปช่วยเสี่ยอธิปตอนนี้ คุณจตุพลอาจจะทำอะไรรุนแรงก็ได้”
“ชั้นรู้..ชั้นเข้าใจ..แต่..ชั้นต้องไปทำเรื่องสำคัญเหมือนกัน โอกาสมีครั้งนี้ครั้งเดียว เอาอย่างนี้นะ ชั้นจะรีบไปจัดการธุระชั้น..ส่วนนายก็เฝ้าดูสถานการณ์เอาไว้ แล้วชั้นจะรีบตามไปสมทบ”
“ไม่เป็นไรครับ นี่มันไม่ใช่เรื่องของคุณอยู่แล้ว..ผมไปช่วยนายของผมคนเดียวได้ ผมขอโทษที่รบกวนแล้วกัน”
เดชเปิดประตู วิ่งออกไป
“พี่กริสน์” โอปอล์เรียก
“ชั้น..ชั้นขอโทษ ชั้นพลาดโอกาสนี้ไม่ได้จริงๆ” กริสน์บอก
กริสน์วิ่งออกไป
เรือสินค้ากำลังแล่นเข้าเทียบท่า พวกคนงานท่าเรือกำลังวิ่งวุ่นทำงาน
ณ มุมหนึ่งของท่าเรือ ภัทรดนัย กริสน์ และตำรวจอีก3นาย กำลังดูพิมพ์เขียวท่าเรือแห่งนี้ ภัทรดนัยกำลังชี้จุดให้กริสน์ดูว่าเส้นทางเข้าออก ทางหนีที่เป็นไปจะได้อยู่จุดไหน
“ชั้นไม่อยากให้เรื่องซุ่มดักจับนี้หลุดออกไป เลยขอแรงแค่ลูกน้องที่สนิท...แต่แค่นี้ก็พอเพียง เพราะถ้าเราได้หลักฐานแบบคาหนังคาเขาอย่างนี้ มันดิ้นไม่หลุดแน่ ทุกคนฟัง ทางเข้าออกหลักของท่าเรือนี้ มีสามจุด ตรงนี้ นี้และนี้”
ทุกคนเตรียมพร้อม
ตู้คอนเทนเนอร์ที่มีโลโก้บริษัทของสุขสันต์ถูกลำเลียงขึ้นมาจากเรือ กริสน์กำลังส่องกล้องมองอยู่
“คอนเทนเนอร์ของนายสุขสันต์เอาขึ้นมาแล้ว..รออีกเดี๋ยว..รอให้พวกนายสุขสันต์โผล่ออกมาก่อน แล้วเราค่อยปิดบัญชี” กริสน์บอก
“ชิปโหยแล้ว”
“มีอะไร”
“มือถือแบตหมด ชั้นว่าจะเอาไว้ถ่ายหน้านายสุขสันต์ตอนโดนจับซะหน่อย..เอามือถือแกมายืมดิ”
“ไอ้บ้าเอ๊ย”
กริสน์ส่องกล้องมองไป
“เฮ้ย นั่นใครวะ” กริสน์ร้องขึ้น
นายตำรวจกลุ่มหนึ่ง นำทีมโดยมาวิน บุกเข้าแสดงเอกสาร แล้วขอค้นตู้คอนเทนเนอร์ทันที สั่งให้คนงานท่าเรือเปิดตู้ออก
“ไอ้มาวิน” กริสน์ร้องขึ้น
ภัทรดนัยรีบส่องกล้องอีกอันทันที
“อะไรนะ ไอ้มาวิน..มันอีกแล้ว มันจะตามขโมยผลงานชั้นให้ได้ใช่มั้ย..แล้วมันรู้เรื่องนัดหมายได้ยังไง”
มาวินวางมาดกร่างเข้าขอค้นเอกสาร
“เอาเอกสารการขนส่งมาดู..ใครเป็นเจ้าของตู้คอนเทนเนอร์นี้ รับจ้างขนส่งให้ใคร รายละเอียดทุกอย่าง เอามาให้หมด..เอ้า เมื่อไหรจะเปิดเสร็จ” มาวินพูด
ตู้คอนเทนเนอร์ถูกเปิดออก พบว่าด้านหน้าของตู้ มีพวกดอกไม้ต่างๆวางอยู่ และลังดอกไม้นอกสารพัดชนิด
“พวกแกไปเปิดดูทุกลังในคอนเทนเนอร์นี้ ตรวจให้ละเอียด ทุกซอกทุกมุม” มาวินสั่ง
กริสน์ส่องกล้องดู
“ดอกไม้..ไอ้สุขสันต์นำเข้าดอกไม้เหรอ”
“ไอ้มาวิน ชั้นอุตส่าห์เสี่ยงตายเพื่องานนี้ มันคิดจะมาขโมยผลงานไปง่ายๆยังงี้เหรอ ชั้นจะไปจัดการมันเอง” ภัทรดนัยบอก
“ใจเย็นๆ รอดูไปก่อน” กริสน์ดึงไว้
คนของมาวินลากลังต่างๆออกมา แล้วเปิดออกดู ที่ลังใบหนึ่ง ด้านบนปกปิดด้วยดอกไม้ แต่ข้างใน ซ่อนถุงยาเอาไว้
“ผู้กองครับ”
มาวินเดินไปตรวจสอบเอง กวาดดอกไม้ด้านบนทิ้งออกให้หมด พบว่า ด้านล่างเป็นถุงยาเรียงรายเป็นตับ มาวินหยิบถุงยา ฉีกดมดู
“นี่มัน ยาเสพติด”
คนงานตกใจ กลัว ยกมือบอกว่าไม่รู้เรื่องๆ ไม่เกี่ยวๆ
“พวกผมไม่รู้เรื่องนะครับ”
“ใครเป็นคนนำเข้าดอกไม้พวกนี้” มาวินถาม
ตำรวจคนหนึ่งเอาเอกสารมาให้มาวินดู
“นำเข้าโดย..ฮ้า..บริษัท พริมโรสจำกัด..พิมมาดา”
กริสน์อึ้ง
“ยาเสพติด..มันนำเข้ายาเสพติดมาพร้อมกับดอกไม้..เฮ้ย ดอกไม้ร้านพริมโรส อย่างนี้เท่ากับยัยเจ๊โหด..กรรมแล้ว” กริสน์ว่า
กริสน์เห็นมาวินสั่งการลูกน้องให้จัดการทางนี้ๆ แล้วตัวมาวินเองกับลูกน้องอีกจำนวนหนึ่งก็รีบวิ่งไปที่รถ กริสน์เดาเหตุการณ์ได้ รีบวิ่งไปบ้าง แต่ภัทรดนัยคว้ามือไว้
“ไอ้สุขสันต์ นี่เอง..เหตุผลที่แกมาจีบพิม” กริสน์นึกขึ้นได้
“เฮ้ย แกจะไปไหน แล้วจะเอายังไงกับคดีนี้”
“ชั้นจะไปช่วยยัยเจ๊โหด ถ้าแกไม่อยากให้ไอ้มาวินได้หน้าไปมากกว่านี้ แกรีบไปสกัดทัพมันไว้เดี๋ยวนี้ ไป”
กริสน์รีบวิ่งไป ภัทรดนัยแค้น
“ไอ้มาวิน”
สุขสันต์กำลังแต่งตัวอยู่ที่บ้าน โดยมีฉัตรชัยกำลังช่วยแต่งตัวให้
“ประเด็นที่ท่านต้องพูดตอนให้สัมภาษณ์ มีเรื่องสิทธิเด็ก เรื่องการพัฒนาเด็กชายขอบ ท่านมีนโยบายเด่น ก็คือ จะให้เยาวชนพัฒนาเยาวชนด้วยกันเอง..เด็กเก่ง สอนเด็กไม่เก่ง..รุ่นพี่สอนรุ่นน้อง..เด็กในเมืองสอนเด็กต่างจังหวัด..ทุกคนถ่ายทอดสิ่งดีๆให้กัน ประเทศชาติต้องพัฒนา” ฉัตรชัยบอก
“ขอบใจที่ช่วยเตือน..เอาล่ะ ชั้นดูดีแล้วใช่มั้ย” สุขสันต์ถาม
“อ้ะๆๆ ผมกระดิกครับ ขออนุญาตนะครับ”
ฉัตรชัยใช้มือแตะๆลูบๆผมลงไป
“เรื่องการแต่งตัวให้ท่าน ไม่มีใครสู้ฉัตรชัยได้จริงๆ..เพอเฟ็ค พร้อมจะออกสื่อให้ประชาชนภาคภูมิใจแล้วครับ” ฉัตรชัยว่าต่อ
ฮิมวิ่งหน้าตื่นเข้ามาในห้อง
“ท่านครับ คือ”
“มีอะไร”
“คนของเราโทรมาบอกว่า.. เมื่อสักพัก ที่ท่าเรือ มีตำรวจบุกมาขอค้นตู้คอนเทนเนอร์ของเราครับ แล้วก็..ค้นเจอ..ทุกอย่างเลยครับ”
“หา”
สุขสันต์แค้น
มาวินอยู่ในรถสั่งให้ลูกน้องขับรถให้เร็วขึ้นเพื่อออกจากท่าเรือ
“ชั้นให้เวลาแกสิบห้านาที ต้องไปให้ถึงร้านพริมโรส..ไม่งั้นชั้นรายงานว่าแกบกพร่องในหน้าที่แน่ เร็วๆ”
ลูกน้องมาวินรีบออกรถทันที รถแล่นไปที่ทางออก ซึ่งเป็นถนนแคบ พอดีมีรถคันหนึ่งแล่นเข้ามาตัดหน้าจนต้องเบรคเอี๊ยด ที่แท้รถของภัทรดนัย
มาวินเดินลงมาจากรถ
“ไอ้บ้าเอ๊ย เฮ้ย หลบไปเว้ย หลบไป”
ภัทรดนัยเปิดหน้าต่างออกมา
“อ้าว มาวิน..พูดอะไร ชั้นไม่ได้ยิน”
“หลบไป ชั้นกำลังรีบ”
“โอเคๆ รีบๆ”
มาวินเดินพุ่งเข้าไปหาภัทรดนัยทันที
“แกจะขัดขวางการทำงานของชั้นเหรอ หรือว่าแกมีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องนี้”
“ชั้นเร็วได้แค่นี้แหละ ถ้าแกอยากจะรีบไปขโมยผลงาน แกก็หาทางเอาเองแล้วกัน”
มาวินเข้าไปเปิดประตู กระชากคอเสื้อภัทรดนัยลงจากรถ
“แก ลงมาๆ แกทำงานช้าเอง ไม่มืออาชีพ แล้วจะมาพาลชั้นได้ไง..อยากมีเรื่องเหรอ”
ภัทรดนัยกระชากคอเสื้อคืน แบบไม่กลัวเกรงกลัว
“เออ! อยากมี ชั้นสุดทนกับความขี้ขโมยของแกเต็มทีแล้ว...แลกกันสักตั้งมั้ย”
ภัทรดนัยกับมาวินจ้องกันอย่างคั่งแค้นเคืองใจ
อ่านต่อหน้า 2 วันนี้ (28 ม.ค.) เวลา 18.00 น.
มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 11 (ต่อ)
มาวินและภัทรดนัยกำลังจดจ้องหน้ากันอยู่อย่างนั้น
“ว่าไง เอาไม่เอา” ภัทรดนัยถาม
“ชั้นไม่มีเวลามาเล่นกับแก หลบไป” มาวินไม่เล่นด้วย
“ป๊อดว่ะ” ภัทรดนัยยั่ว
“ใครป๊อดส์” มาวินเริ่มมีน้ำโห
“แกไง ไอ้ผู้กองมาวินป๊อด”
มาวินฉุนกึกตีเข่าใส่ภัทรดนัยเข้าอย่างจัง
“เฮ้ย แก เล่นทีเผลอ หน็อย ไอ้ขี้โกง อูย”
“เลื่อนรถมันออกไป”
มาวินสั่ง ลูกน้องของเขากระโดดขึ้นรถภัทรดนัยแล้วขับไปเพื่อหลีกทางให้มาวินและพรรคพวกออกไปได้
พิมมาดากับเค้กทะเลาะกันอยู่ที่บ้านของพิมมาดา โดยที่เต๋ากับเต้ยยืนอยู่ข้างๆ เค้ก
“นี่พวกเธอรุมชั้นเหรอ” พิมมาดาฉุน
“ใช่...พวกเราอยากให้เธอลดทิฐิลงบ้าง พิม...พวกเด็กๆต้องการคุณกริสน์ คุณกริสน์ทำให้เด็กๆดีขึ้น เธอมองไม่เห็นหรือไง” เค้กบอก
“แปลว่านายคนนี้ดีวิเศษ เก่งกว่าชั้นทุกอย่างใช่ไหม” พิมมาดาประชด
“เธอลองคิดหน่อยสิ ว่าทำไมเด็กๆถึงเชื่อฟังคุณกริสน์มากกว่าเธอ”
“ทั้งๆที่คุณกริสน์เป็นคนอื่น” เต้ยยื่นหน้ามาพูดแล้วรีบหลบหลังเค้ก
“และเพิ่งมาเลี้ยงเด็กๆไม่นานนี้เอง” เต๋าพูดแล้วรีบหดหัวด้วย
“ก็..เพราะนายกริสน์มาล้างสมองเด็กๆ สอนให้เด็กเกลียดชั้น”
“เธอไม่ยอมรับฟังอะไรบ้างเลยพิม” เค้กตำหนิ
“เธอนั่นแหละ เลิกหลงนายกริสน์หน้ามืดตามัวได้แล้ว” พิมมาดาสวน
เค้กเริ่มฉุนหนัก “อ๋อ ที่เธอไม่เชื่อคำเตือนชั้น เพราะคิดว่าชั้นบ้าผู้ชายใช่มั้ย..เราเป็นเพื่อนกันมานานแค่ไหนแล้ว เธอไม่รู้เหรอว่าชั้นก็ดี๊ด๊าขำๆไปอย่างนั้นเอง เอาเข้าจริง ชั้นก็ยังมีสติ..มีสติยิ่งกว่าเธอด้วย!”
“เค้ก..” พิมมาดาเห็นเพื่อนเริ่มโมโห
“ชั้นไม่เข้าใจ คุณกริสน์ไปทำอะไรให้เธอเจ็บช้ำน้ำใจเหรอ ทำไมเธอถึงได้จงเกลียดจงชังเค้าขนาดนี้”
“นี่ไง...โดนเข้าไป” เต๋ากับเต้ยประสานเสียง
พิมมาดาอึ้งเพราะตอบไม่ถูก
“ชั้นขอโทษแล้วกันที่ยุ่งเรื่องเธอมากไป” เค้กเสียงเบาลงอย่างผิดหวังแล้วเดินออกจากบ้านไป เต๋ากับเต้ยก็เดินตามเค้กออกไป เหลือแต่พิมมาดาที่ยังยืนอึ้งอยู่คนเดียว
เค้ก เต๋าและเต้ยเดินออกมานอกบ้าน จังหวะเดียวกับที่กริสน์วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา
“คุณกริสน์” เค้กเรียก
“คุณพิมอยู่ไหน” กริสน์ถามแล้วส่งเสียงเรียก “คุณพิม”
กริสน์พยายามจะเข้าไปในบ้าน แต่เต๋ากับเต้ยวิ่งออกมาขวางไว้
“ว้าย ที่รักขา อย่าๆๆ เข้าไปตอนนี้ไม่ได้ค่ะ” เต๋าบอก
“อย่าเอาน้ำมันไปสาดกองไฟเลยนะคะ ถึงตายแน่ๆ” เต้ยมาช่วยห้าม
“หลบไป” กริสน์แหวกเต๋ากับเต้ยออกไป “คุณพิมๆๆ”
พิมมาดาเดินออกมาจากบ้าน
“นายกลับมาทำไม”
“คุณพิม..คุณต้องหนีไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ คุณรีบไปเก็บของ ผมจะไปตามเด็กๆ..เต๋า เต้ย นายสองคนอยู่ที่นี่ กับคุณเค้ก คอยดูแลทางนี้เข้าใจมั้ย” กริสน์สั่ง
เต๋ากับเต้ยรับคำอย่างงงๆ “คะ..เอ้อ ค่ะๆ”
กริสน์เห็นพิมมาดายังยืนเฉยจึงรีบย้ำ “ยังไม่รีบไปอีก ไป เข้าไปเก็บของ ไปๆๆ” กริสน์ดันตัวพิมมาดาให้เข้าไปในบ้าน
พิมมาดาผลักกริสน์ออก “นายเป็นอะไร มาถึงก็สั่งๆๆ จะให้ชั้นหนีอะไร!! จะเกิดสึนามิหรือแผ่นดินไหวแถวนี้เหรอ” พิมมาดาพูดอย่างหยันๆ
“คุณกริสน์ทำอย่างกับจะมีใครบุกมาฆ่ายัยพิมอย่างนั้นแหละ” เค้กว่า
“นี่มันเรื่องอะไรกันอ่ะ?” เต๋าถาม
“นี่มันไม่ใช่เรื่องตลกนะ!!! ผมไม่มีเวลาอธิบาย..เอาเป็นว่า ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในอันตราย ตำรวจกำลังจะมาจับคุณ..ถ้าไม่อยากรับกรรมที่ไม่ได้ก่อ ก็ไปกับผม ผมจะพาคุณหนีไปเอง”
“ใครเชื่อนายก็ออกลูกเป็นควายแล้ว!” พิมมาดาว่า “ชั้นอยู่บ้าน ขายดอกไม้ ไม่ได้ทำอะไรผิดกฏหมาย ..ตำรวจจะมาจับชั้นเรื่องอะไร..ถ้าจะมาจับ ก็ต้องจับนายมากกว่า”
“ก็เพราะแฟนสุดที่รักของคุณ..คุณสุขสันต์แอบนำเข้ายาเสพติด แล้วเอาร้านพริมโรสของคุณมาบังหน้า” กริสน์ยังพูดไม่ทันขาดคำก็ถูกพิมมาดาตบเข้าที่หน้าดังเพี้ยะ
“เลว นายมันเลวที่สุด จะหาเรื่องใส่ร้ายคุณสุขสันต์ไปถึงไหน!”
กริสน์ได้แต่ยืนอึ้ง
“จะทำให้ชั้นเกลียดคุณสุขสันต์ให้ได้เลยใช่มั้ย..ชั้นไม่เหมือนเด็กๆที่จะยอมให้นายเป่าหูง่ายๆ..ออกไปจากบ้านชั้นเดี๋ยวนี้!”
พิมมาดาพูดเสร็จก็เดินกลับเข้าบ้านทันที
พิมมาดาเดินกลับเข้ามาในบ้าน กริสน์รีบวิ่งตามเข้ามา เค้ก เต๋าและเต้ยวิ่งตามเข้ามาด้วย
“คุณพิม จนป่านนี้คุณยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ ว่าคุณถูกมันหลอก” กริสน์พยายามบอก
“ชั้นบอกให้ออกไป!” พิมมาดาไล่
“ไอ้สุขสันต์มันหลอกคุณ มันทำเป็นเข้ามาจีบคุณ เพราะมันจะใช้ธุรกิจนำเข้าดอกไม้ของคุณมาบังหน้ายาเสพติดของมัน แล้วตอนนี้ตำรวจรู้แล้ว คุณกลายเป็นผู้ต้องหาเบอร์หนึ่ง ยังไม่รู้ตัวอีก”
“หยุดพูด!ไ พิมมาดาทำท่าจะตบกริสน์อีก แต่กริสน์จับมือเธอไว้
“คุณนั่นแหละฟังผม” กริสน์จับตัวพิมมาดาให้หันหน้าฟัง
พิมมาดาผลักกริสน์ออก “ชั้นไม่ฟัง!! นายดีแต่พูดว่าคุณสุขสันต์ไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้..ทำไม..นายมีเจตนาอะไร..หรือว่ามีใครจ้างนายมาดิสเครดิตคุณสุขสันต์ พรรคการเมืองคู่แข่งใช่มั้ย นายเป็นใครกันแน่!”
“ไม่มีใครจ้างทั้งนั้น ผมเป็นตำรวจ” กริสน์บอกความจริง
“อย่าบอกนะว่า คุณกริสน์เป็น..” เค้กพูดยังไม่จบ เต๋ากับเต้ยก็พูดต่อ “ร้อยตำรวจเอกปลอมตัวมา!”
“ผมเป็นตำรวจสายลับ ที่แทรกซึมแฝงตัวเข้าไปอยู่ในแก็งคนร้ายนานเป็นปีๆ เพื่อหาหลักฐานที่จะเอาผิดหัวหน้าขบวนการนำเข้ายาเสพติดรายนี้..ทีนี้คุณจะเชื่อผม แล้วก็หนีไปกับผมได้หรือยัง”
พิมมาดาอึ้งไป เธอมองหน้ากริสน์แล้วนิ่งลงเหมือนเริ่มฟังกริสน์ แต่อยู่ๆ เธอก็พูดขึ้น
“ก่อนหน้านี้ นายบอกเด็กๆ ว่าเป็นคุณชายกลางที่ถูกโกงมรดก ครั้งนี้บอกว่าเป็นตำรวจ..แล้วต่อไปจะเป็นอะไร..นายกรัฐมนตรี ประธานาธิบดี หรืออินทรีแดง”
“ผมเป็นตำรวจจริงๆ คุณพิม ที่ผมเสี่ยงตายกลับมาหาคุณ เพราะผมเป็นห่วงคุณจริงๆ ขอร้องล่ะ เชื่อผมเถอะ”
“ชั้นจะโทรหาคุณสุขสันต์ ถามให้รู้เรื่อง” พิมมาดาบอก
“อย่าโทร!” กริสน์ห้าม
มีรายงานข่าวการบุกจับกุมยาเสพติดที่ท่าเรือในจอโทรทัศน์ นักข่าวหญิงมาดลุยคนหนึ่งนั่งยองๆ อยู่บนตู้คอนเทนเนอร์ที่ใช้ขนส่งยาเสพติด
“ตู้คอนเทนเนอร์ที่อิชั้นนั่งอยู่นี้ คือคอนเทนเนอร์ที่ใช้ในการขนส่งยาเสพติดเข้ามา โดยใช้ดอกไม้นอกบังหน้า” นักข่าวก้มตัวแล้วนอนคว่ำเพื่อมองเข้าไปในตู้ “ดูสิคะ ข้างในกว้างขวางมาก เตะตระกร้อกันได้สบายๆ..ลองจินตนาการดูแล้วกันนะคะว่ายาเสพติดที่ขนมาจะมีปริมาณมากขนาดไหน..ตอนนี้เจ้าหน้าที่ได้ยืนยันแล้วว่าตู้คอนเทนเนอร์นี้จดทะเบียนในชื่อของท่านสส.สุขสันต์..ซึ่งทางตำรวจคงจะเชิญมาสอบ”
สุขสันต์กดปิดทีวีทันทีด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์ในบ้านก็ดังขึ้นพร้อมๆ กันทุกเครื่อง
“ตู้คอนเทนเนอร์เป็นของท่าน ของที่อยู่ในตู้ ก็เท่ากับเป็นความรับผิดชอบของท่าน..แบบนี้ตำรวจต้องจับท่านแน่ๆเลยครับ” ฉัตรชัยบอก
“ท่านจะให้ตำรวจจับไม่ได้นะครับ ไม่มีท่านสักคน พวกเราจะอยู่ยังไง..ต้องทำอะไรสักอย่างนะครับ” อิมรีบพูด
“พวกแกหยุดเห่าสักที!” สุขสันต์ตะคอก แม่บ้านเปิดประตูเข้ามาโดยที่ถือโทรศัพท์เข้ามาด้วย สุขสันต์หันไปตวาดใส่แม่บ้าน “ชั้นไม่รับสายใครทั้งนั้น!”
แม่บ้านหน้าเสียเดินออกไป สุขสันต์ไปนั่งที่เก้าอี้อย่างหงุดหงิด เขาหยิบปากกากับกระดาษขึ้นมา เอาปากกาปักลงไปบนกระดาษ แล้วขีดๆๆ เพื่อระบายอารมณ์ ทันใดนั้นมือถือของฉัตรชัยก็ดังขึ้น
ฉัตรชัยตกใจเพราะกลัวโดนด่าจึงรีบบอกเจ้านาย “ไม่รับครับ ไม่รับ”
มือถือของฮิมก็ดังอีกเครื่อง
“ไม่รับเหมือนกันครับ ไม่รับ” อิมเหลือบไปเห็นหน้าจอ “อ้าว เอ๊ะ..แต่..ท่านครับ..ไม่ใช่นักข่าว ไม่ใช่ตำรวจ แต่เป็นคุณพิมมาดาครับ”
“ท่านครับ..สายของผม คุณแพรวพิลาศครับ” ฉัตรชัยบอก
“พิมมาดา แพรวพิลาศ” อิมพูด
“ชั่วโมงนี้จะรับใครดีครับท่าน” ฉัตรชัยถาม
สุขสันต์หน้าเครียด ก่อนจะเบิกตาโพลงเหมือนคิดอะไรออก
พิมมาดารอสายอยู่ที่บ้าน แต่สุขสันต์ก็ไม่รับสายเธอสักที
“คุณสุขสันต์เค้าไม่ว่างรับสายคุณหรอก..ป่านนี้ เค้าหนีเอาตัวรอดไปไหนต่อไหนแล้วด้วยซ้ำ” กริสน์บอก
เค้กกดดูบีบี “พิม..ในทวีตเตอร์มีข่าวจริงๆด้วย” เค้กอ่านเนื้อข่าว “ตำรวจบุกจับยาเสพติดคาท่าเรือ เผยชื่อสส.สุขสันต์คือเจ้าของตู้คอนเทนเนอร์”
เต๋ากับเต้ยรีบมารุมดูบีบี “จริงๆด้วย”
“เชื่อผมหรือยัง หนีเถอะคุณพิม” กริสน์ย้ำ
ทันใดนั้นก็มีรถแล่นมาจอดที่หน้าบ้าน
“ใครมา” เต๋าถาม
กริสน์ได้ยินเสียงแล้วมองไปก็รู้โดยทันที “พวกมันมาแล้ว..เต๋า เต้ย คุณเค้ก ช่วยไปถ่วงเวลามันไว้”เต๋า เต้ย และเค้กยืนงง
“เร็ว..ไปเร็ว” กริสน์เร่ง
“เอาๆได้ๆไ ทั้งสามรับคำแล้วรีบวิ่งออกไป
“คุณพิม ผมจะไปหาเด็กๆ แล้วจะพาออกไปด้านหลังบ้าน คุณไปเจอผมที่นั่น เข้าใจมั้ย” กริสน์บอกแผนแต่พิมมาดายังคงนิ่ง “คุณพิม”
“ชั้นไม่ไป ชั้นไม่ได้ทำอะไรผิด ชั้นจะไม่หนี” พิมมาดายืนกราน
“ถึงคุณไม่ได้ทำอะไรผิด แต่สถานการณ์อย่างนี้ คุณจะเป็นแพะ ถูกโยนบาปให้ผิดคนเดียวเต็มๆ ดิ้นยังไงก็ไม่หลุด พูดอะไรก็ไม่มีใครเชื่อ คุณเชื่อผมสิ”
“คุณสุขสันต์ไม่มีวันทำกับชั้นอย่างนั้น”
มีเสียงเหมือนตำรวจเดินตรงเข้ามา “คุณพิม เราต้องไปเดี๋ยวนี้ ผมจะไปรับเด็กๆ คุณต้องไปเจอผมที่หลังบ้าน เข้าใจมั้ย..คุณพิม”
พิมมาดายังคงยืนนิ่งไม่ตอบอะไร กริสน์ลังเล มาวินกับพวกตำรวจก็เข้ามาถึงพอดี กริสน์จึงจำใจวิ่งหนีออกไปก่อน เต๋า เต้ยและเค้กต้านตำรวจไม่อยู่
“หยุด ทุกคนอย่าขยับ!” มาวินตะโกนพร้อมชักปืนขึ้นมา
พิมมาดามีสีหน้าแน่วแน่
“ว้าย อย่ายิงๆๆ” เต๋ากับเต้ยยกมือขึ้น แต่ทำนิ้วเป็นสัญลักษณ์ไอเลิฟยู “เลิฟยูนะ”
กริสน์วิ่งมาที่ห้องนอน แล้วเคาะประตูให้สัญญาณพวกเด็กๆ
“ชั้นเอง”
เด็กๆ เปิดประตูออกมา ทุกคนกำลังจะส่งเสียงแต่กริสน์รีบปรามไว้
“ชู่ว์..” กริสน์พูดเสียงเบา “เราต้องหนี เดี๋ยวนี้W
“หนีอะไร” แจ๊สถาม
“หนีไปไหน” โจ๊กถามบ้าง
“แล้วน้าพิมล่ะ” จีจ้าถามอีกคน
“โอ๊ย น้าหลานถามมากเหมือนกันไม่มีผิด” กริสน์เซ็ง “หนีก่อนได้มั้ย แล้วจะบอก ไป”
“ตำรวจ!” โอปอล์แหกปากขึ้นเพราะเธอเห็นตำรวจคนนึงเดินผ่านมา กริสน์รีบดึงเด็กๆ ให้หลบมุม แล้วปิดปากทุกคนไว้ เด็กทุกคนปิดปากกันและกันไขว้มือกันไปมา ส่วนป๊อปคอร์นก็ส่งเสียงแง่งๆ
“อย่านะป๊อป อย่า...” กริสน์รีบห้าม
ป๊อปคอร์นกระโจนออกไปเห่าตำรวจคนนั้น กริสน์รีบต้อนเด็กๆ ให้เดินหลบไปอีกด้านทันที “ไปๆๆ”
แจ๊ส โจ๊ก และจีจ้ามองไปอีกด้าน แล้วก็ต้องชะงัก เพราะพวกเด็กๆ เห็นตำรวจกำลังจะจับกุมพิมมาดา
“น้าพิม..ตำรวจจะมาจับน้าพิม ไม่ได้ จะจับน้าพิมไม่ได้” แจ๊สร้องออกมา
เด็กๆ จะวิ่งไปหาพิมมาดา แต่กริสน์รีบเข้ามาห้ามไว้
“เดี๋ยวๆๆ” กริสน์รั้งตัวเด็กทั้งสามเอาไว้
“ปล่อย น้าพิมกำลังอยู่ในอันตราย ผมจะไปช่วยน้าพิม” โจ๊กไม่ยอม
“จีจ้าไม่หนีไปไหนทั้งนั้น ถ้าไม่มีน้าพิม” จีจ้าพยายามดิ้น
“ชั้นรู้ๆๆ แต่เรามาวางแผนกันหน่อยมั้ย ชั้นมีแผน” กริสน์พูดกับเด็กๆ
มาวินเดินตรงไปที่พิมมาดาแล้วพูดเชิงเย้ยหยัน
“ผมไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าคนที่ผมเคยรักหมดหัวใจ จะกลายเป็นผู้นำเข้ายาเสพติดรายใหญ่ของประเทศ”
“พิมไม่ได้ทำอะไรผิด” พิมมาดายืนยัน
“จุ๊ๆๆ ยังไม่ต้องปฏิเสธอะไรตอนนี้ เก็บเอาไว้ให้การทีเดียวดีกว่า” มาวินพูดแล้วหยิบกุญแจมือออกมา
“เดี๋ยวๆๆ ต้องใส่กุญแจมือเลยเหรอ..พิมเคยเป็นแฟนนายนะ นายจะจับใส่กุญแจมือ มันไม่มากไปเหรอ” เค้กทักท้วง
“ผมทำงานมาตรฐานเดียว..ไม่ว่าจะแฟนเก่า เพื่อน หรือคนที่ไม่รู้จักกันเลย..คนทำผิดก็คือคนทำผิด กฏหมายต้องเป็นกฏหมาย ทุกคนต้องได้รับการปฏิบัติแบบเดียวกัน ไม่มีข้อยกเว้น!! ..ขอมือด้วย”
พิมมาดายื่นมือให้มาวินจับใส่กุญแจมือ อยู่ๆ พวกเด็กๆ ก็วิ่งเข้ามาพร้อมโวยวาย จีจ้าเข้ามาผลักมาวินออกไป “อย่านะ น้าพิมทำอะไรผิด จับน้าพิมใส่กุญแจมือทำไม”
“ปล่อยน้าพิมเดี๋ยวนี้” โจ๊กตะโกน
“น้าเธอทำผิด ก็ต้องถูกจับ..หลบไป!” มาวินสั่งเด็กๆ
“พวกเราไม่หลบ ห้ามเอาน้าพิมไปไหนทั้งนั้น” โจ๊กยืนยัน
“ถ้าไม่หลบ จะถือว่าขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ ถูกแจ้งข้อหา ดำเนินคดี ถึงจะเป็นผู้เยาว์ แต่ก็ต้องไปอยู่ในสถานพินิจ”
“เราไม่กลัว!” เด็กทั้งสามประสานเสียง
“แจ๊ส โจ๊ก จีจ้า..มันไม่มีอะไรหรอก ตำรวจเค้าแค่จะขอคุยกับน้านิดหน่อย..พวกเธออยู่บ้าน ไม่ต้องกลัว..เดี๋ยวเย็นๆน้าก็กลับมา” พิมมาดาพูดแล้วหันมาหาเค้ก “เค้ก ฝากเธอดูแลเด็กๆด้วยนะ”
มาวินพูดกับเด็กๆ “เข้าใจแล้วใช่มั้ย..ไป เอาตัวพิมมาดาขึ้นรถ”
พวกตำรวจช่วยกันเอาตัวพิมมาดาขึ้นรถ แต่พวกเด็กๆ กลับร้องไห้กระจองอแงตามเกาะตัวพิมมาดาไม่ยอมให้น้าสาวไป มาวินและพวกตำรวจต้องช่วยกันดึงเด็กๆ ออก
อยู่ๆ จีจ้าก็มีอาการหอบหืดและล้มฟุบลงไปดิ้น “โอ๊ย หายใจ..ไม่ออก..หายใจไม่ออก”
“จีจ้า!!..ยา ยาอยู่ไหน” พิมมาดาตกใจ
“พี่เต๋า พี่เต้ย ไปหยิบยามาสิคะ” แจ๊สบอก
“ค่ะๆ” เต๋ากับเต้ยรับคำอย่างตกใจ
เต๋ากับเต้ยวิ่งกลับเข้าไปในบ้าน ทั้งสองกำลังงกๆเงิ่นๆ หายาตามที่ต่างๆ อยู่ๆกริสน์ก็โผล่มาด้านหลัง ทั้งสองหันมาเจอกริสน์ก็ตกใจและร้องลั่น “ว้าย”
“ชู่ว์.....ผมเองๆ” กริสน์รีบบอก
“ที่รัก” เต๋ากับเต้ยดีใจ
อีกด้านหนึ่ง จีจ้ายังคงดิ้นอยู่ที่พื้น เต๋ากับเต้ยวิ่งออกมาจากในบ้าน
“คุณพิมเอายาไว้ที่ไหนคะ หาไม่เจอเลยค่ะ” เต๋าบอก
“คุณพิมเข้าไปหาเองดีกว่าค่ะ” เต้ยแนะนำ
พิมมาดาลุกขึ้นจะเดินไป มาวินถามขึ้นทันที
“จะไปไหน”
“ชั้นจะไปเอายามาให้จีจ้าน่ะสิ ชั้นไม่หนีหรอก”
มาวินพูดอย่างชั่งใจ “ผมให้เวลาคุณห้านาที” มาวินหันมาสั่งตำรวจอีกคน “นายไปกับคุณพิม” พิมมาดารีบวิ่งกลับเข้าไปในบ้านทันที
พิมมาดารีบวิ่งกลับเข้ามาในบ้าน อยู่ๆกริสน์ก็โผล่ออกมาจากด้านหลัง เขาฟาดหลังมือใส่ตำรวจที่มาด้วยจนสลบ กริสน์รับร่างตำรวจคนนั้นแล้วค่อยๆวางลงกับพื้นเพื่อไม่ให้เกิดเสียงดัง
“นาย..” พิมมาดาตกใจ
“อย่าร้อง ไปกับผมเดี๋ยวนี้”
“ชั้นไม่ไป” พิมมาดายืนยัน กริสน์เข้ามาตะครุบพิมมาดาเอาไว้แล้วปิดปากไม่ให้ส่งเสียง เขาดึงตัวเธอไปทางหลังบ้านทันที
จีจ้ายังคงหอบและดิ้นอยู่ แต่เธอแอบขยิบตาให้กับแจ๊สและโจ๊ก
“ทำไมพิมไปนาน” มาวินเริ่มเอะใจ
“ว้ายๆๆ น้องจีจ้าอาการหนักมากแล้ว เต๋าว่า เราพาน้องจีจ้า เข้าไปด้านในก่อนดีกว่า เร็วๆ”
“หยุด!! ชั้นว่ามันแปลกๆ นี่พวกแกตุกติกอะไรหรือเปล่า” มาวินสงสัย
ตำรวจคนหนึ่งกำลังวอเรียกเพื่อนตำรวจที่เดินเข้าไปในบ้าน “ผู้กองครับ ไม่มีเสียงตอบเลยครับ”
“หน็อย..พิมมาดา อยากลองดีกับผมเหรอ..เข้าไปจับตัวพิมมาดามาให้ได้ ไปๆๆ” มาวินสั่ง เขากับพวกตำรวจรีบเข้าไปในบ้านทันที
จีจ้าหยุดดิ้นแล้วรีบลุก พวกเด็กๆ รีบพากันวิ่งไปที่หน้าบ้าน
“ไปเร็ว น้ากริสน์จะขับรถมารอที่หน้าบ้าน ไปๆ” แจ๊สบอกน้องๆ
“ดูแลตัวเองด้วยนะเด็กๆ” เค้กบอก
เด็กๆ กำลังวิ่งออกไปนอกบ้าน จังหวะเดียวกับที่มาวินวิ่งกลับออกมาคนเดียว มาวินเห็นพวกเด็กๆกำลังจะวิ่งออกไปก็ตะโกน
“หยุดนะ!!! หน็อย” มาวินกำลังจะวิ่งตาม แต่ป๊อปคอร์นกระโดดมาขวางแยกเขี้ยวใส่พร้อมส่งเสียงขู่โฮ่งๆ “อยากมีเรื่องกับชั้นเหรอ หลบไป!”
กริสน์กำลังรอพวกแจ๊สอยู่ข้างรถที่จอดอยู่หน้าบ้านอย่างกระวนกระวาย ภายในรถมีพิมมาดาที่ถูกจับมัดมือมัดปากด้วยผ้ากำลังดิ้นโวยวายอยู่ นอกจากนั้นก็มีโอปอล์นั่งอยู่ในรถด้วย
พวกเด็กๆ วิ่งออกมา กริสน์เร่ง
“มาเร็วๆๆ”
ทันใดนั้น มาวินก็วิ่งตามออกมา
“หยุดนะ!”
แจ๊สกับโจ๊กวิ่งไปหลบด้านหลังกริสน์ แต่จีจ้าสะดุดหกล้ม
“จีจ้า!” กริสน์ตกใจ
มาวินวิ่งมาจับตัวจีจ้าแล้วดึงตัวขึ้นมา “หึๆๆ คิดจะเล่นตุกติกกับนักเรียนตำรวจFBIเหรอ”
“อย่าทำอะไรจีจ้านะ” กริสน์บอก
“แก..ไอ้เด็กร้านดอกไม้ วางแผนลักพาตัวผู้ต้องหา คิดว่าแกเป็นใคร โธ่เอ๊ย ไอ้แต๋วร้านดอกไม้..ยกมือขึ้น ไม่งั้นอย่าหาว่าชั้นไม่เตือน” มาวินขู่
กริสน์ค่อยๆ ยกมือขึ้นทั้งสองข้าง แต่แล้วอยู่ๆ ภัทรดนัยก็ขี่มอเตอร์ไซค์วินพุ่งเข้ามาจะชนมาวิน ทำให้มาวินต้องปล่อยตัวจีจ้าแล้วกระโดดหลบ
กริสน์รีบพาเด็กๆ ขึ้นรถจนหมด
“หึๆๆ แกคิดว่าแกเจ๋งนักเหรอไอ้นักเรียนนอก อ่อนว่ะ” ภัทรดนัยแขวะ “เฮ้อ อุตส่าห์มาซะเท่ หมดท่าเลยกรู”
“แก..ไอ้ภัทรดนัย..นี่แกกับไอ้เด็กร้านดอกไม้..พวกแกรู้กันเหรอ..หา!! หรือว่า ไอ้กริสน์ แกไม่ใช่เด็กร้านดอกไม้ แต่แกเป็น..คู่หูของไอ้ภัทรดนัย” มาวินเริ่มเอะใจ
“มารู้ตอนนี้แล้วแกจะทำอะไรได้” ภัทรดนัยบอก
“ชั้นก็จะจัดการพวกแกทั้งคู่สิ!”
มาวินพูดแล้วเล็งปืนมาหา ภัทรดนัยกับกริสน์ถึงกับผงะ
ทันใดนั้น ตำรวจคนอื่นๆ ก็วิ่งมาเอาปืนจ่อกันจนเต็มไปหมด
“เป็นตำรวจแท้ๆ แต่กลับไปเข้าพวกกับแก็งค้ายา พวกแกมันเลวมาก..ถ้าพวกแกไม่ยอมให้จับแต่โดยดี ชั้นก็มีสิทธิ์วิสามัญพวกแกได้” มาวินขู่
“หน็อย..ตำรวจที่ไหนจะไปเข้ากะแก๊งค้ายา เพ้อแล้ว ไอ้บ้า!” ภัทรดนัยว่า
“หึๆๆ จับพ่อค้ายารายใหญ่ได้ แล้วยังกระชากหน้ากากตำรวจนอกรีตได้อีก ชั้นไม่รู้จะเอาบ่าไหนประดับดาวดี ฮ่าๆ” มาวินหันไปสั่งตำรวจ “ไปจับตัวมัน!”
พวกตำรวจจะเข้าไปจับกุมกริสน์ แต่เต๋ากับเต้ยวิ่งพร้อมกับตะโกนออกมาจากในบ้าน
“คุณตำรวจขา ช่วยด้วยค่ะๆๆๆ มีคนร้ายฉวยโอกาส ตอนที่คุณตำรวจเผลอ บุกเข้าบ้านจะมาขืนใจพวกเราค่ะ”
“มันฉีกเสื้อผ้าพวกเราหมดเลยค่ะ ช่วยด้วย” เต้ยบอกแล้วเข้าไปหามาวิน
“เฮ้ย!!! อะไรของพวกแก..หลบไปก่อน ปล่อยชั้น ปล่อยๆๆ” มาวินพูดอย่างรำคาญแล้วปัดเต๋ากับเต้ยให้ออกไปจนปืนลั่นดังปัง
ทุกคนหลบกันจ้าละหวั่น
“ชั้นบอกให้ปล่อย!! แกอย่าคิดว่าชั้นจะหลงกลพวกแก ไอ้อุบาทว์” มาวินด่า
สักพัก เค้กในสภาพเสื้อผ้าขาดๆ จนเห็นผิวขาวๆ ก็วิ่งออกมาจากบ้านแล้วร้องตะโกน “คุณตำรวจขา..ช่วยด้วยค่ะ มีคนร้ายบ้ากามจริงๆ”
“ว้าว” พวกตำรวจตาค้างจ้องมองเค้กเป็นตาเดียว
กริสน์กับภัทรดนัยอาศัยจังหวะนั้น รีบกระโดดขึ้นรถอย่างทุลักทุเล
“เฮ้ย!! พวกมันหนีไปแล้ว ตามไปๆ” มาวินหันไปเห็นรีบบอกลูกน้อง เขาจะวิ่งตามภัทรดนัยแต่ป๊อบคอร์นมางับขากางเกงเขาแล้วดึงไว้อย่างสุดกำลัง ทำให้มาวินก้าวขาไม่ออก
ภัทรดนัยขึ้นรถไม่ทัน กริสน์รีบเปิดกระโปรงหลังให้ ภัทรดนัยเห็นก็รีบกระโดดขึ้นไปทันที
พวกตำรวจรีบวิ่งตาม แต่เต้ยกดประตูรีโมดปิดรั้วได้พอดี ตำรวจวิ่งตามออกไปได้ไม่กี่คน ส่วนรถตำรวจออกมาไม่ได้เลย
“โธ่เว้ย!”
มาวินหงุดหงิด ส่วนป๊อบคอร์นยังคงงับขากางเกงมาวินอยู่ไม่ยอมปล่อย
อ่านต่อหน้า 3 พรุ่งนี้
มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 11 (ต่อ)
สุขสันต์เข้ามากอดแพรวพิลาศจากด้านหลัง ทั้งคู่อยู่ที่บ้านของสุขสันต์
“แพรว..คนดี สุดที่รักของผม คุณคนเดียวที่อยู่ข้างผม ไม่เคยทอด..”
แพรวพิลาศสะบัดตัวเองออก
“ไม่ต้องมาอ้อน..คุณใจร้ายกับแพรวมามากแค่ไหน แพรวยังจำได้ทุกอย่าง”
“โถ แพรวจ๋า..คุณก็รู้ว่าผมไม่เคยรักใครจริง นอกจากคุณ แล้วคุณเองก็ชอบที่ผมเจ้าชู้นิดๆร้ายหน่อยๆ ไม่ใช่เหรอ..ตอนนี้ผมลำบาก คุณจะใจร้าย ปล่อยให้ผมถูกตำรวจจับเข้าคุกเหรอ” สุขสันต์เข้าไปอ้อนด้วยการลูบต้นแขน “นะแพรวนะ..คิดถึงเวลาดีๆที่เรามีด้วยกัน ผมสัญญาว่าผมจะดีกับคุณคนเดียว ไม่แตกแถวไปหาใครอีกแล้ว”
แพรวพิลาศเริ่มเคลิ้ม แต่ก็ฮึดผลักสุขสันต์ออกไปอีก “คุณไม่ต้องมาทำอย่างนี้ ยังไงแพรวก็ไม่ช่วย”
แพรวพิลาศพูดแล้วจะเดินไป แต่สุขสันต์ดึงตัวเธอมากอดเอาไว้ เขาเข้าไปชิดจนหายใจรดต้นคอ “สงสารผมเถอะนะคนดี นะ..นะ..นะ”
แพรวพิลาศเคลิ้มแต่ปากยังปฎิเสธ “ไม่...ไม่..มะ ไม่..อูย”
กริสน์ขับรถหนีด้วยความเร็ว ภายในรถวุ่นวาย พิมมาดาพยายามดิ้น พวกเด็กๆ ก็วุ่นวายถามนั่นถามนี่อยู่ไม่สุข
“ตำรวจจะจับน้าพิมทำไม น้าพิมไปทำอะไรผิด” แจ๊สถาม
“เค้าจะจับน้าพิมเข้าคุกใช่มั้ย เราไม่ยอมๆ” โจ๊กโวยวาย
“น้ากริสน์บู๊เก่งมากเลย สอนบ้างจิๆ” จีจ้าชื่นชม
กริสน์ทนไม่ไหว รีบหยิบนกหวีดในกระเป๋าออกมาเป่าดังปริ๊ด
“อยู่ในระเบียบวินัยกันหน่อย!! นั่งลง!”
“แต่..” จีจ้าพยายามพูด
“หยุดพูด!! น้าต้องการสมาธิในการขับรถหนีตำรวจ เข้าใจมั้ย!”
พวกเด็กๆ นั่งจ๋อย มีแต่พิมมาดาที่ยังส่งเสียงอู้อี้ๆ อยู่
“น้ากริสน์จะไปช่วยป๊าเมื่อไหร่” โอปอล์ถามขึ้น
“โอปอล์ ยังไม่ใช่เวลานี้” กริสน์ตอบ
“น้ากริสน์..ไม่มีใครตามเรามาแล้ว ปล่อยน้าพิมเถอะ” โจ๊กบอก
“ถ้าไม่สงสารน้าพิม ก็สงสารน้าที่อยู่ข้างหลังบ้างเถอะ” แจ๊สชี้ไปที่ภัทรดนัยซึ่งเกาะอยู่ที่ท้ายรถ
“น้าอาจต้องทำอะไรที่น้าไม่ได้อยากทำ” กริสน์บอก “เพราะเรากำลังอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ถ้าอยากปลอดภัย ทุกคนต้องเชื่อฟังหัวหน้าทีม ก็คือน้า เข้าใจมั้ย” กริสน์หันไปหาพิมมาดา “ไม่ต้องดิ้น ผมจะปล่อยคุณต่อเมื่อผมมั่นใจว่าทุกอย่างอยู่ในความสงบแล้ว”
“น้ากริสน์พูดคำไหนคำนั้น น้าพิมอดทนนิดนึงนะคะ” จีจ้าให้กำลังใจน้าสาว
“อื้อๆๆ” พิมมาดายังคงดิ้นไม่หยุด
กริสน์หักรถเข้าไปจอดข้างทางแล้วบอกทุกคน
“เอ้า ทุกคนลงจากรถ ลงๆๆ”
พวกเด็กๆ เปิดประตูลงจากรถไป กริสน์เอื้อมตัวมาปลดเชือกที่มือพิมมาดา แต่พิมมาดาดิ้นเหมือนไม่ยอมให้กริสน์เข้าใกล้
“อยู่เฉยๆ ผมจะแก้มัดให้”
กริสน์แก้มัดเชือกที่มือให้พิมมาดา พิมมาดารีบเปิดประตูรถแล้ววิ่งหนีไปพร้อมแกะผ้าที่ปิดปากตัวเองออก
“เด็กๆหนีเร็ว!ไ พิมมาดาหันมาตะโกนบอกเด็กๆ แล้วออกวิ่งนำไป
แต่พวกเด็กๆ ไม่มีใครทำตาม ทุกคนได้แต่ยืนมองอย่างงงๆ
“หนีสิ หนี” พิมมาดาหันไปสั่ง
“น้าพิมจะหนีไปไหนคะ” แจ๊สถาม
“หนีก่อนเถอะน่า เร็ว!” พิมมาดาเร่ง
กริสน์ลงรถเดินมาหาแล้วเป่านกหวีดดังๆ “ทั้งหมดแถวตรง! จัดแถว!”
แจ๊ส โจ๊ก จีจ้า จัดแถวทันที โอปอล์งงๆแต่ก็รีบวิ่งมาต่อแถวด้วย
“คุณจะหนีไปไหน มานี่” กริสนืเรียก
“นาย..นายทำอะไรหลานชั้น” พิมมาดางง
“ผมก็สอนให้หลานคุณมีระเบียบวินัย เชื่อฟังคำสั่ง..คุณอยากได้แบบนี้ไม่ใช่เหรอ..มายืนรวมกันตรงนี้!”
“นายไม่มีสิทธิ์มาสั่งชั้น”
“เชื่อฟังลูกพี่กริสน์เถอะน้าพิม ลูกพี่ไม่ทำอันตรายพวกเราหรอก” โจ๊กบอก
“จีจ้า แจ๊ส โจ๊ก เค้านี่แหละ ที่ทำให้ตำรวจจะมาจับน้า” พิมมาดาพูดกับหลานๆ
“ถ้าน้ากริสน์เรียกตำรวจมาจับน้าพิม แล้วเค้าจะช่วยน้าพิมออกมาทำไม” แจ๊สถาม
“สรุปว่า ทำไมเราต้องหนี มันเกิดอะไรขึ้นคะเนี่ย อธิบายทีได้มั้ยคะ” จีจ้ายังไม่หายงง
“อธิบายแน่ แต่ไม่ใช่ตอนนี้” กริสน์บอก “เราต้องรีบไป ก่อนที่พวกมันจะตามรอยมาถึง” กริสน์เดินเข้ามาหาพิมมาดาแล้วจะลากเธอไป “ไป!”
“ชั้นไม่ไป ชั้นจะไปหาคุณสุขสันต์ ปล่อย”
พิมมาดาดิ้นหนี ไม่ยอมให้กริสน์ลากไปง่ายๆ กริสน์พยายามจะเข้ามาจับตัว แต่พิมมาดาทุบตีเขาตลอด กริสน์เหลืออดจึงจับพิมมาดาแบกขึ้นหลังทันที
“ปล่อยช้าน” พิมมาดาร้องลั่น
ภัทรดนัยคลานออกมาจากหลังรถแล้วล้มกลิ้ง
“เดี๋ยวๆๆ ไอ้กริสน์ ชั้นยังลุกเดินตอนนี้ไม่ไหว อย่าเพิ่งไป”
“ไม่ไหวก็ต้องไหว!” กริสน์ยืนกราน
พิมมาดาดีดดิ้นอยู่บนหลังกริสน์ กริสน์เดินลัดเลาะผ่านทุ่งข้างทางไป โดยมีโจ๊ก จีจ้าเดินตามไป แจ๊สเดินไปอย่างขัดใจ
“น้ากริสน์ เมื่อไหร่จะไปช่วยป๊า!”
โอปอล์เซ็งแต่ก็จำต้องเดินตามไป
บอดี้การ์ดเดินตรวจตรารอบบริเวณคฤหาสน์ของอธิป แล้วจึงเดินมาหยุดยืนอยู่ที่ริมผนังตึกด้านหนึ่ง อยู่ๆ ก็มีขาคนห้อยลงมาบริเวณเหนือศีรษะ ขนที่ห้อยลงมารีบรัดคอบอดี้การ์ดแล้วบิด จนบอดี้การ์ดสลบไป ขาคู่นั้นโยนตัวลงมายืน จึงเห็นว่าเป็นเดช
อยู่ๆ ก็มีบอดี้การ์ดโผล่มาจากอีกด้านหนึ่ง เดชยึดเชือกแล้วกระโดดถีบกำแพงตีลังกามาเตะบอดี้การ์ดคนนั้นจนสลบ
“ไม่รู้จักธีรเดชซะแล้ว” เดชเก๊กเสียงหล่อแล้วหันไปมองที่มุมหนึ่งของตึก เดชเห็นกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่เล็งมาทางเขาพอดี
“อุ๊ย กล้องวงจรปิด แย่แล้วๆ ทำไงดีน้า”
เจ้าหน้าที่ที่อยู่ในห้องควบคุมความปลอดภัยเห็นภาพเดชที่จอก็รีบกดปุ่มรายงานทันที
“มีผู้บุกรุก ที่มุมตึกทิศตะวันออก”
พวกบอดี้การ์ดแห่กรูกันออกจากจุดต่างๆ ทันที
ขณะเดียวกัน สุขสันต์ยังคงกอดแพรวพิลาศที่นั่งอยู่บนโซฟา
“อยากให้แพรวช่วยอะไร บอกแพรวมาสิคะ” แพรวพิลาศเสียงอ่อน
“ผมตกเป็นผู้ต้องสงสัยนำเข้ายาเสพติด เพราะผมมีชื่อเป็นเจ้าของตู้คอนเทนเนอร์ ทั้งๆที่ผมไม่รู้ไม่เห็นอะไรด้วยเลย”
แพรวพิลาศผละออก “คุณไม่รู้เรื่องจริงๆเหรอคะ”
“แพรว.. เรื่องทั้งหมด มันเป็นฝีมือพิมมาดาคนเดียว เค้ามาจีบผม เพราะจะใช้ผมเป็นเครื่องมือ.. พิมมาดาอาจจะมียาป้าย พอผมถูกป้ายเลยไม่มีสติ พิมมาดาพูดอะไรมาผมก็เชื่อหมด..ผมไม่รู้เลยว่า ที่พิมมาดามาขอเช่าคอนเทนเนอร์ ก็เพื่อเอาไปขนยาเสพติด เค้าใช้ผมเป็นเครื่องมือทำลายเยาวชนของชาติ ผมเสียใจ เสียใจมาก”
“พิมมาดา แกนี่มันเลวจริงๆ” แพรวพิลาศคล้อยตาม
“ผมมันโง่เองที่เห็นผิดเป็นชอบ เห็นปีศาจเป็นนางฟ้า ทั้งๆที่ผมมีเทพธิดาตัวจริงอยู่แล้วทั้งคน..แพรวจ๋า ผมรู้ว่าเรื่องแค่นี้ พ่อของแพรวเคลียร์ได้ ถ้าแพรวช่วยเอ่ยปากกับท่าน”
“เรื่องเปลี่ยนดำเป็นขาว ไม่ใช่เรื่องยาก..แต่..แพรวอยากรู้ให้แน่ใจ ว่าแพรวช่วยคุณ แล้วจะได้อะไรตอบแทน”
สุขสันต์ดึงแพรวพิลาศเข้ามากอด “แพรวจะได้ทุกอย่างที่แพรวต้องการ..นะ..นะ..นะ”
สุขสันต์หายใจรดต้นคอจนแพรวพิลาศเคลิ้มไปอีกครั้ง
รถจอดอยู่ข้างทาง เจ้าหน้าที่กำลังเก็บหลักฐานและร่องรอยต่างๆ กลุ่มช่างภาพกำลังถ่ายรูป สักพัก ช่างภาพก็กรูกันไปอีกด้านเพราะมาวินกำลังเดินตรงมาที่รถพร้อมให้สัมภาษณ์ไปด้วย
“ไม่มีๆๆ ไม่มีใครแจ้งเบาะแสทั้งนั้น ที่เราแกะรอยจนเจอรถของพวกมัน เป็นฝีมือหาข่าวเจาะข้อมูลของผมล้วนๆ..ผู้ร้ายพวกนี้ ไม่ได้มีแค่ผู้หญิงกับเด็กนะครับ..แต่ยังมีตำรวจนอกรีตอีกสองคนอยู่เบื้องหลังด้วย สองคนนี้เก่งและฉลาดมาก แต่โชคร้ายที่มันต้องมาเจอมือปราบที่เหนือชั้นกว่าอย่างผม..ผู้กองมาวินคนนี้จะตามจับพวกมันมารับโทษให้ได้”
อีกด้านหนึ่ง สุขสันต์กับแพรวพิลาศกำลังแถลงข่าวกับสื่อมวลชน แสงแฟล็ชจากกล้องหลายสิบตัววาบขึ้นพรึ่บพรั่บ
“ใช่ครับ...คอนเทนเนอร์นั้นเป็นของผม แต่ผมขอปฏิเสธที่หาว่าผมมีส่วนร่วมในการนำเข้ายาเสพติด เพราะทุกอย่างเป็นแผนการลับที่ผมและท่านหัวหน้าพรรค คุณพ่อของแพรวร่วมมือกันวางแผน วางกับดัก เพื่อจัดการกับผู้นำเข้ายาเสพติดรายนี้”
“แต่เจ้าหน้าที่ที่ไหนก็ไม่รู้มาทำแผนคุณพัง” แพรวพิลาศเสริม
“แพรว..อย่าไปโทษเจ้าหน้าที่สิ เค้าทำไปก็เพราะหน้าที่ แล้วเค้าก็เจตนาดี” สุขสันต์ทำเป็นปราม
“แพรวขอโทษนะคะ ..พี่ๆสื่อ คิดดูสิคะ..คุณสุขสันต์เอาตัวเองเข้าไปพัวพันกับพวกผู้ร้าย เค้ายอมเสี่ยงอันตรายแค่ไหน เพื่อความปลอดภัยของพวกเรา..จริงๆแล้วคุณสุขสันต์เป็นพระเอกนะคะ ไม่ใช่ผู้ร้าย”
อีกด้าน มาวินก็ยังคงให้สัมภาษณ์อยู่
“ผมต่างหากคือพระเอกตัวจริง คนในสำนักงานไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย ผมสืบ สะกดรอย และถอดรหัสของพวกคนร้ายด้วยตัวเองล้วนๆ ฮ่าๆ”
“ทราบมาว่าคุณเป็นแฟนเก่าคุณพิมมาดาใช่มั้ย”
นักข่าวยิงคำถาม มาวินชะงักหยุดหัวเราะแทบไม่ทัน
ส่วนสุขสันต์เองก็แถลงข่าวตอบคำถามนักข่าวในคำถามเดียวกับที่มาวินได้รับ “ผมเลิกกับแพรว และหันมาควงพิมมาดาจริง อย่างที่เป็นข่าว..แต่..ทั้งหมดเป็นแค่การสร้างสถานการณ์ให้ดูสมจริง เพื่อให้พิมมาดาไว้ใจผมเท่านั้น”
มาวินน้ำตารื้น เขาพยายามเงยหน้าไม่ให้น้ำตาไหล แต่ตอบเสียงสั่นเครือ “ผมเคยรัก..แต่ทุกอย่างเป็นอดีตไปแล้ว..พิมมาดาเป็นแค่รอยด่างพร้อยของผม ฮือๆๆๆ ถ้าผมรู้มาก่อนว่า เค้าเป็นแบบนี้ ผมคงไม่มอบหัวใจให้”
อีกด้านหนึ่ง สุขสันต์พูดต่อ “เพราะผู้หญิงที่ผมรักและมอบหัวใจให้มีเพียงคนเดียวเท่านั้น ก็คือ..แพรวพิลาศ” สุขสันต์หันไปกอดและหอมแพรวพิลาศ “คนที่อยู่เคียงข้างและเข้าใจผมเสมอมา”
ที่ฝั่งมาวิน มาวินพูดอย่างมาดมั่น “เมื่อรักมากก็ยิ่งแค้นมาก ในเมื่อผมรักคนผิด ผมก็จะขอชดใช้ด้วยการลากคนผิดมารับโทษให้ได้..พวกมันทุกคนต้องเข้าคุก!”
ที่ห้องแถลงข่าวของสุขสันต์ สุขสันต์ก็พูดสร้างภาพให้ตัวเอง “เยาวชนทุกคนเป็นเสมือนลูกๆของผม..ใครที่คิดร้ายกับเด็กๆ ขอให้รู้ว่า นายสุขสันต์คนนี้จะยืนหยัดเพื่อปกป้องเด็กๆทุกวิถีทาง..ถ้าคิดจะทำลายเยาวชน ก็ต้องข้ามศพผมไปก่อน!”
ฉัตรชัย ฮิม และแพรวพิลาศปรบมือด้วยท่าทีซึ้งใจกับคำพูดของสุขสันต์ คนอื่นๆรอบๆ ปรบมือตาม
พิมมาดาและกริสน์ยืนดูข่าวทีวีในร้านโชวห่วยข้างทางอยู่ห่างๆ พิมมาดาช็อคที่ได้ยินคำสัมภาษณ์ของสุขสันต์เช่นนั้น
“ไง แฮปปี้มั้ย” กริสน์หันไปถาม
“ทำไม..ทำไมเค้าถึงพูดอย่างนั้น” พิมมาดายังช็อคไม่หาย
ภัทรดนัยเดินมาพร้อมถุงที่มีของที่เขาเพิ่งซื้อมา “เค้าก็จะโยนความผิดทั้งหมดให้คุณ ส่วนตัวเองก็กลายเป็นพ่อพระที่ใครๆก็พากันสรรเสริญยิ่งขึ้นน่ะสิ” ภัทรดนัยโชว์ของ “เอ้า ชั้นซื้อของเสร็จแล้ว ยืมขวานเจ้าของร้านมาแล้วด้วย รีบไปกันได้แล้ว”
“นี่แหละ คือเหตุผลที่ผมต้องพาคุณกับเด็กๆหนีมา นายสุขสันต์มันไม่มีทางปล่อยคุณให้หลุดรอดคดี..เพื่อหาทางเปิดโปงความชั่วของมันทีหลังแน่” กริสน์บอก
“ไม่จริง..คุณแฮปปี้ต้องมีเหตุผลอะไรที่ให้ข่าวอย่างนี้แน่ๆ เค้าไม่มีทางทำอย่างนี้กับชั้น” พิมมาดาไม่ยอมเชื่อ
“คุณ..”กริสน์หน่ายใจ
“หยุด!! พวกนายหยุดใส่ร้ายคุณแฮปปี้ได้แล้ว แล้วก็ปล่อยชั้นด้วย” พิมมาดาสะบัดจนผ้าที่คลุมข้อมืออยู่ปลิวหล่นจนเห็นว่าถูกใส่กุญแจมืออยู่ “ชั้นจะไปหาคุณสุขสันต์”
“คุณ!! อยากมีปัญหาหรือไง เอาคลุมไว้” กริสน์รีบหยิบผ้าขึ้นมาคลุมไว้
“ชั้นไม่คลุม”
กริสน์พยายามจะคลุมผ้าที่ข้อมือพิมมาดาแต่พิมมาดาไม่ยอม ทั้งคู่เถียงกันจนชาวบ้านในร้านหันมามอง
ภัทรดนัยรีบเอาตัวเองบังแล้วหันไปชี้แจงกับชาวบ้าน “ไม่มีอะไรครับ ปัญหาภายในครอบครัวนะครับ ตามสบายๆ” พูดจบภัทรดนัยก็ต้องผงะ “กรรมแล้ว”
กริสน์กับพิมมาดาหันมามองตามสายตาภัทรดนัย ข่าวในทีวีกำลังโชว์ภาพ กริสน์ พิมมาดา ภัทรดนัย แจ๊ส โจ๊ก จีจ้าและป็อบคอร์น ในฐานะแก็งนำเข้ายาเสพติดรายใหญ่
“โฉมหน้าของแก็งยาเสพติดรายใหญ่ หากผู้ใดพบเห็นกรุณาแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจด่วนนะคะ” เสียงของผู้ประกาศข่าวรายงาน
กริสน์ พิมมาดา และภัทรดนัยถึงกับช็อค
“ครบทุกคนเลย” กริสน์พึมพำ
“ขนาดหมามันยังประกาศจับ” ภัทรดนัยบ่น
อยู่ๆ แจ๊ส โจ๊ก จีจ้า โอปอล์และป๊อปคอร์นก็วิ่งเข้ามาเพราะดีใจที่เห็นภาพตัวเองในทีวี
“นั่นพวกเรานี่ ได้ออกทีวีด้วย เราได้เป็นดารา เย้ๆๆ” จีจ้าร้องตะโกน
“เย้ๆๆ” โจ๊กดีใจด้วย แต่แจ๊สและโอปอล์ไม่ดีใจด้วย
กริสน์กับพิมมาดารีบต้อนเด็กๆ ออกไป
“เฮ้ย หยุด เงียบๆๆๆ ไปๆๆๆ”
กริสน์กับพิมมาดาลากเด็กๆออกไปจนหมด พวกชาวบ้านหันมามองพอดี ภัทรดนัยรีบหันหลัง เพื่อหลบหน้าแล้วกำลังจะวิ่งตามกริสน์ไป อยู่ๆ เจ้าของร้านก็เรียกเสียงดัง
“เฮ้ย!”
ภัทรดนัยชะงัก
“อย่าลืมเอาขวานมาคืนด้วย” เจ้าของร้านบอก
ภัทรดนัยโล่งอกแล้วรีบวิ่งไป
เดชวิ่งลัดเลาะหลบมาที่อีกด้านของตึกภายในคฤหาสน์อธิป เขายิ้มอย่างสมใจ พอเงยหน้ามองขึ้นไปด้านบนก็เห็นระเบียงห้องนอนของอธิป เดชโยนเชือกที่มีปลายตะขอขึ้นไปเกี่ยวระเบียง แล้วดึงตัวขึ้นไป
เดชขึ้นมาที่ห้องควบคุมความปลอดภัย แล้วจัดการฟาดเจ้าหน้าที่จนสลบไป ก่อนจะไปพูดที่ไมค์
“พวกมันอยู่ที่มุมตึกทิศตะวันออก และทิศตะวันตก เหนือ ใต้ก็มี พวกมันมากันเยอะมาก ล้อมเราไว้ทุกด้านเลย”
เดชสั่งการแล้วคอยมองที่หน้าจอเพื่อสังเกตว่าอธิปอยู่ห้องไหน
“ที่ห้องนอนไม่มี เสี่ยอยู่ที่ไหน พวกแกเอาเสี่ยอธิปไปไว้ที่ไหน” เดชบ่นกับตัวเอง
ที่จอด้านหนึ่ง เดชเห็นจตุพลเดินมาที่ห้องๆนึงแล้วเข้าไปในห้อง จากนั้นก็หิ้วเสี่ยที่ถูกผ้าคลุมหัวอยู่ออกมาด้วย
“เสี่ยอธิป” เดชรีบผละไปทันที
กริสน์กับพิมมาดารีบต้อนพวกเด็กๆ ออกมาจากหน้าร้านกาแฟข้างทาง พวกเด็กๆ ยังดีใจไม่หยุดที่ได้ออกทีวี
“หยุด..มันไม่ใช่เรื่องที่ควรดีใจ ภาพในทีวีพวกนั้นมันคือประกาศจับ” พิมมาดาบอกเด็กๆ
“พวกเราไม่ได้ทำซะหน่อย” โจ๊กงง
จีจ้ามีท่าทีสำนึกผิด “จีจ้าผิดเอง เมื่อกี้จีจ้าแอบทิ้งขยะ”
“เค้าไม่มาตามจับเพราะแอบทิ้งขยะหรอกน่า” แจ๊สบอกน้องสาว
“ทุกคนไม่ต้องกลัว เราคือผู้บริสุทธิ์..ตำรวจแค่เข้าใจผิด และน้าจะช่วยทำให้ตำรวจเข้าใจถูกเอง เพราะน้ามีหลักฐานสำคัญ” กริสน์พูดอย่างมั่นใจ
“ชั้นไม่ต้องการให้นายช่วย” พิมมาดาขัด
“คุณพิมคงยังไม่รู้ ว่าเรามีหลักฐานที่จะเอาผิดคุณแฮปปี้ได้” ภัทรดนัยบอก “หึๆๆ นี่ สูตรเคมีของขนมสวีทโอปอ ในเอกสารนี้มีระบุส่วนผสมของขนมทุกอย่าง..รวมถึง ส่วนผสมลับสุดยอด ที่ใส่ในขนมจริง แต่ไม่เปิดเผยให้ใครรู้ แม้แต่อย. ซึ่งส่วนผสมลับที่ว่า ต้องเป็นยาเสพติดแน่นอน”
“ขนมของป๊ามียาเสพติดเหรอ แบบนี้ป๊าก็อาจจะโดนจับอีกคน..พี่กริสน์ไปช่วยป๊าเร็วๆ” โอปอล์คะยั้นคะยอ
“โอปอล์ใจเย็นๆ ป๊าของโอปอไม่รู้เรื่องอะไรด้วย เพราะคนที่จัดการเรื่องนี้ทั้งหมดคือนายจตุพล แล้วคุณรู้มั้ยว่าใครมีเอี่ยวในธุรกิจขนมสวีทโอปออีกคน”
“นายอย่ามามั่ว ถ้าเอกสารนั่นชัดเจนขนาดนั้น ทำไมชั้นต้องมามีสภาพอย่างนี้” พิมมาดาถาม
“เพราะผมเอาเอกสารนี้ไปให้ผู้ใหญ่ไม่ทันน่ะสิไ ภัทรดนัยบอก “หึๆๆ ทำไมถึงไม่ทันรู้ไหม เพราะไอ้บ้านี่ไง เอาแต่มาช่วยพวกคุณ!! เดี๋ยวเรื่องเด็ก เดี๋ยวเรื่องคุณน้า เชอะๆๆ ไอ้ครั้นที่จะเอาไปให้ตอนนี้ ก็ท่าทางจะลำบาก ใครจะเชื่อเอกสารที่มาจากผู้ร้ายหนีคดี แล้วยังพวกนายมาวินอีก..ไม่รู้ว่าตอนนี้เราจะไว้ใจใครในสำนักงานได้พอที่จะฝากเอกสารนี้”
กริสน์พูดกับพิมมาดา “เอกสารนี้ จะทำให้คุณเห็นธาตุแท้ของนายแฮปปี้สุดที่รักของคุณ” กริสน์หันไปทางภัทรดนัย “ชั้นไม่ได้จะกดดันแกนะ แต่มันคือโอกาสรอดเดียวของเราทุกคน ชีวิตอิสระ อนาคตของเด็กๆฝากไว้ที่แกคนเดียว ถ้าแกจะพยายาม”
“พอแล้ว!!! รู้แล้วว่าห้ามพลาด!! ชั้นจะไปจัดการมันเดี๋ยวนี้ แกดูแลทางนี้ให้ดีแล้วกัน”
ภัทรดนัยบอกแล้ววิ่งแยกไป กริสน์คว้ามือพิมมาดา “ส่วนคุณ มากับผมนี่”
จตุพลเดินนำลูกสมุนที่คุมตัวอธิปออกมาที่โถงชั้นล่าง เขากำลังจะพาอธิปเดินพ้นประตูไปขึ้นรถที่จอดรออยู่ แต่แล้วอยู่ๆ เดชก็โผล่ออกมาจากชั้นลอย
“ปล่อยเสี่ยอธิปนะ!”
“ไอ้เดช” จตุพลตกใจ
“ปล่อยเสี่ยอธิปเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้น พวกแกทั้งหมดไม่ตายดีแน่” เดชพูดจริงจัง
“หึๆๆ ชั้นคิดไว้อยู่แล้วว่าสุนัขรับใช้จะต้องกลับมาช่วยเจ้านายมัน แต่ไม่คิดเลยว่า มันจะโง่ มาติดกับง่ายอย่างนี้” จตุพลเยาะเย้ย
ทันใดนั้นพวกสมุนจตุพลก็เดินออกมาจากมุมต่างๆ รอบบริเวณนั้น ทุกคนถือปืนเล็งมาที่เดช
“แก..แกรู้ แกเตรียมตัวไว้ทุกอย่าง หน็อย” เดชเจ็บใจ
จตุพลก้าวมาอยู่ด้านหน้าสุด แล้วเอ่ยปากสั่ง “จับมันเดี๋ยวนี้!”
“เข้ามาเล้ย!! จะได้ตายพร้อมกันหมดทุกคน หึๆๆ ฮ่าๆๆ คิดว่าคนอย่างธีรเดช จะสิ้นท่าง่ายๆเหรอ” เดชเปิดแจ็คเก็ตที่สวมอยู่เผยให้เห็นว่ามีระเบิดผูกไว้เต็มไปหมด
จตุพลและพวกบอดี้การ์ดถึงกับชะงัก
“วันนี้ ถ้าช่วยเสี่ยอธิปไม่ได้ ชั้นก็พร้อมตายอยู่แล้ว..แค่ชั้นกดปุ่มนี้ มันก็จะตู้ม พวกแกทุกคนก็ตายหมด ส่งตัวเสี่ยอธิปมาให้ชั้นเดี๋ยวนี้!” เดชขู่
ทุกคนยังคงยืนนิ่ง เดชจึงย้ำ “ว่ายังไง!!! ชักช้าเหรอ ห๊า!!! เดี๋ยวกดเลยๆ”
“อย่าๆๆๆ” ทุกคนร้องห้าม
พอเดชขู่จะกดที พวกสมุนก็กลัวที
“เออ ถ้าแกอยากได้ก็มาเอาไปเองสิ” จตุพลบอก
“ยอกย้อนเหรอ ห๊าๆๆ” เดชขู่
“อย่าๆๆๆๆ” ทุกคนร้องห้ามเสียงดัง
“ชั่วโมงนี้อย่ามาตลกกับชั้น..พวกแกเอาตัวเสี่ยอธิปขึ้นรถ แล้วปล่อยให้ชั้นขับพาเสี่ยออกไป..ไม่อย่างนั้น ชั้นก็จะระเบิดที่นี่ เดี๋ยวนี้” เดชเด็ดขาด
“แก..” จตุพลแค้น
“จะยอมไม่ยอม ห๊า!” เดชขู่อีก
“ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้เดช เอาเสี่ยอธิปไปที่รถ ไป” จตุพลสั่ง
“ผมเหรอ” ลูกน้องที่ถูกจตุพลสั่งลังเล
“ไปเร็วๆ” จตุพลเร่ง
ลูกน้องของจตุพลจับตัวอธิปไปที่รถ แล้วเปิดประตูหลังก่อนจะให้อธิปขึ้นรถไป
“ทีนี้ พวกแกก็ถอยไป” เดชบอก “หลบไปให้หมด อย่าตุกติก เพราะถ้าพวกแกตุกติก รับรองศพไม่สวยแน่” เดชเดินมาถึงหน้ารถแล้วก็ถอดระเบิดออกวางไว้กับพื้น “ใครกล้าแหยมมายิงไล่หลัง รับรอง ตู้มแน่”
“แก..รอบคอบมาก สมแล้วที่เป็นมือขวาเสี่ยอธิป..จริงๆแล้ว คนมีฝีมืออย่างแก น่าจะมาอยู่กับชั้นมากกว่านะเดช” จตุพลกล่อม
“หยุดพล่ามได้แล้ว ถอยไป!” เดชสั่ง
พวกจตุพลและสมุนถอยหลังกันไปหมด เดชอ้อมไปขึ้นรถ ในมือของเขายังถือรีโมทกดระเบิดชูขู่ไว้ เดชรีบสตาร์ทรถเพื่อจะขับออกไป
“ผมมาช่วยแล้วครับเสี่ย ปลอดภัยแน่ครับ”
เดชพูดแล้วถอดผ้าที่คลุมหัวอธิปออก ทำให้เดชเห็นว่าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่อธิปแต่เป็นน้อมพงษ์ ที่คว้ามือเดชมาบิดกริ๊กเดียวก็แย่งรีโมทกดระเบิดของเดชมาได้ แล้วน้อมพงษ์ก็ล็อคคอเดชเอาไว้ เดชดิ้นรนเพราะหายใจไม่ออก
“แกฉลาดมากไอ้เดช แต่เสียดาย ชั้นฉลาดกว่า”
น้อมพงษ์พูดข่มเดชอย่างเป็นต่อ
อ่านต่อหน้า 4 วันนี้ เวลา 18.00 น.
มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 11 (ต่อ)
บริเวณข้างทางที่พวกกริสน์หลบอยู่ กริสน์ถือขวานเหวี่ยงลมไปมา
“พร้อมจะให้ผมฟันยัง”
“อะไรนะ” พิมมาดาตกใจ
“ผมหมายถึง ถ้าพร้อมแล้ว ก็วางมือลงบนหินก้อนนั้น ผมจะได้ฟันกุญแจมือให้ หรือจะใส่อย่างนี้ไปตลอด”
“น้ากริสน์แน่ใจนะคะว่าจะไม่ฟันโดนแขนน้าพิม” จีจ้าหวาดเสียว
“หึๆๆ น้าแม่นขนาด เอาถั่วเขียววางไว้ น้ายังฟันถูกเลย” กริสน์คุย
พิมมาดาหยิบท่อนไม้มาวางบนหิน “อ้ะ ไหนลองซ้อมให้ดูก่อนดิ”
“อ๋อ นี่ท้าทาย ลบหลู่ฝีมือผมเหรอ ดู!” กริสน์ออกแรงฟันลงไปทันทีแต่กลับไม่โดนท่อนไม้เลย เด็กๆ ที่ยืนดูอยู่ถึงกับสะดุ้ง
พิมมาดาทำตาโตมองด้วยความสยอง “แขนชั้นเต็มๆ”
“ลมมันแรง ดูใหม่ๆ” กริสน์แก้ตัวแล้วก็ฟันอีกแต่ก็พลาดอีก “แดดมันแยงตา เอาใหม่ๆ” กริสน์ฟันอีกแล้วก็พลาดอีก “เหงื่อมันเข้าตา เอาใหม่”
“ไม่เอาแล้ว ชั้นยังไม่อยากแขนด้วน” พิมมาดารีบบอก
“เชื่อมือผมเถอะน่า ถ้าพลาด ผมจะซื้อแขนเทียมให้” กริสน์คว้ามือพิมมาดามาวางไว้แล้วสั่งทันที “หลับตา!”
เด็กๆ หวาดเสียว จีจ้าเผลอร้องกรี๊ดออกมา พิมมาดาพลอยร้องโวยวายไปด้วย
“ยัง!! ..ยังไม่ได้ทำอะไรเลย” กริสน์บอก
พิมมาดารีบยกแขนออก “ไม่เอาๆ แขนชั้น..”
“ตั้งสติ เชื่อใจผม..คุณพิม ผมไม่มีวันทำให้คุณเจ็บเด็ดขาด” กริสน์เอาแขนพิมมาดาวางลงบนหิน พิมมาดาร้องว๊ายแล้วรีบยกแขนออก
“โอย...ยัง...” กริสน์เซ็ง เขาเอาแขนพิมมาดาวางลงบนหินอีกรอบ เด็กๆ มองอย่างสยอง
“ผมจะนับหนึ่งถึงห้า แล้วค่อยฟัน โอเคนะ” กริสน์บอกแล้วเริ่มนับ “หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า ...”
พิมมาดาลูบแขนตัวเองไปมา เธอโล่งใจที่กุญแจมือหลุดไปแล้วโดยที่แขนยังปลอดภัยดี พิมมาดาและทุกคนออกเดินไปตามทาง
“ดีนะ แขนชั้นยังอยู่” พิมมาดาบอก
“ก็ผมบอกแล้ว..ให้เชื่อใจผม” กริสน์ได้ทีก็คุยใหญ่
โจ๊กเอะใจจึงมองไปรอบๆ “น้าพิม น้ากริสน์..โอปอล์..โอปอล์หายไปไหน”
กริสน์มองหารอบๆ ก็เห็นโอปอล์ออกวิ่งไปที่ถนนซึ่งอยู่ไกลออกไป โอปอล์พยายามโบกรถ
“โอปอล์!” กริสน์เรียกแล้วรีบวิ่งตามไป เด็กๆจะวิ่งตามกริสน์แต่พิมมาดาห้ามไว้
“ไม่ต้องตามๆ” พิมมาดาขวางเด็กๆ ไว้ แววตาของเธอคล้ายมีแผนอะไรบางอย่าง “ไปกับน้า ไป!”
พิมมาดาตัดสินใจลากเด็กๆ แยกไปอีกทาง
ทางด้านโอปอล์กำลังเดินหนีพร้อมกับพยายามโบกรถมอเตอร์ไซค์พ่วงของชาวบ้านที่ขี่ผ่านมา กริสน์วิ่งตามมาแล้วตะโกนเรียก
“โอปอล์ หยุดนะ”
โอปอล์รีบปีนขึ้นไปบนที่นั่งพ่วงของรถมอเตอร์ไซค์ แต่กริสน์วิ่งไล่ตามมาทันจึงคว้าตัวเธอมาได้
“ปล่อยๆๆ โอปอล์จะกลับไปหาป๊า” โอปอล์โวยวาย
“โอปอล์ ทำไมทำอย่างนี้ อย่าดื้อ”
“น้ากริสน์สนใจแต่ตัวเอง ไม่คิดจะไปช่วยป๊าเลย โอปอล์ไม่อยากอยู่ด้วยแล้ว..ปล่อยๆ”
“มีอะไรหรือเปล่าหนู” ลุงที่ขี่มอเตอร์ไซต์มาหันมาถาม
“ช่วยด้วยคะ ช่วย..” โอปอล์แหกปาก
กริสน์รีบปิดปากโอปอล์ “ไม่มีอะไรหรอกครับลุง เชิญลุงไปทำงานตามสบายครับ ไม่กวนแล้ว”
อยู่ๆ เสียงจีจ้าก็ดังลั่นมาจากอีกด้าน “จีจ้าไม่ไปๆ”
กริสน์หันไปเห็นพิมมาดากำลังจับตัวเด็กๆ แล้วพยายามโบกรถ ซึ่งมีรถกระบะแล่นมาจอดตรงหน้าพิมมาดาอยู่ “เฮ้ย หนอย เด็กดื้อยังพอทน ผู้ใหญ่ดื้อนี่มันน่านัก”
กริสน์อุ้มโอปอล์วิ่งไล่ตามไป ลุงคนขี่มอเตอร์ไซค์มองตามอย่างสงสัยเพราะคุ้นๆ หน้า
พิมมาดากำลังคุยเพื่อขอความช่วยเหลือจากคนขับรถกระบะผ่านหน้าต่างรถที่จอดอยู่ข้างทาง
“พี่คะ ช่วยพวกเราด้วย ไอ้ผู้ชายคนนั้นมันจะมาทำร้ายเรา พาเราหนีที นะคะๆ” พิมมาดาขอร้อง
“ได้ๆ ขึ้นรถเลยๆ” คนขับรถกระบะบอก
กริสน์วิ่งตามมาแต่ไกล
“หยุดนะ คุณพิม หยุด!” กริสน์วางโอปอล์ลง “โอปอล์ น้าสาบาน ว่าจะไปช่วยป๊าของโอปอล์แน่ๆ โอปอล์ต้องเชื่อน้า และยืนรอตรงนี้ ห้ามไปไหนนะ” กริสน์รีบวิ่งไปทางพิมมาดา
โอปอล์ครุ่นคิดแล้วมองซ้าย มองขวา เหมือนหาทางหนีอีก รถกระบะกำลังจะกลับรถไปแต่กริสน์วิ่งสุดชีวิตมาขวางหน้ารถไว้ได้ทัน
“จอดรถ!” กริสน์ตะโกนบอก
คนขับรถเปิดหน้าต่างรถออกมาตะโกน “เฮ้ย หลบไป แกทำร้ายผู้หญิงกับเด็ก ไม่ใช่ผู้ชาย”
“ผมเนี่ยนะทำร้ายผู้หญิงกับเด็ก อ๋อ เค้าบอกพี่แบบนั้นเหรอ..พี่ชาย..ผมว่าพี่ไม่เกี่ยวอย่ายุ่งดีกว่า นี่มันเรื่องของคนในครอบครัว ผัวเมียจะได้ปรับความเข้าใจกัน”
“อ้าว เป็นผัวเมียกันเหรอ” คนขับรถเบาเสียงทันที
“ใครเป็นเมียนาย ไอ้ทุเรศ พี่คะ อย่าไปฟังตานี่ ขับรถไปเลย” พิมมาดาบอก
กริสน์รีบเล่นละครทันที “ที่รัก..อย่าใจร้ายกับผมอย่างนี้ เราเป็นผัวเป็นเมียกัน..ผมสัญญาว่าจะรับจ้างทำงาน หาเงินให้มากขึ้น คุณจะได้เอาไปซื้อหวยเล่นการพนันให้เต็มที่..แต่อย่าอุ้มลูกหนีไปเลยนะ..ใช่มั้ยลูกพ่อ มาหาพ่อมา”
“พี่คะเค้าโกหก เด็กๆ ไม่ต้องไป” พิมมาดาบอก
“ลูกพ่อ....” กริสน์ตะโกนเรียก
ตอนแรกเด็กๆ ทำหน้างงแต่กริสน์ขยิบตาให้ จีจ้าเก็ตทันที
“พ่อจ๋า..” จีจ้าตะโกนแล้ววิ่งออกไปคนแรก สักพักโจ๊กก็วิ่งตามไป แจ๊สจำใจต้องไปด้วย พิมมาดาพยายามจะจับตัวแจ๊สไว้ แต่แจ๊สก็ดิ้นหลุดไปได้
“เด็กๆ กลับมา!” พิมมาดาตะโกนเรียก
กริสน์กอดเด็กๆ ที่วิ่งมาหา “ลูกพ่อ อยู่กับพ่อนะ อย่าทิ้งพ่อไปไหน”
คนขับรถหันมาพูดกับพิมมาดา “อีหนูเอ๊ย ผัวเมียกันก็ยอมๆกันบ้าง อย่าเจ้าอารมณ์ ให้มันมากนัก ..ทำอะไร คิดถึงลูกบ้าง ไปๆๆ ลงไปๆ”
“พี่คะ หนูไม่ใช่เมียเค้า” พิมมาดายืนยันแต่เธอก็ถูกผลักไสให้ลงจากรถ
กริสน์รีบเข้ามากอดพิมมาดาทันที “ที่รัก สามีขอโทษ อย่าหนีผมอย่างนี้อีก”
“มีผัวประเสริฐขนาดนี้ ยังไม่เห็นคุณค่าอีก..เฮ้อ ผู้หญิงอะไร” คนขับรถพูดแล้วก็ขับรถออกไป
พิมมาดาพยายามเรียกคนขับรถ “พี่คะ กลับมาก่อน อย่าไปๆๆ” พิมมาดาหันมาไล่ตีกริสน์ “ไอ้ผู้ชายทุเรศ นี่แน่ะๆ ใครเป็นที่รักนายไม่ทราบ ไม่ต้องมายุ่งกับชั้น อุบาทว์สกปรก”
“พ่อจ๋า แม่จ๋า อย่าทะเลาะกัน” จีจ้าร้อง
“จีจ้า อย่าเรียกอย่างนั้น หยุด!”พิมมาดาห้าม
กริสน์ดุพิมมาดาด้วยเสียงจริงจัง “คุณนั่นแหละหยุดสักที คิดบ้างมั้ยว่าถ้ากลับไปแล้วถูกจับได้ จะเป็นยังไง..คุณเป็นผู้ร้ายคดีค้ายา ไม่ติดคุกตลอดชีวิต ก็ถูกประหาร แล้วหลานคุณจะเป็นยังไง ถูกจับส่งสถานสงเคราะห์ เป็นเด็กไร้ญาติขาดมิตร อยากให้เป็นอย่างนั้นเหรอ!”
“ก็ชั้นไม่ได้ทำอะไรผิด” พิมมาดายังยืนยัน
“ตอนนี้สิ่งเดียวที่จะช่วยเราได้ คือเราต้องเปิดโปงความชั่วร้ายของมัน ผมบอกแล้วไงว่าผมมีหลักฐาน คุณแค่อยู่ๆเฉยๆ อดทนแค่ไม่นาน” กริสน์ขอร้องด้วยท่าทีที่อ่อนลง “คุณพิม ผมไม่เคยคิดร้ายต่อคุณ หรือหลานๆของคุณเลย ผมสาบานได้..ผมขอร้องล่ะ เชื่อใจผมสักครึ่งนึงของที่คุณเชื่อนายสุขสันต์ ได้มั้ย”
“โอปอล์?...น้ากริสน์โอปอล์หายไปแล้ว” โจ๊กบอก
กริสน์หันมามองหาโอปอล์ แต่โอปอล์หายไปแล้ว กริสน์ ตกใจสุดขีด “โอปอล์..โอปอล์!”
กริสน์มองหาไปรอบๆ แต่ก็ไม่เจอ ในใจคิดว่าโอปอล์หนีไปแล้ว สักพัก โอปอล์ก็เดินออกมาจากพงหญ้าข้างทาง
“โอปอไม่ได้หนี แค่ไป..ไปฉิ้งฉ่อง ..น้ากริสน์จะไปช่วยป๊าได้ยัง” โอปอล์ถาม
กริสน์แอบบ่นกับตัวเอง “โอ๊ย นั่นก็จะหนี นี่ก็จะให้ช่วยพ่อ” กริสน์หันมาพูดกับโอปอล์ “โอปอล์ พี่เดชกลับไปช่วยป๊าแล้ว ป่านนี้พี่เดชอาจจะช่วยป๊าออกมาได้แล้วด้วยซ้ำ พี่เดชเก่งออกขนาดนั้น
โอปอล์ยังมีท่าทีเป็นห่วงพ่อของตัวเองอยู่
ประตูห้องลับบ้านจตุพลเปิดออก เดชถูกโยนเข้ามารวมกับอธิปที่อยู่ภายในห้อง
“ไอ้เดช!” อธิปเรียก
“เสี่ย!” เดชตกใจทีได้เห็น
เดชรีบถลาเข้าไปหาอธิป อธิปถามเดชทันที “แกกลับมาทำไม ชั้นให้แกดูแล”
“คุณหนูปลอดภัยแล้วครับ ผมเลยกลับมาช่วยเสี่ย ผมทอดทิ้งเสี่ยไปไม่ได้ ..พวกมันทำอะไรเสี่ยหรือเปล่า”
น้อมพงษ์เข้ามาดึงเดชออกจากตัวอธิป “เอ้า อย่ามาเล่นหนังมนต์รักนายกับบ่าวแถวนี้ อุจาด”
“ไอ้เดช แกก็เห็นสภาพเจ้านายแกแล้ว ว่าหมดลายเจ้าพ่ออย่างสิ้นเชิงแล้ว แต่แกยังมี ชั้นให้โอกาสแกอีกครั้ง สนใจจะมาเป็นลูกน้องชั้นมั้ย” จตุพลยื่นข้อเสนอ
“ต่อให้ต้องตายผมก็จะภักดีต่อเสี่ยอธิปคนเดียว” เดชยืนกราน
“ตามใจ..งั้นบอกมาว่าโอปอล์ยู่ที่ไหน..อ๊ะๆๆ ชั้นรู้ว่าแกจะไม่บอก” จตุพลพูดกับน้อมพงษ์ “รู้นะว่าต้องทำยังไง”
น้อมพงษ์หยิบกระบองเหล็กขึ้นมา “หึๆๆๆ เรื่องโหดๆซาดิสต์ๆ ผมถนัด” น้อมพงษ์ทำท่าฟาดอากาศเพื่อข่มขู่ เดชมองอย่างสยอง
อธิปพูดให้กำลังใจ “เดช..สู้ๆ”
“ขอบคุณที่ให้กำลังใจผม” เดชบอก
ป้ายโรงแรม “แฮปปี้โมเต็ล” ดูเก่าและซอมซ่อ พิมมาดายืนมองอย่างแหยงๆ
“จะให้ชั้นพักโรงแรม..นี้เนี่ยนะ ไม่อ่ะ ชั้นไม่พักที่นี่”
“พักที่นี่แหละ แจ๊สเมื่อยจะแย่แล้ว” แจ๊สบอก
“โรงแรมน่ารักจะตาย มีไฟสีชมพูด้วย เหมือนงานวัดเลย ว้าว” จีจ้าตื่นเต้น
“มีเตียง ทีวี แอร์ แล้วก็อ่างอาบน้ำด้วย” โจ๊กชี้ไปที่ป้ายที่เขียนว่าทุกห้องมีอ่างอาบน้ำ “เย้ๆๆ โจ๊กจะได้แช่น้ำอุ่น เย้ๆ”
“เด็กๆ คือที่นี่มันไม่ใช่” พิมมาดาพยายามอธิบาย “เอาเป็นว่าเราพักโรงแรมนี้ไม่ได้ เข้าใจมั้ย..ช่วยหาโรงแรมที่มันดีกว่านี้หน่อยได้มั้ย จะให้เด็กๆพักโรงแรมแบบนี้ได้ไง”
“ผมไม่เห็นว่าเด็กๆจะมีปัญหาอะไรเลย มีแต่คุณ” กริสน์บอก
“ชั้นต้องการโรงแรมที่..น่าไว้ใจได้กว่านี้ สะอาด ปลอดภัย มียาม หรืออย่างน้อยก็ต้องมีกล้องวงจรปิด”
“ไม่มีวงจรปิดน่ะดีแล้ว จะได้ไม่มีใครแกะรอยเราได้..อย่าเรื่องมากน่ะคุณ นี่มันดึกแล้ว หาที่ซุกหัวได้ก็โชคดีแล้ว ไป”
กริสน์พูดแล้วลากแขนพิมมาดาให้เดินเข้าไปที่เคาท์เตอร์ พนักงานต้อนรับกำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่เมื่อเห็นกริสน์กับพิมมาดาก็รีบลุกมาต้อนรับ
“น้อง..ขอห้องพักห้องนึง มีว่างมั้ย” กริสน์ถาม
“เอ่อ สวัสดีครับ มีครับ” พนักงานตอบ
พิมมาดารีบออกตัว “เรามาพักค่ะ พักเฉยๆ เราไม่ได้เป็นอะไรกัน ขอเตียงแยกมีมั้ยคะ”
กริสน์รีบแกล้งทันที “ที่รัก ไม่ต้องเขินหรอก ของพรรค์นี้น้องเค้าชินแล้ว เรามาเปลี่ยนบรรยากาศกันน่ะ” กริสน์รับกุญแจแล้วส่งเงินให้ “ไม่ต้องทอนนะ”
กริสน์ลากพิมมาดาไป พวกเด็กๆ รีบเดินตาม พนักงานมองตามอย่างรู้สึกคุ้นๆ
กริสน์เปิดประตูเข้ามาในห้อง พวกเด็กๆรีบวิ่งอย่างดีใจแล้วกระโดดเข้าไปบนเตียงนอน
“เย้ๆๆๆ ได้นอนแล้ว ฮ้า สบายจริงๆ”
“นายไปพูดกับพนักงานได้ยังไงว่ามาเปลี่ยนบรรยากาศ ชั้นเสียหายหมด” พิมมาดาดูกริสน์แล้วหันมาเห็นเด็กๆ นอนแผ่อยู่บนเตียงก็แทบกรี๊ด “เด็กๆ ลุกออกมา!! อย่านอนๆๆๆ ไปหาผ้าอะไรมาเช็ดก่อน คนนอนมาแล้วกี่คนก็ไม่รู้”
กริสน์เฉลียวใจจึงแง้มประตูแล้วมองออกไป
“น้ากริสน์มองอะไรอยู่คะ” โอปอล์ถาม
“เอ่อ ทุกคนอยู่ในห้องนี้นะ อย่าออกไปไหน เดี๋ยวผมมา”
กริสน์สั่งทุกคนแล้วรีบออกไปจากห้อง ทุกคนมองตามอย่างงงๆ
กริสน์เดินลอบกลับมาที่เคาท์เตอร์แล้วแอบมอง เขาเห็นพนักงานชายคนเดิมกำลังดูหนังสือพิมพ์ที่มีรูปกริสน์และทุกคนอยู่
“โหว อยู่กันครบแก็ง งานนี้ได้รางวัลนำจับรวยเละแน่ หุๆ” พนักงานพูดกับตัวเองแล้วกดโทรศัพท์ แล้วก็เอะใจที่โทรศัพท์ไม่มีสัญญาณ เขาพยายามกดซ้ำอีกหลายครั้ง “เฮ้ย ทำไมไม่มีสัญญาณวะ”
“จะโทรหาใคร” กริสน์โผล่ออกมาพร้อมชูปลายสายโทรศัพท์ที่เขาถอดออกให้ดู
“ก็ “ พนักงานจะพูดแต่หันมาเห็นก่อน “เอ่อ คือ..”
“เฮ้อ ไม่อยากจะทำอะไรอย่างนี้เลย แต่ช่วยไม่ได้จริงๆ” กริสน์พูด พนักงานจะวิ่งหนีแต่กริสน์ล็อคคอเขาแล้วเอาหน้ากระแทกกับผนังโครมใหญ่จนพนักงานสลบไป “ขอโทษทีนะ”
พิมมาดาเดินออกมาเห็นพอดี
“นายไปทำเค้าทำไม”
“เอานี่ไปดู” กริสน์พูดแล้วยื่นหนังสือพิมพ์ให้ “หมอนี่เกือบจะโทรไปแจ้งตำรวจมาจับเราอยู่แล้ว เราต้องรีบจัดการเรื่องนี้ ไม่งั้นเราต้องลำบากมากแน่ ใครๆก็จำหน้าพวกเราได้หมดแล้ว”
“แล้วเราจะทำยังไงดี” พิมมาดาใจเสีย
กริสน์จับพนักงานชายที่ถูกมัดปากและมัดตัวติดเก้าอี้มายัดไว้ที่มุมห้อง โดยให้เขาหันหน้าเข้ากำแพง พวกเด็กๆ เข้ามามุงดู กริสน์พูดกับเด็กๆ
“บางครั้งเราก็จำเป็นต้องทำอะไรที่เราไม่อยากทำ..อย่าไปยุ่งวุ่นวายกับพี่เค้าเด็ดขาด..ไปๆๆ เข้านอนกันได้แล้ว ดึกมากแล้ว”
“ไม่เห็นต้องรีบเลย พรุ่งนี้เราไปโรงเรียนไม่ได้อยู่แล้ว” แจ๊สรีบบอก
“ฮ้า ใช่ เราไม่ต้องไปโรงเรียน เย้ๆ” โจ๊กดีใจ
“โจ๊ก ดีใจอะไร” โอปอล์ขัด “ถ้าไม่ได้เรียนหนังสือ เราก็จะโง่นะ อยากโง่เหรอ”
กริสน์เห็นพิมมาดานั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่คนเดียวที่ระเบียงห้องจึงพูดตัดบทกับเด็กๆ
“เอาล่ะๆ งั้นไปดูทีวีไปๆ”
เด็กๆ เดินไปดูทีวี กริสน์แยกไปหาพิมมาดาที่ระเบียง
“ข่าวว่ายังไงบ้าง” กริสน์ถาม
“ชั้นกลายเป็นเจ้าแม่ยาเสพติดรายใหญ่ ที่มีตำรวจนอกแถวสองคนเป็นสมุน ส่วนคุณสุขสันต์ถูกกันไว้เป็นพยานปากเอกของคดี....เค้าหลอกชั้นเหรอ เค้าหลอกชั้นจริงๆเหรอ” พิมมาดาช็อค
กริสน์ดึงหนังสือพิมพ์ออก “คุณพิม วันนี้คุณเครียดมามากแล้ว เข้าไปนอนพักก่อนดีกว่า”
“ทำไมเค้าถึงทำอย่างนี้กับชั้น” พิมมาดาเสียใจ
“คุณไม่ต้องพยายามหาเหตุผล..ก็แค่คุณสุขสันต์เป็นคนไม่ดี แค่นั้น..คนยิ่งเลว ก็ยิ่งต้องดีให้มาก สร้างภาพคนดีเพื่อกลบเกลื่อนความเลวเอาไว้”
“สร้างภาพ? นายจะบอกว่า เรื่องของชั้นกับคุณสุขสันต์ ไม่ใช่ความจริง..เป็นแค่ภาพที่สร้างขึ้น เพื่อบังหน้า”
กริสน์เงียบไม่ตอบ
“ชั้นไม่เชื่อ!! นายเกลียดคุณสุขสันต์”
“ใช่ ผมยอมรับ ผมไม่ได้ชอบนายสุขสันต์..แต่..ทุกอย่างที่ผมทำ..ผมทำเพราะ ผมเป็นห่วงคุณ ผมไม่อยากให้คุณถูกหลอก ไม่อยากให้คุณเป็นอันตราย ทุกอย่างที่ผมทำเพราะคุณ”
“นาย..” พิมมาดาอึ้งไป
“ผมเป็นห่วงคุณนะ”
พิมมาดาอึ้ง ทั้งสองสบตากัน กริสน์เข้ามาประคองพิมมาดาอย่างอ่อนโยน
“เอ่อ คุณไปนอนพักเถอะ หลับให้สบาย ไม่ต้องกลัวใครจะมาทำอันตราย เพราะผมจะดูแลคุณกับเด็กๆ เอง”
พิมมาดาสบตากริสน์ ทั้งสองมองกัน แล้วพิมมาดาก็ทำหน้าเย็นชาค่อยๆ หันกลับเข้าห้องไป กริสน์ได้แต่มองตามแล้วข่มใจไว้
เวลาผ่านไป พิมมาดานอนตรงกลางระหว่างเด็กๆ ที่นอนพาดกันไปพาดกันมาอย่างไม่เป็นระเบียบ
แต่เธอนอนไม่หลับ จึงลืมตาโพลงอยู่ในความมืด ที่มุมหนึ่งห่างออกมากริสน์ก็นอนคิดหนักอยู่บนโซฟาเช่นกัน
พิมมาดานอนหลับสนิทสักพักเธอก็ลืมตาสะดุ้งตื่นจึงได้รู้ว่าเป็นเช้าวันใหม่แล้ว กริสน์ยืนเสยผมอยู่หน้ากระจก เพราะกำลังเตรียมตัวจะออกไปช่วยอธิป แต่เมื่อเห็นพิมมาดาตื่นจึงรีบบอกเธอก่อน
“คุณพิม..ผมซื้อของกินมาตุนไว้ให้แล้ว คุณกับเด็กจะได้ไม่ต้องออกไปไหนให้เสี่ยงอันตราย แล้วผมจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด.. คุณพิม..คุณอยู่ได้ใช่มั้ย”
พิมมาดากระโดดเด้งขึ้นจากเตียง “โจ๊ก แจ๊ส จีจ้า...โอปอล์”
“โอเค” กริสน์พูดแล้วหันไปเรียกเด็กๆ “เอ้า เด็กๆ ขอประชุมหน่อย มา!” เด็กๆ นั่งอยู่ ภายในมือของพวกเขาถืออาหารที่ซื้อจาก7-11 ทุกคนกำลังกินคาปากอยู่ แต่ทั้งหมดก็รีบวิ่งมาเรียงแถว “โจ๊กนายต้องเป็นหน่วยเฝ้าระวังนะ มีอะไรไม่ชอบมาพากล ให้รีบบอกทุกคน เข้าใจมั้ย แจ๊ส ในฐานะพี่คนโต ดูแลน้องๆด้วย เข้าใจมั้ย.. จีจ้า โอปอ ห้ามดื้อ ห้ามซน อย่าทำให้น้าพิมเป็นห่วง เข้าใจมั้ย” กริสน์สั่ง
พิมมาดารู้สึกเขินที่เห็นทุกคนดูพร้อมเพรียง ขณะที่ตัวเองนั่งผมยุ่งอยู่บนเตียงเพราะเพิ่งตื่น
“โอเช” จีจ้ารับคำ
“น้าจะรีบไปรีบกลับ” กริสน์บอก
“น้ากริสน์..สัญญานะคะว่าจะช่วยป๊าให้ได้” โอปอล์บอก
“น้าสัญญา”
กริสน์พูดแล้วเดินออกไป แม้ในใจยังอดห่วงไม่ได้ แต่ก็ต้องตัดใจเดินออกประตูไป พิมมาดามองตาม พอแน่ใจว่ากริสน์ไปแล้วก็หันมาพูดกับเด็กๆ
“เด็กๆอยู่ในห้องนะ เดี๋ยวน้ามา” พิมมาดาเดินออกจากห้องไป
พิมมาดาเดินมาที่โทรศัพท์สาธารณะของโรงแรม แล้วต่อสายทันที “ฮัลโหล คุณสุขสันต์”
สุขสันต์ซึ่งอยู่ที่โต๊ะทำงานในบ้านรับสาย พอรู้ว่าเป็นพิมมาดาก็รีบลุกขึ้นยืน “พิม..เอ่อ คุณอยู่ที่ไหน ปลอดภัยดีหรือเปล่า ผมเป็นห่วงคุณมากเลย..คุณรู้มั้ยว่าผมพยายามตามหาคุณตลอด”
“ทำไมคุณต้องให้ข่าวแบบนั้นคะ คุณก็รู้ว่าพิมไม่ใช่คนร้าย คุณเป็นคนขอให้พิมนำเข้าดอกไม้ผ่านทางบริษัทคุณเองด้วยซ้ำ” พิมมาดาถาม
“ผมรู้พิม ผมรู้ว่าคุณไม่ใช่คนร้าย ผมก็ไม่ใช่ แต่ผมบอกตอนนี้ไม่ได้ว่าใครคือคนร้าย มันจะเสียรูปคดี.. พิม..ผมรักคุณนะ รักคุณคนเดียว ไม่เคยเปลี่ยนแปลง..ผมก็ไม่ได้มีความสุขเลยที่ต้องให้การอย่างนั้น แต่ผมไม่มีทางเลือก” สุขสันต์ไหลไปเรื่อย
แพรวพิลาศเดินเข้ามาจัดชุดให้สุขสันต์อย่างพะเน้าพะนอ
“พิม..พิมไม่ต้องห่วงนะ ผมช่วยคุณได้ ทุกอย่างจะกลับมาปกติแน่นอน พิม ตอนนี้คุณอยู่ไหน ผมจะไปหาคุณ แล้วผมจะอธิบายความจริงทั้งหมดให้คุณฟัง”
“ได้ค่ะ พิมจะไปหาคุณ”
พิมมาดาพูดรับปากแล้ววางสาย สายตาของเธอแน่วแน่ว่าจะไปพบสุขสันต์
ในขณะที่สุขสันต์กับแพรวพิลาศยิ้มและหัวเราะให้กันอย่างสมใจ
อ่านต่อตอนที่ 12 พรุ่งนี้ (30 ม.ค. 55) เวลา 9.30 น.