มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 16
ภายในบ้านพักตากอากาศขณะนั้น สุขสันต์หน้าตาจริงจังนั่งอยู่กับจตุพล น้อมพงษ์ยืนอยู่ห่างๆสุขสันต์ครุ่นคิดแล้วบอก
“ผมจะรีบแก้ปัญหาให้ พวกคุณไปรอฟังข่าวที่เรือนรับรองก่อนไป ผมไม่อยากให้ใครมาเห็นว่าพวกคุณมาที่นี่”
“รีบหน่อยแล้วกันนะครับ ลูกค้าหลายรายกลับมาคืนสัญญาเฟรนชายส์ของเราก็เพราะปัญหาเรื่องใบอนุญาตนี่แหละ” จตุพลร้อนใจ
สุขสันต์ไม่ชอบใจ
“นี่คุณกำลังออกคำสั่งกับผมอยู่หรือเปล่า...คุณจตุพล”
“เปล่า...เปล่าครับ ผมแค่ไม่อยากให้พวกเราต้องเสียผลประโยชน์”
“คุณจตุพลเป็นห่วงภาพรวมของธุรกิจเราน่ะครับ” น้อมพงษ์รีบสำทับ
“ทำธุรกิจต้องหัดใจเย็น ขืนทำอะไรผลีผลามมากๆไม่ดูตาม้าตาเรือ อาจจะจบได้ทั้งธุรกิจทั้งคน” สุขสันต์บอก
สุขสันต์พยักหน้า ลูกน้องของสุขสันต์คนหนึ่ง หันมาพยักหน้าเชิญ ก่อนออกเดินนำหน้าจตุพลกับน้อมพงษ์ไป จตุพลกับน้อมพงษ์ตาม สุขสันต์มองตามอย่างเหี้ยมๆ
บริเวณหน้าบ้าน โจ๊กกับจีจ้ากลับเข้ามาพอดี เห็นจตุพลกับน้อมพงษ์เดินออกมาก็รีบหลบเข้าหลังต้นไม้แอบดู
“จีจ้า นี่มันพวกญาติๆของพี่โอปอล์นี่ เขามาที่นี่ทำไมอ่ะ” จีจ้าว่า
โจ๊กสงสัย
“หรือว่าเสี่ยอธิปจะพาโอปอล์มาเที่ยวเหมือนกัน”
ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงเห่าดัง โฮ่ง! เด็กๆ เห็นป๊อบคอร์นยืนกระดิกห่างอยู่ โจ๊กจีจ้าดีใจสุดๆ
“ป๊อบคอร์น” โจ๊กกับจีจ้าร้องขึ้นพร้อมกัน
สุขสันต์ได้ยินเสียงของเด็กๆก็รีบปรี่เข้าไปหาโจ๊กกับจีจ้าทันที
“นี่พวกเธอมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” สุขสันต์เสียงแข็ง
“เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแหละครับ ทำไม? กลัวเราสองคนมารู้มาเห็นความลับอะไรเหรอ” โจ๊กพูดขึ้น
“ความลับอะไร เป็นเด็กอย่ามาพูดจาซี้ซั้วนะ”
“อย่างน้อยเด็กอย่างเราก็ไม่เคยมั่วแย่งมรดกของน้องชายร่วมสายเลือดเดียวกันมาก็แล้วกัน! เข้าข้างในเถอะพี่โจ๊ก” จีจ้าบอก
จีจ้าอุ้มป๊อบคอร์นเดินเชิดๆเข้าบ้านไปพร้อมโจ๊ก สุขสันต์เข่นเขี้ยว
“ไอ้พวกนี้ สงสัยดูทีวีมาก..เดี๋ยว...เดี๋ยวก่อน ให้ฉันมีโอกาสก่อนจะจัดพวกแกให้หนักเลย” สุขสันต์บอก
กริสน์เอาน้ำแข็งห่อผ้าเดินมา พิมมาดาซึ่งนั่งอยู่ที่นอกชานบ้านพักตากอากาศหันไปมองแล้วรู้สึกสยอง
“อูย” พิมมาดาโอดครวญ
“ไหวมั้ยคุณ..ไม่ต้องร้องเลย มาให้ผมเอาน้ำแข็งมาประคบ ไม่งั้นพรุ่งนี้เท้าคุณกลายเป็นเท้าหมีแน่” กริสน์เดินเข้ามาแล้วทำท่าจะเอาน้ำแข็งมานาบเท้า
พิมมาดามองลุ้นๆ แล้วก็ร้องออกมาก่อนที่น้ำแข็งจะถูกเท้า “อ๊าก”
“ยัง!!! คุณนี่บ้าจี้หรือเปล่า..ยังไม่ทันโดนเลย”
“ชั้นกลัวความเย็น” พิมมาดาบอก
กริสน์ส่ายหน้า “อยู่เฉยๆ..เท้าคุณเริ่มบวมแล้ว ต้องรีบ”
กริสน์จับเท้าพิมมาดามาวางไว้บนเข่าตัวเอง แล้วเอาผ้าห่อน้ำแข็งค่อยๆ ประคบเบาๆ อย่างอ่อนโยน พิมมาดามองกริสน์ที่แสดงความห่วงใยเธอด้วยความซึ้งใจ
สุขสันต์เดินเข้ามาพอดี เมื่อเขาได้เห็นทั้งคู่ก็ถึงกับชะงัก สุขสันต์เห็นพิมมาดานั่งบนที่นั่ง ส่วนกริสน์นั่งบนพื้นตรงหน้า เขาเห็นพิมมาดาวางเท้าอยู่บนตักของกริสน์ และเห็นกริสน์กำลังก้มๆ เงยๆ ทำอะไรสักอย่าง
“คุณพิม.. แกทำอะไรคุณพิม!”
สุขสันต์ถามเสียงเข้มแล้วรีบเข้ามาผลักจนกริสน์กระเด็น น้ำแข็งกระจาย
“ตกลงแกมันยังไงกันแน่ ไอ้เลว ไอ้กะล่อน ไว้ใจไม่ได้” กริสน์ตามเข้ามากระชากคอแล้วตบไม่ยั้ง พิมมาดาได้แต่ยืนมองอย่างตะลึง
“ไม่ใช่ค่ะๆ คุณสุขสันต์..กริสน์ไม่ได้ทำอะไร..พิมหกล้ม เท้าพลิก เท้าบวมขนาดนี้ กริสน์เค้าแค่เอาน้ำแข็งประคบเท้าให้” พิมมาดาพยายามบอก
“คุณพิมเท้าพลิกเหรอครับ..หน็อย ไอ้กริสน์ ชั้นฝากให้แกดูแลคุณพิม แล้วแกปล่อยคุณพิมเท้าพลิกได้ยังไง” สุขสันต์โมโห
กริสน์ก้มหน้าพยายามระงับความโกรธ “ผม..เอ่อ ผมขอโทษครับ ผมผิดไปแล้ว ทีหลัง..จะไม่ให้เกิดขึ้นอีก”
“ไม่ใช่ความผิดของกริสน์นะคะ พิมซุ่มซ่ามเอง”
“ไม่ได้หรอกครับ คุณพิมเจ็บ ผมเจ็บยิ่งกว่า..แต่..โอเคๆ เห็นแก่คุณพิม ผมจะไม่ว่ามันก็ได้..แกโชคดีมากนะไอ้กริสน์ที่คุณพิมเมตตาปรานีแก..ไม่งั้นแกจะต้องรับผิดชอบอย่างหนัก!”
“คุณสุขสันต์” พิมมาดาพูดปรามๆ
“ไม่ได้ว่าๆ” สุขสันต์รีบบอกแล้วเขาก็ตะโกนเสียงดัง “เฮ้ย ใครอยู่แถวนี้” ลูกน้องของสุขสันต์รีบวิ่งเข้ามา “แกไปเอาอุปกรณ์พยาบาลมา ชั้นจะพยาบาลคุณพิมเอง ไป!”
สุขสันต์ก้มลงดูเท้าพิมมาดาด้วยท่าทีห่วงใย เขาสัมผัสและลูบไล้อย่างแผ่วเบา กริสน์กัดฟันทนดูได้สักพักแล้วเขาก็เดินจากไปเงียบๆ พิมมาดามองตามกริสน์ด้วยแววตาห่วงใยและสงสาร
กองไฟกลางลานว่างหน้าบ้านพักตากอากาศปะทุเปรี๊ยะๆ กริสน์ยืนอยู่ที่หน้าเตา เขาจ้องที่เตาไฟ สลับกับมองผ่านเปลวไฟไปที่อีกด้านหนึ่งด้วยแววตาอิจฉาและปวดใจ
อีกด้านของเปลวไฟนั้น พิมมาดากำลังนั่งอยู่โดยมีสุขสันต์คอยเอาอกเอาใจ ป้อนอาหาร ป้อนเครื่องดื่มอย่างออกหน้าออกตา
โจ๊กกับจีจ้าที่อาบน้ำและเปลี่ยนชุดใหม่แล้วเดินเข้ามาด้านหลังของกริสน์
“บอกตัวเองทุกวัน..ให้หันไปทางอื่น..เวลาที่เค้านั้นเข้ามา” จีจ้าร้องเพลง
“บอกตัวเองซ้ำๆ..เลิกทำเป็นคนเจ้าน้ำตา” โจ๊กร้องต่อ
“อะไร ใครเจ้าน้ำตา ไม่ได้ร้องไห้นะเฟ้ย ควันไฟมันเข้าตาเฉยๆ” กริสน์แก้ตัว
“หมอกจางๆและควัน คล้ายกันจนบางที ไม่อาจรู้” จีจ้าเปลี่ยนเพลง
“พอแล้ว!” กริสน์ห้าม
“อ่าว..ก็เห็นน้ากริสน์ทำตัวเป็นพระเอกเอ็มวี” โจ๊กบอก
“ช่าย..เพลงอกหักด้วย” จีจ้ารีบสนับสนุน
“อุตส่าห์มอบหมายหน้าที่ให้เป็นคนปกป้องน้าพิม ไม่มีน้ำยาเอาซะเลย” โจ๊กว่า
“สู้เราสองคนไม่ได้ เราไปสืบข้อมูลเรื่องที่น้ากริสน์ถูกนายสุขสันต์โกงมรดก ได้เบาะแสเพิ่มเติมมามากมาย..ขอบอก” จีจ้าพูดอย่างได้ที
“เบาะแสอะไร”
“หึๆ” โจ๊กกับจีจ้าหัวเราะในลำคอ
“เบาะแสอะไรครับผม” กริสน์ต้องทำเป็นขอร้องแกมประชดประชัน ในใจเขายังคิดว่าเด็กๆคงไม่ได้อะไรจากเรื่องที่ตนเองกุขึ้นมา
“นายทุกข์ระทมไม่ได้โกงมรดกน้ากริสน์คนเดียว แต่..ทำกันเป็นขบวนการ” โจ๊กบอก
“เหรอ..” กริสน์แกล้งทำเป็นตกใจกับข้อมูลทีได้รับ
“เราเห็นมากับตา..นายทุกข์ระทมแอบไปวางแผนร้ายกับพรรคพวก” โจ๊กเล่าต่อ
“แล้วไงต่อ!”
“มีกันสามคน หนึ่งในนั้นมีอาจตุพล คุณอาของพี่โอปอล์ด้วย” จีจ้าบอก
“จตุพล..ญาตินายอธิปเหรอ” กริสน์ถาม
“ใช่ครับ..แต่โอปอล์ต้องไม่รู้เรื่อง ไม่มีเอี่ยวด้วยแน่ๆ น้ากริสน์ห้ามสงสัยโอปอล์เด็ดขาดนะครับ”
“จตุพล?..จตุพล กะนายสุขสันต์ !” กริสน์เริ่มตกใจขึ้นมาจริงๆ
“ใช่แล้ว ไม่เชื่อไปดูเลย ตอนนี้ก็ยังอยู่ที่นี่” จีจ้าบอก กริสน์ถึงกับตาลุกวาว
แพรวพิลาศที่อยู่ในชุดสาวคันทรี่ กระโปรงลายดอกบาน เสื้อลูกไม้คอปาด เดินออกมาจากความมืดในมุมหนึ่งของบ้านพักตากอากาศ
พอเดินผ่านกอไม้แพรวพิลาศก็ถึงกับชะงัก เพราะเธอเห็นสุขสันต์ที่กำลังเอาอกเอาใจพิมมาดาอยู่ แพรวพิลาศถึงกับฉุนกึกแต่ก็ปั้นหน้าเป็นยิ้มหวาน แล้วทำท่าจะเดินเข้าไปหาสุขสันต์ แต่แล้วอยู่ๆฉัตรชัยกับฮิมก็มาดึงตัวแพรวพิลาศเข้าไปแอบดูสุขสันต์อยู่ที่หลังพุ่มไม้
“คุณแพรวเข้าไปไม่ได้นะครับ” ฉัตรชัยบอก
“ทำไมจะไม่ได้ ชั้นก็แค่จะเข้าไปชวนคุยอะไรตลกๆขำๆ”
“คุณแพรวคุยกะพวกเราดีกว่าครับ ผมจะทำให้คุณแพรวให้เพลิดเพลินที่สุด” ฮิมพูดแล้วยื่นถาดเครื่องดื่มให้ “ดื่มครับดื่ม น้ำองุ่นสดๆ”
“ฉัตรชัย..เราเป็นพวกเดียวกันไม่ใช่เหรอ เราต้องร่วมมือกันสิ” แพรวพิลาศทวงถาม
“คุณแพรวครับ..นายบอกว่า..คืนนี้..นายมีภารกิจบางอย่าง ต้องทำให้สำเร็จ พวกผม มีหน้าที่ต้องดูแล ไม่ให้คุณแพรวเข้าไปขัดขวางภารกิจของท่านครับ” ฉัตรชัยบอก
“ภารกิจที่ต้องทำให้สำเร็จ..คืออะไร หมายความว่า..คุณสุขสันต์..จะรวบหัวรวบหางแม่นั่นเหรอ”
“รวบหัวรวบหาง กินกลางตลอดตัวเลยล่ะครับ” ฮิมรายงาน
“กรี๊ด” แพรวพิลาศทนไม่ได้ถึงกับกรี๊ดออกมาแต่ฉัตรชัยกับฮิมรีบปิดปากเธอเอาไว้
พิมมาดากำลังปิ้งอาหารอยู่ที่เตารอบกองไฟอย่างตั้งใจ สุขสันต์มองซ้ายมองขวา พอเห็นว่าพิมมาดาและคนอื่นๆ ไม่ได้หันมามองเขาก็แอบเอาผงยาสีขาวๆ ใส่ในน้ำองุ่น แล้วเดินเข้าไปหาพิมมาดา
“ชิมน้ำองุ่นคั้นสดหน่อยนะครับ พิม..ฝาดๆนิดนึง..แต่อุดมไปด้วยแอนตี้ออกซิแดนซ์นะครับ” สุขสันต์ยื่นแก้วแล้วทำท่าจะป้อน “อ่ะ..อั้ม..”
พิมมาดาหัวเราะแล้วยื่นมือไปแย่งแก้วมาถือเอง “พิมดื่มเองได้ค่ะ”
“ให้ผมบริการเถอะครับ..ชดเชยกับที่ผมปล่อยให้คุณพิมขาเจ็บ..นะครับ เผื่อจะทำให้คุณพิมรู้สึกดีขึ้นกับที่นี่บ้าง..ไม่ใช่เข็ดขยาดจนไม่กล้ามาที่นี่อีก”
“บ้านคุณแฮปปี้ ออกจะสวย อากาศก็ดี ทำไมพิมจะไม่อยากมาอีกล่ะคะ”
อยู่ๆ โจ๊กกับจีจ้าก็วิ่งเข้ามา
“อาแฮปปี้!” โจ๊กกับจีจ้าเรียกเสียงดังแล้วกอดสุขสันต์คนละข้าง “พวกเราก็อยากมาอีกๆ” เด็กๆ กอดแล้วเขย่าจนน้ำองุ่นกระฉอกจนหมดแก้ว
“เฮ้ย” สุขสันต์พยายามดึงเด็กออกจากตัว “อะไรกันเนี่ย”
“โจ๊ก..จีจ้า..ไม่เอาน่า คึกอะไรขึ้นมา ขอโทษคุณสุขสันต์เดี๋ยวนี้” พิมมาดาสั่ง
“ขอโทษค่ะ คุณสุขสันต์ที่แสนดี พวกเราไม่ตั้งใจนะคะ พวกเราแค่รักคุณ จนอดใจไม่ไหว” จีจ้าบอก จังหวะนั้นป๊อปคอร์นก็วิ่งเข้ามา จีจ้าอุ้มป็อบคอร์นขึ้นมาแล้วยื่นไปทางสุขสันต์ “ดูสิคะ แม้แต่ป๊อปคอร์นก็อยากจะแสดงความรักกับคุณ” จีจ้าจับป๊อปคอร์นยื่นให้ไปเลียแก้มสุขสันต์
“ที่นี่มีแต่ของเล่นเจ๋งๆ พวกเราสนุกมาก คราวหน้าพวกเราขอมาเล่นอีกนะฮะๆ” โจ๊กบอก
“ได้ๆๆ ได้ทุกเมื่อ แหวะ แต่เอาหมาออกไป หมาเลียหน้าชั้น เดี๋ยวสิวขึ้นพอดี” สุขสันต์ทำท่าขยะแขยง
อยู่ๆ จีจ้าก็กระโดดขึ้นขี่หลังสุขสันต์
“เฮ้ย!! ทำอะไร!” สุขสันต์ตกใจ
“จีจ้ารักอาแฮปปี้ที่ซู้ดดด..มาเล่นกันนะคะ” จีจ้าจับหูสุขสันต์แทนบังเหียน “ฮี่ กั๊บๆๆๆ ไอ้ม้าพยศ วิ่งเซ่” จีจ้าตีก้นสุขสันต์ “วิ่งๆๆ นี่แน่ะๆ”
“เล่นด้วยๆๆ ปอปคอร์นก็เล่นด้วย” โจ๊กพูดแล้วพยายามจะเอาป๊อปคอร์นขึ้นไปขี่หลังสุขสันต์ด้วย
“ไอ้พวกเด็กนรก แกแกล้งชั้นชัดๆ” สุขสันต์พูดอย่างเหลืออดแล้วจึงหลุดปากไล่ “ออกไป!”
สุขสันต์เผลอสะบัดตัวจนจีจ้าและป็อบคอร์นตกจากหลังและพลาดไปชนโจ๊กจนล้มหงายหลังไป
“จีจ้า..โจ๊ก” พิมมาดาตกใจ
“เอ่อ เห็นมั้ย น้าว่าแล้ว เล่นอะไรไม่ระมัดระวัง” สุขสันต์รีบเปลี่ยนมาเล่นบทพ่อพระ “เจ็บมั้ยจีจ้า..โจ๊ก ป็อปคอร์น น้าไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นอุบัติเหตุ”
“มันไม่ใช่อุบัติเหตุ..คุณตั้งใจ เพราคุณเกลียดพวกเรา เนี่ยเหรอที่บอกว่าอยากเป็นมิตรด้วย..ถอดหน้ากากคนดีออกได้แล้ว” โจ๊กว่า
“โจ๊ก จีจ้า พอได้แล้ว!!..คุณสุขสันต์คะ พิมขอโทษแทนเด็กๆด้วยนะคะ..โจ๊ก จีจ้า ได้เวลาเข้านอนแล้ว มานี่” พิมมาดาดุแล้วคว้าโจ๊กกับจีจ้าพาเดินแยกไป
“หน็อย ไอ้เด็กเหลือขอ อดเลยชั้น อดๆๆ แล้วจะได้จังหวะเหมาะให้งาบยัยโก๊ะนี่อีกเมื่อไหร่วะเนี่ย” สุขสันต์บ่นกับตัวเอง
แพรวพิลาศยืนมองอยู่ที่ด้านหนึ่ง เธอหัวเราะสะใจและสมน้ำหน้าสุขสันต์ แล้วเดินเข้าไปหา
“ไงคะ..แห้วเลยเหรอ สุดหล่อของแพรว”
“ฉัตรชัย..ฮิม..ทำไมไม่ดูแลคุณแพรวให้ดี” สุขสันต์ถามอย่างฉุนๆ
“ทำไมยัยป้าแก่ไม่ยักกะยอมคุณง่ายๆ ชั้นดูๆ ก็รู้สึกว่ามันหลงคุณยังกะเด็กมัธยมติ่งหูหลงศิลปินเกาหลีนะ แต่ทำไม..คุณต้องใช้เล่ห์กลเยอะจัง ที่จะพิชิตมันน่ะ”
“ทำไมล่ะ” สุขสันต์ถาม
“เพราะ..มันต้องการจะปั่นราคาไงล่ะ ยัยนี่ไม่ใช่ลูกแกะอย่างที่คุณคิด มันเป็นแม่ค้า แม่ค้าที่เขี้ยวมากด้วย ต้องเล่นตัว..เพื่อให้คุณทุ่มทุนให้มากกว่านี้”
“ไม่มีใครเล่นตัว..จากเสน่ห์ของผมได้หรอก ที่มันยาก เพราะก้างขวางคอมันเยอะตะหาก เดี๋ยวให้พวกเด็กๆหลับก่อนเถอะ..หึหึ”
“คุณพูดถึงผู้หญิงที่คุณหมายปอง หรือพูดถึงเหยื่ออันโอชะกันแน่คะ สุขสันต์” แพรวพิลาศเข้ามากอดคอ ลูบคลำ แล้วยื่นหน้าไปแนบแก้มของสุขสันต์
สุขสันต์ผลักแพรวพิลาศออก “แพรว..ผมบอกคุณแล้ว..ว่าคุณอยู่เฉยๆ อย่าหึงไม่เข้าท่า..อย่ามาทำให้ผมพลาดเป้าหมาย ปล่อยให้ผมทำงานของผม แล้วพอถึงเวลา..คุณก็จะเข้าใจเอง”
อยู่ๆ ฉัตรชัยก็เดินเข้ามาหาสุขสันต์
“ท่านครับ” ฉัตรชัยส่งมือถือให้สุขสันต์ “มีสายด่วนครับ”
สุขสันต์รับมือถือมา แล้วเดินแยกไปคุยอีกด้าน
“แก..จะให้ชั้นอยู่กับเจ้านายแกสองต่อสองไม่ได้เลยเหรอไง!” แพรวพิลาศโมโห
ม้าสวยๆ หลายตัวยืนเรียงอยู่ในคอก น้อมพงษ์เดินดูม้าไปเรื่อยๆ
“คุณสุขสันต์จะให้เรารอไปถึงเมื่อไหร่วะ..เสียเวลาจริงๆ” จตุพลรู้สึกไม่พอใจ
“ทำใจเย็นๆเถอะครับคุณจตุพล..ท่านสุขสันต์คงกำลังโทรไปเร่งรัดให้เราอยู่.. ดูม้าฆ่าเวลาสิครับ มันช่างเป็นสัตว์ที่งามสง่า ถ้าผมรวย ผมจะเป็นคาวบอย ขี้ม้าชมแสงจันทร์”
จตุพลจ้องน้อมพงษ์ด้วยสายตาเซ็งๆ “แกไม่ต้องมาโรแมนติกกับชั้น ขนลุก”
อยู่ๆ ม้าที่อยู่ตรงคอกหัวมุมก็ร้องขึ้นมา จตุพลหันไปมอง เขาเห็นเงาของใครบางคนยืนอยู่บริเวณนั้น แต่พอเพ่งมองชัดๆอีกทีเงานั้นก็หายไปแล้ว
กริสน์หมอบนิ่งหลบอยู่ตรงนั้น “เกือบไปแล้ว” กริสน์เงยหน้าขึ้นมองม้า ม้าก็จ้องกริสน์ “ชู่ว์....แกจะร้องทำไม..ขอชั้นแอบดูหน่อยนะ”
ม้าทำท่าทางไม่ยอม มันผงกหัวขึ้นลงแล้วส่งเสียงฟึดฟัด กริสน์พยายามสื่อสารกับม้า “ไม่ๆๆ ชั้นหมายถึง ชั้นจะแอบดูพวกนั้น ไม่ได้มาแอบดู..อะไรของแก..เราผู้ชายเหมือนกัน โอเค๊”
ม้าได้ยินเช่นนั้นก็สงบลง มันหันหลังให้กริสน์ แล้วไปกินกองฟางทันที “เฮ้อ” กริสน์ถอนหายใจ
สุขสันต์เดินเข้ามาหาจตุพลกับน้อมพงษ์ กริสน์มองอย่างตาลุกวาว
พิมมาดาพาโจ๊กกับจีจ้าเข้ามาในห้องนอนของเด็กๆ ในบ้านพักตากอากาศ
“จีจ้า โจ๊ก..คุณสุขสันต์เค้าพยายามแล้ว!! แต่เราสองคน..ยังหาโอกาสที่จะเล่นงานเค้าตลอดเวลา น้าควรจะทำไงกะพวกเธอดี”
“เรา..เราทำดีกับเค้าต่างหาก น้าพิมก็เห็น แต่เค้าไม่ดีด้วย แถมยังทำพวกเราเจ็บอีก” โจ๊กพูด
“เค้าไม่ตั้งใจ..ไม่ใช่เหรอ” พิมมาดาบอกแต่เธอรู้สึกลังเลนิดๆ
“น้าพิมต้องเชื่อพวกเรานะคะ..จริงๆแล้วเค้าหลอกน้าพิม..พวกเราสาบานได้ แม้แต่คนที่ชื่อแพรว เค้าก็คิดไม่ดีกับพวกเรา” จีจ้าบอก
“ไม่หรอก คุณแพรวเค้าน่าสงสารออก เค้าแค่ตัดใจจากคุณสุขสันต์ไม่ได้เท่านั้นเอง..คุณสุขสันต์เค้าก็พยายามทำทุกอย่าง ให้หลานๆรับเค้าได้ เพราะเค้ารักน้ามาก..แล้วคุณแพรวก็เป็นฝ่ายพ่ายรัก..อกหัก เพราะน้าเป็นตัวการ..ไม่ใช่เหรอ” พิมมาดาพูดด้วยความสับสนมากขึ้น
“น้าพิม นี่น้าพิมฝันไปหรือเปล่าครับ น้าพิมแค่หลงเพ้อไป..ว่าน้าพิมเป็นนางเอก และคุณสุขสันต์เป็นพระเอก” โจ๊กว่า
“แต่ความจริง..มันใช่เหรอ..น้าพิม!” จีจ้าย้ำ
จีจ้ากับโจ๊กมองอย่างจริงใจ พิมมาดานิ่งคิด แววตาของเธอชักจะคล้อยตามพวกเด็กๆ
กริสน์ที่แอบอยู่มุมหนึ่งของคอกม้าหยิบมือถือออกมาเพื่อจะถ่ายภาพ เขาเล็งกล้องไป แล้วซูมเข้าไปที่สุขสันต์ ระหว่างที่ถ่ายอยู่อีกมือของเขาก็ต้องคอยปัดหางม้าที่กวัดแกว่งแถวๆ หน้าไปด้วย
“อยู่เฉยๆ..ไปกินฟางตรงนั้นไปๆ” กริสน์พูดพลางปัดหางม้า
จตุพลกับน้อมพงษ์ยิ้มประจบสุขสันต์
“ผู้ใหญ่รับปากมาแล้ว ว่าจะจัดการเรื่องใบอนุญาตให้..พวกคุณกลับไปบอกกับลูกค้าทุกคน..อีกสามวัน..ได้มีเฟรนชายส์ร้านสวีทโอปอเป็นของตัวเองแน่” สุขสันต์บอก
“นายแฮปปี้มีเอี่ยวในธุรกิจขนมสวีทโอปอจริงๆด้วย หึๆ” กริสน์รำพึง
“หวังว่า คงจะสามวันจริงๆนะครับ..เพราะว่าที่ลูกค้าบางราย เป็นคุณหญิงคุณนาย ทรัพย์สินมหาศาล พร้อมจะลงทุนกับเราไม่อั้น..ผมไม่อยากเสียคำพูด..ลูกค้าดีๆเงินถึงแบบนี้หายากนะครับ” จตุพลบอก
“ไม่ต้องมากดดันชั้น” สุขสันต์บอก “กลับไปทำหน้าที่ของพวกคุณให้ดีก็พอ..อีกสามวัน เด็กทั่วประเทศต้องติดขนมสวีทโอปองอมแงมแน่”
“ขนมสวีทโอปอ..เด็กทั่วประเทศติดงอมแงมงั้นเหรอ?” กริสน์พูด หางม้ายังคงกวัดแกว่งบังกล้องอยู่ “อยู่เฉยๆ กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม ..นิ่งๆ” กริสน์บอกม้าแต่หางของมันยังกวัดแกว่งไม่หยุด กริสน์เลยจับหางม้ากุมไว้
“งั้น..เราคงต้องออเดอร์ตัวสารเคมีเพิ่มขึ้นอีก..ธุรกิจจะได้ไม่สะดุด” น้อมพงษ์บอก
“แกอย่าทำให้มันเอิกเกริก ถึงชั้นจะช่วยเคลียร์เส้นทางให้นำเข้าสารตั้งต้นได้อย่างสะดวกๆ..แต่..อย่าประมาท” สุขสันต์เตือน
“สารตั้งต้น..มีสารตั้งต้นอะไรอยู่ในขนมเหรอ” กริสน์พูด ในมือของเขายังคงจับหางม้าเอาไว้
“ก็ท่านบอกเอง ว่าสารพวกนี้ ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ฉี่ไม่ม่วง” จตุพลบอก
“ทางเดียวที่จะรู้ว่า มันคือยาเสพติด คือต้องเอาไปตรวจในห้องแล็ปเท่านั้น แล้วต้องเป็นแล็ปที่มีเครื่องตรวจนำเข้าเฉพาะอีก..ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัว” น้อมพงษ์พูด
กริสน์มองคลิปวิดีโอที่ถ่ายได้ “หึๆ แกเสร็จชั้นแน่นายแฮปปี้”
ม้าที่ถูกจับหางเริ่มอึดอัด มันทำท่าฟึดฟัดและส่งเสียงร้อง กริสน์เพิ่งนึกขึ้นได้จึงรีบปล่อยหางม้า “ เฮ้ย ลืม โทษทีๆ”
ถึงกริสน์จะปล่อยมือจากหางม้าแต่ก็ไม่ทันเพราะม้าตัวนี้หงุดหงิดจนร้องลั่นและยกขาหลังขึ้นถีบเขา ”เฮ้ย”
กริสน์เจอถีบจนกระเด็นไปกระแทกเสาแล้วหมดสติไป กองฟางที่สุมอยู่ด้านบนถูกกระแทกก็หล่นโครมลงมาทับกริสน์ทั้งตัว
“เสียงอะไร! ใครอยู่ตรงนั้น!” สุขสันต์ตกใจรีบวิ่งไปดู
น้อมพงษ์ก็รีบไปดูบริเวณที่เกิดเสียง เขามองหาแต่ไม่เห็นใคร “ไม่มีอะไรครับ ไม่มีใคร สงสัยม้ามันจะเหงา”
“ไปๆๆ พวกแกกลับไปได้แล้ว” สุขสันต์ไล่
ภัทรดนัยที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานภานในสำนักงานตำรวจกำลังพลิกดูผลตรวจฉี่ของปาล์มอย่างข้องใจ
“ไม่มี ไม่พบ ไม่เจออะไรผิดปกติเลยเหรอ..เป็นไปไม่ได้ นายปาล์มมีอาการเมายาชัดๆ ทำไมผลตรวจฉี่ถึงไม่เจออะไรเลย”
“เดี๋ยวต่อสายให้ถามเอาเอง” เจ้าหน้าที่สาวที่นั่งอยู่ด้วยรีบกดโทรศัพท์
“ไม่ต้องๆๆๆ เอ่อ แล้ว..โค้ดลับที่ฝากให้ถอดรหัสล่ะ..ได้ผลหรือยัง” ภัทรดนัยถาม
“ยัง” เจ้าหน้าที่ตอบ
“อะไร นานแล้วนะ ทำไมยังไม่ได้อีก”
“เดี๋ยวต่อสายให้ถามเอาเอง” เจ้าหน้าที่กดโทรศัพท์อีกครั้ง
“ไม่ต้องๆๆ แต่ช่วยเร่งให้หน่อยได้มั้ยครับ..เป็นเรื่องคอขาดบาดตายระดับชาติจริงๆ” เจ้าหน้าที่ที่นั่งฟังทำหน้านิ่งๆ “เอ่อ ช่วยตอบรับผมหน่อยได้มั้ย..เฮ้อ นี่ผมทำอะไรไม่ได้ นอกจากรอใช่มั้ย..โอเค๊ๆๆๆๆๆ”
ภัทรดนัยเดินเซ็งๆ ออกไป เขาเดินผ่านมุมหนึ่งไป มาวินซึ่งมาแอบอยู่รีบตรงเข้าไปหาเจ้าหน้าที่ทันที
“ขอโทษนะครับ” เจ้าหน้าที่หันมาด้วยใบหน้าบึ้งตึง มาวินถามต่อ “ผมถามอะไรหน่อย..คุณมาเป็นตำรวจทำไม? อย่างคุณ..เป็นตำรวจไม่เหมาะหรอก..คุณน่าจะไปประกวดนางงามมากกว่า..จริงๆนะครับ”
“บ้า..มีอะไรให้ชั้นช่วยคะ” เจ้าหน้าที่สาวเขิน
“เมื่อกี้ผมได้ยินภัทรดนัยพูดถึงโค้ดลับๆ..อะไรเหรอครับ”
“นี่ไงคะ” เจ้าหน้าที่หยิบกระดาษโค้ดลับขึ้นมามาวางให้ทันที
มาวินหยิบโค้ดขึ้นมาดูแล้วก็ตาวาวด้วยความสงสัย
กริสน์ค่อยๆได้สติฟื้นขึ้นมา เขาพบว่าตัวเองนอนตักเด็กๆ อยู่ในรถ โดยมีพิมมาดากำลังขับรถกลับ
“โอย” กริสน์ครวญคราง
“ลูกพี่กริสน์ตื่นแล้ว” จีจ้าดีใจ
กริสน์งงๆ แต่แล้วเขาก็ทำตาโตรีบลุกขึ้นมาโวยวาย
“เอ๊ะ เฮ้ย นี่เรา..กำลังจะไปไหน แล้วนายสุขสันต์ล่ะ หนีไปได้เหรอ”
“เพ้อเจ้ออะไรของนาย..เราอยู่ในรถ กำลังจะกลับกรุงเทพ” พิมมาดาบอก
“กลับกรุงเทพ?” กริสน์ยิ่งงงหนัก
“ใช่ แล้วชั้นก็ขาเจ็บอยู่..โชคดีว่าเจ็บข้างซ้าย ไม่งั้นสงสัยคงจะต้องรบกวนคุณสุขสันต์ให้มาส่งอีก..นายมันแย่มาก”
“ลูกพี่..จำอะไรไม่ได้เลยเหรอ” จีจ้าถาม
กริสน์ส่ายหัว “แล้ว..เมื่อคืน..คุณสุขสันต์กับ..พิมมาดา”
“นายสุขสันต์พี่ชายทรยศที่โกงสมบัติน้าไปหมด ไม่ได้แอ้มน้าเราหรอก เพราะเรากะน้าเรานอนด้วยกัน” โจ๊กกระซิบบอก
จีจ้ากระซิบ “แล้วลูกพี่ไปสืบความลับพวกศัตรูที่มาร่วมมือกันโกงสมบัติของวงศ์ตระกูลยังไง ถึงไปนอนหลับปุ๋ยในกองฟางอย่างสบายอารมณ์แบบนั้น”
“หลับในกองฟาง” กริสน์นึกขึ้นได้ “หา ใช่..มือถือ..มือถืออยู่ไหน”
“อยู่นี่” โจ๊กหยิบถุงที่มีมือถืออยู่ออกมา “ขึ้นสวรรค์ไปเรียบร้อย สภาพพังยับไปถึงซิมการ์ด”
“เฮ้ย ไม่..ไม่จริง” กริสน์ตกใจรีบประคองมือถือ “ไอ้ม้าบ้า ถีบมือถือชั้นพังหมด...ความพยายามของชั้น ต้องไม่สูญเปล่า..มันยังใช้งานได้ใช่มั้ย”
อยู่ๆเสียงมือถือก็ดังขึ้น
“เฮ้ย มันยังดังได้อยู่ มันใช้งานได้ๆ”
“หยุดๆๆ ..นี่ย่ะ” พิมมาดาโชว์มือถือให้ดู “ที่ดังน่ะมือถือของชั้น”
“ไม่..ไม่จริง” กริสน์ช็อก
“เงียบๆ” พิมมาดาบอกแล้วกดรับสาย “ฮัลโหล เต๋า มีอะไรเหรอ..อะไรนะ!”
เต๋ากับเต้ยร้องไห้โฮอยู่ที่ร้านดอกไม้ “หนูไม่รู้”
พิมมาดาโมโหและตวาดอย่างเอาเรื่อง
“ไม่รู้ได้ยังไง! พวกเธอเฝ้าร้านยังไงถึงมีคนมาขโมยเงินในร้านไป..แอบหนีไปเชียร์มิวสิคเอเอฟสี่อีกแล้วใช่มั้ย
“เปล่านะคะ พวกเราก็อยู่ร้านตลอด ไม่ได้ไปไหนเลย..ถามคุณเค้กดูก็ได้” เต๋าบอก
“จริงๆ นะพิม ชั้นก็เห็นเต๋าเต้ยอยู่ร้านตลอด..บางทีขโมยมันอาจแอบเข้ามาตอนดึกๆ ที่ทุกคนหลับไปแล้วก็ได้” เค้กช่วยพูด
“ผมว่ามันแปลกๆนะครับ..ถ้าขโมยขึ้นจริงๆ ทำไมมันถึงไม่เอาเงินไปทั้งหมด..เหลือเงินคาเอาไว้ทำไม” กริสน์บอก
“น้ากริสน์จะบอกว่า..มันไม่ใช่ฝีมือขโมย แต่เป็นฝีมือคนในร้านใช่มั้ยครับ” โจ๊กสรุป
“อ้าว” เต๋ากับเต้ยประสานเสียง
“คุณกริสน์พูดยังงี้..พวกเราก็ซวยสิคะ” เต้ยบอก
“ไม่ใช่พวกเธอแล้วคิดว่าจะเป็นใคร” พิมมาดาถาม
จู่ๆ ก็มีเสียงคนวิ่งลงมาจากชั้นบน
“ขโมย!” จีจ้าตะโกนลั่น
ทุกคนมองขึ้นไปตามเสียง เห็นแจ๊สในลุคใหม่ตั้งแต่หัวจรดเท้า แจ๊ศแต่งตัวแนวพั้งก์เต็มที่ แต่เธอชะงักที่เห็นน้าสาว “น้าพิม”
“แจ๊ส..แจ๊ส..ทำไมแต่งตัวแบบนี้” พิมมดาช็อก
“เอ่อ” แจ๊สอึกอักเพราะตอบไม่ถูก เธอจึงตัดสินใจวิ่งหนีไป
“แจ๊ส!” พิมมาดาเรียก
แจ๊สวิ่งหนีออกมาที่หน้าร้านดอกไม้ พิมมาดาตามมาคว้าตัวหลานสาวเอาไว้
“หยุดๆๆ จะไปไหน..ทำไมถึงแต่งตัวแบบนี้..บอกมา!” พิมมาดาตะคอก
“น้าพิม..เอาไว้แจ๊สจะอธิบายทีหลัง..ปล่อยแจ๊สก่อน” แจ๊สพูดแล้วทำท่าเหมือนจะรีบไป
“จะรีบไปไหน!” พิมมาดาถาม
เต้ยวิ่งตามออกมา “น้องแจ๊สมีชุดแรงๆแบบนี้ได้ยังไง เอาเงินจากไหนไปซื้อ”
“หรือว่าน้องแจ๊ส” เต๋าสัณนิษฐาน
“หา..หรือว่า...ขโมย คือแจ๊ส..แจ๊สขโมยเงินร้านเหรอ!” พิมมาดาจับสองแขนของแจ๊สแล้วเขย่าตัวอย่างคาดคั้น “ห๊า!! ที่ไม่ยอมไปเขาใหญ่ด้วยกัน เพราะจะหาโอกาสขโมยเงินใช่มั้ย..ตัวแค่นี้ริจะเป็นโจรเหรอ!”
“แจ๊สไม่ได้ขโมย” แจ๊สปฏิเสธ
“ยังจะปฏิเสธอีก..ตัวแค่นี้ยังกล้าขโมยเงิน อีกหน่อยอะไรที่แย่ยิ่งกว่านี้ก็คงจะกล้าทำหมดทุกอย่าง..อยากติดคุกตั้งแต่เด็กใช่มั้ย” พิมมาดาตะคอกหนัก
“คุณพิมอย่าใช้อารมณ์เลยครับ” กริสน์ปราม
“ไม่ต้องมายุ่ง” พิมมาดาเหวี่ยงใส่
“แจ๊สแค่ขอยืม..แจ๊สมีเหตุผล” แจ๊สบอก
“ถ้ามีเหตุผลก็พูดมาสิแจ๊ส” เค้กพูดขึ้น
“แจ๊สไม่มีเวลาแล้ว ปล่อย..”
“ทำไมไม่มีเวลา..มีอะไรต้องรีบนักหนา.. หา” พิมมาดาเขย่าตัว แต่แจ๊สพยายามดิ้น พิมมาดาก็ไม่ยอมปล่อย “อธิบายมาเดี๋ยวนี้!”
“ก็ได้ๆๆ จะบอกก็ได้” แจ๊สทำเหมือนตัดสินใจจะเผยความจริง
“พูดมา” พิมมาดาตะคอก
แจ๊สอาศัยจังหวะที่พิมมาดาเผลอดิ้นจนหลุด แล้ววิ่งหนีไปทันที
“แจ๊สต้องไปแล้ว!” แจ๊สพูดแล้วรีบวิ่งออกไป
“แจ๊ส..หยุดนะ!! ...เต๋า เต้ย รีบตามไปเร็ว!” พิมมาดาสั่ง
“ผมไปเอง!”
กริสน์บอกแล้ววิ่งนำออกไป เต๋า เต้ย และพิมมาดาวิ่งตาม
อ่านต่อหน้า 2 พรุ่งนี้ (26 ม.ค. 2555) เวลา 9.30 น.
มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 10 (ต่อ)
แจ๊สวิ่งหนีออกมาที่ข้างถนน แล้วรีบโบกเรียกแท็กซี่ทันที กริสน์ที่วิ่งตามมาติดๆ ตะโกนเรียกไว้
“แจ๊ส...หยุดนะ!”
กริสน์กำลังจะวิ่งเข้าไปถึงตัวแจ๊สอยู่รอมร่อ แต่จู่ๆ ภัทรดนัยก็โผล่ออกมา คว้าตัวกริสน์เอาไว้เสียก่อน
“ไอ้กริสน์ๆ ชั้นมีอะไรจะบอก เรื่องใหญ่มาก”
“เฮ้ย อะไรของแก..ปล่อยชั้นก่อน..ชั้นต้องไปห้ามแจ๊สก่อน” กริสน์รีบบอก
“นี่มันเรื่องใหญ่นะเว้ย” ภัทรดนัยย้ำ
“เอาไว้ก่อน หลบไป!”
กริสน์พูดแล้วผลักภัทรดนัยออก เขาจะพุ่งไปหาแจ๊ส แต่ก็ไม่ทัน เพราะแจ๊สขึ้นแท็กซี่ไปแล้ว จังหวะเดียวกับที่พวกพิมมาดาวิ่งเข้ามา
“แจ๊สๆ” กริสน์พยายามเรียก
“แจ๊ส!!! เต๋า เต้ย ตามไปเดี๋ยวนี้!” พิมมาดาสั่ง
เต๋ากับเต้ยรีบวิ่งตามรถแท็กซี่ไป
“คุณพิม คุณไม่ต้องห่วงนะ ผมจะไปตามแจ๊สกลับมาให้ได้” กริสน์รับปาก
“นายไม่ต้องยุ่ง!! จะไปไหนก็ไป” พิมมาดาไล่ “ที่หลานชั้นเป็นแบบนี้ก็เพราะนาย..เพราะนายคนเดียว!! ชั้นจ้างนายมา ให้นายสอนหลานชั้นให้เป็นคนดี..แล้วนี่อะไร ทั้งขโมย ทั้งโกหก ก้าวร้าว ..แจ๊สทำอะไรแย่กว่าสมัยที่นายยังไม่มาอยู่ซะอีก ..คนเลวๆก็สอนเป็นแต่เรื่องเลวๆ”
“ผมก็ไม่รู้ว่าแจ๊สเป็นอย่างนี้ได้ไง แต่ผมจะ..” กริสน์พยายามแก้ตัว
“นายไม่ต้องทำอะไรแล้ว!!! ชั้นไล่นายออก!”
“คุณพิม..” กริสน์ช็อค
เค้กก็ตกใจ “พิม!”
“น้าพิมไล่น้ากริสน์ออกไม่ได้..น้าพิมกำลังเข้าใจผิด..จริงๆแล้ว น้ากริสน์เป็นใคร น้าพิมรู้ไหม” โจ๊กพยายามบอก
“ลูกพี่ บอกความจริงน้าพิมไปสิ” จีจ้ากระตุ้นกริสน์
“ความจริง?” กริสน์งง
“ความจริงอะไร?” เค้กงงไปด้วย
“ก็เรื่องที่นายทุกข์ระทมโกงมรดกของตระกูลลูกพี่ไปไง” จีจ้าพูด
“หา..” พิมมาดางงหนัก
“ความจริงแล้ว น้ากริสน์คือคุณชาย..ทายาทที่แท้จริง ที่ต้องได้รับทรัพย์สมบัติทั้งหมดของตระกูลสว่างวงศ์ แต่น้ากริสน์เป็นคนดี เลยถูกนายทุกข์ระทมวางแผนฮุบเงินทั้งหมดไป..น้ากริสน์เลยต้องมาตกระกำลำบากอย่างนี้” โจ๊กเล่าเป็นเรื่องเป็นราว
“ความคิดพวกนี้มันอะไร..นายสอนอะไรหลานชั้น!” พิมมาดายิ่งเครียด
“เอ่อ คือ..” กริสน์อ้ำอึ้ง
“ที่หลานชั้นเกลียดคุณสุขสันต์ก็เพราะโดนป้อนความคิดเพ้อเจ้อพวกนี้เหรอ!!..วิธีของนายมัน..สกปรก ทุเรศ หน้าไหว้หลังหลอก นายไม่ใช่ลูกผู้ชาย..ชั้นเกลียดนาย จะไปตายที่ไหนก็ไป” พิมมาดาไล่
“คุณพิม ฟังผมก่อน” กริสน์อ้อนวอน
“ชั้นไม่ฟัง วันนี้นายเป็นคุณชาย..แห่งตระกูลสว่างวงศ์ปลอมตัวมาใช่ไหม!! อีกหน่อย นายก็คงบอกเด็กๆ ว่านายคือร้อยตำรวจเอกปลอมตัวมาล่ะสิ คนเลว!!! ไปไหนก็ไป ไป!” พิมมาดาโมโหจนตบกริสน์หน้าหงาย แล้วคว้ามือเด็กๆ เอาไว้ “โจ๊ก จีจ้า เข้าบ้าน”
พิมมาดาลากจีจ้ากับโจ๊กออกมาตามทาง เค้กเดินตามหลัง
“ปล่อยนะๆๆ เราไม่กลับๆ” โจ๊กกับจีจ้าขัดขืน
เต๋ากับเต้ยวิ่งหอบกลับมา “คุณพิมๆๆ เราตามน้องแจ๊สไม่ทันค่ะ แท็กซี่หายไปเร็วมากเลย”
“ตามไม่ทันได้ยังไง ทำไมไม่เรียกแท็กซี่ไล่ตามไป” พิมมาดาถาม
“เราพยายามเรียกแล้ว แต่ไม่มีแท็กซี่รับเราขึ้นสักคน” เต้ยบอก
“แล้วแบบนี้ เราจะไปตามหาน้องแจ๊สที่ไหน น้องแจ๊สไปไหน ไปทำอะไร กับใคร พวกเราไม่รู้กันเลย..ถ้าเกิดถูกหลอกไปทำอะไรไม่ดีขึ้นมา จะทำยังไง”
“แจ๊ส..ทำไมทำกับน้าแบบนี้” พิมมาดาคร่ำครวญ
โจ๊กกับจีจ้าดิ้นจนหลุด โจ๊กถอยมาพูดกับพิมมาดาด้วยเสียงดัง
“น้าพิมอยากเข้าบ้านก็เข้าไปคนเดียว ผมไม่เข้า”
“จีจ้าก็ไม่เข้า จีจ้าจะไปอยู่กับลูกพี่” จีจ้าเสียงดังด้วย
โจ๊กกับจีจ้าวิ่งกลับไป
“โจ๊ก จีจ้า กลับมา!” พิมมาดาสั่ง
“โอ๊ย นี่มันเรื่องวุ่นอะไรกันเนี่ย!” เค้กปวดหัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
กริสน์ยืนนิ่งอยู่กับที่ เขากุมแก้มที่โดนตบแล้วถึงกับอึ้ง ภัทรดนัยที่อยู่ข้างๆ ตบบ่าปลอบใจ “เรื่องยัยเจ๊โหด ตบระเบิด เดี๋ยวค่อยคิดหาทางแก้แล้วกันนะ..แต่ตอนนี้แกต้องดูนี่ก่อน”
ภัทรดนัยหยิบใบผลตรวจให้ “ผลตรวจฉี่นายปาล์ม ไม่พบอะไรเลย..มันน่าแปลกมาก”
กริสน์นิ่ง ไม่พูดตอบอะไรภัทรดนัยเลย โจ๊กกับจีจ้าวิ่งมาหา “น้ากริสน์!”
จีจ้าโผเข้าไปกอดกริสน์ “ลูกพี่อย่าทิ้งพวกเราไปนะ”
“จีจ้า โจ๊ก.. แต่..น้าพิมไล่ชั้นออกแล้วนะ” กริสน์พูดเศร้าๆ
พิมมาดาวิ่งตามมา “โจ๊ก จีจ้า กลับบ้านกับน้าเดี๋ยวนี้”
จีจ้ากับโจ๊กหลบหลังกริสน์ ไม่ยอมกลับไปกับพิมมาดา
“มาแล้ว ยัยปีศาจหิมะ ไร้หัวใจ ยอดนักตบหน้าเน็ต” ภัทรดนัยพูดเบาๆ
“น้าบอกให้มาหาน้า..ไม่ได้ยินหรือไง!! พวกเธอเห็นคนอื่นดีกว่าน้าแท้ๆอีกเหรอ”
“ทีน้าพิมยังเห็นคนอื่นดีกว่าหลานแท้ๆได้เลย” จีจ้าบอก
“ถ้าพวกเธอไปกะ..นายคนนั้น น้าจะแจ้งตำรวจ ว่านายกริสน์ล่อลวง ลักพาพวกเธอไป ให้ตำรวจจับเค้าไปขังคุกซะให้เข็ดเลย” พิมมาดาขู่
“คุณพิมครับ..ขอผมคุยกับเด็กๆแป๊บนึงได้มั้ย..นะครับ..แล้วเด็กๆจะกลับบ้านไปกับคุณ” กริสน์ขอ
พิมมาดาทำท่าจะไม่ยอม แต่เค้กเข้ามาดึงพิมมาดาไว้ “ลองดูเขาก่อนพิม ถ้ามีอะไร ชั้น เต๋า เต้ย จะช่วยเธอสู้สุดชีวิต”
“ใช่ค่ะ” เต๋ากับเต้ยสนับสนุน
พิมมาดาได้ยินเช่นนั้นก็ต้องจำยอม
กริสน์ลงนั่งคุกเข่าเพื่อคุยกับเด็กๆ “โจ๊ก จีจ้า..ฟังนะ..ถ้าพวกเธอทำแบบนี้ น้าพิมเค้าก็จะยิ่งเกลียดน้ามากขึ้น แล้วก็กีดกันเรามากขึ้น เราต้องทำเป็นยอม...ทำเป็นกลัวเค้า เชื่อฟังเค้าไปก่อน ให้เค้าตายใจ..ว่าเราไม่ใช่แก๊งเดียวกัน”
“แล้วน่ากริสน์ก็จะแกล้ง..ไปจากพวกเรางั้นเหรอ” โจ๊กถาม
“ใช่..แกล้งทำเป็น..ไปจากบ้านนี้..สักพัก..เนอะๆ” กริสน์บอกเด็กๆ
“น้ากริสน์จะไปกี่วัน” จีจ้าถาม
“ก็..อาจจะ..สองสามวัน” กริสน์ตอบเสียงอ่อย
“สองสามวัน..แปลว่า..สองสามคืน..น้ากริสน์จะทิ้งให้พวกเรานอนเอง”
“แล้วสองสามเช้า ตื่นเอง ไปโรงเรียนเอง..แล้วสองสามเย็น..น้ากริสน์จะไม่ไปรับเรา”
“น้าพิมอาจส่งเราไปอินเดียคราวนี้แหละ” จีจ้าโอดครวญ
“ไม่หรอก..น้าไม่ยอมหรอก” กริสน์ให้กำลังใจ
“แต่น้ากริสน์ไม่มีสิทธิ์นี่ครับ มีแต่น้าพิม..ที่มีสิทธิ์เหนือพวกเรา” โจ๊กบอก
โจ๊กกับจีจ้ามองหน้ากัน แล้วทั้งคู่ก็โผเข้ากอดกริสน์แล้วร้องไห้ กริสน์งงๆ “เอ้อ..พวกเรา..ไม่เอา อย่าร้องไห้สิ”
พิมมาดามองอย่างแปลกใจ เธอทำท่าจะเข้าไปห้ามแต่เค้กคว้าแขนเอาไว้พร้อมกับปรามว่าอย่าเข้าไป กริสน์ที่ถูกเด็กๆ กอดอยู่มีท่าทีอึกอักเพราะไม่รู้จะปลอบเด็กๆ ยังไง
“ผมจะทำตัวให้เลวกว่าเดิม ผมจะอาละวาด ผมจะประชดชีวิต” โจ๊กบอก
“จีจ้าจะทำตัวเป็นขยะสังคม ฮือๆ” จีจ้าผสมโรงด้วย
“ไม่นะ ไม่ได้..เราต้องทำตัวเป็นเด็กดี ไม่ว่าชั้นจะอยู่ หรือไม่อยู่ น้าพิมก็กำลังตกอยู่ในอันตราย ที่คนไม่ดี มันจะฉวยโอกาส ถ้าพวกเราประชด ก็จะเข้าแผนของมัน มันจะอ้างว่าเพราะเราเป็นเด็กเหลือขอ แล้วจะส่งเราไปให้พ้นทาง แล้วมันก็จะมาครอบครองน้าพิมสำเร็จ”
“โจ๊กไม่ยอม”
“จีจ้าก็ไม่ยอม ฮือๆๆ”
“ชั้นก็ไม่ยอม..จีจ้าอย่าร้อง..ลูกพี่สัญญา ว่าลูกพี่จะไม่หายไป จะแอบดูอยู่แถวๆนี้ ลูกพี่จะ..” กริสน์มองไปเห็นเค้กจึงเกิดไอเดีย “น่าจะมาสมัครงาน..เป็นลูกจ้างน้าเค้ก แล้วมองเรามาจากร้านฝั่งตรงข้าม..น้าพิมไม่มีสิทธิ์มาห้ามชั้นแน่ แล้วพอน้าพิมเผลอ เราก็จะย่องมาเจอกัน”
หลังจากกอดกริสน์สักพัก โจ๊กกับจีจ้าก็ผละออก โจ๊กคว้ามือกริสน์มาจับไว้ “เราจะเจอกันทุกวันนะครับ”
จีจ้าเข้ามาจับมือด้วย “เราจะพยายาม เป็นเด็กดี ไม่ให้ใครมาพรากเราไปจากน้าพิมได้ ! แต่..ลูกพี่ห้ามทิ้งพวกเราไปเด็ดขาดนะ”
กริสน์ โจ๊ก และจีจ้าจับมือกันอยู่พักใหญ่ กริสน์ลุกขึ้นยืนแล้วถอยออก โจ๊กกับจีจ้าเดินกลับไปหาพิมมาดา พิมมาดามองหลานอย่างแปลกใจก่อนจะจูงเด็กๆ กลับเข้าบ้านไป โดยที่ยังไม่ยอมมองกริสน์
กริสน์ได้แต่มองตามแบบน้ำตาคลอ ภัทรดนัยเห็นเหตุการณ์จึงเข้ามาปลอบ
“เพื่อน..ทำใจเถอะวะ อย่าไปรักลูกหลานชาวบ้านให้มากเกินไป เรามันคนอื่น.. อย่าใส่อารมณ์ให้มากเกินไป..ไม่งั้น..เราก็จะต้องเสียใจ เพราะเอาเข้าจริง เราก็ไม่มีสิทธิ์อะไรทั้งนั้น เราไม่มีสิทธิ์ๆๆๆ ท่องไว้ๆๆๆเพื่อน”
กริสน์เดินหนี ภัทรดนัยรีบเดินตาม
กริสน์วิ่งมาถึงข้างถนนบริเวณหนึ่ง ภัทรดนัยรีบวิ่งตามมาจับตัวเขาไว้
“เฮ้ยๆๆ ไอ้กริสน์ แกจะรีบไปไหนวะ หยุดๆ”
“ชั้นจะไปตามหาแจ๊ส” กริสน์บอก
“ตามหาอะไร แกจะไปตามที่ไหน ไปตอนนี้แกก็หาไม่เจอหรอก ปล่อยให้ยัยเจ๊โหดตามหาเถอะ”
“ชั้นเป็นพี่เลี้ยงเด็ก แกจะให้ชั้นนิ่งดูดายได้ไงวะ”
“แกไม่ได้เป็นพี่เลี้ยงเด็กแล้ว ยัยเจ๊โหดเพิ่งไล่แกออกหยกๆ..แกอย่าอินให้มากนักดิวะ..แกไม่ได้เป็นคนรักเด็กขนาดนี้นะ”
“ชั้น..ชั้นแค่ไม่อยากเห็นเด็กที่เคยดูแลเป็นอันตราย” กริสน์ทำท่าจะเดินไป แต่ภัทรดนัยเข้ามาขวางไว้
“โอเคๆๆ งั้นแกก็ช่วยรายงานมาก่อนได้มั้ย ว่าไอ้ที่แกไปถึงบ้านนายสุขสันต์ที่เขาใหญ่ แกได้อะไรมาบ้าง หรือว่าแกมัวแต่อินกับเด็กๆจนลืมภารกิจไปแล้ว”
“ในขนมสวีทโอปอมียาเสพติด..เป็นยาชนิดพิเศษที่ตรวจไม่พบ..และคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้ก็คือนายสุขสันต์”
“เฮ้ย มันชัดเจนอย่างนั้นเลยเหรอ แกมีหลักฐานอะไร” ภัทรดนัยงง
“หลักฐานทั้งหมดอยู่ในนี้” กริสน์หยิบมือถือที่พังไปแล้วออกมา “แกเอาไปกู้ข้อมูลให้ได้แล้วกัน..หลบ” กริสน์ทำท่าจะเดินไป
“เฮ้ยๆๆ แกจะให้กู้อะไร สภาพแบบนี้ ต้องฌาปนกิจอย่างเดียวแล้ว”
“งั้นก็ไม่ต้องกู้ บุกไปจับตัวนายสุขสันต์ได้เลย” กริสน์เสนอ
“จะให้บุกจับคนระดับนายสุขสันต์ ทั้งๆที่ไม่มีหลักฐานอะไรแน่ชัดเนี่ยนะ..แกก็รู้ว่ามีแต่คนโง่เท่านั้นที่ทำกัน”
“ก็ชั้นได้ยินมากับหู เห็นมากับตา มันชัดเจนทุกอย่างแล้ว แกจะเอาอะไรอีก”
“เอาหลักฐานสิวะ..อะไรก็ได้ สักอย่าง ที่เอาผิดนายสุขสันต์ได้..ถ้าแกหามาไม่ได้ แกก็ต้องไปกับชั้น ไปเอาหลักฐานกัน!”
ภัทรดนัยคว้าคอแล้วลากกริสน์ให้ตามไป
ป้ายงานประกวดเต้นติดอยู่ทั่วบริเวณ แจ๊สเดินเข้ามายืนมองป้ายงานด้วยหน้าตามุ่งมั่น เธอกำลังจะเดินเข้าไปที่โต๊ะลงทะเบียน แต่อยู่ๆ ก็มีพ่อแม่จูงลูกเดินตัดหน้าเธอไป “ลูกขา ลงทะเบียนเลยค่ะ”
แจ๊สชะงักแล้วหยุดมองรอบๆ เธอเห็นเด็กคนอื่นๆที่มาประกวดมีทั้งที่มากับโรงเรียน มากับเพื่อนๆ และมากับพ่อแม่ ทุกคนหัวเราะอย่างมีความสุข
“ไม่มีใครมาคนเดียวเหมือนเราเลย เฮ้อ..” แจ๊สพยายามฮึดสู้ “มาถึงขนาดนี้แล้ว เราต้องสู้..สู้ๆ จะได้มีเงินไปคืนน้าพิม”
ทันใดนั้น ครูฟ้าใสก็เดินลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่นำพวกเด็กๆ ทีมเต้นเข้ามา ครูฟ้าใสแหวกทุกคนที่ขวางอยู่รวมทั้งแจ๊สให้หลบไป
“เอ็กซะคิ้วหมีๆๆ ทีมสตาร์แด๊นซ์มารายงานตัวแล้วค่ะ เอ้า สติ้วเด้นท์ๆๆ ไปเตรียมตัวกันเลยนะคะ เดี๋ยวครูรีจิสเต้อร์ให้ โกๆๆ”
กลุ่มเด็กๆ ทีมเต้นเข้าไปเตรียมตัวที่ห้องอีกด้าน ครูฟ้าใสหันมาพูดกับเจ้าหน้าที่
“ไม่ทราบว่า มีเตารีดไอน้ำให้ยืมมั้ยคะ พอดีว่าเอาคอสตูมมาเต็มกระเป๋าเลย กลัวมันยับ..ถ้ามีช่วยจัดไปให้ด้วยนะคะ แท้งคิ่ว” ครูฟ้าใสมานั่งลงทะเบียนจนเสร็จ พอหันกลับมาก็เห็นแจ๊สยืนอยู่ แต่ครูฟ้าใสก็จำแจ๊สไม่ได้
แจ๊สยกมือไหว้ครูฟ้าใสโดยอัตโนมัติ “สวัสดีค่ะครู”
ครูฟ้าใสมองอย่างงงๆ “แหม ชั้นไม่ใช่กรรมการ ไม่ต้องมาไหว้ขอคะแนนหรอกจ้ะ..หนูจะใส่ชุดนี้ประกวดเหรอ..หึๆๆ สวยจ้ะ สวยมาก”
ครูฟ้าใสยิ้มเยาะๆ แล้วเดินผ่านแจ๊สไป
“ครูฟ้าใส จำเราไม่ได้เหรอเนี่ย” แจ๊สงง
พิมมาดาเดินกลับเข้ามาในบ้าน เธอเดินพุ่งเข้ามาด้วยท่าทางเร่งรีบ
“พิม เดี๋ยวๆๆๆ เธอจะทำอะไร ไม่ออกไปตามหาแจ๊สเหรอ” เค้กแปลกใจ
“เธอรู้เหรอว่าแจ๊สไปไหน จะไปตามที่ไหน..ชั้นถึงต้องกลับมาหาให้ได้ว่าแจ๊สไปไหนไปทำอะไรไง”
“หายังไง” เค้กถาม
พิมมาดารีบวิ่งขึ้นบันได แล้วเข้าไปในห้องแจ๊ส คนอื่นๆ วิ่งตามเข้าไป
พิมมาดาเข้ามาในห้องของแจ๊ส
“เต๋า เต้ย ช่วยชั้นหาที ว่าแจ๊สรีบไปไหน” พิมมาดาขอ
“หา..เอ่อ เริ่มหา จากอะไร” เต๋าจับต้นชนปลายไม่ถูก
“อะไรก็ได้ หาไปเถอะน่า!” พิมมาดาสั่ง
เต๋ากับเต้ยรีบช่วยกันรื้อของ ทั้งหมดดูตามมุมต่างๆ ภายในห้อง ทั้งในตู้เสื้อผ้า ใต้เตียง ฯลฯ พิมมาดาค้นเจอกล้องวีดีโอที่แจ๊สซ่อนไว้ในลิ้นชักโต๊ะทำงาน “กล้องวีดีโอ?”
“ของชั้นเอง..วันก่อนน้องแจ๊สมายืม บอกว่าจะเอาไปทำรายงาน” เค้กบอก
“เด็กประถมทำรายงานอะไรต้องใช้กล้อง” พิมมาดาพูดแล้วรีบเปิดดูวิดีโอ เธอพบคลิปวิดีโอแจ๊สกำลังยืนอยู่หน้ากล้อง
“สวัสดีค่ะ ชื่อแจ๊สนะคะ” ภาพและเสียงของแจ๊สในคลิปวิดีโอชัดเจน “แจ๊สจะมาร้องและเต้นเพลง”
“น้องแจ๊สถ่ายคลิปตัวเองทำไมอ่ะ..ทำยังกับจะไปออดิชั่น” เต้ยสงสัย
“ออดิชั่นเหรอ..เต๋า เต้ย ตอนนี้มีออดิชั่นอะไรที่ไหน ยังไง พวกเธอได้ข่าวอะไรมั่ง..บอกมาเดี๋ยวนี้..ถ้าไม่ได้ข่าว พวกเธอก็เข้าเน็ต แล้วก็ค้นหามาเดี๋ยวนี้ว่าวันนี้มีการประกวดเต้นหรือร้องเพลงที่ไหนบ้าง เร็ว!”
“พิม..ลองเปิดเน็ต แล้วลองค้นดูในประวัติการเข้าเวปไซต์ที่น้องแจ๊สใช้สิ น่าจะเจอนะ” เค้กแนะนำ
พิมมาดารีบไปที่คอมพิวเตอร์ของแจ๊สทันที
“พี่แจ๊สไปประกวดเต้น” จีจ้าพูด
“แล้วน้าพิมก็กำลังจะตามไปอาละวาด แย่แล้ว” โจ๊กหวั่นใจ
ครูฟ้าใสเดินเข้ามาในห้องเตรียมตัวของผู้ประกวดเต้น ทีมสตาร์แด๊นซ์ของครูฟ้าใสแต่งตัวเสร็จแล้วเดินตามหลังมา ทั้งหมดเดินเป็นขบวนอย่างมีลีลา ทำให้ดูเหมือนกำลังเต้นอยู่ตลอดเวลา
ทุกคนในห้องเตรียมตัวมองมาอย่างทึ่งๆ แจ๊สก็นั่งอยู่ที่มุมหนึ่งในห้องนั้น ครูฟ้าใสได้ทีก็คิดจะข่มขวัญคู่แข่ง เธอรีบส่งสัญญาณให้เด็กๆ
“สตาร์แด๊นซ์ ดูคุณครูให้ดี ห้าหกเจ็ดแปด”
แล้วครูฟ้าใสก็เต้นโชว์หนึ่งสเต็ปสั้นๆ
“ขนาดครู ยังพลิ้วขนาดนี้ แล้วลูกศิษย์จะขนาดไหน โฮะๆๆ” ครูฟ้าใสหัวเราะร่วน
คนกำกับเวทีเข้ามาขานชื่อ “เดี๋ยวจะเรียกขึ้นเวทีตามลำดับนี้นะคะ ทีมแรก ทีมไฟเออร์แมชชีน..สอง ทีมพาวเวอร์บลอสซั่ม..สาม ทีมเท้าไฟแหล่ม..สี่ ทีมสตาร์แด๊นซ์”
“เย้!” ทีมสตาร์แด้นซ์กระโดดดีใจ
“พอๆๆ เก็บเอเนอจี้ไว้ใส่บนเวที..ถ้าจะดีใจ ครูดีใจให้เอง..ห้าหกเจ็ดแปด” ครูฟ้าใสห้ามศิษย์แล้วก็โชว์เต้นเองหนึ่งสเต็ปสั้นๆ
“แล้วสุดท้าย ทีม..เอ่อ..น้องแจ๊ส..คนไหนคะ” คนกำกับเวทีเรียกหา
“หนูค่ะ” แจ๊สยกมือ
“ไม่มีชื่อทีมใช่มั้ยคะ” ผู้กำกับเวทีถาม
“แจ๊สมาคนเดียว ไม่มีทีมค่ะ ใช้ชื่อแจ๊สเลยค่ะ” แจ๊สว่า
“หนูชื่อแจ๊สเหรอ..เอ..ชื่อและหน้าตา ดูคุ้นๆนะ” ครูฟ้าใสหันมาทางแจ๊ส
“แจ๊สเองค่ะครูฟ้าใส แจ๊สมาประกวดด้วย” แจ๊สบอก
ครูฟ้าใสทำตาโตเพราะจำได้ “ว้าย! อุ๊ยตาย! คุณพระ! โอ้มายก็อด!! อันบีลีฟเอเบิ้ล!! ว้อทส์แฮปเพน!! เกิดอะไรขึ้นกับเธอ”
“อย่าบอกนะว่า เธอจะมาประกวดด้วย ฮ่าๆๆ แล้วชุดอะไรอ่ะ อี๋ ฮะๆๆ” หัวหน้าทีมสตาร์แด็นซ์จิกกัด ทุกคนในทีมหัวเราะเยาะเย้ย
“คุณทีมงานคะ..เด็กคนนี้ ขอถอนตัวค่ะ” ครูฟ้าใสถือวิสาสะบอก
“ครูฟ้าใส..ไม่ค่ะ แจ๊สไม่ถอน แจ๊สจะประกวด” แจ๊สย้ำ
“เธอประกวดไม่ได้ ครูไม่ยอม..เสื้อผ้า หน้าผม และฝีมือเธอ มันแรงไป..ทูมั่ช โซมั่ช เวรี่มัช..แล้วเธอก็ไม่ได้เต้นเก่งอะไร..ครูจะไม่ให้เธอเอาชื่อเสียงเกียรติยศของโรงเรียนขึ้นไปย่ำยีในที่สาธารณะเด็ดขาด..เธอต้องถอนตัว!” ครูฟ้าใสบอก
“ทีมแรกเตรียมตัวนะคะ อีกสิบนาทีเริ่มค่ะ” คนคุมเวทีแจ้งกำหนดการ
“แจ๊สจะประกวด..ยังไงแจ๊สก็จะประกวด..คุณครูหรือใครก็ห้ามแจ๊สไม่ได้”
แจ๊สยืนยัน ครูฟ้าใสไม่พอใจจึงแอบคิดจะทำอะไรสักอย่าง
ภัทรดนัยวางสายแล้วยื่นมือถือคืนให้กริสน์ ทั้งคู่อยู่ที่บริเวณสำนักงานขนมสวีทโอปอล์
“เอ้า ชั้นจัดการสั่งลูกน้อง ช่วยตามหาแจ๊สให้แล้ว..ทีนี้แกจะเลิกกระวนกระวายห่วงเด็กได้ยัง จะทำงานได้ยัง”
“เออ แกพาชั้นมาที่ออฟฟิศขนมสวีทโอปอ..แกคิดจะทำอะไร” กริสน์ถาม
“แกได้ยินมากับหูไม่ใช่เหรอว่า มียาเสพติดในขนม..ชั้นเชื่อแก..แต่ชั้นต้องการหลักฐาน”
“อ้อ แกคิดจะแอบเข้าไปขโมยหลักฐาน..แกเห็นนั่นยัง”
กริสน์ถามแล้วชี้ให้มองไปด้านหน้า ทั้งสองเห็นขบวนรถหรูสามคันแล่นเข้ามาจอด กลุ่มบอดี้การ์ดของจตุพลออกมาต้อนรับใครบางคนแล้วพาเข้าไปในออฟฟิศ
“ท่าทางพวกมันจะมีแขกสำคัญ..ระดับรักษาความปลอดภัยเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว..แกจะเข้าไปยังไง” กริสน์ถาม
“มันต้องการความปลอดภัย ชั้นก็จะเป็นความปลอดภัยให้มันเอง” ภัทรดนัยบอก
ยามคนนึงกำลังเดินตรวจตราอยู่บริเวณประตูด้านหลังของสำนักงานสวีทโอปอล์ พอยามเดินผ่านช่วงเหลี่ยมตึก ก็มีคนพุ่งมาปิดปากแล้วดึงตัวเข้าไป
ยามอีกคนเอะใจที่เพื่อนหายไป จึงเดินเข้าไปดู ทันใดนั้นก็มีคนจากด้านหลังใช้ไม้หน้าสามฟาดศรีษะยามแล้วลากหายเข้าไปหลังเหลี่ยมตึกเช่นกัน
กริสน์ในชุดยามที่ค่อนข้างพอดีตัว ส่วนภัทรดนัยอยู่ในชุดยามที่ไม่พอดีกับตัว เพราะกางเกงขาสั้นเต่อ เสื้อรัดติ้วและเอวลอย ทำให้ภัทรดนัยต้องดึงกางเกงขึ้นมาสูงๆ
“ทำไมมันไม่จ้างยามตัวโตๆหน่อยวะ” ภัทรดนัยบ่น
“มีคนมา” กริสน์บอก
บอดี้การ์ด2คนเดินสวนมา กริสน์กับภัทรดนัยรีบก้มหน้าเดินผ่านไป บอดี้การ์ดทั้งสองมองตามจนเหลียวหลังแล้วก็ส่งเสียงเรียก “เฮ้ย!”
กริสน์กับภัทรดนัยชะงักนิ่งแล้วยืนตัวเกร็ง
“แกสองคน มาทำอะไรในนี้” บอดี้การ์ดถามเสียงเข้ม
“เอ่อ มา..” ภัทรดนัยพยายามคิดคำตอบ
“เข้าห้องน้ำครับ” กริสน์ต่อให้
“เข้าห้องน้ำเหรอ..พวกแกไปบอกแม่บ้าน ให้ยกสำรับทุกอย่างมาได้ เดี๋ยวนี้เลย ไป” บอดี้การ์ดสั่ง
“ครับๆ” ภัทรดนัยกับกริสน์รับคำ ทั้งสองรีบเดินเลี้ยวผ่านมุมตึกไป บอดี้การ์ดมองตาม เมื่อมองไปที่เสื้อผ้าของภัทรดนัยที่ไม่พอดีตัว บอดี้การ์ดทั้งสองก็แปลกใจ แต่ก็ไม่เอะใจอะไร บอดี้การ์ดหันหลังแล้วเดินต่อ
กริสน์กับภัทรดนัยโผล่หน้าออกจากมุมตึก
“แขกของพวกมันคือใคร” กริสน์สงสัย
“ใครก็ช่าง..เรารีบไปทำงานของเราดีกว่า” ภัทรดนัยมองไปที่ป้ายห้องแล็ป “อะฮ้าๆ ชั้นเจอแล้ว..ว่าเราจะได้หลักฐานจากที่ไหน..ไป” ภัทรดนัยหันมาก็พบว่ากริสน์หายไปแล้ว “อ้าว เฮ้ย”
ภัทรดนัยเห็นกริสน์เดินตามพวกบอดี้การ์ดไปแล้ว
“ไอ้..ไอ้สายสืบแนว..คิดว่านอกกรอบแล้วเท่เหรอ”
อ่านต่อหน้า 3 วันนี้ (26 ม.ค. 2555) เวลา 18.00 น.
มือปราบพ่อลูกอ่อน 10 (ต่อ)
กริสน์เดินกลับมา แล้วหยุดมองอยู่ห่างๆ ทีมแม่บ้านยกสำรับอาหาร และผลไม้เดินผ่านไป โดยมีบอดี้การ์ดเข้ามาห้อมล้อมที่หน้าห้องหนึ่ง กริสน์จับตามอง แต่อยู่ๆ ก็มีคนมาแตะบ่า
“แกมาทำอะไรตรงนี้” ภัทรดนัยที่มาแตะบ่าเอ่ยถามเขา
“เฮ้ย...ตกใจหมดเลย...แกไม่อยากรู้เหรอวะว่าแขกของพวกมันคือใคร..ทำไมพวกมันถึงต้อนรับใหญ่โตขนาดนี้..ต้องไม่ใช่นายสุขสันต์แน่ ต้องเป็นนายทุนคนใหม่”
“แกจะอยากรู้อะไรนักหนา ไป” ภัทรดนัยเร่งเพื่อน
“ขอชั้นดูก่อน”
จตุพลกับน้อมพงษ์เดินนำใครคนหนึ่งเข้ามา กริสน์พยายามมองว่าเป็นใคร แต่พวกบอดี้การ์ดก็ยืนห้อมล้อมจนมองไม่เห็นแขกคนนั้น แต่ไม่นานกลุ่มบอดี้การ์ดก็ค่อยๆแหวกออก เผยให้เห็นว่าแขกคนสำคัญนี้ก็คือเมทินี ซึ่งเดินสวยสง่า หัวเราะยิ้มแย้มอยู่ท่ามกลางวงล้อมของหนุ่มๆ
“คุณเมทินี” กริสน์ตกใจ
กริสน์ได้แต่อึ้งและตกตะลึง
เมทินีกำลังจะเดินเข้าห้อง แต่อยู่ๆ ก็ชะงัก เธอมองผ่านพวกบอดี้การ์ดไปที่กริสน์แล้วทำหน้าสงสัยเหมือนเห็นคนคุ้นหน้า กริสน์ไหวตัวเลยรีบผลุบหลบไปทันที
“มองอะไรอยู่เหรอครับคุณเมทินี” จตุพลถาม
“เปล่าค่ะ “ เมทินีบอก
“งั้นก็..เชิญครับ” จตุพลผายมือ
“คุณจตุพลชวนนีเข้าห้อง..บ้า เห็นนีเป็นผู้หญิงยังไงอ้ะ..เข้าก็ด้ะ”
เมทินีทำเป็นเล่นตัวแต่ก็ควงแขนจตุพลเดินเข้าห้องไป
กริสน์กับภัทรดนัยหลบมาอีกด้านของมุมหนึ่งที่อยู่ใกล้ห้องแล็บ
“แกช่วยจดจ่อกับเป้าหมายหน่อยได้มั้ยไอ้กริสน์..เราต้องการแค่หลักฐานเกี่ยวกับที่จะเอาผิดนายสุขสันต์ได้..นอกนั้นแกไม่ต้องสนใจ..ได้มั้ย!”
“คุณเมทินี..ร่วมมือกับพวกมันด้วยเหรอ” กริสน์ยังคงตกตะลึง
“เว้ย แกได้ยินที่ชั้นพูดมั้ย”
ระหว่างนั้นก็มีเจ้าหน้าที่ของห้องแล็บคนหนึ่งเดินเข้าและเดินออกมาห้องแล็บ ภัทรดนัยมอง สังเกตจังหวะการเปิดและปิดของประตูบานนั้น
“สิ่งที่เราต้องการอยู่ในนั้น..ส่วนผสม สารประกอบที่แท้จริงของขนมสวีทโอปอ..สารที่พวกมันใส่ลงไป แต่ไม่ได้แจ้งให้ทางการตรวจสอบ..เราต้องเข้าไปเอามา”
ภัทรดนัยกำลังพูดแผนการแต่อยู่ๆ กริสน์ก็รับมือถือ “ฮัลโหล”
“ฮัลโหลว ฮัลเหลวอะไร” ภัทรดนัยหันมาเห็นกริสน์รับโทรศัพท์อยู่ “เฮ้ย นี่แกรับโทรศัพท์เหรอ..เรามาทำงานนะเว้ย โอ๊ย วางสายเดี๋ยวนี้!”
“ชู่ว์ๆๆ..ว่าไงนะครับครูฟ้าใส ผมได้ยินไม่ค่อยชัด” กริสน์พยายามฟังเสียงของคนที่โทรเข้ามา
ครูฟ้าใสกำลังยืนหลบมุมคุยมือถืออยู่ ที่งานประกวดเต้น
“คุณกริสน์ต้องรีบมารับน้องแจ๊สด่วนเลยนะคะ”
“แจ๊ส..คุณครูอยู่กับแจ๊สเหรอครับ” กริสน์ถาม
“ใช่ค่ะ แกอยู่กับฟ้าใส ที่งานประกวดเต้น..แกมาประกวดเต้นค่ะ..มันเป็นอะไรที่ผิดมากๆ.. ที่นี่มีแต่คนเก่งๆ ถ้าน้องแจ๊สประกวดแล้วแพ้ขึ้นมา..มันจะเป็นปมด้อยของแกไปตลอดชีวิต..ฟ้าใสเป็นห่วงแก พยายามห้ามแกแล้วก็ไม่ฟัง..คุณกริสน์เป็นผู้ปกครอง รีบมาห้ามน้องแจ๊สด้วยตัวเองเถอะค่ะ”
“ครับๆ ผมจะไปเดี๋ยวนี้” กริสน์วางสาย
ภัทรดนัยที่ได้ยินการสนทนารีบล็อกคอกริสน์ไว้ทันที “แกจะไปไหนไม่ได้ แกยังมีงานต้องทำ”
“ชั้นต้องไปหาแจ๊ส” กริสน์พูดจริงจัง
“แจ๊สอยู่กับคุณครูแล้วไม่ใช่เหรอ ก็แสดงว่าปลอดภัยแล้ว แกตามไปอีกคนมันก็ไม่มีประโยชน์..อยู่ทำงานให้เสร็จก่อน”
“แต่... “ กริสน์จะต่อรอง
“ไม่ต้องแต่!” ภัทรดนัยยืนกราน
กริสน์จ๋อยเพราะรู้ว่าเถียงไม่ได้แน่ๆ “โอเค..โอเค”
เจ้าหน้าที่ห้องแล็บอีกคนเดินมาแล้วใช้ฝ่ามือสแกนที่หน้าจอ สัญญาณไฟเขียวแสดงขึ้น ประตูห้องแล็บเปิดออก เจ้าหน้าที่คนนั้นเดินเข้าไป ประตูกำลังเคลื่อนปิดอัตโนมัติ ภัทรดนัยอาศัยจังหวะรีบไสกระบองยามไปขัดที่ประตูไว้ ก่อนประตูจะปิดลง
“ไปเร็ว!” ภัทรดนัยรีบลากกริสน์ไป
“เดี๋ยวชั้นดูต้นทางให้ แกเข้าไปก่อน”
กริสน์บอกแล้วผลักให้ภัทรดนัยเข้าประตูไปก่อน ส่วนกริสน์ทำเป็นดูต้นทางให้
ภัทรดนัยเดินเข้ามาในห้องแล็บ เขาหยิบเสื้อกาวน์ที่แขวนอยู่ที่ราวใกล้ประตูขึ้นมาสวม แล้วหันไปกวักมือเรียกกริสน์
“ทางสะดวก แกเข้ามาเร็วๆ” ภัทรดนัยหันไปเห็นว่าประตูห้องแล็บปิดลงแล้ว “อ้าว เฮ้ย..แกเข้ามาแล้วเหรอ อยู่ไหนวะ” ภัทรดนัยมองหาและรู้ว่ากริสน์ไม่ได้เข้ามา “เฮ้ย!! ไอ้กริสน์ แก..ทำไมไม่เข้ามา” ภัทรดนัยพยายามจะเปิดประตู แต่ก็เปิดไม่ออก “แกทิ้งชั้น ชั้นเกลียดแก๊”
กริสน์ยืนอยู่ที่หน้าห้องแล็บที่ประตูปิดสนิทแล้ว เขาพูดพึมพำกับตัวเอง
“ชั้นมั่นใจว่าแกดูแลตัวเองได้ แต่แจ๊สยังเด็ก ชั้นต้องไปจริงๆ..โทษทีนะเพื่อน”
กริสน์รีบเดินออกไป
ทีมเต้นทีมนึงกำลังโชว์อยู่บนเวทีการประกวด กองเชียร์เป็นกลุ่มคอยเชียร์อยู่ ทันใดนั้น พิมมาดาก็เดินแหวกคนเข้ามาในงาน เต๋า เต้ย เค้ก โจ๊กและจีจ้าเดินตามมาด้วย
“คนเยอะอย่างนี้ จะเจอน้องแจ๊สมั้ย” เต้ยหวั่นใจ
“น้องแจ๊สมาประกวด ต้องเตรียมตัวอยู่ด้านหลังเวทีแน่นอน” เค้กสรุป
พิมมาดารีบเดินไป จังหวะเดียวกันกับที่ครูฟ้าใสเดินผ่านมา เมื่อเห็นพิมมาดาครูฟ้าใสก็รีบวิ่งมาหา
“คุณพิมมาดาๆๆๆ แล้วคุณกริสน์ล่ะคะ แวร์อิสท์ฮี? ทำไมคุณกริสน์ไม่มา หรือว่าคุณกริสน์ บอกให้คุณมา..โอ้ ฟ้าใสไม่ได้ตั้งใจจะไม่บอกคุณนะคะ แต่ฟ้าใสจำเบอร์คุณกริสน์ได้คนเดียว ซอรี่ๆค่ะ”
“ครูฟ้าใสคะ น้องแจ๊สอยู่ที่ไหนคะ” พิมมาดาถาม
“คัมม่อน ดีสเวย์ค่ะ”
ครูฟ้าใสกำลังจะพาพิมมาดาเดินไป แต่แจ๊สเดินออกมาพอดี
“แจ๊ส!” พิมมาดาเรียก
แจ๊สตกใจรีบถอยหนีไป
“หยุดนะ!” พิมมาดาตะโกนไล่หลังแจ๊ส
แจ๊สวิ่งหนีมาหลังเวที พิมมาดาวิ่งตามมาพลางตะโกนบอกคนที่อยู่แถวนั้น
“ใครก็ได้ช่วยจับเด็กคนนั้นที”
ทีมสตาร์แด๊นซ์ที่อยู่ตรงนั้นจะลุกขึ้นไปจับตัวแจ๊ส แต่ครูฟ้าใสรีบเข้ามาห้าม “สตาร์แด๊นซ์ อย่าๆๆ เก็บเอเนจี่ไว้บนเวที..ครูจับเอง” ครูฟ้าใสวิ่งต่อ “หยุดนะ!”
แจ๊สจะวิ่งไปอีกทางนึง แต่เต๋ากับเต้ยวิ่งมาดักไว้ แจ๊สจะหนีไปอีกทาง แต่เค้กก็มาดักไว้อีก แจ๊สไม่รู้จะไปทางไหนเลยตัดสินใจวิ่งขึ้นไปบนเวที
ทีมเต้นทีมนึงกำลังเต้นกันอยู่บนเวที แจ๊สวิ่งจากเวทีด้านนึงไปอีกด้านนึง สักพักแจ๊สก็วิ่งกลับมาอีก เพราะเต๋ากับเต้ยวิ่งต้อนกลับมา พอมาถึงกลางเวที เต๋ากับเต้ยก็หยุดโพสต์ท่าจบพร้อมเพรียงกับเด็กที่เต้นอยู่พอดี เต๋ากับเต้ยโค้งให้คนดูแล้ววิ่งตามแจ๊สต่อไป
กรรมการและคนดูปรบมือให้อย่างงงๆ พิมมาดา เค้ก เต๋า และเต้ยวิ่งมาเจอกันที่ด้านหลังเวที
“แจ๊สหายไปไหนแล้ว” พิมมาดาถาม
“เมื่อกี้ชั้นเห็นวิ่งมาทางนี้ เลยวิ่งตามมา ..พวกเธอไม่เจอเหรอ” เค้กสงสัย
“ไม่เจอเลย..น้องโจ๊ก น้องจีจ้า เห็นน้องแจ๊สมั้ย” เต๋าถาม
“ไปทางโน้น!” โจ๊กกับจีจ้าพูดพร้อมกันแต่ชี้ไปคนละที่)
“ไปทางไหนกันแน่..อย่าโกหกน้านะ” พิมมาดาเค้นความจริง
“ไปทางโน้น” โจ๊กชี้
“เดี๋ยวๆๆ ถ้าน้องแจ๊สวิ่งมาทางนี้จริงๆ แล้วจะหายไปไหนได้..ก็ทางไปมันมีแค่นี้ พวกเราต้องเจอสักคนสิ” เต้ยสงสัย
“เว้นแต่ว่าแจ๊สยังไม่ได้ไปไหน”
พิมมาดาพูดแล้วเหลือบจ้องโจ๊กกับจีจ้าแบบรู้ทัน โจ๊กกับจีจ้าเสียววาบเพราะกลัวจะถูกจับได้
กระเป๋าเดินทางของครูฟ้าใสวางอยู่กับพื้นบริเวณนั้น มีกองเสื้อผ้าทับอยู่ ที่ซิปของกระเป๋าไม่ได้รูดสนิท นิ้วมือของและลูกตาของแจ๊สโผล่ออกมาจากด้านในกระเป๋าเล็กน้อยแต่ยังไม่มีใครเห็น
“เราจะรออยู่ที่นี่ ให้แน่ใจว่าแจ๊สไม่ได้ขึ้นประกวด จนกว่าการประกวดจะเสร็จ” พิมมาดา
“งั้นพวกเราสองคนจะไปเฝ้าเวทีด้านโน้นไว้ ห้ามแจ๊สขึ้นเวทีเด็ดขาด” เต๋าเสนอ
“วิธีนี้เริดมากค่ะคุณพิม” ครูฟ้าใสเห็นด้วย
แจ๊สเครียดเพราะไม่รู้จะทำอย่างไร
เมทินีนั่งอย่างสง่าอยู่บนโซฟาภายในห้องรับรองของสำนักงานสวีทโอปอล์ น้อมพงษ์กำลังเสนอแผนธุรกิจของร้านสวีทโอปอล์ให้เมทินีดูด้วยพาวเวอร์พ้อยท์
“ตัวเลขที่เห็นอยู่นี้..เป็นจริง และแน่นอน..คุณเมทินีจะเห็นได้ว่า โอกาสเติบโตของร้านสวีทโอปอล์ในปีแรก มีมากถึงยี่สิบเจ็ดเปอร์เซ็นต์ต่อปี..สูงกว่าร้านขนมอื่นๆที่มีอยู่ ไม่ว่าจะแบรนด์ไทยแบรนด์นอกอยู่หลายเท่าตัว..ผมจึงมั่นใจว่า..ชั่วโมงนี้ ไม่มีอะไรน่าลงทุนไปกว่าธุรกิจสวีทโอปอล์อีกแล้วครับ”
“คุณจตุพลคะ..นีตั้งใจจะมาซื้อเฟรนชายส์ร้านขนม เอาไปให้ลูกปาล์มของนีทานก็แค่นั้น..นีไม่ได้กะขายขนมจริงๆด้วยซ้ำ” เมทินีพยายามตัดบท “ไปจัดการเรื่องเฟรนชายส์ให้นีเถอะค่ะ นีไม่อยากเสียเวลา..นีรวยแล้ว” เมินีกรีดนิ้วโชว์เพชรบนนิ้ว “รวยมากด้วย รวยจนไม่รู้จะใช้ยังไงหมด..แล้วนีจะลงทุน ทำงาน หาเงินไปอีกเพื่ออะไรคะ?.. นีไม่อยากเครียด มันไม่ดีต่อผิวพรรณและใบหน้าของนี..ทุกวันนี้ คอนเซ็ปต์ของนีมีแค่ สาว สวย สยิว สนุก สุดๆ แค่เนี้ย”
ทันใดนั้น บอดี้การ์ดคนนึงก็ก้าวเข้ามาในห้อง
“คุณจตุพลครับ เรื่องด่วนครับ”
น้อมพงษ์รีบมารับหน้าแทนเจ้านาย “มีอะไร รอไม่ได้หรือไง”
“มีคนบุกรุกครับ” บอดี้การ์ดรายงาน
ยามสองคนในสภาพที่เหลือแต่บ็อกเซอร์กับเสื้อกล้ามเดินเข้ามา จตุพลมองอึ้งๆ
ภัทรดนัยที่ใส่เสื้อกาวน์ทับชุดยามพยายามเดินดูตามชั้นเอกสารต่างๆ จากตู้นี้ไปตู้นั้น โต๊ะนี้ไปโต๊ะนั้น แต่ก็ยังหาไม่เจอสักที สักพักเขาก็เหลือบไปเห็นซองเอกสารซองหนึ่งหล่นอยู่ ที่หน้าซองพิมพ์คำว่า TOP SECRET
“ลับสุดยอด?” ภัทรดนัยรีบหยิบขึ้นมาเปิดดู “หา นี่แหละ ใช่เลย ที่ชั้นตามหา สูตรเคมีของขนมสวีทโอปอ มีรายชื่อส่วนผสมทั้งหมดที่ใส่ลงไป..แล้วส่วนผสมที่เป็นอักษรสีแดงๆนี่คืออะไร..มันต้องพิเศษแปลกประหลาดกว่าส่วนผสมอื่นสินะ หึๆ”
ภัทรดนัยกำลังจะเก็บเอกสารนั้น แต่อยู่ๆ หัวหน้าห้องแล็บก็เดินเข้ามา
“ทำอะไร!”
ภัทรดนัยชะงักในท่าที่เอกสารยังคามือ “เอ่อ..อ่า.”
หัวหน้าห้องแล็บเข้ามาดึงเอกสารไปจากมือภัทรดนัย พอเห็นเอกสารเขาก็โล่งใจ “โหย หาอยู่ตั้งนาน นึกว่าหายไป..ขอบใจนะๆ ถ้าหายไปคุณจตุพลฆ่าชั้นแน่” หัวหน้าห้องแล็บเอาเอกสารใส่ซอง นำไปใส่ลิ้นชักแล้วจึงล็อคกุญแจ “เป็นคนถือกุญแจมันลำบากตรงนี้”
“อ้าว คือ..”ภัทรดนัยอ้ำอึ้ง
หัวหน้าห้องแล็บเก็บลูกกุญแจไว้ในกระเป๋าเสื้อกราวด์ “ขอบใจนะๆ”
ทันใดนั้น เสียงสัญญาณเตือนภัยก็ดังขึ้น ทุกคนมีท่าทีแปลกใจ สักพักก็มีเสียงประกาศดังขึ้น
“มีผู้บุกรุก..เป็นชายสองคน ในชุดพนักงานรักษาความปลอดภัย..ขอให้ทุกหน่วยตรวจคนของตัวเองให้ดี”
“ชิป...” ภัทรดนัยเครียด
บรรดาเจ้าหน้าที่ห้องแล็บหันมามอง ภัทรดนัยรีบตะครุบเสื้อคลุมแล้วหันหลังหลบหน้าทันที
“ทุกคนออกจากห้องนี้ ไปแตะสแกนฝ่ามือด้วยตัวเองเท่านั้น” หัวหน้าห้องแล็บสั่ง
เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ผละจากงานแล้วทยอยมายืนเรียงแถว
“งานเข้าแล้วๆ” ภัทรดนัยพึมพำกับตัวเอง
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเดินมาดันภัทรดนัยไปต่อแถวสแกนฝ่ามือ ภัทรดนัยจะหลบไปก็ถูกกันตัวเอาไว้ ให้ต่อแถว ภัทรดนัยเครียดเพราะไม่รู้จะทำอย่างไร ในแถวก็ใกล้จะถึงคิวของภัทรดนัยแล้ว
จตุพลเดินออกมาที่หน้าห้องรับรองด้วยท่าทีหงุดหงิด
“คุณเมทินีกลับไปก่อนนะครับ..ผมจะให้คนไปส่งคุณที่รถ เชิญครับ”
“แล้วเจอกันนะคะคุณจตุพล” เมทินีลาแล้วยื่นมือให้
จตุพลมองอย่างงงๆ สักพักจึงเก็ท เขาจับมือเมทินีขึ้นมาจุ๊บ
เมทินียิ้มอายๆ “แล้วโทรมานะคะ...จะรอ...อุ้ย...เสียจริตสาว”
“เชิญครับ” น้อมพงษ์รีบเชิญให้เมทินีกลับไป
เมทินีเดินแยกออกไป จตุพลสั่งลูกน้องทุกคน
“พวกแกทุกคน..ไปจับไอ้แมวขโมยสองตัวมาให้ได้..ชั้นจะกระทืบมันด้วยตัวชั้นเอง..ไป!”
กลุ่มบอดี้การ์ดแยกย้าย น้อมพงษ์ควักปืนออกมาเตรียมแล้วเดินไป
เสียงสัญญาณเตือนภัยยังคงดังต่อเนื่อง กริสน์เดินออกมาอย่างใจเย็น เขามีท่าทางเร่งรีบแต่ก็ไม่มีพิรุธ กริสน์กำลังเดินเลี้ยวออกไป อยู่ๆ ก็มีบอดี้การ์ด2คนผ่านมาเห็นเข้าอย่างจัง
“เฮ้ย!! นั่น มันอยู่นั่น”
กริสน์ตัดสินใจวิ่งเข้าใส่บอดี้การ์ดทันที บอดี้การ์ดไม่ทันตั้งตัวรีบล้วงมือจะหยิบปืนออกมา แต่กริสน์ก็มาถึงตัวก่อน สายลับหนุ่มสไลด์ตัวอย่างรวดเร็วแล้วถีบกวาดขาบอดี้การ์ดทั้งสองจนล้มกระจาย กริสน์ลุกยืนได้ก็รีบเดินผ่านไปทางเดิม
บอดี้การ์ดอีกชุดรีบวิ่งตามพร้อมกับยิงปืนไล่หลังกริสน์
ส่วนภายในห้องแล็บ ก็ถึงคิวภัทรดนัยจะต้องแตะสแกนฝ่ามือพอดี ภัทรดนัยยกมือค้างไว้ไม่ยอมแตะ หัวหน้าห้องแล็บเร่ง
“แตะมือเร็วๆ”
“เอ่อ คือ..” ภัทรดนัยอึกอักและหน้าซีด จังหวะนั้นเองมีเสียงปืนดังจากด้านนอก ภัทรดนัยได้ทีก็รีบตะโกน “เฮ้ย!! คนร้ายลอบยิง..หัวหน้าระวัง!”
ภัทรดนัยกระโดดตะครุบตัวหัวหน้าห้องแล็บจนลงไปกลิ้งกับพื้น จังหวะนั้นเขาก็รีบล้วงกระเป๋าเอากุญแจลิ้นชักออกมา
“ทุกคนหมอบ!” ภัทรดนัยตะโกน กลุ่มเจ้าหน้าที่ห้องแล็บก็หมอบกันไปหมด ภัทรดนัยรีบทำเสียงปืน “ ปังๆๆๆ...โอเค มันไปแล้ว หัวหน้าไม่เป็นอะไรนะครับ..ไม่บาดเจ็บใช่มั้ย..ผมว่าเราอย่าเสียเวลาแตะมือเลยหัวหน้า คนร้ายมันจะลอบฆ่าเราได้ทุกเมื่อ รีบหนีออกไปก่อนเถอะ ไปๆ”
“เออๆๆ ไปๆๆ” หัวหน้าห้องแล็บรับลูกรีบบอกเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ให้หนีออกมา
เมื่อเจ้าหน้าที่ทุกคนแยกย้ายกันออกไปหมดแล้ว ภัทรดนัยก็รีบเอากุญแจไขลิ้นชักแล้วหยิบเอกสารออกมาแล้ววิ่งออกไปทันที
“พ่อแก้วแม่แก้ว ช่วยลูกช้างหนีได้ตลอดรอดฝั่งด้วยเถอะ” ภัทรดนัยอ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์
กริสน์หนีกลุ่มบอดี้การ์ดมาอยู่อีกด้านหนึ่ง อยู่ๆ ก็มีบอดี้การ์ดคนหนึ่งกระโดดลงมาจากด้านบนแล้วประสานมือทุบกริสน์ จนกริสน์ทรุดลงไปกับพื้น บอดี้การ์ดจะยกปืนยิงแต่กริสน์เตะจนปืนหล่น บอดี้การ์ดจึงไล่เหยียบกริสน์ที่กลิ้งตัวหนีไปเรื่อยๆ จนเผลอเหยียบลงไปบนรถเข็น
กริสน์ได้ทีคว้ารถเข็นลากถอย ทำให้บอดี้การ์ดคนนั้นถูกฉีกขาจนขาถ่าง พอกริสน์ดันรถเข็นเข้า ขาก็หุบ จังหวะนั้นก็มีบอดี้การ์ดอีก 2คนวิ่งเข้ามา กริสน์จึงถีบรถเข็นออกทำให้บอดี้การ์ดที่ขาเหยียบอยู่บนรถเข็นขาฉีกและล้มลงไปร้องโอดโอย ส่วนรถเข็นก็พุ่งเข้าใส่บอดี้การ์ดทั้งสองจนต้องกระโดดหลบ
กริสน์กำลังจะวิ่งเข้าไปซ้ำ แต่แล้วก็ต้องเบรคเอี๊ยด เพราะบอดี้การ์ดทั้งสองควักปืนขึ้นมาเล็งจากนั้นก็ยิงออกมา กริสน์กระโดดกลิ้งตัวหลบกระสุนแล้ววิ่งหลบ พอลุกขึ้นยืนตั้งหลักได้ก็รีบวิ่งหนี
พวกบอดี้การ์ดยิงไม่ถูกก็เจ็บใจรีบถือปืนวิ่งไล่ตาม กริสน์ก็วิ่งหนีไป พวกบอดี้การ์ดวิ่งไล่มา จากนั้นบอดี้การ์ดอีกกลุ่มก็ตามมาสมทบ
กริสน์วิ่งหนีมาด้านหนึ่ง เขาสับสนไม่รู้จะไปทางไหน อยู่ๆ ก็มีคนมาตะครุบแล้วดึงกริสน์เข้าไปหลังมุมตึก กริสน์เห็นว่าคนดึงคือเมทินีก็ถึงกับตาโตแล้วจะส่งเสียงร้อง
“คุณเม...”
เมทินีรีบเอามือปิดปากกริสน์ไว้ “ชู่ว์”
พวกบอดี้การ์ดวิ่งผ่านไป เมทินีหันมาสบตากริสน์อย่างหวานฉ่ำ “คุณกริสน์..คุณตามนีมาเพราะหึงนีใช่มั้ย..หึๆ นีรู้อยู่แล้วว่ามันต้องได้ผล..คุณเห็นนีไปสนิทสนมกับคุณจตุพล คุณไม่พอใจ เลยสะกดรอยตามนีมา ใช่มั้ย”
กริสน์พยายามจะเดินไป แต่เมทินีก็ดึงกริสน์ให้กลับมาอยู่ในท่าเดิม “อย่าเพิ่งไป ยังไม่พอ เอ๊ย ยังไม่ปลอดภัย”
เมทินีกับกริสน์โผล่หน้าออกมาจากมุมตึกที่อยู่ใกล้ที่จอดรถ เมทินีชี้ให้ดู “นั่น รถนี จอดอยู่ตรงนั้น คนของนีก็รออยู่..คุณกริสน์สามารถขึ้นรถของนี และออกไปจากที่นี่ได้ โดยไม่มีใครสงสัย”
“ดี..งั้นเรารีบไปขึ้นรถ เร็ว!” กริสน์บอก
เมทินีเดินนำกริสน์ไปที่รถ กริสน์ก้มหัวเดินตามไป คนรถเปิดประตูให้เมทินี แล้วเดินขึ้นรถเตรียมขับออก กริสน์จะขึ้นไปนั่งตามเมทินี แต่อยู่ๆ เมทินีกลับปิดประตูแล้วล็อคไม่ยอมให้กริสน์ขึ้น
“คุณนี..เล่นอะไร..เปิดประตู”
เมทินีกดกระจกเปิดหน้าต่างลง “คุณกริสน์คะ..ถ้าคุณกริสน์จะขึ้นรถของนีด้วย..คุณก็ต้องจุ๊บนีก่อนหนึ่งที” เมทินีทำแก้มป่องแล้วยื่นไปหากริสน์
“หา..” กริสน์ตกใจ
“จุ๊ฟ แล้วนีจะพาคุณหนีไปด้วย”
“มันไม่ใช่แล้วคุณนี..ผมไม่ได้คิดอะไร ไม่มีอะไรในใจกับคุณทั้งนั้น..เปิดประตูให้ผมขึ้นไปเดี๋ยวนี้ ผมไม่มีเวลามาก”
“ไม่มีเวลา ก็รีบๆจัดการสิคะ..อุ๊ยๆๆ ดูนั่นสิคะ บอดี้การ์ดกำลังมา”
เมทินีขู่ กริสน์หันไปเห็นบอดี้การ์ดกำลังเดินตรงมา
“ผมทำไม่ได้” กริสน์ปฏิเสธ
“คุณช่างเป็นสุภาพบุรุษอะไรอย่างนี้ นีไม่ถือหรอกค่ะ จัดมาเร็วๆ ขอดอกใหญ่ๆ..จะไปหรือไม่ไปคะ นีจะนับหนึ่งถึงสาม”
“คุณจะนับถึงร้อยยังไงผมก็ทำไม่ได้” กริสน์ยืนกราน
“สาม!” เมทินีนับเสียงดัง กริสน์รีบจุ๊บแก้มเมทินีทันที
เมทินีทำท่าอ่อนระทวย “โอย โอว อูย ระทวย ระทวย..นีรอมานานแล้ว วันนี้ วันที่นีจะตกเป็นของคุณค่ะ..ที่รัก”
“ที่รักอะไรอีก” กริสน์เซ็ง
“เรียกนีว่าที่รักสิคะ”
“ที่รักๆๆๆๆๆๆ เปิดประตูให้ผมได้แล้ว ผมต้องรีบไป”
“ค่ะ”เมทินีเปิดประตู กริสน์รีบกระโดดขึ้นรถ คนขับออกรถทันที
ภัทรดนัยวิ่งตามมาเห็นหลังกริสน์ขึ้นรถไปไวๆ
“เฮ้ยๆ รอด้วยๆ” ภัทรดนัยพยายามเรียก แต่ก็ไม่ทันแล้ว “โธ่ ไอ้เพื่อนทรยศ แกหนีรอด แล้วชั้นล่ะ..ชั้นจะออกไปจากที่นี่ได้ยังไง”
ภัทรดนัยชะงักเพราะเห็นบอดี้การ์ดเดินมา เขารีบวิ่งไปหลบในซอกแล้วขดตัวนิ่งๆ “ใครก็ได้ช่วยด้วย”
พวกบอดี้การ์ดเดินป้วนเปี้ยนอยู่บริเวณนั้น ภัทรดนัยได้แต่ซ่อนตัว และพยายามขดตัวจนตัวเกร็ง
อ่านต่อหน้า 4 พรุ่งนี้ (27 ม.ค. 2555) เวลา 9.30 น.
มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 10 (ต่อ)
ทีมสตาร์แด๊นซ์วิ่งขึ้นไปเตรียมตัวบนเวทีประกวด ครูฟ้าใสรีบแหวกผู้ชมมาติดขอบหน้าเวที พอดนตรีขึ้น สตาร์แด๊นซ์เริ่มเต้น ครูฟ้าใสปรบมือ กรี๊ดเอาๆ อย่างชอบอกชอบใจ
“มายสติ้วเด้นท์ๆๆ” ฟ้าใสส่งภาษาด้วยความลิงโลด
หลังเวที พิมมาดายังยืนคุมอยู่บริเวณเดิม จริงจัง ไม่ย่อท้อ โจ๊กกับจีจ้าอยากจะช่วยแจ๊สแต่ไม่รู้จะทำยังไง
“มีใครเห็นน้องแจ๊สมั่งมั้ยคะ..ต้องสแตนด์บายแล้ว..น้องแจ๊ส” สเตจเริ่มถามหา
“ตัดชื่อออกไปเลยก็ได้ค่ะ น้องแจ๊สไม่ขึ้นประกวดแน่นอน” พิมมาดาบอก
สเตจวิ่งออกตามหา แจ๊สที่ซ่อนตัวอยู่ในกระเป๋าได้แต่อึ้ง แต่พูดอะไรไม่ได้
“น้าพิม..ทำไมไม่ยอมให้พี่แจ๊สประกวดอ่ะ” โจ๊กถาม
“ถ้าน้ายอมให้แจ๊สขึ้นประกวด เท่ากับน้าสนับสนุนให้แจ๊สเป็นหัวขโมยน่ะสิ” พิมมาดาบอก
“แต่พี่แจ๊ส” จีจ้ายังพูดไม่จบประโยค พิมมาดาแทรกขึ้นทันที
“หยุดพูดเลย!! พวกเธอเข้าข้างกันตลอด ถ้าไม่อยากโดนทำโทษด้วย อยู่เฉยๆ”
พิมมาดายืนเป็นยักษ์เฝ้า แจ๊สกังวล ไม่รู้จะออกมายังไง
ภัทรดนัยค่อยๆแอบวิ่งลัดเลาะมาอีกด้าน เป้าหมายอยู่ที่ทางออกนอกประตู บอดี้การ์ด 2 คนวิ่งสวนไปมา ภัทรดนัยรีบหลบทันที พวกบอดี้การ์ดวิ่งผ่านหน้าภัทรดนัยไป ภัทรดนัยวิ่งต่อออกนอกตัวตึกไปได้ในที่สุด
“หึๆๆ มีแต่บอดี้การ์ดบื้อๆ”
ภัทรดนัยจะวิ่งต่อไปต่อ แต่ปรากฏว่าพวกบอดี้การ์ดอีก2คนยืนอยู่ตรงหน้า
“อ้าว..ไม่ได้อยู่ข้างในเหรอ” ภัทรดนัยพูด
พวกบอดี้การ์ดก้าวจะเข้าหา ภัทรดนัยจึงรีบทำขึงขัง วางมาดดีขู่ไว้
“เฮ้ย! พวกแกแน่ใจเหรอว่าอยากจะเข้ามาใกล้ชั้น!! รู้หรือเปล่าว่าชั้นศิษย์ใคร!! จะบอกให้ว่า..ฝีมือชั้น..สามารถอัดพวกแกทุกคนคว่ำตั้งแต่แกยังพูดคำว่าหม่ามี้ไม่จบด้วยซ้ำ”
ภัทรดนัยตั้งท่ามวย ชกลมฮึดฮัด แล้วเคลื่อนไหวด้วยความแข็งกร้าว ดุดันป่าเถื่อน เพื่อข่มขวัญศัตรู
“หม่ามี้” บอดี้การ์ดย้ำคำ
ภัทรดนัยเสียหน้า
“ท้าทายเหรอ โมโหแล้วนะเว้ย”
บอดี้การ์ดควักปืนขึ้นมา ภัทรดนัยอึ้งแล้วยื่นมือให้
“มีปืน..แล้วไม่บอกแต่แรก....ใจเย็นๆนะ..พวกแกต้องจับเป็นใช่มั้ย ชั้นรู้ๆ เจ้านายพวกแกต้องอยากได้ตัวชั้นเป็นๆ อ้ะๆ ยอมแล้วๆ มาจับเลย..จับสิ กุญแจมือมีหรือเปล่า”
ภัทรดนัยอาศัยจังหวะเผลอ เตะปืนในมือแล้วถีบบอดี้การ์ดจนกระเด็น บอดี้การ์ดคนอื่นจะควักปืน แต่ภัทรดนัยไวกว่า เตะ ชก จนพวกบอดี้การ์ดกระเด็นหมด
ภัทรดนัยก้มหยิบซองเอกสารที่หล่นระหว่างตอนบู๊ขึ้นมาปัดฝุ่น
“ให้มันรู้..อย่าดูถูกกล้ามปู หึๆๆ พวกแกได้เข้าคุกทั้งแก็งค์แน่”
ภัทรดนัยรีบวิ่งหลบออกไปทันที
จตุพลกับน้อมพงษ์ยืนมองสภาพพวกบอดี้การ์ดที่ถูกอัดอยู่ในออฟฟิศร้านขนม จตุพล ตบบอดี้การ์ดเรียงตัว น้อมพงษ์ยืนอยู่ท้ายแถวจตุพลเผลอจะตบไปด้วย
“ไอ้พวกไม่ได้เรื่อง”
“จะตบผมด้วยเหรอครับ”
“แล้วมายืนแถวเดียวกันทำไมล่ะ” จตุพลบอกกับบอดี้การ์ดคนอื่น
“ไป พวกแกทุกคนไปค้นหาดูว่า พวกมันแอบเข้ามาทำไม..มันต้องการอะไร..ถ้ามีอะไรหายไป หรือมีอะไรที่ขยับเขยื้อนผิดปกติแม้แต่นิดเดียว ชั้นก็ต้องรู้ให้ได้..เข้าใจมั้ย”
“ทำไมเราไม่เช็คกล้องวงจรปิดดูล่ะครับ ว่ามันมาทางไหน ไปทำอะไร ง่ายกว่าอีก” น้อมพงษ์บอก
“แล้วทำไมไม่บอกแต่แรก” จตุพลพูด
ก็คุณจตุพลไม่ได้ถามนี่ครับ..เพราะโมโห เลยมองไม่เห็นทางออกง่ายๆ นี่แหละครับเรียกว่า เส้นผมบังภูเขา..แต่โชคดีนะครับ ที่คุณมีกุนซืออย่างผมอยู่ข้างๆ คอยชี้แนะ เหมือนเล่าปี่ ที่ต้องมีขงเบ้งเป็นมันสมอง” น้อมพงษ์คุยโว พล่ามไป ขณะที่หันกลับมาอีกที ทุกคนแยกย้ายหายกันไปหมดแล้ว
“หึ ไปก็ไม่บอก..ทุกที” น้อมพงษ์บ่น
ทีมสตาร์แด๊นซ์เต้นอยู่บนเวที ขณะที่หลังเวที พิมมาดายังคงยืนคุมอยู่ กระเป๋าเดินทางใบที่แจ๊สซ่อนอยู่ เคลื่อนที่ได้เอง ต้วมเตี้ยมๆ ไป พอพิมมาดาหันมา กระเป๋าเดินทางก็หยุดชะงัก พอพิมมาดาหันไป กระเป๋าเดินทางก็เคลื่อนต่อ เพื่อจะไปให้ใกล้ทางขึ้นเวที
บนเวที พวกทีมสตาร์แด๊นซ์เต้นเสร็จ โพสต์ท่าจบ คนดูปรบมือชื่นชอบมากมาย ฟ้าใสกระโดดขึ้นไปบนเวที โค้งรับคำขอบคุณแทนเด็กๆ
“ขอบคุณค่าๆ มายสติวเด้นท์ค่ะ เทรนมาเองกับมือๆๆ”
ทีมงานต้องมาเชิญฟ้าใสลงจากเวที เสียงพิธีกรประกาศ
“ผู้เข้าประกวดคนต่อไป มาคนเดียว เป็นหญิงเดี่ยวครับ ขอเชิญพบกันน้องแจ๊สได้เลยครับ”
เสียงปรบมือต้อนรับดัง ทว่าแจ๊สไม่ได้ก้าวขึ้นไปบนเวที คนดูงง … ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หลังเวทีพิมมาดายังคงคุมหนาแน่น จนสเตจเริ่มปรึกษากัน
“เอาไงดีพี่ หาน้องแจ๊สไม่เจอ”
พิมมาดาหันไปบอกแบ็คสเตจ
“น้องคะ พี่เป็นผู้ปกครองน้องแจ๊ส น้องแจ๊สขอสละสิทธิ์ ไปบอกพิธีกรเดี๋ยวนี้เลย”
“เอ่อ ค่ะๆๆๆ” สเตจรับคำ
“นั่นๆๆ คนนั้นใช่พี่แจ๊สหรือเปล่า” โจ๊กร้องขึ้น
“ใช่ๆๆๆ เหมือนมากเลย” จีจ้ารีบสำทับ
พิมมาดาเผลอมองตามโจ๊กไป แจ๊สรีบออกจากกระเป๋า จะแอบวิ่งขึ้นไปบนเวที แต่อยู่ๆมีคนมาจับมือเอาไว้ เป็นครูฟ้าใสนั่นเอง
“จับตัวแจ๊สได้แล้วค่ะ” ฟ้าใสบอก
แจ๊สพยายามดิ้น
“ปล่อยแจ๊สนะคะ แจ๊สจะขึ้นไปประกวด แจ๊สไม่สละสิทธิ์ ปล่อย”
“แจ๊สไม่มีสิทธิ์ประกวด แจ๊สต้องกลับบ้าน ไปเคลียร์ปัญหาทุกอย่างที่ก่อเอาไว้..เต๋า เต้ย มาช่วยกันจับแจ๊สที” พิมมาดาสั่งเสียงเข้ม
“ค่ะๆๆ” เต๋ากับเต้ยรับคำสั่งและรีบวิ่งเข้ามา
จีจ้าตัดสินใจเข้าไปจั๊กจี้เอวครูฟ้าใสก่อน
“จี้ๆๆๆ”
ครูฟ้าใสหัวร่องอหายดังคิกคักๆ ปล่อยมือจากแจ๊ส แจ๊สรีบวิ่งหลบหลีกเต๋าเต้ย ขึ้นไปบนเวทีทันที
บนเวที พิธีกรกำลังจะประกาศว่าแจ๊สสละสิทธิ์ แต่แจ๊สพรวดพราดขึ้นมาพอดี
“น้องแจ๊สคงไม่มาแล้วนะครับ ถ้าอย่างนั้นผมขออนุญาตตัดสิทธิ์การประกวดของน้องแจ๊สเลยนะครั..”
“แจ๊สมาแล้วค่ะ แจ๊สจะประกวด”
“อ้าว มาพอดี ทันเส้นยาแดงผ่าแปดเลย..โอเค งั้นเราก็มาชม”
พิมมาดาตามขึ้นเวทีมา
“น้าไม่อนุญาต!!..ขอโทษนะคะคุณพิธีกร เด็กคนนี้ ไม่สามารถประกวดได้ ขอตัว”
พิมมาดาพยายามจะลากแจ๊สลงจากเวที แต่แจ๊สไม่ยอมลง ทันใดนั้นกริสน์วิ่งเแหวกฝ่ากลางวงคนดูเข้ามาและกระโดดขึ้นจากหน้าเวที
“เดี๋ยวครับ เดี๋ยวๆ คุณห้ามแจ๊สประกวดไม่ได้นะ”
“คุณกริสน์..มายด้าลิ้งก์” ฟ้าใส เต๋าและเต้ยพูดขึ้นพร้อมกัน
เต๋า กับเต้ยมองหน้าฟ้าใสอย่างงุนงง ทันใดนั้นเค้กวิ่งเข้ามาสมทบอีกคน
“คุณกริสน์สุดหล่อมาแล้ว” เค้กเพ้อ
ฟ้าใสหันไปมองงงหนักขึ้นไปอีก
“นายอีกแล้วเหรอ..ชั้นบอกแล้วไงว่านายไม่มีสิทธิ์อะไรในครอบครัวของชั้นอีกแล้ว ออกไป ไม่ต้องมายุ่ง” พิมมาดาบอก
“คุณพิม”
“ชั้นบอกให้ออกไป”
“แจ๊สไม่กลับ น้ากริสน์ช่วยด้วย” แจ๊สบอก
“เอ่อ รู้สึกว่า จะเป็นปัญหาในครอบครัว รบกวนคุณพ่อคุณแม่ไปตกลงกันก่อนดีมั้ย” พิธีกรบอก
“ชั้นไม่ได้เป็นอะไรกับตานี่ แล้วชั้นก็ไม่ใช่แม่ ชั้นเป็นผู้ปกครอง” พิมมาดายืนยัน
คนดูยืนมึนกันไปหมด ทุกคนอ้าปากตาค้างกับเหตุการณ์ตรงหน้า กริสน์ดึงไมค์มาจากพิธีกรแล้วพูดผ่านเครื่องขยายเสียง
“ขอยืมไมค์หน่อยนะครับ ทุกๆท่านในที่นี้ครับ ดูสิครับ..กว่าที่เด็กผู้หญิงคนนึง จะฝ่าฝันอุปสรรคเพื่อมาประกวดเต้นในวันนี้ได้ มันยากลำบากแค่ไหน..จะเต้นกับทีมของโรงเรียน ก็ไม่ได้รับการต้อนรับ..จะเต้นเอง ที่บ้านก็ไม่สนับสนุน..เธอเลยต้องแอบฝึกซ้อม ทำทุกอย่างมาเป็นปีๆ เพื่อวันนี้..วันนี้วันเดียว..แล้วเราจะไม่ให้โอกาสเค้าหน่อยเหรอครับ”
ทั้งฮอลล์เงียบ กริสน์หน้าเสีย แจ๊สเศร้าใจ ฟ้าใส เค้ก เต๋า เต้ย มองลุ้นอะไรจะเกิดขึ้น
“นายหยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ” พิมมาดาสั่ง
“เด็กๆ ควรจะมีสิทธิ์เลือกเส้นทางชีวิตของตัวเองไม่ใช่เหรอครับ..ใครอยากดูน้องแจ๊สทำตามฝัน ผมขอเสียงหน่อยได้มั้ยครับ”
คนดูยังเงียบ ไม่รู้จะเอาไง แจ๊สน้ำตาคลอเบ้า คนดูหน้าเศร้าตาม เค้กประทับใจ กริสน์เริ่มปรบมือคนแรก เต๋า เต้ย ตบตาม คนดูเฮลั่น ปรบมือ
“ทุกๆคนเรียกร้องขนาดนี้ คุณผู้ปกครองจะยืนยันห้ามแจ๊สประกวดอีกเหรอครับ”
“นายหยุดพูดไปเลย”
“น้องแจ๊ส..น้องแจ๊ส..น้องแจ๊ส” กริสน์เรียก
กริสน์นำให้พวกคนดูโห่ร้องเรียกให้น้องแจ๊สประกวด
“พิมๆๆ ลงมาก่อนเถอะ อายเค้า นะๆๆ” เค้กเตือนพิมมาดา
เค้กคะยั้นคะยอพาพิมมาดาถอยออกไป ลงไปอยู่ในหมู่คนดู เต๋าเต้ยตามมาประกบด้วย กริสน์หันไปยิ้มให้กับแจ๊ส
“เต็มที่เลยนะแจ๊ส”
แจ๊สพร้อมเต้น
ครูฟ้าใสมายืนดูอีกด้าน มีพวกทีมสตาร์แด๊นซ์ตามมายืนดูข้างๆ
“หมดกันโรงเรียนของชั้น..ชื่อเสียง เกียรติยศ ที่ชั้นสั่งสมมานาน..ขออย่าให้พิธีกรประกาศชื่อโรงเรียน..อย่าประกาศชื่อโรงเรียนๆๆ” ฟ้าใส แอบภาวนา
ดนตรีขึ้น แจ๊สเริ่มเต้น
“ครูขาๆๆ” หัวหน้าสตาร์แด๊นซ์สะกิดเรียกฟ้าใสที่กำลังพึมพำภาวนาให้หันไปดู
“อะไร”
ฟ้าใสเงยหน้ามองการเต้นบนเวที แล้วตะลึง โหว... คนดูทั่วๆไปก็ตะลึง ราวถูกมนตร์สะกด บนเวที แจ๊สกำลังเต้นออกสเต๊ปอย่างเทพ ดูเป็นคนละคนกับแจ๊สที่ผ่านๆมาทั้งหมด
“น้อง..น้องแจ๊สเต้นได้ขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย” เต๋าตื่นเต้น
“ทำไม ดูไม่เหมือนน้องแจ๊สเลย ท่าทาง หน้าตา ดูมั้นมั่น ไม่มีเค้าเด็กเรียกเนิร์ดโรคจิตเลยอ้ะ” เต้ยว่า
“ใช่ๆๆ น้องแจ๊สดูสวย สดใส มีเสน่ห์มาก ชั้นไม่เคยเห็นน้องแจ๊สดูมีความสุขมากยังงี้มาก่อนเลย” เค้กสนับสนุน
“พี่แจ๊สเก่งที่สุดเล้ย” จีจ้าตะโกน
“พี่สาวผม เย้ๆๆๆ” โจ๊กส่งเสียงภูมิใจบ้าง
“อร๊าย ท่าเต้นเปรี้ยวอ้ะ แรง กะเทยชอบๆๆ เก็บอาการไม่อยู่แล้ว” เต๋าออกอาการ
เต๋า เต้ย จีจ้า และโจ๊ก โห่ร้องเชียร์และปรบมืออย่างเต็มที่ด้วยความยินดี ในขณะที่พิมมาดาได้แต่มองอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ไม่รู้มาก่อนว่าแจ๊สเต้นได้ขนาดนี้ แจ๊สเต้นบนเวที จนกระทั่งโพสต์ท่าจบ สวยงาม พวกคนดูปรบมือโห่ร้องยาวนานกึกก้อง
ครูฟ้าใสหน้าบานสุดๆกระโดดขึ้นบนเวทีทันที พวกทีมสตาร์แด๊นซ์ได้แต่มองตะลึงในความสามารถเอาหน้าของครูตัวเอง
“มายสติวเด้นท์ค่าๆๆๆ แท้งกิ้วๆๆ”
แจ๊สยืนยิ้มบนเวที โค้งขอบคุณ พิมมาดายืนอึ้ง กริสน์มาด้านหลังพิมมาดาแล้วพูดขึ้น
“ไม่เคยรู้มาก่อนเลยสิว่าหลานตัวเองมีความสามารถขนาดนี้..ไม่มีคนสนับสนุนยังได้ขนาดนี้ ถ้ามีคนสนับสนุนจะขนาดไหน”
พิมมาดาไม่แยแสกริสน์ เดินพุ่งไปที่หลังเวทีทันที
แจ๊สเดินลงจากเวที จีจ้ากับโจ๊กรีบวิ่งมาแสดงความยินดี
“พี่แจ๊ส พี่สุดยอดเลย”
“หลบๆๆๆ..น้องแจ๊สขา..ชมรมสตาร์แด๊นซ์ของเราเวลคัมยู ยินดีต้อนรับจ้ะ เอ้าๆๆ” เด็กๆ มาเร็วๆๆๆ จับมือเป็นเพื่อนกันไว้ๆๆ” ฟ้าใสเรียกเด็กๆมารุมล้อมต้อนรับ
พิมมาดาเดินพรวดเข้ามาและคว้ามือแจ๊สไว้
“กลับบ้าน เรามีเรื่องต้องเคลียร์กัน”
“น้าพิม..แจ๊สต้องอยู่ฟังตัดสินรางวัล”
“คนทำผิดไม่มีสิทธิ์ต่อรอง กลับบ้าน”
โจ๊กกับจีจ้าจะเข้าห้าม พิมมาดาสั่งอีก
“พวกเธอก็กลับด้วย”
เค้กจะอ้าปาก พิมมาดาสกัดทันที
“หยุดเลยเค้ก เต๋า เต้ย เอาตัวไปขึ้นรถ”
กริสน์ตามมาขวาง
“อยู่รอแป๊บนึง จะเสียหายยังไงครับคุณพิม เผื่อได้รางวัล”
“ใช่ค่ะๆ นะพิม” เค้กบอก
“นี่มันเรื่องในครอบครัว พวกคนนอกอย่ายุ่ง”
พิมมาดาผลักกริสน์ออก ลากแจ๊สออกไป เต๋าเต้ยพาโจ๊กกับจีจ้าพร้อมเค้ก ตามออกไปหมด กริสน์เซ็ง ระอา
“พวกคนนอกอย่ายุ่ง..เอ่อ..คุณพิมมาดา แกคงจะว่าคุณกริสน์คนเดียวใช่มั้ยคะ ฟ้าใสไม่เกี่ยวใช่มั้ยคะ”
พิมมาดาลากแขนแจ๊สกลับเข้ามาในบ้าน
“น้าพิม ปล่อยแจ๊สได้แล้ว แจ๊สไม่หนีแล้ว”
“ไม่ต้องมาร้อง เด็กขี้ขโมย ขี้โกหก เธอจะไม่ได้รับความไว้วางใจจากน้าอีก..เต๋า ไปหยิบไม้เรียวมา”
“แต่คุณพิม” เต๋าพูดขึ้น
พิมมาดาหันมองเต๋าตาเขียว เต๋ารีบไปทันที
“ถ้าน้าพิมให้แจ๊สเบิกเงินล่วงหน้า แจ๊สก็ไม่ขโมย” แจ๊สสารภาพ
“พูดอย่างนี้หาว่าน้าผิดเหรอ!! แล้วทำไมตอนขอถึงไม่ยอมบอกว่าจะเอาเงินไปทำอะไร”
“ถึงบอก น้าพิมก็ไม่ให้อยู่ดี..แถมยังจะห้ามไม่ให้ไปประกวดด้วยซ้ำ แล้วเรื่องอะไรแจ๊สต้องบอก” แจ๊สพูด
“แจ๊สพอก่อน” เค้กรีบห้าม ทั้งแจ๊สและพิมไม่สนเค้ก
“รู้ได้ยังไงว่าน้าจะไม่ให้”
“”รู้..ใครๆ ก็รู้ โจ๊กกับจีจ้าก็รู้”
“ใช่” จีจ้าและโจ๊กรับขึ้นพร้อมกัน
“เด็กๆ” เต้ยพยายามปรามๆแต่ไม่มีใครสนอีก
“น้าพิมจะให้เราเอาแต่เรียน นอกนั้นห้ามหมด” จีจ้าบอก
“อะไรที่พวกเราชอบ อะไรที่พวกเราอยากทำ คือไร้สาระหมด” โจ๊กบอก
เต๋าวิ่งกลับมาพร้อมไม้เรียว พิมมาดาคว้าเอามาถือขู่
“น้าพิมไม่เคยฟังเหตุผลพวกเราเลย..เอาแต่ห้าม..ห้ามๆๆ” แจ๊สบอก
“หยุดตะโกนใส่น้า..หยุด!! พวกเธอไม่ต้องมาโยนความผิดให้น้า!! ถึงยังไงขโมยก็คือขโมย เป็นคนไม่ดี” พิมมาดาคว้าตัวแจ๊สมาจับแน่น
“แจ๊สไม่ดี น้าพิมก็ไม่ดี” แจ๊สไม่ยอม
เค้ก เต๋า เต้ย ตกใจ
“แจ๊ส” พิมมาดากำลังจะตี
โจ๊กวิ่งมาปกป้องแจ๊ส
“อย่าตีพี่แจ๊สนะ”
“น้าพิมไม่เคยเข้าใจพวกเราเลย แล้วยังไล่น้ากริสน์ คนเดียวที่เข้าใจพวกเราออกไปอีก” จีจ้าพูดบ้าง
“ใช่...มีแต่น้ากริสน์คนเดียวที่ฟังพวกเรา” โจ๊กบอก
แจ๊ส โจ๊ก และจีจ้าวิ่งเข้าบ้านไปเลย พิมมาดาช็อก
เค้กจับแขนพิมมาดาเอาไว้
“พิม..ปล่อยเด็กๆไปก่อน ให้อารมณ์เย็นก่อน แล้วค่อยว่ากันดีกว่านะ”
“เห็นด้วยค่ะ” เต๋ากับเต้ยบอก
พิมมาดาเริ่มข้องใจ
“นี่อะไร กลายเป็นว่าชั้นเป็นคนผิดเหรอ ชั้นเป็นต้นเหตุที่ทำให้แจ๊สขโมยเหรอ..ทำไมถึงเป็นชั้น..เด็กๆ ไม่รักชั้นแต่กลับไปรักนายพี่เลี้ยงคนนั้น”
กริสน์ค่อยๆ ก้าวเข้ามาในห้องพักของภัทรดนัยแล้วกดเปิดสวิทซ์ไฟ
“ไอ้ภัทรดนัย..แกกลับมายัง”
ภัทรดนัยที่แอบซ่อนอยู่หลังบานประตูก็เข้ามาใช้มือล็อคคอกริสน์จากด้านหลัง
“แก..ไอ้เพื่อนทรยศ..แกทิ้งชั้น”
กริสน์หายใจไม่ออก
“ปล่อ..ย”
“คนเป็นคู่หูกัน เค้าทิ้งกันได้เฉพาะตายจากกันเท่านั้น แต่แกเห็นเด็กผู้หญิงคนนึง สำคัญกว่าชีวิตเพื่อนซี้อย่างชั้น”
กริสน์ทำมือเป็นสัญลักษณ์ เลิฟยู
“ยังมีหน้ามาบอกรักอีก..คนรักกันที่ไหนทิ้งกัน ฮ้ะ!”
กริสน์เปลี่ยนเป็นชูนิ้วก้อย ของอนง้อ
“ไม่ต้องมาง้อ ชั้นไม่คืนดีกับแก”
เมื่อไม่ได้ผล กริสน์เลยปัดป่ายมือ พยายามดันหน้าภัทรดนัยออก มือเลยป้วนเปี้ยนแถวๆหน้าภัทรดนัย นิ้วแหย่เข้าปาก เข้าจมูก จนหน้าภัทรดนัยบูดเบี้ยวบู้บี้
“ชั้นจะปล่อยแก..แต่แกต้องตอบมาก่อนว่า..แกจะทิ้งชั้นอีกมั้ย”
กริสน์ทำมือชูสามนิ้ว
“มะ..ไม่..สา..บาน”
ภัทรดนัยปล่อยกริสน์ ผลักออก ต่างคนต่างเหนื่อย หาที่นั่ง
“แฮ่กๆๆ” กริสน์อยากจะด่า แต่พูดไม่ออก ชี้หน้าด่า
“ชี้หน้าทำไม..เดี๊ยะๆๆ” ภัทรดนัยถาม
กริสน์ผวาถอย
“เออๆ ถือว่าเจ๊ากัน..แล้วแกได้อะไรมาหรือเปล่า”
ภัทรดนัยโยนเอกสารให้กริสน์
“ชั้นไม่ได้กระจอกเหมือนแกที่ห่วงแต่อารมณ์ส่วตัวหรอก..ระดับชั้นลงมือเอง ไม่มีคำว่าพลาด เอาไปดู สูตรเคมีของขนมสวีทโอปอ มีส่วนผสมทุกอย่างในขนม ทั้งส่วนผสมที่เปิดเผย และไม่เปิดเผย รอผลตรวจออกมาก่อน ว่าสิ่งที่มันใส่ลงไปในขนมคือยาเสพติดจริง..ถ้าคอนเฟิร์มเมื่อไหร่ ก็ขอหมายศาลจับได้ทันที”
กริสน์นั่งซึม เรื่องพิมและเด็กๆ โดยไม่สนใจว่าภัทรดนัยพูดอะไร
ภาพจากกล้องวงจรปิดจากร้านขนมสวีทโอปอ เห็นกริสน์กับภัทรดนัยที่อยู่ในชุดยาม แต่มีหมวกปิดหน้าบังๆไว้ จนมองไม่เห็นหน้าชัดๆ ภาพในจอค้างไว้ที่มุมๆนึง ที่เห็นหน้าแค่เสี้ยวบางๆครึ่งล่าง
“นี่ภาพที่ชัดสุดแล้วเหรอ” สุขสันต์ถาม
“ครับ..แต่เราก็รู้นะครับว่าพวกมันแอบเข้าไปในห้องแล็ปของเรา ซึ่งเป้าหมายของมัน..ต้องเป็นอะไรสักอย่างในห้องนั้นแน่” น้อมพงษ์บอก
สุขสันต์พยายามไม่โกรธ
“คุณช่วยพูดอะไรที่ทำให้ผมชื่นใจหน่อยได้มั้ย”
“ตอนนี้เรากำลังตรวจทุกสิ่งทุกอย่างภายในห้องแล็ปแล้ว ถ้ามีอะไรหายไป เราต้องทราบแน่นอนครับ” จตุพลบอก
“แล้วทำไมยังไม่ทราบอีก!!! นี่ผ่านมาคืนนึงแล้วนะ” สุขสันต์ถาม
“อย่าฉุนครับท่าน อย่าๆๆ อุตส่าห์บำรุงด้วยสกินแคร์เกาหลีมาเป็นอาทิตย์ๆ เดี๋ยวริ้วรอยกลับมา จะไม่คุ้มนะครับ” ฉัตรชัยเตือนอย่างสุภาพ
“ท่องไว้นะครับ..อย่าโมโห เพื่อความหล่อใสแบบหนุ่มเกาหลี” ฮิมสำทับ
ลูกน้องจตุพลคนหนึ่งเดินเข้ามารายงานกับน้อมพงษ์
“เอ่อ..เราทราบแล้วครับว่าอะไรหายไป..สูตรเคมีของขนมโอปอครับ”
“อะไรนะ!! แกรู้มั้ยว่ามันหมายความว่าอะไร” สุขสันต์ถามขึ้นอย่างหงุดหงิด
“อย่าครับๆ..เกาหลี..เกาหลี” ฉัตรชัยเตือน
“มันแปลว่า ชั้นอาจจะถูกสอยร่วงจากบัลลังก์ ไปเข้าคุกได้เลยนะ ไอ้พวกไม่ได้เรื่อง” สุขสันต์บอก
“เกาหลี..เกาหลี” ฉัตรชัยกับฮิมพึมพำอย่างลูกคู่เสียงดัง
สุขสันต์หันไปตบหัวฉัตรชัย ฮิมอย่างรัวๆ
“เกาหลีบ้าเกาหลีบออะไร ชั้นไม่มีอารมณ์หล่อแล้วเว้ย!! ..พวกแกไปสืบมา ว่ามันสองคนเป็นใคร แล้วก็ไปลากคอมันมา..ชั้นให้เวลาสามวัน ถ้าทำไม่ได้ พวกแกตาย”
สุขสันต์เดินฉุนออกไป จตุพล น้อมพงษ์ถึงกับซีด
เสี่ยอธิปกำลังเดินกระวนกระวายไปมาในห้องนอน แล้วพูดกับเดช
“เราจะต้องเล่นละครอยู่อย่างนี้อีกนานแค่ไหน..เราต้องหาทางออกไปจากที่นี่ ก่อนที่พวกมันจะจับได้ว่าชั้นแกล้งป่วย..ชั้นเป็นห่วงโอปอล์ แกเข้าใจมั้ย ตัวชั้นเป็นตายไม่เคยกลัว แต่ลูกสาวชั้นต้องปลอดภัย”
“คนของคุณจตุพลคุมหนาแน่นมาก เราหนีไปเองไม่รอดแน่..คงต้องรอ”
“รอใคร..ใครมันจะมาช่วยเราได้”
เสียงคนกำลังจะเปิดประตู
“ได้เวลาทานยาแล้ว” เดชบอก
อธิปรีบกลับขึ้นไปบนเตียง นอนห่มผ้า แกล้งป่วย เพ้อ อย่างคนอาการหนัก หายใจติดๆขัดๆ จตุพลกับน้อมพงษ์เข้ามา ถือยาบำรุงมาด้วย
“เสี่ยครับ..เสี่ย..ค่อยๆหายใจครับเสี่ย” เดชบอก
“หึ ไม่เป็นอะไรมากหรอก ดื่มยาบำรุงซะ เดี๋ยวก็ดีขึ้น” จตุพลแนะนำ
“เอ้า ประคองเสี่ยขึ้นมาดื่มยาสิ” น้อมพงษ์สั่งเดช
“ครับๆๆ”
เดชประคองอธิปขึ้นมา แอบส่งซิกกัน
น้อมพงษ์ถือถ้วยยาเข้าไปกรอกยาใส่ปากอธิป
“ดื่มซะนะครับเสี่ย จะได้แข็งแรงไวๆ”
จู่ๆโอปอล์เปิดประตูพรวดเข้ามา เห็นภาพน้อมพงษ์กำลังกรอกยาอธิป
“อย่านะ” โอปอล์ร้องห้าม
โอปอล์วิ่งเข้ามาผลักถ้วยยาในมือน้อมพงษ์จนหล่นกระจาย ทุกคนตะลึง
“โอปอล์ไม่ให้ป๊ากินยานี้อีกแล้ว”
“คุณหนู” เดชร้อง
“อาจตุพลคิดจะทำอะไรป๊า โอปอล์รู้นะ อาจตุพลใจร้าย โอปอล์เกลียด..เกลียดๆ” ว่าแล้วโอปอล์ก็เข้าไปทุบตีจตุพล
“โอปอล์..อะไร..อาจะทำอะไรโอปอล์รู้เหรอ” เดชรีบมาคว้าตัวโอปอ
“คุณหนูๆๆ...เดชบอกแล้วยังไงครับว่า คุณจตุพลพยายามรักษาป๊าเต็มที่แล้ว..ถ้าอาการไม่ดีขึ้น ก็อย่าไปโทษอาจตุพลสิครับ..ไม่เอาๆ ออกไปข้างนอกก่อนนะครับ” เดชอุ้มโอปอล์เอาตัวออกไปข้างนอกเพื่อแก้ไขสถานการณ์ ไม่ให้ความลับแตก
“โอปอล์ไม่ไป..ปล่อย”
จตุพลสบตากับน้อมพงษ์อย่างสงสัย ข้องใจ ก่อนจะหันไปมองอธิปที่นอนอยู่บนเตียง อธิปแกล้งนอนป่วยต่อไป แต่แววตากังวล
เดชอุ้มโอปอล์ที่ดีดดิ้นออกมาอีกมุม
“อาเดช..ปล่อยโอปอ..จะให้ป๊าอยู่กับอาจตุพลตามลำพังไม่ได้”
เดชจับตัวไว้เตือนให้มีสติ
“คุณหนู..เงียบๆก่อนครับ..ถ้าอยากให้ป่าป๊าปลอดภัย ต้องเชื่อฟังผมนะครับ..นะๆๆ”
“อาเดชอยู่ข้างใครกันแน่ ทำไมไม่ช่วยป๊า ปล่อยให้อาน้อมพงษ์เอายาพิษให้ป๊ากิน ทำไมๆๆ” โอปอล์โวยดังลั่น
“ผมก็อยู่ข้างคุณหนูกับป่าป๊าสิครับ แต่ทั้งหมดที่คุณหนูเห็น มันเป็นแผน..ถ้าอยากให้ป่าป๊าปลอดภัย ทั้งคุณหนูและผมต้องทำตัวตามปกติ อย่ามีพิรุธ เราต้องทำเหมือนยังไม่รู้ว่าป่าป๊าหายป่วยแล้ว เพราะถ้าอาจตุพลหรือใครในบ้านนี้รู้เข้า..ทั้งป่าป๊า คุณหนู แล้วก็ผม..โดนเจื๋อนแน่ เสี่ยไม่ได้กินยาจริงๆ แค่อมเอาไว้ แล้วก็บ้วนทิ้ง..เชื่อผมนะครับคุณหนู..อดทนอีกหน่อย ถ้ามีโอกาสเมื่อไหร่ ผมจะพาคุณหนูกับป่าป๊าหนีออกไปจากที่นี่เอง”
โอปอล์มองหน้าเดช อย่างไม่ค่อยอยากจะไว้เนื้อเชื่อใจ
อ่านต่อตอนที่ 11