มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 14
เมทินีผงะแล้วทำท่าจะถอยหนีออกนอกห้อง แต่กริสน์รีบไปขวางทางเอาไว้
“ฟังก่อนครับคุณนี ผมไม่ได้จะมาทำร้ายคุณ”
“คุณกริสน์อย่าหลอกนี..นีรู้ว่านีสวย เป็นที่ปรารถนา” เมทินีคว้าแจกันขึ้นมาถือไว้เป็นอาวุธ “แต่ถ้าคิดว่านีจะยอมคุณง่ายๆก็ลองดู”
“เมื่อกี้เจ๊ยังดีใจโผกอดซะกลมดิ๊ก..คุณกริสน์ๆอยู่เลย” ภัทรดนัยงง
“เมื่อกี้ชั้นลืมตัว..ลืมไปว่าคุณกริสน์ไม่ใช่คนเดิม..ที่ชั้นเคย..รู้สึกดีๆด้วยอีกแล้ว” เมทินีมีท่าทีสะเทือนใจ “แต่คุณเป็น พ่อค้ายาเสพติด”
“เราถูกจัดฉากใส่ร้าย..คนร้ายจริงๆยังลอยนวลอยู่ ผมเลยอยากขอร้องให้คุณนีช่วย” กริสน์ขอร้อง“ช่วย..จะให้นีช่วยอะไร..ดูๆๆ ทั้งคุณ ทั้งเพื่อนคุณ จ้องนีตาเป็นมันขนาดนี้ นีรู้นะว่าอดใจไม่ไหว คิดจะทำมิดีมิร้ายนี ใช่มั้ย”
“ไม่ได้คิด” กริสน์กับภัทรดนัยประสานเสียงตอบ
“นีไม่เชื่อ!”
อยู่ๆ พิมมาดาก็โพล่งทะลุกลางปล้องขึ้นมา “คุณเมทินี นายปาล์มลูกชายคุณติดยา!”
เมทินีชะงัก “อะไรนะ”
“นายปาล์ม..แล้วก็เด็กๆที่มีอาการแปลกๆ..เป็นเพราะยาเสพติดที่อยู่ในขนมสวีทโอปอล์” พิมมาดาบอก
“น้าพิมพูดจริงๆนะคะ ไม่ได้โกหก” แจ๊สสนับสนุน
“ใช่ๆๆ” โจ๊กกับจีจ้าช่วยหนุน
“ผมมีหลักฐาน นี่ เอกสารสูตรเคมีที่ใช้เป็นส่วนผสมของขนมสวีทโอปอ ตัวสีแดง ที่เห็นในเอกสาร คือ ชื่อเคมีของยาเสพติดแบบใหม่ชนิดนึง” กริสน์ยื่นเอกสารให้เมทินี
“ชั้นอ่านไม่รู้เรื่อง..แล้ว..คิดว่าชั้นจะเชื่อเอกสารแผ่นเดียวเนี่ยเหรอ”
ทันใดนั้นก็มีเสียงปาล์มครวญครางดังมาจากด้านบน
“งั้น..ผมจะพิสูจน์ให้ดู” กริสน์คว้ามือเมทินีแล้วลากไป
“ช่วยด้วย.....โดนผู้ชายฉุด” เมทินีร้องโวยวาย
ปาล์มยังคงถูกมัดอยู่ที่เดิม เขาพยายามร้องไห้คร่ำครวญ
“แม่จ๋า แม่..ช่วยหนูด้วย..ช่วยหนูเถิดหนา หนูเกิดมา ช่างมีกรรม หนูเป็นเด็ก ตาดำๆ โปรดอย่าทำ ทารุณๆ ..ปล่อยหนูไป”
กริสน์ลากเมทินีเข้ามาในห้อง
“ลูกปาล์ม” เมทินีหันไปสั่งแม่บ้าน “อุ่น..ออกไปก่อนเถอะ”
แม่บ้านเดินออกไป
“คุณนีดูนะ” กริสน์พยักหน้าเป็นสัญญาณให้ภัทรดนัยจัดการ
ภัทรดนัยหยิบขนมสวีทโอปอล์ออกมาล่อปาล์มทันที
“นายปาล์ม อยากกินขนมมั้ย” ภัทรดนัยชูสวีทโอปอล์
“สวีทโอปอล์!” ปาล์มน้ำลายไหลท่วมปากขึ้นมาทันที “จะกิน เอามา แฮ่ๆๆ”
ปาล์มดิ้นรนจะเอาขนมให้ได้ เขาพยายามดิ้นอย่างรุนแรงจนเตียงขย่ม
“โหว น้ำลายไหลยังกับเปิดก๊อก” โจ๊กตกใจ
“เอาขนมมา!! ไม่งั้น..ถ้าชั้นหลุดไปได้เมื่อไหร่ แกตาย แฮ่ๆๆ” ปาล์มทุรนทุราย
“โหว ตายเลยเหรอ” ภัทรดนัยยั่ว เขาเอาขนมไปถือล่อให้ปาล์มอ้าปากงับ แต่ภัทรดนัยก็หลบทำให้ปาล์มงับได้แต่ลม ภัทรดนัยยังเอาขนมมาแกว่งๆใกล้ปาก ปาล์มพยายามแลบลิ้นให้ยาวที่สุดเพื่อจะแตะขนมให้ได้
เมทินีเข้ามาดึงขนมจากภัทรดนัยทันที “หยุดแกล้งลูกปาล์มได้แล้ว!” เมทินีเอาขนมซ่อนไว้ด้านหลัง “ลูกปาล์ม..ลูกอยากกินขนมถึงขั้นนี้เลยเหรอลูก..ตั้งสติหน่อยสิ”
“เอาขนมมา!!! แฮ่ๆๆ”
เมทินีสะเทือนใจ “ไม่..ไม่จริง..ลูกปาล์มจะงับหม่ามี้เหรอ หม่ามี้ไม่ใช่ศัตรูนะคะ”
“ทุรนทุราย คลุ้มคลั่ง ขาดสติ จำพ่อจำแม่ไม่ได้ คงไม่ต้องบอกนะครับว่าเป็นอาการของอะไร” กริสน์พูด
“ปาล์มน้อยติดยาจริงๆเหรอเนี่ย..ในขนมสวีทโอปอมียาเสพติดจริงๆเหรอ” เมทินีโมโห “ใครกัน ที่ทำเรื่องเลวทราบอย่างนี้..ปาล์มน้อย เป็นแค่เด็กน้อยตัวเล็กๆตาดำๆสะอาดและอินโนเซ้นซ์ แต่กลับต้องมาติดยา..โถ ลูกน้อยของหม่ามี้”..
“คุณนีต้องช่วยพวกเรานะคะ” พิมมาดาอ้อนวอน
“ไม่ ชั้นไม่ช่วยเธอ..แต่ชั้นจะช่วยคุณกริสน์” เมทินีหันไปพูดกับกริสน์ “คุณกริสน์ขา จะให้นีช่วยยังไง บอกมาเลยค่ะ นีจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยลูกของเรา”
กริสน์กับภัทรดนัยทำหน้าเซ็ง ขณะนั้นจีจ้ามองผ่านกระจกออกไปหน้าบ้านแล้วเห็นรถคันนึงจอดอยู่ก็นึกสงสัย
“น้าพิม..นั่นรถใครอ่ะ เห็นมาจอดตั้งนานแล้ว”
พิมมาดาไม่สนใจ เพราะเธอกำลังงอนกริสน์เรื่องเมทินีอยู่ พิมมาดาเดินแยกไป กริสน์กับภัทรดนัยชวนเมทินีไปวางแผนอีกด้านหนึ่ง โดยที่แจ๊สกับโจ๊กตามไปด้วย ทุกคนแยกย้ายไปโดยไม่มีใครสนใจจีจ้า
แพรวพิลาศกำลังดูคลิปจากมือถือ คลิปนั้นเป็นภาพของกริสน์ ภัทรดนัย พิมมาดาและเด็กๆที่กำลังแอบเข้าไปในบ้านของเมทินี
“ไปสุมหัวกันอยู่ที่บ้านยัยเมทินีนี่เอง”
ทันใดนั้น สุขสันต์ก็เดินเข้ามาพอดี
“พูดถึงใคร” สุขสันต์ถาม
“ดูเองสิคะ” แพรวพิลาศเอาคลิปให้สุขสันต์ดู “สายของแพรวส่งมาให้”
สุขสันต์ดูคลิป “ไอ้กริสน์..มันยังไม่ตายอีกเหรอ!! เจอทั้งผู้ร้าย ทั้งตำรวจถล่ม แล้วมันยังรอดมาได้อีก..!” สุขสันต์ทำท่าจะเดินออกไป
“อย่าไปค่ะ ปล่อยให้ลูกน้องจัดการดีกว่านะคะ แพรวไม่อยากให้มือคุณเปื้อนอะไร ก่อนวันแต่งงานของเรา..นะคะ”
“ผมจะจัดการเอง!”
สุขสันต์พูดเด็ดขาดแล้วเดินฉุนเฉียวผ่านแพรวพิลาศออกไป
สุขสันต์กำลังจะเดินไปขึ้นรถที่ฉัตรชัยกับฮิมสตาร์ทเครื่องรอไว้
“ฉัตรชัย ฮิม ออกรถ!” สุขสันต์สั่ง
ฉัตรชัยกับฮิมที่รออยู่แล้วรีบตื่นตัวขึ้นมาทันที ทั้งคู่กุลีกุจอไปเปิดประตูให้สุขสันต์ แต่อยู่ๆจตุพลกับน้อมพงษ์ก็บุกมาขวางไว้
“คุณสุขสันต์!” จตุพลตะโกนเรียก
สุขสันต์ชะงัก ทั้งๆ ที่ยังไม่ทันได้ขึ้นรถ
“พวกแก” สุขสันต์โมโห
“รู้ใช่มั้ยว่าผมมาเรื่องอะไร” จตุพลถาม
สุขสันต์ตรงเข้าไปกระชากคอเสื้อทันที “พวกแกรู้หรือเปล่าว่าตอนนี้ไอ้กริสน์กับพวกมันกำลังหาทางเล่นงานเราอยู่ เพราะแกคนเดียว!”
“เพราะใครกันแน่!!! ใครเป็นคนส่งไอ้ตำรวจขี้โอ่คนนั้นมา!!! ห๊า!” จตุพลสวน
“ตำรวจ?..ตำรวจอะไร ชั้นไม่รู้เรื่อง” สุขสันต์ทำไก๋
“หยุดเสแสร้งได้แล้ว!” น้อมพงษ์ว่า
จตุพลควักปืนออกมาเล็งทันที ฉัตรชัยกับฮิมจะขยับ แต่น้อมพงษ์ก็ควักปืนสองกระบอกมาเล็งทั้งคู่ได้ก่อน
“เออ..ใช่..พวกแกจะบุกไปฆ่าไอ้กริสน์กับเสี่ยอธิปในถิ่น ที่มีแต่พรรคพวกของมัน คิดว่าแกจะทำสำเร็จเหรอ..ชั้นเป็นห่วง ก็เลยส่งคนไปช่วย” สุขสันต์ยอมรับ
“ช่วยเหรอ..ถุย..ถ้าไม่มีใครมาขัดขวาง ป่านนี้พวกมันก็ตายหมดแล้ว!” น้อมพงษ์พูด
“คิดจะส่งตำรวจมาช่วยจับพวกไอ้กริสน์ หรือจะให้มาจับพวกชั้นด้วยกันแน่!! ห๊า!! คุณสุขสันต์..ทำกันอย่างนี้ แล้วจะให้ไว้ใจกันอีกได้ยังไง!” จตุพลถาม
“แล้วการที่แกแอบงุบงิบทำอะไรโดยไม่บอกชั้น มันแปลว่าไว้ใจได้งั้นเหรอ” สุขสันต์ย้อน
“พูดงี้หมายความว่าไง!” จตุพลฉุน
แพรวพิลาศถือปืนเดินออกมา “ถ้าพวกแกคิดว่าจะอวดเบ่งในบ้านคนอื่น แล้วเดินออกไปได้ง่ายก็ลองดู” พวกบอดี้การ์ดตามเข้ามาล้อมจตุพลกับน้อมพงษ์ไว้
ฉัตรชัยกับฮิมกลับมาเหนือกว่าน้อมพงษ์ทันที ทั้งสองควักปืนคนละกระบอกขึ้นมาเล็งไปที่น้อมพงษ์ ก่อนจะควักออกมาอีกคนละกระบอกแล้วเล็งไปที่น้อมพงษ์อีก
“สี่ต่อสองว่ะ ฮ่าๆ” ฉัตรชัยหัวเราะร่วน
“หน็อย คิดว่ามากกว่าแล้วจะกลัวเหรอ” น้อมพงษ์ถอยไปหาจตุพล “ถอยก่อนมั้ยครับ”
“จตุพล..ตอนนี้เราอยู่ในสถานะเดียวกัน..มีศัตรูคนเดียวกัน..ถ้าแกไม่ไว้ใจชั้น แกก็ไว้ใจใครไม่ได้อีกแล้ว” สุขสันต์บอก
สุขสันต์ไม่สนใจปืนที่จตุพลจ่อเขาอยู่ เขาเดินไปขึ้นรถ แพรวพิลาศ ฉัตรชัย และฮิมตามไปขึ้นรถ ทั้งหมดออกรถไปทันที จตุพลกับน้อมพงษ์ได้แต่มองตามด้วยความรู้สึกแค้น
กริสน์กำลังเตรียมตัวจะออกจากบ้านของเมทินี
“คุณพิม..ระหว่างที่พวกผมออกไปจัดการปัญหา..คุณกับเด็กๆอยู่ที่นี่ได้นะ”
“แล้วทำไมจะอยู่ไม่ได้” พิมมาดาถามด้วยเสียงขุ่นๆ
“อ้าว มีย้อนด้วย” กริสน์งง
“นายไม่ต้องห่วงชั้นหรอก ห่วงตัวนายเองเถอะ..ยิ่งชอบทำตัวบ้าพลังไม่เข้าเรื่องอยู่ด้วย..ชั้นขอเถอะนะ อะไรที่มันเหลือบ่ากว่าแรง ก็ไม่ต้องอวดเก่ง”
กริสน์ยิ้ม “ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วงผม”
“ชั้นห่วงว่าจะไม่ได้กลับไปใช้ชีวิตตามปกติ ชั้นไม่อยากเป็นผู้ร้ายหนีคดีไปจนตาย หลานๆชั้นต้องมีอนาคตที่ดีกว่านี้”
“เข้าใจๆ แต่ก็เป็นห่วงผมด้วย?”
“ไปทำหน้าที่ของนายได้แล้ว” พิมมาดาตัดบทแล้วทำท่าจะไปแต่กริสน์เรียกไว้
“คุณพิม! ..เอ่อ ถ้าสมมติว่า..ทุกอย่างไม่เป็นไปอย่างที่เราคิด ถ้าผมทำไม่สำเร็จ..ผมอยากบอกคุณว่า..ผมขอโทษที่ทำให้ชีวิตคุณและหลานๆ”
พิมมาดาตัดบท “คนที่ต้องขอโทษชั้นคือคุณสุขสันต์ ไม่ใช่นาย นายพยายามจะช่วยชั้น ช่วยเหลือทุกคน ชั้นสิ ที่ต้องขอบคุณนาย”
“ผมแค่..ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิด..เลยพูดเผื่อไว้”
“นายต้องทำสำเร็จ ชั้นเชื่อใจนาย”
พิมมาดากับกริสน์มองตากันอย่างซึ้งใจ
ภัทรดนัยเดินเข้ามาพร้อมมือถือในมือ “ไอ้กริสน์ๆ ชั้นเช็คข่าวแล้ว..ชะอุ๋ย โทษทีๆๆ ชั้นไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ตามบายๆ ต่อๆๆ ห้าสี่สามสอง แอคชั่น!”
“มีอะไรว่ามา” กริสน์ถาม
“ชั้นเช็คข่าวแล้ว ในเนท ในหนังสือพิมพ์ ไม่มีข่าวเสี่ยอธิปถูกจับหรือเสียชีวิตเลย..แสดงว่า เสี่ยอธิปต้องปลอดภัยอยู่ที่ไหนสักแห่งแน่”
กริสน์ดีใจ “เยี่ยมเลย..เสี่ยอธิปต้องตามหาพวกเราเจอแน่”
“แล้วยัยเจ๊เมทินีอยู่ไหน ยังไม่มาอีกเหรอ วันนี้จะได้ออกไปลุยมั้ยเนี่ย”
ทันใดนั้น เสียงเมทินีก็ดังขึ้น “นีพร้อมลุยแล้วค่ะ!”
เมทินีเดินเข้ามาในชุดลายพราง พร้อมบู๊เต็มพิกัด กริสน์ ภัทรดนัย และพิมมาดาถึงกับตะลึงงัน
“จะไปตามล่าสมบัติมัมมี่ที่ไหนวะเนี่ย” ภัทรดนัยพึมพำ
รถของเมทินีแล่นมาจอดที่ตึกสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง เมทินีเดินมาดมั่นสวนผู้คนไปตามทาง โดยมีกริสน์กับภัทรดนัยในมาดบอดี้การ์ดสวมแว่นดำเดินประกบข้าง
ที่นั่น ครูฟ้าใส ครูพงษ์พัฒน์ กลุ่มครู และกลุ่มพ่อแม่กำลังรออยู่
“คุณเมทินีมาแล้ว!” ครูพงษ์พัฒน์ตะโกน
ทั้งหมดรีบกรูเข้ามาหาเมทินีทันที
“คุณเมทินีเรียกพวกเรามา จะให้ทำอะไรว่ามาเลยครับ” ครูพงษ์พัฒน์ถาม
“พวกเรา ครู และพ่อแม่ผู้ปกครอง พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อโรงเรียน เอ๊ย เพื่อเด็กนักเรียนของพวกเรา..เราจะสู้!” ครูฟ้าใสพูดนำ
“สู้!” ทุกคนพูดตาม
“คุณครูฟ้าใส คุณครูพงษ์พัฒน์ตามชั้นมา..เราต้องช่วยกัน” เมทินีบอกแล้วเดินนำไป พวกครูและพ่อแม่เดินตามหลังเป็นกองทัพ แต่แล้วก็ต้องชะงัก เพราะเค้ก เต๋า และเต้ยเดินสวนมาอย่างมาดมั่นราวกับชาลีแองเจิ้ล
ทั้ง 3คนเดินมาด้วยความเท่ ผมปลิว เสื้อผ้าปลิว ทั้งสามประสานเสียงทันที
“กองทัพสาวสวยมาแล้ว!”
กริสน์ทำหน้าดีใจ ทุกคนรีบเดินพุ่งเข้าไปในตึกทันที
ผู้ประกาศข่าวกำลังอ่านข่าวอยู่ภายในห้องส่ง
“ส่วนสถานการณ์เรื่องอาการประหลาดที่เกิดขึ้นกับนักเรียนตามเมืองใหญ่ๆทั่วประเทศ..ล่าสุดมีนักวิชาการออกมาแสดงทัศนะว่า อาการเหล่านี้ อาจจะเป็นแค่การเล่นสนุกแบบแผลงๆของวัยรุ่น จากเดิมเรามีแพลงกิ้ง มีพับเพียบ ตอนนี้ก็วิวัฒนาการมาเป็น..ชักแหง็กๆ”
อยู่ๆประตูห้องส่งก็ถูกเปิดออก เมทินีนำทีมบุกเข้ามาในห้องส่งอย่างไม่สนใจใคร รปภ.พยายามห้าม แต่ก็ห้ามไม่ไหวเพราะพวกเมทินีกรูเข้ามากันจนหมด
“ใครคือโปรดิวเซอร์รายการนี้!” เมทินีตะโกนถาม
ทีมงานทุกคนได้แต่ทำหน้างง โปรดิวเซอร์ให้สัญญาณผู้ประกาศพูดเข้าช่วงพักเบรคทันที
“ผมเองครับคุณเมทินี..พวกคุณมีอะไรคับ” โปรดิวเซอร์เข้าไปหาเมทินี
“ชั้นมีความจริงเกี่ยวกับสาเหตุที่พวกเด็กนักเรียนมีอาการแปลกประหลาดจะมาบอก..บอกมาสิว่าไม่สนใจ!”
พิมมาดา แจ๊ส โจ๊ก และจีจ้าช่วยกันหอบขนมสวีทโอปอล์มาใส่ถุงดำเพื่อจะเอาไปทิ้ง
“นายปาล์มมีขนมเยอะขนาดนี้เลยเหรอ” แจ๊สหอบอย่างเหนื่อยๆ
“คนรวยนี่น่าอิจฉาเนอะ” จีจ้าพูด
“จะไปอิจฉาทำไม เพราะน้าพิมไม่ให้เงินเราไปซื้อขนม เราถึงไม่ติดยาเหมือนคนอื่นๆ” โจ๊กบอก
“เด็กๆเอาขนมมาหมดทุกซอกทุกมุมแล้วใช่มั้ย..งั้นป้าอุ่นคะ ฝากกำจัดทีนะคะ” พิมมาดาวานแม่บ้าน
“ป้าจะเผาไม่ให้เหลือซากเลยค่ะ”
ปาล์มเข็นรถเข็นที่เขานั่งอยู่เข้ามา
“ไม่” ปาล์มพยายามจะเดิน แต่พอลุกขึ้นก็เซ เหมือนคนไม่มีแรง “อย่าเอาขนมไปทิ้ง..ได้โปรด พลีส”
“ปาล์ม”พิมมาดาพยายามปราม
“ผมเองครับน้าพิม” โจ๊กเข้าไปจับปาล์มไว้ “ปาล์ม..ที่นายไม่มีแรง ก็เพราะขนมนั่น แล้วนายยังจะอยากกินอีกเหรอ”
“แล้วเห็นมั้ยว่า พอไม่ได้กิน นายก็เริ่มมีแรง พูดจารู้เรื่องขึ้น..อดทนหน่อยสิ” แจ๊สช่วยให้สติ
“เมื่อกี้นายจับขนมสวีทโอปอล์ใช่มั้ย” ปาล์มคว้ามือโจ๊กขึ้นมาแทะ
“ปล่อยๆๆ” โจ๊กพยายามดึงมือออกแต่ปาล์มจับเอาไว้แน่น
“เฮ้อ ปกติก็ไม่ค่อยเต็มอยู่แล้ว นี่เลยยิ่งเพี้ยนไปกันใหญ่” จีจ้าบ่น
“โจ๊ก..แจ๊ส” พิมมาดาเป็นห่วงหลาน
“น้าพิมไม่ต้องห่วงครับ..โจ๊กดูแลนายปาล์มได้”
“น้าพิมอยู่ตรงนี้แหละค่ะ เผื่อว่าน้ากริสน์จะติดต่อกลับมาขอความช่วยเหลือ..ไปๆ โจ๊ก พานายปาล์มกลับห้องเถอะ แจ๊สจะรับผิดชอบเองค่ะ”..
โจ๊กกับแจ๊สช่วยกันพาปาล์มออกไป พิมมาดาได้แต่ยืนทึ่งในตัวหลาน ไรับผิดชอบ..ชั้นฟังไม่ผิดใช่มั้ยเนี่ย”
จีจ้ามองออกไปด้านนอกบ้านแล้วยังเห็นรถคันเดิมจอดอยู่ที่เดิม
“เอ๋..รถคันนั้น..ยังอยู่อีกเหรอ” จีจ้ามองรถคันนั้นด้วยความสงสัยๆ
รถของสมุนแพรวพิลาศยังจอดอยู่ที่เดิม สักพัก รถอีกคันก็แล่นมาจอดต่อท้าย กระจกรถคันนั้นเปิดลง ข้างในมีทั้ง สุขสันต์ แพรวพิลาศ ฉัตรชัย และฮิมนั่งอยู่
“เหลือแต่ผู้หญิงกับเด็ก หึๆ งานนี้ง่ายยิ่งกว่าปอกส้มอีก” สุขสันต์หัวเราะ
“ปอกกล้วยค่ะ...แต่คุณก็ต้องนั่งอยู่ในนี้ ห้ามออกไป คุณไม่ควรเอาตัวเองเข้าไปพัวพันกับเรื่องนี้อีกนะคะ..ฉัตรชัย ฮิม ถ้างานนี้ พวกแกจับตัวพิมมาดากับเด็กๆทั้งหมด ไม่ได้.. แกสองคนตาย” แพรวพิลาศสั่ง
“แล้ว..ถ้าจับได้ล่ะครับ มีรางวัลใช่มั้ยครับ” อิมถาม
แพรวพิลาศขู่ “แน่ใจนะว่าจะเอารางวัล”
ฉัตรชัยรู้สึกสยอง “ไม่เอาดีกว่าครับ เราทำด้วยใจอยู่แล้ว”
ฉัตรชัยกับฮิมรีบลงจากรถไป สายของแพรวพิลาศ 2คนที่อยู่ในรถอีกคันก้าวลงตาม
“อย่าทำหน้าเครียดเป็นพิภพวานรยังงี้สิคะ..เสียดายครีมเกาหลีที่ใช้ มาๆๆ แพรวจะนวดหน้าให้ไ แพรวพิลาศประจบสุขสันต์
รถอีกคันแล่นเข้ามาจอดอีกมุมนึงของบ้านเมทินี จตุพลกับน้อมพงษ์นั่งอยู่ข้างในรถคันนั้น
“คราวนี้ชั้นตามแกมั้งไอ้สุขสันต์” จตุพลพูด
“บ้านยายแม่ม่ายเมทินี ท่าทางคราวนี้น่าจะปิดจ็อบทีเดียวหมด” น้องพงษ์มั่นใจ
จีจ้ายังคงมองรถอยู่ที่เดิม เธอเห็นชายคลุมโม่งออกมาจากรถคันแรก และฉัตรชัยกับฮิมที่คลุมโม่งเช่นกันออกมาจากรถอีกคัน ทั้งหมดลอบเข้ามาที่บ้านเมทินี
“เฮ้ย....น้าพิม..น้าพิม..มีคนแอบปีนเข้ามาในบ้าน!”
“หา!! ไหนๆๆ” พิมมาดารีบมามองหา
แต่จังหวะนั้นทั้งสี่คนทำตัวกลมกลืนกับความมืดไปพอดี พิมมาดาพยายามเพ่ง แต่ไม่เห็นอะไร “ไม่เห็นมีอะไรเลย” พิมมาดาหันมาจ้องจีจ้า “จีจ้า..แกล้งน้าเล่น สนุกมากมั้ย”
“จีจ้าไม่ได้แกล้งนะคะ จีจ้าเห็นจริงๆ มีคนแอบปีนรั้วเข้ามาในบ้าน”
“แล้วอยู่ไหน”
“อยู่ตรงเงามืดนั่นไงคะ”
พิมมาดาชะโงกหน้าออกไปมองอีก แต่ทั้งสี่ทำตัวเนียนไปกับความมืด
พิมมาดาหันมาส่ายหน้า “บ้านนี้ มีทั้งสัญญาณเตือนภัย มีทั้งบอดี้การ์ด ถ้ามีใครแอบเข้ามา ป่านนี้เราทุกคนก็ต้องรู้ตัวแล้ว..เมื่อไหร่จะเลิกนิสัยเด็กเลี้ยงแกะซะที”
จีจ้ารีบวิ่งออกไปทันที “พี่แจ๊ส!! พี่โจ๊ก!”
จีจ้าวิ่งหน้าตาตื่นไปหาแจ๊สกับโจ๊ก
“อุตส่าห์นึกว่าดีขึ้นแล้วซะอีก เฮ้อ” พิมมาดาบ่น
จีจ้าวิ่งย่องให้เบาที่สุดขึ้นมาตามบันได จากนั้นเธอก็รีบวิ่งไปเปิดประตูเข้าไปในห้องปาล์ม
จีจ้าเข้าไปกระซิบหูพี่ชาย “พี่แจ๊ส พี่โจ๊ก ผู้ร้ายบุก!”
ตอนนั้นแจ๊สกับโจ๊กกำลังช่วยกันนวดให้ปาล์มอยู่
“อะไร กระซิบทำไม พูดดังๆหน่อยจีจ้า..เป็นไงบ้าง ดีขึ้นมั้ยปาล์ม” แจ๊สถาม
“ดีขึ้น มีแรงมากขึ้น สมองปลอดโปร่ง ยืนเองได้แล้ว” ปาล์มลุกขึ้นทั้งร้องทั้งเต้น “รักนะคะคนดีของชั้น”
“มีอะไรจีจ้า” โจ๊กหันไปถาม
จีจ้าตะโกนดังลั่น “ผู้ร้าย..อยู่ในบ้านเราแล้ว!”
“หา!” แจ๊สกับโจ๊กตกใจ ทันใดนั้น ปาล์มที่กำลังเต้นอยู่ก็เสียศูนย์จนเซร่วงลงไป
“จีจ้าพูดจริงๆ สาบานได้เลย” จีจ้าเดินไปที่หน้าต่าง “พวกมันแอบปีนเข้ามาทางนั้น” จีจ้าเห็นพวกฉัตรชัยกำลังจับแม่บ้านมัดปากแล้วนำไปซ่อนไว้ในโรงรถ “นั่น!!! ป้าอุ่นโดนพวกมันจับตัวแล้ว!”
ทุกคนรีบวิ่งไปดูที่หน้าต่าง เด็กๆ เห็นสมุน 2คนกำลังลากบอดี้การ์ดของเมทินีที่หมดสติคอพับอยู่เข้าไปเก็บในโรงรถอย่างเงียบเชียบ
“แย่แล้ว!” แจ๊สกับโจ๊กตกใจ
พิมมาดารอดูข่าวอย่างกระวนกระวาย
“ทำไมยังไม่มีข่าวอะไรอีก สาธุ ขอให้ทุกอย่างสำเร็จด้วยดีด้วยเถอะ”
อยู่ๆ แจ๊ส โจ๊ก และจีจ้าก็วิ่งลงมา ทั้งหมดแยกย้ายไปปิดประตู ปิดหน้าต่าง ผ้าม่าน ปิดหมดทุกมุม
“แยกย้ายไปปิดประตูหน้าต่างให้หมดทุกบาน!” แจ๊สสั่งน้องๆ
“เด็กๆ..อะไร..เล่นอะไรกันอยู่” พิมมาดางง
ปาล์มเดินอย่างอิดโรยออกมาจากห้อง “เราไม่ได้เล่นครับ..นี่ของจริง ผู้ร้ายบุกบ้านเราจริงๆ..เราต้องสู้เพื่อปกป้องดินแดนและอาณาเขตของเรา”
“ผู้ร้ายอีกแล้วเหรอ เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาเล่นอะไรนะ ทุกคน!” พิมมาดาดุ
ทันใดนั้น ประตูบ้านก็ขยับกึกกักๆ เหมือนมีใครพยายามจะเปิดเข้ามาจากด้านนอก
“ใคร” พิมมาดาร้องถาม
“ชู่ว์” ปาล์มดึงพิมมาดามาให้หลบ แจ๊ส โจ๊ก และจีจ้าวิ่งมา
“น้าพิมมาดูทางนี้” โจ๊กดึงพิมมาดาไปยังด้านที่มองออกไปเห็นนอกประตู แล้วแง้มผ้าม่านให้มองออกไป
พิมมาดาเห็นกลุ่มชายคลุมโม่งกำลังพยายามจะเปิดประตูเข้ามา ทั้งหมดเดินแยกย้ายหาทางเข้า มีคนหนึ่งถือปืนเดินผ่านหน้าไป
พิมมาดาตกใจ รีบถอยหนีออกมาทันที “เย้ย..พวกมัน..มีปืนด้วย..ทำยังไงดี” พิมมาดานึกขึ้นได้จึงรีบวิ่งไปที่โทรศัพท์ แต่ก็ไม่พบ “โทรศัพท์..โทรศัพท์หายไปไหน”
“น้าพิม นี่” แจ๊สชี้ให้ดูโพสต์อิทที่แปะไว้
พิมมาดาอ่าน “เพื่อความไม่ประมาท และลดความเสี่ยงในการถูกแกะรอย ขออภัยในความขัดข้องนะครับ จากกริสน์..โอ๊ย ทำไมถึงไม่ไว้ใจกันบ้าง แล้วจะทำยังไงเนี่ย”
“ปาล์ม..มือถือล่ะ มีมือถือมั้ย” โจ๊กถาม
“มีๆๆ..แต่อยู่กับป้าอุ่น”
“ป้าแม่บ้านถูกพวกมันจับไปแล้ว” จีจ้าบอก
“โห้ย” พิมมาดาเครียด
“ไม่ต้องตกใจๆๆๆ ที่นี่มีอินเตอร์เนทไวไฟร์” ปาล์มบอก พิมมาดาดีใจขึ้นมาทันที “ใช้โน้ตบุ๊คผมได้”
“เร็วๆ” พิมมาดาเร่ง ทุกคนดีใจ ปาล์มรีบหยิบโน้ตบุ๊คออกมาพยายามจะติดต่อคนอื่น
ทันใดนั้น ไฟก็ดับลง หน้าจอโน้ตบุ๊คติดแต่ไม่มีสัญญาณไวไฟร์ ทุกคนอึ้ง
“พวกมันตัดไฟ” พิมมาดาบอก
“ไวไฟร์ไม่มีแล้วเราจะติดต่อคนอื่นยังไงล่ะ” แจ๊สถาม แล้วเธอก็หน้าซีด ตัวสั่น อย่างหวาดกลัว
แจ๊สมองอกไปยังเห็นพวกคนร้ายเดินถือปืนไปมาอยู่ด้านนอก
“เราต้องตาย มันจะฆ่าเราทุกคน” แจ๊สจิตตก
แจ๊สหวนนึกถึงเหตุการณ์ที่พ่อแม่ของเธอถูกคนร้ายยิงเสียชีวิต ทำให้แจ๊สสติแตก วิ่งหนีไปหลบมุม แล้วขดตัว กอดเข่าตัวสั่นเทิ้ม
“แจ๊ส..เป็นอะไร” พิมมาดาถาม
จีจ้าเข้าไปกอดแจ๊ส
“พี่แจ๊ส มีสติหน่อยสิพี่” โจ๊กเขย่าตัวเรียกสติพี่สาว “ฟังนะ..เราจะไม่ยอมให้พวกมันทำอะไรเราได้ ในเมื่อให้คนอื่นมาช่วยไม่ได้..พวกเราก็ต้องสู้..เข้าใจมั้ยพี่แจ๊ส จีจ้า เราทุกคนต้องจัดการพวกมัน”
“แต่..มันมี..ปืน” แจ๊สพูดเสียงสั่น
“มันมีปืน แต่เรามีของในบ้านนี้ทั้งหมด แล้วเราก็มี” โจ๊กชี้หัวตัวเอง “สมองด้วย..ความกลัวมันช่วยอะไรเราไม่ได้..ต้องเชื่อในตัวเองสิพี่แจ๊ส จีจ้า”
“เราต้องเตรียมรับมือ..ไป..แยกย้ายกันไปหาอาวุธ!” ปาล์มสั่ง
พวกเด็กๆ รีบแยกย้ายกันไปหาอาวุธ พิมมาดาสับสนเพราะไม่รู้จะทำอย่างไร
อ่านต่อหน้า 2
มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 14 (ต่อ)
โปรดิวเซอร์รายการข่าวกำลังนั่งดูเอกสารสูตรเคมีของขนมสวีทโอปอล์ สักครู่หนึ่งเขาก็วางลง
“ขนมสวีทโอปอล์มียาเสพติด คุณต้องออกอากาศสดเดี๋ยวนี้” เมทินีบอก
“คุณเมทินี..คุณมีหลักฐานอย่างอื่นอีกมั้ย นอกจากกระดาษแผ่นเดียว..คือ ไม่ใช่ผมไม่เชื่อคุณนะครับ แต่ผมก็ต้องเซฟตัวเองด้วย..เพราะถ้ามันไม่จริง แล้วผู้เสียหายฟ้องร้อง ผมก็คุกนะครับ” โปรดิวเซอร์พูด
“เอกสารนี้ เราได้มาจากห้องวิจัยลับของบริษัทสวีทโอปอล์เลยนะครับ ไม่ได้เมคขึ้นเอาเอง” กริสน์รีบเสริม
“ชั้นเป็นซัมบอดี้นะคุณ ถ้าไม่มั่นใจ ชั้นไม่เอาชื่อเสียงหน้าตาชั้นมาประจานออกสื่อหรอก” เมทินีเอาชื่อตัวเองขึ้นอ้าง
“ขอโทษนะครับ แต่ผมเอาออกอากาศไม่ได้” โปรดิวเซอร์ทำท่าจะไป
เต๋ากับเต้ยปราดมาขวางไว้ “คุณโปรดิ๊วขา..เชื่อใจพวกเรานะคะ!”
“พวกเราพูดด้วยความสัตย์จริงนะ” เต้ยเสริม
เต๋ากับเต้ยรีบเข้าประกบโปรดิวเซอร์ทันที
“เฮ้ย!!! พวกคุณออกไปจากสตูดิโอได้แล้ว ต้องเข้ารายการแล้ว”
ครูฟ้าใสบีบน้ำตา “เฮ้ลมี พลีส..พลีส..อิชั้นเดือดร้อนจริงๆ โรงเรียนของอิชั้นกำลังจะเจ๊งเพราะยาเสพติดตัวนี้”
ครูพงษ์พัฒน์รีบเตือนสติทันที “ครูฟ้าใส..ห่วงเด็กๆสิครับ”
ครูฟ้าใสรีบปรับเรื่องทันที “แต่ก็ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่า สุขภาพและพลานามัยที่สมบูรณ์ของเด็กๆ ที่อิชั้นห่วงยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้นทั้งปวง..พลีส ช่วยโรงเรียนของอิชั้น..เอ๊ย ช่วยเด็กนักเรียนอิชั้นด้วย”
“พวกเราจะไม่ไปไหน เราจะยืนหยัดต่อสู้เพื่อความถูกต้อง..เราไม่กลับ!” ครูพงษ์พัฒน์ยืนหยัด
“เราไม่กลับๆ” ทุกคนประสานเสียง
“ไม่ได้....เรียกยามมาเร็ว....เอาพวกนี้ออกไปทีไ โปรดิวเซอร์ตะโกนบอก
ทันใดนั้น อั๋น เจ้าของรายการก็เดินเข้ามาแล้วเอ่ยทัก “คุณน้าเมทินี”
“คุณอั๋น..คุณอั๋นต้องช่วยได้แน่ๆ คือ..” เมทินีจะอธิบาย
“ผมรู้เรื่องหมดแล้วครับ” อั๋นหันไปพูดกับโปรดิวเซอร์ “คุณน้าเมทินีเป็นเพื่อนสนิทกับคุณแม่ผมเอง ท่านให้คุณแม่ผมยืมเครื่องเพชรบ่อยๆ..ผมเชื่อว่าคุณน้าพูดจริง ไม่งั้นไม่ออกโรงขนาดนี้แน่..เบรกหน้า เปลี่ยนเป็นสัมภาษณ์คุณน้าเมทินีออกรายการสดนะ”
“ครับ ได้ครับ” โปรดิวเซอร์รับคำ
เมทินีหันไปพูดกับอั๋น “แหม ถ้าไม่ติดว่าเป็นลูกเพื่อน จะให้มานั่งตรงนี้” เมทินีชี้หัวใจตัวเอง “เลยนะ”
ฉัตรชัยกับฮิมกำลังช่วยกันเปิดประตูบานนึง แต่ยังเปิดไม่ได้
ฉัตรชัยเหนื่อย จึงถอดหน้ากากออก “โห้ย มันล็อกทุกประตูเลยเหรอวะ หรือว่าพวกมันรู้ล่วงหน้าว่าเราจะมา”
“มันจะรู้ได้ไง เรายังเพิ่งรู้ก่อนจะมาเลย..มันต้องมีสักทางสิ ไปลองหาดู ไป!” ฮิมสั่ง
ฉัตรชัยตบหัวฮิมทันที “แหม๊ สั่งยังกับเป็นเจ้านายเลยนะ”
ทันใดนั้น บนระเบียงชั้นบนเหนือหัวของฉัตรชัยกับฮิม จีจ้าก็ลอบมองลงมาด้วยหน้าตามีแผน แล้วจึงถือกระติกน้ำร้อนยื่นออกมานอกระเบียง
“คนไม่ดี ต้องฆ่าเชื้อโรค คิๆ”
ฉัตรชัยกับฮิมถูกน้ำร้อนราดลงมาบนหัว
“โอ๊ยๆๆ” ฉัตรชัยกับฮิมกระโดดเหยงๆ แล้วรีบสวมโม่งตามเดิม
“ใครวะ” ฮิมถาม
ฉัตรชัยมองขึ้นไปก็เห็นจีจ้า “หน็อย ไอ้ตัวเล็ก นี่แสดงว่า พวกแกรู้ใช่มั้ยว่าเราจะมา” ฉัตรชัยหันไปพูดกับฮิม “เห็นมั้ยชั้นบอกแกแล้วไม่เชื่อ”
“มันใช่เวลามาเถียงกันมั้ย..ไปจัดการมันก่อน”
ทันใดนั้น ประตูตรงที่ฉัตรชัยกับฮิมยืนอยู่ก็เปิดผลัวะออก แจ๊สกับโจ๊กวิ่งถือขวดซอสพริกออกมาแล้วบีบซอสเป็นสายใส่ทั้งคู่ทันที
“ซอสพริก” แจ๊สบอก
“มัสตาด” โจ๊กพูด
“ย้ากๆๆๆ” แจ๊สกับโจ๊กระดมบีบใส่
ฉัตรชัยกับฮิมเจอซอสพริกและมัสตาดเข้าไปเต็มๆ ตาจนต้องดิ้น
“โอยๆๆ แสบตาๆ”
แจ๊สกับโจ๊กหลบออกข้าง เผยให้ปาล์มที่เข็นโซฟาแบบมีล้อพุ่งเข้าใส่ฉัตรชัยกับฮิมทันที
“สิบล้อมาแล้ว สองแถวหลบหน่อย!”
ฉัตรชัยกับฮิมกระเด็นจนหงายหลังไป พวกเด็กๆดีใจ
“เฮๆๆๆ เราชนะแล้วๆๆ”
ทันใดนั้น สมุนอีก 2คนก็วิ่งเข้ามา “เฮ้ย!”
พวกเด็กๆ ตกใจ รีบหนีเข้าบ้านทันที “จ๊าก!!! เข้าบ้านๆ”
พวกเด็กๆ กลับเข้ามาในบ้านแล้วปิดประตูล็อคทันที แต่แล้วเด็กๆ ก็ต้องผงะเพราะเห็นพิมมาดายืนอยู่
“พวกเธอรีบหลบเร็ว พวกมันมีปืนนะ”
จีจ้าวิ่งเข้ามาพร้อมกับขวดครีมทาผิวมากมาย “แผนสองมาแล้วๆ”
“จะทำอะไรกันเนี่ย” พิมมาดางง
แต่เด็กๆ ก็ดำเนินตามแผนตัวเองต่อไป
ด้านนอก ฉัตรชัยกับฮิมกำลังปาดซอสพริกกับมัสตาดออกจากหน้า
“พวกเด็กเหลือขอ คิดจะลองดีกับมหาโจรอย่างพวกเรา..พวกแกเจอดีแน่ ลุย!” ฉัตรชัยบอก
“จะลุยยังไงประตูล็อก” อิมถาม
“แบบนี้ไง” ฉัตรชัยควักปืนออกมาแล้วยิงไปที่ประตู
“เข้าไปได้แล้ว ไป!” ฉัตรชัยบอก
ทั้งหมดวิ่งเข้าไปในบ้าน แต่แล้วก็ต้องลื่นไถลและร้องกันเสียงหลง เพราะบนพื้นมีน้ำมันพืชราดอยู่ ทั้งสี่ชนกันจนล้มก้นจ้ำเบ้า พวกเด็กๆ ยังเอาขวดน้ำมันพืชเทลงพื้น พร้อมกับยืนหัวเราะอยู่อีกด้านนึง
“ลื่นปรื้ดๆ ท่าเต้นใหม่เรอะลูกเพ่ ก๊ากๆไ ปาล์มเยาะเย้ย
“หน็อย พวกเด็กเหลือขอ” ฉัตรชัยพยายามจะลุกขึ้นยืน แต่แล้วก็ล้มลงไปอีก “เหว๋ยๆ”
ฉัตรชัยกับฮิมพยายามจะลุกขึ้นยืน แต่แล้วก็ลื่นไถลแล้วก็ชนกันล้มไปอีก ทั้งหมดล้มแล้วล้มอีก
“เด็กๆ หนีเดี๋ยวนี้ ไปๆๆ” พิมมาดาตะโกนสั่งแล้วรีบต้อนเด็กๆ ให้หนีไป
พวกฉัตรชัยพยายามออกจากส่วนที่เป็นน้ำมันด้วยความยากลำบาก
พิมมาดาลากเด็กๆทุกคนเข้ามาในบ้าน
“พวกเธอคิดจะทำอะไร หยุดได้แล้ว..เราต้องหาทางหนีออกไปจากที่นี่..ไปให้คนบ้านอื่นช่วย ไปเร็ว!”
จีจ้าส่องออกไปนอกบ้านแล้วพูด “หนีออกไปไม่ได้หรอกค่ะ พวกมันจอดรถล้อมบ้านเอาไว้แล้ว”
“รถยังสต๊าร์ทอยู่ แสดงว่ามีคนรอในรถ เราหนีออกไป มันไล่ชนแน่” แจ๊สบอก
“งั้น..ก็ต้องหาที่ซ่อน ขึ้นไปบนห้อง ไปๆ” พิมมาดาสั่ง
“ซ่อนไปก็เท่านั้น เดี๋ยวพวกมันก็ต้องหาเราเจออยู่ดี” ปาล์มบอก
“น้าพิมครับ ใจเย็นๆสิครับ สติเท่านั้นที่จะช่วยพวกเราได้..เชื่อโจ๊กนะครับ ถ้าพวกเราช่วยกัน ต้องจัดการพวกมันได้แน่”
“น้าพิมค่ะ..แจ๊สจะไม่ยอมให้น้าพิมเป็นอะไร..เราจะปกป้องน้าพิม เหมือนที่พ่อกับแม่ปกป้องเรา..ไม่ต้องกลัวนะคะ”
พิมมาดาทึ่งในความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นของเด็กๆ ทันใดนั้นพวกสมุนก็ตามเข้ามา
“มันอยู่นั่น!”
พวกเด็กๆ ร้องจ๊ากแล้วรีบแยกย้ายหนีไปคนละทิศคนละทาง
“เด็กๆ” พิมมาดาไม่รู้จะตามใคร จึงคว้ามือจีจ้า “จีจ้า มาทางนี้”
พิมมาดารีบพาจีจ้าวิ่งหนีไป พวกสมุนแยกย้ายกันวิ่งตาม
ฉัตรชัยกำลังเดินหาตัวเด็กๆ อยู่ในบ้าน เขาเลี้ยวเข้ามาในห้องนึงแต่แล้วก็สะดุดกับเส้นเอ็นที่ขึงไว้ตรงข้อเท้า ฉัตรชัยผวาลงไปจับกบทันที “โอย”
สมุนคนนึงได้ยินเสียงร้องจึงรีบวิ่งตามมาดู แล้วก็สะดุดแบบเดียวกันแต่ล้มลงไปทับฉัตรชัยไว้ สมุนอีกคนตามมาแล้วก็สะดุดเช่นเดียวกัน
ฮิมตามเข้ามาเป็นคนสุดท้าย “อ้าว พวกแก ลงไปนอนทับกันทำไม” ฮิมกำลังจะเข้าไป แต่ก็ต้องชะงัก “อ๊ะๆๆ” ฮิมมองที่พื้น “นั่นแน่ เส้นเอ็น เสียใจด้วยนะ” ฮิมชี้ที่หัวตัวเอง “พอดีว่าเป็นคนมีหมองๆมากสุด ฮ่าๆๆ”
ทันใดนั้น ปาล์มก็โผล่มาด้านหลังของฮิมแล้วกระโดดถีบเขาเต็มๆ ทำให้ฮิมถลาลงไปทับอีกคนและปืนกระเด็นหลุดจากมือไป
ปาล์มตั้งท่าเท่ “มัวแต่พล่ามอยู่ได้”
แจ๊สกับโจ๊กรีบออกมาจากที่ซ่อน
“ปืน!” โจ๊กชี้ไปที่ปืนของฉัตรชัยกับฮิมที่หล่นอยู่ที่พื้น
“อย่าแตะ ของอันตราย ต้องใช้กาวซุปเปอร์เหนียว” แจ๊สเอากาวตราช้างออกมาแล้วบีบใส่ปืนทั้งสองกระบอกทันที
พวกฉัตรชัยพยายามจะลุกขึ้น ฉัตรชัยบ่น “พวกแก..จะทับ..อีก..นานมั้ย..หายใจ..ไม่ออก!”
ปาล์มปีนขึ้นไปบนโต๊ะ แล้วตั้งท่าจะกระโดดลงมาทับทั้งสี่
“จะรีบลุกไปไหน ยังไม่ได้เผด็จศึกเลย”
ฮิมกับสมุนอีกสองคนรีบลุกหนีทีละคน จังหวะเดียวกับที่ปาล์มกระโดดลงมาพอดีซึ่งเหลือแต่ฉัตรชัยที่ทำท่าจะหนีไม่รอด แต่แล้วฉัตรชัยก็พลิกหลบออกข้างๆ ได้อย่างฉิวเฉียด ทำให้ปาล์มกระแทกพื้นเต็มๆ.
ปาล์มหน้าเยินก่อนจะบ่นพึมพำ “ดั้งหักเลยอ่า”
“หึๆๆ เล่นกะใครไม่เล่น ลุกขึ้นมา!” ฉัตรชัยสั่ง
“อย่าทำเด็กนะ!” อยู่ๆ พิมมาดาก็พรวดเข้ามาพร้อมกับเอากระทะฟาดหน้าฉัตรชัยเต็มแรง
ฉัตรชัยมึนงงและซวนเซ โจ๊กรีบเอาเก้าอี้มาให้นั่งได้พอดี “นั่งตรงนี้เลยลูกเพ่ หึๆๆ”
“หนีเร็ว ไปๆๆ” พิมมาดารีบไล่ให้เด็กๆ หนี
ฮิมจะหยิบปืน แต่ก็ดึงไม่ออก “พวกบ้าเอ๊ย เอากาวมาทาปืนทำไม”
จังหวะที่ฮิมกำลังเผลอ อยู่ๆ แจ๊สก็วิ่งเข้ามาผลักฮิมเต็มแรง จนเขาผงะไปกระแทกกับฝาประตูเต็มๆ แล้วแจ๊สก็เปิดประตู เอาบานประตูหนีบฮิมไว้ แล้วรีบมุดหนีออกประตูไป
“โอ๊ยยย อย่าให้จับได้นะ” ฮิมโอดครวญแล้วหันมาหาฉัตรชัย “ไอ้ฉัตรชัย แกจะนั่งกินแรงอีกนานมั้ย ลุกขึ้น”
“ลุกไม่ได้....มันติด”
“ติดอะไร”
ฉัตรชัยลุกยืน แต่ปรากฏว่ามีเก้าอี้ติดตูดมาด้วย ทำให้เขาต้องยืนค้อมตัวไปข้างหน้า “พวกมันเอากาวทาเก้าอี้”
“ฮ่าๆๆๆ แกโคตรโง่เลย ถูกพวกเด็กเล่นงานได้” ฮิมหัวเราะเยาะแล้วจะเดินออกจากประตู แต่ออกไม่ได้ เพราะหลังติดประตูอยู่ “ฮึ่บ..ฮึ่บ..ทำไมติดวะ”
“ฮ่าๆๆๆ รู้สึกว่าชั้นจะไม่ได้โง่คนเดียวว่ะ”
ฮิมหันไปด่าสมุน “พวกแกจะหัวเราะทำไม..ไปจับพวกมันสิเว้ย ไป!”
สมุนคนหนึ่งเปิดประตูอย่างแรง จนร่างฮิมไปกระแทกกับผนัง ประตูแง้มกลับมาที่เดิม ฮิมที่หน้าเยินไปแล้วบ่นออกมา “เปิดเบาไม่เป็นหรือไง”
สมุนอีกคนรีบออกไปและเปิดประตูแรงเช่นเดิม ทำให้ฮิมโดนกระแทกอีกครั้ง
ทีมงานรายการข่าวกำลังเอาไมค์มาติดให้เมทินี
“คุณกริสน์คะ” เมทินีหันไปหยิบมือถือส่งให้ “มือถือของนี ฝากเอาไว้ดูแลหน่อยนะคะ..คุณกริสน์คะ เอ่อ นีตื่นเต้น ขอมือหน่อย”
กริสน์ยื่นมือให้เมทินี เมทินีกุมไว้ แล้วอั๋นก็เข้ามาพร้อมกับผู้ประกาศ
“น้านีครับ เชิญในเซ็ทเลยครับ เบรกหน้าจะเข้ารายการแล้ว” อั๋นชวนเมทินีเดินไปที่ฉาก
“เดี๋ยวผมจะสัมภาษณ์คุณเมทินีในฐานะคนเป็นแม่นะครับ หัวอกที่เห็นลูกเจ็บป่วย แล้วถ้าคุณเมทินีมีเอกสารอะไรจะโชว์ ก็สามารถ หรือพูดทิ้งประเด็นสงสัยเรื่องยาเสพติดในขนม สวีทโอปอล์ก็ได้..แต่ ผมคงไม่สามารถฟันธงอะไรได้” ผู้ประกาศบอก
“เราคุยกันแล้วครับ..คุณเมทินี ท่านจะเอาขนมสวีทโอปอล์ ให้ทีมงานกินกลางรายการ เพื่อเป็นการพิสูจน์ให้ชัดเจนไปเลย” กริสน์บอก
“ทีมงานที่ว่า..ก็คุณนั่นแหละครับ” ภัทรดนัยเสริม
“ผม? จะดีเหรอครับ” ผู้ประกาศชักไม่แน่ใจ
“ดีครับ!” สองมือปราบตอบพร้อมกัน
“ทุกคนประจำที่ครับ อีกหนึ่งนาที” โปรดิวเซอร์สั่ง
ทุกคนแยกย้ายไปประจำที่ กริสน์กับภัทรดนัยเดินแยกออกมายืนดูอยู่ในกลุ่มคนดู
ทันใดนั้น ครูฟ้าใสก็ลุกยืนแล้วบิ้วท์ให้กลุ่มพ่อแม่และครูที่นั่งร่วมรายการมีอารมณ์ร่วม
“ตรอมใจ กินไม่ได้นอนไม่หลับ” ทุกคนทำตาม “มากกว่านี้อีก..เอาแบบ ลูกเจ็บ แม่เจ็บกว่า เจ็บใจแทบขาด..นี่ๆๆ” ครูฟ้าใสดึงเต๋ากับเต้ยขึ้นมา “ดูสองคนนี้เป็นตัวอย่าง เอามากเท่านี้เลย”
“ลูกแม่...ฮือๆ” เต๋ากับเต้ยใส่อารมณ์
“ขนาดไม่เคยมีลูกนะเนี่ย” ครูฟ้าใสตกใจ
ครูพงษ์พัฒน์เอาน้ำดื่มมาหยอดใส่ตา เค้กขอด้วย แล้วก็ส่งๆต่อกันไป
“เอ้า ขอความสงบด้วยครับ!” โปรดิวเซอร์พูด
ทุกคนสงบลงแล้วนั่งประจำที่
กริสน์กับภัทรดนัยดูอย่างลุ้นๆ เมทินีลุ้นๆ สูดลมหายใจลึกๆ อย่างพร้อมสู้
สมุนคนหนึ่งของสุขสันต์ที่ทำตัวกลมกลืนกับพวกพ่อแม่ รีบหยิบมือถือ กดโทรออก แล้วหลบมุม พูดทันที
สุขสันต์รับสายเมื่อทราบเรื่องก็ตกใจ “อะไรนะ!”
สุขสันต์ฟังต่อแล้วก็โมโหจึงกดตัดสายทิ้งทันที
“มีเรื่องอะไรเหรอคะ” แพรวพิลาศถาม
“พวกไอ้กริสน์ มันคิดจะออกข่าวแฉชั้นให้คนทั่วประเทศรู้น่ะสิ..ไอ้พวกบ้าเอ๊ย!!!! คิดจะเล่นชั้นเหรอ ไอ้พวกเศษสวะ!”
“อย่าหงุดหงิดค่ะ เดี๋ยวตีนกาขึ้นพอดี”
“หลบไป!” สุขสันต์ผลักแพรวพิลาศออก แล้วบุกเข้าไปในบ้านของเมทินีทันที
สมุนคนหนึ่งวิ่งไปตามทางเดินในบ้าน แล้วเห็นหลังเห็นจีจ้าไวๆ ออกนอกประตูไป สมุนคนนั้นจึงรีบวิ่งไล่ตามออกประตูไปทันที แต่ไม่ทันระวังเพราะว่าพิมมาดาซ่อนอยู่หลังประตู จึงถูกพิมมาดาเอากระทะฟาดหน้าเต็มๆ จนสลบไป
พวกเด็กๆออกมาจากที่ซ่อน ร้องเย้ๆ อย่างดีใจ
“ปาล์ม โจ๊ก เอาศพไปซ่อน..น้าพิมประจำที่ค่ะ..จีจ้าไปล่อคนอื่นมาอีก..ไปๆๆ” แจ๊สสั่งการ
จีจ้ากับพิมมาดาไปประจำที่ตัวเองทันที ส่วนปาล์มกับโจ๊กลากสมุนที่สลบอยู่ไปหลบ แล้วตามไปแอบดูอยู่กับแจ๊ส
จีจ้ายืนรอสมุนอีกคน แต่ก็ไม่มีใครเดินมาทางที่ดักรอเลย
อยู่ๆ สมุนอีกคนก็เดินออกมาจากประตูระเบียงอีกด้านซึ่งเป็นด้านหลังของทุกคน เขาเห็นปาล์ม แจ๊ส และโจ๊กสุมหัวหลบอยู่ด้วยกัน เลยเข้าไปสมทบ
“ทำอะไร”
“ชู่ว์..กำลังล่อพวกมันมาจัดการน่ะสิ” ปาล์มตอบทั้งๆ ที่ยังไม่ได้หันมามอง แต่แล้วเขาก็หันไปดู “เฮ้ย!!! มาตั้งแต่เมื่อไหร่ ช่วยด้วย!”
โจ๊กกับแจ๊สวิ่งหนี สมุนจับคอเสื้อปาล์มไว้ได้ “จะไปไหน!”
ปาล์มพยายามดิ้น “ปล่อย..ปล่อยๆ”
ปาล์มดิ้นเพื่อลากสมุนให้ถอยหลังเข้าไปใกล้ต้นไม้ จนเหยียบไปบนกองใบไม้แห้งดังแกร๊บ แล้วอยู่ๆปาล์มก็ยิ้ม
“ยิ้มอะไร” สมุนถาม
โจ๊กกับแจ๊สวิ่งไปจับเชือกที่อยู่อีกด้านนึงแล้วกระชากอย่างแรง ซึ่งเชือกนั้นพาดอยู่กับกิ่งไม้ใหญ่ และปลายเชือกเป็นบ่วงบาศก์ที่ถูกดึงจนรัดข้อเท้าสมุนคนนั้น
เด็กๆ ช่วยกันดึงสุดแรงจนสมุนถูกยกลอยขึ้นไป ปาล์มดิ้นจนหลุดจึงเข้าไปช่วยยกสมุนจนลอยขึ้นไปสูง
ทันใดนั้น ฉัตรชัยในสภาพที่มีเก้าอี้ติดก้น และฮิมในสภาพที่เสื้อหลังขาดก็วิ่งตามออกมา
“พวกแก!!! หน็อย เห็นพวกชั้นไม่เอาจริง แล้วได้ใจใหญ่ใช่มั้ย..ดี..งั้นชั้นจะไม่ปรานีอีกแล้ว!” แตรชัยโมโห
ฮิมตบหัวฉัตรชัย “ยืนหลังตรงแกยังยืนไม่ได้ ยังจะไปขู่เค้าอีก”
พิมมาดาเอะใจ “เสียงพวกนาย..ชั้นเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน ชั้นต้องรู้จักพวกนายแน่ๆ..พวกนายเป็นใคร”
ฉัตรชัยรีบดัดเสียงทันที “อะไร๊ ไม่เคยรู้จั๊ก!”
พิมมาดาคิดจนนึกขึ้นได้ “หา ชั้นจำพวกนายได้แล้ว พวกนายเป็นคนของ....”
ทันใดนั้น สุขสันต์กับแพรวพิลาศก็เดินเข้ามา
“กำลังคิดถึงผมอยู่ใช่มั้ย..พิมมาดาไ
พิมมาดาช็อก พวกเด็กๆ ก็ช็อคจนเผลอปล่อยมือจากเชือกทำให้สมุนร่วงตุ้บ
พิมมาดาถอยหนีพร้อมกับถือไม้กวาดแทนอาวุธเพื่อปกป้องเด็กๆ “คุณคิดจะทำอะไร”
สุขสันต์กับแพรวพิลาศช่วยกันหว่านล้อม
“พิม..คุณกำลังเข้าใจผมผิดนะครับ ผมไม่ใช่คนร้าย”
“แต่คุณให้ลูกน้อง ถือปืน บุกมาจะจับชั้นกับหลาน..จะให้เรียกว่าอะไร”
“เพราะผมรู้ไง ว่าคุณจะเป็นแบบนี้..พิม..คุณกำลังถูกไอ้กริสน์ล้างสมองนะ มันใส่ร้ายผมใช่มั้ย ว่าไม่ดี หลอกลวง คิดร้ายต่อคุณ ส่วนตัวมันคือฮีโร่ ที่ตกระกำลำบากแต่ก็พร้อมจะพลีชีพปกป้องคุณใช่มั้ย..มันเหลวไหลทั้งเพเลยพิม..คุณรู้มั้ยว่าไอ้กริสน์มันแอบโทรมาแบล็คเมล์ผม”
“อะไรนะ” พิมมาดากับแพรวพิลาศร้องออกมาพร้อมกัน
“เอ่อ ใช่..เล่าไปสิคะ” แพรวพิลาศนึกได้ก็รับทำเนียน
“มันบอกว่า ถ้าไม่อยากให้คุณเป็นอะไรไป ผมต้องช่วยให้มันพ้นข้อหาทั้งหมด..ไม่อย่างนั้น มันจะยิ่งทำอะไรที่ทำให้คุณกับหลานๆกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด มีความผิด แล้วก็ต้องเข้าคุกตามมันไปด้วย”
“โกหก!!! น้ากริสน์ไม่มีวันเป็นคนอย่างนั้น มีแต่คุณนั่นแหละ” จีจ้าขัดขึ้น
“ใช่ๆ” ปาล์มเห็นด้วย
“ยัยเด็ก” แพรวพิลาศโมโห
สุขสันต์จับแขนแพรวพิลาศไว้ “น้าไม่ได้โกหก น้าสาบานได้”
“งั้นสาบานสิ..ขอให้ไม่ตายดี เป็นผีเฝ้ากองขยะ” แจ๊สบอก
“ใช่ๆ” ปาล์มเห็นด้วย
สุขสันต์ยกมือขึ้นสาบาน “ถ้าน้าไม่ได้หวังดี หรือคิดร้ายกับพวกเธอและน้าของพวกเธอ ขอให้น้าไม่ตายดี..เชื่อใจน้าได้หรือยัง”
“ใครเชื่อ ก็กินหญ้าแล้ว” โจ๊กบอก
“ใช่ๆ” ปาล์มเห็นด้วย
“พิมมาดา..เธอก็เห็นแล้วนะ ว่าทุกวันนี้เธอถูกนายกริสน์ลากเข้าไปพัวพันยุ่งเหยิงกับอะไรบ้าง..เธอยังเปลี่ยนใจตอนนี้ทัน” แพรวพิลาศกล่อม
“คุณพ่อของแพรว..ท่านรับปากแล้วว่าจะช่วยแก้ไขทุกอย่างให้ถูกต้อง..คนบริสุทธิ์ต้องได้รับความเป็นธรรม” สุขสันต์เสริม
“ทำไม คุณแพรวต้องช่วยชั้น ในเมื่อ...” พิมมาดาสงสัย
“ในเมื่อเธอแย่งแฟนชั้น..ใช่..ชั้นไม่ได้เป็นมิตรกับเธอเท่าไหร่หรอกนะพิม แต่ที่ชั้นยอมทำ เพราะชั้นรักคุณสุขสันต์ อะไรที่ทำให้เค้ามีความสุขได้ ชั้นก็จะทำ”
“โหว เจ๊คนนี้พูดจานางเอ๊กนางเอก ไม่ทราบเจ๊ไปจำจากละครเรื่องไหนมา” ปาล์มขัด
“หุบปากไปเลยไอ้อ้วน” แพรวพิลาศด่า
“พวกคุณกำลังหลอกชั้นอีกใช่มั้ย” พิมมาดาเริ่มสับสน
“เธอจะให้ชั้นต่อสายพ่อให้ตอนนี้เลยมั้ยล่ะ” แพรวพิลาศท้า
“พิม..เชื่อผมนะ..แล้วคุณกับหลานๆจะได้กลับไปใช้ชีวิตตามเดิม เด็กๆได้เรียนหนังสือ คุณได้ทำร้านดอกไม้ แล้วเราก็จะได้แต่งงานกัน ผมรักคุณนะพิม”
พิมมาดาเริ่มลังเล “เอ่อ ชั้น.”
“อย่าไปเชื่อนะน้าพิม” แจ๊สเตือนสติ
“ใช่ๆ” ปาล์มเห็นด้วย
“ชั้น..” พิมมาดาตัดสินใจ “ชั้นจะเชื่อใจคุณ”
“น้าพิม!!!” เด็กๆ ผิดหวัง”
“เด็กๆ ฟังน้าๆ” พิมมาดาหันมาขยิบตาส่งสัญญาณให้เด็กๆ “เราไม่มีทางเลือกไหนที่ดีกว่านี้แล้ว ยิ่งหนีก็ยิ่งมีความผิด เราไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่มีอะไรต้องกลัว..นะ”
สุขสันต์รีบปราดเข้ามา “พิม..อย่าเสียเวลาเลย รีบไปขึ้นรถดีกว่า”
พิมมาดาตัดสินใจผลักสุขสันต์เต็มแรง จนเขาถอยไปชนกับแพรวพิลาศ แล้วรีบพาเด็กๆวิ่งหนี
“ไปขึ้นรถ เร็ว!”
พิมมาดาไล่เด็กๆ ให้วิ่งออกประตูบ้าน แต่แล้วเธอก็ต้องผงะแล้วถอยหลังกลับมา เพราะจตุพลกับน้อมพงษ์ยืนถือปืนดักเอาไว้
“หึๆๆๆ พิมมาดา คุณฉลาดมากที่ไม่เชื่อใจไอ้จิ้งเหลนเปลี่ยนสีตัวนั้น..แต่..ยังไงคุณก็หนีไม่รอดอยู่ดี” จตุพลพูด
โปรดิวเซอร์ให้สัญญาณมือเพื่อเริ่มรายการ ผู้ประกาศพูดทันที
“ช่วงนี้..เรามีแขกพิเศษ ที่จะมาแฉหลักฐานเกี่ยวกับประเด็นที่กำลังฮอตอยู่ในขณะนี้ ก็คือเรื่องของอาการประหลาดของเด็กนักเรียนทั่วประเทศ”
ทันใดนั้นก็ มีเสียงมือถือเพลง..ผัวชั้นหายยยย เหลือแต่ไฟแช็กๆ ดังขึ้น
พวกทีมงานหันขวับมาจ้องกริสน์ทันที กริสน์ตกเป็นเป้าสายตาแต่ก็ยังงงๆ ไม่เข้าใจว่าทุกคนมองตัวเองทำไม
ภัทรดนัยรีบมากระซิบบอก “มือถือแกดัง”
กริสน์เพิ่งนึกได้ว่ามือถือเมทินีอยู่กับตน จึงยิ้มแหะๆๆ แล้วเดินแยกไปหามุมสงบเพื่อกดรับสาย “ฮัลโหล ตอนนี้คุณเมทินีไม่สะ.” กริสน์ชะงัก “คุณสุขสันต์!”
สุขสันต์กำลังพูดโทรศัพท์อยู่ที่บ้านเมทินี
“ไอ้กริสน์..ก่อนที่แกจะทำอะไรโง่ๆ..แกได้ยินเสียงอะไรนี่มั้ย” สุขสันต์ยื่นมือถือไปที่พวกเด็กๆ แต่พวกเด็กๆเม้มปากแน่น ไม่มีใครยอมส่งเสียง พ
น้อมพงษ์จึงหยิกโจ๊กทันที
“โอ๊ย หยิกทำไม เจ็บนะ!”
“พี่โจ๊ก อย่าพูดสิ เราจะให้น้ากริสน์รู้ไม่ได้ว่าพวกเราถูกจับ” จีจ้าหันไปบอกโจ๊ก
“อื้ม น้องจีจ้าพูดเต็มๆเลย” ปาล์มเซ็ง
กริสน์จำเสียงทุกคนได้ “จีจ้า..แกอย่าทำอะไรเด็กๆนะ”
“แกคงได้ยินแล้วนะ ทั้งเด็กๆทั้งพิมมาดา ตอนนี้อยู่กับชั้น..สบายดี..แต่อีกไม่นานหรอก เพราะทันทีที่ยัยเมทินีมันให้สัมภาษณ์ พูดอะไรไม่เข้าหูชั้น แม้แต่นิดเดียว..ชั้นรับรองว่า ชั้นจะแล่เนื้อสดๆ ทีละคน แล้วก็ส่งเนื้อสดให้แกเอาไปผัดกระเพรากิน!”
สุขสันต์วางสายทันที ใกล้ๆ กันนั้นทั้งจตุพลและน้อมพงษ์ถือปืนคุมทุกคนเอาไว้หมด สุขสันต์ได้แต่เคียดแค้น
“เดี๋ยว..เดี๋ยว” กริสน์จะต่อรอง แต่สุขสันต์วางสายไปแล้วจึงได้แต่อึ้ง ทันใดนั้น เสียงเมทินีที่ให้สัมภาษณ์อยู่ก็ดังแทรกเข้ามา
“อิชั้นว่า..เราข้ามเรื่องความเจ็บปวดหัวใจของคนเป็นแม่ไปเลยดีกว่า จะได้ไม่เสียเวลา..อิชั้นอยากแฉทุกอย่างที่อิชั้นเตรียมมาเดี๋ยวนี้เลย..ตกลงมั้ยคะ..ขอแฉเลยนะคะ”
เมทินีพูดด้วยน้ำเสียงแน่วแน่
“ไม่ได้นะ” กริสน์ผงะ
อ่านต่อหน้า 3
มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 14 (ต่อ)
สุขสันต์กำมือถือเอาไว้อย่างเคียดแค้นเพราะถูกจตุพลกับน้อมพงษ์ถือปืนคุมไว้ พิมมาดาพยายามปกป้องพวกเด็กๆ
“พูดได้ดีมากคุณสุขสันต์ แต่ถ้าจะพูดให้ถูก..ต้องบอกไอ้กริสน์ว่าผมต่างหากที่จะเป็นคนแล่เนื้อทุกคน “ จตุพลยกปืนขึ้นเล็งสุขสันต์ “ไม่ใช่คุณ”
“จะชั้นหรือแกก็เหมือนกัน เราพวกเดียวกัน” สุขสันต์บอก
“ก๊ากๆๆๆ ในโลกนี้ไม่มีเผ่าพันธุ์เดียวกับท่านหรอก เพราะใครจะเปลี่ยนสีได้ไวเหมือนท่าน” จตุพลแขวะ
“แกด่าท่านสุขสันต์เหรอ!!! หน็อย ไอ้..” ฉัตรชัยทำท่าจะเดินเข้าใส่ แต่มีเก้าอี้ติดก้นอยู่ทำให้เสียศูนย์ล้มหน้าคว่ำไปเอง
ฮิมมองเพื่อนอย่างระอาเพื่อน “เฮ้อ ขายขี้หน้าโคตรๆ”
“พิมมาดา ไปขึ้นรถ!” จตุพลสั่ง
“ไม่ได้..พิมมาดาต้องอยู่กับชั้น” สุขสันต์บอก
น้อมพงษ์หันปากกระบอกปืนมาทางสุขสันต์ “อยู่กับใครนะ”
สุขสันต์ควักปืนออกมาจ่อน้อมพงษ์ “อยู่กับชั้น!”
จตุพลเอาปืนมาจ่อสุขสันต์ “อยู่กับใครนะ”
สุขสันต์แค้นใจที่เสียเหลี่ยมให้จตุพล
อยู่ๆ ก็มีเสียงอธิปดังขึ้น “อยู่กับชั้น!”
ทุกคนมองไปเห็นรถแท็กซี่แล่นช้าๆ มาจอดหน้าบ้าน อธิปถือปืนเล็งมาจากในรถ พอรถจอดสนิท ทั้งอธิปและเดชก็ลงจากรถ พร้อมกับปืนที่จ่อทุกคนเอาไว้หมด
“อากู๊ !” จตุพลตกใจ
“ไอ้กริสน์ทิ้งรอยไว้ให้เรา แต่ไม่รู้เลยว่าจะมีพวกจมูกไวกว่าตามกลิ่นมาก่อน” เดชบอก
“ถ้าพวกแกขยับ รับรองว่าสมองกลวงแน่” อธิปพูดแล้วสั่งพิมมาดา “พิมมาดา พาเด็กๆไปขึ้นแท็กซี่”
โอปอล์ที่อยู่ในรถ เปิดหน้าต่างเรียกทุกคน “น้าพิม โจ๊ก แจ๊ส จีจ้า มาเร็วๆ”
“ทำไมเรียกทุกคน แต่ไม่เรียกปาล์ม..หรือว่า..ปาล์มพิเศษกว่าใครๆ อิๆ” ปาล์มกระหยิ่ม
“เด็กๆ ไปเร็ว” พิมมาดาบอกเด็กๆ แล้วตัวเธอก็กำลังจะไป
ทันทีที่พวกพิมมาดาขยับ จตุพลก็หันปืนเล็งไปที่โอปอล์ทันที “ชั้นไม่ให้ไป! แกยิงชั้น ชั้นยิงลูกสาวแก!”
“แก..ไอ้จตุพล นั่นหลานสาวแกนะ” อธิปบอก
“แล้วไง..ทิ้งปืน!” จตุพลทำท่าไม่แคร์ อธิปกับเดชจำต้องโยนปืนทิ้ง “พิมมาดา..ไปขึ้นรถ..ไป!”
แพรวพิลาสขยับตัวทำท่าเหมือนจะหยิบปืนในกระเป๋า
“เอ๊ะๆ....อยู่นิ่งๆ คุณคนสวย” น้อมพงษ์สั่ง
พิมมาดากับเด็กๆ ท่าทางเงอะงะท่ามกลางปืนมากมายที่จ่อมา น้อมพงษ์ควักปืนอีกกระบอกมาจ่อพิมมาดา “บอกให้ไปขึ้นรถไง รถชั้นนะ ไม่ใช่แท็กซี่ ไป!”
แจ๊สเห็นน้าสาวถูกเอาปืนจ่อก็เกิดอาการหลอน
“อย่าทำน้าพิม!” แจ๊สแหกปากไม่หยุด “กรี๊ดๆๆ”
“แกจะแหกปากทำไม!” จตุพลตะคอก
“หยุดร้อง!! หยุด!!! บอกให้หยุดๆ น้อมพงษ์พยายามจะเข้าไปจับแจ๊ส แต่เขาถือปืนทั้ง 2 มือ เลยไม่ถนัดจึงเปลี่ยนมาขู่แทน “ถ้าไม่หยุด ชั้นจะฆ่าน้าแกแน่!”
“อย่าทำพี่แจ๊สๆ” โจ๊กกับจีจ้าตะโกน
แจ๊สยิ่งร้องเสียงดัง “กรี๊ดๆๆ”
สุขสันต์ฉวยโอกาสเล็งปืนจะยิงน้อมพงษ์ ทันใดนั้นแจ๊สก็กัดแขนน้อมพงษ์เต็มแรง
“อ๊าก” น้อมพงษ์สะบัดมือจนปืนลั่น เปรี้ยง
ฉัตรชัยลุกขึ้นมาพอดีแล้วก็ตกใจเสียงปืนจึงหันหลบทำให้เก้าอี้ที่ติดก้นหันไปฟาดสุขสันต์จนปืนหล่นจากมือสุขสันต์
“โธ่....ไอ้ซุ่มซ่าม” สุขสันต์บ่น
อธิปกับเดชกระโดดเข้าใส่จตุพลกระแทกจนปืนกระเด็นไปทันที
“คุณพิม ไปขึ้นรถ!” อธิปสั่ง
อธิปกับเดชเข้าตะลุมบอนกับจตุพลและน้อมพงษ์
“เด็กๆไปเร็ว..ไปหาโอปอล์ ไปๆ” พิมมาดาสั่ง ทุกคนรีบวิ่งไปขึ้นแท็กซี่ ยกเว้นแจ๊ส พิมมาดาจึงหันไปบอก “ แจ๊ส ไป”
แต่แจ๊สยังคงกรีดร้องไม่หยุด “กรี๊ดๆๆ”
พิมมาดาพยายามดึงแจ๊สไปแต่แจ๊สขืนไว้แล้วสะบัดมือจนหลุด จากนั้นแจ๊สก็วิ่งหนีไปหลบในซอกแคบๆ
“แจ๊ส!” พิมมาดาเรียกแล้วจะวิ่งตามแจ๊ส แต่อยู่ๆสุขสันต์ก็โผล่มาขวาง และมีแพรวพิลาศถือปืนจ่อไว้ “หยุด...ยายพิมมาดา”
สุขสันต์คว้ามือพิมมาดา “เธอต้องไปกับชั้น!”
อธิปที่กำลังสู้อยู่รีบผละออกจากจตุพล แล้วตรงเข้ามากระชากสุขสันต์ออกจากพิมมาดา แล้วอธิปก็ต่อสู้กับสุขสันต์ สุขสันต์บิดแขนอธิปแล้วอัดซ้ำที่แผลโดนยิงจนอธิปร่วงไปกองแล้วดิ้นพล่าน
พิมมาดาเข้าไปแย่งปืนแพรวพิลาศ แต่แพรวพิลาศยื้อเอาไว้ ทั้งสองจึงแย่งปืนกันไปมา
“ป๊า!” โอปอล์จะพุ่งไปหาพ่อ
โจ๊กจับโอปอล์ไว้ “อย่าไป”
สุขสันต์จะเข้าไปจับตัวพิมมาดาอีก แต่จตุพลกระโดดมาขวาง
“พิมมาดาต้องไปกับชั้น!” จตุพลพูด
สุขสันต์จึงเปิดฉากสู้กับจตุพลทันที
กริสน์ดูจอทีวีด้านในสตูดิโอ เขาเห็นเมทินีกำลังพยายามจะพูดให้ได้
“เวลามีน้อย อิชั้นขออนุญาตเริ่มแฉเลยแล้วกันนะคะ” เมทินีหยิบขนมสวีทโอปอล์ขึ้นมา “นี่แหละค่ะตัวการทำร้ายลูกๆของพวกเรา”
“เฮ้ย!! ไม่ได้นะ” กริสน์จะเข้าไปห้าม
โปรดิวเซอร์รีบมากันไว้ “คนขับรถรอด้านนอกเท่านั้นครับ”
“ผมมีเรื่องด่วนจริงๆ แล้วผมก็ไม่ใช่คนขับรถ แต่เป็นบอดี้การ์ดคุณเมทินี”
“บอดี้การ์ดที่ขับรถก็คือคนขับรถครับ” โปรดิวเซอร์บอก
“ถ่ายทอดสดอยู่ด้วย....จะทำยังไงล่ะเนี่ย...คิดๆๆ” ภัทรดนัยคิดไม่ตก
กริสน์กระวนกระวายใจจนนั่งไม่ติด
พิมมาดาชกแพรวพิลาศจนกระเด็นทำให้ปืนตกไป เธอวิ่งไปตามแจ๊สที่ยังซ่อนตัวอยู่
“แจ๊ส..ออกมา เร็ว”
แจ๊สยังไม่ยอมออกมา เธอนั่งปิดปากและตัวสั่น อยู่ๆแพรวพิลาศก็เข้ามาจิกหัวพิมมาดา พร้อมทั้งเอาปืนจี้เอว “แกคิดว่าแกจะหนีรอดเหรอ..มานี่ แกต้องไปกับชั้น”
แพรวพิลาศลากพิมมาดาออกมาแล้วพาไปขึ้นรถ
เดชที่กำลังซัดอยู่กับน้อมพงษ์หันไปเห็นพอดี “คุณพิม!”
เดชหันไปมองจนเสียจังหวะ เลยถูกน้อมพงษ์ซัดเต็มๆ น้อมพงษ์ซ้ำแผลเก่าด้วยการคว้าไหล่เดชข้างที่โดนยิงแล้วบิดมาข้างหลัง เดชร่วงไปกองแล้วดิ้นพล่าน
สุขสันต์กำลังถูกจตุพลอัดจนเซ อยู่ๆ ฉัตรชัยก็วิ่งเอาก้นที่มีเก้าอี้ติดมาชนจนจตุพลกระเด็นไป
“ผมจัดการเอง ท่านหนีไปก่อนครับ” ฉัตรชัยบอก
ฉัตรชัยกระโดดเอาเก้าอี้ทับจตุพลแล้วล็อกเอาไว้ สุขสันต์รีบหนีไปขึ้นรถ ส่วนน้อมพงษ์กระโดดคว้าปืนหมายจะยิงสุขสันต์ แต่แพรวพิลาศยิงสวนออกมาก่อน
น้อมพงษ์จะวิ่งไปหยิบปืนแต่ไม่ถึงต้องรีบกระโดดหลบก่อน แพรวพิลาศกระชากคนขับรถแท็กซี่ออกไปจากรถ แล้วเหวี่ยงพิมมาดาขึ้นรถแท็กซี่ทันที
“ขึ้นไป!” แพรวพิลาศเอาปืนขู่ “อยู่เฉยๆไม่งั้นตาย”
สุขสันต์วิ่งตามไปขึ้นรถแล้วขับหนีไปทันที โอปอล์ร้องเรียกอธิปเสียงหลง ส่วนน้อมพงษ์คว้าปืนได้ก็ยิงไล่หลังแต่ไม่ทัน ฮิมวิ่งไปขึ้นรถอีกคันทันทีก่อนจะหันมาบอกเพื่อน
“ไอ้ฉัตรเว้ย หนีก่อน”
ฉัตรชัยผละจากจตุพลแล้วรีบวิ่งแท่ดๆไปขึ้นรถ แต่เขาก็ขึ้นไม่ได้เพราะติดเก้าอี้
น้อมพงษ์คว้าปืนจะยิง แต่จตุพลเข้ามากระชากปืนแล้วยิงเอง กระสุนโดนเก้าอี้ที่ติดอยู่ที่ก้นฉัตรชัยหลายนัด “ว้ากๆ”
“ถอดเก้าอี้ออกสิวะ” ฮิมบอก
ฉัตรชัยจำต้องถอดกางเกงออกเพื่อทิ้งเก้าอี้ แล้วเขาก็ขึ้นรถหนีไป
จตุพลกับน้อมพงษ์เจ็บใจที่เห็นสุขสันต์หนีไปได้
“ปัดโธ่เว้ย!!! ไอ้สุขสันต์ได้ตัวพิมมาดาไปจนได้” จตุพลหันหาอธิปกับเดช “พวกแกโผล่มาทำซากอะไร!! ไอ้บ้าเอ๊ย!” จตุพลหงุดหงิดจึงเตะใส่แผลเก่าอธิปและเดชทันที
อธิปกับเดชเจ็บปวด แจ๊สแอบมองลอดตระกร้าออกมาอย่างลุ้นระทึก
ที่ห้องส่ง เมทินีหยิบขนมสวีทโอปอล์ขึ้นมา พิธีกรกำลังสัมภาษณ์เมทินี
“นี่ค่ะ ตัวการของเรื่องทั้งหมด กล้องไหนคะๆ” เมทินียื่นขนมให้กล้อง
“ช่วยขยายความหน่อยนะครับว่าขนมธรรมดาๆจะทำร้ายเด็กๆยังไง” พิธีกรถาม
“อิชั้นกำลังจะพูดไงคะ..คือ ใครจะไปคิดว่าขนมสีสันสดใสน่ารักน่ากิน จะมีส่วนผสมที่อันตรายอยู่ด้วย”
กริสน์กับภัทรดนัยวิ่งเข้ามาด้านหน้าแล้วพยายามโบกมือห้ามเมทินีไม่ให้พูด “อย่า”
ครูฟ้าใสกับครูพงษ์พัฒน์หันมาบอกให้ทั้งสองเงียบ “ชู่ว์!!”
พวกผู้ปกครองหันมาชู่ว์ใส่กริสน์พร้อมๆกันโดยไม่ได้นัดหมาย
กริสน์กับภัทรดนัยเงียบทันที ทั้งสองถอยไปด้านหลังทุกคนแล้วส่งภาษามือเมทินีมองมา แล้วพยายามทำความเข้าใจ
พิธีกรเห็นเมทินีนิ่งไปจึงเรียก “คุณเมทินีครับ”
กริสน์ทำท่าห้ามเป็นสัญลักษณ์กากบาท แล้วทำท่าว่าเด็กๆ จะต้องตายเป็นท่าปาดคอ
“อ๋อ เข้าใจแล้ว..คือ ส่วนผสมที่ว่า ผิด ร้ายแรง..มีอันตรายถึงตาย..เด็กคนไหน..ที่กินเข้าไป ก็เหมือนถูกฆ่าปาดคอ” เมทินีพูด
กริสน์กับภัทรดนัยทำท่าบอกว่าไม่ใช่ๆ
เมทินียังคงแปลความผิดต่อ “ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นไปได้”
กริสน์กับภัทรดนัยส่งเสียงฮึดฮัดอย่างขัดใจ
ครูฟ้าใสและพวกหันมาชู่ว์อีก
เค้ก เต๋า และเต้ยเห็นกริสน์กับภัทรดนัยมีท่าทางแปลกๆ จึงรีบลุกเข้ามาหา กริสน์จึงรีบบอก
“เต๋า เต้ย เราต้องห้ามไม่ให้คุณเมทินีพูดอะไรออกไปทั้งนั้น ไม่งั้นคุณพิมและเด็กๆตายแน่”
“หา.” เต้ยร้องเสียงดัง
ทีมงานหันมาชู่ว์!!!!
“ตายเลยเหรอคะ” เต๋ากระซิบ
“มันเรื่องอะไรกันคะ” เค้กถาม
“อย่าเพิ่งถาม ไปห้ามยัยเจ๊บ้าน้ำลายก่อน” ภัทรดนัยบอก
ทีมงานหันมาชู่ว์อีก
เค้ก เต๋า และเต้ยจะเดินไปหาเมทินี แต่ครูพงษ์พัฒน์กับครูฟ้าใสมายืนขวางไว้
“เค้าออกรายการสดอยู่ รู้จักคำว่ากาลเทศะมั้ย ไปรอด้านนอก” ครูพงษ์พัฒน์บอก
ครูฟ้าใสจ้องหน้ากริสน์ “เอ๊ หน้าคุณ คุ้นๆนะคะ” ครูฟ้าใสพยายามจะมองหน้ากริสน์ให้ชัดๆ แต่กริสน์พยายามหลบ “อ๊ะๆ หลบหน้ากันอย่างนี้ ยิ่งน่าสงสัย”
เมทินียังคงให้สัมภาษณ์อยู่บนเวทีอย่างออกรสชาติ เธอหยิบเอกสารออกมา “นี่ค่ะ เอกสารที่ระบุว่าในขนมสวีทโอปอล์มีส่วนผสมอะไรบ้าง..กล้องไหนคะ..ซูมเลยค่ะ ซูมๆๆ”
“แย่แล้ว!! ไปห้ามเร็วๆ” กริสน์ตกใจ
“จะไปไหน” ครูฟ้าใสดึงกริสน์ไว้ “ต้องเป็นสายของพวกตรงกันข้ามแน่ๆ ฮูอายู !” เธอจะดูหน้ากริสน์
“ใช่ๆ.. พวกคุณถูกจ้างให้มาขัดขวางการออกอากาศนี้ใช่มั้ย ผมไม่ยอมเด็ดขาด ออกไปให้หมด ไปๆ” ครูพงษ์พัฒน์ไล่
ทีมงานหันมาชู่ว์ ครูพงษ์พัฒน์พูดกระซิบ “รู้แล้ว แต่จัดการคนพวกนี้ก่อน”
เค้กรีบเข้าไปอ้อน “จะจัดการอะไรคะคุณครูสุดหล่อ..ไม่เห็นต้องทำหน้าดุเสียงดังเลย..คุยกันดีๆสิคะ..นะคะ”
กริสน์หันหลังหนีฟ้าใส แล้วเหลือบไปเห็นปลั๊กไฟของเมนบอร์ด
“ซูมมาชัดๆนะคะ นี่ค่ะๆ ตัวอักษรแดงๆ คือ..ยา..” เมทินียังพรีเซนต์ต่อ
“ไม่ทันแล้ว” กริสน์รีบผลักเต๋ากับเต้ยให้ล้มลงไปที่ปลั๊ก
เต๋ากับเต้ยร้องลั่น “ว้าย!!” สองกระเทยล้มทับปลั๊กเมนบอร์ดอย่างแรงจนไฟดับพรึ่บทั้งสตูดิโอ
ทุกคนร้องวี้ดว้าย ไม่นานนักไฟสำรองก็ติดพรึ่บ แต่ก็มีไฟเฉพาะกล้องและเวที
“เฮ้ย!!! ตัดเข้าโฆษณา แล้วไปเปิดไฟสำรองเร็ว” โปรดิวเซอร์สั่ง
“ใครเตะปลั๊กหลุดว่ะ!” ทีมงานตะโกนถาม
“ขอโทษค่ะๆ เราไม่ได้ตั้งใจ..ปลั๊กอยู่ไหนนะๆ” เต๋ากับเต้ยพยายามมองหา
เมทินียืนงุนงงอยู่บนเวที “โห้ย ไฟมาดับอะไรตอนนี้ กำลังจะชี้ให้ดู ส่วนผสมที่เป็นยาเสพติดเลย”
ในความมืดนั้น อยู่ๆ เค้กก็เข้ามาปิดปากเมทีนี เมทินีจะร้องแต่ก็ไม่ได้เพราะถูกปิดปากไว้ เค้กรีบลากเมทินีออกไป
“ไฟพร้อมแล้ว!” ทีมงานบอก
ไฟกลับมาปกติ ทั้งสตูดิโอสว่างพรึ่บๆๆ
“เดี๋ยวสัมภาษณ์ต่อตรง..อ้าว เฮ้ย คุณเมทินี หายไปไหน..คุณเมทินี!!” โปรดิวเซอร์มองหา
ทุกคนมองหาเมทินี แต่ก็หาไม่เจอ บนเวทีกลายเป็นครูฟ้าใสแทน
“ฟ้าใสจะมาให้สัมภาษณ์ต่อจากคุณเมทินีนะค่ะ ก่อนอื่น Good Afternoon ค่ะ ดิฉันเป็นอาจารย์ใหญ่โรงเรียนที่ลูกคุณเมทินีเรียนอยู่นะค่ะ”
ครูพงษ์พัฒน์กับครูฟ้าใสมองหาพวกกริสน์แต่ก็ไม่เจอสักคน
“ไอ้พวกป่วนก็หายไปด้วย..หน็อย..เลยไม่ได้แฉกันพอดี” ครูพงษ์พัฒน์ฉุน
เมทินีวิ่งพล่านภายในบ้านของตัวเองเพื่อตามหาปาล์ม
“ไม่..ไม่จริง..ลูกปาล์มถูกพวกมันจับตัวไปจริงๆเหรอ” เมทินีร้องไห้กระซิกๆ
กริสน์กับภัทรดนัยยืนอยู่กับแม่บ้านและบอดี้การ์ด
“คุณผู้หญิง..พวกเราขอโทษนะคะ” แม่บ้านพูด
เมทินีโผเข้ากอดกริสน์ทันที “คุณกริสน์ขา..ลูกปาล์มน้อยของเรา อยู่ในอันตราย เราต้องช่วยลูกของเรานะคะ ฮือๆ”
“จากรูปการณ์แล้ว เจ้านายพวกป้าคงไม่ว่าอะไรหรอก..ไปเถอะ” ภัทรดนัยบอก พวกแม่บ้านค่อยๆ เดินออกไป)
เค้ก เต๋า และเต้ยเข้ามาถึงพอดี ทั้งสามพาป๊อปคอร์นมาด้วย
“คุณกริสน์!” ทั้งสามเรียก
“ชั้นเกือบถูกพวกที่สตูดิโอรุมตื้บเอา ยังไม่สำออยเลย..หมั่นไส้” เต๋าแขวะเมทินี
“แล้วคุณพิมกับเด็กๆล่ะคะ” เต้ยถาม
“คุณพิมกับเด็กๆถูกคนร้ายจับตัวไป เป็นตายร้ายดีก็ไม่รู้” กริสน์บอก
“ห๊า ยัยพิมถูกจับตัว” เค้กตกใจ
“เด็กๆด้วยเหรอ” เต๋ากับเต้ยก็ตกใจ
อยู่ๆ ก็มีเสียงดังกึกกักๆ มาจากประตูห้องเก็บของ
“เอ๊ะ..ชู่ว์ๆๆๆ” ภัทรดนัยให้ทุกคนเงียบ
ทุกคนเงียบแล้วเริ่มระวังตัว ภัทรดนัยค่อยๆเข้าไปเปิดดูจึงเห็นว่าแจ๊สซ่อนอยู่ด้านใน
“กรี๊ดๆๆ” แจ๊สหลับตากรีดร้องแล้วยื่นมือออกมาทุบตีอย่างมั่วซั่ว
“โอ๊ยๆๆๆ น้องแจ๊ส หยุดๆๆ” ภัทรดนัยถูกตีรีบห้าม
กริสน์รีบเข้ามาจับแจ๊สเอาไว้แล้วเรียกสติ “แจ๊ส..นี่น้ากริสน์เอง น้ากริสน์..ไม่ใช่ผู้ร้าย” กริสน์ดึงแจ๊สมากอด “แจ๊สปลอดภัยแล้ว..ไม่มีใครทำอะไรแล้ว”
“น้ากริสน์!” แจ๊สร้องไห้โผเข้าไปกอดกริสน์แน่น ส่วนป๊อปคอร์นก็กระโดดไปคลอเคลียแจ๊ส
“แจ๊ส..คนเก่ง..เกิดอะไรขึ้น เล่าให้น้าฟังได้มั้ย” กริสน์ถาม
แจ๊สปาดน้ำตา “น้ากริสน์..นายทุกข์ระทม..จับทุกคนไปหมดเลย มันจะฆ่าทุกคน ฮือๆ”
“ฆ่าลูกปาล์มด้วยเหรอ....ไม่ย้อมไม่ยอม” เมทินีตกใจ
ทันใดนั้น โทรศัพท์มือถือของเมทินีก็ดังขึ้น
“โทรศัพท์!” เมทินีประหม่า เธอมองกริสน์กับภัทรดนัยเป็นเชิงขอความเห็นว่าควรรับไหม กริสน์กับภัทรดนัยพยักหน้าให้รับสาย เมทินีรวบรวมสติกดรับสายโดยเปิดสปีกเกอร์
ทั้งหมดได้ยินเสียงของปาล์มที่กำลังร้องเสียงหลงใส่โทรศัพท์
“หม่ามี้ช่วยน้องปาล์มด้วย!!! มันจะฆ่าปาล์ม ปาล์มกลัว”
“ลูกปาล์ม!” เมทินีตกใจ
ที่ที่ปาล์มอยู่มีพิมมาดาและเด็กๆนั่งอยู่รวมกันคือกลางสนามกีฬาอินดอร์ที่มีแสงจับลงมา พิมมาดากำลังโอบปกป้องเด็กๆ เอาไว้
ฉัตรชัยเดินคุยโทรศัพท์ เขาเปิดสปีกเกอร์แล้วเดินแยกออกมา โดยมืออีกข้างถือโทรศัพท์แนบหูอีกเครื่อง
“ถ้าพวกแกทำอะไรลูกปาล์ม ชั้นจะเอาเรื่องพวกแกให้ถึงที่สุด คอยดู!” เมทินีพูด
“ผมคือตัวแทนร่างทรงจากคนที่คุณก็รู้ว่าใคร ผมโทรมาเจรจาเพื่อหาข้อตกลงร่วมกัน” ฉัตรชัยบอก
“ข้อตกลงอะไร จะเอาอะไรว่ามาเลย” เมทินีถาม
กริสน์เข้ามาคว้าโทรศัพท์ไปคุย “คุณสุขสันต์..ปล่อยพิมมาดาและเด็กๆ แล้วชั้นจะไปให้จับตัว”
สุขสันต์ที่ยืนอยู่ใกล้ๆฉัตรชัยได้ยินกริสน์พูดก็ยิ้มและหัวเราะอย่างสมใจ
“ตอบมันสิครับ” ฮิมยื่นโทรศัพท์อีกเครื่องให้
“ชั้นต้องพูดผ่านไอ้นี่จริงเหรอ” สุขสันต์ถาม
“เพื่อความปลอดภัย..ท่านจะได้ไม่ถูกพวกมันแอบเอามือถืออัดเสียงไว้เป็นหลักฐาน เหมือนพวกดาราไงครับ” ฮิมบอก
“เฮ้อ” สุขสันต์จำใจต้องเดินพูด “ชั้นไม่ต้องการตัวแก..แต่ชั้นต้องการให้แกกับยัยเมทินีไปมอบตัวกับตำรวจ..สารภาพว่าเป็นคนนำเข้ายาเสพติดข้ามชาติเข้ามาเอง แกจะสร้างเรื่องราวอะไรยังไงก็ตามใจแก แต่ต้องไม่ซัดทอดมาถึงตัวชั้น..และต้องยกย่องชั้นด้วยว่าเป็นคนที่ทำให้แกเข้ามอบตัว..แล้วทุกคนจะปลอดภัย”
ในขณะที่สุขสันต์พูด ฉัตรชัยก็ต้องพูดตามแล้วทำท่าตามสุขสันต์แบบเป๊ะๆ อยู่ด้านหลัง
“ไม่ให้ซัดทอดยังพอทน แต่ให้ยกย่องแกด้วย รับไม่ได้เว้ย” ภัทรดนัยบอก
“แกปล่อยคุณพิมกับพวกเด็กๆออกมาก่อนซิ” กริสน์ต่อรอง
“ชั้นจะปล่อยพิมมาดา..แต่..จะปล่อยให้ไปมอบตัวพร้อมกับพวกแก..หึๆๆ ในวันมอบตัวจะต้องมีแก ภัทรดนัย ยัยเมทินี และพิมมาดา..ถ้าพวกแกไม่ทำตามข้อเสนอนี้ รับรองได้ว่า ทุกคนที่พวกแกรัก..จะถูกเชือด..นิ่มๆ..ฮ่าๆ” สุขสันต์จะกดตัดสายทิ้ง แต่ทำไม่เป็นเลยหันมาถามลูกน้อง “ฮิม จะวางสายทำไงวะ”
ฮิมเอามือถือมาโยนทิ้งลงกับพื้น สุขสันต์หัวเราะ “ฮ่าๆๆ”
ฉัตรชัยทิ้งมือถือตาม หัวเราะตาม “ฮ่าๆๆ”
“เฮ้ย! เดี๋ยวก่อน” กริสน์เรียกแต่ก็ได้ยินเพียงเสียง ตู๊ดๆๆ “โธ่เว้ย!” กริสน์หงุดหงิด
สุขสันต์กำลังระเบิดหัวเราะกับฉัตรชัยและฮิม ในขณะที่แพรวพิลาศกำลังยืนแอบดูอยู่ที่มุมหนึ่งห่างออกไป หลังจากได้ยินแพรวพิลาศก็มีสีหน้าสับสนขึ้นมา
กริสน์ทั้งคับแค้นใจทั้งเครียด ภัทรดนัยกับเมทินีนั่งหน้าเครียดกันอยู่คนละมุม แจ๊สกอดป๊อปคอร์นไว้ ส่วนเค้ก เต๋าและเต้ยนั่งซึม
“คุณกริสน์..คุณ..จะทำยังไงคะ” เค้กถามขึ้น
“ผมจะ...” กริสน์โพล่งขึ้นมา
ภัทรดนัยรีบห้าม “เดี๋ยว!!! ก่อนแกจะตัดสินใจอะไร ชั้นขออนุญาตแจกแจงให้แกฟังชัดๆก่อน..ถ้าแกมอบตัว..ข้อแรก ไอ้สุขสันต์จะทำตามที่รับปากหรือเปล่าก็ไม่รู้..ข้อสอง..แก คุณเมทินี ยัยเจ๊โหด จะกลายเป็นผู้ต้องหาคดีค้ายาเสพติดระดับชาติ ติดคุกหัวโต..ข้อสาม..ไอ้สุขสันต์ คนร้ายตัวจริง ลอยนวล แล้วยังได้รับยกย่องเทิดทูนเป็นพ่อพระของเด็กทั้งประเทศ..ข้อสี่..สำคัญสุด..ยาเสพติดจะระบาดทั่วบ้านทั่วเมือง จะมีแต่เด็กติดยา หมดอนาคต ประเทศชาติล่มจม”
“ชั้นจะไปมอบตัว ฉันจะทำตามที่ไอ้สุขสันต์มันต้องการ” กริสน์บอก
“ถึงแกยอม แต่ถ้าคุณเมทินีกับชั้นไม่ยอมไป มันก็เท่านั้น” ภัทรดนัยว่า
“นีก็จะไปมอบตัวกับคุณกริสน์” เมทินีพูดขึ้น
“เหลือนายคนเดียวแล้ว” เค้ก เต๋าและเต้ยกดดันภัทรดนัย
“เฮ้ย!!! เมาละอองฝุ่นในอากาศกันหรือไงวะ” ภัทรดนัยเข้าไปกระชากคอเสื้อกริสน์ “ยังไงชั้นก็ไม่ให้แกมอบตัว!”
กริสน์ปัดมือภัทรดนัยออกแล้วผลักอก “แล้วแกจะให้ชั้นทำยังไง!! ห๊า!! จะให้ชั้นปล่อยเด็กๆที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ตายไปต่อหน้าต่อตางั้นเหรอ..เด็กๆพวกนี้ เค้าไม่ควรจะมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ แต่ชั้นและแก..เป็นคนดึงพวกเค้ามาเป็นเครื่องมือ..ถ้าแกไม่รับผิดชอบชั้นรับผิดชอบเอง”
“รับผิดชอบ..โอ้ววว แกรับผิดชอบเด็กสี่ห้าคน แล้วเด็กอีกแสนคน ล้านคน ทั่วประเทศล่ะ..ใครจะรับผิดชอบ” ภัทรดนัยถาม
กริสน์กับเมทินีอึ้งเพราะพูดไม่ออก ภัทรดนัยพูดต่อ
“แกเคยคิดบ้างมั้ย? ว่าเยาวชนทั้งประเทศจะเป็นยังไงถ้าต้องตกเป็นทาสของไอ้ยานรกพวกนี้!!!!..ไอ้กริสน์..ชั้นเข้าใจความคิดแก ถ้าเป็นไปได้ ชั้นก็ไม่อยากให้มีใครต้องเสียสละเลย แต่มาถึงขั้นนี้แล้ว..แกจะเอาชีวิตเยาวชนทั้งประเทศ แลกกับ..” ภัทรดนัยยั้งปากไว้แล้วก็หงุดหงิด “โอ๊ย!!! แกชั่งน้ำหนักเอาแล้วกัน ว่าอะไรสำคัญกว่ากัน!”
ภัทรดนัยเดินกระฟัดกระเฟียดออกไป กริสน์สับสนและรู้สึกกดดัน
-พวกเด็กๆที่โดนมัดเป็นพวงรอบๆเสาแป้นชู๊ตบาส(ระวังเสาล้มทับเด็กตายด้วย เอาแบบถ่วงดีๆ ล้มยาก) นั่งเอาหัวชนกัน พึมพำบทสวดกันอยู่ โดยมีพิมมาดาอยู่ใกล้ๆ
ฉัตรชัยกับฮิมนั่งอยู่คนละมุม ทั้งสองถือปืนคุมตัวพวกพิมมาดาเอาไว้
สุขสันต์เดินเข้ามา “สวดมนต์ขอให้พระคุ้มครองเหรอ หึๆๆ เด็กน้อยเอ๊ย”
“พวกเราไม่ได้ขอพร แต่เรากำลังทำพิธีสาปแช่งคนชั่ว” จีจ้าบอก
“ขอให้มันประสบความหายนะ ตกนรกทั้งเป็น เวลาตายก็ไม่ตายดี โดนมดคันไฟรุมกัดตาย!” ปาล์มแช่ง
สุขสันต์โมโหผลักหัวปาล์มจนไปชนเสาแป้นบาส ปาล์มลงไปนอนกุมหัวแล้วร้องลั่น
“นายปาล์ม!!..คุณสุขสันต์..คุณมันเลวที่สุด..ทำได้ยังไง เด็กตัวนิดเดียว” พิมมาดาตำหนิ
“ตัวนิดเดียว?” สุขสันต์งง
“อย่างน้อยปาล์มก็ยังเป็นเด็ก..ชั้นไม่อยากคิดเลยว่าชั้นจะเคยชื่นชมในตัวคุณ”
สุขสันต์ดึงแขนพิมมาดาเข้ามา “ผมก็ผิดหวังในตัวคุณ!! ผมอุตส่าห์ทำดีกับคุณมาตลอด นึกว่าจะมีหัวคิดกว่านี้..แต่คุณมันโง่ ที่เลือกไปยืนข้างไอ้กริสน์”
พิมมาดาดิ้น “ปล่อยชั้น”
สุขสันต์ยิ่งจับแขนพิมมาดาแน่นและดึงเข้าไปใกล้ “ทำไม..อย่าเล่นตัวนักเลย ผมอาจจะใจอ่อนเก็บคุณเอาไว้ก็ได้นะ..ถ้าเด็ดจริง”
โจ๊กกับจีจ้าเข้าไปตีสุขสันต์ “ปล่อยน้าพิมนะ ปล่อยๆๆ” ทั้งสองด่าสลับกัน” ไอ้บ้า ไอ้เลว ไอ้ผู้ร้ายใจทมิฬ”
โจ๊กกับจีจ้าพยายามจะช่วยพิมมาดา สุขสันต์เหลืออดจึงจับเชือกที่พันเด็กๆ มาพันรอบเสาอีกหลายๆ รอบ ฉัตรชัยกับฮิมรีบเข้าไปดึงตัวสุขสันต์ออกมาเพราะกลัวเด็กๆ จะตายซะก่อน
สุขสันต์ปล่อยตัวสบายๆให้สองคนนั้นลากไป แต่มือยังชี้หน้าสั่งสอนเด็กๆ “ผู้ใหญ่จะคุยกัน เด็กอย่าแส่!!!จำไว้ พวกแกแหละ ต้องโดนมดแดง มดดำ มดตะนอย มดเหม็น รุมกัดจนเหลือแต่กระดูก”แพรวพิลาศเดินเข้ามายืนมองอยู่ห่างๆ
พิมมาดาน้ำตารื้น “ทำไมคุณถึงได้ร้ายกาจอย่างนี้..คุณขายขนมที่มียาเสพติด..แล้วยังมีหน้ามาสร้างภาพว่ารักเด็ก ทำเพื่อเด็กๆอีก..คุณหลอกทุกคน..คนอย่างคุณจะต้องได้รับกรรม ไม่มีแผ่นดินให้อยู่”
“ผมทำเพื่ออนาคตของประเทศ” สุขสันต์อ้าง “เด็กของเราทุกวันนี้ ติดเกม ติดพนัน เหลวแหลก เหลวไหล ล้มเหลวหมดทุกอย่าง..แต่ขนมสวีทโอปอล์ที่มียาเสพติด..จะช่วยให้เราสามารถควบคุมเด็กของเราได้ สั่งให้เรียนก็เรียน สั่งให้ทำอะไรก็ทำ นี่แหละ ที่จะทำให้เด็กของเราพัฒนาเหนือกว่าเด็กชาติอื่น”
“ไม่ต้องมาพูดจาหาเสียงเพ้อเจ้อกับชั้น..ยังไงชั้นก็ไม่มีวันเชื่อคุณอีกแล้ว”
“หึๆๆ คุณไม่ควรเชื่อตั้งนานแล้ว”
พิมมาดาอึ้งและรู้สึกแค้น
“คุณสุขสันต์” แพรวพิลาศเรียก
สุขสันต์หันมาพบว่าแพรวพิลาศยืนจ้องอยู่ด้วยสายตากร้าว และคาดคั้นเหมือนต้องการคำตอบ
กริสน์เดินดึงทึ้งผมตัวเอง “ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้ด้วยวะๆๆ โธ่เว้ย”
แจ๊สอุ้มป๊อบคอร์นเดินออกมาหากริสน์ ป๊อบคอร์นเห่าโฮ่ง
“น้ากริสน์” แจ๊สเรียก
กริสน์ชะงัก “แจ๊ส”
แจ๊สเต้นสี่ถึงห้าสเต็ปอย่างสวยงามเต็มที่ กริสน์มองอย่างงงๆ
แล้วแจ๊สก็หยุดเต้นเพราะเหนื่อย “น้ากริสน์อย่ายอมแพ้นะคะ..เหมือนแจ๊ส..แจ๊สก็ไม่เคยคิดว่าแจ๊สจะเต้นชนะเลิศ..แต่แจ๊สก็ทำได้..น้ากริสน์เก่งกว่าแจ๊สล้านเท่า น้ากริสน์ต้องช่วยทุกๆคนได้แน่ๆ”
“บางที..น้าก็ไม่ได้เก่งอะไรหรอก น้าไม่ใช่สุดยอดสายลับแบบในหนัง..น้าก็คนธรรมดา..ที่แพ้เป็น..ที่ผิดพลาดตลอดๆ”
“ไม่..น้ากริสน์จะแพ้อะไรก็ได้ แต่ห้ามแพ้ยาเสพติด..พ่อแม่ของแจ๊สก็ตายเพราะคนเมายา..แจ๊สจะไม่ยอมให้มีใครตายเพราะมันอีก”
กริสน์เข้ามาโอบแจ๊สไว้ “แจ๊ส”
“แจ๊สว่าทางออกไม่ได้มีแค่สองทางหรอก...มันมักจะมีทางที่สามที่สี่ที่ห้าเสมอ...น้ากริสน์แค่ต้องการเวลาคิด..เดี๋ยวก็คิดได้..นะคะ..แจ๊สจะช่วยคิดด้วย..ป๊อปคอร์นด้วย”
แจ๊สลงไปนั่งขัดสมาธิแล้วคิด ส่วนป๊อปคอร์นก็นั่งหลับตาลงข้างๆกัน
กริสน์จนปัญญาแต่ก็ยังกอดแจ๊สเอาไว้
สุขสันต์โผเข้าไปโอบแพรวพิลาศจากด้านหลัง แล้วพูดออดอ้อน
“โธ่ แพรว...ผมน่ะเหรอจะไปเกี่ยวข้องกับเสพติด..แพรวเข้าใจผิดแล้ว”
แพรวพิลาศสะบัดออก “แล้วที่แพรวได้ยินคืออะไร” แพรวพิลาศคาดคั้นด้วยเสียงเข้ม “ขอความจริงเท่านั้น!”
“เอ่อ แพรว..คือ ยัยพิมมาดา ถูกไอ้กริสน์ล้างสมอง จนเชื่อฝังใจไปแล้วว่าผมค้ายา..ผมอธิบายยังไงก็ไม่เชื่อ..แล้วจะให้ผมทำยังไง..ผมก็เลยตามเลย..มันเป็นแค่วาทกรรมทางการเมือง....ผมยอมให้พิมมาดาเข้าใจว่าผมชั่วร้ายเลวทรามคนเดียว..ดีกว่าจะให้พิมมาดากล่าวพาดพิงคุณพ่อของแพรวเสียๆหายๆ”
“อะไรนะ มันว่าคุณพ่อด้วยเหรอ”
“ผมถึงต้องเล่นบทโหด ข่มขู่ทุกวิถีทางให้พวกมันให้มอบตัวไง”
แพรวพิลาศฟังแล้วก็อึ้ง สุขสันต์จับไหล่แพรวพิลาศเพื่อให้หันมามองตา
“มองตาผมซิแพรว มองให้ชัดๆลึกๆ ตาผมใสกิ๊ง ซื่อบริสุทธิ์ ไม่มีอะไรเคลือบแฝงอยู่เลย คนนัยน์ตาซื่ออย่างผมจะไปทำร้ายใครได้ แล้วยิ่งเป็นผู้หญิงกับเด็กน้อยตาดำๆพวกนี้ยิ่งทำไม่ได้เข้าไปใหญ่ แค่คิดก็ทรมานใจแล้ว”
สุขสันต์กอดแพรวพิลาศไว้ ทำให้ท่าทีของแพรวพิลาศอ่อนลง
อธิปกับเดชนั่งหน้าซีดอยู่บนเก้าอี้เพราะเลือดจากแผลเก่ายังไหลไม่หยุด น้อมพงษ์เอาน้ำสาดให้ทั้งสองฟื้นขึ้นมา จตุพลเดินตรงมาหาอธิปกับเดช
“อากู๋ไม่เคยทำอะไรเพื่อผม ผมไม่ว่า..แต่ทำไมต้องขัดขวางผมด้วย..ผมกำลังจะได้ตัวยัยพิมมาดาอยู่แล้ว!”
จตุพลชกอธิปจนร่วงตกเก้าอี้ลงไปกองกับพื้น
“หึๆๆ แกกลัวไอ้สุขสันต์หักหลังใช่มั้ย..ไม่ต้องห่วง..แกเจอแน่..ฮ่าๆๆ” อธิปหัวเราะเยาะ
“หน็อย ปากดีนัก” จตุพลโมโหเตะซ้ำเข้าที่แผลเก่าของอธิปหลายครั้ง อธิปดิ้นพล่าน
“อย่าทำเสี่ย!” เดชห้าม
“อ๋อ พูดงี้ ว้อนท์ใช่มั้ย จัดให้” น้อมพงษ์ซัดเดชเข้าเต็มๆ
จตุพลคว้าคออธิปขึ้นมาแล้วพูดเสียงแข็ง “อากู๋..ผมเห็นแก่สายเลือดจางๆของเรา..ผมจะให้โอกาสอากู๋แสดงความรักที่มีต่อผม..อากู๋ต้องรับผิดแทนผม..บอกตำรวจ ว่าผมไม่รู้ไม่เห็น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดในขนม”
“ถ้าเสี่ยช่วยให้พวกเราพ้นจากคดีได้ ผมรับรองว่า..ผมจะดูแลโอปอล์แทนเสี่ย และจะพาไปเยี่ยมที่คุกทุกเดือน” จตุพลยื่นข้อเสนอ
“หึๆๆๆ พวกหมาจนตรอก..พวกแกหนีคุกไม่พ้นหรอก” เดชว่า
“ชั้นยอมตาย..ส่วนแก..ก็ต้องรับกรรมที่แกทำเอาไว้..คนที่คิดร้ายต่อเด็กๆอย่างแก..ไม่มีวันตายดี หรอก” อธิปบอก
“ใครกันแน่ที่จะตาย” จตุพลชักปืนออกมาแล้วจะเหนี่ยวไก
ทันใดนั้นก็มีเสียงไซเรนรถตำรวจดังขึ้น
“เฮ้ย เสียงนี้ มันต้องไม่ใช่เสียงรถไอติมแน่ๆ..งานเข้าแล้ว!!” จตุพลตกใจ เขากับน้อมพงษ์รีบพุ่งไปดูที่หน้าต่างก็เห็นรถตำรวจจอดอยู่หลายคัน
“ทำไงล่ะทีนี้” น้อมพงษ์ลนลาน
มาวินเดินกร่างเข้ามาในโรงงาน โดยที่สมุนหลายคนของจตุพลกำลังโดนตำรวจจับไว้แล้ว
“คุณจตุพลคุณน้อมพงษ์” มาวินหยิบเอกสารขึ้นมาโชว์ “ไอมีหมายค้น หมายจับ และสารพัดใบอนุญาตที่ทำให้ไอสามารถจับเป็นและจับตายยูสองคนได้ เพราะฉะนั้น อย่าคิดหนีไอให้เหนื่อย ยอมมอบตัวดีๆ ไอสัญญาว่าจะเลี้ยงแฮมเบอเกอร์ยูทุกมื้อตอนอยู่ในคุก”
ทันใดนั้นก็มีเสียงปืนดังมาจากบริเวณที่จตุพลอยู่ มาวินตกใจรีบสั่ง “ทุกคนหมอบลง!”
ตำรวจทุกคนพากันหมอบ
มาวินค่อยๆ เงยหน้าขึ้น “ตามดู เร็ว!”
พวกตำรวจวิ่งกรูกันตามขึ้นไปทันที
จตุพลกับน้อมพงษ์ยิงพื้นตรงที่อธิปกับเดชยืนอยู่
“วิ่งไป...เร็ว...ไม่งั้นชั้นยิงแกเท้ากระจุยแน่” จตุพลสั่ง
จตุพลยิงที่พื้นเฉียดเท้าอธิปกับเดชไปนิดเดียว
“หึๆๆ กรรมตามพวกแกทันกว่าที่คิดไว้อีก หึๆๆ” อธิปหัวเราะเยาะ
“หยุดปากดีได้แล้ว” น้อมพงษ์ยิงไปที่อธิปกับเดชอีก
“โอ้ย” เดชรีบดึงอธิปไป “ไปเสี่ยเดี๋ยวค่อยกลับมาจัดการ”
ทั้งสองวิ่งหนีไปทางที่ตำรวจวิ่งสวนมาพอดี ส่วนจตุพลกับน้อมพงษ์วิ่งหนีไปอีกทาง
มาวินกับตำรวจเล็งปืนไปที่อธิปกับเดชที่จตุพลส่งมาเป็นตัวล่อ
“หยุดนะ” มาวินสั่ง
ในที่สุดอธิปกับเดชก็โดนมาวินและพวกตำรวจรวบตัว
“ฮ่าฮ่า....ในที่สุดก็เสร็จมือปราบสุดเก่งอย่างไอจนได้” มาวินหัวเราะร่วน
อ่านต่อหน้าที่ 4 พรุ่งนี้ (6 ก.พ. 2555)
มือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 14 (ต่อ)
กริสน์เดินตะกุยหัวตัวเองอย่างหงุดหงิดอยู่ที่สวนนอกบ้านของเมทินี
“ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้ด้วยวะโธ่เว้ย”
แจ๊สอุ้มป๊อบคอร์นเดินออกมาหากริสน์ ป๊อบคอร์นเฮ่า โฮ่ง! “น้ากริสน์”
กริสน์ชะงัก “แจ๊ส”
แจ๊สเต้นสี่ห้าสเต็ปอย่างเต็มที่ กริสน์งง จนแจ๊สหยุดเต้นเพราะเหนื่อย
“น้ากริสน์อย่ายอมแพ้นะคะ..เหมือนแจ๊ส..แจ๊สก็ไม่เคยคิดว่าแจ๊สจะเต้นชนะเลิศ..แต่แจ๊สก็ทำได้..น้ากริสน์เก่งกว่าแจ๊สล้านเท่า น้ากริสน์ต้องช่วยทุกๆคนได้แน่ๆ”
“บางที..น้าก็ไม่ได้เก่งอะไรหรอก น้าไม่ใช่สุดยอดสายลับแบบในหนัง..น้าก็คนธรรมดา..ที่แพ้เป็น..ที่ผิดพลาดตลอดๆ”
“ไม่..น้ากริสน์จะแพ้อะไรก็ได้ แต่ห้ามแพ้ยาเสพติด..พ่อแม่ของแจ๊สก็ตายเพราะคนเมายา..แจ๊สจะไม่ยอมให้มีใครตายเพราะมันอีก”
กริสน์โอบแจ๊สไว้
“แจ๊ส”
“แจ๊สว่าทางออกไม่ได้มีแค่สองทางหรอก...มันมักจะมีทางที่สามที่สี่ที่ห้าเสมอ...น้ากริสน์แค่ต้องการเวลาคิด..เดี๋ยวก็คิดได้..นะคะ..แจ๊สจะช่วยคิดด้วย..ป๊อปคอร์นด้วย”
แจ๊สตื๊อ และลงไปนั่งขัดสมาธิ คิดๆๆๆ ป๊อปคอร์นนั่งหลับตาข้างๆกัน กริสน์จนปัญญาได้แต่กอดแจ๊สไว้
บริเวณด้านนอกของลานจอดรถสวยๆ หน้าสนามกีฬาในเวลากลางคืน สุขสันต์โผเข้าโอบแพรวพิลาศจากด้านหลัง
“โธ่ แพรว...ผมน่ะเหรอจะไปเกี่ยวข้องกับเสพติด..แพรวเข้าใจผิดแล้ว”
แพรวสะบัดตัวออก พร้อมคาดคั้นเสียงเข้ม
“แล้วที่แพรวได้ยินคืออะไร ขอความจริงเท่านั้น”
“เอ่อ แพรว..คือ ยัยพิมมาดา ถูกไอ้กริสน์ล้างสมอง จนเชื่อฝังใจไปแล้วว่าผมค้ายา..ผมอธิบายยังไงก็ไม่เชื่อ..แล้วจะให้ผมทำยังไง..ผมก็เลยตามเลย..มันเป็นแค่วาทกรรมทางการเมือง....ผมยอมให้พิมมาดาเข้าใจว่าผมชั่วร้ายเลวทรามคนเดียว..ดีกว่าจะให้พิมมาดากล่าวพาดพิงคุณพ่อของแพรวเสียๆหายๆ”
“อะไรนะ มันว่าคุณพ่อด้วยเหรอ”
“ผมถึงต้องเล่นบทโหด ข่มขู่ทุกวิถีทางให้พวกมันให้มอบตัวไง”
แพรวพิลาศอึ้ง สุขสันต์จับไหล่แพรวพิลาศหันมามองตา
“มองตาผมซิแพรว มองให้ชัดๆ ลึกๆ ตาผมใสกิ๊ง ซื่อบริสุทธิ์ ไม่มีอะไรเคลือบแฝงอยู่เลย คนนัยน์ตาซื่ออย่างผมจะไปทำร้ายใครได้ แล้วยิ่งเป็นผู้หญิงกับเด็กน้อยตาดำๆ พวกนี้ยิ่งทำไม่ได้เข้าไปใหญ่ แค่คิดก็ทรมานใจแล้ว”
สุขสันต์กอดแพรวพิลาศไว้ แพรวพิลาศใจอ่อนลง
ภายในห้องหนึ่งของโรงงานขนมช่วงตอนกลางวันของวันต่อมา เสี่ยอธิปกับเดชนั่งหน้าซีดอยู่บนเก้าอี้ เลือดจากแผลเก่าไหลไม่หยุด น้อมพงษ์เอาน้ำสาดเพื่อให้ฟื้นขึ้นมา จตุพลเดินตรงมาหาเสี่ยอธิปกับเดช
“อากู๋ไม่เคยทำอะไรเพื่อผม ผมไม่ว่า..แต่ทำไมต้องขัดขวางผมด้วย..ผมกำลังจะได้ตัวยัยพิมมาดาอยู่แล้ว” จตุพลบอก
จตุพลตรงเข้าไปชกอธิปจนร่างร่วงตกเก้าอี้ไปกองกับพื้น
“หึๆๆ แกกลัวไอ้สุขสันต์หักหลังใช่มั้ย..ไม่ต้องห่วง..แกเจอแน่..ฮ่าๆๆ”
“หนอย ปากดีนัก” จตุพลบอก
จตุพลเตะซ้ำเข้าที่แผลเก่าของอธิปจนอธิปดิ้นพล่าน
“อย่าทำเสี่ย” เดชบอก
น้อมพงษ์ตรงเข้าไปหาเดช พร้อมกับซัดเดชเต็มๆ
“อ๋อ พูดงี้ ว้อนท์ใช่มั้ย จัดให้”
ฝ่ายจตุพลคว้าคอเสื้ออธิปขึ้นมาประจัญหน้าขู่เสียงแข็ง
“อากู๋..ผมเห็นแก่สายเลือดจางๆของเรา..ผมจะให้โอกาสอากู๋แสดงความรักที่มีต่อผม..อากู๋ต้องรับผิดแทนผม..บอกตำรวจ ว่าผมไม่รู้ไม่เห็น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดในขนม”
“ถ้าเสี่ยช่วยให้พวกเราพ้นจากคดีได้ ผมรับรองว่า..ผมจะดูแลโอปอล์แทนเสี่ย และจะพาไปเยี่ยมที่คุกทุกเดือน”
“หึๆ พวกหมาจนตรอก..พวกแกหนีคุกไม่พ้นหรอก” เดชว่า
“ชั้นยอมตาย..ส่วนแก..ก็ต้องรับกรรมที่แกทำเอาไว้..คนที่คิดร้ายต่อเด็กๆอย่างแก..ไม่มีวันตายดี หรอก”
“ใครกันแน่ที่จะตาย”
จตุพลพูดแล้วชักปืนออกมา จะเหนี่ยวไก ทันใดนั้น มีเสียงไซเรนรถตำรวจดังขึ้น หวอๆๆๆๆ ดังระงมไปทั่วโรงงานขนม
“เฮ้ย เสียงนี้ มันต้องไม่ใช่เสียงรถไอติมแน่ๆ..งานเข้าแล้ว” น้อมพงษ์โพล่งขึ้น
จตุพลกับน้อมพงษ์พุ่งไปดูที่หน้าต่าง เห็นรถตำรวจจอดอยู่หลายคัน
“ทำไงล่ะทีนี้” น้อมพงษ์พูดขึ้นลอยๆ
มาวินเดินตะโกนกร่างเข้ามาในโรงงาน สมุนหลายคนของจตุพลโดนตำรวจจับตัวไว้แล้ว มาวินหยิบเอกสารขึ้นมาโชว์
“คุณจตุพลคุณน้อมพงษ์ ไอมีหมายค้น หมายจับ และสารพัดใบอนุญาตที่ทำให้ไอสามารถจับเป็นและจับตายยูสองคนได้ เพราะฉะนั้น อย่าคิดหนีไอให้เหนื่อย ยอมมอบตัวดีๆ ไอสัญญาว่าจะเลี้ยงแฮมเบอเกอร์ยูทุกมื้อตอนอยู่ในคุก”
จังหวะนั้น...มีเสียงปืนมาจากทางจตุพลดังขึ้นนัดหนึ่ง มาวินตกใจ ตะโกน
“ทุกคนหมอบลง”
ตำรวจทุกคนพากันหมอบ มาวินเงยหน้าขึ้นแล้วสั่ง
“ตามไปดู เร็ว”
ตำรวจวิ่งกรูกันตามขึ้นไป
ภายในห้อง จตุพลกับน้อมพงษ์ยิงพื้นตรงที่เสี่ยอธิปกับเดชยืนอยู่ กระสุนเฉี่ยวเท้าเสี่ยอธิปกับเดชเพียงนิดเดียว
“วิ่งไป...เร็ว...ไม่งั้นชั้นยิงแกเท้ากระจุยแน่”
“หึๆๆ กรรมตามพวกแกทันกว่าที่คิดไว้อีก หึๆๆ”
“หยุดปากดีได้แล้ว”
จตุพลยิงขู่ไปที่เสี่ยอธิปกับเดชอีก เดชดึงตัวเสี่ยอธิปไปทันที
“โอ้ย...ไปเสี่ยเดี๋ยวค่อยกลับมาจัดการ”
เสี่ยอธิปและเดชวิ่งหนีไปทางที่ตำรวจวิ่งสวนมาพอดี ส่วนจตุพลกับน้อมพงษ์วิ่งหนีไปอีกทาง มาวินกับตำรวจเล็งปืนไปที่เสี่ยอธิปกับเดชที่เป็นตัวล่อ
“หยุดนะ” มาวินร้องบอก
เสี่ยอธิปกับเดชโดนมาวิน และพวกตำรวจรวบตัว
“ฮ่าฮ่า....ในที่สุดก็เสร็จมือปราบสุดเก่งอย่างไอจนได้”
บริเวณสนามกีฬาอินดอร์ฯ โอปอล์ผวาตื่นขึ้นมาเพราะฝันร้าย
“ป๊า! อย่าทำป๊า ช่วยด้วย”
โอปอล์ลืมตาขึ้นมา เห็นโจ๊กยืนอยู่ข้างๆมองด้วยความห่วงใย
“โอปอฝันร้ายเหรอ” พิมมาดาถาม
โอปอล์โผกอดพิมมาดาพลางบอกเสียงระส่ำ
“ป๊า..ป๊าอยู่ในอันตราย เลือดเต็มตัวไปหมด”
“ไม่เป็นไรนะ แค่ฝัน ป๊าของโอปอล์ไม่เป็นอะไรหรอก” พิมมาดาปลอบ
ปาล์มถือโอกาสโอบหัวโอปอล์มาจูบ
“โอ๋ๆขวัญเอ้ยขวัญมานะคะ ที่รักของพี่น้องปาล์ม”
โจ๊กดึงตัวปาล์มออก
“ไอ้อ้วน! ไอ้ฉวยโอกาส”
“โอ้ย...สงบศึกกันซะทีเถอะค่ะ โตๆกันแล้วนะ” จีจ้าร้องขึ้น ปาล์ม โจ๊ก โอปอล์หน้าจ๋อยไปทันที
ฉัตรชัยกับฮิม เดินถืออาหารลงมาจากทางเดินอัฒจันทร์อย่างสง่า
“เอ้า กินซะจะได้มีแรงให้ปากคำกับตำรวจตอนไปมอบตัว” ฉัตรชัยบอก
ปาล์มรีบคว้าจะกิน
“ดีเลย น้องปาล์มกำลังหิว”
จู่ๆแพรวพิลาศก็เดินหน้าตึงตามเข้ามากระชากอาหารทิ้ง ไม่ให้กิน
“ไม่ต้องกิน..โทษฐานที่เธอคิดว่าคุณสุขสันต์เป็นพ่อค้ายาเสพติด” แพรวพิลาสบอก
แพรวพิลาศชะงัก
“คุณแพรว … คุณยังคิดว่านายสุขสันต์ ใจซื่อมือสะอาดอีกเหรอ..คุณก็ได้ยินสิ่งที่คุณสุขสันต์พูดกับฉันเต็มๆหูแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ แล้วชั้นก็รู้ว่าเธอมันหลงนายกริสน์จนตาบอด เห็นผิดเป็นชอบ”
“คุณนั่นแหละหลงนายสุขสันต์จนตาบอด..นายสุขสันต์ ก็กำลังหลอกใช้คุณ เหมือนที่เค้าหลอกใช้ชั้น หลอกใช้ทุกคน หลอกพ่อคุณด้วย”
แพรวตบหน้าพิมมาดาทันที
“คุณสุขสันต์ไม่ได้หลอกชั้น เค้าเป็นคนดี ที่กำลังทำทุกอย่าง เพื่อให้เค้ากับชั้นได้แต่งงานกัน”
“คุณพูดเหมือนที่ชั้นเคยพูดกับกริสน์ไม่มีผิดเลยค่ะ..คุณแพรว ตอนนั้น..ชั้นยังโง่อยู่..มองคนแต่ภาพลักษณ์ภายนอก”
“หุบปาก อีนังหน้าด้าน” แพรวพิลาศตบพิมมาดาอีกฉาด
โจ๊ก จีจ้า โอปอล์โวยขึ้นอย่างเหลืออด “หยุดนะ”
สถานการณ์เริ่มวุ่นวาย แพรวพิลาศเดินจ้ำอ้าวออกไปอย่างสับสน
สุขสันต์ทุบโต๊ะภายในสำนักงานตำรวจ
“ไอ้จตุพลหนีไปได้”
มาวินอึกอัก พยายามอธิบาย
“เอ่อ..ไอระดมกำลังไปเต็มที่แล้ว แต่ใครจะไปคิดว่า พวกมันจะใช้วิชามาร”
สุขสันต์ตรงเข้าไปกระชากคอมาวิน บีบจนมาวินลิ้นจุก หายใจไม่ออก
“หยุดพล่ามได้แล้ว! ชั้นอุตส่าห์บอกที่ซ่อนไอ้จตุพลกับแก..เสียแรงไว้ใจจริงๆ ตอนนี้เสี่ยอธิปกับไอ้เดชอยู่ที่ไหน”
เสี่ยอธิปถูกใส่กุญแจมือไว้นั่งหน้าซีดอิดโรยอยู่ที่โต๊ะสอบสวน สุขสันต์ผลักประตูเข้ามา
“ผมพยายามสอบแล้ว แต่..มันไม่ยอมปริปากพูดอะไรเลย” มาวินบอก
สุขสันต์โบกมือไล่พวกตำรวจให้ออกไปให้หมด พร้อมๆกัน ก็หยิบเจลล้างมือออกมาบีบล้างมือ
“ออกไป..ไปให้หมด”
พวกตำรวจออกไปหมด สุขสันต์มองสำรวจกล้องวงจรปิดในห้อง แล้วจงใจ เดินไปยืนในมุมที่หันหลังให้กล้องนั้น
“ชั้นไม่ให้การช่วยเหลืออะไรพวกแกทั้งนั้น” อธิปบอก
สุขสันต์ยื่นโทรศัพท์มือถือไปตรงหน้าเสี่ยอธิป ภาพในหน้าจอ คือ โอปอล์ถูกจับรวมอยู่กับพวกพิมมาดา โดยมีฉัตรชัยกับฮิมหน้าโหดถือปืนคุมตัวอยู่
“โอปอล์” เสี่ยอธิปพึมพำ
“ถ้าเสี่ยอยากให้ลูกสาวรอด..เสี่ยต้องให้การซัดทอดไอ้จตุพล ว่าอยู่เบื้องหลังเรื่องยาเสพติดในขนมสวีทโอปอล์คนเดียว....ไม่อย่างนั้น” สุขสันต์ข่มขู่
เสี่ยอธิปลลุกพุ่งพรวดจะทำร้ายสุขสันต์ แต่สุขสันต์ถีบโต๊ะไปกระแทกเสี่ยอธิปอย่างจัง อธิปร่วง หมดสภาพทันที
“อย่าให้พวกตำรวจรู้เรื่องนี้ แล้วจะไม่มีใครตาย..เสี่ยคงรู้ว่าผมพูดจริง ไม่ได้ขู่”
เสี่ยอธิปได้แต่แค้น พวกมาวินได้ยินเสียงโครมครามก็เข้ามาในห้องทันทีแล้ว มาวินรีบปรี่เข้ามาเอาใจสุขสันต์“ท่านครับ..ท่านเป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนหรือเปล่า เอามันไปขังเดี่ยว ไปๆ”
ทางด้านสนามกีฬาอินเดอร์ฯ ปาล์มวางกระแทกจานข้าว เมื่อข้าวคำสุดท้ายยังอยู่เต็มปาก
“เราต้องหนี”
พิมมาดาและพวกเด็กๆนั่งสับสนอยู่กลางแสงสปอตไลท์สนาม ปาล์มเหลือบเหลือบมองฉัตรชัยกับฮิมที่เล่นชู๊ตบาสกันอยู่ จึงลดเสียงลง
“เราจะให้มันขังเราไปอย่างนี้ไม่ได้ เราต้องวางแผนหนี” ปาล์มออกความเห็น
“อย่าหาเรื่องเสี่ยงดีกว่า พวกมันมีปืน” พิมมาดาบอก
“โจ๊กเห็นด้วย..พวกมันมีแค่สอง แต่เรามีกันตั้งห้า..ถ้าเราช่วยกัน ต้องหนีได้แน่”
“แล้วเราจะหนีไปได้ยังไงอ่ะ พวกมันล็อกประตูไว้” โอปอล์ว่า
ปาล์มเสียงหวานทันที พลาง เรียกทุกคนมาสุมหัว จีจ้าดึงพิมมาดามาร่วมด้วย
“โอปอจ๋า..เชื่อหัวฉลาดๆ ของปาล์มเถอะ สุมหัวๆ แผนนี้มีชื่อว่า ลมบ้าหมูผู้พิชิต”
แผน “ลมบ้าหมูผู้พิชิต” ปรากฏภาพในความคิดของปาล์มทันที
ปาล์มลงไปชักแหงกๆที่พื้น พิมมาดา โจ๊ก โอปอ จีจ้า ร้องขอความช่วยเหลือ เสียงปาล์มบอกทุกคนว่า
“ปาล์มจะแกล้งเป็นลมบ้าหมู พอพวกมันเข้ามาดู ปาล์มก็จะ..ซัด..ซัด..ซัด..ซัด..แล้วก็ชนะ”
จากนั้น ภาพในความคิดของปาล์มก็ปรากฏเห็นฉัตรชัยกับฮิมน็อก สลบแทบเท้าปาล์มที่ยืนโพสต์เท่ โอปอล์วิ่งมากอด
ปาล์มหัวเราะหึๆๆ อย่างมั่นใจ แล้วรีบแกล้งลงไปชักแหง็กๆกับพื้นทันที
“ช่วยด้วยๆ ลมบ้าหมูกำเริบ แย่แล้วๆๆ” ทุกคนร้องขึ้นทันที
ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่คิดไว้ แต่อยู่ๆ มีน้ำสาดใส่หน้าปาล์มเต็มๆ โครม!
“เฮ้ย! เย็นๆ”
ปาล์มเผลอตัว สะดุ้งเฮือก แต่พอเห็นฉัตรชัยกับฮิม ก็รีบแกล้งชักต่อทันที
“ยังไม่หายอีก งั้นต้องเจอนี่” ฉัตรชัยบอกพลางชูลูกบาสออกมา เหมือนจะใช้อัดหน้า
“เอายัดปากไว้ จะได้ไม่กัดลิ้นตัวเอง เอ้า..อ้า อ้าปากสิวะ”
พิมมาดา จีจ้า โจ๊ก โอปอล์หลับตา กับภาพที่เห็น มีแต่เสียงลูกบาสเด้งใส่หน้า ป้าบ..ป้าบ..ป้าบ..ดังเข้ามา ปาล์มถึงกับเด้งขึ้นมานั่งได้ทันที
“หายแล้วค้าบ”
ปาล์มหน้าเยิน จีจ้าส่ายหน้า
“ทำไมมันกลับตาลปัตรล่ะ เฮ้อ”
สุขสันต์กับมาวินกำลังให้สัมภาษณ์ต่อหน้านักข่าว ช่างภาพและกล้องทีวีจำนวนมากที่สำนักงานตำรวจ
“เส้นทางลำเลียงยา..เริ่มจาก..เรือสินค้า ที่อ้างว่านำเข้าดอกไม้นอกจากต่างประเทศ..มาเข้าท่าที่นี่..จากนั้นจะมีรถมารับ เพื่อกระจายยา แยกเป็นสองสาย..หนึ่งรถสีเขียว นำดอกไม้ไปที่ร้านพริมโรส..รถสีแดง นำยาเสพติดไปที่..ร้านขนมสวีทโอปอล์” สุขสันต์แถลงข่าวอธิบาย
“ขนมสวีทโอปอล์..มียาเสพติดเหรอ” นักข่าวคนหนึ่งถามขึ้น
“ใช่น่ะสิครับ แต่..ไม่ต้องห่วง..ผมได้พาทีมบุกเข้าไปทลาย และปิดโรงงานขนมนี้เรียบร้อยแล้ว และยังสามารถจับตัวเสี่ยอธิป ที่เป็นตัวพ่อใหญ่ของอาณาจักรขนมนี้ได้ด้วย” มาวินตอบ
“แต่..เสี่ยอธิปยังมีมือขวามือซ้าย ที่คอยดำเนินการให้ทุกอย่างไม่ติดขัด..ก็คือ สองคนนี้ครับ..นายจตุพลกับน้อมพงษ์” สุขสันต์กล่าวเพิ่มเติมและกดพาวเวอร์พ้อยท์ ขึ้นรูปจตุพลกับน้อมพงษ์
“ต้องขอบคุณ คุณสุขสันต์มาก ที่ช่วยให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ในการตามจับคนร้ายเหล่านี้” มาวินกล่าว
“ผมก็แค่ทำในสิ่งที่คนๆนึงควรจะทำ คือ ขจัดคนพาล อภิบาลคนดี” สุขสันต์บอก
“เวลานี้เราออกหมายจับสองคนนี้แล้ว..เร็วๆนี้คงได้ตัวแน่ๆ”
จตุพลที่ดูภาพการให้ข่าวของสุขสันต์กับมาวินด้วยสีหน้าแค้นอยู่ภายในโรงแรมจิ้งหรีดแห่งหนึ่ง
“จับได้ในไม่ช้างั้นเหรอ” จตุพลพูดขึ้น
“ไอ้สุขสันต์ มันใช้ไอ้ตำรวจกระสือมาตามล่าเรา โยนความผิดให้พวกเรา เจ็บใจนัก” น้อมพงษ์บอก
จตุพลหยิบปืนขึ้นมา
“ฉันไม่ยอมไปลงนรกคนเดียวแน่”
จตุพลจ่อปืนไปที่หน้าสุขสันต์ในจอทีวี
ปาล์มทุบลูกบาสจนเด้งไป คิดๆๆ แล้วโพล่งอีก
“ปาล์มมีแผนสอง”
“อะไรอีก” จีจ้า โจ๊ก โอปอล์พูดพร้อมกันอย่างระอา
“แผนสองมีชื่อว่า ประตูพิฆาต” ปาล์มพูดน้ำเสียงจริงจัง
ปาล์มวิ่งไปยืนชิดกำแพงหลังบานประตู ทุกคนสนใจ
ภาพในความคิดตาม “แผนประตูพิฆาต” เกิดขึ้นอีกครั้ง
“น้องปาล์มจะซ่อนอยู่หลังประตูแบบนี้..พอพวกมันเปิดประตูเข้ามา..ไม่ทันระวัง..น้องปาล์มก็จะ...”
ฉัตรชัยกับฮิมเปิดประตูเข้ามา ไม่ทันรู้ตัว ปาล์มเข้าล๊อคคอจากด้านหลัง แล้วบิดตัวฮิมไปฟาดกับฉัตรชัย จนเซ ปาล์มจับหัวสมุนสองคนชนกัน ฉัตรชัยกับฮิมน๊อค ปาล์มยืนหัวเราะอย่างเท่ห์ โอปอล์ดีใจวิ่งมากอดแล้วหอมแก้มปาล์ม
ปาล์มกำลังยืนเคลิ้ม หัวเราะคิกคักอยู่หลังประตู จู่ๆฉัตรชัยเปิดประตูมาอย่างแรง
“ยังอยู่ดีกันใช่มั้ย อ้าว เฮ้ย ไอ้อ้วน หายไปไหน” ฉัตรชัยถามขึ้น
ฮิมวิ่งตามเข้ามา ผลักประตูอย่างแรงอีกครั้ง
“อะไรนะ มันหนีไปแล้วเหรอ หาตัวเร็วๆ” ฮิมว่า
ฮิมจะออกไปตาม ปิดประตูดัง
แผนประตูพิฆาตกลายเป็นว่า ปาล์มที่ตัวแปะประตูอยู่ เลือดกำเดาไหลออกจมูก ปาล์มไหลลงมากองที่พื้นอย่างช้าๆ จีจ้ากลืนน้ำลายอย่างสยองแล้วบอก
“ประตูพิฆาต...พิฆาตตัวเองแท้ๆ เฮ้อ”
พิมมาดาช่วยถือผ้าห่อน้ำแข็งประคบจมูกให้ปาล์ม
“ยังไงเราก็หนีไม่รอด เลิกคิดอะไรแผลงๆที่ทำให้เจ็บตัวเองซะที” พิมมาดาบอก
“ทำไมน้าพิมพูดแบบนี้ เราจะถอดใจยอมแพ้ง่ายๆไม่ได้นะครับ..จริงมั้ยทุกคน” ปาล์มว่า
ทุกคนทำหน้า ไม่เห็นด้วยกับปาล์ม
“อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ..ปาล์มมีแผนสามแล้วนะ”
“พอแล้ว” ทุกคนร้องขึ้น
“เด็กๆ..น้าขอร้องล่ะ.. อย่าหาเรื่องเสี่ยงอีกเลย น้าไม่อยากให้พวกเธอเป็นอะไร”
“ไม่..จีจ้าไม่เฉย จีจ้าจะไม่ยอมให้น้าพิมไปติดคุก”
“ใช่ น้าพิม..เราต้องหนีรอดปลอดภัยกันทุกคน..อืม..เอางี้..ทุกคนสุมหัว” โจ๊กบอก เด็กๆสุมหัวกันหมด ยกเว้นพิมมาดา
“นี่ หยุด อย่าหาเรื่องอีกเลย”
เด็กๆประสานมือกัน แล้วต่างแยกย้ายไปคนละมุม โอปอล์กับจีจ้าไปซ่อน
โจ๊กกับปาล์มเข็นลังไม้มาข้างประตู แล้วหันมามองหน้ากัน แล้วพยักหน้าให้สัญญาณ โจ๊กกับปาล์ม ทุบประตู โวยวาย ประสานเสียง
“ช่วยด้วยๆๆ”
โจ๊กกับปาล์มก็รีบปีนขึ้นไปยืนบนลังไม้ สองคนอยู่คนละฝั่งของประตู ฮิมเปิดประตูเข้ามา พร้อมจ่อปืนไปข้างหน้าทันที มีเพียงพิมมาดายืนอยู่คนเดียว
“ส่งเสียงดังทำไม..แล้วพวกเด็กหายไปไหนหมด”
“เอ่อ..อยู่..แถวนี้แหละ”
“แถวไหน”
เสียงโจ๊กดังขึ้นทางด้านหลัง
“ฉันอยู่นี่”
ฮิมหันไปตามที่มาของเสียง โจ๊กง้างเท้ากระโดดถีบลงมากจากลังเต็มแรง ฮิมถึงกับหน้าหงายเซล้มลงไป โจ๊กตามมาโดดขี่หลัง บีบขมับรุนแรงจนฮิมร้องลั่น ฉัตรชัยวิ่งเข้ามาเห็นเหตุการณ์ จะเข้าไปดึงโจ๊ก
“หนอย...ไอ้เด็กแสบ”
แต่ปาล์มไวกว่า กระโดดขี่หลังฉัตรชัย จนฉัตรชัยลงไปกองกับพื้นอีกคน
“ทุกคน มาเร็ว” โจ๊กบอก
โอปอล์ จีจ้ากรูกันออกมาเอาของที่อยู่ในมือฟาดใส่สมุนสองคนจนน่วม พิมมาดาคว้าไม้แถวนั้น ร่วมด้วย ทุกคนดีใจ
“เย้ๆๆๆ” ปาล์มกับโจ๊กแทคมือกัน
“เร็วเด็กๆอย่าเพิ่งดีใจ รีบหนีก่อน” พิมมาดาบอก
พิมมาดาพาเด็กๆ หนีออกประตูโกดังไป แต่ก็ต้องผงะ เพราะแพรวพิลาศถือปืนจ่ออยู่ตรงหน้า
“จะรีบไปไหน” แพรวพิลาศพูดน้ำเสียงเย็น เคร่ง และจริงจัง
โปรดอ่านต่อตอนที่ 15 (อวสาน) พรุ่งนี้ 7 ก.พ. 55 เวลา 9.30 น.