xs
xsm
sm
md
lg

ต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 18

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 ต้มยำลำซิ่ง  ตอนที่ 18 
 
 
ทูนอินทร์เดินมาจากร้าน ตรงมาหาทุกคนในครัว

“นายทูนมา”
ส้มป่อยชี้ไปนอกห้องครัว ทั้งสามตะลึง หนานหันไปบอกคูน
“ปิดทีวีเร็ว”
คูนหยิบรีโมทกดปิดทีวีทันที ทูนอินทร์เข้ามาในครัว มองอย่างสำรวจ
“เมื่อกี้ใครเปิดเพลง ต้มยำลำซิ่ง เหรอไปแอบอัดเอามาฟังรึไง”
คูนส่ายหน้า
“เปล่าครับ ไม่มีครับ”
“ฉันได้ยินนี่นา”
หนานชี้ไปที่สัมป่อย
“ส้มครับ ส้มมันร้องครับ”
ส้มป่อยหน้าเหวอก่อนจะรีบตามน้ำ
“ค่ะ ค่ะ ส้มร้องเองค่ะนาย”
ทูนอินทร์ส่งสายตาดุ
“ห้ามร้องเพลงนี้อีก เข้าใจไหม”
“เข้าใจค่ะ”
ทูนอินทร์หน้าเครียดเดินออกไป คูนถอนหายใจ
“เกือบไปแล้วไหมล่ะ”
ส้มป่อยหันไปถามหนาน
“แล้วจะบอกนายไหมคะน้า”
“ไม่กล้าว่ะ ให้นายเขารู้เองดีกว่า”
ทุกคนต่างพากันเครียดกับสิ่งที่เกิดขึ้น

มะปราง จี่หอย คม เดช ออกจากห้องประชุม จี่หอยเต้นท่าซดต้มยำออกไปด้วย รุ้งระวียังนั่งอยู่กับอิทธิในห้อง
“เป็นอะไรครับรุ้ง เหมือนไม่ปลื้มผลงานของตัวเองเลย”
“ผลงานฉันปลื้มค่ะ เพียงแต่ฉันไม่แน่ใจแล้วว่าฉันถูกหลอกอีกหรือเปล่า”
“ถูกหลอกอีก ใครหลอกรุ้ง”
“ผู้หญิงที่อ้างว่าเป็นแม่ฉัน โทรมาหาฉันอีกแล้ว”
อิทธิหน้าเจื่อนไปทันที
“ยายนั่นว่ายังไง”
“เธอพูดหลายอย่างที่ทำให้ฉันชักลังเลว่า เธออาจจะเป็นแม่แสงหล้าของฉันจริงๆก็ได้”
“เช่นอะไรบ้าง”
“เธอรู้ประวัติวัยเด็กของฉัน ที่เราจะรู้กันแค่สองคนแม่ลูกเท่านั้น”
“คราวยายผกาก็รู้แบบนี้เหมือนกันไม่ใช่เหรอ”
“เธอรู้ลึกกว่านั้น เธอรู้แม้แต่เรื่องของคุณทูนว่าตอนนี้เขาเสียใจแค่ไหน”
อิทธิคิดตาม มั่นใจว่าแม่ของเธอต้องอยู่ใกล้ทูนอินทร์แน่ จึงพยายามหาข้ออ้าง
“รุ้ง แม่แสงหล้าตายไปแล้ว ทำไมคุณยังไปเชื่อสิบแปดมงกุฎพวกนั้นอีก”
“ฉันไม่แน่ใจแล้วว่า สิบแปดมงกุฎคือใครกันแน่”
รุ้งระวีลุกจะออกไป อิทธิตามมายึดตัวไว้
“รุ้ง จบเรื่องแม่ของคุณได้แล้ว ท่านไปสู่สุคติแล้ว อย่าไปรื้อฟื้นอีกเลย เริ่มต้นใหม่นะรุ้ง คุณต้องเตรียมตัวสำหรับคอนเสิร์ตครั้งต่อไป สำหรับต้มยำลำเพลิน แล้วหลังจากนั้น”
“อะไรคะ”
“เราไปพักผ่อนกันดีกว่า รุ้งอยากกลับไปที่แอลเอไหม หรือเที่ยวต่างประเทศกันสักพักก็ได้”
“กับคุณเหรอคะ”
“ครับ”
“ไปค่ะ”
“จริงนะรุ้ง”
“จริงค่ะ แต่ฉันไปลำพัง”
รุ้งระวีสะบัดออก อิทธิมองอย่างขัดเคือง

รุ้งระวีนั่งอยู่สวนสวยหลังบ้าน มองมือถือของตัวเองกดเบอร์ของแม่ที่บันทึกไว้ มองอยู่นานจะโทรดีไม่โทรดี
ขณะเดียวกัน แสงหล้ากำลังจุดธูปไหว้พระในห้อง
“ทำยังไงดีคะท่าน ลูกไม่กล้าให้คุณทูนดูคลิปที่ถ่ายไว้ เพราะถ้าเกิดถูกซักฟอกขึ้นมา คุณทูนต้องให้ลูกเจอเจ้าคำรณแน่ๆ ลูกให้มันรู้ไม่ได้หรอกว่าลูกมาอยู่ใกล้รุ้งแบบนี้”
ทันใดนั้นมือถือดังขึ้น แสงหล้าหยิบมือถือขึ้นมาดู จำได้ทันทีว่าคือเบอร์ของรุ้งระวี เธอจดจ้องไม่กล้ารับทันที รุ้งระวีกำลังถือสายรอให้แสงหล้ารับสาย
แสงหล้าหยิบมือถือขึ้นแล้วกดรับสาย รุ้งระวีรู้ว่าปลายสายรับแล้วแต่ไม่ได้พูดอะไร เธอตัดสินใจพูดขึ้น
“ทำไมเงียบล่ะ ตกใจละซีที่ฉันโทรมา”
“จ๊ะ ตกใจ ที่ลูกโทรมา”
“อย่ามาเรียกฉันว่าลูก”
“ได้จ๊ะ แล้วหนูโทรมาหา ทำไม”
รุ้งระวีลังเล
“ฉันต้องการพิสูจน์ว่าเธอเป็นใครกันแน่”
“หนูจะพิสูจน์ยังไงล่ะ”
“ถ้าเธอเป็นแม่ฉันจริง เธอต้อง”
“อะไรจ๊ะ”
“เธอต้องรู้จักเพลงที่ร้องให้ฉันฟังตอนเด็ก เธอต้องร้องเพลงได้”
“แม่ไม่เคยลืมหรอก เพลงที่แม่ร้องกล่อมลูกน่ะ”
“พิสูจน์มาซี”
แสงหล้านิ่งไป รวบรวมอารมณ์
“แม่ร้องเพลงกล่อมลูกทุกคืน แม่กลับจากร้องเพลงดึกดื่นแค่ไหน หนูก็จะตื่นขึ้นมาให้แม่ร้องเพลงกล่อมลูกให้นอนทุกครั้ง”
รุ้งระวีสับสน หวั่นไหวไปหมด เพราะมันคือความจริง แสงหล้าร้องเสียงเครือ
“โอม เอย อีนางลูกแม่นี่เอย เอ่เอ้เอมือไกวเปลแม่นี้จิเห่เพลงกล่อม ว่าขวัญเอยขวัญมา อย่าร้องไห้งอแง...”
รุ้งระวีตะลึงนั่นเสียงแม่จริงๆ เธอจำได้ไม่มีวันลืม น้ำตาเริ่มรื้นขึ้น
“ผีบ้านผีเรือนปกปักดูแล ลูกแม่หลับ ให้สบาย แม่จิเอาเดือนดาวได้ เอาร่มไม้ชายคา แม่ธรณี แม่พระคงคา โหบกอดวิญญาเจ้ามาจนใหญ่ รักไม่มีข้อแม้ หลวงเจ้าดั่งดวงใจโลกกว้างที่เจ้าโบยบินไป มีความห่วงใย มาตามต้อยๆ”
แสงหล้าร้องได้เท่านั้น ก็ร้องไห้สะอื้นจนร้องต่อไม่ได้ รุ้งระวีแน่ใจแล้วว่านี่คือแม่แสงหล้า
“แม่ ”
“เชื่อแล้วใช่ไหมลูก ว่าแม่คือแม่ของลูก”
รุ้งระวีตัดสายทันที นั่งร้องไห้สะอื้นเพียงลำพังกลางสวน

อิทธินั่งคุยกับคำรณ โดยมีคมกับเดชยืนอยู่ด้วย
“นังแสงหล้ามันโทรมาหารุ้งอีกแล้ว”
“อีกแล้วเหรอครับ” คำรณหน้าเครียด
“ไหนนายบอกว่ามันติดเหล้าเลอะเลือนไปแล้วไง นี่มันกำลังทำให้รุ้งเชื่อแล้วนะว่ามันเป็นแม่จริง แล้วรุ้งก็เริ่มสงสัยเราแล้วด้วย”
“ผมจะตามหามันให้เจอ”
“ตามที่ไหนวะ”
คำรณจนปัญญา
“ตอนนี้ผมยังไม่ทราบหรอกครับ”
“เอาละฉันจะบอกเบาะแสให้แก รุ้งบอกว่านังแสงน่ะ มันรู้ความเป็นไปของไอ้ทูนทุกอย่างแสดงว่ามันต้องวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ไอ้ทูนนั่นแหละ พวกแกลองไปสืบดู”
คำรณครุ่นคิด
“ได้ครับนาย”
คำรณ คม เดช ออกจากห้องไปอิทธิถอนใจอย่างหนักใจขึ้นมา

ดึกคืนนั้น ร้านปิดแล้วพนักงานกำลังทำความสะอาดร้านกันอยู่ ทูนอินทร์กำลังทำงานอยู่ที่โต๊ะ ทีวีเปิดอยู่เป็นรายการดนตรีลูกทุ่ง ขณะเดียวกันนั้นมือถือทูนอินทร์ดังขึ้น เขามองชื่อที่ขึ้นจอแล้วอึ้งไปเพราะคือชื่อรุ้งระวี เขาชะงักนิ่งไป ก่อนจะตัดสินใจรับสาย
“ครับ”
“คุณทูน”
“รุ้ง”
“ฉันโทรมาเพื่อจะถามเรื่องแม่”
“แม่ไหนล่ะครับ แม่ของคุณที่ตายไปแล้ว หรือแม่ของผมที่ยังอยู่”
“ทูน ฉันโทรมาเพื่อขอคำปรึกษานะคะ อย่าประชดกันเลย พูดกันดีๆดีกว่า”
“อ้อ มีสิทธิ์มาสั่งผมด้วยเหรอ พออยากพูดกับผม ก็สั่งให้พูดดี คุณมาเป็นเจ้าชีวิตผมตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ฉันเข้าใจค่ะ เป็นใครก็ต้องโกรธทั้งนั้น”
“มีอะไรก็ว่ามา ผมกำลังทำงาน”
“ฉันอยากรู้ว่าผู้หญิงคนนั้น เขาอยู่ใกล้ๆคุณรึเปล่า”
“ใกล้ผม อ้อ จะหาว่าผมนัดแนะกับแม่คุณ สร้างเรื่องขึ้นมาอีกแล้วใช่ไหม”
“เปล่า แต่ดูเหมือนเธอจะรู้เรื่องส่วนตัวของคุณ จนเหมือนคนใกล้ตัว”
ทูนอินทร์พยายามระงับโทสะ
“เอาละ บอกให้ก็ได้ ผมเองก็ยังสงสัยอยู่นี่ละว่าเธอเป็นใคร คนใกล้ตัวรึเปล่าเพราะเธอรู้หมดว่าผมรู้สึกยังไง แถมยังให้ผมกับคุณคืนดีกันเสียอีก”
รุ้งระวีชักมั่นใจ
“แม่ต้องอยู่ใกล้ๆคุณแน่ๆ”
“ผมไม่แน่ใจ อะไรนะ คุณเรียกแม่เหรอ”
รุ้งระวีอึ้งไป
“ค่ะ”
“เชื่อแล้วเหรอว่าเขาคือแม่”
รุ้งระวีนิ่งงัน
“ว่ายังไง”
“เอาเป็นว่า ฉันอยากจะเชื่อว่าเธอคือแม่ฉันจริง ๆ”
“อยากจะเชื่อ ก็แสดงว่ายังไม่เชื่อ ก็ยังคิดว่าผมโกหกคุณอยู่”
“ถ้าเขาเป็นแม่แสงหล้าจริง นอกจากไม่คิดว่าคุณโกหก ฉันอยากจะขอโทษคุณด้วย แสดงว่าฉันทำผิดกับคุณไว้มากเหลือเกิน”
ทูนอินทร์ถอนใจ
“รับคำขอโทษล่วงหน้าจากฉันได้ไหม”
ทูนอินทร์นิ่งงันไปใจอ่อนยวบไปทันที รุ้งระวีรอคำตอบอย่างคนสำนึกผิด

อินทร เมธ หนานและคูณ นั่งดื่มนมปั่นกันอยู่ ทั้งสี่คนแกล้งทำเป็นเมาเล่นกันอย่างสนุกสนาน ทีวีเปิดรายการเพลงช่องเดียวกับที่ทูนอินทร์เปิด แสงหล้า กำลังช่วยเก็บกวาดร้าน หนานหันไปถามคูน
“เฮ้ยคูน แกจะปิดเป็นความลับไปอีกนานแค่ไหนวะ”
“ไม่รู้ แล้วแกล่ะ”
เมธมองทั้งสองอย่างไม่เข้าใจ
“ความลับอะไรกันวะ”
“ความลับเรื่อง...”
หนานกำลังจะบอก คูนรีบปิดปากหนาน
“อย่าพูดเลยว่ะ เดี๋ยวเป็นเรื่อง”
อินทรมองหน้าทั้งสอง
“ยิ่งอยากรู้ใหญ่เลยครับ”
หนานส่ายหน้า
“ไม่ได้ครับ ยังไงก็บอกไม่ได้”
คูนหน้าเครียด
“ครับ มันเรื่องคอขาดบาดตายจริง”
อินทรเซ็งๆ
“ดราม่าอีกแล้วน้า”
แสงหล้าเหลือบไปที่ทีวีเห็นมิวสิคของรุ้งระวี เธอรีบเปิดเร่งเสียงแล้วเข้าไปดูใกล้ๆ หนานและคูนสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเพลง
“เฮ้ย ใครเปิด” หนานร้องขึ้น
ทั้งสี่หันไปมองทีวีพร้อมกัน เมธและอินทรตะลึงไป
“พี่รุ้ง!”
เมธตกใจ
“เฮ้ย ร้องเพลงนี้ได้ยังไง”
หนานหน้าเสีย
“ไอ้คูน ความลับแตกแล้วว่ะ”
ทั้งกลุ่มกรูกันเข้ามาดูมิวสิค แสงหล้ายังงงๆ

ทูนอินทร์คุยโทรศัพท์กับรุ้งระวีหน้าตาแช่มชื่นขึ้น โดยไม่รู้เลยว่าทีวีข้างหลังนั้น เป็นมิวสิคของรุ้งระวี เพราะเปิดเสียงเบา
“รุ้ง ผมยังยืนยันผมไม่เคยหลอกลวงคุณเลย”
“ค่ะ ขอให้ฉันพิสูจน์เรื่องแม่ก่อนเถอะค่ะ”
“ผมจะช่วย ผมจะตามหาตัวท่านให้เจอ คิดว่าท่านคงอยู่ที่สระบุรี นี่แหละครับ อาจจะเคยมาทานอาหารที่ร้านผมก็ได้ ถึงได้รู้เรื่องผมขนาดนี้”
“ใช่ เพราะแม่บอกกับฉันเรื่องคุณเหมือนกัน”
“ว่าไงครับ”
“ท่านบอกว่า คุณเป็นคนเดียวที่รักและหวังดีกับฉัน”
ทูนอินทร์ยิ้มออกมาได้
“ไงคะ รับคำขอโทษล่วงหน้าจากฉันได้รึยัง”
ทูนอินทร์ได้ยินเสียงเพลงแว่วมาหันไปมองทีวี เห็นรุ้งระวีทั้งร้องทั้งเต้น เขาตะลึงงันไปหยิบรีโมทมาเปิดเสียงเพลงต้มยำลำเพลินสนั่น เขามองมิวสิคด้วยอาการโกรธตัวสั่น ภาพในจอเป็นจังหวะที่รุ้งระวีกำลังยิ้มยั่วยักคิ้วข้างหนึ่งเหมือนท้าทาย หัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยัน ทูนอินทร์ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่แล้ว
“เสียงอะไรคะ”
“ฟังดูซี”
“อ๋อ มิวสิคเพลงใหม่ของฉันค่ะ”
ทูนอินทร์หายใจหอบ
“ชื่อเพลงอะไร”
“ต้มยำลำเพลินค่ะ”
ทูนโกรธจัดตวาดลั่น
“อะไรนะ”
รุ้งระวีอึ้งงง
“เป็นอะไรคะทูน”
“ฉันถามว่าชื่อเพลงอะไร”
“ต้มยำลำเพลิน”
“ต้มยำลำเพลิน ใครแต่ง”
“ไม่ทราบค่ะ คนแต่งไม่เปิดเผยชื่อ”
“อ้อ งั้นเหรอ เธอนี่มัน มันเลว ชั่ว ที่โทรมาหาฉันมาทำขอโทษอย่างนั้นอย่างนี้ เพื่อยั่วประสาทฉันใช่ไหม”
รุ้งระวีงงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา
“ทูน คุณเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น”
“ไม่ต้องมาแกล้งถาม ฉันว่ายายฟ้าใสเลวแล้ว เธอมันเลวยิ่งกว่า”
ทูนอินทร์ปามือถือทิ้งไปเสียงดังโครม รุ้งระวีสะดุ้งเฮือกสายถูกตัดไปทันที
ทูนอินทร์อาละวาดปัดข้าวของบนโต๊ะทิ้ง อินทร เมธ หนาน คูนวิ่งเข้ามาห้ามยกใหญ่ แสงหล้าแอบมองอยู่ที่ประตูห้อง เริ่มเข้าใจแล้วว่าที่เดชและคำรณแอบเข้ามาในห้องทำงานของทูนวันนั้นเพื่อขโมยอะไร
“พี่ทูน พอครับ”
“นังคนชั่ว มันขโมยเพลงฉันไป”
เมธพยายามปลอบ
“พี่รู้แล้ว จเย็นๆนะทูน”
“ไม่เย็นแล้วพี่ มันขโมยทรัพย์สินของเรานะ ผมจะฟ้องมันให้หมดตัวเลย”
อินทรจับตัวพี่ชาย
“พี่ครับ นั่งนิ่งๆก่อน”
“ปล่อยโว้ย”
ทูนอินทร์สะบัดหลุดจากกลุ่มแล้ววิ่งกลับไปในร้าน แสงหล้ารีบหลบทั้งกลุ่มวิ่งตามไป ทูนอินทร์วิ่งออกมาที่ร้าน จะออกไปที่ประตู หนานกับคูนเข้ามายึดร่าง แสงหล้าตามมาฟังที่มุมร้าน คูนพยายามดึงไว้
“นายครับ ใจเย็น”
ทูนอินทร์ดิ้น
“ปล่อย”
อินทรตามมา
“พี่จะไปไหน”
“ไปหามันน่ะซี พาตำรวจไปจับพวกมันด้วย นังรุ้งมันต้องร่วมมือกับไอ้อิทธิขโมยเพลงเราแน่ๆ”
เมธมองหน้า
“เราไม่มีหลักฐานนะทูน อีกอย่าง เพลงของเราก็ยังไม่ได้จดลิขสิทธิ์”
ทูนอินทร์นิ่งงันไป มองหน้าเมธและอินทร น้ำตาไหลพรากออกมา
“เราถูกมันปล้นอีกแล้วเหรอครับพี่”
เมธเข้าปลอบ
“ไม่เป็นไรนะทูน เรื่องนี้พี่ไม่ปล่อยไว้แน่ พรุ่งนี้เราปรึกษาทนาย”
“แต่มันก็ไม่น่าเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง มันคือทรัพย์สินทางปัญญาของเรานะครับ”
ทูนอินทร์ร้องไห้ออกมา ทุกคนสลด แสงหล้าสะเทือนใจไปด้วย เมธดึงทูนอินทร์มากอดไว้
“เอาน่า ทุกอย่างต้องแก้ไขได้”
ทูนอินทร์ทรุดลงนั่ง หมดอาลัยตายอยาก
“หมด...ชีวิตผมหมดแล้ว”
ทูนอินทร์น้ำตาไหล หนานรินนมปั่นให้ดื่ม ทูนอินทร์ยกขึ้นดื่มรวดเดียว แสงหล้าอยากจะบอกความจริง แต่ไม่กล้า

วันต่อมา รุ้งระวีซ้อมท่าเต้นอย่างไม่มีสมาธิ พร้อมกับสาวหางเครื่องสี่นาง และครูสอน รุ้งระวีทั้งลืมทั้งเต้นสับสนไปหมด ชนกับหางเครื่องบ่อยๆ จี่หอยและมะปรางนั่งอยู่มุมห้องพยายามโทรติดต่อทูนอินทร์และอินทร รุ้งระวีเต้นพลาดอีกครั้ง เซไปทางหางเครื่อง สาวๆรับไว้
“โทษค่ะพี่”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
ครูมองรุ้งระวีอย่างแปลกใจ
“พักก่อนไหมรุ้ง วันนี้ดูไม่มีสมาธิเลย”
“ค่ะ”
ครูและสาวหางเครื่องออกไป รุ้งระวีเดินมานั่งกับจี่หอย มะปรางเสิร์ฟน้ำให้
“ติดต่อใครได้บ้างไหมคะ”
จี่หอยส่ายหน้า
“ไม่มีใครรับสายเลย พี่หนาน พี่คูนยังไม่รับเลย”
มะปรางนิ่งคิด
“คุณทรก็ไม่รับสายค่ะ เหมือนจงใจไม่รับสายกันทั้งทีม”
รุ้งระวีหน้าเครียด
“ต้องมีเรื่องแล้วละ ถึงเป็นแบบนี้”
จี่หอยสงสัย
“แล้วมันจะเรื่องอะไรล่ะรุ้ง”
“ไม่ทราบเลย อย่างที่เล่าน่ะค่ะ พอคุณทูนถามเรื่องมิวสิคเพลงใหม่ของรุ้ง ก็อาละวาดขึ้นมาทันที ด่ารุ้งว่า เลว ชั่ว”
จี่หอยตกใจ
“ลมชัก ขนาดนั้นเชียว”
“ถ้ายังไม่รู้เรื่อง รุ้งจะบุกไปที่ไร่อินสรวง เดี๋ยวนี้แหละ”
จี่หอยรีบห้าม
“ไม่ได้นะรุ้ง ตอนนี้ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น รุ้งต้องเตรียมตัวออกคอนเสิร์ทวันศุกร์นี้แล้ว ลืมเรื่องคุณทูนไปก่อนดีกว่า พอจบคอนเสิร์ตแล้วค่อยว่ากัน”
รุ้งระวีถอนใจเต็มไปด้วยความกังวล

ทูนอินทร์นั่งอยู่กับเมธ ทนายกฤษณะและอินทร ทั้งหมดกำลังดูมิวสิคของรุ้งระวีที่อัดมาจาก ยูทิวบ์ ยิ่งดู ทั้งทูนอินทร์ พี่เมธ และอินทรต่างก็อารมณ์เสียกันทั้งหมด ทนายดูเนื้อเพลงตามไปด้วย
“แสดงว่าตั้งใจจะลอกเลียนจริงๆ เพราะดัดแปลงเนื้อเพลงไปนิดเดียวเอง”
เมธหน้าเครียด
“เกือบไม่ได้ดัดแปลงเลยละครับ เพราะแค่เปลี่ยนเนื้อจากชายหญิง เป็นผู้หญิงร้องคนเดียวเท่านั้น”
อินทรหันมาถามทนาย
“ยื่นฟ้องเลยได้ไหมครับ”
ทนายถอนใจ
“ฟ้องน่ะได้ครับ...แต่ถ้าจะชนะคดี ผมว่ายาก”
อินทรไม่เข้าใจ
“ทำไม”
“เพราะเพลงของคุณยังไม่ได้จดลิขสิทธิ์ เออ แล้วที่คุณบอกว่าคุณรุ้งเป็นคนขโมย มีอะไรยืนยันครับ”
“วันนั้นที่ผมกับเขาทะเลาะกัน เราอยู่ในห้องทำงานนี่แหละ มีช่วงนึงที่เขาทำท่าหมดสติ ผมเลยออกไปเอาผ้าเย็นมาให้ น่าจะเป็นช่วงนั้นที่เขาขโมยเพลงผม”
ทูนอินทร์ครุ่นคิด วันนั้นเขาวางร่างรุ้งระวีลงกับโซฟายาวแล้วอังหลังมือที่หน้าผากรุ้งระวีเห็นเธอตัวร้อนรุมๆ
‘คุณมีไข้นี่’
ทูนอินทร์รีบออกจากห้องไป สักครู่ก็เข้ามาพร้อมผ้าเย็น และกระป๋องใส่น้ำแข็ง
‘เช็ดหน้าหน่อยนะ คุณมีไข้’
เขาจะเช็ดหน้าให้เธอ แต่เธอลุกทันที
‘อย่ามายุ่งกับฉัน’
ทูนอินทร์นึกแล้วก็แค้นใจ ทนายหนักใจรวบรวมเอกสาร
“เอาละครับ ผมจะรวบรวมหลักฐานทั้งหมดอีกที และเรื่องลิขสิทธิ์เพลงทั้งหมด ผมจะรีบจัดการให้”
“คุณยังไม่ได้คุยเรื่องฟ้องเลยนะ ผมอยากฟ้องพวกมันทั้งหมดให้เร็วที่สุดด้วย”
ทนายถอนใจ
“ใจเย็นครับ เรื่องฟ้องมันต้องอยู่ที่หลักฐานด้วย ตอนนี้หลักฐานเป็นแค่การสันนิษฐานของคุณเท่านั้น โดยเฉพาะเรื่องที่คุณรุ้งเป็นคนขโมย”
ทูนอินทร์ระเบิดอารมณ์ออกมา
“หลักฐานมันเห็นอยู่ชัดๆ ว่ามันเป็นเพลงของผม มันขโมยไปหน้าด้านๆ ทุกคนในร้านนี้ก็รู้อยู่ว่ามันเป็นเพลงที่ผมแต่งขึ้น”
ทนายมองหน้า
“ใช่ครับ ตอนนี้คุณมีแต่พยานบุคคล ซึ่งเป็นคนของคุณทั้งหมด ไปสู้ในชั้นศาลไม่ได้หรอกครับ อย่าลืมนะว่าเพลงคุณไม่มีลิขสิทธิ์ เมื่อคราวฟ้าใสนั่นก็หนนึงที่พวกคุณเอาเรื่องเธอไม่ได้”
ทูนอินทร์เถียงไม่ออก ยิ่งหงุดหงิด ทนายมองอย่างเห็นใจ
“ผมจะจัดการทุกอย่างให้ดีที่สุดก็แล้วกัน นะครับ”
ทนายออกไป เมธหันมาปลอบทูนอินทร์
“มันแค่เพลงเดียวนะทูน นายต้องทำใจว่ะ”
ทูนอินทร์ยังโกรธไม่หาย
“ทำใจไม่ได้พี่ มันเป็นเพลงที่ผมรักที่สุด”
อินทรไม่ค่อยจะเชื่อว่า รุ้งระวีเป็นคนขโมย
“พี่แน่ใจเหรอครับว่าพี่รุ้งเป็นคนขโมย”
“ก็ต้องเป็นแม่นี่แหละ”
“ผมไม่แน่ใจครับ พี่รุ้งไม่มีนิสัยแบบนั้น”
ทูนอินทร์มองหน้าน้องชาย
“นายรู้จักผู้หญิงพอแล้วเหรอนายทร นิสัยผู้หญิงแบบยายฟ้าใส หรือยายรุ้ง คือนังงูพิษ ไม่มีวันที่เราจะดูออก ทำหวาน ทำใสซื่อ ที่แท้มีแผนชั่วกันทั้งนั้น ไม่รู้ละ งานนี้ถ้าใช้กฎหมายเล่นงานมันไม่ได้ ฉันจะใช้กฏหมู่ของฉันเอง”
เมธชักกังวล
“ทูน อย่าทำอะไรเกินกว่าเหตุนะ”
ทูนอินทร์บอกอย่างมุ่งมั่น
“อย่ามาห้ามผมครับ เชิญพี่กับนายทรออกไปก่อน ผมอยากอยู่คนเดียว”
เมธและอินทรถอนใจออกไป ทูนอินทร์มองไปที่ทีวีที่ยังเปิดมิวสิครุ้งระวีอยู่ เขามองภาพที่รุ้งระวีกำลังเล่นหูเล่นตายักคิ้วให้และหลิ่วตาหยอกล้อ ทำปากหมือนจุมพิตหัวเราะระรื่น ทูนอินทร์มองอย่างเคียดแค้นกดรีโมทให้ภาพฟรีซที่หน้ารุ้งระวีที่กำลังหัวเราะยั่วนัยน์ตาดูเจ้าเล่ห์
“ยายรุ้งระวี งานนี้เธอไม่รอดแน่”
ทูนอินทร์แสยะยิ้มน่ากลัว
 
 อ่านต่อหน้า 2 







ต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 18 (ต่อ)


หลายวันต่อมา ทูนอินทร์นั่งอยู่ในเพิงแสงจันทร์ กำลังจดจ้องหมกมุ่นอยู่กับมือถือดูอะไรบางอย่าง แสงหล้าและส้มป่อยมองอยู่ในระยะไกล
 
“แปลกจังเลยป้าแสง”
“แปลกอะไรเหรอ”
“นายทูนเศร้าคราวนี้ ดูเงียบผิดปกตินะ”
“ผิดปกติยังไง”
“ทุกครั้งจะต้องได้ยินเสียงโหวด โหยหวน แต่มาคราวนี้นายทูนไม่เป่าเพลงอีก”
“แถมทำอะไรไม่รู้ดูน่ากลัว”
“คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง ส้ม”
“ป้า ป้าเชื่อเหรอว่าพี่รุ้งขโมยเพลงนายทูนไป”
“ไม่เชื่อหรอก คนรักกันเขาไม่ทำกันอย่างนั้นหรอก”
“จริงนะป้า”
“เชื่อป้าเถอะลูก รุ้งน่ะเขาเป็นคนดี”
“เฮ้อ ค่อยฟีล แฮ็บปี้หน่อย หนูพยายามจะเกลียดพี่รุ้งนะ แต่ทำยังไงก็เกลียดไม่ลง”
แสงหล้ายิ้มให้อย่างเอ็นดู ทั้งสองออกจากทุ่งกลับบ้านไป ทูนอินทร์ยังจ้องมองภาพในมือถือ เป็นภาพโฆษณาคอนเสิร์ต ต้มยำลำเพลิน ของรุ้งระวี ที่กำลังจะมีขึ้นที่นครนายก เขามองนิ่งอย่างมีแผนการบางอย่าง กดภาพเลื่อนไปเป็นชาร์ทของรายการ มิวสิคบ็อกซ์ คลื่นลูกทุ่ง เพลงต้มยำลำเพลิน กำลังไต่อันดับอยู่ที่อันดับเจ็ด เขากดที่ชาร์ท มิวสิค ต้มยำลำเพลิน ปรากฏขึ้นทันที ทูนอินทร์ยิ่งแค้น เมื่อมองหน้ารุ้งระวีในมิวสิค

เมื่อถึงเวลาแสดงคอนเสิร์ต นักร้องของค่ายอิทธิร้องอยู่บนเวที บรรดาคนดูมอบพวงมาลัยให้เต็มคอ
ด้านหลังเวทีกลุ่มจุ๊บแจง นั่งรวมกลุ่มกันกำลังแต่งหน้าทำผม อีกด้านรุ้งระวีกำลังแต่งตัวอยู่โดยมี จี่หอยกับมะปรางเป็นผู้ช่วย อาชาหันไปแหย่ขวัญข้าว
“เจ๊ขวัญ วันนี้ขาวผ่องเลย กินอะไรเข้าไปถึงสวยขนาดนี้”
“กินกับผัวไง”
ทั้งหมดหัวเราะ จวงใจเหล่มองมาทางรุ้งระวี
“ดีนะที่ยังมีผัว ไม่กำพร้าผัวเหมือนบางคน”
อาชารีบเสริม
“นอกจากกำพร้าผัวแล้ว ยังกำพร้าแม่ด้วย”
ขวัญข้าเบ้หน้า
“แต่แม่ปลอมมีเยอะเลยนะ มารุมทึ้งเหมือนแร้งกินซากเลย”
ทั้งหมดหัวเราะอีก รุ้งระวีพยายามไม่ใส่ใจ จี่หอยไม่พอใจพูดเสียงดัง
“อีพวกปลวก อย่าไปใส่ใจเลยรุ้ง”
จวงใจไม่พอใจ
“ว่าใครปลวก นังหอย”
“ก็ว่าไอ้พวกใช้ปากกัดไปเรื่อยเหมือนปลวกไง เดี๋ยวนี้ปลวกมันเยอะไม้มันถึงได้หมดป่า จะสูญพันธุ์กันหมดแล้ว” จี่หอยแดกดัน
ขวัญข้าวมองหยัน
“กลัวว่าจะเป็นพวกไม้ป่าเดียวกันน่ะซี้ ที่มันจะสูญพันธุ์ก่อนเพื่อน”
“ฮ่ะ ฮ่ะ ใช่เลยเจ๊ขวัญ อีพวกกะเทยนั่นแหละ ตายก่อน”
อาชาและขวัญหัวเราะร่า จุ๊บแจงขำหันแหย่อาชา
“พี่ม้าขา พี่ม้าก็กะเทยนะคะ อย่าลืมตัว”
อาชาหยุดหัวเราะทันที
“แจง ทีอย่างนี้แกหายโง่เลยนะ”
รุ้งระวีลุกขึ้นทันที
“ขอตัวก่อนนะคะพี่หอย”
รุ้งระวีสะบัดออกไปจวงใจเหยียดปาก
“อุ๊ย ผู้ดี ทนฟังไม่ได้ เลยขอหลบเข้าส้วม”
จี่หอยชักโกรธ
“พวกแกนี่สมเป็นปลวกจริงๆนะ วันหลังฉันจะซื้อกระดูกปลอม ทำจากไม้ฉำฉามาแจกให้พวกแกแทะ ดีไหม”
จวงใจงงๆ
“ตกลงแกว่าฉันเป็นปลวกหรือหมาวะเนี่ย”
“อะไรต่ำกว่าก็เป็นอย่างนั้นละ” จี่หอยสวนทันที

ที่ลานจอดรถมุมปลอดคน ทูนอินทร์จอดรถอยู่ใกล้ประตูบันไดหนีไฟ เขาใส่ชุดหมีแบบคนงาน ใส่หมวก และแว่นสีชาใช้บันไดปีนขึ้นไปที่กล้องวงจรปิด หนานและคูนอยู่ในชุดแบบเดียวกันใส่วิกและแว่นอำพรางใบหน้าทั้งคู่ทั้งสองช่วยจับบันไดที่ทูนอินทร์ปีนอยู่ ทูนอินทร์เอาผ้าดำไปปิดกล้องไว้แล้วไต่กลับลงมา หนานมองงงๆ
“นาย ทำอะไรน่ะครับ ให้เราแต่งตัวแบบนี้ทำไม ไหนว่าจะพาเรามาดูคอนเสิร์ตคุณรุ้งไงครับ”
คูนสงสัย
“ทำแบบนี้ เหมือนเรามาก่อวินาศกรรมนะครับ”
ทูนอินทร์ยิ้มบางๆพอใจ
“ไม่ผิดหรอก ปิดกล้องแล้ว ต่อไปนี้ทางสะดวก”
คูนหัวเราะแหะๆ
“นายอย่าเล่นซีครับ บอกได้รึยังนายจะทำอะไร”
“นายสองคนรออยู่ที่รถนี่”
ทูนอินทร์แยกจะเข้าประตูบันได หนานเรียกไว้
“เดี๋ยวครับนาย แล้วนายจะไปไหน”
“ไปก่อวินาศกรรมไง”
ทูนอินทร์เดินตรงไปยังบันไดหนีไฟทันที หนานส่ายหน้า
“เอ็งก็ช่างพูดนะ ก่อวินาศกรรม”

รุ้งระวีมานั่งพักสงบสติอารมณ์ลำพัง สาวหางเครื่องและทีมงานเดินผ่านไปมา อิทธิเห็นเข้ารีบเข้ามาหา
“เป็นยังไงรุ้ง”
“เมื่อไหร่ฉันจะได้ออกคอนเสิร์ต โดยไม่มีพวกบ้าบอพวกนี้เสียที เบื่อมาก”
“แล้วจะจัดให้ คอนเสิร์ตรุ้งคนเดียวเดี่ยวๆ เพราะตอนนี้ใครๆก็อยากมาดูรุ้งทั้งนั้น นี่..ข่าวดี ต้มยำลำเพลิน ขึ้นอันดับห้าของมิวสิคบ็อกซแล้วนะ”
รุ้งระวีไม่ได้ยินดีด้วย
“ไม่ดีใจเหรอครับ”
“เมื่อไหร่คุณจะบอกฉันสักทีคะ ว่าใครเป็นคนแต่งเพลงนี้”
“เขาไม่เปิดเผยตัว”
“แต่คุณก็ต้องรู้ว่าเป็นใคร”
อิทธิชะงักไปนิดก่อนจะโกหก
“เอาอย่างนี้ เขาเป็นนักแต่งเพลงมือหนึ่งของเสี่ยดำรง ผมขอเขามาแต่งเพลงให้อย่างลับๆ บอกให้ใครรู้ไม่ได้หรอก เพราะเขาเซ็นสัญญากับเสี่ย”
“จริงนะคะ”
“ผมจะโกหกรุ้งไปทำไม”
รุ้งระวีนิ่งไปไม่รู้จะคาดคั้นยังไงต่อ จี่หอยออกมาพอดี
“รุ้ง มาแต่งตัวต่อเถอะ ยังไม่เสร็จเลย”
“ค่ะ”
“อย่าคิดมากนะรุ้ง แล้วออกไปโชว์ให้เต็มที่ ผมว่าวันนี้ พรุ่งนี้ เพลงของเราติดอันดับหนึ่งแน่ๆ”
อิทธิแยกไป จี่หอยดันตัวรุ้งระวีเบาๆ
“ไปรุ้ง”
“เดี๋ยวค่ะพี่หอย มาเล่นคอนเสิร์ตที่นี่ พอจบงานแล้วรุ้งอยากไปสระบุรีต่อ รุ้งอยากไปหาคุณทูน”
“ก็ได้ แต่ยังไงก็ต้องขออนุญาตคุณ อิทธิเขาก่อนนะ”
รุ้งระวีพยักหน้าอย่างเบื่อๆ กลับเข้าห้องแต่งตัว ทูนอินทร์แอบมองอยู่ในมุมมืดตาวาวโรจน์
อาชาและขวัญร้องเพลงด้วยกันบนเวที คนดูชอบใจเพราะทั้งสองโชว์มุขไปด้วย จุ๊บแจงและจวงใจยังอยู่ในห้องแต่งตัว รุ้งระวีแต่งตัวอยู่มุมเดิมมีจี่หอยกับมะปรางช่วยอยู่ รุ้งระวีได้แต่ถอนใจ
“พี่รุ้งเป็นอะไร ถอนใจหลายครั้งแล้วนะ” มะปรางสงสัย
“คอนเสิร์ตนี้ บอกตามตรงไม่อยากเล่นเลย เบื่อมาก”
จี่หอยมองอย่างเข้าใจ
“เอาน่า เดี๋ยวเดียวก็เสร็จแล้ว”
“ถ้าเลิกเล่นได้ รุ้งจะดีใจมากเลย อยากจะหนีไปไกลๆ”
จุ๊บแจงและจวงใจได้ยินมองหน้ากันยิ้มๆ
“สาธุ ขอให้มันจริงเถอะ ขอให้มันหนีไปไกลๆเลย ไปอยู่ดอยไหนก็ได้เลิกๆร้องไปเสียที นักร้องคนอื่นเขาจะได้แจ้งเกิดบ้าง” จวงใจยกมือพนมท่วมหัว
“ค่ะ ไอ้ที่แย่งเราไป เราจะได้กลับคืนมาเสียทีนะคะ”
จวงใจงงๆ
“อะไรเหรอแจง”
“ผัวค่ะ”
สองสาวหัวเราะระริก รุ้งระวีหมดอารมณ์ลงทุกที ฝ่ายเวทีเข้ามาเตือน
“น้องแจงคะ ขอพร้อมค่ะ ถึงคิวแล้วค่ะ”
จวงใจโวยวายใส่
“รู้แล้ว รู้แล้ว ไม่ต้องเตือนมากหรอก ออกคอนเสิร์ตมาจนหัวจะหงอกแล้ว ไป แจง”
ฝ่ายเวทีทำหน้าเบื่อๆแล้วหันไปหารุ้งระวี
“น้องรุ้งคะ เป็นลำดับต่อไปนะคะ”
จี่หอยยิ้มรับ
“รับทราบค่ะ”
ฝ่ายเวทีออกไป ตามด้วยจวงใจและจุ๊บแจง

ทูนอินทร์ดึงหมวกมาปิดหน้าก้มหน้าก้มตาทำบางอย่างมุมห้อง จวงใจกับจุ๊บแจงผ่านไป
ไม่ได้สังเกต ทูนอินทร์มองเข้าไปในห้องแต่งตัว เห็นรุ้งระวีทรงเครื่องสวยงาม มีจี่หอยและมะปรางสำรวจความเรียบร้อย เขามองเธออย่างชิงชังตวัดมีดเล็กออกมาจากมือเตรียมเชือด
บนเวที อาชาและขวัญข้าวแนะนำจุ๊บแจง
“และตอนนี้ถึงเวลาของน้องสาวสุดท้องของค่ายเราจุ๊บแจง แตงร่มใบครับ”
จุ๊บแจงออกมาร้องเพลง โดยอาชาและขวัญร่วมเป็นหางเครื่องเต้นอย่างเมามัน จี่หอยและมะปรางพารุ้งระวีออกมาจากห้อง ทูนอินทร์หลบอยู่มุมหนึ่ง
“เดี๋ยวค่ะพี่หอย รุ้งลืมต่างหู”
“ปรางหยิบให้ค่ะ”
“ไม่เป็นไร พี่หยิบเอง”
จี่หอยพยักหน้า
“งั้นตามไปนะ”
“ค่ะ”
มะปรางและจี่หอยแยกไป รุ้งระวีกลับเข้ามาในห้องแต่งตัว ทูนอินทร์มองตามไปเห็นเธอเดินมาที่หน้ากระจก แล้วติดต่างหูทั้งสองข้าง ขณะเดียวกันนั้นเธอรู้สึกว่ามีใครเข้ามาในห้อง เธอมองภาพสะท้อนจากกระจกเห็นทูนอินทร์เข้ามา โดยมีหมวกปิดหน้าทำให้เห็นไม่ชัดว่าใคร
“มีอะไรคะ”
ทูนอินทร์ปราดประชิดตัวทันที พร้อมมีดเล็กในมือ รุ้งระวีตกใจ
“คุณทูน”
“ใช่...ฉันเอง อย่าร้องนะ”
“คุณจะทำอะไร”
“เดี๋ยวเธอก็รู้เอง ไปกับฉันเดี๋ยวนี้”
“ไปไหน”
“บอกแล้วไงเดี๋ยวรู้เอง”
“ฉันต้องเล่นคอนเสิร์ตนะ”
“ลืมเรื่องนั้นไปได้เลย”
ทูนอินทร์ดึงรุ้งระวีไปที่ประตู มองซ้าย ขวา เห็นปลอดคนก็พาเธอออกไปที่บันไดหนีไฟอย่างทุลักทุเล เพราะทั้งชุด ทั้งส้นสูง
“อย่าเร็วได้ไหม ฉันตามไม่ทัน ทั้งชุด ทั้งส้นสูง”
“งั้นถอดให้หมด”
รุ้งระวีหน้าตื่น
“บ้าเหรอ”
“บอกให้ถอด”
รุ้งระวีดึงเสื้อตัวนอกออกอย่างลำบาก
“เร็วๆ”
“ถ้าอยากเร็ว ก็ต้องช่วยฉันถอด”
ทูนอินทร์กระชากชุดหลุดไปทันที รุ้งระวีตกใจร้องว้ายออกมาแล้วรีบปิดเนินหน้าอกเพราะชุดที่เหลือกลายเป็นชุดเกาะอก ทูนอินทร์มองตะลึงไป แล้วรีบเบือนหน้าไปทางอื่น
“โป๊รึเปล่า ถ้าโป๊ก็เอาผ้าปิดซะ”
“ไม่โป๊ อยากมองก็มองไปเถอะ”
ทูนอินทร์หันมามองอีกครั้ง รุ้งระวีไม่ปิดแล้วแถมเท้าสะเอวใส่ ทูนอินทร์กลับเขินแทนแต่ยังรักษามาดเข้ม
“งั้นไป”
เขาดึงเธอลงบันไดไป โดยไม่มองหน้า ทูนอินทร์พารุ้งระวีมาที่ประตูทางออกลานจอดรถ ชะโงกออกมามอง ผิวปากเรียกหนานและคูนที่รออยู่ ทั้งสองรีบขับรถมาเทียบตรงหน้าประตู หนานชะโงกหน้ามาถาม
“ว่าไงครับนาย จะดูคอนเสิร์ตกันรึยัง”
“ไม่ต้องขึ้นไปดูหรอก ฉันพามาให้ดูถึงที่แล้ว”
ทูนอินทร์ดึงร่างรุ้งระวีออกมา หนานกับ คูนตะลึง
“คุณรุ้ง”
รุ้งระวีมองสองคนงงๆ
“พี่หนาน พี่คูน มันเรื่องอะไรกัน”
หนานส่ายหน้า
“พวกผมเองก็ไม่รู้เรื่องครับ”
“ขึ้นรถไป” ทูนอินทร์สั่งเสียงแข็ง
“จะพาฉันไปไหน”
“ไม่ต้องถามขึ้นรถไป”
เขาดันร่างเธอขึ้นรถแล้วสั่งหนาน
“รีบไปซีวะ”
“ครับ ครับ”

รถแล่นออกจากลานทันที รุ้งระวีมองทูนอย่างไม่เข้าใจ ทูนอินทร์ทำหน้าเหี้ยมใส่
บนเวที จุ๊บแจงร้องเต้นร่วมกับอาชาและขวัญจบเพลงพอดี คนดูปรบมือสนั่น เข้ามารุมให้พวงมาลัยกัน ขวัญข้าวยิ้มแย้มก่อนจะประกาศ
“ขอบคุณค่ะพ่อแม่พี่น้อง ต่อไปนี้ขอเชิญรับชมรับฟังหวานใจของคนไทยนะ สาวลูกครึ่ง รุ้งระวี ศรีแอลเอ ค่ะ”
คนดูกรี๊ดสนั่น แต่รุ้งระวีไม่ได้ออกมา ทั้งสามเลิ่กลั่กมองหน้ากัน จี่หอยกับมะปรางและสาวหางเครื่องสามสี่นาง มองหารุ้งระวีจ้าละหวั่น จวงใจยิ้มชอบใจ จี่หอยหันไปถามหางเครื่อง
“อยู่ไหน รุ้งอยู่ไหน”
“ไม่ทราบค่ะ ยังไม่เห็นออกมาจากห้องแต่งตัวเลยนี่คะ”
“ลมชัก”
“หนูไปดูเองค่ะ”
มะปรางรีบวิ่งไปที่ห้องแต่งตัว จวงใจหัวเราะไล่หลัง อาชา จุ๊บแจง ขวัญข้าวหน้าเสียไปเพราะรุ้งระวีไม่ออกมา
“มันทำอะไรของมันอยู่ อีลูกครึ่ง งั้นประกาศอีกที” อาชาหงุดหงิด
จุ๊บแจงประกาศ
“ขอเชิญ รับชม รับฟัง ต้มยำลำเพลินกับสาวแอลเอ หัวใจคนไทยรุ้งระวี ศรีแอลเอ ค่ะ”
เพลงขึ้นทันที คนปรบมืออีกครั้ง แต่รุ้งระวีก็ยังไม่ปรากฏตัวคนซาเสียงลง ขวัญข้าวรีบแก้สถานการณ์
“สงสัยน้องรุ้งจะปวดเบาน่ะค่ะ บังเอิญชุดอลังการมาก ถอดเข้าถอดออกลำบากค่ะ จะถ่ายทีต้องเสียเวลาหน่อย”
อาชารีบเสริม
“ใช่ครับ ชุดของเราอลังการมาก อย่างผมเองเวลาเข้าห้องน้ำ กว่าจะถ่ายทุกข์ได้ ถอดปราการตั้งสามสี่ด่าน”
ขวัญข้าวมองอาชาขำๆ
“ด่านสุดท้าย น้องม้าแก้แต๊ปใช่ไหมคะ”
อาชาสะดุ้ง หุบขาทันที แต่ยังเก็กแมนอยู่
“แต๊ป...ไม่เข้าใจครับ อะไร”
“งั้นโง่ต่อไปละกันนะคะ” ขวัญข้าวกระซิบ “อีม้า เอาไงดี”
อาชากระซิบตอบ
“ขอเวลานอก”
ขวัญข้าวรีบพูดใส่ไมค์
“ท่านผู้ชมขา ขอเวลานอก เดี๋ยวนะคะ” ขวัญข้าวหันมากระซิบกับจุ๊บแจง “แจง แกร้องขัดตาทัพไปก่อน”
จุ๊บแจงเซ็งเลย
“อีกแล้ว หนูทุกทีเลย”
ขวัญข้าวและอาชาเข้าข้างเวที จุ๊บแจงร้องเพลงเก่งของตัวเอง คนดูไม่สนุกด้วยเพราะต้องการดูรุ้งระวี
“เอ้า ปรบมือเป็นแรงใจให้น้องจุ๊บแจงหน่อยซีค้า”
ไม่มีใครปรบมือ คนดูเริ่มบ่น จุ๊บแจงหน้าเจื่อนไป

อาชาและขวัญข้าว เข้ามาเอะอะลั่นใส่จี่หอย จวงใจและกลุ่มหางเครื่องส่งเสียงแซ่ด
“นังลูกครึ่งมันไปหมกหัวอยู่ที่ไหน ฉันเสียหน้านะนังหอย” อาชาวีนแตก
ขวัญข้าวโวยวาย
“ใช่ ประกาศออกไปแล้ว ไม่โผล่ออกมาเสียที คุยมือถือกับผัวอยู่ใช่ไหม”
จวงใจไม่พอใจมาก
“น้องแจงร้องจนเสียงแหบแล้วนะนังหอย”
ทั้งสามตะเบ็งใส่ จี่หอยหน้ามึน แล้วร้องลั่น
“กรี๊ด”
ทุกคนเงียบตกใจ จี่หอยปากคอสั่น
“กูไม่รู้ว่ารุ้งมันอยู่ไหน พวกมึงเข้าใจไหม”
ทั้งสามไม่กล้าต่อความ มะปรางวิ่งเข้ามา
“พี่คะ พี่รุ้งไม่อยู่ในห้องแต่งตัวค่ะ ห้องน้ำก็ไม่มี หาจนทั่วแล้ว”
“ลมชัก”
จี่หอยเซไปนั่ง อิทธิวิ่งเข้ามา
“เกิดอะไรขึ้น”
“นังรุ้งของคุณน่ะซีคะ หายหัวไปไหนไม่รู้” ขวัญข้าวบอก
อิทธิหน้าเสียแล้วรีบสั่ง
“แก้สถานการณ์บนเวทีไปก่อน สาวๆออกไปเต้นโชว์ ถ้ารุ้งยังไม่มาทุกคนออก ไปเวียนร้องกันอีกรอบ”
อิทธิกับจี่หอย วิ่งออกไป มะปรางไปเตรียมจัดขบวนสาวหางเครื่อง อาชาหน้าเหวอ
“หา นี่ฉันต้องออกไปร้องอีกรอบเหรอ แทบไม่มีเสียงออกจากปากแล้ว ถ้าจะมีต้องออกมาจากทวารล่างแล้วล่ะ”
ขวัญข้าวทำหน้าเบื่อหน่าย
“นังนี่ป่วนแบบนี้ ถ้าไม่เรื่องผัวก็ต้องเรื่องแม่มัน”
จวงใจนึกได้
“พวกแกไม่รู้อะไร มันหนีไปแล้วโว้ย”
อาชากับขวัญข้าวตกใจ
“หา หนี”
“เออ ได้ยินมันบ่นเมื่อกี้ มันไม่อยากร้อง มันอยากหนีไปไกลๆ คงคิดถึงผัวนั่นแหละ”
ขวัญข้าวยิ้มพอใจ
“ข่าวดี ขอให้ไปอย่ากลับมาเลยนะ”
อาชายิ้มกว้าง
“ข่าวประเสริฐแท้ๆเลย จรรโลงมาก”
ทั้งสามปะทะฝ่ามือกันหัวเราะร่า
 
อ่านต่อหน้า 3






ต้มยำลำซิ่ง   ตอนที่ 18 (ต่อ)
 
อาชา จุ๊บแจง ขวัญข้าว วิ่งกลับเข้ามาพร้อมกลุ่มหางเครื่อง อิทธิ จี่หอย มะปราง จวงใจ รออยู่แล้ว อาชาดึงเศษบะหมี่ออกจากหัว

“ตายแล้ว มันต้มบะหมี่กินกลางคอนเสิร์ตด้วยเหรอเนี่ย”
ขวัญข้าวหน้าตื่นกลัว
“คุณอิทเราไม่ออกไปแล้วนะคะ มีหวังตายคาคอนเสิร์ต”
จุ๊บแจงเข้ามากอดอิทธิ
“ช่วยแจงด้วย แจงโดนด่าหยาบๆ ตลอดเลย ฮือๆ”
จวงใจหันไปถาม
“จะเอายังไงคุณอิท”
อิทธิหน้าเครียด
“ทำอะไรไม่ได้ ติดต่อรุ้งก็ไม่ได้ งั้นก็ยกเลิกคอนเสิร์ตไป”
ทุกคนตกใจร้องขึ้นพร้อมกัน
“ยกเลิกคอนเสิร์ต”
จี่หอยกังวล
“แล้วจะบอกคนดูว่ารุ้งหายไปเพราะอะไรคะ”
อิทธินิ่งเครียด
“รุ้งป่วยหนัก ออกมาเล่นคอนเสิร์ตไม่ได้ คอนเสิร์ตยกเลิก ส่วนเงินจะคืนคนดู หลังจากเคลียร์ทุกอย่างแล้วไม่เกินเจ็ดวัน”
จวงใจหนักใจ
“คนดูจะยอมเหรอคะคุณอิท”
อิทธิโมโหตวาดลั่น
“ฉันทำดีที่สุดแล้ว คืนเงินให้แล้วจะว่ายังไงอีก ตอนนี้มีแต่เจ๊งกับเจ๊ง โอ๊ย มีแต่เรื่อง ปวดหัวโว้ย”
อิทธิแยกไป ทุกคนมองหน้ากัน ไม่มีใครกล้าพูดอะไร จุ๊บแจงยกมือขึ้นท่ามกลางความเงียบ
“ถามหน่อยค่ะ แล้วคืนนี้เราจะได้เงินไหมคะ”
ทุกคนหน้าเจื่อนไป ไม่มีใครกล้าตอบแล้วทำท่าจะร้องไห้กันทั้งทีม

รุ้งระวีนั่งมองทูนอินทร์ อย่างประเมินสถานการณ์
“จะซักฟอกฉัน ก็นัดหมายกันก็ได้นี่ ทำไมต้องลักพาตัวฉันมาอย่างนี้ ไม่นึกถึงหัวอกแฟนเพลงบ้างรึไง เขาเสียเงินซื้อตั๋วมาดูฉันนะ”
“สมน้ำหน้าไอ้อิทธิมันแล้ว ฉันกะจะเล่นมันให้เจ๊งแบบนี้แหละ อีกอย่างฉันสงสารแฟนเพลง”
รุ้งระวีแปลกใจ
“สงสารทำไม”
“สงสารที่ต้องมาทนดูเธอร้องเพลง ที่เธอขโมยคนอื่นเขามา”
รุ้งระวียิ่งไม่เข้าใจ
“นี่แหละที่ต้องเคลียร์ เพลงอะไรที่ฉันขโมยมา แล้วขโมยมาจากใคร”
ทูนอินทร์กระชากร่างของเธอ เข้ามาอย่างแรง
“อย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่อง เพลง ต้มยำลำเพลิน ที่เธอร้องจนฮิตติดอันดับน่ะ เธอคิดว่ามันเป็นของใคร”
“ฉันไม่รู้ คุณ อิทธิบอกว่าคนแต่งไม่เปิดเผยชื่อ เป็นคนสังกัดเสี่ยดำรง”
ทูนอินทร์โมโห
“มันว่าอะไรก็เชื่อ เป็นนางเอกที่หูเบามากเลยนะเธอ บอกให้ก็ได้ มันคือเพลงของฉัน ทั้งเนื้อร้องและ ทำนอง เธอขโมยมันไปอย่างหน้าด้านๆ”
รุ้งระวีตกใจหน้าเสีย
“คุณทูน ฉันไม่รู้เรื่องด้วยจริงๆนะ”
ทูนอิทร์กระชับร่างเธอแน่นขึ้นไปอีก หนานและคูนมองหน้ากันอย่างหวั่นใจ
“อย่ามาโกหก แล้วไม่ต้องโยนความผิดไปให้ไอ้ อิทธิมันด้วยเพราะเธอนั่นแหละคือคนขโมย”
“นี่ปล่อยฉันนะ อย่ามากล่าวหากันชุ่ยๆแบบนี้ ปล่อยฉัน”
รุ้งระวีพยายามดิ้นรน
“ยังจะฤทธิ์เยอะ”
รุ้งระวีตะโกนสั่งหนาน
“พี่หนาน หยุดรถเดี๋ยว”
ทูนอินทร์ไม่ยอม
“ไอ้หนานอย่าหยุดนะโว้ย ไม่งั้นจะบีบคอนังนี่ให้ตายคามือเลย”
“นึกว่ากลัวเหรอ พี่หนานหยุดรถ”
รุ้งระวีสู้สุดชีวิต ทั้งตบหน้าทั้งผลัก หนานและคูนตกใจ คูนรีบห้าม
“พอเถอะครับ อย่าตีกันเลย”
หนาน ถามขึ้นอย่างไม่สบายใจ
“นายทูน เอาไง”
รุ้งระวีข่วน ทูนอินทร์ร้องลั่น
“โอ๊ย!”
“ฉันบอกให้หยุดรถไง” แล้วรุ้งระวีก็ร้องลั่น “กรี๊ด”
หนานกับคูนตกใจแหกปากร้องตาม หนานเหยียบเบรกทั้งสี่หน้าคะมำไป

หนานเบรกรถเสียงลั่นรถเข้าจอดที่ไหล่ทาง รุ้งระวีผลักประตูรถวิ่งออกมา ทูนอินทร์วิ่งตามกระชากไว้แล้วชกที่ท้อง รุ้งระวีจุกทรุดไป
“อย่านึกว่าฉันจะสงสารนะ”
ทูนอินทร์อุ้มมาวางที่กระโปรงหน้ารถ หนานพยายามห้าม
“นายครับ นี่มันลักพาตัวนะครับ ปล่อยคุณรุ้งเถอะครับ”
คูนหน้าเครียด
“ใช่ครับนาย ถ้าไม่ปล่อย อนาคตพวกเราอยู่มุ้งสายบัวแน่”
ทั้งสองงงไป เมื่อทูนอินทร์หยิบกล่องจากในรถ ออกมาเปิดออกหยิบผ้าขนหนู และหยิบขวดน้ำยา เทน้ำยากลิ่นฉุนลงบนผ้าขนหนู หนานตะลึง
“นายครับ จะทำอะไร”
ทูนอินทร์เดินมาหารุ้งระวี ที่พยายามยันร่างลุกจากกระโปรงรถ เขาดึงร่างเธอมาจ้องหน้า แสยะยิ้ม
“ฝันดีนะที่รัก”
ขาดคำเขาก็โปะผ้าขนหนูเข้าเต็มหน้าของเธอ คูนร้องห้าม
“นายอย่า”
รุ้งระวีพยายามดิ้นรน แต่แล้วก็อ่อนแรงลง หมดสติในที่สุดซบหน้ากับไหล่ของเขา ทูนอินทร์กระชับร่างไว้แน่น แสยะยิ้ม ก่อนจะรวบร่างไว้แล้วอุ้มพาขึ้นรถ หนานอึ้งไป
“นายครับ ทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ”
“ไม่ต้องห่วงน่า พากลับไปบ้านเรา เรื่องทั้งหมดฉันรับผิดชอบเอง”
หนานและคูนมองหน้ากัน ทูนอินทร์กลับขึ้นรถ หนานและคูนขึ้นตาม หนานขับรถออกไป ทูนอินทร์มองหน้ารุ้งระวีที่หมดสติด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม

บรรดานักข่าวรุมสัมภาษณ์กลุ่มจุ๊บแจง กลางงานคอนเสิร์ตที่คนดูกำลังทยอยออก จี่หอยให้สัมภาษณ์อยู่อีกมุม
“รุ้งไม่สบายมากค่ะ”
“เป็นอะไรครับ”
“อาหารเป็นพิษค่ะน้อง”
กลุ่มอาชายิ้มกันอย่างนัดกันไว้ หันมาให้สัมภาษณ์นักข่าวอีกกลุ่ม
“ทานอะไรเข้าไปครับ อาหารเป็นพิษ” นักข่าวถาม
ขวัญข้าวลอยหน้าลอยตาตอบ
“อ๋อ น้องรุ้งทานเยอะค่ะ ชอบทานมากเลยของเปรี้ยว ของดอง ของแสลงทั้งนั้น”
“เตือนแล้วนะว่าอย่าทาน มันไม่ดีกับ ” จวงใจรีบห้ามนักข่าว “น้อง อย่าถ่ายรูป อย่าบันทึกเสียงนะ ปิดให้หมด”
“ได้ครับ /ค่ะ”
นักข่าวทำการปิดเครื่องมือ จวงใจยิ้มพอใจแล้วกำชับนักข่าว
“ต้องไม่ให้เรื่องมาถึงพวกพี่นะ”
“ได้ครับ/ ค่ะ”
“ตกลงไม่ดีกับอะไรครับ” นักข่าวถามอย่างสงสัย
จุ๊บแจงรีบตอบ
“เด็กในท้องน่ะซีคะ”
นักข่าวมองหน้ากัน
“ท้องกับใครครับ”
“แจงไม่รู้ เพราะตอนนี้ที่เขาจีบๆอยู่ มีตั้งสามสี่คน”
นักข่าวตกใจ
“หา สามสี่คน นายทูนอินทร์ด้วยใช่ไหมคะ”
ขวัญข้าวได้ทีรีบใส่ความ
“นายทูนน่ะเลิกไปแล้ว ตอนนี้มาสนิทกับไอ้หนุ่มคนรถ ไอ้เบิร์ดคนตอกฉาก แม้แต่ไอ้แจ็คช่างไฟก็ไม่เว้น”
“อุ๊ย ทำไมมีแต่พวกใช้แรงงานละคะพี่”
อาชาเข้ามาเสริม
“อ้าว ไม่รู้เหรอ รสนิยมสาวฝรั่งน่ะ เขาชอบแนวเตี้ยล่ำดำสิว เปื้อนดินเปื้อนโคลน บ้านเท่าไหร่ยิ่งชอบเท่านั้น”
ขวัญข้าวเมาท์ต่อ
“ประเภท ขาว ใส วัยทีน เกาหลี ญี่ปุ่น เธอไม่แลเลยนะคะน้อง”
จี่หอยเดินผ่านมาพอดี ทุกคนเงียบเสียง
“ลงข่าวตามนี้นะคะคุณน้อง รุ้งอาหารเป็นพิษ”
นักข่าวพูดพร้อมกัน
“ได้ครับ /ค่ะ...พี่หอย”
จี่หอยยิ้มโล่งใจแยกไป นักข่าวหันมารุมถามทั้งสี่ต่อ
“ตอนนี้ท้องกี่เดือนแล้วครับ”
ขวัญข้าวนึกนิดนึง
“พี่ว่าห้าเดือนแล้ว ถึงต้องหนีไงคงหลบไปทำแท้งนั่นแหละ”
อาชาพูดเสริมต่อ
“ถ้ากลับมาแล้วท้องแฟบ ชัวร์แน่นอนครับ ทำแท้ง”
นักข่าวยิ่งถามยิกๆ ทั้งสี่เมาท์กระจาย

แสงหล้าและส้มป่อย เดินหาวหวอดตามหนานและคูน ออกมาจากเรือนพัก
“น้า ปลุกหนูขึ้นมาทำไม หนูง่วงจะแย่แล้ว” ส้มป่อยบ่น
“มีเรื่องสำคัญให้ช่วย เรื่องคอขาดบาดตายเลยนะ” หนานพูดน้ำเสียงจริงจัง
แสงหล้าและส้มป่อยตามหนานกับคูนออกมาหน้าร้าน เห็นทูนอินทร์ยืนหน้าเครียดอยู่ข้างรถ แสงหล้ามองอย่างแปลกใจ
“มีอะไรคะคุณทูน”
“ป้า ส้ม ขึ้นรถไปกับผม”
“ไปไหนคะ”
“จะพาแม่นั่นไปที่กระท่อม”
แสงหล้าและส้มป่อยมองเข้าไปในรถ ส้มป่อยสะดุ้ง
“ว้าย! พี่รุ้ง”
แสงหล้าสะดุ้งอีกคนรีบหลบหน้า แต่เมื่อเห็นว่ารุ้งระวีหลับสนิท ก็มองอย่างแปลกใจ ส้มป่อยหันไปถามอย่างสงสัย
“พี่รุ้งมาอยู่กับเราเหรอคะนาย”
“ใช่ แล้วห้ามพูดไปนะ เป็นความลับ”
ส้มป่อยงงๆไม่เข้าใจ
“ทำไมต้องเป็นความลับด้วยละคะ”
“ไม่ต้องถามมาก ป้ากับส้มย้ายไปอยู่ที่ไร่เลย จะได้ดูแลแม่นี่เรื่องเสื้อผ้าอาหาร แล้วห้ามบอกใครเรื่องแม่นี่เด็ดขาด”
แสงหล้าเป็นกังวล
“คุณจะทำอะไรคุณรุ้งคะ”
“ป้าทำตามที่ผมบอก ไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น เอ้า ขึ้นรถได้แล้ว”
ทูนอินทร์ขึ้นรถไปนั่งด้านหน้า หนานและทูนรีบบุ้ยใบ้ให้ส้มและแสงขึ้นนั่งข้างรุ้งระวี หนานประจำที่คนขับ คูนไปนั่งตอนหลัง รถเคลื่อนออก แสงหล้านั่งข้างรุ้งระวีที่ยังหลับสนิท ส้มนั่งประกบอีกด้านเอามือมาอังที่จมูก
“ไม่ฟื้นเลยป้า ตายป่าวไม่รู้”
“ส้มนี่ แค่หลับน่ะ”
แสงหล้ามองหน้ารุ้งระวีอย่างดีใจ เพราะเป็นครั้งแรกที่ใกล้ชิดลูกสาวแบบนี้ เธออดใจไม่ไหวดึงลูกสาวมานอนพิงไหล่ตัวเองแล้วกอดไว้หน้าเปี่ยมสุข ลูบไรผมที่หน้าของลูกสาว ส้มป่อยอมยิ้ม ทูนอินทร์เหลือบมามอง แต่ไม่ได้ติดใจอะไร

หนานและคูนเดินนำเข้ามาในกระท่อม ทูนอินทร์อุ้มรุ้งระวีมาวางลงนอนที่โซฟายาว แสงหล้าและส้มป่อยตามเข้ามา ส้มป่อยกับหนานเข้าไปเตรียมที่นอนให้ แสงหล้าหันมากระซิบถามคูน
“ตกลงคุณทูนลักพาตัวคุณรุ้งมาเหรอ คุณรุ้งหลับไม่ได้สติเลย”
“อย่าพูดไปนะป้า ตอนนี้ขาฉันข้างนึงเข้าไปอยู่ในตารางแล้ว”
“แล้วคุณทูนจะทำอะไรคุณรุ้ง”
“บอกว่าจะซักฟอกความจริง เรื่องที่คุณรุ้งขโมยเพลง”
แสงหล้าเข้าใจ ทูนอินทร์เดินตรงมาหา
“ต่อไปนี้ ป้ากับส้มดูแลแม่นี่ ทั้งเรื่องอาหารการกิน เสื้อผ้า ขาดเหลืออะไรก็มาเบิกฉันได้”
“คุณจะให้ป้าเฝ้าอยู่ที่นี่เลยเหรอคะ”
“ใช่ ทำได้ไหม”
“ได้ค่ะ”
ทูนอินทร์ออกจากกระท่อม คูนหันมาบอก
“ดูแลด้วยนะป้า ถ้าเข้าคุกก็เข้าด้วยกันหมดนี่แหละ”
แสงหล้าหน้าเหวอ
“อ้าว”
ส้มป่อยตกใจ
“หนูด้วยเหรอน้า”
หนานจ้องหน้า
“เอ็งด้วย เอ็งเข้าคุกเยาวชน”
หนานกับคูนเดินออกไป ส้มป่อยยิ้มออกมา
“ไม่กลัวสักกะนิด ฮิฮิ ป้า หนูดีใจที่สุดเลย เราได้ดูแลใกล้ชิดพี่รุ้ง หนูจะนอน อยู่กับพี่รุ้งที่นี่แหละให้สมกับเป็นแฟนคลับ”
แสงหล้าเห็นดีด้วย
“ดีแล้วส้ม อยู่ดูแลพี่เขานะ เพราะป้าคงนอนที่บ้าน ข้าวของเสื้อผ้าอาหารป้าจะเตรียมไว้ให้”
“จ๊ะ”
แสงหล้ามองลูกสาวที่หลับพริ้มอย่างเอ็นดู

วันรุ่งขึ้น รุ้งระวีนอนอยู่บนพรมกลางห้อง อยู่ในชุดนอนอ่อนใสบางเบา เธอค่อยๆลืมตาขึ้น มองไปรอบ ๆห้องอย่างงุนงง พอรู้แล้วว่าคือกระท่อมของทูนอินทร์ ก็ลุกขึ้นเดินไปที่ประตูจะเปิดออก แต่ประตูล็อก รุ้งระวีเดินมาที่หน้าต่าง พบว่าเป็นเหล็กดัด
“มีใครอยู่ไหม มีใครอยู่ข้างนอกบ้าง ช่วยเปิดประตูที”
ไม่มีเสียงตอบ รุ้งระวีโมโห
“บ้าเอ๊ย เอาฉันมาขังไว้ที่นี่ทำบ้าอะไร”
รุ้งระวีเดินไปที่ประตูแล้วทุบอย่างแรง
“นายทูน เปิดประตูนะ ฉันจะออกไป ถ้าไม่เปิดฉันจะกรี๊ดให้ลั่นเลย”
ไม่มีเสียงตอบรับ รุ้งระวีสูดลมหายใจเต็มปอด แล้วกรี๊ดออกมาลั่น ทูนอินทร์จอดรถที่ลานหน้ากระท่อม เขากำลังเตรียมอาหารที่เอามาจากบ้าน ได้ยินเสียงกรี๊ดลั่นดังมาจากในกระท่อม ทูนอินทร์หัวเราะหยัน ๆ
“ร้องเข้าไป แหกปากเข้าไป”
ทูนอินทร์จัดอาหารไปอย่างไม่ใส่ใจ รุ้งระวียังกรี๊ดไม่เลิก แล้วไอออกมา
“โอยเจ็บคอ ลืมไป กระท่อมนี่มันอยู่ในป่าลึก ร้องไปก็ไม่มีใครได้ยิน โอย แล้วจะเอายังไงดี”
รุ้งระวีหน้าเศร้า ทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาทันใดนั้น ประตูห้องเปิดออก ทูนอินทร์ยกถาดอาหารเข้ามาหน้าตาเหี้ยม เธอลุกขึ้นทันที
“หยุดแหกปากแล้วนะ ฉันเอาอาหารเช้ามาให้”
ทูนอินทร์วางถาด รุ้งระวีจะวิ่งออกประตูแต่เขากระโดดเข้าขวางแล้วสวิงประตูปิด รุ้งระวีปะทะเข้ากับร่างของเขาพอดี ทูนอินทร์ยิ้มยั่วเอามือรวบเอวเธอไว้แนบกับร่างของเขา
“อย่าหวังว่าจะหนี”
รุ้งระวีผลักออกมา
“จับฉันมาขังไว้ทำไม”
“ฉันจะจัดการถอดเธอทีละชิ้น ทีละชิ้น เหมือนปอกหัวหอม เอาให้ล่อนจ้อนทั้งเนื้อทั้งตัวเลย”
รุ้งระวีกระชับเสื้อคลุม
“จะแก้ผ้าฉันเหรอ”
ทูนอินทร์จ้องหน้า
“เปล่า ฉันหมายถึงจะซักฟอกความจริงจากเธอ นี่ ไม่ต้องนึกไปเรื่องแก้ผ้าแก้ผ่อน เพราะฉันหมดความพิศวาสในตัวเธอไปนานแล้ว เอ้า มากินของเช้าเสีย”
“ไม่กิน ฉันจะไปจากที่นี่”
“ไม่กินก็ตามใจ งั้น ฉันกินเอง”
ทูนอินทร์เอาถาดอาหารมาวางที่โต๊ะ แล้วเริ่มกินขนมปังปิ้งกับเนยและแยม รุ้งระวีมองแล้วเบือนหน้าไปทางอื่น เพราะเอาเข้าใจจริงก็เริ่มหิว
“ถ้าไม่กิน ก็จะอดไปเลยนะ เพราะฉันเอามาให้กินอีกที ก็นู่น”
รุ้งระวีตกใจ
“พรุ่งนี้เหรอ”
“เปล่า ไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอก ค่ำๆ”
รุ้งระวีถอนใจ
“ก็ยังดี ยังใจดีแบบมนุษย์มนาเขาบ้าง”
ทูนอินทร์ยกถ้วยซุปขึ้นซด เสียงดัง รุ้งระวียังกอดอกทำหยิ่งแต่แอบชำเลืองมาเพราะหิว
“นายเปลี่ยนชุดให้ฉันเหรอ”
“ใช่”
รุ้งระวีหน้าตื่นก็เห็นฉันเปลือยแล้วซี
“ไม่เห็น”
“อ้อ ระหว่างเปลื้องผ้าฉันก็เบือนหน้าไปทางอื่น ทำเป็นสุภาพบุรุษ”
ทูนอินทร์ตวาด
“นี่ บอกแล้วไงว่าไม่พิศวาส ฉันให้ป้าแสงกับยายส้มมาจัดการให้เธอ”
“ใครป้าแสง”
“ไม่ต้องถาม”
ทูนอินทร์ตักอาหารกินต่อ รุ้งระวีมองๆ
“เหลือขนมปังกับเนยให้ฉันไว้หน่อยก็แล้วกัน”
ทูนอินทร์มองหน้านิ่ง รุ้งระวีมองถ้วยกาแฟ
“กาแฟด้วย”
“อ้อ หิวละซี ได้จะเก็บไว้ให้”
“ขอบใจที่ยังมีน้ำใจ”
แต่ทูนอินทร์กับคว้าขนมปังกลม กับเนยยัดเข้าปากตัวเองเคี้ยวกร้วมๆ แล้วยกกาแฟซดตาม รุ้งระวีหน้าเหวอ
“อ้าว ไหนว่าจะเก็บไว้ให้ฉันไง”
“ใช่ แต่เก็บไว้ในท้องฉัน พอฉันย่อยเสร็จแล้วฉันจะเก็บกากไว้ให้เธอ”
“ไอ้บ้า ทุเรศ”
รุ้งระวีโมโหปาหมอนกับข้าวของใส่ ทูนอินทร์หัวเราะแล้วออกจากห้องไป รุ้งระวีตามมาที่ประตู เขารีบล็อกไว้แน่นหนา
“ปล่อยฉันไปนะ ไหนว่าจะสอบสวนเรื่องทั้งหมดไง ฉันอธิบายให้นายฟังได้นะ นายทูน ปล่อยฉันไปเถอะนะคะ คุณทูน คุณทูน เรามาปรับความเข้าใจกันดีกว่านะ อย่าขังฉันแบบนี้เลย คุณทูนขา”
ทูนอินทร์มาที่รถเสียงรุ้งระวีที่อ้อนวอน ทำให้เขาใจอ่อนไปนิด ก่อนจะรีบขึ้นรถแล้วขับออกไปอย่างเร็ว รุ้งระวีได้ยินเสียงรถแล่นไปก็โมโห
“ไอ้บ้า นายทูนบ้า”
รุ้งระวีพิงประตูอย่างหมดหวัง ส้มป่อยแอบดูเหตุการณ์อยู่นอกกระท่อม พึมพำกับตนเอง
“อุ๊ย เหมือนในละครเลย พระเอกจับนางเอกมาขังไว้ให้อดข้าวอดน้ำ”
อิทธิโยนหนังสือพิมพ์หลายฉบับ ลงตรงหน้ากลุ่มจุ๊บแจง ขณะที่คำรณ คม เดช ยืนอยู่มุมห้อง
“ใคร ใครเป็นคนให้ข่าว” อิทธิตวาดถามอย่างโกรธมาก
จวงใจอ่านข่าวพาดหัว
“รุ้งระวีหนีคอนเสิร์ต ลือหึ่งท้องกับคนรถ”
ขวัญข้าวอ่านอีกฉบับหนึ่ง
“รุ้งระวี ดีแตก เบี้ยวคอนเสิร์ต หนีตามผัวช่างไฟ ท้องโย้สองเดือน”
จุ๊บแจงหยิบอีกฉบับมาอ่าน
“ท้องกับคนงานสร้างฉาก รุ้งระวีหนีอาย หลบทำแท้ง”
อิทธิโกรธเกรี้ยว
“ข่าวเรื่องท้องก็ทุเรศแล้ว ยังบอกอีกว่าท้องกับคนงาน รุ้งเสียผู้เสียคนไม่เหลือดีแล้ว”
ขวัญข้าวรีบแก้ตัว
“โธ่ คุณอิทขา ทำไมมาโทษพวกเราแบบนี้คะ ถึงแม้ว่าน้องรุ้งจะทำชั่วกับพวกเราไว้หลายอย่าง แต่เราไม่เคยถือโทษ เราให้อภัยเสมอเรื่องแกล้งกันทุเรศๆแบบนี้ เราไม่ทำหรอกค่ะ”
อาชารีบเสริม
“ครับ ทำแบบนี้มันไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเรา”
จวงใจทำเป็นออดอ้อน
“จิตใจเราสูงพอค่ะ ให้ความเป็นธรรมกับพวกเราด้วยนะคะคุณอิท”
อิทธิกวาดสายตามองทุกคนที่ทำหน้าเศร้า อย่างเอือมระอาเต็มที
“เบื่อ ถ้าฉันตั้งบริษัทใหม่ ฉันจะทำอะไรก่อนเลยรู้ไหม”
จุ๊บแจงรีบถาม
“อะไรคะ”
“ไล่พวกแกออกทุกคนไง”
อิทธิออกจากห้องไป คำรณ คม เดช รีบตาม ทั้งสี่มองหน้ากัน พออิทธิพ้นไปจากห้อง ทั้งสี่หัวเราะร่า ขวัญข้าวมองเย้ย
“แหม ตั้งบริษัทใหม่ ก็ไม่มีศิลปินนิสัยเลวอย่างพวกเราน่ะซี”
อาชาหัวเราะชอบใจ
“ฮ่า ฮ่า เจ๊ขวัญพูดถูก ฉลาดในเรื่องเลวๆ อย่างเราจะหาที่ไหนได้”
จวงใจเชิด
“แล้วจะเสียดายนะ เลวด้วย โกงด้วย ชั่วด้วย ทำได้ทุกอย่าง”
อาชาเสริม
“แล้วไม่เคยสำนึกผิดด้วยเนอะ อ่ะฮ่ะ”
ทั้งสามหัวเราะกันร่า จุ๊บแจงสะกิด
“พี่ๆคะ ด่าตัวเองอีกแล้วนะคะ”
ทั้งสามรู้สึกตัว เงียบกันไป

อิทธิกลับเข้าไปในห้องทำงาน อย่างหงุดหงิด
“เอาไงดีวะ เรื่องรุ้ง จะไปตามหาที่ไหน”
คมคิดนิดนึงก่อนจะบอก
“ผมว่าต้องไอ้ทูนแน่ๆครับ คุณรุ้งต้องไปหามันแน่ๆ”
เดชเห็นด้วย
“ผมก็ว่าอย่างนั้น”
อิทธิหันไปหาคำรณ
“แกว่ายังไงไอ้คำ”
“ต้องบุกไปให้ถึงที่ครับนาย ผมจะสืบด้วยว่านังแสงมันป้วนเปี้ยนอยู่ แถวนั้นรึเปล่า”
อิทธิพยักหน้าเห็นด้วย
“งั้นแกไปเฝ้าดูที่บ้านมันก่อน ได้ความยังไงรายงานฉันทันที”
“ได้ครับนาย”
คำรณรับคำอย่างมุ่งมั่น

จี่หอยกับมะปราง กำลังซักถามทั้งเมธและอินทร ที่กำลังอ่านหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งไปด้วย โดยมีหนานและคูนอยู่ด้วย พยายามไม่ส่อพิรุธ
“ไม่ทราบเลยเหรอคะว่ารุ้งไปไหน”
เมธส่ายหน้า
“พวกเราไม่รู้เรื่องเลยนะ”
“แล้วตอนนี้คุณทูนอยู่ไหนคะ”
อินทรครุ่นคิด
“พี่ทูนอยู่ที่ไร่น่ะครับ ผมว่าพี่รุ้งคงไม่มาที่นี่หรอก เพราะกำลังมีเรื่องกับพี่ทูนอยู่”
จี่หอยมองหน้า
“แล้วถ้าไม่ได้มาเองละคะ แต่มีคน บังคับขืนใจ พามา”
หนานและคูนเบือนหน้าไปทางอื่นทันที มะปรางมองอย่างสงสัย เมธ แปลกใจ
“เจ๊หอยพูดอะไร ใครบังคับขืนใจใคร”
“ก็อาจจะคุณทูนนั่นแหละ แกอาจจะลักพาตัวรุ้งมาก็ได้”
เมธอึ้ง
“เจ๊หอย ไปเอามาจากไหน มันจะเป็นไปได้ยังไง”
คูนกับหนานรีบปฏิเสธ
“ใช่ เป็นไปไม่ได้ ใครจะไปกล้าลักพาตัว เจ๊หอยพูดไปเรื่อย”
มะปรางและอินทร มองคูนและหนานอย่างสงสัย
จบตอนที่ 18
 
อ่านต่อตอนที่ 19 พรุ่งนี้






กำลังโหลดความคิดเห็น