กุหลาบซาตาน ตอนที่ 18
รถตู้ของปฐวีเคลื่อนลงไปกลางบึง แล้วค่อยๆ จมลงในน้ำอย่างช้าๆ น้ำท่วมเข้ามาจนถึงคอของโรสและปฐวี โรสยังดิ้น
“ถ้าฉันตาย ฉันก็จะลากแกลงนรกไปพร้อมกับฉัน นังโรส”
โรสกัดฟัน เอื้อมคว้าปืนมาได้ โรสยิงไปทางด้านหลังกระสุนเจาะลำตัวปฐวี ปฐวีสะดุ้งจ้องหน้าโรสอย่างอาฆาตแค้นมือกระตุกเชือกที่รัดคอโรสแน่นเข้า โรสตาเหลือกลาน
รถตู้จมลงน้ำไปทั้งคันจนผิวน้ำเรียบสนิท อึดใจเห็นโรสทะลึ่งขึ้นมาบนผิวน้ำ หอบหายใจแบบคนสำลักอากาศ รอดตายอย่างหวุดหวิด โรสตะเกียกกายขึ้นฝั่งแล้วนอนหมอบบนฝั่ง อาการปางตาย เอามือกุมคอที่ถูกรัดอย่างเจ็บปวด โรสหันไปมองที่กลางบึงด้วยแววตาสะใจ ก่อนจะฟุบลง หมดแรง
ระหว่างนั้นตำรวจเก็บศพเป๋งและคนอื่นๆ ขึ้นรถ นักข่าวกระจายตัวกันถ่ายรูปอยู่รอบๆ ผู้สื่อข่าวหญิงคนหนึ่ง กำลังรายงาน
“เมื่อเที่ยงวันนี้ ที่สวนรถไฟ เกิดการยกพวกยิงถล่มกันอย่างอุกอาจของกลุ่มชายฉกรรจ์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 6 คน ในจำนวนนั้น 2 คนเป็นคนของส.ส.ปฐวี เลิศวิทยา รองหัวหน้าพรรคสันติไทย ส่วนอีก 4 คน เป็นคนของนายโชค ชนารณพ เจ้าของโรงแรมบลู สตาร์ ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าทั้งสองฝ่ายกำลังมีข้อขัดแย้งกันอยู่”
นักข่าวสัมภาษณ์นายตำรวจคนหนึ่ง ขึ้นชื่อใต้ภาพว่า รตอ.ยุทธนา วิไลวรรณ
“ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า การปะทะกันวันนี้น่าจะมีสาเหตุมาจากคดีลอบสังหารส.ส.ปฐวี เลิศวิทยา ที่นายโชค ชนารณพ มีส่วนเกี่ยวพันอยู่ด้วย”
นงพงากับไปรมากำลังดูรายงานข่าวอยู่ที่ห้องรับแขก หน้าตากังวล ในจอทีวีเป็นการสัมภาษณ์สารวัตรยุทธนา
“แล้วการที่ท่านปฐวีหายตัวไปล่ะคะ”
“ทางตำรวจกำลังเร่งติดตามอยู่ครับ ตอนนี้เราระดมกำลังกันออกตามหารถยนต์ของท่านปฐวี ที่หายไปจากที่เกิดเหตุ คาดว่าท่านปฐวีจะถูกพาตัวไป โดยรถคันนั้น”
เสียงโทรศัพท์ดังลั่นบ้าน ทั้งเบอร์บ้าน และโทรศัพท์มือถือ นงพงาถอนใจ กดปิดมือถือ แล้วหันไปหาสาวใช้ ที่วิ่งเข้ามาพร้อมโทรศัพท์ในมือ
“คุณคะ...”
“ถอดสายโทรศัพท์ออกให้หมดทุกเครื่อง ฉันไม่อยากพูดกับใครทั้งนั้น”
ไปรมารลุกไปแหวกม่านมองออกไปนอกบ้าน ที่หน้าประตู เห็นนักข่าวอออยู่เต็ม
“แล้วนักข่าวที่อยู่หน้าบ้านล่ะคะ คุณแม่”
นงพงาหันไปสั่งสาวใช้
“เอาน้ำออกไปเลี้ยง แล้วบอกให้เค้ากลับไปก่อน ฉันไม่พร้อมจะให้สัมภาษณ์จริงๆ”
“ค่ะ”
สาวใช้เดินออกไปไปรมาหันมาถามนงพงา หน้าตากังวล
“คุณแม่ว่าใครจับตัวคุณพ่อไปคะ คุณโชคหรือเปล่า”
“แม่ไม่รู้จ้ะ ดนัยไม่ทันได้บอก ตอนนี้ก็หายตัวไปอีกคน”
“ต้องเป็นคุณโชคแน่ๆ คุณพ่อไม่มีศัตรูคนอื่น ถ้าไม่ใช่คุณโชคจะเป็นใคร”
นงพงามีสีหน้าไม่แน่ใจ
ที่โรงพยาบาลโชคและชัชยืนอยู่ตรงหน้าศพของเป๋ง ที่คลุมผ้าเอาไว้ โชคค่อยๆ เปิดผ้าคลุมออก เห็นหน้าของเป๋ง โชคทั้งเสียใจและคั่งแค้น
“ไม่ต้องห่วงนะ ไอ้เป๋ง กูสัญญา กูจะล้างแค้นให้มึง”
ชัชที่ยืนห่างออกไปมองศพเป๋งอย่างใช้ความคิด แล้วเดินออกจากห้องไปเงียบๆ
ชัชออกมาคุยกับหมอนิติเวช
“คุณอยากทราบสาเหตุการตายของคุณเปล่งศักดิ์เหรอครับ”
“ครับ ผู้ตายเป็นเหมือนญาติของผม ผมอยากรู้”
“ผู้ตายถูกยิงในระยะเผาขน เข้าที่กลางลำตัวตรงๆ ถึงสามนัด โดนอวัยวะสำคัญทำให้ถึงแก่ความตายครับ”
“โดนยิงเข้าที่กลางลำตัวตรงๆ ทั้งสามนัด คุณหมอหมายความว่าผู้ตายไม่ได้หลบหลีก หรือป้องกันตัวเลย ใช่ไหม”
“ดูจากลักษณะของบาดแผลและแนววิถีกระสุนแล้ว เป็นแบบนั้นครับ”
ชัชนิ่งคิด หมอขอตัวทำท่าจะไป
“เดี๋ยวครับ คุณหมอ” หมอชะงัก “ผมขอถามอะไรอีกอย่างได้ไหม...เกี่ยวกับกระสุนปืนที่ฆ่านายเปล่งศักดิ์น่ะครับ มันเป็นกระสุนปืนแบบไหน จากปืนอะไร”
คำตอบที่ได้จากหมอทำให้ชัชเดินหน้าเครียดออกมา แต่แล้วชัชก็ต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงชินภัทรห้ามโชคเสียงลั่น
“พ่อ อย่า พ่อ ใจเย็น”
ชัชรีบวิ่งไปจึงเห็นชินภัทรกำลังปล้ำจับตัวโชคไม่ให้ทำร้ายสารวัตรยุทธนา
“หยุดนะ พี่โชค...” ชัชห้ามพี่ชายแล้วถามชินภัทร “มีเรื่องอะไรกัน ชิน”
“ไอ้ตำรวจนี่มันจะจับฉัน มันกล่าวหาว่าฉันเอาตัวไอ้ปฐวีไป” โชคบอก
“ผมไม่ได้กล่าวหาคุณ คุณโชค ผมแค่มาขอสอบปากคำ ในฐานะที่คุณมีส่วนเกี่ยวข้องในการหายตัวไปของท่านปฐวี” สารวัตรยุทธนาบอก
“ฉันไม่เกี่ยว ฉันไม่รู้ว่ามันหายไปไหน และฉันจะไม่พูดอะไรทั้งนั้น ถ้าไม่มีทนาย”
“นี่คุณโชค”
สารวัตรยุทธนาไม่พอใจ ชัชรีบไกล่เกลี่ย
“ผมอยู่กับพี่โชคที่นั่นด้วยครับ ผมเป็นพยานได้ พี่โชคนัดกับท่านปฐวีจริง แต่เราไม่ได้นัดเจอตัวเค้า เราไม่รู้ ว่าเค้าหายไปไหน”
“คุณสองคนนัดกับท่าน แต่ไม่ได้นัดเจอท่าน มันยังไงกัน” สารวัตรยุทธนาไม่เชื่อ
“เป็นความจริงครับ ท่านปฐวีส่งจดหมายมานัดพ่อผม ท่านนัดพ่อให้ไปเจอมือปืนที่มันลอบยิงท่าน” ชินภัทรช่วยยืนยัน
“ท่านปฐวีรู้ว่ามือปืนเป็นใครอย่างนั้นเหรอ” ชินภัทรพยักหน้า สารวัตรยุทธนาหันไปหาโชค “แล้วท่านบอกคุณหรือเปล่า ว่ามันคือใคร”
“ยัง รู้แค่ว่ามันเป็นผู้หญิง ผมยาว ใส่ชุดสีแดง เท่านั้นแหละ”
ระหว่างนั้นโรสอยู่ที่โรงยิม ชุดสีแดงของโรสถูกยัดเอาไว้ในล้อกเกอร์ โรสอาบน้ำสระผมในชาวเวอร์ จากนั้นโรสก็สวมชุดใหม่ เป่าผมแห้ง ยืนแต่งหน้าอยู่หน้ากระจก โรสมองคอตัวเองที่มีรอยแดงด้วยสีหน้าหนักใจ
เช้าวันรุ่งขึ้นรถคันหนึ่งวิ่งมาจอดหน้าประตูบ้านปฐวี นักข่าวที่เฝ้าอยู่หน้าบ้านพยายามถ่ายรูปกันใหญ่ เห็นว่าคนขับคือภูษณะ มีพีชญานั่งมาข้างหน้า ชินภัทรนอนหลบอยู่ที่เบาะหลัง ประตูเปิดออก รถแล่นเข้าไป นักข่าวยังตามถ่ายรูปรถจอดที่ด้านใน ไปรมาวิ่งออกมารอรับ ภูษณะกับพีชญาลงมาจากรถ
“ภู พีช”
“เป็นไงมั่ง ไป๋” ภูษณะถามอย่างเป็นห่วง
“พวกเราได้ข่าวคุณพ่อไป๋แล้ว เป็นห่วงเลยมาเยี่ยม” พีชญาบอก
“ขอบใจจ้ะ”
“นอกจากเราสองคนแล้วยังมีอีกคนนะ ที่ห่วงมาก”
ชินภัทรลงจากรถมา ไปรมามองอย่างแปลกใจ
“ชิน ไม่นึกว่าเธอจะมา แล้วทำไมต้องแอบอยู่ข้างหลังด้วย”
“ไม่อยากโดนนักข่าวถ่ายรูปน่ะ เดี๋ยวเรื่องยาว ไป๋ ได้ข่าวคุณพ่อบ้างรึยัง”
ไปรมาส่ายหน้าเศร้าๆ
ไปรมาพาทุกคนเข้ามาด้านใน นงพงาถามชินภัทรอย่างจริงจัง
“ชินจะบอกว่า คุณโชคไม่รู้ไม่เห็นเรื่องการหายตัวไปของท่านจริงๆ เหรอ”
“ผมยืนยันครับ ทั้งพ่อทั้งอาชัชไม่รู้เรื่องจริงๆ อาชัชคิดว่า คนที่จับตัวท่านปฐวีไป น่าจะเป็นมือปืนคนนั้นมากกว่า”
“คุณชัชกับคุณโชคได้เจอ...เธอ...แล้วเหรอ”
“ยังครับ ยังไม่ได้เจอกันก็เกิดเรื่องขึ้นซะก่อน”
“เสียดายนะ คุณพ่อไป๋ไม่น่าหมกเม็ดเลย ไม่งั้นป่านนี้ทุกคนก็รู้แล้ว ว่ายัยมือปืนเป็นใคร”
ไปรมาหน้าเสีย ภูษณะตีปากพีชญา ถลึงตาดุแล้วถามบ้าง
“แล้วทางตำรวจล่ะครับ คุณแม่ เค้าได้เบาะแสอะไรบ้างหรือยัง”
นงพงาส่ายหน้า สาวใช้เข้ามาพอดี
“คุณนงคะ มีตำรวจมาขอพบคุณนงค่ะ”
นงพงาลุกขึ้น ทุกคนมองตามตื่นเต้น
นงพงาออกมาพบกับตำรวจ
“เราเจอรถของท่านปฐวีแล้วครับ”
ตำรวจบอก นงพงารีบถามอย่างตื่นเต้น
“เจอรถแล้ว! อยู่ที่ไหนคะ แล้วตัวท่านล่ะ คุณเจอตัวท่านด้วยหรือเปล่าแล้วตอนนี้ท่านอยู่ที่ไหน”
“ผมว่า เชิญคุณนงพงาไปกับผมดีกว่าครับ”
ตำรวจตอบอ้อมแอ้ม นงพงาอึ้งไป ใจหาย
ตำรวจพาทุกคนมาที่ริมบึง ขณะนั้นสารวัตรยุทธนากำลังคุมตำรวจลูกน้องให้ถ่ายรูป เก็บหลักฐานรอบๆ รถของปฐวีที่ถูกดึงขึ้นมาจากน้ำ และรอยเท้าที่ริมบึง
“คนร้ายขึ้นมาจากบึง แล้วหนีออกไปทางด้านนี้ ... กระจายกำลังออกไปดูรอบๆ ให้ทั่ว เผื่อว่าคนร้ายจะทิ้งร่องรอยอะไรเอาไว้อีก”
“ครับ”
ตำรวจออกไป สารวัตรยุทธนาหันไป เห็นนงพงา ไปรมา พีชญา ภูษณะ ชินภัทร เดินตามตำรวจเข้ามา พวกเด็กๆ มีสีหน้าตื่นเต้น แต่นงพงานิ่งขรึม สีหน้าสลด เข้าใจว่าปฐวีไม่รอดแน่
“คุณนงพงา...เชิญครับ”
“รถของท่านลงไปอยู่ในบึงได้ยังไงคะ คนร้ายขับรถตกน้ำเหรอคะ”
“ไม่ใช่ครับ คนร้ายตั้งใจขับรถลงน้ำ แล้วฉวยโอกาสหนีไป โชคดีที่มีคนเห็นรถของท่านผ่านมาทางนี้ กว่าเจ้าหน้าที่จะหารถเจอ ก็เกือบเช้า”
“รถของคุณพ่ออยู่ในน้ำ แล้วคุณพ่อล่ะคะ คุณพ่ออยู่ไหน”
ไปรมาถามอย่างตกใจ สารวัตรยุทธนามองไปทางหนึ่ง ไปรมากับทุกคนมองตาม ไปรมาเห็นร่างที่มีผ้าขาวคลุมอยู่บนเปล มีเท้าโผล่ออกมา ไปรมาจำรองเท้าได้ ร้องกรี๊ด
“คุณพ่อ”
ไปรมาวิ่งนำเข้าไป นงพงาตามไป ไปรมาวิ่งเข้าไปเห็นร่างของปฐวีนอนอยู่ ผิวซีดจนเขียว มือซีดเปื่อย มีรอยเขียวอมม่วงที่ปลายนิ้วทั้งสองข้าง ร่างเปียกโชก ไปรมาโถมเข้าไปกอดศพพ่อ
“คุณพ่อ”
นงพงารั้งตัวไปรมา กอดเอาไว้แล้วพากันร้องไห้
“อย่าลูก อย่า คุณพ่อไปดีแล้ว ปล่อยคุณพ่อนอนสบายๆ นะลูกนะ”
นงพงาพูดไปร้องไห้ไป ไปรมากอดนงพงาสะอื้น สองแม่ลูกทรุดตัวลงนั่งข้างศพปฐวี กุมมือปฐวีเอาไว้อย่างอาลัย พีชญา ภูษณะ และชินภัทร ที่เดินตามมายืนดูอยู่ด้านหลัง พลอยเศร้าไปด้วย
ชินภัทร พีชญา และภูษณะช่วยกันดูแลไปรมาที่ยังร้องไห้อยู่ที่ใต้ต้นไม้
“ทำใจดีๆ ไว้นะ ไป๋ เข้มแข็งไว้”
ห่างออกไป นงพงายังน้ำตาซึมๆ ถามสารวัตรยุทธนา
“ท่านเสียชีวิตเพราะอะไรคะ”
“ท่านปฐวีโดนยิงที่ชายโครง 1 นัดครับ แต่สาเหตุที่เสียชีวิต ใม่ใช่เพราะกระสุนปืน แต่เนื่องจากท่านปฐวี เอ่อ...ขยับร่างกายท่อนล่างไม่ได้ เมื่อรถจมน้ำ ท่านเลยติดอยู่ในนั้น แล้วก็เลย ...จมน้ำตาย”
“...ก่อนสิ้นใจ ท่านคงทรมานมาก เป็นการฆ่าที่โหดร้ายเลือดเย็นที่สุด” นงพงามองสารวัตรยุทธนาอย่างจริงจัง “ฉันขอร้องล่ะค่ะ ฉันขอให้คุณจับฆาตกรมาลงโทษให้ได้”
“ไม่ต้องห่วงครับ ทางเราพบรอยเท้าที่ย่ำขึ้นมาจากน้ำ ผมมั่นใจว่าเป็นรอยเท้าของคนร้าย เราต้องจับตัวเธอได้แน่”
“เธอ ... คนร้ายเป็นผู้หญิงจริงๆ” นงพงารำพึงออกมาเบาๆ
“ครับ เป็นรอยเท้าของผู้หญิง คาดว่าคงเป็นผู้หญิงชุดแดงที่คุณชัชพูดถึงคนนั้น”
นงพงาคิดว่าต้องเป็นโรส
“ค่ะ ดิฉันก็คิดว่าต้องเป็นเธอแน่ๆ”
ขณะนั้นโรสอยู่ที่ห้องนอน เธออยู่หน้ากระจกในห้องน้ำ พยายามใช้เมคอัพปิดรอยที่โดนรัดคออย่างตั้งใจ ตอนนี้เป็นรอยสีม่วงเข้มชัดเจน โรสลงรองพื้นเสร็จ ก็ตบแป้ง แล้วเอาผ้าพันคอพันทับอีกที สำรวจความเรียบร้อยในกระจก แล้วจึงเปิดประตูออกมา แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อเจอชัชอยู่ในห้องนอน
“คุณ!”
“ผมเอง” ชัชเห็นโรสหน้าซีดจึงนึกสงสัย “ทำไมต้องตกใจขนาดนั้น”
โรสหลบหน้าหลบตาชัช
“เปล่าค่ะ แค่นึกว่าคุณไปทำงานแล้ว”
“ผมกลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้า” ชัชเดินเข้ามาใกล้ จ้องหน้าโรส “คุณเป็นอะไรของคุณเมื่อคืนก็ปิดไฟนอนแต่วัน ตอนเช้าก็คลุมโปงเงียบ ทำท่าแปลกๆ” ชัชเอามือแตะผ้าพันคอ “แต่งตัวก็แปลก”
โรสเบี่ยงตัวหลบ
“ฉันเป็นหวัดลงคอน่ะค่ะ เจ็บคอมาก”
“ไปหาหมอรึยัง”
“หาแล้วค่ะ” โรสดันชัชออก “ระวังค่ะ เดี๋ยวติดจะลำบาก”
ชัชชะงัก
“โอเค...ถ้าคุณไม่สบายมาก คืนนี้ไม่ต้องไปก็ได้”
ชัชพูดจบก็เดินไปที่ตู้เสื้อผ้า เลือกเนคไทดำที่จะใส่ไปงานศพ
“ไปไหนคะ”
“เมื่อวานไม่ได้คุยกัน ผมเลยไม่ได้บอกคุณ เป๋งตายแล้วนะ โดนยิงตาย”
“ท่านปฐวีเป็นคนยิงเหรอคะ”
“ผมคิดว่าน่าจะเป็นคนอื่น”
“คนอื่น ใครล่ะคะ” โรสถามอย่างระแวง
“ใครบางคน ที่เป๋งคิดไม่ถึงว่าเค้าจะยิงมัน มันถึงไม่ได้หลบหลีกหรือต่อสู้เลยเป๋งพยายามจะบอกผมเหมือนกัน ว่าคนคนนั้นเป็นใคร เสียดาย... มันสิ้นใจไปซะก่อน”
ชัชหันกลับไปเลือกชุด โรสค่อยๆ ผ่อนลมหายใจ โล่งอก
ชินภัทรวิ่งเข้ามาในบ้าน ตะโกนลั่น ท่าทางตื่นเต้น
“พ่อ อาชัช พ่อ”
โชคกับชัชแต่งตัวไว้ทุกข์เดินออกมา
“มีอะไร”
“พ่อครับ อาชัช ตำรวจเจอท่านปฐวีแล้ว ท่านปฐวีตายแล้วครับ”
โชคกับชัชมองหน้ากัน
โชคยิ้มเยาะออกมา
“หมองูตายเพราะงูแท้ๆ”
“งูตัวนี้ ไม่ใช่งูของท่านปฐวีหรอกพี่ มันเป็นงูที่มาเพราะแรงแค้นอาฆาตส่วนตัว ท่านปฐวีคิดเอามันมาใช้กำจัดพี่ เลยพลาด โดนทำร้ายเสียเอง”
ชัชบอก โชคฟังแล้วนึกได้
“จริงสิ เมื่อวาน แกพูดเหมือนกับว่าแกรู้ ว่านังมือปืนมันเป็นใคร”
ชัชตัดสินใจบอก
“ผมคิดว่าเธอคือ เพียงออ พิมพากุล”
“อะไรนะ” โชคตกใจ
“ใช่ พี่ ลูกสาวของพุฒิกับกุลธิดา พี่สาวของกงพัด เด็กผู้หญิงคนนั้นยังมีชีวิตอยู่”
โชคอึ้ง คิดถึงอดีต แว่บภาพของเด็กหญิงที่จ้องมองมาที่โชคอย่างเกลียดชัง
“แกเคยเจอมันเรอะ” โชคถามเสียงเครียด
“เปล่า แต่มีคนบอกผมว่า เธอยังอยู่ เธอคือคนที่สั่งให้กงพัดมาฆ่าพี่”
โชคคิดถึงคำพูดของปฐวีที่พูดก่อนโดนยิงที่โรงฆ่าสัตว์ ว่ามือปืนอยู่ใกล้ตัวโชคมากกว่าที่คิด
“... ไอ้ปฐวีมันโดนฆ่าเพื่อปิดปาก เพราะมันกำลังจะเปิดเผยว่ามือปืนคือใคร...”
“ใช่ แล้วผมว่า คนที่ยิงไอ้เป๋งก็คือเพียงออนี่แหละ ไม่ใช่ไอ้ดนัยหรอก”
โชคนิ่งไป แล้วยักไหล่
“แกบอกฉันช้าไป ไอ้ชัช” ชัชมองโชคอย่างแปลกใจ “พอดีฉันโมโห เลยสั่งคนตามเก็บพวกไอ้ดนัยไปตั้งแต่วันนั้นแล้ว”
ที่ตรอกแคบๆ ขณะนั้นดนัยกับลูกน้องกำลังวิ่งหนีการไล่ล่าของชายฉกรรจ์ หล่อ ล่ำ ใส่เสื้อกั๊กหนังตัวเดียวมีปืนกระบอกโต ขี่มอเตอร์ไซค์ไล่ยิง ล้อมอเตอร์ไซค์ที่วิ่งผ่านน้ำทำให้น้ำกระจายเป็นทางดูเท่มาก มันคือ เอก มือปืนที่โชคจ้างมา
เอกไล่ยิง ดนัยกับลูกน้องหนีพลาง ยิงตอบโต้พลาง สุดท้าย ดนัยเลี้ยวเข้าไปในตรอกแคบ ปรากฏว่าเป็นตรอกตัน
“เอาไงดี พี่”
ลูกน้องถามดนัย สียงมอเตอร์ไซค์คำรามเข้ามาในตรอกแคบๆ ดนัยยกปืนรอเล็ง เอกพุ่งเข้ามา
ดนัยยิงปรากฏว่ากระสุนหมด
“เฮ้ย”
เอกหัวเราะ ยกปืนขึ้นยิงกราด ดนัยกับลูกน้องกระโดดหนีไปคนละทาง ลูกน้องโดนยิงเฉี่ยวๆ ที่แขน เลือดสาด เอกหันทางลูกน้อง จะซ้ำ ดนัยเห็นกระสอบเก่าๆ คลุมถังเล็กๆ ใบหนึ่งอยู่ ตาวาว ตะโกนร้องเรียก
“ทางนี้”
เอกหันไปตามสัญชาตญาน เห็นอะไรลอยเข้ามาหาตัวเอง เอกลั่นไกทันที กระสอบตกลง ปรากฏว่ามันคือถังแก้สขนาดเล็ก เอกตกใจ ถังแก้สระเบิด ตูม! กลางอากาศ เอกกระโดดหลบ ดนัยกับลูกน้องฉวยโอกาสหนีไป
ดนัยกับลูกน้องหอบแฮ่กกลับเข้ามาในบ้านเช่าเล็กๆ ที่อยู่ในที่ซอยเปลี่ยว ดนัยปาปืนทิ้งอย่างเจ็บใจ
“โธ่เว้ย”
“เราจะเอาไงต่อไปดี พี่ดนัย มีตำรวจไล่จับยังไม่พอ ไอ้โชคยังส่งมือปืนรับจ้างมาไล่ฆ่าเราอีก ฉันว่าเราไม่รอดแน่”
“เราจะหนีออกนอกประเทศ”
“มันต้องใช้เงินนะพี่”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง แต่ก่อนจะไป...ฉันต้องทำเรื่องสำคัญเรื่องนึงก่อน”
“อะไรอีก พี่”
ดนัยหยิบหนังสือพิมพ์รายวันบนโต๊ะมาดูด้วยความแค้น เมื่อเห็นพาดหัวข่าว “ฆ่าปฐวี จมน้ำตายอนาถคารถ”
“นังโรสมันฆ่าท่าน ฉันจะไม่ปล่อยให้มันลอยนวล”
อ่านต่อหน้าที่ 2
กุหลาบซาตาน ตอนที่ 18 (ต่อ)
ทางด้านกงดีกับวีณาหลังจากหนีมาจากโรส ทั้งคู่มาเปิดร้านขายกาแฟสดอยู่ที่เชิงเขา ร้านของทั้งคู่เป็นร้านเล็กๆ แต่น่ารักตกแต่งแนวคันทรี วีณากำลังต้มกาแฟอยู่ในร้าน ส่วนที่หน้าร้านกงพัดใส่เอี้ยมยีนส์กับเสื้อกล้าม กำลังติดป้าย “กาแฟสด ขนมปังทำเอง” ที่หน้าร้าน วีณารินกาแฟใส่ถ้วยกระเบื้องลายน่ารัก เอาไปส่งให้กงพัด
“ลองชิมหน่อยสิคะ พัด ยังเข้มไปอีกหรือเปล่า”
กงพัดลงจากบันได รับกาแฟมาจิบ
“ดีแล้ว”
วีณามองป้าย
“เราน่าจะมีชื่อร้านนะคะ”
“ชื่ออะไรดีล่ะ”
“ยังคิดไม่ออกเหมือนกันค่ะ”
“ไม่เป็นไร ยังมีเวลาคิดอีกนาน เราจะแต่งงาน แล้วอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขที่นี่” กงพัดบอกด้วยแววตามีความสุข
“แต่งงาน”
กงพัดพยักหน้า อมยิ้ม
“แล้วปีหน้า เราก็อาจจะมีลูกชายซักคน”
“คุณแน่ใจนะคะ พัด ว่าเราจะ...” วีณาคิดถึงโรส แต่ไม่อยากพูด “แล้วเค้าล่ะ”
“โรสเงียบหายไปเลย เค้าคงเชื่อว่าเราสองคนตายไปแล้วจริงๆ ต่อจากนี้ไปคุณไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้ว วี”
ท่ามกลางแสงอาทิตย์ยามเย็น กงพัดดึงวีณามากอด แววตาฝันถึงความสุขในอนาคต
สารวัตรยุทธนามาหานงพงาที่บ้าน เขาวางถุงพลาสติกที่ใส่รองเท้าของวีณาลงที่โต๊ะ
“นี่มันอะไรกันคะ” นงพงาถามอย่างแปลกใจ
“รองเท้าคู่นี้ ถูกทิ้งเอาไว้ในถังขยะ ไม่ห่างจากบึงเท่าไหร่ ตอนที่ตำรวจไปพบ ด้านในรองเท้ายังเปียกโชก มีโคลนติดเต็ม แล้วที่สำคัญ เราลองเทียบขนาดและรอยที่พื้นรองเท้า กับรอยเท้าที่พบที่ริมบึงแล้ว...มันคือรองเท้าคู่เดียวกันครับ”
ไปรมากับนงพงามองรองเท้าอย่างสนใจ
“นี่เป็นรองเท้า ของคนร้ายที่ฆ่าคุณพ่อเหรอคะ คุณแม่”
“คุณนงกับคุณไป๋ลองดูดีๆ สิครับ คุ้นตาบ้างไหม ในช่วงเวลาที่ผ่านมา เคยเห็นใคร ที่ใส่รองเท้าแบบนี้ มาพบปะหรือเกี่ยวข้องกับท่านปฐวีบ้างไหม”
ไปรมาพยายามนึก
“ ไม่คุ้นนะคะ คุณแม่ล่ะคะ”
นงพงามองรองเท้านิ่ง เธอมั่นใจว่าคนร้ายคือโรสแน่ๆ
“แม่ก็ไม่เคยเห็นค่ะ...แต่ดิฉันคิดว่า มีคนคนนึง ที่น่าจะเคยเห็น และน่าจะบอกได้ ว่าเจ้าของรองเท้าคู่นี้คือใคร”
นงพงาบอกสารวัตรยุทธาอย่างมั่นใจ
งานศพของเป๋งจัดขึ้นที่วัดเล็กๆ หลังจากงานศพเลิกแล้ว ชัช ชินภัทร และโชคยืนมองรูปเป๋ง แววตาอาลัย
“ไปดีนะครับ พี่เป๋ง”
ชินภัทรเดินเลี่ยงออกไป)
“เป๋ง ฉันบอกตำรวจไม่ได้ว่าใครยิงแก เพราะไม่อยากให้เค้ารื้อฟื้นความเลวในอดีตของพี่โชค ฉันขอโทษนะ เป๋ง ยกโทษให้ฉันด้วย”
ชัชพึมพำออกมาเบาๆ ขณะที่โชคเดินเข้าไปที่ข้างโลง
“ไอ้เป๋ง ถ้าวิญญานมีจริง มึงช่วยบอกกูหน่อย ว่านังเพียงออมันอยู่ที่ไหน กูจะได้ล้างแค้นให้มึง ให้มันตายตกไปตามกัน”
โรสยังมีผ้าพันคอ เดินตามเข้ามาด้านหลัง แอบมองโชคด้วยแววตาร้าย โชคกับชัชหันมาเห็นโรสยืนอยู่ โรสปรับสีหน้าละมุน
“ลาก่อน เป๋ง...อโหสิให้ฉันด้วย”
โรสบอกออกมาเบาๆ ทั้งหมดเดินลงจากศาลาวัด กำลังจะกลับบ้าน เห็นสารวัตรยุทธนายืนรออยู่
“สารวัตร คุณมาที่นี่ทำไม” ชัชถามอย่างแปลกใจ
“ผมมีอะไรบางอย่าง อยากให้คุณดู”
โรสเห็นในมือสารวัตรยุทธนามีถุงใสใส่รองเท้า โรสยิ้มมุมปาก สะใจ
สารวัตรยุทธนาอธิบายให้ชัชฟัง
“รองเท้าคู่นี้ มีขนาดเท่ากับรอยเท้าที่พบ ที่โรงฆ่าสัตว์. ..ยิ่งไปกว่านั้น ทางนิติเวชเพิ่งสรุปว่ากระสุนที่ฆ่านายเปล่งศักดิ์ เป็นกระสุนชนิดเดียวกัน กับที่ยิงท่านปฐวีที่โรงฆ่าสัตว์”
“เป็นคนเดียวกันจริงๆ ด้วย”
“ทางนิติเวชบอกว่าคุณชัชขอให้ลองตรวจสอบกระสุนเทียบกัน แล้วผลก็ออกมาเป็นอย่างนั้นจริงๆ ...ผมเลยอยากถาม ว่าคุณชัชรู้ได้ยังไง”
“ผมเดาเอา”
“แน่ใจเหรอครับ ผมคิดว่าคุณรู้จักกับคนร้ายซะอีก”
“หมายความว่ายังไงวะ” โชคถาม
“มีคนบางคนบอกผมว่า คุณชัช อาจจะรู้จักกับเจ้าของรองเท้าคู่นี้” ยุทธนาส่งถุงให้ชัช ชัชรับมาดูเต็มตาแล้วชะงัก สีหน้าชัชมีพิรุธ ทุกคนเห็น “คุณเคยเห็นใช่ไหมครับ คุณชัช”
“ชัชคะ ถ้าคุณทราบ หรือคุณพอจะจำอะไรได้ ก็บอกตำรวจเค้าไปซีคะ” โรสบอก
“ผมไม่เคยเห็น”
“แต่ฉันว่า...”
“ผมไม่เคยเห็นจริงๆ ขอโทษที” ชัชส่งรองเท้าคืนให้สารวัตรยุทธนา “เชิญคุณกลับไปได้”
“ขอบคุณครับ”
สารวัตรยุทธนาออกไป ชินภัทรหันมองชัช เขาเองก็รู้สึกคุ้นรองเท้าคู่นั้น
“อาชัชครับ ผมว่ารองเท้าคู่นั้นมัน...”
ชัชเดินหนี โชคงง
“ชัช เฮ้ย ชัช”
ทุกคนเดินตามชัชไป โรสรั้งท้าย พรายยิ้มอย่างสะใจ
นงพงาในชุดนอน รับสายสารวัตรยุทธนา
“อะไรนะคะ คุณชัชปฏิเสธ” นงพงาผิดหวัง แต่ระงับอารมณ์ “ค่ะ ค่ะ ต้องขอโทษนะคะ ที่ทำให้เสียเวลา”
นงพงาวางสาย เจ็บใจ
“เป็นไปได้ยังไง...คุณชัชไม่เคยเห็นมันจริงๆ เหรอ ...หรือว่าคุณชัชจะช่วยปกปิดความผิดของภรรยา” นงพงาสับสน ไม่แน่ใจ “รองเท้าเก่าๆ คู่เดียว หลักฐานอ่อนเกินไป เราต้องมีหลักฐานมากกว่านี้ ถึงจะมัดตัวโรสได้ แต่จะไปหามาจากไหนล่ะ”
นงพงากลุ้มใจ
หลังจากสารวัตรายุทธนากลับไปแล้วชัชกับชินภัทรเถียงกันอยู่ในห้อง โชคนั่งจิบกาแฟฟังเงียบๆ ใช้ความคิด
“อาชัชอย่าปิดผม ผมรู้ ว่าอาชัชจำได้ ว่ารองเท้านั่นเป็นของใคร”
แว่บภาพเหตุการณ์ที่โรงแป้ง ชัชเห็นรองเท้าของวีณาชัดเจน
“มันเป็นไปไม่ได้ ชิน อาคิดทบทวนดูแล้ว คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้คือเพียงออ จะเป็นคุณวีณาไปได้ยังไง”
“แต่มาคิดดูอีกทีนะครับ อาชัช พี่วีอยู่กับคุณกงพัดตลอด พี่วียิงปืนแม่น อาโรสเองก็เคยบอก ว่าเธอเห็นพี่วีเป็นคนยิงท่านปฐวี”
“แต่มันไม่มีเหตุผล ชิน แกเข้าใจไหม ฆ่าคนไม่ใช่เรื่องเล็กๆ นะชิน คนเราต้องมีเหตุผล ต้องมีแรงจูงใจที่มากพอ ถึงจะฆ่าคนได้ วีณาไม่เคยมีความแค้นกับเราเค้าจะมาฆ่าพ่อแกทำไม คนที่อยากฆ่าพ่อแกคือเพียงออ ไม่ใช่วีณา” ชัชเดินวุ่นวาย ใช้ความคิดอย่างหนัก “เพียงออเป็นคนบงการทุกอย่าง แต่ทำไมไม่มีใครเห็นเธอ เหมือนคนไม่มีตัวตน เธอไปที่สวนนั่น ท่านปฐวีเห็นเธอเดินมา แล้วเธอหายไปไหน ทำไมรองเท้าที่ทิ้งไว้ ถึงได้กลายเป็นของคุณวีณา”
โชควางแก้วกาแฟ พูดขึ้น
“หรือว่า เพียงออ กับ วีณา คือคนคนเดียวกัน”
“อะไรนะ พี่โชค”
โชคลุกขึ้นยืน
“แกบอกฉันเองไม่ใช่เหรอ ว่าแกสืบประวัติไอ้มือปืนกงพัด มันอยู่ที่สวิสคนเดียวไม่มีใครรู้จักคนชื่อเพียงออ พิมพากุล เลยซักคนเดียว” ชัชกับชินภัทรนิ่งฟัง โชคพูดต่อไป “แต่วีณา อยู่ที่สวิส เธอเป็นคนช่วยไอ้กงพัด พามันหนี กลับมาเมืองไทยด้วยกัน”
“แต่เค้าไม่ใช่พี่น้อง เค้าสองคนเป็นคนรักกัน”
“แกเห็นมันนอนด้วยกันเหรอ มันอาจจะโกหกแกก็ได้”
“ผมรู้ ว่าผมเห็นอะไร พี่โชค วีณาไม่ใช่พี่สาวของกงพัด” ชัชบอกอย่างมั่นใจ
“แต่เราไม่มีเบาะแสอื่น มีทางเดียวที่จะรู้ว่าความจริงคืออะไร ฉันต้องได้ตัวนังวีณา”
โรสแอบฟังอยู่นอกห้อง แววตาสาสมใจ
วันต่อมาวีณาในชุดกระโปรงฝ้ายผสมลูกไม้สีขาว ยืนอยู่ในห้อง วีณาจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย มองดูเงาตัวเองในกระจกอย่างพอใจเสียงตอกปังๆ ดังขึ้นจากด้านบนหลังคา ฝุ่นสีขาวร่วงพรูลงมาตรงหน้าวีณา วีณาหลบ แล้วหัวเราะขำ วีณาชะโงกหน้าต่างออกไป มองไปบนหลังคา ตะโกน
“คุณเจ้าบ่าวคะ”
กงพัดอยู่บนหลังคา พร้อมค้อนในมือ กำลังติดจานรับสัญญานทีวี ชะโงกหน้าลงมาคุยด้วย
“ว่าไงคะ คุณเจ้าสาว”
“ฉันพร้อมแล้วค่ะ ลงมาแต่งงานกับฉันได้แล้ว”
กงพัดหัวเราะน่ารัก ทำท่าจูบส่งไปให้จากหลังคา
กงพัดเดินเข้ามาด้านในบ้าน เป็นห้องเล็กๆ ที่ใช้ทำทุกอย่าง มีทีวีเครื่องเล็กๆ อยู่ตรงมุมห้อง เปิดส่งเสียงซ่าๆ อยู่ มีสัญญานบ้างไม่มีบ้าง กงพัดเดินเข้าไปปรับแต่งหาสัญญาน วีณาเดินลงมาจากบันไดชั้นบน
“พัดคะ”
กงพัดหันมองวีณา
“สวยจัง”
“พอก่อนค่ะ วันนี้วันแต่งงานของเรานะ ไปอาบน้ำแต่งตัวเถอะ เดี๋ยวคุณพ่อที่โบสถ์จะรอนาน”
“ไปเดี๋ยวนี้จ้ะ”
กงพัดขยับอะไรอีกนิดหน่อย แล้วลุกขึ้น สัญญานทีวีมาเต็ม เสียงทีวีดังลั่น
“...รายงานความคืบหน้า ในการจับกุมคนร้ายที่อุ้มฆ่านายปฐวี เลิศวิทยา รองหัวหน้าพรรคสันติไทย...”
กงพัดกับวีณาชะงัก หันดูข่าว
“...ร้อยตำรวจเอกยุทธนา วิไลวรรณ ได้เปิดเผยว่าพบหลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับคนร้าย ที่วางแผนลักพาตัวส.ส.ปฐวี เลิศวิทยา ไปสังหารอย่างเลือดเย็น”
ในทีวีเป็นภาพสารวัตรยุทธนาแถลงความคืบหน้าของคดี
“ทางตำรวจได้พบร่องรอยของคนร้าย ที่จะเป็นประโยชน์ในการจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฏหมาย ซึ่งตอนนี้ เรามีทั้งรอยเท้าในที่เกิดเหตุ และรองเท้าที่คนร้ายถอดทิ้งไว้ ในถังขยะห่างออกไปไม่ถึง 1 กิโลเมตร ที่จะใช้เป็นหลักฐานได้”
ภาพซูมเข้าไปที่รองเท้าที่วางอยู่บนโต๊ะ วีณาเห็นตาค้างด้วยความตกใจ
“พัดคะ นั่นมัน...”
“รองเท้าของคุณนี่”
“ค่ะ รองเท้าของฉัน ฉันทิ้งไปแล้ว แล้วมันไปอยู่ที่นั่นได้ยังไง”
“โรส”
“คุณว่าโรสเป็นคนทำเหรอคะ”
กงพัดพอจะเดาเรื่องออก
“โรสตั้งใจป้ายความผิดให้คุณ เค้ารู้แล้วว่าโดนหลอก เราสองคนยังไม่ตาย” วีณาทรุดลงนั่ง ความสุข ความหวังทั้งหมดพังทลาย กงพัดปลอบใจ “ไม่ต้องกลัว วี ทุกอย่างมันต้องมีทางแก้ไข”
ขาดคำ โทรศัพท์มือถือของวีณาก็ดังขึ้น ทั้งสองสะดุ้ง วีณาหยิบมาดูเห็นเป็นโรสโทรมา วีณาหน้าเสีย
“โรส”
วีณากับกงพัดมองหน้ากัน จะรับไม่รับดี โทรศัพท์ยังดังอยู่ กงพัดส่ายหน้าเป็นเชิงห้าม โทรศัพท์หยุดไป วีณาวางลง แล้วโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกทันที วีณาทนไม่ไหว เดินกลับไปคว้าโทรศัพท์มา
“อย่านะ วี อย่ารับ”
วีณาเดินหนีขึ้นไปบนห้องทันที กงพัดวิ่งตาม
วีณาวิ่งเข้ามาในห้อง กงพัดตามเข้ามา
“วี เดี๋ยวก่อน คุณจะทำอะไร”
“ฉันทนไม่ไหวแล้ว เป็นไงเป็นกัน ฉันจะพูดกับเค้าให้รู้เรื่อง” วีณาบอกแล้วกดรับสาย “ว่าไงคุณโรส”
โรสหัวเราะเยาะ
“นึกไม่ถึง ว่าเธอจะรับสายฉัน ใจกล้าดีนี่ นึกว่าจะหดหัวแกล้งทำเป็นตายกันต่อไปซะอีก”
วีณาโกรธจัด
“คุณต้องการอะไร คุณโรส ฉันไม่เคยทำอะไรคุณ คุณอยากจะฆ่าจะแกงใครฉันไม่เคยไปยุ่ง แล้วคุณมาตามรังควานฉันทำไม คุณต้องการอะไร”
“ฉันต้องการพัด! ฉันฆ่า “มัน” ด้วยมือฉันเองไม่ได้ พัดเคยสัญญาว่าจะช่วยฉัน ฉันต้องการให้พัดฆ่ามัน”
“แล้วคุณมาทำกับฉันแบบนี้ คิดเหรอ ว่าพัดเค้าจะกลับไปช่วยคุณ หา”
“ฉันรู้ ว่าเค้าจะไม่กลับมา พัดเห็นเธอดีกว่าฉัน เค้าหลอกฉัน เค้าทิ้งฉัน ไปหาเธอ เค้ารักเธอมากกว่าฉัน”
โรสบอกอย่างโกรธจัด
“อย่าบอกนะ ว่าคุณใส่ความฉัน เพราะคุณอิจฉา”
“เปล่า ฉันก็แค่อยากจะรู้ ถ้าเพื่อปกป้องคนที่เค้ารัก เค้าจะยอมฆ่าคนไหม” โรสบอกเสียงเหี้ยม
“คุณหมายความว่ายังไง”
“ตอนนี้ โชคคิดว่าเธอเป็นคนบงการให้พัดมาฆ่าเค้า เค้ากำลังตามล่าตัวเธอ ฉันก็อยากจะรู้ ว่าถ้าโชคมันจะฆ่าเธอ พัดจะทำยังไง เค้าจะฆ่ามัน หรือปล่อยให้มันฆ่าเธอ”
“คุณโรส คุณมันเลว”
“ทำยังไงได้ ถ้าพัดแก้แค้นให้พ่อแม่ตามสัญญา ฉันก็ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้”
โรสวางสายไป วีณานั่งลงบนเตียง ร้องไห้ กงพัดเข้ามาปลอบ
“โรสทำร้ายคุณทำไม เค้าต้องการอะไร”
“เค้าหลอกให้คุณโชคมาตามฆ่าฉัน เพื่อให้คุณฆ่าคุณโชค เขาจะบีบให้คุณฆ่าคุณโชค ตามที่คุณเคยสัญญาเอาไว้” กงพัดโกรธมาก วีณาร้องไห้ “เราจะทำยังไงกันดี พัด ฉันกลายเป็นผู้ร้ายฆ่าคนไปแล้ว ทั้งตำรวจ ทั้งคุณโชค ทุกคนต้องการตัวฉัน ฉันจะทำยังไง ฉันจะหนีไปที่ไหนได้ ฉันไม่มีทางรอดแน่”
กงพัดกุมมือวีณา พูดอย่างเด็ดเดี่ยว
“เราจะไม่หนีอีกแล้ว วี ครั้งนี้ จะเป็นครั้งสุดท้าย ...ผมจะกลับไปหาโรส ผมจะจบเรื่องบ้าๆ นี่ด้วยมือของผมเอง”
กงพัดบอกเสียงกร้าว
จบตอนที่ 18
ติดตามอ่านตอนต่อไปพรุ่งนี้ เวลา 9.30 น.