xs
xsm
sm
md
lg

หอบรักมาห่มป่า ตอนที่ 18

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หอบรักมาห่มป่า ตอนที่ 18

วินยานอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียง มีผ้าฝ้ายผืนหนึ่งคลุมร่างอยู่ วินยาค่อยๆ รู้สึกตัวตื่นขึ้น ด้วยความเจ็บปวด

“อ๊อย” วินยามองไปรอบๆ อย่างไม่คุ้นเคยพลางพึมพำออกมาเบาๆ “ที่ไหน”
ทันใดนั้นเอง ผ้าที่ห่มตัวอยู่ก็เลื่อนลง วินยาเหลือบมองที่ร่างกายของตัวเองเห็นว่าท่อนบนเปล่าเปลือย วินยาถึงกับตกใจร้องลั่น
“หา! ทำไมเป็นแบบนี้”
เสียงเลาซาดังเข้ามา
“ตื่นแล้วหรือ”
วินยาตกใจรีบดึงผ้าฝ้ายมาห่มตัว เธอหันมองเลาซาอย่างเคืองแค้นเพราะคิดว่าเลาซาทำมิดีมิร้ายเธอ
“เจ้า เจ้า เจ้าทำอะไรข้า”
เลาซายิ้มมุมปากกอดอกมองวินยา
“จะปิดอีกทำไม ข้าเห็นจนเบื่อจะเห็นแล้ว”
“ไอ้เลาซา!” วินยาโมโห
“หึหึ ไฝกี่เม็ดๆ บนตัวเจ้า ให้ข้าหลับตาชี้ยังถูกเลย”
“ตายซะเถอะ!”
วินยาโกรธมากจนลืมเจ็บ เธอหยิบมีดปลายแหลมที่วางอยู่ข้างเตียงขึ้นมาตั้งท่าจะพุ่งเข้าไปแทงเลาซา เลาซาหลบแล้วจับมือวินยาบิด เขาแย่งมีดไปได้อย่างง่ายดายแล้วหมุนตัวไปซ้อนอยู่ข้างหลังล็อกตัววินยาไว้แล้ว เอามีดจ่อที่คอ
“จะโกรธอะไรนักหนา ที่ข้าเห็น...ก็เหมือนมองไข่ดาวติดฝานั่นแหละ ไม่เกิดอารมณ์พิศวาสอะไรขึ้นมาหรอก”
“หยุดนะ ไอ้ชั่ว!!” วินยาโกรธ
“หึหึ...ด่าได้แค่นี้เองเหรอ... ไม่มันเลย ข้าอุตส่าห์เห็นเจ้าทั้งตัว”
“แกมันเลวยิ่งกว่าผีนรก..ไอ้สารเลว อุบาทว์ ไอ้..” วินยาดิ้นแล้วก็เจ็บแผลเอง “อ๊อย”
เลาซามองอย่างเป็นห่วงแต่ปากยังพูดต่อว่า “สมน้ำหน้า ...เจ็บแล้วยังมาทำฤทธิ์มากอีก”
“ไม่ต้องมาพูดจาสามหาวกับข้า จะฆ่าข้าก็ฆ่า ฆ่าสิ!!”
เลาซาอึ้ง วินยาจ้องตาอย่างเอาเรื่องแล้วก็ยื่นคอเข้าไปใกล้คมมีดคล้ายจะเฉือนคอตัวเอง เลาซาร้องห้ามเสียงหลง เขารีบดึงมีดหนีแล้วอีกมือก็ล็อกวินยาเอาไว้
“อย่า”
เลาซาผลักวินยาลงไปล้มฟุบที่พื้นแล้วคำรามลั่น
“ผู้หญิงบ้า! พิเรนทร์อะไรถึงเอาคอไปรับมีด”
“ให้ข้าตายดีกว่า ให้คนอัปปรีย์อย่างเจ้ามาย่ำยีศักดิ์ศรีข้า!”
วินยาพุ่งเข้าไปต่อยเลาซา แต่เลาซาจับหมัดวินยาไว้แล้วบีบแน่น วินยาปล่อยอีกหมัดแต่ก็โดนเลาซาจับหมัดไว้ได้อีก วินยาไม่ยอมแพ้ รีบยกมือเลาซาข้างหนึ่งขึ้นกัดทันที เลาซาร้องจ๊ากแต่วินยากัดไม่ปล่อย
เลาซาตวัดมือตบหน้าวินยาจนกระเด็นออกไปชนฝาอย่างแรง ข้าวของหล่นโครมลงมากระจุยกระจาย
เลาซาหน้าเจื่อนไปเพราะไม่ได้ตั้งใจจะทำรุนแรง วินยาหันหน้ากลับมามีเลือดไหลที่มุมปากเธอ เลาซารีบวิ่งเข้าไปหาเพราะเป็นห่วง
“วินยา!”
วินยาถมเลือดใส่หน้าเลาซา
เลาซาชะงักหน้าเจื่อนถอดสีไป
วินยามองเลาซาอย่างเกลียดแค้นเหมือนชิงชังมานานนับร้อยปี
“ข้าเกลียดเจ้า เกลียดด!” วินยาเน้นคำ
เลาซา ตัวชายิ่งกว่าถูกเข็มพันเล่มแทงอกเสียอีก

ที่สะพานไม้กระดานที่ทอดข้ามแม่น้ำในป่า เลาซาใส่กางเกง เปลือยอกกำลังนั่งชันเข่า ที่มือมีผ้าพันแผลที่ถูกกัด เลาซายกมือขึ้นดู ความรู้สึกเจ็บปวดที่คิดว่าข่มได้แล้วกลับฟุ้งขึ้นมาอีก
เสียงวินยาที่เคยตะโกนใส่กลับดังขึ้นมาอีกครั้ง
“ข้าเกลียดเจ้า เกลียด!!”
เลาซามีแววตาเจ็บปวด เขาเอามือข้างที่พันแผลทุบไปกับแผ่นไม้จนเลือดอาบ เลาซาร้องลั่นเหมือนสัตว์ที่เจ็บปวด แล้วกระโจนลงไปในสระน้ำแล้วปัดตีน้ำจนกระจาย เขาร้องตะโกนไม่เป็นภาษาระบายความบาดเจ็บในหัวใจ
“อ๊าก...”

ในห้องรับประทานอาหารภายในบ้านศิริ เวลานั้นศิริกำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างมีความสุข เขาตักน้ำตาลใส่ถ้วยกาแฟไม่ยั้ง
สุภาพกับอาหลู่ที่ยืนมองอยู่ข้างๆ ตะลึง คอยนับ
“หนึ่ง สอง สาม สี่”
ศิริตักแล้วไม่ทันใจ เขาหยิบน้ำตาลเทใส่ถ้วยกาแฟทั้งถ้วย สุภาพกับอาหลู่ร้องด้วยความตกใจ
ศิริยกกาแฟขึ้นซดอักๆ จนหมดแก้ว สุภาพกับอาหลู่เข้ามาดูอย่างเป็นห่วง
“นาย!!! กาแฟถ้วยเดียวใส่น้ำตาลทั้งโถ เดี๋ยวเบาหวานได้ถามหาหรอก” สุภาพเป็นห่วง
“ก็บอกเบาหวานไปนะว่า...ฉันไม่ว่างไม่รับแขกด้วย ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”
“ยังจะมาเล่นมุกอีก...นายกินหวานอย่างนี้เดี๋ยวก็ดุแย่” อาหลู่พูด
“ก็ดีจะได้เฝ้าบ้าน ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” ศิรินึกขึ้นได้ “เฮ้ย ..ข้าไม่ใช่หมานะ”
ศิริลุกขึ้น อาหลู่นึกว่าจะต้องโดนเตะตามเคยจึงรีบยกมือไหว้
“อย่าๆ นาย อย่าเตะอาหลู่นะ อาหลู่ ล้อเล่น”
ศิริทำหน้าขึงขังเดินเข้ามาหา อาหลู่
“ฉันเป็นใคร เพื่อนเล่นเหรอ” ศิริยกมือขึ้นเหมือนจะตบ อาหลู่ร้องเสียงหลงเพราะนึกว่าโดนตบแน่ๆ
แทนที่จะตบศิริกลับยกมือทั้งสองข้างจับแก้มอาหลู่ดึงยีไปมาเล่นเอ็นดูเหมือนเล่นกับเด็ก แล้วพูดว่า
“ล้อเล่น อ่ะ ล้อเล่น ฉันก็ล้อเล่นเหมือนกัน ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ฉันมันอ่อนหวานมานาน ตอนนี้ฉันได้ยาวิเศษมาเติมเต็มความหวานให้ชีวิตแล้ว แกดีใจไหม อาหลู่”
ศิริเดินออกไปอย่างอารมณ์ดี ส่วนอาหลู่แทบลมจับ
สุภาพมองตามอย่างเป็นห่วง
“ฮึยย มีด้วยเหรอ กินน้ำตาลเพิ่มความหวานให้กับชีวิต”
“พูดจาแปลกๆ แถมไม่เตะอาหลู่ด้วยอ่ะ พี่สุภาพ” อาหลู่ว่า
“พิลึกขึ้นไปทุกทีๆ แล้ววะ นายเราท่าจะเพี้ยนไปแล้ว” สุภาพเป็นห่วง

ศิริเดินออกมาที่ระเบียงเหม่อมองออกไปเพราะคิดถึงนงนุช
“คุณต้องดูแลตัวเองให้ดี แข็งแรงแล้วจะได้ไปตามหาลูก ถ้าคุณเป็นอะไรไป แล้วใครจะช่วยลูกคุณ จริงไหมคะ” เสียงนงนุชดังในหัวศิริ
ศิริพึมพำอย่างเป็นปลื้มนงนุช
“เพราะคุณแท้ๆ ผมถึงมีกำลังใจขึ้นมา ผมอยากจะเจอคุณอีกสักครั้งแล้วผมจะไม่ปล่อยให้คุณหลุดมือไปอีกเลย”
ศิริยิ้มๆ เพ้อด้วยความคิดถึง

เวลาเดียวกันนั้น ทองอินขับรถเข้ามาที่บริเวณหน้าบ้าน แสงไฟจากหน้ารถสาดไปให้เขาเห็นว่านงนุชนั่งรออยู่ในรถที่จอดรถหน้าบ้าน ทองอินเบรกรถจอดเสียงดังเอี้ยด
นงนุชหน้าเครียดหันมามองสบตาจนทองอินตกใจ
“นุช!!!”

ทองอินนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับนงนุช นงนุชถามขึ้นอย่างร้อนใจ
“ว่าไง นายยังไม่ได้ตอบฉันเลยนะ นายเจอตัวดนัยหรือยัง ลูกชายฉันยังไม่ตายใช่มั้ย”
ทองอินมองหน้านงนุชแล้วรู้สึกสงสาร จึงตัดสินใจโกหกไป
“โอ้ย มันสบายดี ไม่ต้องห่วงหรอกนุช”
นงนุชดีใจ “จริงเหรอ ดนัยไม่ได้เป็นอะไรแน่นะ แล้วเขาอยู่ที่ไหน เป็นยังไงบ้าง”
ทองอินอึกอักเพราะกำลังคิดแต่งเรื่อง “เออ อ๋อ ก็ไม่มีอะไรมาก คือ ดนัยมันไปช่วยฉันพัฒนาหมู่บ้านในป่าน่ะ มันติดใจเลยไม่ยอมกลับเข้าเมือง”
“งั้น...ฉันขอติดรถนายกลับไปที่หมู่บ้านนั่นด้วยได้ไหม เดี๋ยวฉันจะไปขนข้าวของไปไว้ที่รถนายก่อน”
นงนุชทำท่าจะลุกขึ้นเดินไป ทองอินรีบลุกตามมาห้ามไว้เสียงหลง
“ไม่ได้ๆ อย่าไปเลยนุช”
“อ้าว ทำไมล่ะ ทำไมถึงไปไม่ได้” นงนุชสงสัย
“เออ ก็ คือ ตอนนี้ ไข้ป่ากำลังระบาดน่ะ นุช ....นี่ดนัยมันยังห้ามไม่ให้ฉันบอกเธอเลยนะ มันกลัวว่าเดี๋ยวเธอตามเข้าไป แล้วเป็นอะไรขึ้นมามันจะยุ่ง”
“อ้าว แล้วดนัย”
“มันฉีดวัคซีนป้องกันไว้แล้วล่ะ.. เธอกลับไปเถอะ ไม่ต้องห่วงแล้วล่ะนะ”
นงนุชขยับจะไปอีก “ถึงยังไง ฉันก็อยากเห็นหน้าลูกอยู่ดี”
ทองอินรีบดึงไว้ “เดี๋ยวๆ คืองี้นะนุช หมู่บ้านนี้มันอยู่ในดงผีฟ้า ไปมาลำบากมากเลยล่ะ ฉันว่าเธออย่าไปเลย กลับไปรอดนัยที่บ้านกรุงเทพก็ได้อย่าไปรบกวนเวลาลูกทำงานเลยนะ”
นงนุชอึ้งแล้วถอนหายใจ มีท่าทีอ่อนลง เธอดึงมือออกจากทองอิน
“ก็ได้ ถ้าดนัยไม่อยากให้ฉันไป ฉันไม่ไปก็ได้”
ทองอิน โล่งใจ
นงนุชทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้แล้วเหม่อออกไปภายในใจคิดถึงลูกชาย “ดนัย!! แม่จะอดทนเพื่อลูก ลูกต้องรีบกลับบ้านมาหาแม่นะ”

ดนัยกับชลิตบุกป่าออกมาที่ทางเดินหน้าถ้ำ ดนัยชี้ออกไปเพราะเห็นปากถ้ำทางเข้าเมืองลับแลอยู่ไกลออกไปไม่มากนัก
“นั่นไง ถ้ำ”
“มาถึงซะที” ชลิตดีใจ
ทั้งสองเดินไปยังปากถ้ำเมืองลับแล

ส่วนที่ทางเดินในป่า ฉวีวรรณ ดาหวัน แจ๋ กิมจิ บุญทิ้ง และอุ๊บอิ๊บ เดินมาตามทางแล้วมองเห็นถ้ำข้างหน้าเหมือนกัน
“เฮ้ย! ถ้ำอยู่นั่นไง! พวกเรามาถึงแล้ว” กิมจิบอก
“ไชโย! จะได้กลับบ้านกันแล้ว” แจ๋ดีใจ
ฉวีวรรณเองก็ดีใจ “ดนัยกับชลิต ต้องมาถึงแล้วแน่ๆ”
ดาหวันรีบเสนอ “งั้นเรารีบไปกันเถอะ”
ฉวีวรรณกับดาหวันขยับจะไปแต่อุ๊บอิ๊บยกมือห้ามทั้งสองสาวไว้
“ฉันต้องเป็นคนแรกที่เห็นหน้าพี่ดนัย ฉันต่างหากที่ต้องออกตัวก่อน”
อุ๊บอิ๊บขยับจะไป แต่แจ๋ดึงคอเสื้อด้านหลังของอุ๊บอิ๊บไว้ไม่ให้ไป
“อ๊าย” อุ๊บอิ๊บร้องลั่น
“นังปลิงภูเขา หล่อนเคยถามดนัยไหมว่ามันอยากเจอหล่อนหรือเปล่า” แจ๋ตวาดแล้วเหวี่ยงอุ๊บอิ๊บออกไปข้างหลัง บุญทิ้งรับตัวอุ๊บอิ๊บไว้ก่อนจะล้มลงไป
ฉวีวรรณ ดาหวัน แจ๋ และกิมจิเดินออกโดยไม่สนใจ
อุ๊บอิ๊บนั่งทับหลังบุญทิ้งแล้วกระแทกตัวร้องกรี๊ดๆ ส่วนบุญทิ้งร้องโอดโอย
“นังแจ๋แม่มด แก๊ แสบนักนะ” อุ๊บอิ๊บโมโห
“โอ้ย เบา คุณอุ๊บอิ๊บ ตับผมทรุดหมดแล้ว”
“ฮึย อย่าพูดมาก อารมณ์เสีย”
อุ๊บอิ๊บรีบลุกขึ้นกระแทกเท้าวิ่งตามทุกคนไป บุญทิ้งก็ลุกตามไปด้วย
“คุณอุ๊บอิ๊บ อู้ย รอผมด้วยครับ”

ฝ่ายดนัยกับชลิตเดินมาที่ปากถ้ำ ทั้งสองยิ้มให้กันอย่างมั่นใจว่าใช่แน่ แล้วทั้งสองก็เดินเข้าไปข้างในถ้ำ

ทางด้านดาหวันฉวีวรรณ แจ๋ และกิมจิ เดินมาที่หน้าถ้ำซึ่งอยู่ห่างออกมาจากบริเวณที่ดนัยกับชลิตอยู่
ดาหวันเห็นเงาคนสองคนทอดยาวออกมาจากข้างในถ้ำ ดาหวันคิดว่าเป็นชลิตกับดนัยที่อยู่ในถ้ำจึงรู้สึกลิงโลดรีบบอกฉวีวรรณ
“นั่นไงพี่หวี พี่ชลิตกับพี่ดนัย”
ฉวีวรรณยิ้มรับ ทั้งคู่รีบวิ่งเข้าไป ...
“ดนัยยย ชลิต” ฉวีวรรณตะโกน
“พี่ชลิต พี่ดนัย” ดาหวันตะโกนอีกคน
แจ๋ กิมจิ อุ๊บอิ๊บ และบุญทิ้ง ที่ตามหลังมารีบวิ่งตามเข้าไปในถ้ำเหมือนกัน
“ยายหวี ยายหวัน รอด้วย” แจ๋ตะโกน

ชลิตกับดนัยเข้ามาในถ้ำ
“หวี หวัน! พวกเรามาแล้ว” ดนัยพูด
“แจ๋ กิมจิ! อยู่ที่ไหน” ชลิตเรียก
ดนัยกับชลิตได้ยินแต่เสียงสะท้อนก้องไปมา ไม่มีเสียงตอบรับจากฉวีวรรณหรือดาหวัน
“พวกหวี ยังมาไม่ถึงอีกเหรอ” ดนัยสงสัย
“นั่นสิ...หายไปอยู่ที่ไหนกัน” ชลิตก็สงสัยเช่นกัน
ดนัยกับชลิตมองหน้ากันด้วยความกลัดกลุ้มใจ

ฉวีวรรณกับดาหวัน วิ่งนำทุกคนเข้ามาในถ้ำ โดยหมายมั่นที่จะได้เจอ ดนัยกับชลิตอย่างเต็มที่
“ดนัย” ฉวีวรรณร้องเรียก
ดาหวันส่งเสียงเรียกแต่ก็ต้องชะงัก “พี่ชะ....หา”
ฉวีวรรณกับดาหวันมองอย่างตกตะลึงตาค้างเช่นเดียวกับทุกคนที่ตามมาด้านหลัง
ภาพตรงหน้าที่ทุกคนเห็นก็คือ หัวหน้านางรำกับเหล่านางรำกลุ่มหนึ่ง ที่ต่างก็หันมองมายังกลุ่มของฉวีวรรณเป็นตาเดียว หัวหน้านางรำกับคณะนางรำทุกคนมีสีหน้าถมึงถึงด้วยความโกรธแค้น
ฉวีวรรณ ดาหวัน แจ๋ กิมจิต่างก็ตกใจ ส่วนอุ๊บอิ๊บกับบุญทิ้งมองอย่างงงๆ
“ว้าย แก๊งนางรำ!”
หัวหน้านางรำหรี่ตามองพวกฉวีวรรณและทุกคนที่อยู่ในชุดเสื้อผ้าของพวกตัวเองแล้วก็ยิ้มอย่างโหดเหี้ยม
“พวกเจ้านี่เอง!”
ฉวีวรรณ ดาหวัน แจ๋ และกิมจิหันหลังวิ่งหนีออกไป
“เผ่นเหอะ” กิมจิร้องเสียงหลง
นางรำที่เหลือซึ่งยืนอยู่ตรงซอกถ้ำกรูออกมาดักหน้าทั้งหมดไว้ พร้อมอาวุธในมือ พวกฉวีวรรณหันหน้ากลับมาทางเดิม ฝ่ายหัวหน้านางรำกับลูกน้องก็ก้าวเข้ามาเอาเรื่องอีก
“ไอ้พวกหัวขโมย ข้าไม่ปล่อยพวกเจ้าไว้แน่”
พวกฉวีวรรณถึงกับหน้าเสียด้วยความหวาดกลัว

ฝ่ายดนัยกับชลิตเดินออกมาหน้าถ้ำ ทั้งสองเหลียวมองซ้ายขวา ในใจก็รู้สึกเป็นห่วงพวกฉวีวรรณ
“ฉันเป็นห่วงพวกนั้นจริงๆ ไปหลงป่าที่ไหนหรือเปล่า” ดนัยพูด
“งั้นเราไปช่วยกันตามหา” ชลิตเสนอแล้วทำท่าขยับจะไป แต่ดนัยจับไหล่ไว้
“ฉันว่าเรารออยู่ที่นี่อีกสักพักเถอะ เดี๋ยวคลาดกันขึ้นมาจะยุ่ง”
ดนัยออกความคิดเห็น ชลิตเห็นคล้อยตามนั้น

พวกฉวีวรรณโดนพวกนางรำต้อนและผลักมาตรงหน้าหัวหน้านางรำ หัวหน้านางรำชี้หน้าอย่างเอาเรื่อง
“ชะรอยเวรกรรมมันตามทันพวกเจ้า ข้าถึงได้แวะพักกลางทางที่นี่ พวกเจ้ามันแสบจริงๆ ดูซิดู ข้าเป็นถึงหัวหน้านางรำ ประจำวังเจ้าแม่กลับกลายเป็นชีเปลือยเยี่ยงนี้”
นางรำคนหนึ่งซึ่งใส่ชุดของกิมจิอยู่ร้องบอกหัวหน้านางรำ “จัดการมันเลยเจ้าค่ะ มันเอาชุดผู้ชายมาให้ข้าใส่ด้วย”
หัวหน้านางรำมองไปที่กิมจิกับบุญทิ้งพอดี
“ผู้ชายหรือ?”
กิมจิ กับบุญทิ้งถึงกับสะดุ้ง
นางรำอีกคนมองตาม “ว้ายจริงด้วย ผู้ชายน่ากอด “ นางรำคนนั้นอ้าแขนทำท่าจะเข้าไปกอด
หัวหน้านางรำรีบดึงหลังนางรำคนนั้นแล้วผลักออกไป
“เดี๋ยว งดหื่นก่อนยะ”
หัวหน้านางรำทำท่าจะเข้าไปกอดบุญทิ้งแทน
“มะ ข้าเอง”
กิมจิกับบุญทิ้งรีบหยิบพระเครื่องที่ห้อยคอออกมาชู
“อย่านะ ฉันมีพระ”
“เฮ้ย ข้าไม่ใช่ผี! แล้วก็ข้าไม่มีทางยอมให้ผู้ชายอย่างพวกเจ้าลอยนวล พวกเจ้าต้องถูกจับไปตัดหัว” หัวหน้านางรำบอก
หัวหน้านางรำทำท่าจะเข้ามาจัดการ แต่กิมจิหลบแล้วเอาสไบปิดหน้าปิดตา
ฉวีวรรณกับดาหวันมองตากันแล้วรีบเข้ามาขวางหน้า
“คุณแม่เข้าใจผิดแล้วค่ะ เพื่อนหนูเป็นผู้หญิงทั้งคู่เลย”
“จริงด้วยค่ะ” ดาหวันหันไปหลิ่วตากับกิมจิและบุญทิ้ง “เนี่ยสองคนเนี้ย ...คือแบบว่าเขาเลือดลมไม่ค่อยปกติค่ะ ก็เลยคล้ายผู้ชาย”
“โกหก ข้าได้ยินกับหู เสียงมันทั้งคู่งี้ห้าวเป็นแมลงตัวผู้เลยเชียว”
แจ๋รีบศอกใส่กิมจิ กิมจิกระเด้งตัวออกไป ร้องเสียงหลงเป็นผู้หญิงขึ้นมาทันที
“โอ้ย ใครว่าคะ คุณแม่” กิมจิชี้ตัวเองกับบุญทิ้ง “ลิ้นจี่กับแคนตาลูป เป็นผู้หญิงจริงๆ นะคะ”
บุญทิ้งเหลียวหน้ามามองอย่างงง
“แคนตาลูป!!”
“ฮันแน่ แคนตาลูปก็ อำเราอีกแล้วใช่มั้ย ชอบทำเป็นความจำเสื่อมเรื่อยเชียว” กิมจิขยิบตาให้ “ขำจริงๆ เลยนะ ฮ่าฮ่าฮ่า”
“แต่ข้าไม่ขำ ข้าไม่เชื่อด้วยว่า” หัวหน้านางรำชี้บุญทิ้ง “นางเป็นผู้หญิง”
บุญทิ้งหน้าตื่นเพราะไม่กล้าโกหก เขารีบโบกไม้โบกมือ
“เห็นมั้ย ไม่ใช่ใช่มั้ย”
อุ๊บอิ๊บเห็นท่าไม่ดีรีบหยิกก้นบุญทิ้งทันที บุญทิ้งร้องออกมาเป็นเสียงหญิงทันทีเช่นกัน
“อ๊าย ไม่ช้ายย...ไม่ใช่ผู้ชายค่าา”
บุญทิ้งออกกริยาตุ้งติ้งขึ้นมาทันที
“กราบสวัสดีคุณแม่นะคะ เมื่อกี้แคนตาลูปภูมิแพ้ขึ้น เสียงเลยแมนไปนิสนึงค่ะ แคนตาลูปเป็นผู้หญิงร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่เชื่อจับดูก็ได้นะคะ”
บุญทิ้งจับมือหัวหน้านางรำจะให้มาจับที่เป้าของตัวเอง หัวหน้านางรำร้องเสียหลงรีบดึงมือออก
“บ้า บัดสีบัดเถลิง เป็นผู้หญิงยิงเรือ จะให้ข้าไปคลำเป้าเจ้าได้ยังไง”
กิมจิกับบุญทิ้งชี้มือ มาที่ตัวเองแล้วโพสท่าเป็นผู้หญิง “นั่นแน้ เชื่อแล้วใช่มั้ยคะว่าเราเป็นผู้หญิง!!”
ฉวีวรรณกับดาหวันถอนใจอย่างโล่งอก
แจ๋กับอุ๊บอิ๊บทำท่าจะตบมือกัน แต่นึกได้ว่าไม่ถูกกันเลยเชิดใส่กันแทน
ฉวีวรรณไปพูดกับหัวหน้านางรำ “คุณแม่นางรำคะ พวกเราหลงทางมาค่ะ พวกเราอยากจะไปถ้ำเออ..ถ้ำที่มันขึ้นไปเมืองมนุษย์ได้น่ะคะ”
“คุณแม่พอจะบอกทางพวกเราได้ไหมคะ” ดาหวันเสริม
“อุ้ย จะไปทำไมล่ะ ...กลับเข้าเมือง ไปเป็นนางรำของคุณแม่ดีกว่าหน้าตาหนูๆ จิ้มลิ้มสวยกันทั้งคู่เลยนะ รับรองว่าคุณแม่จะปั้นให้ดังเป็นพลุแตกเลย”
“ไม่ล่ะคะ พวกเราอยากไปถ้ำ....” ฉวีวรรณยังพูดไม่ทันจบ หัวหน้านางรำก็สั่งลูกน้องตัวเองทันที
“จับตัวไว้ให้หมด เอากลับคณะเราเดี๋ยวนี้”
พวกนางรำกรูเข้ามารุมล้อมจับตัวพวกฉวีวรรณ บางคนถือไม้ไว้ขู่ด้วย
“โอ้ย จะจับพวกเราทำไม ปล่อยนะ” ดาหวันโวยวาย
“พวกเจ้าขโมยของข้า พวกเจ้าก็ต้องไปเป็นนางรำ ใช้หนี้ข้าสิ ถึงจะถูกต้อง” หัวหน้านางรำหันไปสั่งลูกน้อง “เอาตัวไป”
พวกฉวีวรรณโดนรุมล้อมจับมัดมือมัดเท้า ทุกคนพยายามร้องขอความช่วยเหลือ

แสงเพชรกับแสงหล้า และชบา ดอกเข็ม เดินเข้ามาในห้อง กลุ่มของธนวัติ พาณิชย์ ธานี กาซู อยู่ในชุดใหม่ และนั่งรออยู่ที่เก้าอี้ ต่างลุกขึ้นต้อนรับ
“เจ้าแม่...ขอบคุณมากสำหรับ เสื้อผ้าใหม่” ธนวัติกล่าว
“อาหารเมืองนี้ ก็อร่อย โดยเฉพาะไส้อั่วเนี้ย สุดยอด ฮ่าฮ่า” ธานีเสริม
“มันก็ต้องอยู่แล้ว ข้าให้เขาใส่เนื้อจิ้งเหลนลงไปด้วยย” ชบาบอก
“อะไรนะ จิ้งเหลนเหรอ “ ธานีหันไปจะอาเจียน
ธนวัติเข้าไปทุบหลังธานี “ป๊า รักษาหน้าผมหน่อย ..เรามีเรื่องสำคัญต้องคุยนะ”
“เอาล่ะ ไหนบอกมาซิ ทำไมพวกเจ้าถึงต้องตามหา ดนัยกับชลิตด้วย” แสงเพชรเข้าเรื่อง
ธนวัติหันไปตอบ “ไอ้ดนัยกับชลิต ลักพาตัวคู่หมั้นของฉันกับน้องชายมา”
ธนวัติมองที่พาณิชย์ พาณิชย์พยักหน้ารับแล้วพูดต่อ
“แล้วเธอ เอ้ย เจ้าแม่ต้องการตัวไอ้ดนัย..”
“นี่ช่วยเรียกท่านพี่ดนัยให้มันเพราะๆ หน่อยได้ไหม ท่านพี่ดนัยน่ะ เป็นถึงว่าที่เจ้าบ่าวของเจ้าพี่แสงเพชรเชียวนะ”แสงหล้าขัด
“อะไรนะ!! “ กลุ่มของธนวัติร้องขึ้นพร้อมกัน
“ก็ใช่นะสิ ท่านพี่ดนัยเป็นเจ้าบ่าวพี่แสงเพชร ส่วนท่านพี่ชลิตก็เป็น” แสงหล้ายิ้มเขิน “เป็นว่าที่เจ้าบ่าวของข้าเอง!”
“เป๊ะเลย สองคู่ชู้ชื่น” พาณิชย์หลุดปาก
“มันก็ใช่นะ ถ้าไม่มีสองนางพี่น้องนั่นมาพาว่าที่เจ้าบ่าวหนีเราไปเสียก่อน” แสงเพชรกล่าว
“ฉวีวรรณ กับ ดาหวันน่ะเหรอ” ธนวัติถาม
“เจ้ารู้จักสองนางนั่นด้วย” แสงเพชรสงสัย
“แน่นอน ฉวีวรรณกับดาหวันเป็นว่าที่คู่หมั้นของฉันกับน้องชายไงล่ะ”
ธานีกับกาซูมองหน้ากัน ธานียักคิ้วให้กาซูจัดการ กาซูยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วพูด
“แล้วเจ้าแม่อยากได้ตัวว่าที่เจ้าบ่าวคืนไหมล่ะ”
“เจ้ารู้หรือว่า ดนัยกับชลิตอยู่ไหน” แสงเพชรสนใจ
กาซูยิ้มเจ้าเล่ห์ “ข้าทำได้ดีกว่านั้นอีก ไม่เกินรุ่งเช้าไอ้สองคนนั่นจะกลายเป็นทาสเทวีของเจ้าแม่ทั้งสองอย่างแน่นอนข้าฟันธง!!”
“มันจะเป็นไปได้ยังไง” แสงหล้าสงสัย
“ข้ามีวิธีก็แล้วกัน แต่ถ้าจะให้ข้าช่วย ก็ต้องมีอะไรที่มีค่าคู่ควรตอบแทนด้วย”
แสงหล้ากับแสงเพชรอึ้งไปพักหนึ่ง ก่อนที่แสงเพชรจะตัดสินใจเด็ดขาด
“ได้! ถ้าข้ากับน้องสาวของข้าได้แต่งงานกับดนัยและชลิต เพชรพลอยทั้งหมดที่ข้ามีอยู่ ข้าจะยกให้พวกเจ้าครึ่งหนึ่ง!!”
ธานี ธนวัติ และพาณิชย์ตาลุกวาว ส่วนกาซูหัวเราะก้อง
“ดี! ตอนนี้พลังของข้ากลับคืนมาเต็มที่แล้ว ขอให้ทุกคนทำตามที่ข้าสั่งแล้วข้าจะทำพิธีให้เจ้าแม่สมหวังให้ความรักเอง ฮ่าฮ่าฮ่า”
กาซูหัวเราะก้องอย่างมีอำนาจ ธานี ธนวัติ พาณิชย์ พลอยยิ้มกระหยิ่มไปด้วย

ในห้องมืดๆ แห่งหนึ่งภายในวังแสงเพชร กาซูกำลังตั้งโต๊ะทำพิธีกรรม เขานั่งทำพิธี สวดมนต์อย่างขึงขัง ธานี ธนวัติ พาณิชย์ แสงเพชร แสงหล้า ชบา และดอกเข็ม นั่งห่างออกมาอยู่ด้านหลัง
กาซูสวดไปสักพัก ประตูหน้าต่างก็เปิดปิดได้เอง มีลมพายุพัดเข้ามา ทุกคนร้องอย่างตื่นตระหนก กาซูเอาเทียนหยดลงในหม้อน้ำมนต์แล้วบริกรรมคาถา
กาซู เอาผงสีขาวซัดใส่หม้อน้ำมนต์จนเกิดเป็นควันสีขาวลอยออกมาจากหม้อน้ำมนต์ ทันใดนั้นเองก็มีเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าสะเทือนเลื่อนลั่น ชบากับดอกเข็มกลัวจนต้องกอดกันกลม
ควันสีขาวค่อยๆ จางหายไป กาซูค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างมีพลัง
“ข้าเสกน้ำมหาเสน่ห์เสร็จแล้ว” กาซูหันไปหาแสงเพชรและคนอื่นๆ “ไปเอาตัวเจ้าบ่าวของพวกเจ้ามา
ซะ!!”
ทุกคนเลิกลั่กด้วยความงง แสงเพชรถามขึ้น
“ถ้าข้ารู้ ข้าก็ไปจับตัวมาแล้วละ...แต่นี่...”
“ไม่ต้องห่วง ญานของข้าบอกข้าแล้วว่าพวกมันอยู่ที่ไหน” กาซูยิ้มตอบอย่างร้ายกาจ

ในช่วงเวลานั้น ดนัยกำลังนั่งพิงผนังถ้ำหลับอยู่ จู่ๆ เขาก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาและเหงื่อแตก
“อย่า..!!!”
ชลิตที่นั่งสัปปะหงกอยู่อีกมุมก็สะดุ้งตื่นตามไปด้วย
“ดนัยนั่นแก...ฝันร้ายเหรอ”
ดนัยถอนหายใจ แล้วหันไปคุยด้วย
“ฉันคงเครียดมากไปหน่อย ...เป็นห่วง..เออ” ดนัยจะบอกว่าฉวีวรรณแต่ก็เกรงใจชลิต
“ไม่ต้องบอกก็รู้ แกคงเป็นห่วงหวันล่ะสิ”
ดนัยอึ้งไปแล้วยิ้มเศร้าๆ
“ก็เหมือนแกนั่นแหละที่เป็นห่วง หวี”
ชลิตสะท้อนใจเพราะใจจริงเขาเป็นห่วงดาหวัน
“นี่มันก็ใกล้จะเช้าแล้ว ยังมาไม่ถึงแบบนี้ ไม่ใช่พวกเจ้าแม่จับตัวไปแล้วเหรอ” ดนัยพูดด้วยความเป็นห่วง เขารีบลุกขึ้นทำท่าจะไป ชลิตลุกตามขึ้นมาแล้วถามดนัยว่า
“แกจะไปไหน”
“กลับไปที่วังเจ้าแม่ไง ให้เขาจับตัวฉันไปเลย ฉันยอมแลกชีวิตฉันเพื่อคนที่ฉันรัก”
“ฉันก็เหมือนกัน!! ถ้าจะต้องตายเพื่อให้คนที่ฉันรักปลอดภัย ฉันก็ยอม!!” ชลิตกล่าว
ดนัยอึ้งไปเพราะคิดว่าชลิตหมายถึงฉวีวรรณ ชลิตหันมามองดนัย
“แกคงรักเขามากสินะ” ดนัยถาม
“ก็เท่าๆ กับความรักของแกนั่นแหละ”
ชลิตพูดพลางมองดนัยด้วยสายตาเจ็บปวดเพราะเข้าใจว่าดนัยยังคงรักดาหวันอยู่ แต่ดนัยกลับหลบสายตาเขา
“อย่าเอาความรักของฉันไปเปรียบกับแกเลย มันไม่มีค่ามากขนาดนั้นหรอก”
“หมายความว่ายังไง” ชลิตสงสัย
ดนัยค่อยๆ หันกลับมาสบตากับชลิต แล้วเขาก็ตัดสินใจสารภาพ
“ฉันคงรักหวันได้ไม่เท่ากับที่แกรักหวี”
ชลิตแปลกใจ “เพราะอะไรวะ”
“เพราะฉันรัก...” ดนัยกำลังจะหลุดปากบอกว่าเขารักฉวีวรรณ แต่ยังพูดไม่จบก็ได้ยินเสียงสวบสาบดังมาจากด้านหน้าทำให้ชลิตหมดความสนใจเรื่องที่ดนัยพูดไปชั่วขณะ ชลิตรีบวิ่งออกไปอย่างลืมตัว
“หวัน!”
ดนัยรีบวิ่งตามออกไปทันที

ชลิตกับดนัยวิ่งมาที่หน้าถ้ำเมืองลับแล
“หวันใช่มั้ย หวะ..” ชลิตชะงักไป ทั้งชลิตกับดนัยต้องตะลึง เมื่อเห็นว่าพวกองครักษ์และทหาร ล้อมเอาไว้หน้าถ้ำเต็มไปหมด
“พวกคุณ มาได้ยังไง” ดนัยสงสัย
“จับมันทั้งสองคน” องครักษ์สั่งทหาร
สิ้นคำองครักษ์ พวกทหารก็กรูเข้าไปล้อมทั้งสองคนและเอาดาบจ่อคอไว้
ดนัยกับชลิตหน้าตื่น พวกเขาถูกดาบจ่อคอจนไม่สามารถกระดิกตัวได้

องครักษ์กับทหาร จับกุมตัวลิตกับดนัย เข้ามาในห้องที่กาซูทำพิธี
“ปล่อยฉันนะ ปล่อย” ดนัยกับชลิตร้องโวยวาย
แสงหล้ากับแสงเพชรมองแล้วยิ้มอย่างดีใจ
“เจ้าพี่ชลิต” แสงหล้าร้องเรียก
“ดนัย....ในที่สุดข้าก็หาเจ้าจนเจอ” แสงเพชรกล่าว
ดนัยมองทุกคนเห็นธนวัติ กาซู ธานี พาณิชย์ ยืนอยู่กับพวกเจ้าแม่ด้วยก็แปลกใจ
“นี่พวกแก พวกแกมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
ธนวัติหัวเราะชอบใจ
“หึหึหึ คนมีบุญอย่างพวกฉัน ไปที่ไหนก็ต้องอยู่ในระดับวีไอพีอยู่แล้ว”
“พวกเราเป็นแขกพิเศษของเจ้าแม่ทั้งสอง รู้ไว้เสียด้วย” พาณิชย์กล่าว
“เอาล่ะ กาซู เริ่มพิธีเลยเถอะ จัดไปอย่าให้เสีย” ธานีบอก
“พิธีอะไรอีก พวกแกจะทำอะไรฉัน” ชลิตสงสัย

กาซูยิ้มร้ายๆ ไม่ตอบอะไร แต่ใช้กระบวยตักน้ำจากหม้อน้ำมนต์ใส่ถ้วยทองเหลือง 2 ใบ เขาเอาไปยื่นให้แสงเพชรกับแสงหล้าคนละใบ
“เอาน้ำมหาเสน่ห์นี้ ไปให้มันทั้งสองคนดื่ม แล้วมันจะรักใคร่สิเน่หาในตัวเจ้าแม่ทั้งสอง จนโงหัวไม่ขึ้น”
ดนัยกับชลิตถึงกับตกใจจนตาเหลือก
“อย่านะ “
“ปล่อยฉัน”
แสงเพชรกับแสงหล้าถือแก้วน้ำเดินเข้ามาหาดนัยกับชลิต
“ดื่มซะ เจ้าพี่ชลิต” แสงหล้าสั่ง
“อย่าทำแบบนี้เลยนะ แสงหล้า การใช้วิธีสกปรกอย่างนี้ มันเท่ากับว่าเธอ กำลังดูถูกตัวเองอยู่นะ” ชลิตพยายามเตือนสติ
แสงหล้ามองชลิตอย่างเจ็บปวด “เจ้าพี่”
“เจ้าล่ะ ดนัย หยิ่งในศักดิ์ศรีเหมือนเพื่อนเจ้าหรือเปล่า” แสงเพชรถาม
“ฉันไม่ได้หยิ่ง แต่มันเป็นเพราะฉันไม่ได้รักเธอ...เข้าใจมั้ยแสงเพชร ฉันไม่มีวันรักเธอ “ ดนัยตอบ
แสงเพชรโกรธมากสั่งทหารเสียงลั่น
“จับให้แน่น!”

องครักษ์และทหารช่วยกันจับดนัยให้แน่นขึ้นอีก แสงเพชรบีบแก้มดนัยให้อ้าปาก
ชลิตมองอย่างตกใจ เขาพยายามที่จะช่วยเพื่อน
“ดนัย! อย่าทำเพื่อนฉัน”
แสงหล้าเห็นดังนั้นก็รู้สึกฮึดขึ้นมาบ้าง เธอสั่งทหารเสียงเข้ม
“เปิดปาก!”
ทหารที่กุมตัวชลิตบีบปากชลิตให้อ้าออก ชลิตถึงกับร้องลั่น
แสงหล้ากรอกน้ำใส่ปากชลิตเช่นกัน ชลิตดิ้นทุรนทุรายอย่างหนักก่อนจะค่อยๆ หมดแรง
แสงเพชรกรอกน้ำเข้าปากดนัยแล้วบังคับให้เขากลืนลงคอไป
ดนัยโดนกรอกน้ำจนหมด แล้วเกิดอาการเหมือนเมาคอพับไปเช่นเดียวกับชลิต
กาซูหัวเราะขึ้นมาอย่างพอใจ
ธานีรู้สึกแปลกใจจึงถาม “คอพับคออ่อนอย่างนั้น นั่นมันตายหรือเปล่า กาซู”
“หึหึ...ถูกต้อง! มันตายแล้ว”
ทุกคนหันขวับไปมองกาซู
“อะไรนะ” แสงเพชรกับแสงหล้าร้องตกใจพร้อมกัน
“ข้าหมายถึง มันตายจากคนเดิมแล้วเกิดเป็นคนใหม่ที่มีหัวใจไว้สำหรับรักเจ้าแม่ทั้งสองเท่านั้น”
แสงเพชรกับแสงหล้าปลื้มจนหน้าบาน
“จริงเหรอ”

ดนัยกับชลิตค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา ทั้งสองมีสีหน้าเรียบนิ่งแต่พอเห็นแสงหล้ากับแสงเพชรก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจ เพราะโดนฤทธิ์ยาเสน่ห์ครอบงำแล้ว
“แสงเพชร!” ดนัยเรียก
“แสงหล้า!” ชลิตเรียกบ้าง
ดนัยกับชลิตโผเข้าไปกอดแสงเพชรกับแสงหล้าทันที
“ผมคิดถึงคุณเหลือเกิน รู้ไหมว่าผมใจจะขาดที่ไม่ได้อยู่ใกล้คุณ” ดนัยกล่าว
“ผมกลับมาแล้วแสงหล้า ผมจะไม่จากคุณไปไหนอีกแล้วนะจ๊ะที่รัก” ชลิตบอก
ดนัยกับชลิตโอบกอดแสงเพชรกับแสงหล้า แสงเพชรกับแสงหล้ายิ่งกอดให้แน่นขึ้นไปอีก
ธนวัติ พาณิชย์ ธานีมองภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึง แล้วหันไปมองกาซู
“ไม่น่าเชื่อ!” ธนวัติร้องออกมา
กาซูยิ้มพอใจที่ทุกอย่างสำเร็จลงด้วยดี
พาณิชย์ยกนิ้วให้ “สุดยอดเลย กาซู”

“เห็นฝีมือข้าหรือยัง ฮ่าฮ่าฮ่า...”

อ่านต่อหน้า 2





หอบรักมาห่มป่า ตอนที่ 18 (ต่อ)

ทองอินกลับมาที่หมู่บ้านชาลันอีกครั้ง พอมาถึงก็เดินไปยังหน้าบ้านสางโป และก็เจอกับสางโปที่เดินลงมาพอดี

“ลุงสางโป” ทองอินเรียก
“ป่าไม้ทองอิน กลับมาแล้วหรือ “
“ได้ข่าววินยาบ้างหรือยังครับ” ทองอินถาม
สางโปหน้าเจื่อนแล้วส่ายหน้า ทันใดนั้นเองเสียงนงนุชก็ดังเข้ามา
“ทองอิน!!”
ทองอินหันไปมองแล้วก็ตกใจที่เห็นนงนุช นงนุชยิ้มกว้างเดินเข้ามาหาทองอิน สางโปมองอย่างงงๆ
“นี่เธอมาได้ยังไง” ทองอินแปลกใจ
“ฉันก็แอบตามเธอมาน่ะสิ ไม่เห็นยาก” นงนุชตอบ
ทองอินเกาศีรษะ “ทำไมถึงดื้ออย่างนี้นะ นิสัยเหมือนลูกชายไม่มีผิด”
นงนุชยกมือไหว้สางโป
“สวัสดีค่ะ คุณลุง”
สางโปมองงงๆ แล้วเลิกหน้าขึ้น
“ฉันชื่อนงนุช เป็นแม่ของดนัยนะคะ” นงนุชแนะนำตัว
ทองอินหน้าเสีย พยายามขยิบตาให้สางโป แต่สางโปไม่เข้าใจ
“อ๋อ แม่ของดนัยหรือ มาทำอะไรที่นี่ล่ะ” สางโปถาม

ศิริเปิดประตูลงมาจากรถที่กลางหมู่บ้านชาลัน เขาปิดประตูดังปัง แล้วสั่งลูกน้องสองโก๊ะ
“แยกกันไปดูซิ ยายหวียายหวันอยู่ที่ไหน”
สุภาพกับอาหลู่รับคำ แล้วแยกกันไปอีกทาง ในขณะที่ศิริเดินไปอีกทาง

ที่หน้าบ้านสางโป นงนุชชะเง้อมองหาลูก เธอยังเซ้าซี้ถามไม่เลิก
“ฉันมาเยี่ยมน่ะค่ะ แล้วตอนนี้ ดนัยอยู่ที่ไหนคะ”
สางโปส่ายหน้า แต่ทองอินพยักหน้า
“ไม่อยู่” สางโปตอบ
“อยู่” ทองอินตอบขึ้นพร้อมกัน แต่ตอบไปคนละทาง

สางโปชะงักมองหน้าทองอิน นงนุชมองอย่างงง
“ตกลงมันยังไงกันแน่คะ” นงนุชแปลกใจ
ทองอินขยิบตาให้สางโป แต่สางโปยังไม่เข้าใจ
“ตาเป็นอะไร ทองอิน กระตุกข้างขวาเสียด้วย โบราณว่าจะเกิดเรื่องร้าย”
ทองอินส่ายหน้าเซ็งๆ “โธ่ ลุง...ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย.. สมพรปากลุงล่ะครับ ซวยแล้วจริงๆ”
อีกด้านหนึ่ง ศิริเดินเข้ามาเห็นนงนุชก็ยิ้มอย่างดีใจ เขากำลังจะยกมือเรียก แต่นงนุชแผดเสียงขึ้นมาเสียก่อน
“นี่เล่นอะไรของนาย น่ะ ทองอิน ตกลง ดนัยลูกชายฉัน เขาอยู่ที่นี่หรือเปล่า”
ศิริฟังแล้วอึ้งไปทันที เพราะนึกไม่ถึงว่านงนุชจะเป็นแม่ของดนัย
ส่วนทองอินไม่รู้จะทำยังไง ฉวยมือนงนุชแล้วดึงเดินมาทางที่ศิริยืนอยู่
“ฉันว่า เธอกลับไปก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันจะอธิบายให้ฟัง”
“ไม่ ฉันไม่กลับ” นงนุชยืนกราน
ทันใดนั้นเอง ศิริกับนงนุชก็หันมาเจอกัน ทั้งคู่ต่างมองสบตากัน นงนุชดีใจที่ได้เจอศิริอีกครั้ง
“คุณ...คุณมาที่นี่ได้ยังไงคะ”
ขณะนั้นเอง สุภาพกับอาหลู่วิ่งเข้ามาหาศิริ
“นาย โอ้ย...ไม่เจอคุณหวีกับคุณหวันเลยครับ” สุภาพหอบ
“หวี หวัน?” นงนุชแปลกใจ
“พวกเราหาจนทั่วแล้ว .. ลูกสาวนายไม่ได้อยู่ที่นี่หรอก” อาหลู่เสริม
“ลูกสาว?” นงนุชมองหน้าศิริแล้วก็ตะลึง “อย่าบอกนะว่า คุณเป็นคุณพ่อของหนูฉวีวรรณกับดาหวัน”
“แล้วคุณล่ะ ..เป็นแม่บังเกิดเกล้าของนายดนัยจริงๆเหรอ” ศิริตะลึงไม่แพ้กัน

นงนุชอึ้งไปยังไม่ทันตอบอะไร ศิริเหลือบตาขึ้นมาเห็นเงาคนวูบไหวอยู่ที่หน้าต่างห้องนอนบ้านสางโป
“นายดนัย นั่นแกใช่มั้ย” ศิริตะโกนลั่น เขารีบพุ่งไปก่อนเพื่อน เดินขึ้นบ้านตึงๆ นงนุชตามไปด้วย
“ดนัย!!” นงนุชนึกว่าลูกชายรีบวิ่งตามไป
คนที่เหลืองงๆ แต่ก็รีบตามขึ้นไปด้วย

ศิริเปิดประตูผัวะเข้ามาในห้องนอนบ้านสางโป ตั้งใจจะเอาเรื่องดนัยเต็มที่ ศิริเห็นว่ามีคนเอาผ้าห่มคลุมโปงอยู่บนเตียง ตัวสั่นยุกยิก
“ไอ้ดนัย แกเอาลูกสาวฉันไปไว้ไหน”
ศิริเห็นไม้ตะพดในห้อง จึงหยิบขึ้นมาทำท่าจะเข้าไปฟาด นงนุชถลาเข้ามากัน แล้วจับไม้ตะพดที่อยู่แถวนั้นดันสู้กับศิริ
“อย่านะ อย่ามารังแกลูกฉันนะ” นงนุชผลักสุดแรง
ศิริผงะ “ฮึยย เลี้ยงเป็นลูกแหง่อย่างงี้สิ นายดนัยถึงได้อีคิวต่ำ คอยสร้างปัญหาให้คนอื่นเดือดร้อน”
“ฉันว่าหนูฉวีวรรณดาหวัน ต่างหากที่ต้องอับอาย เพราะดันมีพ่อที่ไม่มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ เผด็จการ บ้าอำนาจ ไร้มนุษยธรรม แล้วยังปากโสโครก”
“พอได้แล้ว จะด่าอะไรนักหนา” ศิริตวาด
“ฉันถือคติ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน”
นงนุชผลักเต็มแรงจนศิริล้มหงายหลังไปทับสุภาพกับอาหลู่
“จำใส่สมองคุณไว้เลยนะ แม่เสืออย่างฉันฆ่าได้ แต่ทำอันตรายลูกฉันไม่ได้” นงนุชขู่
ศิริสะดุ้งรู้สึกขยาด นงนุชตรงไปที่เตียงเตรียมจะดึงผ้าห่มออก
“ดนัย เป็นไงบ้างลูก”
ทองอินรีบเข้าไปขวางไว้
“อย่า นุช”
“เอ๊ะ จะอะไรอีก”
“คือ ดนัย มันเป็นไข้ป่า เห็นไหม สั่นงั่กๆ เลย นุชออกไปก่อนเถอะ เดี๋ยวจะติดไข้ป่าไปด้วยนะ” ทองอินพยายามจะดันออกไป
“ฉันไม่กลัวหรอก ทองอิน” นงนุชบอก
“ไปเถอะ” ทองอินย้ำ
นงนุชผลักทองอินออก “ถอยไป”
นงนุชรีบพุ่งไปที่เตียง อารามดีใจว่าจะได้เจอลูก นงนุชเรียกดนัยเสียงแจ้ว
“ดนัย”
พอดึงผ้าห่มขึ้นก็พบว่าเป็นดาเนายิ้มแป้นแล้นมีกบวางแหมะอยู่บนศีรษะ นงนุชตะลึง กบกระโดดขึ้นใส่ เธอร้องกรี๊ด แล้วหงายหลังตึงเป็นลมล้มพับไป
ทองอิน สางโป ตรงเข้ามาดูด้วยความตกใจ ศิริเป็นห่วงนงนุชแต่ทำฟอร์มไม่สน ยังคงยืนอยู่กับสุภาพและอาหลู่

วินยา นั่งพิงขอบเตียงอยู่ในกระท่องมลาซา เธอยกมือจับที่ไหล่ข้างที่เป็นพันแผลไว้ ร้องเจ็บเบาๆ
“อ๊อย ...เมื่อไรจะหายเสียที”
เสียงประตูเปิดออก วินยามองไปเห็นเลาซาก้าวเข้ามาพร้อมชุดใหม่เป็นชุดกระเหรี่ยงสำหรับผู้หญิงอยู่ในมือ วินยาเชิดหน้าขึ้นมองเลาซาอย่างเกลียดชัง
“ข้าหาชุดใหม่มาให้”
เลาซาโยนเสื้อผ้าลงที่เตียงข้างๆตัว วินยา
“รีบเปลี่ยนซะล่ะ จะได้กินข้าว”
เลาซาหันจะเดินออกไป วินยาหยิบชุดปาไปใส่หลังเลาซา เลาซาชะงักและหันมา
“ข้าไม่เปลี่ยน ไม่อยากแตะให้เป็นเสนียดด้วยซ้ำ”
วินยามองอย่างเย้ยหยัน เลาซาสะกิดใจแต่ยิ้มกวนที่มุมปาก
“อ้อ...กลัวติดเสนียด...ไม่เป็นไร”.
เลาซาทำเป็นหยิบชุดที่ตกพื้นขึ้นมาปัด แล้วอยู่ๆ ก็พุ่งเข้าไปที่วินยา แบบไม่ทันให้วินยาตั้งตัว เลาซาดึงผ้าที่คลุมตัววินยาออกแล้วโยนทิ้ง วินยากรี๊ดลั่นรีบยกมือขึ้นปิดหน้าอกตัวเองแล้วหันหลังให้เลาซาทันที
“ไอ้ผีนรกเลาซา!! ฉันจะแช่งให้แกให้ตายอย่างทุรนทุราย ทรมานที่สุด” วินยาโกรธ
“หึ ปากด่าแต่ การแสดงมันนางยั่วชัดๆ!!!”
“หยุดนะ ไอ้ปากสกปรก!!!”
“แทงใจดำล่ะซิ” เลาซาหัวเราะ
เลาซาเดินมานั่งที่เตียงข้างๆ วินยา วินยารีบห่อตัวบิดหลบ เลาซามองวินยาด้วยสายตาของผู้ชายที่มองผู้หญิงจนวินยารู้สึกได้
“แกจะทำอะไร ออกไปนะ”
“ที่ไม่อยากเปลี่ยนชุด เพราะกิจกรรมบางอย่างมันไม่ต้องใส่เสื้อผ้าสินะ”
“หน้าด้าน!! ใจต่ำ พูดมาแต่ละคำมีแต่เรื่องเสื่อมๆ ทั้งนั้น”
“ถ้าอยากให้ข้าปล้ำ ก็บอกมาตรงๆ ไม่ต้องลีลามาก”
เลาซายื่นหน้ามาใกล้ วินยาหวีดร้องพร้อมขยับตัวหนี
“ไปให้พ้น!! ออกไป”
“จะให้ไปไหนล่ะ ข้ายังไม่ได้เปลี่ยนชุดให้เจ้าเลย” เลาซาหยิบชุดใหม่ที่ตกอยู่ขึ้นมา “หันมาข้าจะเปลี่ยนชุดให้เจ้าเอง”
“อย่านะ!! อย่ามาแตะต้องตัวข้า” วินยาร้องลั่น
“เอ้า...ก็เจ้าไม่ยอมเปลี่ยนเอง ข้าก็จะเปลี่ยนให้ไง มะ อย่าเรื่องมาก หันมากางแขนออกด้วย”
วินยากรี๊ด ขยับถอยแล้วรีบพูด
“ไม่ต้องมายุ่ง ข้าใส่เองได้”
เลาซายิ้มโยนชุดใส่วินยา
“ก็แค่นี้” เลาซาโยนชุดให้แล้วหัวเราะกวนใส่วินยา เลาซาลุกเดินออกไป วินยามองตามอย่างเข่นเขี้ยวเกลียดชัง ตอนนั้นเองที่เลาซาหันกลับมาใหม่
“ข้าขอสั่งเจ้า อย่าหนีเด็ดขาด” เลาซาน้ำเสียงจริงจัง
เลาซาหันเดินออกไปแล้วปิดประตูปัง!! วินยามองตามอย่างชิงชังพึมพำอยู่คนเดียว
“นึกว่าข้าจะกลัวหรือ ไอ้เลาซา ข้าหนีแน่!!”

ที่หน้าบ้านนางรำในเมืองลับแล ฉวีวรรณ ดาหวัน แจ๋ กิมจิ บุญทิ้ง และอุ๊บอิ๊บอยู่ในชุดนางรำชาวเหนือ มีดอกไม้ติดผมมวยกำลังฟ้อนหมุนมือกันไปมาอยู่ที่มุมหนึ่ง มีหัวหน้านางรำคอยปรบมือเป็นจังหวะอยู่
“ต่อนยอน ต๊ะ ต้อนย้อน ต๊ะ ต้อนหย่อน ต๊อนยอน ๆ”
อุ๊บอิ๊บซึ่งรำอยู่แถวหลังคู่กับบุญทิ้ง ชักสีหน้าเหวี่ยงไม่อยากรำขึ้นมา
“อ๊อย นี่ฉันต้องมารำบ้าบออะไรเนี้ย ...ฉันอยากไปหาพี่ดะ”
บุญทิ้งรีบปิดปากอุ๊บอิ๊บ “อย่านะคะ คุณอุ๊บอิ๊บ พวกเราเป็นคนต่างด้าว ถ้าทำตัวมีปัญหา ยายป้านางรำคงไม่ต่อพาสปอร์ตให้เราอยู่ต่อนะคะ”
อุ๊บอิ๊บดึงมือบุญทิ้งออก “เรื่องนั้นฉันเข้าใจ แต่ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมนายถึงต้องดัดเสียงหญิงพูดกับฉันด้วย นายเป็นตุ๊ดเหรอ”
หัวหน้านางรำหันขวับมาทันที
“นายอะไร”
บุญทิ้งกับอุ๊บอิ๊บสะดุ้ง ทุกคนหันไปมอง
หัวหน้านางรำตรงเข้าไปหาบุญทิ้งกับอุ๊บอิ๊บ “ผู้ชายที่ไหน บอกมาเดี๋ยวนี้”
บุญทิ้งกับอุ๊บอิ๊บส่ายหน้ายิก “ไม่มีค่ะ คุณแม่ ไม่มี”
ฉวีวรรณรีบช่วย “คุณแม่หูฝาดไปมั้งคะ...คณะนางรำคุณแม่จะมีผู้ชายได้ยังไง”
“อย่าให้รู้ว่ามีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาแล้วกัน ข้าจะสับให้เป็ดกินจริงๆ ด้วย”
กิมจิสะดุ้งทำท่าลูบเป้าแบบไมเคิลอย่างทะเล้น แจ๋รีบตีแขนทำปากด่าให้อยู่เฉยๆ
หัวหน้านางรำหันมา กิมจิกับแจ๋ รีบเปลี่ยนท่าทีเป็นเรียบร้อย
“เอาล่ะ วันนี้พอแค่นี้ก่อน พรุ่งนี้ข้าจะต่อท่าให้ใหม่”
ทุกคนยกมือไหว้ “ขอบคุณค่ะ คุณแม่”
หัวหน้านางรำรับไหว้แล้วสั่ง “นี่อยู่บ้านท่านอย่างนิ่งดูดายนะยะ มีการมีงานอะไรก็แยกย้ายไปทำซะ”
ทุกคนตอบพร้อมกันด้วยท่าทางนอบน้อม “ค่ะ คุณแม่!!!”

ที่ระเบียงบ้านนางรำ แจ๋หอบดอกบัวกำใหญ่ เดินกระแทกเท้าปังๆ มาที่ดาหวันซึ่งกำลังนั่งร้อยมาลัยอยู่
“ฉันลาออกจากการเป็นนางทาส แก๊งอีเย็นมานานแล้วนะ ทำไม้ ทำไม ต้องมาเจอยายป้ามหาภัยนี่โขกสับอี๊ก”
แจ๋วางดอกบัวลงตรงหน้าดาหวัน
“เอาน่าทนหน่อย มีโอกาสหนีได้เมื่อไร เราก็เผ่นเมื่อนั้นแหละ พี่แจ๋” ดาหวันปลอบ
“อะ ทนก็ทน ช่วยพี่พับดอกบัวไปบูชาพระหน่อยแล้วกัน”
ดาหวันเหลือบตาไปมองที่ดอกบัว แล้วคิดถึงชลิต ภาพเหตุการณ์ในอดีตหวนกลับคืนมา ในตอนที่ชลิตยื่นดอกบัวให้ดาหวัน

“พี่ให้หวัน..เอาดอกบัวไปไหว้พระ หวันจะได้สบายใจขึ้น”
ดาหวันรับดอกบัวไปถือ เธอรู้สึกดี คลายเศร้าลงไป
“แถวนี้ไม่มีวัดซะหน่อย”
“ไหว้ที่ใจนี่แหละ ขอให้หวันคิดดี ทำดีเข้าไว้ ไม่ว่าอยู่ที่ไหนคุณพระคุณเจ้าก็ต้องคุ้มครอง”
ดาหวันมองชลิตก่อนจะยิ้มบางๆ แล้วมองที่ดอกบัว หน้าเศร้าลง
“ขอบคุณพี่มากนะ ที่ยังห่วงความรู้สึกของหวัน”
“ก็มีกันอยู่แค่นี้ ถ้าพี่ไม่ห่วงหวันแล้วจะให้พี่ห่วงใคร”
ดาหวันดูดอกบัวแล้วยิ้มแก้เขิน ชลิตมองหวันอย่างงอนๆ
“ว่าแต่เธอเหอะ จะเคยห่วงพี่บ้างหรือเปล่าน้า”
ดาหวันหน้าแดงไม่ยอมตอบ เธอทำปากขมุบขมิบพูดเบาๆ ในลำคอ
“ถามอะไรเพ้อเจ้อ”
ชลิตมองหวันอย่างน้อยใจนิดๆ แล้วทำเป็นหันไปดึงบัวต่อ แต่ดึงไม่ขึ้น เลยเสียหลัก
“เฮ้ยๆๆๆ” ชลิตร้องออกมา
ดาหวันหันมามองชลิตอย่างตกใจ เธอรีบเอามือช่วยคว้าไว้
“พี่ชลิต!! ว้าย !”
ชลิตเสียหลักโคลงตกเรือไป เรือเลยเอียงพาดาหวันคว่ำตกน้ำไปด้วย
ดาหวันหล่นน้ำตูม พอเงยหน้าขึ้นมาก็รีบมองหาชลิต
“พี่ชลิต!!!”
ดาหวันมองซ้ายขวา ไม่เห็นชลิตโผล่มาก็เริ่มหน้าเสีย
“พี่ชลิต! พี่อยู่ไหน ขึ้นมาได้แล้ว อย่าแกล้งหวันนะ”
ดาหวันเหลียวมองหาแต่ก็ไม่เจอชลิต เธอตัดสินใจดำลงไปอีก พยายามใช้มือควานหา แต่หน้าก็เริ่มเสียลงเรื่อยๆ
“พี่ชลิต เป็นอะไรหรือเปล่า พี่ชลิต”
ดาหวันว่ายไปรอบๆ เธอดำผุดดำว่ายหาชลิต แล้วโผล่ขึ้นมาอย่างใจเสียจะร้องไห้ แต่จู่ๆ ชลิตก็โผล่ขึ้นด้านหลังเอามือปิดตาเธอ แล้วหัวเราะลั่น
ดาหวันตกใจ หันไปแล้ววักน้ำสาด
“พี่ชลิต! เล่นอะไรบ้าๆ เนี่ย”
“ถ้าไม่เล่นแบบนี้ก็ไม่รู้ว่าเธอห่วงพี่น่ะสิ” ชลิตยิ้มกวน

ดาหวันนึกถึงเรื่องราวในอดีตแล้วก็ถึงกับน้ำตาคลอ ด้วยความคิดถึงชลิต
แจ๋เงยหน้ามาเห็นก็ถึงกับตกใจ
“ยายหวัน ร้องไห้ทำไม ใครทำอะไรเหรอ”
ดาหวันรีบส่ายหน้าปฏิเสธ
“เปล่าๆ... หวันไปหาแจกันก่อนนะ “
ดาหวันรีบลุกออกไปในมือกำดอกบัวไว้ดอกนึงติดมือไปด้วย แจ๋มองตามอย่างงงๆ

ดาหวันวิ่งมาหยุดอยู่ที่มุมหนึ่ง เธอดูดอกบัวในมือแล้วยิ่งน้ำตาไหลสะอื้น ดาหวันพูดขึ้นมาลอยๆ
“พี่ชลิต หวันคิดถึงพี่จัง...พี่คิดถึงหวันบ้างหรือเปล่า”

ดาหวันไม่รู้ว่าคนที่เธอคิดถึงสุดใจ ชลิตกำลังเล่นวิ่งไล่จับกับแสงหล้าอย่างสนุกสนานในอุทยานของวังเมืองลับแล แล้วในที่สุดชลิตก็รวบตัวแสงหล้ามากอดไว้ได้
“พี่ชนะอีกแล้ว เอียงแก้มมาซะดีๆ”
“ท่านพี่ชลิตไม่เบื่อบ้างหรือเจ้าคะ แก้มน้องน่ะช้ำไปหมดแล้ว”
แสงหล้าทำอ้อล้ออย่างมีจริต
ชลิตเชยคางแสงหล้าให้หันมาหา
“ไม่เบื่อหรอก...แสงหล้าของพี่น่ารักที่สุด”
ชลิตก้มลงหอมแก้มแสงหล้าฟอดใหญ่ แสงหล้ายิ้มอย่างมีความสุข

ในขณะนั้น แสงเพชรยืนอยู่บนศาลาในอุทยานเช่นกัน และเธอกำลังมองภาพชลิตกับแสงหล้าที่กอดโอบเอวกันเดินผ่านหน้าตัวเองไป
จู่ๆ ดนัยก็เข้ามาสวมกอดแสงเพชรจากทางด้านหลัง ด้วยความหลงใหล
“แอบมาอยู่นี่เอง ที่รักของผม”
แสงเพชรเหลือบตามองแล้วอมยิ้มปลื้มเล็กๆ ที่ดนัยมาคลอเคลีย ดนัยซุกหน้าลงกับช่วงไหล่ของแสงเพชร
“ทำอะไรอยู่หรือครับ”
แสงเพชรมองนำออกไป ดนัยมองตามเห็นชลิตกับแสงหล้านั่งอยู่บนศาลา มีดอกเข็มคอยปรนนิวัติพัดวี ชลิตหยิบองุ่นจากถาดขึ้นมาป้อนให้แสงหล้ากิน อย่างมีความสุข ยิ้มแย้มหยอกเย้ากัน
“ข้าไม่เคยเห็นแสงหล้ามีความสุขเยี่ยงนี้มาก่อนเลย...ดูซิ ชลิตเองก็ช่างหวาน และเอาใจ...น่าอิจฉาน้องข้ายิ่งนัก”

ดนัยจับตัวแสงเพชรให้หันไปหา มองตา
“ไม่เห็นต้องไปอิจฉากคนอื่นเลย ...คุณมีผมอยู่ทั้งคนนะ แสงเพชร ผมให้คุณได้ทุกอย่างแม้แต่ชีวิตและลมหายใจ”
“แน่ใจนะว่าจะไม่เปลี่ยนใจไปหาคนอื่น” แสงเพชรถาม
ดนัยอมยิ้มยกมือขึ้นไล้ไรผมแสงเพชรที่หน้าผากเบาๆ ด้วยความหลงใหล
“ไม่มีใครมีความหมายกับผม เท่าคุณอีกแล้ว ...ความรักของผมเป็นของคุณคนเดียว แสงเพชร”
ดนัยค่อยๆ โน้มหน้าลงมาจูบปากแสงเพชรด้วยความรัก

ดนัยไม่มีทางรู้เช่นกันว่า ขณะที่เขาดื่มด่ำความสุขอยู่นั้น ฉวีวรรณกำลังก้มหน้าก้มตาหั่นผักอยู่ภายในครัวของบ้านนางรำ แล้วใจลอยคิดถึงดนัย จนเผลอทำมีดบาดมือ เธอสะดุ้งเพราะเจ็บขึ้นมาทันที
“อุ้ย ทำไมถึงได้ใจลอยอย่างนี้นะ”
ฉวีวรรณยกนิ้วขึ้นดู เห็นเลือดไหลนิดหน่อยที่ปลายนิ้ว เธอหยิบผ้าเช็ดหน้าจากชายพกออกมาซับเลือดแล้วก็ต้องซี้ดปากเพราะความเจ็บ
“แผลแค่นี้เอง แต่เจ็บชะมัด”
ฉวีวรรณนึกถึงอดีตของตัวเองกับดนัย
ในอดีต ฉวีวรรณเขินทำท่าจะทุบดนัย
“เจ็บแล้วยังจะปากดี นี่แน่ะ”
ดนัยยกมือข้างที่ปกติขึ้นมาจับมือฉวีวรรณไว้ จนกลายเป็นดึงฉวีวรรณที่ตกลงมาปะทะอกเขา
ฉวีวรรณตะลึง ตาโต เธอขยับจะลุกขึ้น แต่ดนัยกอดเอาไว้ไม่ปล่อย
“ดนัย” ฉวีวรรณเอ่ย
“กอดหน่อยนะ” ดนัยพูด
ฉวีวรรณอึ้งไปอีกเพราะพูดไม่ออก ดนัยมองตาฉวีวรรณ แล้วเริ่มเปิดใจ พรั่งพรู่ความรู้สึกของตัวเอง
“ตอนเด็กๆ เวลาที่ฉันไม่สบาย แม่ก็จะมาเฝ้าฉัน เช็ดตัวให้ฉันแล้วก็นอนกอดฉันอย่างนี้ทุกคืน ...จนฉันรู้สึกว่า ฉันหายไข้ได้เร็วเพราะนอนกอดแม่นี่แหละ “
“แต่ฉัน...ฉันไม่ใช่แม่นายนะ” ฉวีวรรณกล่าว
“แต่กอดของเธอก็อุ่น..อุ่นกว่าผ้าห่มทุกผืน”
ฉวีวรรณสบตาดนัยจนเธอรู้สึกจะละลาย
“ไม่อยากให้ฉันหายเร็วๆหรือไง” ดนัยถาม
ทั้งสองสบตากันนิ่ง อย่างใจถึงใจ แล้วฉวีวรรณก็ค่อยๆ ซบลงที่แผ่นอกของดนัย ดนัยอมยิ้มอย่างมีความสุข

คิดถึงอดีตของเธอกับดนัย ฉวีวรรณก็ยิ่งน้ำตาคลอ ....
“นายไปอยู่ที่ไหนนะ ดนัย ...ฉันอยากรู้ว่านายเป็นยังไง สบายดีหรือเปล่า”
ดาหวันเดินหน้าเศร้าเข้ามาในครัว เธอเห็นฉวีวรรณยืนเหม่อเศร้าอยู่เหมือนกัน
“พี่หวี”
ฉวีวรรณรู้สึกตัวหันมองดาหวัน
“หวัน”
ดาหวันมองเห็นเลือดที่ติดอยู่ที่ผ้าเช็ดหน้าก็ตกใจ
“ตายแล้ว พี่หวี นั่นเลือดออกนี่” ดาหวันตกใจ
ดาหวันมีสีหน้าเป็นห่วงฉวีวรรณมาก

ดาหวันเยาะขวดยาสมุนไพรใส่เศษผ้าดิบเล็กๆ
“หวันขอยาสมุนไพรใส่แผลสดมาจากพวกนางรำ มะ ทำแผลหน่อยนะพี่หวี”
ดาหวันจับนิ้วฉวีวรรณขึ้นมาทายาให้
“แผลแค่นี้เอง ไม่ต้องอะไรมากก็ได้หวัน”
“ไม่ได้พี่หวี ถึงแผลจะเล็ก แต่ถ้าไม่รักษา ปล่อยให้มันลุกลามอักเสบเป็นหนองขึ้นมา มันจะยิ่งเจ็บกว่านี้อีกนะ”
ดาหวันพูดไปไม่ได้คิดอะไร แต่ฉวีวรรณมองดาหวันเหมือนคำพูดของดาหวันแทงใจทำให้น้ำตาคลอมาอีก
ดาหวันเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้แต่ก็ต้องแปลกใจกับสีหน้าของฉวีวรรณ
“เรียบร้อยแล้วค่ะ ฮึ พี่หวี เป็นอะไรไปอีกน่ะ”
“เปล่าๆ พี่ไม่ได้เป็นอะไร” ฉวีวรรณจับมือดาหวันเบาๆ ขอบใจหวันมากนะ ที่เป็นห่วงพี่”
ดาหวันวางมือบนมือฉวีวรรณ “ก็พี่หวีเป็นพี่สาวคนเดียวของหวันนี่จ๊ะ นี่ยังน้อยไปมากกว่านี้ หวันก็ให้พี่ได้”
ฉวีวรรณลังเล แล้วตัดสินใจพูดขึ้น
“แล้วถ้าพี่ ...”
“อะไรจ๊ะ” ดาหวันถามแทรกขึ้น
ฉวีวรรณพยายามจะบอกเรื่องดนัย
“ถ้าพี่ พี่ทำอะไรไม่ดีกับหวัน หวันจะยกโทษให้พี่มั้ย”
ดาหวันส่ายหน้าเหมือนไม่ยอมรับ “ไม่”
ฉวีวรรณใจเสีย “หวัน...”
“หวันพูดจริงๆนะ ...หวันไม่ยกโทษให้ เพราะพี่หวีไม่มีทางทำร้ายหวัน พี่หวี..เป็นพี่สาวแสนดีที่สุดในโลกเลยรู้มั้ย”
ดาหวันยิ้มให้ฉวีวรรณอย่างจริงใจแล้วหยิบขวดยาลุกเดินออกไป
“หวันเอายาไปเก็บก่อนนะ”
ฉวีวรรณมองตามดาหวันไป พอคล้อยหลังฉวีวรรณก็น้ำตาไหลอาบแก้ม
“หวัน ...พี่...เลวมากก เลวเกินกว่าที่หวันจะให้อภัยจริงๆ ....พี่ไม่ควรรักแฟนของหวัน พี่ไม่ควรรักดนัยเลย”
ฉวีวรรณร้องไห้เพราะรู้สึกผิดในใจ

ลาซาเดินมาที่ลานปิ้งย่างหน้ากระท่องของเขา เขาหยิบเอาเนื้อที่หันเป็นชิ้นๆ จากถาดไม้ ขึ้นมา แล้วหยิบไม้ที่เหลาเตรียมไว้แล้ว ขึ้นมาเสียบช้าๆ อย่างใจเย็น
วินยาที่สวมชุดใหม่แล้ววิ่งไปที่หน้าต่าง ชะโงกหน้าออกไปดู เมื่อเห็นว่าปลอดคนแล้ว วินยาก็รีบปีนหน้าต่าง กระโดดลงไปทันที
เมื่อถึงพื้น วินยาก็รีบวิ่งหนีเข้าป่า ออกทางหลังบ้านไป
วินยาวิ่งหนีเข้าไปในป่าโดย ไม่เหลียวหลัง
ที่ลานหน้ากระท่อม เลาซาหยิบไม้ที่เสียบเนื้อเรียบร้อยแล้วมาย่างไฟ ไฟแดงกระพือขึ้นเผาไหม้ชิ้นเนื้อ เสียงเนื้อไหม้ไฟดังซู่

วินยาที่วิ่งๆ เข้าในป่า อยู่ๆก็เกิดอาการ ปวดแสบปวดร้อนไปทั้งตัว เหมือนโดนไฟไหม้
วินยาชะงักกึก ลูบเนื้อตัวเหมือนโดนไฟไหม้ “อ๊อยยย ร้อน ...ทำไมร้อนอย่างนี้ “
วินยา ปวดแสบปวดร้อน เหงื่อแตกพลั่กๆ ยกมือเช็ดเหงื่อไปพลางร้องไปพลาง
เลาซาปิ้งเนื้ออย่างใจเย็น น้ำจากเนื้อหยดลงที่ไฟ ทำให้ไฟลุกซู่ขึ้นอีก
ส่วนวินยาก็แสบร้อนจนล้มลงไปนอนกับพื้น “โอ้ยยยย ร้อนน อ๊อยยย ช่วยด้วย”
เลาซาพลิกเนื้อที่ย่างไฟขวับ
วินยาก็พลิกตัวขวับ แล้วร้องกรี๊ดกลิ้งไปกลิ้งมา
เลาซาพลิกเนื้อกลับไปกลับมา
วินยา ร้องปวดแสบปวดร้อน แบบทนไม่ไหว เธอได้กลิ่นเนื้อย่าง รู้สึกอยากกินมาก จึงรีบกระเสือกกระสนลุกขึ้น แล้ววิ่งโซเซออกไป
วินยาเดินโซเซ ยังรู้สึกร้อนและเจ็บปวดอยู่ เธอเหลียวซ้าย แลขวา แล้วสูดกลิ่นซึ่งลอยมาจากทางหนึ่ง จึงรีบวิ่งตามกลิ่นนั้นไป

เลาซากำลังย่างเนื้ออยู่ที่ลานหน้ากระท่อม วินยาวิ่งกลับมาเห็น ถึงกับตกตะลึงตาค้าง
“ไอ้เลาซา ทำไมข้าถึงวิ่งกลับมาที่เดิม”
เลาซาย่างไป พูดไป โดยไม่มองหน้า
“กลิ่นเนื้อหอมมากมั้ยล่ะ”
วินยากลืนน้ำลายดังเอือกเพราะอยากกินมาก
“เอามาให้ข้า”
วินยารีบพุ่งเข้าไปแย่งไม้เสียบเนื้อ
เลาซารีบพลิกเนื้อกลับอีกด้าน
วินยาหยุดชะงักกึก แล้วกระเด็นออกไปหงายหลังล้มตึงเหมือนมีคนผลักอย่างแรง
เลาซาพลิกเนื้อกลับไปกลับมา
วินยาพลิกร่างตาม กลิ้งไปกลิ้งมา ทั้งเจ็บปวด ทั้งแสบร้อน
“อ๊อย ร้อน อ๊อย ไอ้เลาซา เจ้าทำอะไรข้า ฝีมือเจ้าใช่มั้ย”
เลาซาหัวเราะๆ “เจ้าต่างหากที่ทำตัวเอง ...ข้าสั่งเจ้าแล้วใช่มั้ยว่า อย่าหนี คนที่ไม่เชื่อฟังคำสั่ง ก็ต้องถูกทำโทษ”
วินยาร้องอย่างเจ็บปวด “อ๊อย ไอ้สารเลว เจ้าใช้ยาสั่งกับข้าใช่มั้ย”
เลาซาขึ้นไม้เสียบเนื้อขึ้นมาจากกองไฟ ร่างของวินยาเซถลามาล้มลงตรงหน้าเลาซา เลาซาหันมายิ้มกวนๆ แล้วพูด
“เก่งนี่ วินยา ..แต่น่าเสียดายที่เจ้าฉลาดแต่ไม่เฉลียว เจ้าถึงไม่รู้ว่าข้าได้โรยยาสั่งไว้ในชุดที่เจ้าใส่อยู่นี่”
“ไอ้ขี้โกง ใช้แต่วิธีสกปรก”
“หึ...ช่วยไม่ได้จริงๆ เจ้าอยากเป็นคนดีแต่โง่ทำไม!!”
“ไอ้ซาตานใจโฉด ข้าเกลียดเจ้า” วินยาดิ้นแล้วร้องอย่างแสบร้อน “อ๊อย”
เลาซาเดินมาหาแล้วคุกเข่าลงข้างๆ วินยา “เจ้าอยากจะหายไหมล่ะ แม่พระแสนดี”
วินยายกมือจะไปคว้าแต่เลาซากลับดึงมือหนี
“ขอโทษข้าซะ แล้วข้าจะให้ยาแก้กับเจ้า” เลาซายกไม้เสียบเนื้อขึ้นชูอย่างเหนือกว่า
“ที่แท้ยาแก้ก็เป็นเนื้อไม้นี้เอง อ๊อย”
“ขอโทษข้า วินยา”
“ไว้ชาติหน้าเถอะ ไอ้ชั่ว”
วินยาแข็งใจกระโจนเข้ามาจะแย่งไม้เสียบเนื้อ เลาซาดึงมือหลบ วินยาตะครุบอีกทาง เลาซาก็หลบอีก วินยาตามตะครุบจับมือเลาซาข้างที่จับไม้เสียบเนื้อไม่เลิก ทำให้ทั้งสองยื้อแย่งกันไปมา
วินยาดึงเต็มแรง ทำให้เลาซาล้มตามลงมาคร่อมร่างวินยา ไม้เสียบเนื้อกระเด็นหล่นตกพื้น
เลาซาตะลึงมองวินยาตาค้าง ส่วนวินยาก็อึ้งไปเหมือนกัน
เลาซารู้สึกหวั่นไหวก้มหน้าใกล้วินยาจนใกล้จะแตะปาก วินยารีบผลักเลาซาออกไปแล้วต่อยหน้าเลาซาจนกระเด็นออกไป
วินยารีบวิ่งเข้าหยิบไม้เนื้อย่างที่ตกพื้นเปื้อนดินขึ้นมาทำท่ากำลังจะกิน
“อย่ากิน!” เลาซาร้องอย่างตกใจ รีบพุ่งเข้าไปฉวยไม้เนื้ออันนั้น แล้วหันปาเข้าไปในกองไฟ ปรากฏว่า ไฟในกองลุกท่วมเสียงดูฟู่ขึ้น วินยาหันมาโวยวายใส่เลาซา
“โยนเนื้อทิ้งทำไม ฮ้า ไอ้เลว ไอ้คนอำมหิต” วินยาผลักอกเลาซาอย่างแรง
“เนื้อที่ตกดินมันแก้ยาสั่งไม่ได้แล้ว ถ้าขืนเจ้ากินเข้าไป จะกลายเป็นบ้าเสียด้วยซ้ำ” เลาซาตะคอกใส่ “เจ้าอยากเป็นบ้าหรือเปล่าล่ะ”
วินยาอึ้ง แล้วเริ่มปวดเนื้อตัว ก่อนจะครางฮือ แล้วทรุดลงไป
“อ๊อย”
เลาซามองอย่างเป็นห่วง
“อ๊อย ...ปวด กรี๊ด” วินยาดิ้นทุรนทุรายเพราะความปวด

เลาซาจะเข้าไปจับตัวแต่วินยาถีบกระเด็น
“วินยาตั้งสติไว้...อ๊อย” เลาซาพยายามเรียกสติ
วินยาฟังอะไรไม่รู้เรื่องแล้ว เธอชักดิ้นปัดไปปัดมา ทำท่าเหมือนจะกัดลิ้นตัวเอง
เลาซาวิ่งเข้าไปหาอีกครั้ง “หายใจลึกๆ อย่ากัดลิ้นตัวเอง!”
วินยาชักตาเหลือก
เลาซากลัววินยาจะกัดลิ้นตัวเองจึงรีบยื่นนิ้วตัวเองใส่ปากวินยา ให้วินยากัดนิ้วของตัวเองแทน
วินยาชักและกัดนิ้วเลาซาเต็มแรง เลาซาเจ็บจนหน้าเหยเกแต่ไม่ร้องซักแอะ
วินยาชักแรงขึ้นจนร่างกระตุกขึ้นมาอีกสองสามที แล้วก็หมดสติ สลบไป
“วินยา!!”

เลาซาค่อยๆ เอานิ้วออกจากปากวินยา นิ้วซึ่งโดนกัดจนเลือดไหลนอง เลาซารีบดึงตัววินยาเข้ามากอดเอาไว้ในอ้อมอกอย่างแนบแน่นด้วยความเป็นห่วงสุดหัวใจ

อ่านต่อหน้า 3





หอบรักมาห่มป่าตอนที่ 18 (ต่อ)

เวลาเดียวกันนั้นแสงเพชรกับแสงหล้านั่งอยู่บนบัลลังก์พร้อมด้วยบริวาร โดยมีกาซู ธนวัติ พาณิชย์ ธานียืนผงาดอยู่ด้วย

“พวกข้าช่วยให้เจ้าแม่สมหวังแล้ว คงจะถึงเวลาตบรางวัลซักทีนะ” กาซูร้องขอ
“ฮ่าฮ่าฮ่า นั่นสิ ฉันอยากเห็นพลอยเมืองลับแลเต็มทีแล้ว” ธานีเสริม
“เจ้าได้เห็นแน่ ชบา! ดอกเข็ม!” เจ้าแม่สั่งเสียงเข้ม
“เจ้าค่ะ!”
ชบากับดอกเข็มถือถาดเพชรพลอยเม็ดโต เดินเข้ามาทันที แล้ววางลงตรงหน้าธนวัติ ธานี พาณิชย์และกาซู ทั้งหมดตาลุกวาวด้วยความตื่นเต้น
ธนวัติกำลังจะก้มหยิบขึ้นมาดูด้วยความโลภ
“เฮ้ย! นี่มันพลอยหรือไข่ห่าน!”
แสงเพชรซัดเข็มเงินมาที่ปักที่โต๊ะ เฉียดมือธนวัติไปแค่เส้นยาแดงผ่าแปด
“อะไรกันน่ะ เจ้าแม่” ธนวัติตกใจ
“บอกมาก่อนสิว่า ดนัยกับชลิตจะหลงใหลในตัวข้ากับแสงหล้าตลอดไปใช่มั้ย”
กาซูหัวเราะดังกึกก้อง “ไม่ต้องห่วงหรอกน่า พวกมันจะทั้งรักทั้งหลงพวกเจ้า จนชีวิตจะหาไม่นั่นแหละ ...ยกเว้นแต่ว่า...” กาซูเว้นจังหวะ แงเพชรร้อนใจ
“ยกเว้นอะไร”
กาซูเดินไปตรงหน้าแสงเพชร “อย่าให้มันได้รับจุมพิตจากหญิงที่มีรักแท้ต่อมัน มิฉะนั้น มนตราจากน้ำมหาเสน่ห์จะเสื่อมลงทันที!!!”
แสงเพชรกับแสงหล้าอึ้ง ต่างเครียดขึ้นมาทันที
ทุกคนฟังอยู่ จังหวะนั้นธานีก็พูดตัดบทขึ้น
“หมดเรื่องแล้วนะเจ้าแม่ จะได้เข้าสู่ช่วงสมนาคุณกันซะที มาเร็วเข้า กาซู”
กาซูเดินกลับเข้าไปรวมกลุ่มดูเพชรพลอยกันด้วยความละโมบ ตื่นเต้น
พาณิชย์พูดกับธนวัติอย่างลิงโลด “โฮ พี่วัติ ถ้าเอาไปหมดนี่ รวยไม่รู้เรื่องเลยนะ”
“อย่ามัวแต่พูด ช่วยกันโกยก่อนเร็ว”
พูดจบธนวัติ พาณิชย์ กาซู และธานี ต่างโกยเพชรพลอยใส่เสื้อผ้า ห่อกันไม่หวาดไม่ไหว
โดยไม่ทันสังเกตุว่าจังหวะนั้นแสงหล้าหันไปมองหน้าแสงเพชร เหมือนรู้กันอะไรบางอย่าง

ทันใดนั้นเอง จู่ๆ กาซูอยู่ๆ ก็เกิดอาการอ่อนเปลี้ย ไม่มีแรงล้มไป ร้องครวญคราง
“อ๊อย ทำไมข้าขยับตัวไม่ได้”
เวลาไล่เลี่ยกันนั้นเอง ธานี ธนวัติ และพาณิชย์ ก็เกิดอาการเช่นเดียวกัน ตัวอ่อน เซล้มลงไปไม่มีแรง
“เฮ้ย ฉันก็เหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร” ธานีงงงวย
“เจ้าแม่ ทำอย่างนี้หมายความว่าไง จะเล่นตลกอะไรอีก” ธนวัติรู้ทันแสงเพชร แต่ก็สายไปแล้ว
แสงเพชรกับแสงหล้าหัวเราะเยาะออกมา
“ใครว่าล้อเล่นล่ะ สิ่งที่พวกเจ้าเข้าใจว่าเป็นเพชรพลอย แท้จริงแล้ว มันคือแร่สลายเอ็น...ใครจับต้องเข้าไปก็จะกลายเป็นอัมพาตชั่วคราว”
“เจ้าแม่เจ้าเล่ห์ พอใช้งานเสร็จก็จะฆ่าทิ้งงั้นเหรอ” กาซูโวยลั่น
“ช่วยไม่ได้ ข้าไม่ไว้ใจพวกมีวิชาอาคมอย่างเจ้า ...ข้าต้องชิงลงมือเสียก่อนที่เจ้ากับพรรคพวกจะหักหลังข้า” แสงเพชรสั่งทหารเสียงกร้าว “ทหาร!! จับพวกมันไปซะอย่าให้พวกมันมีลมหายใจอีก”
แสงเพชรกับแสงหล้า มองกลุ่มธนวัติหน้าเข้มเคร่ง จริงจัง ทหารกรูเข้ามา เอากระสอบผ้าครอบร่างทั้งสี่คน แล้วมัด ดึงลากออกไป

ธนวัติ พาณิชย์ ธานี และกาซูถูกมัดอยู่ในกระสอบ พากันดิ้นขลุกขลัก ร้องโวยวาย
“ปล่อยข้าาเดี๋ยวนี้ อีเจ้าแม่ ไม่งั้นจะได้เห็นดีกัน” กาซูโกรธจัด
เสียงทั้งสี่คนร้องตะโกนหลังถูกโยนลงน้ำทีละคนเสียงดังตูมๆๆไล่ๆ กัน
“อ๊าก ช่วยด้วย”
ทั้งสี่จมลงไปใต้น้ำ พร้อมเสียงร้องโหยหวน หวาดกลัว

อุ๊บอิ๊บฝันร้าย จู่ๆ ก็ร้องกริ๊ดลั่นขึ้นมา จนทุกคนที่นอนเรียงกันอยู่ตกใจตื่น
“อะไรยะ แม่คุณ คนจะหลับจะนอน แหกปากร้องลั่นอยู่ได้” แจ๋นำร่อง
“ผีนกหวีดสิงหรือไงยะ” กิมจิตามทันที
อุ๊บอิ๊บรู้สึกเป็นห่วงพ่อมาก แหกปากร้องออกมาดังยิ่งกว่าเดิม ทุกคนต่างก็ตกอกตกใจบุญทิ้งรีบเข้าไป ปิดปาดอุ๊บอิ๊บ
“คุณอุ๊บอิ๊บอย่าร้องนะครับ เดี๋ยวพวกนางรำแห่เข้ามามันจะยุ่ง” บุญทิ้งว่า
“ป๊า พี่วัติ พี่พาณิชย์แย่แล้ว ฉันเห็น ป๊า พี่วัติ พี่พาณิชย์ทุกคน จมน้ำ ฮือๆๆ” อุ๊บอิ๊บปล่อยโฮ
“เธอรู้ได้ยังไง” ฉวีวรรณถาม
“ฉันฝัน” อุ๊บอิ๊บบอกหน้าตาเฉย
“โธ่เว้ย” ทุกคนพูดพร้อมกันอย่างเซ็งเป็ด
“แต่มันเหมือนจริงมากเลยนะ ป่านนี้ พี่วัติกับทุกคนต้องตายแน่ๆ”
“ชั่วอย่างนั้น ก็สมควรตายแล้วล่ะ” แจ๋บอก
“นังแจ๋ แกกล้าว่าป๊าฉันเหรอ”
อุ๊บอิ๊บเงื้อมือจะตบแจ๋ ดาหวันจับมืออุ๊บอิ๊บดึงรั้งเอาไว้
“อย่าทะเลาะกันเลยน่า เธอว่ามาดีกว่าว่าเธอจะให้พวกเราช่วยยังไง”
อุ๊บอิ๊บดึงมือออก แล้วแผดเสียงใส่เป็นเชิงสั่งทุกคน
“พวกแกต้องพาฉันออกไปจากที่นี่ ฉันจะไปหาป๊าของฉัน”
“แล้วเธอรู้เหรอว่า เสี่ยธานี กับพี่ชายเธออยู่ไหน” ดาหวันถามออกมา
“ก็ไม่รู้นะสิ ถึงให้พวกแกช่วยน่ะ”
“ไม่ตามดนัยแล้วหรอ” แจ๋แขวะ
“ไม่น่าเชื่อว่า ชีจะเลิกบ้าผู้ชายเพื่อพ่อชั่วๆ ของชี” กิมจิผสมโรง
คราวนี้ไม่มีใครห้ามไว้ทัน เพราะอุ๊บอิ๊บตบกิมจิจนหน้าหันขวับ กระเด็นร้องเสียงหลงไปทางหนึ่ง
“แกสิ ชั่ว ป๊าฉันไปทำอะไรให้ทำไมต้องมาว่ากันอย่างนี้ด้วย”
ฉวีวรรณสุดจะทนไหว ตวาดขึ้น
“หยุดได้แล้ว ถ้าทุกคนอยากออกไปจากที่นี่ก็ต้องร่วมมือกัน ไม่ใช่มาหาเรื่องทะเลาะกันแบบนี้”
ทุกคนเงียบ อึ้งไปตามๆ กัน
จังหวะนั้น ฉวีวรรณหันไปชี้หน้าอุ๊บอิ๊บสั่ง เสียงเด็ดขาด
“โดยเฉพาะเธอ ขอให้ทำตามที่ฉันบอก อย่าทำตัวงี่เง่าอีกได้มั้ย”
ฉวีวรรณมองจ้องอย่างเอาจริง อุ๊บอิ๊บอึ้ง หน้าเหวอไปเลย


คณะนางรำ 4-5 คนกำลังซ้อมรำกันอยู่ในห้องซ้อม ฉวีวรรณ ดาหวันและแจ๋ เข้าประตูมาในมือถือถาดน้ำสมุนไพร
“พี่ๆ ขา หยุดพักสักครู่นะคะ” ดาหวันพูดเสียงหวานและอ้อน
“มีอะไร” หนึ่งในนางรำถาม
“คุณแม่บอกให้ฉัน เออ ข้านำยาสมุนไพรมาให้ ดื่มแล้วจะมีผิวพรรณผุดผ่อง งามยิ่งกว่าใครในสามโลกจ้า” ฉวีวรรณเริ่มแผน
พวกนางรำต่างตื่นเต้น เพราะอยากสวย รีบมารุมล้อมสามสาว
“ใจเย็นๆ ไม่ต้องแย่งกัน” ดาหวันบอก
บรรดานางรำรีบดื่มน้ำสมุนไพรคนละจอก แล้วคนหนึ่งนึกได้
“เอ คุณแม่เข้าวังไปตั้งแต่ก่อนสว่างแล้วนี่ เจ้าจะเจอคุณแม่ได้ยังไง”
สามสาวอึกอัก แจ๋ทำเป็นอึกอัก แต่แล้วก็โผล่งออกไปไม่กลัว เพราะพวกนางรำกินยานอนหลับแล้ว
“เอ่อ คือว่า คือ...พวกข้าโกหก”
ฉวีวรรณ กับดาหวัน เลียนแบบแอนนา “ถั่วต้มแล้วครับ”
“นั่นไง พวกเราช่วยกันจับไว้เร็วเข้า”
พวกนางรำรุมจับตัวสามสาว ทั้งสามเกือบโดนจับได้ แต่แล้วจู่ๆ นางรำทั้งหมดก็พากันง่วง และหาว
“โอ๊ย ข้าเป็นอะไรไป ทำไมถึง…”
พูดไม่ทันจบคำ นางรำทั้งหมดผล็อยหลับไป
ฉวีวรรณ ดาหวันและแจ๋ ตีมือกันดีใจ แล้วแจ๋ก็เป่าปากส่งสัญญาณให้กิมจิ บุญทิ้งและอุ๊บอิ๊บตามเข้ามาสมทบ
“หุหุหุ เห็นฝีมือสามสาวสวยแล้วหรือยัง”
“หญ้าเสือตาปรือที่อาหลู่เคยบอกเราไว้ใช้ได้ผลดีจริงๆ”
“เจริญพร ...เราจะทำยังไงกันต่อไปล่ะครับ” บุญทิ้งว่า
“ก็เผ่นนะสิ นายมหาทึ่ม” อุ๊บอิ๊บดึงมือบุญทิ้งเตรียมโกยแน่บ “ไปเร็ว”
แต่พออุ๊บอิ๊บเปิดประตูออกไป ก็เจอกับหัวหน้านางรำโผล่เข้ามาพอดี ต่างคนต่างตกใจ ร้องกริ๊ดใส่กัน...หัวหน้านางรำ หันมาตวาดใส่
“เฮ้ย นี่ข้าเอง จะร้องไปหาอาวุธโบราณอะไร ฮ้า”
บุญทิ้งรีบดัดเสียงแอ๊บหญิง “เจริญ..เออ คุณแม่มีอะไรให้ พวกเรารับใช้คะ”
“ข้าได้ข่าวดีมานะซี้ คืนนี้ในวังจะจัดงานอภิเษกของเจ้าแม่แสงเพชร แสงหล้า กับเจ้าบ่าวชื่ออะไรน้า ... อ๋อ...ดนัยกับชลิต” หัวหน้าบอก
“อะไรนะ” ฉวีวรรณ กับดาหวันตกใจร้องขึ้นพร้อมกัน
หัวหน้านางรำพลอยตกใจไปด้วย
“โวยวายอะไรกัน” พร้อมกับพยายามจะเข้าไปข้างใน
อุ๊บอิ๊บกับบุญทิ้งแท็คทีมขยับขวางทาง
“อู้ยย แล้วนี่ก็อะไร มาขวางข้าทำไม หลีกไปซิ”
หัวหน้านางรำจัดการแหวกตัว อุ๊บอิ๊บบุญทิ้งออก แล้วเข้ามากลางห้อง
“มาเตรียมตัวให้พร้อม พวกเราจะต้องรำถวายเจ้าแม่ งานใหญ่พลาดไม่ได้!”
หัวหน้าคณะนางรำสั่ง แล้วเพิ่งเห็นว่าพวกนางรำหลับกองอยู่กับพื้น นางตกใจ
“พวกเจ้า! ทำอะไรนางรำของข้า”
ไวเท่าความคิด ฉวีวรรณ ดาหวัน แจ๋ กิมจิ และบุญทิ้งช่วยกันจับตัวหัวหน้าคณะ
“ปล่อยข้านะ จะทำอะไร”
“ทำให้หลับไปด้วยกันเลย อ้าปากเดี๋ยวนี้”
หัวหน้านางรำปิดปากแน่น ส่ายหน้าไม่ยอมท่าเดียว
“ปิดปากสนิทแบบนี้ก็กรอกยาไม่ได้น่ะสิ”
“งั้นต้องเจอนี่ ดัชนีพิฆาต!”
แจ๋ชูนิ้วชี้ขึ้น แล้วจี้เอวหัวหน้าคณะ ได้ผลหัวหน้าคณะบ้าจี้ อ้าปากหัวเราะลั่น
“ได้ผล ตอนนี้แหละ กรอกเลย”
ฉวีวรรณบอก ดาหวัน แจ๋ ช่วยกันจับกรอกยาสมุนไพร ดื่มเข้าไปหลายอึก หัวหน้านางรำตกใจ
“พวกเจ้าให้ข้ากินยาอะไร ยาพิษรึ ไม่นะ ข้ายังสาวยังสวยข้ายังไม่อยากตาย”
หัวหน้าคร่ำครวญแล้วผล็อยหลับไป
“ไม่ถึงตายหรอก แค่หลับเท่านั้น”
“เรียบร้อย!”
แจ๋แตะมือกับกิมจิ บุญทิ้ง ฉวีวรรณ ดาหวัน แล้วลืมตัวจะแตะมือกับอุ๊บอิ๊บ แต่พอมองไปเห็นหน้าอุ๊บอิ๊บก็ต่างเชิดใส่กัน สะบัดหน้าหนีไปคนละทาง

ทางด้านสามจอมวายร้าย ธานี ธนวัติ พาณิชย์ นอนสลบกันอยู่ที่ริมตลิ่งแห่งหนึ่ง ธนวัติค่อยรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเป็นรายแรก
“ยังไม่ตาย” ธนวัติมองเห็นธานี พาณิชยที่สลบอยู่ข้างๆ รีบเขย่าตัว “ป๊า พาณิชย์ พวกเรายังไม่ตาย”
ธานี กับพาณิชย์ค่อยๆ รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ต่างดีใจเหมือนกันที่ยังไม่ตาย
จู่ๆ ก็มีหญิงชาวบ้าน 2 คน ถือแห สวิง เดินเข้ามาหา วางเครื่องมือจับปลาลงข้างๆ ทั้งสามคน
“ฟื้นแล้วรึ...พวกเจ้าต้องไปกับข้า” หญิงคนแรกบอก
“ได้ยังไงวะ ข้าเป็นคนเจอไอ้ผู้ชายฝูงนี้ก่อน” หญิงคนที่ 2 ว่า
“แต่ข้าเป็นคนลากมันขึ้นฝั่ง แก้มัดกระสอบให้พวกมันด้วย”
“พวกมันเป็นของข้า” หญิงคนที่ 2 ผลักหญิงคนแรก
หญิงคนแรกไม่ยอม ผลักคืน แล้วทะเลาะกันดังลั่น
ชาวเมืองลับแลคนอื่นๆ ที่เดินผ่านมาได้ยินเสียงดังโวยวายรีบเข้ามาดูกลายเป็นลับแลมุงขนาดย่อมๆ
“ผู้ชายนี่นา” ชาวลับแลคนหนึ่งร้องขึ้น
ธานี ธนวัติและพาณิชย์ เห็นชาวเมืองลับแลกรูกันมาเยอะก็กลัว คิดจะพากันหนี
“อยู่ไม่ได้แล้ว”
ธนวัติพูดจบ ธานี และพาณิชย์ก็รีบชิ่งหนี โดยมีชาวเมืองลับแลวิ่งตามเป็นขบวน ไล่จับทั้งสาม

เวลาเดียวกันนั้น ฉวีวรรณ ดาหวัน แจ๋ กิมจิ บุญทิ้งและอุ๊บอิ๊บ แต่งกายในชุดนางรำสวยงามเดินตามกันมาเป็นขบวน
อุ๊บอิ๊บกับบุญทิ้งเป็นคู่สุดท้าย อยู่ห่างออกไป ฉวีวรรณกระซิบกระซาบกับเพื่อนๆ
“เมื่อกี้ยายหัวหน้านั่นบอกว่าจะมีงานอภิเษกสมรสในวังวันนี้ แสดงว่าดนัยกับชลิตถูกจับตัวไป เราต้องเข้าวังไปช่วยสองคนนั้นก่อน”
ชาวเมืองลับแล กรูเข้ามารุมล้อม ขอจับมือบรรดานางรำ กิมจิชอบบรรยากาศนี้มากๆ ฉวยโอกาสจับมือถือแขน ทั้งโอบทั้งกอด แถมหอมแก้มสาวๆ
“ใจเย็นๆ ไม่ต้องแย่งกันนะฮ้า ได้ทุกคนฮ่า” กิมจิดัดเสียง
แจ๋หมั่นไส้ แอบหยิกกิมจิ
“ไอ้ชีกอ”
“โอ๊ย จิเปล่าชีกอ แค่ไม่ชอบขัดใจสาวๆ เท่านั้นเอง” กิมจิโวย
ฉวีวรรณดูลาดเลาเห็นเป็นโอกาสเหมาะกรีบระซิบเตือนเพื่อนๆ “รีบไปกันเถอะ”

เป็นจังหวะเดียวกับที่ธานี ธนวัติ พาณิชย์วิ่งหนีชาวเมืองลับแลเข้ามาชนฉวีวรรณและดาหวันล้มลง ธนวัติและพาณิชย์เห็นหน้าฉวีรรณและดาหวันก็จำได้
“หวี” / “หวัน”
ฉวีวรรณ ดาหวัน แจ๋ กิมจิต่างตกใจ ส่วนอุ๊บอิ๊บกับบุญทิ้ง มีชาวเมืองคนอื่นขอจับมือบังอยู่ ไม่ทันเห็นพ่อและพี่ๆ ของตน
“แย่แล้ว” แจ๋ร้องขึ้น
ธานี ธนวัติและพาณิชย์ ดึงรั้งตัวฉวีวรรณและดาหวันไว้ ไม่ให้หนี พวกชาวเมืองลับแลไล่ตามธานี ธนวัติและพาณิชย์มาถึงพอดี
“ผู้ชายของข้า”
พวกทหารได้ยินก็แตกตื่น
“มีผู้ชายลักลอบเข้ามารึ ไหน มันอยู่ไหน”
ฉวีวรรณนึกได้ รีบร้องตะโกน
“ทางนี้! มันอยู่ทางนี้!”
จังหวะนั้น อุ๊บอิ๊บมองมาเห็น ธานี ธนวัติ พาณิชย์ ก็เนื้อเต้นดีใจยกใหญ่จะวิ่งมาหา
“ป๊า”
แต่ปรากฏว่า พวกทหารวิ่งมาผลักอุ๊บอิ๊บจนหน้าคะมำไปเสียก่อน บุญทิ้งรีบประคองตัวไว้ ทหารและชาวลับแลรีบเข้ามาจับตัวธานี ธนวัติและพาณิชย์ ทั้งสามต้องรีบหนีเอาตัวรอด
“ฝากไว้ก่อนเถอะ”
ธานี ธนวัติและพาณิชย์รีบหนีไป ทหารและชาวเมืองลับแลตามไปเป็นพรวน ในขณะที่ฉวีวรรณ ดาหวัน แจ๋ และกิมจิรู้สึกโล่งอก

ภายในตรอกเปลี่ยวแห่งหนึ่ง ธานี ธนวัติและพาณิชย์วิ่งเข้ามาหลบอยู่ ทั้งสามยืนเรียงกันอยู่ในอาการหวาดระแวง พาณิชย์บ่นอุบ
“เมื่อไรจะหลุดไปจากเมืองบ้าๆ นี่เสียที แล้วนี่ ไอ้กาซูมันหายไปไหนหรือว่ามันจะจมน้ำตายไปแล้ว
“มันจะตายก็ตายไป ช่างหัวมันเถอะ” ธานีได้ยินเสียงคนวิ่งเข้ามารีบบอกส่งสัญญานให้ทุกคนเงียบ
“เฮ้ย มีคนมา”

ทั้งสามไม่รู้ว่าที่หน้าตรอกนั้น เป็นอุ๊บอิ๊บกับบุญทิ้งที่วิ่งตามเข้ามา แล้วหยุดตรงมุมหนึ่งในซอย ทั้งสามมองเห็นแต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่อุ๊บอิ๊บกับบุญทิ้งไม่ทันสังเกต บุญทิ้งเข้าไปจับตัวอุ๊บอิ๊บ
“คุณอุ๊บอิ๊บ หยุดก่อนครับ”
“ปล่อยฉันนะ ฉันจะไปหาป๊า ป๊า ป๊าอยู่ไหน”
ธานี ธนวัต พาณิชย์อึ้ง ไม่นึกว่าจะเจออุ๊บอิ๊บ ธานีทำท่าจะขยับออกไป ธนวัติรีบดึงตัวธานีไว้ ส่งสัญญานบอกให้ฟังอยู่ก่อน บุญทิ้งยังเหนี่ยวรั้งอุ๊บอิ๊บ
“แต่เราต้องรีบไปช่วยคุณดนัยกับคุณชลิตนะครับ งานอภิเษกจะเริ่มแล้ว”
“ปล่อยฉันนะ” อุ๊บอิ๊บเอ็ด
เลยถูกบุญทิ้งเอ็ดกลับเสียงเข้ม
“ไม่ได้นะครับ ตอนนี้ คุณหวีกับคุณหวันก็ไปเตรียมพาคุณดนัยกับคุณชลิตหนีแล้ว ส่วนพวกเราก็ต้องถ่วงเวลา แล้วก็เอายาเสือตาปรือให้พวกเจ้าแม่กินให้ได้”
ธานี ธนวัติ และพาณิชย์ หูผึ่ง หน้าตามีความหวังขึ้นมา ด้านอุ๊บอิ๊บจะดึงมือหนี
“แต่ฉันไม่อยากอยู่หน่วยถ่วงเวลานี่ นางเอกอย่างฉันต้องไปชิงตัวพี่ดนัยเท่านั้น”
บุญทิ้งทนไม่ไหวอีกแล้ว จึงชี้หน้าอย่างเอาจริง-อุ๊บอิ๊บอ้าปากหวอ
“หยุด ไม่อย่างนั้นผมจะอุ้มคุณไป”
บุญทิ้งทำท่าเอาจริง อุ๊บอิ๊บเขินๆ รีบผลักบุญทิ้งออกไป แล้ววิ่งกลับไปทางเดิม
“ไม่ต้องย่ะ ฉันเดินเองได้”
บุญทิ้งถอนหายใจแล้ว วิ่งตามกลับไปทางเดิมเช่นกัน
พวกธานี คิดมีแผนการเกิดขึ้นในสมอง ธนวัติจะถาม
“ป๊า...”
ธานียกมือห้ามไม่ต้องพูด แล้วหัวเราะหึหึ อย่างมีแผนการ
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้วไอ้วัติ ฉันเห็นทางรุ่งแล้วเว้ย ฮ่าฮ่าฮ่า เดี๋ยวพวกแกทั้งสองคน ทำตามที่ฉันสั่งก็แล้วกัน”
“ตามสั่งน่ะได้อยู่แล้ว แต่ว่าเราจะไปในสภาพนี้น่ะหรือฮะ ...ผมว่าแทนที่จะรุ่งมันจะร่วงเอานะ”พาณิชย์ออกความเห็น
ธานีเหลือบมองไปเห็น ป้ายชื่อร้าน ปรับโฉม ร้านเสริมสวยของชาวลับแลนั่นเอง ซึ่งอยู่ด้านฝั่งตรงข้ามของตรอก มีช่างเสริมสวยกำลังทำผมให้ลูกค้าอยู่ ธานียิ้มออกมาคิดได้
“ไม่ต้องห่วง แกเคยได้ยินมั้ย เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม”
ธนวัติและพาณิชย์ต่างสงสัยว่าธานีมีแผนอะไร

ครู่ต่อมาธานี ธนวัติและพาณิชย์ก็ปรับโฉมแต่งเป็นหญิงชาวลับแลเสร็จ เดินปะปนกับชาวเมืองอย่างเนียนไม่มีใครสงสัย ธนวัติและพาณิชย์รับตัวเองไม่ได้ ส่วนธานีเดินบิดก้น กรีดกราย ใส่จริตมาก เพราะกลัวไม่แนบเนียน ธานีซึ่งเปลี่ยนชื่อเป็น ทานี่ ดัดเสียงหญิง
“เอ้า นี่ อย่าเดินแข็งทื่ออย่างนั้นสิฮ้า เดี๋ยวโดนจับได้ ตามทานี่มานะฮ้า ในคืนนี้เราจะต้องพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสให้ได้ โอ.เค. นะคะ” ทานี่หรือธานีชูนิ้ว
ธนวัติและพาณิชย์รับไม่ได้ พาณิชย์แอบกระซิบถามธนวัติ
“พี่วัติเคยสงสัยรึเปล่าว่าทำไมแม่พี่ถึงหนีไป”
“ทะลึ่ง” ธนวัติดุ

ภายในท้องพระโรงในวังเมืองลับแล ถูกประดับประดาตกแต่งไปด้วยโคมไฟและดอกไม้สวยงาม เหล่าทหารและขุนนางชั้นผู้ใหญ่ แต่งตัวเต็มยศมาร่วมงานฉลองอภิเษกสมรสกันอย่างคับคั่ง จับกลุ่มคุยกัน ราว 10 คน นั่งด้านซ้ายและขวาของท้องพระโรงฝั่งละเท่าๆ กัน
เสียงดนตรีประโคมขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ เหล่าขุนนางต่างเงียบ และลุกขึ้นยืนต้อนรับเจ้าแม่ ชบาและดอกเข็มเดินนำเข้ามา จากนั้นเจ้าแม่แสงเพชรและเจ้าแสงหล้าเดินมาถึงห้องท้องพระโรง
แสงเพชรแต่งชุดชาวเมืองลับแลเหมือนเดิมแต่เป็นสีขาวล้วน ส่วนแสงหล้าใส่สีครีมล้วน ทั้งสองใส่เครื่องประดับเพชรพลอยหรูหราอลังการเต็มยศดูสวยงามเป็นพิเศษ
“งดงามหาใครเปรียบไม่ได้เลยเจ้าค่ะเจ้าแม่” ชบากล่าวชมแสงเพชร
“เจ้าแสงหล้าของดอกเข็มงดงามที่สุดเจ้าค่ะ” ดอกเข็มไม่ยอมแพ้
เจ้าแม่แสงเพชรและเจ้าแสงหล้ายิ้มพอใจ
“เจ้าแม่และเจ้าแสงหล้าจงเจริญๆๆ” เหล่าขุนนางอวยพร
“ข้าขอขอบใจทุกท่านที่มาร่วมยินดีกับข้าและแสงหล้าในวันนี้ ขอเชิญทุกท่านตามสบาย
แสงเพชรกล่าว แล้วขึ้นนั่งบนบัลลังก์ ส่วนเจ้าแสงหล้านั่งลดหลั่นลงมา ชบาประกาศขึ้นเริ่มพิธีทางการ
“และเนื่องในโอกาสอันน่ายินดียิ่งนี้ ข้าได้เตรียมการแสดงชุดพิเศษจากเหล่า นางรำของเรา เพื่อถวายแก่เจ้าแม่และเจ้าแสงหล้า ขอเชิญสำราญ เหล่าขุนนางต่างปรบมือ

กิมจิ แจ๋ บุญทิ้งและอุ๊บอิ๊บอยู่ในชุดนางรำชุดเดิม เตรียมพร้อมรออยู่ด้านหลังฉาก ทั้งสี่ต่างกังวล
“แล้วเราจะไปรำอะไร” แจ๋ว่า
“ออกไปก่อนเถอะน่า”
กิมจิผลักแจ๋ แจ๋ดึงกิมจิ กิมจิดึงบุญทิ้ง บุญทิ้งดึงอุ๊บอิ๊บ ตามมาเป็นทอดๆ

ทั้งสี่ล้มทับกันเป็นทอดๆ ต่างมองไปรอบตัว ทุกสายตาในห้องท้องพระโรงต่างจับจ้องมาที่ทั้งสี่
แจ๋ กิมจิ บุญทิ้งและอุ๊บอิ๊บต่างตกใจ รีบลุกขึ้น ยิ้มกลบเกลื่อนให้ทุกคน
บุญทิ้งกระซิบ “เจริญพร เอาไงดีครับ ขืนไม่รำอะไรสักอย่าง ถูกจับได้แน่”
กิมจิคิดหาทางรอด นำร้องและเต้น เพลง “แอ๊ปเปิ้ล มะละกอ กล้วย ส้ม” ด้วยท่าท่าเต้นฮาๆ สุดครีเอท
กิมจิดัดเสียงหญิง “แอ๊ปเปิ้ลๆๆ มะละกอๆๆ”
แจ๋รับมุก ร้องและเต้นตามกิมจิ
“เพลงอะไรเนี่ย เห่ยสุดๆ” อุ๊บอิ๊บบ่นออกมาเบาๆ
“เต้นตามเถอะครับ เดี๋ยวโดนจับได้” บุญทิ้งรีบหันมากระซิบ
อุ๊บอิ๊บจำเป็นต้องเต้นตามคนอื่นๆ อย่างขัดใจ
นางรำปลอมร้องประสานเสียง
“กล้วยๆๆ ส้มๆๆ แอ๊ปเปิ้ล มะละกอ กล้วยส้ม กล้วยส้มๆๆ…”
แต่พอจบเพลง ทั้งสี่ก็ร้องซ้ำ และเต้นท่าเดิมอีกครั้ง
แสงเพชร แสงหล้า ชบา ดอกเข็ม และเหล่าขุนนางต่างงุนงง
“มันรำอะไรของมัน กล้วยๆ ส้มๆ ไม่เคยพบเคยเห็น” ชบามองไปทางกลุ่มแจ๋
“สนุกดีออก” ดอกเข็มยิ้มระรื่น
ดอกเข็มชอบมากๆ เต้นตาม อย่างสนุกสนาน ขณะที่ชบาทำหน้าเข้ม แต่ในที่สุดก็ทนไม่ไหว เริ่มโยกตามจังหวะ แสงเพชรกับแสงหล้าพลอยสนุกไปด้วย
นอกจากนี้พวกขุนนางต่างเต้นตามกิมจิ แจ๋ บุญทิ้งและอุ๊บอิ๊บ ซะงั้น ทำให้บรรยากาศในท้องพระโรงสนุกสนานครื้นเครง ทุกคนช่วยกันร้องและเต้นตามเพลง “แอ๊ปเปิ้ล มะละกอ กล้วย ส้ม” ฮาฮากันไป

เวลาเดียวกันนั้นขบวนเสลี่ยงของดนัยและชลิตเคลื่อนขบวนก็มาถึง มีองครักษ์ทหาร คอยอารักขา
พอขบวนเสลี่ยงมาถึงมุมหนึ่ง เจอฉวีวรรณแต่งชุดนางรำนอนคว่ำหน้าอยู่ องครักษ์สั่งทหาร
“หยุด”
ขบวนเสลี่ยงหยุดรอ
องครักษ์สงสัย เข้าไปดูใกล้ๆ แบบระวังตัว ใช้อาวุธคู่กายเขี่ยร่างฉวีวรรณ
“นี่ เจ้า”
ฉวีวรรณนอนนิ่งไม่ไหวติง
องครักษ์แปลกใจ ก้มลงไปพลิกร่างฉวีวรรณขึ้นมาดู ทันใดนั้นฉวีวรรณก็พลิกตัวขึ้นมา ซัดเกลือป่นที่เตรียมมา เข้าตาองครักษ์ทันที โดยองครักษ์ยังไม่ทันตั้งตัว แสบตามาก
“โอ๊ย ตาข้า”
พวกทหารต่างตกใจ องครักษ์สั่งทหาร
“อารักขาท่านดนัยและท่านชลิต!”
พวกทหารเข้าสู้กับฉวีวรรณ ดาหวันโผล่มาใช้ท่อนไม้ทุบพวกทหาร ฉวีวรรณกับดาหวันช่วยกันสู้กับทหาร ฉวีวรรณหยิบเม็ดมะยมออกมาปา ทหารกระโดดหลบ ดาหวันใช้ท่อนไม้ทุบทหารล้มลงไป
ดนัย กับ ชลิต อยู่ในชุดหล่อเต็มยศ หันมาเขม่นมอง
“นั่นมันอะไรกัน” ดนัยบ่น
ฉวีวรรณหลอกล่อทหาร ปาเม็ดมะยม
“ฉันอยู่ทางนี้ แน่จริงจับให้ได้สิ”
พวกทหารกระเจิงไปอีก ฉวีววรรณปาเม็ดมะยมไปทางดนัย ปังๆๆ ดนัยยกมือขึ้นป้องแล้วออกอาการเดือดมาก เพราะมนต์ดำแห่งเสน่ห์ ผุดลุกจากเสลี่ยงที่นั่งลงมาเอาเรื่อง
“หยุด! ทำอะไรน่ะ”
ดนัยตะโกนเสียงดังลั่น ชลิตตามออกมาด้วย มองอย่างเอาเรื่อง
“ดนัย!”
“พี่ชลิต หวันมาช่วยพี่แล้ว”
ฉวีวรรณกับดาหวันรีบวิ่งเข้ามาหาคนรักของตัวเอง ฉุดให้ไปด้วยกัน
ฉวีวรรณพูดกับดนัย “เรารีบไปจากที่นี่กันเถอะ”
ดาหวันรีบบอกชลิต “ไป พี่ชลิต”
ฉวีวรรณดึงแขนดนัย ดาหวันดึงตัวชลิต ในช่วงเวลาคับขันจึงไม่ทันได้คิดอะไร แต่ดนัยและชลิตสะบัดมือจากฉวีวรรณและดาหวันอย่างแรง
“ปล่อย! อย่ามาแตะตัวฉัน!”
“พวกเธอเป็นใคร!” ดนัยถามเสียงไม่พอใจ
ฉวีวรรณและดาหวันตะลึง งงตาตั้งไปเลย

กิมจิ แจ๋ บุญทิ้งและอุ๊บอิ๊บร้องและเต้นแอ๊ปเปิ้ล มะละกอ กล้วย ส้ม จนจบเพลง
แสงเพชร แสงหล้า ชบา ดอกเข็ม เหล่าทหารและขุนนางต่างปรบมือ ทุกคนสนุกสนานกันมาก
ชบางงบ่นพึมพำกับตัวเอง
“ตอนตกลงกันไม่ใช่แบบนี้นี่นา”
“เป็นการแสดงที่แปลกใหม่ ข้าไม่เคยพบเจอที่ไหนมาก่อน ข้าประทับใจมาก” แสงเพชรชม ชบางงแต่ก็ยิ้มรับความดีความชอบ แสงหล้าชะเง้อมองหาชลิต
“ทำไมขบวนของพี่ชลิตยังมาไม่ถึงอีกเจ้าคะเจ้าพี่”
“นั่นสิ” แสงเพชรมีสีหน้ากังวล
แจ๋ กิมจิ บุญทิ้งและอุ๊บอิ๊บตกใจ แจ๋หันมากระซิบถาม
“ป่านนี้แล้ว ทำไมหวีกับหวันยังไม่จุดพลุสัญญานอีกหรือว่าจะเกิดเรื่อง”
“งั้นต้องใช้แผนสอง” กิมจิบอก

เหยือกน้ำทองเหลืองหรูหราดูดี วางไว้ตรงมุมหนึ่ง ธานีเข้ามา เทผงบางอย่างจากขวดแก้วเล็กๆ ลงไปใส่เหยือก เสียงกิมจิดังขึ้น
“เอ วางไว้ตรงนี้ แล้วมันหายไปไหนเนี่ย”
มือธานีรีบผลุบหายไปออกไปในความมืด กิมจิวิ่งเข้ามายังที่วางเหยือก
“โธ่ หลงมาวางอยู่นี่เองเหรอ ยายเจ้าแม่เอ้ย เสร็จยาเสือตาปรือแน่ล่ะ”
กิมจิดีใจ รีบถือเหยือกกลับออกไป

กิมจิวิ่งออกมาจากฉากนำเหยือกน้ำทองเหลืองที่เตรียมไว้มาให้เจ้าแม่ กิมจิดัดเสียงพูดกับเจ้าแม่
“เจ้าแม่แสงเพชรและเจ้าแสงหล้าเจ้าขา ผม เอ๊ย ข้าได้นำของขวัญ มามอบให้ท่านทั้งสอง นี่คือยาสมุนไพรสูตรลับเฉพาะของตระกูลข้าเอง ดื่มยานี้แล้วผิวพรรณจะผุดผ่อง เด้งดึ๋งๆ”
“พูดจาอะไรไม่รู้เรื่อง อะไรเด้งดึ๋งๆ” ชบาเอ็ด
แจ๋รีบช่วยแก้ต่าง “เอ่อ คือ เป็นภาษาประจำตระกูลน่ะเจ้าค่ะ แปลว่างดงามยิ่ง”
“จริงรึ” แสงเพชร ถาม
“จริงเจ้าค่ะ ยานี้มีชื่อว่า “สมุนไพรผัวรักผัวหลง” เจ้าค่ะ”
แสงเพชรกับแสงหล้าตื่นเต้น รีบรับมา
“ดีจริง ดนัยจะได้รักข้าหลงข้าเพียงคนเดียว”
อุ๊บอิ๊บหมั่นไส้ อยากกรี๊ด แต่ทำไม่ได้ จึงบ่นลอยๆ ออกมา
“นังสิบเอ็ดรอดอ!”
บุญทิ้งรีบปิดปากอุ๊บอิ๊บ กลัวเจ้าแม่สงสัย
“ข้าเตรียมมามากพอสำหรับทุกท่านในที่นี้เจ้าค่ะ”
แจ๋ กิมจิ บุญทิ้งและอุ๊บอิ๊บช่วยกันแจกจ่ายยานอนหลับให้เหล่าทหารและขุนนางคนละจอก แสงเพชรและแสงหล้าและเหล่าขุนนางเตรียมจะดื่ม แจ๋ กิมจิ บุญทิ้งและอุ๊บอิ๊บลุ้นระทึก
ธานีรีบเดินนำเข้ามา ดัดเสียงหญิงตะโกนห้ามขึ้น
“หยุด! อย่าดื่ม”
แสงเพชร แสงหล้า และทุกคนในท้องพระโรงต่างตกใจ ส่วนแจ๋ กิมจิ บุญทิ้งและอุ๊บอิ๊บต่างตกใจ อุ๊บอิ๊บยังจำธานีไม่ได้เพราะแต่งตัวเป็นหญิง
“นี่เจ้าเข้ามาได้ยังไง” แสงเพชรงง
“เจ้าเป็นใคร” แสงหล้าสงสัย
“อะไรกัน จำทานี่ไม่ได้จริงๆ หรือฮ้า...” ธานีพูดเสียงจริงผสมเสียงแอ๊บ
“เสียงคุ้นๆ แฮะ” อุ๊บอิ๊บเริ่มสงสัย
“จับมัน”
สิ้นเสียงเจ้าแม่ ทหารที่อารักขาแสงเพชร ต่างชักดาบมาจ่อคอธานี
“เอ้ย อย่าเล่น ของมีคมมันเสียว ฟังข้าให้ดี น้ำในเหยือกนั้นมียาพิษ!” ธานีโดนดาบจี้คออยู่ตะโกนบอก
แสงเพชร แสงหล้า ชบา ดอกเข็ม เหล่าทหารและขุนนางต่างตกใจ
“น้าอย่ามามั่ว ยาพิษที่ไหน” กิมจิแก้ตัว
“ไม่ต้องเถียงกัน ข้าจะพิสูจน์เอง”
แสงเพชรพูดจบ ก็เทแก้วน้ำลงที่พื้น ปรากฏว่าที่พื้นเป็นฟองฟู่ขึ้นมาเหมือนน้ำกรด ทุกคนฮือฮา
“ยาพิษจริงๆ ด้วย” แสงหล้าหันไปทางพวกแจ๋ “พวกเจ้าลอบสังหารข้ากับเจ้าพี่ ทหาร จับตัวมัน”
ทั้งสี่หน้าเสีย ตกใจไปตามๆกัน

ส่วนฉวีวรรณกับดาหวันแปลกใจท่าทีชลิตกับดนัย แต่ยังไม่สงสัยอะไร
“ไม่ใช่เวลามาล้อเล่นนะพี่ชลิต ไม่ขำสักนิด”
ดาหวันดึงแขนชลิต
“รีบไปได้แล้ว ก่อนที่เจ้าแม่สองพี่น้องนั่นจะไหวตัวทัน”
ชลิตสะบัดจากดาหวันและผลักดาหวันล้มลง
“บอกว่าไม่ไป พูดไม่รู้เรื่องรึไง!”
“โอ๊ย” ดาหวันเจ็บจนร้องออกมา
ฉวีวรรณรีบไปประคองดาหวัน
“หวัน เป็นอะไรรึเปล่า”
“หวันไม่เป็นไรพี่หวี”
ฉวีวรรณโกรธจัดหันไปต่อว่าชลิต
“ทำแบบนี้เกินไปแล้วนะชลิต พวกเราอุตส่าห์เสี่ยงชีวิตมาช่วยนาย นายตอบแทนพวกเราแบบนี้เหรอ”
ดนัยคว้าดาบของทหารที่หล่นอยู่ขึ้นมาชี้หน้าฉวีวรรณ
“เธอจะทำอะไร ถอยออกไปห่างๆ ขืนเข้ามาอีกก้าวเดียว ฉันจะฆ่าเธอ!”
ฉวีวรรณตกใจ
“ดนัย! นายพูดอะไรของนาย นายเป็นอะไร ฉันงงไปหมดแล้ว”
จู่ๆ ธนวัติกับพาณิชย์ก็เดินเข้ามา หัวเราะขึ้นอย่างสะใจ เสียงแมนๆ
ฉวีวรรณกับดาหวันตกใจ
“ธนวัติ!” / “ไอ้พาณิชย์!”

ด้านแจ๋ กิมจิ บุญทิ้งและอุ๊บอิ๊บ ถูกทหารควบคุมตัวอยุ่ แสงเพชรเข้ามาตะคอกถาม
“บอกมาเดี๋ยวนี้ใครเป็นคนบงการพวกเจ้า!”
ธนวัติและพาณิชย์จับตัวฉวีวรรณและดาหวันเข้ามา
“นี่ไงล่ะคนบงการ ทั้งสองคน!!”
แจ๋ กิมจิและบุญทิ้งตกใจที่ฉวีวรรณและดาหวันถูกจับได้
“หวี! หวัน!”
ธนวัติกับพาณิชย์ผลักตัว ฉวีวรรณกับดาหวันไปตรงหน้าเจ้าแม่ ดนัยกับชลิตตามมาด้วย
“ฉันกับดนัยเป็นพยานให้ได้” ชลิตบอก
ฉวีวรรณดาหวัน แจ๋ กิมจิ บุญทิ้ง อุ๊บอิ๊บมองอึ้งตะลึงงง
“เฮ้ย ฉันหูฝาดหรือแล้วกิมจิ นั่นมันชลิตกับดนัยตัวจริงเหรอ” แจ๋ว่า
ดนัยและชลิตจะไปหาแสงเพชรและแสงหล้า ฉวีวรรณกับดาหวันรีบดึงตัวไว้
“ดนัย อย่าไป” ฉวีวรรณร้องบอก
“อันตรายนะพี่ชลิต” ดาหวันตะโกน
ดนัยสะบัดจากฉวีวรรณ ชลิตสะบัดจากดาหวัน
“ปล่อย ฉันจะไปหาเมียฉัน!” ดนัยร้อง
“เมีย” ฉวีวรรณตกใจ
ดนัยและชลิตวิ่งไปหาแสงเพชรและแสงหล้า ทั้งสองคู่ต่างกอดกัน
“นี่มันเรื่องอะไรกัน” แสงเพชรงง
“ผู้หญิงสองคนนี้วางแผนลักพาตัวดนัยกับชลิต คนรักของท่านทั้งสอง”
เวลานั้นธานีที่ยังแอ๊บหญิงอยู่พูดแทรกขึ้น
“แล้วก็ใช้มือสังหารทั้งสี่นี่มาวางยาพิษเจ้าแม่ไงล่ะคะ”
แสงเพชรกับแสงหล้าโกรธมาก
“เลวมาก เอาตัวไปประหาร!” แสงเพชรสั่งเสียงเข้ม
ทหารกรูเข้ามาล้อมจับฉวีวรรณ ดาหวัน แจ๋ กิมจิ บุญทิ้งและอุ๊บอิ๊บจะดึงออกไป
“หยุดก่อน! ทำแบบนี้พวกมันจะสบายเกินไปนะสิ” ธนวัติเอ่ยขึ้น
ทุกคนต่างชะงัก
“หมายความว่ายังไง เจ้ามีแผนอะไรรึ” แสงเพชรสงสัย
“ต้องทรมานให้เจ็บปวดก่อนตาย ถึงจะสาสมกับความผิด ที่พวกมันกล้าหลอกลวงเจ้าแม่”
ความคิดของธนวัติถูกใจแสงเพชรมาก นางผุดยิ้มร้ายกาจออกมาอย่างเห็นด้วย
“ก็จริงของเจ้า” เจ้าแม่หันไปสั่งทหาร “จับมันไปทรมานเยี่ยงทาสจนสาสม แล้วค่อยฆ่ามันกับมือข้าเองจะดีกว่า”
ฉวีวรรณสุดฉุนต่อปากกับเจ้าแม่ “บ้า! เป็นเจ้าเมืองประสาอะไร ทำไมถึงได้หูเบานัก”
ดาหวัน“นั่นสิ ไปเชื่อพวกตัวประหลาดใจสกปรกอย่างนั้นได้ยังไง” ดาหวันผสมโรง
พาณิชย์รีบแก้ตัวกับเจ้าแม่ “พวกเราไม่ใช่ตัวประหลาด แต่เป็นคนที่หวังดีที่สุดต่อเจ้าแม่ทั้งสอง”
และแล้วพาณิชย์กับธนวัติ ก็ดึงวิกผมออกเผยตัวตนที่แท้จริง แสงเพชรกับแสงหล้าตกใจ
“ธนวัติ พาณิชย์ นี่พวกเจ้าเองเหรอ”
“ถูกต้อง ถึงพวกเราจะโดนเจ้าแม่ทำร้าย แต่เมื่อเรารู้ว่าเจ้าแม่ตกอยู่ในอันตราย พวกเราก็กลับมาช่วยด้วความจริงใจ...คราวนี้เจ้าแม่คงรู้แล้วล่ะนะว่าใครเป็นมิตรแท้” ธนวัติสอพลอเอาความชอบทันที
แสงเพชรมองธนวัติกับพาณิชย์ด้วยสายตาชื่นชม
“ไม่จริง มันโกหก พวกมันชั่วยิ่งกว่า ผีนรกเสียอีก” ฉวีวรรณพูดออกมาอย่างเหลืออด
“หุบปากซะ” แสงเพชรหันไปทางทหาร “เอาตัวคนพวกนี้ออกไปได้แล้ว”
ทหารคุมตัวฉวีวรรณ ดาหวัน แจ๋ กิมจิ บุญทิ้งและอุ๊บอิ๊บออกไป
“อ๊าย ฉันไม่ไป” อุ๊บอิ๊บโวยลั่น ไม่ยอมไป
ธานีรีบเข้ามาดึงตัวอุ๊บอิ๊บไป
“ยายอุ๊บอิ๊บ มานี่”
อุ๊บอิ๊บจำพ่อตัวเองไม่ได้จึงสะบัดตัวออก “แกจะทำอะไร ปล่อยฉันนะ”
“นี่ป๊าเองนะ” ธานียืนยัน
“โกหก พ่อฉันไม่ทุเรศแบบนี้หรอก”
เห็นลูกสาวไม่ยอมเชื่อ ธานีจึงกระชากวิกผมออก
“ป๊า!” อุ๊บอิ๊บตกใจ
“เออ ฉันเองแหละ มานี่”
ธานีดึงตัวอุ๊บอิ๊บหลบไว้ไม่ให้ไป ทหารจะลากฉวีวรรณและดาหวันออกไป ทั้งสองหันมามองดนัยและชลิต
“ดนัย!”
“พี่ชลิต ช่วยหวันด้วย พี่ชลิต!”
ทว่า ดนัยและชลิตกลับมองมาอย่างเฉยเมย ไม่สนใจใยดีสองสาวแม้เพียงนิด  ฉวีวรรณและดาหวันเจ็บปวด เสียใจเหลือเกิน แต่ทำอะไรไม่ได้

กลุ่มของธานี ธนวัติและพาณิชย์ผุดยิ้มร้ายๆ ออกมา ที่เห็นทุกอย่างเป็นไปตามแผน

อ่านต่อตอนที่ 19




กำลังโหลดความคิดเห็น