นางฟ้ากับมาเฟีย ตอนที่ 18
ภายในโรงงาน คนของภาคภูมิ เดินเรียงแถวหน้ากระดานเพื่อกดดันลูกน้องของปองธรรม เรืองฤทธิ์ จักรและคู่ค้ากับลูกน้อง หนีไปไหนไม่พ้นมากระจุกกันอยู่กลางห้องโถง หลายคนยังไม่ยอมวางปืน พร้อมสู้ตาย
ก้องภพประกาศ
“ตอนนี้เจ้านายของพวกแก นายเทวัญ ยอมมอบตัวแล้ว ขอให้ทุกคนวางอาวุธลง มอบตัวเสียดีๆ”
ทุกคนอึ้ง หันไปมองต้นเสียง เห็นก้องภพคุมตัวเทวัญที่ใส่กุญแจมือแล้วเข้ามา พวกคู่ค้า กับลูกน้องปองธรรมมองหน้า กันเลิ่กลั่ก คิดหนัก
เรืองฤทธิ์ตัดสินใจ หลบเข้าหลังจักร มือซ้ายล็อกคอจักร มือขวาถือปืน
“คุณฤทธิ์ทำอะไรน่ะ ปล่อยผมนะ”
จักรดิ้นหนี เรืองฤทธิ์ล็อกคอแน่น พูดเบาๆ
“ก็ไหนแกเคยบอกว่าจะปกป้องฉันด้วยชีวิตของแกไง” เรืองฤทธิ์ตะโกนใส่พวกก้องภพ “ปล่อยฉันออกไป ไม่งั้นไอ้นี่ตาย”
ทุกคนมองเรืองฤทธิ์ไม่เชื่อสายตา ก้องภพพึมพำ
“ไอ้เสือตัวใหม่นี่หว่า”
เรืองฤทธิ์กดปืนกับขมับจักรแน่น
“เร็วสิ ถอยไป” เรืองฤทธิ์สั่งตำรวจ
พวกคอมมานโดมองก้องภพอย่างรอคำสั่ง เรืองฤทธิ์ตัดสินใจรวดเร็ว ผลักจักรเข้าหาก้องภพรวดเร็ว แล้วมืออีกข้างก็กราดยิงใส่ไปด้วย ทำให้พวกก้องภพวงแตก รีบยิงสวนมาป้องกันตัวเอง และป้องกันเทวัญในฐานะพยานปากสำคัญ กระสุนถูกจักรล้มลงสิ้นใจ
พวกคู่ค้ากับเหล่าลูกน้องปองธรรมหนีตายกันอุตลุด ก้องภพที่มัวแต่ปกป้องเทวัญอยู่ เห็นเรืองฤทธิ์เผ่นพรวดหนีออกไป
“เสือตัวใหม่หนีเข้าป่าไปแล้ว ตามเร็ว”
ก้องภพตะโกนบอกลูกน้อง
เรืองฤทธิ์หนีกระเซอะกระเซิงเข้าป่าไป อีกทางรามหนีภาคภูมิมาก่อน ทั้งคู่ถอยหลังมาเจอกัน ต่างก็หันขวับมา เล็งปืนใส่อีกฝ่าย พอเรืองฤทธิ์เห็นรามก็โล่งใจ
“ราม! มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“ผมมาทำงาน แล้วอาล่ะ มาทำไม”
“อาเป็นเพื่อนพ่อเลี้ยง จริงสิ ตอนนี้พ่อเลี้ยงอยู่ที่ไหน”
เสียงก้องภพดังขึ้น
“ตอนนี้พ่อเลี้ยงไปรอแกอยู่ในคุกแล้ว”
เรืองฤทธิ์ชะงักหันไป เห็นก้องภพตามมารีบยกปืนขึ้น จะยิงก้องภพ รามรีบโดดเข้าบังก้องภพ กระสุนพลาดไป
เรืองมองรามคิดไม่ถึง
“นี่แกเป็นพวกเดียวกับมันหรือ”
“ผมว่า อามอบตัวดีกว่า”
รามบอกเสียงเข้ม ก้องภพมองรามงงๆ ถามเสียงเบา
“เสือตัวใหม่เป็นอานายหรือ”
รามพยักหน้า ก้องภพมองรามอย่างนับถือ เรืองฤทธิ์เข้าใจทันทีว่ารามเป็นตำรวจ
“แก! ไอ้หลานเนรคุณ ไอ้คนทรยศ”
เรืองฤทธิ์จะยิงราม แต่กระสุนหมดพอดี
“คุณจะยอมมอบตัว แล้วไปกับพวกเราดีๆ หรือว่าจะให้ผมใช้กำลัง”
เรืองฤทธิ์มองๆ เห็นรามกับก้องภพมีปืนในมือ ทางด้านหลังเรืองฤทธิ์เป็นเหว หมดทางหนี
“อย่าๆ ผมยอมแล้ว ผมจะมอบตัว...อาเป็นอาของรามนะ อย่าทำอะไรอาเลย”
“อาวางปืนลง แล้วเอามือไว้บนศีรษะ”
เรืองฤทธิ์ทำตาม รามเดินตรงไปค้นตัวเรืองหาอาวุธ เรืองฤทธิ์นั้นรออยู่แล้ว กระแทกศอกรามจะแย่งปืน ทำให้ปืนลั่น กระสุนไปถูกก้องภพตรงแขนขวา ก้องภพเซปืนหลุดมือ
“โอ๊ย!” ก้องภพล้มลง
เรืองฤทธิ์ได้โอกาส ผลักรามแล้ววิ่งหนีไป รามรีบตาม ก้องภพพยายามยันตัวขึ้น โซเซตามไป
รามตามมาทัน กระโจนเข้าล็อกคอ เรืองฤทธิ์หันมาสู้ รามจะชกเรืองฤทธิ์ให้สลบ แต่ทำใจไม่ได้ เรืองฤทธิ์ได้โอกาสถีบรามออก รามได้สติพุ่งเข้ารวบขา กอดปล้ำกัน รามโวยด้วยความโมโห
“อาทำแบบนี้ทำไม ทำไมอาถึงต้องค้ายาด้วย ผมไม่เข้าใจ”
เรืองฤทธิ์จ้องตาราม บีบมือแน่น
“ก็ถ้าฉันไม่ทำ ฉันก็อดตาย”
“โกหก”
“ฉันไม่ได้โกหก พ่อของแก มันแค่สอยฉันไว้ใช้ มรดกของมัน มันยกให้แกกับอีแก่นั่นหมด”
รามสะอึกคำว่าอีแก่ เรืองฤทธิ์ได้จังหวะ ถีบรามออกกระเด็นไป รามร่วงลงไปกองที่พื้น เรืองฤทธิ์เดินตาม เตะซ้ำ รามมองอย่างทั้งเสียใจ ทั้งแค้น
“ที่คุณแม่เป็นแบบนี้ ก็เพราะอาและที่คุณแม่หายไป ก็เป็นฝีมืออาอีกเหมือนกันใช่มั้ย”
“ฉันไม่ได้เอาแม่แกไปซ่อน เมียแกต่างหากมันเที่ยวสู่รู้ พานังแก่นั่นไป”
“ก็เพราะอาจะฆ่าแม่ใช่มั้ยล่ะ”
เรืองฤทธิ์หัวเราะหึๆสะใจ เข้าเตะราม รามกลิ้งไปใกล้ปากเหว เรืองฤทธิ์ที่แย่งปืนได้ เอาปืนเล็งไปที่อกราม
“แกรู้ตอนนี้ก็สายไปแล้วโว้ยไอ้โง่ เพราะอีกไม่นาน แกก็จะตายตามแม่แกไปนั่นแหละ แล้วสมบัติของพวกแกก็จะกลายเป็นของฉัน”
เรืองฤทธิ์ขึ้นไกปืนจะยิง รามหลับตานิ่งยอมตาย ก้องภพตะโกน
“อย่า”
เรืองฤทธิ์หันไปมองก้องภพอย่างเสียจังหวะ ก่อนสะดุ้งโหยง เพราะเมขลาที่ย่องมาทางด้านหลัง กระโดดเข้ากัดแขนเรืองข้างที่ถือปืน
“โอ๊ย”
เรืองฤทธิ์สะบัดมือ ปืนลั่น ก่อนตกลงพื้น ที่ดงไม้ใกล้ๆ ภาคภูมิได้ยินเสียงปืน รีบวิ่งมาตามเสียง
รามลืมตา เห็นเมขลา
“เม!”
เรืองฤทธิ์แค้น
“นี่แกอีกแล้วหรือนังตัวแสบ”
เมขลาถอยออก รีบเตะปืนส่งให้ราม
“เร็วเข้าคุณราม หยุดเขาให้ได้”
รามหยิบปืนขึ้นอย่างลังเล เสียงภาคภูมิดังขึ้น...
“หยุดแล้ววางปืนลง นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ”
รามชะงัก หันไปเห็นภาคภูมิเข้ามา ภาคภูมิเห็นก้องภพบาดเจ็บ คิดว่ารามยิงก้องภพ ยิ่งแค้นราม เขาไม่ทันสังเกตเรืองฤทธิ์ เพราะอยู่ในระนาบเดียวกัน รามกับเมขลา อยู่ในทิศตรงกันข้าม
“วางปืนเดี๋ยวนี้”
รามจะวางปืน แต่เห็นเรืองฤทธิ์ค่อยๆ ถอยหนีจะเอาตัวรอด รามลืมตัว ลุกขึ้นคว้าปืน จะยิงขาเรืองฤทธิ์ ภาคภูมิคิดว่ารามจะยิงสู้ เลยยิงใส่ รามผงะไป ก่อนเซ ไปทางด้านหลัง
เมขลากรี๊ด
“ไม่...”
อกรามแดงฉาน เมขลาพยายามจะเอื้อมมือไปคว้าราม แต่ไม่ทัน เขาร่วงลงเหวข้างหลังไปต่อหน้าต่อตาทุกคน
ที่โรงพยาบาลตำรวจ...เมขลาในชุดคนไข้ นอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง ผวา ร้องหาราม ผุดลุกขึ้น เจอก้องภพอยู่ในห้อง
“ใจเย็นๆ หนู ทำใจดีๆ ไว้ก่อนอย่าเพิ่งรีบลุก เดี๋ยวจะหน้ามืดไปอีก”
เมขลาน้ำตาคลอตา ห่วงราม
“นี่หนูมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะเนี่ย”
“หนูเป็นลม ทางเราเลยนำตัวส่งโรงพยาบาลในกรุงเทพ”
“แล้วคุณรามล่ะคะ คุณรามอยู่ที่ไหน”
ก้องภพบอกให้รู้ว่ารามตายแล้ว เมขลานั่งช็อก ก่อนนึกถึงเทวัญขึ้นมาได้
“แล้วคุณเทวัญล่ะคะ”
“เขายอมมอบตัว”
“แต่เขาเป็นคนดี เขาไม่เคยยุ่งกับกิจการของพ่อเลี้ยงเลย เว้นแต่ไอ้คาราโอเกะบ้าๆนั่น”
ก้องภพพยักหน้าเห็นด้วย
“เราก็มั่นใจว่าเป็นฝีมือของพ่อเขา และเพราะแบบนี้ ผมถึงอยากขอร้องให้หนูช่วยเป็นพยานในคดีนี้ จะได้เอาผิดกับพ่อเลี้ยงปองธรรมและพรรคพวกของเขาได้ เพื่อนายเทวัญจะได้พ้นผิด”
เมขลาอึ้งไป ก้องภพมองอย่าง
“แต่ถ้าหนูยังไม่พร้อม พวกผมก็พร้อมที่จะรอ”
ก้องภพมองเมขลาอย่างมีความหวัง ขณะที่หญิงสาวเครียดหนัก
แสง เรืองฤทธิ์ และลูกน้องที่หนีมาได้ พากันมาถึงเซฟเฮาส์ปองธรรม ทุกคนสะบักสะบอม เสื้อผ้าขาดวิ่น ทันทีที่ได้พบปองธรรม และธิดา แสงรีบบอก
“รามตายแล้วครับ”
ธิดาไม่เชื่อ กรี๊ดลั่น
“ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ แกโกหก”
“ถ้างั้น คุณเทเรซ่าถามหุ้นส่วนใหม่ของเราก็ได้ คุณฤทธิ์ เขาเห็นไอ้รามถูกยิงตกเหวตายกับตา”
แสงพยักหน้าไปที่เรืองฤทธิ์ ธิดายิ่งแค้น หาอะไรไล่ตี ไล่ฟาดแสง
“แล้วทำไมแกไม่ช่วยแฟนฉันฮึ ทำไมเขาตาย แต่แกกลับรอดมาได้”
ปองธรรมรีบเข้ามาแยกธิดาแทบไม่ทัน
“ใจเย็นๆ ลูก...ว่าไง แกมีเหตุผลอะไรถึงไม่ช่วยราม”
“เพราะไอ้รามมันเป็นไส้ศึก มันเป็นสายให้ตำรวจ แล้วพ่อเลี้ยงจะให้ผมช่วยคนอย่างนั้นหรือ” เรืองฤทธิ์พูด
ปองธรรมอึ้ง ทรุดลง
“รามนี่นะ เป็นสายของตำรวจ”
“ฉันไม่เชื่อ อย่ามาโกหก” ธิดาตวาดเรืองฤทธิ์ ก่อนหันไปชี้หน้าแสง “พวกแกรวมหัวกันแกล้งราม เพราะเกลียดเขา ฉันรู้...ยิงมันเลยค่ะพ่อ คนแบบนี้ เลี้ยงไปก็เสียข้าวสุก”
แสงซีด ปองธรรมลังเล
“ผมไม่รู้ว่าแสงกับรามเคยทะเลาะอะไรกันมาบ้าง แต่ผมไม่มีทางใส่ร้ายมันแน่” เรื่องฤทธิ์บอก
“ผมจะแน่ใจได้ยังไง ว่าคุณไม่ได้ป้ายความผิดให้ราม”
“เพราะผมเป็นอาราม”
ทุกคนอึ้ง พูดไม่ออก
“และเพราะมัน ทำให้งานของเราต้องพังป่นปี้หมด แถมยังทำให้ลูกชายของคุณต้องติดคุก”
ธิดาเซจะเป็นลม ปองธรรมรีบประคองไว้ และถามไปด้วย
“ลูกชายผมอยู่ที่ไหนนะ”
เทวัญนั่งเครียดในห้องสอบสวน ขณะที่ภาคภูมิทำหน้าที่สอบสวน
“คุณรู้ใช่มั้ย ว่าการโกหกเจ้าพนักงานมีโทษทั้งจำทั้งปรับ”
“ผมไม่ได้โกหก ผมพูดความจริง”
“งั้นผมจะถามคุณอีกครั้ง พ่อเลี้ยงปองธรรมอยู่ที่ไหน”
“ผมไม่รู้” เทวัญกอดอก หลับตาปิดปากเงียบ “แล้วพ่อของผมก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วย ผมเป็นคนทำทั้งหมดเอง”
ภาคภูมิเครียด มองเทวัญอย่างผิดหวัง
โรสร้องไห้ฟูมฟาย กอดทรงวาดที่นอนหลับตานิ่งในอ้อมแขน ขณะที่ถูกพวกเจ้าหนี้นำตัวมาขังไว้ โดยเย็นพลอยพ่วงถูกจับมาด้วย นั่งอยู่อีกมุมหนึ่ง
“คุณนายขา...คุณนาย คุณน้าย คุณนาย คุณนายเป็นอะไรไปคะ...ทำไมคุณนายไม่ตอบหนู คุณนายอย่ามาทิ้งกันไปแบบนี้สิ หนูใจไม่ดี ยังไม่ได้มรดกเลยนะ คุณนาย!!!”
ประตูเปิดผัวะออก ลูกน้องหน้าเหี้ยมเข้ามา
“ส่งเสียงหาอะไรวะ คนจะหลับจะน...”
ลูกน้องพูดไม่จบ เย็นที่รออยู่
เอาจานข้าวสแตนเลส ที่เตรียมไว้ตบบ้องหูอย่างแรง แต่ลูกน้องไม่สะเทือน หันมาชี้หน้าเย็น
“แกทำอะไรวะ”
โรสกับทรงวาดรีบถอยไปที่มุมห้องอย่างกลัวๆ เย็นกลั้นใจใช้จานตบหน้าลูกน้อง ซ้ายขวาๆๆจนลูกน้องมึน หงายผึ่ง รสชูนิ้วโป้งให้เย็น
“ยอดมากไอ้หน้าส้วม”
เย็นเขิน
“วันหลังเรียกพี่ว่าพี่เย็นก็ได้นะจ๊ะน้องโรส”
โรสค้อน ก่อนพยุงทรงวาดลุกขึ้น
“ไหวไหมคะคุณนาย”
ทรงวาดพยักหน้า พวกโรสย่องออกจากที่โดนขัง แล้วพากันกลับไปที่บ้าน ป้าแจ่มที่รออยู่ วิ่งมาหาอย่างร้อนใจ
“คุณท่านคะ คุณท่านหายไปไหนมา ทางนี้เกิดเรื่องใหญ่กับคุณเม คุณท่านทราบหรือยังคะ”
“เมหรือ เมเป็นอะไร” ทรงวาดร้องถามอย่างตกใจ
ที่โรงพยาบาล...เมขลาผลักจานอาหารออกไปอย่างไม่อยากกิน ก้มหน้ากอดเข่าซบหน้าลง เสียงทรงวาดดังขึ้น
“ถ้าหนูไม่กิน จะไม่มีแรงนะลูก”
เมขลาตกใจ เงยหน้าขึ้น เห็นทรงวาดยืนอยู่
“คุณแม่”
เมขลาผวาไปหา ทั้งคู่กอดกัน เมขลาลูบสะเปะสะปะ
“คุณแม่...คุณแม่จริงๆ ด้วย”
“ก็จริงน่ะสิ”
ทรงวาดหัวเราะ ทั้งสะอื้น ทั้งโล่งใจ
“แล้วนี่คุณแม่รู้ได้ยังไงคะว่าหนูอยู่ที่นี่”
“หนูโรส ไปเที่ยวถามตำรวจที่สนิทๆ กันมาให้น่ะ ตอนแรกเขาก็ไม่ยอมบอกหรอกนะ จนแม่ต้องไป บอกว่าเป็นแม่บุญธรรมหนู ถึงได้รู้ว่าหนูอยู่ที่นี่ แล้วนี่เป็นยังไงบ้างลูก”
“หนูไม่ได้เป็นอะไรหรอกค่ะ แต่ตำรวจยังไม่อยากให้ออกไปเพราะคดียังไม่เรียบร้อยดี แล้วเขาอยากขอให้หนูเป็นพยานด้วย”
ทรงวาดถอนใจ
“เรื่องมันเป็นยังไงมายังไง ทำไมหนูถึงไปอยู่ที่นั่นได้ ไหนว่าหนูจะไปตามรามไง แล้วนี่รามอยู่ไหน”
“คุณแม่คะ..คือ...คุณรามเขา..”
ทรงวาดสังหรณ์ไม่ดี
“รามเป็นอะไรหนู”
“คุณรามตายแล้วค่ะคุณแม่...เขาถูกยิงตกเหวตาย”
เมขลาโผเข้ากอดทรงวาด ร้องไห้กันทั้งคู่
หลายวันต่อมา...ทรงวาดกับเมขลาไปที่วัดด้วยกัน ทั้งคู่ทำพิธีเผาหลอกให้ราม เพราะคิดว่าเป็นสิ่งเดียวที่จัทำให้รามที่จากไปได้
“อย่าร้องไห้ค่ะคุณแม่ ถ้าคุณแม่ร้องไห้ คุณรามเขาจะมีห่วงแล้วไม่ได้ไปไหนนะคะ”
เมขลาปลอบ เมื่อทรงวาดร้องไห้
“แต่ในนั้นไม่ได้มีร่างรามจริงสักหน่อย ตัวเขาแหลกเหลวไม่มีชิ้นดี อยู่ที่ก้นเหวนั่นแล้ว”
“แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ต้องทำตามประเพณีให้ถูกต้อง” เมขลาถอนใจ “คุณแม่คงเหนื่อยมาก เดี๋ยวหนูไปหาน้ำมาให้คุณแม่ดื่มสักหน่อยดีมั้ยคะ จะได้สดชื่นขึ้นบ้าง”
ทรงวาดรู้สึกตัว พยักหน้า พยายามเลิกฟูมฟาย
“ไม่ต้องหรอกลูก แค่นั่งพักสักครู่ก็หาย หนูนั่นแหละ หาอะไรกินเสียบ้าง แม่ไม่เห็นหนูกินอะไรเลยพักนี้”
“ถ้าหนูกิน คุณแม่ก็ต้องกินด้วยนะคะ เพราะคุณแม่ก็ไม่ยอมกินอะไรมาหลายวันแล้ว”
ทรงวาดพยักหน้ารับไปแกนๆ
“งั้นเดี๋ยวหนูมานะคะ”
เมขลาเดินเลี้ยงลับมุมมุมเจดีย์ไป เธอรู้สึกว่ามีคนตาม จึงจับกระเป๋าแน่นเตรียมไว้ ทันทีที่เห็นเงาคนที่เดินตามมา เธอเงื้อกระเป๋าฟาดโครมๆ ไม่ทันมอง
“โอ๊ย อะไรกัน หนูเม นี่ผมเอง”
เมขลาชะงัก รีบหยุดแทบไม่ทัน เมื่อเห็นว่าเป็นก้องภพ
“แล้วท่านตามหนูมาเงียบๆ ทำไมคะ ใจคอหายหมด”
“ผมมีอะไรจะคุยกับหนู กับคุณทรงวาดหน่อย แต่ไม่อยากให้ใครได้ยินน่ะ”
เมขลารีบพาก้องภพไปหาทรงวาด แล้วนั่งคุยกันที่ศาลาเล็กๆหลังวัด
“ท่านจะคุยอะไรกับฉันหรือคะ” ทรงวาดถามอย่างแปลกใจ
“เรื่องรามน่ะครับ”
ทรงวาดถอนใจ เหม่อมองรูปรามที่ใช้ในงานศพ ที่เอามาถือไว้ในมือ
“ถ้าท่านจะตำหนิดิฉันที่เลี้ยงดูลูกไม่ดี ปล่อยให้เป็นปัญหากับสังคม ก็พูดมาได้เลยค่ะ ฉันยอมรับผิดทุกอย่าง”
“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ...คือ อันที่จริง ทางผมกับกรมกองที่สังกัดอยู่ก็คิดถึงเรื่องนี้กันหลายหน ว่าเราจะบอกทางครอบครัวของรามยังไงดี”
เมขลามีหวัง
“บอกอะไรคะ หรือว่าเขายังไม่ตาย”
ก้องภพลำบากใจ
“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ...คือ จริงๆ แล้ว...รามเป็นตำรวจ”
เมขลากับทรงวาดตกใจ
“เป็นไปไม่ได้”
“เป็นความจริงครับ รามเป็นตำรวจจริงๆ แต่เป็นตำรวจลับ ที่เขาต้องทำแบบนั้นก็เพราะอยากให้พวกพ่อเลี้ยงปองธรรมตายใจ ทางเราก็เสียใจมาก ที่จู่ๆเขาต้องมาจบชีวิตลงแบบนี้”
เมขลาแทบทรุด
“ถ้าอย่างนั้น ก็เท่ากับว่า ฉันเป็นคนทำให้เขาตายสิคะ”
ทรงวาดหันไปหาเมขลา
“ทำไมหนูพูดแบบนั้น”
เมขลาจะร้องไห้
“ก็หนูเป็นคนโทรไปแจ้งตำรวจ ให้เข้าบุกจับที่ไร่ชาวันนั้นเอง เพราะหนูคนเดียว คุณรามถึงได้ถูกตำรวจด้วยกันยิงตายเพราะความเข้าใจผิด หนูผิดเองค่ะคุณแม่ หนูผิดเอง”
ทรงวาดกอดเมขลาที่เอาแต่ร้องไห้ ก้องภพมองอย่างสงสารพูดไม่ออก เมื่อเมขลาสงบลง จึงเดินไปส่งทั้งคู่ที่รถ
“แล้วผมจะให้คนส่งใบประกาศเกียรติคุณ ของผู้กองรามไปให้คุณที่บ้านที่หลังนะครับ”
ทรงวาดพยักหน้า แล้วขึ้นรถตาม คนขับรถขับแล่นออกไป ยงยุทธลงจากรถที่นั่งรออยู่ เดินมาหาก้องภพ
“น่าสงสาร คุณเมนะครับ เธอคงรักผู้กองจริงๆ ถึงได้เสียใจขนาดนี้”
“ใช่น่าสงสาร แต่นี่เป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว ดีสำหรับทุกคน”
ดาบยุทธพยักหน้าเห็นด้วย ก้องภพจะขึ้นรถแล้วชะงัก มีสัญญาณข้อความส่งเข้ามา ก้องภพอ่านข้อความอย่างตกใจ
“แย่แล้ว ดาบรีบพาผมไปที่หน่วยที”
“มีอะไรหรือครับท่าน” ยงยุทธแปลกใจ
ภาคภูมิยืนหน้าเครียดรออยู่ในห้องทำงาน ก้องภพเปิดประตูเข้ามาแล้วถามทันที
“ได้ยินว่า ผู้กองจะขอลาออกหรือ”
“ครับ”
“คดีพ่อเลี้ยงปองธรรมยังไม่เรียบร้อยเลย จะรีบร้อนไปไหน”
“ผมไม่เหมาะจะทำงานในตำแหน่งนี้อีกต่อไป”
“ทำไม ผมขอทราบเหตุผลหน่อยได้มั้ย”
“ ผม...เพราะผมไม่ฟังคำสั่ง ไม่ทำงานเป็นทีม ทำให้..ผู้กองราม สายลับคนสำคัญของท่านตาย”
ก้องภพถอนใจยาว
“ก็ยังดีที่คุณรู้ตัว ว่าทำผิดอะไรบ้าง แต่นิสัยพวกนี้มันแก้ไขได้”
“แต่ผมทนแบกหน้าทำงานอยู่ต่อไปไม่ได้ ตราบใดที่เลือดของตำรวจด้วยกันยังเปื้อนอยู่บนมือผม”
“ก็ได้...ถ้าคุณอยากจะลาออกนักผมก็จะไม่ห้ามอีก แต่ผมอยากให้คุณเจอคนๆ หนึ่งก่อน แล้วค่อยให้คำตอบกับผมอีกครั้ง”
“ใครครับท่าน”
ภาคภูมิแปลกใจ ขณะที่ก้องภพยิ้ม
อ่านต่อหน้า 2
นางฟ้ากับมาเฟีย ตอนที่ 18 (ต่อ)
รามก้าวออกมาจากห้องก้องภพ ภาคภูมิมองอย่างตกใจ
“ผู้กอง...นี่ผู้กองรอดมาได้ไง ก็ผมเห็นผู้กองตกเหวตายไปต่อหน้าต่อตา”
รามยิ้ม เล่าถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา...
“ผมคงดวงยังไม่ถึงฆาต เลยได้ต้นไม้ช่วยรับไว้ แต่ก็ต้องซมซานเดินหาทางออกอยู่ในป่าหลายวัน เพราะอุปกรณ์ที่มีใช้ติดต่อทางนี้ไม่ได้เลย ดีที่ท่านประสานงานกับกองกำลังทหารพรานที่ชำนาญพื้นที่ให้ช่วยควานหา ผมเลยรอดมาได้”
ภาคภูมิพยักหน้ารับ
“แล้วทำไมผู้กองถึงต้องโกหกว่าตายด้วย”
รามเจ็บปวด
“ถ้าผมตาย เรื่องทั้งหมดก็จะจบลงแค่นี้ แต่ถ้าผมยังอยู่พ่อเลี้ยงปองธรรมต้องไม่ปล่อยสายลับสองหน้ากับครอบครัวของผมเอาไว้แน่”
ภาคภูมิถอนใจ มองรามอย่างนับถือ ก้องภพหันไปหาภาคภูมิ
“ในเมื่อคุณรู้อย่างนี้แล้วยังคิดจะลาออกอีกมั้ย”
“ไม่ครับ” ภาคภูมิบอกทันที
ก้องภพยิ้มพอใจ
“ดีแล้ว งั้นผมก็จะได้แนะนำคู่หูใหม่ ให้คุณเสียเลย”
“คู่หูคนใหม่ ?”
ก้องภพพยักหน้าไปที่ราม ภาคภูมิมองอย่างไม่เชื่อสายตา
“ต่อไปนี้พวกคุณจะทำงานคู่กันเหมือนแสงกับเงา คนหนึ่งอยู่ในที่สว่าง ส่วนอีกคนอยู่ในเงามืด”
รามยื่นมือไปให้ภาคภูมิจับ ภาคภูมิจับมือรามอย่างดีใจ ที่ได้เป็นเพื่อนกันแล้ว
วันใหม่...เมขลามาเยี่ยมเทวัญที่ห้องขังบนโรงพัก เทวัญเดินออกมา เห็นเมขลายืนรออยู่ก็ชะงักเท้า ลังเล จะหันกลับไม่อยากเห็นหน้า
“คุณเทวัญ...คุณเทวัญคะ เดี๋ยวสิคะ” เมขลาเห็นเทวัญ เคาะกระจกเรียกอย่างร้อนรน
เทวัญชะงัก ไม่หันมากลั้นใจบอก
“กลับไปซะ ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่คุณควรจะมา”
“ที่นี่ก็ไม่ใช่ที่ที่คุณควรอยู่เหมือนกัน ทำไมคะ ทำไมคุณถึงต้องทำแบบนี้ด้วย ทำไมคุณถึงต้องยอมรับผิดทั้งหมด ทั้งๆที่คุณไม่ได้เป็นคนทำ”
เทวัญตัดสินใจหันมาเผชิญหน้ากับเมขลา
“เพราะผมอยากช่วยคนที่ผมรัก เหมือนกับที่คุณก็อยากช่วยคนที่คุณรักไง”
เมขลาอึ้งไปแต่ไม่วายเถียง
“แต่คุณทำแบบนี้มันไม่ถูก”
“ไม่มีคำว่าถูกต้องอยู่แล้ว ในโลกของคนเลวที่ผมอยู่”
เทวัญเดินหนีไป เมขลาพูดไม่ออก หมดแรงใจ ก้องภพเดินมาหา และชวนไปนั่งคุยด้วยกันที่ร้านอาหารใกล้ๆ
“หนูคงเป็นห่วงนายเทวัญมาก”
“คุณเทวัญดีกับหนูมาก เขาช่วยหนูเอาไว้หลายครั้ง ถ้าไม่มีเขาหนูคงไม่มีวันนี้”
“แล้วหนูไม่อยากช่วยเขาบ้างหรือ”
เมขลานิ่งไป
“ถ้าเราจับพ่อเลี้ยงปองธรรมกับพวกได้ นายเทวัญจะได้พ้นโทษ แล้วรามก็จะได้ไม่ตายฟรี”
เมขลาชะงักได้ยินชื่อรามก็นิ่งคิดก่อน มองหน้าก้องภพ
“ช่วยยังไงคะ”
เมขลาเข้าไปในห้องสอบปากคำที่มีภาคภูมิมารอรับ ก้องภพเดินตามมา แต่ไม่ได้เข้าไป รามก้าวไปดักไว้เสียก่อน
“เมมาที่นี่ทำไมครับท่าน”
“หนูเมอยากช่วยนายเทวัญ เลยยอมเป็นพยานในคดีพ่อเลี้ยงปองธรรม”
รามได้ยินชื่อเทวัญชะงักไป ปวดใจ
“เขาเป็นห่วงเทวัญขนาดนั้นเชียวหรือครับ”
ก้องภพมองหน้าราม
“นี่นายหึงหรือ”
รามอาย แต่ไม่ยอมรับ
“ผมจะไปหึงเขาทำไม แต่เห็นว่าตอนนี้พวกพ่อเลี้ยงปองธรรมกับอาฤทธิ์เป็นเหมือนเสือลำบาก ถ้าพวกเขารู้เรื่องนี้ ต้องไม่ปล่อยเมกับแม่ผมไว้แน่”
“หลักฐานของนายเป็นแค่พยานวัตถุ เรายังขาดพยานบุคคลที่มีน้ำหนัก แถมนายเทวัญก็ไม่ยอมเปิดปากพูดอะไรเลย ส่วนนายตอนนี้ถือว่าเป็นคนตาย จะเบิกตัวนายไปศาลได้ยังไง”
รามอึ้งไปคิดๆ ก่อนพูดออกมา
“ถ้าอย่างนั้น ผมขออะไรท่านสักอย่างได้ไหมครับ”
“นายอยากขออะไร”
รามบอกทันทีว่าเขาอายากจะกลับไปดูเหตุการณ์ที่บ้าน ซึ่งก้องภพก็อนุญาต และบอกให้ซ่อนตัวให้ดีๆ
เย็นนั้น...รามใส่ชุดดำอำพราง แอบอยู่บริเวณรั้วบ้านทรงวาด ขณะเดียวกันนั้น เมขลาพาทรงวาดมาเดินเล่น เล่าเรื่องไปเป็นพยานในคดีปองธรรมให้ฟัง
“คุณแม่ โกรธหนูหรือคะ ที่ตัดสินใจโดยพลการ” เมขลาถามเมื่อเห็นทรงวาดมีท่าทางไม่สบายใจ
ทรงวาดถอนใจ
“ไม่ได้โกรธหรอก เพราะคุณเทวัญก็ช่วยแม่ไว้ตั้งหลายครั้ง แต่แม่อยากถามว่าที่หนูทำแบบนี้เพื่อคุณเทวัญหรือ...”
รามที่แอบซุ่มหลังต้นไม้ฟังอยู่ ลุ้นๆ
“แค่ครึ่งเดียวค่ะ อีกครึ่งหนูทำเพื่อคุณรามด้วย เขายอมทำทุกอย่างทั้งปล่อยให้เราเข้าใจผิดว่าเขาเป็นคนเลว และยอมสละชีวิตตัวเองเพื่อจับพ่อเลี้ยงปองธรรม หนูก็ต้องไม่ทำให้ความตั้งใจของเขาสูญเปล่า”
รามคิดไม่ถึงกับสิ่งที่เมขลาทำ ขณะที่ทรงวาดหันไปจับมือ...
“ถ้าอย่างนั้นหนูต้องระวังตัวให้มาก ฤทธิ์มีพิษสงเต็มตัว ยิ่งไปอยู่กับพ่อเลี้ยงคนนั้นคงยิ่งเหมือนพยัคฆ์ติดปีก”
เมขลาฝืนยิ้ม
“เรื่องนั้นหนูเตรียมหาทางหนีทีไล่ไว้แล้ว นี่ไงคะ”
เมขลาหยิบที่ช็อร์ตไฟฟ้าขึ้นมาอวด
“คอยดูนะคะ ถ้าพวกนั้นเข้ามาใกล้หนูจะเล่นงานมันอย่างนี้ๆ”
เมขลาสาธิตให้ดู ทรงวาดยิ้มออกมาได้ ทันใดนั้นเสียงดังปังขึ้นที่นอกบ้าน ทรงวาดสะดุ้งสุดตัว
“ว้าย”
เมขลารีบพรวดเข้ากอดปกป้องทรงวาดมองรอบๆ หน้าตื่น กลัวเหมือนกันว่าพวกเรืองฤทธิ์จะบุกเข้ามา พอเห็นเป็นพลุค่อยโล่งใจ
“พลุน่ะค่ะคุณแม่ เด็กข้างนอกคงจุดเล่นกัน”
รามโล่งอก เก็บปืนที่ดึงออกมาจะป้องกันแม่ กับเมขลา เขามองเห็น แม่หน้าซีดโดยมี เมขลาประคองไว้ รามอยากเข้าไปประคองแต่ติดที่หน้าที่
“คุณแม่เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” เมขลาถามอย่างห่วงใย
ทรงวาดส่ายหน้า
“คนแก่ก็แบบนี้แหละ ได้ยินเสียงดังๆ ก็ตกใจเป็นธรรมดา นั่งพักสักหน่อยก็หาย”
เมขลาประคองทรงวาดไปนั่ง รามมองตามแล้วนึกถึงตอนที่เขาไปที่โรงพยาบาลตำรวจ เขามองจากนอกห้องผ่านกระจกหน้าประตู เห็นทรงวาดกับเมขลาอย่างดีใจมาก ก้องภพเดินเข้ามาหา
‘ถ้านายอยากเปลี่ยนใจ เข้าไปหาพวกเขาตอนนี้ก็ยังทันนะ’
รามส่ายหน้า
‘ไม่ครับ...ผมตัดสินใจแล้ว นี่เป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน และที่ผ่านมาเมเขาก็พิสูจน์ให้ผมเห็นแล้วว่า เขาดูแลคุณแม่ได้ดีกว่าผม’
ก้องภพพยักหน้า
‘นั่นสิ ถ้าไม่ได้เขาพาแม่ของนายหนีเรืองฤทธิ์ ก็คงไม่มีวันนี้’
รามเห็นด้วย
‘ครับ ผมมันบ้าไปเองที่เข้าใจเขากับแม่ผิดไปใหญ่โต พวกเขาทำเพื่อผมขนาดนี้...ผมจะไม่ทำร้ายพวกเขาอีกแล้ว และนี่เป็นทางเดียว ที่ผมจะช่วยให้พวกเขาปลอดภัยได้’
ราม ถอนใจมองเมขลาที่กำลังพาทรงวาดเข้าไปในบ้าน แล้วพูดกับตนเองเบาๆ
“ขอบคุณมากนะเม ที่ช่วยดูแลแม่ให้ผม และคิดจะทำงานที่ผมทำค้างไว้ให้เสร็จ”
เมขลาหันมามอง ตามสัญชาติญาณว่ามีคนแอบมอง แต่ไม่เห็นใครก็ถอนใจ
“มีอะไรหรือหนู” ทรงวาดถามอย่างสงสัย
เมขลาฝืนยิ้ม ส่ายหน้า
“หนูคงคิดไปเอง น่ะค่ะ...ไม่มีอะไรหรอก”
รามแอบอยู่ มองตามเมขลาไปอย่างคิดถึง
ค่ำคืนนั้น...รามใส่ชุดดำเป็นไอ้โม่งแอบเข้าบ้านมา แล้วรีบติดตั้งกล้องวงจรปิดที่หน้าห้องนอนของเมขลา ทันใดนั้นเสียงเมขลาละเมอดังออกมาจากในห้อง
“คุณราม...คุณอยู่ไหน คุณอย่าเพิ่งทิ้งฉันไปสิคะ...คุณราม”
รามชะงัก ทั้งเครียด ทั้งเศร้า แล้วค่อยๆเปิดประตูห้องนอนเข้าไป เห็นเมขลานอนหลับละเมอ ผ้าห่มหลุดจากตัว มือไม้เปะปะ
“ราม...”
รามเอื้อมมือไป เหมือนจะจับมือของเธอแต่เปลี่ยนมาจับผ้าห่ม ห่มผ้าให้แทน มือเมขลาเปะปะมาโดนมือเขาพอดี รามจะชักมือออก แต่เมขลาจับมือเขาไว้แน่น
“คุณราม...ในที่สุดคุณก็กลับมา คุณกลับมาหาฉันจริงๆ”
รามพูดไม่ออกพยายามดึงมือออกอย่างช้าๆโดยที่เมขลาไม่รู้ตัว หลับต่อ รามโล่งอก รีบหันหลังให้จะไป เมขลาละเมออีก
“เดี๋ยว”
รามชะงักตาเหลือก หันไปเห็นเมละเมอลุกขึ้นกอดเขาไว้จากทางด้านหลัง
“คุณจะไปไหน จะทิ้งฉันไปอีกเหรอ ไม่นะ ฉันไม่ยอมหรอก”
รามกัดฟันพยายามแกะมือเธอออก แต่เมขลากอดแน่นมาก รามกลั้นใจ หันมาดันตัวเธอออก เมขลาหงายตึงไปบนเตียง เริ่มรู้สึกตัว ลืมตาโตเห็นราม สบตากัน รามยืนตัวแข็ง เมขลาขยี้ตา มองไม่เชื่อ
“คุณราม...นี่คุณจริงๆ หรือ”
รามอึ้งตัวแข็ง เมขลาดีใจจะโผเข้ากอด รามได้สติ รีบหลบ เมขลาพลาด ตกเตียงโครม
ผ้าห่มพันตัวพันหัวดิ้นขลุกขลักอยู่กับพื้น เหมือนดักแด้
“อูย”
รามมองสงสารอยากช่วย แต่ช่วยไม่ได้ กลัวความแตกจะรีบชิ่งออกไป แต่เมขลาปัดผ้าห่มออกซะก่อนรามยืนนิ่งหาทางหนี
“คุณราม...คุณอยู่ไหนน่ะ”
เมขลาสะเปะสะปะคลำจะเปิดโคมไฟหัวเตียง คลำผ่านเขาไปอย่างเฉียดฉิว รามใจหาย พอได้โอกาสรีบดึงปลั๊กโคมไฟ เมขลาเปิดแล้วไฟไม่ติดก็งง ก่อนมองรอบๆ
“เอ๊ะ”
สายตาเมขลา เห็นแต่เงาตะคุ่มๆ มืดๆ ในห้อง เป็นเงาโต๊ะ ตู้เตียง แต่ไม่มีเขาอยู่แล้วเพราะรามหนีเข้าห้องน้ำไปแล้ว
“คุณราม...คุณราม...คุณอยู่ไหน...ออกมาสิคะ ทำไมคุณไม่ออกมาหาฉัน”
เมขลาขึ้นไปบนเตียง ควานมือหาเห็นเงาหมอนข้างย่องเข้าไปตะครุบ คิดว่าเป็นเขาพอเห็นเป็นหมอนข้างก็เซ็งไป ขณะเดียวกันนั้นมีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น พร้อมกับเสียงทรงวาดดังเข้ามา
“หนูเมๆ หนูเป็นอะไรหรือเปล่า”
เมขลาได้สติ เดินไปเปิดประตูห้อง แสงสว่างข้างนอกสาดเข้ามา ทรงวาดมองๆ
“คุณรามค่ะ คุณแม่...หนูเห็นคุณรามมายืนอยู่ที่ข้างเตียง”
ทรงวาดเปิดไฟสว่าง ไม่เห็นราม เมขลาอึ้ง
“หนูคงคิดถึงรามมากจนฝันไปน่ะ”
“หนูไม่ได้ฝันค่ะ หนูเห็นเขาจริงๆ นะคะ”
ทรงวาดมองเมขลาอย่างเห็นใจ
“แม่เข้าใจ แม่ก็ฝันเห็นรามบ่อยๆ จนคิดว่าเขายังอยู่กับเราจริงๆ”
เมขลาเสียใจมองรอบๆ เศร้าๆ ทรงวาดบีบมือปลอบ
“วันนี้หนูคงเครียดมาก ลงไปกินนมอุ่นๆ สักแก้วกับแม่ดีไหม จะได้หลับสบายขึ้น”
เมขลาพยักหน้า ทรงวาดจูงเมออกจากห้องไป สักครู่รามแง้มประตูห้องน้ำออกมามองตามทั้งคู่ ทั้งโล่ง ทั้งห่วง
รามย่องออกมาจากตัวบ้าน ตรงไปที่รั้วบ้านกำลังออกจากบ้าน แต่ทันใดนั้นเขาเห็นไอ้โม่งปีนรั้วเข้ามา รามควักปืนออก รีบย่องตามไป ไอ้โม่งกำลังสะเดาะประตูเข้าไป แล้วชะงักเมื่อกระบอกปืนของรามจ่อที่หลัง
“หยุด...อย่าขยับ”
ไอ้โม่งหัวเราะ ก่อนดึงหน้ากากออก
“ใจเย็นราม นี่ผมเอง”
รามแปลกใจ
รามกับภาคภูมิปีนรั้วบ้าน มาที่รถตู้โทรมๆที่จอดอยู่นอกรั้วบ้าน ทั้งสองขึ้นไปบนรถตู้ รามเปิดเครื่องเช็กดูภาพจากจอมอนิเตอร์ มองความเคลื่อนไหวในบ้านว่าได้มุมภาพอย่างที่ต้องการหรือเปล่า ส่วนภาคภูมิเริ่มเล่า
“ผมเห็นคุณหายเข้าไปตั้งนาน เลยไปมาตาม กลัวจะเกิดเรื่อง”
“ผมไม่ได้กลับบ้านนานแล้ว เลยอยากจะดูอะไรให้ทั่วๆ”
ภาคภูมิพยักหน้ารับ
“แล้วนี่ผู้กองติดกล้องวงจรปิด ครบทุกจุดหรือยัง”
“ครบแล้ว และติดเครื่องติดตามไว้ที่รถทุกคันเพิ่มด้วย”
ภาคภูมิดีดนิ้ว
“ดี...ภารกิจของพวกเราจะได้ง่ายขึ้น ทีนี้ก็เหลือแต่รอว่าไอ้นรกพวกนั้นจะยอมโผล่หัวออกจากกระดองมาเมื่อไหร่”
“ก็ขึ้นอยู่ที่พวกเรา จะตามรอยมันได้ถูกทางหรือเปล่า”
“คุณรู้หรือเปล่า แผนการต่อไปของท่านคืออะไร”
รามพยักหน้า ยิ้มเครียดๆ
เช้าวันใหม่... ก้องภพ นำตำรวจเข้ามาในบริษัททรงวาด พนักงานกำลังทำงานอยู่ทุกคนแปลกใจ ตกใจ หน้าซีดงงๆ กัน ทรงวาดกับเมขลามาเห็นก้องภพพอดี
“พวกคุณมาถึงที่นี่ มีอะไรจะให้ฉันช่วยหรือเปล่าคะ” ทรงวาดแปลกใจ
ทรงวาดกับเมขลา เชิญก้องภพเข้าไปคุยกันในห้องประชุม
“มีสายรายงานเราว่า นายเรืองฤทธิ์กับลูกน้องใช้ที่นี่เป็นที่ฟอกเงิน ที่เขาได้จากการขายยาเสพติด เลยอยากจะขออายัตบัญชีต่างๆ ไม่ให้เคลื่อนไหวและสอบปากคำคนในบริษัท”ก้องภพบอกจุดประสงค์ที่มา
“คุณจะอายัติบัญชีเรา นานไหมคะ” ทรงวาดอย่างสงสัย
“อย่างช้าก็จนกว่าคดีจะปิด”
เมขลากังวล
“แล้วแบบนี้เราจะทำงานกันยังไงล่ะคะ”
“ถ้าจำเป็น ก็ต้องขอให้ปิดบริษัทไปก่อน”
เมขลากับทรงวาดหน้าซีดคิดหนัก ทันใดนั้นมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เมขลากับทรงวาดหันไปมอง พนักงานคนหนึ่งเดินเข้ามา
“ท่านประธานครับ พนักงานข้างนอกวุ่นวายกันใหญ่แล้วครับ”
ทรงวาดมองหน้าเมขลาอย่างเครียดๆ
พนักงานออฟฟิศราวๆ 20-30 คนจับกลุ่มวิจารณ์กันเรื่องบริษัท ไม่ยอมทำงาน เมขลากับทรงวาดเดินเข้ามา พนักงานหยุดพูด ทรงวาดหน้าซีดๆอย่างเครียดจัด แต่ก็บอกกบทุกคน...
“พวกคุณคงทราบแล้วว่าที่ผ่านมา คุณเรืองฤทธิ์กับจักรเลขาของเขาประพฤติตัวไม่เหมาะสม และอาจทำธุรกรรมผิดกฎหมายบางอย่างผ่านบริษัท ดังนั้นทางการจึงขอความร่วมมือให้เราปิดบริษัทระยะหนึ่ง เพื่อจะได้ทำงานสะดวกขึ้น”
พวกพนักงานส่งเสียงฮือฮาแบบคิดไม่ถึง
“คุณเรืองฤทธิ์ทำแล้วเกี่ยวอะไรกับพวกเราล่ะ ทำไมต้องลากพวกเราติดร่างแหไปด้วย แบบนี้มันโยนบาปให้กันชัดๆ แล้วเรื่องเงินเดือนอีก ไม่ใช่จะเบี้ยวพวกเรานะ”
พวกพนักงานเฮๆ ประท้วงด้วย กลัวโดนเบี้ยวค่าแรง ทรงวาดหน้าซีด แต่พยายามฝืน
“เรื่องนี้ไม่ต้องห่วงทางบริษัทจะจ่ายเงินชดเชยให้พวกคุณเป็นเดือนๆไป จนกว่าบริษัทจะเปิดทำงานได้ใหม่อีกครั้ง”
พนักงานไม่อยากเชื่อ
“ใครจะเชื่อว่าพวกคุณไม่ได้คิดจะลอยแพ แล้วชักดาบพวกเรา เมื่อถูกสั่งปิดถาวรเหรอ”
ทรงวาดโงนเงน แสลงใจกับคำว่าปิดถาวร เมขลาพยุงทรงวาดไว้ แล้วหันไปบอกทุกคน
“ทางผู้บริหาร ก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์อย่างที่คุณบอกเหมือนกัน ดังนั้นพวกเราต้องมาร่วมมือกัน”
“ร่วมมืออะไร” พนักงานถามอย่างไม่เข้าใจ
“ให้เบาะแสคุณเรืองฤทธิ์กับตำรวจให้มากที่สุด ถ้าตำรวจจับตัวเขามารับโทษได้เร็วแค่ไหน เหตุการณ์ก็จะเข้าสู่ภาวะปกติเร็วเท่านั้น”
พนักงานส่วนใหญ่พึมพำเห็นด้วย เมขลาค่อยโล่งอก ก้องภพมองเมขลาอย่างชื่นชม ก่อนก้าวออกมายืน
“นอกจากคนที่ผมเชิญไปสอบปากคำแล้ว ใครอยากให้ปากคำเพิ่มเกี่ยวกับนายเรืองฤทธิ์หรือนายจักรก็ติดต่อผมได้ทุกเวลา”
พนักงานคิดๆ แล้วชิงกันยกมือขอให้ปากคำ เมขลากับทรงวาดค่อยสบายใจ รามปลอมตัวมา ใส่หมวก ใส่แว่นดำ แอบดูอยู่ห่างๆพอใจกับการกระทำของเมขลา
“ต้องรู้จักพลิกวิกฤตเป็นโอกาสแบบนี้สิ ยายจอมจุ้น”
ปองธรรมหนีมาอยู่ที่เซฟเฮ้าส์ในรีสอร์ตติดลำคลอง แถวสมุทรสาคร ปองธรรมแค้นสุดๆ ทุบโต๊ะเปรี้ยงหันไปถามแสง
“แกบอกว่านังเม มันกล้าไปเป็นพยานให้ตำรวจด้วยหรือ”
“ครับ...” แสงลังเล ก่อนมองหน้าเรืองฤทธิ์ “แล้วผมยังสืบรู้มาอีกว่ามันกระตุ้นให้พวกพนักงานในบริษัทคุณฤทธิ์ ให้ปากคำเรื่องที่คุณใช้ที่นั่นเป็นที่ฟอกเงินด้วย”
ธิดาโมโห
“เห็นมั้ยคะ หนูบอกให้คุณพ่อฆ่ามันๆ คุณพ่อก็ไม่ฆ่า แล้วเป็นไง มันหันมาแว้งกัดเราจนได้”
ปองธรรมเครียด เรืองฤทธิ์มองธิดาแล้วยิ้มเหี้ยม
“ผมรับรองว่าอีกไม่นาน นังตัวแสบนั่นต้องชดใช้ให้หนูแน่”
ธิดาแค้นจัด
“คนอย่างนังเมน่ะ ต่อให้มีร้อยชีวิตก็ใช้หนี้ฉันไม่หมด”
“แล้วถ้าเงินร้อยล้านล่ะครับ พอจะใช้หนี้ให้หนูได้มั้ย” เรืองฤทธิ์เสนอ
ทุกคนมองเรืองฤทธิ์อย่างแปลกใจ
“คุณหมายความว่ายังไง” ปองธรรมถามอย่างไม่เข้าใจ
เรืองฤทธิ์อมยิ้มชั่วร้าย
“ผมจะทำให้อีแก่กับนังตัวแสบ มันใช้หนี้ให้พวกเราทุกคนให้ได้ แต่ตอนนี้ผมอยากให้พ่อเลี้ยงไปรวบรวมลูกน้องที่แตกกระสานซ่านกระเซ็นไป มาเป็นมือ เท้า ให้ผมก่อน”
ปองธรรมเห็นด้วย
“ก็ดี เพราะผม ก็มีแผนของผมเหมือนกัน”
“แผนอะไรคะพ่อ” ธิดาถามอย่างสงสัย
“เอาไว้ให้เราได้ทั้งเงิน ทั้งคนมาครบ หนูก็จะรู้เอง” ปองธรรมหันไปมองแสง “ได้ยินที่คุณฤทธิ์สั่งแล้วใช่มั้ย”
แสงพยักหน้ารับ
วันต่อมา...เมขลาขับรถมาติดไฟแดง ด้านนอกโรสกับเย็น วิ่งหนีพวกเจ้าหนี้เก่ามา ไฟเขียวพอดี โรสกับเย็นเห็นจวนเจียนจะถูกเจ้าหนี้จับได้ เย็นกลั้นใจกระชากโรสวิ่งข้ามถนนทั้งไฟเขียวตัดหน้ารถ เมขลาเหยียบเบรกหัวทิ่ม ทรงวาดนั่งอยู่เบาะหลังร้องลั่น
“ว้าย”
รถคันหลังบีบแตรกันดังลั่น เมขลาหน้าเสีย หันไปมองเห็นทรงวาดไม่เป็นอะไร ลุกขึ้นได้เปิดประตูลงไปด่า
“ข้ามถนนไม่ดูตาม้าตาเรือแบบนี้อยากฆ่าตัวตายหรือไง”
โรสอึ้งเงยหน้าขึ้น จำเสียงได้
“เม !”
เมขลาก็อึ้ง
“โรส แกมาทำอะไรที่นี่”
เย็นได้สติหันไปมองเห็นพวกเจ้าหนี้กำลังวิ่งมา รีบกระตุกมือโรส
“ผมว่าอย่ามัวมาคุยกันอยู่เลย รีบหนีก่อนเถอะ”
เมขลามองไปเห็น พวกเจ้าหนี้กำลังวิ่งข้ามมา
“ขึ้นรถ เร็ว”
โรสกระวีกระวาดขึ้นรถ เมขลาออกรถไปทันที ลูกน้องเจ้าหนี้วิ่งมาเกือบทัน แต่รถวิ่งออกไปเสียก่อน พวกเจ้าหนี้มองตามอย่างโมโห
อ่านต่อหน้า 3
นางฟ้ากับมาเฟีย ตอนที่ 18 (ต่อ)
รถตู้เก่าๆขับตามรถของเมขลามาห่างๆ รามเป็นคนขับรถตู้คนนั้น เขาเห็นหน้าเย็นกับโรสไม่ถนัดจึงชะเง้อมองรถเมขลาอย่างไม่สบายใจ
“รับคนแปลกหน้าขึ้นรถไปได้ยังไงไม่รู้หรือไงว่ามันอันตราย แล้วนั่นจะพาเขาไปไหนเนี่ย...ยายจอมจุ้น...เฮ้อ”
เมขลาขับรถเข้ามาในร้านอาหารแห่งหนึ่ง แล้วพากันเข้าไปในร้าน...เมขลากับทรงวาดสั่งอาหารมาเลี้ยงโรสกับเย็น ทั้งสองหิวมาก รีบกินกันอย่างตะกละตะกลาม เมขลามองเพื่อนอย่างสงสาร
“นี่แกไม่ได้กินข้าวมากี่วันแล้วเนี่ย”
โรสเริ่มอาย ยิ้มเจื่อนๆ
“จำไม่ได้เหมือนกัน มัวแต่หนีไอ้พวกนั้นจนไม่เป็นอันทำอะไรเลย จะกลับบ้านก็ไม่ได้ มันส่งคนไปดักทุกวัน”
“น่าเสียดายที่ตอนนี้บัญชีบริษัทถูกอายัติ แม่เลยต้องระมัดระวังเรื่องการใช้เงิน ไม่งั้นคงช่วยเรื่องใช้หนี้พวกนั้นให้หนูได้” ทรงวาดบอกอย่างเห็นใจ
โรสยิ้มแห้งๆ เอาใจ
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่คุณนายหาทางช่วยหาที่พักให้หนูใหม่หรือหาร้านให้หนูขายของ จะได้ไม่ต้องไปเร่ขายของตามตลาดนัดก็พอแล้ว”
เมขลาค้อนโรส
“ขอไม่น้อยเลยนะยะ”
โรสยิ้มแหยๆ
“ก็จะให้ทำไงได้ล่ะ นี่เป็นทางเดียวที่ฉันจะหลบหน้าไอ้ปลิงพวกนั้นพ้นนี่”
เมขลามองทรงวาดอย่างเกรงใจ
“คุณแม่พอมีทางช่วยโรสได้มั้ยคะ”
ทรงวาดคิดๆ...รามแอบดูอยู่จับตามองไปที่เย็นกับโรส
“กำลังสงสัยอยู่เชียวว่าพี่เย็นหายไปไหน ที่แท้ก็อยู่กับเพื่อนสนิทของเมนี่เอง”
รามหยิบมือถือขึ้นกดหาก้องภพ ตาก็แอบดูเย็นกับโรสไปด้วย
ก้องภพอยู่ที่บริษัททรงวาด ดูยงยุทธกำลังขุดคุ้ยข้อมูลในคอมพิวเตอร์ของเรืองฤทธิ์อยู่ เสียงมือถือก้องภพดังขึ้น เขากดรับสาย
“ฮัลโหล...โอเคงั้นนายคอยจับตาดูไอ้เย็นไปก่อน”
ยงยุทธหันมามองท่าทางตื่นเต้น
“ได้ร่องรอยพ่อเสือแล้วหรือครับ”
ก้องภพยิ้ม
“เปล่า...แต่รามเจอตัวไอ้เย็น สมุนพ่อเลี้ยงปองธรรมแล้ว”
“งั้นอีกไม่นานเราก็คงจะจับพ่อเสือได้แล้ว”
ก้องภพพยักหน้า มองไปที่จอคอมพิวเตอร์
“แล้วดาบล่ะ เจออะไรบ้าง”
“เพียบเลยครับ ตรงตามที่ผู้กองรามสงสัยทุกอย่าง นายเรืองฤทธิ์กับนายจักรฟอกเงินผ่านบัญชีที่นี่จริงๆ ด้วย”
ก้องภพยิ้มพอใจ
ทรงวาดพาทุกคนมาที่อพาร์ทเม้นท์ที่เมขลาเคยอยู่ เธอเดินนำทุกคนเข้าไป โรสมองตาค้าง
“นี่มันอพาร์ทเม้นท์เก่าที่เมเคยอยู่ นี่คะ”
ทรงวาดพยักหน้า
“หนูคิดว่าพอจะอยู่และขายของที่นี่ได้มั้ย”
โรสพูดไม่ออก เย็นดีใจสุดๆ เขย่ามือโรl
“สุดยอด ถ้าเราได้ย้ายมาอยู่ที่นี่ ไอ้พวกนั้นต้องคิดไม่ถึงแน่ๆ”
โรสได้สติเขิน ขึงตาใส่เย็น
“คุณนายเขาให้ที่อยู่กับที่ฉันขายของ เกี่ยวกับนายตรงไหนฮึ”
เย็นจ๋อยไป
“ถ้าคุณไม่ให้ผมมาด้วย แล้วผมจะไปอยู่ที่ไหนล่ะ”
“ยังจะมาพูดอีก ฉันไม่เคยชวนนายมาอยู่ด้วยซักหน่อย แต่นายมันหน้าส้วม เอ๊ย...หน้าหนาไล่เท่าไหร่ก็ไม่ไป ฉันล่ะก็กลัวตำรวจจะจับฉันโทษฐานให้ที่หลบผู้ต้องสงสัย”
ทรงวาดมองหน้าเย็น สงสาร
“ถ้ายังไม่มีหมายจับ ก็คงเรียกเย็นว่าผู้ต้องสงสัยไม่ได้หรอก”
เย็นดีใจ
“แปลว่าให้ผมอยู่ที่นี่ได้ใช่มั้ยครับ”
ทรงวาดพยักหน้า
“คุณเองก็เคยช่วยฉันไว้ ถือว่าตอบแทนบุญคุณไปก็แล้วกัน”
“ขออย่างเดียว อย่าหันไปขายของละเมิดลิขสิทธิ์อีก ไม่งั้น ฉันกับคุณแม่คงช่วยแกกับพี่เย็นไม่ได้” เมขลากำชับเสียงแข็ง
“แหม...เรื่องนั้นฉันรู้แล้ว” โรสนึกได้ “เออ...จริงสิ...ฉันจำได้ เหมือนคุณแม่บอกว่าแกไปตามหาแฟนไม่ใช่เหรอ แล้วนี่เจอกันหรือยัง”
เย็นมองลุ้น อยากรู้ข่าวราม ทรงวาดตาแดงๆ เมขลาเศร้าสลดลง
“เขาตายแล้ว”
เย็นกับโรสอึ้งไป นึกไม่ถึงชะงักพูดไม่ออก
ทรงวาดเดินนำเข้าไปดูในห้อง เย็นเดินตามหลังพวกโรสอย่างใจลอย คิดเรื่องรามที่ตาย
“ตอนนี้แม่มีห้องว่างอยู่หลายห้อง หนูเลือกได้ตามสบายเลยจะอยู่ชั้นไหนก็ได้”
ทุกคนเข้าไปในห้องๆหนึ่ง แต่ขณะที่เย็นจะตามเข้าไป เขาโดนใครคนหนึ่งเอามืออุดปากแล้วกระชากตัว ไป เมขลาหันมามองๆ ไม่เห็นเย็นแล้ว
“เอ๊ะ พี่เย็นหายไปไหน”
เย็นถูกแสงอุดปากไว้ที่ซอกตึก แสงลุ้นๆ ดูว่าเมขลาจะมาไหม เมขลาจะออกไปดูเย็น โรสดึงแขนไว้
“ช่างเถอะ อย่าไปสนใจเลย คนอย่างนั้นให้อยู่ที่ด้านหลังร้านขายของไปก็บุญถมเถแล้ว”
โรสลากเมขลาเข้าไปในห้อง แสงโล่ง เอามือออก เย็นหันขวับไปเห็นเป็นแสงก็ตาเหลือก
“พี่แสง! พี่มาได้ไงเนี่ย”
เย็นไม่ตอบ รีบลากแสนมาคุยกันในมุมเงียบๆ
“ฉันมาหาลูกน้องเก่า ได้ข่าวว่ามันมาซ่อนตัวแถวนี้ ไม่นึกเลยว่าจะเจอแกที่นี่แทน”
“ผมก็เหมือนกัน นึกว่าพี่ตายไปพร้อมไอ้รามแล้วเสียอีก”
แสงโมโห ตบผนังเปรี้ยง เย็นสะดุ้ง
“อย่าพูดชื่อไอ้สารเลวนั่นให้ฉันได้ยินอีก”
“ทำไม รามมันทำอะไร”
“มันเป็นสายของตำรวจ”
เย็นไม่เชื่อ
“ไม่จริง”
“งั้นแกบอกฉันหน่อยสิว่า ลูกเศรษฐีอย่างมันยอมมาเป็นขี้ข้าพ่อเลี้ยงทำไม”
เย็นหลบตา ผิดหวังในตัวราม
“ส่วนแก...แกเป็นคนพามันเข้ามา แกต้องชดใช้”
เย็นหนาวยะเยือกขึ้นมา
“พี่จะให้ผมใช้ยังไง”
แสงยิ้มร้าย
เมขลา ทรงวาด และโรส ก้าวออกมาจากห้อง
“หนูกับแม่อยู่ห้องนี้ก็ได้ค่ะ ส่วนไอ้หน้าส้วมก็ให้นอนที่ร้านข้างล่างไป”
ทรงวาดไม่สบายใจ มองไปเห็นเย็นเข้ามา ท่าทางซึมๆ
“จะดีหรือ เย็น ลองเลือกห้องว่างสักห้องนึงดีมั้ย”
เมขลาเห็นด้วย
“นั่นสิ นอนที่ร้านชำคงไม่สบายเท่าไหร่หรอก”
เย็นรู้สึกผิด เห็นเมขลา กับทรงวาดมีน้ำใจ
“แต่ถ้าพวกคุณอยากช่วยผม ผมขอเป็นอย่างอื่นดีกว่า”
โรสขึงตาใส่
“กะแล้วเชียว นอกจากหน้าส้วมแล้ว ยังหน้าเงินอีกด้วย”
เย็นกำมือแน่น อึดอัด เมขลามองอย่างสงสาร
“พี่เย็นจะให้ฉันช่วยอะไรล่ะ”
แสงกลับมาที่เซฟเฮาส์ รายงานเรื่องทั้งหมดให้พวกปองธรรมรู้
“นังนั่นมันตกลงจะพาไอ้เย็น ไปไหว้กระดูกไอ้รามแล้วครับ ส่วนวันเวลาที่นัดผมกะให้ตรงกับวันที่เขาจะย้ายคุณเทวัญไปฝากขังที่อื่น”
“งั้นเราแยกกันทำงานเป็นสองสาย ตำรวจจะได้ตามรอยลำบาก ผมไปช่วยเทวัญกับแสง ส่วนคุณ” ปองธรรมหันไปหาเรืองฤทธิ์ “ไปจัดการเอาตัวนังนั่นมา”
“งั้นฉันไปกับคุณด้วย ฉันอยากเจอนังตัวดีนั่นเต็มทีแล้ว” ธิดาบอกอย่างแค้นจัด
“หน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ผมว่าคุณเทเรซ่าน่าจะรออยู่ที่นี่นะ” แสงแย้ง
ธิดาขึงตาใส่
“สะเออะ...แกเป็นใคร มีสิทธิอะไรมาสั่งให้ฉันทำโน่นทำนี่”
เรืองฤทธิ์อ่อนใจ
“ถ้าหนูอยากไปก็ตามใจ ผมขออย่างเดียว อย่าลืมว่านังนั่นคือบ่อเงิน บ่อทองของเรา”
“รู้แล้วน่า เลิกสั่งนั่นสั่งนี่ซะทีได้มั้ย รำคาญ”
ธิดาเดินกระแทกเท้าออกไป ปองธรรมมองตามธิดาเอ็นดู
“ลูกคนนี้ ใครพูดขัดใจไม่ได้จริงๆ”
แสงมองตามหมั่นไส้ธิดา ขณะที่เรืองฤทธิ์เห็นพอดี เขาเห็นใจแสงเพราะรู้สึกเกลียดธิดาเหมือนกัน
บ่ายวันต่อมา...เมขลาขับรถกำลังจะออกจากบ้าน ต้องเบรกกะทันหัน เมื่อมีรถคันหนึ่งขับมาจอดตรงหน้าบ้าน เกือบชนกัน เมขลาเปิดประตูออก มองไปอย่างตื่นเต้น
รามอยู่รถตู้ที่จอดซุ่มอยู่ไม่ไกลจากรั้วบ้านนัก เขากำลังจิบน้ำอยู่ก็สำลักพรวดออกมา เมื่อเห็นภาพในมอนิเตอร์ จากกล้องวงจรปิดที่เขาแอบติดไว้ เห็นเมขลาวิ่งไปกอดชายคนหนึ่งแน่น รามขบฟัน หึงขึ้นมา
“ผัวตายไม่ถึงร้อยวัน กล้าวิ่งไปกอดผู้ชายแล้วรึ ไหน ! ขอดูหน้ามันหน่อยซิว่าเป็นใคร”
รามดึงภาพเข้ามาใกล้ เห็นเป็นรุจ
เมขลาคุยกับรุจอยู่หน้าบ้าน
“แกหายไปไหนมา รู้มั้ย...ฉันมีเรื่องจะคุยกับแกตั้งเยอะตั้งแยะ”
“เรื่องอะไร ใช่เรื่องที่แฟนแกหรือเปล่า แล้วนี่แกกับเขาเข้าใจกันแล้วใช่มั้ย แกถึงได้ย้ายกลับมาอยู่ที่นี่”
เมขลาอึ้งสลดลง
“ใช่ เราเข้าใจกันแล้ว”
รุจรู้สึกแปลกๆ ชะเง้อมองเข้าไปในบ้าน
“แล้วเขาอยู่ไหนเนี่ย ฉันจะไปขอบิดหูเขาสักหน่อยเถอะ หน๊อย ทำเอาฉันใจหายใจคว่ำไปหมด เสียดายที่หลังจาก วันนั้นฉันก็ติดบินยาว เลยกลับมาช่วยแกเล่นงานเขาไม่ได้”
“งั้นแกไปกับฉันมั้ย ฉันกำลังจะไปเยี่ยมเขาพอดี”
เมขลาให้รุจขับรถพาเธอมาที่วัดซึ่งเป็นวัดที่ทพิธีให้ราม รุจลงจากรถแล้วชะงัก ตาเหลือกหันมามองหน้าเมขลา
“นังเม แกพาฉันมาวัดทำไม หรือว่าแฟนแก...เสียใจหนักที่เข้าใจแกผิดขนาดคิดออกบวชไถ่บาป”
เมขลาส่ายหน้าเศร้าๆ
“เปล่า...”
“อ้าว แล้วแกมาที่นี่ทำไม”
เมชาหน้าเศร้าหมอง มองไปที่แถวเจดีย์เก็บกระดูก รุจมองตามสายตาเมขลาไป แล้วอึ้ง
“นี่แกอย่าบอกนะว่า...ว่า...ว่า...”
เมขลาตาแดงๆ
“ใช่...เขาจากฉันกับคุณแม่ไปแล้ว แกอยากไปไหว้เจดีย์ของเขากับฉันไหมล่ะ”
รุจพยักหน้า รู้สึกเศร้าไปด้วย เมขลาพารุจเดินไปที่แถวเจดีย์ที่ติดรูปรามไว้ ส่งธูปให้เขาดอกหนึ่ง รุจรับมามองๆ เห็นมีธูปปักอยู่เต็มกระถาง
“คงมีคนคิดถึงเขาเยอะนะ ดูสิ ก้านธูปเต็มกระถางเลย”
“ฉันมาแทบทุกวัน” เมขลานึกได้ “จริงสิ วันนี้ก็มีเพื่อนเก่าเขาจะขอมาไหว้ด้วย เดี๋ยวฉันไปดูก่อนนะ”
รุจชักไม่ไว้ใจ กลัวผี รีบคว้ามือไว้
“เดี๋ยวสิ แกจะทิ้งฉันไว้ที่นี่คนเดียวเหรอ”
“ไม่ต้องกลัว ในเจดีย์ไม่มีกระดูกคุณรามจริงๆ หรอก”
“อันนี้ไม่มีกระดูกคุณราม แต่อันข้างๆ มีกระดูกคนอื่นนี่”
เมขลาไม่ฟังเดินไปเลย รุจตาเหลือก
“เม...เดี๋ยวสิ...นังเม”
รามที่แอบตามมา รีบถอยหลบเมขลา แต่ถอยไปชนกับเครื่องเซ่นที่คนเอามาเซ่นไหว้ญาติ ล้มลง เสียงดัง รุจสะดุ้ง
“กรี๊ด นังเม รอฉันด้วย...ได้ยินเสียงนั่นไหม”
เมขลาชะงักหันมองรอบๆ
“คุณราม...นั่นคุณใช่มั้ยคะ คุณมาหาฉันใช่มั้ย ออกมาสิคะฉันคิดถึงคุณมากเลยรู้มั้ย”
รุจหน้าตื่นกลัวผี
“แกจะบ้าเหรอไปท้าแบบนั้น เดี๋ยวก็มาจริงหรอก”
“ดีสิ” เมขลาเดินตรงไปทางที่รามแอบอยู่ “คุณราม นั่นคุณหรือเปล่า”
รุจแอบหลังเมขลา กลัวมาก
“นังเม เกิด...เกิดเป็นผีตัวอื่นที่ไม่ใช่คุณรามล่ะ”
เมขลาอึ้ง รามที่ได้ยินเห็นดีด้วยรีบป้องปาก ทำเสียงหมาหอน รุจสะดุ้ง เบียดเนื้อเบียดตัวเข้าหาเมขลา
“แก...ฉันว่าไปเถอะ...หมามันหอนแล้วนะ”
เมขลาลังเล รามมองๆมา ไม่เห็นรุจไปสักที รามกลั้นใจ หยิบปืนขึ้น ใส่ปลอกเก็บเสียงยิงไปที่กระป๋องที่วางอยู่แถวๆ ที่รุจยืนอยู่ กระป๋องกระเด็นไป รุจตกใจกรี๊ดลั่นวิ่งหนีไป
“ไม่เอาแล้ว...กลัวแล้วจ้า คุณรามอย่ามาหลอกหลอนรุจเลย...รุจผิดไปแล้ว ยกโทษให้รุจเถอะ”
รามโล่งก่อนหันไปมองแล้วชะงัก เมื่อเห็นเมขลายังไม่หนีไป มีแต่จะก้าวมาหา
“คุณราม...รู้มั้ยคะว่า ฉันอยากเจอคุณขนาดไหน ต่อให้คุณเป็นวิญญาณฉันก็ไม่กลัว ฉันคิดถึงคุณจริงๆ นะ” เมขลาพูดเสียงเศร้ามาก
รามอึ้ง ที่เมขลาไม่กลัว คิดๆ หาทางหนีทีไล่...เมขลาเดินมองๆ หาราม แล้วชะงักเมื่อเห็นประตูโกดังเก็บศพ เปิดแง้มไว้ เธอฝืนทำใจกล้าเรียกหาเขา
“ราม...ราม คุณอยู่ในนั้นหรือเปล่า”
รามไม่ตอบ เมขลากลั้นใจ เดินเข้าไป ทันใดนั้นมีเสียงตุ๊กแกร้องดังขึ้น เมขลาสะดุ้ง
“กรี๊ด”
เมขลาผวา ถอย ชนโลง ฝาโลงเปิด เห็นผีในนั้น เธอกรี๊ดอีกรอบ รามที่แอบดูอยู่ อยากเข้าไปช่วย แต่ตัดใจ หันหลังให้ เมขลารีบยกมือไหว้
“ขอโทษค่ะ หนูไม่ได้คิดรบกวนคุณจริงๆ”
เมขลาถอยๆ ไม่ได้มอง สะดุดไม้ลื่นล้ม หัวฟาด
“ว้าย”
รามตกใจ รีบออกไปจากที่ซ่อน เห็นเมขลาพับอยู่กับพื้น เขาเครียด คิดๆ ก้มหยิบก้อนดินปาไปใกล้ๆ
“เม...คุณแกล้งเป็นลมหลอกผมใช่มั้ย ลุกขึ้นสิเม”
รามปาๆ เมขลาไม่ลุก นอนนิ่ง รามรีบตรงไปหาเขย่าตัว
“เมๆ คุณเป็นยังไงบ้าง ตอบผมสิ”
เสียงตุ๊กแกร้องดังเข้ามาอีก รามเงยหน้าขึ้นมองบรรยากาศวังเวงน่ากลัวมา รีบช้อนตัวเมขลาออกไป
เรืองฤทธิ์ เย็น และธิดานั่งรถตู้มาจอดที่ลานวัด เรืองฤทธิ์มองๆ ไม่เห็นรถบ้านทรงวาด
“แกนัดนังตัวแสบที่นี่ วันนี้แน่นะ”
“ครับ”
เรืองฤทธิ์ครุ่นคิด
รามเมขลามาที่ศาลาเล็กๆอย่างร้อนใจ เมขลาฟื้นเบิกตากว้าง รีบคว้าเสื้อเขาไว้แน่น
“ราม...นี่คุณ...คุณจริงๆ ด้วย ฉันไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย”
รามอึ้ง ไม่นึกว่าจะฟื้นเร็วแบบนี้ คิดจะโยนเมขลาลง แล้ววิ่งหนีดีมั้ย แต่ไม่ทันเสียแล้วเพราะเมขลากัดไหล่เขาเสียก่อน
“โอ๊ย” รามวางเธอลง “คุณกัดผมทำไม”
เมขลาจ้องหน้า
“ก็ถ้าคุณเจ็บ ฉันก็จะได้รู้ว่าฉันไม่ได้ฝันไปไง”
“มีแบบนี้ด้วยหรือ ผมเคยได้ยินแต่ว่าถ้าอยากรู้ว่าฝันหรือเปล่าให้หยิกแก้มตัวเอง” รามเฉไฉไป
เมขลาขึงตาใส่
“ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง อธิบายมาเลยว่าทำไมคุณถึงต้องโกหก บอกใครๆ ว่าตายด้วย”
รามเงียบ เมขลาบีบแขน
“บอกฉันมาสิ ฉันอยากรู้ ว่าทำไมคุณถึงต้องโกหกเรื่องบ้าๆ แบบนี้กับฉันและคุณแม่ด้วย มัน...มันแย่มากเลย คุณรู้มั้ย”
“ผมขอโทษ แต่มันจำเป็นจริงๆ”
“จำเป็นยังไง”
“ถ้าผมไม่ทำแบบนี้ คุณกับคุณแม่ก็อาจตกอยู่ในอันตราย”
เมขลาโมโหเสียงดังใส่
“อันตรายแบบไหนกัน อันตรายกว่าการที่คุณแม่เสียใจจนตาย หรือหัวใจวายหรือเปล่า”
รามเงียบไม่ตอบ เมขลาสะบัดหน้าเดินหนีไป รามรีบตามจับแขนไว้
“ฟังผมก่อนสิ นี่เป็นทางออกดีที่สุดที่ผมคิดได้จริงๆ”
“ทางออก หรือทางเลื่อนขั้นกันแน่” เมขลาประชด
“เอาไว้จับพ่อเลี้ยงปองธรรมกับอาฤทธิ์ ได้เมื่อไหร่คุณก็จะรู้ว่าผมพูดจริง”
ทันใดนั้นเสียงเรืองฤทธิ์ดังขึ้น
“ตอนแรกฉันนึกว่าฉันตาฝาดเห็นผี แต่ลองแกพูดได้เป็นตุเป็นตะขนาดนี้ ก็คงไม่ใช่แล้วสินะ”
เรืองฤทธิ์ยิ้มร้าย รามตกใจ ที่เห็นเรืองฤทธิ์จ่อปืนที่หลังเมขลาที่ยืนตัวแข็งอยู่
“ผมยังตายไม่ได้หรอก ตราบใดที่ยังลากคนเลวอย่างอาไปลงนรกไม่ได้” รามมองที่ปืนเรืองฤทธิ์ “ปล่อยเมเดี๋ยวนี้ เขาไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้”
รามจะชักปืนตัวเองออก แต่ต้องชะงักเมื่อเย็นเอาปืนจี้ตัวเขาจากทางด้านหลัง
“พวกเราปล่อยเมียแกแน่ แต่ไม่ใช่ตอนนี้”
รามหันไปมองเย็นอย่างคิดไม่ถึง
“พี่เย็น!”
เมขลามองเย็น
“พี่ทำแบบนี้ทำไม ฉันคิดว่าพี่จะล้างมือจากวงการนี้แล้วซะอีก...หรือว่าพี่ไม่คิดจะอยู่กับโรสช่วยกันทำมาหากิน”
เย็นลังเล เรืองฤทธิ์หันมองเย็น
“อย่าไปฟังมันจำได้มั้ยรามทำอะไรกับแกไว้บ้าง...ไป เอาตัวมันไปที่รถ” เรืองฤทธิ์หันไปตวาดราม “ส่งปืนมา”
รามจำใจให้ปืน พวกเรืองฤทธิ์คุมตัวเมขลากับรามไปที่รถ
รุจหยุดหอบจากการวิ่งหนีผีมาที่มุมหนึ่งของวัด
“เป็นเพราะแกแท้ๆ บ้าจี้ไปท้าทายคุณรามอยู่ได้ ของแบบนี้เขาบอกไม่เชื่ออย่าลบหลู่ เห็นมั้ย”
รุจนึกได้ ว่าพูดคนเดียว หันมองหา
“เม...นังเม แกอยู่ไหนน่ะ”
เงียบ ไม่มีเสียงตอบรุจมองไปแถวเจดีย์ ดูน่ากลัวแบบวังเวงก็กลืนน้ำลาย
“เอาไงดีวะ หรือว่าถูกผีหลอกตายไปแล้วเนี่ย”
รุจคิดๆ ก่อนหยิบมือถือขึ้นมา
พวกเรืองฤทธิ์พารามกับเมขลามาที่รถ ทันใดนั้นมือถือเมขลาดังขึ้น ทุกคนชะงัก เมขลาทำท่าจะรับสาย
“ไม่ต้องรับ” เรืองฤทธิ์ตะคอก
เมขลาอึกอัก เห็นรามมองมาแปลกๆเมขลาคิดๆ
“แต่...”
เมขลาทำท่าลังเล ถ่วงเวลาเถียงให้เรืองฤทธิ์เผลอ
“เอามือถือมานี่”
“เดี๋ยวนะ”
เมขลาแกล้งหยิบไม่เจอเสียงมือถือเงียบไป รามเห็นเรืองฤทธิ์กำลังหมกมุ่นกับการแย่งมือถือและเย็นกำลังมองเรืองฤทธิ์กับเมขลาเขาได้จังหวะ หันมาจับมือเย็นบิด ปืนหลุดพร้อมตะโกนลั่น
“หนีไปเร็ว”
เมขลารีบหยิบเครื่องช็อตไฟฟ้าขึ้นมาจะเล่นงานเรืองฤทธิ์ แต่ต้องชะงัก กดไม่ติด เมขลาหน้าซีด เรืองฤทธิ์แสยะยิ้ม ขึ้นไกปืน
“ฤทธิ์มากนักนะนังนี่ ไปๆ ขึ้นรถ”
รามเห็นเมขลาหนีไม่ได้ก้มจะหยิบปืน
“เอ็งอย่าฝันไปเลย”
เย็นเตะปืนออก รามรีบเตือนสติ
“ถ้าพี่ถอนตัวตอนนี้ยังทันนะ”
“ข้าจะถอนตัวไม่ได้ จนกว่าจะได้ชดใช้ให้พ่อเลี้ยง ที่ชักน้ำเข้าลึกชักศึกเข้าบ้านเสียก่อน”
เย็นแค้นที่ถูกหลอกพุ่งเข้าเอาหัวชนรามล้มไปทั้งคู่ ชกกันนัว เมขลาเห็นทนดูไม่ได้กลั้นใจ หันมาเอาที่ช็อร์ตไฟฟ้าในมือปาใส่หน้าเรืองฤทธิ์หน้าหงายไป เลือดกำเดาไหล
“โอ๊ย”
เมขลาวิ่งตรงไปหยิบปืนจะส่งให้ราม เท้าธิดาเหยียบลงที่ปืน เมขลาชะงักเงยหน้าขึ้น เห็นธิดาเล็งปืนมาที่หัว
“พวกแกนึกหรือว่าจะหนีพวกฉันพ้น”
รามได้ยินเสียงธิดาหันมา ธิดามองเขาอย่างเจ็บแค้น
“จะขึ้นรถไปดีๆ หรือจะให้ฉันระเบิดหัวนังนี่ก่อน”
รามขบกรามแน่น จำใจก้าวไปขึ้นรถกับเมขลา พวกเรืองฤทธิ์กับเย็นขับรถออกไปรุจแอบดูอยู่หลังต้นไม้ แข้งขาสั่น หน้าซีดเผือด
“ตายแล้ว เม...ฉันจะช่วยแกกับผี เอ๊ย...กับผัวแกยังไงดี”
อ่านต่อตอนที่ 19