ดุจดาวดิน ตอนที่ 13
ภูวดลสูดหายใจ แล้วบอกพิมกับก้านด้วยแววตาเหี้ยมโหด
“ฉันไม่ต้องการเห็นไอ้แก่นั้นมีชีวิตอีกต่อไป”
พิมกับก้านสบตากัน
“จะ...เอากันขนาดนั้นเลยเหรอพี่...งานใหญ่นะ”
“ทำเนียนๆหน่อยสิวะ ให้เหมือนอุบัติเหตุมันตายเอง...แล้วฉันจะให้พวกแก...สิบล้าน”
ก้านบอกเสียงเรียบ
“แค่สิบล้าน...นายเติมบุญมันมีเป็นพันล้าน”
“ทำงานนี้ให้สำเร็จก่อน ต่อไปจะได้อีกเยอะ” ภูวดลสบตาก้าน “แต่ต้องทำเท่าที่ฉันบอก ห้ามทำเกินคำสั่ง อย่าทำอะไรเองอีก...เป็นครั้งที่สอง”
ภูวดลบอกหน้าเหี้ยม เอาจริง พิมอึ้ง ก้านฟังหน้าขรึม ครุ่นคิดถึงงานใหม่ที่ได้รับจากภูวดล
ในห้องผู้ป่วย...ปานฟ้าดูจัดผ้าห่มคลุมให้เขาที่เริ่มจะง่วงเพราะฤทธิ์ยา เธอยิ้มให้
“จะหลับแล้วสิคะ”
ภาคินหาวตาปรือ
“กินยาแล้วง่วง คุณกลับบ้านเถอะ อย่าขับรถดึก อันตราย”
“ค่ะ งั้นฟ้าไปก่อน นอนพักมากๆนะคะ จะได้หายเร็วๆ”
ปานฟ้าหยิบกระเป๋าและมือถือ ยิ้มให้หันหลังจะไป ภาคินเอื้อมมือไปจับแขน
“คุณฟ้า...ให้กำลังใจคนเจ็บหน่อยสิครับ” ภาคินชี้ที่แก้มป่อง “นิดนึง...ตรงนี้อยากให้ผมหายเร็วๆไม่ใช่หรอ”
ปานฟ้ายิ้มเขิน ทำท่าจะไม่ยอม
“ง่วงขนาดนี้ยังจะเล่นอีกคุณนี่...”
“น่า นิดนึงนะ”
“คนเจ็บคนนี้ ได้ทีเอาใหญ่เชียวนะ”
ปานฟ้าอดยิ้มไม่ได้กับสายตาออดอ้อนของเขา เธอวางมือถือที่ปลายเตียง เดินมาใกล้ส่งความรักที่มีเต็มเปี่ยมด้วยจุ๊บที่แก้ม
“อะ...พอยังคะ”
“อีกข้าง...”
“คนขี้โกง...ไม่เอาแล้ว...ไหนว่าให้กลับเร็วๆ ไง ฟ้าไปล่ะ”
ภาคินพยักหน้าส่งด้วยรอยยิ้ม ปานฟ้ากลับไปอย่างอารมณ์ดี มีความสุข โดยไม่รู้ว่าลืมมือถือไว้
ปานฟ้าเดินออกจากห้องแล้วกดลิฟต์ เข้าลิฟต์ไป ก้องภพอยู่ในมุมลับตาพับหนังสือพิมพ์ที่ทำเป็นอ่าน มองปานฟ้าที่เข้าลิฟต์ไปอย่างแค้นๆ ก่อนจะหันกลับไปทางห้องที่ภาคินอยู่อย่างหมายมาด กำมือแน่นจนสั่นขย้ำหนังสือพิมพ์
ประตูห้องภาคินเปิดออก ก้องภพย่องเข้ามา ภาคินนอนหลับสนิทเพราะฤทธิ์ยา ก้องภพหน้าเครียดแค้น หยิบหมอนที่วางบนโซฟาเดินเข้าไปใกล้เตียง
“แกเป็นมารฉันมาตั้งแต่เกิด...แย่งพ่อ แย่งตำแหน่งลูกชายคนโตแย่งทุกอย่างแม้แต่ผู้หญิงที่ฉันรัก ถ้าไม่มีแกสักคน ฉันก็จะได้ทุกอย่าง อย่าอยู่ร่วมโลกกันต่อไปเลย”
ก้องภพกดหมอนปิดหน้าภาคินอย่างแรงหวังให้ตาย ภาคินเริ่มรู้สึกตัว ดิ้นรน พยายามสู้เท่าที่แรงจะมี
ทางด้านปานฟ้าที่เดินมาขึ้นรถปิดประตู เธอเปิดกระเป๋าถือจะหยิบมือถือ แต่หาไม่เจอ
“เอ๊ย...มือถือล่ะ”
ปานฟ้าพยายามคิด ว่าไปลืมไว้ที่ไหน
ภาคินผลักหมอนออก ถีบจนก้องภพเซไปเขาหอบหายใจถี่ ไม่คิดว่าก้องภพจะทำถึงขนาดนี้
“ก้อง...แก...จะทำอะไรฉัน”
ก้องภพหน้าเหี้ยมลุแก่โทสะแรงหึง
“แกแย่งพ่อยังไม่พอ ยังแย่งฟ้าไปจากฉัน ถ้าแกตาย ฟ้าก็ต้องกลับมา”
“แกมันบ้าไปแล้ว ฉันไม่ได้แย่งคุณฟ้าไปจากแก เราสองคน...”
ก้องภพไม่อยากได้ยินคำพูดที่ภาคินจะพูด เขากระโจนไปกระชากสายน้ำเกลือที่ให้ยา ชกต่อยภาคิน ชุลมุน
“ไม่ต้องแก้ตัว ไอ้ชั่ว...แกมันไอ้ตัวมาร”
ภาคินพยายามสู้แต่ยังเจ็บมาก เขากุมแผลที่ถูกชก ก้องภพฉวยหมอนปิดหน้าเขาให้ขาดอากาศหายใจ ภาคินดิ้นอย่างอ่อนแรง
เวลาเดียวกันนั้น ปานฟ้าออกจากลิฟต์ เห็นพยาบาลหน้าตื่นวิ่งผ่านมาจะไปทางห้องภาคินก็ตกใจ
“เกิดเรื่องอะไรหรอคะ”
พยาบาลชี้ไปที่ห้องภาคินที่อยู่ห่างออกไป
“ไม่รู้ในห้องเกิดอะไร เสียงดังเหมือนคนตีกันเลยค่ะ”
ปานฟ้าหน้าเสียตกใจ รีบวิ่งตามพยาบาลไปอย่างเร็ว
ก้องภพกดหมอนปิดหน้าจนภาคินชักแย่ แต่แล้วก้องภพก็ต้องชะงัก เมื่อได้ยินเสียงเอะอะของพยาบาล...ทันใดนั้นพยาบาลกับปานฟ้าเปิดประตูเข้าห้องมา เห็นภาคินนอนนิ่ง ไม่ได้สติ แต่ไม่มีวี่แววของก้องภพ สภาพห้องกระจัดกระจาย
“ว๊าย...ตายแล้ว”
ปานฟ้าตกใจมาก รีบวิ่งมาดูภาคิน
“ภาคินคะ คุณภาคิน....เกิดอะไรขึ้นเนี่ย...ใครมาทำอะไรคุณ”
พยาบาลเข้าดูอาการ
“คุณ...รู้สึกตัวไหมคะ...คุณภาคิน”
ปานฟ้ามองไปทั่วแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าเกิดเหตุขึ้นกับภาคิน ก้องภพแอบอยู่ที่ระเบียง แววตาแค้นลุกโชนแสยะยิ้มสะใจมาก กับสภาพที่เห็นปานฟ้า กับพยาบาลช่วยภาคิน วุ่นวายไปหมด
วันใหม่...อานนท์ และ ปานฟ้า มองภาคิน ผ่านกระจกห้องไอซียู ด้วยความเป็นห่วง เฟื่องแก้วเดินเข้ามาด้วยความร้อนใจ เห็นอานนท์ จึงยกมือไหว้
“ทำไมอาการคุณภาคินถึงแย่ลงแบบนี้ ไหนหมอว่า อาการดีขึ้นแล้ว”
อานนท์หน้าเครียด
“ผมก็อยากรู้เหมือนกัน ว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
“ฟ้าก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ พอเข้าไปในห้อง ก็เห็นคุณภาคินนิ่งไปแล้ว”
ตุลย์ เดินเข้ามา
“สวัสดีครับคุณพ่อ...ถ้าคุณฟ้า คุณพ่อและที่รัก”
เฟื่องแก้วถลึงตาใส่
“เอ่อ...และ คุณเฟื่องแก้ว อยากรู้ว่า เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าภาคิน เชิญตามผมมาทางนี้เลยครับ”
ปานฟ้า เฟื่องแก้วและอานนท์ สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับภาคินกันแน่
ทั้งหมดเข้ามาในออฟฟิศของโรงพยาบาล ภาพที่กล้องวงจรปิดเห็นก้องภพซึ่งใส่หมวก เดินเข้าไปในห้องภาคิน โดยไม่เห็นหน้าก้องภพ เพราะกล้องจับภาพด้านหลัง เฟื่องแก้วครุ่นคิด
“ใครเข้าไปในห้องคุณภาคิน ทำท่าแปลกๆ”
อานนท์มองอย่างสงสัยว่าใคร ตุลย์บอกยิ้มๆ
“ชมกันต่อครับ หลังจากนั้นไม่นาน ก็ถึงช่วงชุลมุนล่ะครับ พยาบาลวิ่งกันให้ควั่กเลย เพราะได้ยินเสียงโครมครามจากห้องภาคิน และคุณปานฟ้ากลับมาอีกครั้ง เพราะลืมโทรศัพท์มือถือ”
ภาพวิดีโอ เห็น พยาบาลและ เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลวิ่งวุ่นเข้าไปในห้องแล้วเข็นเตียงพาร่างภาคิน ออกจากห้องเพื่อไปห้องไอซียูด่วน ปานฟ้า วิ่งตามไปด้วยความเป็นห่วง...เฟื่องแก้วหันมาถาม
“นั่น ตอนพาคุณภาคินไปห้องไอซียูใช่มั้ยคะ”
“ครับผม เห็นอะไรแปลกๆบ้างไหมครับ”
อานนท์นึกได้
“ผู้ชายคนที่เข้าห้องภาคินเมื่อกี้ ไม่ได้ออกมาด้วย”
ตุลย์หันมาหาปานฟ้า
“ครับผม คุณฟ้าลองคิดสิครับ ว่าตอนเข้าไปในห้องภาคิน เห็นใครบ้างไหม”
ปานฟ้าคิดถึงเหตุการณ์
“ไม่ค่ะ เห็นแต่ ภาคินนอนไม่ได้สติ สายน้ำเกลือขาด ข้าวของกระจุยกระจายเต็มไปหมด”
อานนท์หน้าตื่น
“ผู้ชายคนนั้น เข้าไปทำร้ายภาคิน”
ปานฟ้า อานนท์ ตกใจ เฟื่องแปลกใจ
“แล้วมันหนีไปไหน หนีไป ตอนไหนคะ”
“ไม่ได้หนีไปไหนครับ...เดินออกมานั่นแล้วไง”
ตุลย์ชี้ไปที่ภาพวงจรปิด เห็นผู้ชายคนหนึ่งออกจากห้องภาคินเหมือนไม่เกิดอะไรขึ้น เดินย้อนกลับมาทางเดิม ทำให้หันหน้าเข้าหากล้องวงจรปิดพอดี แต่เป็นภาพระยะไกล ตุลย์หันไปบอกเจ้าหน้าที่
“หยุดภาพตรงนี้ครับ”
เฟื่องแก้วเพ่งมอง
“นั่น...ใครน่ะ”
“อยากรู้ใช่มั้ยครับว่าใคร...” ตุลย์บอกเจ้าหน้าที่ “ซูมภาพเลยครับ”
กล้องวงจรปิด ซูมภาพผู้ชายในกล้อง เห็นใบหน้า ชัดเจนว่าคือ...ก้องภพ อานนท์ตกใจสุดขีด รำพึงชื่อลูกชายตัวเองออกมาอย่างคาดไม่ถึง
“ก้องภพ”
ตุลย์หันมาหาอานนท์
“คุณอานนท์ครับ ผมต้องขออนุญาต ออกหมายจับก้องภพในข้อหา...พยายามฆ่า ครับ”
อานนท์ มองภาพ ก้องภพในจอด้วยความเสียใจ และ ผิดหวัง อย่างที่สุด
ก้องภพ หิ้วกระเป๋าเดินทางใบเล็ก ลงจากชั้นบนมาอย่างร้อนใจ ถามแม่ที่นั่งอ่านหนังสือ จิบชา อย่างสบายใจ
“แม่ มีเงินสดสักแสนไหม ผมอยากได้ด่วนตอนนี้”
“เอาไปทำอะไร บัตรเครดิตมีก็รูดไปสิ และหิ้วกระเป๋านี่ แกจะตะลอนไปไหนอีก”
“อย่าถามตอนนี้เลย ผมต้องการเงินสด ถ้ามีไม่ถึงแสน ตอนนี้มีเท่าไหร่ก็เอามาก่อน ผมรีบ”
“แกไปทำอะไรมารึเปล่าเนี่ย ทำไมดูลุกลี้ลุกลนชอบกล บอกแม่มาเดี๋ยวนี้เลยนะ จะไปไหน เอาเงินไปทำอะไร”
ขณะเดียวกันนั้น เสียงออดหน้าบ้านดังขึ้น วิมลวรรณ ชะเง้อออกไปทางหน้าต่าง
“ตำรวจนี่...ตำรวจ มาทำอะไรที่นี่”
ก้องภพตกใจ
“อย่าเปิดประตูนะแม่”
วิมลวรรณมองหน้าลูกชายอย่างสงสัย
“ไปทำอะไรมาใช่มั้ย ตำรวจถึงตามมาที่บ้าน”
ก้องภพหน้าเครียด ร้อนรน ทำอะไรไม่ถูก
ตุลย์ และ ตำรวจ เดินเข้ามา บริเวณโถงหน้าบ้าน วิมลวรรณเดินออกไปรับ ตุลย์ชูหมายจับให้ดู
“นี่ครับ...หมายจับคุณก้องภพ ข้อหาพยายามฆ่าคุณภาคิน”
วิมลวรรณ อ้าปากตาโต ด้วยความตกใจ
“อย่ามาพูดพล่อย ลูกชายฉันจะไปฆ่าไอ้ภาคินทำไม มีหลักฐานรึเปล่า ถ้าไม่มีฉันจะฟ้องกลับ”
“ถ้าไม่มีหลักฐาน ผมคงออกหมายจับมาไม่ได้หรอกครับ ขอเชิญคุณก้องภพที่โรงพักเถอะครับ”
ก้องภพเดินตามมาโวยวาย
“ฉันไม่ไป...ไม่ไปไหนทั้งนั้น”
ตุลย์มองไปที่กระเป๋าเดินทาง เหมือนรู้ทัน
“ถ้าไม่ไปไหน ก็คงไม่เตรียมกระเป๋าเดินทางไว้หรอกมั้ง ผมเกรงว่า ที่ที่คุณควรจะไป จะเป็นห้องขัง ซะมากกว่า...”
ตุลย์ส่ง สัญญาณให้ตำรวจอีกคนเข้าไปจับก้องภพ วิมลวรรณไม่พอใจ
“นี่จะมาจับลูกฉันไปเหรอ ไม่ได้นะ ฉันไม่ให้แกเอาลูกฉันไป”
ตำรวจ อีกคน เดินเข้าไปจับตัว ก้องภพสะบัดตัวโวยวาย ไม่ยอมให้จับแล้วเสยหมัดใส่ตำรวจไปเต็มแรง จนตำรวจเซ ล้มลง ตุลย์เข้าไปช่วย วิมลวรรณเข้าไปดึงแขนตุลย์ ไม่ยอมให้ตุลย์เข้าไปช่วย ก้องภพหันมาเสยใส่ตุลย์ อีกหมัดจนตุลย์เซ
“รีบหนีไปสิ ก้องภพ ไป”
ก้องภพ คว้ากระเป๋าเดินทาง วิ่งออกประตูบ้านทันที ตุลย์ลุกขึ้นมาถลาจะใส่ก้องภพ แต่วิมลวรรณ เอาตัวเข้าไปขวางทั้งตัว จนตุลย์เบรกเกือบหน้าหงาย ตุลย์จะผลัก วิมลวรรณให้พ้นทาง
“จะทำร้ายร่างกายฉันเหรอ”
ตุลย์หัวเสียอย่างแรง
“โธ่เอ้ย...จำไว้นะคุณวิมลวรรณ ลูกชายคุณ ไม่มีวันจะหนี รอดไปไหนได้เด็ดขาด คนทำความผิด ต้องได้รับโทษ”
พูดจบตุลย์และตำรวจอีกคน เดินออกไป อย่างหัวเสีย วิมลวรรณทั้งหอบทั้งเหนื่อยและ คิดหนักเรื่องก้องภพ
ปานฟ้าในชุดเยี่ยมผู้ป่วยไอซียู นั่งกุมมือภาคินน้ำตาไหลด้วยความรักและเป็นห่วงอย่างสุดหัวใจ ที่กระจกด้านนอกห้องไอซียู เฟื่องแก้ว มองด้วยความเห็นใจในความรักของทั้งสองคน
เวลาผ่านไป...ปานฟ้ายืนเหม่อมองออกไปนอกสนามหญ้าในโรงพยาบาล น้ำตาซึม ด้วยความเป็นห่วงภาคิน เฟื่องแก้ว เดินเอากาแฟร้อนมาให้
“กาแฟค่ะคุณฟ้า”
ปานฟ้ามองเฟื่องแก้วแปลกใจที่ทำดีด้วย และรับแก้วกาแฟมา
“ขอบคุณค่ะ”
“คุณภาคินคงไม่เป็นไรมาก อีกไม่นานก็คงดีขึ้น คุณอย่าเป็นทุกข์เลยนะ”
ปานฟ้ามองเฟื่องแก้วอย่างครุ่นคิด
“มองฉันแปลกๆทำไมคะ คุณฟ้า”
“ฟ้านึกว่า คุณแก้ว จะไม่ชอบหน้าฟ้าซะอีก”
“ทั้งไม่ชอบ ทั้งหมั่นไส้ เลยล่ะค่ะ...” เฟื่องแก้วหัวเราะ “แต่นั่นเมื่อก่อนนะคะก็ช่วยไม่ได้ะ อยู่ดีๆ คุณภาคินผู้ชายที่แสนดีของฉัน ก็มาตกหลุมรัก คุณหนูไฮโซ อย่างคุณ...ทีแรกคิดว่าคุณโปรยเสน่ห์เล่น แต่ตอนนี้ถึงรู้ว่า...คุณก็รักคุณภาคิน”
ปานฟ้ายิ้มรับ
“ค่ะ ฟ้ารักคุณภาคินมาก มากสุดหัวใจเลยแหละ และก็จะรักเค้าคน เดียว ตลอดไป”
เฟื่องแก้วยิ้ม มองปานฟ้าอย่างนับถือในความรัก และเข้าใจ ปานฟ้ายิ้ม แต่สายตาเศร้า เต็มไปด้วยความเป็นห่วง ก้องภพยืนแอบฟังอยู่ ด้วยความรู้สึกโกรธแค้น
ค่ำนั้น...บุญทิ้งกำลังร้องและรำ ลิเก ตรงข้างเตียงพยาบาลเนื้อหาเกี่ยวกับแม่และลูก ที่ได้กลับมาพบกัน ปานเดือนนั่งฟังอยู่บนเตียง ยิ้ม มีความสุข ยกมือจีบ ฟ้อน เอียงคอไปมา อย่างมีความสุข บุญทิ้งร้องจบท่อน ปานเดือนปรบมือ อย่างมีความสุข
“เก่งที่สุดเลยทินภัทร มาให้แม่กอดทีลูก”
ปานเดือนทั้งกอดทั้งหอมบุญทิ้ง
“แม่ ชอบดูลิเกเหรอครับ”
“จ้ะ แม่ชอบดูลิเก โดยเฉพาะลิเกที่ลูกชายของแม่แสดง แม่มีความสุขที่ได้อยู่ใกล้ทินภัทร สัญญากับแม่นะ ว่าจะไม่หนีไปไหนอีก จะอยู่กับแม่อย่างนี้ตลอดไป”
บุญทิ้งไม่ให้คำตอบ แต่กลับกอดปานเดือนแน่นขึ้นไปอีก ด้วยความรัก ทันใดนั้นมีเสียงประตูเปิด บุญทิ้งสะดุ้งผละจากอ้อมกอดของแม่โดยอัตโนมัติ อนิรุทธิ์ เปิดประตูเข้ามา เห็น
“บุญทิ้ง!”
เด็กชายทำท่าจะวิ่งหนีออกไปทางประตู อนิรุทธิ์จับตัวไว้
“จะไปไหนอีก”
“คือว่า...”
อนิรุทธิ์ยิ้มอย่างเอ็นดู
“เพราะเรานี่เอง สองสาม วันมานี่ เดือนถึงอาการดีขึ้นมาก”
“ทินภัทร จะไปไหนอีกลูก อย่าไปไหนนะ ข้างนอกมันอันตราย คุณคะอย่าไปบอกใครเรื่องลูกนะคะ มีคนใจร้าย มันจะจับลูกเราไป อย่าให้ลูกไปไหนอีกนะ”
อนิรุทธิ์ มองบุญทิ้ง ด้วยความสงสัยว่าเกิดอะไรกับเด็กตัวน้อยๆคนนี้
อนิรุทธิ์พาบุญทิ้งมานั่งคุยกันที่มุมหนึ่งของโรงพยาบาล
“ไปทำอะไรมา ถึงได้ต้องหนีหัวซุกหัวซุน แล้ว ทำไมถึงมีคนคอยไล่ล่า ตามล้างตามเช็ดขนาดนี้”
บุญทิ้งอ้ำอึ้ง
“คือ...”
“อืม...ถ้าไม่ไว้ใจฉัน งั้นไปแจ้งความกัน ไปบอกให้ ตำรวจช่วยดีไหม”
บุญทิ้งมองนิ่ง เพราะรู้ว่าเป็นพ่อ อนิรุทธิ์สบตาสงสัยแต่ด้วยสัญชาติญาณ ทำให้เขารู้สึกอ่อนโยนลง
“ผม...ผมไม่อยากให้ทุกคนมีอันตราย”
อนิรุทธิ์แปลกใจ
“ทุกคน...หมายถึงใคร ทุกคนในบ้านฉัน หรือใคร”
บุญทิ้งเงียบไม่ตอบ
“บุญทิ้ง ฟังนะ ถ้าสิ่งที่เธอทำ มันไม่ได้ผิด ไม่ได้เป็นเรื่องเลวร้ายเธอก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไร ความจริง และ สิ่งที่ถูกต้อง จะไม่ทำร้ายใคร”
“แต่ความจริง จะทำร้ายทุกคน”
อนิรุทธิ์ชะงักติดใจสงสัยกับคำพูดของเด็กชาย
“ผม...ขออะไรได้ไหมครับ”
“อะไรล่ะ”
“อย่าบอกใคร ว่าผมมาหา...คุณเดือน ได้ไหมครับ”
อนิรุทธิ์ ถอนหายใจ พยักหน้าอย่างเข้าใจมองอย่างสงสัยว่า เด็กชายคนนี้เก็บความลับอะไรบางอย่างไว้กันแน่
วันใหม่...ก้องภพ ใส่เสื้อผ้าพรางตัวท่าทีมีพิรุธ เดินลิ่วๆ กำลังจะเข้าไปในห้องไอซียู แต่ต้องชะงักเสียก่อนเพราะเห็น ปานฟ้าเดินมากับกัญญา เขาจึงยืนหลบมุมอยู่ที่อีกด้านหนึ่ง ปานฟ้ากับกัญญา มาถึงหน้าห้องไอซียูพบกับคุณหมอเจ้าของไข้พอดี จึงทักทายด้านหน้าห้องไอซียู
“สวัสดีค่ะคุณหมอ”
“สวัสดีครับ ตอนนี้ อาการคุณภาคินดีขึ้นมากเลยนะครับ อีกไม่นานคงได้ออกจากไอซียูแล้ว”
ปานฟ้ากับกัญญา ยิ้มอย่างดีใจ
“นี่ครับคุณฟ้า ผมมีฟิล์ม...”
หมอชวนปานฟ้าคุยต่อถึงอาการภาคินกัญญา เดินไปยืนชิดกระจกห้องไอซียู เพื่อจะได้เห็นลูกชายชัดๆ
เห็นภาคินกำลังนอน สายระโยงระยางอยู่ในห้องไอซียูด้วยความรัก และ สงสาร ลูกชาย จึงรำพึงกับตัวเอง
“ลูกเอ๋ยลูก ทำไมต้องมาเจ็บหนักอย่างนี้...ลูกแม่อย่าเป็นอะไรไปเลยนะ”
ก้องภพที่แอบอยู่ได้ยินกัญญารำพัน ถึงกับตกตะลึงที่ได้รู้ว่า ผู้หญิงคนนี้คือแม่ของภาคิน
ปานดาวกำลังจะเดินผ่านที่ห้องรับแขก แอบเห็นทนายนั่งคุยกับเติมบุญ จึงยืนแอบฟัง ทนายยื่นซองเอกสารให้
“นี่ครับท่าน เอกสารและ พินัยกรรมที่ท่านให้ผมจัดการ”
“ขอบใจมาก ตอนนี้ที่บ้านมีแต่เรื่องวุ่นวายมากมายเหลือเกิน ตั้งแต่ฉันถูกจับตัวไป ก็คิดว่าฉันควรจะทำอะไรอย่างที่ควรทำ จริงๆจังๆเสียที ยัยเดือนอาการก็ยังไม่ดีขึ้น ส่วนยัยดาว ก็...เฮ้อ คงมีแต่ยัยฟ้านี่แหละ ที่ฝากฝังอะไรได้ ถ้าฉันตายวัน ตายพรุ่ง ขึ้นมาจริงๆ ก็คงมีแต่ยัยฟ้านี่แหละ ที่จะให้เป็นผู้ดูแลและจัดการมรดกของฉันทั้งหมด”
“ครับท่าน”
“ขอบใจมากนะคุณทนาย”
เติมบุญยิ้มพอใจ ปานดาวแอบฟังอย่างสุดแค้น จนทนไม่ไหวแล้ว
เติมบุญ เดินมาส่งทนายกลับ เจอปานดาวที่ กำลังกระฟัดกระเฟียดไม่รับไหว้ทนายโวยวายกับ เติมบุญเสียงดังลั่น
“นี่คุณพ่อยกมรดกให้ฟ้าคนเดียวเหรอคะ”
“แกได้ยินผิดไปแล้ว พ่อให้ฟ้าเป็นผู้จัดการมรดกต่างหาก”
“นั่นแหละค่ะ ก็ความหมายเดียวกัน อย่างนี้ ยัยฟ้ามันจะผลาญเงินยังไงก็ได้ทุกอย่างสิคะ คุณพ่อทำไมทำอย่างนี้ได้ยังไง นี่ดาวอยู่ทั้งคนนะคะ”
“ก็แล้วไง”
“ก็ดาวเป็นพี่ ถ้าจะมีการแต่งตั้งผู้จัดการมรดก คนคนนั้นก็ต้องเป็นดาว ไม่ใช่ฟ้า คุณพ่อทำอะไรทำไมไม่เห็นหัวดาวมั่งทำเหมือน ดาวไม่ใช่ลูก”
เติมบุญมองลูกสาวอย่างปรามๆ
“พอได้แล้ว ปานดาว พ่อทำในสิ่งที่คิดว่าถูกต้อง และ เหมาะสมดีแล้ว”
“ดีแล้วเหรอคะ นี่คุณพ่อเอาอะไรมาคิด คุณพ่อลำเอียงตลอดเวลาไม่เคยเห็นดาวเป็นลูก จนวันที่ใกล้จะตาย ก็ยังไม่คิดถึงดาว”
“เลิกพูดอย่างนี้สักทีได้ไหม ฉันไม่เคยคิดลำเอียงเข้าข้าง ใคร แกโตจนเป็นแม่คนแล้ว น่าจะเข้าใจบ้างนะ”
“ดาวไม่รู้ ดาวไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น คุณพ่อและทุกคน รวมหัวกันทำร้ายดาว ต่อจากนี้ไป ถ้าเกิดอะไรขึ้น อย่าหาว่าดาวร้ายมั่งแล้วกัน คุณพ่อจำไว้ด้วย”
ปานดาวเดินออกมาด้วยความโกรธ เติมบุญ ส่ายหน้า ทอดถอนใจ ในพฤติกรรมของลูกสาว
ภาคิน นอนหลับอยู่บนเตียง ในห้องพักกัญญา นั่งมองหน้าลูกชายด้วยความรักและเป็นห่วงใย ภาคิน ขยับตัวช้าๆ และ ค่อยๆลืมตาขึ้นกัญญา ตื่นเต้นดีใจมากรำพึงเบาๆ
“ลูก...ลูก...เอ่อ คุณภาคิน คุณฟ้าคะ คุณฟ้า คุณภาคิน รู้สึกตัวแล้วค่ะ”
ปานฟ้าที่จัดของอยู่อีกมุมหนึ่ง โผเข้ามาจับมือเขาด้วยความดีใจ
“คุณภาคิน คุณฟื้นแล้วเหรอคะ ฟ้าอยู่นี่ค่ะ ฟ้าอยู่นี่”
ภาคินลืมตามอง ปานฟ้า และ กัญญา
“ฟ้า...คุณน้า”
กัญญา เห็นภาคินรู้สึกตัว ดีใจมาก ถึงกับน้ำตาไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว ปานฟ้ามอง กัญญาด้วยความแปลกใจ
“คุณน้ากัญญามาหาคุณที่มูลนิธิ พอรู้เรื่องก็รีบมาเยี่ยมเลย เป็นไงบ้างคะ ตอนคุณนอนไม่ได้สติ พวกเราทุกคนห่วงคุณมากเลย แต่ตอนนี้หมอว่าปลอดภัยแล้วอีกหน่อย เทวดาคนเก่งของฟ้า ก็ลุกขึ้นมาบินได้แล้วล่ะค่ะ”
ภาคินยิ้มบางๆ
“ผมหายเร็ว เพราะมีนางฟ้าอย่างคุณ คอยดูแลนี่แหละ”
ปานฟ้ายิ้มด้วยความปลื้มใจมองกัญญาที่ซับน้ำตา
“คุณน้ากัญญา ก็ห่วงคุณมากเหมือนกันนะคะ หน้าซีดพอๆ กับฟ้าเลย”
“เห็นคุณภาคินเจ็บ น้าก็เจ็บไปด้วย อย่าเป็นอะไรไปอีกนะคะ”
ปานฟ้ามองกัญญาอย่างสงสัย
“ขอบคุณครับคุณน้า ผมไม่เป็นอะไรแล้ว เอ้อ...ฟ้า แล้ว ก้องภพ”
“ตำรวจรู้แล้วคะ ว่าคนที่เข้าไปทำร้ายคุณคือก้องภพ แต่ ตอนนี้เขาหนีไปได้ หมวดตุลย์กำลังตามหาตัวอยู่”
“ถึงเขาจะไม่เคยนับผมเป็นพี่ แต่เราก็มีพ่อเดียวกัน ทำไมพี่น้องถึงต้องทำร้ายกันแบบนี้ด้วย”
ภาคินบอกอย่างขมขื่น เศร้าใจ กัญญา มองภาคินด้วยความเป็นห่วง เกรงว่าจะเกิดอะไรไม่ดี กับลูกชายอีก
หลังจากออกมาจจากห้อง ปานฟ้ากับกัญญาเดินคุยกันมาตามทางเดินในโรงพยาบาล อย่างสบายใจในอาการภาคิน
“เห็นคุณภาคิน อาการดีขึ้นอย่างนี้ ฟ้าสบายใจขึ้นเยอะเลยค่ะ”
“คุณภาคิน แกเป็นคนดี คุณพระคุณเจ้า คุ้มครอง”
“คุณน้า เป็นห่วงภาคินมากเลยนะคะ นี่ถ้าคุณแม่ของเขามาเยี่ยมแบบนี้ คุณภาคินคงดีใจมาก”
กัญญาฟังอย่างขมขื่น ปานฟ้าหันไปเห็น อานนท์ เดินมาไกลๆพอดี
“อ้าว...คุณอามา คุณพ่อของคุณภาคินคะ คุณน้า”
ปานฟ้ารีบเดินไปรับอานนท์
“สวัสดีค่ะ คุณอา”
“เมื่อกี้ ภาคินเป็นไงบ้าง”
“ดีขึ้นมากแล้วคะ หมดห่วงได้ คุณอาคะ นี่คุณน้ากัญญา...อ้าว”
ปานฟ้าหันมา แต่ไม่เห็นกัญญาแล้ว
“หายไปไหน เมื่อกี้ยังอยู่ด้วยกันอยู่เลย”
กัญญาแอบดูปานฟ้าคุยกับอานนท์ อยู่อีกมุมหนึ่งด้วยความขมขื่น ที่ไม่สามารถเปิดเผยตัวได้
อ่านต่อหน้า 2 พรุ่งนี้ 29 ม.ค. 55 เวลา 9.30 น.
ดุจดาวดิน ตอนที่ 13 (ต่อ)
พิมหัวเราะเยาะภูวดล เสียงดังลั่น ด้วยความสมเพช
“เมียพี่ นี่โง่ จริงๆเลยนะ นอกจากโง่ แล้วยังปากมากอีกด้วย พอรู้ว่าไอ้แก่ ยกสมบัติให้นังฟ้าจัดการ ก็ทำจะเป็นจะตาย ก็มันทำตัวอย่างนี้ไง๊ พ่อมันถึงไม่ยกสมบัติให้ ใครจะโง่ ยกสมบัติให้คนบ้า คุ้มผีคุ้มคน อย่างมัน”
ภูวดลยิ้มเยาะ
“หึ...ให้ออกอาการไปเหอะ ดี ถ้าเกิดอะไรขึ้น ทุกคนจะได้คิดว่าเป็นฝีมือปานดาว”
พิมสะใจ
“เออ จริงด้วย...สะใจแม่จริงๆโว้ย คนบ้านนี้ มีแต่คนบ้า กับ คนโง่”
“ตอนนี้ ไม่ใช่ไอ้แก่เติมบุญคนเดียวที่เราจะต้องจัดการ แต่ยังมีนังปานฟ้า อีกคน ที่จะต้องไม่มีชีวิตอยู่บนโลกนี้”
พิมยิ้มชอบใจ
“ได้เลย หมั่นไส้มันมานานแล้ว คราวนี้ ไม่รอด ทั้งพ่อทั้งลูกแน่ๆต่อไปสมบัติทั้งหมดต้องเป็นของธัญวิทย์คนเดียว”
พิมยิ้มอย่างสะใจ ภูวดล ทำหน้าหมายมาด ว่าจะจัดการพ่อลูกคู่นี้ได้
ปานฟ้าเข็นรถเข็นภาคิน มาที่ใต้ตึก โดยที่ฝั่งตรงข้าม เป็น สนามหญ้าของโรงพยาบาล
“เป็นยังไงบ้างคะ คนป่วย สบายขึ้นมั้ยคะ ได้ออกมาข้างนอก บ้างโชว์ความหล่อ”
“ผมไม่ค่อยหล่อหรอกครับ แต่พยาบาลประจำตัวของผมสิครับ สวยที่สุด”
“โหย...พูดงี้ จะหลอกให้ฟ้าเป็นพยาบาลให้ตลอดไปเลยใช่มั้ยคะ”
“ตลอดชีวิตเลยล่ะ”
ปานฟ้ายิ้มเขิน
“มาค่ะ ข้ามไปสนามหญ้ากัน”
ปานฟ้ากับภาคิน ยิ้มให้กันอย่างมีความสุข
ด้านนอก...ก้านนั่งอยู่ในรถกระบะ มองปานฟ้าที่เข็นรถภาคินเตรียมจะข้ามถนน ไปสนามหญ้าฝั่งตรงข้าม ก้านยิ้มอย่างมีแผน สายตาเยือกเย็น แล้วสตาร์ทรถ เร่งคันเร่งอย่างแรง หมายจะขับรถพุ่งชน ปานฟ้า เข็นรถเข็น ภาคิน กำลังข้ามถนนในโรงพยาบาลช้าๆ ก้านเร่งเครื่องสุดแรง
ทันใดนั้นมีรถยนต์คันหนึ่งเลี้ยว ตัดหน้า เสียก่อน ก้านรีบหักหลบรถโดยเร็ว รอดการชนกันอย่างหวุดหวิด จน เสียงเบรค ล้อรถ ดังลั่น จังหวะนั้นปานฟ้า เข็นรถภาคิน ข้ามฝั่งเสร็จพอดี หันมามองรถก้าน อย่าง งงๆ แล้วไม่สนใจ เข็นรถภาคิน ชมสวนต่อไป อย่างมีความสุข ก้าน ตบพวงมาลัยรถ อย่างหัวเสีย ที่พลาดโอกาส
พิมทำความสะอาดเช็ดถู อยู่บริเวณห้องโถง ได้ยินเสียง ปิดประตูรถ รีบชะเง้อออกไปดูว่าใครมา แล้วเธอก็มองด้วยสายตาอาฆาต
“นังฟ้า”
พิมมองซ้ายมองขวา หาอาวุธ ใกล้ตัว เห็นโคมไฟ จึงหยิบขึ้นมา แล้วไปแอบที่ หลังประตู รอจังหวะให้ปานฟ้าเดินเข้าบ้าน ตั้งใจจะฟาดใส่ พอปานฟ้า กำลังเดินก้าว เข้าประตูบ้าน พิมที่หลบอยู่หลังประตู ตามจากด้านหลังยกโคมไฟ หวังฟาดใส่เต็มแรงแต่ตัวเองพลาด เหยียบพรมบนพื้นบ้านแล้วสะดุดล้ม หงายหลังลงไปซะก่อนร้องกรี๊ดเสียงดัง ทั้งตกใจ ทั้งเจ็บ ปานฟ้า หันไปเห็นด้วยความตกใจ รีบเข้าไปประคอง
“อ้าวพิม เจ็บไหม เป็นอะไรมากรึเปล่า”
พิมหน้ามุ่ยโอดโอยเพราะเจ็บ
“ล้มจริง เจ็บจริง สิคะ ถามได้”
“ฉันถาม ก็เพราะว่าเป็นห่วง เพราะรุ่นพิมเนี่ย กระดูกหักขึ้นมา หมอหาอะไหล่มาซ่อมให้ไม่ได้แล้วนะ”
ปานฟ้าพูดแล้ว ก็ลุกขึ้นแล้วเดินไป พิมเจ็บใจที่ทำอะไรไม่ได้ แถมเจ็บตัว แล้วต้องมาโดนเหน็บอีก
อานนท์มาเยี่ยมป้านุ่ม ที่โรงพยาบาล เขานั่งอยู่ข้างเตียงมองป้านุ่มที่นอนไม่ได้สติด้วยความเป็นห่วง
“นุ่ม เมื่อไหร่จะฟื้นขึ้นมาสักที นี่แม่นุ่มรู้ไหม ตอนนี้ ฉันกับภาคิน เราเข้าใจกันขึ้นมากเลยนะ ฉันอยากให้นุ่มได้มาเห็น ว่าคุณผู้ชายกับ คุณหนูของแม่นุ่ม เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว เสียดาย ที่แม่นุ่มไม่ตื่นขึ้นมาเห็น และก็...เสียดาย ที่ครอบครัวนี้ ขาดบุษบา ไปอีกคน...”
พูดถึงบุษบา อานนท์ถึงกับจุกจนแทบจะพูดไม่ออก
“รีบฟื้นขึ้นมานะแม่นุ่ม คุณหนูของนุ่ม รออยู่นะ”
อานนท์ ลุกขึ้นจะกลับ หันไปคุยกับพยาบาล
“ฝากดูแลแม่นุ่ม ให้ดีที่สุดด้วยนะครับ แล้วผมจะแวะมาอีก”
ขณะที่ อานนท์กำลังจะก้าวเดินออกไป เสียงแผ่วเบา ของนุ่มก็ดังขึ้น
“คุณผู้ชาย”
อานนท์ หันมาที่เตียง ด้วยความดีใจและคาดไม่ถึง
ภาคินอาการดีขึ้นกลับมาพักที่บ้านได้แล้ว อานนท์เข้าไปนั่งคุยด้วยในห้อง
“ตอนนี้นุ่มรู้ตัว ได้สติแล้วลูก”
ภาคินยิ้มดีใจ
“เป็นข่าวดีจริงๆครับพ่อ”
“ใช่ ฟื้นขึ้นมา ก็พยายามพูดหลายๆอย่าง แต่ยังพูดไม่ได้มาก หมอบอกว่า อีกไม่กี่วัน ก็คงจะดีขึ้น”
“แม่นุ่ม กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ก็ดีสิครับ ผมมีหลายเรื่องเกี่ยวกับแม่บุษบา ที่อยากจะถาม”
อานนท์นิ่งไป
“อืม...มีแต่นุ่มคนเดียว ที่เคยติดต่อกับบุษบา”
“ถึงแม่เค้าจะจากไปแล้ว แต่ผมก็อยากรู้ว่าตอนที่ ท่านยังมีชีวิตอยู่เป็นยังไงบ้าง เคยพูดถึงผมบ้างไหม”
ภาคินหน้าเศร้า อานนท์ตบไหล่ลูกชายให้กำลังใจ หมายมาดบางสิ่งบางอย่าง
“ภาคิน พ่อมีเรื่องจะขอแรงลูก ให้ช่วยหน่อย”
ภาคินหันไปมองหน้าพ่อ ด้วยความสงสัยว่าคืออะไร
ภาคินกับปานฟ้า มองรอบๆห้องทำงานใหม่
“เป็นยังไงครับคุณฟ้า ที่ทำงานใหม่ของผม”
“ห้องทำงานสวย โอ่อ่า เท่สุดๆไปเลยค่ะ ท่านผู้จัดการ”
ภาคินยิ้มขำ
“ถ้าไม่มีคุณพ่อ ผมก็คงไม่ได้รับโอกาสดีๆ อย่างนี้หรอกครับ”
วิมลวรรณเข้ามาขัด
“รู้ตัวก็ดีแล้วนี่ มูลนิธิยังร่อแร่ แล้วนี่ยังมีหน้าจะมาบริหารงานที่นี่อีกงั้น เหรอ ฉันไม่ยอมให้แกมาทำบริษัทฉันเจ๊งแน่ๆ มาทางไหนออกไป ทางนั้นเลย ไป๊”
อานนท์เข้ามาพอดี
“คุณนั่นแหละ มาทางไหน ออกไปทางนั้น”
“คุณทำอย่างนี้ได้ยังไง ฉันไม่ยอมให้คุณเอาไอ้ลูกเมียน้อยมา ชูคอที่นี่เด็ดขาด”
“นี่บริษัทของผมนะคุณหญิง”
“แต่มันไม่ใช่บริษัทของคุณคนเดียว อย่าลืมสิ ว่าฉันก็มีส่วนทำให้บริษัทนี้ ใหญ่โตขึ้นมา”
“คุณก็ได้รับในส่วนที่คุณต้องได้อยู่แล้วไง ส่วนของการบริหารเป็นหน้าที่ผม และ ผมได้ตัดสินใจไปแล้ว”
“ฉันไม่ยอม ฉันไม่ยอมเด็ดขาด...” วิมลวรรณหันไปหาภาคิน “ไอ้ภาคิน แกกับแม่ของแก เป็นมารจริงๆ เกิดมาเพื่อทำลาย และ แย่งทุกสิ่งทุกอย่างไปจากฉันรึไง”
อานนท์ปรามอย่างโกรธๆ
“คุณเข้าใจผิดแล้วล่ะ คนที่เป็นมาร แย่งทุกสิ่งทุกอย่างจากภาคิน คือคุณเองต่างหาก”
วิมลวรรณโกรธสุดชีวิต
อานนท์เดินหนีไปที่ห้องทำงานของเขา วิมลวรรณเดินตามเข้ามา พูดฉอดๆ อย่างโกรธจัด
“คุณมันใจร้ายมาก ทำกับฉันกับลูกได้ยังไง บริษัทนี้ต้องเป็นของก้อง ไม่ใช่ไอ้ภาคิน”
“คุณยังคิดว่า ก้องจะได้อยู่นอกคุกงั้นหรอ”
วิมลวรรณ สะดุดเพราะนึกถึงสถานการณ์ของก้องภพ
“ผมมีลูกชาย 2 คน เลี้ยงดู ให้ความรู้ มาแต่เล็ก คนหนึ่งโตมาเลือกที่จะทำงานเพื่อสังคม กับอีกคนหนึ่ง เลือกที่จะเป็น ฆาตรกร คุณคิดว่าผมควรจะไว้วางใจคนไหน”
“หยุด...หยุดพูดเดี๋ยวนี้คุณอานนท์ คุณรักลูกไม่เท่ากัน ..ไม่สิ คุณไม่เคยรักลูกของฉันเลย เพราะอะไร เพราะฉันเหรอ...แล้วฉันล่ะ ตัวฉัน คุณเคยรักฉันบ้างมั้ย”
อานนท์ไม่ตอบได้แต่ถอนใจ
“ผมว่าแทนที่คุณจะยืนโวยวายอยู่ตรงนี้ คุณควรจะหาทางพาก้องภพไปมอบตัว ก่อนที่จะมันหมดอนาคตมากไปกว่านี้”
“ไม่มีทาง ไม่มีวันที่ฉันจะยอมให้ลูกฉันเข้าคุก ติดตารางโดยเด็ดขาดไม่มีทาง”
อานนท์ส่ายหน้า แล้วเดินจากไป ด้วยความระอา วิมลวรรณทั้งกรีดร้อง ด้วยความเสียใจและโกรธแค้น
ปานฟ้า เดินรอบๆห้อง พยายามชวนอานนท์คุย เพื่อจะได้สบายใจ
“ห้องทำงานของคุณภาคิน ดี เป๊ะ ตามหลักฮวงจุ้ย จริงๆนะคะ โต๊ะทำงาน ไม่ได้อยู่ใต้คาน และ ไม่ควรหันหลังให้กับประตู ที่สำคัญ เก้าอี้นั่งท่านผู้บริหารไม่ควรมีล้อ และ ต้องแข็งแรงสุดๆ”
ภาคินยิ้มรู้ทัน
“ป้องกันคนมาขโมย หรือ เลื่อยขาเก้าอี้ ใช่ไหมครับ”
ปานฟ้าหน้าง้ำที่เขารู้ทันมุก
“ใครบอก ก็คุณตัวโต กลัวเก้าอี้จะพัง หรือ หักต่างหาก”
“คุณฟ้าว่า ผมอ้วนเหรอ”
ปานฟ้า หัวเราะขำ รีบแก้ตัว อานนท์เดินเข้าห้องมาพอดี
“ภาคิน...อย่าคิดมากเลยนะลูก”
“พ่อครับ ถ้าการที่ผมมาทำงานที่นี่ จะทำให้พ่อต้องลำบาก ผม...”
“ไม่มีคำว่าลำบาก...ลูกต้องทำงานที่นี่ ทำให้ทุกคนเห็นว่าพ่อตัดสินใจถูกแล้ว ลูกเป็นลูกคนโตของพ่อ ก็ต้องดูแลทุกอย่าง พ่อเชื่อว่าลูกจะไม่ทำ ให้พ่อผิดหวัง”
อานนท์มองลูกชายด้วยความมั่นใจ ภาคินซึ้งใจที่พ่อเห็นความสามารถ ปานฟ้ามองพ่อลูกด้วยความปลื้มใจ
ภาคินกับปานฟ้า ชมวิว สวยงามบนดาดฟ้า
“ได้ขึ้นมาอยู่ที่สูงๆ ได้เห็นท้องฟ้า กว้างๆ ช่วยให้หายเครียดไปเย๊อะเลยนะคะ”
ปานฟ้ายิ้มกว้างมองไปสุดขอบฟ้า ภาคินมองหญิงสาวคนรักยิ้มอย่างมีความสุข ปานฟ้าหันมาหา
“แน่ะ...กำลังจะบอกว่า ท้องฟ้าที่สดใส ก็ไม่ทำให้สุขใจได้เท่า คุณปานฟ้า ที่อยู่ข้างๆผมตอนนี้หรอกครับ...ใช่ไหมคะ”
ภาคินหัวเราะที่ปานฟ้ารู้ทัน
“ไม่ได้จะพูดอย่างนี้สักหน่อย ใครจะพูด น้ำเน่าขนาดนั้น”
“โหย คุณภาคินอ่ะ ขี้แกล้ง”
ทั้งสองพากันหัวเราะ
“อ่ะ พูดจริงก็ได้ แค่เห็นคุณยิ้ม ผมก็มีความสุขแล้วครับ”
หญิงสาวยิ้มปลื้ม
“ที่ฟ้ายิ้ม ก็เพราะว่าฟ้า เห็นคุณมีความสุขไงคะ คุณพ่อของคุณ ท่านดีกับคุณ และ รักคุณมากเลยนะคะ”
“ครับ...ผมยังเสียใจมาถึงตอนนี้ ที่ครั้งหนึ่งเคยเข้าใจท่านผิดมาตลอด แต่ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วครับ ว่าท่านรักผม และ แม่ของผมมากแค่ไหน...เสียดายที่ตอนนี้ แม่ไม่ได้อยู่กับเรา ไม่งั้น ทุกอย่างคงจะดีกว่านี้”
ปานฟ้ามองภาคินด้วยความรักและเข้าใจ เอื้อมมือไปคล้องแขนและลูบแขน เพื่อปลอบใจ เอียงคอซบไหล่ ให้กำลังใจ ภาคินมองปานฟ้าด้วยความรัก
กัญญาเดินอยู่ในตรอกซอกซอย เพื่อตามหาห้องเช่า ชายคนหนึ่ง แอบเดินตามหลัง กัญญา รู้สึกเหมือนมีคนเดินตามจึงหันหลังไปดู แต่ไม่พบใคร จึงเดินต่อ ผู้ติดตาม ยังแอบเดินตามหลังอย่างใกล้ชิด กัญญา เริ่มระแวง เดินอย่างระวังตัวมากขึ้น จังหวะนั้น มีเสียงกระป๋องโดนเตะเธอตกใจหันกลับไปมอง ไม่เจอใคร จึงรีบวิ่งเพื่อจะหนีไปจากตรงนั้น แต่ออกวิ่งได้ไม่กี่ก้าวก็เจอผู้ชายคนหนึ่งโผล่มาจากมุมตึก กัญญาเห็นแล้วถอนใจเฮือก เมื่อเห็นว่าเป็นใคร
กัญญานั่งดูดน้ำแดงจากถุง ด้วยความกระหาย ถมนั่งดูด โอเลี้ยงอยู่ข้างกัน
“พี่ถมตามหาฉันเจอได้ยังไง”
“ก็ตามมาเรื่อยแหละ ถามพวกคนรู้จัก เขาว่าแถวนี้มีห้องพักเยอะเลยคิดว่าแม่กัญญาอาจจะมามั่ง ก็ได้เจอกันจริงๆ ก่อนจะมา ทำไมไม่บอกกันสักคำ”
“ฉันสงสารบุญทิ้ง เด็กตัวแค่นั้นถ้ามาคนเดียวก็ลำบาก เลยตามมาด้วยไม่นึกว่าจะหลงกันอีก ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นไงบ้าง”
“มันก็คงเอาตัวรอดได้ แม่กัญญาก็ กลับไปคณะของเราเถอะนะ...ฉันยังรอนางเอกของฉันอยู่นะ”
ถมมองด้วยความรัก กัญญามองสายตาของเขาด้วยความเกรงใจ
“ขอบใจพี่มากจ้ะ พี่ถมดีกับฉันเหลือเกิน แต่...แต่ฉันคงยังกลับไปตอนนี้ ไม่ได้”
“ทำไม...ทำไมไม่กลับไปกับฉัน...หรือ แม่กัญญา มีคนอื่นให้ห่วงแล้ว”
กัญญาไม่ตอบ รู้สึกผิดที่ทำให้ถมต้องผิดหวัง แต่ในใจห่วงภาคิน จึงไม่อยากกลับคณะลิเก
พ่วง นั่งคุยกับบุญทิ้ง ในห้องเช่าโทรมๆ
“เอ็งจะมีชีวิตด้วยการหนีอยู่ตลอดอย่างนี้ได้ยังไง ลำบากมามากแล้ว กลับไปบ้านนั้นเหอะ ข้าจะพา เอ็งไปหาเศรษฐีเติมบุญเอง”
“ไม่นะ ถ้าฉันไป พวกนั้นมันต้องฆ่าฉันทิ้งแน่ๆ ผู้หญิงชื่อพิมอยู่ในบ้านนั้น”
“นังพิมหน่ะเหรอ นังนี่ใจคอมันโหดเหี้ยมดีแท้ ข้ารู้จักมันดี นังตัวแสบเนี่ย เดี๋ยวข้าจัดการเอง คนบ้านนั้นรวยจะตายชัก เค้าไม่ยอมให้เอ็งถูกฆ่าตายหรอกน่า”
บุญทิ้งยังหวาดกลัวไม่หาย
“ไม่นะ ถ้าผมกลับไป ก็มีแต่จะทำให้คนที่บ้านนั้นลำบาก ผมไม่กลับไปหรอก”
พ่วงถอนหายใจ มองบุญทิ้งอย่างไม่เข้าใจ
เติมบุญนั่งอ่านหนังสือ เสียงโทรศัพท์มือถือ ดังขึ้น เติมบุญกดรับ
“ฮัลโหล...ใช่ ผมเติมบุญพูด...นั่นใคร”
พ่วงพูดโทรศัพท์อยู่ในตู้สาธารณะ
“ผมมีเรื่องสำคัญจะบอกท่าน”
“เรื่องอะไร”
“ทินภัทรยังมีชีวิตอยู่”
เติมบุญตกใจ
“อะไรนะ ว่าอะไรนะ แล้วนั่นใคร”
“ผมบอกว่า ทินภัทรหลานชายของท่าน ยังมีชีวิตอยู่ ท่านอยากเจอเขาไหมล่ะ”
เติมบุญตกใจ และ คิดไม่ถึง รำพึงคำพูดที่ว่า...ทินภัทรยังมีชีวิตอยู่
ภาคินนั่งทานอาหารกับปานฟ้าอยู่ใน ร้านอาหาร หญิงสาวหน้าตาเป็นกังวล
“ทินภัทรยังมีชีวิตอยู่... ฟ้าว่ามันแปลกๆนะคะ ที่ ทินภัทร หายไปตั้ง 6 ปี อยู่ดีดี ก็โผล่มาตอนนี้”
“นั่นสิ...ทินภัทร มีความสำคัญกับครอบครัวฟ้ามาก อาจมีคนสวมรอยเพื่อจะหาประโยชน์จากตรงนี้ได้”
“พวกสิบแปดมงกุฎหรอคะ”
“เป็นไปได้”
ปานฟ้า ครุ่นคิดอย่างกังวล ก้านและลูกน้องกำลังนั่งจับตาดู ปานฟ้ากับภาคินอยู่อีกมุมของร้านอาหาร
พ่วง ขับรถแท็กซี่ พาบุญทิ้ง มานั่งสังเกตการณ์ ที่ประตูหน้าบ้านเติมบุญ
“อย่าเข้าไปเลยนะ” บุญทิ้งบอกอย่างไม่สบายใจ
“เฮ้ย ไอ้ทิ้ง มาถึงขนาดนี้แล้วจะถอยทำไมอีก เอ็งคิดจะหนีอยู่ตามถนนตลอดชีวิตหรือไง เอ็งหน่ะเป็นหลานๆแท้ๆของคนบ้านนี้นะโว้ย...จะได้อยู่สุขสบายกับเค้าสักที”
บุญทิ้งหน้าเครียดหวาดๆ
“แต่...แต่”
“ฮึ่ย...จะไปกลัวอะไรกับนังพิม กับ ผัวมัน ข้าบอกแล้วไง ว่าเดี๋ยวข้าจัดการให้เอง”
บุญทิ้งมองหน้า
“ผมถามจริงๆ ว่าทำไมถึงคิดช่วยผมล่ะครับ”
พ่วงถอนใจมองบุญทิ้งจริงจัง
“ข้าน่ะ ทำลายชีวิตของเอ็งมาตั้งแต่เอ็งเกิดได้ไม่กี่เดือน กี่ปี แล้ว ที่เอ็งต้องมาลำบากเร่ร่อน ยิ่งกว่าหมาขี้เรื้อนเพราะข้า ทั้งๆที่...” พ่วงมองไปที่บ้าน “นี่ คือ บ้านของเอ็ง...มันได้เวลาแล้วล่ะ ที่เอ็งควรจะได้กลับบ้าน ข้า ต้องชดใช้ให้เอ็ง...ไอ้บุญทิ้ง”
พ่วงมองไปที่บ้านเติมบุญ อย่างตั้งใจจริง
ภาคินโทรหาตุลย์ แล้วกดวางโทรศัพท์มือถือ
“หมวดตุลย์กำลังมา เดี๋ยวจะไปอยู่ด้วย ตอนที่มีคนพาทินภัทรมาที่บ้าน”
“ดีค่ะ ได้ช่วยกันดูว่าใช่หลานของฟ้าจริงรึเปล่า คิดแล้วตื่นเต้น ขอเข้าห้องน้ำแป๊บนึง แล้วเดี๋ยวเรากลับบ้านกันเลยนะคะ”
“ครับ”
ภาคินรับคำ ปานฟ้าลุกจากที่นั่งเดินไปห้องน้ำ ก้านที่มองมาที่ปานฟ้า อย่างเหี้ยมโหด คิดจัดการ
ปานฟ้า ล้างมือ ตรวจความเรียบร้อยจากกระจก แล้วเดินออกจากประตูห้องน้ำหญิง ก้านที่ดักอยู่หน้าประตู ทำสายตาอาฆาต ปานฟ้าเห็นท่าไม่ดี รีบหันหลังจะหนีไปอีกทาง ก้านคว้าคอปานฟ้าจากด้านหลัง แล้ว โปะผ้ายาสลบ ปานฟ้า พยายามดิ้นขัดขืน แต่นิ่งไปในที่สุด ก้านและพวก ช่วยกันกึ่งลากกึ่งพยุงปานฟ้าออกไป
ภาคินนั่งคุยโทรศัพท์มือถือ อยู่ที่โต๊ะอาหาร
“ตุลย์...ผมว่านะ ตอนนี้คุณน่าจะรีบเข้าไปที่บ้านคุณเติมบุญก่อน เดี๋ยวผมกับฟ้าจะรีบตามไป เพราะไม่รู้ว่า ไอ้พวกที่บอกว่าหวังดี มันจะเป็นพวกเดียวกับที่เคยจับคุณเติมบุญไปรึเปล่า”
ขณะเดียวกันนั้นสายตาของเขา ก็มองออกไปด้านนอกผ่านกระจกร้าน เห็น ผู้ชายกำลังช่วยกันพยุงร่างของผู้หญิงคนหนึ่ง จึงลุกขึ้นดูให้ชัดขึ้น เห็นผู้หญิงแต่งตัวเหมือนปานฟ้า ถูกแบกร่างขึ้นรถอย่างทุลักทุเล
“เออ...พวกที่จับตัว...จับตัว เฮ้ย นั่น คุณฟ้า คุณฟ้า ถูกจับตัวไป”
ภาคินรีบวิ่งออกจากร้าน ไล่ตามรถของก้านที่เพิ่งขับออกไป แต่ไม่ทัน จึงรีบวิ่งไปขึ้นรถตัวเอง และ ขับตาม
พิมยืนคุยโทรศัพท์มือถือ กับก้าน ทำตาโต ตื่นเต้น สมใจ
“ได้ตัวมันแล้วเหรอพี่...โฮะๆๆ สะใจข้าจริงๆโว้ย อย่าเพิ่งไปทำอะไรมันนะ ขอฉันตามเข้าไปก่อน อยากจะดูน้ำหน้าอินังคุณหนูมันหน่อย ว่าสภาพนางฟ้าตกสวรรค์ มันน่าสมเพชขนาดไหน”
พิมวางสาย ยิ้มสะใจ ป้าแก้วได้ยินแว่วๆ โผล่มาพอดี
“ใครตกสวรรค์เหรอ”
“ไม่รู้ รู้แต่ว่า คนที่ชอบแส่เรื่องคนอื่น อาจจะตกนรกไม่รู้ตัว จบมั้ย...”
พิมเชิดใส่ป้าแก้ว เจอ ปานดาว เดินเข้ามาพอดี
“เดินหน้าเชิด จะไปไหนอีกนังพิม”
พิมอารมณ์เสีย
“ไปทำธุระ”
“ธุระอะไร คนใช้อย่างแก มีธุระกับเค้าด้วยเหรอ”
พิมลอยหน้าลอยตาใส่ปานดาวอย่างไม่กลัว
“ใช่ ธุระสำคัญ ด้วย”
“อะไรจะสำคัญกันหนักกันหนา บอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะ”
“สำคัญม๊ากก ก็แล้วกัน เอาเป็นว่า มันเป็นธุระของพี่ เอ้ย...ของคุณภูวดล ส่วนจะทำอะไร ยังไงนั้น...ป้าแก้ว ไหนป้าแก้วลองบอก คุณนายของป้าซิ ว่าพวกที่ชอบแส่ เอ้ย...อยากรู้เรื่องคนอื่น จะเจออะไร”
ว่าแล้วพิมก็เชิดหน้าเดินจากไป ปานดาว โกรธแต่พูดไม่ออก ป้าแก้วมองพฤติกรรมของพิม และ ปานดาว อย่างสงสัยอะไรบางอย่าง
ตุลย์ขับรถไปด้วย และคุยโทรศัพท์ใช้ บลูทูธคุยกับ ภาคินอย่างร้อนใจ
“นี่ฉันกำลังตามไปอย่างด่วนเลยนะภาคิน พวกมันไปทางไหน...ได้ ได้ เดี๋ยว ฉันจะขับลัด ไปอีกทางนึง ระวังตัวด้วยนะเว้ย”
ตุลย์ กดวางสาย เร่งสปีดรถ ตามไปด้วยความร้อนใจ ทางด้านลูกน้องก้านขับรถอย่างเร่งรีบ ก้านหันหลังไปดู เห็นรถ ภาคินกำลังขับตามมารีบสั่งให้ลูกน้องขับหนี
“เฮ้ย ผัวอินังนี่ ตามมานั่นแล้ว เหยียบให้มิดเลยโว้ย”
ก้านยิ้มกระหยิ่มสะใจ
พ่วงยังนั่งซุ่มอยู่ในแท็กซี่กับ บุญทิ้ง เห็นพิมกำลังออกจากบ้านด้วยความเร่งรีบ
“นั่นนังพิมนี่หว่า รีบร้อนจะไปไหนของมัน หึ...มันไม่อยู่ ก็ดีไป...ได้เวลาเข้าไปกันแล้ว ไอ้ทิ้ง”
บุญทิ้งยังหวาดกลัว
“ฉันกลัว”
“บ๊ะ...เอ็งเลิกงอแงได้แล้ว ไม่อยากอยู่กับพ่อกับแม่ แท้ๆ รึไง ข้าไม่อยากเป็นพ่อของเอ็งแล้วนะโว้ย”
“แล้ว แล้วถ้า...พวกเค้า ไม่เชื่อ ว่าผมคือทินภัทรล่ะ”
พ่วงถอนหายใจ หนักใจที่บุญทิ้งทั้งดื้อ ทั้งคิดมาก
ก้านคุมลูกน้อง ที่กำลังพยุงร่างปานฟ้า เข้าไปในบ้านกลางสวน ทันใดนั้นเสียงตุลย์ดังขึ้น
“ถ้าไม่อยากตาย ปล่อยคุณปานฟ้าเดี๋ยวนี้”
ก้านและลูกน้อง หันไปตามเสียง เห็นตุลย์ และตำรวจ อีกคน กำลังเล็งปืน มาทางพวกของตน
ลูกน้องก้านกลัวแทบทรุด ก้านส่งสัญญาณให้วางปานฟ้าลง ที่แคร่ หน้าบ้าน พิมเดินยิ้มแฉ่งมาถึงพอดี พอเห็นเหตุการณ์ รีบหลบ ไปแอบดู อยู่อีกมุมหนึ่ง ภาคินเข้าไปหาปานฟ้าพยายามปลุก
“คุณฟ้า คุณฟ้า”
ตุลย์รีบสั่ง
“ภาคิน รีบพาคุณฟ้าออกไป”
ภาคินพยุงตัวปานฟ้าออกไป
“พวกแกใช่ไหม ที่ลักพาตัวคุณเติมบุญไปเรียกค่าไถ่ ทำไมถึงจงใจทำร้ายคนในครอบครัวนี้ บอกมาเดี๋ยวนี้ ว่าใครเป็นคนบงการเรื่องทั้งหมด”
ก้านไม่ตอบ แอบเอามือจะควักปืนออกมายิงต่อสู้ แต่ลูกน้องตุลย์พุ่งเข้าไปเตะสกัดเสียก่อน ก้านเซไปอีกทาง หันไปเห็นพิม ที่แอบยืนดู สบตากัน ต่างคนต่างไม่พูด ก้าน ตัดสินใจ ควักปืน แล้วหันมาตั้งใจยิงสู้ แต่ ไม่ทัน ตุลย์ยิงสวนเข้ากลางอก และ ลำตัว ไป 2-3 นัดจนร่างก้านล้มลง พิมเห็นเหตุการณ์ ทั้งหมด ตกใจแทบสิ้นสติอุดปากตัวเองไว้ไม่ให้ส่งเสียงกรี๊ดออกมา
ในห้องรับแขก...คนในบ้านนั่งอยู่ที่โซฟามองพ่วงที่ยืนอยู่กลางห้อง ด้วยสายตา สงสัย และ ไม่ไว้วางใจ
พ่วงยืนกลางห้องทำท่าไม่ยี่หระต่อสายตาที่มองตนเองอยู่
“ผมรู้ ว่าสภาพอย่างผม พูดอะไรไป ก็ไม่มีใครเชื่อ แต่ที่ผมจะเล่าให้พวกคุณฟัง เป็นความจริงทุกอย่าง...ทินภัทร ถูกคนในบ้านลักพาตัว มาให้ผม เพื่อให้ไปขายในประเทศเพื่อนบ้าน แต่พอดีผมเห็นว่ามัน ผิวพรรณหน้าตาดี ก็ไม่อยากจะขาย เลยแอบเลี้ยงมันไว้ให้เป็นขอทาน”
สายอุษาจะเป็นลม ป้าแก้วรีบเข้าไปบีบนวด
”โอย ฉันจะเป็นลม”
เติมบุญมองภรรยาอย่างห่วงใยก่อนจะหันไปถามพ่วง
“ใจเย็นๆน่ะคุณ แล้วทำไมแกเพิ่งมาบอกพวกเราตอนนี้”
พ่วงยักไหล่
“ก็ผมเพิ่งรู้ ว่าไอ้เด็กนี่คือทินภัทร ลูกหลานเศรษฐี”
อนิรุทธิ์สงสัย
“แล้วทำไมแกเพิ่งมารู้”
“ก็อินังโหดนั่น ไล่ล่าตามฆ่าเด็กมันอย่างกับเกลียดกันมาจากชาติไหน นี่มันก็ตามฆ่าปิดปากผมด้วยนะเอ้า...แต่ผมดวงแข็ง รอดมาได้ทุกที”
อนิรุทธิ์มองอย่างไม่เชื่อ
“ทำไมพวกเราต้องเชื่อสิ่งที่นายพูดด้วย เรื่องอย่างนี้ ใครจะโกหกเพื่อหาเงินจากการหายตัวของทินภัทรยังไงก็ได้”
พ่วงแสยะยิ้ม
“เงินน่ะผมก็อยากได้ แต่บอกตามตรงนะ ว่าผมได้เงินจากการเป็นขอทาน ของไอ้ทิ้งมันมามากแล้ว มันน่ะตัวทำเงินเลยนะคุณหน้าตามันน่ารัก ใครเห็นก็สงสาร”
สายอุษาจะเป็นลมอีก เติมบุญสะดุดกับคำว่าไอ้ทิ้งรำพึงเบาๆ
“ไอ้ทิ้ง...แล้วไหนล่ะ ทินภัทร”
พ่วงหันไปเรียก
“เอ้า...เข้ามาได้แล้ว...นี่ไง ทินภัทรของพวกคุณ”
บุญทิ้งค่อยๆ เดินก้มหน้าเข้ามาอย่างช้าๆ ด้วยความกลัวผสมประหม่า เพราะกังวล และคิดว่าจะไม่มีใครเชื่อ ทุกคนมองอย่างตกตะลึงนึกไม่ถึง
อ่านต่อหน้า 3 พรุ่งนี้ 30 ม.ค. 55 เวลา 9.30 น.
ดุจดาวดิน ตอนที่ 13 (ต่อ)
ทุกคนในห้องรับแขกถึงกับตะลึง เมื่อเห็นว่าทินภัทรที่พ่วงบอก คือบุญทิ้งนั่นเอง และต่างอุทานขึ้นพร้อมๆ กัน
“บุญทิ้ง”
บุญทิ้งกลัวไปหมด ทุกคนสับสน สายอุษาทำท่าจะเป็นลม ป้าแก้วคอยดูแล ปานดาวจูงธัญวิทย์เข้ามาพอดี
“แกโกหก! ไอ้พวก 18 มงกุฎ หนอยเอาไอ้เด็กบุญทิ้งมาสวมรอยเป็นทินภัทร คิดว่าพวกฉันโง่รึไง ทินภัทรน่ะ ตายไปแล้วได้ยินไหมว่า ทินภัทรตายไปนานแล้ว”
พ่วงโต้ทันที...
“ยัง ทินภัทรยังไม่ตาย ยังยืนอยู่ตรงนี้”
ปานดาวมองบุญทิ้งอย่างสุดทน
“ไม่ มันต้องไม่ใช่อย่างนี้ ไม่ใช่ บ้านนี้มีหลานคนเดียวคือลูกชายฉัน คนอื่นไม่ใช่”
“ดาว พอแล้ว” เติมบุญมองพ่วง “เล่ามาให้หมด ว่าเรื่องจริงมันคืออะไร”
ปานดาวมองพ่วง อย่างจะกินเลือดกินเนื้อ แต่พ่วงไม่สนใจ เล่าเรื่องราวที่ผ่านมา...
“เมื่อประมาณ 7 ปีที่แล้ว ผู้หญิงในบ้านนี้ ขโมยเด็กมาให้ผม มันบอกให้เอาไปขายแถวชายแดน แต่ผมเห็นเด็กหน้าตา น่ารักดีเลย เลี้ยงไว้ พอโตขึ้นหน่อยก็ให้ไปขอทาน หาเงิน เด็กคน นั้น ก็คือ...ไอ้บุญทิ้ง”
บุญทิ้งก้มงุดๆด้วยความกลัว ปานดาวโวยทันทีที่ฟังเรื่องจบ
“ไม่จริง แกโกหก จะเป็นไอ้บุญทิ้งไปได้ยังไง ดูหน้าก็รู้แล้วว่าไม่ใช่หลานฉัน พวกแกรวมหัว กันมาหลอกเอาสมบัติบ้านนี้ใช่ไหม”
เติมบุญขัดขึ้น...
“ยัยดาว...นายพ่วง บอกฉันมาสิ ผู้หญิงที่เอาทินภัทรไปให้ เมื่อ 7 ปีที่แล้ว คือใคร ใครมันเป็นคนที่ขโมยหลานฉันไป”
พ่วงมองไปรอบห้อง สบตาปานดาวที่ทั้งโกรธทั้งกลัว หลบตาพ่วงอย่างมีพิรุธ จังหวะนั้นพิมเดินเข้ามาในบ้านพอดี ธัญวิทย์ร้องขึ้น...
“พิมมาแล้ว พิมหาข้าวให้ฉันกินเลย หิวมาก”
พิมเห็นพ่วงก็ชะงักด้วยความตกใจ คาดไม่ถึง พ่วงหันไปเห็นพิม ยิ้มสะใจ ชี้นิ้วไปที่พิม แล้วบอกกับทุกคน
“นังตัวแสบนี่ไง มันนี่แหละที่เป็นคนเอาตัวทินภัทรมาให้ผม”
พิมตกใจ ทำอะไรไม่ถูก
ภาคินขับรถพาปานฟ้าที่ยังอ่อนเพลีย เพราะเพิ่งฟื้นจากถูกวางยา ภาคินพูดโทรศัพท์ มือถือ...
“ขอบคุณมากครับคุณอนิรุทธิ์ อีกไม่เกินห้านาที เราไปถึง” ภาคินกดวางหู แล้วหันมาบอกปานฟ้า “ตอนนี้ ทินภัทรอยู่ที่บ้านฟ้าแล้วนะครับ”
ปานฟ้ารีบถามตื่นเต้น
“แสดงว่า ทินภัทรยังมีชีวิตอยู่จริงๆหรอคะ แล้วใช่ ทินภัทรตัวจริงรึเปล่า หลานฟ้าเป็นยังไงบ้าง หน้าตาเหมือนใคร แล้วใครเป็นคนพามา”
ภาคินยิ้มนิดๆอย่างเอ็นดู
“ถามหลายอย่างจริง เดี๋ยวไปดูเองดีกว่าครับ...เราอาจจะเจอเรื่องที่นึกไม่ถึง”
ปานฟ้าฟังอย่างสงสัยแปลกใจ แต่ก็ตื่นเต้น อยากถึงบ้านโดยเร็ว
ในบ้านบุญเติม...ป้าแก้วมองพิมอย่างแค้นใจ
“นึกแล้วว่าต้องมีเกลือเป็นกลอน แค่ออกไปเอาของแป๊บเดียวกลับมาคุณหนูก็หายไปแล้ว ถ้าไม่ใช่คนในทำ แล้วจะเป็นใคร แต่ไม่นึกเลยว่าจะเป็นแก...นังพิม ทำไมแกถึงใจร้ายอย่างนี้”
พิมหน้าตาตื่น
“ไม่จริง ทุกคนอย่าไปเชื่อมัน แกใส่ร้ายฉัน ใครเชื่อโจรอย่างแกก็โง่แล้ว ไอ้โกหก”
อนิรุทธิ์ที่ฟังอยู่นาน หันไปถามพ่วง
“นั่นสิ มีหลักฐานอะไรยืนยันสิ่งที่นายพูด”
ปานดาวขัดทันที
“จะไปเอาหลักฐานอะไรกับหัวขโมยอย่างมัน อมพระมาพูดฉันก็ไม่เชื่อ แต่งเรื่องมาหลอกเอาเงินพวกเราไม่ว่า เรียกตำรวจมาจับมันเลยคุณรุทธิ์ ไอ้พวกหลอกลวงแบบนี้ต้องให้ติดคุก”
บุญทิ้งมองพ่วงที่กำลังโดนรุม
“ถ้าไม่ได้ขโมยตัวทินภัทรไป....แล้วทำไมพี่พิมถึงได้ จับตัวคุณตาไปขัง แล้วยังจะฆ่าผมอีก
เติมบุญชะงัก นึกถึงตอนที่โดนจับตัวไป”
พิมมองบุญทิ้งอย่างโกรธแค้น
“แกพูดอะไรของแกไอ้ทิ้ง ใครไปจับใคร ใครจะฆ่าแก”
เติมบุญยิ้มนิดๆ แต่แววตาโกรธ
“จริงด้วย ขอบใจนะบุญทิ้ง ตานึกตั้งนาน ว่าลักษณะท่าทางของนังโจรที่จับฉันไปวันนั้น เหมือนใคร”
พิมหน้าเสีย พยายามแก้ตัว
“ไอ้ทิ้งมันปั้นเรื่องโกหก พูดจาเลอะเทอะเหมือนไอ้พ่วง อย่าไปเชื่อนะคะ มันสองคนเป็นพวกเดียวกัน”
เติมบุญมองพิมนิ่ง
“เธอรู้ได้ยังไงว่าเขาชื่อพ่วง ฉันยังไม่ได้เอ่ยชื่อเขาเลย”
พิมชะงัก หน้าเสีย อ้ำๆ อึ้งๆ พูดต่อไม่ออก ปานดาวเห็นพิมจะแย่ เลยรีบช่วย
“นี่คุณพ่อเชื่อพวกมันเหรอคะ พิมจะไปทำเรื่องเลวๆอย่างนั้นได้ยังไง”
พ่วงเล่าต่อ...
“นังพิมมันไม่ได้ลงมือทำคนเดียวนะครับ มันรวมหัวกับไอ้ก้าน ผัวมันอีกคน”
ตุลย์ ปานฟ้า และ ภาคิน เดินเข้ามาถึงบ้านพอดี
“ตอนนี้ นายก้านตายแล้วะครับ มันกับพวก พยายามลักพาตัวคุณปานฟ้า เลยถูกยิงตาย” ตุลย์เล่า
พิมหน้าเสีย รีบปฎิเสธพัลวัน
“ไม่จริง ฉันไม่รู้จัก ไอ้ก้านไหน...เป็นใคร ไม่รู้จัก”
พ่วงมองพิมอย่างสะใจ เดินย่ามเข้าไปหาพิม
“เลิกสะตอได้แล้วอินังพิม” พ่วงหันไปมองธัญวิทย์ “เด็กนี่อีกคน อยากรู้ไหม ว่าจริงๆเป็นลูกใคร”
ปานดาวจับตัวธัญวิทย์ไว้ รีบแก้ตัว
“อะไรของแก นี่ลูกฉัน อย่ามาพูดอะไรบ้าๆ อีกนะ”
พิมมองพ่วงตาเหี้ยม ค่อยๆ ถอยมาจนติดโต๊ะ เอื้อมมือไปคว้ามีดปลายแหลมที่วางไว้บนถาดผลไม้ พ่วงไม่ได้สังเกต เดินเข้าไปใกล้พิมอีก หวังให้พิมกลัว จนตรอกแล้วยอมพูดความจริง
“จริงเหรอ...แต่ที่รู้มา ไอ้เด็กนั่น มันเป็นลูกของ...”
ยังไม่ทันที่พ่วงจะได้พูดต่อ พิมเอามีดปอกผลไม้ จ้วงท้องพ่วง 2-3 ที ทุกคนตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น พิมผละออกจากตัวพ่วง มองร่างพ่วงล้มลงกับพื้น ทำเป็นตกใจ ปล่อยมีดในมือทิ้ง
“ฉันไม่ได้ตั้งใจ มันจะฆ่าฉัน ฉันไม่ได้ตั้งใจจะแทงมันนะ”
ตุลย์รีบวิ่งมาจับชีพจรพ่วง เงยหน้าบอกทุกคน
“ตายแล้ว”
ทุกคนฟังอย่างตกใจ หันมามองพิมเป็นตาเดียว
บุญทิ้งนั่งร้องไห้ เสียใจที่พ่วงจากไป สายอุษาเป็นลม ป้าแก้วต้องคอยบีบนวด ปานฟ้าคอยพยาบาลให้ดมยาดม จิบยาหอม
“อยู่ดีไม่ว่าดี มีคนมาตายในบ้าน เราต้องทำบุญใหญ่กันแล้ว ทำไมถึงมีแต่เรื่องวุ่นวายนักนะ” สายอุษาคร่ำครวญ เมื่อฟื้นขึ้นมา
“ทำใจดีดีไว้ค่ะคุณแม่ เรื่องร้ายๆมันกำลังจะผ่านไปแล้วค่ะ” ปานฟ้าพยายามปลอบ
เติมบุญมองบุญทิ้งอย่างสงสารจับใจ พยุงให้บุญทิ้งลุกขึ้นมานั่งโซฟาข้างตัว กอดปลอบใจบุญทิ้ง
“อย่าร้องไห้ไปเลยบุญทิ้ง นายพ่วงไปดีแล้ว อย่างน้อย ก่อนตาย นายพ่วงก็ได้ทำสิ่งที่ถูกต้อง และดีที่สุด สำหรับเราทุกคน ต่อไป ตาจะดูแล หลานเอง”
บุญทิ้งมองสบตาเติมบุญ
“คุณตาเชื่อที่ลุงพ่วงพูดเหรอครับ”
“เชื่อตัวตาเองต่างหาก สายตาคนแก่ มองอะไรไม่ผิดหรอก ต้องคนมีสายเลือดเดียวกันเท่านั้น ถึงจะยอมตายแทนกันได้ ไม่งั้นเจ้าคงไม่เสี่ยงชีวิตช่วยตาหรอก จริงมั้ย ตาดีใจที่สุดนะ ที่บุญทิ้ง คือทินภัทร หลานชายที่แท้จริงของตา”
บุญทิ้งกอดเติมบุญ ด้วยความตื้นตัน สายอุษาน้ำตาคลอด้วยความสุข อนิรุทธิ์มองบุญทิ้ง อย่างทั้งดีใจ นึกไม่ถึง เอื้อมมือมา บุญทิ้งสบตาแล้วส่งมือให้จับ อนิรุทธิ์ดึงบุญทิ้งมากอด แล้วร้องไห้ดีใจ
“คุณอนิรุทธิ์”
“เรียกพ่อสิลูก”
บุญทิ้งมองหน้านิ่ง เรียกอย่างไม่ค่อยกล้า
“พ่อ...” บุญทิ้งนิ่งไปแล้วเรียกเสียงดัง “พ่อครับ”
“ลูกพ่อ”
ทั้งคู่กอดกัน ร้องไห้อย่างดีใจ
พิมให้ปากคำกับตุลย์ โดยมีปานดาว ยืนดูอยู่ด้วย ภูวดล เพิ่งกลับเข้าบ้านมายืนฟังอย่างร้อนใจ
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะฆ่ามันนะหมวด มันจะมาทำร้ายฉันก่อน ฉันป้องกันตัวต่างหาก” พิมพยายามแก้ตัว
ตุลย์มองอย่างไม่เชื่อ
“แน่ใจ ว่าไม่ใช่การฆ่าเพื่อปิดปาก”
พิมอึ้ง ภูวดล ส่งสายตาให้ปานดาวช่วย
“ก็เห็นกันอยู่ว่ามันเดินเข้าไปหานังพิม นี่ถ้าคนของฉันไม่เฉลียวใจ เอามีดแทงมันซะก่อน ป่านนี้คนที่ไปเฝ้ายมบาล ก็เป็นนังพิมไปแล้ว”
“คุณปานดาวพูดเหมือนพยายามปกป้อง ทั้งที่พวกเราทุกคนก็เห็นว่านายพ่วงมามือเปล่า ไม่ได้มีท่าทีจะทำร้ายใครเลย “ตุลย์สบตาปานดาวตรงๆ “แค่มาพูดเรื่องจริง ให้พวกเรารู้เท่านั้น”
ภูวดเห็นจะไม่รอดจึงรีบแก้แทน
“พูดอย่างนี้ก็เกินไปนะหมวด พิมทำงานกับเรามานาน เลี้ยงลูกผมมาตั้งแต่เกิด ถ้าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากหมวดล่ะก็ ผมคงต้องให้ทนายมาช่วยจัดการ”
พิมยิ้มเยาะอย่างสะใจ ตุลย์เอะใจ คิดว่าภูวดลและปานดาว ท่าทีแปลกๆที่เข้าข้างพิมเกินเหตุ
ภาคินยืนคุยอยู่กับปานฟ้าอีกด้านหนึ่งของบ้าน...
“ป้องกันตัว ผมว่าเป็นข้ออ้างที่อ่อนมาก พ่วงไม่ได้จะทำร้ายพิมเลยนะ พิมก็ไม่น่าจะตกใจขนาดแทงพ่วงจนตาย” ภาคินออกความเห็น
“นั่นสิคะ...ตอนนั้น...พ่วงเค้าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง”
ปานฟ้านึกถึงคำพูดพ่วงก่อนโดนแทง ภาคินพบักหน้ารับ...
“เหมือนพ่วงกำลังบอกว่า ธัญวิทย์เป็นลูกคนอื่น ไม่ใช่ลูกของคุณปานดาว”
ปานฟ้าคิดหนัก
“เป็นไปไม่ได้หรอกคะ อย่างพี่ดาวเนี่ยนะ จะเอาลูกคนอื่นมาเลี้ยง ขนาดลูกตัวเองยังไม่ค่อยดูแลเลย ตั้งแต่วิทย์เกิด ก็มีแต่พิมนี่แหละที่ดูแลมาตลอด...คงไม่ใช่หรอกค่ะ”
พูดจบปานฟ้าก็คิดขึ้นมาได้ถึงท่าทีแปลกๆของพิมที่แสดงออกต่อธัญวิทย์ แต่ก็สลัดความคิดทิ้ง ไม่อยากเชื่อตัวเอง ภาคินเองก็ยังข้องใจ
หลังจากตุลย์สอบสวนพิมเสร็จแล้ว เติมบุญบอกกับทุกคนในห้องรับแขก...
“ฉันคงให้พิมอยู่บ้านหลังนี้ต่อไปไม่ได้”
ปานดาวตกใจ
“คุณพ่อคะ แต่ตำรวจก็ยอมให้พิมประกันตัวแล้วนะคะ คุณพ่อก็น่าจะ...”
“น่าจะยอมให้ฆาตรกร ที่ฆ่าคนต่อหน้าต่อตาเนี่ยนะ อยู่ร่วมชายคาเดียวกัน นี่ยังไม่รวมกรณีเป็นผู้ต้องสงสัยที่จับฉันไปเรียกค่าไถ่ และพยายามฆ่าทินภัทร อีกนะ”
พิมพยายามเก็บสายตาโกรธแค้น ปานดาวยังพยายามช่วย
“แต่พิมเค้าก็บอกแล้วว่าไม่ได้ทำ ไม่รู้ไม่เห็นทั้งนั้น คุณพ่อไม่เชื่อใจคนในบ้าน แต่ไปเชื่อพวกโจร อย่างนั้นเหรอคะ”
“ฉันเชื่อว่า ใครทำอะไรไว้ จะได้อย่างนั้น เวรกรรมมันมีจริง ให้พิมเค้าออกไปพิสูจน์ตัวเองก่อน ว่าเค้าบริสุทธิ์ จากนั้นค่อยมาพูดกัน”
ธัญวิทย์ร้องไห้ทันที...
“ฮือๆๆ พิม จะให้พิมอยู่ที่นี่ ให้พิมอยู่ที่นี่”
พิมมองธัญวิทย์ ร้องไห้ ด้วยหัวใจปวดร้าว สายอุษา สงสารหลานเรียกธัญวิทย์เข้าไปกอด
“ตาวิทย์ ไม่งอแงนะหลานยาย”
ธัญวิทย์กอดยายร้องไห้ เติมบุญลูบหัวหลานปลอบใจ
“พิม เขาเป็นแค่คนใช้ วันนึงเค้าก็ต้องไป แต่เราต้องอยู่กับพ่อกับแม่ตลอดชีวิตนะ”
พิมทนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ หันหน้าหลบไปร้องไห้อีกมุมไม่ให้ใครเห็น ภูวดลเห็นจึงเดินไปกระซิบด้วยเบาๆ
“ช่วงนี้แกก็หลบไปไหนสักที่ก่อน รอให้เรื่องเงียบ แล้วฉันจะทำให้แกกลับมาเอง”
พิมพูดกระซิบตอบภูวดลทั้งน้ำตา
“ก็ลองฉันไม่ได้กลับมาที่นี่อีกสิ ธัญวิทย์ก็ต้องไม่อยู่ที่นี่ด้วยเหมือนกัน”
พิมอาฆาตแค้น ทั้งน้ำตา
เติมบุญจับธัญวิทย์กับบุญทิ้งมายืนตรงหน้า มองทั้งสองคนอย่างเมตตา
“ธัญวิทย์ ทินภัทร หลานทั้ง 2 คน เป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกันนะเป็นครอบครัวเดียวกัน มีอะไรต้องรู้จักให้และ แบ่งปันกัน เป็นพี่น้องกันต้องรักกัน...ไหน จับมือกันซิ”
บุญทิ้งยื่นมือไปหา ธัญวิทย์เอามือปัดออก ปานดาว มองอย่างสะใจ ภูวดลทำเป็นดุ
“ธัญวิทย์ จับมือกับพี่เค้าดีๆ”
ธัญวิทย์ หน้างอที่ถูกพ่อดุ เอามือไปจับบุญทิ้งอย่างแรง กระชากตัวบุญทิ้งมาทำเหมือนกอดแรงๆ แล้วกระซิบที่ข้างหู
“ไอ้ขอทาน ฉันเกลียดแก”
บุญทิ้งผละตัวออกมา ก้มหน้าด้วยความเสียใจ
กลางดึก...ปานดาวฝันถึงเหตุการณ์ที่พิมจ้วงมีดแทงพ่วง แล้วเห็นพ่วงที่ตัวเต็มไปด้วยเลือดถลึงตาให้ พ่วงยื่นมือทั้งสองข้างมาตรงหน้าเธอ
“เอาไอ้เด็กคนนี้มา...มันไม่ใช่ลูกแก...ไอ้วิทย์ต้องไปกับข้า ตัดแขนตัดขามัน เอาไปนั่งขอทาน บาปกรรมมันตามทันแกแล้ว นังปานดาว แก...ต้องช้ำใจจนตาย”
พ่วงหัวเราะสุดเสียงอย่างสะใจ ปานดาวที่นอนบนเตียงกรีดร้อง หลับตากระสับกระส่ายด้วยความหวาดกลัว
“อย่า...อย่าเอาลูกฉันไป...ไม่นะ....วิทย์...”
ปาดดาวสะดุ้งตื่น รีบหันไปหาวิทย์ที่นอนหลับนิ่งไม่รู้สึกตัว เธอรีบคว้าตัวธัญวิทย์มากอดไว้แน่น มองซ้ายขวา ล่อกแล่กอย่างระแวง
“วิทย์...วิทย์ตื่นเร็วลูก ตื่น ตื่น...”
ธัญวิทย์งัวเงียตื่น ลืมตา อึดอัดที่ดาวกอดรัดอย่างแน่น
“อาไร...แม่ หายใจไม่ออก ปล่อยก่อน...”
ปานดาวรู้สึกตัวได้สติ ว่าตัวเองฝันไป ค่อยๆคลายธัญวิทย์ออก
“เออ...แม่ขอโทษจ๊ะ แม่ฝันร้าย โธ่เอ๊ย นึกว่ามันเรื่องจริง นอนต่อเถอะ เดี๋ยวแม่ไปเข้า ห้องน้ำก่อน”
ธัญวิทย์งัวเงีย หันกลับไปนอนต่อ ปานดาวลุกจากเตียง นึกได้ก็หันมาหาแล้วเขย่าตัว
“วิทย์ลุกมาก่อน อย่าพึ่งหลับ ไปเป็นเพื่อนแม่นะ”
ปานดาวผวาหันซ้ายขวาด้วยความกลัว ธัญวิทย์พูดอย่างงัวเงียไม่สบอารมณ์
“วิทย์ง่วง ไม่เอา...เดินสองก้าวก็ถึงห้องน้ำแล้ว ให้วิทย์ไปทำไม”
ปานดาวลังเลใจ ทั้งห่วงลูกทั้งกลัวผีพ่วง
“แม่ไม่กล้าไปคนเดียว...ไปเป็นเพื่อนแม่หน่อยสิ ตื่นเร็วๆ เอ๊ะ พึ่งพาอะไรไม่ได้เลยไอ้ลูกคนนี้”
ภูวดลกลับมาจากข้างนอก เปิดประตูห้องเข้ามา
“ยังไม่นอนกันอีก แม่ลูกคู่นี้”
ปานดาวอุ่นใจขึ้น เมื่อเห็นภูวดลแต่ยังไม่ถอดสีหน้าหวาดกลัว
“กลับมาซะดึกเลย...ฉันฝันร้าย ไอ้พ่วงมันไม่ยอมไปผุดไปเกิดจะมาเอาตัววิทย์ไป กลัวแทบแย่...ผีบ้าผีบออะไรไม่รู้”
ภูวดลมองอย่างขำๆ
“ป่านนี้ไอ้พ่วงลงนรกขุมไหนไปแล้วไม่รู้ คุณก็กลัวเรื่องไม่เป็นเรื่อง ไอ้ที่ควรกลัวมากกว่าผีกลับไม่กลัว”
“คุณพูดถึงอะไร”
“ก็ไอ้พวกผีฮุบสมบัติไง น้องสาวคุณกับคู่รักมัน น่ากลัวกว่าผีไอ้พ่วงเยอะ”
ปานดาวมองค้อนแล้วถอนใจ นิ่งคิดที่ภูวดลพูด
เช้าวันใหม่...อนิรุทธ์จูงมือบุญทิ้งมาที่โรงพยาสบาล เดินมาหยุดมองปานเดือนที่นั่งเหม่อ หน้าเศร้าคิดถึงลูก อนิรุทธิ์ก้มลงบอกบุญทิ้ง
“ไปหาแม่สิลูก”
บุญทิ้งสบตาแล้วยิ้ม เดินมาตรงหน้าปานเดือน มองนิ่ง แล้วเอื้อมมือไปจับมือ ปานเดือนหันมามอง บุญทิ้งสบตา เรียกเสียงดังอย่างดีใจที่ได้เรียกแม่อย่างเปิดเผยสักที
“แม่ครับ”
ปานเดือนนิ่งไป แล้วยิ้มดีใจ
“ทินภัทร”
ปานเดือนนั่งกอดบุญทิ้ง อย่างมีความสุข
“ในที่สุดลูกก็ได้กลับมา อยู่ในอ้อมกอดของแม่”
“เดือน ต่อไปนี้เราสามคนพ่อแม่ลูก ได้อยู่ด้วยกันเหมือนอย่างเดิมแล้วนะจ้ะ”
ปานเดือนยิ้มรับ
“แม่จะไม่ให้ใครมาเอาลูกไปไหนอีกแล้ว”
“พ่อก็ไม่ยอมเหมือนกัน”
อนิรุทธิ์กอดบุญทิ้งและปานเดือนอย่างปกป้อง บุญทิ้งยิ้มดีใจ กอดพ่อแม่อย่างมีความสุข
“ผมก็จะไม่ไปไหนทั้งนั้น”
เติมบุญมองไปที่สนามหญ้าที่บ้านเห็น ปานเดือน อนิรุทธิ์ และบุญทิ้ง อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข หันมาคุยกับสายอุษาและปานฟ้า
“พอทินภัทรกลับมา ยัยเดือนก็อาการดีขึ้นทุกวันๆ”
สายอุษาพยักหน้ารับ
“ฉันว่าแล้ว เด็กบุญทิ้งมีอะไรหลายๆอย่างที่เหมือนแม่เดือน กับพ่ออนิรุทธิ์ แล้วมันก็ใช่จริงๆ โถ หลานยาย ไประหกระเหินซะตั้งนาน”
“ดาวต่อให้ตกลงมาบนพื้นดิน ก็ยังส่องแสงให้คนเห็น เพราะดาวก็คือดาววันยังค่ำ” ปานฟ้าพูดอย่างสบายใจ
“บ้านเราได้กลับมาปกติสุขเสียทีนะคะ”
“แล้วเราล่ะยัยฟ้า พาคุณภาคินเค้ามาบ้านบ่อยๆสิ” เติมบุญพูดแล้วหันไปทางสายอุษา “ลูกเขยบ้านนี้ ไม่ต้องรวยหรอก ขอให้เป็นคนดีก็พอ แต่ตอนนี้ คนดีเค้าก็รวยแล้วซะด้วยสิ คุณแม่ยายเค้าคงไม่รังเกียจแล้วมั้ง”
สายอุษาค้อนเติมบุญ
“แหม ฉันไม่ได้งกนะคุณ ผิดเหรอ ที่กลัวลูกสาวจะลำบาก เอาเข้าจริง ลูกรักใคร ฉันก็รักด้วยค่ะ”
ปานฟ้ายิ้มดีใจเข้าไปกอดแม่
“คุณแม่ ไม่รังเกียจคุณภาคินแล้วใช่ไหมคะ”
“คนดีที่ช่วยชีวิตคุณพ่อ ช่วยครอบครัวเราไม่รู้จักกี่ครั้ง แม่จะรังเกียจเค้าลงเหรอจ๊ะ ยัยฟ้า”
“ฟ้าดีใจที่สุดเลยค่ะ”
ปานฟ้าดีใจ กอดแม่ด้วยความรัก
ก้องภพโกรธจัด คลั่ง ทำลายข้าวของในบ้าน กระจุยกระจาย วิมลวรรณกับอานนท์ เข้ามาเห็นตกใจ กับภาพที่เห็นรีบเข้าไปห้ามก้องภพ
“ก้อง...อย่าทำแบบนี้ลูก พอเถอะ ทำของพังหมดบ้านมันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ใจเย็นๆก่อน เรื่องมันอาจจะไม่เป็นอย่างที่เราคิดก็ได้ คนอย่างคุณสายอุษาเหรอ จะยกลูกสาวให้ไอ้ลูกเมียน้อย”
ก้องภพโวยวายไม่เลิก
“แม่เลิกหลอกผมสักที เลิกหลอกตัวเองด้วย ใครๆก็รู้กันทั้งนั้น ว่าฟ้ากำลังจะแต่งงานกับไอ้ภาคิน”
อานนท์ส่ายหน้า
“รู้อย่างนี้แล้วแกจะยังโวยวายทำไม ผู้หญิงเค้าไม่ได้รักเรา จะยังไปรั้งไปอะไรนักหนา เลิกบ้าสักที”
“ไม่ได้ ฟ้าต้องรักผม ผมคอย ดูแล เอาใจฟ้า ทุกสิ่งทุกอย่างผมผิดตรงไหน ทำไมฟ้าไม่รักผม”
วิมลวรรณพูดเข้าข้างลูก
“แกไม่ผิดหรอกตาก้อง แต่มันผิดที่โลกนี้มีไอ้ภาคิน มันเกิดมาเพื่อทำลายทุกสิ่งทุกอย่างของลูก เหมือนแม่ของมันที่เกิดมาเพื่อทำลายแม่”
อานนท์ปราม
“ไปกันใหญ่แล้วคุณ แทนที่จะสอนลูกให้รู้จักมองตัวเอง แล้วยอมรับความจริง นี่กลับโทษคนอื่น”
“ก็ฉันเป็นของฉันอย่างนี้ ไม่เหมือน แม่แสนประเสริฐอย่างนังลิเก ชั้นต่ำ ที่ทิ้งลูกในไส้ ไว้ให้คนอื่นเลี้ยงหรอก”
อานนท์ไม่พอใจ
“พอได้แล้ว ผมเบื่อที่จะทะเลาะกับคุณเต็มที จะทำอะไรก็ทำกันไปเถอะ”
อานนท์เดินออกจากห้องไปอย่างหัวเสีย ก้องภพยังนั่งคร่ำครวญ ถึงปานฟ้า
“ทำไม ทั้งพ่อ ทั้งฟ้า ถึงไม่รักผม พ่อไม่ยอมเข้าข้างผม ฟ้าก็ไม่เคยจะเหลียวแลผมเลย”
“ถ้าไม่มีมัน พวกเราคงไม่ต้องเป็นแบบนี้ เพราะไอ้ภาคินคนเดียว” วิภาวรรณบอกอย่างแค้นใจไม่น้อยกว่ากัน...
ก้องภพอาฆาตแค้น
“คอยดูนะ ผมจะไม่ยอมแพ้ ฟ้าจะต้องเป็นของผมให้ได้ ผมจะทำทุกอย่าง กำจัดมันให้พ้นทาง”
วิมลวรรณคิดแผนร้าย
“ดี แต่จะทำอะไร อย่าเอาตัวเองไปเสี่ยงหรือออกหน้านะ จะทำลาย คนอย่างมัน ต้องคิดแผนให้รอบคอบ รับรอง มันเสร็จเราแน่”
ก้องภพคิดแผนร้าย ด้วยความอาฆาตแค้น
อ่านต่อตอนที่ 14 (อวสาน) พรุ่งนี้ 31 ม.ค. 55 เวลา 9.30 น.