หอบรักมาห่มป่า ตอนที่ 23 อวสาน
เวลานั้นธานีใส่เสื้อคลุมอาบน้ำก้าวออกมาจากห้องน้ำ แล้วรับมือถือจากหญิงสาวคราวลูกที่ยื่นส่งให้มาพูด
“ฮัลโหล พาณิชย์” ธานีฟังอยู่แล้ว ตาลุกขึ้นมาน้ำเสียงโกรธจัด “อะไรนะ พวกมันหักหลัง! ไม่ต้องห่วง ชั้นจะจัดการปิดบัญชีแค้นเอง”
ธานีมองด้วยสีหน้าร้ายกาจและเอาเรื่อง เดินออกไป เหตุการณ์ที่ป้อมยามหน้าโรงงานไม้เถื่อน สมุนธานีเดินเข้ามาเอามือตบที่รถบรรทุก ตะคอกถามออกมาอีก
“เฮ้ย เป็นใบ้หรือไงวะ!! แกเข้ามาทำไม”
ดนัยจึงค่อยๆ ตอบด้วยเสียงห้วนๆ
“เอาของมาส่ง”
“ของอะไร ใครสั่งอะไรวะ”
ฉวีวรรณชะโงกหน้ามาตอบแทน
“เดี๋ยวนะพี่ เดี๋ยวหนูจัดให้พี่เอง รอเดี๋ยว” ฉวีวรรณกระโดดลงจากรถพร้อมกับกล่องใส่ไส้อั่ว
เดินไปที่สมุนคนนั้นยื่นกล่องพลาสติกใส่ไส้อั่วให้ดู “นี่ไงจ๊ะ พี่ ไส้อั่วที่สั่งไว้น่ะ”
“เฮ้ย!”
“ไม่ต้องเฮ้ย ไฮ้แล้ว เนี้ยขนมาเต็มรถเลยนะ”
สมุนทั้งหมดที่ป้อมยามมองแล้วงงเป็นไก่ตาแตก
“อะไรนะ!”
ฉวีวรรณ พยักหน้าแป้นแล้นใส่ ท่าทีใสซื่อ
ขณะเดียวกันนั้นชลิตก็เปิดผ้าใบที่คลุมท้ายบรรทุกออก กระโดดลงมา เหลียวซ้ายแลขวาเห็นปลอดคน ส่งสัญญานให้ดาหวันโผล่ออกมา แล้วโดดตาม ชลิตคอยรับไว้ แจ๋กับกิมจิค่อยๆ ทยอยตามออกมาต่อเนื่อง
ส่วนฉวีวรรณยังอ้อล้อสมุนทั้งหมด เป็นการถ่วงเวลา จังหวะนั้นฉวีวรรณเปิดกล่องไส้อั่ว
“นี่ๆ ชิมเลยพี่ชิมเลย ของเขาดีจริงๆ นะ หอมสดหวานมัน” ฉวีวรรณโฆษณาจนเลยเถิด
“ไส้อั่วหรือนมข้น”
ดนัยต้องแอบส่ายหน้าเซ็งกับมุกแป๊กของฉวีวรรณ
“เออ น่า ชิมเถอะ แล้วจะติดใจ”
ฉวีวรรณยื่นไส้อั่วให้พวกสมุนกิ แต่สมุนไม่กิน หันสั่งลูกน้องให้เดินไปดูข้างหลังแทน
“เฮ้ย ไปดูข้างหลังเว้ย”
ชลิต ดาหวัน แจ๋ และกิมจิ ที่กำลังจะโผล่หัวเดินออกไป รีบเบี่ยงตัวเข้ามาหลบกันทันที
ฉวีวรรณรีบกระโดดเข้าไปขวาง
“เดี๋ยวสิพี่ ชิมก่อนนะ ไม่งั้นน้องเสียใจแย่เลย นะพี่นะ กินเลยๆ
พวกสมุนชะงักมองฉวีวรรณ ที่อ้อนอยู่
ชลิต ดาหวัน แจ๋ กิมจิ อาศัยจังหวะนั้นรีบวิ่งหนีจากท้ายรถบรรทุก หลบออกไปได้อีกทางหนึ่ง พวกสมุนบอกปัดไม่กินจะเดินต่อไปอีก
“เฮ้ย ไม่เอา ไม่กิน”
“น่าพี่ ชิมก่อน”
“พูดไม่รุ้เรื่องหรือวะ”
สมุนคนหนึ่งโกรธ ปัดกล่องไส้อั่วกระเด็น
ฉวีวรรณกระเด็นถอนหลังไปชนรถ ร้องลั่นอย่างตกใจ
“ว้าย”
ดนัยตัดสินใจปากล่องเครื่องมือช่างลงมาใส่ศีรษะสมุนคนหนึ่ง โดนเข้าเต็มๆ จนร่างทรุดลงไป
“อ๊อย”
“ขอโทษ หลุดมือ”
พวกสมุนหันขวับไปมองที่ดนัยเป็นตาเดียว
“กวนนี่หว่า!”
บรรดาสมุนธานีกรูเข้าไปที่ดนัย
ดนัยเตรียมสู้จับขอบรถบรรทุกโหนตัวมา เอาเท้าเตะหน้าสมุนที่วิ่งเข้ามา กระเด็นกระดอนอีก ดนัยทิ้งตัวลงมาตั้งท่าเตรียมบู๊
“ใครอยากตาย เข้ามา”
ทางด้านชลิต ดาหวัน แจ๋ และกิมจิ พากันย่องลัดเลาะกันเข้าไปในโรงไม้มองหาศิริกับนงนุช พอไม่เจอก็เดินไปหาอีกทาง
สมุนกรูเข้ามาเล่นงานดนัย หลบหลีกแล้วซัดกลับด้วยลีลาสวยงาม
“เฮ้ย จับมันให้ได้” สมุนคนหนึ่งร้องบอก
มีสมุนจากอีกด้านวิ่งกรูเข้ามาอีกช่วยรุมดนัยด้วย สมุนคนหนึ่ง เซถลาไปทางฉวีวรรณ ซึ่งฉวีวรรณทำทีเป็นกลัว แต่กลับยกสเปรย์พริกไทย ฉีดใส่หน้า
“อ๊อย...”
สมุนร้องแสบตา แล้วฉวีรรณจัดการต่อยสมุนหน้าหงายล้มสลบไปเช่นกัน ฉวีวรรณตะโกนบอกดนัย
“ดนัย ซัดให้เรียบไปเลย”
สมุนที่เหลือตามเข้ามาขยี้ดนัยอีก ดนัยกลิ้งหนี แล้วหยิบชแลงขึ้นมาฟาดใส่พวกสมุนผัวะๆ เลือดอาบล้มกลิ้งหมดสติ มีสมุนอีกคน โผล่ขึ้นที่หลังคารถบรรทุก แล้วกระโดดลงมาถีบดนัยล้มลง แล้วเอาเชือกเส้นใหญ่มารัดคอดนัย สมุนอีกคนเข้าไปดึงเชือกอีกด้าน แล้วทั้งสอง วิ่งสลับที่กันกลายเป็นดนัยโดนรัดคอ
“ดนัย” ฉวีวรรณมองลุ้นเป็นห่วง
ชลิต ดาหวัน แจ๋ กิมจิ เดินเข้ามาแล้วดาหวันก็หันมองเห็น ศิริกับนงนุชที่ถูกมัดไว้เรียกขึ้นอย่างดีใจ
“พ่อ”
“แม่นงนุช”
ศิริ กับนงนุชได้ยินเสียงเรียก เงยมองทุกคนดีใจ
“ยายหวัน”
ทั้งสี่คนรีบวิ่งเข้าไปหาศิริ และนงนุช แจ๋กับกิมจิ คอยยืนดูต้นทาง ระแวดระวังภัย
“พ่อ” ดาหวันกอดศิริ ดีใจ
“หวัน”
ชลิตเข้าไปหานงนุช
“แม่นงนุช ไม่เป็นอะไรน่ะครับ”
“ดนัยล่ะ ดนัยอยู่ไหน”
นงนุชถามถึงดนัยอย่างเป็นห่วง
ดนัยที่นงนุชห่วงสุดชีวิตโดนเชือดรัดคอ เริ่มอ่อนแรงทรุดลงไป ฉวีวรรณจะวิ่งเข้าไปช่วย อย่างเป็นห่วง
“ดนัย”
สมุนอีกคนเข้าไปกระชากดึงฉวีวรรณล้มลง แล้วตามเข้าจะไปซ้อมฉวีวรรณ
“อ๊อย”
ฉวีวรรณหยิบจับข้าวของขว้างปาใส่สมุนคนนั้นเป็นพัลวัน
ดนัยมองเห็นฉวีวรรณกำลังโดนรังแกก็ฮึดขึ้นมา จัดการเหวี่ยงเชือกให้สมุนคนแรกไปชนกับรถบรรทุก
จุกแอ้ก อ่อนแรง ดนัยแกะเชือกออกมาได้เข้าไปต่อยท้องสมุนอีกคนจนร่วง
แล้วเข้าไปจัดการ สมุนที่จะรังแกฉวีวรรณ สอยคว่ำไปอีกคน จนจัดการสมุนทั้งหมดได้หมดฉวีวรรณวิ่งเข้าไปกอดดนัยอย่างดีใจ
“ดนัย”
ชลิตกับดาหวันช่วยกันแก้เชือกให้ศิริ กับ นงนุช จนหลุดออกมาได้ กิมจิกับแจ๋กันมาเรียกทุกคน
“ดนัยกับฉวีวรรณรออยู่ข้างนอก” กิมจิร้องบอก
“รีบไปเถอะ”
ทั้งหมดลุกขึ้น กำลังเดินออกไป จู่ๆ ไฟในโรงไม้ก็สว่างพรึ่บขึ้นมา ทุกคนตะลึง ชะงัก มีเสียงธานีดังเข้ามา
“พวกแกนึกว่าจะหนีไปได้ง่ายๆ เหรอ”
ทุกคนอึ้ง ธานีเดินเข้ามาจากอีกทาง พร้อมสมุนเป็นแผง โดยเข้ามาจากทางด้านหลังโรงไม้ ศิริมองด้วยความเจ็บแค้น
“ไอ้ธานี”
ธานียกมือถือขึ้นมาชู
“ลูกชายชั้นรายงานมาแล้วว่าพวกแกทำไว้แสบแค่ไหนงานนี้ ถ้าไม่มีการตายหมู่ ก็อย่าเรียกว่าไอ้ธานี”
ธานีโบกมือขึ้นให้สัญญาณ สมุนคนอื่นก็โผล่ขึ้นมาจากกองไม้ ตามมุมต่างๆ ล้อมพวก ชลิต ศิริ ไว้ทั้งหมด
ทุกคนเหลียวมองตื่นตะลึง
“ไม่รอดแล้วเว้ยงานนี้แต่เพื่อความถูกต้อง ตายเป็นตาย”
ชลิตหันไปพูดกับธานี พยายามต่อรอง
“แกพูดถูกกิมจิ” หันไปพูดกับธานี “พวกเราทุกคนไม่มีใครเสียดายชีวิตหรอกถ้าจะต้องตายเพื่อพิทักษ์ป่าไว้ให้คนไทยทุกคน”
“อย่ามาทำเป็นพระเอกแถวนี้เลย ไอ้ลูกหมา”
“เลิกทำตัวเลวๆเสียทีสิ ไอ้เสี่ยชั่ว”
“ข้าเลือกได้แล้วว่า ใครควรจะกินลูกตะกั่วเป็นคนแรก” ธานียกปืนขึ้นมาเล็งไปที่ชลิต
ดาหวันตกวิ่งเข้ามาขวางหน้า
“อย่านะ”
ศิริมองดูดาหวันที่เป็นห่วงชลิตแล้วเอะใจ
“ยายหวัน”
ดาหวันพูดกับธานี “ถึงแกจะฆ่าพวกเราตายหมด แกก็ไม่มีทางหนีความผิดพ้นหรอก”
“ฮ่าๆๆ หลานสาวอย่ามาขู่คุณอาได้ไหม”
“ชั้นไม่ได้ขู่ พี่ทองอินกำลังพากำลังตำรวจมาที่นี่”
ธานีอึ้ง สีหน้าเจื่อนไปหน่อย
“เตรียมตัวไว้ให้ดีเถอะ แกต้องโดนจับเข้าคุกแน่นอน” ดาหวันขู่ซ้ำ
“หุบปาก” ธานีขยับปืนเล็งดาหวัน
ชลิตเป็นห่วงรีบดึงดาหวันออก แล้วขยับตัวเองขึ้นมากันแทน
“หวัน ถอยไป”
“คนดี!! ตายซะเถอะ”
ธานีเยาะแล้วขึ้นไกปืนจะยิงชลิต
ดาหวันตกใจสุดขีด “พี่ชลิต”
ทันใดนั้น รถสิบล้อที่มีดนัยขับ และฉวีวรรณนั่งข้างๆ ก็พุ่งเข้ามาในโรงไม้ ชนกองไม้ข้างหน้ากระเด็น ทุกคนหันมองตกใจ ดนัยมองธานีนิ่ง เร่งเครื่องพุ่งเข้าไปหา
ธานีกับสมุนแตกฮือออกไปทางหนึ่ง ชนข้าวของล้มกระจาย ธานีล้มไปกับพื้น ร้องเจ็บ ดนัยจอดรถ แล้วโดดลงมาพร้อมกันกับฉวีวรรณ
“ดนัย” นงนุชดีใจ
“หวี!!!” ศิริดีใจ
ดนัยกับฉวีวรรณรีบวิ่งเข้าไป หา ศิริ นงนุช ชลิต ดาหวัน กิมจิ และ แจ๋
“รีบหนีก่อนเถอะครับ”
“ไม่ต้องมาสอนฉัน” ศิริยังโกรธดนัยอยู่
ฉวีวรรณรีบดึงมือศิริ
ฉวีวรรณไปเร็วพ่อ ...
ทั้งหมดขยับวิ่งออกไปทางหน้าประตูโรงไม้ สมุนรีบเข้าประคองธานีให้ลุกขึ้น
“นายมันหนีไปแล้ว”
“ไอ้โง่ รีบตามไปสิวะ”
ดนัยกับชลิตนำทุกคนวิ่งออกมาที่หน้าโรงไม้แล้วต้องชะงักตะลึง เมื่อเห็นธนวัติกับพาณิชย์ยืนจังก้าอยู่หน้ารถ ยกปืนเล็งมีที่ดนัยกับชลิตอยู่แล้ว
“ไอ้ดนัย แกกับชั้นอยู่ร่วมแผ่นดินเดียวกันไม่ได้แล้ว” ธนวัติบอก
“ลงนรกไปเถอะ ไอ้ชลิต” พาณิชย์พูด
ทุกคนชะงักอึ้ง ผงะ ตกใจ กิมจิร้องบอกทุกคน
“ทุกคน กลับหลังหัน” กิมจิว่า
เวลานั้นธานีกับสมุนวิ่งตามออกมา ดักข้างหลังไว้
“ฮืออ มันสายไปแล้วล่ะ” แจ๋บอก
“เดินหน้าก็ตาย หันกลับก็ตาย ฮ่าๆๆๆๆ”
ทุกคนอึ้ง ตื่นตระหนก
“ทำไงดี พวกมันล้อมเราไว้หมดแล้ว” ดาหวั่นตกใจ
“พวกแกจะทำอะไรชั้นก็ได้ แต่ปล่อยพ่อชั้นกับแม่ของดนัยไปเถอะ”
“มีลูกกตัญญูอย่างนี้ น่าภูมิใจจังเลยนะ พี่ศิริ เดี๋ยวจะให้รางวัลไปทัวร์นรกกันทั้งครอบครัวเลยดีมั้ย”
อุ๊บอิ๊บซึ่งถูกลูกสมุนคุมตัวอยู่กับบุญทิ้ง ร้องตะโกนขึ้นมา
“ป๊า อย่าฆ่าใครอีกเลย ปล่อยพวกเขาไปเถอะ”
“นังอุ๊บอิ๊บ นังลูกทรยศ” ธานีกริ้ว
“ไม่จริงนะ ป๊า อุ๊บอิ๊บ ไม่อยากเห็นตำรวจจับป๊า พี่วัติ พี่พาณิชย์เข้าคุก ป๊ากับพี่วัติ ได้เงินเขามาแล้ว ก็ปล่อยตัวเขาไปเถอะ”
ดนัยหลิ่วตามองไปที่กระเป๋าเงินที่พาณิชย์ถืออยู่ในมืออีกมือ เป็นกระเป๋าเงินใบเดิมที่วินยาถือไปแลก
จังหวะนั้นดนัยจัดการเตะก้อนหินที่อยู่ข้างหน้า พุ่งไปโดนหน้าแข้งพาณิชย์ อย่างรวดเร็ว
“โอ้ย” พาณิชย์ทรุดกายลงไป
กระเป๋าเงินลอยขึ้นไปในอากาศ ดนัยหมุนตัวกระโดดตัวลอยขึ้นไปรับกระเป๋า แล้วดึงทีเดียว กระเป๋าเปิดออก
เงินในกระเป๋าปลิวกระจาย ออกไป อย่างมากมายในอากาศ พวกสมุนตาลุก วิ่งชนธานีล้มลง ส่วนสมุนที่อยู่หลังธนวัติ พาณิชย์ก็แหวกทั้งสองกระเด็น
สมุนทั้งหมดรีบวิ่งมาเก็บเงินกัน วุ่นวายไปหมด
“เงินๆๆๆ”
สมุนที่จับอุ๊บอิ๊บกับบุญทิ้งอยู่ก็ปล่อย รีบวิ่งมาเก็บเงินกัน
“เงินๆๆๆ”
“หนีไป” เห็นจังหวะเหมาะดนัยตะโกนบอกทุกคน
ทุกคนรีบวิ่งหนีกันออกไป โดยฉวีวรรณ ดนัย ดึง ศิริ กับนงนุช วิ่งออกไปทางหนึ่งได้แล้ว
ธนวัติกับพาณิชย์ตั้งตัวขึ้นมาได้ ยกปืนเล็งยิงไปหลายนัด “เปรี้ยงๆๆๆ”
ชลิตกับดาหวันที่กำลังจะตามไป เลยต้องเลี่ยงหลบแยกไปอีกทาง พร้อมกับ แจ๋และกิมจิ
“หวันมาทางนี้”
พาณิชย์จะยิงชลิต “ไอ้ชลิต”
แต่ปรากฏลูกน้องคนหนึ่งดันวิ่งมาเก็บเงินจนกระแทก พาณิชย์คะมำ เซไป
“เฮ้ย โอ้ย”
บุญทิ้งรีบดึงอุ๊บอิ๊บวิ่งหนีไปอีกทาง
“คุณอุ๊บอิ๊บ หนีเร็ว”
สมุนคนหนึ่งชูแบงก์ขึ้นมา รู้ว่าเงินที่ปลิวว่อนในอากาศ และพื้น เป็นเงินปลอม
“เฮ้ย เงินปลอม”
ธานีตั้งตัวขึ้นมาได้ยิงปืนขึ้นฟ้าเปรี้ยงๆๆ
“ไอ้พวกเห็นแก่เงิน โดนพวกมันหลอกแล้วยังโง่อยู่อีก”
ลูกน้องทั้งหมดชะงักเหวอ ธนวัติตะโกนขึ้นอย่างแค้น
“แยกกันตามล่า”
“ฆ่ามันให้ได้” พาณิชย์สั่งเหี้ยม
ธานีแค้นหนักสำทับขึ้นมาอีก
“ไปฆ่ามันให้ได้สิโว้ย ไป”
พวกลูกน้องส่วนหนึ่งกรูวิ่งไปทางหนึ่ง พาณิชย์แยกไปทางหนึ่ง ธนวัติกับธานี แยกไปอีกทาง
ทั้งหมดวิ่งหนีเข้ามาหยุดที่พุ่มไม้มุมหนึ่ง แล้วศิริขืนตัวหยุด
“เดี๋ยวก่อน”
ทุกคนหยุดตาม
“พ่อจะไปตามยายหวัน” ศิริพูดกับฉวีวรรณ
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ชลิตคงไม่ปล่อยให้ดาหวันเป็นอะไรไปแน่” ดนัยว่า
ศิริหันมามองดนัยสีหน้าปั้นปึ่ง “นี่แกพูดมาได้ยังไง แกรักลูกสาวชั้นแบบไหน ถึงได้ทิ้งๆ ขว้างๆ ยายหวันแบบนี้”
ดนัยอึ้งพูดไม่ออก สบตากับฉวีวรรณที่ไม่รู้จะพูดความจริงได้ยังไงเหมือนกัน ศิริว่าดนัยต่อ
“ใจดำ เห็นแก่ตัว แทนที่จะไปตามกลับโบ้ยให้เพื่อน”
ดนัยขยับเข้ามาพยายามจะอธิบาย
“คุณลุงครับ มันไม่ใช่อย่างนั้น...”
ศิริผลักอกดนัย ผงะหงายออกไป
“ชั้นเห็นธาตุแท้ของแกแล้ว ชั้นจะไปตามยายหวันเอง”
ศิริหันวิ่งออกไปเลยอย่างมีอารมณ์ฉุนเฉียว
“พ่อ”
“คุณศิริ” นงนุชเรียกไว้
ฉวีวรรณทำท่าจะวิ่งออกไปตามศิริ ดนัยดึงแขนไว้
“ฉันจะไปตามคุณลุง หวีหลบอยู่ที่นี่กับแม่ชั้นเถอะ” ดนัยบอกเชิงสั่ง
“แต่ว่า”
“ไม่มีแต่ ...ชั้นไม่ยอมให้หวีไปเสี่ยงอันตรายอีกแล้วนะ
ฉวีวรรณมองดนัยซึ้งใจ นงนุชแอบมองก็นึกรู้ทันทีว่าสองคนนี้กิ๊กกันแน่ๆ
นงนุชกระแอมขัดคอ ดนัยกับฉวีวรรณค่อยปล่อยมือออกหันมอง
“ดนัยรีบไปเถอะ เกิดคุณศิริไปเจอพวกนั้นจะยุ่ง” นงนุชบอก
“ครับแม่...” ดนัยมองฉวีวรรณ “ฝากแม่ชั้นด้วยนะ”
“ไม่ต้องห่วง ชั้นจะดูแลคุณอาให้เหมือนแม่ของชั้นเลย”
ดนัยยิ้มรับแล้วรีบวิ่งออกไป ฉวีวรรณหันไปจับมือกับนงนุช มองตามออกไปด้วยความเป็นห่วง
ชลิตและดาหวันวิ่งหนี แจ๋ กับกิมจิวิ่งตามหลัง พาณิชย์และพวกลูกน้องไล่ยิง ชลิตยิงสู้กลับไปบ้าง แล้วดึงดาหวันหลบหลังต้นไม้ แจ๋กับกิมจิ หลบอีกด้าน ช่วยยิงต่อสู้
พาณิชย์ตามมา มองหาชลิตและดาหวันไม่เจอ จึงตะโกนขึ้นมา
“ออกมานะไอ้ชลิต พวกแกหนีไม่รอดหรอก”
ดาหวันกับแจ๋มองหาอาวุธ แล้วคว้าท่อนไม้ขึ้นมาพร้อมสู้
ชลิตและดาหวัน กิมจิ แจ๋ พยักหน้าให้กัน ชลิตฉวยโอกาสตอนพาณิชย์เผลอ กระโดดออกไปถีบพาณิชย์ล้มลง
ดาหวัน แจ๋ กิมจิ ช่วยกันออกไปใช้ไม้ในมือทุบตีพวกลูกน้องพาณิชย์ร้องโอดโอยปัดป้องพัลวัน พาณิชย์เห็นเข้าจะยิง ชลิตเตะปืนหลุดมือ แล้วเตะพาณิชย์หน้าหันไป
พาณิชย์ล้มไปคว้าท่อนไม้มาฟาดชลิตสู้ ชลิตหลบได้ 2-3 ครั้ง พาณิชย์เงื้อจะฟาด ชลิตใช้มือรับไว้ ทั้งสองยื้อยุดกันอยู่ จังหวะนั้นชลิตถีบพาณิชย์ล้มลงไป พาณิชย์เตะกวาดขา ชลิตกระโดดหลบเท่สุดๆ พาณิชย์หันไปคว้าปืนจะยิง แต่โดนชลิตเหยียบมือไว้กระทืบไม่ยั้ง ดาหวันพลาดท่าโดนพวกลูกน้องรุมจะจับตัว
“อ๊าย”
ชลิตหันไปยิงพวกลูกน้อง 2 คน ล้มลง ที่เหลือต่างยอมแพ้ แจ๋ กับกิมจิ เข้าไปหาดาหวัน
“หวัน”
จังหวะนั้นพาณิชย์ถือโอกาสรีบวิ่งหนีไป ชลิตวิ่งตาม
“ไอ้พาณิชย์ หยุดเดี๋ยนนี้”
พาณิชย์วิ่งเข้ามาในป่าแล้วล้มลงตรงมุมหนึ่ง ชลิตตามมาแล้วเอาปืนจ่อ ตะโกนสั่ง
“หยุดอยู่ตรงนั้น ถ้าแกขยับ ฉันยิงไส้แตก”
พาณิชย์แกล้ง ยกมือยอมแพ้ ดาหวัน แจ๋ กิมจิ ตามเข้ามาสมทบกับชลิต
“พี่ชลิต”
“หวันเป็นไรรึเปล่า”
“หวันไม่เป็นไร”
“อย่าทำฉันเลยชลิต ฉันยอมแล้ว ปล่อยฉันไปเถอะ” พาณิชย์แกล้งขอชีวิต
“คิดว่าฉันจะเชื่อแกงั้นเหรอ” ชลิตบอก
“ให้โอกาสฉันเถอะ ฉันขอร้องล่ะ ฉันจะมอบตัวฉันยังไม่อยากตาย อย่าฆ่าฉันเลย ฉันกลัวแล้ว แกจะให้ฉันทำอะไร ฉันยอมทั้งนั้น ไว้ชีวิตฉันเถอะ”
พาณิชย์เอาจริงก้มลงกราบชลิต จนชลิตเริ่มลังเล
“อย่าไปเชื่อมัน คนอย่างมันน่ะเหรอจะสำนึกผิด” แจ๋แย้ง
“ฉันจะมอบตัว ฉันจะชดใช้ความผิดทั้งหมดที่ฉันทำ” พาณิชย์บอก
ชลิตทำท่าจะยิง แต่แล้วก็ตัดสินใจ ลดปืนลง
“ชลิต! แกจะปล่อยมันไปจริงๆ เหรอ” กิมจิถาม
“จับมันมัดไว้ก็พอ” ชลิตหันไปบอกพวกแจ๋
พาณิชย์แอบชักมีดพกออกมา ซัดมีดใส่ชลิต เฉียดแขนไปนิดหนึ่ง ชลิตได้รับบาดเจ็บ
“พี่ชลิต!”
พาณิชย์คว้าปืนอีกกระบอกออกมา ยิงใส่พวกชลิตทันที ชลิตต้องรีบหลบ พาณิชย์จับตัวดาหวัน หันออกมาเป็นตัวประกัน
“ไอ้พาณิชย์ ไอ้ชั่ว” ชลิตมองอย่างโกรธ
“ช่วยไม่ได้ แกมันอ่อนหัดเอง”
ชลิตจะยิง
“เอาสิ ดูสิว่าระหว่างฉันกับแก ใครจะแม่นกว่ากัน” พาณิชย์ท้าทาย
ชลิตไม่กล้ายิง พาณิชย์ดึงดาหวันหนีไป แล้วยิงใส่พวกชลิต ทำให้ตามไปไม่ทัน มีลิ่วล้อพวกลูกน้อง 2-3 คนตามพาณิชย์ไปด้วย
“หวัน!” / “พี่ชลิต!” ทั้งคู่ได้แต่ร้องเรียกกัน
มีสมุนกาซูทำหน้าที่คอยเฝ้ายามหน้าปากถ้ำ เวลานี้กำลังเดินไปเดินมา รักษาการณ์อยู่ จู่ๆก็ปรากฏลูกดอกพุ่งเข้ามาปักต้นคอ และ หน้าอก สมุนทั้งสองล้มลงไปตายคาที่ เลาซาก้าวออกมาจากที่ซ่อนผงาดยืนขึ้น พร้อมกับที่ที่เป่าลูกดอกในมือ ถูกโยนทิ้งไป
เลาซาลากขาเข้ามาในถ้ำ กวาตามองหาต้นว่านอมนุษย์ ซึ่งอยู่ตรงอีกด้านของผนังถ้ำ
ต้นว่านอมนุษย์ มีรูปร่างลักษณะคล้ายกับกล้วยไม้ลำต้นไหลเลื้อยเกาะผนังถ้ำอยู่ มีผลเป็นลูกสีดำ
ซึ่งทางที่จะไปนั้นมีบ่อน้ำกรดเดือดปุดๆ ขวางทางอยู่ เลาซามองอย่างมีหวัง ทำท่าจะขยับเข้าไป
“ว่านอมนุษย์”
แล้วจู่ๆ ก็มีสมุนกาซูคนหนึ่งโผล่เข้ามาขวาง ทำท่าจะเอามีดแทงเลาซา เลาซาเอี้ยวตัวหลบแล้วผลักร่างมันหงายหลังลงไปในบ่อน้ำกรดแห่งนั้น สมุนคนนั้นร้องด้วยความเจ็บปวด ร่างแหลกเหลว กลายเป็นโครงกระดูก ค่อยๆ จมหายลงไปในบ่อน้ำกรดนั้นทันที
เลาซามองภาพนั้นด้วยความตื่นตะลึง หวาดกลัว แต่ก็แข็งใจกะเผลกขาเดินเข้าไปที่ผนังถ้ำซึ่งมีช่องทางตรงซอกหิน ให้เลาซาต้องไต่ กระดึ้บๆ ไปอย่างระมัดระวัง มิเช่นนั้นก็จะตกลงไปในบ่อน้ำกรดได้ง่ายๆ
เลาซาพึมพำขึ้นอย่างเรียกขวัญกำลังใจ
“เพื่อเจ้าข้าต้องทำได้! รอข้าก่อนนะ วินยา”
เลาซาพุ่งเข้าเกาะผนังถ้ำไต่ไป อย่างลำบาก เพราะขาก็พิการด้วย
การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป จังหวะนั้นกระท่อมหลังหนึ่งระเบิดตูม ส่วนอีกมุมสมุนกาซูเอาคบไฟไปจุดเผากองฟาง บ้านช่อง ไฟลุกท่วมขึ้นเต็ม ชาวบ้านวิ่งหนีตายกันอลหม่าน สางโปวิ่งออกมาพร้อมนักรบชาลัน
“รีบไปช่วยชาวบ้านเร็วเข้า” สางโปร้องสั่ง
บรรดานักรบวิ่งกรูกันไปต่อสู้กับสมุนของกาซู สางโปรีบกระชับอาวุธแล้วจะวิ่งไปที่บ้านวินยา แต่วินยาโผล่ออกมาพอดี
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
“ข้าก็ไม่รู้นายน้อย อยู่ๆ พวกมันก็บุกเข้ามาทำลายหมู่บ้านของเรา”
วินยามองออกไปอีกทางหนึ่ง เห็นชาวบ้านคนหนึ่งกำลังถูกสมุนกาซูทำร้าย
“หยุดนะ” วินยารีบวิ่งไปช่วยทันที
“นายน้อย” สางโปเป็นห่วงวิ่งตามวินยาออกไปด้วย
วินยาวิ่งเข้าไปช่วยชาวบ้าน เปิดฉากต่อสู้กับพวกสมุนของกาซูอย่างกล้าหาญราวกับวีรสตรี สางโปวิ่งตามเข้ามาช่วยต่อสู้ด้วย พร้อมกับพวกนักรบของชาวชาลัน
เวลาเดียวนั้นเลาซาไต่ขอบผนังถ้ำอย่างลำบากยากเย็น จังหวะหนึ่งร่างของเลาซาเกือบหล่นลงไป แม้จะดึงตัวเองไว้ได้ทันแต่ก็ทำมีดพกร่วงลงไปในบ่อน้ำกรด มีดละลายหายไปกับตา ใบหน้าเลาซามีเหงื่อหยดลงมา แล้วแข็งใจไต่ผนังไปจนถึงอีกฝั่งได้ เลาซาถอดหายใจเฮือก แล้วรีบกระเผลกขาออกไป
เลาซาเดินก้าวเข้ามาที่ต้นว่านอมนุษย์ มองด้วยแววตามีความหวัง
“ว่านอมนุษย์”
เลาซาค่อยๆ ก้าวเข้าไปเด็ดผลไม้สีดำออกมาถือไว้ในมือ มองอย่างใช้ความคิด
“ใครกินผลว่านอมนุษย์เข้าไป จะกลายร่างเป็นอมนุษย์ที่มีพลังมหาศาล แต่หน้าตาหน้าเกลียดน่ากลัว แล้วก็ต้องใช้ชีวิตเยี่ยงผีดิบตลอดไป”
เลาซากลืนน้ำลายลงคอ ประหวัดถึงผลที่จะเกิดขึ้นถ้ากินว่านนี้เข้าไป เลาซานึกถึงสิ่งที่กาซูเคยพูดเอาไว้
“ถ้าเด็กดาเนามันไม่ยอมฆ่านังวินยาขึ้นมาจริงๆ ข้าก็จะเอาว่านอมนุษย์ให้มันกิน มันก็จะตกเป็นทาสของข้าแล้วกลายร่างเป็นอมนุษย์ ที่มีพลังเพิ่มขึ้นไปอีกสิบเท่า คราวนี้อย่าว่าแต่ฆ่าพี่ฆ่าน้องเลย ต่อให้ข้าสั่งให้มันฆ่าตัวตาย มันก็ทำ ฮ่าๆๆๆๆ”
เลาซายอมรับให้เกิดสิ่งนั้นไม่ได้ สีหน้าของเขาเข้มขึ้นมาด้วยความมุ่งมั่น
“ข้าจะไม่ยอมให้ท่านพ่อทำร้ายวินยากับดาเนาด้วยวิธีชั่วๆเด็ดขาด” เลาซายกผลว่านขึ้นดูอีกครั้ง “นี่เป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วที่จะแก้ไขปัญหาทุกอย่าง ถึงแม้ว่า...ข้าจะไม่ใช่คนอีกต่อไป”
เลาซาตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว เขากินผลว่านอมนุษย์ กลืนเข้าไปในลำคอ
ฉับพลันนั้นผลว่านดังกล่าวก็ทำปฏิกิริยา เลาเซารู้สึกร้อนที่ภายในคอจนเหมือนกินยาพิษ เลาซาเอามือจับคอตัวเองอย่างทรมาน แล้วทรุดตัวลงอย่างทุรนทุราย บรรยากาศดูเหมือนว่าเลาซากำลังจะตาย
มือของเลาซาข้างหนึ่งจากมือปกติ กลายเป็นมือที่หงิกงอ มีเส้นเลือดปูดโปนขึ้นอย่างน่ากลัว ขณะที่บริเวณลำตัวก็เหมือนราวกับว่า มัดกล้ามในร่างกายขยายใหญ่ขึ้น เสื้อผ้าของเลาซาปริขาด
และใบหน้าของเลาซาเวลานี้กลายเป็นใบหน้าผีไปข้างหนึ่ง ตาเป็นสีขาวไม่มีตาดำ ฟันกลายเป็นสีดำซี่แหลม เลาซาลืมตาตื่นขึ้น เป็นดวงตาที่ไม่มีตาดำของมนุษย์หลงเหลืออยู่ ดูน่ากลัว
เลาซาลุกขึ้นยืนอย่างทรงพลัง แล้วกระชากเสื้อที่ขาดรุ่งริ่งออก ร้องคำรามอย่างมีอำนาจ
อ่านต่อหน้า 2
หอบรักมาห่มป่า ตอนที่ 23 อวสาน (ต่อ)
ศิริเดินเลาะเลี้ยวออกมาจากพุ่มไม้อีกด้านหนึ่ง ตามหาดาหวันด้วยความเป็นห่วง
“หวัน หวันอยู่ไหนลูก”
ศิริมองไปทางหนึ่ง ร้องเรียกอีก
“หวัน หวัน”
ธานี ธนวัติ สมุน เข้ามาทางข้างหลังศิริ ธานียกปืนจี้หลังศิริ
“อยู่ๆหมูก็วิ่งมาชนปังตอ ชะตาขาดแล้วล่ะ ไอ้ศิริ”
“แก! ไอ้ชั่ว!!”
ธานีเอาปืนตบศิริกระเด็นออกไป
“ไอ้หน้าโง่แล้วก็อ่อนแออย่างแก มันไม่สมควรจะอยู่ในโลกใบนี้แล้ว” ธานีขู่
“นึกหรือว่าแกจะหนีพ้นกรรมชั่ว แกกับลูกของแกไม่มีทางตายดีแน่” ศิริด่าขึ้น
ธานียิงเปรี้ยงถูกที่ขาศิริ ล้มลงไปกองกับพื้น
“ปากเก่งอีกสิ ไอ้ศิริ”
“จะฆ่าก็ฆ่าเลย ฉันจะไม่ร้องขอชีวิตแกสักคำ” ศิริว่า
“มันท้าทายอย่างนี้ จัดการเลยป๊า” ธนวัติเร่งเร้า
ธานีกำลังจะลั่นไกยิงศิริ
ดนัยโหนเถาวัลย์มือหนึ่ง แล้วอีกมือถือปืนยิงเปรี้ยงๆ มาดอย่างเท่ ใส่ ธานี ธนวัติ ธานีกับธนวัติรีบกระโดดหลบ
ดนัยโดดตุ้บลงที่ศิริ พร้อมดึงตัวพาหนี “คุณลุง”
ธนวัติลุกขึ้นยิงดนัย “ไอ้ดนัย”
ดนัยพาศิริหลบเข้าที่กำบัง แล้วลุกขึ้นยิงสวน
“มาช่วยชั้นทำไม” ศิริยังปั้นปึ่งอยู่
“อย่าพึ่งถามเลยครับ รีบไปเถอะ”
สมุนอีกคน ทำท่าจะยิงดนัย ดนัยเห็นก่อนจึงยิงสวนไป โดนพวกมันทั้ง 2 คนจังเบอร์ ล้มลงไปจมกองเลือด ธนวัติธานี เห็นต่าง รีบหลบ ดนัยรีบประคองศิริที่โดนยิงวิ่งออกไปทางหนึ่ง พวกธนวัติ ธานี และสมุนตามไป
“แน่จริงอย่าหนีสิวะ ตามไปเร็ว”
ธนวัติ ธานี และสมุนวิ่งผ่านเลยพุ่มไม้มุ่งตรงไปทางหนึ่ง
ดนัยมองรอบๆ ดูแล้วว่า พวกผู้ร้ายไปแล้ว พูดขึ้นกับศิริ ที่แอบอยู่
“ไปครับคุณลุง รีบไปก่อนที่พวกมันจะย้อนกลับมา”
“นายไปเถอะ ทิ้งฉันไว้ที่นี่แหละ”
“คุณลุง”
“รีบหนีไปสิ ฉันไม่อยากเป็นภาระของนาย”
“ไม่เลยครับ คุณลุงไม่ใช่ภาระของผมนะครับ คุณลุงเป็นพ่อของคนที่ผมรัก ก็เหมือนคุณลุงเป็นพ่อของผมด้วย”
ศิริอึ้งไป รู้สึกว่ามองดนัยผิดไปจริงๆ
“ดนัย”
“ผมสัญญา ผมจะดูแลคุณลุงอย่างดีที่สุด คุณลุงจะต้องปลอดภัย” ดนัยให้คำมั่น
ศิริมองยิ่งซึ้งใจ ดนัยเข้าไปดึงศิริให้ลุกขึ้น แล้วประคองศิริพาเดินออกไป
“รีบไปเถอะครับ”
ดนัยประคองศิริด้วยแขนข้างที่ไม่เจ็บออกไป
ส่วนพาณิชย์ฉุดกระชากลากดาหวัน มากับสมุนอีกหมู่หนึ่ง พร้อมกับพูดมือถือกับใครบางคนอยู่
“เอารถเข้ามาหรือยังวะ คืนนี้ต้องข้ามชายแดนให้ได้นะเว้ย” พาณิชย์หยุดฟังแล้วพูดต่อ “ฮึ อาธานีกับพี่ธนวัติน่ะเหรอ ก็ช่างหัวมันสิ เวลานี้เป็นใครก็ต้องหนีเอาตัวรอดก่อน”
“ปล่อยฉันนะ ไอ้เลว ปล่อย”
ดาหวันกัดแขนพาณิชย์ พาณิชย์สะบัดมืออกแล้ว ตบดาหวันกระเด็นออกไปด้วยความโมโห
“นังบ้า อยากตายหรือไง”
“แกไม่มีทางทำอะไรชั้นได้หรอก พี่ชลิตต้องมาช่วยชั้นแล้วจับคนชั่วอย่างแกเข้าคุก” ดาหวันแววตามุ่งมั่น
พาณิชย์โกรธตรงเข้าไปบีบปากดาหวัน
“คิดว่าไอ้ชลิตมันจะช่วยเธอได้ งั้นเหรอ”
“ใช่ คนที่เขารักกันจริงๆ เขาไม่ทิ้งกันหรอก ไม่เหมือนแกพอถึงเวลาคับขันก็ทิ้งพี่ทิ้งอา หนีเอาตัวรอดคนเดียว”
พาณิชย์ตบหน้าดาหวันอีกฉาด แล้วตะคอกใส่อย่างวางอำนาจ
“ตอนแรกชั้นคิดจะเอาเธอไปด้วย! แต่ตอนนี้ชั้นเปลี่ยนใจแล้ว”
รถจิ๊ปกับรถโฟลวิลคันหนึ่งแล่นเข้ามาจอด พาณิชย์หันไปสั่งลูกน้องทันที
“เอาไปมัดกับรถ ไป”
“ปล่อยฉัน” ดาหวันร้องโวยวาย
พวกสมุนตรงเข้ามาจับตัวดาหวันเข้าไปที่รถ จับขึ้นไปที่นั่งตอนหลังรถ โดยจับมัดกับโครงเหล็กของรถ
“ปล่อยนะ แกจะทำอะไรชั้น”
พาณิชย์มองดูด้วยความกระหยิ่มยิ้มสะใจ
“บอกก่อนก็ไม่สนุกนะสิดาหวัน แต่รับรองว่างานนี้เธอต้องจำชั้นไปจนตาย ฮ่าๆๆ”
เหตุการณ์ที่หมู่บ้านชาลัน เวลานั้นวินยาหลอกล่อคู่ต่อสู้ แล้วโชว์ฝีมือซัดมีดใส่พวกสมุนของกาซูจนล้มตายไป แต่แล้วก็เกิดระเบิดตูมขึ้น วินยากับสางโป รีบกระโจนหนีเอาตัวรอด แล้วพยายามต่อสู้ป้องกันตัวไปด้วย
ภาพฝุ่นควันของแรงระเบิดหน้าหมู่บ้านค่อยๆ จางลง เห็นร่างของดาเนาค่อยๆ เดินเข้ามา
“ฮึ นั่นดาเนานี่”
วินยากับสางโป หันไปมองอย่างแปลกใจ แล้วหันไปซัดสมุนกาซูที่ตามเล่นงานอยู่จนล้มลง ก่อนกระโจนไปหาดาเนา วินยาดีใจร้องเรียก
“ดาเนา”
วินยาพุ่งไปจับตัวดาเนาไว้ แต่ดาเนายืนนิ่งเฉย วินยาไม่ทันสังเกต
“เจ้าหายไปไหนมา พี่เป็นห่วงเจ้ามากรู้ไหม หลบไปก่อนเร็วเข้า”
ดาเนาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นสบตาวินยาอย่างชิงชังแล้วผลักวินยาออกไปอย่างแรง จนผงะ ก่อนจะชักมีดพกออกมา
“อย่ามาแตะต้องตัวข้า ยายฆาตกร”
วินยางง “ดาเนา”
ดาเนาเงื้อมีดขึ้น แล้วพุ่งจะแทงวินยา วินยาไม่ทันตั้งตัว รีบเอามือกันไว้ ถูกมีดบาดที่แขน
“โอ๊ย”
“นี่เจ้าเป็นบ้าอะไร ทำไมทำกับนายน้อยอย่างนี้” สางโปตวาด
ดาเนาไม่สนใจฟังสางโป มองวินยาอย่างคั่งแค้น)
“วันนี้เป็นวันตายของพี่ ตายซะเถอะ”
ดาเนาพุ่งตัวเข้าใส่วินยาอีกครั้ง วินยาเริ่มรู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล ก็กระโจนหนี ดาเนารีบตามไป
“นายน้อย”
สางโปรีบตามทุกคนไป
ดาเนาพุ่งกระโจนเข้าไปจะเอามีดแทงวินยา แต่วินยาก้มตัวหลบ มีดของดาเนาปักอยู่ที่ต้นไม้
“นี่มันอะไรกันดาเนา เจ้าคิดจะทำอะไร”
ดาเนาไม่ตอบ แต่หันมามองวินยาด้วยความโกรธ ร่างวินยากระเด็นไป ออกไปชนกองไม้ด้านหนึ่ง สางโปวิ่งตามเข้ามาเห็น ตื่นตะลึง
“ดาเนา หยุดเดี๋ยวนี้”
ดาเนาไม่ฟังเสียง กลับมองไปที่มีดปักต้นไม้ มีดถอนออกมาจากต้นไม้ รับภาพมีดพุ่งไปในอากาศ เข้าไปที่วินยา สางโปเห็นท่าไม่ดี รีบปามีดในมือตัวเองออกไป
มีดทั้งสองเล่มปะทะกันกลางอากาศ มีประกายไฟพุ่งลุกพรึ่บขึ้นกลางอากาศ แล้วมีดทั้งสองด้ามร่วงลงมาที่พื้นนิ่งสนิท วินยามองสุดจะทนไหว หันไปตะโกนถามดาเนา
“ดาเนา ทำไมถึงได้เปลี่ยนไปมากมายอย่างนี้ นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น” วินยาสงสัย
“คืนนี้ข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้หมด! เพื่อล้างแค้นให้ยายแล้วก็พ่อกาซู พ่อของข้า”
วินยามองดาเนาอย่างไม่เชื่อสายตา
“อะไรนะ! กาซูหรือ เป็นพ่อของเจ้า ไม่จริง เป็นไปไม่ได้!” วินยาส่ายหน้าไม่เชื่อ
ดาเนาไม่สนใจ ยกมือขึ้นในอากาศ ฟาดลงมา
เกิดระเบิดตูมตรงหน้าวินยา วินยารีบกระโดดหลบ แล้ววิ่งหนีออกไป พร้อมสางโป ดาเนามองตามเอาเรื่อง แล้วรีบตามไป
“พี่วินยาต้องได้รับโทษที่ทำไว้ พี่ไม่มีทางหนีข้าพ้นหรอก”
สมุนพาณิชย์ช่วยกันมัดดาหวันไว้กับรถจนเสร็จ ดาหวันพยายามดิ้นรน แต่ไม่เป็นผล
“ปล่อยฉันนะ ปล่อย นี่แกมามัดชั้นไว้กับรถทำไม”
.ชั้นก็อยากจะรู้นะสิว่า ไอ้ชลิตมันจะมาช่วยเธอได้ยังไง ความรักของมันจะเอาชนะความตายไปได้ไหม ฮ่าๆๆ”
พาณิชย์หัวเราะชอบใจ เป็นบ้าเป็นหลัง
“แกมันบ้าไปแล้ว ช่วยด้วย” ดาหวันตะโกนลั่นขึ้นมา
ชลิต แจ๋ กิมจิ บุญทิ้งและอุ๊บอิ๊บตามหาดาหวัน ขณะนั้นเสียงดาหวันก็กรีดร้องขึ้น
“พี่ชลิต! ช่วยหวันด้วย”
“หวัน!”
ชลิตมองตามเสียงไป สีหน้าตระหนก แววตาเป็นห่วง
พาณิชย์ยืนอยู่ข้างๆ ดาหวันที่ถูกมัดอยู่บนรถจิ๊ป ยื่นหน้ามาแสยะยิ้มใส่ดาหวัน
“ชั้นตัดสายเบรกไปเรียบร้อยแล้ว แล้วทางข้างหน้าก็เป็นเหวเสียด้วย คิดดูเอาเองก็แล้วกันนะ ว่าถ้ารถวิ่งไปแล้ว จะเกิดอะไรขึ้น”
“ไอ้พาณิชย์ แกมันเลวจนผีนรกยังอาย” ดาหวันด่าออกมา
“ขอบใจที่ชมพี่นะ ดาหวันที่รัก”
พาณิชย์ยื่นหน้าเข้ามาจะหอมแก้มดาหวัน ดาหวันสะอิดสะเอียน เบือนหน้าหนีร้องลั่น
“กรี๊ด”
ชลิต แจ๋ และกิมจิ วิ่งเข้ามาหน้าตาตื่น
“ไอ้ชั่วพาณิชย์! หยุดเดี๋ยวนี้”
พาณิชย์ชะงักหันมามอง ดาหวันใจชื้นขึ้นมา
“พี่ชลิต”
พาณิชย์ยิ้มร้ายออกมา
“ไอ้ชลิตหนังกลับ มาทันเวลาส่งวิญญานนังดาหวันพอดีเลยนะ”
พาณิชย์กระโดดลงมาจากรถ ชลิตทำท่าจะวิ่งเข้าไป พาณิชย์ยกปืนขึ้นชี้ไปที่ดาหวัน
“อย่าขยับ ไม่งั้นนังนี่ตาย”
ชลิตชะงักสีหน้าเจื่อน พาณิชย์ตะโกนสั่งลูกน้องทันที
“เฮ้ย จัดการ”
สมุนคนหนึ่ง วิ่งเข้าไปที่รถจัดการเอาหินทับที่คันเร่งรถ แล้วรถกระชากพุ่งออกไป ดาหวันร้องตกใจ
“หวัน”
“สารเลวเอ๊ย ทำอย่างนี้มันก็ฆ่ายายหวันชัดๆ” แจ๋โมโห
“อุบาทว์เกินไปแล้ว” กิมจิด่า
ชลิตพุ่งเข้าไปจะวิ่งตามรถ เพื่อไปช่วยดาหวัน พาณิชย์ยิงเปรี้ยงออกมาหนึ่งนัด ชลิตกลิ้งตัวหลบ แล้วยกปืนมายิงตอบโต้ พาณิชย์กับลูกน้อง หลบไปอีกทาง
กิมจิกับแจ๋ที่หลบอยู่ตะโกนบอกชลิต
“ชลิต! รีบไป”
ชลิตพยักหน้ารับ แต่ลูกน้องพาณิชย์มองเห็น ลุกขึ้นยิงมาใส่ทันที ชลิตยิงสวนไปโดนร่างสมุนจนเลือดท่วม ล้มไปตายคาที่ ชลิตรีบวิ่งออก ไป พาณิชย์ลุกขึ้นมาจะยิงตาม กิมจิยิงสกัดไว้ให้ พาณิชย์เลยต้องหลบลงไป
แจ๋และกิมจิรีบวิ่งตามไปทางชลิต กิมจิยิงปัง เพื่อเป็นการป้องกันตัวและยิงกันพาณิชย์
พาณิชย์โมโหเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันตะโกนสั่งลูกน้องให้รีบตามไป
“ไอ้ชลิต ตามไป ฆ่ามันให้ได้”
ชลิตวิ่งตามหลังรถจิ๊ปไปสุดชีวิต พยายามไล่กวดให้ทัน แต่ยังห่างอยู่อีกประมาณหนึ่ง ดาหวันมองด้วยความหวาดกลัว และตื่นตระหนก
“หวัน” / “พี่ชลิต”
“ไม่ต้องกลัว พี่อยู่นี่ พี่จะช่วยหวันเอง” ชลิตร้องตะโกนดังลั่น
กิมจิกับแจ๋วิ่งตามหลังชลิต มาแล้วพยักหน้าให้กัน กิมจิแกล้งตะโกนออกไป
“ชลิต ทางนี้โว้ย”
แล้วแจ๋กับกิมจิก็วิ่งแยกไปอีกทางหนึ่ง
พาณิชย์กับพวกสมุนวิ่งตามเข้ามา พาณิชย์ระแวงสงสัย สั่งให้สมุนวิ่งตามไปทางกิมจิกับแจ๋ ส่วนตัวเองวิ่งตรงไปตามชลิต
“ทางโน้น”
พาณิชย์ชี้ให้ลูกน้องไป ส่วนตัวเองวิ่งตามชลิตไป
ชลิตวิ่งตามรถจิ๊ปอยู่อย่างไม่รู้เหนื่อย เป็นห่วงดาหวันสุดชีวิต พาณิชย์ตามหลังมาติดๆ ย่างสามขุมเข้าหามองอย่างแค้นเคือง พร้อมกับขึ้นไกปืน ดาหวันเห็นรีบร้องเตือนชลิต
“พี่ชลิต ระวัง”
พาณิชย์ยิงเปรี้ยงใส่ ชลิตรีบหลบ พาณิชย์ยิงมาใหม่อีกเปรี้ยงๆ
ชลิตรีบวิ่งไล่กวดรถดาหวันอย่างไม่ลดละ ดาหวันร้องเป็นห่วงชลิตลั่น
“พี่ชลิตกลับไปซะ อย่ามาตายเพราะหวันเลย”
“ไม่ พี่ไม่ยอมทิ้งหวันเด็ดขาด”
พาณิชย์หยุดยืนจังก้าตรงมุมหนึ่ง มองอย่างอาฆาต
“รักกันมากนัก ก็ตายมันซะด้วยกันเลย”
พาณิชย์ยกปืนเล็งมันใจนักว่า..คราวนี้ไม่พลาดแน่ พาณิชย์กำลังจะลั่นไก
ทันใดนั้นดนัยก็ก้าวมาพร้อมปืนในมือ ดนัยยิงเปรี้ยงออกไป พาณิชย์โดนยิงที่มือ ปืนกระเด็นร่วงไป
“อ๊อย”
ดนัยย่างสามขุมเข้าหา
“ถึงเวลาลงนรกของแกแล้ว ไอ้พาณิชย์”
พาณิชย์มองหน้าตื่นร้องลั่น
“อย่า”
ดนัยยิงเปรี้ยงๆ อีก พาณิชย์รีบหลบแล้ววิ่งหนี หายเข้าป่าไปเลย
ดนัยทำท่าจะตามไป แล้วชะงักเสียงศิริ ดังเข้ามา ดนัยหันกลับไปมองเห็นศิริ ซึ่งยืนพิงต้นไม้อยู่อีกมุมหนึ่ง เอามือกุมแผลที่โดนยิง แล้วมองไปทางที่รถแล่นไป ร้องออกมาด้วยความตื่นกลัว
“หวัน ยายหวัน ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยลูกสาวชั้นด้วย”
ศิริมองออกไปอย่างเป็นห่วงดาหวันสุดชีวิต
รถที่ดาหวันถูกมัดอยู่แล่นไปที่หน้าผา ใกล้เข้าไปๆ ทุกระยะ ชลิตวิ่งไล่ตามรถดาหวันอย่างฮึด แล้วกระโดดขึ้นไปบนรถจิ๊ปได้สำเร็จ
ดนัยประคองศิริวิ่งตามเข้ามามองเห็น ศิริมองอึ้ง ทึ่งที่ชลิตไม่กลัวตาย
“นายชลิต”
“เพื่อดาหวันแล้ว ชลิตมันไม่กลัวตายเลยจริงๆ” ดนัยยอมรับ
“เฮ้ย แต่นั่น นั่นมันเหวนี่ รถกำลังจะตกเหวแล้ว” ศิริร้องลั่น
เวลานั้นชลิตกำลังแก้มัดให้ดาหวันอย่างรีบเร่ง ดาหวันเหลียวมองไปข้างหน้า เห็นว่ารถใกล้จะถึงปากเหวแล้ว ดาหวันจะร้องไห้ออกมา
“พอเถอะ พี่ชลิต อย่าพยายามอีกเลยพี่รีบโดดลงไปตอนนี้ยังทัน”
“ถ้าจะตายก็ต้องตายด้วยกัน”
“พี่ชลิต”
“ถ้าไม่มีหวัน พี่ก็ไม่รู้จะอยู่ไปเพื่อใคร หวันเป็นหัวใจของพี่ พี่อยู่โดยไม่มีหวันไม่ได้”
ดาหวันซึ้งใจ ร้องไห้น้ำตาไหลพราก
“พี่ชลิต”
เวลานั้นรถใกล้ตกเหวเต็มที่แล้ว ดนัยดึงรั้งตัวศิริร้องลั่นใจจะขาด ที่เห็นลูกกำลังจะตายไปต่อหน้า
“หวัน ยายหวัน ปล่อยฉัน ชั้นจะไปช่วยลูกชั้น”
ดนัยหน้าเสีย “ไม่ทันแล้ว คุณลุง ไม่ทันแล้ว”
รถจิ๊ปคันนั้นพุ่งลงหน้าผาลงไปพร้อมกับมีเสียงระเบิดตูมดังสนั่น ศิริ ดนัย ต่างตกใจ ช็อกสุดขีด
“ยายหวัน” / “ชลิต”
ศิริเข่าอ่อนทรุดฮวบลงไปเลย ...เมื่อเห็นรถตกเหวไปต่อหน้าต่อตา ดนัยรีบประคอง
“คุณลุง คุณลุงทำใจดีไว้นะครับ”
“หวัน หวันตายแล้ว” เสียงศิริแห้งผาก ยังรับไม่ได้
เวลาเดียวกันนั้นวินยากระโดดหนีขึ้นไปบนต้นไม้ชายป่าหมู่บ้าน ดาเนาส่งกระแสจิตฟาดเปรี้ยงจนต้นไม้หักโค่นลงมา แต่วินยากระโดดหนีไปได้ วินยาลงมาตั้งหลักที่มุมหนึ่ง ร้องตะโกนออกไปอย่างเหลืออด
“ดาเนา เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นพี่จะต้องใช้กำลังกับเจ้า”
“เหมือนกับที่พี่ทำกับยายคำแปงใช่มั้ยล่ะ”
“ยายคำแปง ใครกัน?” วินยางง เพราะไม่รู้เรื่อง
“อย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่องหน่อยเลย”
ดาเนาหยิบสร้อยเขี้ยวเสือของวินยา ที่ดาเนาเก็บมาจากศพคำแปงออกมาให้วินยาดู
“จำสร้อยเส้นนี้ได้ใช่มั้ย”
“จำได้สิ สร้อยเขี้ยวเสือของพี่”
วินยาเอื้อมมือไปจะหยิบ ดาเนาเบี่ยงไม่ให้จับ มองอย่างแค้นใจ
“รู้มั้ย! มันเป็นสร้อยของฆาตกรที่ฆ่ายาย มันหล่นอยู่บนศพของยาย” ดาเนาบอก
“ไม่จริง! พี่ไม่ได้ฆ่ายายของเจ้า” วินยาเถียงลั่นพยายามอธิบาย
“แล้วสร้อยไปหล่นอยู่บนศพยายข้าได้ยังไง”
“ดาเนา พี่ทำสร้อยหายไป ดาเนาก็รู้ไม่ใช่เหรอ ต้องมีใครขโมยสร้อยพี่ไปแล้วโยนความผิดมาให้พี่”
เด็กน้อยดาเนาอึ้ง เริ่มลังเลขึ้นมา
วินยามองดาเนาพูดด้วยแววตาจริงจัง
“ดาเนา...มองหน้าพี่ให้ดีๆ สิ ดาเนาคิดว่าคนอย่างพี่ จะฆ่ายายของดาเนาได้ลงคอเหรอ”
แต่แล้วกาซูก็เดินเข้ามาจากอีกมุมหนึ่ง
“อย่าไปหลงลมปากนังฆาตกรหน่อยเลยดาเนา เจ้าต้องเชื่อหลักฐานตามที่ตาเจ้าเห็นสิ ถึงจะถูกต้อง”
วินยาหันไปมองกาซูอย่างชิงชังนึกรู้ขึ้นมาทันที
“ไอ้กาซู แกนี่เองที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ทั้งหมด”
“อย่ามาใส่ความข้า เจ้าไม่อยากให้ดาเนารู้ใช่มั้ยว่า ดาเนาเป็นลูกข้าเจ้าถึงต้องฆ่ายายแก่คำแปง!”
“ไอ้หมอผีชั่ว แกโกหก”
วินยาโมโหถือมีดพุ่งเข้าไปจะทำร้ายกาซู ดาเนารีบเข้าไปขวางแล้วจ้องหน้าวินยาเขม็ง วินยาตัวลอยกระเด็นออกไปอีกมุมหนึ่ง เหมือนโดนชนอย่างรุนแรง
“อย่ามาแตะต้องพ่อกาซูของข้า”
“ดาเนา” วินยามองดาเนาด้วยความเสียใจ
“คราวนี้ถึงเวลาที่ข้าจะล้างแค้นให้ยายแล้ว”
ดาเนาฟาดมือออกไปในอากาศเบื้องหน้า เกิดแผ่นดินสั่นสะเทือนไปทั้งบริเวณ แล้วแผ่นดินแยกแตกออกมาเป็นแนว รอยแยกนั้นพุ่งเข้าไปหาวินยารวดเร็ว วินยากลิ้งตัวหลบ มองเหตุการณ์หน้าตาตื่น สางโปรีบเข้าไปดึงวินยา พากันวิ่งออกไป
“หนีไปก่อนนายน้อย”
สางโปพาวินยาวิ่งออกไป กาซูหัวเราะด้วยความสะใจ
“ฮ่าๆๆ” กาซูชมดาเนา “เก่งมาก ดาเนาลูกพ่อ”
ดาเนามองตามไปวินยาด้วยความแค้นใจ
ขณะนั้นนงนุชและฉวีวรรณกังวลพากันนั่งไม่ติดที่เพราะเป็นห่วงดนัยกับศิริ
“ดนัยไปตามคุณศิริถึงไหน ทุกคนเป็นยังไงบ้าง อาใจคอไม่ดีเลย” นงนุชเอ่ยขึ้น
“ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องร้ายอะไรหรือเปล่า หวีรอไม่ไหวแล้ว” ฉวีวรรณเป็นกังวล
“อาก็เหมือนกัน เราไปตามกันดีกว่า หนูหวี ไป”
นงนุชกับฉวีวรรณตัดสินใจออกไปด้วยกัน
ทางด้านวินยากับสางโปวิ่งหนีเข้ามาที่ตรงป่าอีกมุมหนึ่งของหมู่บ้าน ระหว่างนั้นอสุรกายตนหนึ่งก็วิ่งออกมาขวางหน้าทั้งสองไว้ คำรามลั่น สางโปกับวินยาชะงัก
เวลาดียวกันกาซูกับดาเนา ตามหลังเข้ามา
“ไม่มีทางหนีอีกแล้ว”
วินยากับสางโปหันกลับไปมอง ยังพยายามเตือนสตอดาเนา
“เจ้ากำลังช่วยคนผิดนะ ดาเนา”
อสุรกายกำรามก้อง แล้วเข้ามาจับตัวสางโปเหวี่ยงกระเด็นไปทางหนึ่ง สางโปจุก กระอักเลือด
“สางโป” วินยาตกใจ
อสุรกาย พุ่งเข้ามาเล่นงานวินยาต่อ ทั้งเตะต่อย แต่อสุรกายไม่สะเทือน อสุรกายเล่นงานวินยากลับ วินยาตีลังกาหลบสามทีซ้อน จังหวะนั้นวินยาหยิบไม้ไผ่แหลมขึ้นมาแทงใส่อสุรกาย แต่แทงไม่เข้า อสุรกายดึงไม้ไผ่ไป หักทิ้งหน้าตาเฉย แล้วคว้าคอวินยาบีบ สางโปมองด้วยความเป็นห่วง
“นายน้อย”
กาซูสะใจ ร้องสั่ง
“อสุรกายของข้า ฆ่ามันเลย”
ดาเนามองสีหน้าเครียด
วินยาพยายามกัดฟันสู้ แต่หน้าเริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ เพราะกำลังจะหมดลม อสุรกายคำรามลั่นอย่างได้ใจ แล้วกดน้ำหนักลงอีก
ในห้วงนาทีเป็นนาทีนั้น ฉับพลันก็มีมือใหญ่ของเลาซาในคราบของอมนุษย์ เอื้อมเข้ามาซัดอสุรกายตัวเดิมกระเด็นไป จนวินยากลายเป็นอิสระฃ
กาซูกับดาเนา แปลกใจ ต่างจำเลาซาไม่ได้เพราะหน้าตาที่อัปลักษณ์หน้าตาที่เปลี่ยนไป
“แส่นักหรือวะ ไอ้สัตว์ประหลาด ฆ่ามัน” กาซูสั่งอสุรกาย
อสุรกายคำรามอย่างโกรธแค้น แล้วกระโจนเข้าใส่ร่างอมนุษย์เลาซาทันที เลาซาหลบแล้วจับอสุรกายเหวี่ยงลอยกระเด็นไปไกล
อมนุษย์เลาซาตามเข้ามาเล่นงานอสุรกายต่อ ทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือด เสียงคำรามของสัตว์ประหลาดทั้งสองดังก้องกันไปทั้งป่า
วินยา สางโป ดาเนา กาซู ทุกคนตามกันเข้ามา หยุดยืนดูกันคนละมุม
จนท้ายที่สุดอสุรกายเพลี่ยงพล้ำโดนเลาซาเอานิ้วแหลมๆ ปาดไปที่คอของอสุรกายร้าย เจ้าอสุรกายกระตุกตัว เลือดพุ่งทะลักออกมา แล้วร้องโหยหวนเจ็บปวด อสุรกายล้มลงไปกับพื้น แล้วร่างของมันค่อยๆ สลายกลายเป็นหมอกควันหายไปในอากาศทันที
กาซูกับดาเนาตื่นตะลึง วินยากับสางโปก็มองด้วยความทึ่ง
“มันเป็นใคร มาช่วยนายน้อยทำไม”
กาซูเพ่งมองไปที่เลาซาแล้วตะคอกออกมาด้วยความไม่พอใจ
“เก่งนักหรือวะ”
กาซูมองไปที่เลาซา แล้วใช้พลังจิตจนไฟลุกพรึ่บขึ้นล้อมตัวเลาซา อมนุษย์เลาซาร้องขึ้นด้วยความปวดแสบปวดร้อน ยกมือขึ้นป้องหน้าตัวเอง พยายามหาทางออกแต่ ไฟล้อมไว้หมดไปไหนไม่ได้
กาซูหัวเราะกึกก้องมองไปที่ร่างเลาซาในกองไฟ ด้วยความสะใจ
“เจ้าต้องตายอย่างทรมานที่สุด ฮ่าๆๆ”
วินยาเห็นโอกาสที่กาซูเผลอย่ามใจ รีบวิ่งเข้าไปกระโดดตัวลอย เข้าไปถีบ กาซู กระเด็นล้มลงไป วินยาควักมีดของตัวเองออกมา แทงไปที่กาซู กาซูมองวินยาแล้วใช้พลังจิต วินยาเหมือนโดนตบอย่างแรงล้มลงไป มีดกระเด็น ร่วงกับพื้น ใกล้ๆ กับที่กาซูอยู่ วินยาเจ็บปวด ทรมาน เลือดกระอักออกปาก
“เป็นไงเป็นกัน ข้าไม่ปล่อยคนชั่วอย่างเจ้าไว้อีกแล้ว” วินยาสบถ
“บังอาจนัก เจ้าได้ตายสมใจเจ้าแน่ นังวินยา”
กาซูมองไปที่มีดที่หล่นพื้น มีดลอยขึ้นมา พุ่งเข้ามาที่ดาเนา ดาเนารับมีดไว้ในมือ แล้วอึ้งไป
“ฆ่ามันซะ ดาเนา”
อมนุษย์เลาซาตกใจ พยายามร้องตะโกนห้าม แต่ฟังไม่เป็นภาษาคน
อ่านต่อหน้า 3
หอบรักมาห่มป่าตอนที่ 23 อวสาน (ต่อ)
ดาเนามองมีดในมือ แล้วมองไปที่วินยา อย่างเกิดอาการลังเลขึ้นมา กาซูเห็นรีบพูดสำทับกรอกหู
“ชักช้าอยู่ทำไมดาเนา มันเป็นคนฆ่ายายของเจ้า เจ้าต้องล้างแค้นให้ยายเจ้าสิ
ดาเนานึกถึงยายแล้วเลยฮึดแค้นขึ้นมา
“ใช่ ดาเนาต้องล้างแค้นให้ยาย”
ดาเนาถือมีดเดินเข้าไปหาวินยา เงื้อมีดขึ้นไปจะแทง วินยามองด้วยความสะเทือนใจ
“ดาเนา...หัวใจพี่มันตายตั้งแต่ที่ดาเนาเห็นพี่เป็นฆาตกรแล้ว ถ้าดาเนาฆ่าพี่แล้ว ดาเนามีความสุข ก็ฆ่าพี่เลยเถอะ พี่ยอมตาย”
วินยาน้ำตาหยดไหลออกมา
ดาเนามองแล้วตัดสินใจ ฟันมีดลงไป ฉับทันที มีดเล่มนั้นปักไปบนพื้นดิน เสียงดังปัก!! วินยามองแล้วอึ้งไป เห็นดาเนา น้ำตาคลอขึ้นมา
“ดาเนาไม่มีความสุขเลยพี่วินยา ฆ่าพี่วินยา ยายก็ไม่ฟื้นขึ้นมา ฮือๆๆ”
ดาเนาใจอ่อน ทำไม่ลงปล่อยโฮ สะอื้นตัวโยกออกมาอย่างอัดอั้น วินยาสะเทือนใจ วิ่งเข้าไปกอดกับดาเนา
“ดาเนา”
ดาเนากับวินยาเข้าไปกอดกัน
“พี่วินยา”
กาซูมองภาพนั้นอย่างแค้นคือง ที่ดาเนาไม่ได้อย่างใจ
“ไอ้เด็กบ้า ไม่ได้เรื่อง”
กาซูหยิบมีดหมอของตัวเองออกมาจากย่าม มองไปที่วินยาอาฆาตแค้น
“นังวินยา!! ตายซะเถอะ”
เลาซามองหน้าตาตื่น ร้องเสียงลั่น แล้วรีบวิ่งฝ่ากองไฟออกไปอย่างไม่กลัวตาย
“อ๊าก”
กาซูขว้างมีดอาคมออกไป เลาซาในร่างอมนุษย์วิ่งเข้ามาขวางทางมีด เอาร่างบังวินยาไว้ มีดแทงเข้าช่องท้องของเลาซาพอดี เลาซาคำรามลั่นอย่างเจ็บปวด ในขณะที่กาซูผงะด้วยความงงงัน ทุกคนหันมองด้วยความตะลึงตกใจ
และแล้วร่างของเลาซาค่อยๆ สั่นเทา พร้อมกับมีควันพวยพุ่งออกมา คราบอมนุษย์ค่อยๆ เลือนหายกลายเป็นเลาซาปกติ นอนกุมมีดอาคมที่ปักคาท้องอยู่
กาซูกับวินยาผงะ เช่นเดียวกับสางโปและดาเนาก็มองอย่างตกตะลึง
“เลาซา” กาซูอึ้ง
“ท่านพ่อ หยุดเสียทีเถอะ อ๊อย”
เลาซาพูดเสียงเครือแล้วร้องออกมาอย่างเจ็บปวดทรมาน วินยารีบเข้าไปประคอง
“เลาซา...เจ้าเองหรือที่เป็นสัตว์ประหลาดเมื่อกี้”
กาซูยังคงช็อก ได้แต่มองภาพเลาซาถูกแทงด้วยน้ำมือตัวเองอย่างตกใจ แล้วค่อยๆ ถอยออกไป
“เลาซา...ไม่...ไม่จริง ข้าไม่ได้ทำ...ข้าไม่ได้ทำ”
กาซูมองมือที่มีเลือดเลาซาเปื้อนอยู่ ร้องตะโกนลั่นอย่างช็อกไปสุดๆ สางโปตะโกนกลับใส่กาซู
“ยังมีหน้ามาพูดอีกเหรอ เจ้าฆ่าลูกในไส้ด้วยมือของเจ้าเอง” สางโปด่าว่า
“ไม่จริง ข้ารักเลาซา ข้าทำทุกอย่างเพื่อให้เลาซาเป็นหัวหน้าเผ่าชาลัน”
“อย่าเอาคนอื่นมาอ้าง ความทะเยอทะยาน มักใหญ่ใฝ่สูงของเจ้านั่นแหละที่ฆ่าลูกชายของเจ้าเอง ถ้าเจ้าไม่เห็นผิดเป็นชอบ เลาซาคงไม่มีจุดจบแบบนี้” วินยาด่าซ้ำ
กาซูเจ็บปวดจิตใจทนไม่ไหว ร้องตะโกนลั่นออกมา อย่างขาดสติ
“อ๊าก”
ดาเนาตกใจวิ่งเข้าไปหากาซูอย่างเป็นห่วง
“ท่านพ่อ”
กาซูกลับผลักดาเนากระเด็นล้ม
“เจ้าไม่ใช่ลูกข้า”
ดาเนาตะลึง
กาซูวิ่งออกไปอย่างคนที่สติขาดลอย ไม่ทันรู้ตัวว่าได้ทำย่ามหล่นลงไปกองกับพื้นแล้ว
“ข้าไม่ได้ทำ ข้าไม่ฆ่า ข้าไม่ได้ฆ่า”
ดาเนาร้องจะตาม “ท่านพ่อ”
“ดาเนา อย่าไป” สางโปรีบไปดึงตัวดาเนาไว้
ดาเนาร้องไห้มองแล้วร้องเรียกกาซูอย่างเสียใจ และไม่เข้าใจว่าทำไมหนีกันไปอย่างนี้
“ท่านพ่อ...ฮือ”
ดนัยฉุดศิริที่เสียใจร้องไห้ฟูมฟาย พยายามจะเข้าไปตรงหน้าผา
“ยายหวัน ทำไมมาทิ้งพ่อไปอย่างนี้ หวัน”
“อย่าครับคุณลุง มันอันตราย”
“ปล่อยชั้น ชั้นจะไปหาลูกชั้น”
เสียงธนวัติดังขึ้นมา “มันอยู่นั่น”
ดนัยหันมองเห็นธนวัติกับธานีกำลังวิ่งเข้ามาจากอีกทางหนึ่ง ดนัยรีบออกตัว ยกปืนยิงใส่ เสียงดัง เปรี้ยงๆ
ธนวัติ กับธานี รีบหลบ ดนัยรีบดึงศิริหนีไป
“หวัน ยายหวัน” ศิริร้องออกมา
“คุณลุง รีบไป”
ธนวัติยิงตามไล่หลัง แล้วบอกให้ทุกคนรีบตามไป
“ไอ้ดนัย โธ่เว้ย จับมันให้ได้ ไป”
ธนวัติตะโกนสั่งสมุน
ส่วนทางวินยากำลังประคองเลาซาอยู่ในอ้อมแขน สางโปกับดาเนาอยู่ข้างๆ
“ทำใจดีๆ ไว้ก่อนนะเลาซา”
แต่เลาซาอ่อนแรงเต็มที
“ไม่มีประโยชน์หรอก มีดของท่านพ่อลงอาคมไว้ ข้าจะเสียเลือดจนหมดตัวในไม่ช้า”
วินยาตกใจ ระคนเสียใจ “แล้วเจ้า...เจ้าช่วยข้าทำไม”
“เจ้าก็รู้ว่าทำไม”
เลาซาพูดพลางมองไปในดวงตาวินยา แล้วพูดขึ้นจากใจ
“พ่อของข้าทำผิดบาปต่อครอบครัวของเจ้ามานานนัก ทำให้เจ้าต้องใช้ชีวิตอยู่ความแค้นจนมองไม่เห็น
ความรักของข้า”
วินยาอึ้ง น้ำตารื้นขึ้นมา
“ถ้าความรักของข้าไม่มีประโยชน์สำหรับเจ้า ข้าก็ขอใช้มันชำระแค้นแทนพ่อของข้า ให้ความแค้นมันจบลงตรงนี้ได้ไหมวินยา”
วินยากลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ น้ำตาไหลออกมาด้วยความสะเทือนใจ ที่เลาซายอมเอาชีวิตใช้หนี้แค้น
“เลาซา...ไม่ใช่แค่หมดหนี้แค้น ข้ายังเสียใจมากที่เห็นเจ้าเป็นแบบนี้”
เลาซากระอักเลือดออกมา แล้วยกมือไขว่คว้าตะเกียกตะกายเหมือนกำลังจะหมดลม วินยารีบจับไว้
“เลาซา”
เลาซาพยายามเรียกเสียงแผ่ว “ดาเนา...”
ดาเนาขยับเข้ามา มองดูเลาซาอย่างเป็นห่วง
“พี่เลาซา”
เลาซาค่อยๆ หันมองดาเนาจับมือไว้ “คน...ที่ฆ่ายายของเจ้า ไม่ใช่วินยา แต่เป็น...พ่อของข้า”
“อะไรนะ” ดาเนาตกใจ
“พ่อข้า...หลอกใช้เจ้า เพื่อจะให้มาทำร้ายวินยา ทั้งที่ความจริงเจ้าสองคน...”
วินยาสังหรณ์ใจว่าเลาซากำลังจะบอกความลับสำคัญ ก็จับมือเลาซาบีบแน่น ถามอย่างกระตือรือร้น
“พวกข้าทำไม” วินยาถาม
เลาซาพยายามเหลือบตามองทั้งสอง แล้วใช้มือสั่นเทาจับมือทั้งสองมากุมกันไว้
“เจ้าสองคน...เป็นพี่น้องกัน”
วินยากับดาเนานิ่งตะลึง มองหน้ากันอย่างตกใจ
สางโปฟังอยู่มีสีหน้าตื่นตะลึง “นี่เจ้าหมายความว่า ดาเนาคือนายเล็กลีชาหรือ”
เลาซาพยักหน้าน้อยๆ แล้วชี้ไปที่ ย่ามของกาซูที่ตกอยู่บริเวณนั้น
“กล่องในย่าม”
สางโปรีบหยิบย่ามมา หยิบกล่องสร้อยเขี้ยวเสือทองออกมาเปิดออก
สางโปหยิบเขี้ยวเสือทองออกมา ร้องขึ้นอย่างตกใจ “สร้อยเขี้ยวเสือทอง”
“พ่อชิงสร้อยเขี้ยวเสือทอง แล้วฆ่ายายคำแปงปิดปาก เพื่อไม่ให้ใครรู้ฐานะที่แท้จริงของดาเนา”
“ใช่แน่ๆ แล้วล่ะ นายน้อย ดาเนาคือ นายเล็กลีชาจริงๆ ด้วย”
คำพูดของสางโปทำให้วินยาหันไปมองดาเนาอย่างตื่นเต้น และดีใจ
“ลีชา”
“พี่วินยา”
วินยากับดาเนาจับมือกันแน่น ร้องไห้น้ำตาไหลพราก ทั้งดีใจทั้งตื่นเต้น รอคอยเวลานี้มานานเหลือเกินแล้ว เลาซาน้ำตาไหลลงมาหยดหนึ่ง มองวินยากับดาเนา พลอยตื้นตันไปด้วย
“ชีวิตนี้ข้าทำความชั่วมามากจนเกินจะถอยกลับแล้ว ข้าอยากให้พี่น้องได้พบกันและอยู่ด้วยกันอย่างมี
ความสุข ข้าจะได้นอนตายตาหลับเสียที”
วินยาหันมามองเลาซา ร้องไห้ออกมาอีก “ไม่ เลาซา เจ้าต้องไม่ตายนะ”
เลาซามองวินยาที่กำลังร้องไห้ แล้วยิ้มบางๆ ออกมา
“อย่าเสียน้ำตาให้คนอย่างข้าเลยวินยา ข้าไม่คู่ควรหรอก”
วินยาร้องไห้อยู่อย่างนั้น “ทำไมเจ้าจะไม่คู่ควรเลาซา ในเมื่อเจ้าคือเพื่อนแท้คนหนึ่งของข้า...”
เลาซามองวินยาที่พูดพลางร้องไห้ แล้วยิ้มเศร้าออกมาอย่างยอมรับ
“เพื่อน..เหรอ..ก็ยังดีที่เราไม่ได้เป็นศัตรูกันแล้ว ขอบใจมากวินยา”
เลาซาเอื้อมไปจับมือวินยา มองหน้านิ่งเหมือนจะขอจำไว้เป็นครั้งสุดท้าย วินยามองตอบด้วยความสะเทือนใจ
“เลาซา”
เลาซายิ้ม แล้วร่างก็กระตุกอย่างแรง เลือดไหลทะลักออกจากปาก เป็นครั้งสุดท้าย แล้วค่อยๆ หมดลมหายไปใจไป
“เลาซา” / “พี่เลาซา”
สางโปสะเทือนใจไม่ต่างจากสองพี่น้อง วินยากลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ร้องไห้กับการจากไปของเลาซา
ขณะนั้นแจ๋ล้มลงกับพื้น กิมจิที่วิ่งนำไปข้างหาหันมาหาอย่างเป็นห่วง
“อ๊าย”
สมุนที่วิ่งตามหลังมา กระโดดเข้ามาถีบกิมจิกระเด็นไป สมุนอีกคนเข้าไปจับตัวแจ๋ แต่โดนแจ๋ถีบ กระเด็นออกไป
“ฤทธิ์มากเหรอ”
สมุน1ยัวะดึงแจ๋มาตบกระเด็นไปทางเดียวกับกิมจิ , สมุน1ตามเข้ามาจะกระทืบแจ๋ กิมจิรีบเสือกตัวเข้าไปคร่อมตัวแจ๋ไว้ แล้วให้สมุนกระทืบตัวเองแทน
“อยากตายแทนหรือวะ”
กิมจิโดนสมุนทั้งสองคนรุมกระทืบหลังเจ็บปวดมากๆ แต่ก็ไม่ร้องสักคำ แจ๋มองหน้ากิมจิ อึ้ง ที่เสียสละเพื่อตัวเอง
“กิมจิ” แจ๋เห็นแล้วอดสงสารกิมจิไม่ได้
“ชั้นหนังหนา ไม่เจ็บหรอก”
กิมจิพูดจบก็เลือดกระอักปากออกมา
“กิมจิ” แจ๋ตกใจทำท่าจะร้องไห้
กิมจิทรุดลงไปกับอกแจ๋ แจ๋ร้องกรี๊ด หน้าตาตื่นตกใจ จังหวะนั้นเองอุ๊บอิ๊บกับบุญทิ้งก็โผล่มาเอาไม้ตีหัวสมุนทั้งสองคนจนล้มไป
“คุณแจ๋ คุณกิมจิ ไม่เป็นไรนะครับ”
แจ๋จับกิมจิหงายหน้าขึ้นมา แจ๋รีบเข้าไปประคองอย่างเป็นห่วงกลัวกิมจิจะเป็นอะไรไป
“กิมจิ แกอย่าตายนะ” แจ๋ร้องขึ้น
กิมจิลืมตาขึ้นมา “เป็นห่วงชั้นด้วยเหรอ”
แจ๋ทุบเบาๆ “ไอ้บ้า ชั้นไม่อยากไปกินข้าวต้มงานแกหรอกเว้ย”
ระหว่างนั้นเสียงปืนก็ดังเปรี้ยง ขึ้นลั่นป่า ทุกคนตกใจ
“อ๊าย... เสียงปืนอ่ะ” อุ๊บอิ๊บร้องลั่น
“รีบไปดูเถอะครับ”
บุญทิ้งพูดจบ ทั้งหมดก็พากันวิ่งออกไปจากบริเวณนั้นทันที
เป็นพาณิชย์นั่นเองที่เดินออกมาจากแนวต้นไม้ ยกปืนขึ้นเล็งไปที่ดนัยประคองปีกศิริยืนอยู่ข้างหน้า
“ฉันมาเอาชีวิตแก ไอ้ดนัย”
ดนัยพาศิริขยับถอยไปข้างหลัง ธานีเดินเข้ามาเล็งปืนขึ้น
“ไอ้ลูกหมา ต่อให้มีปีกแกก็หนีไม่พ้นแล้ว”
ธนวัติที่ตามมาข้างๆ ยกปืนเล็งเช่นกัน พวกสมุนรายล้อมอยู่ข้างหลัง
“ตาย”
ธนวัติกำลังจะเหนี่ยวไกยิงศิริและดนัย ฉวีวรรณโผล่ออกมาจากมุมหนึ่งพอดี รีบปาก้อนหินใส่ศีรษะธนวัติ โดนเข้าเต็มๆ
“อ๊อย”
ดนัยฉวยโอกาสกระโดดเข้าไปเตะปืนในมือธานีร่วง แล้วต่อยธานีหน้าหงายร่างกระเด็นไป
พาณิชย์ทำท่าจะเข้าไปเล่นงานดนัย กิมจิ กับ บุญทิ้ง โผล่ออกมาจากอีกทางเห็นเหตุการณ์รีบพุ่งตรงเข้าไปเตะพาณิชย์ ช่วยกันรุมต่อย อุ๊บอิ๊บทำท่าจะเข้าไปช่วยพี่ แจ๋รีบดึงตัวไว้
“อ๊าย พี่พาณิชย์”
แจ๋จับตัวอุ๊บอิ๊บไว้ไม่ยอมปล่อย “หยุดเลย นังอุ๊บอิ๊บ”
ธนวัติตั้งหลักได้และกำลังจะเข้าไปเล่นงานดนัย ฉวีวรรณรีบเข้าไป ถีบธนวัติ
“อย่านะ ไอ้ชั่ว”
ธนวัติเซไปหน่อยหนึ่ง ธนวัติตั้งตัวได้แล้วตวาดลั่นใส่ฉวีวรรณ
“แสบนักนะ”
นงนุชหยิบไม้ได้จะฟาดธนวัติ ธนวัติเอี้ยวตัวหลบจับตัวนงนุชไว้ได้ เอาปืนจี้ตัวนงนุชไว้ แล้วตะโกนสั่งขึ้น
“หยุด ไม่งั้นนังแม่นี่ตายแน่”
ทุกคนชะงักหันไปมองนงนุชเป็นตาเดียว
“แม่” ดนัยร้องเป็นห่วงแม่
ศิริที่หลบอยู่มุมหนึ่งมองเป็นห่วงเช่นกัน
“คุณนุช”
พาณิชย์ฉวยโอกาสถีบพวกกิมจิ แล้วเข้าไปยืนรวมอยู่ข้างๆ เดียวกับธนวัติ ธานี
“ช่วยด้วย” นงนุชพยายามร้อง
ดนัยวิ่งเข้ามาอย่างเป็นห่วงแม่ ธนวัติตะคอกใส่
“อย่าเข้ามานะเว้ย”
“ปล่อยแม่ชั้น เดี๋ยวนี้” ดนัยสุดแค้น แต่ทำอะไรไม่ได้
“รักแม่มากหรือไอ้ดนัย รักมากนักก็เอาชีวิตมาแลกสิ”
“ยิ่งกว่าชีวิตชั้นก็ให้แม่ได้”
ดนัยโยนปืนทิ้งไปข้างหน้าโดยไม่ลังเลสักนิด ตะโกนตอบไปอย่างเด็ดเดี่ยว
“อยากฆ่าฉันก็ฆ่า...ปล่อยแม่ชั้นได้แล้ว”
นงนุชใจจะขาด ร้องตะโกนออกไป
“ไม่นะ ดนัย”
ธนวัติสะใจ “ในที่สุดเวลาที่ชั้นรอคอยก็มาถึงแล้ว เวลาที่ชั้นจะได้ระเบิดหัวแก!”
ธนวัติรู้สึกสะใจ เล็งปืนไปที่ดนัยทำท่าจะยิง นงนุชรีบดึงมือธนวัติกัดเข้าไปเต็มเขี้ยว
ธนวัติร้องด้วยความเจ็บ สะบัดมือหลุดแล้วตบนงนุชจนร่างกระเด็นออกไป ธนวัติยกปืนขึ้นจะยิ่งใส่นงนุช อย่างลุแก่โทสะ
“อีบ้า”
ฉวีวรรณมองเห็นรีบวิ่งเข้าไปบังนงนุช รับกระสุนแทน
“อย่า”
ธนวัติลั่นไกเสียงดังสนั่น “เปรี้ยง”
กระสุนพุ่งตรงไปที่ร่างฉวีวรรณ เหมือนกับว่าเธอโดนยิงเข้าที่หน้าอกอย่างจัง ดนัยชะงัก ฉวีวรรณเอามือกุมไว้กับหน้าอก แล้วล้มไปกับพื้น
“หวี!”
นงนุชช็อก กรีดร้องลั่น “อ๊าย”
ศิริตกใจอย่างมาก พยายามจะลุกขึ้นแต่เดินไม่ไหว
“หวี”
ธนวัติถือโอกาสยกปืนขึ้นหมายจะยิงดนัย แต่ดนัยกลิ้งตัวไปหยิบปืนขึ้นมา แล้วยิงสวนเปรี้ยงไปก่อน โดนขาธนวัติ ร้องด้วยความเจ็บปวด
“โอ๊ย”
“วัติ” ธานีตกใจ
จังหวะนั้น ทองอิน พร้อมกับตำรวจป่าไม้ ก็กรูเข้ามา
“อย่าขัดขืน เจ้าหน้าที่ล้อมไว้หมดแล้ว”
“ตำรวจป่าไม้” พาณิชย์หันไปมองด้วยความตกใจ
หลังจากนั้นธานี ธนวัติและพวกลูกน้อง เปิดฉากยิงสู้กับตำรวจป่าไม้ แล้วรีบถอยหนีออกไปทางหนึ่ง
ทองอินตะโกนสั่ง “กระจายกำลังกัน ตามจับมาให้ได้”
บรรดาตำรวจวิ่งกระจายกำลังออกไป อุ๊บอิ๊บร้องตามพ่อ แต่บุญทิ้งจับตัวไว้
“ป๊า กลับมา”
ทองอินหันบอกทุกคน
“อีกเดี๋ยวหน่วยพยาบาลจะมาถึง ช่วยกันปฐมพยาบาลคนเจ็บก่อนนะครับ”
ทองอินรีบวิ่งออกไป ดนัยพุ่งเข้าไปหาฉวีวรรณ
“หวี”
ดนัยพลิกตัวฉวีวรรณขึ้นมา เห็นว่าฉวีวรรณสลบอยู่ แล้วมีเลือดไหลเล็กน้อยที่มุมปาก และมือที่กุมตรงหน้าอก ก็มีแผลปนเลือดออกนิดหน่อย
ดนัยมองร่างฉวีวรรณใจแทบแตกสลาย เพราะนึกว่าฉวีวรรณตายแล้ว
“หวี.....”
ดนัยร้องตะโกนสุดเสียงกอดฉวีวรรณไว้แนบอก
ส่วนกาซูวิ่งเตลิดมาด้วยท่าทางเสียสติ สายตาหลุกหลิกหวาดระแวงตลอดเวลา เพราะความช็อก พึมพำตลอดทาง
“เปล่า ข้าไม่ได้ทำ ข้าไม่ได้ทำ ไม่ๆๆๆ” กาซูเอามือกุมหัวด้วยความสับสน
กาซูวิ่งพลางหันมองด้านหลังอย่างตื่นกลัว เข้ามาจนถึงตรงที่ธานีวิ่งประคองธนวัติกับพาณิชย์เข้ามา พาณิชย์มองเห็นกาซูข้างหน้า
“ไอ้กาซู”
กาซูเงยหน้าขึ้นมองทั้งสามอย่างตื่นๆ เหมือนจำไม่ได้
“ข้า...เปล่า ข้าไม่ได้ทำ ข้าไม่ได้ทำ”
“เฮ้ยย เป็นบ้าอะไรวะ” ธานีทัก
“รีบไปเถอะอา ตำรวจตามหลังมาแล้วนะ”
ธานีกับพาณิชย์ทำท่าจะประคองพาธนวัติหนีต่อ แต่ธนวัติร้องลั่นออกมาเพราะเจ็บแผล
“โอ๊ย”
กาซูหันมามองธนวัติที่กำลังเอามือจับแผลของตัวเองอยู่ จู่ๆ ภาพในสมองก็เลอะเลือน ทำให้มองเห็นธนวัติเป็นเลาซาลูกชาย และกำลังกุมแผลเหลือบตาขึ้นมามอง
“เลาซา” กาซูร้องขึ้นหันขวับไปมองธานี พาณิชย์ “พวกเจ้าทำอะไรลูกข้า”
กาซูสะบัดมือในอากาศ ธานี พาณิชย์ และบรรดาสมุน ต่างล้มกลิ้งลงไปร้องเจ็บปวด กาซูดีใจทำท่าจะพุ่งเข้าไปหาธนวัติ
“เลาซาลูกพ่อ เจ้ายังไม่ตาย”
ธนวัติกลับยกปืนขึ้นมายิงกาซูเปรี้ยง ร่างกาซูกระตุก เลือดพุ่งออกมาจากหน้าอก กาซูมองไปที่ธนวัติ ยังร้องเรียกหา
“เลา..ซา”
ธนวัติยิงอีกเปรี้ยง พาณิชย์ตั้งหลักได้มาช่วยยิงด้วยอีกเปรี้ยง ร่างกาซูเซถอยหลังไปตามแรงกระหน่ำยิงแล้วค่อยๆ ล้มคว่ำกลิ้งตกเนินเขาไป
“อ๊าก”
กาซูกลิ้งไป แน่นิ่งอยู่ที่ปลายเนินเขา ตาเบิกโพลง ธานี ธนวัติ และพาณิชย์วิ่งเข้ามาชะโงกดูด้วยความสะใจ
“ไอ้หมอผีบ้า ตายซะก็ดี”
ตำรวจป่าไม้ วิ่งเข้าก่อน เห็นพวกธานี รีบตะโกนขึ้น
“มันอยู่นั่น” หัวหน้าตะโกนบอก
ธานี ธนวัติ พาณิชย์ หันไปมองอย่างตกใจ ทองอิน กับตำรวจอื่นวิ่งตามเข้ามา แต่สมุนธานีคนหนึ่งหยิบระเบิดออกมากัดแล้วปาออกไป เสียงระเบิดดังบึ้ม ทองอินกับพวกตำรวจ ต่างกระโดดหลบ
พวกของธานี รวมทั้งอาศัยจังหวะชุลมุนรีบวิ่งออกไป
สมุนวิ่งนำพวก ธานี พาณิชย์ ธนวัติซึ่งมีสมุนหิ้วปีกพาวิ่งอยู่ ข้ามสะพานมา ส่วนอีกฝั่งของสะพาน ดนัยก้าวเข้ามา ยกปืนยิงเปรี้ยงๆ อย่างสุดเท่ บรรดาพวกสมุน ล้มตายตกสะพานลงน้ำเสียงดังตูมตาม ธานี ธนวัติ และพาณิชย์ตกใจหน้าตาตื่น
“ไอ้ดนัย!”
สมุนที่เหลือยิงใส่ดนัยอย่างไม่ลดละ ดนัยกระโดดตัวลอยขึ้นไปยืนบนขอบสะพานเหล็ก แล้ววิ่งบนขอบสะพานอย่างแคล่วคล่อง ยิงกราดใส่พวกสมุนจนตายเกลี้ยง
ดนัยวิ่งเข้ามาหยุดเล็งปืนไปที่สามวายร้าย ธนวัติ พาณิชย์ และธานี ดนัยยิงเปรี้ยง ธนวัติรีบเกาะพาณิชย์ไว้ พากันวิ่งหนีกลับไปทางเก่า
ดนัยกระโดดลงมาที่พื้นสะพาน แล้วถือปืนเดินตามไปอย่างมาดมั่น
อ่านต่อหน้า 4
หอบรักมาห่มป่า ตอนที่ 23 อวสาน (ต่อ)
ธานีประคองธนวัติ โดยมีพาณิชย์วิ่งนำหน้า พากันหนีเตลิดเข้าไปในป่า พาณิชย์ทะเล่อทะล่าไม่ระวังเข้าไปเหยียบกับดักสัตว์เข้าอย่างไม่ตั้งใจ ปืนในมือร่วงกระเด็นไป
“โอ้ย” พาณิชย์ร้องด้วยความเจ็บปวด
“ไอ้พาณิชย์” ธานีตกใจ
“ใครเอากับดักสัตว์มาวางแถวนี้ อ๊อย อาธานี ช่วยด้วย”
“มันไม่มีเวลาช่วยใครแล้วล่ะ วัติ พาณิชย์ ตัวใครตัวมันเถอะเว้ย”
ธานีแสดงธาตุแท้ออกมา ผลักธนวัติล้มลงไป ข้างๆ พาณิชย์ ที่ร้องเจ็บ วิ่งหนีเอาตัวรอดไป
“ป๊า” ธนวัติตกใจ
“ไอ้อาสารเลว เห็นแก่ตัวนี่หว่า” พาณิชย์ด่าออกมา
เป็นเวลาเดียวกับที่ดนัยถือปืนเดินตามเข้ามา ตาจ้องเขม็งไปที่สามวายร้าย
ธนวัติหันไปมองเห็น ดนัยกำลังเข้ามา
“ไอ้ดนัย”
พาณิชย์รีบร้องขอให้ช่วยอย่างหวาดกลัว
“พี่วัติ เร็ว เอากับดักออกเร็ว”
ดนัยก้าวเดินเข้ามาพร้อมปืนในมือ
“พวกแกมันชั่วจริงๆ พอจนตรอกก็หักหลังกันเอง” ดนัยเยาะ
ธนวัติโมโหยกปืนจะยิงดนัย แต่ดนัยไวกว่า โดดเข้าไปถีบหน้าธนวัติ จนหงายหลัง ปืนกระเด็นหล่นไปอีกทาง
“อ๊อย”
ดนัยเล็งปืนไปที่ธนวัติ
“อย่า ดนัย อย่ายิง”
ดนัยไม่ตอบ ยิงเปรี้ยงลงไปที่พื้นให้เฉียดร่างของธนวัติ กับพาณิชย์
ธนวัติ และพาณิชย์ ร้องด้วยความกลัวตาย
“รู้สึกหรือยัง สัตว์ป่าที่แกล่า ต้นไม้ที่แกทำลายเด็กที่แกจับไปขาย เขามีความรู้สึกยังไงกัน”
“ฉันรู้แล้ว ต่อไปจะไม่ทำอีกแล้ว ปล่อยฉันไปเถอะ” ธนวัติรับปากพร้อมกับขอร้อง
“ปล่อยงั้นเหรอ” ดนัยไม่เชื่อ
ดนัยไม่เชื่อ ยิงอีกเปรี้ยงเฉียดตัวทั้งคู่ไป พาณิชย์ยกมือยอมแพ้ ร้องกลัวอย่างลนลาน
“ฉันยอมแล้ว ชั้นกลัวแล้ว”
คราวนี้ดนัยยกปืนขึ้นเล็งไปทางพาณิชย์
“นี่สำหรับชลิตกับดาหวัน”
ดนัยยิงเปรี้ยงออกไป โดนหัวไหล่พาณิชย์เข้า พาณิชย์ร้องโอดโอย เลือดไหลออกมาจากหัวไหล่ แล้วดนัยหันกระบอกปืนไปที่ธนวัติ
ธนวัติยกไม้ยกมือ ร้องห้าม ในอาการลนลาน ขยับหนีไปข้างหลังจน หลังติดโคนต้นไม้
“อย่า อย่าฆ่าชั้นเลย ดนัย ชั้นไหว้ล่ะ”
ดนัยเล็งปืนจะยิงธนวัติ มองด้วยความเจ็บแค้น ไม่สนใจเสียงขอร้อง
“แกฆ่าหวี แกสมควรตาย” ดนัยยิงเปรี้ยงออกไป
ธนวัติร้องขึ้นสุดเสียงด้วยความกลัว นึกว่าตายแน่แล้ว
ภาพกระสุนพุ่งไปทะลุโคนต้นไม้เหนือหัวธนวัติ แบบเฉียดฉิว จนเห็นเป็นรูรอยกระสุน ธนวัติมองดนัยตาค้าง ดนัยข่มใจพูดขึ้น น้ำเสียงจริงจัง
“ถึงชั้นจะฆ่าแกให้ตายอีกร้อยครั้ง มันก็ไม่มีทางทดแทนชีวิตหวีได้ฉันจะให้กฎหมายจัดการกับแก”
จู่ๆ เสียงแผ่นดินลั่นไหลจากภูเขาลงมา ดังก้องป่าเข้ามา ดนัยเผลอ เหลียวมองแปลกใจ
ธนวัติกับพาณิชย์ได้โอกาส หยิบปืนที่ตกอยู่ขึ้นมา ชลิตโผล่เข้ามาจากอีกด้านหนึ่งตะโกนขึ้น
“ระวัง!!”
ธนวัติยิงเปรี้ยงแต่ดนัยกระโดดหลบได้ทันพอดี พาณิชย์รีบโจมตี ยิงเปรี้ยงมาที่ชลิตไม่ยั้ง ชลิตรีบล้มตัวลงหลบกระสุนทันพอดีเหมือนกัน หลังจากนั้นทั้งธนวัติกับพาณิชย์ ต่างยิงกราดสาดกระสุนใส่ทั้งสองคนไม่นับ
พอได้จังหวะดนัยกับชลิต ต่างกลิ้งออกมาจากที่กำบังคนละข้างมาตั้งท่าเล็งปืน
ดนัยยิงธนวัติปัง กระสุนเข้าหน้าอก ธนวัติกระตุกเลือดกระฉูด
ชลิตเล็งแล้วยิงพาณิชย์ ปัง ปัง กระสุนตัดขั้วหัวใจล้มลงไปตายคาที่เช่นกัน
ดนัยกับชลิตต่างลุกขึ้นมองสองวายร้ายอย่างปลงๆ
“จุดจบของคนที่ทำผิดกฎหมาย ไม่ติดคุกก็ต้องจบชีวิต” ดนัยเอ่ยขึ้น
ดนัยนึกได้ค่อยๆ หันมาหาชลิตรู้สึกแปลกใจครามครันที่ชลิตยังไม่ตาย
“แกยังไม่ตาย”
“ภารกิจกำจัดคนชั่วยังไม่เสร็จสิ้น เรื่องอะไรชั้นจะตายง่ายๆ”
เสียงแผ่นดินลั่นดังเข้ามาอีก ดนัยชลิตเหลียวมอง ดนัยพูดขึ้นสีหน้าเครียด
“เสียงดินลั่น แถวนี้ไม่ปลอดภัยแล้วละ”
ทั้งสองรีบวิ่งออกไป ทิ้งร่างไร้วิญญาณของธนวัติและพาณิชย์ที่ตายอย่างน่าอนาถใจ ไว้อย่างนั้น
ธานียังคงตั้งหน้าวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนเข้ามาในป่า แล้วหลบหลังต้นไม้มุมหนึ่ง ยิงตอบโต้กับทองอิน ตำรวจป่าไม้ ดนัย กับชลิตวิ่งเข้ามาจากอีกมุมหนึ่ง ชลิตมองไปเห็นเข้าพอดี
“เสี่ยธานี”
“มอบตัวซะ นายธานี” ทองอินตะโกน
ธานีไม่ตอบ แต่ยิงตอบโต้กลับมา ทุกคนรีบหลบกระสุน อุ๊บอิ๊บ และบุญทิ้ง วิ่งตามเข้ามาอยู่กับพวก ดนัย ชลิต ทองอิน
“ป๊า หยุดเถอะ ป๊าหนีไม่พ้นหรอก” อุ๊บอิ๊บร้องขอ
“ไม่ ชั้นไม่มีทางติดคุก”
ธานีถอยหลังไปแล้วยิงเปรี้ยงๆ ทุกคนหลบวุ่นวาย ธานีรีบวิ่งไต่เนินเขาขึ้นไปมุมหนึ่ง ทุกคนรีบตามไป
ธานีไต่เขามามุมหนึ่ง แต่แล้วเหมือนเป็นทางตัน เป็นหินผาปิดทางไป ธานีเลิกลัก หน้าตาตื่น ดนัย ชลิต ทองอิน พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไล่ตามหลังเข้ามา ธานีบ้าคลั่งกวาดตามองทุกคนชี้ปืนออกไป ตวาดลั่น
“อย่า...ใครเข้ามาตาย!!”
อุ๊บอิ๊บจะวิ่งเข้าไปหา บุญทิ้งดึงตัวไว้
“ป๊า”
“อย่าครับ ป๊าคุณพูดไม่รู้เรื่องแล้ว”
ดนัยพยายามจะเกลี้ยงกล่อม
“มอบตัวสู้คดีดีกว่า โทษหนักจะได้เบาลง” ดนัยบอก
“ไม่ ! คนอย่างเสี่ยธานีไม่ยอมจนมุมง่ายๆหรอกโว้ย
ทันใดนั้น เสียงแผ่นดินลั่นก็ดังขึ้นมาอีก ทุกคนตกใจ ดนัยตะโกนบอกธานี หน้าตาเครียด
“ดินจะถล่มแล้ว ถ้าไม่อยากตาย รีบออกมาซะ”
“ไม่ต้องมาหลอกข้าหรอกโว้ย พวกแกต่างหากที่ต้องตาย”
ธานียิงปืนกราดอย่างบ้าคลั่งไปรอบๆ ดนัย ชลิต รีบพาทุกคนหลบถอยออกไป แล้วเสียงดินลั่นดังใกล้ขึ้นอีก
ทองอินคุ้นเคยกับสภาพนี้ มีสีหน้าตื่น รีบร้องบอกทุกคน “ดินถล่มแล้ว!! รีบหนีเร็ว”
ดนัย ชลิต ทองอิน อุ๊บอิ๊บ บุญทิ้ง และตำรวจทั้งหมด รีบหลบถอยออกไป เหลือแต่ธานีที่หัวเราะบ้าคลั่ง ร้องเรียกท้าทายให้ทุกคนจับ บุญทิ้งรีบดึงอุ๊บอิ๊บไป
“มาสิวะ จะจับไม่ใช่เหรอ เข้ามาเลย”
ธานีหัวเราะก้อง แบบคนสติหลุดไปแล้ว ทันใดนั้นฟ้าก็ผ่าเปรี้ยงลงมา ทั้งๆ ที่ฝนไม่ได้ตก พร้อมกับที่มีเสียงหวู่ๆ ของดินภูเขาไหลลงมาดังสนั่นหวั่นไหว
ทุกคนมองอย่างตื่นตระหนก แล้วรีบหลบเข้าที่กำบัง ห่างออกไป
ภาพดินภูเขาไหลท่วมเข้ามาตรงที่ธานียืนหัวเราะอยู่ จนกระทั่งดินไหลมาใกล้ตัวมากๆ แล้ว ธานีจึงหันไปมองเห็น ช็อกตาตั้ง เพราะทั้งดินทั้งหินมหาศาลโถมไหลท่วมเข้ามาหาตัวเองอย่างน่าสะพรึงกลัว
ร่างของธานีผงะล้มลงไป ร้องลั่นด้วยความหวาดกลัว
“อ๊าก”
กองดินมหาศาลค่อยๆ โถมมาทับท่วมร่างธานี ที่นอนตะเกียกตะกายมองดูอย่างตี่นตระหนกเพราะหนีไม่รอด อุ๊บอิ๊บที่หลบอยู่กับพวกดนัยกรี๊ดลั่น แล้วพยายามจะวิ่งออกมาช่วย แต่ถูกจับรั้งตัวเอาไว้
“ป๊า”
“อ๊าก”
สีหน้าทุกคนมองตะลึง เห็นกองดินกองหินทั้งหมดสงบลงโดยมีร่างธานี นอนตายเบิกตาโพลงอยู่ ในกองดิน ใบหน้าเปื้อนเต็มไปด้วยเลือด
อุ๊บอิ๊บรีบถลาเข้าไปหาศพธานี สะอื้นร่ำไห้ บุญทิ้งตามไปคอยปลอบประโลม
“ป๊า ฮือ ป๊าอย่าทิ้งอุ๊บอิ๊บไป ป๊าอย่าเป็นอะไรนะ ป๊าๆๆๆๆ”
อุ๊บอิ๊บเขย่าตัวธานีอย่างแรงบุญทิ้งห้ามพร้อมกับปลอบไปในตัว
“คุณอุ๊บอิ๊บ สงบใจหน่อยนะครับ ป๊าคุณตายแล้ว”
อุ๊บอิ๊บสะอื้นโฮกับอกธานี บุญทิ้งได้แต่ลูบหลังปลอบใจ
ชลิต ดนัย ทองอิน และทุกคนตามเข้ามาดูด้วยความหดหู่
“นี่ไงล่ะ ผลของการตัดไม้เถื่อน ที่ดินพวกนี้ถล่มลงมาได้ ก็เพราะภูเขาหัวโล้น ต้นไม้ถูกตัดจนเกลี้ยง” ดนัยว่า
“เขาเรียกว่าเวรกรรมมีจริง เสี่ยธานีต้องมาตายเพราะ กรรมที่ตัวเองตัดไม้ทำลายป่า” ชลิตหดหู่ใจ
ดนัยถอนหายใจ คิดถึงฉวีวรรณ แล้วหน้าเศร้าขึ้นมา ชลิตหันมาเห็น ทักขึ้น
“แกเป็นอะไรไป เสร็จสิ้นภารกิจแล้ว ไม่ดีใจเหรอ” ชลิตถาม
“ก็จริง.. เราเอาชนะคนชั่วได้ แต่คนดีที่สุดของชั้นได้จากไปแล้ว แกคิดว่าชั้นควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีละ”
ดนัยมองสายตาเศร้าลึก แล้วหันหน้าเดินออกไปเลย ชลิตมองตามไปอึ้งๆ เศร้าใจไปด้วย
เวลาต่อมาดนัยตามมาสมทบคนอื่นๆ และกำลังวิ่งตรงเข้ามาที่รถพยาบาลจอดอยู่ หดหู่และเศร้ายิ่งขึ้นที่เห็นแจ๋กับกิมจิ สะอึกสะอื้นร้องไห้นั่งเฝ้าฉวีวรรณที่นอนนิ่งเหมือนคนตายที่มุมหนึ่ง
“ยายหวี ฮือ เพื่อนไม่น่าเลย...”
ดนัยใจหายรีบพุ่งเข้าไปหาฉวีวรรณ รู้สึกสะเทือนใจ
“หวี!”
แจ๋กับกิมจิสะอื้นโฮ กอดคอกันร้องไห้ สร้างบรรยากาศให้ยิ่งเศร้าไปอีก
เวลาเดียวกันนั้นบุรุษพยาบาลประคองศิริที่ทำแผลปฐมพยาบาลเบื้องต้นเรียบร้อยแล้ว มากับนงนุช และเข้ามายืนตรงมุมหนึ่ง ศิริมองอย่างเศร้าสร้อยเสียใจสุดชีวิต
“ยายหวี ...นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ทำไมต้องเป็นแบบนี้”
“เป็นเพราะชั้นคนเดียว ถ้าหนูหวีไม่มาช่วยชั้น หนูหวีก็คงไม่เป็นแบบนี้...”
นงนุชและทุกคนพลอยเศร้ากันไปหมด
ดนัยเขย่าตัวฉวีวรรณ พรั่งพรูความในใจ
“หวี ตื่นสิ อย่าทิ้งกันไปอย่างนี้ เธอจะด่าฉัน เกลียดฉันยังไงก็ได้ ฉันยอมเธอทุกอย่าง แต่เธอต้องตื่นมานะหวี ตื่นมามองหน้าฉัน จับมือฉันแล้วฟังฉันบอกว่ารักก่อน...ได้ยินไหมหวี”
ดนัยมองฉวีวรรณ น้ำตาร่วง
“ฉันรักเธอ รักเธอคนเดียว”
พูดจบดนัยก็ซบหน้าลงไปกอดฉวีวรรณ โดยไม่รู้ว่าเวลานี้ใบหน้าฉวีวรรณ ที่หลับตาอยู่ แต่มีน้ำตาไหลออกมา ด้วยความซึ้งประทับใจ
นงนุชและศิริมองดูภาพนั้นด้วยความซาบซึ้งใจไปด้วยว่า ดนัยรักฉวีวรรณจริงๆ
ดนัยกอดฉวีวรรณ ร้องไห้อยู่อย่างนั้น สักพักฉวีวรรณขยับมือ ยกมือขึ้นมาปลอบดนัย
“โอ๋ ๆ ขวัญเอ๊ย ขวัญมานะ ดนัยน้า”
ดนัยชะงักดึงตัวขึ้นมามองหน้าเห็นฉวีวรรณอมยิ้ม
“นี่เธอ ...ไม่ได้ตาย” ดนัยงง
ศิริกับนงนุชแปลกใจไม่แพ้กัน เพราะศิริกับนงนุชไม่รู้เรื่อง
“ยายหวี” ศิริร้องออกมาอย่างดีใจ
“หนูหวีไม่ได้เป็นอะไรหรอกเหรอ” นงนุชเองก็ดีใจระคนประหลาดใจ
ฟากแจ๋กับกิมจิยิ้มเจ้าเล่ห์ แบบรู้กันกับฉวีวรรณ
“แหม ถ้าไม่ทำแบบนี้ จะได้ดูฉากพระเอกบอกรักนางเอกหรือคะ” แจ๋ว่ายิ้มๆ
ดนัยฉุนมองหน้าฉวีวรรณ เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“แกล้งชั้นเหรอ”
ฉวีวรรณลุกขึ้นมานั่ง มองดนัยอมยิ้ม
“ชั้นแค่จุกจนสลบไป นายน่ะทึกทักเอาเองนะ”
“แต่เธอโดนยิงนี่?”
ฉวีวรรณยิ้มแล้วหยิบก้อนหินสีชมพูที่แตกเป็นเสี่ยงๆ ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ
“ชั้นใส่หินสีชมพูดไว้ในเสื้อ หินสีชมพูที่เป็นตัวแทนความรักของเราปกป้องฉันไว้ไงล่ะ”
ดนัยมองฉวีวรรณยิ้มๆ แล้วดึงฉวีวรรณเข้าไปกอดแน่นทันที
“อ๊อย ดนัยทำอะไร” ฉวีวรรณโวย
“เธอทำให้ชั้นเสียขวัญ ก็ต้องกอดให้หายตกใจนะสิ”
ศิริกระแอมขัดคอสัพยอก “มากอดพ่อจะหายเร็วกว่ามั้ย”
ดนัยยิ้มเจื่อน ปล่อยมือจากฉวีวรรณด้วยความเสียดาย
ดนัยยกมือไหว้ศิริ “ขอโทษครับ คุณพ่อ”
“ชั้นดีใจด้วยนะคะ คุณศิริ แต่น่าเสียดายที่หนูหวันไม่ได้โชคดีอย่างนี้”
คำพูดของนงนุชทำเอาศิริหน้าหมองลงไป เมื่อนึกถึงดาหวันขึ้นมา
“ยายหวัน ผมไม่นึกเหมือนกันว่าหวันจะอายุสั้น”
จู่เสียงของดาหวันก็ดังลอดเข้ามา
“พ่อขา ...”
ทุกคนสะดุ้ง แจ๋กับกิมจิคุ้นเสียง กิมจิรีบร้องขึ้นมา
“เสียงเหมือน…ดาหวัน! ฮือ ตายปุ๊บเฮี้ยนปั๊บเลย”
ดาหวันเดินยิ้มเข้ามาจากมุมหนึ่งพร้อมกับชลิต
“หวันไม่ใช่ผีนะ”
ทุกคนอึ้ง หันมองด้วยความดีใจ
“หวัน” ศิริร้องอย่างไม่เชื่อตาตัวเอง
ดาหวันวิ่งเข้ามากอดศิริ ชลิตเดินตามเข้ามาด้วย
“พ่อ” ดาหวันแล้วถอนตัวขึ้นมา “...หวันรอดมาได้ เพราะพี่ชลิตดึงหวันโดดจากรถได้ทันพอดีค่ะ พ่อ”
ศิริมองชลิตรู้สึก ประทับใจ
“ขอบใจมากนะ ชลิต ที่เสี่ยงชีวิตช่วยยายหวัน”
“ไม่เป็นไรครับคุณพ่อ เพื่อหวันแล้ว ยิ่งกว่านี้ผมก็ทำได้ครับ” ชลิตทำเนียนเปลี่ยนสรพพนามเรียกศิริจากคุณลุง มาเป็นคุณพ่อซะงั้น
ศิริทำหน้ากวนใส่ยิ้มๆ “เท่าที่จำความได้ ชั้นมีแต่ลูกสาวไม่มีลูกชายนะ
“อ้าว” ชลิตงงอึ้ง
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น” ศิริหันไปหาฉวีวรรณ กับดาหวัน “ไปยายหวี ยายหวันกลับได้แล้ว”
“พ่อ” ฉวีวรรณกับดาหวันขัดใจร้องพร้อมกัน
“ขาชั้นเจ็บอยู่นะ จะไม่มีใครพาไปโรงพยาบาลเลยหรือไง”
ฉวีวรรณกับดาหวันรีบเข้ามาประคองปีกศิริคนละด้าน ศิริจ้องดนัยกับชลิตชี้หน้าเหมือนจะเอาเรื่อง พูดขึ้นแล้วหันเดินออกไป
“ไว้ให้ชั้นหายเจ็บซะก่อน พวกนายเจอชั้นแน่”
ชลิตกับดนัยหน้าเจื่อน จ๋อยไปตามระเบียบ
“ความรักมีอุปสรรคแล้ววะ ดนัย ไม่รู้ว่า พ่อตาของเราจะมาไม้ไหน” ชลิตปรารภอย่างเป็นกังวล
เวลาผ่านไปหลายวันแล้ว เช้าวันนี้ วินยาถือดอกไม้เข้ามายืนที่หน้าหลุมฝังศพเลาซา ซึ่งเธอนำเอาก้อนหินมากองๆ ไว้เป็นสัญลักษณ์ ภาพในอดีตระหว่างเธอกับเลาซาหวนย้อนเข้ามาในโมงยามความคิดของวินยา
“ศัตรูคือศัตรู ไม่ต้องมาทำตัวเป็นมิตร แส่มาช่วยเหลือข้า”
วินยายื่นมีดให้เลาซา “แทงข้าหนึ่งแผล ข้าไม่อยากติดหนี้บุญคุณเจ้า”
เลาซามองหน้าวินยาอย่างเจ็บปวดใจ แล้วทำท่าเหมือนจะรับมีดไป แต่กลับจับมือวินยาบิดแขนจนวินยาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด มีดร่วงหล่นไป แล้วเลาซาดึงวินยาเข้าไปกอดปะทะอก
“แผลบนร่างกายมันไม่เจ็บเท่า แผลที่หัวใจหรอก”
นึกมาถึงตรงนี้วินยามองหลุมศพเลาซา รู้สึกเศร้าและสะเทือนใจหนัก
“เจ้าพูดถูก เลาซา แผลในหัวใจมันเจ็บและไม่เคยช่วยให้อะไรดีขึ้น มีแต่ทำให้เราสูญเสียคนที่รักด้วยกันทั้งสองฝ่าย หลับให้สบายนะ เลาซา..ข้าจะรักษาแผ่นดินนี้ไว้เพื่อทุกคน และจะระลึกเสมอว่า..เจ้าคือศัตรูที่เป็นมิตรแท้ของข้า”
วินยาวางดอกไม้ลงที่หลุมศพของเลาซา มองด้วยความเศร้าอาลัย
บริเวณลานกลางหมู่บ้านชาลันช่วงเช้าของวันเดียวกันถูกจัดเป็นแท่นเวทียกพื้นเล็กๆ ประดับด้วย ธงสีต่างๆ และผ้าพื้นเมือง มีดอกไม้วางประดับอยู่ตามมุมสวยงาม
เวลานั้นชาวบ้านต่างตบมือโห่ร้องด้วยความดีใจ สางโปกับวินยา ดาเนา เดินขึ้นไปบนแท่นพิธี ประกาศแต่งตั้งดาเนา หรือลีชา เป็นหัวหน้าเผ่าชาลัน
โดยมีศิริ ฉวีวรรณ ดาหวัน แจ๋ สุภาพ อาหลู่มองยินดีอยู่ด้วยที่มุมหนึ่งด้านหน้าแท่นพิธี
วันนี้สองสาวฉวีวรรณ และดาหวัน แต่งกายด้วยชุดเดรสสวย ดูงามเข้ากับรรยากาศพอดีๆ
“ข้าขอประกาศให้ทุกคนทราบว่า ดาเนาคือ ลีชา น้องชายของข้าที่หายไป และนับต่อจากนี้ ลีชาจะเป็นหัวหน้าเผ่าชาลัน ตามประสงค์ของท่านพ่อของข้าสืบต่อไป”
วินยาหยิบเขี้ยวเสือทองขึ้นมาสวมให้ดาเนา ทุกคนปรบมือ โห่ร้องยินดี ดาเนายิ้มยินดี แล้วพูดกับทุกคน
“ข้าขอขอบคุณทุกคนที่มาดีใจกับข้าในวันนี้ ข้าขอบอกว่า ข้าไม่เคยมีความสุขอย่างนี้มาก่อนเลย ไม่ใช่เพราะตำแหน่งหัวหน้าเผ่า แต่เป็นเพราะพี่วินยา ข้าดีใจ ที่ข้ามีพี่น้อง ข้าดีใจที่ข้าได้เกิดมาเป็นน้องของพี่วินยา”
ดาเนาโผเข้าไปกอดวินยา รักในพี่น้อง ชาวบ้านโห่ร้อง ทั้งดีใจ และตื้นตันใจไปด้วย
วินยา สางโป ดาเนา เดินออกมาส่ง ศิริ ทองอิน ฉวีวรรณ ดาหวัน แจ๋ สุภาพ อาหลู่
“ขอบคุณพี่ทองอินแล้วก็คุณลุงศิริด้วยนะครับ ที่มางานของเรา” ดาเนาบอกพร้อมรอยยิ้ม
“หมดเรื่องร้ายๆ เสียทีนะ ต่อไปนี้น่าจะมีแต่ข่าวดี จริงไหมครับ คุณศิริ” ทองอินเย้า
“ผมก็ว่างั้นนะ” ศิริหันมาหาลูกสาวทั้งสอง “เดี๋ยว หวีกับหวันไปธุระกับพ่อต่อเลยนะ”
“ธุระอะไรอีกคะ พ่อ” สองสาวถามพร้อมกัน
“ฉันนัดว่าที่เจ้าบ่าวของแกทั้งสองคนไว้เรียบร้อยแล้วนะสิ” ศิริบอกเสียงจริงจัง
ฉวีวรรณกับดาหวันตกใจพูดพร้อมกันอีกแบบเซ็งๆ “อีกแล้วเหรอ!!”
“เออ งั้นสิ”
“เมื่อไรพ่อจะเลิกคลุมถุงชนพวกเราเสียที” สองสาวโวยขึ้นพร้อมกัน
อุ๊บอิ๊บ เดินเข้ามาทักทายทุกคน ด้วยคำพูดที่ไม่เคยได้ยิน
“ธรรมสวัสดีค่ะ ทุกคน”
ดาหวันหันไปเห็นแล้ว ทำตาโต พุ่งเข้าไปดึงแขนอุ๊บอิ๊บให้เข้ามาตรงหน้าศิริ
“ยายอุ๊บอิ๊บ! มาได้เวลาจริงๆ มานี่ๆ” ดึงอุ๊บอิ๊บเข้ามาที่ตรงหน้าศิริ “บอกพ่อชั้นไปเลยสิ ว่าชั้นกับพี่ชลิต ชิงสุกก่อนห่ามกันไปแล้ว”
“อะไรนะ นี่แกหมายความว่าไง”
“ก็หมายความว่า พ่อไม่ควรยกหวันให้ใครอีกน่ะสิคะ” นอกจากจะไม่ห้ามคราวนี้ดาหวันยังคะยั้นคะยออุ๊บอิ๊บจนออกนอกหน้า “พูดไปเลยอุ๊บอิ๊บ บอกพ่อชั้นไปเลยเรื่องคลิปที่เธอถ่ายเอาไว้น่ะ”
อุ๊บอิ๊บสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วตัดสินใจพูดขึ้น
“ค่ะ อุ๊บอิ๊บถ่ายคลิปฉาวของดาหวันกับพี่ชลิตไว้จริงค่ะ”
ศิริหน้าตาตื่น “นี่ หมายความว่า ยายหวันกับนายชลิต...”
“ไม่ได้ทำอะไรที่เสียหาย ทุกอย่างที่เกิดขึ้น อุ๊บอิ๊บจัดฉากขึ้นเองค่ะ”
คำตอบของอุ๊บอิ๊บ ทำเอาดาหวันที่ยิ้มอยู่อึ้ง หันมามองตะลึง
“อะไรนะ”
“วันนั้นเธอกับพี่ชลิตแค่เมาเห็ดแล้วหลับไป ฉันเป็นคนกุเรื่องทั้งหมดขึ้น เพราะฉันอยากให้พวกเธอทั้งสี่คน เข้าใจผิดกัน”
“นี่มันอะไรกันเนี้ย”
“ฉันเสียใจด้วยนะดาหวัน ฉันโกหกไม่ได้อีกแล้ว ฉันจะมาลาพวกเธอไปปฏิบัติธรรม ชำระจิตใจให้บริสุทธิ์”
ฉวีวรรณอึ้ง หันมาหาดาหวัน แล้วอึ้งอีก เพราะที่ผ่านมาเข้าใจน้องสาวผิดไป
“พี่ขอโทษนะ ที่เคยเข้าใจหวันผิด แต่พี่ก็ดีใจนะ ที่ทุกสิ่งทุกอย่างที่หวันทำไปทั้งหมดก็เพราะหวันเป็นห่วงความรู้สึกของพี่ ขอบใจมากนะน้องสาว”
ดาหวันมองพี่สาวอย่างซาบซึ้งใจ “พี่หวี”
ดาหวันโผเข้าไปกอดกับฉวีวรรณ
“หวันก็ต้องขอบคุณพี่หวีเหมือนกัน ที่ยอมสละหัวใจตัวเอง เพื่อหวันทั้งๆ ที่มันไม่จำเป็นเลย”
“พวกเธอมัวแต่คิดแทนคนอื่น มันถึงได้เกิดเรื่องขึ้นมา ชั้นว่าเธอสองคนต้องกล้าพูดความจริงซะที” วินยาเอ่ยแทรกขึ้น
ฉวีวรรณกับดาหวันถอนตัวออกจากกัน มองหน้าอึ้ง
“วินยาพูดถูก มันถึงเวลาแล้วที่เราต้องซื่อสัตย์กับหัวใจตัวเอง” ฉวีวรรณหันไปหาศิริ “พ่อคะหนูกับยายหวัน มีคนที่เรารักอยู่แล้ว พ่ออย่าบังคับพวกเราอีกเลยนะคะ”
“พ่อไมได้บังคับ แต่มันเป็นคำสั่ง พวกแกต้องแต่งงานกับคนที่ชั้นหาให้” ศิริยิ้มกวนๆ
ฉวีวรรณกับดาหวัน ปฏิเสธเสียงลั่นพร้อมๆ กัน “ไม่แต่งค่ะ”
ฉวีวรรณรีบฉวยมือดาหวันวิ่งหนีออกไป สุภาพกับอาหลู่รีบตามไปจับตัว
จู่ๆ ก็มีรถยนต์คันหนึ่งวิ่งเข้ามาตัดหน้า ฉวีวรรณกับดาหวัน ไอ้โม่งสองคน ลงจากรถมาจับตัวดาหวันกับฉวีวรรณอย่างอุกอาจ
“อ๊อยย อะไรกันเนี้ย” ฉวีวรรณร้องโวยวาย
“คุณหวี”
สุภาพ อาหลู่เข้าไปช่วย แต่ถูกไอ้โม่งทั้งสองต่อยคว่ำ ก่อนที่ไอ้โม่งทั้งสองจะรีบดึงฉวีวรรณขึ้นรถ ออกไป ทุกคนวิ่งตามมาด้วยความตกใจ
“นาย คุณหวี คุณหวัน โดนฉุดไปแล้วครับ” สุภาพร้องขึ้น
ศิริทำทีเป็นตกใจ
รถกิมจิ เข้ามาจอดเบรกเอี๊ยดที่มุมหนึ่ง กิมจิกับบุญทิ้งที่ยังใส่ไอ้โม่งอยู่ ดึงฉวีวรรณกับดาหวันร้องโวยวายออกมาจากรถพร้อมกัน
“ช่วยด้วย ปล่อยฉันนะ”
ฉวีวรรณกับดาหวันขืนตัว สะบัดออกแล้วผลักบุญทิ้งกับกิมจิ หงายเงิบล้มกลิ้งลงไปจุกอยู่ที่พื้น ดาหวันหยิบท่อนไม้ขึ้นมาทำท่าจะเข้าไปฟาด ฉวีวรรณนึกได้รีบห้าม
“เดี๋ยวก่อนยายหวัน เหตุการณ์มันคุ้นๆ เหมือนที่โดนฉุดตอนงานหมั้นไหม”
ดาหวันคล้อยตาม “จริงด้วย หรือว่าไอ้โม่งสองคนนี้ก็คือ...”
ทั้งสองดีใจตาโต แล้วรีบวิ่งเข้าไปที่ กิมจิ กับ บุญทิ้ง
ดาหวันกับฉวีวรรณ ดึงหมวกไอ้โม่งออก คาดหวังว่าจะเป็น ดนัย กับ ชลิต แน่ๆ
“ดนัย” ฉวีวรรณรีบดึงหมวกออก
“พี่ชลิต” ดาหวันรีบดึงหมวกเช่นกัน
แต่พอดึงหมวกไอ้โม่งออก สองสาวก็ต้องผิดหวัง เพราะกลายเป็น กิมจิ กับ บุญทิ้ง
“เฮ้ย กิมจิ” / “พี่บุญทิ้ง”
กิมจิกับบุญทิ้งลุกขึ้นมานั่ง บ่นโวยวาย
“ก็ใช่นะสิ อ๊อย จุกเลย” กิมจิโวย
“แล้วพวกแกเป็นบ้าอะไร ทำไมต้องปลอมตัวเป็นโจรไอ้โม่งด้วย” ฉวีวรรณถาม
“ลุงศิริ เขากลัวพวกเธอไม่ยอมมา ก็เลยสั่งให้พวกชั้นทำแบบนี้” กิมจิบอก
“ว่าที่เจ้าบ่าวคุณหวีคุณหวันอยู่ทางโน้นแน่ะครับ”
ฉวีวรรณกับดาหวันมองไปตามที่บุญทิ้งชี้
“ฮึ่ย ผู้ชายทุเรศๆ ชั้นไม่ปล่อยไว้แน่” ดาหวันขัดเคืองใจ
ฉวีวรรณ กับดาหวันเดินดุ่มไปอย่างจะเอาเรื่อง
กิมจิ กับ บุญทิ้งมองตามไปด้วยความสงสาร
“อู้ย เสียวสันหลังวาบๆ งานนี้ไอ้สองคนนั้นเละเป็นโจ๊กแน่ๆ”
บริเวณกลางทุ่งสวยแห่งนั้น ถูกเนรมิตรให้งามยิ่งขึ้น มีซุ้มดอกไม้สดจัดตั้งอยู่ พร้อมกับเก้าอี้สีขาว ตั้งอยู่กลางซุ้ม บรรยากาศสวยงาม และโรแมนติก
ฉวีวรรณกับดาหวัน เดินยัวะเข้ามาที่ซุ้มดอกไม้และเก้าอี้ขาวที่มีชายหนุ่ม 2 คนอยู่ สองสาวไม่รู้ว่ ที่นั่งอยู่คือดนัย ส่วนที่ยืนหันหลังให้คือ ทั้งสองหนุ่มใส่สูทขาวเท่ๆ หน้าตาสดใส
โดยที่ฉวีวรรณกับดาหวันยังไม่สำเนียกว่า ชายหนุ่มทั้งสองก็คือชายคนรักของตัวเองนั่นเอง
ฉวีวรรณตะโกนใส่ไม่รู้ว่าเป็นดนัย “นายเบื้อก นายมีสิทธิ์อะไรมาบังคับชั้นให้แต่งงานด้วย”
ดาหวันเองก็ต่อว่าใส่ชลิต “นี่หน้าตาคงอุบาทว์มากสินะ ถึงต้องใช้วิธีคลุมถุงชน”
“นายซื้อใจพ่อชั้นด้วยอะไร ชั้นไม่รู้ แต่สำหรับชั้น ต่อให้นายรวยล้นฟ้า ชั้นก็ไม่มีใจเหลือไว้ให้ใครอีก...เพราะชั้นมีคนที่ชั้นรักอยู่แล้ว” ฉวีวรรณบอก
“ชั้นก็เหมือนกัน คนที่ฉันรัก เขาเป็นคนที่อบอุ่นและเข้าใจฉันมากที่สุด เขาทำให้ฉันรู้ว่า ยังมีรักแท้มีอยู่ในโลกนี้จริงๆ ชาตินี้ทั้งชาติ ชั้นไม่มีใจให้ใครอีกแล้วนอกจากพี่ชลิต ได้ยินไหม ฉันรักพี่ชลิต” ดาหวันว่า
ชลิตที่หันหลังอยู่ แอบอมยิ้ม เขินๆ
ในขณะที่ฉวีวรรณป่าวประกาศเปิดหัวใจ
“ถึงเขาจะเป็นผู้ชายห่ามๆ ที่ฉันไม่เคยชอบหน้า แต่เขาก็เป็นคนเดียวที่อยู่ข้างๆ ฉันเสมอในเวลาที่ฉันแย่ที่สุด แล้วเราผ่านเรื่องราวทั้งดีและร้ายมาด้วยกันจนทำให้ฉันรู้ว่าฉันมีชีวิตอยู่โดยไม่มีเขาไม่ได้ ฉันรักดนัย...รักดนัยคนเดียวเท่านั้น!!”
ดนัยที่ฟังอยู่ ปลื้มขึ้นมา ยิ้มกริ่ม ก่อนจะลุกขึ้นหันหน้ามาหาฉวีวรรณ
“นึกว่าจะไม่ได้ยินแล้ว”
“ดนัย” ฉวีวรรณตะลึงเพราะนึกไม่ถึง
“ฉันรอคำคำนี้มานานแล้ว ขอบใจนะ หวี ขอบใจที่รักกัน”
ฉวีวรรณคลี่ยิ้มออกมา ด้วยความตื้นตัน
ดนัยเดินเข้ามาใกล้ฉวีวรรณ ยิ้มให้จากใจแล้วพูดขึ้น
“หวี ฉันอาจจะบ้าพอๆ กับที่เธอเหวี่ยง เราอาจจะดูไม่ปกติทั้งคู่แต่ฉันก็รู้สึกมีความสุขที่สุดที่ได้อยู่ใกล้ๆ กับเธอ หวี..เธอจะว่าอะไรมั้ยถ้าฉันอยากจะให้เธอเป็นคนที่ฉันรัก แล้วก็รักฉันคนเดียวตลอดไป แต่งงานกับฉันนะ หวี”
ฉวีวรรณตะลึงน้ำตาไหลหยดด้วยความปลื้มใจ
“ดนัย”
“ร้องไห้นี่ แต่งมั้ย”
“แต่งสิ ถามได้”
ฉวีวรรณยกมือซ้ายจะทุบดนัยแก้เขิน ดนัยยิ้มแล้วจับมือฉวีวรรณไว้ แล้วใช้อีกมือล้วงกระเป๋าหยิบแหวนปลอกมีดเก๋ๆ ออกมา สวมที่นิ้วนางข้างซ้ายของฉวีวรรณ ดนัยมองฉวีวรรณสุดรัก แล้วพูดขึ้น
“ฉันรักเธอ หวี”
ฉวีวรรณตื้นตันใจ ยิ้มทั้งน้ำตา โผเข้าไปกอดดนัยไว้ แน่น ด้วยความปลาบปลื้ม
ดาหวันเดินผ่านซุ้มอ้อมไปทางข้างหน้า ชลิตอย่างตื่นๆ ด้วยความอยากรู้ ดาหวันเห็นชลิตยืนเท่อยู่ข้างซุ้มดอกไม้อยู่ ในมือถือดอกกุหลาบแดงดอกใหญ่เบิ้มหนึ่งดอก ยิ้มให้ ตาเป็นประกาย
“พี่ชลิต...พี่ชลิตจริงๆ ด้วย นี่หมายความว่า...
“จ๊ะ พี่นี่แหละที่จะเป็นเจ้าบ่าวของหวัน ...”
ดาหวันตื้นตันใจ “พี่ชลิต”
“สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตพี่ก็คือการได้พบกับหวัน หวันทำให้พี่มีความกล้าที่จะทำอะไรหลายๆอย่างที่พี่ไม่เคยคิดจะทำ อย่างเช่น...”
“อะไรหรือคะ” ดาหวันถามทันที
ชลิตขยับเดินเข้ามาใกล้ดาหวันเอ่ยขึ้น
“หวันเป็นผู้หญิงคนแรกและคนสุดท้ายที่ทำให้พี่ไม่อยากใช้ชีวิตโสดอีกแล้ว แล้วหวันก็จะเป็นผู้หญิงคนเดียวที่จะใส่ชุดสีขาวเต้นรำกับพี่ในงานของเรา”
ชลิตคุกเข่าลงกับพื้น แล้วยื่นดอกกุหลาบแดงส่งให้ดาหวัน
“พี่รักหวัน..รักมากที่สุดในชีวิต”
ดาหวันตื้นตัน และซาบซึ้งใจ
“พี่ชลิต”
“แต่งงานกับพี่นะ หวัน” ชลิตเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ดาหวันมองสายตาที่จริงใจคู่นั้นของชลิต น้ำตาร่วง อิ่มเอมใจ ค่อยๆ รับกุหลาบไปถือไว้ คลี่ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา แล้วเอ่ยขึ้นมา
“ค่ะ หวันจะแต่งงานกับพี่ชลิต”
ชลิตดีใจ ลุกขึ้นแล้วเข้าไปคว้าเอาตัวดาหวันเข้ามากอดอย่างสุดรัก แล้วจังหวะนั้นชลิตก็ดึงตัวดาหวันออกมามองหน้า แล้วก้มลงหอมที่หน้าผากดาหวันอย่างอ่อนโยน
จังหวะนั้นศิริ นงนุช ทองอิน และทุกคนที่เหลือ พายกโขยงเดินเข้ามาหา
“เอ้า...ไหนว่าจะไม่แต่งกันไง ยายหวี ยายหวัน” ศิริเย้าลูกสาว
ทั้งสองคู่ผละออกจากกัน เขินๆ
ฉวีวรรณกับดาหวันร้องขึ้นพร้อมกัน “พ่อ”
ศิริยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ใบหน้ามีความสุขจนล้น
“โดนต้มเสียเปื่อย ขำวะ” ศิริว่าขำๆ
สุภาพ อาหลู่หัวเราะตามไปด้วย
“คุณศิริ นี่ร้ายจริงๆ เลยนะ แกล้งกระทั่งลูกสาวตัวเอง” นงนุชบอก
“คนมันเพี้ยนก็อย่างนี้ล่ะครับคุณนุช” สุภาพแซวเจ้านาว
ศิริกระแอมขึ้น “ไอ้คุณสุภาพครับ ถ้าไม่อยากโดนหักเงินเดือนก็หุบปากซะ”
สุภาพจ๋อยไปสนิท
ศิริกับนงนุช ดาเนา สางโป วินยา และทองอิน เดินไปด้วยกัน ศิริกับนงนุช เดินเข้ามาหยุดที่หน้า ฉวีวรรณ ดนัย ชลิต และดาหวัน แล้วเอ่ยขึ้น
“ฉันฝากลูกสาวทั้งสองคนด้วยนะ ดนัย ชลิต”
ดนัยกับชลิตยกมือไหว้พูดขึ้นพร้อมกัน “ขอบคุณครับคุณพ่อ”
“ดูเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะพ่อ” ฉวีวรรณเย้าผู้เป็นพ่อ
“นั่นสิ มาดีกันตั้งแต่เมื่อไรเนี้ย” ดาหวันว่า
“ก็ตั้งแต่ที่ ดนัยกับชลิต เขาเสี่ยงอันตรายช่วยพวกเราทุกคนไงล่ะ” ศิริสารภาพกับชลิตและดนัย “ฉันต้องขอบใจ แล้วก็ขอโทษพวกนายด้วยนะ ที่เคยมองพวกนายผิดไป”
“ไม่เป็นไรครับ ..ข้อดีของเหตุการณ์ร้ายๆ ก็คือ มันเป็นบทพิสูจน์ว่าผมรักลูกสาวคุณพ่อมากแค่ไหน”
ชลิตพูดพร้อมจับมือดาหวันมากุมไว้ ยิ้มให้กัน แล้วดนัยค่อยพูดขึ้น
“ผมสัญญา ผมจะไม่ทำให้หวีเสียใจ เราจะจับมือกันไว้ตลอดไปครับ”
ดนัยจับมือฉวีวรรณมากุมไว้ แล้วยิ้มให้กัน
แจ๋ กิมจิ บุญทิ้ง และอุ๊บอิ๊บ พากันยืนดูฉวีวรรณกับดนัย อยู่ที่มุมหนึ่ง ยิ้มแฉ่งมีความสุขไปด้วย
“อู้ย จะหวานกันไปไหนเนี่ย อิจฉาแล้วนะ” แจ๋ร้องขึ้นใบหน้ายิ้มร่า
กิมจิฉวยมือแจ๋ไปจับไว้
“งั้นฉันให้แกยืมมือไว้จับ แกจะได้ไม่อายเพื่อน”
แจ๋หันมามองกิมจิตาโต กิมจิรุกต่อ
“ฉันให้ยืมตลอดชีวิต ไม่ต้องคืนด้วยนะ”
กิมจิยิ้มให้แจ๋ จริงจังและจริงใจกว่าทุกครั้งในชีวิต แจ๋เขิน แต่ก็ยอมให้จับมือโดยดี
ข้างๆ กันนั้น อุ๊บอิ๊บที่มองดนัยอยู่ แล้วยกมือขึ้นแตะหางตา ซาบซึ้งใจแทน บุญทิ้งยื่นผ้าเช็ดหน้าเข้ามาให้อุ๊บอิ๊บ
“นี่ครับ ผ้าเช็ดหน้า”
“นายไม่รังเกียจชั้นเหรอ พ่อชั้นทำผิดกฎหมายไว้เยอะแยะ” อุ๊บอิ๊บอึ้ง
“อดีตก็คืออดีตแก้ไขไม่ได้แล้ว...”
บุญทิ้งจับมืออุ๊บอิ๊บ วางผ้าเช็ดหน้าลงแล้วกอบกุมมือไว้เบาๆ พูดต่อ
“อยู่กับปัจจุบันที่...เรารู้สึกดีๆ ต่อกันจะดีกว่านะครับ”
อุ๊บอิ๊บนึกไม่ถึง รู้สึกตื้นตันใจ บุญทิ้งส่งยิ้มให้อย่างจริงใจ
“บุญทิ้ง”
ทองอินพูดขึ้นกับดนัย และชลิต
“ลงเอยแบบนี้พี่ก็ดีใจด้วยนะ สองคู่ชู้ชื่น”
“ยังครับพี่ทองอิน ยังเหลืออีกคู่” ดนัยยิ้มเผล่หันไปหาดาเนา “ดาเนา ช่วยพี่หน่อยสิ”
ดาเนารู้ทันกัน รีบเดินเข้าไปหาศิริกับนงนุช
“ขอมือหน่อยครับ ลุงศิริ ป้านงนุช” ดาเนาจับแขนของศิริและนงนุชให้มาจับมือกัน “นี่มันต้องอย่างนี้ๆ”
“อะไรเนี้ย ดาเนาทำอะไร” ศิริทำทีเป็นเขินราวกับวัยรุ่น
ดาเนาหัวเราะไม่ยอมตอบ ดนัยพูดขึ้น
“ฝากคุณลุงดูแลคุณแม่ด้วยนะครับ” ดนัย
“ตาดนัย นี่จะเยอะไปไหม” นงนุชเอ็ดลูกชาย
“เยอะเถอะครับ ...ตั้งแต่คุณผู้หญิงไปอยู่ฟาร์มของเราน่าอยู่ขึ้นเยอะ” สุภาพเสริม
“นายก็เป็นผู้เป็นคนขึ้นด้วย” อาหลู่ลามปาม
“มันก็ใช่อ่ะนะ” ศิริคล้อยตามสองเกลอ พอรู้สึกตัวก็ชะงัน “ไอ้อาหลู่ แกว่าชั้นเป็นแมวเหรอ”
ศิริทำท่าจะเล่นงานอาหลู่ อาหลู่รีบหลบ ทองอินดึงศิริไว้
“ช่างเถอะครับ ตกลงว่าคุณศิริจะรับดูแลนุชหรือเปล่าล่ะครับ” ทองอินถามแทน
“แหมก็ เกรงใจดนัยเขาอ่ะนะ ผมก็ต้องรับอยู่แล้ว”
ทั้งหมดเฮขึ้นมาพร้อมกัน อย่างแฮปปี้มีความสุข
วินยาหันมาเจอดนัยกับฉวีวรรณที่ยิ้มหัวให้กันอย่างแฮปปี้ แล้วสีหน้าก็เจื่อนไปเล็กน้อย ชลิตมองเห็นร้องทักขึ้น
“วินยา เธอสบายดีใช่มั้ย”
วินยายิ้มให้แล้วตอบขึ้น “สบายดี แล้วก็มีความสุขมากที่เห็น” วินยามองไปที่ดนัย “เพื่อนของฉันมีความสุข ...” แล้วผินหน้าไปทางฉวีวรรณ “ฉันดีใจด้วยนะฉวีวรรณที่ได้พบรักกับคนดีๆ อย่างดนัย”
“ขอบใจจ้ะ แต่ถ้าไม่มีป่าที่สวยงามแล้วก็อุดมสมบูรณ์แบบนี้ ความรักของเราคงไม่เกิดขึ้น” ฉวีวรรณว่าพลางยิ้มตอบ
“ถูกต้อง ที่นี่ไม่เพียงแต่เป็นต้นน้ำลำธาร แต่ยังเป็นที่เพาะต้นรักให้เจริญงอกงามด้วย” ชลิตเห็นงาม
ชลิตหันไปจับมือยิ้มให้กับดาหวัน ดนัยจับมือฉวีวรรณ ยิ้มแล้วบอกขึ้นกับทุกคน
“งั้นเรามาขอบคุณป่าผืนนี้ ด้วยกันดีมั้ย”
“ดี” ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกัน
ดนัยเรียก “จัดมาเลยเพื่อน”
กิมจิ แจ๋ อุ๊บอิ๊บ และบุญทิ้ง ถือกรงนกสีขาวคนละ 2 กรง เดินเข้ามาที่กลุ่มคนที่ยืนอยู่ทั้งหมด
“นี่จะทำอะไรกันหรือ ดนัย” สางโปสงสัย
“ป่าให้ความรักกับเรา เราก็ต้องให้ความรักของเราคืนกลับสู่ป่าเหมือนกันครับ" ดนัยหันไปบอกทุกๆ คน “มา...พวกเราช่วยกัน”
ทุกคนต่างเข้าไปช่วยกันเอากรงนกมาถือเพื่อเตรียมปล่อย ฉวีวรรณกับดนัย และชลิตกับดาหวัน ถือคู่ละ 1 กรง
ฉวีวรรณจับคู่กับดนัย ชลิตจับคู่กับดาหวัน แล้วทั้งหมดปล่อยนกไปพร้อมๆ กัน นกสีขาวบินกระจายทั่วฟ้า
ชลิตกับดาหวันมองนกโบยบินไปด้วยความสุข นกบินไปจนลับตาแล้วดาหวันกับชลิตก็หันหน้ากลับมาพร้อมกัน จังหวะนั้นแก้มดาหวันชนจมูกชลิตโดยไม่ได้ตั้งใจ ดาหวันชะงักชลิตอมยิ้มมองสบตากรุ้มกริ่ม รวบเอวดาหวันเข้ามากอดไว้ด้วยความรักใคร่
ดนัยไม่น้อยหน้าแกล้งหลอกชี้ให้ฉวีวรรณมองนกที่กำลังโบยบินหายไปอีกทางหนึ่ง ฉวีวรรณหลงกลดนัยจึงแอบขโมยหอมแก้มฉวีวรรณหนึ่งฟอด
หนุ่มสาวทั้งสองคู่ ใบหน้าอิงแอบแนบชิดกันและกันอย่างสุขล้น ในอ้อมกอดของผืนป่า ขุนเขาอันสวยงาม ที่เขาและเธอต่างตั้งปณิธานร่วมกันว่า จะรักษาให้คงความสวยงามอย่างในวันนี้...ตลอดไป
จบบริบูรณ์