xs
xsm
sm
md
lg

ลิขิตเสน่หา ตอนที่ 23

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


*โปรดติดตามอ่านตอนอวสาน พรุ่งนี้ (30 พ.ย.)
ลิขิตเสน่หาตอนที่ 23

ยาหยีสวมถุงมือกำลังเอาต้นไม้ลงกระถาง ใช้ช้อนตักดินใส่เหมือนคนไม่มีชีวิตจิตใจ ตักดินใส่จนพูนล้นออกมาข้างนอกกระถางแล้ว ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ห่างออกไป ยี่หวา วุ้น และก้อยยืนมองอย่างเป็นห่วง

“ยัยหยีจะเป็นอย่างงี้ไปอีกนานมั้ยคะเนี่ย” วุ้นพูดกับก้อย
“ก้อยไม่อยากเห็นหยีเป็นงี้เลย ต่อหน้าพวกเราก็ลั้ลลาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ลับหลังก็นั่งซึมกะทือ เป็นหุ่นยนต์ทู๊กที” ก้อยเสริม กังวลไม่แพ้วุ้น
“ตั้งแต่งานแต่งงานของสุดยอด พี่ไม่เคยเห็นเค้าร้องไห้อีกเลย สงสัยคงแอบไปร้องไห้คนเดียว เพราะไม่อยากให้พวกเราเป็นห่วง” ยี่หวาบอก
“เมื่อไหร่จะลืมอีตาสุดยอดได้ซะทีก็ไม่รู้”
“กว่ายัยหยีจะรักใครซักคนได้ก็ยากมากแล้ว ให้เลิกรักมันก็ยิ่งยากมากกว่า...พี่ว่าอกหักคราวนี้ยัยหยีคงเข็ดเรื่องความรักไปอีกนานเลยล่ะ”
ทั้งสามคนเป็นกังวล จังหวะนั้นเองเสียงโทรศัพท์มือถือของวุ้นดังขึ้น
“ฮัลโหล...ว่าไงนะนัท อื้ม..วุ้นอยู่กับหยีนี่แหละ โอเคๆ จะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ”
วุ้นวางสายโทรศัพท์แล้วหันไปบอกยี่หวา
“นัทโทรมาบอกให้พาหยีไปที่สตูดิโอรายการด่วนค่ะ”
“ด่วน? มีเรื่องอะไรกัน”
ยี่หวาขมวดคิ้วอย่างสงสาร หันไปมองยาหยีด้วยความเป็นห่วง

ไม่นานหลังจากนั้นยาหยีกับวุ้นเดินเข้ามาที่หน้าสตูดิโอ
“นัทมีเรื่องอะไรก็ไม่ยอมบอก บอกแต่ให้รีบมาแล้วจะรู้เอง”
วุ้นถามขึ้นยาหยีแซวกลับ
“พี่นัทเค้าหลอกให้มาเพราะคิดถึงวุ้นรึป่าว
วุ้นทุบหยีเบาๆ “บ้า เซี้ยว เกี๊ยวกุ้ง!”
ขณะนั้นก็มีนักข่าว 5-6 คนวิ่งกรูกันตามเข้ามา
“มาทำข่าวอะไรกันคะพี่ๆ” วุ้นถามอย่างคุ้นเคยกัน
“ข่าวเด็ดของเจ้าแม่แอ๊บแบ๊วน่ะซี่ มีคนเค้าโทรมาตามบอกว่ามีช็อตเด็ดห้ามพลาด พวกพี่ก็เลยรีบมากัน....พี่เข้าไปก่อนนะวุ้น”
พูดจบนักข่าววิ่งเข้าสตูดิโอไป
“ข่าวอะไร ทำไมวุ้นไม่เห็นรู้เลย ต๊าย นี่ฉันตกข่าวเหรอเนี่ย” วุ้นโวยวาย
“ตกข่าวอะไร ขนาดไม่รู้ยังมาถูก สัญชาตญาณนักข่าวแร็งส์มาก”
ยาหยีพูดจบนัทกับว่านวิ่งออกมาจากสตูดิโอ หน้าตาตื่น
“มากันแล้วเหรอ”
“มีอะไรกันเหรอคะพี่ว่านพี่นัท” ยาหยีถามงงๆ
“ตามมานี่เร็ว”
นัทกับว่านวิ่งนำเข้าไปในสตูดิโอ ยาหยีกับวุ้นมองหน้ากันแล้ววิ่งตามเข้าไป

ว่านกับนัทวิ่งนำยาหยีกับวุ้นไปที่ห้องแต่งตัว นักข่าวมุงเต็มหน้าประตูห้อง
พอนักข่าวเห็นยาหยีก็หันมาถ่ายรูปกันพรึ่บพรั่บ ว่านกับนัทพายาหยีกับวุ้นแหวกทางเดินเข้าไปในห้อง
ยาหยีอึ้ง คอแข็งขึ้นมา เมื่อเห็นกระจกในห้องแต่งตัวมีตัวหนังสือเขียนด้วยลิปสติกสีแดง ว่า “หน้าหนายาหยี แย่งสามีเพิร์ลลี่”
นักข่าวยื่นไมค์มาตรงหน้ายาหยี
“คุณยาหยีพอจะเดาได้มั้ยคะว่าฝีมือใคร”
ว่านกับนัทกระซิบกัน
“โฮ้ยยยย....แบบนี้ไม่ต้องเดาแล้วครับคุณพี่”
“ดูก็รู้ว่าฝีมือยัยแอ๊บจริตจิตจะหลุดเพิร์ลลี่”
จังหวะนั้นเองก็มีเสียงกรี๊ดดังแหวกอากาศขึ้น ทุกคนหันไปมองทางหน้าประตู เพิร์ลลี่กับชม้อยแสร้งทำหน้าตกตะลึง
“ต๊ายตาย..ตายๆๆๆ ใครนะ ช่างใจร้ายกล่าวหากันได้แบบนี้ได้”
“อ้าว ไม่ใช่เธอหรอกเหรอเพิร์ลลี่ ฉันนึกว่าฝีมือเธอซะอีก” วุ้นถามเยาะๆ
“ฉันจะไปทำอย่างงั้นทำไม” เพิร์ลลี่เข้าไปจับมือยาหยี “ฉันเปล่านะหยี คงมีใครซักคนที่ทนไม่ไหวออกมาด่าเธอแทนฉัน”
จังหวะนั้นชม้อยก็พูดแทรกกับนักข่าวขึ้นมา
“อันนี้คุณแม่ขอเม้นท์นะคะว่าไม่ใช่ฝีมือน้องเพิร์ลลี่จริงๆ น้องเพิร์ลลี่ไม่มีวันแทงข้างหลังใครแบบนี้แน่ค่ะ มีแต่คนอื่นเท่านั้นน่ะค่ะที่จ้องจะตีท้ายครัวแย่งสามีน้องเพิร์ลลี่ตลอดเวลา!”
ชม้อยพูดแล้วชำเลืองมองไปทางยาหยี ยาหยีอดทนอดกลั้นสุดๆ
“น้องหยีมีความเห็นต่อเรื่องนี้ยังไงบ้างคะ”
“เค้าเม้าท์กันว่าน้องหยียังมีเยื่อใยกับสุดยอด สามีของเพิร์ลลี่ จริงรึป่าวคะ”
“ยังมีการติดต่อกันอยู่ใช่มั้ยครับ”
นักข่าวยิงคำถามเป็นชุด
ทุกคนเงียบ มองไปที่ยาหยีเป็นตาเดียวกัน ยาหยีเม้มปากแน่นแล้วตอบ
“หยีไม่เคยติดต่อกับสุดยอด หยีขอไม่ออกความเห็นใดๆ ทั้งสิ้นค่ะ”
ยาหยีเดินออกไป นักข่าวจะตาม แต่วุ้น นัท ว่าน และโมนช่วยกันกันไว้

ยาหยีเดินออกมาจากสตูดิโอแล้วมาหยุดพักพิงประตู รู้สึกเหมือนจะหมดแรง ยาหยีหลับตาพูดให้กำลังใจตัวเอง
“เราต้องเข้มแข็ง เราต้องไม่ร้องไห้ เราจะไม่ให้ใครเห็นน้ำตา”
แต่พอขาดคำ น้ำตาเจ้ากรรมก็ซึมออกมาจากสองตา ยาหยีใช้หลังมือปาดออก
สุดยอดวิ่งเข้ามา เห็นยาหยีก็หยุดชะงัก ยาหยีลืมตามาเห็นสุดยอดก็ชะงัก
“หยี”
สุดยอดเรียก ยาหยีเดินหนี สุดยอดคว้ามือยาหยีไว้
“หยี เดี๋ยวก่อน เจ้าว่านโทรไปตามผมบอกว่ามีเรื่อง มีเรื่องอะไรกันเหรอครับ”
ยาหยีสะบัดมือ
“มีเรื่องอะไรเหรอ ไปถามภรรยาของคุณโน่น แล้วไม่ต้องยุ่งกับฉัน”
ยาหยีสะบัดมือแล้ววิ่งไป สุดยอดมองตามงงๆ

เวลาต่อมาภายในห้องแต่งตัว เพิร์ลลี่กับชม้อยกำลังให้สัมภาษณ์นักข่าว
“ถ้าเพิร์ลลี่เป็นยาหยี เพิร์ลลี่ก็ทนไม่ได้หรอกค่ะ โดนด่าประจานกันแบบนี้ เพิร์ลลี่อยากบอกยาหยีว่าเพิร์ลลี่สงสารและเห็นใจเค้าม๊ากมากเลยค่ะ” เพิร์ลลี่บอก
“เห็นมั้ยคะน้องๆ นักข่าวขา ลูกสาวคุณแม่ก็เป็นงี้ล่ะค่ะจิตใจดี นี่ขนาดโดนเค้าแย่งสามียังมีเมตตาสงสารเค้าอีกนะคะ” ชม้อยอวยสุดๆ
“เพิร์ลลี่เห็นใจค่ะ คนเราก็มีหลายด้านหลายมุม แต่โดนงัดเอาด้านมืดออกมาประจานแบบนี้ เป็นใครก็คงแบกหน้าต่อไปในสังคมไม่ได้หรอกค่ะ”
“คนทำก็ช่างชั่ว ถ้ามีผัวก็ขอให้ผัวทิ้งๆไปเลยเห๊อะ...” วุ้นพูดแทรกพร้อมยกมือไหว้ท่วมหัว “สาธุ๊!”
เพิร์ลลี่ชะงัก โกรธปรี๊ดขึ้นมาทันที
“หยุดนะ! ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้”
“ทำไมจ๊ะ เธอกลัวอะไร เธอไม่ใช่คนทำซักหน่อย อย่าร้อนตัวสิจ๊ะ”
จังหวะนั้นวุ้นมองไปที่มือถือของนักข่าวที่กำลังยื่นอัดเสียงเพิร์ลลี่
“ขอยืมหน่อยนะคะพี่”
วุ้นกดไล่หาเบอร์โทรเข้า
“เบอร์นี้ใช่มั้ยพี่ที่โทรตามพี่ๆ มา”
วุ้นยกโทรศัพท์มือถือขึ้นตรงหน้าแล้วกดโทรออกเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ทุกคนมองหาต้นเสียง
ชม้อยทำหน้ามีพิรุธสุดๆ เพราะเป็นเสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าของชม้อยเอง
“คุณแม่ ทำไมไม่เปลี่ยนซิมโทรหานักข่าว” เพิร์ลลี่กระซิบพูดกับชม้อย
“แม่เปลี่ยนแล้ว แต่ลืมเปลี่ยนกลับนะสิ” ชม้อยกระซิบตอบ
“แค่นี้ก็พอจะรู้แล้วใช่มั้ยคะว่าฝีมือใคร”
วุ้นพูดน้ำเสียงเยาะๆ บรรดานักข่าวทุกคนหันไปมองเพิร์ลลี่กับชม้อยเป็นตาเดียวกัน เพิร์ลลี่กับชม้อยยิ้มแหยๆ
“เพิร์ลลี่...เพิร์ลลี่เปล่านะคะ”
สุดยอดเดินเข้ามา ทุกคนหันไปมองสุดยอดเป็นตาเดียวกัน สุดยอดกัดฟันกรอดรีบเข้าไปลบ
ข้อความบนกระจก แล้วหันมาประกาศกับนักข่าว
“ผมไม่เคยนอกใจเพิร์ลลี่ ถ้าใครมีหลักฐานว่าผมคิดไม่ซื่อหรือมีคนอื่น ผมให้เลยยี่สิบล้าน”
นักข่าวฮือฮา รัวกดชัตเตอร์ถ่ายภาพสุดยอด
สุดยอดหันมาพูดกับเพิร์ลลี่ ด้วยน้ำเสียงจริงจัง 
“คุณด้วยเพิร์ลลี่...ถ้าคุณยังไม่เลิกหาเรื่องใส่ความหยี วันไหนเค้าฟ้องหมิ่นประมาทคุณขึ้นมาละก็....ผมนี่แหละจะเป็นพยานให้เค้าเอง”
สุดยอดพูดจบก็เดินออกไป
“พี่ยอด เดี๋ยวก่อน ...รอเพิร์ลลี่ด้วย”
เพิร์ลลี่รีบวิ่งตามไป นักข่าวทำท่าจะวิ่งตาม ชม้อยรีบดึงตัวนักข่าวไว้
“ปล่อยให้สามีภรรยาเค้าเคลียร์กันเถอะค่า มามะ...คุณแม่ขอเม้นท์นิดนึงนะคะ น้องๆ ทายซิคะว่าใครจะได้โกอินเตอร์ไปเล่นหนังเมืองนอก แต่นแต้น น้องเพิร์ลลี่ค่ะ น้องเพิร์ลลี่จะได้เป็นดาราไทยคนแรกที่ได้ไปเล่นหนังที่ประเทศอุซเบกีสถานเลยนะคะ”
ฟังชม้อยคุยโว วุ้น นัท กับว่าน มองชม้อยอย่างปลงๆ

สุดยอดเดินมาด้วยความโมโห เพิร์ลลี่วิ่งตาม ทั้งคู่มาหยุดอยู่ที่มุมหนึ่งในสตูดิโอ
“พี่ยอด ทำไมพี่ยอดจะต้องทำแบบนี้ด้วย นี่มันฉีกหน้าเพิร์ลลี่ชัดๆ เลยนะ” เพิร์ลลี่โวยวาย
“แล้วคุณล่ะเพิร์ลลี่ คุณทำแบบนี้ทำไม”
“ก็เพิร์ลลี่พยายามรักษาชีวิตคู่ของเรายังไงคะ เพิร์ลลี่ไม่ยอมให้นังหน้าหนาไร้ยางอายคนไหนมาแย่งพี่ยอดไปจากเพิร์ลลี่เด็ดขาด โดยเฉพาะนังยาหยี”
“พอแล้วเพิร์ลลี่ อย่าเอายาหยีเข้าไปเกี่ยว!”
สุดยอดโมโหจับไหล่เพิร์ลลี่แน่น แล้วจ้องเข้าไปในนัยน์ตา สุดยอดมองเพิร์ลลี่ด้วยสายตาดุดัน
“เค้าไม่เคยยุ่งอะไรกับผมเลยตั้งแต่ผมแต่งงานกับคุณ ยิ่งคุณทำแบบนี้ ผมยิ่งสะอิดสะเอียนที่ต้องอยู่กับคุณเห็นหน้าคุณทุกวัน”
“เพิร์ลลี่อยากให้พี่ยอดรักเพิร์ลลี่บ้าง ไม่ต้องมากเท่าที่รักยาหยี เอาแค่รักเท่าที่เราเคยรักกันก็พอ แค่นี้พี่ยอดให้เพิร์ลลี่ได้มั้ยคะ” เพิร์ลลี่ขอร้อง
สุดยอดนึกถึงความรักที่เขามีให้ยาหยีแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น สุดยอดพูดด้วยน้ำเสียงห่างเหิน
“จำไว้นะเพิร์ลลี่ ตราบใดที่ผมยังได้ชื่อว่าเป็นสามีคุณ ไม่ว่าผมจะไปที่ไหน ผมจะไม่นอกใจคุณ จะซื่อสัตย์ต่อคุณ เพราะฉะนั้นคุณเลิกตามหึงตามหวงผมได้แล้ว”
เพิร์ลลี่ฟังแล้วก็ดีใจ ยิ้มออกมาได้
“แต่สิ่งเดียวที่ผมให้คุณไม่ได้คือความรัก เพราะผมให้ยาหยีเค้าไปหมดแล้ว”
สุดยอดพูดจบก็เดินออกไป เพิร์ลลี่ทั้งเจ็บปวดทั้งแค้นใจจนน้ำตาไหล ตะโกนเรียกสุดยอดแต่อีกฝ่ายไม่ยอมหันหลังกลับมา
“พี่ยอด...พี่ยอด!”

สุดยอดเดินเล่นอย่างเซ็งๆ มาถึงหน้าร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ทอดสายมองเข้าไปในร้านอย่างเศร้าๆ แล้วนึกถึงอดีต

เหตุการณ์วันนั้นสุดยอดนั่งกอดอกปั้นปึ่งอยู่ในร้านกาแฟ ยาหยีพยายามง้อ ชูนิ้วก้อยไปที่หน้าของสุดยอด
“อย่างอนเค้าเลยน้า ดีกันนะยอด”
“ไม่”
สุดยอดหันหน้าหนี ยาหยีหน้ายุ่ง
“หยีไม่ได้ตั้งใจลืมวันเกิดยอดเลย งานมันยุ่ง นี่หยีไม่ได้นอนเต็มอิ่มมาเป็นอาทิตย์แล้วนะ ยอดอย่าโกรธหยีเลยนะ นะๆๆ”
“ฮึ จะโกรธทำไม ยังไงเรื่องงานก็สำคัญกับหยีมากกว่าผมอยู่แล้วนี่”
สุดยอดยังงอน ยาหยีเหนื่อยใจ ง้อเท่าไหร่ก็ไม่หายซักที สุดยอดยังคงเมินมองออกไปนอกร้าน ไม่ยอมมองหน้ายาหยี
“ตามใจ ฉันง้อแล้วนะ อยากงอนก็งอนไปเลย”
ยาหยีหมั่นไส้ หยิบแก้วน้ำของสุดยอด เทพรวดเข้าใส่เต็มหน้าเต็มตัวสุดยอด
“อะไรเนี่ย ทำไมต้องแกล้งกันด้วย” สุดยอดฉุน
ยาหยีทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“เปล่า ฉันไม่ได้แกล้ง มันเป็นอุบัติเหตุ”
คราวนี้สุดยอดมองยาหยีอย่างโกรธๆ แล้วลุกขึ้นยืน
“จะไปไหน”
“กลับบ้านเปลี่ยนเสื้อ ผมมีงานต้องทำนะ เปียกแบบนี้จะไปทำงานต่อได้ยังไง”
ยาหยีแกล้งพูดห้วนๆ
“เดี๋ยว ...เอานี่ไป”
พูดจบยาหยีก็ก้มหน้า แอบยิ้มแล้วล้วงห่อของขวัญในกระเป๋าส่งให้สุดยอด
“แฮปปี้เบิร์ธเดย์จ้ะ”
ยาหยีบอกยิ้มๆ สุดยอดมองห่อของขวัญงงๆ ประหลาดใจ
“ของขวัญวันเกิดไง รับไปสิ”

สุดยอดใส่เสื้อตัวใหม่เดินออกมาจากห้องน้ำ หน้าบานแฉ่ง
“ใส่ได้พอดีเลย นี่คุณแอบวัดตัวผมตอนไหนเนี่ย”
”แฟนฉัน ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าใส่เสื้อไซส์ไหน...ว่าแต่ชอบปะ”
“ชอบสิ”
“เลือกผ้าเอง ตัดเองกับมือเลยนะ นั่งเย็บทั้งคืนไม่ได้หลับไม่ได้นอนเลย”
“ขอบคุณนะครับหยี”
สุดยอดมองเสื้อที่ใส่อย่างปลื้มๆ แล้วนึกได้
“เดี๋ยวๆ ไอ้ที่แกล้งหาเรื่องทะเลาะนี่เป็นแผนของคุณเองเหรอ”
ฟังสุดยอดแล้วยาหยียิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา “แหม ถ้าให้แบบธรรมดาๆ มันก็ไม่ประทับใจสิ”
“คุณทำอะไรให้ผม ผมก็ประทับใจหมดแหละ”
สุดยอดกอดยาหยี ยาหยีเขิน แกล้งกระทุ้งศอกเข้าท้องสุดยอด สุดยอดแกล้งเจ็บ ยาหยีหัวเราะ

สุดยอดนึกถึงความหลังแล้วยิ้มเศร้าๆ ขณะที่กำลังจะออกเดินต่อ สุดยอดหันมาเจอยาหยีเดินมาพอดี ทั้งสองมองกันด้วยสายตาเศร้าๆ
ยาหยีหลบตาแล้วเดินผ่านสุดยอด สุดยอดคว้าแขนยาหยีไว้
“หยี....ผมไม่เคยลืมคุณเลยนะ”
ยาหยีจับมือสุดยอด พยายามแกะออก แต่สุดยอดไม่ยอมปล่อย
“แต่ฉันกำลังจะลืมคุณ ฉันกำลังจะเลิกรักคุณได้อยู่แล้ว”
“ผมเลิกรักคุณไม่ได้ ได้ยินมั้ยหยี ผมรักคุณ”
“หยุดได้แล้ว ฉันมีชีวิตของฉัน คุณก็มีชีวิตของคุณ ทางใครก็ทางมัน หัดทำใจ แล้วยอมรับมันได้แล้วโตเป็นผู้ใหญ่ซะที”
ยาหยีแกะมือสุดยอดออก คราวนี้สุดยอดยอมปล่อยมือ ยาหยีเดินจากไปสุดยอดมองตามยาหยี
“ผมไม่มีวันเลิกรักคุณหรอก...ไม่มีวัน”

ไข่ตุ๋นนั่งแกว่งชิงช้าเล่นซึมๆ เท่งเดินเข้าไปลูบผมไข่ตุ๋น
“ปู่คะ ความตายเป็นยังไงคะ”
เท่งนิ่งคิดพยายามเรียบเรียงคำพูด
“ความตายเหรอ...ก็คือการที่คนเราไม่หายใจ ไม่มีชีวิต ไม่ตื่นมาอีกแล้วน่ะสิ
“ปู่กลัวความตายมั้ยคะ”
เท่งส่ายหน้าก่อนตอบหลานสาว
“ปู่ไม่กลัว เพราะปู่มั่นใจว่าถึงปู่ตายไป ปู่ก็ยังอยู่…”
เท่งพูดพลางจับที่หน้าอกตัวเอง
“ปู่ยังอยู่ในนี้ของคนที่ปู่รักและรักปู่ ปู่ไม่ได้หายไปไหน”
เท่งลูบศีรษะไข่ตุ๋นอย่างอ่อนโยน
“ปู่จะคอยดูแลและเอาใจช่วยคนที่ปู่รักให้มีความสุขตลอดไป”
ไข่ตุ๋นมองหน้าเท่งแล้วกอดเท่ง
“ถ้าไข่ตุ๋นตาย ไข่ตุ๋นก็อยากให้พ่อกับแม่ ให้อายอด แล้วก็ปู่เท่งมีความสุขค่ะไข่ตุ๋นรักปู่”
“ปู่ก็รักไข่ตุ๋น”
เท่งกอดไข่ตุ๋น น้ำตารื้น

ครู่ต่อมาเท่งจูงไข่ตุ๋นกลับเข้ามาในบ้าน
“ปู่ว่าไข่ตุ๋นกินโกโก้ซักแก้วดีมั้ย แม่เค้าบอกว่าเมื่อเช้าไข่ตุ๋นกินไปนิดเดียวเองนี่”
“ไข่ตุ๋นไม่อยากกินนี่คะปู่ ไข่ตุ๋นปวดหัว พอกินแล้วอยากจะอ้วก”
“แต่ไม่กินเลยมันจะไม่หายนะ”
ไข่ตุ๋นส่ายหน้า เท่งหนักใจ จังหวะเดียวกันนั้นณนนท์ก็เดินออกมาจากห้องรับแขก
“ไข่ตุ๋น ทายซิลูกว่าใครมา”
พอณนนท์พาไข่ตุ๋นไปที่ห้องรับแขก เห็นยี่หวาและข้าวตูนั่งรออยู่ ไข่ตุ๋นเห็นข้าวตูก็ยิ้มกว้างด้วยความดีใจ
“ข้าวตู คุณน้ายี่หวา”
ไข่ตุ๋นยกมือไหว้ยี่หวาแล้ววิ่งไปหาข้าวตู
“ข้าวตู ไข่ตุ๋นคิดถึงข้าวตูที่สุดเลย”
“เราก็คิดถึงไข่ตุ๋น นี่เพื่อนๆฝากรูปมาให้ไข่ตุ๋นเต็มเลย ทุกคนอยากให้ไข่ตุ๋นหายป่วยแล้วกลับไปโรงเรียนเร็วๆ”
ไข่ตุ๋นกับข้าวตูจูงมือกันไปนั่งดูรูปวาดฝีมือเด็กๆ ที่วาดมาให้กำลังใจไข่ตุ๋น ณนนท์ ยี่หวา และเท่งมองยิ้มๆ
“ปู่ขา ขอโกโก้กับคุ้กกี้ให้ข้าวตูกับไข่ตุ๋นได้มั้ยคะ”
“ได้สิ ตั้งแต่ป่วยก็เพิ่งจะเห็นยิ้มออกก็วันนี้ล่ะ ขอบใจนะหนูยี่หวา”
ยี่หวายิ้มให้แทนคำขอบคุณ เท่งเดินเข้าครัวไป ณนนท์กับยี่หวามองเด็กสองคนยิ้มมีความสุข
“ขอบคุณนะครับที่พาข้าวตูมาเยี่ยม”
“ไม่เป็นไรค่ะ พอคุณเล่าว่าไข่ตุ๋นซึม เอาแต่ถามเรื่องตายฉันก็เป็นห่วง เด็กแค่หกขวบยังไม่เข้าใจว่าความตายเป็นยังไง แกคงจะกลัวน่าดู”
“แม่เค้าก็ไม่รู้จะตอบคำถามยังไง นี่พาไข่ตุ๋นมาฝากไว้แล้วก็ไปติดต่อเรื่องไปนอก”
ยี่หวาได้ฟังก็มีสีหน้ากังวล
“ไข่ตุ๋นยังไม่หายป่วย คุณนิตายังคิดจะพาแกไปเมืองนอกอีกเหรอคะ”
“เค้าคิดจะพาไปรักษาที่เมืองนอก แต่ก็กลัวสู้ค่าใช้จ่ายไม่ไหว ผมก็บอกว่าถ้าเค้ายืนยันว่าจะไปจริงๆ ผมจะช่วย แต่ใจผมอยากให้รักษาที่เมืองไทยมากกว่า เพราะเรายังดูแลไข่ตุ๋นได้ นี่ผมก็ต่อรองเค้าว่าขอให้ไข่ตุ๋นหายป่วยแล้วค่อยไป นิตาเค้าขอกลับไปคิดดูก่อน”
ยี่หวามองณนนท์อย่างเห็นใจ จังหวะนั้นเสียงข้าวตูก็ดังแทรกขึ้นมา
“แม่คร้าบ!! ช่วยด้วยครับ ไข่ตุ๋นแย่แล้ว”
ณนนท์กับยี่หวาตกใจรีบวิ่งไปหาไข่ตุ๋น เห็นไข่ตุ๋นออกอาการชัก โดยมีข้าวตูยืนมองด้วยความตกใจและเป็นห่วง
“ไข่ตุ๋น!”
ณนนท์รีบเข้าไปประคองไข่ตุ๋น
“ไข่ตุ๋นชักใหญ่แล้ว ทำไงดีครับแม่”
เท่งถือถาดคุ้กกี้กับแก้วโกโก้เย็น 2 แก้วออกมาจากครัว เห็นไข่ตุ๋นชักก็ตกใจรีบวางแก้ว ไวเท่าความคิดยี่หวารีบหยิบช้อนสำหรับค้นโกโก้มาใส่ปากไข่ตุ๋น กันไม่ให้ไข่ตุ๋นกัดลิ้นตัวเอง
“นนท์ เอารถออก พาไข่ตุ๋นไปโรงพยาบาลเร็วเข้า”

เท่งบอกอย่างเร่งร้อน ณนนท์รีบอุ้มไข่ตุ๋นพาออกไป

อ่านต่อหน้า 2







*โปรดติดตามอ่านตอนอวสาน พรุ่งนี้ (30 พ.ย.)
ลิขิตเสน่หา ตอนที่ 23 (ต่อ)

สุดยอดกับเท่งและข้าวตูนั่งรอที่หน้าห้องตรวจ  จังหวะนั้นบุญเลื่องกับยาหยีที่รู้เรื่องรีบพากันมาที่โรงพยาบาลทันที ทั้งคู่เดินกึ่งวิ่งเข้ามาด้วยหน้าตาเป็นกังวล บุญเลื่องรีบถามเท่ง

“ไข่ตุ๋นเป็นยังไงบ้างคะ พอฉันได้ข่าวก็รีบมาเลย”
“นอนอยู่ในห้องครับ ยังไม่ฟื้นเลย หมอเพิ่งทำซีทีสแกนสมองไปอีกรอบ นี่เรากำลังรอฟังผลกันอยู่ครับ”
“ข้าวตูมาหาน้ามา”
ข้าวตูเดินไปนั่งกับยาหยี สุดยอดหันไปมองยาหยี แต่ยาหยีเมินไปมองทางอื่นอย่างจงใจ
“คุณเข้าไปดูไข่ตุ๋นในห้องเถอะค่ะ ฉันกับหยีจะรออยู่ข้างนอกเอง” บุญเลื่องบอก
“ขอบคุณครับ”
เท่งกับสุดยอดเดินเข้าห้อง บุญเลื่องกับยาหยีมองตามอย่างเป็นห่วง

ไข่ตุ๋นนอนหน้าเซียวอยู่บนเตียง ณนนท์กับยี่หวาจับมือไข่ตุ๋นไว้คนละข้างอย่างเป็นห่วง
“ไข่ตุ๋น อย่าเป็นอะไรไปนะลูก ไข่ตุ๋นต้องอยู่กับพ่อนะครับ”
ยี่หวามองณนนท์อย่างสงสารเห็นใจ สุดยอดกับเท่งเปิดประตูเข้ามา ไข่ตุ๋นค่อยๆกระพริบตาแล้วลืมตาขึ้น ณนนท์ร้องขึ้นอย่างดีใจ
“ไข่ตุ๋นฟื้นแล้ว”
สุดยอดกับเท่งปราดเข้ามาที่ข้างเตียงคนไข้ทันที
“ไข่ตุ๋น นี่อายอดนะ อายอดมาแล้ว ไข่ตุ๋นต้องไม่เป็นอะไรนะครับ”
“ไข่ตุ๋นเป็นไงบ้างลูก”
ไข่ตุ๋นกวาดสายมองมองหน้าทุกคนอย่างโรยแรง
“ปู่ อายอด” ไข่ตุ๋นหันมามองณนนท์ “พ่อ...ไข่ตุ๋นยังไม่ตายใช่มั้ยคะ”
“ยังลูก ไข่ตุ๋นยังต้องอยู่กับพ่ออีกนานนะครับ”
จังหวะนั้นไข่ตุ๋นหันไปมองยี่หวา
“น้ายี่หวาคะ น้ายี่หวาอย่าทิ้งพ่อไข่ตุ๋นนะคะ น้าช่วยดูแลพ่อของไข่ตุ๋นด้วยนะคะ พ่อไข่ตุ๋นชอบทำงานจนลืมกินข้าว น้าต้องบังคับให้พ่อกินข้าวด้วยนะคะ”
ยี่หวาพยักหน้ารับคำ น้ำตาปริ่ม
“น้าสัญญาจ้ะ”
คราวนี้ไข่ตุ๋นบอกเท่ง
“ปู่ขา ไข่ตุ๋นจะไม่ไปไหน ไข่ตุ๋นจะอยู่ในใจปู่กับอายอด คอยดูแล้วก็เอาใจช่วยให้ปู่กับอามีความสุขนะคะ”
ทุกคนพยายามกลั้นน้ำตา แต่ก็พากันกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ สุดยอดทนไม่ไหว หันหลังหนีไปร้องไห้
จังหวะนั้นเอนิตาวิ่งหน้าตื่นเข้ามา ยี่หวาหลีกทางให้ เอนิตาเข้าไปจับมือไข่ตุ๋น
“ไข่ตุ๋น ไข่ตุ๋นต้องไม่เป็นอะไรนะลูก”
“แม่ขา ไข่ตุ๋นขอโทษ”
“ขอโทษแม่เรื่องอะไร”
“ไข่ตุ๋นขอโทษที่ไข่ตุ๋นจะต้องตาย”
“ไข่ตุ๋น! ไม่เอาทำไมพูดอย่างนั้น ไข่ตุ๋นไม่ตายหรอกลูก เดี๋ยวหมอก็รักษาไข่ตุ๋นหาย เชื่อแม่นะ ไข่ตุ๋นต้องไม่เป็นอะไร” เอนิตาละล่ำละลัก น้ำตาร่วงพรู
“ไข่ตุ๋นเป็นห่วงแม่ ไข่ตุ๋นไม่อยากให้แม่อยู่คนเดียว แต่ถ้าไข่ตุ๋นเป็นอะไรไป แม่ไม่ต้องกลัวนะคะ” ไข่ตุ๋นเอื้อมมือน้อยๆ ไปจับที่หัวใจเอนิตา “ไข่ตุ๋นจะอยู่ในนี้..คอยดูแลแม่นะ”
เอนิตาร้องไห้โฮ กอดไข่ตุ๋น ทุกคนร้องไห้ออกมาด้วยความสะเทือนใจ

ครู่ต่อมา ณนนท์ ยี่หวา เอนิตา สุดยอด และเท่ง นั่งอยู่หน้าหมอเจ้าของไข้ ทุกคนหน้าตาเคร่งเครียด รอฟังผลตรวจอยู่ในห้องประชุม ยี่หวาสงสารณนนท์เอื้อมมือไปกุมให้กำลังใจณนนท์ เอนิตาแอบชำเลืองมอง หมอดูผลการตรวจแล้วเงยหน้าบอก
“ตอนนี้เรามีทั้งข่าวดีและข่าวร้ายจะแจ้งให้ทราบครับ”
“ผมขอฟังข่าวร้ายก่อนแล้วกันครับ” ณนนท์พูดขึ้นทันที
“ที่เราสงสัยกันว่าไข่ตุ๋นมีเนื้องอกในสมอง ตอนนี้เราเจอก้อนเนื้องอกแล้วครับ”
ทุกคนหน้าเสียไปตามๆกัน
“แล้ว...เนื้องอกก้อนนี้เราผ่าออกได้มั้ยครับหมอ” สุดยอดถาม
“ไข่ตุ๋นเพิ่งหกขวบ ต้องเปิดกะโหลกผ่าเนื้องอก มันไม่อันตรายเหรอครับหมอ” เท่งถามต่ออ
“อันนี้เป็นข่าวดีครับ เพราะการรักษาเนื้องอกชนิดนี้ไม่จำเป็นต้องผ่าตัด เรารักษาด้วยการฉายรังสีได้ครับ”
คราวนี้ทุกคนยิ้มอย่างโล่งอก และดีใจ
“นิตา ดีใจมั้ย อีกไม่นานไข่ตุ๋นก็จะหายดีแล้ว”
ณนนท์หันมาทางภรรยา เอนิตายิ้มรับ “ดีใจสิ”
ณนนท์กับยี่หวาหันมายิ้มให้กัน ซึ่งอยู่ในสายตาของเอนิตา
“นนท์ ฉันขอคุยกับคุณหน่อย”
เอนิตาบอกเสียงเรียบ ณนนท์กับยี่หวาที่กุมมือกันอยู่มองหน้ากันอย่างสงสัย

เอนิตากับณนนท์ออกมายืนคุยกันที่มุมหนึ่งในโรงพยาบาล เอนิตาพูดกับณนนท์ด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
“ฉันทำเรื่องเรียบร้อยแล้วเดือนหน้า..ฉันจะไปเมืองนอก”
“แต่ไข่ตุ๋นยังไม่หาย ผมไม่อยากให้แกต้องเดินทางไกลๆตอนนี้”
“ฉันตัดสินใจ จะไม่พาไข่ตุ๋นไปเมืองนอกแล้ว”
ท่าทีจริงจังของเอนิตาที่พูด ทำเอาณนนท์ชะงัก
“คุณว่าอะไรนะ”
“ฉันคืนไข่ตุ๋นให้คุณ ที่ผ่านมาฉันคิดถึงแต่ตัวเอง ฉันไม่เคยคิดถึงลูก ไม่เคยคิดถึงคุณ แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ฉันอยากเห็นลูกมีความสุข”
ณนนท์ประหลาดใจ เอนิตาหันมามองหน้าณนนท์
“ฉันเชื่อว่าไข่ตุ๋นมีความสุขที่ได้อยู่กับพ่อ กับอากับปู่ของแกมากกว่าอยู่กับฉัน”
“นิตา...อะไรที่ทำให้คุณเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้”
“ไข่ตุ๋นไงล่ะ เพราะความรักของไข่ตุ๋น ไข่ตุ๋นเค้ารักฉัน เค้ายอมไปอยู่กับฉันที่เมืองนอกเพราะเค้ากลัวว่าฉันจะต้องอยู่คนเดียว ลูกเสียสละเพื่อฉันขนาดนี้ แล้วแม่อย่างฉันจะทนเห็นแก่ตัวทำลายความสุขของลูกได้ยังไง”
พูดถึงตรงนี้เอนิตาร้องไห้
“ฉันยอมแพ้แล้วนนท์ ฉันยอมแพ้หัวใจรักของไข่ตุ๋น”
ณนนท์ซาบซึ้งใจ เข้าไปโอบให้กำลังใจ และขอบคุณเอนิตา
“ขอบคุณนะนิตา ขอบคุณมาก ไข่ตุ๋นจะต้องภูมิใจที่มีแม่ที่รักเค้ามากขนาดนี้”
ณนนท์กอดเอนิตาแน่นด้วยความรู้สึกขอบคุณจากหัวใจ

สุดยอดยืนกดน้ำอยู่ ยาหยีถือแก้วกาแฟผ่านมา เห็นสุดยอดก็จะเดินเลี่ยงไปอีกทาง แต่สุดยอดหันมาเห็นยาหยีซะก่อน
“หยี”
ยาหยีถอนหายใจ นึกในใจว่าคงเลี่ยงกันไม่พ้น ตัดสินใจหันมาทางสุดยอด
“ขอบคุณนะครับที่มา”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พี่คุณกับพี่ฉันคบหากัน แล้วฉันก็รู้สึกกับไข่ตุ๋นเหมือนหลานคนนึง ยังไงฉันก็ต้องมาค่ะ” ยาหยีบอกเสียงเรียบ
“ดูท่าทางชีวิตเราสองคนคงจะหนีกันไม่พ้นจริงๆ ยิ่งผมเห็นคุณผมก็ยิ่งทรมานใจ ดูท่า...ผมคงต้องยอมพยายามตัดใจตามที่คุณบอกซะละมั้ง” สุดยอมปั้นหน้ายิ้ม
“ดีค่ะ ยิ่งคุณทำใจได้เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีกับตัวคุณเองเท่านั้น ดูอย่างฉันสิคะ พอทำใจได้ ฉันก็สบายใจขึ้นเยอะ”
ยาหยียิ้มให้ สุดยอดฟังแล้วใจหาย โดยเฉพาะที่ยาหยีบอกว่าทำใจได้แล้ว
“ชีวิตเรายังต้องก้าวต่อไปนะคะ มันไม่ได้จบแค่นี้”
สุดยอดพยักหน้า ยาหยีเดินจากไป

แต่พอยาหยีเดินมาถึงหัวมุมทางเดินสงบๆ ไม่มีผู้คน ยาหยีร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น

เวลาเดียวกันนั้นยี่หวา บุญเลื่องและข้าวตูกำลังจะกลับบ้าน บุญเลื่องพูดออกมาอย่างโล่งอกหลังรับรู้อาการไข่ตุ๋นจากปากยี่หวา
“โอ๊ย โล่งอกไปทีคุณพระคุณเจ้าคุ้มครอง ไข่ตุ๋นไม่เป็นอะไรมากแม่ก็สบายใจ”
“ข้าวตูก็ดีใจครับคุณยาย” เด็กชายตัวน้อยยิ้มไร้เดียงสาออกมาจากใจ
“วันนี้หมอก็ให้กลับบ้านได้แล้วค่ะ แล้วค่อยนัดมาฉายรังสีที่หลังอีกที” ยี่หวาอธิบายเพิ่ม
“ไป งั้นเรากลับ เอ๊ะ ยัยหยีไปไหน บอกว่าจะไปซื้อกาแฟเดี๋ยวเดียว” บุญเลื่องพูดพลางเหลียวมองหา
“หนูไปตามให้เองค่ะแม่” ยี่หวาหันไปบอกข้าวตู “ข้าวตูอยู่กับคุณยายนะครับเดี๋ยวแม่มา”
ยี่หวาเดินออกไป

ยี่หวาเดินมาจนถึงตรงมุมทางเดิน ก็เห็นภาพยาหยีนั่งร้องไห้อยู่ที่บันได
“หยี”
ยาหยีหันมาเห็นยี่หวาก็รีบเช็ดน้ำตา เพราะไม่อยากให้ยี่หวาเห็นว่าร้องไห้ ยี่หวารับรู้ความรู้สึกนั้นมองอย่างสงสาร แล้วเดินเข้าไปกอดยาหยี
“ร้องออกมาเถอะหยี อย่าเก็บมันไว้”
“พี่ยี่หวา”
ยาหยีปล่อยโฮออกมาอย่างสุดจะกลั้น ร้องไห้กับอกของพี่สาว
“ยังไงเราก็ยังมีกันและกันนะหยี”
ยี่หวาปลอบใจยาหยี ขณะที่ตัวเองก็น้ำตาซึม

ทางด้านเพิร์ลลี่ กำลังจัดโต๊ะอาหารเย็นอย่างสวยงาม พอเสร็จสมใจแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดพิมพ์ข้อความ
“กลับมาเร็วๆ นะคะพี่ยอด เพิร์ลลี่รอทานข้าวอยู่ รักพี่ยอดที่สุด จุ๊บๆ” เพิร์ลลี่กดส่งข้อความ
“พี่ยอดน่ะขี้งอน แต่พอง้อแล้วก็หายโกรธเพิร์ลลี่ทุกที วันนี้เพิร์ลลี่มี เค้กแสนอร่อยให้พี่ยอดด้วย”
เพิร์ลลี่พูดกับตัวเอง พลางเปิดเค้กกล่องใหญ่ออกมาดูอย่างลั้ลลา

แต่สุดยอดอยู่ที่บ้านเท่ง ซึ่งตอนนี้มีป้าย “ยินดีต้อนรับไข่ตุ๋นกลับบ้าน” บรรยากาศในบ้านตกแต่งด้วยลูกโป่งและดอกไม้ ดูแล้วสดชื่น
ทุกคนยื่นมือขึ้นมาชนแก้วน้ำหวาน ณนนท์ สุดยอด เท่ง และไข่ตุ๋นกำลังฉลองกันอย่างชื่นมื่น
“ชนแก้ว”
ทุกคนพูดพร้อมๆ กัน เท่งตักกับข้าวใส่จานไข่ตุ๋นจนพูน
“กินเยอะๆนะไข่ตุ๋น ปู่อุตส่าห์ทำแต่ของชอบไข่ตุ๋นทั้งนั้นเลย”
“ตอนป่วยไม่ยอมกินอะไรจนผอมตัวจะปลิวแล้วเนี่ย” ณนนท์แซวลูกสาวสุดรัก
“เหลือท้องไว้กินไอติมบ้างนะ อาซื้อไอติมของโปรดไข่ตุ๋นมาด้วย”
ไข่ตุ๋นตาโต กระโดดหอมแก้มสุดยอด
“ไข่ตุ๋นรักอายอดที่สุดเล๊ย”
ณนนท์กับเท่งร้องโฮพร้อมกัน ด้วยความอิจฉา
“ปู่ทำกับข้าวทั้งวัน ไม่เห็นมีรางวัลแบบนี้มั่งเลย”
ไข่ตุ๋นเลยหันไปหอมเท่ง แล้วก็หอมณนนท์
“ไข่ตุ๋นรักทุกคนเลยค่า”
ทุกคนหัวเราะในความช่างประจบของไข่ตุ๋น จังหวะนั้นไข่ตุ๋นก็หันมาถามพ่อ
“พ่อขา ทำไมไม่ชวนน้ายี่หวามาด้วยล่ะคะ”
“น้ายี่หวาเค้าไม่ว่างนะลูก”
“พ่อคะ ทำไมพ่อไม่จีบน้ายี่หวาเลยละคะ ไข่ตุ๋นอยากมีแม่ใหม่จะแย่อยู่แล้ว” ไข่ตุ๋นยิ้มให้พ่อ
“พูดจาอะไร ชักแก่แดดใหญ่แล้วนะเรา”
ณนนท์บอกเขิน
“เอ้า จริงของไข่ตุ๋นนา อยากทำอะไรก็รีบๆทำซะ ลูกมันไฟเขียวให้แล้วนี่” เท่งเย้า
“ลุยเลยครับพี่ ผมเชียร์พี่เต็มที่ ขอพี่ยี่หวาแต่งงานเลยครับ” สุดยอดอวยเต็มที่
ณนนท์อมยิ้มเขินๆ พลางคิด จังหวะนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือสุดยอดดังขึ้น สุดยอดหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เห็นเป็นชื่อเพิร์ลลี่ สุดยอดกดสายทิ้ง สักครู่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก สุดยอดกดทิ้ง แล้วก็โทรมาอีก จนในที่สุด สุดยอดตัดสินใจปิดโทรศัพท์
“เพิร์ลลี่เหรอ ทำไมไม่รับล่ะ”
สุดยอดไม่ตอบ
“คืนนี้ผมนอนนี่นะครับ”
“อ้าว แล้วเมียแกล่ะ”
เท่งถาม แต่สุดยอดก้มหน้า เท่งกับณนนท์สบตากันอย่างเหนื่อยใจ และเห็นใจ

เช้าวันต่อมาเพิร์ลลี่ยังคงรอที่โต๊ะกินข้าวจนสว่าง ตาเธอแดงและใบหน้าโทรมสุด มือก็ถือช้อนตักเค้กก้อนโตกินไปเรื่อยๆ ราวกับหุ่นยนต์
ชม้อยเดินเข้ามามองดูเพิร์ลลี่อย่างสงสารและเจ็บปวดแทนลูก
“เพิร์ลลี่”
เพิร์ลลี่เงยหน้ามองชม้อย น้ำตานองเต็มใบหน้า
“แม่ขา เพิร์ลลี่คิดว่าเพิร์ลลี่ได้แต่งงานกับพี่ยอดแล้วเพิร์ลลี่จะมีความสุข แต่ทำไมเพิร์ลลี่ถึงไม่มีความสุขเลยคะแม่”
ชม้อยลงนั่งข้างๆ เพิร์ลลี่แล้วลูบผมปลอบใจลูกสาว
“เพราะชีวิตแต่งงานมันไม่ได้มีแค่วันแต่งงานน่ะสิ...เพิร์ลลี่ ถ้าทนแล้วทุกข์ก็อย่าไปทนมันเลย ถึงยังไงแม่ก็อยากให้เพิร์ลลี่มีความสุขนะลูก”
“ไม่ค่ะ...ยังไงเพิร์ลลี่ก็จะทน พี่ยอดเป็นของเพิร์ลลี่ ซักวันพี่ยอดก็ต้องรักเพิร์ลลี่ เพิร์ลลี่จะทนจนกว่าจะถึงวันนั้น” เพิร์ลลี่พูดอย่างมุ่งมั่น
“แล้วถ้ามันไม่มีวันนั้นล่ะ ถ้าสุดยอดเค้าไม่เปลี่ยนใจมารักเพิร์ลลี่ล่ะ เพิร์ลลี่จะทำยังไง” ชม้อยสงสารลูกสาวจับใจ
“เพิร์ลลี่...เพิร์ลลี่...ไม่ยอม เพิร์ลลี่ไม่ยอม”
เพิร์ลลี่ร้องไห้โฮ ชม้อยมองลูกอย่างสงสารแต่ทำอะไร ช่วยอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้

วันเดียวกันนั้นยี่หวากำลังทำงานอยู่ในร้านต้นไม้ มอร์ แดน ทรี มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ยี่หวาหยิบมาดูแล้วยิ้ม กดรับสาย
“สวัสดีค่ะคุณนนท์ มีอะไรให้มอร์แดนทรีรับใช้คะ”
ณนนท์เดินคุยมือถืออยู่ในบริษัท
“แหมคุณ อย่าใช้คำว่ารับใช้เลยครับ ผมสิต้องรับใช้คุณ ไม่ใช่ให้คุณมารับใช้ผม”
“เอ้า ดิฉันเป็นลูกจ้าง ไม่รับใช้นายจ้าง เดี๋ยวเค้าไล่ออกจะทำไงละคะ” ยี่หวาเย้าใบหน้ายิ้มแย้ม
“เค้าไล่ออกก็มาอยู่กับผมนี่ไง ผมเลี้ยงได้” ณนนท์ได้จังหวะหยอดตามเสียงของหัวใจ
“โทรมานี่มีธุระอะไรคะ”
“ค่ำนี้ว่างมั้ยครับ ผมมีงานจะให้คุณทำหน่อย”
“ว่างค่ะ มีอะไรเหรอคะ”
“ลูกค้าขอให้ไปดูสถานที่สำหรับจัดงาน ผมอยากจะชวนคุณไปด้วย เผื่อมีไอเดียอะไรดีๆ จะได้
ช่วยกันเสนอไงล่ะครับ”
“ได้ค่ะ เจ้านาย”
ยี่หวายิ้ม ณนนท์วางหูแล้วยิ้มอย่างสุขใจ

เย็นวันนั้นยี่หวาเดินขึ้นมาบนดาดฟ้าตามนัด มองไปรอบๆ แต่ไม่เจอใครเลย
“เอ๊ะ ไหนว่านัดกันที่นี่ตอนทุ่มนึง ไม่เห็นมีใครมาเลย”
จังหวะนั้นเอง ประตูดาดฟ้าก็ปิดเสียงดังปัง ยี่หวาตกใจ วิ่งไปจะเปิดประตู แต่ปรากฎว่าประตูดาดฟ้าล็อค
“ช่วยด้วยค่ะ ประตูล็อคค่ะ ฉันติดอยู่บนนี้ ใครก็ได้ช่วยเปิดประตูหน่อยค่ะ”
ยี่หวาตะโกนเรียกก็ไม่มีใครมาเปิดให้ ไวเท่าความคิดยี่หวาหยิบโทรศัพท์มือถือมากดหาณนนท์ทันที
“คุณนนท์”
“ยี่หวา คุณอยู่ที่ไหนครับ” ณนนท์ถาม
“ฉันอยู่ที่ตึกที่คุณนัดให้มาดูสถานที่จัดงานไงคะ ฉันมาถึงแล้วแต่ไม่เห็นคุณกับลูกค้าเลย แล้วตอนนี้ประตูดาดฟ้ามันก็ปิดล็อค ตะโกนเรียกตั้งนานก็ไม่มีใครมาเลยค่ะ”
“แย่แล้วยี่หวา คุณไปผิดตึก ผมบอกให้คุณไปอีกที่ต่างหาก เนี่ยผมก็รอคุณอยู่” ณนนท์บอก
ยี่หวาหน้าเสีย
“อ้าว ตึกไหนคะ”
เสียงณนนท์บอกทางโทรศัพท์
“ตึกใกล้ๆ กันครับ คุณลองมองออกไปสิครับ ตึกสูงที่คุณเห็นนั่นล่ะครับ”
ยี่หวามองออกไปตามที่ณนนท์บอก มองเห็นตึกสูง บนตึกมีข้อความปรากฎขึ้นมาว่า
“ยี่หวาครับ แต่งงานกับผมมั้ย...ณนนท์”
ยี่หวาเซอร์ไพรส์ น้ำตาจะไหล
เสียงณนนท์ดังขอคำตอบ
“ว่าไงครับยี่หวา ตกลงคุณจะแต่งงานกับผมมั้ย”
ยี่หวาไม่ยอมตอบ เอามือปิดปาก พยายามกลั้นร้องไห้ ณนนท์โผล่มาด้านหลังยี่หวา
“ยี่หวา”
ยี่หวาหันกลับไปเจอณนนท์ จังหวะนั้นณนนท์จับมือยี่หวาไว้
“ยี่หวา ผมรักคุณ ผมอยากปกป้องดูแลคุณ อยากอยู่กับคุณ อยากแก่เฒ่าไปกับคุณ คุณจะแต่งงานกับผมมั้ย”
ยี่หวาพยักหน้าทั้งน้ำตา
“ค่ะ ฉันจะแต่งงานกับคุณ”
ทั้งสองกอดกัน อย่างรักใคร่ และเป็นสุขใจ
“เราจะแต่งงานให้เร็วที่สุด”
“มันไม่เร็วไปเหรอคะ”
“ไม่หรอกครับ เรารอที่จะได้อยู่ร่วมกันมานานเกินไปแล้ว ต่อจากนี้ไปผมจะใช้ทุกวันของผมร่วมกับคุณ ผมรักคุณครับยี่หวา”

ณนนท์พูดพร้อมกับประทับจูบที่หน้าผากยี่หวาอย่างทะนุถนอม

อ่านต่อหน้า 3







*โปรดติดตามอ่านตอนอวสาน พรุ่งนี้ (30 พ.ย.)
ลิขิตเสน่หา ตอนที่ 23 - 3

ขณะที่ยี่หวากับณนนท์กอดกันอย่างมีความสุขอยู่นั้น ภูมิชายจอดรถติดอยู่ที่ไฟแดงใกล้ๆพอดี สภาพภูมิชายในยามนี้โทรมเอามากๆ แทบไม่เหลือเค้าทนายความชื่อดังคนเดิม

ภูมิชายเห็นผู้คนข้างถนนและในรถคันข้างๆ ต่างพากันชี้ชวนกันดูข้อความขอแต่งงานบนตึกระหว่าง ณนนท์และยี่หวา ภูมิชายกัดฟันกรอดด้วยความแค้น
“ไอ้ณนนท์ มึงแย่งทุกอย่างไปจากกู”
ภูมิชายเจ็บแค้น หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
“ฉันมีงานให้แกทำ”
สายตาภูมิชายเวลานี้ฉายแววเหี้ยมโหดชัดเจน
ภูมิชายกำโทรศัพท์แน่น แววตาวาวโรจน์ลุกโชนด้วยเพลิงโทสะ

คืนนั้นณนนท์ขับรถเข้ามาจอดที่หน้าบ้านด้วยความสุขใจ มองเข้าไปในบ้านเห็นมีรถเพิร์ลลี่จอดอยู่ ณนนท์เดินเข้าบ้านไปอย่างอารมณ์ดี ระหว่างนั้นเองชายคนร้ายก็โผล่ออกมาแอบมอง แล้วตรงไปที่รถณนนท์โดยที่เขาไม่รู้ตัว

ณนนท์เดินเข้าไป เจอเพิร์ลลี่คุยกับเท่งในห้องรับแขก
“อ้าว เพิร์ลลี่” ณนนท์ทักทายน้องสะใภ้
“สวัสดีค่ะ พี่นนท์คะ พี่ยอดมาที่นี่บ้างรึป่าวคะ”
ณนนท์กำลังจะตอบ ถูกเท่งแย่งตอบซะก่อน
“สุดยอดเค้าไม่ได้อยู่ที่นี่หรอกหนูเพิร์ลลี่”
“เค้าไม่กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์แล้ว เพิร์ลลี่ไปตามหาที่ไหนก็ไม่เจอ คุณพ่อพอจะนึกออกมั้ยคะว่าพี่ยอดเค้าไปไหน”
“พ่อก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“แล้วพี่นนท์ล่ะคะ”
ถูกเพิร์ลลี่ถามซ้ำ คราวนี้ณนนท์อึกอัก เท่งขยิบตาให้ณนนท์แล้วส่ายหน้า
“พี่ก็ไม่รู้ครับ”
“ไว้ถ้าพ่อเจอเค้าแล้วพ่อจะบอกให้เค้ากลับบ้านนะ”
“ขอบคุณค่ะ งั้นหนูลานะคะ”
เพิร์ลลี่พนมมือไหว้ แล้วเดินออกไป ณนนท์กับเท่งมองตามอย่างสงสารเห็นใจ
“ยอดนะยอด เลยพาให้พี่กับพ่อผิดศีลข้อมุสาไปด้วย” ณนนท์เปรยขึ้น
“ทำไงได้ล่ะ มันสั่งไม่ให้บอกว่ามันอยู่ที่นี่ ขืนเราบอกไป มันก็ได้เตลิดหนีไปที่อื่นอีกน่ะสิ”
เท่งถอนหายใจ หนักใจสุดๆ

คืนเดียวกันนั้นสุดยอดมาเดินรำลึกถึงความหลัง ที่เคยมาซื้อดอกไม้กับยาหยีที่ปากคลองตลาด สุดยอดมองดูดอกไม้แล้วเห็นดอกลิลลี่ สุดยอดหยิบขึ้นมามอง แล้วคิดถึงยาหยี

ทางด้านเพิร์ล ยังไม่เลิกตามหาสุดยอด เวลานี้เพิร์ลลี่กำลังยืนคุยกับยาหยีที่หน้าบ้าน
“ฉันไม่รู้จริงๆว่าสุดยอดไปไหน แล้วฉันไม่ได้ติดต่อกับเค้าด้วยตั้งแต่เค้า แต่งงานกับคุณ”
เพิร์ลลี่จับมือยาหยี
“หยี...ฉันอายนะ แต่ฉันก็ต้องตากหน้ามาหาเธอถึงนี่ เห็นใจหัวอกลูกผู้หญิงด้วยกันเถอะนะ คืนพี่ยอดให้ฉันเถอะ”
“ฟังนะเพิร์ลลี่ ฟังให้ชัดๆ ฉันไม่รู้ แล้วฉันก็ไม่เคยคิดแย่งสามีของเธอด้วย”
เพิร์ลลี่ฉุน ออกอาการเหวี่ยงขึ้นมาทันที
“ไม่จริง เธอมันหน้าด้าน เธอมันคอยคิดจะแย่งพี่ยอดไปจากฉันตลอดเวลา เธอซุกผัวฉันเอาไว้ในบ้านแล้วมาตีหน้าซื่อว่าไม่รู้ๆๆ ใช่มั้ยล่ะ”
“เพิร์ลลี่!” ยาหยีชักสีหน้า
“ฉันเกลียดเธอยาหยี ถ้าไม่มีเธอซะคน ฉันกับพี่สุดยอดคงจะมีความสุขกันไปแล้ว เธอมันเห็นแก่ตัว เธอไม่ยอมปล่อยพี่สุดยอดให้ฉัน ถามจริงๆเหอะ..เธอรั้งเค้าเอาไว้แบบนี้ ไม่กลัวกรรมมันจะตามทันบ้างรึไง มีผัวขึ้นมาเมื่อไหร่...เธอจะต้องโดนแย่ง จำไว้!”
พูดจบเพิร์ลลี่ก็ขึ้นรถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว จังหวะนั้นยาหยีเหลือบไปเห็นดอกลิลลี่เสียบไว้ที่ข้างประตูรั้ว
“ดอกไม้ใคร”
ยาหยีแปลกใจ แต่ก็หยิบดอกไม้ขึ้นมาดูแล้วนึกขึ้นมาได้
“สุดยอด”

เช้าตรู่ของวันใหม่สุดยอดเดินลงมาจากบนบ้าน เป็นจังหวะพอดีกับที่ยาหยีเดินเข้ามาในบ้าน
“หยี”
ยาหยีโยนดอกไม้โครมลงตรงที่พื้นตรงหน้าสุดยอด
“นี่ดอกไม้ของนายใช่มั้ย”
สุดยอดอึ้ง
“ต่อไปไม่ต้องเอาอะไรมาให้ฉัน แล้วก็ไม่ต้องมาข้องเกี่ยวอะไรกันอีก ฉันเคยคิดว่าฉันจะเป็นเพื่อนกับนายได้ แต่ตอนนี้กระทั่งรู้จัก ฉันก็ไม่อยากรู้จักนาย นับจากวันนี้เราขาดกัน!”
สุดยอดตะลึง
“หยี”
ยาหยีวิ่งออกไปจากบ้าน สุดยอดได้สติรีบวิ่งตามไป

ยาหยีขึ้นรถขับออกไป ณนนท์กับเท่งจ๊อกกิ้งกลับมา เห็นหยีขับรถออกไป
“นั่นมันหยีนี่” ณนนท์สงสัย สักครู่สุดยอดก็วิ่งตามมา
“หยี เดี๋ยวก่อน หยีๆ”
สุดยอดขึ้นรถณนนท์แล้วขับตามไป ณนนท์กับเท่งมองตามไปอย่างงงๆ
“มันอะไรกันวะ”

ยาหยีขับรถไปพลางร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ
“ยอด ฉันขอโทษ ถ้าฉันไม่พูดแรงๆ กับนาย นายก็ตัดใจจากฉันไม่ได้ซักที ฉันขอโทษ”
รถยนต์ของยาหยีขับมาไปถึงสี่แยก แล้วจู่ๆ ก็มีรถวิ่งผ่าไฟแดงมา ยาหยีตกใจมาก ยาหยีเบรคกระทันหัน เสียงเบรคดังลั่นถนนรถจอดสนิท ยาหยีโล่งใจ
สุดยอดขับรถตามยาหยีมาอย่างเร็ว เห็นรถยาหยีเบรคกระทันหัน สุดยอดพยายามเบรคแต่เบรคไม่ได้ เท้าสุดยอดเหยียบเบรคจนมิด
“เบรคสิ เบรค!”
รถสุดยอดพุ่งเข้าชนท้ายรถยาหยีอย่างแรง สุดยอดหน้าคะมำไปตามแรงกระแทก ดีที่เข็มขัดนิรภัยรับน้ำหนักไว้จึงไม่เป็นอะไร สุดยอดมองไปข้างหน้า เห็นท้ายรถตัวเองชนรถยาหยีก็ตกใจ
“ยาหยี!”
สุดยอดวิ่งลงจากรถ กำลังจะวิ่งไปที่รถของยาหยี จังหวะนั้นเองประตูฝั่งคนขับรถยาหยีเปิดออก ร่างยาหยีเซร่วงล้มลง เลือดไหลออกมาจากปากและหูของยาหยี สุดยอดตกใจ ร้องลั่น
“ยาหยี!”
ผู้คนเริ่มเข้ามามุง สุดยอดวิ่งไปประคองยาหยี
“ยาหยีๆ คุณอย่าเป็นอะไรนะ หยีพูดกับผมสิ” สุดยอดตะโกนบอกคนรอบๆ “ใครก็ได้เรียกรถพยาบาลให้ผมที

เวลาต่อมาร่างของยาหยีหมดสตินอนบนเตียงรถเข็น ที่บุรุษพยาบาลกำลังเข็นเข้าไปในห้องฉุกเฉินอย่างรวดเร็ว สุดยอดวิ่งตามไปจนถึงหน้าห้องฉุกเฉิน

เวลาเดียวกันนั้นยี่หวากำลังรดน้ำต้นไม้ อยู่ที่บ้าน บุญเลื่องอยู่ในอาการกระวนกระวายใจอย่างหนัก
“เมื่อคืนแม่ฝันไม่ค่อยดีเลย ยัยก้อยทำนายว่าจะเสียของรัก หยีเลยรับปากแม่ว่าจะพาไปทำบุญสะเดาะเคราะห์ที่วัด แล้วนี่ออกไปไหนแต่เช้าก็ไม่รู้” บุญเลื่องบ่นอย่างกังวลไม่หาย
“ออกไปธุระมั้งคะแม่ เอางี้ เดี๋ยวบ่ายๆ หนูพาแม่ไปวัดก็ได้ค่ะ”
พูดไม่ทันขาดคำ เสียงโทรศัพท์มือถือของยี่หวาก็ดังขึ้น
“ว่าไงนะคะนนท์...ยาหยี!”
ยี่หวาตกใจ วางสาย หันมาทางแม่
“แม่คะ คุณนนท์โทรมาบอกว่าหยีโดนรถชน”
บุญเลื่องตะลึง ตกใจ

ณนนท์กับยี่หวาและบุญเลื่องมาถึงโรงพยาบาลพร้อมๆ กัน ขณะนั้นสุดยอดเสียใจมาก นั่งกุมหัว พอเงยหน้าขึ้นมา ทุกคนจึงเห็นว่าสุดยอดกำลังร้องไห้
“สุดยอด หยีล่ะ หยีเป็นยังไงบ้าง” ยี่หวาถามอย่างร้อนรน
“อยู่ในห้องฉุกเฉินครับ หมอยังไม่ออกมาเลย”
“โธ่ ยาหยีของแม่” บุญเลื่องยกมือขึ้นไหว้ “คุณพระคุณเจ้าช่วยคุ้มครองยาหยีด้วยนะเจ้าคะ”
สุดยอดยกมือไหว้บุญเลื่องกับยี่หวา
“ผมขอโทษครับ ผมผิดเอง ผมเป็นคนขับรถชนหยี”
ยี่หวากับบุญเลื่องมองหน้ากัน
“แต่ยอดไม่ได้ตั้งใจนี่นา” บุญเลื่องปลอบสุดยอด
“พี่เชื่อว่าหยีเค้าก็ต้องให้อภัย มันเป็นอุบัติเหตุ” ยี่หวาเสริมขึ้น
“แต่ผมขับรถชนเค้า ผมทำให้เค้าต้องเป็นแบบนี้”
“เชื่อพี่เถอะ พี่รู้ว่าน้องสาวของพี่เป็นคนยังไง”
สุดยอดยังไม่รู้สึกดีขึ้นมากนัก เขาฟุบหน้าลงร้องไห้ เวลานั้นเองหมอก็เดินออกมาจากห้องฉุกเฉินพอดี ทุกคนรีบวิ่งไปมุงหมอ
“ญาติของคุณยาหยีรึป่าวครับ”
“ใช่ค่ะ” ยี่หวาบอก
หมอพยักหน้า รายงานผลการตรวจเบื้องต้น
“คนไข้อวัยวะภายในบอบช้ำมากจากการโดนกระแทกอย่างรุนแรง ที่น่าเป็นห่วงก็คือไตทั้งสองข้าง ซึ่งจะต้องมีการปลูกถ่ายไตใหม่อย่างน้อยหนึ่งข้างภายในยี่สิบชั่วโมงนี้”
“ใช้ไตของฉันได้มั้ยคะ ฉันเป็นแม่เค้าค่ะ” บุญเลื่องบอก
“ฉันด้วยค่ะ ฉันเป็นพี่สาว”
หมอพยักหน้าพูดกับสองแม่ลูก
“เชิญทางนี้เลยครับ”
ยี่หวากับบุญเลื่องเดินตามหมอไป ณนนท์ สุดยอด มองตามไปด้วยความเป็นห่วง

เวลาต่อมายี่หวากับบุญเลื่องเข้ารับการเจาะเลือดเพื่อนำไปตรวจ เสียงของหมอดังขึ้นมา
“ก่อนทำการปลูกถ่าย เราจำเป็นต้องตรวจดูว่าแอนติเจนเอชแอลเอ (HLA antigen) ของผู้ให้กับผู้รับมีความคล้ายคลึงกัน 5 ใน 6 หรือถ้าได้ 6 ใน 6 เลยก็ ยิ่งดี โอกาสที่ร่างกายของคุณยาหยีจะต่อต้านอวัยวะใหม่ที่ปลูกถ่ายก็จะน้อยลง”
“เจ้าแอนติเจนเอชแอลเอนี่คืออะไรคะคุณหมอ” เสียงบุญเลื่องถามขึ้น
“มันคือสารโปรตีนที่อยู่บนผิวเซลล์ครับ เป็นลักษณะเฉพาะทางพันธุกรรม ซึ่งแต่ละคนก็จะมีไม่เหมือนกัน ถ้ามีความแตกต่างกันมาก ภูมิต้านทานในร่างกายของคนป่วยก็จะต่อต้านจนเกิดการทำลายและอักเสบ การปลูกถ่ายก็จะล้มเหลวครับ”
พอยี่หวากับบุญเลื่องเจาะเลือดเสร็จ เจ้าหน้าที่เทคนิคการแพทย์ถือหลอดเลือดเดินออกไป ยี่หวากับบุญเลื่องหันมาถามหมอ
“ใช้เวลาตรวจนานมั้ยคะกว่าจะรู้ผล”
“ประมาณสามชั่วโมงครับ” หมอบอก
“แล้ว...แล้วถ้าตรวจแล้ว ฉันกับลูกเข้ากันไม่ได้ล่ะคะ แปลว่า...แปลว่ายาหยีจะตายเหรอคะ” บุญเลื่องกังวลไม่หาย
“ไม่หรอกครับ ถ้าเข้ากันไม่ได้ หมอก็จะให้ใช้ไตเทียมไปก่อนจนกว่าเราจะได้ไตใหม่”
“เจ้าประคู๊ณ ขอให้เราเข้ากันได้ด้วยเถอะ”
บุญเลื่องพนมมืออธิษฐาน

ทางด้านยาหยียังคงนอนหน้าเซียวไม่ได้สติอยู่บนเตียงคนไข้เป็นเวลา 3 วัน 3 คืน แล้ว โดยมีเครื่องช่วยหายใจปิดครอบปากครึ่งจมูกครึ่ง ยี่หวากับบุญเลื่องยืนคุยกับสุดยอดอย่างกังวล
“หยีนะหยีโชคร้ายจริงๆ เลยลูก” บุญเลื่องหันไปหาสุดยอด “ทั้งน้าทั้งยี่หวาไม่มีใครให้ไตกับหยีได้
เลยซักคน”
“นี่เราไปลงชื่อรอรับบริจาคไตแล้วนะ แต่รายชื่อยาวเหยียดเลย ไม่รู้กี่ปีถึงจะถึงคิวหยี”
“ถึงหมอจะบอกว่าใช้ไตเทียมแล้วสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติ แต่ก็ยังต้องมาฟอกเลือดทุกอาทิตย์ ไม่รู้ยัยหยีทำเวรทำกรรมอะไรไว้ ถึงต้องมาเป็นอย่างนี้”
เห็นบุญเลื่องเช็ดน้ำตา สุดยอดยิ่งรู้สึกผิด
“นี่มันก็สามวันแล้วยังไม่ได้สติเลย ไม่รู้เมื่อไหร่จะฟื้น”
ทั้งสามคนมองยาหยีด้วยความเป็นห่วง จังหวะนั้นบุญเลื่องเหลือบตาไปดูนาฬิกาข้อมือ
“ยี่หวาไปรับข้าวตูที่โรงเรียนเถอะ แม่เฝ้ายาหยีเอง”
“แต่แม่เฝ้ามาหลายคืนแล้วนะคะเดี๋ยวจะไม่สบายไปอีกคน”
“ไม่เป็นไรหรอก ลูกไปเถอะ” บุญเลื่องยืนยันจะเฝ้าลูกสาวต่อ
“ถ้าคุณน้ากับพี่ยี่หวาไม่ว่าอะไร ผมขอเฝ้ายาหยีได้มั้ยครับคุณน้ากลับไปพักผ่อนเถอะครับ”
ยี่หวากับบุญเลื่องมองหน้ากัน
“ขอให้ผมได้มีโอกาสทำอะไรดีๆ เพื่อเค้าบ้างเถอะครับ”
สุดยอดมองทั้งสองอย่างอ้อนวอนจากใจจริง ในที่สุดบุญเลื่องพยักหน้าอนุญาต
“ได้จ้ะ น้าฝากยาหยีด้วยแล้วกันนะ”
สุดยอดยกมือไหว้ยี่หวากับบุญเลื่อง ยี่หวากับบุญเลื่องคว้ากระเป๋าเดินออกไป สุดยอดเดินมาหายาหยี คว้ามือยาหยีขึ้นมากอบกุมอย่างรักใคร่และห่วงใย
สุดยอดปัดผมที่ปรกบนแก้มอย่างอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความรัก
“ยาหยี ผมขอโทษ ....ผมทำร้ายหัวใจของคุณ แล้วมาวันนี้ผมยังทำร้ายร่างกายของคุณอีก ผมมันเลว ผมไม่คู่ควรกับความรักของคุณจริงๆ...ยาหยี”
สุดยอดร้องไห้แล้วฟุบไปกับมือของยาหยี โดยที่ไม่ทันสังเกตเห็นว่าเวลานี้ใบหน้ายาหยีที่ยังนอนหลับไม่ได้สติมีน้ำตาไหลออกมา

สุดยอดนั่งหลับอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียง พยาบาลเข้ามาดูระดับน้ำเกลือ เหลือบไปเห็นถุงปัสสาวะของยาหยีมีเลือดปนออกมา พยาบาลตกใจ เอื้อมมือไปกดโทรศัพท์ สุดยอดตกใจตื่น
“เกิดอะไรขึ้นครับ”
ครู่เดียวหมอเจ้าของไข้ ก็วิ่งเข้ามาดูถุงปัสสาวะของยาหยี แล้วหันไปพยักหน้าให้พยาบาลผู้ช่วย
พยาบาลวิ่งออกไปแล้วเข้ามาใหม่พร้อมกับบุรุษพยาบาลและเตียงเข็น บุรุษพยาบาลกับพยาบาลช่วยกันยกร่างของยาหยีขึ้นเตียงเข็นออกไป สุดยอดวิ่งไปถามหมอ
“เกิดอะไรขึ้นครับหมอ”
“ไตเทียมทำงานผิดปกติ หมอสงสัยว่าร่างกายคงต่อต้านไตเทียม เราต้องพาคนไข้กลับเข้าห้องผ่าตัดอีกครั้ง” หมอบอก
“ถ้าไตเทียมใช้ไม่ได้ ก็แปลว่ายาหยีจะต้องตายเหรอครับ”
สุดยอดช็อก เมื่อคิดว่ายาหยีจะต้องตาย
“เอาเป็นว่าหมอจะพยายามให้สุดความสามารถละกัน”
หมอถอนหายใจ ตบไหล่สุดยอดเบาๆแล้วเดินไป สุดยอดมองตามด้วยความเป็นห่วง
“หยี จากนี้ไปผมคงไม่มีหน้าพบคุณอีก แต่ให้คุณรู้ไว้นะว่าผมยินดีชดใช้ให้คุณด้วยชีวิตของผม เพราะผมรักคุณ”

ณนนท์มาถึงโรงพยาบาลหลังสุดยอดโทรตามมา เขามองหน้าสุดยอดอย่างเคร่งเครียด
“แกแน่ใจนะยอด”
“แน่ใจครับพี่นนท์”
ระหว่างนั้นหมอเดินเข้ามาพอดี
“คุณหมอครับ ผมขอบริจาคไตของผมให้ยาหยีครับ ถึงจะมีโอกาสที่จะเข้ากันได้น้อยและต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงมาก ผมก็ยินดีครับ ขอให้ผมได้ลองทำเพื่อคนที่ผมรักเถอะครับ ถึงจะมีโอกาสแค่หนึ่งเปอร์เซนต์ก็ยังดี”
หมอหันไปสบตาณนนท์เป็นเชิงถาม ซึ่งณนนท์พยักหน้า ยี่หวากับบุญเลื่องหันมาจับมือกันอย่างให้กำลังใจ

เวลาต่อมา วุ้น ก้อย ว่าน นัท และโมน นั่งรอลุ้นฟังผลตรวจร่างกายและไตของสุดยอดกันอย่างกระวนกระวายที่หน้าห้องไอซียู
“กี่ชั่วโมงถึงจะรู้ผลว่าไตของสุดยอดใช้ได้รึป่าว” วุ้นกังวล
“สามชั่วโมงครับ” ว่านบอก
“สุดยอดมันเท่มากเลย ที่กล้าพูดออกมาแบบนั้น” นัทอวยเพื่อนอย่างชื่นชม
“เค้าไม่ใช่แค่กล้าพูดนะยะ แต่เค้ากล้าทำด้วย ลูกผู้ชายตัวจริงก็ต้องเป็นแบบสุดยอดนี่แหละ” ก้อยหันไปพูดกับนัท “ฉันขอโทษนะที่ฉันมองเพื่อนนายผิดไปน่ะ”
“ถ้าฉันเกิดอุบัติเหตุ จะมีใครยินดีมอบอวัยวะให้แบบนี้รึป่าวนะ” ก้อยพูดพลางถอนหายใจ
“ผมไง ผมยินดีมอบให้ตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้าเลย แต่ตอนนี้เอาหัวใจไปก่อนแล้วกันนะจ๊ะ”
ว่านบอกขำๆ แต่ก้อยไม่ขำหันไปหยิกว่าน
“โอ๊ยๆๆ เนื้อขาดแล้ว” ว่านร้องขึ้น
“สม! อยากหวานพร่ำเพรื่อ ไม่ดูกาลเทศะ ดูมั่ง คนเค้าเครียดกันอยู่”
ว่านทำหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บ

สุดยอดนอนบนเตียงผ่าตัด เพื่อเตรียมเข้ารับการผ่าตัด ณนนท์พูดกับสุดยอด
“ขอให้การผ่าตัดเป็นไปได้ด้วยดีนะ พี่เอาใจช่วย”
“ขอบคุณครับพี่”
บุญเลื่องกับยี่หวาจับมือสุดยอด
“ขอบใจมากนะสุดยอด” ยี่หวาซึ้งใจ
“แม่ก็ขอบใจมากนะสุดยอด แม่ดูคนไม่ผิดจริงๆ แม่เคยบอกหยีว่าสุดยอดเป็นคนดี หยีควรดีใจที่ครั้งนึงเคยรักกับผู้ชายดีๆ แบบนี้” บุญเลื่องบอก
“ขอบคุณครับคุณน้า”
พยาบาลพยักหน้าให้บุรุษพยาบาลเข็นเตียงสุดยอดเข้าห้องเตรียมผ่าตัด ทุกคนยืนมองตามด้วยความเป็นห่วง
“ขอให้สำเร็จทีเถอะ เจ้าประคู๊ณ”
บุญเลื่องพนมมือไหว้ท่วมหัว จังหวะนั้นเพิร์ลลี่วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา ถามอย่างละล่ำละลัก
“พี่นนท์คะ เพิร์ลลี่ได้ข่าวว่าพี่ยอดจะผ่าตัด พี่ยอดป่วยเป็นอะไรคะ ทำไมต้องผ่าตัดด่วนแบบนี้
ณนนท์มองหน้ายี่หวาแล้วหันไปตอบเพิร์ลลี่
“สุดยอดบริจาคไตข้างนึงให้ยาหยีครับ”
เพิร์ลลี่ฟังแล้วอึ้ง ช็อก!
“พี่ยอด พี่ยอดรักหยี ทำเพื่อหยีขนาดนี้เชียวเหรอ”
เพิร์ลลี่ช็อกสุดๆ ไม่อยากเชื่อว่าสุดยอดจะทำเพื่อยาหยีมากขนาดนี้

สุดยอดกับยาหยีอยู่ในห้องผ่าตัด เตรียมพร้อมสำหรับปลูกถ่ายอวัยวะ เครื่องวัดความดันและคลื่นหัวใจเริ่มทำงาน จังหวะหนึ่งกราฟวัดความดันและการเต้นของหัวใจยาหยีเป็นเส้นตรงซึ่งเป็นอาการที่ไม่ดี หมอที่ผ่าตัดรีบปั้มหัวใจให้ยาหยีทันที

ในห้องนอน เพิร์ลลี่รูดซิบกระเป๋าเดินทาง ข้างๆ มีกล่องใส่อัลบั้มรูปแต่งงานวางอยู่บนเตียง ชม้อยเดินเข้ามาด้วยท่าทางลั้ลลามากๆ
“กลับบ้านเราซะทีนะลูก คุณแม่ละดีใจ๊ดีใจที่ลูกตัดใจเลิกกับไอ้สุดยอดห่วยนั่นซะที กลับไปเป็นลูกแม่คนเดิมนะลูก ลูกของคุณแม่ทั้งสวยทั้งดี ผู้ชายหล่อๆ รวยๆ ดีๆ มีการศึกษาเงินหนาออฟชั่นครบมีอีกเพียบ ไม่ต้องกลัว....แม่หาให้ลูกได้เสมอ เนี่ยนะ ถ้าเชื่อแม่ซะตั้งแต่ทีแรกก็ไม่ต้องมานั่งเสียใจอย่างงี้ร๊อก”
เพิร์ลลี่ฟังด้วยหน้าเฉยเมยราวกับไม่มีหัวใจ
“แล้วนี่เก็บของเสร็จรึยังจ๊ะ”
“เสร็จแล้วค่ะ แม่ช่วยให้คนเอาอัลบั้มรูปของเพิร์ลลี่พวกนี้ไปทิ้งให้ด้วยนะคะ เพิร์ลลี่ไม่อยากเห็นมันอีก”
พูดจบเพิร์ลลี่ก็น้ำตาร่วงพรู ชม้อยมองแล้วถอนอกถอนใจด้วยความสงสารลูกสาว
“หยุดร้องเถอะเพิร์ลลี่ คุณแม่รับละครโศกเศร้าเคล้าน้ำตาไว้ให้ลูกเรื่องนึง เก็บไว้ไปร้องในละครดีกว่า คุณแม่ขอเม้นท์ว่าน้ำตาเรามีค่านะคะ ร้องทั้งทีก็ร้องให้มันได้เงินถึงจะเรียกว่าคุ้มค่า”
เพิร์ลลี่ไม่สนยิ่งร้องไห้โฮลั่น
“เพิร์ลลี่ แม่บอกว่าอย่าร้อง อย่าร้อง...อย่าร้อง! โอ๊ย พูดเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง คุณแม่ปวดเฮดไม่อยากจะเซดแล้วนะคะ”
ชม้อยไม่รู้จะทำยังไงดีได้แต่ปลอบ

สุดยอดนอนหลับอยู่บนเตียงคนไข้ ครู่ต่อมาสุดยอดค่อยๆ ลืมตาขึ้น นิ่วหน้าด้วยความเจ็บแผล
“โอ๊ย”
เท่งกับณนนท์เดินเข้ามา ด้วยสีหน้ายุ่งยากลำบากใจ สุดยอดเห็นพี่กับพ่อทำหน้าไม่ดีก็ไม่สบายใจ
“แผลเป็นไงบ้างเจ้ายอด”
“เจ็บมากครับ สุดๆ เลย”
จู่ๆ เท่งก็ถอนหายใจ
“มีเรื่องอะไรรึป่าวครับพ่อ หน้าไม่ค่อยดีเลย”
เท่งส่ายหน้า อาการหนักใจ สุดยอดทนไม่ไหวหันมาถามณนนท์
“พี่นนท์ มีอะไรก็บอกมาเลยครับ ผมอยากรู้”
ณนนท์กับเท่งสบตากันอย่างไม่สบายใจ
“ทำใจดีๆนะยอด พ่อมีข่าวร้าย จริงๆพ่ออยากให้แกอาการดีขึ้นก่อนแล้วค่อยบอก แต่เจ้านนท์น่ะสิ คิดว่าควรจะบอกแกตอนนี้เลย”
ฟังคำพูดพ่อสุดยอดใจหายวาบ คิดไปถึงเรื่องยาหยี สุดยอดหลับตาลงน้ำตาไหลออกมาที่หางตา สุดยอดสูดหายใจลึกๆ แล้วลืมตาขึ้น
“หยีเค้าไม่รอดใช่มั้ยครับ...ผมช่วยเค้าไม่ได้ใช่มั้ยครับพ่อ”
แล้วสุดยอดก็ร้องไห้ออกมา
“ตอนแรกหัวใจหยีเค้าหยุดเต้นไปแล้ว แต่หมอช่วยกลับมาได้ ตอนนี้ไตของแกทำงานได้ดีเชียวละ”
สุดยอดถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วนึกขึ้นได้
“อ้าว แล้วข่าวร้ายของพี่มันคืออะไรล่ะครับ” สุดยอดสงสัยต่อ
“ข่าวร้ายเนี่ยมันเกี่ยวกับเพิร์ลลี่ คือเพิร์ลลี่เค้าขอหย่ากับแก”
ณนนท์พูดจบสุดยอดก็โวยลั่น
“โธ่พี่ ปล่อยให้ผมลุ้นแทบตาย เพิร์ลลี่ขอหย่าเนี่ยมันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายซักหน่อย มันเป็นข่าวดีสำหรับผมเลยต่างหากละ”
“แล้วเรื่องรถพี่ที่แกขับไปชนหยีน่ะ ทางตำรวจเค้าสงสัยว่าจะเป็นการลอบปองร้าย เพราะมีร่องรอยการตัดสายเบรค” ณนนท์เอ่ยขึ้น
“มิน่า ผมถึงเบรคไม่อยู่....” สุดยอดขึ้นนึกได้ “หมายความว่า...”
ณนนท์พยักหน้า “ใช่ คนที่คิดจะลอบทำร้ายพี่มันยังลอยนวลอยู่”
“ตำรวจพอจะรู้รึยังครับว่าใครเป็นคนทำ” สุดยอดถาม
“ตำรวจสงสัยว่าเป็นภูมิชาย เพียงแต่ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดพอจะเอาผิดเท่านั้นเอง” ณนนท์บอก
“ช่วงนี้นนท์ก็ต้องระวังตัวให้มากๆ นะลูก” เท่งพูดอย่างเป็นห่วง
“ครับพ่อ...ยอด แกไม่คิดจะไปเยี่ยมยาหยีเค้าหน่อยเหรอ เค้าฟื้นแล้วนะ”
สุดยอดฟังพี่ชายบอกพูดออกมาอาการเศร้าๆ
“ไม่หรอกครับ แค่ได้ยินว่าเค้าปลอดภัยดี ผมก็โอเคแล้ว อีกอย่าง ผมคงไม่มีหน้าไปเยี่ยมเค้า คำขอสุดท้ายที่เค้าขอร้องผมก็คือเค้าขอให้ผมออกไปจากชีวิตเค้า เค้าไม่อยากเจอหน้าผมอีก ถ้ามันทำให้เค้ามีความสุข ผมก็จะทำครับ”
ณนนท์กับเท่งมองสุดยอดอย่างสงสารเห็นใจ

สุดยอดในชุดคนไข้ เดินกระย่องกระแย่งด้วยความเจ็บแผลมาที่หน้าห้องพักยาหยี มองผ่านเข้าไปในช่องกระจกที่หน้าประตู เห็นยาหยีนั่งพิงเตียงคุยกับข้าวตูที่ขึ้นไปนั่งอยู่บนเตียง โดยมียี่หวากับบุญเลื่องอยู่ด้วย
เมื่อเห็นว่ายาหยีหน้าตาสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สุดยอดมองแล้วยิ้มกับตัวเอง จังหวะนั้นพยาบาลเดินมาจะเข้าห้อง เห็นสุดยอดยืนมองอยู่ก็ทัก
“ไม่เข้าไปเยี่ยมเหรอคะ”
“เอ่อ ไม่ล่ะครับ ผมไม่รบกวนดีกว่า”
สุดยอดเดินคอตกกลับไป พยาบาลมองตามงงๆ

ครั้นเห็นพยาบาลเดินงงๆ เข้ามาในห้อง ทุกคนหันไปมองพยาบาล
“มีอะไรเหรอคะคุณพยาบาล” ยี่หวาถาม
“เมื่อกี้มีผู้ป่วยชายมายืนแอบมองอยู่ที่หน้าห้องค่ะ”
“ใครคะ แล้วทำไมถึงไม่เข้ามา”
“ดิฉันถามแล้วแต่เค้าไม่ยอมเข้ามาค่ะ”
ยี่หวากับบุญเลื่องมองหน้ากัน ยาหยีงง
“อายอดรึป่าวครับ อายอดก็อยู่โรงพยาบาลนี้” ข้าวตูบอกออกมา
“สุดยอด...สุดยอดเป็นอะไรคะพี่ ทำไมถึงต้องอยู่โรงพยาบาลคะ” ยาหยีถามอย่างร้อนรน
“หยี ฟังพี่นะ...สุดยอดเค้าบริจาคไตข้างนึงให้หยี” ยี่หวาบอกน้องสาว
“สุดยอด...สุดยอดบริจาคไตให้หยีเหรอคะ”
ยาหยีอึ้ง ตกตะลึง เอามือจับคลำที่ลำตัวของตัวเองโดยอัติโนมัต
“แม่กับยี่หวาเอากระเช้าไปเยี่ยมขอบคุณเค้าแล้วละ สุดยอดเค้าเป็นคนดีนะลูกผู้ชายที่เสียสละขนาดนี้จะมีซักกี่คนในโลกกันเชียว”
ยาหยีรู้สึกซาบซึ้งใจ
“พี่ยี่หวาคะ พาหยีไปเยี่ยมเค้าหน่อยได้มั้ยคะ หยีอยากขอบคุณเค้าด้วยตัวเอง”
ยี่หวาพยักหน้า

บริเวณหน้าห้องพักสุดยอดในโรงพยาบาล ยี่หวาเข็นรถเข็นให้ยาหยีที่นั่งอยู่มาตามทางเดิน
ยาหยีตื่นเต้นที่จะได้เจอสุดยอด
“เจอหน้าจะต่อว่าให้เจ็บเลย อยู่โรงพยาบาลเดียวกันแท้ๆ ใจคอไม่มาเยี่ยมให้เห็นหน้าค่าตากันบ้างเลย” ยาหยีเอ่ยออกมา
“นี่ เค้าแบ่งไตให้ตั้งข้างนึงแล้วยังไปว่าเค้าอีก”
“หยีพูดเล่นน่ะค่ะ หยีดีใจต่างหากล่ะที่จะได้เจอเค้าอีก”
ยี่หวาเข็นรถยาหยีมาถึงหน้าห้องพักสุดยอด ซึ่งมีรถเข็นใส่อุปกรณ์ทำความสะอาดของแม่บ้านจอดอยู่
“ห้องนี้ล่ะจ้ะ” ยี่หวาบอก
แม่บ้านถือห่อผ้าปูที่นอนปลอกหมอนออกมาใส่รถเข็นอุปกรณ์ ยี่หวากับยาหยีมองเข้าไปในห้องพัก เห็นว่าทุกอย่างว่างเปล่า
“คนไข้ที่พักห้องนี้เค้าไปไหนแล้วคะ” ยาหยีถาม
“คุณหมอให้กลับบ้านแล้วค่ะ”
“กลับไปแล้ว”
ยาหยีจ๋อยสนิท

ภูมิชายเกรี้ยวกราดระเบิดอารมณ์เอากับลูกน้องเสียงดังลั่นบ้านตัวเอง
“แค่นี้ก็ทำไม่สำเร็จ กะอีแค่ฆ่าคนๆเดียว มันจะยากอะไรวะ”
“ตอนนี้มันระวังตัวแจเลยครับนาย ผมจะขยับตัวทำอะไรทีก็กลัวตำรวจ”
“ไอ้อ่อนเอ๊ย จะไปไหนก็ไปเลย ไป๊”
ลูกน้องเดินออกไป ภูมิชายจับแฟ้มเอกสารที่วางบนโต๊ะเหวี่ยงลงพื้นด้วยความหงุดหงิด จังหวะนั้นรูปภาพของไข่ตุ๋นกับยี่หวาก็กระเด็นหลุดออกมาจากแฟ้ม ภูมิชายหยิบขึ้นมาดู
“ถึงเวลาที่กูต้องลงมือเองซะแล้ว ไอ้ณนนท์...มึงพรากของรักไปจากกู ตอนนี้ถึงเวลากูจะเอาของรักของมึงไปบ้าง
ภูมิชายผุดรอยยิ้มเหี้ยมออกมา

อ่านตอนที่ 24 (อวสาน) พรุ่งนี้





กำลังโหลดความคิดเห็น